The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kloyjai Jimanang, 2024-05-26 04:54:47

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

คู่มือ PiSA ภาษาไทย.docx

ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ๒. ใจความสำคัญของบทอ่านนี้คือข้อใด (๑ คะแนน) ก. สภาวะโลกร้อนเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ข. สภาวะโลกร้อนเกิดจากทรัพยากรป่าไม้ลดลงมาก ค. สภาวะโลกร้อนเกิดจากความเจริญทางเทคโนโลยี ง. สภาวะโลกร้อนเกิดจากสภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ข้อสอบตามแนวทาง PISA วิชาภาษาไทย ด้านการอ่าน อ่านบทอ่านต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ๑. ข้อใดไม่ได้กล่าวถึงจากบทอ่านนี้ ๑.ผู้ที่อาจเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ๒.อาการของโรคพิษสุนัขบ้า ๓. วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ถูกต้อง ๔.การปฐมพยาบาลผู้ถูกสุนัขกัด ๒. ข้อใดระบุถูกต้องเกี่ยวกับบทอ่าน ๑. โรคพิษสุนัขบ้าสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ ๒. เมื่อถูกสุนัขกัดต้องรีบพาไปโรงพยาบาลทันที ๓. หากนักเรียนจะเลี้ยงสุนัขควรเลี้ยงในกรงเพื่อไม่ให้ไปกัดผู้อื่น ๔. หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่กรมควบคุมโรค ชุด ๘


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น การงานอาชีพ คำชี้แจง ในแบบทดสอบชุดนี้ นักเรียนจะพบคำถามเกี่ยวกับการอ่านให้นักเรียนอ่านคำถามทุกข้ออย่างละเอียด รอบคอบ แล้วตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางคำถามจะมีคำตอบให้เลือก ๔ คำตอบหรือมากกว่าแต่ ละคำตอบจะมีตัวเลขแสดงอยู่ข้างหน้า คำถามประเภทนี้ให้นักเรียนวงกลมล้อมรอบตัวเลขที่อยู่หน้าคำตอบที่ นักเรียนคิดว่าถูกต้อง บางข้อมีคำถามให้นักเรียนตอบหลายคำตอบ โดยให้วงกลมล้อมรอบคำตอบเดียวในแต่ ละแถว สำหรับคำถามอื่น ๆ นักเรียนจะต้องเขียนคำตอบสั้น ๆ ในที่ว่างที่เตรียมไว้ในแบบทดสอบของนักเรียน คำถาม' เหล่านี้นักเรียนอาจต้องเขียนคำตอบเป็นตัวหนังสือ วาดภาพ และ/หรือเขียนตัวเลข บางคำถาม ต้องการให้นักเรียนอธิบายคำตอบหรือให้เหตุผลประกอบคำตอบของนักเรียน คำถามเหล่านี้มีคำตอบถูกได้ หลายคำตอบ นักเรียนจะได้คะแนนจากวิธีที่นักเรียนแสดงความเข้าใจของนักเรียนที่มีต่อคำถามและลักษณะ การคิดที่นักเรียนแสดงออกมา นักเรียนควรเขียนคำตอบของนักเรียนในเส้นบรรทัดที่กำหนดไว้ให้ จำนวนเส้น บรรทัดจะเป็นตัวบอกความยาวอย่างคร่าวๆ ที่นักเรียนควรเขียนตอบ


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แรงงาน แผนภูมิด้านล่างนี้แสดงโครงสร้างแรงงานของประเทศ หรือประชากรวัยแรงงาน ประชากรทั้งหมดของ ประเทศในปี พ.ศ.๒๕๓๘ ประมาณ ๓.๕ ล้าน คน หมายเหตุ ๑. จำนวนประชากรมีหน่วยเป็นพันคน ๒. นิยามประซากรวัยแรงงาน คือ ประซากรที่มีอายุระหว่าง ๑๕ ถึง ๖๕ ปี ประชากรไม่อยู่ในภาคแรงงาน เป็นกลุ่มที่ไม่ขวนขวายหางานทำ และ/หรือไม่พร้อมสำหรับงาน ชุดที่ ๑


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา จงใช้ข้อมูลข้างต้นเกี่ยวกับแรงงานของประเทศ ตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามที่ ๑ : แรงงาน การแบ่งกลุ่มประชากรวัยแรงงานหลัก แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มตามข้อใด ๑. มีการจ้างงานและตกงาน ๒. วัยทำงานและไม่ใช่วัยทำงาน ๓. ทำงานเต็มเวลาและไม่เต็มเวลา ๔. ในภาคแรงงานและไม่อยู่ในภาคแรงงาน คำถามที่ ๒ : แรงงาน ประชากรในวัยแรงงานที่ไม่อยู่ในภาคแรงงานมีเท่าไร (ให้เขียนจำนวนประชากร ไม่ใช่ร้อยละของ ประชากร) ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ คำถามที่ ๓ : แรงงาน จากแผนภูมิโครงสร้างแรงงาน ประชากรในตารางข้างล่างนี้ จัดอยู่ในส่วนใดของแผนภูมิ แสดงคำตอบโดยทำเครื่องหมาย X ลงในช่องสี่เหลี่ยมในช่องที่ถูกต้อง ข้อแรกคือตัวอย่าง คำถามที่ ๔ : แรงงาน


