èĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè
Tจhกั eรวHรuรnดgจิ rอy มEเmขpมirอื eบ
ลซิ ซี คอลลงิ แฮม: เขยี น
ไอริสา ชั้นศริ ิ: แปล
ราคา 450 บาท
ALL RIGHTS RESERVED.
Copyright © Lizzie Collingham 2017
Thai translation right © 2021 by Gypsy Publishing Co., Ltd.
© ขอ้ ความและรูปภาพในหนังสอื เลม่ นี้ สงวนลิขสทิ ธติ์ ามพระราชบัญญตั ลิ ขิ สิทธ์ิ (ฉบบั เพ่ิมเตมิ ) พ.ศ. 2558
การคัดลอกส่วนใดๆ ในหนังสอื เลม่ นีไ้ ปเผยแพร่ไม่ว่าในรปู แบบใดต้องไดร้ บั อนุญาตจากเจ้าของลขิ สทิ ธิก์ อ่ น
ยกเว้นเพ่อื การอ้างองิ การวจิ ารณ์ และประชาสมั พนั ธ์
ขอ้ มลู ทางบรรณานกุ รมของส�ำ นกั หอสมุดแหง่ ชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
คอลลงิ แฮม, ลิซซ.ี
จักรวรรดิจอมเขมอื บ = The hungry empire.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุป๊ , 2564.
448 หน้า.
1. องั กฤษ -- ประวตั ศิ าสตร์. I. ไอริสา ช้ันศิริ, ผู้แปล. II. ชือ่ เร่ือง.
942
ISBN 978-616-301-735-2
บรรณาธกิ ารอ�ำ นวยการ : คธาวฒุ ิ เกนยุ้
บรรณาธิการบริหาร : สุรชยั พงิ ชยั ภมู ิ
ผู้ชว่ ยบรรณาธกิ ารบรหิ าร : วาสนา ชรู ัตน์
บรรณาธิการเลม่ : ณิชาภา ชีวะสจุ ินต์
กองบรรณาธิการ : คณติ า สตุ ราม พรรณิกา ครโสภา
เลขากองบรรณาธกิ าร : กนั ยารัตน์ ทานะเวช
หัวหนา้ ฝ่ายพิสจู นอ์ ักษร : สวภทั ร เพช็ รรัตน์
ฝ่ายพิสูจนอ์ กั ษร : วนชั พร เขยี วชอมุ่ สุธารตั น์ วรรณถาวร
รูปเล่ม : วรินทร์ เกตุรตั น์
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผู้อำ�นวยการฝา่ ยการตลาด : นุชนันท์ ทักษณิ าบัณฑิต
ผจู้ ดั การฝา่ ยการตลาด : ชติ พล จันสด
ผจู้ ัดการทัว่ ไป : เวชพงษ์ รัตนมาลี
พิมพ์ที ่ : บรษิ ทั วิชน่ั พรีเพรส จ�ำ กัด โทร. 0 2147 3175-6
จดั พิมพแ์ ละจดั จำ�หน่ายโดย : บรษิ ัท ยปิ ซี กรปุ๊ จ�ำ กัด เลขที่ 37/145 รามคำ�แหง 98
แขวง/เขตสะพานสงู กรงุ เทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร 0 2728 0939 ต่อ 108
www.gypsygroup.net
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID: @gypzy
สนใจสงั่ ซื้อหนังสือจำ�นวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำ�นกั พมิ พ์ลดราคาพเิ ศษ ติดตอ่ โทร. 0 2728 0939
จักรวรรดจิ อมเขมือบ
The Hungry Empire
อิทธิพลจากการตามลา่ หาอาหารของอังกฤษ
ต่อโลกยุคใหม่
ลิซซี คอลลิงแฮม เขียน
ไอริสา ช้ันศิริ แปล
แด่พารธ์ า มติ เทอร์
และด้วยความระลึกถงึ คริส เบยล์ ี
ค�ำน�ำสำ� นักพิมพ์
ในหนังสือ จักรวรรดิจอมเขมือบ หรือช่ือภาษาอังกฤษว่า The Hungry
Empire เขียนโดยลิซซี คอลลิงแฮม นักประวัติศาสตร์ผู้มีช่ือเสียง ซ่ึง
เลา่ ถงึ การหลอ่ หลอมโลกใหมจ่ ากการแสวงหาอาหารของจกั รวรรดบิ รติ ชิ โดย
ไลเ่ รยี งล�ำดบั เวลาตลอด 450 ป ี ควบคูไ่ ปกับการนำ� เสนออาหาร 20 เมนู
คอลลิงแฮมช้ีให้เห็นว่าการแสวงหาวัตถุดิบ เช่น พริกไทย
เครื่องเทศ ปลาค็อด ข้าวสาลี เน้ือสัตว์ ชา โกโก้ น้�ำตาล ข้าว รวมถึง
สารเสพติด เช่น ฝิ่นและยาสูบ เป็นส่ิงชี้น�ำทิศทางการค้าระหว่างประเทศ
ของจักรวรรดบิ รติ ิช อกี ทงั้ เมนูอาหารตามแบบฉบับดง้ั เดิมขององั กฤษท่เี รา
เหน็ กนั ในปจั จบุ นั นพี้ งึ่ พาวตั ถดุ บิ และรสนยิ มนำ� เขา้ มากเพยี งใด ยกตวั อยา่ ง
เชน่ เมนเู ฉลมิ ฉลองวนั ครสิ ตม์ าสแบบดง้ั เดมิ จะสมบรู ณแ์ บบไดเ้ มอื่ ประกอบ
ด้วยชาจากจีน เนื้อแกะจากนิวซีแลนด์ เหล้ารัมจากจาเมกา รวมท้ังพุดด้ิง
พลมั ทำ� จากผลไมแ้ หง้ นำ� เขา้ คำ� วา่ “ดง้ั เดมิ ” นน้ั เตม็ ไปดว้ ยวตั ถดุ บิ มากมาย
จากตา่ งชาติ
นอกจากนี้ภายในหนังสือยังบรรจุสูตรอาหารอันโดดเด่นไว้ตลอด
ทงั้ เลม่ เมนอู าหารซง่ึ ทง้ั วตั ถดุ บิ อตั ราสว่ น และวธิ ปี รงุ ลว้ นแตบ่ อกเลา่ ชวี ติ
ของผคู้ นทที่ ำ� ใหจ้ กั รวรรดยิ ง่ิ ใหญ ่ ทง้ั คนงานในโรงงาน คนงานเหมอื งเพชร
ทาส ชาวนา กะลาสีเรือ และนักเดินทาง
เม่ืออ่านหนังสือเล่มน้ีจนจบ ท่านจะพบว่าจักรวรรดิท่ีใหญ่ท่ีสุด
ในโลกไล่ล่าตามหาอาหารไปจนถึงจุดสูงสุดของอ�ำนาจได้อย่างไร การ
เสาะแสวงหาอาหารและชาตอิ าณานคิ มหลอ่ หลอมนสิ ยั การกนิ ในยคุ สมยั ใหม่
ของอังกฤษอย่างไร ส�ำนักพิมพ์หวังว่าหนังสือเรื่อง จักรวรรดิจอมเขมือบ
เลม่ นจี้ ะมอบทง้ั ความเพลดิ เพลนิ และความรแู้ ง่มุมใหม่อันเป็นประโยชนแ์ ก่
ผูอ้ า่ นทุกท่าน
ส�ำนกั พิมพ์ยปิ ซี
คำ� นำ� ผแู้ ปล
เราอาจคนุ้ เคยหรอื เคยไดย้ นิ วลที ว่ี า่ “ดมื่ ชาแบบผดู้ อี งั กฤษ” แตร่ ไู้ หมวา่ ใน
องั กฤษ ชาไมใ่ ชเ่ ครอื่ งดมื่ ทจี่ ำ� กดั อยแู่ ตเ่ ฉพาะในหม ู่ “ผดู้ ”ี หรอื ชนชน้ั กลาง
กับชนช้ันสูงเท่าน้ัน ชนชั้นแรงงานก็ดื่มชาเหมือนกัน และดื่มมากกว่า
ชนชัน้ สูงด้วย นค่ี อื หนึง่ ในเรือ่ งท่ีหนงั สอื เลม่ น้บี อกเล่ากับคนอ่าน
หนังสือเล่มน้ีว่าด้วยเร่ืองอาหาร จักรวรรดิ และอังกฤษ บางคน
อาจคิดว่าอังกฤษออกล่าอาณานิคมจนแผ่ขยายอ�ำนาจกลายเป็นจักรวรรดิ
การคา้ ทที่ รงอำ� นาจไดเ้ พราะความทะยานอยากครอบครองอาณาเขตกวา้ งใหญ่
บนโลกใบน ้ี หรอื ไมก่ ค็ งจะเปน็ ความละโมบโลภมากอยากไดท้ รพั ยากรลำ้� คา่
ในดนิ แดนอนื่ แตห่ นงั สอื เลม่ นบี้ อกกบั เราวา่ แทท้ จ่ี รงิ แลว้ การเดนิ ทางสำ� รวจ
ทางทะเลของอังกฤษเรม่ิ ต้นขน้ึ จาก “อาหาร”
ประเทศที่ต้ังอยู่บนเกาะ มีพ้ืนท่ีจ�ำกัด ย่อมต้องประสบกับปัญหา
ขาดแคลนอาหารเม่ือประชากรเพิ่มข้ึน การเริ่มออกเดินทางเพ่ือหาอาหาร
อย่างหนึ่งน�ำไปสู่การค้นพบอาหารอย่างอ่ืน อาหารทั้งหลายน�ำไปสู่ข้าวของ
เครื่องใช้ และเมื่อมากมายเข้า อังกฤษก็เกิดความคิดอยากขยายท่ีดินท�ำ
การเกษตรเข้าไปในดินแดนอ่ืนท่ีค้นพบระหว่างการเดินทางเพ่ือผลิตอาหาร
ของตัวเอง
การแผข่ ยายจกั รวรรดกิ ารคา้ และเกษตรกรรมขององั กฤษไมไ่ ดแ้ ค่
ท�ำให้มีอาหารมาเล้ียงปากเล้ียงท้องผู้คนในชาติ แต่ก่อให้เกิดหลายสิ่งบน
โลกนี้ ท้ังดีงามและเลวร้าย สร้างสรรค์และท�ำลาย แต่ส่ิงที่น่าสนใจท่ีสุด
คงจะเป็นการสร้างวัฒนธรรมบางอย่างที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของชาติท่ี
อังกฤษเคยแผ่อ�ำนาจไปถึง วัฒนธรรมท่ีมาจากการผสมรวมหลายส่ิงหลาย
อย่างเข้าดว้ ยกัน การท�ำลาย สละ รบั มา ปรับเปล่ยี น และผสมผสานใหม่
สว่ นผสมของสง่ิ ทเี่ รยี กวา่ “อาหารประจำ� ชาต”ิ ในบางประเทศแถบแอฟรกิ า
ไมไ่ ดม้ ที ม่ี าจากในทอ้ งถนิ่ ทงั้ หมด ขา้ วโพดทด่ี เู หมอื นจะสำ� คญั ตอ่ วฒั นธรรม
ของแอฟริกาจนปรากฏเป็นลวดลายอยู่บนข้าวของเครื่องใช้ของพวกเขา
ก็ไม่ได้เป็นพืชพ้ืนถิ่นเช่นกัน หากมองลงไปในถ้วยชา สัญลักษณ์เชิง
วัฒนธรรมอย่างหน่ึงของอังกฤษ เราก็จะเห็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรมท่ี
เกดิ มาจากความหลากหลายอยา่ งชดั เจน ใบชา นำ�้ ตาล และแมก้ ระทงั่ ถว้ ย
ที่ใส่ชาล้วนมีที่มาหรือได้รับอิทธิพลมาจากดินแดนอื่นที่จักรวรรดิอังกฤษ
แผอ่ ำ� นาจเขา้ ไป
หนังสือเล่มน้ีไม่ได้ประณามหรือสรรเสริญการแผ่ขยายอาณานิคม
ของจักรวรรดิอังกฤษ ไม่ได้หาข้อแก้ต่างให้กับความทุกข์ยากของผู้คนใน
ดนิ แดนทจี่ กั รวรรดอิ งั กฤษเขา้ ไปยดึ ครองและหาประโยชน ์ แตข่ ณะเดยี วกนั
กไ็ มไ่ ดก้ ลา่ วหาวา่ องั กฤษเปน็ จกั รวรรดทิ ลี่ ะโมบและเลอื ดเยน็ เชน่ กนั หนงั สอื
เลม่ นช้ี วนเรามองความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอาหาร จกั รวรรด ิ และองั กฤษ ดว้ ย
สายตาของคนท่เี ข้าใจความแตกตา่ งและยอมรับในความหลากหลาย
มาออกเดินทางหาอาหารไปดว้ ยกัน
ไอรสิ า ช้นั ศริ ิ
เมษายน 2563
สารบัญ
รายการภาพประกอบ 13
เกร่นิ น�ำ 17
ตอนท่ี 1 23
บทท่ี 1
วนั ปลาบนเรือแมร ี โรสซง่ึ ทอดสมออยทู่ ่ีอ่าวพอรต์ สมธั
(วนั เสารท์ ่ี 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1545)
