The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kloyjai Jimanang, 2024-05-26 04:54:47

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

1 ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ก คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำนำ ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษารายงาน การ ติดตามการประเมินผลการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนที่ ๒ กลยุทธ์ที่ ๓ ตัวชี้วัดที่ ๑๑ คือ ร้อยละของสถานศึกษาที่สอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ได้รับการเตรียมความพร้อ มด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ “ในการประเมินระดับนานาชาติตามโครงการ PISA” นั้น ในการนี้ สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓ ขอความอนุเคราะห์ ให้คุณครูผู้สอนภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สร้างข้อสอบตามแนวทาง PISA เพื่อจัดทำเป็นคลังข้อสอบออนไลน์ สำหรับสถานศึกษาในสังกัดที่เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นทั้งหมด ดังนั้น เพื่อให้มีสื่อสำหรับทบทวนความรู้ และฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรู้เพื่อแก้ปัญหาใน สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะ เกษ เขต ๓ จึงได้จัดทำนวัตกรรมด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในการประเมินระดับนานาชาติ ตามโครงการ PISA สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกพัฒนาทักษะ การแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนและสถานศึกษาในการนำไปใช้ พัฒนาผู้เรียน และขอขอบคุณคณะทำงานที่ร่วมจัดทำแบบพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมิน ของ PISA จนสำเร็จลุล่วงด้วยดี กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต ๓


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ข คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ครบรอบการประเมินของ PISA (Programme for International Student Assessment) เพื่อเป็นการพัฒนาผู้เรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการสอบให้มีสื่อสําหรับทบทวน ความรู้และฝึกทักษะการเชื่อมโยงความรู้เพื่อการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดําเนิน ชีวิตประจําวัน ศูนย์PISA สพฐ. จึงได้จัดทําแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ขึ้น ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องการอ่าน แบบฝึก ทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องคณิตศาสตร์ และแบบฝึกทักษะการ แก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ด้านการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ กรอบการจัดทําแบบฝึกทักษะ การจัดทําแบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของPISA ครั้งนี้กําหนดกรอบการ จัดทําโดยอิงตามกรอบการประเมินของ PISA แต่ละด้าน ดังนี้ นิยามของแบบฝึกทักษะ : แบบฝึกที่จัดทําขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของนักเรียนที่ นําไปสู่การแก้ปัญหาตามนิยามและกรอบโครงสร้างการประเมินการรู้เรื่องการอ่าน คณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ กรอบการจัดทําแบบฝึก : อิงตามกรอบโครงสร้างการประเมินของ PISA แต่ละด้าน ดังนี้ ➢ การรู้เรื่องการอ่าน สถานการณ์หรือบริบท (Situation) เป็นสาระหรือข้อมูลแวดล้อมที่นํามาเป็นสื่อเพื่อให้นักเรียนอ่าน ๔ บริบท ได้แก่ส่วนตัว สาธารณะ การงานอาชีพ และการอ่านเพื่อการศึกษา เนื้อเรื่อง (Text) เป็นรูปแบบของการนําเสนอทั้งในรูปของสื่อ สํานวนภาษา และการนําเสนอ ความสามารถด้านการอ่าน เป็นความสามารถของนักเรียนในการทําความเข้าใจต่อสิ่งที่อ่าน ได้แก่การเข้าถึง และค้นคืนสาระ การบูรณาการและการตีความ และการสะท้อนและประเมิน ➢ การรู้เรื่องคณิตศาสตร์ สถานการณ์หรือบริบท (Context) เป็นสาระหรือข้อมูลแวดล้อมที่ปัญหานั้นตั้งอยู่๔ บริบทได้แก่ ส่วนตัว สาธารณะ การงานอาชีพ และวิทยาศาสตร์ เนื้อหาคณิตศาสตร์ (Content) เป็นสาระความรู้ที่นักเรียนต้องนํามาใช้เชื่อมโยงเพื่อการแก้ปัญหา ได้แก่สาระความรู้คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ปริภูมิและรูปทรงปริมาณ และ ความไม่แน่นอนและข้อมูล กระบวนการทางคณิตศาสตร์ (Process) เป็นกระบวนการที่ใช้อธิบายสิ่งที่แต่ละคนทําเพื่อเชื่อมโยง บริบทของปัญหากับคณิตศาสตร์แล้วนําไปสู่การแก้ปัญหา ประกอบด้วย การคิดสถานการณ์ปัญหาในเชิง คณิตศาสตร์การใช้หลักการและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหา และการตีความและประเมินผล ลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ ➢ การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ สถานการณ์และบริบทของวิทยาศาสตร์สถานการณ์ในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีระดับบุคคล ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ค คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา สมรรถนะทางวิทยาศาสตร์เป็นความสามารถในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเชิงวิทยาศาสตร์ ประเมินและออกแบบกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และแปลความหมายข้อมูลและใช้ ประจักษ์พยานเชิงวิทยาศาสตร์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ความเข้าใจในข้อเท็จจริง แนวคิดหลัก และทฤษฎีสําคัญ ที่ทําให้เกิดความรู้ พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย ความรู้ด้านเนื้อหา ความรู้ด้านกระบวนการ และความรู้เกี่ยวกับการ ได้มาของความรู้ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ได้แก่ความสนใจในวิทยาศาสตร์การให้ความสําคัญกับวิธีการทาง วิทยาศาสตร์ที่นํามาสู่การสืบเสาะหาความรู้และความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม การนําแบบฝึกไปใช้สําหรับครูผู้สอน แบบฝึกทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ทั้งการรู้เรื่องการอ่าน การรู้เรื่อง คณิตศาสตร์และการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์จัดทําขึ้นเพื่อให้ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นใช้เป็นเครื่องมือใน การพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพตามกรอบการประเมินของ PISA ที่ไม่เน้นเพื่อการพิจารณาว่านักเรียนรู้หรือจํา เนื้อหาที่เรียนไปแล้วได้หรือไม่ แต่เป็นแบบฝึกทักษะที่เน้นทักษะการเชื่อมโยงความรู้ที่นักเรียนได้เรียนใน ห้องเรียนกับสถานการณ์ที่กําหนดให้ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีแนวทางการนําไปใช้ ดังนี้ - ใช้เป็นสื่อประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในชั้นเรียน โดยเลือกใช้สถานการณ์ของ แบบฝึกที่มีเนื้อหา/ความรู้สอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการพัฒนาในชั้นเรียนนั้น ๆ - ใช้เป็นสื่อแบบฝึกเมื่อจบบทเรียน การใช้แบบฝึกต้องมั่นใจว่านักเรียนมีความรู้ความเข้าใจใน เนื้อหาความรู้ที่ปรากฏในสถานการณ์ในระดับหนึ่งซึ่งครูผู้สอนสามารถใช้แบบฝึกนี้หลังจาก จบบทเรียนหรือจบกิจกรรมการเรียนการสอนในสาระหนึ่งได้ - ใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดกิจกรรมเสริมให้กับผู้เรียนในชั่วโมงของกิจกรรมเสริมต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาผู้เรียน การใช้แบบฝึกพัฒนาผู้เรียนควรเลือกนําไปใช้ครั้งละ ๑-๒ สถานการณ์ โดยการพิจารณาจากความ สอดคล้องของสาระความรู้ที่ปรากฏในสถานการณ์ของแบบฝึกและสาระความรู้ที่ต้องการพัฒนา/ประเมิน