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา สมมติว่ามีการเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานในรูปแผนภูมิตันไม้แบบเดียวกันทุกๆ ปีรายการแสดง ข้างล่างเป็นลักษณะ ๔ อย่าง ของแผนภูมิตันไม้ ท่านคาดว่าลักษณะของส่วนประกอบในแผนภูมิจะเปลี่ยนไป หรือไม่ในแต่ละปีโดยเขียนวงกลมล้อมรอบข้อมูลว่า "เปลี่ยน" หรือ -ไม่เปลี่ยน" ข้อแรกคือตัวอย่าง ถามที่ ๕ : แรงงาน ข้อมูลโครงสร้างแรงงานที่นำเสนอในรูปแผนภูมิตันไม้นั้น สามารถนำเสนอได้หลายวิธี เช่น เขียน บรรยาย ใช้แผนภูมิวงกลม แผนภูมิเส้น หรือตาราง การที่เลือกนำเสนอด้วยแผนภูมิตันไม้ อาจเป็นเพราะมีประโยชน์ในการแสดงถึงอะไร ๑. การเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ๒. ขนาดของประชากรรวมของประเทศ ๓. ประเภทที่มีอยู่แต่ละกลุ่ม ๔. ขนาดของแต่ละกลุ่ม


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ตารางข้างตัน เป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่จัดพิมพ์โดยองค์การให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ PLAN ข้อมูลที่ให้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานขององค์กร PLAN ในภูมิภาคแห่งหนึ่ง (อัฟริกาใต้และตะวันออก) จงใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามที่ ๖: องค์การระหว่างประเทศ PLAN ระดับของกิจกรรมของ PLAN ในประเทศเอธิโอเปีย ในปี ๑๙๙๖ เป็นอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศ อื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน ๑. ในเอธิโอเปียมีกิจกรรมสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ๒. ในเอธิโอเปียมีกิจกรรมต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ๓. ระดับกิจกรรมมีประมาณเท่าๆ กับประเทศอื่น ๔. กิจกรรมทางด้านที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง และในด้านอื่นค่อนข้างต่ำ ชุดที่ ๒


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๔๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๗: องค์การระหว่างประเทศ PLAN ในปี ๑๙๙๖ ประเทศเอธิโอเปียเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้และจาก ข้อมูลในตาราง จงให้ดำอธิบายที่อาจเป็นไปได้สำหรับระดับของกิจกรรมองค์การระหว่างประเทศ PLAN ใน ประเทศเอธิโอเปียเมื่อเทียบกับในประเทศอื่นๆ ........................................................................................................................................................ ..................... ............................................................................................................. ................................................................ ............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................. ............................... แคนโค บริษัทแคนโค แผนกบุคคล ศูนย์กลางการหางานและเปลี่ยนงานภายในและภายนอกองค์กร ศปง. คืออะไร ศปง. ย่อมาจาก ศูนย์กลางการหางานและ เปลี่ยนงานภายในและภายนอกองค์กร เป็นการริเริ่มและดำเนินการโดยพนักงานของแผนก บุคคล ร่วมกับสมาชิกจากแผนกอื่นๆ และที่ปรึกษา ด้านอาชีพการงานจากภายนอก ศปง. พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือพนักงาน ในการหางานใหม่ทั้งภายในและภายนอกบริษัท ฯ ศปง. ทำอะไรบ้าง ศปง. สนับสนุนลูกจ้างที่ต้องการเปลี่ยนงาน อย่างจริงจัง โดยใช้กิจกรรมต่างๆ ต่อไปนี้ : ㆍ ฐานข้อมูลเกี่ยวกับงาน หลังจากการสัมภาษณ์ ข้อมูลทั้งหมดของพนักงาน จะ ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้สำหรับผู้ต้องการหา งาน และตำแหน่งงานว่างในบริษัทแคนโคและในบริษัท อื่นๆ การแนะแนว • โครงการเปลี่ยนอาชีพ ศปง. ให้การสนับสนุนและประสานโดรงการเพื่อช่วย ให้พนักงานได้เตรียมตัวสำหรับงานอาชีพใหม่ๆ และ โลกทัศน์ใหม่ ㆍ เป็นตัวแทน ศปง. ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสำหรับพนักงานที่ ถูกให้ออกจากงาน เนื่องจากการปรับองค์กร และหา ตำแหน่งงานให้ใหม่ถ้าจำเป็น ศปง. คิดค่าใช้จ่ายอย่างไร การคิดค่าใช้จ่าย จะมีการปรึกษาและได้รับความ เห็นชอบจากแผนกที่คุณทำงานด้วย ส่วนใหญ่ การบริการของ ศปง. หลายอย่างไม่คิดค่าใช้จ่าย คุณอาจถูกขอให้จ่ายบ้างในรูปของเงินหรือการสละ เวลาทำงานให้กับเรา ศปง. ทำงานอย่างไร ศปง. ช่วยพนักงานที่ต้องการเปลี่ยนงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะภายใน หรือภายนอกหน่วยงานที่ทำอยู่กระบวนการ เริ่มจากส่งใบสมัคร การเข้าพบนักแนะแนวจะมีประโยชน์ต่อ ท่านมาก ท่านควรต้องไปพูดกับนักแนะแนว เพื่อจะได้รู้ว่า ชุดที่ ๓


ด้านการรู้เรื่องการอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๕๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ศักยภาพของลูกจ้างจะได้รับการสำรวจโดยการ ปรึกษากับนักแนะแนวด้านอาชีพ. • จัดสอนวิชาต่าง ๆ มีการจัดสอนวิชาต่างๆ (โดยการร่วมมือกับฝ่าย ข้อมูลข่าวสาร และการอบรม) เกี่ยวกับการหางาน และการวางแผนด้านอาชีพ ท่านต้องการอะไร และพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในงานที่ ท่านจะทำ นักแนะแนวจะคุ้นเคยกับความสามารถของท่าน และการพัฒนาหน่วยงานที่ท่านทำอยู่การติดต่อกับ ศปง. ไม่ ว่าในกรณีใดก็ตามให้นักแนะแนว สมัครงานแทนท่าน หลังจากนั้นท่านจะได้รับเชิญให้เข้าสนทนากับตัวแทนของ ศปง. ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แผนกบุคคล