การสรา้ งรากฐานของจกั รวรรดจิ ากการค้าปลาคอ็ ดเคม็ นวิ ฟันด์แลนด์
บทท ่ี 2 37
เมอ่ื จอห์น ดันตนั กินเคก้ ขา้ วโอ๊ตกบั กระต่ายปา่ ตม้ เนยในกระท่อม
ทคี่ อนน็อต (ค.ศ. 1698)
ไอรแ์ ลนดก์ ลายเปน็ ทต่ี งั้ รกรากของชาวองั กฤษ เปน็ ศนู ยก์ ลางธรุ กจิ เสบยี งอาหาร
และเลยี้ งดปู ากท้องของจักรวรรดิที่ก�ำลงั ถือกำ� เนดิ ขึ้น
บทที่ 3 53
เม่อื ครอบครัวฮอลโลเวย์กนิ ขนมปังแปง้ ข้าวโพดกับซัคโคทาชเนอ้ื เค็ม
ทเ่ี มอื งแซนดว์ ชิ รัฐนวิ องิ แลนด ์ (มถิ ุนายน ค.ศ. 1647)
ชาวองั กฤษไลต่ ามความฝันในการเปน็ เกษตรกรเจ้าของท่ีดนิ
แตก่ ลบั ถูกบีบใหย้ อมจ�ำนนผอ่ นปรน
บทที ่ 4 69
เม่อื ผกู้ ารเจมส์ แดรกซ์จดั งานเลยี้ งในไร่อ้อยบนเกาะบารเ์ บโดส
(ทศวรรษที ่ 1640)
การขบั เคลอ่ื นการเติบโตของจักรวรรดอิ ังกฤษที่ 1 ของเกาะนำ้� ตาล
ในหมเู่ กาะเวสต์อินดสี
บทท่ี 5 87
เมอื่ ลา เบลงิ เกอร์ตอ้ นรับเซอรม์ เิ ชล จาโจเลต์ เดอ ลา โคบ ี ด้วยอาหาร
แอฟรกิ ัน-อเมริกนั ท่ีชายฝง่ั ตะวันตกของแอฟริกา (มถิ นุ ายน ค.ศ. 1686)
การแลกเปลย่ี นก�ำลังคนกับข้าวโพดและมนั สำ� ปะหลังของแอฟริกาตะวันตก
บทท ี่ 6 103
เมื่อซามูเอลและเอลซิ าเบธ พพี สร์ ับประทานนกพริ าบอาเลสเตอเว
กับเบฟิ อาลามอดในรา้ นอาหารฝร่งั เศสทโ่ี คเวนต์การ์เดน
(วันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1667)
การทพ่ี ริกไทยน�ำพาชาวองั กฤษไปสอู่ ินเดยี จนค้นพบผา้ ดิบและชา
ตอนท ่ี 2 119
บทท ่ี 7
เม่อื ครอบครัวลัตแทมกินสตเู นื้อกบั มันฝร่ัง พุดดง้ิ กบั น้�ำเชื่อม
ทเี่ มืองสการิสบริก แควน้ แลงคาเชอร์ (วนั ท่ ี 22 มกราคม ค.ศ. 1748)
ความยากไรข้ องแรงงานอังกฤษในเขตชนบทท�ำใหเ้ กดิ อาหารปันส่วน
ท่ผี ลิตแบบอุตสาหกรรม
บทท่ ี 8 135
เมอ่ื ครอบครัวทาสกินโจ๊กขา้ วโพดกับพอสซมั ท่นี คิ มมิดเดิลเบริ ก์
รฐั เซาท์แคโรไลนา (ทศวรรษที ่ 1730)
การสรา้ งอาณานิคมอเมริกาทเี่ ซาทแ์ คโรไลนาจากขา้ วแอฟรกิ ัน
บทที่ 9 153
เมื่อเลด้ีแอนน์ เบอร์นาร์ดเอร็ดอร่อยกับอาหารค�่ำสุดพิเศษในห้องพักบนเรือ
ระหวา่ งเดินทางไปยงั แหลมกดู๊ โฮป (กุมภาพันธถ์ งึ พฤษภาคม ค.ศ. 1797)
จกั รวรรดิกระตนุ้ การขยายตัวของอตุ สาหกรรมเสบยี งอาหาร
บทที่ 10 173
เมอื่ สมาคมบตุ รแหง่ เสรีภาพดื่มรัมพันชท์ โี่ รงแรมโกลเดนบอลล์
ถนนเมอรแ์ ชนตโ์ รว์ เมืองบอสตัน
(คำ�่ คนื ท่ีหนาวเยน็ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1769)
เหล้ารัมรวมอาณานคิ มอเมริกาเข้าดว้ ยกันและท�ำใหจ้ ักรวรรดิท่ี 1 แหง่ อังกฤษ
แตกแยก
ตอนท ่ี 3 191
บทที่ 11
เมื่อกมลาเตรียมอาหารให้กับครอบครัวทเ่ี มอื งปัฏนา รฐั พหิ าร
(กมุ ภาพนั ธ์ ค.ศ. 1811)
การเปลย่ี นฝ่ินใหเ้ ปน็ ชาของบริษัทอนิ เดยี ตะวันออก
บทท่ี 12 209
เมอื่ ซาราห์ ฮารด์ ดิงและครอบครัวตัวอว้ นพเี พราะกนิ อาหารดีๆ
อย่างอุดมสมบูรณ์ทเี่ มอื งไวพาวา เขตฮอวก์ สเบย ์ ประเทศนิวซแี ลนด ์
(วันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1874)
การอพยพของชาวยุโรปท่ีปะทขุ ึน้ ในช่วงศตวรรษท่ี 19 จากความหวิ โหย
บทท ่ี 13 225
เมื่อแฟรงก ์ สวานเนลล์กินสตูถ่ัว ขนมปงั แบนน็อก และพายลกู พรุน
ทร่ี ฐั บริตชิ โคลมั เบีย (วันท่ ี 15 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1901)
การเลยี้ งปากท้องผ้ขู ยายเขตแดนจกั รวรรดดิ ว้ ยอาหารปนั สว่ นทีผ่ ลิตแบบ
อตุ สาหกรรม และการทอี่ าหารแปรรปู กลายเปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ มนตราประจำ� บา้ น
บทที ่ 14 245
เมอ่ื ทา่ นสาธคุ ุณแดเนยี ล ไทเออร์แมนและมสิ เตอร์จอรจ์ เบนเนต
เขา้ รว่ มงานเลี้ยงน�ำ้ ชาบนเกาะไรอาเทีย ในหมูเ่ กาะโซไซเอต ี
(วนั ท ่ี 4 ธนั วาคม ค.ศ. 1822)
การแผ่อาณานิคมทางรสนยิ มด้วยการเผยแพร่เสบยี งอาหารแบบยโุ รป
ตอนท่ี 4
บทที่ 15 259
เม่อื คนงานเหมืองเพชรปรุงแกงอกิ ัวนาทรี่ า้ นขายรมั ในกายอานาชว่ งฤดูฝน
(ค.ศ. 1993)
การอพยพไปทำ� งานทีน่ คิ มผลติ อาหารสำ� หรับชาวองั กฤษในเขตร้อน
ของผู้ทไี่ ม่ใชช่ าวยโุ รป
บทท่ี 16 275
เมอื่ ครอบครวั บารต์ นั เชญิ ครอบครวั วลิ สนั มาดม่ื ชาทย่ี า่ นสลมั บนถนนลอนดอน
เมอื งแมนเชสเตอร ์ (พฤษภาคม ค.ศ. 1839)
การนำ� ข้าวสาลีสำ� หรับทำ� ขนมปังใหช้ นช้ันแรงงานไปเพาะปลูกทีอ่ เมรกิ า
และอาณานิคมที่มีการตง้ั รกราก
บทท ่ี 17 291
เมอ่ื พรากาช แทนดอนเอร็ดอร่อยกบั เมนเู นอ้ื อบวนั อาทิตย์ร่วมกบั
ครอบครัวเจ้าของบ้านพักการเคหะท่ีเมืองแมนเชสเตอร ์ (ค.ศ. 1931)
การนำ� เขา้ อาหารจากต่างแดนท�ำให้อาหารการกินของชนชน้ั แรงงานดีขน้ึ
และทำ� ใหอ้ งั กฤษต้องพึง่ พาจกั รวรรดขิ องตน
บทท่ ี 18 307
เม่อื สูตรไอริโอเปลยี่ นแปลงไป (เคนยา ค.ศ. 1900-2016)
จักรวรรดสิ ง่ ผลกระทบต่อการท�ำเกษตรเพื่อยงั ชีพในแอฟรกิ าตะวนั ออก
และท�ำให้เกิดภาวะทพุ โภชนาการในอาณานคิ ม
บทท่ ี 19 319
เม่ือพลทหารราบ อาร์. แอล. ครมิ ปก์ นิ เนอื้ กระปอ๋ งกับมนั เทศท่คี ่ายแนวหนา้
ในทะเลทรายที่แอฟรกิ าเหนอื (กนั ยายน ค.ศ. 1941)
การสนบั สนนุ องั กฤษระหว่างสงครามโลกครง้ั ท ี่ 2 ของจักรวรรดิ
บทท ่ี 20 335
เมอ่ื มสิ เตอรโ์ อลดโ์ นว์ฝนั ถึงการทำ� พุดด้งิ พลมั แบบจกั รวรรดิ
(วนั ท่ี 24 ธนั วาคม ค.ศ. 1850) และบรดิ เจ็ท โจนส์ไปรว่ มงานเลีย้ ง
บุฟเฟตแ์ กงกะหรไี่ กง่ วงมอื้ กลางวนั ในวันขึ้นปีใหม่ของอนู า อัลคอนเบอร ี
(วันท่ ี 1 มกราคม ค.ศ. 1996)
อาหารวนั คริสตม์ าสน�ำพาจักรวรรดมิ าสู่บา้ นชาวองั กฤษ
กติ ติกรรมประกาศ 355
อา้ งอิง 358
บรรณานกุ รม 403
รายการภาพประกอบ
“ภาพโปะ๊ ในการจบั และตากปลาคอ็ ดทน่ี วิ ฟนั ดแ์ ลนด”์ (A view of a stage as also
of the manner of fishing and drying cod at Newfoundland) จากหนังสอื
A New and correct map of the world, laid down according to the newest
discoveries โดยเฮอร์มานน์ โมล (แคนาดา, 1709–1720). Bridgeman
Images.
รายละเอียดของ “อาณาจักรแห่งไอร์แลนด์” (The Kingdom of Ireland) จาก
หนังสือ The Theatre of the Empire of Great Britain โดยจอห์น สปีด
(Thomas Basset and Richard Chiswell, London, 1676). หอ้ งสมดุ มหาวทิ ยาลยั
เคมบริดจ์
ตราประทบั สมาคมสง่ เสรมิ เกษตรกรรมรฐั แมสซาชเู ซตส์ ค.ศ. 1802 ภาพ © Granger
/Bridgeman Images
“โรงกลั่นน้�ำตาล” (Sugar refinery) จากหนังสอื Histoire Gènèrale des Antilles
Habitèes par le Franæais โดยฌอง บัพติสต์ ดู แตตร์ (1667) หอสมดุ รัฐสภา
วอชงิ ตัน ดี.ซ.ี
จอห์น ราฟาเอล สมิธ วาดตามภาพ “การค้าทาส” (The Slave Trade) โดยจอร์จ
มอร์แลนด์ ค.ศ. 1791 ศนู ยศ์ ลิ ปะองั กฤษเยล ชดุ สะสม Paul Mellon
“ยามเชา้ ” (Morning) โดยรชิ ารด์ ฮูสตัน ค.ศ. 1758 ศนู ย์ศิลปะอังกฤษเยล ชุด
สะสม Paul Mellon
“เกลาด์และเพกก้ีหรือคนเลี้ยงแกะใจดี” (Glaud and Peggy or The Gentle
Shepherd) วาดจากงานของเดวิด อัลลัน ค.ศ. 1808 ศูนย์ศิลปะอังกฤษเยล
ของขวัญจากเจเนต็ และเจมส์ เซล, เยล
นามบตั รของฮอดสนั พอ่ คา้ ชา อยู่ในความดแู ลของพพิ ธิ ภัณฑ์องั กฤษ
“ตีฟ่อนข้าวดว้ ยไมน้ วดข้าว” (The sheaves are beaten with flails) “บา้ นไม้หลัง
นอ้ ยของเธอสะอาดสะอา้ นเทา่ ทจี่ ะเปน็ ไปได”้ (Her little log cottage was as clean
as possible) “จิ๊บบี้กบั วัว” (Gibbie and the oxen) “นาข้าวที่ ‘น�้ำทว่ ม’” (A rice
field ‘flowed’) “เหลา่ เด็กหญิงใช้เท้าพลิกขา้ วไปมา” (The girls shuffled the rice
about with their feet) “การตำ� ข้าว” (Pounding rice) และ “การฝดั และต�ำข้าว
สำ� หรับใชใ้ นครัวเรือน” (Fanning and pounding rice for household use) โดย
อลซิ เอฟ. ฮวิ เกอร์ สมธิ จากหนังสือ A Woman Rice Planter โดยเอลซิ าเบธ
ออลล์สตนั พรงิ เกลิ (Macmillan, New York, 1913).
