The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ กลองยาวอีสานสร้างสรรค์: เรียนรู้อดีต ส่งเสริมปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต เป็นหนังสือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับคณะกลองยาวอีสานในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 คณะ ที่เป็นเครือข่ายของโครงการเยาวชนคนรักศิลปะการแสดงกลองยาวอีสาน สื่อเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในชุมชน (กสส.) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (พปส.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kiadtsu, 2022-10-25 02:04:17

กลองยาวอีสานสร้างสรรค์: เรียนรู้อดีต ส่งเสริมปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต

หนังสือ กลองยาวอีสานสร้างสรรค์: เรียนรู้อดีต ส่งเสริมปัจจุบัน สร้างสรรค์อนาคต เป็นหนังสือข้อมูลความรู้เกี่ยวกับคณะกลองยาวอีสานในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน 5 คณะ ที่เป็นเครือข่ายของโครงการเยาวชนคนรักศิลปะการแสดงกลองยาวอีสาน สื่อเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ สร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในชุมชน (กสส.) โดยได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (พปส.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

Keywords: กลองยาวอีสาน,สื่อสร้างสรรค์,กลองยาวอีสานสร้างสรรค์

41 ก

3

กลองยาวมรดกอสี านบา้ นเฮา

กลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา เป็นคณะกลองยาวที่มีบทบาทสำคัญต่องานบุญ
ประเพณตี ่าง ๆ ของอำเภอแวงใหญ่ และพื้นทีใ่ กลเ้ คียง สมาชกิ คณะกลองยาวมีสมาชิกท่ีมาจาก
หลายหมู่บ้าน และอำเภอ ทั้งจากอำเภอแวงน้อย อำเภอชนบท อำเภอพล เป็นกลุ่มที่มี
ความรักความชื่นชอบการแสดงกลองยาว นอกจากนี้มีเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ของอำเภอ
แวงใหญ่ให้ความสนใจเข้าเป็นสมาชิกเพื่อสืบสานอนุรักษ์กลองยาวอีสาน ทั้งยังเป็นการ
หารายได้เสรมิ ของสมาชิกในคณะกลองยาวอีกด้วย

ข้อมูลบริบทคณะกลองยาว

3.1 พัฒนาการการแสดงกลองยาว (อดตี -ปจั จบุ ัน)

ศลิ ปะการแสดงกลองยาวอีสานตง้ั แต่อดีตจนถึงปจั จุบันมกี ารปรับตวั และเปล่ียนแปลง
อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวทันโลกในแต่ละยุคแต่ละสมัย และสนองต่อความต้องการของสังคม
โดยในอดีตจะมีเพียงกลองยาว รำมะนา ฉาบ และแคนที่ใช้ในการบรรเลงเป็นหลักในงานบุญ
ประเพณีของอีสาน ยังไม่มีเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์อื่นร่วมบรรเลงเหมือนคณะกลองยาว
ปัจจุบันน้ี ซึ่งปัจจุบันคณะกลอยาวได้นำเครื่องดนตรีที่หลากหลายชนิดรวมท้ังอุปกรณ์ที่ทำให้
การแสดงมีความน่าสนใจ ได้แก่ พิณ เบส ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ ฉิ่ง ลำโพงขยายเสียง กลองโซโล่
เพอื่ เพมิ่ ความสนกุ สนานเรา้ ใจให้เข้ากบั ยุคสมยั ปัจจบุ นั มากย่งิ ขน้ึ

โดยคณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา มีจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2535 เริ่มต้นจาก
คุณตาประสิทธิ์ บุญทัน (หัวหน้าคณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮาปัจจุบัน) เป็นอดีตผู้ช่วย
ผู้ใหญ่บ้านหัวหนองแวง ตำบลแวงใหญ่ อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้มีบทบาททาง
สังคมในการปกครองหมู่บ้าน ร่วมทั้งงานศิลปวัฒนธรรมของชุม และได้เดินทางไปยังพื้นที่อื่น
ทั้งร่วมกิจกรรมของอำเภอ และร่วมงานบุญในช่วงเทศกาลต่าง ๆ พบเห็นกลองยาวถกู ทิ้งไว้ใน
ห้องเก็บของที่วัด คุณตาประสิทธิ์จึงได้ขอเพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เนื่องจาก
คุณตามีความชอบในด้านกลองยาวอยู่แล้ว จึงอยากสานต่อและสร้างคณะกลองยาวอีสาน
ขน้ึ ใหม่ โดยมกี ารไปขอกลองยาวท่หี ลงเหลอื อยู่ในวดั ป่ารตั นมงคล จากพระครูถาวรธรรมรัตน์
จำนวน 3 ใบ ในปี พ.ศ. 2535 นอกจากนี้ พระครถู าวรธรรมรตั น์ได้ใหเ้ งนิ สนับสนุน จำนวน


42

10,000 บาท เนือ่ งจากเห็นถึงความต้ังใจ ของคุณตาประสทิ ธ์ิ จงึ นำเงินจำนวน 10,000 บาท
มาจัดการซื้ออุปกรณ์มาทำคณะกลองยาวขึ้นเอง โดยร่วมกับสมาชิกในชุมชนที่มีความรัก
และสนใจร่วมกัน ได้ซื้ออุปกรณ์ คือ กลองยาว จำนวน 5 ใบ ฉาบ และรำมะนา ในวงเงิน
จำนวน 10,000 บาทของพระครถู าวรธรรมรัตน์ท่ีใหม้ าในครั้งนัน้

ต ่ อ ม า จ ึ ง ม ี ก า ร ช ั ก ช ว น ส ม า ช ิ กใ น ช ุ ม ช น ท ี ่ มี ค ว า ม ร ั ก ค ว า ม ส นใ จใ น ด ้ า น ก ล อ ง ย า ว
มารวมกลุ่มในปีเดียวกัน เพื่อที่จะตั้งคณะกลองยาว รวมทั้งได้มีกิจกรรมการชักซ้อมทุกวัน
ในช่วงเย็นหลังจากทุกคนกลับมาจากทำงาน ทำนา ทำไร่ และทานข้าวเย็นกับครอบครัว
จนแล้วเสร็จ จึงเดินทางมารวมกันที่บ้านคุณตาประสิทธิ์ เพื่อซักซ้อมการแสดงกลองยาว
ด้วยกัน โดยมีครูผู้ซักซ้อมให้คือ คุณตารส อ่อนแก้ว ถือว่าเป็น “หัวหน้าใหญ่” หรือเรียกว่า
อาจารย์ด้านกลองยาวในพื้นที่นั้น เนื่องจากเป็นผู้ฝึกสอน ซักซ้อม ให้กับคณะกลองยาวมรดก
อีสานบ้านเฮา ทำใหม้ ีความสามารถในการออกรับงาน และมคี วามม่นั ใจในการแสดงแต่ละครั้ง
ดังคำกลา่ วของคณตาประสทิ ธ์ิ ท่กี ลา่ ววา่

“ปี พ.ศ. 2535 เร่มิ ก่อต้งั วง หาสมาชิกมาร่วมคณะนำกัน เรมิ่ ซ้อมทุกแลง จนเฮ็ดเป็น
เล่นเป็น กะใช้เวลาโดนพอสมควร ในการซ้อม จนมาปี พ.ศ.2538 ได้รับงานบุญกุ่มข้าวงาน
แรกของคณะกลองยาว ไดเ้ งนิ คา่ จ้าง 500 บาท หลายเด้ เงิน 500 สมยั แตก่ ้ี สำ่ เงนิ 5,000
เด่ียวน้ีละ”

(ประสิทธ์ิ บุญทัน, สัมภาษณ์ 20 กมุ ภาพนั ธ์ 65)

ระดับการแสดง เมื่อปี พ.ศ. 2535 เริ่มแสดงในงานบุญประเพณีของหมู่บ้าน
ทัง้ งานบุญกฐนิ งานบุญผา้ ป่า งานบญุ สงกรานต์ งานบุญอปุ สมบท เป็นต้น ต่อมาเม่อื ปี พ.ศ.
2541 เริ่มรับงานจ้างไปแสดงนอกหมู่บ้าน โดยเริ่มจากหมู่บ้านใกล้เคียงในตำบลเดียวกัน
ค่าจ้างการออกงานแต่ละครัง้ จะเริ่มต้นท่ี 4,000 บาท ต่อครั้ง สองถึงสามปีต่อมา ได้รับงาน
จากอำเภออื่น ๆ ในจังหวัดขอนแก่น หลังจากนั้น ปี พ.ศ. 2557–2559 ได้เข้าร่วมการ
แข่งขันประเพณีงานไหมผูกเสี่ยว หรือเทศกาลไหมนานาชาติของจังหวัดขอนแก่นในปัจจุบัน
โดยได้รับรางวัลชนะเลิศสามปีซ้อน จึงทำให้มีชื่อเสียงข้ามจังหวัด และมีงานในพ้ืนท่ีจังหวัดอ่ืน
ๆ ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม โดยจังหวัดใกล้เคียงมาว่าจ้างงานไปทำ
การแสดง คณะมรดกอีสานบ้านเฮาจะคิดราคาค่าจ้าง โดยพิจารณาจากระยะทาง
และการเดินทางไปแต่ละครั้งจำเป็นต้องจ้างเหมารถทีมงานเพื่อเดินทางไป โดยปกติแล้ว
จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปท่ีจำนวน 5,000-10,000 บาท ต่อครั้ง โดยในช่วงที่ผ่านมา
คณะมรดกอีสานบ้านงานเคยออกงานทั่วทุกจังหวัดในภาคอีสาน ดังคำกล่าวของคุณตา
ประสทิ ธิ์ ท่กี ลา่ วว่า


43 ก

“… ปี พ.ศ. 2541 เริ่มมีการรับงานแบบจริงจงั ทั้งซ้อมไปนำ รับงานไปนำ ราคาออก
งาน ออกงานกะสิเริ่มต้นราคาที่ 4,000 บาท ต่อการออกงาน แต่ละครั้ง จนมาฮอดปี พ.ศ.
2557 ได้เงินสนับสนุนจากเทศบาล มา 50,000 บาท กะเลยมาซื้อ อุปกรณ์ ใหม่ทั้งหมด
จนเริ่มอยากแข่งขัน กะเลยเข้าประกวดการแข่งขัน อยู่ที่งานไหมขอนแก่น จนได้รับรางวัลที่ 1
มาสามปีซ้อน ช่วงปี 2557-2559 สิเป็นชว่ งการแปลงเปล่ียนของวงเลยกะว่าได้ จนมาฮอด
เดีย่ วน้ลี ะกะเรม่ิ มกี ารพฒั นาวงมาเร่อื ย ๆ…”

(ประสิทธิ์ บุญทนั , สมั ภาษณ์ 20 กมุ ภาพนั ธ์ 65)

บทบาทของการแสดงกลองยาว ในอดีตกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮาจะทำการแสดง
ในช่วงงานบุญประเพณีของอีสาน โดยยังไม่มีการรับงานนอกหมู่บ้าน เนื่องจากตั้งคณะ
กลองยาวขึ้นมาเพื่อสืบสาน อนุรักษ์ ให้ความสนุกสนานและบรรเลงงานในช่วงประเพณีฮีต
สบิ สองของอสี าน และพิธีกรรมต่าง ๆ ในหมบู่ า้ นเพยี งเท่าน้นั แต่ปัจจบุ ันนี้มกี ารตดิ ต่อรับงาน
แ บ บ เ ป ็ น ก ิ จ ล ั ก ษ ณ ะ ท ำ เ ป ็ น ล ั ก ษ ณ ะ ธ ุ ร ก ิ จ ห ร ื อ อ า ช ี พ เ พ ื ่ อ ส ร ้ า ง ร า ยไ ด ้ ใ ห ้ ส ม า ชิ ก
และชุมชน เพราะในช่วงเทศกาลและงานบุญส่วนใหญ่จะนิยมใช้การแสดงกลองยาวอีสาน
ในการสร้างความบนั เทงิ ในขบวนแหห่ รืองานตา่ ง ๆ ตามความต้องการของผวู้ ่าจา้ ง

ข้ันตอนการแสดง การแสดงกลองยาวของคณะมรดกอีสานบ้านเฮาแต่ละคร้งั จะเร่มิ ต้น
ท่ีการจัดเตรียมและตั้งอุปกรณ์ขยายเสียง และเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ โดยเริ่มจากการตึง
หน้ากลอง ติดหน้ากลอง เพราะการตึงกลองหรือติดหน้ากลองจะต้องทำใหม่ทุกครั้ง
ก่อนทำการแสดงจริง จะต้องใช้เวลาในการติดตั้งกว่า 30 นาที ซึ่งเป็นการเทียบเสียง
กลองยาวให้มีระดับเสียงเดียวกัน และเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์และเครื่องดนตรีอื่น ๆ
หลังจากนั้นจะเริ่มทำการการไหว้ครูนำโดยหัวหน้าคณะกลองยาว เป็นผู้นำกล่าวคาราวะ
ครูบาอาจารย์ ที่เคยฝึกซ้อมและสั่งสอนมา ขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ที่ไปแสดง
เพื่อเข้าพ้ืนทีท่ ำการแสดง ไมใ่ ห้เกดิ ปญั หาหรอื สิง่ ขัดข้องใด ๆ ระหว่างทำการแสดง โดยจะทำให้
การแสดงมีความราบรื่น ซึ่งในการไหว้ครูจะต้องมีองค์ประกอบของสิ่งของที่นำมาไหว้ ได้แก่
ดอกไม้ ธูปเทียน เหล้าขาว แป้ง ซึ่งทางเจ้าภาพเจ้าของงานหรือผู้ว่าจ้างจะต้องเตรียมไว้ให้
องค์ประกอบเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่อดีต หรือเรียกวา่ “พ่อครูแม่ครูพาทำ” รายละเอียด
การยกอ้อยอครู ดังคำกลา่ วของคณตาประสิทธ์ิ ทกี่ ล่าวว่า

“การยกอ้อยอครู เป็นสิ่งที่ต้องเฮ็ดทุกครั้ง ก่อนเริ่มการแสดง จัดตั้งอุปกรณ์แล้วๆ
หัวหน้ากะสพิ าลูกนอ้ งมาน่ังรวมกนั พากล่าว พาว่า ไหวค้ รู กะสมิ ขี นั หรอื จานดอกไม้ 5คู่ เหล้า
ขาว แป้ง ยาสูบ เทียน เงิน 19 บาทที่เจ้าภาพต้องเตรียมไว้สุงาน ฮอดเวลาเจ้าภาพกะสิเอามา
ใหท้ างวงเลย มนั เคยมีงานหนึง่ ทไี่ ปชา้ แลว้ บไ่ ด้ ไหว้ครู เลน่ บเ่ ข้ากนั ไปทวั่ ไปทปี เลย”

(ประสทิ ธ์ิ บญุ ทัน, สมั ภาษณ์ 20 กมุ ภาพันธ์ 65)


44

ความเชื่อเก่ียวกับการยกออ้ ยอครูจะเป็นการเคารพผู้ที่สั่งสอนมา เพื่อทำให้การแสดง
ความราบรื่น ไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีอุปสรรคใด ๆ เกิดขึ้นระหว่างทำการแสดง ซึ่งการเริ่มทำ
การแสดงจะบรรเลงทำนองแบบดั้งเดิมก่อน แล้วจึงตามด้วยทำนองที่จัดเตรียมกันไว้ ได้แก่
สามช่า ลำเพลิน ลำซิ่ง เป็นต้น และช่วงสุดท้ายของการแสดง จะเป็นการนำเอาดนตรี
หรือทำนองมาประยุกต์ เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน ให้เข้ากับยุคสมัยของสังคมอีสานปัจจุบัน
แต่เห็นได้ว่าผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแสดงกลองยาว คือ มือพิณ เพราะต้องเป็นบุคคล
ทีน่ ำทำนองและจังหวะเพอ่ื ใหเ้ คร่ืองดนตรชี นิดอ่นื ๆ ได้บรรเลงตาม

รูปแบบการแสดง ตามที่กล่าวมาข้างต้น คณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮาในอดีต
จะใช้การแสดงในรูปแบบดั้งเดิม คือ ยังไม่มีเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์อื่น ๆ มาร่วมบรรเลง
ในการแสดงปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่า มีการนำเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดมาประยกุ ต์เพิ่มเตมิ
รวมทงั้ นำเอาทำนอง จังหวะต่าง ๆ ทเี่ ข้ากบั ยคุ กับสมัยของสงั คมอสี านในปจั จบุ นั เขา้ มาบรรเลง
และทำการแสดงรว่ มด้วย เพือ่ เพ่มิ ความสนกุ สนานมากยิ่งขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการ
ของผู้ว่าจ้างในปัจจุบัน โดยเริ่มเป็นการแสดงรูปแบบประยุกต์ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2541
และมีการออกรับงานแบบเป็นกิจลักษณะ และนำเพิ่มอุปกรณ์มา ทั้งพิณ ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่
มาช่วยในการสร้างทำนอง และเมื่อปี พ.ศ. 2557 มีการนำเอาเครื่องทุกชนิดมาบรรเลงทำ
การแสดง เปน็ ช่วงพัฒนาคณะสู่การประกวดและแข่งขนั

การว่าจ้างและการดำรงอยู่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา คณะกลองยาวมรดก
อีสานบ้านเฮาออกรับงานเป็นครงั้ แรกได้รับการว่าจ้างภายในหมบู่ า้ น เปน็ เงนิ จำนวนท่ี 500
บาท ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2538 มีการรับงานในพื้นที่ต่างตำบล และต่างอำเภอ ค่าจ้างอยู่ที่
ประมาณ 4,000 บาท ต่องาน จนมาถึงปี พ.ศ. 2541 ออกงานต่างอำเภอ โดยคิดค่าจ้าง
เพิ่มขึ้นในราคา 4,000-7,000บาท ต่องาน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามค่าครองชีพ
และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแสดง และปัจจุบันนี้มีการว่าจ้างให้ไปแสดงในงานบุญ
ของหมู่บ้านในราคาประมาณ 6,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงท่ีทำการแสดง
หากไปทำการแสดงนอกพื้นที่ตำบลหรืออำเภอหรือจังหวัด ก็จะพิจารณาโดยคำนวณค่ารถ
ในการเดินทางก่อนจะประมาณเท่าใด แล้วจึงถามผู้ว่าจ้างเกี่ยวกับระยะทางหรือชั่วโมง
ในการทำการแสดง โดยปกติหากนอกพื้นที่จะรบั งานในราคา 15,000 บาท ขึ้นไป ช่วงท่ีมีควิ
งานจ้างมากที่สุดจะเป็นช่วงงานบุญเทศกาลต่าง ๆ ตามประเพณีของอีสาน จะมีการรับงาน
แทบทุกวัน โดยช่วงปีก่อนมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
จะเปน็ ชว่ งที่มีงานมากทีส่ ดุ ตง้ั แต่ก่อตงั้ คณะกลองยาวขน้ึ มา

การบริหารจัดการคณะกลองยาวเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ค่าตอบแทนหรือค่าตัว
สมาชิกในคณะกลองยาว คุณตาประสิทธ์ิหัวหน้าคณะจะเป็นผู้บริหารจัดการ โดยต้องใช้ค่ารถ
เดินทางไปทำการแสดง ค่าอาหารของสมาชิกในคณะกลองยาว โดยส่วนที่เหลือจะนำมาเฉล่ีย


45 ก

เป็นค่าตอบแทนหรือค่าตัวของสมาชิกแต่ละคน ปัจจุบันจะได้รับค่าตอบแทนคน 300-400
บาทต่องาน ในอนาคตสถานการณ์ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ ำมัน
มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คณะกลองยาวมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นค่าจ้างในการ
ไปทำการแสดงตามสถานการณ์เชน่ กนั

การแต่งกาย ในอดีตจะเน้นความสะดวกสบายของสมาชิก โดยผู้ชายจะสวมใส่เส้ือ
สีเดียวกัน กางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงจะสวมใส่ผ้าถุง เสื้อลายลูกไม้สีเดียวกัน ใช้ผ้าพาดไหล่
แต่ในปัจจุบัน จะมีการปรับเปลี่ยนการแต่งกายให้เข้ายุคสมัยมากขึ้น การแต่งกายมีรูปแบบ
เป็นไปในทางเดียวกัน เพ่อื ใหเ้ กิดความสวยงาม ผชู้ ายจะสวมใสเ่ ส้ือม่อฮอ่ ม ผ้าโสร่ง สว่ นผู้หญิง
จะตัดเสื้อทีมแขนสามส่วนสีสดใส ผ้าถุงสีเหมือนกัน ใช้ดอกไม้ประดับผม มีการแต่งหน้า
ให้สวยงาม

3.2 การแสดงกลองยาว (ปัจจุบัน)

องค์ประกอบของการแสดง
ผู้แสดง คณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮามีจำนวนสมาชิกประมาณ 40 คน

ซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งคณะ โดยส่วนใหญ่สมาชิกในคณะกลองยาวจะมีอายุ 60-90
ปีขึ้นไป และมีเด็กเยาวชนที่เป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาสานต่อคณะกลองยาวประมาณ 10 คน
อายุประมาณ 15-25 ปี โดยมาจากโรงเรียนแวงใหญ่พิทยาคม อำเภอแวงใหญ่
คณะมรดกอีสานบ้านเฮาอยู่กันแบบครอบครัว รักและเคารพด้วยความเป็นพ่อแม่พี่น้อง
ดูแลกันซึ่งกันและกัน ผู้ใหญ่จะดูแลเยาวชนเป็นเหมือนลูกหลานตนเอง ซึ่งมีความสัมพันธ์
เหมือนครอบครัวเดียวกัน ดูแลช่วยเหลือกันและกัน ผู้ใหญ่สามารถให้คำปรึกษาเด็กได้
และมกี ารแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ รว่ มกันอย่เู สมอ แตล่ ะคนต่างมบี ทบาทหนา้ ท่ขี องตนในคณะ
โดยในคณะกลองยาวมีเครอ่ื งดนตรีทใ่ี ช้ในการแสดงแต่ะครั้ง ดงั ตารางตอ่ ไปนี้

ลำดบั รายการเครอ่ื งดนตรีและอุปกรณ์ จำนวน
1 กลองยาว 15 ใบ
2 โหม่ง 2 ใบ
3 ฉง่ิ 2 ใบ
4 ฉาบเล็ก 2 คู่
5 ฉาบใหญ่ 2 คู่
6 กรบั ไม้ 1 คู่
7 ลำโพง 4 ตวั
8 รถเข็นอุปกรณข์ ยายเสียง และปา้ ยคณะ 1 คัน


46

ลำดบั รายการเคร่ืองดนตรีและอุปกรณ์ จำนวน
9 เบส 1 ตัว
10 พณิ 1 ตัว

ซึ่งเครื่องดนตรีทุกชนิดจะมีการสลับสับเปลี่ยนกันเล่น ซึ่งแต่ละชนิดมีความสำคัญที่
แตกต่างกันไป ขาดส่ิงใด สงิ่ หน่ึงไปไมไ่ ด้