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๕๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ใช้ข้อมูลในประกาศข้างต้น จากแผนกบุคคลตอบคำถามข้างล่างนี้ คำถามที่ ๘ : แผนกบุคคล ตามประกาศ ท่านจะขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศปง. ได้จากที่ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำถามที่ ๙ : แผนกบุคคล จงบอกวิธีที่ ศปง. ช่วยคนที่จะต้องถูกออกจากงานเนื่องจากมีการปรับปรุงองค์กร มา ๒ วิธี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา บทบรรณาธิการ เทคโนโลยีทำให้จำเป็นต้องมีกฎใหม่ วิทยาศาสตร์ได้ก้าวล้ำหน้ากฎหมายและจริยธรรม มันเกิดมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. ๑๙๔๕ เมื่อมีการทำลายล้าง ชีวิตมนุษย์ด้วยระเบิดปรมาณู และทุกวันนี้มีวิทยาการ ใหม่ที่เกิดขึ้นคือ การสร้างชีวิตด้วยวิธีนอกเหนือ ธรรมชาติสำหรับบุคคลที่เป็นหมัน เราส่วนใหญ่คงจำได้ถึงความยินดีกับครอบครัว บราวน์ ชาวอังกฤษที่เด็กหลอดแก้วคนแรกถือกำเนิด ขึ้น และเมื่อเร็วๆ นี้ มีเด็กที่เกิดจากตัวอ่อนแช่แข็ง รอการฝังในครรภ์ของหญิงที่จะมาเป็นแม่ เรื่องที่ปลูกกระแสการคัดค้านเชิงกฎหมายและ จริยธรรมเกิดขึ้นเนื่องจากกรณีตัวอ่อนแช่แข็ง ๒ ตัว ในประเทศออสเตรเลีย ตัวอ่อนนี้เตรียมไว้สำหรับฝาก ในครรภ์ของเวลซา ริโอส์ ภรรยาของมาริโอ ริโอส์ ตัวอ่อนแรกได้รับการฝัง เพื่อให้เติบโตในครรภ์ของ เวลา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ สามีภรรยาคู่นี้ต้องการ แก้ตัวใหม่ แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผน ทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเสียก่อน โรงพยาบาลของออสเตรเลียจะทำอย่างไรกับ ตัวอ่อนที่เหลือ ควรจะฝากในครรภ์หญิงอื่นหรือไม่ ซึ่งมีหญิงจำนวนมากอาสาเป็นแม่ให้ แต่ตัวอ่อนนี้จะมี สิทธิในทรัพย์สินของริโอส์หรือไม่ หรือตัวอ่อนควรถูก ทำลายไปเท่าที่ทราบกัน สามีภรรยาคู่นี้มิได้แจ้งความ จำนงใด ๆ ถึงอนาคตของตัวอ่อนนี้ ชาวออสเตรเลีย ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา เฉพาะกรณีนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรรมการรายงานว่า ตัวอ่อนควรถูกสลายไป เพราะมีข้อกฎหมายระบุว่าผู้รับ บริจาคตัวอ่อนจากผู้อื่นต้องได้รับคำยินยอมจาก เจ้าของก่อน สำหรับในกรณีนี้ไม่มีคำยินยอมใดจาก เจ้าของเดิม คณะกรรมการยังพิจารณาอีกว่าสภาพของ ตัวอ่อนขณะนี้ไม่มีชีวิตและไม่มีสิทธิ์ใดๆ จึงควรทำลายเสีย อย่างไรก็ตามคณะกรรมการชุดนี้คำนึงถึงข้อกฎหมายและ พื้นฐานทางจริยธรรม จึงให้เวลาอีก ๓ เดือน เพื่อรับฟัง ความคิดเห็นของสาธารณชน ถ้ามีเสียงคัดค้านการทำลาย ตัวอ่อนมาก คณะกรรมการจะนำข้อพิจารณามาทบทวนอีก ครั้ง ปัจจุบันหากมีคู่สามีภรรยาใดสมัครใจใช้วิธีแช่แข็งตัว อ่อนที่โรงพยาบาลควีนวิคตอเรียในซิดนีย์จะต้องแจ้งให้ ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับตัวอ่อนหากมีอะไรไม่คาดคิดเกิด กับคู่สามีภรรยานั้น ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดกรณีซ้ำ รอยแบบคู่ของริโอส์อีก แต่ยังมีปัญหาที่ยุ่งยากอื่นๆ อะไรอีก เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ฝรั่งเศสมีหญิงสาวขึ้นศาลเพื่อขออนุญาตให้ เธอกำเนิดลูกจากสเปิร์มแช่แข็งของสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว ควรทำอย่างไรกับคำขอนี้ หรือจะทำอย่างไรหากแม่ที่รับ ฝากทารกในครรภ์เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมคืนทารกตามสัญญา รับฝากทารกในครรภ์ที่ทำไว้ สังคมของเราทุกวันนี้ล้มเหลวในการใช้ กฎระเบียบ เพื่อควบคุมการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาของพลัง นิวเคลียร์ที่ใช้ทำลายล้างกัน เราจะต้องเผชิญกับฝันร้าย อย่างหนักหน่วงกับความล้มเหลวนั้น โอกาสที่จะนำ ความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ไปใช้ในทางที่ผิดจะมีขึ้น มากมายอย่างชัดเจน จึงต้องมีการจำกัดขอบเขตทางด้าน กฎหมายและ จริยธรรมก่อนที่เราจะไปกันไกลเกินไป ชุดที่ ๔