“ชวี ติ บนคลนื่ มหาสมทุ ร” (A Life on the Ocean Wave) โดยจอรจ์ ซาลา ไมป่ รากฏ
วันท่ี ศูนย์ศิลปะอังกฤษเยล ส่งมาจากห้องสมุดมหาวิทยาลัยเยลและหอศิลปะ
มหาวทิ ยาลยั เยล
การเต้นร�ำในบาร์ (bar room dancing) โดยจอห์น ลวิ อิส ครมิ เมล หอสมดุ รฐั สภา
วอชิงตนั ดี.ซี.
การคา้ ฝน่ิ ในอนิ โด-จีน : ห้องเกบ็ สินคา้ ในโรงงานฝ่นิ ทีเ่ มอื งปัฏนา ชดุ สะสมสว่ น
บคุ คล/ภาพ © Liszt Collection/Bridgeman Images.
“การสร้างกระท่อมกับฟาร์ม” (Cottage and farm buildings) โดยเจมส์ วาร์ด
ศนู ย์ศิลปะองั กฤษเยล ชุดสะสม Paul Mellon
“ชายนอกกระท่อมในสวนยางกำ� ลังถอื ก้อนขนมปงั ” (Man outside a hut in the
gum fields, holding loaves of bread) โดยพน่ี อ้ งนอรท์ วดู ภาพถา่ ยนอรท์ แลนด์
ห้องสมุดอเลก็ ซานเดอร์ เทิรน์ บูลล์ เมอื งเวลลงิ ตนั ประเทศนิวซีแลนด์
“ค่ายสำ� รวจน้�ำมันที่ล�ำธารคิเช-เนห-์ นา : พ่อครวั กำ� ลงั ทอดเนอื้ กวาง” (Oil claim
Survey camp at Kishe-neh-na Creek: cook frying venison) โดยแฟรงก์
ซีริล สวานเนลล์ เขตคูเตเนย์ตะวันออก รัฐบริติชโคลัมเบีย ค.ศ. 1904 ขอบคุณ
ภาพจากราชพิพิธภณั ฑ์บริติชโคลัมเบยี คลังข้อมูลบรติ ชิ โคลัมเบยี แคนาดา
“คนถือพรม” (A punca bearer) โดยเซอร์ชารล์ ส์ ดอยลี ไม่ระบวุ ันท่ี ศูนยศ์ ลิ ปะ
องั กฤษเยล ชุดสะสม Paul Mellon
“การต้อนรับสาธุคุณ เจ. วิลเลียมส์ ท่ีเกาะแทนนาในวันก่อนท่ีเขาจะถูกฆ่าอย่าง
ทารณุ ” (The Reception of the Reverend J. Williams at Tanna the Day
Before He Was Massacred) โดยจอร์จ แบกซ์เตอร์ ค.ศ. 1841 ศูนย์ศิลปะ
องั กฤษเยล ชุดสะสม Paul Mellon
นามบัตรทีลีฟโรลล่ิงของบริษัทเนคตาร์ที ศตวรรษที่ 19 ชุดสะสมส่วนบุคคล/©
Look and Learn/Bridgeman Images.
“หอ้ งเกา่ ในแดนสลมั ” (The Old Room in Slumland) ศตวรรษท่ี 19 ชดุ สะสม
สว่ นบคุ คล/Bridgeman Images.
“เหย่ือทุพภิกขภยั มัทราส” (Victims of the Madras Famine) ค.ศ. 1877 ภาพ
โดยวิลโลบี วอลเลซ ฮูเปอร์ ชดุ สะสมสว่ นบุคคล/Bridgeman Images.
ร้านขายเนอื้ บรษิ ทั รเิ วอรเ์ พลต ชุดสะสมสว่ นบคุ คล
“ชนบทในแอฟริกาทกุ วนั นี้และทนี่ า่ จะเป็น” (The African countryside as it is
today and as it might be) โดยมารก์ าเรต โทรเวลล์ จากหนังสือ The Book of
Civilization เลม่ ท่ีสอง โดย เอ. อาร์. พาเตอรส์ นั (Longmans, Green and
Company, London, 1935).
พอ่ ครวั อารเ์ อเอฟในครวั แบบเปดิ ทล่ี านบนิ ชวั่ คราว ทะเลทรายตะวนั ตก แอฟรกิ าเหนอื
ราว ค.ศ. 1941 อนุสรณ์สถานสงครามออสเตรเลีย กรุงแคนเบอร์รา
“บรติ นั เนยี กบั โจนาธาน” (Britannia and Jonathan) นติ ยสาร Punch, 27 ธนั วาคม
ค.ศ. 1856.
ฉลากกระป๋องพุดด้ิงพลัมแบบอังกฤษโบราณของบริษัทแปรรูปและบรรจุอาหาร
กระปอ๋ งเซนต์จอรจ์ ทศวรรษท่ี 1940 ห้องสมดุ อเลก็ ซานเดอร์ เทริ ์นบลู ล์ เมอื ง
เวลลิงตัน ประเทศนวิ ซีแลนด์
ภาพระหว่างหน้า 266-267
“อุตสาหกรรมประมงที่นิวฟนั ด์แลนด์” (The fishing industry, Newfoundland)
จากหนังสือ Le Costum Ancien et Moderne (Bramati G., 1820s–1830s), ชุด
ที่สอง แผ่นที่ 36 โดยจูลส์ เฟอร์ราริโอ ชุดสะสมส่วนบุคคล/The Stapleton
Collection/Bridgeman Images.
“หมู่เกาะเวสตอ์ นิ ดสี -การต้มนำ�้ ตาล” (West Indies – boiling sugar) ชดุ สะสม
George Grantham Bain หอสมดุ รัฐสภา วอชงิ ตนั ด.ี ซ.ี
“ตลาดลินินท่ีมีแผงขายผ้าลินินและคนขายผักท่ีหมู่เกาะเวสต์อินดีส” (A Linen
Market with a Linen Stall and Vegetable Seller in the West Indies) โดย
อากอสตโิ น บรเู นส ค.ศ. 1780 จากศนู ยศ์ ลิ ปะองั กฤษเยล ชุดสะสม Paul Mellon
“ครอบครวั รับนำ้� ชา” (A Family Being Served Tea) ไม่ทราบช่อื ศลิ ปนิ ราว ค.ศ.
1745 จากศูนยศ์ ิลปะองั กฤษเยล ชดุ สะสม Paul Mellon
“ผคู้ นในร้านกาแฟ” (Figures in a Coffee House) คาดว่าเปน็ ผลงานของโจเซฟ
ฮกิ มอร์ ราว ค.ศ. 1725 หรือ 1750 จากศูนย์ศลิ ปะองั กฤษเยล ชดุ สะสม Paul
Mellon
“บ่อน�ำ้ ของหมบู่ า้ น” (The village well) โดยวลิ เลียม ซมิ ปส์ นั ค.ศ. 1864 จาก
ศูนย์ศิลปะองั กฤษเยล ชดุ สะสม Paul Mellon
“คนเรือชาวจีนก�ำลังสูบใบยา” (Chinese sailor smoking in his junk) โดย
วลิ เลยี ม อเลก็ ซานเดอร์ ค.ศ. 1795 ชดุ สะสม The Makins/Bridgeman Images.
“ปอกเปลอื กมันฝรั่ง” (Peeling Potatoes) โดยแฟรงก์ โฮล ประมาณ ค.ศ. 1880.
จากศนู ยศ์ ลิ ปะองั กฤษเยล กองทุน Paul Mellon
ดา้ นในรา้ นขายเน้อื ของเจมส์ ไนท์ ทเี่ มืองไครสตเ์ ชิร์ช จากห้องสมดุ อเลก็ ซานเดอร์
เทิร์นบูลล์ เมอื งเวลลงิ ตัน ประเทศนวิ ซแี ลนด์
หญิงชาวเมารีสองคนก�ำลังเตรียมอาหารค�่ำที่หมู่บ้านโอฮิเนมูตู เมืองโรโตรัว
หอสมุดแหง่ ชาติ ประเทศนวิ ซแี ลนด์
“กุลี ดเี มอเรรา” (Coolies. Demerara) ภาพถ่ายและภาพข่าวทห่ี ม่เู กาะเวสต์อนิ ดสี
ค.ศ. 1890 ห้องสมุดฮาวท์ตัน มหาวิทยาลยั ฮารว์ าร์ด
“กลุ ขี ้นึ เรอื ที่เพ่ิงมาถงึ ดเี มอเรรา” (Coolies on board ship. Recently arrived in
Demerara) ภาพถ่ายและภาพข่าวจากหมู่เกาะเวสต์อินดีส ค.ศ. 1890 ห้องสมุด
ฮาวท์ตนั มหาวิทยาลัยฮารว์ ารด์
ฉลากเน้อื กระปอ๋ งผลิตโดยบริษทั เจมส์ เกยี ร์ เมอื งเวลลิงตนั ประเทศนิวซแี ลนด์
ทศวรรษที่ 1890 จากหอ้ งสมุดอเล็กซานเดอร์ เทิรน์ บลู ล์ เมอื งเวลลงิ ตนั ประเทศ
นิวซแี ลนด์
เกร่นิ นำ�
“ไปเอาอาหารมา!” เด็กชายตัวน้อยผู้สวมบทบาทเป็นข้าหลวงผิวขาวเปล่ง
เสยี งตะโกน
ในหมบู่ า้ นทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของโรดเี ชยี กลมุ่ เดก็ ชาย
ชาวเบมบาก�ำลังเล่นสวมบทบาทเป็นชาวยุโรปซ่ึงเป็นหนึ่งในการละเล่นที่
พวกเขาโปรดปรานมาก ตวั เอกของเรอื่ งนงั่ เอกเขนกอยบู่ นกองกง่ิ ไมก้ บั เชอื ก
จากเปลอื กไมท้ นี่ ำ� มาใชแ้ ทนเกา้ อ ี้ ตลอดการละเลน่ นเี้ ขาเอาแตเ่ รยี กหาอาหาร
ตลอดเวลาจนกระทั่งเพอื่ นคนหนงึ่ ซงึ่ รบั บทเป็นคนรับใชค้ ้านข้ึน
“ท่านจะเรียกหาอาหารอีกไม่ได้นะขอรับ” เขากระซิบด้วยท่าที
หวาดกลวั “เราเพงิ่ น�ำเขา้ มาให้ท่านเมือ่ คร่นู ้เี อง”
“นายจะไปรู้อะไรเร่ืองพวกยุโรป!” ‘เจ้านาย’ ของเขาโต้ทันควัน
“พวกเขาทำ� แบบนน้ั ทงั้ วนั นนั่ แหละ แคน่ ง่ั แลว้ กต็ ะโกนวา่ ‘ไอห้ น ู เอาอาหาร
มาใหฉ้ ันทสี ิ’”1
ชาวเบมบาผู้ซึ่งกินอาหารม้ือเดียวเมื่อสิ้นสุดวันมองว่านิสัยการ
ผละไปจากกิจกรรมเพ่ือด่ืมชาหรือเคร่ืองดื่มเติมความสดช่ืนอื่นๆ ของชาว
ยุโรปเป็นนิสัยแบบเด็กๆ ออเดรย์ ริชาร์ดส นักมานุษยวิทยาผู้อาศัยอยู่
ท่ามกลางชาวเบมบาหลายปีในช่วงต้นทศวรรษท่ี 1930 เป็นผู้พบเห็นการ
ละเล่นของเด็กๆ ที่น่ีซึ่งเป็นเสมือนการเปรียบเปรยความสัมพันธ์ระหว่าง
อังกฤษและจักรวรรดิใต้การปกครอง “เอาอาหารมา!” กลายเป็นค�ำสั่งที่
เกิดขึ้นอยรู่ ำ่� ไป
หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องราวของการตามล่าหาอาหารของอังกฤษ