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ง คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก คำชี้แจง ข สารบัญ ง กรอบที่ใช้ในการประเมิน ซ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น ส่วนตัว ๑ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น สาธารณะ ๒๒ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น การงานอาชีพ ๔๔ แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA ๖๕ กรอบประเด็น การอ่านเพื่อการศึกษา คณะผู้จัดทำ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA จ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ฉ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง การรู้เรื่องการอ่าน (Reading Literacy) หมายถึง ความสามารถในการทำความเข้าใจสิ่งที่อ่าน สามารถนำไปใช้ในการประเมิน การสะท้อน และมีความรักและความผูกพันกับถ้อยความเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถและศักยภาพและการมีส่วนร่วมในสังคม (PISA ๒๐๑๘) ความสามารถด้านการอ่านเป็นเครื่องมือสําคัญในการพัฒนาและต่อยอดความรู้“การรู้เรื่องการอ่าน (Reading Literacy)” เป็นความสามารถของนักเรียนในการทําความเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อ่านแล้ว นำไปใช้ในการประเมิน การสะท้อน มีความรักและผูกพันกับสิ่งที่อ่านเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและ ศักยภาพและการมีส่วนร่วมในสังคม แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA จัดทําขึ้นเพื่อพัฒนา ความสามารถด้านการอ่านของนักเรียน ๓ ลักษณะ คือ อ่านเพื่อเข้าถึงและค้นคืนสาระ อ่านเพื่อบูรณาการและ ตีความ และอ่านเพื่อประเมินและสะท้อนสิ่งที่อ่าน โดยบทอ่านที่นํามาเป็นเครื่องมือหรือสถานการณ์สําหรับ พัฒนานักเรียนจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในการดําเนินชีวิต นักเรียนอาจได้พบเห็นหรือไม่ก็ได้ตามกรอบที่ PISA ใช้ในการประเมิน ดังนี้ สถานการณ์ เนื้อเรื่อง ความสามารถด้านการอ่าน PISA กำหนดสถานการณ์หรือ บริบทเป็นวัตถุประสงค์ด้านการ อ่าน ๔ บริบท ดังนี้ o บริบทส่วนตัว o บริบทสาธารณะ o บริบทการงานอาชีพ o บริบทการอ่านเพื่อการศึกษา PISA ให้ความสำคัญกับ ๓ ลักษณะของเนื้อเรื่อง ดังนี้ o สื่อทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์และสื่อ ดิจิทัล o รูปแบบของเนื้อเรื่อง o สำนวนภาษาของเนื้อเรื่อง PISA ให้ความสำคัญกับ ความสามารถด้านการอ่าน ๓ ลักษณะ (PISA ๒๐๑๕) ดังนี้ o การเข้าถึงและค้นคืนสาระ o การบูรณาการและการตีความ o การสะท้อนและประเมิน การใช้แบบฝึกเพื่อพัฒนาทักษะการอ่าน แบบฝึกนี้มุ่งพัฒนาความสามารถด้านการอ่านให้เกิดขึ้นภายในตัวของนักเรียน เนื้อหาของแบบฝึก จึงไม่ยึดติดกับเนื้อหาของบทเรียนที่นักเรียนได้เรียนในห้องเรียน ดังนั้น การใช้แบบฝึกนี้นักเรียนสามารถหา คําตอบได้ด้วยการพยายามใช้ศักยภาพที่มีในตัวเองในการหาคําตอบ คําตอบของแบบฝึกบางข้อนักเรียนอาจ หาได้ง่ายเพราะปรากฏอย่างชัดเจนในบทอ่าน บางข้อนักเรียนต้องใช้ความสามารถในการตีความ หรือแปล ความข้อความ ภาพ ข้อมูลหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในบทอ่านเพื่อใช้ในการตอบคําถาม หรือบางข้ออาจให้ นักเรียนใช้ความรู้ที่ได้จากบทอ่านเชื่อมโยงกับความรู้หรือประสบการณ์ที่นักเรียนมีในการสรุปเป็นคําตอบหรือ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทอ่านอย่างสมเหตุสมผล ดังนั้น ในการพัฒนาศักยภาพการอ่านตามแบบฝึกนี้ นักเรียนควรอ่านสถานการณ์ที่กําหนดให้จบทุกครั้ง ก่อนหาคําตอบของคําถามแต่ละข้อ สถานการณ์สําหรับพัฒนาศักยภาพด้านการอ่านของนักเรียน จํานวน ๑๓ สถานการณ์ประกอบด้วย ๒ องศาฯ วิกฤติอุณหภูมิเปลี่ยนโลก กาฝากชีวิต นอนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน การโฆษณาเกิน จริงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรคซึมเศร้า JOB NEW ONLINE ศัลยกรรมเรื่องธรรมดาของคนรุ่นใหม่ สังคมนอกคอก กําลังแรงงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเด็กกับคอมพิวเตอร์และทฤษฎีแมลงสาบ แต่ละสถานการณ์ใช้ใน การฝึกความสามารถด้านการอ่านของนักเรียน ๓ ด้าน คือการอ่านเพื่อเข้าถึงและค้นคืนสาระการอ่านเพื่อ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ช คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การบูรณาการและการตีความ และอ่านเพื่อการประเมินและสะท้อน ซึ่งเป็นสมรรถนะตามแนวทางการ ประเมินของ PISA


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ซ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น ส่วนตัว คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๔ การแปรงฟันของคุณ ฟันของเราสะอาดมากขึ้นและมากขึ้นเมื่อเรายิ่งแปรงนานขึ้นและแรงขึ้นใช่หรือไม่? นักวิจัยชาวอังกฤษบอกว่าไม่ใช่ เขาได้ทดลองหลายๆ ทางเลือก และท้ายที่สุดก็พบวิธีที่สมบูรณ์แบบในการ แปรงฟัน การแปรงฟัน ๒ นาทีโดยไม่แปรงฟันแรงจนเกินไปให้ผลที่ดีที่สุด ถ้าคุณแปรงฟันแรงคุณกำลังทำร้าย เคลือบฟันและเหงือกโดยไม่ได้ขจัดเศษอาหารหรือคราบหินปูน เบนท์ ฮันเซน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแปรงฟัน กล่าวว่าวิธีจับแปรงสีฟันที่ดีก็คือจับให้เหมือนจับปากกา “เริ่มจาก มุมหนึ่ง และแปรงไปตามฟันจนหมดแถว” เธอบอกว่า “อย่าลืมลิ้นของคุณด้วย! มันสามารถสะสมแบคทีเรียได้ มากทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก” “การแปรงฟันของคุณ” เป็นบทความจากนิตยสารของนอร์เวย์ จงใช้บทความเรื่อง “การแปรงฟันของคุณ”ข้างบนเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ ชุด ๑


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๑ บทความนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (การบูรณาการและตีความ) ๑. วิธีที่ดีที่สุดในการแปรงฟัน ๒. แปรงสีฟันชนิดที่ใช้ดีที่สุด ๓. ความสำคัญของการมีฟันดี ๔. วิธีการแปรงฟันที่แตกต่างกันของแต่ละคน คำถามข้อที่ ๒ นักวิจัยชาวอังกฤษแนะนำว่าอย่างไร ๑. แนะนำว่าคุณแปรงฟันได้บ่อยเท่าที่จะแปรงได้ ๒. แนะนำว่าคุณไม่ควรพยายามแปรงฟัน ๓. แนะนำว่าคุณไม่ควรแปรงฟันแรงเกินไป ๔. แนะนำว่าคุณควรแปรงลิ้นให้บ่อยกว่าฟัน คำถามข้อที่ ๓ ทำไมเราจึงควรแปรงลิ้น ตามคำกล่าวของเบนท์ ฮันเซน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. คำถามข้อที่ ๔ ทำไมในเรื่องจึงกล่าวถึงปากกา ๑. เพื่อช่วยให้เราเข้าใจว่าควรจับแปรงสีฟันอย่างไร ๒. เพราะเราเริ่มจากมุมหนึ่งเหมือนกันทั้งปากกาและแปรงสีฟัน ๓. เพื่อแสดงว่าเราสามารถแปรงฟันได้หลายๆวิธี ๔. เพราะเราควรแปรงฟันอย่างจริงจังเช่นเดียวกับการเขียน


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๕ เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” จู่ ๆ Chiquinho Scarpa เศรษฐีตัวแสบประจำเมืองแซมบา ก็ประกาศเรียกสื่อมวลชนทั้งหลายให้มา ทำข่าวการฝังรถ “Bentley Flying Spur” มูลค่าหลายสิบล้านในสวนหลังบ้านของตน เมื่อข่าวนี้ออกไป เสียงด่าทอ และประณามการกระทำ ทั้งโลกออนไลน์และสื่อต่าง ๆ กลับมาหาตัวเขา มากกว่าคำชมในความบ้าบิ่น เรียกได้ว่า เขากลายเป็นโจทย์ของสังคม และเรื่องการฝังรถหรูของเขาก็กลายเป็น ทอล์กออฟเดอะทาวน์ภายในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อวันที่เขาประกาศมาถึง นักข่าวทั่วทุกสำนักถูกเชิญมาที่สวนหลังบ้าน มีการถ่ายทอดสดการฝังรถ หรูของเขาผ่านทางทีวีใหญ่โต “แต่เกมพลิก! เมื่อจู่ ๆ เศรษฐีจอมแสบรายนี้ก็สั่งหยุดการฝังรถ เเละเชิญนักข่าวทุกท่าน มาฟังเขาพูด ก่อนที่เขาฝังรถคันนี้ต่อ” และสิ่งที่เขาจะพูดกับนักข่าวเเละประชาชนที่กำลังติดตามผ่านการถ่ายทอดสดครั้งนี้ คือ “ต่อให้ผมฝังรถหรูราคาหลายสิบล้านนี้จริง แต่มูลค่าของรถคันนี้ยังไม่เท่ากับการที่พวกคุณฝังร่างกายคุณ ลงพื้นดินเลย เพราะรู้หรือไม่ว่าอวัยวะของคุณนั้นมีค่าที่สุด มีค่ามากกว่ารถคันนี้เสียอีก ทำไมคุณยังฝังได้อย่าง ไม่เสียดายกัน!” จากผู้ร้ายที่บ้าบิ่น คนรวยสุดสติแตกที่ประกาศฝังรถหรูในสวนของตัวเอง เขาก็กลับกลายเป็นคนที่ สามารถเรียกนักข่าวและสื่อมาเพื่อข่าวรณรงค์สนับสนุนการบริจาคอวัยวะในบราซิลได้มากที่สุดคนหนึ่งใน ประวัติการณ์ สถิติที่รวบรวมมาคร่าว ๆ จากแคมเปญนี้ Chiquinho Scarpa สามารถสร้างการรับรู้เรื่องการรณรงค์ บริจาคอวัยวะให้กับคนทั่วโลกได้มากกว่า ๑๗๒ ล้านคน สร้างมูลค่าผ่านสื่อคิดเป็นตัวเลขกว่า ๒๒ ล้านเหรียญ สหรัฐ โดยมีต้นทุนเพียง ๖,๐๐๐ เหรียญ และที่สำคัญที่สุด เขาสามารถเพิ่มยอดคนร่วมบริจาคอวัยวะได้ เพิ่มขึ้น กว่า ๓๑.๕% ใน ๑ เดือน ต้องยกให้เขาเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ที่สร้างประโยชน์ให้กับมนุษย์โลกมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่มา : http://marketeer.co.th/๒๐๑๔/๐๖/chiquinho-bentley-cannes/ คำถามข้อที่ ๑ : เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” คำว่า “แซมบา” หมายถึงประเทศใด (อ่านเพื่อเข้าถึงและค้นคืนสาระ ๑ คะแนน) ๑. ประเทศเอกวาดอร์ ๒. ประเทศบราซิล ๓. ประเทศชิลี ๔. ประเทศอิหร่าน ชุด ๒