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ให้ใช้บทบรรณาธิการข้างต้นจากหนังสือพิมพ์ เรื่อง “เทคโนโลยีทำให้จำเป็นต้องมีกฎใหม่ ตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามที่ ๑ : กฎใหม่ จงขีดเส้นใต้ประโยคที่อธิบายสิ่งที่ชาวออสเตรเลียได้ดำเนินการ เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะทำอ่างไรกับตัวอ่อนแช่ แข็งของคู่สามีภรรยาที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คำถามที่ ๒ : กฎใหม่ จงยกตัวอย่าง ๒ ตัวอย่าง จากบทบรรณาธิการที่แสดงว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน เช่น การฝากตัวอ่อนแช่แข็งใน ครรภ์ สร้างความจำเป็นที่จะต้องมีกฎใหม่ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... ....................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การทำงานทางไกล วิถีทางแห่งอนาคต ลองจินตนาการว่ามันจะวิเศษอย่างไรถ้าสามารถ "ทำงานทางไกล" บนสายด่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่งานทุกอย่าง ของคุณทำผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ ไม่ต้องขึ้นไปเบียดในรถเมล์หรือรถไฟที่คนแน่นอีกต่อไป หรือไม่ต้อง เสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ เดินทางไป-กลับที่ทำงาน คุณสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ ลองคิดถึงโอกาส ทั้งหมดในการทำงานที่อาจจะเกิดขึ้น! มาลี ความหายนะจากการปฏิบัติ การลดชั่วโมงการเดินทางและลดการใช้พลังงานที่เกี่ยวข้อง เห็นได้ชัดว่าเป็นความคิดที่ดี แต่เป้าหมายนั้นควร ทำให้สำเร็จโดยการพัฒนาการขนส่งมวลชน หรือการรับประกันว่าที่ทำงานจะตั้งอยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัยของผู้คน ความคิดที่ทะเยอทะยานว่าการทำงานทางไกลควรเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตมีแต่จะนำพาผู้คนให้หมกมุ่นอยู่กับ ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เราต้องการจริงๆ หรือที่จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหดหายไป สุชาติ "การทำงานทางไกล" (Telecommuting) เป็นคำที่บัญญัติขึ้นโดย แจ๊ค นิลส์ ในช่วงตันของทศวรรษที่ ๑๙๗๐ เพื่อบอกถึงสถานการณ์ที่ผู้ทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ห่างจากสำนักงานกลาง (เช่น ที่บ้าน) และส่งข้อมูลและ เอกสารไปยังสำนักงานกลางทางสายโทรศัพท์ จงใช้ "การทำงานทางไกล" ข้างบนเพื่อตอบคำถามต่อไปนี้ คำถามที่ ๓: การทำงานทางไกล ความสัมพันธ์ระหว่าง "วิถีทางแห่งอนาคต" กับ "ความหายนะจากการปฏิบัติ" คืออะไร ๑. เขาใช้ข้อโต้แย้งที่ต่างกันเพื่อลงข้อสรุปรวมเดียวกัน ๒. เขาเขียนในรูปแบบที่เหมือนกันแต่เป็นหัวข้อที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ๓. เขาแสดงมุมมองทั่วไปที่เหมือนกัน แต่ไปถึงช่วงสรุปที่ต่างกัน ๔. เขาแสดงมุมมองที่ขัดแย้งกันในหัวข้อเดียวกัน คำถามที่ ๔: การทำงานทางไกล งานหนึ่งอย่างที่อาจจะมีปัญหาถ้าทำงานทางไกล คืองานอะไร จงให้เหตุผลประกอบคำตอบของนักเรียน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................ .. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................... ............... ................................................................................................................... ........................................................... ชุดที่ ๕


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๕: การทำงานทางไกล ข้อความใดที่ทั้งมาลีและสุชาติน่าจะมีความเห็นตรงกัน ๑. ผู้คนควรได้รับอนุญาตให้ทำงานกี่ชั่วโมงก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ๒. ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่คนใช้เวลามากเกินไปในการเดินทางไปทำงาน ๓. การทำงานทางไกลอาจไม่เหมาะกับทุกคน ๔.การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการทำงาน


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบฝึกพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA กรอบประเด็น การอ่านเพื่อการศึกษา แบบฝึกพัฒนาการอ่านรู้เรื่องและสื่อสารได้ตามแนวการวัดผลนานาชาติ (PISA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สถานการณ์ที่ ๑ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านถ้อยความ และตอบคำถามต่อไปนี้ รู้เรื่องเครื่องปรุงรส เมื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร หรือภัตตาคารบางแห่ง จะพบ ว่ามีป้ายแขวนหรือติดที่หน้า ร้านหรือในร้านว่า "ร้านนี้ปลอดผงชูรส" "ที่นี่ไม่ใช้ผงชูรส" และอื่นๆ ที่สื่อให้ทุกคนทราบว่า ถ้าไม่ต้องการ รับประทานอาหารที่มีผงชูรสเชิญที่ร้านนี้ บางครั้งเมื่อเราไปซื้ออาหารกระป้อง หรือเครื่องปรุงรสต่างๆ จะพบ ข้อความว่า ไม่มีผงชูรส ไม่มีสารกันบูด จึงน่าสนใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น เกี่ยวกับเครื่องช่วยชูรสชาติของอาหาร ผงชูรสเป็นสารเคมีทางวิทยาศาสตร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมโนโซเดียมกลูตา เมท หรือเรียกย่อๆ ว่า เอ็ม เอส จี เป็นสารที่ช่วยปรุงแต่งรสชาติของอาหารให้ดีขึ้น มนุษย์รู้จักสารชนิดนี้มา นานกว่า ๒,๐๐๐ ปี จากการที่ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นใช้สาหร่ายทะเลมาช่วยปรุงรสน้ำซุปให้อร่อยขึ้น และต่อมา จึงทราบว่าพืชดังกล่าวมีสารเอ็ม เอส จี ผงชูรสที่ได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยจากคณะกรรมการอาหารและยาต้องเป็นผงชูรสที่อยู่ใน ภาชนะบรรจุปิดสนิท มีฉลาก มีชื่อและสถานที่ตั้งของผู้ผลิตอย่างชัดเจน ผงชูรสส่วนใหญ่ทำจากมันสำปะหลัง ข้าวสาลี ข้าวโพด โดยขบวนการทางเคมี มีลักษณะเป็นเกล็ด ถ้าเป็นภาพขยายจะเห็นเป็นแท่งเหลี่ยมเล็ก ๆ สีขาวขุ่น ปลายข้างหนึ่งใหญ่ ข้างหนึ่งเล็ก หรือปลายทั้งสองข้างใหญ่ คอดตรงกลางคล้ายแท่งกระดูก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำว่า ไม่ควรบริโภค ผงชูรสเกินวันละ ๑๐ มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว ๑ กิโลกรัม ผงชูรสที่มีการปลอมปน เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สังเกตได้ คือ เกล็ด ของผงชูรสจะแวววาวมาก ชุดที่ ๑