ซงึ่ นำ� ไปสกู่ ารกอ่ กำ� เนดิ จกั รวรรดอิ งั กฤษ แตล่ ะบทเรมิ่ ตน้ ดว้ ยอาหารมอ้ื หนง่ึ
จากนั้นจะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอาหารมื้อน้ัน เหตุใด
ชายชาวฝรั่งเศสและสตรีชาวแอฟริกัน-โปรตุเกสผู้งามพริ้งจึงกินสับปะรด
ด้วยกันในแอฟริกาตะวันตกในปี 1698 ได้ เป็นยังไงมายังไงนักส�ำรวจหา
แร่ทองแดงในบริติชโคลัมเบียปี 1901 ถึงได้กินเนื้อกระต่ายออสเตรเลีย
THE HUNGRY EMPIRE
สภาวการณ์แบบไหนที่น�ำพาให้กลุ่มนักขุดหาเพชรชาวแอฟริกัน-กายอานา
ท�ำแกงอิกัวนากินในปี 1993 ทุกบทบอกเล่าเร่ืองราวในตัวเอง แต่ละเร่ือง
เชอ่ื มโยงกนั กลายเปน็ เรอื่ งเลา่ ทจ่ี ะเผยใหเ้ หน็ วา่ อาหารคอื แรงขบั เคลอ่ื นของ
จกั รวรรดิ
ต้ังแต่ศตวรรษที่ 16 เม่ืออังกฤษเร่ิมเดินทางข้ามมหาสมุทร
พวกเขาออกไปเพื่อเสาะหาอาหาร ชาวประมงในเขตเวสต์คันทรีเริ่มขน
ปลาคอ็ ดเคม็ กลบั มาจากนวิ ฟนั ดแ์ ลนดใ์ นชว่ งทศวรรษท ี่ 1570 และศตวรรษ
ต่อมาเรือขนสินค้าล�ำใหญ่ของบริษัทอินเดียตะวันออกก็ขนพริกไทยกับ
เครื่องเทศจ�ำนวนหลายล้านปอนด์มาเทียบท่าที่ท่าเรืออินเดียตะวันออกใน
กรุงลอนดอน ก่อนหน้าน้ันอาหารน�ำเข้าถูกจัดหามาให้คนร�่ำรวยท่ีดื่มไวน์
จากแคว้นเบอร์กันดีแกล้มกับอาหารหนักเคร่ืองเทศและราดน้�ำมันมะกอก
อิตาเลียนลงบนสลัดผักใบเขียวเท่านั้น ในศตวรรษท่ี 16 มะเดื่อแห้งกับ
เคอร์แรนต์และอัลมอนด์กับเครื่องเทศที่พ่อค้าชาวอังกฤษได้มาจากเมือง
แอนตเ์ วริ ป์ จากการนำ� ผา้ ขนสตั วไ์ ปแลก คดิ เปน็ หนง่ึ สว่ นสบิ ของสนิ คา้ นำ� เขา้
ท้ังหมดของอังกฤษเท่าน้ัน แต่ตลอดหลายศตวรรษต่อมา อาหารเปลี่ยน
บทบาทจากการเป็นส่งิ ที่ถกู มองข้ามในธรุ กิจการค้าขององั กฤษกลายเป็นสง่ิ
ทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ เมอ่ื ถงึ ป ี 1775 กวา่ ครงึ่ (ของมลู คา่ ) สนิ คา้ ทอี่ งั กฤษนำ� เขา้ มา
เป็นอาหาร น�้ำตาลจากหมู่เกาะเวสต์อินดีสก็แซงผ้าลินินขึ้นไปอยู่ในอันดับ
หนึ่งของสินค้าน�ำเข้าท่ีมีมูลค่าที่สุดของประเทศ อันที่จริงแล้วน�้ำตาลจาก
เวสต์อินดีสซ่ึงมีมูลค่ากว่า 2.3 ล้านปอนด์มีค่ามากกว่าสินค้าผลิตภัณฑ์
ทั้งหมดทมี่ าเทยี บทา่ ที่อังกฤษ2
ตอนน้ีการน�ำเข้าอาหารไม่ได้ท�ำไปแค่เพ่ือคนร�่ำรวยอีกต่อไป ใน
ความเปน็ จรงิ ขา้ วของเครอื่ งใชจ้ ากอาณานคิ มไดเ้ ขา้ ไปเปน็ สว่ นหนงึ่ ในอาหาร
การกินของประชากรทั้งมวลอย่างถ้วนทั่ว รัมจากแคริบเบียนเป็นเคร่ืองดื่ม
โปรดของชาวไอร์แลนด์ และทุกคนตั้งแต่คนกวาดถนนไปจนถึงสุภาพสตรี
ต่างพึงพอใจกับชาจีนยามบ่ายท่ีปรุงรสหวานด้วยน้�ำตาลจากเวสต์อินดีส
อังกฤษเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิการค้าที่ย่ิงใหญ่ และอาหารก็ช่วย
ขับเคลื่อนให้กงล้อแห่งการค้าหมุนไป การค้าทาสแอตแลนติกอาศัยเสบียง
จากข้าวโพดและมันส�ำปะหลังท่ีปลูกในแอฟริกาตะวันตก ขณะท่ีทาสซ่ึง
18
เกร่ินน�ำ
ท�ำงานอยู่ในนิคมรัฐเซาท์แคโรไลนาปลูกข้าวท่ีชาวอังกฤษน�ำไปแลกเปล่ียน
กับไม้ซุงและยางมะตอยทางตอนเหนือยุโรปซึ่งจ�ำเป็นส�ำหรับอุตสาหกรรม
การต่อเรือ การค้าและอ�ำนาจทางทะเลต่างพ่ึงพาซ่ึงกันและกัน3 การค้าทาง
ทะเลคือแหล่งบุคลากรทางทะเลผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์อันมีค่าในยาม
สงคราม และกองทพั เรอื กค็ อยพทิ กั ษเ์ สน้ ทางการคา้ เชน่ กนั รายไดจ้ ากภาษี
น�ำเขา้ สินคา้ จากท่วั โลกกลายเปน็ เงินทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเรอื รบ
จักรวรรดิท่ีเติบโตขึ้นมาจากการค้าขายน้ีมักถูกกล่าวถึงในนาม
จกั รวรรดทิ ่ี 1 แหง่ องั กฤษ จกั รวรรดนิ คี้ รอบคลมุ การตง้ั รกรากหลากหลาย
รูปแบบ ตั้งแต่ธุรกิจประมงที่ชายฝั่งนิวฟันด์แลนด์และการปลูกอ้อยแบบ
อุตสาหกรรมการเกษตรท่ีหมู่เกาะเวสต์อินดีสไปจนถึงฟาร์มที่เป็นระเบียบ
เรยี บรอ้ ยตามแบบฉบบั องั กฤษทางตอนใตข้ องไอรแ์ ลนดแ์ ละสถานกี ารคา้ ที่
มที หารจำ� นวนหนง่ึ เฝา้ ประจำ� การกระจายตวั อยตู่ ามชายฝง่ั แอฟรกิ าตะวนั ตก
การคา้ ในแอตแลนตกิ ยงั คงเปน็ หลกั สำ� คญั ถงึ แมว้ า่ บรษิ ทั อนิ เดยี ตะวนั ออก
ซ่ึงมีโรงงานตั้งอยู่ในอินเดียและจีนมีอ�ำนาจและความส�ำคัญเพิ่มขึ้นก็ตาม
สิ่งที่น�ำพาหน่วยที่แตกต่างกันเหล่าน้ีมารวมอยู่ในกรอบเดียวกันภายใต้ร่ม
ของจักรวรรดิบริเตนไม่ใช่รูปแบบการปกครอง แต่เป็นวิธีการก�ำกับดูแล
การค้าที่อังกฤษท�ำกับหน่วยเหล่านี้ พระราชบัญญัติการเดินเรือก�ำหนดให้
เฉพาะเรอื สญั ชาตอิ งั กฤษเทา่ นนั้ ทขี่ นสง่ สนิ คา้ ขององั กฤษได ้ สว่ นใหญแ่ ลว้
ในสมัยศตวรรษที่ 18 ค�ำว่า “จักรวรรดิ” ไม่ได้หมายถึงการครอบครอง
อาณาเขต แต่เป็นอ�ำนาจในการชี้น�ำการค้า จักรวรรดิที่ 1 แห่งอังกฤษคือ
“จกั รวรรดิแห่งทะเล”4
จักรวรรดิท่ี 2 แห่งอังกฤษเกิดขึ้นในศตวรรษท่ี 19 หลังการ
สูญเสีย 13 อาณานิคมบนแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาในปี 1783 ส่ิงท่ี
เกิดขึ้นสร้างความเสียหายแก่จักรวรรดิ แต่ในปี 1815 อังกฤษก็ผงาดข้ึน
อย่างภาคภูมิในฐานะมหาอ�ำนาจทางทะเลของโลกจากการปฏิวัติและการท�ำ
สงครามนโปเลยี นกบั ฝรง่ั เศส5 ระบบพาณชิ ยนยิ มแบบปดิ อยา่ งเกา่ ถกู แทนท่ี
อยา่ งสมบรู ณด์ ว้ ยความเชอื่ มน่ั อยา่ งจรงิ จงั ตอ่ ขอ้ ดขี องการคา้ เสร6ี อาณาเขต
ของอังกฤษขยายเข้าไปสู่อินเดีย แอฟริกา และไปไกลจนถึงออสตราเลเชีย
การผสมผสานระหวา่ งกองกำ� ลงั ทหารและการลงทนุ ทางการเงนิ ทำ� ใหอ้ ำ� นาจ
19
THE HUNGRY EMPIRE
ทางเศรษฐกิจขององั กฤษสง่ เสรมิ การขยายอ�ำนาจเขา้ สจู่ นี และอเมริกาใตไ้ ด้
กระท่ังสหรัฐอเมริกาก็ยังถูกผนวกกลับเข้ามาในจักรวรรดิอย่างไม่เป็น
ทางการน้ีอีกคร้ัง จนกระทั่งถึงทศวรรษท่ี 1870 ซึ่งเป็นช่วงเวลาท่ี
กระบวนการเปล่ียนแปลงสู่อุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาท�ำให้ประเทศ
หลุดพ้นจากอ�ำนาจของอังกฤษได้ การแผ่ขยายไปอย่างไม่หยุดหย่อนนี้
ทำ� ให้อังกฤษใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรของโลกไดม้ ากมาย
เรือกลไฟและทางรถไฟน�ำพาผู้คนและสินค้าจ�ำนวนมากอย่างที่
ไมเ่ คยมมี ากอ่ นเคลอื่ นทไ่ี ปยงั สถานทห่ี า่ งไกล อาหารเปน็ เพยี งหนง่ึ ในสนิ คา้
มากมาย อาทิ สิง่ ทอ สยี อ้ ม ดบี กุ ยาง และซุง ทหี่ ล่ังไหลเข้ามาสู่องั กฤษ
แต่อาหารท่ีน�ำเข้ามาจากจักรวรรดิทางการค้ามีบทบาทท่ีส�ำคัญอย่างย่ิงยวด
เพราะไดก้ ลายเปน็ สว่ นสำ� คญั ทขี่ าดไมไ่ ดใ้ นอาหารการกนิ ของชนชนั้ แรงงาน
ซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมต้องพึ่งพาคนเหล่านี้ เมื่อถึงทศวรรษที่ 1930
ข้าวสาลีส�ำหรับท�ำขนมปังก้อนของแรงงานก็ถูกส่งมาจากแคนาดา และ
ขาแกะวันอาทิตย์กม็ าจากแกะทีถ่ ูกเลย้ี งดใู ห้อ้วนพีในทุง่ หญา้ ทนี่ ิวซแี ลนด์
ในดนิ แดนเขตรอ้ น เหลา่ นกั ผจญภยั ไดเ้ รมิ่ การทำ� การเกษตรแบบ
เพาะปลูก น�ำเข้าทาสจากแอฟริกาตะวันตก และท�ำสัญญาจ้างแรงงานจาก
อนิ เดยี เพอ่ื มาเปน็ คนงาน ผอู้ พยพชาวองั กฤษตงั้ รกรากในเขตอากาศอบอนุ่