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๒ : เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” จากบทความข้างต้น นาย Chiquinho Scarpa มีจุดประสงค์หลักอะไรในการกระทำดังกล่าว (อ่านเพื่อบูรณา การและตีความ ๑ คะแนน) ๑. ต้องการเรียกร้องความสนใจเพื่อประชาสัมพันธ์ ๒. ต้องการแสดงถึงฐานะที่ร่ำรวยของตน ๓. ต้องการประชดบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ๔. ต้องการรณรงค์สนับสนุนการบริจาคอวัยวะ คำถามข้อที่ ๓ : เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายเหตุผลประกอบความเห็นของนักเรียน จากคำพูดของเศรษฐีคนนี้ ที่ว่า” มูลค่าของรถคันนี้ยังไม่เท่ากับการที่พวกคุณฝังร่างกายคุณลงพื้นดินเลย เพราะรู้หรือไม่ว่าอวัยวะของคุณนั้นมี ค่าที่สุด มีค่ามากกว่ารถคันนี้เสียอีก ทำไมคุณยังฝังได้อย่างไม่เสียดายกัน!” ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... ข้อที่ ๔ : เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” จากบทความข้างต้น นักเรียนคิดว่า สุดท้ายแล้วสังคมมีการตอบรับการกระทำของเศรษฐีคนนี้อย่างไร จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างจากบทความ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................... .......... ........................................................................................................................ ...................................................... คำถามที่ ๕ : เเคมเปญเเรง! “เศรษฐีบราซิเลียนประกาศฝังรถ BENTLEY ในสวนหลังบ้านตัวเอง” จากข่าวข้างต้น ยกให้ นาย Chiquinho Scarpa เป็นเด็กเลี้ยงแกะ นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด โปรดยกตัวอย่างการกระทำของบุคคลดังกล่าวอย่างชัดเจน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง อ่านบทอ่านแล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๒ คำถามข้อที่ ๑ ให้นักเรียนเรียงลำดับบทความเป็นตัวเลขจากเหตุไปหาผล (อ่านเพื่อบูรณาการและตีความ) ๑. อ้วนอย่างไม่รู้ตัว ๒. อดข้าวเช้า ๓. ร่างกายจะเอาที่กินไปมาสะสมเป็นไขมันเพิ่มขึ้น ๔. หิวร่างกายสั่งให้กินมื้อต่อไปเยอะขึ้น ๕. กลไกง่าย ๆ แบบอัตโนมัติ คำตอบ คำถามข้อที่ ๒ (๓ คะแนน) จากถ้อยความข้างต้น ข้อความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรือ ไม่เป็นความจริง ข้อความ เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความ ไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ที่ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑ เพราะงั้น เป็นภาษาเขียน ๒ เมื่อกินมื้อต่อไปเยอะร่างกายจะเอาที่กินมาสะสมเป็นไขมันเพิ่มขึ้นแล้วทำให้อ้วน ๓ คนอ้วนมักกินเยอะ ๔ ชีวิตที่เร่งรีบทำให้คนส่วนมากไม่มีเวลารับประทานอาหารเช้า ๕ เมื่อกินเยอะร่างกายจะเอาที่กินไป มาสะสมเป็นไขมัน ๖ ตื่นเช้าขึ้น ๓ นาที เพื่อมาดื่มนม ชุด ๓


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๒ คำถามข้อที่ ๑ คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมีโอกาสเกิดโรคใด ๑. โรคหัวใจและหลอดเลือด ๒. โรคกระเพาะ ๓. โรคมะเร็ง ๔. โรคโลหิตจาง คำถามข้อที่ ๒ บุคคลใดไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ๑. นุ่นชอบเล่นเกมจนดึก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ๒. หน่อยชอบออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ๓. นิดชอบกินหมูกระทะทุกเย็น ๔. นัดชอบสูบบุหรี่เวลาเครียด ชุด ๔


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๒ ชุด ๕


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๑ สมุนไพรลูกใต้ใบมีคุณสมบัติอย่างไร ๑. ขับของเสียออกจากไต ๒. ขับของเสียออกจากตับ ๓. ขับของเสียออกจากเลือด ๔. ขับของเสียออกจากลำไส้ คำถามข้อที่ ๒ จุดประสงค์ของถ้อยความนี้คืออะไร ๑. เพื่ออธิบายว่า อัมพฤกษ์ อัมพาต คืออะไร ๒. แสดงความคิดเห็นต่อการเกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต ๓. ชี้ให้เห็นถึงวิธีป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ด้วยตนเอง ๔. บอกให้คนทราบว่าต้องออกกำลังกายจึงจะป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๔ รอยพ่นสีบนกำแพง ฉันเดือดดาลไปด้วยความโกรธที่เห็นกำแพงโรงเรียนต้องถูกทำความสะอาดและทาสีใหม่ถึงสี่ครั้งเพื่อ ลบรอยพ่นสีบนกำแพง การสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่น่าชมเชยก็จริงอยู่ แต่มนุษย์ควรจะหาวิธีการแสดงออกที่ไม่ต้อง ทำให้สังคมเดือดร้อนและสูญเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็น ทำไมคุณชอบทำลายชื่อเสียงของคนวัยรุ่นหนุ่มสาวด้วยการไปพ่นสีบนกำแพง ซึ่งเป็นข้อห้าม ศิลปิน มืออาชีพน่ะ เขาไม่แขวนงานของเขาตามข้างถนนหรอก จริงไหม แต่เขาจะหาเงินและชื่อเสียงโดยการแสดง นิทรรศการผลงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในความเห็นของฉัน ไม่ว่าจะเป็นตัวตึก รั้ว ม้านั่งในสวนสาธารณะ ต่างก็ถูกออกแบบมาอย่างมีศิลปะ ในตัวเองแล้วทั้งนั้น มันน่าเสียดายที่จะไปทำลายงานสถาปัตยกรรมนี้เสีย ด้วยรอยพ่นสี และยิ่งกว่านั้น วิธีนี้ยัง ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศอีกด้วย จริง ๆ นะ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมศิลปินอาชญากรรมเหล่านี้จะรู้สึก เดือดร้อนเมื่อเห็นว่า “งานศิลปะ" ของพวกเขาถูกล้างออกครั้งแล้วครั้งเล่า เกวลิน ไม่ต้องพูดกันเรื่องรสนิยม ทุกวันนี้สังคมเต็มไปด้วยการสื่อสารและการโฆษณา ตามถนนมีแต่ตราของ บริษัท ชื่อห้างร้าน โปสเตอร์ขนาดมหึมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ใช่ไหม ใช่ ส่วนใหญ่ยอมรับกันได้ แล้ว รอยพ่นสีบนกำแพงล่ะ ยอมรับกันได้ไหม บางคนก็บอกว่าได้ บางคนก็บอกว่าไม่ได้ ใครเป็นคนจ่ายค่าพ่นสีบนกำแพง ในที่สุดใครเป็นคนจ่ายค่าโฆษณา ใช่ผู้บริโภคไงล่ะ คนที่เอาแผ่นป้ายโฆษณามาเที่ยวแปะล่ะ เคยขออนุญาตไหม ก็ไม่เคย พวกพ่นสีบนกำแพงทำเช่นนั้น บ้างได้ไหม มันไม่ใช่แต่เรื่องของการบอกชื่อของตัวเอง–ชื่อแก๊ง และผลงานศิลปะชิ้นใหญ่ๆ ตามข้างถนน ลองนึกถึง ผ้าลายทาง และลายตาหมากรุก ที่มีขายตามร้านเมื่อสองสามปีก่อน และลายเสื้อผ้าของ นักเล่นสกี ทั้งลายและสีของผ้าเหล่านี้ก็ถูกขโมยมาจากลายที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามบนกำแพงคอนกรีตตาม ข้างถนนนั่นเอง ตลกดีที่ลวดลายเหล่านี้เป็นที่ยอมรับ และชื่นชม แต่รอยพ่นสีบนกำแพงซึ่งเป็นแบบเดียวกัน กลับถูกมองเห็นว่าทุเรศ โลกนี้มันช่างยากนักสำหรับศิลปิน โสภิตา จดหมายสองฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องรอยพ่นสีบนกำแพง ที่ได้มาจากอินเทอร์เน็ต รอยพ่นสีบนกำแพงเป็นการ วาดภาพ และขีดเขียนบนกำแพงที่ผิดกฎหมาย ให้นักเรียนอ้างถึงจดหมายทั้งสองฉบับในการตอบคำถาม ต่อไปนี้ ชุด ๖


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๑ จุดประสงค์ของจดหมายทั้งสองฉบับ เพื่อ (บูรณาการและตีความ) ๑. อธิบายว่ารอยพ่นสีบนกำแพงคืออะไร ๒. แสดงความคิดเห็นต่อรอยพ่นสีบนกำแพง ๓. แสดงให้เห็นความนิยมของรอยพ่นสีบนกำแพง ๔. บอกผู้คนให้รู้ว่าต้องใช้เงินมากเท่าไรในการกำจัดรอยพ่นสีบนกำแพง คำถามข้อที่ ๒ ทำไมโสภิตาจึงอ้างถึงการโฆษณา (บูรณาการและตีความ) ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คำถามข้อที่ ๓ นักเรียนเห็นด้วยกับจดหมายฉบับใด จงอธิบายโดยใช้คำพูดของนักเรียนเอง (อ่านเพื่อ ประเมินและสะท้อนสิ่งที่อ่าน) ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คำถามข้อที่ ๔ เราอาจพูดถึง สิ่งที่จดหมายพูดถึง (เนื้อหาของจดหมาย) (อ่านเพื่อประเมินและสะท้อนสิ่งที่ อ่าน) เราอาจพูดถึง วิธีการเขียนจดหมาย (ลักษณะการเขียน) ถ้าไม่คำนึงถึงว่านักเรียนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับจดหมายฉบับใด ในความคิดของนักเรียน คิดว่า จดหมายฉบับใด ดีกว่ากัน ให้อธิบายโดยอ้างถึงวิธีการเขียนจดหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง หรือทั้งสองฉบับ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านบทความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๖ ชุด ๗