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ผู้บริโภคบางรายที่แพ้ผงชูรส หลังจากรับประทานอาหาร จะมีอาการชาที่ ปากและลิ้น ปวดกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้ม ต้นคอ แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปรกติ กระหายน้ำ ผิวหนังบางส่วนอาจร้อนวูบวาบหรือเป็นผื่นแดง อาหารที่มีผงชูรสไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารหรือระบบขับถ่ายผิดปรกติ คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับไต หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และเด็กทารก การค้นคว้าทดลองได้ดำเนินการมานานแล้วแต่ยังไม่มีข้อยุติว่าผงชูรสมีอันตรายหรือไม่อย่างไรก็ตาม ผงชูรสไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายทั้งยังสิ้นเปลืองเงิน และอาจก่อให้เกิดปัญหาสำหรับบางคนที่แพ้ผงชูรสได้ นำมาจาก : https://kroopuk.files.wordpress.com/๒๐๑๔/๐๔/e๐b๘a๐e๐b๘b๒e๐b๘a๙e๐b๘b๒e๐ b๘๙ee๐b๘b๒e๐b๘๙๗e๐b๘b๕-e๐b๘๙b-e๐b๙๙๔-e๐b๘๙ae๐b๘๙๗e๐b๘๙๗e๐b๘b๕e๐b๙๘๘- e๐b๙๙๑e๐b๙๙๒.pdf


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๑ ผู้เขียนต้องการสื่อสารอะไร จากการกินเครื่องปรุงรส ( ๑ คะแนน ) ๑. รสชาติของอาหารของคนรุ่นใหม่ ๒. อันตรายของเครื่องปรุงรส ๓. ความรู้เรื่องเครื่องปรุงรส ที่เรียกว่า “ผงชูรส” ๔. ผงชูรสเป็นสารปรุงแต่ง ที่มาจากธรรมชาติ เช่น ข้าวมะลิ ข้าวโพด คำถามที่ ๒ ข้อใดถูกต้องที่สุด ( ๑ คะแนน ) ๑. มนุษย์รู้จักสารชนิดนี้มานานกว่า ๔,๐๐๐ ปี ๒. ผงชูรสทำมาจากมันสำปะหลัง ข้าวสาลี ข้าวโพด โดยผ่านกระบวนการทางเคมี มีลักษณะเป็น เกล็ด ๓. ผงชูรสทำมาจาก ข้าวสาลี มันสำปะหลัง โดยไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี ๔. ผงชูรสเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควรปรุงรสด้วยผงชูรส ทุกครั้งที่ประกอบอาหาร คำถามที่ ๓ จากถ้อยคำข้างต้น เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ( ๕ คะแนน ) ข้อความเป็นความจริง จงกาเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความไม่เป็นความจริง จงกาเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑. ควรปรุงอาหารด้วยผงปรุงรสทุกครั้งที่ทำอาหาร ๒. ผงชูรสมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ส่า โมโนโซเดียมกลูตาเมท ๓. มนุษย์รู้จักสารชนิดนี้มานานกว่า ๒,๐๐๐ ปี ๔. ผงชูรสทำมาจาก มันสำปะหลัง ข้าวสาลี ข้าวโพด โดยขบวนการทางเคมี เป็นผง เล็กๆ ๕. อาการหน้าแดง ไอ มีอาการไข้ เกิดจากการแพ้ผงชูรส ๖. อาหารที่มีผงชูรส เหมาะกับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และทารก เพราะมีรสชาติ อาหาร อร่อย ๗. ผงชูรส เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย ๘. ควรบริโภคผงชูรส ไม่เกินวันละ ๑๐ มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว ๑ กิโลกรัม ๙. ผงชูรสที่มีการปลอมปน เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สังเกตคือ เกล็ดของผงชูรสจะแวว วาวมาก ๑๐. ผงชูรสไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารหรือระบบขับถ่ายปกติ


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา แบบฝึกพัฒนาการอ่านรู้เรื่องและสื่อสารได้ตามแนวการวัดผลนานาชาติ (PISA) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปีที่ ๓ สถานการณ์ที่ ๒ คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านถ้อยความ และตอบคำถามต่อไปนี้ ทำความเข้าใจกับโรคเอดส์ โรคร้ายที่เกิดจากเชื้อไวรัสมีหลายชนิด เช่น โรคตาแดง ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ไช้สมองอักเสบ โรค พิษสุนัขบ้า โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน ไวรัสตับอักเสบ ไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ ที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของ ร่างกายเสื่อมลงหรือบกพร่อง ขณะนี้โรคเอดส์กำลังระบาดไปทั่วโลก เราจึงควร จะได้ศึกษาหาความรู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เรียกว่า ไวรัสเอดส์ หรือที่เรียกว่า เอชไอวี เมื่อเข้าสู่ร่างกาย จะมีการฟัก ตัวระยะหนึ่งซึ่งอาจจะนานเป็นปี หรือมากกว่า ๑๐ ปี โดยไม่มี อาการผิดปรกติใดๆ เมื่อไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้นและ แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย จะทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ เสื่อมไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย เมื่อร่างกาย ทนไม่ได้จะเสียชีวิตในที่สุด อาการของโรคเอดส์ในระยะต้นอาจมีเพียงต่อม น้ำเหลืองโตทั่วตัว ต่อมามีอาการมากขึ้น เช่น เป็นเชื้อราในปาก ปอดอักเสบรุนแรง สมองเสื่อม อาการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเอดส์เต็มขั้น อาจใช้เวลาหลายปีขึ้นอยู่กับการปฏิบัติ ตัวของผู้ติดเชื้อ