ความสำคัญของเครือ่ งดนตรีแต่ละชนดิ
กลองยาว เป็นกลองยาวทรงกลมยาว เจาะทะลุเป็นโพรงตลอดทั้งลูก ตอนบนตั้งแต่
หน้ากลองลงมาจนถึงคอคอดเป็นกระพุ้งอุ้งเสียงทรงกลม ตกแต่งด้วยผ้าสีส้มสีสะท้องแสง
โดยใช้วิธีการเย็บเป็นกระโปรงหุ้มส่วนสายสะพายที่ใช้ ได้ดัดแปลงเอาประคดรัดจีวร
ของพระสงฆ์มาทำเป็นสายสะพายกลอง เพื่อทำให้ไม่ปวดไหล่ขณะทำการแ สดง
เปน็ เครื่องดนตรีท่สี ำคัญท่สี ดุ ในคณะกลองยาว เพราะต้องใช้เป็นจงั หวะ ทำนอง
โหม่ง เป็นเครื่องตีประกอบจังหวะที่ทำด้วยโลหะ มีลักษณะเป็นวงกลมตรงกลาง
ที่นูนออก โหมง่ ทำหน้าท่คี วบคุมจังหวะกลองทกุ ใบไปพรอ้ ม ๆ กบั ฉิง่ ฉาบ และกรบั
ฉ่ิง เปน็ เคร่อื งดนตรีที่ทำด้วยโลหะ และสำคัญทสี่ ุดในการควบคุมเฉพาะ
ฉาบเลก็ ฉาบใหญ่ เปน็ ฉาบทีม่ ีขนาดใหญ่และรอ้ ยดว้ ยริบบิ้นเพอื่ ใหเ้ กิดความสวยงาม
ในขณะทำการแสดง เพอ่ื ความสนุกสนาน ใหจ้ งั หวะ ทำนอง เพิม่ ขึ้น
กรับไม้ เป็นเครื่องดนตรีประกอบจังหวะทำด้วยไม้ ใช้สำหรับตีเพื่อให้เกิดจังหวะ
ที่ต้องการ
พิณ เบส ใช้บรรเลงดำเนินทำนอง และนำจังหวะของเคร่ืองดนตรีทุกชนดิ
ลำโพง ทำให้เสียง พิณ เบส ดังเพิ่มขึ้นจะได้คุมจังหวะ ทำนอง ให้กับเครื่องดนตรี
ชนดิ อืน่ ดว้ ย
รถเข็นอุปกรณ์ขยายเสียง และป้ายคณะ เอาไว้ใส่เครื่องเสียง จะได้ขนย้ายง่าย
ตอ่ การทำการแสดง และข้ึนปา้ ยโชว์คณะไปในตัวรถเขน็ อปุ กรณข์ ยายเสียง
ดนตรีและจังหวะในการแสดง การแสดงของคณะมรดกอีสานบ้านเฮาจะเริ่มด้วยการ
บรรเลงดนตรีทำนองกลองยาวแบบดั้งเดิม ทำนองกลองยาวธรรมดา ต่อด้วยจังหวะสามช่า
และออกลีลา อาจมีเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และมีการบรรเลงทำนองประยุกต์ในช่วงท้าย
ทั้งนี้อาจมีการนำดนตรีเพลงลูกทุ่งหมอลำที่กำลังเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบันบรรเลงร่วมกับ
การทำการแสดง เพื่อความสนกุ สนานและเขา้ กับยคุ สมัย
เงินทุน ในการรับงานแสดงแต่ละครั้งคณะกลองยาวจะมีการหักเงินค่าจ้างไว้
เป็นเงินส่วนกลางไว้สำรองเวลาฉุกเฉิน ใช้จ่ายของที่จำเป็นในการแสดง ทั้งสำรองไว้ซ่อม
อุปกรณ์ต่าง ๆ และมัดจำค่ารถเช่าก่อนเดินทางไปยังรับงานในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งนำเงิน


47 ก

บางส่วนไว้เป็นเงินสำรองค่าใช้จ่ายภายในคณะ ซึ่งหัวหน้าคณะกลองยาวเป็นคนผู้แล
และบรหิ ารจดั การ

ยานพาหนะ ส่วนใหญ่เวลาออกงานในพื้นที่ต่าง ๆ คณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา
จะเช่าเหมารถหกล้อ เพื่อบรรทุกอุปกรณ์การแสดงและโดยสารคนทั้งหมดขึ้นรถคันเดียวไป
ด้วยกัน โดยมีข้อดีคือสามารถบริหารจัดการเวลานัดหมาย เวลาไปถึงก่อนพื้นที่งานทำการ
แสดงได้ถูก แต่หากใช้รถส่วนตัวเดินทางไปพื้นที่งาน จะทำให้ไปถึงพื้นที่งานไม่ตรงกัน
มีคนไปช้าไปเร็ว ทำใหเ้ กิดความเสียหายของงานได้ โดยการเดนิ ทางแตล่ ะครงั้ จะมีการเผื่อเวลา
ไปถึงการทำการแสดงจรงิ 1 ชวั่ โมง เพ่อื เตรยี มความพร้อมอุปกรณ์กอ่ นทำการแสดง

กติกาหรือข้อตกลงในกลุ่ม สมาชิกในคณะกลองยาวทุกคนจะต้องเคารพผู้ใหญ่
ไปมาลาไหว้ มาให้ตรงเวลาในช่วงทำการแสดง และไม่อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์เหล้าหรือ
สิ่งของมนึ เมา และห้ามเก็บเหรยี ญโปรยทานต่าง ๆ ระหว่างทำการแสดง แต่กรณที ่เี จา้ ภาพนำ
เงนิ มาใสถ่ ุงเสื้อหรือยดั ให้ในมอื สามารถรบั เกบ็ ไว้ได้

ผู้ชมการแสดง งานจ้างหรืองานบุญต่าง ๆ ที่คณะกลองยาวไปทำการแสดงแต่ละคร้ัง
จะมีผเู้ ข้าชมการแสดงไม่ต่ำกว่า 150 คน ขน้ึ ไป ข้ึนอยแู่ ต่กับละงานจา้ ง วา่ เจา้ ภาพจะมีแขกมาก
ขนาดไหน ถ้าเป็นงานบุญหรืองานบวชจะมีแขกท่ีมากพอสมควร ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม
แตล่ ะหมู่บ้าน จะมีแขกน้อยแขกมากตามกำลังของเจา้ ภาพ

โอกาสในการแสดง คณะกลองยาวมรดกอสี านบา้ นเฮาส่วนใหญ่จะรับงานแสดงในงาน
บุญประเพณีของอีสานตามหมู่บ้านต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้จะรับงานบุญอื่น ๆ
ได้แก่ งานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานฉลองต่าง ๆ ส่วนใหญ่การรับงาน หากผู้ว่าจ้า
มาจ้างหรือมัดจำก่อน จะต้องไปทำการแสดงให้ท่านนั้น ไม่ว่าผู้ว่าจ้างคนหลังจะให้จำนวนเงิน
ที่มากกว่า ส่วนการประชาสัมพันธ์การแสดงของคณะ จะเป็นการบอกปากต่อปาก
และจากการแนะนำของผู้คนท่ีเคยรบั ชมการแสดง แล้วเอาไปแนะนำต่อกับผูว้ ่าจา้ งคนอ่ืน ๆ

กิจกรรมของคณะกลองยาว ก่อนไปออกงานทำการแสดงทุกครั้ง จะต้องมีการชักซ้อม
1-2 วนั ก่อนไปออกงานแสดง เพือ่ ความพร้อมเพรียง ลงตัว และถกู ตอ้ ง โดยจะมีการนัดหมาย
ทานข้าวรวมกันเป็นประจำ มีการไปมาหาสู่กันระหว่างสมาชิก โดยจะมีจุดนัดพบเพื่อซักซ้อม
และทำกิจกรรมร่วมกันที่บ้านของคุณตาประสิทธิ์ ท่ีตั้งคณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา
บา้ นหัวหนองแวง ตำบลแวงใหญ่ อำเภอแวงใหญ่ จังหวดั ขอนแกน่

การดูแลรักษาอุปกรณ์ สมาชิกคณะกลองยาวทุกคนจะต้องรักษาเครื่องดนตรี
ของตนเองทุกครั้งหลังทำการแสดงแล้วเสร็จ หากเกิดมีความเสียหาย หัวหน้าคณะกลองยาว
จะนำเงินส่วนกลางออกมาเพื่อไปทำการซ่อมหรือซื้อใหม่ โดยแต่ละครั้งพิจารณา
ตามความเหมาะสม


48

การประกวดแข่งขัน คณะมรดกอีสานบ้านเฮาเคยเข้าร่วมประกวดการแสดงกลองยาว
อีสานในงานประเพณีผกู เสี่ยว หรอื เทศกาลไหมนานาชาติ จงั หวดั ขอนแก่นในปัจจุบนั จนได้รับ
รางวัลชนะเลิศสามปีซ้อนในช่วงปี พ.ศ. 2557-2559 เห็นได้ว่าชัดว่า คณะกลองยาวมรดก
อีสานบ้านเฮาจะมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของต นเอง จนได้รับชื่อเสียงที่โด่งดัง
และเป็นที่ยอมรับของคณะกลองยาวรุ่นลูกรุ่นหลานที่เกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบัน ทั้งนี้เนื่องจาก
เป็นคณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮามีผู้อาวุโสที่ได้อนุรักษ์ สืบสาน รักษา และถ่ายทอด
การแสดงกลองยาวแก่เยาวชนคนรนุ่ ใหมผ่ ู้มีความสนใจมาจนถึงปัจจุบนั

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อหลายปีที่ผ่านมาคณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา
ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากเทศบาลตำบลแวงใหญ่ ในปี พ.ศ. 2557 เป็นจำนวนเงิน
50,000 บาท เพื่อนำมาพฒั นาคณะกลองยาว โดยนำมาซื้อเครือ่ งดนตรี และอุปกรณ์ตา่ ง ๆ
ทั้งนำมาดูแลบำรุงรักษาเครื่องดนตรีและอุปกรณ์เดิมในคณะ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบัน
คณะกลองยาวมรดกอีสานบา้ นเฮามคี วามตอ้ งการงบประมาณหรือเครื่องดนตรี และอุปกรณ์
การแสดง เครื่องแต่งกาย เนื่องจากเครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดงบางส่วนในปัจจุบันได้ชำรุด
เสียหายไปตามกาลเวลา จึงมีความต้องการขอสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หรือผู้สนับสนุนตอ่ ไป

3.3 การแสดงกลองยาว (ปจั จบุ ัน)

1. มีความสามัคคีเป็นเลิศ เห็นได้จากสมาชิกในคณะกลองยาที่วมีความสามัคคีกัน
ใหค้ วามร่วมมือ แบง่ หน้าท่รี บั ผิดชอบงานกันอยา่ งชดั เจน สมาชิกในคณะทมี่ ากจากหลากหลาย
อำเภอ เม่ือนัดหมายการประชุม หรอื ซักซ้อมเตรยี มความพร้อมก่อนออกงาน จะมาพรอ้ มเพยี ง
กันด้วยความสมคั รใจ

2. สมาชิกในคณะกลองยาวมีความหลากหลายของช่วงวัย ทั้งเป็นผู้สูงอายุ เด็ก วัยรุ่น
เยาวชน รวมกันกว่า 40 คน ซึ่งในคณะกลองยาวจะมีการสลับสับเปลี่ยนกันออกงาน
เนื่องจากจำนวนสมาชิกที่ค่อนข้างมาก ในบางครั้งเมื่อมีการรับงานที่ทับซ้อนกัน จะได้สลับ
และแบง่ จำนวนคนรบั ผิดชอบในแตล่ ะงาน

3. ความเสียสละของหัวหน้าคณะกลองยาว การบริหารจัดการของหัวหน้า
คณะกลองยาว มีการดูแลสมาชิกในคณะเป็นอย่างดี ก่อนออกงานจะมีการจัดเตรียมหาอาหาร
ไว้ให้สมาชิกกลองยาว รวมทั้งติดต่อการรับงาน ประสานงานกับทางเจ้าภาพที่ว่าจ้าง
และองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมร่วมกับคณะมรดกลองยาวอีสาน
บา้ นเฮา


49 ก

4. มีเครือข่ายในการยืมตัวผู้แสดงจากคณะกลองยาวอื่นในพื้นที่อำเภอแวงใหญ่
คือ คณะกลองยาวเพชรแวงใหญ่ เมื่อมีการออกงานแล้วสมาชิกในคณะไม่เพียงพอต่อการออก
รับงาน ท้งั น้อี าจเนอ่ื งมาจากสมาชิกติดภารกจิ หรอื ไมส่ ะดวกไปทำการแสดง จะไปยมื ตัวสมาชิก
จากคณะกลองยาวเพชรแวงใหญ่มาชว่ ยในการออกงานเพ่อื ใหไ้ ดส้ มาชิกเพยี งพอต่อการแสดง

5. มกี ารก่อตัง้ มายาวนานกว่า 30 ปี คณะกลองยาวมรดกอสี านบา้ นเฮาเรมิ่ ก่อต้ังเมื่อ
ปี พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนผ่านสมาชิกหลายรุ่น และมีการสืบสานประเพณี
วัฒนธรรมที่ดั้งเดิมมายาวนาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมและเพิ่มคุณค่ามูลค่าของวัฒนธรรม
ของอีสาน

6. ช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ -19 คณะมรดกอีสานบ้านเฮามี
คิวงานกว่า 50 งานต่อปี ถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกในคณะกลองยาว รวมทั้งเป็น
การเพ่มิ มูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชมุ ชน


50

คลปิ การแสดงกลองยาวคณะมรดกอีสานบ้านเฮา

การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 5/1 คณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา
จงั หวดั ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=eMjN3Gmxk8k
การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 5/2 คณะกลองยาวมรดกอีสานบ้านเฮา
จังหวดั ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=rpWsxwSncmo&t=513s


51 ก

ภาพกจิ กรรมการถ่ายทำคลิปนำเสนอคณะกลองยาวมรดกอสี านบ้านเฮา
ตดิ ตามคลปิ นำเสนอและการแสดงกลองยาวอีสานทาง Facebook Fan page และ YouTube

“กลองยาวอสี านสรา้ งสรรค-์ กสส.”


คณะลกู พระพิศาลกลองยาว
บา้ นดอนหญา้ นาง ตำบลดอนชา้ ง อำเภอเมืองขอนแก่น จงั หวดั ขอนแกน่


53 ก

4

ลกู พระพศิ าลกลองยาว

ลูกพระพิศาลกลองยาว เป็นคณะกลองยาวที่มีเยาวชนเป็นผู้นำ บริหารจัดการกลุ่ม
มีเครือข่ายที่หลากหลายคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในกรณี
ของการแลกเปลี่ยนสมาชิกไปร่วมแสดงกับคณะกลองยาวที่เป็นเครือข่าย อีกทั้งความสัมพันธ์
ของคนในกลุ่มยังเป็นไปในลักษณะความเป็นครอบครัว ความเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยเหลือซึ่งกัน
และกัน นอกจากนี้รูปทรงของกลองยาวมีความแตกต่างจากคณะอื่น โดยมีลักษณะกลอง
กน้ บานซึ่งเปน็ เอกลักษณข์ องลกู พระพศิ าลกลองยาว

ข้อมลู บรบิ ทหมบู่ า้ น

2.1 ประวัตคิ วามเปน็ มาของบ้านดอนหญา้ นาง

บ้านดอนหญ้านาง มีประวัติการเล่าปากต่อปากกันมาว่าประมาณปี พ.ศ. 2527
พ่อใหญ่ครูหัด เฝ้าทรัพย์ ซึ่งเป็นคนบ้านหนองแวง ได้แต่งงานกับแม่ใหญ่ทุมมา
คนบ้านทองหลาง และได้ย้ายมาตั้งบ้านเรือนบนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นที่ดอน มีความอุดม
สมบูรณ์และมีต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะป่าหญ้านาง อีกทั้งในพื้นท่ี
ยังมีหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า หนองโจด ซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทั้งสองคนจึงได้ตกลงกันว่า
จะตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยการถางพื้นที่ป่าหญ้านางออกเพื่อใช้สำหรับ
การสร้างบ้านเรือนเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งการสร้างบ้านเรือนในพื้นที่ครั้งแรกนั้น มีเพียงบ้าน
ของพ่อใหญ่ครูหัดและแม่ใหญ่ทุมมา เพียงหลังคาเรือนเดียว หลังจากนั้นจึงเริ่มมีชาวบ้าน
ในบริเวณใกล้เคียงย้ายถิ่นฐานเข้ามาเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย จากลักษณะพื้นที่ทางกายภาพที่
เป็นลักษณะของพื้นที่ดอน และในพื้นที่มีป่าหญ้านางเป็นจำนวนมาก จึงเรียกชื่อว่า
“บ้านดอนหญ้านาง” จนถึงปจั จบุ ัน ดงั ข้อมลู ท่ีได้จากการสมั ภาษณ์

“…แต่ตะกี้บ้านดอนหญ้านางเฮาบ่ได้เป็นหมู่บ้านดอกมันสิเป็นที่โนน มีแต่ป่าหญ้า
นาง ผู้เฒ่าบ้านอื่นเพิ่นกะเข้ามาอยู่ ทีแรกกะมีอยู่บ้านเดียว แล้วกะมีคนเข้ามาจนได้ 10 บ้าน
เขากะตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้นมา เพราะว่ามันเป็นดอน เป็นดอนหญ้านางในหมู่บ้าน กะเลยชื่อว่า
บา้ นดอนหญา้ นาง…”

(คะนอง สมพรม, สัมภาษณ์ 18 กุมภาพันธ์ 2565)


54

บ้านดอนหญ้านาง มีพื้นที่ทั้งหมด 3,250 ไร่ โดยจำแนกออกเป็นพื้นที่สำหรับ
ตั้งหมู่บ้าน ประมาณ 50 ไร่ และพื้นที่ทำการเกษตร ประมาณ 3,200 ไร่ ประกอบด้วย
พื้นที่ทำนา 3,200 ไร่ พื้นที่สำหรับปลูกพชื ผัก 5 ไร่ และพื้นท่ีสำหรับทำไร่ 3 ไร่ นอกจากน้ี
หมบู่ ้านยังมพี นื้ ทส่ี าธารณะสำหรบั ใช้ประโยชนร์ ่วมกันอกี 5 แหง่ ได้แก่

1. พ้นื ทปี่ ่าช้าภูมินมิ ติ เนือ้ ท่ี 10 ไร่
2. พนื้ ทีด่ อนหนองอนี ้อย เน้อื ท่ี 8 ไร่
3. พ้ืนทด่ี อนหนองหว้ ยโจด เน้ือท่ี 38 ไร่
4. พน้ื ทว่ี ดั น้ำคา้ ง เน้อื ที่ 3 ไร่
5. พ้ืนทีโ่ รงเรยี นบา้ นดอนหญา้ นาง เน้อื ที่ 5 ไร่

4.2 สภาพเศรษฐกจิ และสังคม

บ้านดอนหญ้านาง มีประชากร 508 คน แยกออกเป็นประชากรเพศชาย 248 คน
และประชากรเพศหญิง 260 คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ มีผลผลิต
เฉลี่ยอยู่ที่ 600 กิโลกรัมต่อไร่ รองลงมาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ในอัตราค่าแรงงานวัน
ละ 300 บาท อีกทั้งยังมีประชากรบางส่วนย้ายถิ่นไปทำงานที่จังหวัดกรุงเ ทพมหานคร
ในลักษณะของการเป็นแรงงานก่อสร้าง และยังมีประชากรในหมู่บ้านบางส่วนทอผ้า
และผลติ เมลด็ พันธุข์ ายอกี ด้วย ดังขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์

“…อาชพี หลักของบา้ นเฮากะสิเฮด็ ไห่เฮ็ดนานิละ รองลงมากะสเิ ปน็ คนั่ คนหนมุ่ แหน่กะ
สเิ ฮด็ งานโรงงานทอผ้า โรงงานเย็บผ้าไปคั่น ถา้ อายหุ ลายจ้กั หนอ่ ยกะสิไปเฮ็ดก่อสร้างในเมือง
แหน่ ต่างจังหวัดแหน่ คั่นรองมาอีกกะสิมีกลุ่มทอผ้าไหม ปลูกเมล็ดพันธุ์ขาย เมล็ดพันธ์ุ
แตงโมอหิ ยังจ่ังสิกะมี รายไดเ้ พิ่นกะดอี ยูเ่ ดะ… ”

(คะนอง สมพรม, สมั ภาษณ์ 18 กุมภาพนั ธ์ 2565)

ทั้งนี้จากการอพยพย้ายถิ่นเพื่อประกอบอาชีพในต่างจังหวัดส่งผลให้ภายในหมู่บ้าน
มีการไหลเวียนเข้าออกของเม็ดเงินจากการที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งย้ายถิ่นไปทำงานที่ต่างจังหวัด
และจะกลับมายังหมู่บ้าน เมื่อมีเทศกาลสำคัญตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ซึ่งสะท้อน
ให้เห็นว่าความสัม พันธ์ของผู้คนภายในชุมชนแม้ว่าจะไม่ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่ยังคง
มีความพันธ์ที่ดีต่อกัน นอกจากนี้ภายในหมู่บ้านยังมีกลุ่มองค์กรภายในหมู่บ้านหลายองค์กร
อาทิ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมอื ง กลุม่ ฌาปนกจิ สงเคราะห์ และกลุ่ม กพสม. เป็นต้น เหล่านี้
ล้วนเป็นกลมุ่ ทีร่ ฐั บาลจัดตั้งข้ึนเพ่ือพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชน ทัง้ ยังคอยทำหน้าที่ในการ
สร้างความเข้มแข็งและบริหารจัดการได้อย่างครบวงจร อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน
ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในชุมชน จากความเข้มแข็ง
ขององค์กรภายในชุมชน การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในหมู่บ้าน
ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของชุมชนอยู่ในสภาพคล่องตัว ภายใต้การใช้ชีวิตอยู่บนหลักเศรษฐกิจ
พอเพียง และชุมชนมีความเข้มแข็ง จากการสำรวจข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.)
ของหมู่บ้านประจำปี 2561 พบว่าประชากรทั้งหมู่บ้านมีรายได้ 37,624,188 บาท
โดยมรี ายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ คนต่อปีอยู่ที่ 65,662 บาท