และปลกู พชื ทเ่ี ปน็ อาหารยโุ รปบนทดี่ นิ ทแ่ี ยง่ ชงิ มาจากผอู้ ยอู่ าศยั ชาวพนื้ เมอื ง
ในกระบวนการน้ีชาวอังกฤษได้ท�ำลายล้างประชากรพื้นเมืองจนสูญส้ิน
พวกเขาเปล่ียนแปลงภูมิทัศน์และระบบเกษตรกรรม ซึ่งบ่อยครั้งก็ท�ำลาย
ความมนั่ คงทางอาหารของคนอนื่ ๆ พวกเขาเออื้ อำ� นวยใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ น
พืชผลระหว่างโลกเก่ากับใหม่ ซ่ึงเป็นการก�ำหนดรสนิยมใหม่ให้ทั้งตนเอง
และผู้อ่ืนในเวลาเดียวกัน7 เครือข่ายอาหารท่ีถูกถักทอขึ้นจากการพัฒนา
เหลา่ นก้ี อ่ ใหเ้ กดิ ระบบทเี่ ปน็ สากลโดยแท ้ เชอ่ื มโยงหา้ ทวปี ทม่ี ผี คู้ นอาศยั อยู่
ถึงกันหมด ดึงเอาแม้แต่มุมท่ีโดดเด่ียวห่างไกลท่ีสุดในโลกเข้ามาร่วมด้วย
จักรวรรดิจอมเขมือบ เผยให้เห็นการพ่ึงพาอาศัยกันในจักรวรรดิท่ีมีความ
ซบั ซอ้ นและบทบาทของจกั รวรรดใิ นการกำ� หนดนสิ ยั การกนิ ของโลกยคุ ใหม่
20
ตอนท่ี
1
บทท่ี
1
วันปลาบนเรอื แมร ี โรสซงึ่ ทอดสมออยทู่ อี่ า่ วพอร์ตสมัธ
(วนั เสาร์ท่ี 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1545)
การสรา้ งรากฐานของจกั รวรรดิ
จากการคา้ ปลาค็อดเคม็ นิวฟนั ดแ์ ลนด์
วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1545 เป็นวันปลาบนเรือแมรี โรส ลูกเรือ
กินอาหารกันตรงช้ันติดต้ังปืนใหญ่ที่คับแคบ โดยนั่งลงตรงที่ที่พอจะน่ังได้
วันปลาไม่ได้เป็นที่นิยมชมชอบแต่อย่างใด เหล่าทหารเรือช้ันผู้น้อยเรียก
ปลาคอ็ ดเคม็ วา่ “จอหน์ จน” (Poor John) แตว่ นั เสารน์ อี้ าหารมอื้ ดงั กลา่ ว
เปน็ การหยดุ พกั จากกจิ กรรมอนั วนุ่ วายทที่ กุ คนลว้ นปรารถนา ในขณะทที่ หาร
185 นาย พลปืน 30 นาย และนาวิกโยธิน 200 นายบนเรือก�ำลังว่ิงวุ่น
เตรียมเรือให้พร้อมรบในสงคราม เช้าวันนั้นนิโคลัส คูเปอร์และเพ่ือน
พ่อครัวอีกสองคนปีนข้ึนไปบนเก๋งท้ายเรือ ผ่านบรรดาลูกเรือท่ีง่วนอยู่กับ
การแขวนตาขา่ ยกนั ขนึ้ เรอื บนดาดฟา้ เรอื พวกเขามาเอาปลาคอ็ ดเคม็ ทแี่ ชอ่ ยู่
ในถงั นำ�้ ใบใหญต่ ลอด 24 ชวั่ โมงทผ่ี า่ นมา1 ลกู เรอื แบง่ ออกเปน็ กลมุ่ ละหก
ถงึ แปดคนเพอื่ นงั่ กนิ อาหารดว้ ยกนั คนทถี่ งึ คราวตอ้ งเปน็ ผเู้ ตรยี มอาหารให้
คนในกลมุ่ ของตวั เองวนั นน้ั ไปรวมตวั กนั อยทู่ ด่ี าดฟา้ เรอื เพอื่ รบั ปนั สว่ นปลา
แตล่ ะคนจะไดร้ บั สว่ นแบง่ ปลาคอ็ ดเปน็ ชน้ิ ขนาดหนงึ่ สว่ นสข่ี องตวั ปลาทย่ี าว
24 นวิ้ 2 พวกเขาหอ่ ปลาไวใ้ นถงุ ผา้ และกลดั ดว้ ยหมดุ ทม่ี เี ครอื่ งหมายประจำ�
กลุ่ม ถุงเหล่านี้ท�ำให้มั่นใจได้ว่าแม้ปลาจะเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยระหว่าง
THE HUNGRY EMPIRE
ปรุงให้สุก แต่ทุกกลุ่มจะได้รับส่วนแบ่งอย่างยุติธรรม พวกเขาเรียงถุงปลา
ค็อดลงในถังไม้ และพ่อครัวจะขนถังลงบันไดเรือชันๆ เพ่ือไปยังห้องครัว
สถานท่ีแห่งแสงสว่างและความอบอุ่นท่ามกลางความมืดมิดเปียกชื้นของ
ระวางเรือ3
ไมน่ านหอ้ งใตถ้ นุ เรอื กอ็ บอวลไปดว้ ยกลน่ิ ปลาตม้ ขณะทถ่ี งุ ใสป่ ลา
ถูกเคยี่ วอย่ใู นหมอ้ ใหญส่ องใบในหอ้ งครวั เม่อื ได้ท่แี ลว้ มนั กจ็ ะถูกน�ำกลับ
ข้ึนไปให้ลูกเรือผู้หิวโหยที่ช้ันปืนใหญ่ แต่ละกลุ่มจะแบ่งปลาใส่ชามไม้ให้
แตล่ ะคนเทา่ ๆ กนั และพวกเขาจะนงั่ กนิ กนั ดว้ ยชอ้ นไมห้ รอื ชอ้ นเขาสตั ว4์ ใน
วันปลาแต่ละคนจะได้รับชีสคนละ 4 ออนซ์กับเนย 2 ออนซ์ และหากเรือ
เทยี บทา่ อย ู่ ทกุ คนจะไดร้ บั ขนมปงั คนละหนงึ่ กอ้ น นถี่ อื เปน็ การเปลย่ี นแปลง
ที่น่าพอใจจากขนมปังบนเรือท่ีท้ังแข็งและมีหนอนชอนไชซ่ึงพวกเขาจ�ำต้อง
กินเม่ืออยู่กลางทะเล5 พวกเขากระดกเบียร์หลายอึกหลังจากกินปลาเค็ม
เด็กเสิร์ฟท่ีเดินไปรอบๆ ดาดฟ้าติดต้ังปืนใหญ่จะเป็นคนเติมเบียร์จาก
แกลลอนลงในชามไม้ใหแ้ ต่ละคนด่ืมตามปริมาณทป่ี นั ส่วนใหต้ อ่ วัน
ขณะที่ลูกเรือกินอาหาร ผู้บังคับบัญชาก็หารือกันเร่ืองชะตากรรม
ของพวกเขา ทท่ี อดสมออยเู่ คยี งขา้ งเรอื แมร ี โรสในอา่ วพอรต์ สมธั คอื เรอื ธง
ทม่ี ชี อ่ื วา่ เฮนร ี เกรซ อา ดเี ยอ บนเรอื ลำ� นก้ี ษตั รยิ เ์ ฮนรที ี่ 8 กำ� ลงั หารอื กบั
นายทัพเรือ ไวส์เคานต์ไลส์ล และพลเรือโทจอร์จ คาริว ผู้บัญชาการเรือ
แมรี โรส กองทัพเรือฝรั่งเศสกางใบมุ่งสู่อังกฤษเมื่อ 12 วันก่อนและ
คาดว่าจะท�ำยทุ ธนาวกี ับองั กฤษในวนั รุ่งขน้ึ ขณะท่ที งั้ สามคนกำ� ลังวางแผน
ไลส์ลร่างภาพแผนการรบลงบนด้านหลังเอกสารที่บังเอิญวางอยู่บนโต๊ะ
แผนการนกี้ ำ� หนดใหเ้ รอื แมร ี โรส หนง่ึ ในเรอื รบลำ� ใหญข่ องกองเรอื อยตู่ รง
ศนู ยก์ ลางการปะทะ6
เม่ือวันต่อมาสิ้นสุดลงลูกเรือเกือบทั้งหมดบนเรือแมรี โรสก็เสีย
ชีวิตจากการจมน�ำ้ ขณะท่ีเรือจมลงภายในไม่ก่ีนาทีหลังเข้าสู่การท�ำยุทธนาวี
พลปนื เพง่ิ จะยงิ ปนื ใหญอ่ อกไปรอบเดยี วเมอ่ื จๆู่ กม็ ลี มกระโชกใหญพ่ ดั เขา้
ใสเ่ รอื ท่ีบรรทุกปนื ใหญม่ ากเกินไปจนหมุนควา้ งและตะแคง ผรู้ อดชีวติ ชาว
แฟลนเดอร์สคนหน่ึงเล่าว่าน�้ำหลากท่วมผ่านเข้ามาทางช่องปืนใหญ่ที่เปิด
เอาไว้ขณะที่เรือแมรี โรสเอียงคว่�ำลงใต้คลื่น7 คนส่วนใหญ่อยู่ที่ดาดฟ้า
24
การสรา้ งรากฐานของจักรวรรดิจากการคา้ ปลาคอ็ ดเค็มนิวฟันดแ์ ลนด์
ด้านบน พวกเขาติดอยู่ในตาข่ายกันไม่ให้คนขึ้นเรือจึงถูกดึงให้จมลงไป
พร้อมเรือ มีผู้รอดชีวิตอย่างมาก 40 คน หรือบางทีอาจจะแค่ 25 คน
เท่านั้นจากลกู เรือทงั้ หมด 415 คน8
ซากเรืออับปางท�ำให้พวกเรามีหนึ่งในชุดโบราณวัตถุสมัยทิวดอร์ท่ี
ดีที่สุด ซึ่งประกอบไปด้วยรองเท้าและเส้ือทูนิก ขวดยาใบเล็กๆ และม้วน
ผ้าพันแผล เคร่ืองมือช่างไม้ ปืน หน้าไม้ และธนู รวมถึงโครงกระดูกของ
ชาย 179 คน หนหู นงึ่ ตวั และสนุ ขั อกี หนงึ่ มกี ารพบโครงกระดกู หกรา่ งอยู่
ในห้องครัวของเรือ9 นิโคลัส คูเปอร์และเพื่อนพ่อครัวคนอื่นๆ น่าจะก�ำลัง
วุ่นวายอยู่กับการปรุงลิ้นและเน้ือวัวสดตอนท่ีเรือจมลง พวกเขาคงจะ
ก�ำลังเตรียมอาหารให้เหล่านายทหาร ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นครัวคือ
จานพิวเตอร์สิบใบส�ำหรับใช้เสิร์ฟอาหารซึ่งเป็นของผู้บังคับการเรือ10 นัก
ประดานำ�้ พบชามไมห้ ลายใบทช่ี นั้ ปนื ใหญ ่ จากหนง่ึ ในชามเหลา่ นเี้ องทท่ี ำ� ให้
เราไดร้ จู้ กั ชอ่ื ของนโิ คลสั เพราะเขาสลกั ชอ่ื เอาไวบ้ นชาม ทชี่ นั้ ลา่ งสดุ ของเรอื
และในระวางท่ีอยู่ต่�ำลงไป นักโบราณคดีพบกระดูกสันหลังของวัวและหมู
รวมถงึ กระดกู ปลาอกี เปน็ พนั ๆ ทา่ มกลางซากถงั และตะกรา้ หวายทค่ี รง้ั หนง่ึ
เคยเป็นท่ีกักเก็บสิ่งเหล่าน้ี นี่คือส่วนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของเสบียงเรือที่
ประกอบไปดว้ ยเนอ้ื ววั หม ู และปลาคอ็ ด11 เนอื้ และปลาเคม็ ขนมปงั กรอบ
เบียร์ ชีส และเนยเป็นอาหารที่ราคาถูกและทน ซ่ึงสามารถเก็บไว้ได้เป็น
เวลานานและขนส่งไปที่ไกลๆ ได้โดยไมเ่ สียหาย (ไปท้งั หมด)
เสบียงของกองทัพทิวดอร์มาจากแหล่งอาหารในท้องถิ่นเป็นหลัก
ภายใตก้ ารปกครองของเฮนรที ี่ 8 องั กฤษมอี าหารหลกั ใหก้ นิ อยา่ งเพยี งพอ