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๑ ๒ คะแนน การลดเค็มลงครึ่งหนึ่งลดโอกาสเกิดโรคใด ๑. โรคเบาหวาน ๒. โรคความดันโลหิตสูง ๓. โรคมะเร็ง ๔. โรคโลหิตจาง ข้อ คำตอบ คำถามข้อที่ ๒ ๒ คะแนน ใครปฏิบัติตนถูกต้องในการรับประทานอาหาร ๑. ไก่ชอบรับประทานอาหารกึ่งสำเร็จรูป ๒. แก้วชิมก๋วยเตี๋ยวก่อนปรุงทุกครั้ง ๓. นิดชอบรับประทานปลากระป๋องทุกวัน ๔. น้อยกินอาหารรสเปรี้ยวเป็นประจำ ข้อ คำตอบ คำถามข้อที่ ๓ ๒ คะแนน อยากลดเค็มต้องทำอย่างไร ๑. รับประทานอาหารรสชาติเดียวประจำ ๒. รับประทานอาหารกระป๋อง ๓. ดูปริมาณโซเดียมในอาหารที่เราจะซื้อ ๔. เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายรสชาติ ข้อ คำตอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๔ ๕ คะแนน จากถ้อยความข้างต้น ข้อความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรือ ไม่เป็นความจริง ข้อความ เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความ ไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ที่ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑ คนไทยกินเกลือโซเดียมเกินความจำเป็น ๒ โรคเบาหวานไม่เกี่ยวกับกับการกินเค็ม ๓ อาหารดองเค็มรับประทานได้ตามที่ต้องการ ๔ ลดเค็มลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีสระลดรูป ๕ เลือกรับประทานอาหารรสลาติที่หลากหลาย ๖ โซเดียม ๒,๔๐๐ มก. / วัน เทียบเม่ามีปริมาณเกลือ ๑ ช้อนชา ๗ ขนมปังไม่ใช่อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ๘ การชิมก่อนปรุงเป็นการปฏิบัติตนไม่ถูกต้อง ๙ เราควรปรุงอาหารรับประทานเองดีกว่าอาหารถุงสำเร็จ ๑๐ อาหารจานเดียวเป็นอาหารที่เหมาะกับคนไทย คำถามข้อที่ ๕ ๒ คะแนน ทำไมจึงต้องหลีกเลี่ยงการกินน้ำซุป คำตอบ คำถามข้อที่ ๖ ๒ คะแนน การกินอาหารที่มีปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมไม่ควรเกินเท่าไหร่ คำตอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๗ ๕ คะแนน ภาพประกอบ ลดเค็ม ครึ่งหนึ่ง เหมาะสมกับถ้อยความหรือไม่ นักเรียนคิดเห็นอย่างไร กับคำพูดข้างต้น ทำไมจึงคิดเช่นนั้น ให้ใช้เหตุผลประกอบคำอธิบาย ๑. ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมาย วงล้อมรอบ ข้อความข้างล่างนี้ เพียง ๑ ข้อความ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ทั้งคล้อยตามและ โต้แย้ง ๒. ให้นักเรียนเขียนอธิบายเหตุผล จำนวน ๒ ข้อ ที่สอดคล้องความคิด การเลือกในข้อ ๑ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๓ ชุด ๘


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา จงใช้ “ประกาศเรื่องการบริจาคโลหิต” เพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามข้อที่ ๑ จุดประสงค์หลักของ “ประกาศเรื่องการบริจาคโลหิต” คืออะไร ๑. เพื่อกระตุ้นให้คนบริจาคโลหิต ๒. เพื่อบรรยายความเสี่ยงของการบริจาคโลหิต ๓. เพื่อเพื่ออธิบายว่าคุณสามารถบริจาคโลหิตได้ที่ไหน ๔. เพื่อพิสูจน์ว่าคนจำนวนมากบริจาคโลหิตเป็นประจำ คำถามข้อที่ ๒ ผู้หญิงอายุ ๑๘ ปี ที่บริจาคโลหิตไปแล้ว ๒ ครั้งใน ๑๒ เดือนที่ผ่านมา และต้องการบริจาคโลหิตอีกครั้งตาม “ประกาศเรื่องการบริจาคโลหิต” มีเงื่อนไขอะไรที่จะยอมให้เธอบริจาคโลหิตได้อีกครั้ง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คำถามข้อที่ ๓ เนื้อเรื่องกล่าวว่า “อุปกรณ์ที่ใช้เจาะเลือดผ่านการฆ่าเชื้อและใช้ครั้งเดียว..” ทำไมเนื้อเรื่องจึง ใส่ข้อมูลนี้เข้าไปด้วย ๑. เพื่อย้ำให้คุณแน่ใจว่าการบริจาคโลหิตปลอดภัย ๒. เพื่อเน้นว่าการบริจาคโลหิตเป็นสิ่งจำเป็น ๓. เพื่ออธิบายการนำโลหิตของคุณไปใช้ ๔. เพื่อให้รายละเอียดของการทดสอบและตรวจสอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๒ บันทึกซื่อ ๆ จากใจซน ๆ ของปาเปลูโช ๔ มกราคม ฉันยังนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้กับหลอดลมอักเสบ ฉันร้องไห้เพราะพี่ซาเวียร์ได้ไปดูหนัง ร้องได้ หน่อยฉันก็คิดได้ว่าขืนฉันร้องไห้แบบนี้ ฉันก็ทรมานตัวเองเปล่า ๆ คิดได้อย่างนี้จึงค่อยสบายใจขึ้น เพราะถ้าเรา นึกได้ว่าเรากำลังทรมานตัวเองเมื่อไหร่ ความทุกข์ระทมก็มักจะหายไป เหมือนกันกับเวลาที่เราไม่อยากไปไหน แล้วพ่อแม่จับเราขึ้นรถไปนั่นแหละ ฉันทำซุปหกรดที่นอน เลยต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ ฉันทำนาฬิกาที่พ่อให้ยืมมาพัง แต่ไม่ถูกดุ เพราะว่าฉันเป็นไข้ ฉันชอบไม่สบายก็ตรงนี้แหละ ตรงที่ใคร ๆ ต่างรุมกันเรียกฉันว่า ลูกรัก ตรงที่ทำ ซุปพิเศษให้ฉัน แล้วยังแทบจะอ้อนวอนให้ฉันกินอีกแน่ะ แถมยังสัญญาว่าจะทำตามที่ฉันขอทุกอย่าง พอแม่พูด กับหมอถึงเรื่องไข้กับไอของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนเรื่องร้าย ๆ นี่ก็มีส่วนดีกับฉันนะ เหมือนฉันร้องไห้ไปหัวเราะไป ยังไงยังงั้น ฉันยังได้อาบน้ำอุ่นด้วย แต่ถ้าฉันไม่อยากอาบก็ไม่ต้องอาบ ล่าสุดฉันตั้งใจจะทดลองจับแมลงวันมาหัดส่งสาร แต่มันตายระหว่างการทดลองไปแล้ว ๔ ตัว วันนี้ฉัน จะลองใช้วิธีใหม่ดู ฉันคิดว่าแมลงวันอาจจะบรรทุกอะตอมและกลายเป็นระเบิดบินก็ได้ โดมิติลายังคงแข็งแรงดี แต่ฉันคิดว่าที่เธออ้วนขึ้น อาจจะเป็นอาการเริ่มแรกของโรคร้ายแรง แต่ไม่ว่าเธอจะตายหรือไม่ตาย ไง ๆ ฉันก็จะเป็นนักบุญ ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไปติดคุก ที่มา : บันทึกซื่อ ๆ จากใจซน ๆ ของปาเปลูโช PAPELUCHO By Marcela Paz งามพรรณ เวชชาชีวะ แปลจากภาษาฝรั่งเศส สำนักพิมพ์สมิต ชุด วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน ๒๕๓๖ คำถามข้อที่ ๑ : บันทึกซื่อ ๆ จากใจซน ๆ ของปาเปลูโช จากบทความข้างต้น มีตอนหนึ่งถูกบันทึกไว้ว่า “เรานึกได้ว่าเรากำลังทรมานตัวเองเมื่อไหร่ ความทุกข์ระทมก็ มักจะหายไป” นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ อธิบายเหตุผลที่สนับสนุนความคิดของนักเรียน ......................................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................... ........................................ ............................................................................................................... ............................................................... ชุด ๙