55 ก

บ้านดอนหญ้านาง มีโรงเรียนระดับประถมศึกษาประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง มีครูจำนวน
6 คน และมีนักเรียนทั้งหมด 155 คน แบ่งออกเป็นนักเรียนชาย 78 คน และนักเรียนหญิง
77 คน โดยเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษา ซึ่งชาวบ้านทุกคน
จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดกิจกรรมภายในชุมชนร่วมกัน เช่น
กิจกรรมภายในวันสงกรานต์ การจัดแข่งขันกีฬา และกิจกรรมอบรมคุณธรรมจริยธรรม
นอกจากนี้บ้านดอนหญ้านางมีวัดประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง ชื่อวัดสำราญ มีพระสมุห์สมจิตร
เป็นเจ้าอาวาส ปัจจุบันมีพระจำพรรษาในวัด จำนวน 11 รูป ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมกันทำบุญ
และชว่ ยกนั ในการทำนุบำรงุ รักษาวัดใหเ้ ป็นสถานที่สำหรบั การจดั กิจกรรมต่าง ๆ ภายในชุมชน
และเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของผู้คนภายในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้คนในชุมชนสร้าง
ความสัมพันธท์ ่ดี ซี ง่ึ กนั และกนั อกี ด้วย

4.3 วัฒนธรรมประเพณี

กิจกรรมทางศาสนา วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี ภายในหมู่บ้าน
ดอนหญ้านางนั้นสอดคล้องกับฮีตสิบสองของสังคมอีสาน ซึ่งชาวบ้านจะเข้ามามีส่วนร่วม
ในกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีของหมู่บ้านอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งกลุ่มของ
ช า ว บ ้ า น ท ี ่ อ า ศ ั ย อ ย ู ่ ใ น ช ุ ม ช น แ ล ะ ช า ว บ ้ า น ท ี ่ อ พ ย พ ย ้ า ย ถ ิ ่ นไ ป ท ำ ง า น ต ่ า ง จ ั ง ห วั ด
โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เดือนอ้าย (มกราคม): กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่ จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วน
กุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว มีกิจกรรมฟังเทศน์ ปล่อยนก ปล่อยปลา อวยพรซึ่งกันและกัน
หรืออาจส่งการ์ดอวยพรของไหว้ผู้ใหญ่เพื่อรับพร อีกทั้งยังเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงาม
และจารตี ประเพณีของไทย

2. เดือนยี่ (กุมภาพันธ์): บุญคูณลาน เป็นการทำบุญขวัญข้าวที่นวดเสร็จแล้ว
และกองไว้ในลานข้าวโดยกำหนดทำในเดือนยี่จะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้ เหตุที่มี
การทำบุญนี้เนื่องจากผู้ใดที่ทำนาได้ข้าวเป็นจำนวนมาก ก่อนหาบหรือขนข้าวมาใส่ยุ้งฉาง
มีความต้องการที่อยากจะทำบุญกุศล เพื่อเป็นสิริมงคลเพื่อเพิ่มความมั่งมีศรีสุขแก่ตนเอง
และครอบครวั สืบไป

3. เดือนสาม (มีนาคม): บุญข้าวจี่ เมื่อถึงเดือนสามชาวบ้านจะพากันจี่ข้าวจ่ี
(วนั เพ็ญเดอื นสาม) จะมกี ารทำบุญมาฆบูชา การทำบญุ ข้าวจี่ โดยจะเรมิ่ ตอนเช้าใช้ข้าวเหนียว
ปั้นใสน่ ้ำอ้อย นำไปจ่บี นไฟอ่อนแล้วชบุ ดว้ ยไข่ เมอื่ สุกแลว้ นำไปถวายพระ

4. เดอื นสี่ (เมษายน): บญุ ผะเหวด (บุญพระเวสฟังเทศนม์ หาชาต)ิ การทำบญุ พระเวส
ฟังเทศน์มหาชาติเป็นการสืบทอด วัฒนธรรมประเพณีจะมีการฟังเทศน์ เรื่อง
พระมหาเวสสันดรชาดกให้จบภายในวันเดียวในงานบุญนี้ มักจะมีผู้นำของมาถวายพระซึ่ง
เรียกว่า “กณั ฑ์หลอน”

5. เดือนห้า (พฤษภาคม): ประเพณีตรุษสงกรานต์หรือบุญสรงน้ำ เป็นประเพณีท่ี
จะมีการสรงน้ำ และรดน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์ ผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยน้ำอบน้ำหอม เพื่อขอขมา
และขอพร รวมถึงการสรงน้ำกระดูกหรืออัฐิและทำบังสุกุลเป็นการอุทิศบุญให้บรรพบุรุษ
ผู้ล่วงลับ เป็นประเพณีอันดีงามที่ควรรักษาไว้ มีการทำบุญ ถวายทาน การทำบุญสรงน้ำ


56

กำหนดเอาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนห้า บางครั้งเรียกว่า บุญเดือนห้า ซึ่งถือเป็นเดือนสำคัญ
เพราะเป็นเดอื นเริม่ ต้นปใี หม่ไทย

6. เดอื นหก (มิถุนายน): ประเพณีบุญบง้ั ไฟและบญุ วันวสิ าขบูชา เปน็ การทำบุญบ้ังไฟ
เพื่อขอฝน พร้อมกับงานบวชนาค ซึ่งการทำบุญเดือนหกถือเป็นงานสำคัญก่อนการทำนา
โดยกิจกรรมน้ที างชาวบ้านหมู่บ้านดอนหญ้านางจะจัดกิจกรรมร่วมกับหมบู่ ้านอืน่ ๆ ใกล้เคียง
ซ่ึงเปน็ การจัดงานระดับตำบล

7. เดือนเจ็ด (กรกฎาคม): บุญซำฮะหรือบุญเบิกบ้าน เป็นการทำบุญหาบรรพบุรุษ
มีการเซ่นและบวงสรวงหลักบ้าน เนื่องจากชาวบ้านบ้านดอนหญ้านางมีความเชื่อเกี่ยวกับ
หลกั บ้านหลักเมืองอยูท่ ศี่ าลากลางหมู่บ้าน

8. เดือนแปด (สิงหาคม): วันเข้าพรรษา บุญเข้าพรรษาซึ่งเป็นประเพณีทาง
พุทธศาสนาโดยตรง ลักษณะการจัดงานจึงคล้ายกับทางภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย เช่น
มีการทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร ถวายผ้าอาบน้ำฝน แด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร
มีการฟัง ธรรมเทศนาตอนบ่าย ชาวบ้านหล่อเทียนใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชาและเก็บไว้ตลอด
พรรษา

9. เดอื นเกา้ (กันยายน): บญุ ขา้ วประดบั ดนิ เปน็ การทำบุญเพ่ืออุทศิ ส่วนบญุ ส่วนกุศล
ให้แก่ผู้ที่ล่วงลับเพื่อบูชาผีบรรพบุรุษและผีไร้ญาติ โดยชาวบ้านจะทำการจัดอาหาร
ประกอบด้วย ข้าว ของหวาน หมากพลู บุหรี่ ห่อด้วยใบตองกล้วยร้อยเป็นพวง เตรียมไว้
ถวายพระชว่ งกลางดกึ หรอื รุ่งสาง พรอ้ มท้ังกลา่ วเชิญวิญญาณของบรรพบุรุษ

10. เดอื นสิบ (ตุลาคม): บญุ ขา้ วสาก หรอื ขา้ วสลาก (สลากภตั ร) ตรงกบั วันเพ็ญเดอื น
สิบ ผู้ถวายจะเขียนชื่อ ของตนลงในภาชนะที่ใส่ของทาน และเขยี นชื่อลงในบาตร ภิกษุสามเณร
รูปใดจับได้สลากของใคร ผู้นั้นจะเข้าไปถวายของ เมื่อพระฉันเสร็จแล้วจะมีการฟังเทศน์
เพ่อื เปน็ การอุทศิ ให้แก่ผูต้ าย

11. เดือนสิบเอ็ด (พฤศจิกายน): ประเพณีทำบุญออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือนสิบเอ็ด พระสงฆ์จะแสดงอาบัติทำการปวารณา คือ การเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือน
กันได้ ต่อมาเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่จะให้โอวาทเตือน พระสงฆ์ให้ปฏิบัติตนอย่างผู้ทรงศีล
พอตกกลางคืนจะมีการจุดประทีป โคมไฟ นำไปแขวนไว้ตามต้นไม้ในวัดหรือตามริมรั้ววัด
จึงเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า บญุ จดุ ประทีป มีการตกั บาตรเทโวในวันต่อมาดว้ ย

12. เดือนสิบสอง (ธันวาคม): บุญทอดกฐิน เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด
ถึงกลางเดือนสิบสอง โดยในหมู่บ้านปกติแล้วจะเร่ิมทำบุญทอดกฐินตัง้ แต่ขา้ งขึน้ เดือนสิบสอง
โดยการทอดกฐิน คือ การนำผ้ากฐินไปวางถวายต่อหน้าพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง
ทไี่ ดร้ ับมอบหมายจากคณะสงฆ์เปน็ เอกฉนั ทใ์ หเ้ ปน็ ผรู้ บั กฐิน


57 ก

ข้อมูลบริบทคณะกลองยาว

4.4 พัฒนาการการแสดงกลองยาวของคณะกลองยาว (อดีต)

พัฒนาการการแสดงกลองยาวสามารถอธิบายในประเด็นบทบาทของการแสดง
กลองยาว ขั้นตอนการแสดง ความเชื่อเกี่ยวกับกลองยาว และรูปแบบการแสดงกลองยาว
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล จากอดีตที่มีแต่ผู้สูงอายุเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของคณะกลองยาว
แต่ในปัจจุบันเริ่มมีเดก็ และเยาวชนเริม่ เขา้ มาเปน็ สมาชิกของคณะกลองยาว จนกลายเป็นกลุ่ม
สมาชิกหลักของคณะกลองยาวไปในที่สุด โดยในอดีต การแสดงกลองยาวนั้นมักเป็นการแสดง
ที่เกิดขึ้นเนื่องในกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ภายในหมู่บ้าน ซึ่งงานแรก ๆ ของคณะกลองยาวนี้
คือ งานแหศ่ พออกจากบา้ น และงานท่ถี อื วา่ เป็นสถานทีท่ ำการแสดงทีเ่ กดิ ข้นึ บอ่ ยครัง้ ที่สุดของ
คณะกลองยาวในอดีต คือ งานบวช เนื่องจากงานบวชสามารถจัดได้ทุกช่วงเวลา ยกเว้น
ช่วงเข้าพรรษา และมีการรับงานแสดงบางโอกาสที่เป็นงานในลักษณะของการแก้บน
งานโรงเรียน งานแข่งขันกฬี าเข้ามาเปน็ คร้ังคราว ดังขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการสัมภาษณ์

“…ปกติจะรับงานบวชเป็นหลักครับ เพราะว่างานบวชมันบวชตลอด และบวชได้ทุก
เทศกาล ยกเว้นช่วงเข้าพรรษาจะบ่มีงาน ฝ่ายนักดนตรีทุกวงจะบ่มีงานเลยช่วงนี้ แต่จะมีบาง
โอกาสทไ่ี ปแกบ้ น เขามาจ้างไปแก้บนไปโชว์แน แล้วกะสมิ ีคอื จ่ังเปดิ สนามกีฬา โรงเรียนพิศาล
เขากะมีรณรงค์ยาเสพติดเขากะอยากเอาไปแห่ในขบวน บางหม่องเขากะอยากได้ไปโชว์ในพิธี
เปดิ งาน…”

(วรวฒุ ิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

หากเปรียบเทียบกับลักษณะของการแสดงกลองยาวในปัจจุบันที่มิติของการแสดงใน
กิจกรรมทางศาสนาที่ยังดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแสดงในงานรื่นเริงต่าง ๆ
เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งงานมงคลสมรส งานเลี้ยงฉลองต่าง ๆ รวมถึงงานแสดงเมื่อมีการจัดการ
ประกวดกลองยาว ที่สามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับคณะกลองยาวได้ แต่อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าการแสดงของคณะกลองยาวจะเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ในสังคมอยู่ก็ตาม
หากเปรยี บเทยี บบทบาทหนา้ ท่ีและความสำคัญของการแสดงกลองยาวในอดีตและปจั จบุ ันอาจ
กล่าวได้ว่า บทบาทหน้าที่ดังกล่าวของการแสดงกลองยาวถูกลดทอนลงจากกระแสของ
การพัฒนาเทคโนโลยีในสังคมปัจจุบัน หรือในบางกรณีที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้คณะกลองยาว
ไปทำการแสดง แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีเจตนาต้องการสืบสานวัฒนธรรมกลองยาวแต่อย่างใด
โดยเฉพาะกลุ่มผวู้ ่าจ้างทเี่ ป็นคนรนุ่ ใหม่ หากแต่ตอ้ งการภาพและวิดีโอเพ่ือไปนำเสนอบนพ้ืนที่
สือ่ สังคมออนไลนเ์ พยี งเท่าน้นั ดงั ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสมั ภาษณ์

“…มีอยูค่ รบั เชน่ งานแห่ขันหมาก เอาไปกะบ่แม่นเขาใจรักเน่อื งจากคนทุกวันน้ีจัดงาน
เพื่อถา่ ยรปู ถ้าเจา้ ภาพอยากไดแ้ บบไดเ๋ ฮากะจะใหแ้ บบนั้น…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

ผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกคณะกลองยาวรุ่นแรก ๆ เล่าสืบต่อกันมาว่าในอดีตยังไม่มี
กลองยาวใช้สำหรับทำการแสดง มีแต่กลองตุ้มน้อยกับผังหาดตีแห่เท่านั้น (กลองตุ้มน้อย คือ
กลองที่มีลักษณะคล้ายรำมะนาแต่มีหน้ากลองสองด้าน ผังหาดคือแผ่นเหล็กกลม ๆ


58

ลักษณะคล้ายฆ ้องแ ต่ไ ม่ มีส่ ว น น ูน ยื่น อ อก มา ห น ้าจ ะเป็น ลักษณะแบ บ ร า บ
ให้เสียงแฉกกังวาน) ซึ่งการแสดงของคณะกลองยาวในอดีตตั้งแต่ก่อนหน้า พ.ศ.2473
มีการใช้กลองตุ้มน้อยและผังหาดในการแห่งานบุญ งานบวช มาจนถึงเมื่อ ช่วงระหว่างปี
พ.ศ. 2473 – 2480 ณ ขณะนั้นมีกลองยาวแล้ว ซึ่งยังไม่มีรำมะนาและใช้กลองตุ้มแทน
และไดเ้ ปล่ยี นเป็นกลองยาว จำนวน 3 ใบ อีกทัง้ ยังใช้ฉาบเข้ามาร่วมดว้ ยโดยไม่ใช่ฉาบที่หาซื้อ
ได้ตามท้องตลาด แต่นำหน้ากลองตุ้มออกหนึ่งดานเพอ่ื ทำใหเ้ สียงดังกว่า ใช้เปน็ รำมะนาเลยมา
สู่การเป็นคณะกลองยาว โดยในยุคเริ่มแรกของการเป็นวงกลองยาว มีอุปกรณ์การแสดงใน
คณะจะมีกลองยาว จำนวน 3 ใบ รำมะนา จำนวน 1 ใบ ฉาบ จำนวน 1 คู่ เมื่อประมาณปี
พ.ศ. 2520 เริ่มมีการประยุกต์เพิ่มจำนวนกลองยาว และเพิ่มลีลาจังหวะในการแสดง
เพอื่ เพม่ิ อรรถรสในการรับชม จนเกิดเปน็ คณะกลองยาวประยุกต์

นอกจากนี้รูปแบบของการแสดงกลองยาวในปัจจุบันของคณะกลองยาวลูกพระพิศาล
ยังมีการเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมในอดีตไวอ้ ยู่ผสมผสานกับ
การประยุกต์ท่วงท่าลีลา จังหวะการตีแบบใหม่เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้าง
ความสนุกสนานและสร้างเอกลักษณข์ องกลมุ่ อีกดว้ ย

ซึ่งลักษณะการแสดงที่มีการประยุกต์เครื่องดนตรีและลีลาท่าทางเข้าไปร่วมกับ
การแสดงกลองยาวโบราณ เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เนื่องจากสมาชิกผู้สูงอายุของคณะ
มีอายุมากและบางส่วนเสียชีวิต ซึ่งปีนั้นมีงานบุญที่คณะกลองยาวจะต้องไปทำการแสดง
แต่สมาชิกภายในกลุม่ ไม่เพยี งพอต่อการแสดง เยาวชนท่เี ปน็ ลูกหลานของสมาชิกด้ังเดิมในคณะ
กลองยาว จึงรวมตัวกันขึ้นมาโดยมีกลองยาว จำนวน 2 ใบ รำมะนา จำนวน 1 ใบและฉาบ
จำนวน 1 คู่ เริ่มทำการแสดงมาตั้งแต่ พ.ศ. 2557 เมื่อเริ่มต้นเยาวชนท่ีเป็นสมาชิกเกิด
ความรสู้ กึ สนกุ สนานกับการแสดงกลองยาว อีกทงั้ การแสดงกลองยาวยังทำใหเ้ ยาวชนมีรายได้
เพ่มิ เตมิ จากการแสดงอีกดว้ ย จึงมสี มาชกิ ใหม่ ๆ เร่ิมเขา้ มารว่ มด้วยอย่างต่อเน่ือง ประกอบกับ
สมาชิกผู้สูงอายุที่ยังมีกำลังก็จะทำหน้าที่ถา่ ยทอดวิชาความรู้ให้กับสมาชิกใหม่ ๆ ที่เป็นเยาวชน
อย่เู สมอ นบั ตง้ั แต่ปี พ.ศ.2557 จนกระทง่ั ปจั จุบัน

“…เลยได้จับกลุ่มกันขึ้นมีกลองยาวอยู่ 2 รำมะนาและฉาบอย่างละหน่วย เริ่มเฮ็ดมา
ตง้ั แตเ่ ลน่ ปี 2557 เลน่ ไปมาทรงมว่ นไปเอา…..ลูกหลานเพนิ่ ยงั ทำอยู่ มนั กะเลยเริ่มขยายข้ึน
คนกะเริ่มมาอยู่นำ ผู้เฒ่าบางคนที่เพิ่นยังอยู่เพิ่นกะไปงานนำ เด็กน้อยบางคนที่มองเห็นว่า
เพนิ่ ไปแล้วมเี งินใช้เขากะไปนำเพราะพอไดล้ ดคา่ ใชจ้ ่ายของพอ่ แม่ได…้ ”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

นอกจากนี้ลีล่าท่าทางในการแสดงของคณะยังมีการ ปรับประยุกต์ไปตามการเวลา
และสถานการณ์ของสังคม โดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมของกลองยาวโบราณร่วมด้วย
โดยในอดีตจะใช้จังหวะการเดินธรรมดา ลายล่องสารคาม ป่นกบป่นกุ้ง แต่ในปัจจุบันจะใช้
จังหวะโบราณในการเปิดการแสดงจากนั้นจึงใช้จังหวะโหย่นของพิณเข้าท่วงทำนองต่อไป
พิณจะดำเนนิ ทำนองจังหวะภู่ตอมดอก ลมพัดพร้าวพดั ไผ่ ซึง่ ลายเพลงเหล่านี้จะดำเนินทำนอง
ไมเ่ รว็ มากจนเกินไป ดังข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์


59 ก

“…ทุกวันนี้พวกผมกะคงเอกลักษณ์ของผู้เฒ่าโบราณไว้อยู่ ขึ้นบาดแรกสิเป็นของ
โบราณ ป่นกุ้งของผู้เฒ่าเก่า แล้วจังมาเข้าพิณจังหวะโหย่น ยุคแรก ๆ ที่เพิ่นมาประยุกต์ใส่
พณิ กะจะเป็นภู่ตอมดอก ลมพดั พร้าวพัดไผ่ บ่ได้เล่นเร็ว ๆ ประมาณปี พ.ศ. 2500…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

แม้ว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบันรูปแบบการแสดง ลีลาท่าทาง จังหวะ และบทบาทของ
การแสดงกลองยาวจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ความเชือ่ เกย่ี วกบั พอ่ ครูแม่ครกู ลองยาวยังคงมีสืบต่อ
เสมอมาโดยไม่ถูกลดทอนการให้ความสำคัญลงไปแต่อย่างใด ทุก ๆ ครั้งก่อนทำการแสดง
จะมีการแต่งคายอ้อ เช่น เหล้า ยาสูบ เป็นต้น โดยทางผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้จัดหาเตรียมไว้ให้
คณะกลองยาว หลังจากไปถึงบ้านเจ้าภาพจะมีการไปเอาคายอ้อหรือขันครูที่เจ้าภาพเตรียมไว้
ให้ จากนั้นจะมีการติดหน้ากลองเพื่อเป็นการเทียบเสียงกลองให้อยู่ในระดับเสียงเดียวกัน
แลว้ จงึ่ เร่ิมพธิ ีไหว้ครูกลองยาว โดยคายอ้อหรือขันครนู นั้ จะประกอบไปด้วย ขันห้า คือ ดอกไม้
ห้าคู่ เทียนห้าคู่ เหล้าขาว 1 ขวด แป้ง 1 ระป๋อง เพื่อเป็นการบูชาครู หลังเสร็จจะมีการเทเหลา้
ใส่มอื เชื่อวา่ ป้องกนั การเจบ็ มือจากการตีกลองไดด้ ี ดังข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์

“…อันดบั แรกเพน่ิ สิมาหาเฮากะสมิ ีการตกลงราคา หามอ้ื หาเว็นนำกนั หลังจากน้ันจะ
ตกลงในการแต่งคายอ้อ อย่างเชน่ เหล้า ยาสูบ เปน็ ต้น กะคือจะให้ทางเจา้ ภาพเป็นคนจดั หาให้
หลังจากไปถึงบ้านเจ้าภาพกะสิไปติดต่อเอาคายอ้อ แล้วเฮากะมาติดจ่ากลอง เทียบเสียงกลอง
อปุ กรณใ์ นการแห่ของเฮาให้มนั เสรจ็ จงั ซ่ีเปน็ การข้ึนออ้ ยอครู…”

(วรวฒุ ิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

4.5 การแสดงกลองยาวลกู พระพศิ าลกลองยาว (ปัจจบุ ัน)

องค์ประกอบของการแสดงของคณะกลองยาว
1) ผู้แสดง คณะกลองยาวลูกพระพิศาล มีสมาชิกที่เป็นผู้เล่นหรือบรรเลงเครื่องดนตรี