โดยไม่ต้องพ่ึงพาชาติอ่ืน หมูและเนื้อบนเรือแมรี โรสน่าจะมาจากฝูงสุกร
และโคของอังกฤษ ชีสมาจากกลูเชสเตอร์หรือเชสเชอร์ และเนยก็น่าจะท�ำ
ในท้องถ่ินจากนมของฝูงวัวนมท่ีแฮมป์เชอร์ แต่ปลาไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใน
ท้องถิ่น การวิเคราะห์พันธุกรรมจากบางส่วนของกระดูกปลาหลายพันช้ินที่
พบในซากเรืออับปางบ่งช้ีว่าปลาค็อดถูกจับได้ทางตอนเหนือของทะเลเหนือ
และรอบๆ ไอซ์แลนด์ แต่หนึ่งในกระดูกที่น�ำมาวิเคราะห์เป็นของปลาที่มา
ไกลกวา่ นนั้ มาก เปน็ ของกลมุ่ พนั ธกุ รรมปลาคอ็ ดทอ่ี าศยั อยทู่ างชายฝง่ั ตะวนั
ออกเฉยี งเหนอื ของทวปี อเมรกิ า12 เมอื่ ถงึ กลางศตวรรษท ี่ 16 กเ็ หน็ ไดอ้ ยา่ ง
25
THE HUNGRY EMPIRE
ชัดเจนว่าชาวทิวดอร์เดินทางไปไกลหลายพันไมล์ในมหาสมุทรแอตแลนติก
เพื่อหาอาหารหลัก การพ่ึงพาสถานท่ีห่างไกลให้ส่งอาหารให้อังกฤษ (และ
บรเิ ตนในเวลาตอ่ มา) กลายเป็นลกั ษณะเด่นของจกั รวรรดิ
ความสำ� คญั ของการคา้ ปลาจากนวิ ฟนั ดแ์ ลนดต์ อ่ การวางรากฐานใหจ้ กั รวรรดิ
อังกฤษมักถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง ส่ิงท่ีคนมักให้ความสนใจคือเรื่องราว
การส�ำรวจทางทะเลและการตามหาเคร่ืองเทศ แต่ชาวประมงปลาค็อดจาก
เวสตค์ นั ทรซี งึ่ เปน็ ชาวองั กฤษพวกแรกทเี่ รยี นรเู้ รอ่ื งกระแสนำ้� และกระแสลม
ท่ีแอตแลนติกต่างหากท่ีช่วยให้นักส�ำรวจซ่ึงเดินทางออกแสวงหาเส้นทาง
ทางทะเลไปถึงเกาะเครือ่ งเทศได้ในเวลาต่อมา13
การละเวน้ จากเนอื้ ววั ในวนั ถอื ศลี อดของชาวครสิ ตใ์ นยคุ กลางทำ� ให้
การประมงในยุโรปเฟื่องฟู ในศตวรรษที่ 14 ชาวดัตช์ฝึกฝนการดองปลา
แฮร์ริงจากทะเลเหนือท่ีจับมาได้ในน้�ำเกลือจนเช่ียวชาญ ท�ำให้แม้แต่ชาว
ยโุ รปเหนอื ผเู้ ครง่ ศาสนาซงึ่ อยหู่ า่ งไกลจากทะเลสามารถละเนอ้ื ววั ในวนั ศกุ ร์
ได้14 ในศตวรรษที่ 15 ปลาแฮร์ริงดองถูกแทนท่ีด้วยปลาค็อดนอร์เวย์
ตากแห้งซึ่งถูกน�ำไปจ�ำหน่ายทั่วยุโรปเหนือโดยกลุ่มสันนิบาตฮันเซียติก15
ความพยายามของกลุ่มสันนิบาตท่ีจะผูกขาดการจับปลาในทะเลเหนือท�ำให้
ชาวองั กฤษตอ้ งแสวงหาแหลง่ จบั ปลาใหม ่ พวกเขาคน้ พบทห่ี นงึ่ ตรงไหลท่ วปี
ไม่ห่างจากไอซ์แลนด์ ไม่นานนักทางการเดนมาร์กก็ร้องเรียนว่าชาวอังกฤษ
ทต่ี ง้ั คา่ ยอยทู่ นี่ น่ั ในฤดรู อ้ นทำ� ราวกบั วา่ เกาะแหง่ นน้ั เปน็ ของพวกตนโดยการ
ขดุ หลมุ ตง้ั กระโจม และถงึ ขนั้ สรา้ งบา้ น ทง้ั ยงั คกุ คามชาวประมงไอซแ์ ลนด์
ทเ่ี ป็นคูแ่ ข่งดว้ ย16 ขณะทชี่ าวไอซแ์ ลนดน์ �ำปลาทไี่ ดม้ าตากแห้ง ในตอนเรม่ิ
แรกชาวอังกฤษกลับท�ำเพียงแค่น�ำปลาค็อดไปทาเกลือก่อนจะเรียงลงใน
ระวางเรอื แตเ่ มอ่ื เวลาผา่ นไปพวกเขากผ็ สานวธิ ถี นอมอาหารสองวธิ เี ขา้ ดว้ ย
กัน โดยทาเกลือลงบนปลาเล็กน้อยก่อนน�ำไปตากลมให้แห้ง ผลผลิตท่ีได้
อรอ่ ยกวา่ และเก็บได้นานกว่าปลาแห้งนอรเ์ วย1์ 7
ส่วนแบ่งสัตว์ทะเลไอซ์แลนด์ท่ีชาวประมงอังกฤษจับได้เป็นกอบ
เปน็ กำ� จะถกู ขายใหก้ บั พอ่ คา้ ชาวบรสิ โตล ทจ่ี รงิ แลว้ ในชว่ งครง่ึ หลงั ศตวรรษ
26
การสร้างรากฐานของจกั รวรรดิจากการค้าปลาค็อดเคม็ นวิ ฟนั ดแ์ ลนด์
ที่ 15 บริสโตลเป็นคลังปลาแห่งส�ำคัญของอังกฤษ18 ซึ่งก็เป็นเพราะเมืองน้ี
ควบคมุ ธรุ กจิ ไวนข์ ององั กฤษในเวลานนั้ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลท์ ช่ี าวองั กฤษ
ช่ืนชอบคือเหล้าองุ่นขาว “แซก” จากคาบสมุทรไอบีเรีย19 ชาวสเปนและ
โปรตุเกสแทบไม่ได้ใช้ผ้าขนสัตว์ที่อังกฤษส่งออกเป็นจ�ำนวนมาก พวกเขา
พอใจมากกว่าท่ีจะแลกเปล่ียนไวน์กับปลาค็อดเค็มท่ีพวกเขาคิดว่ารสชาติดี
และราคาสมเหตสุ มผลเพอ่ื นำ� มากนิ แทนเนอ้ื ววั 20 ดงั นนั้ เรอื จากบรสิ โตลจงึ
กางใบล่องไปยังไอซ์แลนด์เพ่ือไปซื้อปลาค็อดเค็ม จากน้ันก็เดินทางต่อไป
ยังตอนใต้ของยุโรปและไปไกลถึงหมู่เกาะคานารีของสเปนและหมู่เกาะ
อะโซเรสเพอื่ นำ� ปลาไปแลกเปลยี่ นกบั ไวน2์ 1 บรสิ โตลในฐานะเมอื งศนู ยก์ ลาง
ในการแลกเปล่ียนปลากับไวน์กลายเป็นศูนย์กลางความรู้เร่ืองการเดินเรือ
ในมหาสมุทรแอตแลนตกิ
ดังน้ันจึงไม่ใช่เร่ืองบังเอิญที่ซวน กาโบโต (หรือที่รู้จักกันดีในช่ือ
องั กฤษวา่ จอหน์ กาโบต)์ ชาวเวนสิ จะเดนิ ทางออกจากบรสิ โตลในป ี 1497
เมอื่ เขาเดนิ ทางไปเกาะเครอื่ งเทศตามเสน้ ทางทะเลตอนเหนอื กลมุ่ พอ่ คา้ ชาว
บริสโตลลงเงินสนับสนุนการเดินเรือไปทางทิศตะวันตกอย่างน้อยสามครั้ง
แลว้ เพอ่ื ตามหาดนิ แดนลกึ ลบั ชอ่ื วา่ ฮาย-บราซลิ ซง่ึ วา่ กนั วา่ อยเู่ ลยไอรแ์ ลนดไ์ ป
พวกเขาย่อมรู้ว่าทะเลส่วนนี้ของมหาสมุทรคลาคล�่ำไปด้วยปลาค็อด ย่ิงไป
กว่าน้ันในการเดินทางส�ำรวจบางครั้งยังค้นพบดินแดนด้วย เพราะพวกเขา
กลับไปยังบริสโตลพร้อมปลาค็อดเค็มตากแห้งเต็มล�ำเรือ ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ท่ีจะตากปลาพวกน้ีบนเรือ22 กาโบต์ได้ความรู้เร่ืองนี้จากท้องถ่ิน และหลัง
จากออกเรือได้ 35 วัน เขาก็ไปถึงชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของ
แคนาดา เขาไมเ่ พยี ง “คน้ พบ” เสน้ ทางไปยงั หมเู่ กาะอนิ ดสี ตามทห่ี วงั ไว ้ แต่
ยังค้นพบดินแดนที่ชาวไวก้ิงเรียกว่าเฮลลูแลนด์ และกษัตริย์เฮนรีท่ี 7 ต้ัง
ชอ่ื ว่านวิ ฟนั ดแ์ ลนดด์ ว้ ย23
การค้นพบของกาโบต์ได้รับการยกย่องอย่างมาก กษัตริย์จอม
ตระหนพ่ี ระราชทานเบย้ี บำ� นาญใหเ้ ขาอยา่ งเหลอื เฟอื ถงึ ปลี ะ 20 ปอนด ์ โดย
จ่ายด้วยเงินภาษีศุลกากรของบริสโตล ผู้แทนดยุกแห่งมิลานในกรุง
ลอนดอนเขยี นเลา่ เรอ่ื งรายงานของนกั เดนิ เรอื ซงึ่ ระบถุ งึ ทะเลท ี่ “คลาคลำ่� ไป
ดว้ ยปลา”24 ปลาคอ็ ดนา่ จะมเี ยอะมากเสยี จนจบั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใชแ้ หหรอื เบด็
27
THE HUNGRY EMPIRE
ใชแ้ คก่ ารหยอ่ นตะกรา้ ถว่ งนำ�้ หนกั ลงไปในนำ�้ กพ็ อ ผแู้ ทนกลา่ วอา้ งวา่ มเี สยี ง
ร่�ำลือว่าอังกฤษจะ “ไม่ต้องการไอซ์แลนด์อีกต่อไป”25 แต่กษัตริย์ไม่ได้ใส่
พระทัยเร่ืองฝูงปลาที่คลาคล�่ำเป็นพิเศษแต่อย่างใด พระองค์เฝ้าฝันตามค�ำ
กลา่ วอา้ งของกาโบตว์ า่ จะสามารถไปถงึ ซปิ งั โก (ญป่ี นุ่ ) ไดห้ ากเดนิ เรอื เลยี บ
ไปตามชายฝั่งนิวฟันด์แลนด์ ซ่ึงกาโบต์บอกว่าที่นั่นเป็นแหล่งเคร่ืองเทศ
และอัญมณี เฮนรีทรงตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของภาพฝันท่ีว่าลอนดอนจะ
กลายเป็นเมืองท่าเคร่อื งเทศแหง่ ใหม่ของยุโรป26
กว่าความฝันขององค์กษัตริย์และกาโบต์จะเป็นจริงได้ เวลาก็ล่วง
เลยมาอกี หนง่ึ ศตวรรษ ระหวา่ งนน้ั พอ่ คา้ ชาวบรสิ โตลกเ็ กบ็ เกย่ี วผลประโยชน์
จากความอุดมสมบูรณ์ท่ีค้นพบให้ได้มากที่สุดอย่างเงียบเชียบ27 ปี 1501
ฮิวจ์ เอเลียตล่องเรือเข้าสู่อ่าวบริสโตลพร้อมสินค้าปลาค็อดชุดแรกจาก
อเมริกาเหนือเท่าท่ีมีการบันทึกเอาไว้ ปลาค็อดเค็มจ�ำนวน 36 ตันมีมูลค่า
180 ปอนด ์ เทา่ กบั รายไดต้ อ่ ปขี องเจา้ ของทด่ี นิ ผมู้ ง่ั คง่ั 28 แตถ่ งึ แมจ้ ะเหน็ ได้