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๒ : บันทึกซื่อ ๆ จากใจซน ๆ ของปาเปลูโช จากบทความข้างต้น เพราะเหตุใดปาเปลูโช จึงบันทึกว่า “เหมือนฉันร้องไห้ไปหัวเราะไป” จงอธิบายโดย ยกตัวอย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบทความมา ๒ เหตุการณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๑๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านข้อความความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อที่ ๑ – ๕ เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว ชิมามันดา นาโกซี เอดีชี เป็นนักเขียนที่เติบโตขึ้นในครอบครัวชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในประเทศ ไนจีเรียซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแอฟริกา ทั้งพ่อและแม่ของเธอทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งไนจีเรีย พ่อของเธอ เป็นอาจารย์และแม่ของเธอเป็นพนักงานธุรการในมหาวิทยาลัย เอดีซีเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ไนจีเรียก่อนที่ จะย้ายไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ข้อความต่อไปนี้ได้ดัดแปลงมาจากการบรรยายผ่านทางออนไลน์ของเอดีซี ในชื่อเรื่อง “อันตรายจาก เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว” ส่วนหนึ่งของการบรรยาย เอดีซีได้เล่าถึงประสบการณ์ของเธอกับเพื่อนร่วมหอพักที่ มหาวิทยาลัยในอเมริกาที่เธอไปเข้าเรียน ในตอนนั้น ฉันอายุ ๑๙ ปี เพื่อนร่วมหอพักชาวอเมริกันของฉันถึงกับตกตะลึงเมื่อได้พบฉัน เธอถามว่า ฉันไปเรียนพูดภาษาอังกฤษมาจากที่ไหนถึงพูดได้ดีขนาดนี้ และเธอดูสับสนมากเมื่อฉันบอกเธอว่าภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการของไนจีเรีย เธอถามว่าเธอขอฟังเพลงที่เรียกว่า “เพลงพื้นเมือง” ของฉันได้ไหม และเธอก็ดู จะผิดหวังไม่น้อยตอนที่ฉันเปิดเพลงของนักร้องยอดนิยมชาวอเมริกันให้ฟัง เธอคิดว่าฉันไม่รู้วิธีการใช้เตาอบ สิ่งที่ค้างคาในใจฉันก็คือ เธอรู้สึกสงสารฉันตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเจอฉันเสียอีก…เพื่อนร่วมหอพักของฉันมี เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับแอฟริกา ซึ่งก็คือเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวเกี่ยวกับความหายนะ ในเรื่องเล่าเพียง เรื่องเดียวนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่ชาวแอฟริกันจะมีอะไรที่เหมือนเธอไม่ว่าด้านใดก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมี ความรู้สึกอันซับซ้อนมากไปกว่าความรู้สึกสมเพช เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความสัมพันธ์กันอย่างมนุษย์ที่มีความ เท่าเทียมกัน คำถามข้อที่ ๑ (ระบุและวิเคราะห์มุมมองที่หลากหลาย) ข้อความใดต่อไปนี้น่าจะอธิบายได้ดีที่สุดว่า เพราะเหตุใดเพื่อนร่วมหอพักคนนี้จึง “ตกตะลึง” ที่เอดีซีพูด ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว และ “ผิดหวัง” เมื่อเธอเปิดเพลงของนักร้องยอดนิยมชาวอเมริกันให้ฟัง ๑. เธอหวังว่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพลงของชาวแอฟริกันให้มากขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเอดีซีมาจากไนจีเรีย ๒. เธอเรียนรู้มาจากโรงเรียนว่ามีประเทศต่าง ๆ มากมายในแอฟริกา หลายประเทศที่นั่นมีภาษาราชการ มากกว่าหนึ่งภาษา ๓. เธอมีแนวคิดเกี่ยวกับแอฟริกาและชาวแอฟริกันจากมุมมองที่รู้กันทั่วไปที่เธอได้พบเจอในประเทศ ของเธอ ๔. เธอไม่คาดคิดว่านักร้องยอดนิยมคนนี้จะเป็นที่รู้จักอย่างดีในแอฟริกาเพราะว่าศิลปินคนนี้ร้องเพลง เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ชุดที่ ๑๐


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามข้อที่ ๒ (ประเมินข้อมูล สร้างข้อโต้แย้ง และอธิบายประเด็นปัญหาหรือสถานการณ์) เอดีชียังกล่าวต่อไปอีกว่า “เรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียวได้ก่อให้เกิดทัศนคติต่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง และปัญหาจาก ทัศนคติต่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งนี้ไม่ใช่เพราะมันไม่เป็นจริง แต่เป็นเพราะมันยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์” ข้อความในตารางข้างล่างบรรยายถึงสาเหตุที่ทำให้ทัศนคติต่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอาจไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ใช่ หรือไม่ ให้ทำเครื่องหมายถูก ✓ เลือก ใช่ หรือ ไม่ใช่ ในแต่ละข้อความ ข้อความนี้บรรยายถึงสาเหตุที่ทำให้ทัศนคติต่อกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งอาจไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ใช่หรือไม่ ใช่ ไม่ใช่ มันไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มันไม่ได้สื่อสารไปถึงคนจำนวนมาก มันไม่รวมถึงประสบการณ์ส่วนบุคคล มันไม่ลึกซึ้งไปกว่าการกล่าวถึงอย่างกว้างๆ มันไม่สามารถเข้าใจได้โดยคนจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน คำถามข้อที่ ๓ ให้ทำเครื่องหมายถูก ✓ ที่กรอบสี่เหลี่ยมหนึ่งกรอบหรือมากกว่าหนึ่งกรอบเพื่อตอบ คำถาม ตัวอย่างใดต่อไปนี้แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าพลังของสื่อสามารถก่อให้เกิดเรื่องเล่าเพียงเรื่องเดียว เกี่ยวกับผู้คนกลุ่มหนึ่งได้อย่างไร ✓ สามารถเลือกตอบได้หนึ่งกรอบหรือมากกว่าหนึ่งกรอบ ๑. เว็บไซต์หนึ่งได้บรรยายถึงความสำเร็จทางประวัติศาสตร์ของชาวพื้นเมืองชนชาติหนึ่ง เมื่อพวก เขาอาศัยอำนาจของชาวต่างชาติในการตั้งถิ่นฐาน ๒. บทความในนิตยสารฉบับหนึ่งได้เน้นภาพเมืองๆ หนึ่งในต่างประเทศด้วยรูปภาพของเด็ก ๆ เดินเร่ร่อนไปตามท้องถนนเพื่อขอเงิน ๓. ละครโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมเรื่องหนึ่งเล่าเรื่องราวของตัวละครหญิงชายชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่ ประกอบอาชีพต่าง ๆ กัน ๔. บทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้กล่าวว่านักธุรกิจหญิงจะเป็นผู้บริหารได้ดีกว่า เพราะ ผู้หญิงมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าผู้ชาย


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ให้นักเรียนเขียนคำตอบเพื่อตอบคำถามข้อ ๔ - ๕ อลินเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังหยิบผลไม้จากแผงในตลาด และตะโกนเรียก เพื่อนด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจ อลินร้องอุทานด้วยความรังเกียจที่ชาวต่างชาติไม่เคารพกฎระเบียบของสังคม และพวกเขาควรหางานทำเพื่อที่จะสามารถซื้ออาหารได้ด้วยตนเอง คำถามข้อที่ ๔ (ประเมินข้อมูล สร้างข้อโต้แย้ง และอธิบายประเด็นปัญหาหรือสถานการณ์) ข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งที่อลินตั้งขึ้นตามสิ่งที่เธอสังเกตเห็นเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้คืออะไร .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. คำถามข้อที่ ๕ (ประเมินข้อมูล สร้างข้อโต้แย้ง และอธิบายประเด็นปัญหาหรือสถานการณ์) จงอธิบายว่าเพราะเหตุใดข้อสันนิษฐานนี้จึงอาจจะไม่ถูกต้อง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................. ................................. ..............................................................................................................................................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น สาธารณะ ภัยแฝงจาก บะหมี่สำเร็จรูป ยุคประหยัดขัดเข็มขัดรัดติ้วแบบนี้อาหารชนิดหนึ่งที่ "๑๐๘เคล็ดกิน"เชื่อว่าแทบทุกบ้านตองมีติดไว้ คือ "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" ที่มีราคาถูก ทั้งยังกินง่ายประหยัดเวลาและเพราะรูปแบบการกินง่ายดายเช่นนี้เอง ที่ทำให้ เรามองข้ามความใส่ใจถึงภัยรายที้แฝงมาพร้อมกับการกินบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปแบบผิดวิธี ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแปูงสาลีในกรรมวิธีการผลิตถึง ๖๐- ๗๐% ส่วน ๑๕-๒๐% เป็นไขมันในซองเครื่องปรุง (น้ำมันทอดบะหมี่สําเร็จรูปมักเป็นน้ำมันพืชราคาถูก ซึ่งมี คุณสมบัติแตกตัวเป็น "กรดไขมันชนิดทรานส์" ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุการกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ) ที่เหลืออีก ๕- ๖% เป็นเกลือและผงชูรส ทั้งยังมีปริมาณโซเดียมเกินความต้องการของร่างกายปนอยู่มากซึ่งเป็นอันตรายต่อไต และยังจะทำให้ความดันโลหิตสูงอีกด้วย แต่หากหลีกเลี่ยงที่จะทานไม่ได้ ทางกระทรวงสาธารณสุขเขาก็มีข้อแนะนําว่าให้ ใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไป ด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและปูองกันไม่ให้รํางกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ควรเลือกซื้อบะหมี่สําเร็จรูปที่เขียน กำกับว่า เพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ไว้หน้าซอง ไม่ควรทานบะหมี่สําเร็จรูปดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่นั้นจะไปพองตัวในกระเพาะอาหารอาจทำให้ ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปมากกว่าวันละ ๑ ซอง เพื่อปูองกันโรคต่างๆที่แทรกมาพร้อมบะหมี่ กึ่งสําเร็จรูป นํามาจาก : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=๙๕๓๐๐๐๐๐๕๗๙๖๒? คำถามที่ ๑: ผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไร จากการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ๑. ความสะดวกของคนรุ่นใหม่ ๒. โรคที่เกิดจากบะหมี่สำเร็จรูป ๓. ความประหยัดในการรับประทานอาหาร ๔. ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คำถามที่ ๒: ข้อใดไม่ถูกต้อง ๑. คำว่า “ทรานส์” เป็นคำภาษาอังกฤษ ๒. คำว่า “บะหมี่” เป็นภาษาจีน ๓. คำว่า “สาธารณสุข” เป็นคำสันสกฤต ๔. คำว่า “วิตามิน” เป็นคำภาษาโปรตุเกส ชุด ๑