กลองยาว จำนวน 25 คน และมจี ำนวนสมาชิกทีเ่ ปน็ นางรำประมาณ 30 คน ซึง่ เปน็ กลมุ่ สตรี
ในหมู่บ้านและเยาวชน โดยรวมแล้วคณะกลองยาวลูกพระพิศาลมีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นกว่า
55 คน สมาชิกส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 17-18 ปี และเรียนอยู่ที่โรงเรียนบ้านเหล่านาดี
และโรงเรยี นพิศาลปุณณวทิ ยา สังกัดองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการรวมตัวของ
สมาชิกเกิดขึ้นจากการที่เด็กและเยาวชนในพื้นที่เห็นว่าการแสดงกลองยาวทำให้เกิดรายได้แก่
สมาชิก แม้จะไม่ได้เป็นจำนวนเงินที่มากนัก แต่ถือเป็นการสร้างรายได้ระหว่างเรียนให้แก่
สมาชิก นอกจากนี้ชาวบ้านยังมองว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงกลองยาวยังเป็นส่วน
ช่วยให้เด็กและเยาวชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ มีกิจกรรมยามว่างหรืองานอดิเรก ซึ่งในส่วนนี้
ชาวบ้านมองว่าเป็นการลดโอกาสการเข้าไปยุ่งเกย่ี วกบั สง่ิ เสพติดของเด็กและเยาวชนได้อีกด้วย
กล่าวคือ ใช้จุดเด่นในมิติของวัฒนธรรมกลองยาวอีสานในการดึงดูดความสนใจของเด็ก
และเยาวชน ดังข้อมูลท่ไี ด้จากการสัมภาษณ์


60

“…เบื้องต้นคือผู้นี้เห็นแล้วว่ามาอยู่นำคะเจ้ากะได้มีรายได้เล็ก ๆ
น้อย ๆ ค่าขนม เด็กน้อยความว่าอยากกะเอิ้นกันมาขออยู่นำว่าอยากตีกลองเป็น ไปงานแล้ว
มันไดเ้ งนิ กะเลยเป็นลูกโซด่ งึ เขา้ มา อกี หน่ึงคือเพอ่ื บอ่ ยากไปให้เดก็ น้อยไปเสพสงิ่ เสพติดเพื่อให้
มาสนใจในดา้ นวฒั นธรรม เพราะวา่ บางคนพน้ื ฐานในการเล่นดนตรพี ้นื บ้านกะคอื บม่ ี กะคอื มา
จบั ปใู ส่กระด้ง บางคนกะใส่ใจบางคนกะบ่ สอนไปสอนมาเขากะไดข้ องเขาเอง…”

(วรวฒุ ิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

จากข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าสมาชิกคณะกลองยาวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของเด็ก
และเยาวชน รว่ มกบั สมาชิกผู้สูงอายุภายในชุมชน ทำให้สมาชิกภายในกลุ่มมีความสัมพันธ์ซึ่งกัน
และกนั ในลกั ษณะครอบครัว เครอื ญาติ หรือเพือ่ นฝูงทม่ี คี วามสนิทสนมกัน เปน็ ความสัมพันธ์
ที่ไม่ได้จำเพาะเรื่องของการแสดงกลองยาวเพียงเท่านั้น แต่มีความสัมพันธ์เหมือนคนใน
ครอบครวั เดียวกัน ดังขอ้ มลู ท่ีได้จากการสมั ภาษณ์

“…ลังมืออยากกินกะมาหุ้มอยู่เฮือนหลังเดียวเป็นครอบครัว ยามไปงานมากะมานอน
เฮอื นหวั หนา้ แน่ หรอื ใกล้ ๆ กนั …”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างสมาชิกภายในคณะกลองยาวนี้
แต่ด้วยสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชนที่อายุระหว่าง 17-18 ปี ซึ่งถือเป็นวันท่ี
มีพฤติกรรมอยากรู้อยากลอง จึงมักเกิดปัญหาบางประการที่ส่งผลกระทบกับการดำเนิน
กิจกรรมของคณะ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกภายในคณะ
กลองยาวให้ลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะเป็นปัญหาที่เกิดข้ึน
นอกเหนอื ความสัมพันธข์ องสมาชกิ ภายในคณะกลองยาว แตเ่ มอื่ หัวหน้าคณะและสมาชกิ ภายใน
วงท่ีเปน็ ผู้อาวุโส เมือ่ เข้าไปพูดคุยหรือตักเตือนสมาชิกทีเ่ ป็นเด็กและเยาวชนกจ็ ะสามารถแก้ไข
ปัญหาน้ัน ๆ ได้ ดงั ข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการสัมภาษณ์

“…มีมาเรือ่ ย ๆ เพราะว่ามันเป็นช่วงหัวเลีย้ วหัวต่อ ของเด็กน้อยที่มาอยูน่ ำ อยากลอง
อยากร้เู กยี่ วกบั ผสู้ าว บางเท่ียกะมแี นต่ ิดแมห่ ญิง แบบเอ้ินไปงานกะบม่ า แตว่ ่าในภาพรวมยาม
มาเขากะอยู่ในโอวาทอยู่ พฤตกิ รรมแบบล่อแหลมบม่ ี ยามไปงานเดก็ น้อยมันนอนตนื่ สวยกะได้
นำเอ้ิน…”

(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพันธ์ 2565)

2) เครอื่ งดนตรี และอปุ กรณ์ขยายเสียง
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล มีเครื่องดนตรีที่จำเป็นต่อการแสดงอยู่หลายช้ิน
ไม่ว่าจะเป็น กลองยาว รำมะนา ฉาบ เบส พิณ และกลองส่ง (โซโล่) ซึ่งจำนวนชิ้นของเครื่อง
ดนตรีที่จะนำไปใช้ในการแสดงในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับขนาดของงานท่ีผูว้ ่าจา้ งให้ไปทำการแสดง
พื้นฐานในการทำการแสดงจะต้องมีกลองยาว จำนวน 4 ใบ รำมะนา จำนวน 1 ใบ
ฉาบ จำนวน 1 คู่ พิณ จำนวน 1 ตัว โซโล่ จำนวน 1 ชุด แต่ถ้าเป็นลักษณะงานที่มีขนาดใหญ่
จะใช้กลองยาวประมาณ 10 ใบ รำมะนา 2-3 ใบ ส่วนฉาบและพิณเพิ่มตามปัจจัย
ในการว่าจ้าง ซึ่งแน่นอนว่าการไปทำการแสดงไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด ลักษณะงานแบบใด


61 ก

กลองยาวถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการทำการแสดง และพิณ ถือเป็นสิ่งที่ขาด
ไม่ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ชว่ ยเพิ่มความสนุกสนานให้กับการแสดง
ในการดำเนินทำนองและจังหวะ แต่หากขาดพิณไปอาจใช้คีย์บอร์ดแทนได้แต่อาจไม่สามารถ
สร้างความสนุกสนานให้กับการแสดงได้เท่ากับการใช้พิณ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเครื่องดนตรีจะ
เปน็ องคป์ ระกอบที่สำคญั สำหรบั ทำการแสดง

แต่แท้ที่จริงแล้วองค์ประกอบสำคัญที่สุดของการแสดงกลองยาว คือ ผู้แสดง
(ผู้ตีกลองยาว) ก่อนที่จะทำการแสดงเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม ผู้แสดงจำเป็น
จะต้องสร้างความสนุกสนานให้ตัวเองเสียก่อน หากผู้แสดงไม่มีความสนุกสนาน ขณะตีกลอง
มีสีหน้าที่ไม่สนุกสนาน ผู้ชมที่เข้ามาร่วมในขบวนกลองยาวหรือชมการแสดงก็จะมีความรู้สึก
ที่ไม่สนุกสนานกับการแสดงนั้น ๆ ไปด้วย ดังนั้นถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากที่จะทำให้
การแสดงเกิดความสนุกสนาน ดังขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการสมั ภาษณ์

“…คนตีกลองยาวใหค้ นอื่นม่วนเจ้าของตีกะต้องมว่ นก่อน ภาพไปดีแล้วหน้าบูดบ้ึง คน
เหน็ เฮาเขากะบ่อยากฟ้อน ผู้เลน่ ตอ้ งสรา้ งอารมณ์ให้เจ้าของสากอ่ น…”

(วรวฒุ ิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

นอกจากนี้อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่เสมือนตัวกลางในการเพิ่ม
ความสนุกสนานใหก้ ับผู้ชม คอื เครือ่ งขยายเสียง โดยคณะกลองยาวจะใชฮ้ อร์นและเคร่ืองขยาย
เสียง ผ่านเครื่องปั่นไฟขณะที่ทำการแสดง โดยเฉพาะการแสดงในลักษณะของ
การแห่รอบหมู่บ้าน

3) ดนตรแี ละจังหวะในการแสดง
จังหวะกลองยาวของคณะจะคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม เมื่อทำการแสดง
จะเน้นในการใช้จังหวะพื้นฐานอันเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างจุดเด่น
และสร้างภาพจำให้แก่ผู้ที่รับชม โดยจังหวะหลัก ๆ ที่ใช้สำหรับทำการแสดงของกลุ่มจะมี
7 จังหวะหลัก ๆ ได้แก่ (1) ไหว้ 4 ทิศ เป็นจังหวะลงห้องในการประนมมือไหว้ (2) โบราณ
เป็นจังหวะช้าที่จะไม่มีเสียงดนตรีอย่างอื่นแทรก (3) เซิ้งบั้งไฟ เป็นจังหวะที่เร็วข้ึน
อาจจะมคี นร้องตามกาพย์เซง้ิ (4) ต้อนววั เขา้ คอก เปน็ จังหวะท่เี ร็วข้ึน ใหอ้ ารมณ์ผู้คนที่กำลัง
เร่งรีบ (5) พระตีกลองแลง (6) ป่นกุ้ง และ (7) จังหวะลำเพลินโบราณ และเข้าจังหวะพิณ
ตอ่ เนื่อง
4) เครอื่ งแต่งกาย
เครื่องแต่งกายของคณะกลองยาวจะขึ้นอยู่กับบริบทของงานที่ได้ไปทำการแสดง
และช่วงเวลา หากเปรียบเทียบการแต่งกายในอดีตผู้สูงอายุก็จะใส่เสื้อเหลือง นุ่งผ้าโสร่ง
และมีผ้าแพรมัดเอวและมัดหัว แต่ถ้าเป็นงานแห่ตามหมู่บ้านก็จะแต่งกายตามสบายไม่ได้
กำหนดการแตง่ กายตายตัว เพียงแค่การแสดงสามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมนั่นก็ถือ
ว่าเพียงพอแล้ว แต่ในปัจจุบันการแต่งกายนั้นจะพยายามสร้างความเป็นเอกลักษณ์
ความเป็นอีสานไว้ ผ่านการใส่เสื้อม่อฮ่อม เสื้อฝ้าย ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า แต่ถ้าเป็นงานแห่ตาม
หมู่บ้าน การแต่งกายจะเป็นในลักษณะของการใส่เสื้อทีม กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ
ทั้งนี้จำเป็นจะต้องพิจารณาการแต่งกายให้สอดคล้องกับลักษณะงานที่จะไปทำการแสดงเป็น
สำคัญ นอกจากนี้ในบางกรณีหากเป็นความต้องการของเจ้าภาพที่ต้องการให้คณะกลองยาว


62

แต่งกายให้ตรงกับงานที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น งานที่ไปแห่ขันหมาก ผู้ว่าจ้างต้องการให้นุ่ง
โจงกระเบน ชุดราชประแตน กางเกงขาก๋วย เสื้อม่อฮ่อมแบบล้านช้าง ทางคณะกลองยาว
ก็จะแต่งกายตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง เป็นต้น โดยเครื่องแต่งกายในงานนั้น ๆ ผู้ว่าจ้าง
จะจัดสรรใหต้ รงตามความตอ้ งการของผู้วา่ จ้าง ดงั ข้อมลู ทีไ่ ด้จากการสัมภาษณ์

“…กะแล้วแต่เจ้าภาพ บางงานไปแห่ขันหมากเขากะอยากได้ธีมงานอยากให้นุ่งโจง
กระเบน ใส่ชุดราชประแตนตีกลองยาว กางเกงขาก๋วย เสื้อม่อฮ่อมแบบล้านนาล้านช้างกะมี
แลว้ แต่เจา้ ภาพจะจดั สรรหาให้…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

5) เงนิ ทนุ
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล โดยปกติแล้วได้รับเงินทุนสนับสนุนจากวัดภายในพื้นที่
บางส่วนหากทางคณะไม่มีเงินทุนสำหรับการดำเนินกิจกรรมจริง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อจะต้องเดินทางออกไปทำการแสดงนอกพื้นที่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นตามมา โดยจุดนี้ไม่มี
สมาชิกในกลุ่มคนใดจะต้องสำรองจ่ายเงิน แม้กระทั่งในส่วนของค่ารถและค่าน้ำมันสำหรับ
การเดินทางก็ไม่ได้สำรองจ่ายก่อน เนื่องจากทุกคนทราบแล้วว่าการว่าจ้างในครั้งนั้น ๆ
จะได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นจำนวนเท่าใด และจะสามารถจัดสรรให้แต่ละคนได้เท่าใด ดังน้ัน
ในการเดินทางออกไปแสดงนอกพ้ืนทที่ างคณะจงึ ไม่ได้มีการสำรองเงินกอ่ น
ภายหลังที่คณะกลองยาวได้รับเงินค่าตอบแทนจากผู้ว่าจ้างแล้วจะมีการแบ่งเงินไว้
เล็กนอ้ ยก่อนทีจ่ ะแบง่ ให้สมาชิกทีไ่ ปร่วมทำการแสดงอย่างเหมาะสม ซง่ึ เงินท่แี บ่งไว้จะเป็นเงิน
สำหรับส่วนกลางเพื่อไว้ซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายจากการใช้งาน ดังข้อมูลที่ได้จากการ
สมั ภาษณ์
“…มีแบ่งไว้ทีละเล็กทีละน้อยเก็บไว้ แนวมันได้ซื้อประจำกะคือฉาบเพราะว่าฟีลคนยา
มฮอดตอนมันมว่ นเขากะตแี ฮงฉาบกะแตกเปน็ ธรรมดาของวงกลองยาว…”

(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)

6) รถยนต์
กรณีที่คณะกลองยาวจำเป็นต้องเดินทางไปทำการแสดงนอกพื้นที่ ทางคณะกลองยาว
จะใช้รถยนต์ของชาวบ้าน หรือเครือญาติที่มีความสนิทสนมกันโดยให้ค่าจ้างรวมกับค่าน้ำมัน
ซ่งึ ขน้ึ อยกู่ ับระยะทางท่ีจะตอ้ งเดนิ ทางไปทำการแสดง ดงั ขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์
“…รถไทพ่ีนอ้ งร้จู ักกนั อย่างเชน่ พน่ี อ้ งมาแตบ่ ้านอน่ื คะเจา้ รับจ้างเฮากะดงึ เพ่ินกะมา
ประจำให้ เฮากะเหมาประจำ ส่วนคา่ น้ำมนั กะแล้วแตร่ ะยะทางว่าใกล้ไกล…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)

7) เครือขา่ ย
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล มีเครือข่ายคณะกลองยาวกว่า 10 แห่ง อาทิ คณะศิษย์ปู่
ใหญบ่ า้ นทองหลาง คณะประภัสสรอยูบ่ ้านหนองแวง คณะกลองเพลอยูบ่ า้ นขามเปี้ย คณะพระ
ศรีศิลป์อยู่บ้านหนองโข่ย คณะทับถนนอยู่บ้านเชียงยืน คณะลูกพระธรรมวังน้ำพอง เป็นต้น
จุดเริ่มต้นของการได้เป็นเครือข่ายซึ่งกันและกัน เริ่มจากการที่มีหัวหน้าคณะกลองยาวมีพื้นที่
บนสือ่ สังคมออนไลนใ์ นการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร และเร่มิ ทำความรจู้ กั กนั ผ่านช่องทางดังกลา่ ว ในการ


63 ก

แลกเปลี่ยนสมาชิกสำหรับทำการแสดงในวันที่สมาชิกของคณะใดคณะหน่ึงมีสมาชิกไมเ่ พยี งพอ
สำหรับการทำการแสดง รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางกลองยาวซึ่งกันและกัน ดัง

ขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์
“…กะเป็นเครือขา่ ยกันเพราะว่าหัวหนา้ วง กะมี Social กะมีการทกั ข้อความ โทรหากนั

ว่ามื้อนวี้ ่างบ่ข่อยขอยืมตัวลูกน้องสกั 4-5 คนแน่ ยมื ดจู๋ นมันเกิดความสัมพนั ธ์กนั มีการมีงาน
กะโทรกันไปช่วย วงนี้รับงานแล้ว 2 งาน กะโยนให้วงนี้ เป็นเอื้อเฟื้อต่อกันบ่แม่นว่ารับไว้คน
เดียว…”

(วรวฒุ ิ คำจรุ ลา, สัมภาษณ์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

กติกาขอ้ ตกลงในกล่มุ

คณะกลองยาวลกู พระพศิ าล มขี ้อตกลงในการอยรู่ ว่ มกนั หลักอยู่ 5 ขอ้ คือ 1) เวลาซ้อม
หา้ มนำสรุ าเครอื่ งด่มื มึนเมาเขา้ มาในเวลาซ้อม 2) หา้ มมสี ัมพันธเ์ ชิงชู้สาวภายในคณะกลองยาว

3) ให้ความเคารพผู้ที่อยู่มาก่อน 4) ไปมาลาไหว้ และ 5) ในขณะที่ออกไปทำงานการแสดง

หา้ มด่ืมสรุ า (ดม่ื ได้เฉพาะตอนยอครูเพียงเลก็ น้อยเท่าน้ัน) ถ้าเหน็ ก็จะมีการตกั เตือนซ่ึงกันและ
กนั แตถ่ ้าหากในกรณที ีผ่ ้วู า่ จ้างนำสุรามาใหด้ ่ืม ทางคณะกลองยาวกจ็ ะรบั ไวแ้ ต่จะไม่ด่ืมในทันที

จะกลับมาด่ืมทส่ี ำนักงานหลงั จากทำการแสดงเสรจ็ เรยี บร้อยแล้วเท่านั้น เนื่องจากการด่ืมสุรา

ในขณะที่เราทำการแสดงถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับคณะกลองยาว และอาจทำ
ใหก้ ารแสดงเกดิ อปุ สรรคจากการดมื่ สรุ าจนมนึ เมาได้ ดงั ข้อมูลทีไ่ ด้จากการสัมภาษณ์

“…กะรับไว้อยู่ครับ แต่สิบ่ไปกินให้เพิ่นเห็นเพราะว่าคนกินเหล้า ถ้ากินบ่เมาจักสิกิน
เฮ็ดหยัง เขากะกลับมากินอยู่สำนักงาน ถ้าไปกินตอนไปเฮ็ดงานแล้วฮากละเลี่ยมันกะสิบ่งาม
เอาหนา้ ไวก้ ่อน…”

(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สัมภาษณ์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หัวหน้าและสมาชิกภายในกลุ่มร่วมกันตั้งกติกาในการอยู่ร่วมกันใน
กลุ่มขึ้นมา เพราะ ถ้าหากปราศจากซึ่งกฎกติกาในการอยู่ร่วมกนั อาจสง่ ผลเสียต่อทั้งสมาชกิ ใน

กลุ่ม และภาพลักษณ์ของกลุ่มได้ ทั้งนี้การมีกฎกติกาในการอยู่ร่วมกันจะทำให้สมาชิกภายใน

กลุ่มทราบถึงแนวทางในการปฏิบัติตนที่เป็นไปในลักษณะเดียวกัน อันจะนำไปสู่การดำเนิน
กิจกรรมของกลุ่มที่ประสบผลสำเร็จและคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกภายในกลุ่ม ดัง

ข้อมลู ท่ไี ด้จากการสมั ภาษณ์
“…ถ้าบ่เฮ็ดเลยกะได้อยู่แต่ว่าเฮาอยู่นำคนส่วนหลายเฮาต้องมีคนกฎกติกาในการอยู่

นำกนั ถา้ บม่ ผี ้นู อี้ ยากเฮด็ หยงั กะเฮด็ ไปมาบ่บอกเพิน่ มนั กะจะเปน็ การรอเกอ้ กัน ลงั คนเลน่ กนั
ในวงถา้ เขาเลิกกนั มันกะเบิง่ หน้ากันบต่ ดิ เพราะว่ามนั อย่วู งเดยี วกัน…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)
ผู้ชมการแสดง

อิทธิพลของผู้ชมการแสดงต่อคณะกลองยาวความสนุกสนานในการรับชม ปกติในเวลา

ที่คณะกลองยาวลูกพระพิศาลไปทำการแสดงจะมีผู้ชมอยู่ที่ 100 คนขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็น
ชาวบ้านในหมู่บ้าน และเครือญาติของผู้ที่ว่าจ้างให้ไปทำการแสดง แต่ถ้าหากนับตั้งแต่ที่ไป

ทำการแสดงจะมีทั้งผู้ชมและผู้ที่มาร่วมแห่กลองยาวที่มีจำนวนมากที่สุดมีจำนวนประมาณ


64

300-400 คน ซึ่งเป็นงานบุญกฐิน ของอำเภอบ้านเหลี่ยม จังหวัดนครราชสีมา สะท้อนให้
เหน็ ว่ากลองยาวอสี านกบั บุญประเพณีน้นั เป็นมหรสพเสพงันทไี่ มส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้

โอกาสในการแสดง
คณะกลองยาวลูกพระพิศาลจะมีช่วงเวลาทีถ่ ือได้วา่ เป็นช่วงท่ีคณะมโี อกาสในการแสดง
มากที่สุด คือ ช่วงเทศกาลและช่วงที่มีการจัดกิจกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวัน
ออกพรรษา เนื่องจากแต่ละหมู่บ้านจะมีการจัดงานกฐิน งานบวช เป็นต้น และในช่วงก่อนวนั
เข้าพรรษาทางคณะก็จะได้รับงานแสดงเช่นกัน นอกจากนี้โอกาสในการแสดงจะขึ้นอยู่กับช่วง
เทศกาลนั้น ๆ ด้วย เช่น ช่วงเทศกาลบุญบั้งไฟที่จังหวัดยโสธร ทางคณะก็จะได้รับการว่าจ้าง
ให้ไปทำการแสดงที่นน้ั ด้วย ดงั ข้อมูลทไ่ี ด้จากการสมั ภาษณ์
“…ช่วงออกพรรษาครับเพราะว่ามันมีงานกฐิน งานบวช แต่งงาน งานทางศาสนา
แต่ว่าชว่ งกอ่ นเขา้ พรรษากะเป็นแห่เทยี นแล้วแต่หนา้ เทศกาล ไปยโสกะไปแหบ่ ้งั ไฟใหเ้ พ่นิ …”

(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)

การที่คณะกลองยาวจะสามารถได้รับงานจากผู้ว่าจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้วา่ จ้างท่อี ยู่
นอกพื้นที่ นอกเหนือจากการที่ไ ปแสดงหรือประกวด แข่งขันใน พื้น ที่ต่าง ๆ
ส่วนการประชาสัมพันธ์ถือเป็นหนึ่งอีกปัจจัยสำคัญในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว กล่าวคือ
ผู้คนในสังคมจะไม่สามารถรู้จักคณะกลองยาวลูกพระพิศาลได้เลยหากปราศจากการ
ประชาสัมพนั ธ์ของกลมุ่ โดยเครื่องมือทถี่ อื วา่ เปน็ เครือ่ งมือสำคัญท่ีทางคณะกลองยาวใช้ในการ
ประชาสัมพันธ์ คือ พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ เฟสบุ๊ค และไลน์ นอกจากนี้เมื่อทางคณะ
ได้รับงานติดต่อมาจากผู้ว่าจ้างคณะกลองยาวจะรับงานนั้น ๆ อย่างสม่ำเสมอ นอกเสียจากจะ
ประสบปัญหาสมาชิกไม่ว่างเพียงพอสำหรับการทำการแสดง ทางคณะ
จงึ จะปฏิเสธงานผู้ว่าจ้างไป ดงั ขอ้ มลู ทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์