ถึงความอุดมสมบูรณ์ แต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 กลับมีเพียงชาวประมง
เวสตค์ นั ทรเี พยี งไมก่ ค่ี นทเี่ ดนิ ทางไปยงั นวิ ฟนั ดแ์ ลนด ์ ความตอ้ งการระดบั
ต�่ำในประเทศซึ่งเป็นผลมาจากการที่ชาวอังกฤษไม่มีความสามารถในการ
เปลยี่ นปลาแขง็ ๆ ใหก้ ลายเปน็ อาหารจานอรอ่ ยแบบชาวยโุ รปตอนใต ้ ทำ� ให้
ชาวประมงอังกฤษมีแรงกระตุ้นเพียงน้อยนิดท่ีจะเดินทางข้ามมหาสมุทร
แอตแลนติกท่ีท้ังไกลและล�ำบากกว่า แทนการเดินทางไปยังไอซ์แลนด์บน
เส้นทางท่ีคุ้นเคย29 ดังน้ัน ทะเลนอกนิวฟันด์แลนด์จึงตกอยู่ในอาณัติของ
ชาวเบรอตงและบาสก ์ ซ่งึ ตลาดที่บ้านของพวกเขาตอ้ งการปลาค็อดเค็ม30
วิธีปรงุ จอห์นจน
เพอ่ื ท�ำให้เน้ือน่มุ และอร่อย
ใส่จอห์นจนลงในกานำ�้ เย็นแล้วนำ� ไปแขวนไว้เหนือกองไฟ ทิ้งไว้
ให้น�้ำเข้าเนอื้ และเคีย่ วโดยไม่ใหน้ �้ำเดือดเป็นเวลา 3 ชัว่ โมง แต่
น�้ำจะตอ้ งร้อนจัด จากนน้ั ปล่อยให้น�้ำเดอื ดสองหรือสามครัง้
28
การสรา้ งรากฐานของจักรวรรดจิ ากการคา้ ปลาค็อดเคม็ นิวฟนั ดแ์ ลนด์
(เดอื ดพลา่ น) เม่ือถึงตอนนนั้ เน้ือจะนมุ่ มากและพองขึน้
จากนั้นดงึ ก้างออกแลว้ น�ำไปทอดกับหวั หอม หากใส่ปลา
ลงในนำ�้ รอ้ นตัง้ แต่ทีแรก... หรือต้ม เม่ือปลอ่ ยไว้ให้เยน็
และอุ่นใหร้ ้อนอกี ครงั้ เน้อื ปลาจะแขง็ กระด้าง31
ตลอดศตวรรษชาวประมงอังกฤษเร่ิมมีเหตุจ�ำเป็นให้เดินทางไปยังนิวฟันด์
แลนด์มากขึ้น เม่ือพระเจ้าเฮนรีท่ี 8 สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระบิดาในปี
1509 พระองคก์ ต็ งั้ พระทยั มนั่ ทจ่ี ะกอบกอู้ าณาเขตทอี่ งั กฤษเคยครอบครอง
ในประเทศฝร่ังเศสและเรมิ่ ต้นขยายขนาดกองทพั เรือองั กฤษ เรอื แมร ี โรส
ทต่ี อ่ เสรจ็ ในป ี 1511 คอื สว่ นหนงึ่ ของโครงการตอ่ เรอื อนั แสนทะเยอทะยาน
ของพระองค์32 บันทึกแอนโธนีโรลซ่ึงก็คือบัญชีกองทัพเรือแบบมีภาพ
ประกอบของพระองค์บันทึกเอาไว้ว่า เมื่อถึงปี 1545 องค์กษัตริย์ใช้เงินท่ี
ทรงยึดมาจากอารามต่างๆ ไปกับการสร้างกองทัพเรือที่ประกอบไปด้วยเรือ
58 ล�ำ เพ่ิมขึ้นจากห้าล�ำท่ีทรงได้รับเป็นมรดกจากพระบิดา เรือเหล่านี้คือ
จุดเร่ิมต้นของกองทัพเรือซึ่งในที่สุดก็มีบทบาทส�ำคัญในการสร้างจักรวรรดิ
ทางทะเลขององั กฤษ
การขยายกองเรือรบทิวดอร์ท�ำให้ความต้องการปลาค็อดเค็ม
เพิ่มขึ้นมาก บันทึกแอนโธนีโรลระบุว่า หากจะเดินทัพแบบเต็มก�ำลัง
กองทัพเรือของเฮนรีจะต้องใช้ทหารจ�ำนวน 7,700 นาย หากแต่ละนายได้
รับปลาค็อดเค็มหน่ึงส่วนส่ีชิ้นในทุกวันปลาท่ีมีสัปดาห์ละสองวัน เช่นนั้น
ความต้องการปลาค็อดเค็มรายปีของกองทัพเรือในทศวรรษท่ี 1540 ก็จะ
มากกว่า 200,000 ตัว33 ทุกปลายฤดูร้อนหน่วยงานจัดซื้อของกองทัพเรือ
จะเฝ้าคอยเรือหาปลาอย่างอดทนด้วยความกระตือรือร้นอยากได้สินค้า
ส�ำหรับทัพเรือขององค์กษัตริย์ ท่ีจริงแล้วความต้องการของผู้จัดหาเสบียง
กองทัพเรือท�ำให้ตลาดอังกฤษขยายออกไปในระดับที่ว่าเมื่อถึงปี 1529
ชาวประมงฝร่ังเศสต้องน�ำปลาที่จับได้จากนิวฟันด์แลนด์มาเทียบที่ท่าเรือ
ทางตอนใตข้ ององั กฤษ34
29
THE HUNGRY EMPIRE
ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บและการเก็บเก่ียวผลผลิตที่ไม่ดีซ่ึงเกิดข้ึน
อย่างต่อเน่ืองหลังการสิ้นพระชนม์ของเฮนรีที่ 8 ในปี 1547 ท�ำให้อังกฤษ
ประสบกับปัญหาขาดแคลนอาหาร ท่ามกลางราคาอาหารที่เพ่ิมขึ้น ผู้จัดหา
เสบยี งกองทพั เรอื ตอ้ งดนิ้ รนใชง้ บประมาณทม่ี อี ยจู่ ำ� กดั เพอื่ จดั เสบยี งอาหาร
ให้เรือในกองทัพอย่างเพียงพอ35 ในปี 1558 ลอร์ดเบิร์กลีย์ เสนาบดีใน
ราชส�ำนักสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ค�ำนวณมูลค่าของชีสกับเนย
ซ่ึงเป็นส่วนหนงึ่ ของเสบยี งปลาค็อดเคม็ ของทหารเรอื ออกมาเป็นจ�ำนวนเงิน
กองทพั เรอื ตอ้ งจา่ ย 8 เพนซต์ อ่ วนั ปลาหนงึ่ วนั สำ� หรบั กลมุ่ ชายสคี่ น ซง่ึ คดิ
เป็นเงินครึ่งหนึ่งของวันเนื้อ ด้วยความต้องการจะประหยัด ท่านลอร์ดจึง
เพม่ิ จำ� นวนวนั ปลาเปน็ สามวนั และเปลย่ี นหนงึ่ ในวนั เนอ้ื ววั ใหเ้ ปน็ วนั เนอ้ื หมู
กับถั่วที่ราคาถูกกว่า36 การปราบกบฏในไอร์แลนด์ย่ิงท�ำให้ความต้องการ
ปลาค็อดเค็มเพิ่มมากขึ้นเพ่ือเล้ียงปากท้องทหารอังกฤษ 15,200 นายซึ่ง
ประจำ� การอยทู่ นี่ นั่ ในชว่ งปลายรชั สมยั ของสมเดจ็ พระราชนิ นี าถเอลซิ าเบธ37
พวกทหารบกชอบวันปลามากกว่าพวกทหารเรือนิดหน่อย ในค�ำร้องขอ
เสบยี งเดอื นพฤษภาคม ค.ศ. 1599 เอริ ล์ แหง่ เอสเซก็ ซร์ อ้ งขอคณะองคมนตรี
ไม่ให้ส่ง “ปลานิวแลนด์” มาให้กองทัพของเขาอีก เพราะ “มันท้ังไม่ดีต่อ
สขุ ภาพและไมถ่ กู ปากเหลา่ ทหารซงึ่ กระหายนำ�้ อยา่ งหนกั เพราะอาหารชนดิ น้ี
และไม่มีเสบียงน�้ำให้ดับกระหาย”38 แม้จะไม่เป็นที่นิยม แต่ความต้องการ
ปลาคอ็ ดเคม็ กม็ มี ากเกนิ กวา่ ทจี่ ะตอบสนองไดอ้ ยดู่ ี และในป ี 1595 ผจู้ ดั หา
เสบียงให้กองทัพก็จ�ำต้องสั่งให้เรือประมงสองล�ำเดินทางไปนิวฟันด์แลนด์
เพอื่ หาเสบยี งปลาคอ็ ดเคม็ มาให้กองก�ำลังในไอร์แลนด์เปน็ กรณพี เิ ศษ39
ความต้องการที่เพ่ิมขึ้นและสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีในไอซ์แลนด์
เน่ืองจากทางการเดนมาร์กก�ำลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจาก
องั กฤษ ทำ� ใหช้ าวประมงเวสตค์ นั ทรเี รมิ่ เดนิ ทางไปยงั นวิ ฟนั ดแ์ ลนดม์ ากขน้ึ
ในเวลานช้ี าวบาสกเ์ รมิ่ หายไปจากการทำ� ประมงในโลกใหมแ่ ลว้ ชาวสเปนท่ี
เป็นคาทอลิกขัดแย้งกับชาวโปรเตสแตนต์ทางยุโรปเหนืออย่างรุนแรง
กษัตริย์สเปนท�ำลายเรือประมงชาวบาสก์โดยออกค�ำส่ังให้ทั้งคนและเรือไป
สู้รบกับชาวดัตช์ เม่ือส้ินสุดศตวรรษที่ 16 ก็เหลือชาวประมงบาสก์แค่
หกรายเท่านั้นท่ียังคงแข่งขนั กับชาวองั กฤษซึ่งในเวลานน้ั ครอบครองชายฝง่ั
30
การสร้างรากฐานของจกั รวรรดิจากการคา้ ปลาคอ็ ดเค็มนวิ ฟันด์แลนด์
นิวฟันดแ์ ลนด์อย4ู่ 0
ทุกฤดูใบไม้ผลิ เรือกลุ่มเล็กๆ จ�ำนวนร้อยล�ำจะกางใบออกเดินทางจาก
เวสต์คันทรีไปยังนิวฟันด์แลนด์41 ส่วนใหญ่ผ่านไปทางฝรั่งเศส โปรตุเกส
หรือแอฟริกาตะวันตกเพื่อซ้ือเกลือ และจากน้ันก็บ่ายหน้าไปทางตะวันตก
เพอ่ื ขา้ มมหาสมทุ รแอตแลนตกิ เรอื ลำ� แรกทม่ี าถงึ นวิ ฟนั ดแ์ ลนดจ์ ะไดเ้ ลอื ก
ทา่ เทยี บเรอื ทด่ี ที ส่ี ดุ 42 เมอื่ กปั ตนั เลอื กจดุ ทเ่ี หมาะกบั การตงั้ คา่ ยพกั แลว้ กจ็ ะ
หบุ ใบเรอื และ “ทา่ มกลางหมิ ะและความหนาวเยน็ ชายทกุ คนพากนั เขา้ ไป
ตัดไม้สัก ไม้สน ไม้สปรูซ และไม้เบิร์ชในป่า” เพื่อสร้างโป๊ะและช้ันวาง
สำ� หรบั ตากปลาทจ่ี บั ได ้ พวกเขาสรา้ งกระทอ่ มสำ� หรบั พกั นอนระหวา่ งกะและ
ห้องครัวจากกิ่งไม้และต้นหญ้า หลังจากนั้นก็ประกอบเรือกรรเชียงล�ำเล็ก
“ภาพโปะ๊ ในการจบั และตากปลาคอ็ ดทนี่ วิ ฟนั ดแ์ ลนด”์ ภาพของชายหาดนวิ ฟนั ดแ์ ลนดท์ ถี่ กู แปลง
สภาพเปน็ โรงงานอตุ สาหกรรมแปรรปู อาหาร พวกผชู้ ายทรี่ วมตวั กนั อยรู่ อบโตะ๊ บนโปะ๊ กำ� ลงั ตดั หวั