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๓ จากถ้อยคำข้างต้น เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ข้อความเป็นความจริง จงทำเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความไม่เป็นความจริง จำทำเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑. น้ำมันพืชราคาถูกจะมีกรดไขมันชนินทรานส์เป็นส่วนประกอบในบะหมี่สำเร็จรูป ๒. ไม่ควรรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ จะก่อให้เกิดโรคท้องอืด ๓. วิภาวดีเลือกซื้อบะหมี่ที่มีข้อความเพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก วิตามินเอ มา รับประทาน ๔. กรดไขมันชนินทรานส์ เป็นสารกระตุ้นให้เกิดโรคตับอักเสบ ๕. จำนงรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปโดยใส่ไข่ ผักและเนื้อสัตว์ ๖. ชนิตาปวดท้องเพราะทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ ๗. ร่างกายของเราหากมีแร่ธาตุโซเดียมปริมาณมากจะส่งผลกระทบต่อโรคปอดอักเสบ ๘. บะหมี่สำเร็จรูปมีส่วนประกอบของสารโซเดียมและผงชูรส ๖๐-๗๐% ๙. สาธารณสุขเตือนห้ามรับประทานบะหมี่สำเร็จรูปทุดชนิด ๑๐. “ยุคประหยัดเข็มขัดรัดติ้ว” เป็นประโยคความรวม คำถามที่ ๔ : จากถ้อยความข้างต้น นักเรียนจะซื้อบะหมี่สำเร็จรูปรับประทานได้หรือไม่ ให้เลือกวงกลมรอบข้อความ “ได้” “ไม่ได้” แล้วบอกเหตุผลจำนวน ๒ ข้อ ได้ ไม่ได้ ๑............................................................................................................................. .............................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................. ................................................. ๒........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๕ : นักเรียนคิดเห็นอย่างไรจากถ้อยความข้างต้น ให้ใช้เหตุผลประกอบคำอธิบาย ดังนี้ ๑. ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมายวงกลมล้อมรอบข้อความข้างล่างนี้เพียงข้อเดียว ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ความคิดเห็นคล้อยตามและโต้แย้ง ๒. ให้นักเรียนเขียนคำอธิบายเหตุผลจำนวน ๒ ข้อที่สอดคล้องความคิดการเลือกในข้อที่ ๑ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโตแย้ง ๑................................................................................ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ๑................................................................................ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ๒................................................................................ .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ๒................................................................................ .................................................................................. .................................................................................. ..................................................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ สามารถลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของอาการ และลดการ เสียชีวิตได้ ดังนั้น วัคซีนจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยควบคุมการระบาดของโรค และช่วย ปกป้องให้ผู้คนปลอดภัยจากโรคนี้ได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ กับประเด็นข้อสงสัยของใครหลายๆ คนว่า “ทำไม เราจึงต้องฉีดวัคซีน โควิด-๑๙” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวช ศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับว่า “…วัคซีนจึงเปรียบเสมือนให้เราติดโรค และไม่มีอาการ แต่สร้างภูมิต้านทาน เหมือนติดโรค ถ้าเราให้ วัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันเหมือนกับเคยเป็นโรคมาแล้ว จำนวนมาก โรคก็จะสงบ ควบคุมได้ ชีวิตก็จะได้กลับมาสู่ ภาวะปกติ เด็กจะได้ไปโรงเรียน อยากไปไหนก็จะได้ไป วัคซีนจึงเป็นทางออกในการควบคุมการระบาดของโรค และยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้ที่ ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว” ที่มา: “Yong Poovorawan” คำถามที่ ๑ จากบทความข้างต้นข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ข้อความ เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความ ไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ที่ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑ วัคซีนช่วยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้ ๒ การฉีดวัคซีนช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส ๓ ประสิทธิผลของวัคซีนสามารถช่วยลดความรุนแรงหากติดเชื้อ และลดอัตราการเสียชีวิตได้ ๔ การฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสังคม ๕ การฉีดวัคซีนทำให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด-๑๙ จึงไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะทางสังคม คำถามที่ ๒ จงสรุปใจความสำคัญจากบทความข้างต้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………….………………………………………….................................……………............ ..………………………………………………………….………………………………………….................................…………….......... ชุด ๒


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำชี้แจง ๑. ข้อสอบชุดนี้ให้อ่านถ้อยความ มีคำถามการอ่านในใจและความเข้าใจการอ่าน ๖ ข้อ จำนวน ๔ หน้า ๒. การตอบคำถามทุกข้อให้ทำในชุดข้อสอบ ๓. ให้นักเรียนอ่านคำถามทุกข้ออย่างละเอียดรอบคอบแล้วตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ๓.๑ บางคำถามจะมีคำตอบให้เลือกตอบ ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว โดยเขียนคำตอบลงในช่องที่กำหนดให้ท้ายข้อสอบแต่ละข้อ ๓.๒ บางคำถามจะให้นักเรียนเขียนคำตอบสั้นๆ ในที่ว่างที่เตรียมไว้ในข้อสอบ ให้นักเรียนเขียนคำตอบเป็นตัวหนังสือ ตัวเลขไทย หรือเครื่องหมายตามที่กำหนด ๓.๓ บางคำถามต้องการให้นักเรียนอธิบายคำตอบ หรือบอกเหตุผลประกอบคำตอบ โดยกำหนดเงื่อนไขให้ใช้เนื้อเรื่องสนับสนุนคำตอบ ให้นักเรียนต้องเขียนอธิบาย หรือ เขียนเหตุผลประกอบ ภายในถ้อยความที่กำหนดให้ ( ให้นักเรียนเขียนด้วยลายมือที่อ่านง่าย และชัดเจน ) ชุด ๓


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านถ้อยความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๖


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๑ ๑ คะแนน จากบทความที่อ่านข้างต้นสื่อถึงใด ๑. อันตรายจากโควิด-๑๙ สายพันธุ์เดลต้า ๒. การเลือกยี่ห้อวัคซีน ๓. จำนวนการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ๔. ชนิดของโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ข้อ คำตอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๒๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๒ ๑ คะแนน ข้อใดไม่ใช่วิธีการรักษาสุขภาพให้ปลอดภัยจากโควิด-๑๙ ๑. เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาด ๒. หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดด้วยผู้คน ๓. รับประทานอาหารสุกผ่านความร้อน ๔. ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ข้อ คำตอบ คำถามที่ ๓ ๓ คะแนน จากถ้อยความข้างต้น ข้อความต่อไปนี้ เป็นความจริง หรือ ไม่เป็นความจริง ข้อความ เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความ ไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ที่ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑ วิทยาศาสตร์ เป็นคำภาษาบาลี ๒ โควิด เป็นคำทับศัพท์ ๓ โควิดสายพันธ์เบต้า ใช้เรียกสายพันธุ์อังกฤษ ๔ โควิดสายพันธุ์เดลต้าไม่ค่อยสูญเสียการได้กลิ่นและการรับรส ๕ ความสามารถในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้ามากกว่าสายพันธุ์ อัลฟ่า ๔๐% ๖ ๔๐ % ควรอ่านว่า สี่สิบเปอร์เซ็นต์


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๔ ๓ คะแนน จากข้อความต่อไปนี้ ให้นักเรียนใช้ข้อมูลจากเนื้อเรื่องสนับสนุนคำตอบ ที่ ข้อความ คำตอบ ๑ ระยะเวลา ๒-๓ เดือนโควิดสายพันธุ์เดลต้าจะเพิ่มขึ้นแบบก้าว กระโดด ๒ เหตุใดกรุงเทพมหานครจึงพบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ๓. เราจะมีวิธีการรักษาสุขภาพอย่างไรให้ปลอดภัยจาก โควิด- ๑๙ คำถามที่ ๕ ๑ คะแนน เพราะเหตุใดสายพันธุ์เดลต้าจึงแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ให้นักเรียนบอกเหตุผล โดยใช้ข้อมูลจากเนื้อเรื่องสนับสนุนคำตอบ คำตอบ คำถามที่ ๖ ๑ คะแนน คำกล่าว“ความปลอดภัยคุณเลือกได้เลี่ยงภัยร้ายรอบตัวคุณ” จากเรื่องที่อ่านมีวิธีการอย่างไร ให้นักเรียนบอกเหตุผล โดยใช้ข้อมูลจากเนื้อเรื่องสนับสนุนคำตอบ คำตอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๗ ๕ คะแนน ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมรณรงค์ สกัดโควิด-๑๙ นักเรียนคิดเห็นอย่างไร กับคำพูดข้างต้น ทำไมจึงคิดเช่นนั้น ให้ใช้เหตุผลประกอบคำอธิบาย ๑.ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมาย วงล้อมรอบ ข้อความข้างล่างนี้ เพียง ๑ ข้อความ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ทั้งคล้อยตามและโต้แย้ง ๒.ให้นักเรียนเขียนอธิบายเหตุผล จำนวน ๒ ข้อ ที่สอดคล้องความคิด การเลือกในข้อ ๑ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ๑. ๑. ๒. ๒.