“…ก่อนที่จะไปงาน กะสิมีการโพสต์ลงในเพจกลุ่มกลองยาวภาคอีสาน แล้วกะคนในวง
กะกดแชร์ส่งต่อ ๆ ไปเพื่อให้คนผู้เฒ่าบางคนอาจจะเล่นเฟสบุ๊คเล่นไลน์พอได้เห็นว่าวงจะไป
ออกงานบา้ นนนั้ บ้านน้ี บางคนเห็นในเฟสกะตดิ ตามไปเบง่ิ กะเห็นแลว้ วา่ เลน่ ดีจะจา้ งต่อกะมี”

(วรวฒุ ิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

กิจกรรมของคณะกลองยาว
กิจกรรมหลักของคณะกลองยาวลูกพระพิศาล นอกจากการแสดงร่วมกันแล้ว
ยังมีการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในมิติที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของ
คณะกลองยาว เช่น การซักซ้อมก่อนการทำการแสดงจริง หรือการเก็บรักษาและทำความ
สะอาดอุปกรณ์ประกอบการแสดง นอกจากนี้อีกหนึ่งกิจกรรมที่เกี่ยวของกับคณะกลองยาว
ทีส่ ำคญั ที่สมาชิกคณะกลองยาวทุก ๆ คนจะมาเข้าร่วมอยเู่ สมอ คือ งานไหว้ครู
ครูกลอง พ่อแม่ครูอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ในทุก ๆ วันที่ 13 เมษายน
ของทุกปี อกี ท้งั วันสำคัญทางศาสนาตา่ ง ๆ อาทิ วนั เข้าพรรษาและวนั ออกพรรษา สมาชิกคณะ
กลองยาวทุกคนจะมารวมตวั กนั เพ่ือจัดพิธไี หว้ครบู าอาจารย์ โดยรวมแล้วกจิ กรรมการไหว้ครู
บาอาจารย์ ครูกลอง พ่อแม่ ของคณะกลองยาวลูกพระพิศาลจะถูกจัดขึ้น 3 ครั้งในทุก ๆ ปี
ดังขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการสมั ภาษณ์


65 ก

“…มาเฮ็ดร่วมกันเป็นประจำ กะคืองานไหว้ครู ครูกลองพ่อแม่อาจารย์ ผู้ประสาทร
วิชาให้ วันที่ 13 เมษายน แล้วกะเข้าพรรษาและออกพรรษา ปีหนึ่งจะมาโฮมกัน แต่งผลไม้
เลยี้ ง ครูบาอาจารยป์ ลี ะ 3 เทยี่ …”

(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)

ในส่วนของกิจกรรมหลักของกลองยาวที่จะต้องมีการไหว้ครูบาอาจารย์ ผู้ที่ประสิทธิ์
ประสาทวิชากลองยาวให้คณะกลองยาวแล้ว คณะกลองยาวจะต้องมีการซักซ้อมก่อน
ทำการแสดง และดแู ลรักษาอุปกรณ์ประกอบการแสดงดังท่ีกล่าวไปก่อนแล้วข้างต้น โดยคณะ
กลองยาวมองว่าการจะทำการแสดงในแต่ละครั้ง การแสดงในครั้งนั้น ๆ จะต้องสมบูรณ์แบบ
หรือเกิดข้อผิดพลาดในการแสดงน้อยที่สุด ซึ่งความจำเป็นต่อการซักซ้อมเพื่อการแสดงนั้นจะ
ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานแสดงที่ได้รับด้วย หากเป็นงานแห่กลองยาวตามหมู่บ้านทั่วไป
ทางคณะจะไมไ่ ดม้ ีการซักซ้อมมากนักเนือ่ งจากทางคณะมีความคนุ้ ชนิ กบั รูปแบบการแสดงแล้ว
และการแห่กลองยาวในหมู่บ้านเน้นความสนุกสนานมากกว่าความสมบูรณ์แบบในการแสดง
แต่ถ้าการแสดงนั้น ๆ เป็นการแข่งขันหรือการแสดงในงานเทศกาลต่าง ๆ ทางคณะจะมีการ
ซักซ้อม 2-3 ครั้ง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบและความแม่นยำให้กับการแสดง ดังข้อมูลที่ได้
จากการสมั ภาษณ์

“…แล้วแต่งานครับถ้าเป็นงานแห้กะบ่มีการซักซ้อมเพราะเป็นแล้ว แต่ถ้าเป็นโชว์มัน
ตอ้ งเป๊ะ มนั สิบ่เหมือนยามเฮาไปแหค่ บั อันนก้ี ะสิมกี ารซอ้ มอยจู่ ั้ก 2-3 เทีย่ นลิ ะครบั …”.

(วรวุฒิ คำจุรลา, สัมภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

ภายหลงั การแสดงกลองยาวของคณะจบลง ทางคณะจะต้องดูแลและรกั ษาอปุ กรณ์ที่ใช้
ในการทำแสดง โดยทางคณะจะทำการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ตามอุปกรณ์ที่สมาชิก
ใชท้ ำการแสดง กลา่ วคือ การรักษาอปุ กรณห์ รอื เคร่ืองดนตรีที่ใช้ในการแสดงผู้ที่จะดูแลรักษา
ได้ดที ี่สดุ คอื ผูท้ ีใ่ ชอ้ ปุ กรณห์ รอื เครื่องดนตรีน้ัน ๆ นอกจากนใ้ี นส่วนของอุปกรณ์อน่ื ๆ ท่ีไม่ได้
มีผู้รับผิดชอบในการแสดงโดยตรง ทุก ๆ คน ในคณะก็จะดูแลรักษาร่วมกัน ดังข้อมูลที่ได้จาก
การสมั ภาษณ์

“…แบ่งหน้าที่กันเช่นกลองยาวกะสิแม่นผมที่เป็นหัวหน้าวงเป็นผู้ดูแลอุปกรณ์กลอง
ยาว ฉาบ เป็นต้น ส่วนพิณ เบส กลองโซโล่ กะสิให้เจ้าตัวผู้เขาเล่นเป็นคนดูแล เพราะว่าเฮา
กะรกั ษานำเขาบ่เปน็ …”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพันธ์ 2565)

การว่าจ้างการดำรงอยู่
การว่าจ้างคณะกลองยาวลูกพระพิศาล มีการพิจารณาค่าจ้างอยู่บนฐานของลักษณะ
งาน และระยะทางในการเดินทางไปยังพ้ืนที่ทำการแสดงเปน็ สำคัญ โดยเรมิ่ จากราคา 3,500
บาท โดยการได้รับการว่าจ้างครั้งแรกของคณะเริ่มจากงานภายในพื้นที่หมู่บ้าน และใน พ.ศ.
2558 ภายหลังที่สื่อสังคมออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลในการดำเนินชีวิตประจำวัน เริ่มมีการ
ถ่ายภาพและคลิปวิดีโอการแสดงของคณะแล้วนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ทำให้คณะ
เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเริ่มได้ออกไปทำการแสดงนอกพื้นที่หมู่บ้าน ซึ่งไกลที่สุด


66

ที่คณะเคยไปทำการแสดงจังหวัดนครสวรรค์ ได้รับค่าจ้าง 40,000 บาท พร้อมรถทัวร์
เดินทางจากผู้ว่าจ้าง ส่วนต่างประเทศได้ทำการแสดงที่จังหวัดเวียงจันทร์ สาธารณรัฐ
ประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นการบรหิ ารจัดการผ่านหน่วยงานราชการจังหวัดประสาน
ใหไ้ ปทำการแสดง

จ า ก ท ี ่ ก ล ่ า วไ ป ข ้ า ง ต ้ น ว ่ า เ ง ื ่ อ นไ ข ข อ ง ก า ร ค ำ น ว ณ ค ่ า จ ้ า ง ข ึ ้ น อ ย ู ่ ก ั บ ล ั ก ษ ณ ะ ง า น
และระยะทางของพนื้ ทที่ ี่จะต้องไปทำการแสดง งานทีจ่ ะต้องแห่รอบหมู่บ้านจะคิดราคาต่างจาก
การแสดงปกติ เน่ืองจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการแห่นานกวา่ ปกติ ถา้ หากแห่เปน็ ระยะทาง 2
กิโลเมตร ขึ้นไป จะคิดค่าจ้างอยู่ที่ประมาณ 7,000 ถึง 8,000 บาท หรือ 10,000 บาท
นอกจากน้ยี งั มีเง่ือนไขอีกหนึ่งประการทีถ่ ือว่าสำคัญมาก คือ การมดั จำ เพื่อเปน็ หลักประกันได้
ว่าทางผู้จัดจะไม่ยกเลิกการว่าจ้างในครั้งนี้ อย่างต่ำค่ามัดจำจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 หรือ
500 บาท และถ้าหากผู้ว่าจ้างยกเลิกหรือเลื่อนงานออกไป ค่ามัดจำนั้นจะถือเป็นโมฆะหรือ
อาจคืนค่ามัดจำให้กับผู้ว่าจ้างหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าคณะ แต่ในกรณีท่ี
คณะกลองยาวได้รับค่ามัดจำจากผู้ว่าจ้างและไม่ไปทำการแสดงตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ว่าจ้างก็
สามารถแจ้งความดำเนินคดกี ับทางคณะกลองยาวไดเ้ ช่นเดยี วกนั

การประกวดแข่งขัน
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล ได้เข้าร่วมการประกวดการแข่งขันประมาณ 5 ครั้ง
ทั้งในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอื่นในภาคอีสาน เช่น อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธ์ุ
และงานเทศกาลไหมนานาชาติ จังหวัดขอนแก่น โดยการแข่งแต่ละครั้งคณะกลองยาวมักจะได้
รางวัลกลับมาเสมอ ซึ่งสนามในการแข่งขันของคณะกลองยาวส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่เดิม
ที่คณะฯ เคยเข้าร่วมแข่งขันมาก่อน เนื่องจากทางคณะผู้จัดการแข่งขันไม่สามารถทำการ
ประชาสมั พันธแ์ ละจัดหาคณะกลองยาวเขา้ มารว่ มการแขง่ ขันได้ เพราะ การเขา้ ร่วมการแข่งขัน
ในแต่ละครั้งคณะกลองยาวแต่ละคณะจำเป็นจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าร่วมแข่งขันก่อน
เสมอ หากคณะกลองยาวใดขาดเงินทุนสำรองในส่วนนี้ก็จะตัดสินใจเลือกที่จะไม่เข้าร่วม
การแข่งขนั เปน็ สว่ นใหญ่ ดงั ขอ้ มูลทไ่ี ด้จากการสมั ภาษณ์
“ … ป ร ะ ม า ณ 5 ส น า มไ ด ้ แ ล ้ ว ค รั บ ห ้ า ส น า ม น ี ้ ก ะ ค ื อไ ป แ ต ่ ห ม ่ อ ง เ ก่ า
ขะเจ้ากะบ่อยากหาวงอื่นเพราะว่ามันหายากที่จะมาแสดง ในการแข่งถ้าจะเอาวงสุ่มสีส่ ุ่มห้ามา
เลน่ ปะปนมนั กะบ่สมกับงานเขา เขากะสเิ อาหัวกะทิกับหางมาปะทะกัน เชน่ งานวาปเี ขากะสิเอา
วงเกา่ ๆ มาแขง่ กนั …”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กุมภาพนั ธ์ 2565)

แม้ว่าการเข้าร่วมการแข่งขันจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นการ
ลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากคณะกลองยาวไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในการแข่งขันครั้งนั้น ๆ คณะของ
ตนจะได้รับเงินรางวัลหรือไม่ ถึงแม้ในบางกรณีในงานการประกวดแข่งขันที่จัดโดยหน่วยงาน
ระดับจงั หวดั ทางผู้จดั งานจะมีค่าตอบแทนที่เปรียบไดเ้ หมือนการเชิญให้มาเข้าร่วมการแข่งขัน
เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่วัฒนธรรมกลองยาวให้ผู้คนในสังคมได้รับชม ดังข้อมูลที่ได้
จากการสัมภาษณ์


67 ก

“…แต่ว่าในการแสดงสมมุติว่ามีอยู่ 5 รางวัล เขาจะหาวงให้ครบกับจำนวนรางวัล
เพราะว่าแต่ละวงมามันมคี า่ ใช้จ่ายในการเดนิ ทาง ค่ารถค่าอยู่ค่ากิน แตใ่ นห้าวงนีเ่ ขาสมิ ีการฟิก
เงินไว้ให้อยู่ ค่าเหยียบสนามค่าเข้าร่วมเขาจะให้แล้ว 8,000 บาท ค่าเดินทางค่าอยู่ค่ากินต่าง
ๆ ส่ำเขาจา้ งเฮาไปเลน่ นัน่ ล่ะครบั ว่าวงได๋จะเลน่ ดกี ะสไิ ด้เงนิ เพ่มิ …”

(วรวฒุ ิ คำจรุ ลา, สัมภาษณ์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

แต่อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละครั้ง ถือเป็นการประชาพันธ์
และเผยแพร่วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของคณะกลองยาวได้เป็นอย่างดี หากคณะ
กลองยาวมีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันจะทำให้ผู้คนได้รับชมการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์
อีกทั้งถือเป็นโอกาสที่ทางคณะกลองยาวอาจได้รับงานแสดงจากผู้ที่สนใจหลังจากที่ได้รับชม
การแสดงของคณะกลองยาวอีกดว้ ย ดงั ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสมั ภาษณ์

“…ส่ิงทเ่ี ฮาได้กะคือชื่อเสียง บางเที่ยกะมีแมวมองมาเบ่งิ เขากะสิตดิ ตอ่ เฮาไปเรอ่ื ย ๆ”
(วรวุฒิ คำจรุ ลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพันธ์ 2565)

หน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
คณะกลองยาวลูกพระพิศาล นอกจากจะมีเครือข่ายกับคณะกลองยาวในจังหวัด
ขอนแก่นคณะอื่น ๆ แล้ว ภายในพื้นที่ยังได้รับการสนับสนุนจากสถานศึกษา และวัดกู่แก้ว
สามัคคี ในการขอความอนุเคราะห์ทั้งสมาชิกที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนพิศาลกุณวิทยา ในกรณีที่
คณะกลองยาวมีงานจ้างในวันที่โรงเรียนมีการจัดการเรียนสอน และสมาชิกไม่เพียงพอ
จ ำเ ป็น ต้องข อ อน ุเ คร า ะห ์ผ ู ้อ ำน ว ย การ โร งเ รี ยน แล ะค ุณ คร ูผ ู้ สอ นใ ห ้น ั กเ ร ี ยน ล า ห ยุ ด
เพื่อมาทำการแสดงช่วยคณะกลองยาวในวันนั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีพระครูวุฒิธรรมาพิราม
วัดกู่แก้วสามัคคี หลวงพ่อเคน (ดร.) เจ้าคณะตำบลดอนช้าง และอาจารย์ฤาษีคัมภีร์ อำเภอ
เชียงยืน จังหวัดมหาสารคามเป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งในเรื่องงบประมาณและองค์ความรู้ที่จำเป็น
ตอ่ การแสดงกลองยาว

4.6 จุดเด่นของคณะลูกพิศาลกลองยาว

คณะกลองยาวลูกพระพิศาล เป็นคณะกลองยาวที่มีเครือข่ายที่หลากหลายคอย
ช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในกรณีของการแลกเปลี่ยนสมาชิกไป
ร่วมแสดงหากคณะกลองยาวมีสมาชิกไม่พอสำหรับทำการแสดง เป็นต้น อีกทั้งความสัมพันธ์
ของคนในกลุ่มยังเป็นไปในลักษณะความเป็นครอบครัว ความเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยเหลือซึ่งกัน
และกัน นอกจากนี้รูปทรงกลองยาวของกลุ่มยังมีความเป็นเอกลักษณ์คณะอื่นจะมีลักษณะ
สมสว่ นเปน็ รูปกลองมาตรฐาน แตก่ ลองของกลมุ่ เราจะใช้กลองก้นบาน โดยกลุม่ ทีใ่ ช้กลองยาว
ลักษณะนี้ในจังหวัดขอนแก่นมีเพียงคณะกลองยาวลูกพระพิศาล และคณะกลองยาวทองแม็ก
ทบั ถนน อันเนอ่ื งมาจากผู้อาวโุ สในคณะทเี่ ป็นช่างทำกลองนน้ั ไดม้ องเหน็ ว่า ฮอร์นขยายเสียง
มีลักษณะบาน ๆ และเสียงดัง หากทำก้นกลองให้บานเหมือนฮอร์นคงจะเสียงดังกังวาน
จึงทำให้ผลิตกลองก้นบานข้ึนมาใช้ ดังนั้นเวลาคณะกลองยาวลูกพระพิศาลไปออกงานหรือรบั
งานแสดงที่ไหน ชาวบ้านจะสามารถรู้ได้ทันทีว่ากลองลักษณะนี้เป็นของคณะกลองยาว
ลูกพระพิศาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าลักษณะกลองยาวที่เป็นเอกลักษณ์และมีลักษณะเฉพาะ


68

แตกต่างจากคณะอื่น ๆ ส่งผลต่อการสร้างภาพจำของคณะกลองยาวได้เป็นอย่างดี
ผ่านรูปลักษณ์ของกลองยาวและเสียงการตีกลองยาวที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่ม ดังข้อมูลที่ได้
จากการสมั ภาษณ์

“…เอกลักษณ์ของเฮาเลยกะ คือ รูปทรงของกลองยาว วงอื่นสิเป็นสมส่วน คำว่าสม
ส่วน กะคือ กลองยาวหน้า 10 ตีนจะอยู่หน้า 9 ถ้าเป็นคนดารากะสิเป็นณเดช แต่วงผมสิเป็น
คล้าย ๆ คนอว้ น หน้าปอ้ ม ดากบาน มนั เลยเปน็ เอกลกั ษณ์ของวงกลองยาว เพราะว่า วงกลอง
ยาวที่ใช้กลองดากบานสิมีอยู่ 2 คณะ มีวงลูกพระพิศาลกับวงแม๊กทองทับถนน ไปบ้านได๋รู้จัก
โลดวา่ กลองคณะน้ีแล้วเสียงกเ็ ป็นเอกลกั ษณน์ ำ…”

(วรวุฒิ คำจุรลา, สมั ภาษณ์ 19 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

สามารถสรปุ ไดเ้ ป็นประเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ความสามัคคีของสมาชิกในวงที่มาจากหลายหมู่บ้าน ในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอ
เมอื งขอนแก่น และสว่ นใหญ่เปน็ กลมุ่ เดก็ และเยาวชน
2. รูปทรงของกลองยาวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีลักษณะใบหน้าขนาดเล็ก
และท้ายขนาดใหญ่หรือที่เรยี กว่า “หนา้ น้อย ดากบาน” ทำใหม้ ีเสียงที่ดังและแนน่ กวา่ กลองยาว
แบบปกติ
3. กลองยาวมีการทำขึ้นจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นและประยุกต์ทำข้ึน และซ่อมแซม
ดว้ ยสมาชิกในคณะกลองยาวเอง
4. มีฐานข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกลองยาวของผู้อาวุโสของหมู่บ้าน ซึ่งสืบทอด
มาเปน็ เวลาทยี่ าวนาน
5. สมาชกิ ในคณะกลองยาวเชือ่ ฟงั กฎ และกติกา
6. หากการแสดงพบปัญหา สมาชิกคณะมีทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็น
อยา่ งดี

คลปิ การแสดงกลองยาวคณะลกู พระพิศาลกลองยาว

การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 3/1 คณะลูกพระพิศาลกลองยาว จังหวัด
ขอนแกน่
https://www.youtube.com/watch?v=bPzRFaZonTI
การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 3/2 คณะลูกพระพิศาลกลองยาว จังหวัด
ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=7cl0-vjjYEM&t=10s


69 ก

ภาพกจิ กรรมการถา่ ยทำคลปิ นำเสนอคณะลกู พระพิศาลกกลองยาว
ตดิ ตามคลปิ นำเสนอและการแสดงกลองยาวอีสานทาง Facebook Fan page และ YouTube

“กลองยาวอีสานสรา้ งสรรค-์ กสส.”