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๖๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา โรคนี้ไม่ใช่โรคที่ติดต่อกันได้ง่ายนัก หากเราพบผู้ป่วยด้วยโรคนี้ไม่ควร แสดงกิริยารังเกียจ เพียงแต่ควรระวังที่จะปฏิบัติตนให้ถูกต้องก็จะ ปลอดภัย เชื้อไวรัสเอดส์เข้าสู่ร่างกายได้ ๓ ทาง คือ ทางเพศสัมพันธ์ ทางเลือด โดยการรับเลือดจากคนที่เป็นโรค และจากแม่ที่เป็นเอดส์สู่ลูก วิธีตรวจโรคเอดส์ ทำได้ด้วยการตรวจเลือด คำถามที่ ๑ ข้อใดที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารเรื่องใด มากที่สุด ( ๑ คะแนน ) ๑. ความรู้และความเข้าใจเรื่อง โรคเอดส์ ๒. ภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เสื่อมลง ๓. การเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส ๔. ไวรัสเอดส์ติดต่อกันได้ง่าย คำถามที่ ๒ ข้อใดกล่าวถูกต้อง ( ๑ คะแนน ) ๑. ไวรัสเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ ๒. ไวรัสเอดส์ติดต่อง่ายมาก ๓. ไวรัสเอดส์ เริ่มต้นอาการคือ เป็นไข้หวัด ๔. ไวรัสเอดส์ เกิดจาก เชื้อไวรัสเอดส์ หรือเรียกว่า เอชไอวี


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๐ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คำถามที่ ๓ จากถ้อยคำข้างต้น เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ( ๕ คะแนน ) ข้อความเป็นความจริง จงกาเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความไม่เป็นความจริง จงกาเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑. เชื้อไวรัสมีเพียงชนิดเดียว คือ ไวรัสเอดส์ ๒. โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจาก เชื้อไวรัสเอดส์ ๓. โรคเอดส์ติดต่อ โดยการสัมผัสกับผู้ป่วย ด้วยการจับมือ ๔. การตรวจโรคเอดส์ ทำโดยการตรวจจากเลือด ๕. อาการโรคเอดส์ ในระยะเริ่มต้น มีเพียงต่อมน้ำเหลืองโต ๖. ไวรัสเอดส์ หรือเรียกว่า เอชไอวี ๗. ไวรัสเอดส์เป็นโรคระบาด ๘. คนที่เป็นโรคเอดส์ เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ๙. ไวรัสเอดส์เข้าสู่ร่างกาย โดยการอาศัยอยู่ร่วมกัน ๑๐. อาการรุนแรงของโรคเอดส์ คือ เป็นเชื้อราในปาก ปอดอักเสบรุนแรง และสมอง เสื่อม


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๑ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การอ่านเพื่อจับใจความสำคัญ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ สามารถลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของอาการ และลดการ เสียชีวิตได้ ดังนั้น วัคซีนจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยควบคุมการระบาดของโรค และช่วย ปกป้องให้ผู้คนปลอดภัยจากโรคนี้ได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ กับประเด็นข้อสงสัยของใครหลายๆ คนว่า “ทำไม เราจึงต้องฉีดวัคซีน โควิด-๑๙”ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับว่า “…วัคซีนจึงเปรียบเสมือนให้เราติดโรค และไม่มีอาการ แต่สร้างภูมิต้านทาน เหมือนติดโรค ถ้าเราให้วัคซีนให้ เกิดภูมิคุ้มกันเหมือนกับเคยเป็นโรคมาแล้ว จำนวนมาก โรคก็จะสงบ ควบคุมได้ ชีวิตก็จะได้กลับมาสู่ภาวะปกติ เด็กจะได้ไปโรงเรียน อยากไปไหนก็จะได้ไป วัคซีนจึงเป็นทางออกในการควบคุมการระบาดของโรค และยุติ วิกฤตการณ์ครั้งนี้ที่ ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว” ที่มา: “Yong Poovorawan” คำถามที่ ๔. จากบทความข้างต้นข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ข้อความ เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ใช่” ข้อความ ไม่เป็นความจริง จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไม่ใช่” ที่ ข้อความ ใช่ ไม่ใช่ ๑ วัคซีนช่วยป้องกันไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้ ๒ การฉีดวัคซีนช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส ๓ ประสิทธิผลของวัคซีนสามารถช่วยลดความรุนแรงหากติดเชื้อ และลดอัตราการ เสียชีวิตได้ ๔ การฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับสังคม ๕ การฉีดวัคซีนทำให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด-๑๙ จึงไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก อนามัยและเว้นระยะทางสังคม คำถามที่ ๕ จงสรุปใจความสำคัญจากบทความข้างต้น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชุดที่ ๒