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ใช้ข้อความต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ ๑ – ๒ ๑. ข้อใดเป็นข้อมูลที่โต้แย้งการสร้างเขื่อนตามข้อความต่อไปนี้อย่างชัดเจน ๑. เขื่อนที่สร้างอย่างไม่มั่นคงแข็งแรง อาจพังทลายได้ง่าย จึงไม่สมควรอนุมัติให้สร้าง ๒. การผลิตไฟฟ้าที่ใช้ต้นทุนน้อยไม่จำเป็นต้องใช้พลังน้ำเสมอไป จึงไม่จำเป็นต้องสร้างเขื่อน ๓. แผ่นดินไหว แผ่นดินเลื่อน เป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงไม่สัมพันธ์กับการสร้างเขื่อนใน เวียดนาม ๔. การสร้างเขื่อนมีผลต่อแผ่นดินไหว แผ่นดินเลื่อน เหตุผลการระงับโครงการจึงจำเป็นต้องฟังความ คิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ ๒. สาระสำคัญของข้อความข้างต้นกล่าวถึงเรื่องใด ๑. การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ๒. การระงับโครงการสร้างเขื่อน ๓. การสร้างเขื่อนในประเทศเวียดนาม ๔. การเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินเลื่อน รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศระงับโครงการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า ๑๒ แห่ง หลังจากเขื่อนลาเกรล ๒ พังทลายลง เนื่องจากกักเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหลายวันติดต่อกัน โดยให้เหตุผลการยกเลิกคือ ความไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นตัวการทำลายป่าไม้ ปัจจุบัน นี้แม้เวียดนามมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าประมาณ ๒๘๘ แห่งและมีโครงการจะสร้างเขื่อนขนาดเล็กเพื่อผลิตไฟฟ้า อีกมาก แต่โครงการสร้างเขื่อน ๔๑๕ แห่งก็ได้ถูกระงับไปเพราะไม่สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานที่รัฐบาล กำหนด คือ มั่นคงปลอดภัย มีผลกระทบน้อยต่อป่าไม้ ประชากร และสภาพแวดล้อมโลก ยิ่งเมื่อเวียดนาม ประสบภัยจากแผ่นดินไหว แผ่นดินเลื่อน ผู้เชี่ยวชาญเวียดนามกลุ่มหนึ่งได้สรุปว่า การสร้างเขื่อนเก็บน้ำ ที่เพิ่มขึ้นมากมายทำให้แผ่นดินต้องรับน้ำหนักมากจึงเป็นเหตุของการเกิด แผ่นดินไหว แผ่นดินเลื่อน ชุด ๔


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบทดสอบการอ่านตามแนวประเมินผลการเรียนนานาชาติ (PISA) คำชี้แจง ๑. แบบฝึกชุดนี้มีถ้อยความให้อ่าน มีคำถาม ความเข้าใจการอ่าน ๖ ข้อ จำนวน ๖ หน้า ๒. การตอบคำถามทุกข้อให้ทำในชุดข้อสอบ ๓. ให้อ่านคำถามทุกข้ออย่างละเอียดรอบคอบแล้วตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ๓.๑ บางคำถามจะมีคำตอบให้เลือกตอบ ให้วงกลมล้อมรอบตัวเลขที่อยู่หน้าคำตอบ ที่คิดว่าถูกต้อง ๓.๒ บางคำตอบจะให้เขียนคำตอบสั้นๆ ในที่ว่างที่เตรียมไว้ในข้อสอบ ให้เขียนคำตอบเป็นตัวหนังสือ ตัวเลขไทย หรือเครื่องหมายตามที่กำหนด ๓.๓ บางคำถามต้องการให้อธิบายคำตอบ หรือให้เหตุผลประกอบคำตอบ ให้เขียนอธิบาย หรือ เขียนเหตุผลประกอบ ๓.๔ บางคำถามีคำตอบถูกได้หลายคำตอบ จะได้คะแนนจากการเขียนตอบที่แสดงถึงความเช้าใจคำถามและลักษณะการคิด ดังนั้นจึงควรเขียนคำตอบจากความคิดของตนเองอย่างสมเหตุผล (ให้เขียนด้วยลายมือที่อ่านง่าย และชัดเจน) ชุด ๕


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านถ้อยความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ข้อ ๑ - ๕


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๑ ๑ คะแนน ถ้วยความนี้ผู้เขียนต้องการนำเสนอเรื่องใดมากที่สุด ๑. ลอตเตอรี่คือความหวังรายปักษ์ ๒. ลอตเตอรี่จะมีกำหนดออกเดือนละ ๒ ครั้ง ๓. ลอตเตอรี่มีส่วนประกอบที่น่ารู้ ๔. ลอตเตอรี่มีรายละเอียดมากมาย คำถามที่ ๒ ๑ คะแนน ข้อใดไม่ถูกต้อง ๑. คำว่าลอตเตอรี่เป็นภาษาไม่เป็นทางการส่วนคำว่าสลากกินแบ่งเป็นภาษาทางการ ๒. คำว่าลอตเตอรี่เป็นการทับศัพท์ส่วนคำว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการบัญญัติศัพท์ ๓. คำว่าลอตเตอรี่เป็นคำภาษาอังกฤษส่วนคำว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นคำภาษาไทย ๔. คำว่าลอตเตอรี่เป็นการยืมคำส่วนคำว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นการสร้างคำใหม่ คำถามที่ ๓ ๕ คะแนน จากข้อความข้างต้น ข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ข้อความเป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑. การตรวจผลรางวัลประจำงวดจะใช้เลขจำสลากฯ จำนวน ๗ ตำแหน่ง ๒. ได้รับเงินรางวัลเพิ่มขึ้นเมื่อเลขสลากตรงกับรางวัลที่ ๑ และเลขชุดตรงกับเลขแจ็คพ็อต ๓. เครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์ของสลากแต่ละฉบับจะเหมือนกัน ๔. ลอตเตอรี่ฉบับที่ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติเลขงวดจะเป็นเลข ๑๕ ๕. ลอตเตอรี่แต่ละฉบับจะมีรหัสบาร์โค้ดไม่เหมือนกัน ๖. วันที่/เดือน/ปีพ.ศ/ของลอตเตอรี่จะตรงกับวันที่ออกรางวัลของฉลากฯ ๗. รหัสบาร์โค้ดกับเลขพิสูจน์สลาก ๑๖ หลักมีความหมายเดียวกันแต่มีรูปต่างกัน ๘. ลอตเตอรี่ฉบับนี้มีตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “ZER” ใต้ตัวเลขประจำสลาก ๙. ตัวอักษรของเลขบนสลากฉบับนี้เขียนว่า หนึ่งห้าแปดสองเจ็ดแปด ๑๐. ลอตเตอรี่ฉบับวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ จะมีภาพชื่อมวยไทย


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๔ ๓ คะแนน จากถ้อยความข้างต้น นักเรียนเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่ได้หรือไม่ ให้เลือกวงกลมล้อมรอบข้อความ “ได้” “ไม่ได้” ที่กำหนดให้แล้วบอกเหตุผล จำนวน ๒ ข้อ ให้ใช้ข้อมูลขากเนื้อเรื่องสนับสนุนคำตอบของนักเรียน ได้ ไม่ได้ ๑. ...................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ๒. ............................................................................................................................. ..................... ................................................................................................................................................................ คำถามที่ ๕ ๕ คะแนน นักเรียนคิดเห็นอย่างไร กับคำพูดข้างต้น ทำไมจึงคิดเช่นนั้น ให้ใช้เหตุผลประกอบคำอธิบาย ๑. ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมาย วงกลมล้อมรอบ ข้อความข้างล่างนี้ เพียง ๑ ข้อความ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ความคิดคล้อยตามและโต้แย้ง ให้นักเรียนเขียนอธิบายเหตุผล จำนวน ๒ ข้อ ที่สอดคล้องความคิด การเลือกในข้อ ๑ ความคิดเห็นคล้อยตาม ความคิดเห็นโต้แย้ง ๑................................................................................. .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ๑................................................................................. .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ๒................................................................................. .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ................................................................................... ๒................................................................................. .................................................................................... .................................................................................... .................................................................................... ....................................................................................


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านถ้อยความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ข้อที่ ๖ คำถามที่ ๖ ๕ คะแนน ให้นักเรียนเขียนคำตอบให้สัมพันธ์กับข้อความที่กำหนดให้ในตาราง ที่ ข้อความ คำตอบ ๑ ชื่อประเภทเครื่องมือที่มีจำนวนเรือน้อยเป็นลำดับที่ ๔ ๒ ชื่อประเภทเครื่องมือที่มีจำนวนเรือมากเป็นลำดับที่ ๕ ๓ จำนวนเรือประมงที่มากกว่าเรือที่ใช้อวนลากแผ่นตะเฆ่ ๔ ชื่อชนิดของคำตามหลักไวยกรณ์ที่นิยมใช้ตั้งชื่อชนิดของอวนมากที่สุด ๕. ชื่อเรียกลักษณนามของอวน