คณะกลองยาวขวญั ใจภูเวยี งโฉมใหม่
บา้ นโนนต่นุ ตำบลสงเปือย อำเภอภเู วียง จังหวดั ขอนแกน่


71 ก

5

กลองยาวขวญั ใจภเู วยี งโฉมใหม่

คณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่มีจุดเด่น คือ หัวหน้าและสมาชิกคณะกลองยาว
ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในการพัฒนารูปแบบ
การแสดง ขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่มีลายพิณที่เป็นเอกลักษณ์ของคณะซึ่งแตกต่างลายพิณ
ของคณะอื่น ๆ เนื่องจากหัวหน้าคณะกลองยาวมีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับพิณ
ทัง้ ยังเป็นผู้ผลิตและจำหนา่ ยพณิ อกี ดว้ ย

ข้อมลู บรบิ ทคณะกลองยาว

5.1 พัฒนาการการแสดงกลองยาวของคณะกลองยาว (อดตี )

ค ณ ะ ก ล อ ง ย า ว ข ว ั ญใ จ ภ ู เ ว ี ย ง น ั ้ นไ ด ้ เ ก ิ ด ข ึ ้ น จ า ก ค ว า ม ร ั กใ น ศ ิ ล ป ะ ก ล อ ง ย า ว ข อ ง
คุณตาบุญรมณ์ ภารบาล (อดีตนักการภารโรงโรงเรียนภูเวียงพิทยาคม) ซึ่งเป็นนักดนตรี
พื้นบ้านอีสานมีความสามารถในการเล่นและถ่ายทอดการเล่นเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน
ได้หลากหลายชนิด เช่น แคน พิณ โปงลาง และซอ โดยมีความถนันมากที่สุดคือ แคน และพณิ
ทส่ี ามารถเล่นจะถ่ายทอดได้เป็นพเิ ศษ คณุ ตาบญุ รมณ์นน้ั ได้มกี ารฝึกฝนเรยี นรู้การเล่นดนตรี
พื้นบ้านอีสานมาตั้งแต่เด็ก ผ่านการสอนและการเรียนรู้จากคนในหมู่บ้านที่ถ่ายทอดวิชา
ความรใู้ นการเลน่ และการประดษิ ฐ์เครือ่ งดนตรพี ื้นบ้านให้ ซ่ึงเคร่ืองดนตรีชนิดแรกที่ฝึกเล่น
คือ พิณ โดยลายบรรเลงแรกที่นายบุญรมณ์เล่นได้คือ ลายสร้อย เมื่อคุณตาบุญรมณ์อายุได้
18 ปี ไดป้ ระกอบอาชพี เป็นนักดนตรีประจำในคณะหมอลำ

เมื่อปี พ.ศ. 2532 คุณตาบุญรมณ์มีอาชีพเป็นนักการภารโรงในโรงเรียนภูเวียง
วิทยาคม อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น หลักจากนั้นคุณตาบุญรมณ์ได้ร่วมมือกับคณะครูใน
โรงเรียนจัดตง้ั วงโปงลางขึ้น ชอ่ื วงโปงลางศลิ ป์ภเู วยี ง และในปี พ.ศ. 2534 ได้นำวงไปทำการ
แสดงทั้งในและต่างจังหวัด อีกทั้งยังมีการเข้าร่วมการแข่งขันในหลายเวที เมื่อคุณตาบุญรมณ์
เกษียณจากอาชีพภารโรงจึงได้ก่อตั้งคณะกลองยาวประยุกต์ของตนเอง ชื่อว่าคณะกลองยาว
ขวัญใจภูเวียง อีกทั้งยังได้เป็นปราชญ์ชาวบ้านในการถ่ายทอดวิชาความรู้ด้านการเล่นเครื่อง
ดนตรีพ้นื บา้ นอีสานให้แกน่ กั เรียน และคนในชุมชน


72

ปัจจุบันหัวหน้าคณะกลองยาวขวัญใจภูเวียง คือ นายสมชาย อ่อนเหลา หรือ บิ๊ก
เนื่องจากในอดีตเมื่อบิ๊กได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนภูเวียงวิทยาคมและได้มีโอกาสได้ชมการแสดง
พิณจึงเกิดความชอบในเสียงพิณ คุณตาบุญรมณ์จึงเป็นผู้สอนให้พี่บิ๊กเริ่มดีดพิณครั้งแรก
แรกเริ่มจากความชอบและการเรียนรู้จากคุณตาบุญรมณ์ทำให้บ๊ิกได้เข้าร่วมการแข่งขัน
การดีดพิณในระดับโรงเรียนหลากหลายเวที และได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการแสดงกลองยาว
จากนายบุญรมณ์มาโดยตลอด จนได้เข้าไปเป็นสมาชิกของคณะกลองยาวขวัญใจภูเวียง
ในช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงท้ายของวงภายใต้ความดูแลของ คุณตาบุญรมณ์
ภายหลังเมื่อคุณตาบุญรมณ์อายุมากขึ้นส่งผลให้ไม่สามารถดูแลคณะกลองยาวของตนไหว
จึงได้ให้บิ๊กเข้าเป็นหัวหน้าคณะกลองยาวแทนตนเอง เพื่อเป็นการสืบทอดคณะกลองยาว
รวมทั้งเป็นสิ่งที่ตนชื่นชอบ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไดม้ ีการเปลี่ยนช่ือคณะเป็น “กลองยาวขวัญใจ
ภูเวียงโฉมใหม่” ซึ่งเพิ่มคำว่าโฉมใหม่เข้ามาเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงความเป็นคนรุ่นใหม่
มีการพัฒนาเริ่มใช้เทคโนโลยีและดนตรีสมัยใหม่เข้ามาร่วมในการแสดง และพร้อมจะเผยแพร่
การแสดงดนตรีพนื้ บ้านอสี านให้แกเ่ ยาวชนคนรุน่ ใหม่ได้รบั ร้ถู งึ เสนห่ ์ของดนตรพี ื้นบา้ นอีสาน

“การเปลย่ี นช่ือกเ็ พราะคำว่าโฉมใหม่ คือ การเป็นสมาชิกรุ่นใหม่ คนรุน่ ใหม่ การเอามา
พฒั นาขึ้นใหมจ่ ากเก่าทเี่ คร่อื งเสยี งมนั ก็เปน็ รุน่ เก่า ทนี ีผ้ มเลยเอามาพฒั นา เฮด็ ใหม่ เฮ็ดรถแห่
ใหม่ เฮ็ดอหิ ยังใหม่หมด แตเ่ พิ่นยงั คงอยากให้คงชื่อขวญั ใจภูเวียงไวอ้ ยู่ผมกเ็ ลยเพ่ิมคำวา่ โฉมใหม่
เข้าไปครบั ”

(สมชาย อ่อนเหลา, สัมภาษณ์ 27 กมุ ภาพันธ์ 2565)
ระดบั การแสดง
คณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่ยังคงเป็น คณะกลองยาวท่ีเริ่มข ึ้นได้
5 – 6 ปี ภายใต้การดูแลของบิ๊ก ระดับการแสดงส่วนใหญ่ของคณะจึงยังอยู่ในระดับอำเภอ
และเนื่องจากในภาคอีสานนั้นในจังหวัดอื่นๆ ต่างมีคณะกลองยาวอยู่ในพื้นที่ของตน
การไปแสดงตา่ งจังหวดั จึงมไี ม่บ่อย
บทบาทของการแสดงกลองยาว
ในอดีตการแสดงกลองยาวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงในรปู แบบโบราณ ไม่มีการใช้
เครือ่ งดนตรสี มัยใหมเ่ ข้ามาผสมผสาน เปน็ การตกี ลองยาวแบบด้งั เดิม จังหวะก็เป็นจังหวะเดิม
แบบโบราณ การแสดงก็เป็นการไปแสดงตามการว่าจ้าง การแสดงในงานประเพณี
งานบวงสรวง งานบวช แห่งขันหมาก เป็นต้น ส่วนการแสดงของคณะกลองยาวขวัญใจภูเวียง
โฉมใหม่ช่วงแรกเริ่มขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วเป็นการไปแสดงในงานบวงสรวงต่อมาเริ่มไปแสดงใน
งานแห่อปุ สมบท งานมงคลสมรส งานบุญผะเหวด งานบุญกฐิน และมีการเข้ารว่ มแสดงโชว์ใน
งานงิ้วประจำอำเภอในทุก ๆ ปี รวมถึงยังมีการไปแสดงในต่างจังหวัดตามการว่าจ้าง
ของเจา้ ภาพ


73 ก

คณะกลองยาวยังมีบทบาทต่อชุมชนในด้านการสร้างเครือข่ายระหว่างหมู่บ้าน
เนื่องจากสมาชิกภายในคณะนั้นมาจากหลากหลายหมู่บ้าน เพื่อมารวมตัวการในการแสดง
ซึ่งเกิดเป็นเครือข่ายขึ้น และยังสร้างความสามัคคีให้แก่คนในชุมชนเมื่อมีงานก็จะมาจ้าง
คณะของหมูบา้ นตนเอง อกี ทัง้ ยงั เป็นการสร้างรายได้เสริมให้แกค่ นในชุมชนอีกดว้ ย

ความเช่อื เกยี่ วกับกลองยาว
การแสดงกลองยาวทุกครั้งจะมีการไหว้ครูบาอาจารย์ตามความเชื่อของสมาชิก
ในคณะ เป็นการบอกกล่าวครูบาอาจารย์ เจา้ ทีเ่ จ้าทาง เพอ่ื เป็นสริ มิ งคลใหก้ ารแสดงผ่านไปได้
อย่างราบรื่น อุปกรณ์การไหว้ครูจะประกอบไปด้วยเหล้าขาวขวดเล็ก เทียนเล่มเล็ก ดอกไม้
5 คู่ ยาสบู แป้ง และขนั ธ์ 5 ขนั้ ตอนการไหว้ปกติจะเป็นครูใหญท่ ี่สมาชกิ ในคณะใหค้ วามเคารพ
เป็นผู้อาวุโสในการไหว้ แต่ปัจจุบันหัวหน้าคณะกลองยาวจะนำไหว้ด้วยตนเอง เนื่องจาก
ครูใหญ่มีอายุมาก และมีอาการป่วยจึงไม่สามารถเดินทางไปร่วมการแสดงร่วมกับคณะได้
หลังการไหว้ครูบาอาจารย์เสร็จสิ้นสมาชิกบางคนในคณะก็จะมีการดื่มเหล้าขาวที่นำมาไหว้ครู
มีการนำแป้งมาทาเพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในกับตนก่อน
เริ่มทำการแสดง เมื่อเตรียมอุปกรณ์การแสดงเรียบร้อยคณะกลองยาวจะเริ่มการแสดงด้วย
การตีจังหวะกลองยาวโบราณหรือลายช้า ต่อด้วยลายเซิ้งกลอง และเข้าสู่จังหวะลำเพลิน
โดยในการแสดงช่วงท้ายจะเริ่มมีการเอาจังหวะเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมในสังคมปัจจุบันมา
ประยกุ ตเ์ พื่อใหเ้ กดิ ความสนกุ สนานมากย่ิงขึ้น
รูปแบบการแสดงกลองยาว
ร ู ป แ บ บ ก า ร แ ส ด ง ข อ ง ว ง ข ว ั ญใ จ ภ ู เ ว ี ย งใ น อ ด ี ต จ ะ เ ป ็ น ก า ร แ ส ด ง ร ู ป แ บ บ โ บ ร าณ
ไม่มีการนำเครื่องดนตรีสมัยใหม่เข้ามาร่วม ทำนองหรือจังหวะยังคงแบบโบราณ
แต่ในปัจจุบันวงกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่มีการแสดงโดยใช้จังหวะทำนองแบบร่วมสมัย
มีการประยุกต์นำเอาเครื่องดนตรีสมัยใหม่เข้ามาร่วม เช่น เบส กลอง โซโล่ คีย์บอร์ด
และยังคงใช้พิณเป็นผู้นำจังหวะ ในช่วงต้นของการแสดงจะเป็นการเล่นจังหวะดั้งเดิม
เล่นลายช้าไปลายกลองยาวและบรรเลงจังหวะเต้ย การแสดงส่วนใหญ่จะแสดงในงานมงคล
เช่น งานแห่ขันหมาก งานบุญกฐิน งานอุปสมบท งานบุญผะเหวด และคณะขวัญใจภูเวียง
โฉมใหม่นั้นก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในการรับงานสามารถรับงานแสดงได้ทุกรูปแบบโดยขึ้นอยู่
กบั ผจู้ ้าง
การวา่ จา้ งการดำรงอยู่
การแสดงของคณะขวัญใจภูเวยี งโฉมใหม่เคยเดินทางไปทำการแสดงในระยะทางไกลสุด
คือ จังหวัดเลย โดยค่าจ้างในการไปแสดงครั้งนั้นอยู่ที่ประมาณ 14,000 บาท
การตกลงค่าใช้จ่ายหรือการแบ่งค่าจ้างให้สมาชิกในคณะนั้นจะประเมินตามจำนวนสมาชิก
ที่ไปทำการแสดง และระยะทางในการไปแสดงเป็นหลัก การแบ่งค่าจ้างให้แก่สมาชิกในคณะ


74

จะให้แบ่งให้คนละ 300 – 400 บาท แต่หากในหนึ่งวันมีการแสดง 2 งาน จะเพิ่มให้จาก
300 – 400 บาท เป็น 500 บาท โดยบิ๊กจะหักสำรองไว้คนละ 100 บาท เพื่อนำมาเป็น
ค่าบำรุงรักษาเครื่องดนตรี และค่าบำรุงรักษาคณะเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าส่วนกลางของคณะ
โดยการออกไปแสดงแต่ละครั้งจะใช้รถยนต์ของสมาชิกในคณะเป็นยานพาหนะออกไปแสดง
ช่วงเวลาที่จะมีการติดต่อจากผูว้ ่าจ้างเขา้ มามากท่ีสุดจะเป็นในชว่ งเดือน มกราคมไปจนถึงเดือน
เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงทีม่ ีงานบญุ ประเพณี โดยเฉพาะงานแห่อุปสมบท และงานเทศกาล
สงกรานต์

ใ น อ น า ค ต แ น ว โ น ้ มใ น ก า ร จ ้ า ง ง า น อ า จ จ ะ ม ี ล ด น ้ อ ย ล ง เ น ื ่ อ ง จ า ก ส ถ า น ก า ร ณ์
การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ไม่สามารถจัดงานสังสรรค์ หรืองานที่มีการรวมตัว
กันเป็นจำนวนมากได้ อีกทั้งความสนใจในเรื่องของการแสดงดนตรีพื้นบ้านอย่างกลองยาว
ในเด็กและเยาวชนลดลง ทำให้ความนิยมในการแสดงกลองยาวยังคงอยู่ในผูค้ นช่วงวยั ผู้สูงอายุ
และผทู้ ี่สนใจหรือชื่นชอบเท่านัน้

การประยกุ ต์การแตง่ กาย
คณะขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่เมื่อออกไปแสดงตามงานแห่ต่าง ๆ ก็จะมีการแต่งกาย
ที่มีรูปแบบไปในทิศทางเดียวกันภายในคณะ การแต่งกายจะยึดตามรูปแบบงานเป็นหลัก
เมื่อไปแสดงงานแห่งานมงคลภายในหมู่บ้านหรือถ้าผู้ว่าจ้างไม่กำหนดรูปแบบการแต่งกาย
หรือระดับอำเภอจะสวมใส่กางเกงยีนส์ เสื้อม่อฮ่อมหรือเสื้อภูไท หากมีการไปแสดงในงานพิธี
หรืองานระดับจังหวัดจะสวมใส่ผ้าโสร่ง เสื้อม่อฮ่อม และผ้าขาวม้า หรือแต่งตามที่ผู้ว่าจ้าง
กำหนดให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งคณะเพื่อให้เกิดความสวยงามและความเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันของสมาชิก เครื่องแต่งกายของสมาชิกภายในคณะจะหามาด้วยตนเอง ซึ่งในอดีต
เคร่อื งแตง่ กายท่เี ปน็ ของคณะนั้นเก่าชำรดุ ไปตามกาลเวลา เมอื่ สวมใสแ่ ลว้ ดูไมส่ วยงาม

5.2 การแสดงของคณะกลองยาว (ปัจจุบัน)

องค์ประกอบการแสดงกลองยาว
ภายในคณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่มีสมาชิกประมาณ 20 คน โดยมาจาก
หมู่บ้านต่าง ๆ ภายในอำเภอภูเวียง ประกอบไปด้วยนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน
ภูเวียงวิทยาคม ทั้งผู้ท่ีจบการศึกษาแล้ว ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาต่อ และปราชญ์ชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะ
เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 18 – 21 ปี และผู้สูงอายุที่ประมาณ 6 – 7 คน ผู้สูงอายุส่วนใหญ่น้ัน
เป็นคนจากต่างหมู่บ้านที่มีทีมงานกลองยาวเป็นของตัวเอง ซึ่งจะเป็นคณะกลองยาว
แบบโบราณที่มีอยู่ตามหมู่บ้านทั่วไป ไม่ได้มีรูปแบบในการแสดงที่ชัดเจน แต่จะนำเครื่อง
ดนตรีมาเล่นกันยามว่างเพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านั้น ไม่มีการเรียกเก็บค่าจ้าง
หรือการออกงาน เมื่อมีงานแสดงที่ต้องใช้คนเป็นจำนวนมากจะมีการติดต่อโทรเรียกมา


75 ก

ร่วมกนั ฝกึ ซอ้ มเพือ่ ทำการแสดงรว่ มกนั ความสมั พนั ธข์ องสมาชิกภายในคณะจะเปน็ ไปลักษณะ
รูปแบบของพี่ น้อง ครู และลูกศิษย์ ซึ่งไม่มีกฎหรือข้อปฏิบัติในการอยู่ร่วมกัน ที่ชัดเจน
แตจ่ ะชว่ ยสอนหรือมกี ารเสนอแนะรปู แบบการแสดงร่วมกัน

อุปกรณ์ในการแสดงแต่ละครั้งที่นำไปแสดงนั้นขึ้นอยู่กับขนาดงานที่ไปแสดง
หากเป็นงานเล็ก ๆ ก็จะนำกลองยาวไปไม่ต่ำกว่า 4 ใบ หากต่ำกว่า 4 ใบ งานจะดูไม่สนุกไม่
ครึกครื้น พิณ กลองรำมะนา และฉาบใหญ่ 2 คู่ แต่พื้นฐานของการไปแสดงของคณะจะนำ
กลองยาวไป 14 ใบ ฉาบใหญ่ 2 คู่ กลองรำมะนา 1 คู่ พิณ 1 คัน เบส 1 ตัว คีย์บอร์ด 1 ตัว
จะเหน็ ไดว้ ่ามีการนำเบสและคียบ์ อร์ดซงึ่ เป็นเครื่องดนตรีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้เป็นเคร่ือง
ประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีที่ใช้ภายในคณะสว่ นหนึง่ ได้มาจาก การส่งต่อมาจากคณะของคุณ
ตาบุญรมย์ หรือคณะขวัญใจภูเวียงซึ่งเป็นคณะเดิม แต่ปัจจุบันมีการซื้อกลองยาวเพิ่ม 6 ใบ
ราคาประมาณใบละ 12,000 บาท นอกจากนีย้ งั มีการซ้ือเครื่องขยายเสยี ง และรถแห่เพิ่มเตมิ
เข้ามาเพื่อยกระดับให้เกิดความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยงบประมาณที่นำไปซื้อเครื่องดนตรี
และอุปกรณ์ต่าง ๆ จะเป็นงบประมาณจากหัวหน้าคณะเป็นหลัก เครื่องดนตรีทุกชิ้นจึงอยู่
ภายใตค้ วามดูแลรับผิดชอบของหัวหน้าคณะ

ตารางแสดงเครือ่ งดนตรีของคณะกลองยาวภเู วียงโฉมใหม่

ชอื่ เครอ่ื งดนตรี ภาพ จำนวน
14 ใบ
กลองยาว

ฉาบ 2 คู่


76 ภาพ จำนวน
1 คนั
ชอื่ เครอื่ งดนตรี
พิณ

กลองรำมะนา 1 คู่

เบส 1 ตัว

โอกาสในการแสดง
ช่วงเวลาที่มีการว่าจ้างไปทำการแสดงมากที่สุดคือเดือนมกราคม – เมษายน
โดยจะมีงานจ้างมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การประชาสัมพันธ์ของคณะขวัญใจภูเวียง
โฉมใหม่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกต่อกันปาดต่อปาก เช่น ไปทำการแสดงก็จะมีผู้ใหญ่
ที่ชื่นชอบเห็นว่าเล่นสนุกก็จะมาติดต่อไปทำการแสดงในงานต่อ ๆ ไป และอีกช่องทาง
การประชาสัมพันธ์คือการประชาสัมพันธ์ในสื่อออนไลน์ผ่านช่องทาง Facebook
และ YouTube โดยจะใช้ช่องของสมาชิกในคณะเป็นช่องทางในการอัปโหลดสื่อวิดีโอการแสดง
เนื่องจากสื่อออนไลน์นั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายและทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
การเลือกรับงานจะพิจารณาความคุ้มทุนเป็นหลัก ซึ่งหากไปทำการแสดงแล้วระยะทาง
และจำนวนของผแู้ สดงสอดคลอ้ งกบั ค่าจ้างหรือไม่


77 ก

กิจกรรมของคณะกลองยาว
การไปแสดงในแต่ละครั้งหากเป็นงานแห่ขนาดเล็กจะไม่ได้มีการฝึกซ้อมล่วงหน้า
แต่หากเป็นงานแห่ที่เป็นงานขนาดใหญ่ทางคณละก็จะติดต่อเรียกคณะเครือข่าย รวมทั้งเรียก
รวมตัวสมาชิกทุกคนเพื่อมารวมตัวกันฝึกซ้อมก่อนไปทำการแสดงประมาณ 1 สัปดาห์
โดยสถานที่ฝึกซ้อม คือ บ้านของหัวหน้าคณะหรือ่ศาลากลางหมู่บ้าน และการออกไปแสดงใน
แตล่ ะครัง้ จะใช้รถยนต์ของสมาชกิ ในคณะเปน็ ยานพาหนะในการออกไปทำการแสดง

5.3 จดุ เดน่ ของคณะกลองยาวขวัญภเู วียงโฉมใหม่

คณะขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่มีจุดเด่นในเรื่องของสมาชิกภายใน คณะส่วนใหญ่
เป็นเยาวชนคนุร่นใหม่ที่มีแนวคิดและองค์ความรู้ใหม่ๆในการพัฒนา คณะกลองยาว
น อ ก จ า ก น ั ้ น ย ั ง ม ีล า ย พ ิณ ท ี ่เ ป ็น เ อ ก ล ั ก ษ ณ์ ข อ ง ค ณะ ซ ึ ่ง ม ี ค ว า ม แ ต ก ต ่า ง จ าก ล า ยพิณ
ของคณะอื่น ๆ และไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากหัวหน้าวงมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ
พิณ และยังเป็นผู้ผลิตพิณด้วยตนเองรวมทั้งยังมีการผลิตพิณเพื่อจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ที่สนใจ
ในเสียงพณิ อกี ดว้ ย

โดยจุดเดน่ สามารถสรปุ ไดเ้ ป็นประเด็น ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. คณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่มีความหลากหลาย
ของช่วงวัยทั้งเยาวชน วัยกลางคน และวัยผู้สูงอายุ ส่งผลให้ภายในว คณะมีการ
แสดงความคิดเห็นได้ให้หลายมุมมอง เนื่องจากความคิดของแต่ละช่วงวัยที่ไม่เหมือนกัน
แตส่ ามารถนำมาพฒั นาคณะได้อยา่ งลงตัว
2. ความสามัคคี เนื่องจากภายในคณะมีสมาชิกที่มีความหลากหลายของช่วงวัย
ความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในคณะจึงเป็นไปในทางความสัมพันธ์แบบพ่ี-น้อง ครู-ลูกศิษย์
ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีขึ้นภายในคณะ เมื่อใครเดือดร้อนสมาชิกภายในคณะก็จะเข้าไป
ชว่ ยเหลือไมม่ ากก็น้อย
3. มีช่างดนตรีประจำคณะ ภายในคณะมีการประดิษฐ์/ประกอบพิณ และดึงหนังหน้า
กลองด้วยตนเอง โดยเป็นสมาชิกภายในคณะร่วมด้วยช่วยกัน เมื่อหน้ากลองหรือพิณชำรุด
จึงไม่จำเป็นต้องนำออกไปจ้างให้ช่างภายนอกซ่อมแซม จุดนี้จึงเป็นจุดที่สามารถลดค่าใช้จ่าย
ในเรอื่ งคา่ การซอ่ มแซมเครือ่ งดนตรขี องคณะได้
4. ความรัก สมาชิกภายในคณะล้วนเป็นบุคคลที่มีความรักในศิลปะการละเล่น
กลองยาวอีสาน จึงทำให้สามารถดำรงคณะให้อยู่รอดและเดินหน้าต่อไปได้แม้จะเจอกับ
สถานการณ์หรือชว่ งทไ่ี ม่มีงานจ้างกต็ าม


78

5. ทำนองพิณที่มีความโดดเด่น เน่ืองจากหัวหน้าคณะมีชื่นชอบการละเล่นพิณ
เป็นพิเศษ ส่งผลให้มีการคิดค้นทำนองพิณขึ้นมาเองเพื่อเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้วงกลองยาว
ขวญั ใจภเู วียงโฉมใหมม่ คี วามโดดเด่น

คลปิ การแสดงกลองยาวคณะขวัญใจภเู วยี งโฉมใหม่

การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 2/1 คณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่
จงั หวัดขอนแกน่
https://www.youtube.com/watch?v=o6aPfVj8L10
การแสดงกลองยาวอีสานสร้างสรรค์ (กสส.) EP. 2/2 คณะกลองยาวขวัญใจภูเวียงโฉมใหม่
จังหวดั ขอนแก่น
https://www.youtube.com/watch?v=CalMY2ov1AU


79 ก

ภาพกจิ กรรมการถา่ ยทำคลปิ นำเสนอคณะกลองยาวขวัญใจภเู วียงโฉมใหม่
ตดิ ตามคลิปนำเสนอและการแสดงกลองยาวอีสานทาง Facebook Fan page และ YouTube

“กลองยาวอีสานสรา้ งสรรค-์ กสส.”