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๒ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา น้ำสมุนไพรยอดฮิต & COVID - ๑๙ สถานการณ์การระบาดของเชื้อ COVID-๑๙ ในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการแพร่กระจายนั้นเร็ว และ เป็นวงกว้าง ความหวังที่จะลดการติดเชื้อก็คือวัคซีน และยารักษาโรค ที่จะสามารถหยุดยั้ง ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และลดความรุนแรงให้แก่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-๑๙ ได้ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศต่างมุ่งมั่นที่จะคิดค้นพัฒนาทั้งวัคซีน และยารักษาโรค จนในขณะ นี้เราก็ได้วัคซีนจากหลากหลายผู้ผลิต ที่มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่งเพื่อป้องกัน หรือลดความรุนแรงเมื่อได้รับ เชื้อ COVID-๑๙ แต่ทั้งนี้ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยยังคงไม่หยุดคิดค้นยาสำหรับรักษาผู้ติดเชื้อ COVID-๑๙ ทั้งการทดลองรักษาด้วยยาต้านไวรัสต่าง ๆ ที่เคยผลิตออกมาใช้กับไวรัสตัวอื่น แต่นำมาลองรักษา กับผู้ป่วย COVID-๑๙ ซึ่งใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา รวมทั้งการคิดค้นหาสารสกัด ต่าง ๆ จากพืชที่มีมากตามท้องถิ่น หรือเป็นวัตถุดิบที่มีตามครัวเรือน และเหตุผลของการหยิบยกนำสมุนไพร ไทยมาศึกษาหาข้อมูลในการทดลองผลิตเป็นยาต้านไวรัสนี้เอง ทำให้คนไทยมองเห็นถึงความสำคัญของวัตถุดิบ ที่มีในบ้านเรา ด้วยงานวิจัยสมุนไพรไทยที่หลากหลาย ให้คนไทยหันมาสนใจศึกษาหาข้อมูลสรรพคุณสมุนไพรไทย มากขึ้น เพราะอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งสำหรับคนไทย หากมองเข้าไปในครัวบ้านเราเอง วัตถุดิบที่ ใช้ปรุงอาหารบางอย่างนอกจากจะทำให้อาหารของเรามีกลิ่นรสสัมผัสที่ดีแล้ว บางอย่างก็เป็นสมุนไพรที่เรากิน อยู่แทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นหัวหอมแดง กระเทียม กระชาย ขิง ข่า ตะไคร้ เป็นต้น และสมุนไพรไทยเหล่านี้ก็มี สรรพคุณหลักคล้าย ๆ กัน คือ ช่วยบรรเทาอาการไอ แก้หวัด คัดจมูก นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญ อาทิ เควอซิ ติน (quercetin) เคมเฟอรอล (kaempferol) อัลลิซิน (Allicin) จินเจอรอล (gingerol) ที่มีส่วนช่วยต้านการ อักเสบ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ไม่แปลกที่คนไทยจะนำมาประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ในเวลานี้ และอีก หนึ่งความภาคภูมิใจเมื่อนักวิจัยไทย จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาค้นคว้าจนพบว่าสาร สกัดที่ได้จากกระชายขาว ได้แก่ แพนดูราทินเอ (Panduratin A) และพิโนสโตรบิน (Pinostrobin) สามารถ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส COVID-๑๙ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงอย่างนั้นการค้นคว้านี้ยังคงอยู่ ภายใต้การทดลอง เพื่อพัฒนาให้มีความปลอดภัยมากขึ้น หากต้องนำมาใช้กับผู้ป่วยจริง ๆ เมื่อเรารู้ถึงประโยชน์ของสมุนไพรไทยอย่างนี้แล้ว ทำให้ทุกวันนี้มีหลายคนดัดแปลงสมุนไพรไทย ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่มีการปรุงแต่งกลิ่นรสเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น เพื่อหวังป้องกันโรค หรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จริง ๆ แล้ว การที่เราจะคั้นดื่มกินก็คงจะไม่ผิด เพียงแต่เราควรศึกษาถึงปริมาณที่ควรบริโภคของสารสำคัญ ที่มีใน วัตถุดิบนั้น เพราะอะไรที่มากเกินไปก็มักจะทำให้เกิดโทษด้วยเช่นกัน และสารบางอย่าง ก็อาจจะมีอันตรกิริยา กับยาบางตัว ที่ส่งผลต่อต้าน หรือเพิ่มฤทธิ์ของยา ซึ่งจะให้ผลเสียกับบุคคลนั้น ๆ มากกว่าได้ประโยชน์ อีกทั้ง เมื่อนำมาปรุงแต่งเป็นเครื่องดื่มที่ผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาล ก็อาจจะส่งผลเสีย กับผู้ป่วยบางกลุ่ม อย่างเช่นผู้ป่วย เบาหวาน เมื่อทำให้รสชาติดีขึ้นผู้ป่วยก็จะกินได้มากขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำตาล ในเลือดสูงขึ้นด้วย ชุดที่ ๓


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๓ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา หากพิจารณาถึงการป้องกัน หรือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อาจทำให้เรามองหาแต่ข้อดีของวัตถุดิบ นั้นๆ จนลืมนึกถึงปริมาณที่สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยจนกลายเป็นโทษแทน และจะดีกว่าไหม ถ้าเรา เปลี่ยนสมุนไพรเหล่านั้นให้มาเป็นส่วนประกอบหนึ่งในอาหารเพื่อเพิ่มกลิ่นรสสัมผัสที่ดี ให้กับอาหาร เพราะ กลิ่นรสสัมผัสที่ดีจะช่วยให้เราใช้เครื่องปรุงน้อยลง ร่วมกับการกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ เพื่อให้เราได้คุณค่าทาง อาหารที่ครบถ้วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เชื่อได้ว่าเมื่อร่างกายเราแข็งแรง เราก็ จะมีภูมิคุ้มกันทีดีได้ค่ะ ผู้เรียบเรียง : ดร.วนะพร ทองโฉม นักวิชาการโภชนาการ กลุ่มสาขาวิชาโภชนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คำถามที่ ๑ สมุนไพรที่เรากินอยู่แทบทุกวันมีอะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................. ............................................ คำถามที่ ๒ นักวิจัยไทย จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ศึกษาค้นคว้าจนพบว่าสารสกัดที่ได้จากกระชายขาว ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส COVID-๑๙ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือสารชนิดใด ๑. จินเจอรอล (gingerol) และเคมเฟอรอล (kaempferol) ๒. เควอซิติน (quercetin) และจินเจอรอล (gingerol) ๓. แพนดูราทินเอ (Panduratin A) และพิโนสโตรบิน (Pinostrobin) ๔. เคมเฟอรอล (kaempferol) และพิโนสโตรบิน (Pinostrobin) ๕. เควอซิติน (quercetin) และแพนดูราทินเอ (Panduratin A) ๖. ไม่มีสารใดสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตได้