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา โควิดสายพันธุ์เดลต้าคืออะไรแพร่พันธุ์ได้รวดเร็วแค่ไหน โควิดสายพันธุ์เดลต้า (Delta) มีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ อีกทั้งยังมี การกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า พลัส (Delta Plus) ที่สามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ ผู้ป่วยจะมีอาการคล้าย ไข้หวัดหรือคล้ายอาการของโควิด-๑๙ สายพันธุ์ทั่วไป โควิดสายพันธุ์เดลต้ายังเป็นที่จับตามองต้องเฝ้าระวังมาก เป็นพิเศษในประเทศไทยเนื่องจากมีแนวโน้มของยอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มากยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โควิดสายพันธุ์เดลต้าคืออะไร “โควิดสายพันธุ์เดลต้า (Delta)” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “โควิดสายพันธุ์อินเดีย” ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ B.๑.๖๑๗.๒ พบครั้งแรกในประเทศอินเดียและเป็นที่น่าจับตามองในประเทศไทย ณ เวลานี้ นอกจากนี้ยังมี การพบการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า พลัส (Delta Plus) ที่มีการกลายพันธุ์บริเวณหนาม K๔๑๗N ส่งผล ให้ติดเชื้อง่าย และหลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้ดี โควิดสายพันธุ์เดลต้ามาจากไหน โควิดสายพันธุ์เดลต้าเกิดจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ในประเทศอินเดีย ก่อนจะแพร่ ระบาดไปหลายประเทศในเวลานี้ทั้งประเทศอังกฤษ จีน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยพบการ ระบาดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจากแคมป์คนงานหลักสี่ วัคซีนที่สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ เนื่องจากการกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์เดลต้า พลัสเพิ่มคุณสมบัติในการหลบภูมิคุ้มกันได้ดี และ จากผลการทดลองยืนยันว่าวัคซีนประเภท mRNA (ไฟเซอร์, โมเดอร์นา) และประเภทวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็น พาหะมีประสิทธิภาพในการรับมือได้ดีกว่าวัคซีนชนิดอื่น • วัคซีนโมเดอร์นา : มีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้หลังจาก ได้รับครบ ๒ โดส แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าป้องกันได้มากแค่ไหน • วัคซีนไฟเซอร์ : มีการคาดการณ์ว่าสามารถรับมือกับโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ใกล้เคียงกับวัคซีนโม เดอร์นาเนื่องจากเป็นวัคซีนประเภท mRNA เหมือนกัน • วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า : จากข้อมูลของสาธารณสุขประเทศอังกฤษ (PHE) หลังได้รับครบ ๒ เข็ม สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ประมาณ ๖๔ % ชุด ๖


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๓๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา • วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน : จากผลการทดลองของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เอง พบว่าสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ประมาณ ๘ เดือน แต่ยังไม่มีข้อมูล แน่ชัดว่าป้องกันได้มากแค่ไหน ในส่วนของวัคซีนซิโนแวคนั้นมีการยืนยันจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยว่าบริษัทซิโนแวคยังไม่มีผล การทดลองที่ยืนยันได้ว่าสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนชนิดนี้ต่อ สายพันธุ์อังกฤษนั้นน้อยกว่าวัคซีนชนิดอื่น จึงอาจมีแนวโน้มว่าจะสามารถป้องกันการกลายพันธุ์สำหรับสาย พันธุ์เดลต้าในประสิทธิภาพที่น้อยด้วยเช่นกัน โควิดสายพันธุ์เดลต้ามีอาการอย่างไร ถึงแม้เชื้อโควิดจะมีหลายสายพันธุ์ แต่โดยมากแล้วอาการที่แสดงออกมามักใกล้เคียงกัน สำหรับโควิด สายพันธุ์เดลต้านั้นจะมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา ได้แก่ ปวดศีรษะ เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล และไม่ค่อยพบการ สูญเสียการรับรส นอกจากนี้ยังพบอาการตามการฉีดวัคซีนได้เช่นกัน • อาการโควิดเดลต้าในผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีน : เป็นไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอบ่อย และปวดศีรษะ • อาการโควิดเดลต้าในผู้ที่รับวัคซีน ๑ โดส : เจ็บคอ ปวดศีรษะ มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอบ่อย และจาม • อาการโควิดเดลต้าในผู้ที่รับวัคซีน ๒ โดส : ปวดศีรษะ มีน้ำมูก เจ็บคอ จาม และสูญเสียการได้กลิ่น ด้วยอาการที่กล่าวมานั้นเป็นอาการที่อาจสังเกตได้ยาก หรืออาจทำให้ผู้ป่วยคิดไปเองว่าตนเองไม่ได้ ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า ดังนั้นเมื่อมีไข้ไม่สบายให้คอยสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการอื่น ๆ ที่เข้าข่ายติด เชื้อโควิด-๑๙ ให้รีบพบแพทย์ทันที โควิดสายพันธุ์เดลต้าติดง่ายจริงหรือไม่ ในเบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) สามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วกว่า เชื้อโควิดปกติประมาณ ๕๐ % แต่สำหรับโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นจะแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ อังกฤษประมาณ ๖๐ % อีกทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังเปิดเผยว่าเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ สามารถลอยตัวอยู่ ในอากาศ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายได้แม้ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย หรืออยู่ใกล้ผู้ป่วยตลอดเวลา สถานการณ์โควิดสายพันธุ์เดลต้าในไทย เนื่องจากเหตุการณ์การระบาดจากแคมป์คนงานหลักสี่ และด้วยความสามารถในการแพร่ระบาดอย่าง รวดเร็วของโควิดสายพันธุ์เดลต้าจึงทำให้เป็นที่จับตามองและเป็นที่เฝ้าระวังในระดับสูง เนื่องจากมีการ คาดการณ์ว่าในอีก ๒-๓ เดือนอาจมีแนวโน้มของยอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มากกว่าสายพันธุ์อังกฤษที่มีมากที่สุด ในไทย ณ ขณะนี้ จากข้อมูลที่กล่าวไปจะเห็นว่าการรับวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าอย่างมี ประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมได้ในเวลานี้ เรียบเรียงโดยโรงพยาบาลเพชรเวช


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๑ ถ้อยความนี้ผู้เขียนต้องการนำเสนอเรื่องใดมากที่สุด ๑. การกลายพันธุ๋ของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ๒. ที่มาของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ๓. อาการของโควิดสายพันธุ์เดลต้า ๔. วัคซีนที่ป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้า ๕. สถานการณ์ของโควิดสายพันธุ์เดลต้าในประเทศ คำถามที่ ๒ ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ๑. วัคซีนโมเดอร์นา ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้หลังจากได้รับครบ ๒ โดส ๒. วัคซีนไฟเซอร์ มีผลการป้องกันเหมือนวัคซีนโมเดอร์นา ๓. วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีผลการป้องกันเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่ดีที่สุด ๔. วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ ประมาณ ๘ เดือน ๔. วัคซีนซิโนแวคยังไม่มีผลการทดลองที่ยืนยันได้ว่าสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านบทอ่านต่อไปนี้ และตอบคำถาม ข้อ ๑ – ๒ ๑. ข้อใดส่งผลให้เกิดสภาวะเรือนกระจกโดยตรง (๑ คะแนน) ก. การทำไร่เลื่อนลอย ข. การตัดไม้ทำลายป่า ค. การใช้พื้นที่ทำการเกษตร ง. การสร้างถนนและวางเสาไฟฟ้า โลกร้อนเพราะป่าหมด ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก เทคโนโลยีต่าง ๆ มีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น “มนุษย์” ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวก ต้องการความสบาย แต่สิ่งที่อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถนน ไฟฟ้า หรือ แม้แต่การทำมาหากิน กลับส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้อย่างยิ่ง ผลกระทบที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ทรัพยากรป่าไม้ที่ลดน้อยลงมาก การตัดถนน และการวางเสาไฟฟ้าแรงสูง ผ่านพื้นที่ป่าเขา การบุกรุกป่า เพื่อใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น การปลูกข้าวโพดส่งให้กับโรงงานอุตสาหกรรมผลิต อาหารสัตว์ ซึ่งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมกำลังขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำ ให้เกิดปรากฏการณ์ “ป่าหมด น้ำหาย ภัยพิบัติตามมา” เพราะเมื่อป่าหมดไปความชุ่มชื้นก็หมดไปด้วย ส่งผลต่อการ รวมตัวของก้อนเมฆที่จะเข้ากระบวนการกลั่นตัวเป็นเม็ดฝน เมื่อไม่มีฝน ก็ขาดน้ำ ภัยแล้งจึงตามมาอย่างที่หลาย ๆ พื้นที่ต้องเผชิญกันอยู่ในปัจจุบันนี้ นอกจากนั้น การที่ไม่มีป่า ไม่มีต้นไม้ ภูเขากลายเป็นภูเขาหัวโล้น ไม่มีรากจากต้นไม้ใหญ่คอยยึดผิวดิน เมื่อถึง ฤดูฝน ปัญหาน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มก็ตามมา ปัญหาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การทำลายป่าไม้ส่งผลกระทบมากมาย เพราะเมื่อไม่มีต้นไม้ ก็เหมือนโลกใบนี้ ขาดปอด ที่คอยดูดซับกรองอากาศที่เป็นพิษ โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นการเร่งให้เกิดสภาวะเรือน กระจกในชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกร้อนขึ้น สภาวะอากาศแปรปรวนอย่างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าการพัฒนา คุณภาพชีวิตและการพัฒนาประเทศจะเป็นสิ่งจำเป็นต่อส่วนรวม แต่ต้องไม่ลืมว่า เราต้องแลกมาด้วยการสูญเสีย ทรัพยากรป่าไม้ไปบางส่วน ซึ่งหากกระทำในขอบเขตของความพอดีเท่าที่จำเป็น ก็มีเหตุผล ที่ยอมรับได้ แต่การบุกรุก ป่าไม้เพื่อประโยชน์ส่วนตนมิใช่เรื่องควรจะเกิดขึ้น เช่น การบุกรุกป่าไม้เพื่อใช้เป็นที่ทำกิน หรือการทำไร่เลื่อนลอย อย่า ทำลายธรรมชาติจนบอบช้ำมากจนเกินกว่าจะเยียวยาได้ เพราะยิ่งธรรมชาติบอบช้ำมากเท่าไหร่ ภัยธรรมชาติที่เป็นผล จากน้ำมือมนุษย์ก็จะกลับย้อนมาทำลายมนุษย์เรามากเท่านั้น ปรับจาก รัตน์สุบรรณ (นามปากกา) http://taifreedom.com/thai/index.php/๒๐๑๔-๐๖-๐๙-๐๙-๓๙-๒๖/๒๖๒-๒๐๑๖-๐๕-๐๓-๐๗-๐๓-๒๒ ชุด ๗


Click to View FlipBook Version