ไหกำปป

คณะกลองยาวทบู ีนัมเบอรว์ ันหนองกุงใหญ่
บา้ นหนองกงุ ใหญ่ ตำบลหนองกงุ ใหญ่ อำเภอกระนวน จงั หวดั ขอนแก่น


81 ก

6

กลองยาวทบู นี ัมเบอรว์ ันหนองกงุ ใหญ่

กลองยาวทูบีนัมเบอร์วันหนองกุงใหญ่ มีผู้นำชุมชนที่มีความเข้มแข็งรวมกลุ่มก่อตั้ง
คณะกลองยาว จากการมีส่วนร่วมของเด็กเยาวชน และกลุ่มสตรีในชุมชน โดยมีจุดเริ่มต้นจาก
โครงการทูบีนัมเบอร์วันของตำบล บรู ณาการรว่ มกับโครงการหมู่บ้านโอทอปนวัตวิถี ภายใต้
การสนับสนุนจากกรมพัฒนาชุมชน เพื่อพัฒนาศักยภาพของตำบลให้เกิดเป็นหมู่บ้านส่งเสริม
การท่องเที่ยวด้านเศรษฐกิจ ประเพณี วัฒนธรรมของชุมชน โดยเฉพาะ
การแสดงกลองยาว อันถือเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ ท้ังส่งเสริมให้เด็กเยาวชนในพื้นท่ี
มรี ายไดเ้ สริมจากการแสดงกลองยาวอีกด้วย

ข้อมลู บรบิ ทหมบู่ า้ น

2.1 ประวัตคิ วามเปน็ มาของบ้านหนองกุงใหญ่

“บ้านหนองกุงใหญ่” ซึ่งมาจากในอดีตมีผู้มาบุกเบิกตั้งถิ่นฐานในบริเวณริมหนองชื่อ
"หนองแวงกุง” ซึ่งมีต้นแรงลักษณะคล้ายกันถึงเกิดขึ้นมากมายจึงชื่อว่าบ้านหนองแวงกุง
ต่อมาเมื่อพบว่ามีต้นกงุ ขนาดใหญ่ข้ึนอยู่มากมาย จึงได้เปลี่ยนช่ือใหม่เป็น “บ้านหนองกุงใหญ่”
(มีอีกชื่อหนึ่งซึ่งในอดีตคนเคยเรียกว่า บ้านหนองกุง “ช่างเส็ง” เรียกตามชื่อผู้มาตั้งหมู่บ้าน
เป็นชื่อเล่นของพ่อใหญ่พิมพา แก้วใส โดยหมู่บ้านก่อตั้งขึ้นประมาณปี 2450 รวมอายุ
ประมาณ 115 ปี ผู้เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่มแรกมาจากบ้านแล้ว ตำบลบ้านโนน อำเภอซำสูง
จังหวัดขอนแก่น ซึ่งหมู่บ้านหนองกุงใหญ่ต่อมาได้ขึ้นเป็นตำบลหนองกุงใหญ่ และแยกจาก
ตำบลหนองโกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2500 จากประวตั ิเลา่ ขานว่า กลมุ่ แรกทเ่ี ริ่มอพยพเข้ามา
นำโดยผู้นำกลุ่ม 2 คน คือ พ่อใหญ่พิมพา แก้วใส (ช่างเพิ่ง) และพ่อใหญ่สีดา ทิพญาตรี
พร้อมญาติและเพื่อน ๆ ประมาณ 4 ครอบครัว ได้อพยพมาจากบ้านแล้ว ตำบลบ้านโนน
อำเภอซำสงู จังหวดั ขอนแก่น (ปัจจุบัน) เนอ่ื งจากทบ่ี า้ นแล้ว การทำนาไม่ได้ผล ปลูกขา้ วไม่พอ
เลี้ยงครอบครัว เพราะที่นาส่วนใหญ่ในเป็นเสียด (ดินเค็ม) ฤดูฝนน้ำท่วมขัง ฤดูแล้ง
ดินเป็นเกลือ บางแห่งก็เป็นเกลือกรด เป็นสาเหตุแรก และอีกสาเหตุหนึ่ง ผู้เฒ่า (พ่อใหญ่บัว
แก้วใส) เล่าว่าสัตว์ป่า (ฟาน) วิ่งเข้าหมู่บ้าน สาเหตุอาจเกิดจากบ้านแล้วอยู่ใกล้ป่าดง


82

คำโบราณว่าไว้ “ถ้ามีสัตว์ป่าวิง่ เข้าหมูบ่ ้านจะเป็นลางไม่ดี จะมีเหตุรา้ ยเกิดขึ้นภายในหมู่บา้ น”
เมื่ออยู่มาไม่นานก็เกิด ไฟป่าไหม้ลุกลามเข้าหมู่บ้าน ด้วยเหตุสองประการนี้จึงต้องอพยพ
ออกมาตัง้ บ้านใหม่ สาเหตทุ ีเ่ ลือกสถานทแี่ หง่ นเี้ ป็นทต่ี ั้งหมูบ่ ้าน เกดิ จากการต้อนวัวต้อนควาย
มาเลี้ยงบริเวณนี้ ซึ่งมีแหล่งน้ำ และป่าที่อุดมสมบูรณ์ เริ่มแรกได้มีการตั้งเป็น ทับควายก่อน
ต่อมาจึงเริ่มเป็นหมู่บ้านโดยมีนายสหา ทิพญาตรี เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ปัจจุบัน
บ้านหนองกุงใหญ่ได้แบ่งการปกครองออกเป็น 4 หมู่บ้านได้แก่ หมู่ที่ 1, 2, 5, 9 จำนวนผู้ท่ี
อพยพมาจากบ้านแลว้ 3 ครอบครัว

ข้อมูลคณะกลองยาว

6.2 พัฒนาการการแสดงกลองยาวของคณะกลองยาว (อดีต)

ในอดีตตำบลหนองกุงใหญ่กอ่ นมกี ารจัดตั้งชมรมทบู นี ัมเบอร์วนั ขนึ้ ตำบลหนองกุงใหญ่
มีการรวมกลุ่มและจัดตั้งคณะกลองยาว โดยมีจำนวน 2 คณะ คณะกลองยาวคณะแรก
เป็นกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชน และคณะกลองยาวคณะที่สองนั้นมีการผสมผสานระหว่างเด็ก
เยาวชน และผู้สูงอายุภายในชุมชน ซึ่ง สมาชิกส่วนใหญ่ภายในคณะนั้นเป็นผู้หญิง
โดยจุดประสงค์ของการก่อตั้งทั้ง 2 คณะนี้เกิดจากการรวมตัวกันจัดตั้งเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ
ภายในชุมชน เช่น งานบุญผะเหวด งานบุญกฐิน งานบุญบั้งไฟ ฯลฯ แสดงให้เห็นว่า
ศิลปะการแสดงกลองยาวอีสานภายในตำบลหนองกุงใหญ่นั้น ยังคงมีการสืบทอดส่งต่อกันมา
จากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำคัญของคณะกลองยาวภายในชุมชนมิได้มีเพียงแต่
ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังคงมีเด็กและเยาวชนให้ความสนใจและเล็งเห็นคุณคา่ ของศิลปะการแสดง
กลองยาวอีสานอยู่ เหน็ ไดจ้ ากการเปน็ สมาชิกของคณะกลองยาวคณะท่ีสองท่มี เี ดก็ และเยาวชน
ร่วมขบั เคลอื่ นด้วย

จุดเริ่มต้นการก่อต้ังคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วนั หนองกุงใหญ่ริเริ่มจาก นายวุฒิไกร
วิชัยวงษ์ กำนันตำบลหนองกุงใหญ่ มีบทบาทสำคัญในพื้นที่ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านของตำบล
หนองกุงใหญ่ ต่างพัฒนาและขับเคลื่อนชุมชนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างรอบด้ าน
ซึ่งในการขับเคลื่อนชุมชนนี้ กำนันได้เล็งเห็นความสำคัญของศิลปะการแสดงกลองยาวอีสาน
เนื่องจากตนมีพื้นฐานในการเล่นกลองยาวเป็นทุนเดิม จึงเกิดความคิดที่ว่าศิลปะการแสดง
กลองยาวนี้ควรได้รับการพัฒนา ต่อยอด และส่งต่อจากรุ่นสูร่ ุ่น ซึ่งหากนำการแสดงกลองยาว
อีสานกลับมาพัฒนาใหม่ โดยเกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนกจ็ ะทำให้เกิดการขับเคลื่อน
ของชุมชนไปในทิศทางที่ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ทางผู้นำชุมชนได้ให้ความสำคัญกับ
“เยาวชน” โดยเล็งเห็นว่าเยาวชนน้ันล้วนเป็นกำลังขบั เคลื่อนสำคัญในการพัฒนาชุมชน สังคม
และประเทศชาติต่อไป ผู้ให้ข้อมูลได้พยายามหาในส่วนของกิจกรรมต่าง ๆ มาเพื่อทำการ
สนับสนุนเด็กและเยาวชนเพ่อื ทีจ่ ะให้เยาวชนมีบทบาทสำคัญภายในชุมชนตอ่ ไป


83 ก

โครงการทูบีนัมเบอร์วัน ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สามารถนำมาใช้พัฒนาบทบาท
สำคัญของเด็กและเยาวชนซงึ่ เปน็ โครงการในทูลกระหม่อมหญงิ อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา
พรรณวดี ทซี่ ึ่งทรงมคี วามหว่ งใยต่อประชาชนชาวไทยเกี่ยวกับปญั หาด้านยาเสพตดิ โดยเฉพาะ
กลุ่มเยาวชน ที่มีอายุระหว่าง 6-25 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ทรงรับเป็นองค์ประธาน
โครงการรณรงค์ ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้การดำเนินโครงการน้ันเป็นไปได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นการ
กระตนุ้ และปลุกจิตสำนกึ ของเยาวชน ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและสามารถเอาชนะยาเสพตดิ ได้

พื้นที่อำเภอกระนวนถือเป็นอำเภอหนึ่งที่มีบทบาทและหน้าที่ ในการขับเคลื่อน
และเป็นแกนนำสำคัญเกี่ยวกับโครงการทูบีนัมเบอร์วัน โดยโครงการได้เริ่มมีการนำร่องมา
จากโรงเรียนศรีกระนวนพิทยาคม อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งถือเป็นโรงเรียน
ประจำอำเภอที่เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว เมื่อได้โรงเรียนที่เป็นสถานท่ี
แห่งการศึกษาเป็นตวั ขับเคลื่อนภายในสถานศึกษา จึงได้มีการขยายผลมาสู่ชุมชนในเวลาตอ่ มา
โดยในการขยายผลเข้ามาสู่ชุมชนเพื่อเป็นการขับเคลื่อนชุมชนนั้น จึงทำให้ตำบลหนองกุงใหญ่
ได้รับอิทธิพลจากโครงการที่มีการขับเคลื่อนนี้ ทำให้โครงการทูบีนัมเบอร์วันกลายมาเป็น
พืน้ ฐานสำคัญในการพฒั นาชมุ ชน ในปี พ.ศ. 2560 เปน็ ต้นมา

เพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและเยาวชน ประกอบ
กับกำนันวุฒิไกรที่เป็นผู้นำชุมชน ต้องการสืบสานศิลปะการแสดงกลองยาวอีสานประกอบ
ควบคู่ไปด้วย จึงทำให้เกิดการรวมกลุ่มและมีการดำเนินการกิจกรรมกลองยาวภายในชุมชน
ตำบลหนองกุงใหญ่ขึ้น ซึ่งเริ่มต้นจากการติดต่อประสานไปกับเยาวชนคณะกลองยาวคณะท่ี
สองที่มีกลุ่มเด็กและเยาวชนภายในคณะ ว่าทางผู้นำชุมชนมีความประสงค์อยากก่อตั้ง
คณะกลองยาวอีสาน เพื่อเป็นการสร้างจุดเด่นหรืออัตลักษณ์ให้กับชุมชน ฝึกฝนเด็ก
และเยาวชนรุ่นใหม่ให้ได้รู้จักและมีทักษะด้านศิลปะการแสดงกลองยาวอีสาน โดยมีการติดต่อ
ประสานงานกับคณะกลองยาววงที่สองที่มีทั้งเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุที่มีอยู่แล้วมารวมตัว
กัน จากนั้นจึงฝึกฝนจนก่อให้เกิด “คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่”
ในปี พ.ศ 2561 ในที่สุด

ระดับการแสดง
พื้นฐานการแสดง คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ สมาชิกบางส่วน
ทม่ี พี น้ื ฐานการจากการเลน่ กลองยาว เนอ่ื งจากการรวมตวั มาจากคณะกลองยาวเดิมประมาณ
4-5 คน โดยนำคนกลมุ่ นเี้ ป็นแกนหลักในการถา่ ยทอดองคค์ วามรดู้ า้ นกลองยาวอสี าน จงั หวะ
การตี การแสดงทว่ งท่าลลี า ฯลฯ ซ่ึงไดม้ กี ารดำเนนิ การฝกึ ฝนอย่างต่อเนื่อง และเมื่อฝึกฝนได้
ในระดับหนึ่ง จึงได้มีการนำเด็กและเยาวชนคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ไปทำการแสดง
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การมีอยู่ของคณะ โดยงานแสดงแรกที่ไปทำการแสดง ได้แก่


84

การเปิดการประชุมคณะกรรมการของตำบลหนองกุงใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำหลากหลาย
ภาคส่วน อาทิ ปลัดประจำตำบล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบล เกษตรกรตำบล
เป็นต้น

ลักษณะของการแสดงในการแสดงครั้งแรก ทำการแสดงกลองยาว โดยผสมผสานเข้า
กับกิจกรรม “คาบเงิน” เป็นลักษณะของการปูเสื่อให้กับคนที่เขา้ ร่วมการประชุม และก่อนเริ่ม
การแสดง ทางกำนันวุฒิไกรจะประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการแสดงว่าจะทำการแสดงรูปแบบใด
และแจ้งวธิ ีการสนบั สนุนคณะกลองยาวทบู นี มั เบอรว์ นั ตำบลหนองกงุ ใหญ่ โดยรบั เป็นเงินสด
เด็กและเยาวชนจะทำการตีกลองทำการแสดง และคาบเอาเงินที่ได้จากผู้ชม นับได้ว่า
เป็นกิจกรรมระดมทุนในระยะเริ่มต้นของคณะกลองยาว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เป็นการให้สมาชิก
ภายในคณะไดท้ ำการเรียนรูเ้ กีย่ วกบั การแสดงจริง สร้างเสริมประสบการณใ์ ห้กับสมาชกิ

ในช่วงเริ่มต้นทางคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ไม่มีงบประมาณในการนำมา
ซื้ออุปกรณ์ จึงได้มีการหยิบยืมจากทางคณะกลองยาวทีม่ ีอยู่ดั้งเดิมทั้งสองคณะ เพื่อมาทดลอง
ใช้ในการแสดง ซึ่งทางคณะกลองยาวทั้งสองมีความยินดีในการให้หยิบยืมอุปกรณ์การแสดง
หลังจากเมื่อได้หยิบยืมอุปกรณ์ทำการแสดงและมีรายได้เข้าสู่คณะ จึงได้ส่งคืนอุปกรณ์ให้กับ
คณะกลองยาวทง้ั สองและมอบเงนิ ค่าบำรุงอปุ กรณท์ ี่ทำการหยบิ ยืมมา ซ่ึงเหตุผลที่ทั้งสองคณะ
มคี วามยนิ ดีในการให้หยิบยืมอปุ กรณ์ ผู้ให้ขอ้ มลู กล่าวว่า

“..เพราะเขามองเห็นว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ว่าแค่ดูแลอุปกรณ์ให้ดี เพราะว่ามองเห็นว่า
กล่มุ เดก็ กลองยาวนก้ี เ็ ปน็ ลูกหลานของเขาเหมือนกัน.."

(วฒุ ไิ กร วชิ ยั วงษ์, สมั ภาษณ์เมือ่ วนั ท่ี 12 กุมภาพนั ธ์ 2565)

ระดบั การแสดงเพื่อสร้างรายได้ ต่อมา ในส่วนของการแสดงของคณะกลองยาวทูบีนัม
เบอร์วันหนองกุงใหญ่ เป็นการแสดงในหลากหลายพื้นที่โดยขยายเป็นวงกว้างมากข้ึน
เนื่องจากมีเครือข่ายจำนวนมากติดต่อว่าจ้าง ทั้งภายในชุมชนและนอกชุมชน เนื่องมาจากผู้นำ
คณะกลองยาวเป็นผู้นำชุมชน ที่มีการติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภายนอกอยู่เสมอ
ทำให้ได้รับงานการแสดงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณพื้นที่หมู่บ้านโดยรอบ รวมไปถึง
ตำบล ตลอดจนการจ้างงานต่างจังหวัด ซึ่งงานที่เคยได้รับว่าจ้างไกลที่สุดจากตำบล
เป็นงานบวงสรวงที่มีผู้ว่าจ้างภายนอกได้เห็นการแสดงกลองยาวกลุ่มนี้จากช่ องทางออนไลน์
(YOUTUBE) แล้วเกิดความชื่นชอบจึงได้มีการว่าจ้างคณะกลองยาวนี้ไปทำการแสดง
ท่จี งั หวัดนครราชสมี า

บทบาทการแสดงกลองยาว ในด้านบทบาทการแสดงกลองยาวของคณะทูบีนัมเบอร์
วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ มีความสำคัญต่อชุมชนอย่างมาก เนื่องจากการแสดงกลองยาวอีสาน
มักถูกนำไปใช้ในงานบุญประเพณีต่าง ๆ ของอีสานที่เกิดขึ้นภายในชุมชน ประกอบกับ
คณะกลองยาวน้ีล้วนเกิดจากการก่อตั้งโดยผู้นำชมุ ชน ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตร


85 ก

กำนัน รองประธานสภา กรรมการหมู่บ้าน จนกลายเป็นที่เรียกกันติดปากว่า
“กลองยาวคณะผู้นำ” โดยการรับการว่าจ้างอย่างต่อเนื่อง ตามโอกาสงานเทศกาลต่าง ๆ
ซึ่งลักษณะของการแห่จะเป็นการแห่รอบหมู่บ้าน รอบตำบล ทั้งนี้ยังมีในส่วนของการแสดง
นอกพนื้ ท่ี หากมีการตดิ ต่อเข้ามาผ่านทางหัวหนา้ คณะกลองยาวอกี ดว้ ย

นอกจากนี้ ในกรณีที่ถ้าหากว่ามีสมาชิกภายในคณะเสียชีวิต สมาชิกภายใน คณะ
จะมีบทบาทในการเป็นจิตอาสา ดูแลความสะดวก ความเรียบร้อยภายใน งาน
เป็นการช่วยเหลือครอบครัวของสมาชิก ทั้งนี้ อาจมีการแสดงกลองยาวภายในงานด้วย
จึงทำให้บทบาทของการแสดงกลองยาวนี้ถูกเรียกได้ว่าเป็นทั้งในลักษณะจิตอาสา ตลอดจน
มกี ารถกู ว่าจา้ งโดยคนในชุมชนและภายนอก ทั้งยังเปน็ ทีร่ จู้ กั ภายในชุมชนเปน็ วงกวา้ ง

ขั้นตอนการแสดง ก่อนเริ่มทำการการแสดงทุกครั้งของคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน
ตำบลหนองกุงใหญ่ จะเร่มิ ตน้ จากพธิ กี ารไหว้ครู นับวา่ เปน็ ส่ิงสำคัญที่จำเปน็ อย่างมากก่อนทำ
การการแสดง โดยจะเริ่มจากการ “ยกครู” ซึ่งในการประกอบพิธี ทางคณะกลองยาว
จะเป็นผู้เตรียมอุปกรณ์ไปด้วย เนื่องจากหากให้ทางเจ้าภาพหาอุปกรณ์ต่าง ๆ จะเป็น
การฉุกละหุก ทั้งนี้ เมื่อทางคณะกลองยาวทำการเตรียมอุปกรณ์แล้ว จะทำการแจ้งค่าใช้จ่าย
เพิ่มเติมเกี่ยวกับการยกครูหรือการไหว้ครู โดยรายจ่ายเพิ่มเติมที่ทางเจ้าภาพต้องจ่าย
จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 199 บาท สำหรับอุปกรณ์ที่เตรียมไปก็จะมีแป้ง หวี กระจก น้ำมันนวด
ข้าวสาร ขันธ์ห้า ธูป เทียน และเหล้าขาว โดยต้องเป็นเหล้าขวดใหญ่เท่านั้น โดยในการ
ประกอบพิธีใช้เวลาประมาณ 10 นาที หลังจากทำพิธีเสร็จแล้วก็จะนำของต่าง ๆ เช่น แป้ง
จะเอามาทาให้แก่นักแสดงทุกคน โดยนักแสดงทุกคนต้องทาแป้งกระป๋องนั้น ไม่ว่าจะเป็น
ทีมงานหรอื นางรำ ไม่วา่ ใครก็ตามทีม่ าดว้ ยกนั ทกุ คนตอ้ งทาแปง้ หลงั จากน้ันกจ็ ะมขี า้ วสารเสก
จะมีการหว่านและโปรยใส่บริเวณหน้ากลองด้วยเช่นกัน และเหล้าขาวก็จะนำมาพรมทุกคน
ก่อนแสดง หลังจากที่เหล้าขาวเหลือ หากใครต้องการก็สามารถนำไปได้ ส่วนใหญ่
จะเป็นทีมงานที่รับไปดื่มต่อ