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๔ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ข้อสอบภาษาไทย ม. ๓ (PISA) เรื่อง ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ อ่านถ้อยความจากภาพต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ ๑ – ๒ ชุดที่ ๔


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๕ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ข้อ ๑. จากภาพ ข้อใดไม่ใช่อาการของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ ๑. เจ็บคอ ๒. หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ๓. ไอ จาม มีน้ำมูก ๔. เจ็บปาก ปากบวม ข้อ ๒. จากภาพ ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ๑. กลุ่มเสี่ยงพบได้มากที่สุดในวัยผู้สูงอายุ ๒. ไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ๓. ไวรัสโคโรนาเป็นสาเหตุที่ทำให้ปอดอักเสบ มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ๔. วิธีป้องกันจากไวรัสโคโรนา คือ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๖ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา อ่านบทอ่านต่อไปนี้ และตอบคำถาม ข้อ ๑ – ๒ ๑. บุคคลในข้อใดปฏิบัติตนไม่ถูกต้องจากบทอ่าน (๑ คะแนน) ก. นุ่นไปซื้อยาปฏิชีวนะจากร้านขายยา เมื่อเริ่มไอ และมีน้ำมูกใส ๆ ข. หน่อยรีบไปพบแพทย์หลังจากมีไข้สูงหลายกวัน และหายใจขัด เหนื่อยง่าย ค. นุชแนะนำเพื่อน ๆ ว่าช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว มักเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ง. น้อยใส่หน้ากากอนามัยเมื่อรู้สึกว่าเป็นหวัด มีน้ำมูกไหล และจาม เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อโรค ไปสู่ผู้อื่น ชุดที่ ๕


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๗ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คณะทำงาน ที่ปรึกษา 1. นายภัทธศาสน์ มาสกุล ผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 2. นายทวี สอนคำเสน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 3. นายจิมจง ทองคำวัน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 4. นางกฤติยา โพธิ์เสนา รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 ผู้รับผิดชอบโครงการ 1. นางสาวกลอยใจ จิมานัง ศึกษานิเทศก์ 2. นายประจักษ์ ทองเลิศ ศึกษานิเทศก์ 3. นางสาวชรินทร วงศาเคน ศึกษานิเทศก์ คณะกรรมการดำเนินการสร้างนวัตกรรมด้านการอ่าน 1. นายจิมจง ทองคำวัน รองผู้อำนวยการ สพป.ศรีสะเกษ เขต 3 2. นายประทวน เคราะห์ดี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านใจดี 3. นายเอกภักดิ์ วังคะพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปรือใหญ่ 4. นางบานชื่น อินอุเทน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตรางสวาย 5. นายเสถียร มนทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านติ้ว 6. นายสุริยน บุญเหมาะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเค็ง 7. นายศรีสุวรรณรัตน์ อาจอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาตราว 8. นางวรวรรณ มิถุนดี ผู้อำนวยการโรงเรียนใหม่ประชาสามัคคี 9. นางนารี ผุดผา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านศาลา 10. นายประจักษ์ ทองเลิศ ศึกษานิเทศก์ 11. นางปราใส สุทธิกรณ์ ศึกษานิเทศก์ 12. นางสาวชรินทร วงศาเคน ศึกษานิเทศก์ 13. นางสาวกลอยใจ จิมานัง ศึกษานิเทศก์ 14. นางรัชดาภรณ์ สูงสุด ครู โรงเรียนวนาสวรรค์ 15. นางสาวถนอมจิต ย่องเซ่ง ครู โรงเรียนบ้านสวาย – สนวน 16. นางประภาศรี สุภากุล ครู โรงเรียนกระต่ายด่อนวิทยา 17. นางประภากร สุภาพ ครู โรงเรียนบ้านตราด 18. นางสาวชุลีวรรณ สิงหชาติ ครู โรงเรียนบ้านแซรสะโบว 19. นายสุเชษฐ์ ไพรบึง ครู โรงเรียนบ้านละลม 20. นางสาวพันธ์ลิตา สีเทียวไทย ครู โรงเรียนบ้านผือพอก 21. นางพรรณีย์ ธรรมพรพิทวัส ครู โรงเรียนบ้านสนามสามัคคีสโมสรโรตารี่ 2 22. นางสาวปาริชาติ จองสว่าง ครู โรงเรียนบ้านดู่ 23. นางสาวจินตนา ตองอบ ครู โรงเรียนบ้านกอกหวาน 24. นางสาวพัชริยา ประโลม ครู โรงเรียนบ้านตรางสวาย 25. นางสาวธนกร รามภักดี ครู โรงเรียนบ้านติ้ว


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๘ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา คณะทำงานจัดทำรูปเล่ม 1. นางสาวกลอยใจ จิมานัง ศึกษานิเทศก์ 2. นางสาวธนกร รามภักดี ครู โรงเรียนบ้านติ้ว 3. นางสาวบุณยาวีย์ เหลามี ครู โรงเรียนบ้านดองดึง


ด้านการรู้เรื่อง การอ่าน ตามแนวการประเมิน PISA ๗๙ คู่มือพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา


Click to View FlipBook Version