รูปแบบการแสดงกลองยาว รูปแบบการแสดงกลองยาว คณะกลองยาวทูบี
นัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ จะเป็นในลักษณะการตีจังหวะเดียวแบบมาตรฐาน ไม่มีจงั หวะ
ใชม้ ือตีปิดหน้ากลอง ซึ่งจังหวะในการตีจะเป็นลักษณะทลี่ ้อตามกับเพลง ภายในคณะกลองยาว
จะมีนกั ร้องเปน็ ผู้ขับรอ้ ง และเคร่ืองสาย คือ พิณ ที่เป็นเครื่องดนตรีที่ประยุกต์ประกอบให้เขา้
กับเพลง โดยเน้นย้ำกับสมาชิกว่าทุกเครื่องดนตรีต้องประยุกต์ให้สามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว
เมื่อเป็นเพลงช้ากลองกต็ ้องตีช้าลง และเมื่อเพลงเร็วกลองต้องให้จังหวะที่เร็วขึ้น รัวขึ้นไปตาม
จังหวะของเพลง ถ้าเพลงเร้าใจกลองก็ต้องเร้าใจตามเพลงไปด้วย ส่วนเพลงที่ใช้จะเป็นเพลง
ที่ทำให้จังหวะครึกครืน้ สนุกสนาน ที่เรียกวา่ “จังหวะเต้ย” เพลงที่เคยใช้ในการแสดงที่ผา่ นมา


86

เช่น เพลงมักสาวเฒ่า อีสานบ้านนา เป็นต้น โดยการแสดงกลองยาวของคณะกลองยาว
ทบู ีนมั เบอรว์ นั หนองกงุ ใหญ่จะเปน็ การแสดงในรูปแบบประยุกต์

การว่าจา้ งการดำรงอยู่
การว่าจ้าง ในแง่การว่าจ้างของทางคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่
จะมีอตั ราคา่ จา้ งเกีย่ วกับคณะกลองยาวกำหนดไว้ โดยขึน้ อยกู่ บั ระยะทางเป็นหลกั ถา้ เปน็ กรณี
บริเวณชุมชนโดยรอบ ไม่ไกลจากที่ตั้งคณะกลองยาวมากราคาถูก และขึ้นอยู่กับประเภท
ของงานด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการแห่นาคอุปสมบท แห่บุญกฐิน แห่รอบหมู่บ้าน ฯลฯ
ซึ่งงานแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน ถ้าหากรับงานแห่รอบหมู่บ้านจะมีราคาที่สูงถ้าหากว่า
รอบหมู่บ้านในระยะทางที่ไกล แต่หากเป็นงานถวายวัดหรือบริเวณระยะไม่ไกลมาก
ก็จะคิดอีกราคา โดยพิจารณาแล้วแต่กรณี ซึ่งถ้าหากว่าอยู่ในพื้นที่ไม่ได้เสียค่ารถ ค่าใช้จ่าย
ในการเดินทางเพิ่มเติม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 บาท แต่หากเป็นการจ้างนอกบ้าน
นอกชุมชน จำเป็นต้องมีรถที่ใช้ในการขนย้ายอุปกรณ์ นักแสดง อาจต้องคิดราคาเพิ่ม
โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ถงึ 20,000 บาท ทั้งนัน้ ขึ้นอยู่กบั แต่ละระยะทางท่ีตกลง
กัน ซึ่งต้องดูหน้างานอีกครั้งว่าลักษณะการแห่เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่หรือเล็ก ระยะทางจาก
ทตี่ ้งั คณะกลองยาวไปทผ่ี วู้ ่าจ้าง ซ่งึ จะมีการพจิ ารณาร่วมดว้ ยในการคิดค่าจ้างไปทำการแสดง
การดำรงอยู่ คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ มิได้มีเพียงแค่การ
แสดงเพือ่ ว่าจ้างและสร้างรายได้ แต่ยงั คงพยายามในการอนุรกั ษ์ศลิ ปะการแสดงกลองยาวน้ีไว้
ให้คงอยู่สืบไป โดยนำงบประมาณที่ได้จากภาครัฐ เพื่อการพัฒนาโครงการของชุมชน
มาพัฒนาศิลปะการแสดงกลองยาวอีสานนี้ด้วย ซงึ่ การได้รับเงินสนบั สนุนคณะกลองยาวเข้ามา
ในส่วนนี้ ทำให้ได้เงินทุนเพิ่มเติมนอกเหนือจากการว่าจ้าง และนำไปใช้ในการ
เปน็ คา่ บำรงุ รกั ษาอปุ กรณต์ ่อไป
การประยุกต์การแต่งกาย ลักษณะการแต่งกายของคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน
ตำบลหนองกุงใหญ่ มีการแต่งกายที่จะมุ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ได้บรรยากาศ
ของความเป็นหนึ่งเดยี วของทางคณะ ซึ่งการแต่งกายจะพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละ
เนอ้ื งานท่ีไดร้ บั มอบหมาย โดยจะมกี ารนดั หมายกันในสว่ นของการแตง่ กาย ทางคณะกลองยาว
มีเส้อื ผ้าในรปู แบบท่ีหลากหลายเพ่ือให้สอดคล้องกับรูปแบบงาน ไม่ว่าจะเป็นงานประเพณตี ่าง
ๆ เช่น แห่บุญหรือแห่นาคอุปสมบท จะมีการนัดหมายเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อม่อฮ่อมกับ
กางเกงขาก๊วย ตลอดจนลักษณะไม่ทางการ จะสวมใส่เสื้อแขนยาวเป็นเสื้อทีมกลองยาวด้วย
นับว่ามีเครื่องแต่งกายหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรูปแบบงานว่าควรใส่แบบใด หากเป็นงาน
ที่เน้นความสนุกสนานจะสวมใส่ชุดที่เรียกกันติดปากภายในคณะวา่ “ชุดมะล๊องก๊องแก๊ง” มีเสื้อ
ลายตา่ ง ๆ มากมาย ไมว่ ่าจะเปน็ ลายสกอ็ ต ลายคาวบอย ตามความเหมาะสมวา่ เปน็ งานอะไร


87 ก

แต่ในบางกรณี หากเจ้าภาพขอว่าต้องการให้ใส่ชุดแบบใด ทางคณะกลองยาว
ทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ จะแต่งกายตามที่เจ้าภาพหรือผู้ว่าจ้างต้องการ ซึ่งหาก
เจ้าภาพเห็นเราในวิดีโอบนช่องทางออนไลน์ (YOUTUBE) ว่าแต่งตัวแบบไหน แล้วชื่นชอบ
ในชุดการแสดงนั้น ๆ สามารถแจ้งทางคณะกลองยาวได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพว่าต้องการให้
ใส่ชุดแบบไหนลักษณะใด โดยเจ้าภาพบางท่านได้มีการโทรประสานงานว่าอยากได้แบบใด ๆ
ซึ่งก็จะมีสง่ วิดีโอการแสดงทีเ่ ห็นได้ถึงการแต่งกายใหเ้ จ้าภาพดูก่อนด้วย หากเจ้าภาพถูกใจชุดใด
เจ้าภาพก็สามารถเลือกชุดได้ โดยเน้นเรื่องการแต่งกายเลือกตามใจเจ้าภาพเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีชุดนางรำร่วมด้วย หากอยากได้นางรำแต่งกายลักษณะใด ทางคณะกลองยาว
พร้อมบริการ

นอกจากนี้เอง รองเท้าต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่สามารถใส่รองเท้าที่เป็น
ในลักษณะที่แตกต่างกันได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการแต่งกายเป็นหลัก เช่น งานที่จำเป็นต้องใส่เสื้อ
ม่อฮ่อม เพื่อต้อนรับส่วนราชการ จะนัดหมายใส่ผ้าโสร่งม่อฮ่อม และใช้รองเทา้ ยางดำสมัยเกา่
งานทใ่ี สเ่ สื้อลายตารางก็จะเป็นรองเท้าคัทชู งานเส้อื ลายสก็อตก็จะใส่ผ้าใบเพ่ือความกลมกลืน
จะเห็นได้ว่ารูปแบบของการแสดงและเครื่องแต่งกายของแต่ละงานนั้นมีความแตกต่างกัน
ซึ่งการไปแสดงแต่ละครั้งต้องการทำใหเ้ ปน็ มาตรฐานเดียวกัน โดยแต่งกายให้มีความเหมาะสม
ของแต่ละงานมากทีส่ ดุ ดงั ข้อมูลท่ไี ด้จากผู้ให้ขอ้ มูลท่ีกลา่ วไว้ว่า

“...ถ้าใส่เสื้อทับในก็จะต้องใส่เสื้อทบั ในเหมือนกันทัง้ หมด ใครไม่เคยก็ต้องเคย ทำให้ชนิ
มนั ก็แลว้ แตง่ านด้วย.."

(วุฒไิ กร วชิ ัยวงษ์, สมั ภาษณ์เม่อื วันท่ี 12 กุมภาพันธ์ 2565)

4.3 การแสดงกลองยาว (ปัจจุบัน)

องค์ประกอบของการแสดงของคณะกลองยาว
ผแู้ สดง สมาชกิ คณะกลองยาว มีจำนวนทง้ั หมดกวา่ 37 คน ท้งั เดก็ และเยาวชน จำนวน

18 คน อายุประมาณ 13-18 ปี นอกนั้นก็เป็นผู้ใหญ่วยั กลางคน อายุ 26 ปีขึ้นไป สำหรับเด็ก
และเยาวชนเป็นคนในพื้นที่ตำบลหนองกุงใหญ่ เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนศรีกระนวน
วทิ ยาลยั การอาชีพ รวมถึงมหาวิทยาลัยในภาคอีสาน สำหรบั บคุ คลที่เรยี นมหาวทิ ยาลัยต่างถิ่น
จะกลับมาช่วยทำการแสดงและรับจ้างตีกลองยาวอยู่เป็นประจำในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ทั้งน้ี
ในกรณีถ้าหากเจ้าภาพแจ้งว่าต้องการนางรำ ซึ่งหากเจ้าภาพต้องการนางรำจำนวน 10-20
คน ทางคณะกลองยาวจะมีกลุ่มอาสาสมัครหมู่บ้าน (อสม.) หรือกลุ่มสตรี ไปทำการแสดงใน
ฐานะนางรำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพว่าต้องการนางรำจำนวนเท่าใด โดยจะคิดเป็นค่าแรงเพิ่ม
ตามความเหมาะสม คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ ประกอบด้วย นักร้อง
3 คน โดยแบง่ เปน็ ผ้ชู าย 2 คน และผู้หญงิ 1 คน และมเี คร่อื งดนตรดี งั ตอ่ ไปนี้


88

● กลอง 18 ใบ
● รำมะนา 4 ใบ
● กลองสะโล้ 1 ชุด
● เบส 1 ตวั
● พณิ 1 ตัว
● ฉาบ 5 คู่
● อปุ กรณข์ ยายเสียง 1 เคร่ือง
● ลำโพง 2 ชดุ
● ฮอรน์ 5-6 ชิ้น
● เคร่อื งปัน่ ไฟ 1 เคร่อื ง
● รถป้ายคณะ 1 คัน
รถยนต์ สำหรับรถยนต์ในการใช้เดินทางไปทำการแสดงของคณะกลองยาว
โดยส่วนใหญ่เป็นรถส่วนตัวของสมาชิกภายในวง หากมีการแสดงจะดำเนินการติดต่อ
และประสานงานไว้ ซึ่งมีหนึ่งครั้งที่ทางคณะได้ใช้รถไถกับรถเกี่ยวข้าวในการเดินทางไป
แสดงกลองยาว เนื่องจากสามารถขนอุปกรณ์ได้สะดวก ระยะทางไม่ไกลจากที่ตั้งของคณะมาก
ผใู้ หข้ ้อมลู ได้อธบิ ายในสว่ นน้ีเอาไว้ว่า
"..เคยได้ไปเล่นแถวนาแปลงใหญ่ ก็มีรถไถ รถเกี่ยวข้าว ลากไป รถคันเดียวจบเลย
มันคันใหญ่ด.ี ."

(วฒุ ไิ กร วิชยั วงษ์, สัมภาษณเ์ มอ่ื วันท่ี 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

เครือข่ายการแสดง คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ มีเครือข่าย
ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน เข้ามาให้การสนับสนุน
ซึ่งเคยได้รับแรงสนับสนุนการสอนทักษะการตีกลอง การเล่นเข้าจังหวะ จากผู้ที่มีพื้นฐาน
กลองยาวในพื้นที่ (คณะกลองยาวที่เคยมีอยู่ดั้งเดิมทั้งสองคณะ) มีการช่วยเหลือและเกื้อกูล
ซึ่งกันและกันตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่อุปกรณ์และการแสดงอื่น ๆ หากต้องการให้ช่วยเหลือ
ซ่ึงเม่ือจำนวนสมาชิกไมเ่ พียงพอทจ่ี ะใชใ้ นการแสดง ทางคณะกลองยาวทูบนี ัมเบอร์วันสามารถ
ติดต่อคณะกลองยาวทั้งสองเพื่อขอความช่วยเหลือได้ โดยการขอตัวสมาชิกจากทั้งสองคณะ
บางส่วนไปเล่นทดแทนจำนวนสมาชิกที่ไม่พอได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ทางคณะกลองยาวที่เหลือ
ขาดแคลนสมาชิกที่ใช้ในการแสดง จะมีการติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางคณะกลองยาว
ทูบีนัมเบอร์วันด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะไปทำการแสดงแทน เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน
อีกท้ังเป็นความสมั พันธ์ที่ดรี ะหว่างคณะกลองยาวภายในชมุ ชน

ข้อตกลงร่วมกัน คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ ได้มีข้อตกลง
สำหรับสมาชิกที่เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่เยาวชน ว่าต้องมีการเสียค่าสมัครสมาชิกเพื่อเข้าเป็นส่วน


89 ก

หนึ่งของคณะ โดยเป็นการตกลงในที่ประชุม ว่าหากต้องการจัดต้ังคณะกลองยาว จำเป็นต้องมี
งบประมาณเพิ่ม แม้ในขณะนั้นได้รับงบมาจากโครงการพัฒนาเกี่ยวกับชุมชน แต่ทว่าเงิน
ที่ได้จากส่วนโครงการยังคงไม่เพียงพอสำหรับการก่อตั้ง ดังนั้นแล้ว ทางสมาชิกที่เป็นผู้นำ
ชุมชน และสมาชิกท่านอื่นที่ไม่ใช่เยาวชน มีการตกลงร่วมกันว่าควรมีการหุ้นกันกับสมาชิก
ภายในคณะ เพื่อให้ได้เครื่องขยายเสียงมาใช้ในการแสดง เพราะหากไม่มีอุปกรณ์เครื่องขยาย
เสียง จะไม่สามารถทำการแสดงได้ โดยเริ่มเก็บค่าสมาชิกหุ้นส่วนคนละ 1,000 บาท
โดยเร่ิมแรกมจี ำนวน 10 คน

เมื่อเริ่มมีคนรู้จักคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน คณะกลองยาวสามารถเริ่มรับงาน
ว่าจ้างได้ จึงได้ทุนในส่วนนี้กลับคืนมา แต่ยังคงเก็บไว้เป็นส่วนกลางในการใช้เป็นการดูแล
ซ่อมแซมอุปกรณ์ต่อไป ตลอดจนมีการเปิดรับสมาชิกใหม่สำหรับผู้ที่มีความสนใจ และยังคงมี
ค่าสมคั รสมาชกิ อยู่ โดยเพ่ิมข้นึ มาจาก 1,000 บาท เปน็ 1,500 บาท เพื่อนำมาเปน็ ทนุ สำรอง
ในการจัดการอุปกรณ์ภายในวง แต่หากมีความต้องการอยากลาออก ทางคณะจะคืนเงินส่วน
ที่ลงทุนให้เต็มจำนวน แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีสมาชิกลาออกและขอเงินคืนแต่อย่างไร
โดยการเสยี ค่าสมคั รสมาชกิ ครัง้ น้ี ไมเ่ กยี่ วกบั เยาวชน โดยผ้ใู หข้ อ้ มลู ได้กล่าวเอาไว้วา่

“..เราไม่ใหล้ ูกหลานมาเกี่ยวข้องในส่วนน้ี เพราะเราจะเน้นการสง่ เสริมเขาและเป็นการ
สนับสนนุ เขา..”

(วุฒิไกร วิชยั วงษ์, สัมภาษณ์เมือ่ วันท่ี 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)

นอกจากนี้ ค่าจ้างที่ได้จากการแสดงจะมีการจัดแบ่งอย่างเท่าเทียมกัน โดยให้จำนวน
ที่เท่ากันทั้งหมด ไม่มีผู้ใดได้มากหรือน้อยกว่า และมีการแบ่งบางส่วนไว้ในส่วนกลางของคณะ
กลองยาว เพื่อเป็นค่าบำรุงเพิ่มเติม และค่าว่าจ้างสมาชิกภายนอกที่มาแสดงแทนในกรณี
ทจ่ี ำนวนสมาชิกภายในไมเ่ พียงพอ

โอกาสในการแสดง คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ แม้เป็นคณะ
ที่เน้นบทบาทสำคัญของเด็กและเยาวชน แต่ยังถือว่ามีโอกาสในการแสดงที่หลากหลาย
เน่ืองจากว่าผนู้ ำชุมชนเปน็ หัวหน้าคณะกลองยาว จึงทำให้มเี ครือข่ายมากมายทีต่ ิดต่องานแสดง
เข้ามา ทำให้มีรายได้ภายในคณะอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยปกติจะได้รับโอกาสการแสดงช่วงงาน
บุญกฐิน งานออกพรรษา แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้จำนวนงานลดลง ซึ่งหากอ้างอิงตามสถานการณ์ปกติแล้ว ทางคณะกลองยาวน้ีมีการรับ
งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง กล่าวไดว้ า่ มงี านทุกวนั ซึง่ ผ้ใู ห้ขอ้ มูลไดม้ กี ารอธิบายเอาไว้วา่

“..แต่ก่อนมีทั้งเช้าทั้งบ่ายแบบไม่ได้พักเลย 10 กว่าวันจนพากันเหนื่อยหมด มือที่ตี
กลองก็แตก เสื้อผ้าก็ไม่ได้ซัก เช้าตีไปถวายวัด บ่ายอ้อมบ้าน วันนี้แห่นาคก็ต้องตีอ้อมบ้านอีก
แห่กฐนิ พรงุ่ นี้เช้าอีก เดือนนงึ เตม็ เดือนเลย ใครจา้ งมาเรากไ็ ปหมด..”

(วฒุ ิไกร วชิ ยั วงษ์, สมั ภาษณเ์ มอ่ื วนั ท่ี 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2565)


90

นอกจากนี้เองก็ยังมีในส่วนของกรณีงานอวมงคล ทางคณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน
จะเข้าไปช่วยเหลือภายในงาน โดยมีเป็นการไปช่วยเสิร์ฟ ดูแลความเรียบร้อยของงาน
ตลอดจนทำการแสดงรำหน้าไฟ แล้วบางกรณี หากญาติผู้เสียชีวิตต้องการให้มีการแสดง
กลองยาว ก็จะทำการแสดงกลองยาวเพ่ือไวอ้ าลัย ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดค่าว่าจา้ ง เพราะส่วนนี้
เปน็ การมองว่าเขา้ ไปชว่ ยเหลือสังคม

กิจกรรมของคณะกลองยาว คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่
มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันอยู่เสมอ แต่ในที่นี้ก็ไม่ได้เป็นกิจกรรมรวมกลุ่มแค่เน้นเพียง
คณะกลองยาวโดยเฉพาะ เพราะสมาชิกตง้ั ตน้ เปน็ ผู้นำชุมชน ก็จะมีการประชุมร่วมกันอยู่เสมอ
รวมไปถึงทำบุญร่วมกันอยู่ตลอด ดังน้ันแล้วจะมีการรวมตัวเพื่อทำกิจกรรมภายในชุมชน
อยู่สมำ่ เสมอ

ทั้งนี้ หากวันใดที่มีการว่าจ้างงาน ทางคณะกลองยาวจะมีการรวมตัวเพื่อซักซ้อม เช่น
หากมีงานช่วงเที่ยง ทางคณะจะเดินทางออกไปรับประทานอาหารที่งาน เพราะว่าส่วนใหญ่
หากเป็นงานช่วงเที่ยง เจ้าภาพจะเชิญชวนรับประทานอาหารเที่ยงที่งาน แล้วในช่วงตอนเช้า
จะมีการเรียกนัดหมายมารวมตัวกัน เพื่อทำการเตรียมอุปกรณ์ เช็คความเรียบร้อยก่อน
และจากนั้นเวลา 11.00 น. ก็ทำการเดินทางไปที่งาน โดยบางครั้งอาจเช็คอุปกรณ์ก่อน
ล่วงหน้าทำการแสดง 1 วันด้วย เพราะหากส่วนใดเสียหายก็จะต้องนำไปซ่อมก่อน ซึ่งจะขึ้นอยู่
กับอุปกรณ์ว่าต้องเอาไปซ่อมที่ใด หากซ่อมยากจะนำไปซ่อมที่ตลาดร้านซ่อมเครื่องดนตรี
หรอื วา่ หากไม่ได้ชำรดุ มากกส็ ามารถซอ่ มเองได้

การประกวดแข่งขัน คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ ไม่เคยทำการ
ประกวดแข่งขันใด ๆ แต่มีความต้องการที่อยากจะลองประกวด แต่ทั้งนี้ทางผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่า
ยังขาดประสบการณ์ในด้านการแสดงเพื่อการแข่งขัน เช่น การตีกลองให้ดัง การเดินยังไม่เป็น
จงั หวะ เป็นตน้ นอกจากนี้ ยงั ขาดในสว่ นของผูร้ ู้ทจี่ ะมาเป็นครูผู้สอนที่จะพัฒนาไปถึงข้ันระดับ
การประกวดการแข่งขันได้ ซึ่งทางคณะกลองยาวไม่ได้มีงบประมาณในการว่าจ้าง
จงึ ทำการพัฒนาคณะกลองยาวเท่าทที่ ำได้กอ่ น

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่ ส่วนใหญ่
ได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐ ซึ่งได้มีการขอความอนุเคราะห์กับทางผู้ใหญ่เอาไว้ว่า
ในการดำเนินกิจกรรมของโครงการในพระราชดำริ ในพื้นที่ตำบลหนองกุงใหญ่ จะขอความ
อนุเคราะห์สนับสนุนโครงการทูบีนัมเบอร์วันของทางคณะกลองยาว เพื่อเป็นการสรรหา
งบประมาณในการต่อยอดและนำมาเป็นเงินบำรุงเงินสนับสนนุ อปุ กรณ์และส่งเสริมกิจกรรม
ภายในคณะคงอยู่ตอ่ ไป

แนวโน้มในการดำรงอยู่ในอนาคต คณะกลองยาวทูบีนัมเบอร์วัน ตำบลหนองกุงใหญ่
มีความประสงค์ต้องการที่จะสืบสานการแสดงกลองยาวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสมาชิกทุกคน


Click to View FlipBook Version