และชำ� แหละปลา สว่ นทางซา้ ยมอื คอื คนทาเกลอื ทางดา้ นหนา้ คอื รางขนาดใหญส่ ำ� หรบั ใส่
นำ้� มนั ตบั ปลา ถดั มามคี นกำ� ลงั ลา้ งปลาคอ็ ดทาเกลอื กอ่ นทจ่ี ะนำ� ไปตากแหง้ บนชน้ั วางทช่ี ายหาด
31
THE HUNGRY EMPIRE
และเรอื บดลำ� ใหญท่ แี่ ยกชน้ิ สว่ นบรรทกุ มาบนเรอื ลำ� ใหญ่43 เมอื่ ตงั้ คา่ ยแลว้
จงึ เริ่มตน้ หาปลา
ตอนเชา้ ตรพู่ วกเขาจะพายเรอื ออกทะเล แตล่ ะลำ� มผี โู้ ดยสารหา้ คน
สามคนท�ำหน้าที่จับปลา และอีกสองคนท�ำหน้าที่เก็บปลาไว้ท่ีใต้ท้องเรือ
กรรเชียงล�ำน้อย ปลาค็อดอยู่กัน “ชุมตรงชายฝั่ง” จนหนึ่งในผู้ไปเยือน
นวิ ฟนั ด์แลนด์เลา่ วา่ เขา “แทบ...จะพายเรอื ผ่านพวกมนั ไปไมไ่ ด”้ 44 ตกบ่าย
เรือก็กลับสู่ท่ีพักโดยท่ีท้องเรืออัดแน่นไปด้วยปลาค็อดนับพันตัว ทันทีท่ีถึง
ฝง่ั นายเรอื จะรบี “ตม้ นำ้� ในกาใหเ้ ดอื ด” และเตรยี มอาหาร ขณะทคี่ นอนื่ ๆ
โยนปลาทีจ่ บั ไดข้ นึ้ ไปให้คนทป่ี ระจ�ำอยบู่ นฝั่ง45
การประมงอยู่ในระดับอุตสาหกรรม ทุกปีปลาหลายแสนตัวถูก
จับมา ทาเกลือ และตากแห้ง ชายหาดนิวฟันด์แลนด์ถูกแปลงสภาพเป็น
โรงงานกลางแจง้ ชายทป่ี ระจำ� อยบู่ นฝง่ั แตล่ ะคนไมไ่ ดแ้ ปรรปู ปลาตง้ั แตต่ น้
จนจบเพยี งคนเดยี ว แตถ่ กู แบง่ ออกเปน็ สายการผลติ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ทำ� ให้
พวกเขาสามารถแปรรูปปลาเป็นร้อยๆ ตัวได้ภายในหน่ึงชั่วโมง ทุกคน
ท�ำงานคนละส่วน เจมส์ ยัง ศลั ยแพทย์ประจำ� เรือ บา้ นเกดิ อย่เู มอื งพลีมัธ
ผู้ซ่ึงเดินทางไปยังนิวฟันด์แลนด์กับกลุ่มชาวประมงในปี 1662 เล่าว่าเม่ือ
ปลาถกู โยนขน้ึ จากเรอื เดก็ หนมุ่ จะเกบ็ พวกมนั ขนึ้ มาแลว้ วางลงบนโตะ๊ ซงึ่ มี
ชายสองคนยืนประจ�ำแต่ละด้าน คนแรกเรียกว่า “คนตัดหัว” จะกรีดเปิด
ทอ้ งปลาแตล่ ะตวั เอาตบั ออกอยา่ งชำ� นชิ ำ� นาญและทงิ้ ลงใสอ่ า่ งทอี่ ยใู่ ตโ้ ตะ๊ 46
จากนั้นก็บิดหัวออก หัวเหล่านี้จะลอดร่องไม้โป๊ะตกลงไปในทะเลพร้อมกับ
เครื่องในปลาส่วนอื่นๆ จากนั้นคนตัดหัวจะผลักปลาข้ามโต๊ะไปให้ชาย
คนทส่ี องซง่ึ เรยี กวา่ “คนชำ� แหละ” “ผใู้ ชม้ ดี คมกรบิ เฉอื นแผเ่ นอ้ื ปลาและสบั
กระดกู ออก” พวกเขาทำ� งานอยา่ งรวดเรว็ เสยี จนแลป่ ลาไดม้ ากถงึ 480 ตวั
ภายในเวลาแค่ครึง่ ชว่ั โมง
ปลาทแี่ ลแ่ ลว้ จะถกู โยนลงรถเขน็ และสง่ ตอ่ ไปให ้ “คนทาเกลอื ” ซงึ่
เป็นงานท่ีละเอียดอ่อนและต้องอาศัยความใส่ใจมากกว่า เขายังเล่าอีก
ว่า “การทาเกลือมากเกินไปจะท�ำให้ปลาไหม้ แตก และเปียก หากทาน้อย
เกินไปจะท�ำให้มันเป็นเรดแชงก์ นั่นก็คือมีสีแดงเม่ือแห้งแล้ว และดังน้ัน...
กจ็ ะขายไมไ่ ด”้ 47 ปลาจะถกู แชเ่ กลอื ไวไ้ มก่ วี่ นั กอ่ นทจี่ ะนำ� ไปลา้ งดว้ ยนำ�้ ทะเล
32
การสรา้ งรากฐานของจกั รวรรดิจากการคา้ ปลาค็อดเค็มนวิ ฟันด์แลนด์
และวางเรียงตากไว้บนชายหาดท่เี ปน็ หินหนึง่ หรอื สองวัน จากนั้นปลาจะถกู
นำ� มาวางแผบ่ นชน้ั วางเพอื่ ตากลมใหแ้ หง้ นค่ี อื วธิ กี ารทชี่ าวองั กฤษเรยี นรจู้ น
ช�ำนาญท่ีไอซ์แลนด์ ตกกลางคืนหรือหากอากาศหนาวเย็น ปลาจะถูกรวม
เปน็ “พวง” ละสห่ี รอื หา้ ตวั โดยหนั ดา้ นหนงั ออก เมอ่ื แหง้ แล้วก็จะถกู น�ำไป
เรียงและบีบให้เกลือไหลออกมาจากเน้ือปลา กระบวนการน้ีเรียกว่า “การ
ดองเค็ม” ซึ่งในระหว่างน้ีปลาค็อดจะเปล่ียนเป็นสีขาว เม่ือเสร็จสิ้น
กระบวนการแล้ว ปลาจะถูกน�ำไปเรียงเก็บไว้ใน “กองแห้ง” เม่ือสิ้นสุด
ฤดกู าล กองปลาดงั กล่าวกส็ งู ใหญเ่ หมือนกับกองฟาง48
นับต้ังแต่ยุคกลางเป็นต้นมา อังกฤษอาศัยอุตสาหกรรมผ้าเป็นทุนในการ
ซ้ืออาหารน�ำเข้าอันหรูหราท้ังหมด ในศตวรรษที่ 15 พ่อค้าชาวอังกฤษขาย
ผ้าขนสัตว์ท่ีเมืองแอนต์เวิร์ปและใช้ก�ำไรท่ีได้มาซ้ือไวน์ เคร่ืองเทศ น�้ำมัน
มะกอก และเคอร์แรนต์กับลูกเกดปริมาณมากเสียจนพวกชาวอิตาลีคิดว่า
พวกองั กฤษไมไ่ ดซ้ อื้ ไปกนิ แตน่ ำ� ไปสกดั สยี อ้ มจากผลไมแ้ หง้ แทน เศรษฐกจิ
ตกตำ่� ในทศวรรษท ่ี 1550 และ 1560 ทำ� ใหต้ ลาดผา้ ขนสตั วอ์ งั กฤษในยโุ รป
ถึงคราวต้องพังลง ทว่าความต้องการที่มีต่ออาหารหรูของชาวอังกฤษไม่ได้
ลดน้อยถอยลงไปด้วย ไวน์ น�้ำมัน และเคอร์แรนต์จึงกลายเป็นสิ่งที่ท�ำให้
ส้ินเปลืองเงินทองของประเทศจ�ำนวนมาก49 เซอร์ริชาร์ด ฮอว์กินส์ สลัด
หลวงและนักส�ำรวจบ่นว่าเพื่อจะได้มาซ่ึงเหล้าแซกจากสเปนซ่ึงตัวเขาเช่ือว่า
ท�ำให้เกิด “ไข้ตัวร้อนจัด นิ่ว บวมน�้ำ โรคอ่ืนๆ อีกนับไม่ถ้วน... ไม่มีเลย
สกั ปที ี่ (องั กฤษ) จะไมเ่ สยี เงนิ สองลา้ นคราวนใ์ หก้ บั การขนสง่ สนิ คา้ มาจาก
ต่างประเทศ”50 บัดนี้ชาวอังกฤษค้นพบว่าปลาค็อดนิวฟันด์แลนด์คือสินค้า
ท่ีช่วยแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าน้ีได้51 นับตั้งแต่ปลายศตวรรษท่ี 16
เรือสัญชาติดัตช์ ฝร่ังเศส และอีกไม่กี่ล�ำจากสเปนก็เดินทางมาถึงนิวฟันด์
แลนดใ์ นชว่ งปลายฤดใู บไมผ้ ลขิ องแตล่ ะปเี พอ่ื ขนไวนม์ าแลกกบั ปลาเคม็ เมอ่ื
เปน็ เชน่ น ี้ จนถงึ ป ี 1620 กม็ ปี ลาจากนวิ ฟนั ดแ์ ลนดเ์ พยี งแค ่ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์
เทา่ นน้ั ทถ่ี กู นำ� กลบั มายงั องั กฤษ สว่ นใหญถ่ กู ขนลงระวางเรอื เหลา้ แซกและ
นำ� ไปยงั ยโุ รปใต5้ 2 ในเดอื นกนั ยายนชาวประมงเวสตค์ นั ทรลี อ่ งเรอื กลบั บา้ น
33
THE HUNGRY EMPIRE
โดยทเี่ รอื ของพวกเขาเตม็ ไปดว้ ยถงั ไวนแ์ ละปลาเคม็ สำ� หรบั ขายใหเ้ จา้ หนา้ ที่
จดั หาเสบียงของกองทัพ
ดงั นน้ั การประมงนวิ ฟนั ดแ์ ลนดจ์ งึ กลายเปน็ แขนงการคา้ ทเ่ี ฟอ่ื งฟู
ของอังกฤษ นักลงทุนและพ่อค้าจ�ำนวนมากข้ึนเร่ือยๆ (บางรายมาไกลจาก
ลอนดอน) เรม่ิ เขา้ รว่ มธรุ กจิ โดยการออกทนุ และอำ� นวยความสะดวกใหก้ าร
เดินทาง จ�ำนวนเรือที่เดินทางไปยังนิวฟันด์แลนด์ในฤดูใบไม้ผลิเพ่ิมข้ึน
เกินกว่าครึ่งหน่ึงทุกปี จนกระทั่งในปี 1615 ก็มีเรือเข้าร่วมธุรกิจน้ีถึง
250 ลำ� เศรษฐกจิ ทที่ ่าเรือเวสตค์ ันทรตี กอย่ภู ายใต้อิทธิพลของการประมง
ท่ีนิวฟันด์แลนด์ มีชาวบกผู้ไม่คุ้นเคยกับทะเลอย่างน้อย 6,000 คน
ถูกว่าจ้างให้มาเป็นส่วนเสริมในกิจการนี้ อาทิ การต่อเรือ การท�ำเชือก
และใบเรือ53 การเดินทางระยะทางไกลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกลาย
เปน็ กจิ วตั รของนักเดนิ เรือชาวเวสต์คันทรี54
ในศตวรรษท่ี 17 เรือพาณิชย์อังกฤษเข้าร่วมกองเรือประมง55
เจมส ์ ยงั เดนิ ทางไปยงั นวิ ฟนั ดแ์ ลนดค์ รงั้ ทส่ี ามในป ี 1664 โดยเรอื โรเบริ ต์
บอนแอดเวนเจอร์ เรือล�ำเล็กท่ีเป็นทั้งเรือประมงและเรือพาณิชย์ เรือล�ำน้ี
กางใบออกเดินทางจากพลีมัธไปยังนิวฟันด์แลนด์ผ่านทางโบนาวิสตา เกาะ
ที่อยู่ใกล้กับเคปเวิร์ดเพื่อซื้อเกลือ หลังจากหาปลาและขายสินค้าที่
นิวฟันด์แลนด์ได้สองเดือน เรือก็มุ่งสู่ช่องแคบยิบรอลตาร์และเข้าสู่ทะเล
เมดเิ ตอรเ์ รเนยี น เมอ่ื ถงึ เมอื งเจนวั กปั ตนั กส็ ง่ มอบสนิ คา้ เปน็ ปลาคอ็ ดเคม็
ให้ตัวแทนของพ่อค้าที่สนับสนุนการเดินทาง56 ยังไม่ได้บอกว่าเขาขนสินค้า
อะไรกลับมา แต่เป็นได้ว่าระวางของเรือโรเบิร์ต บอนแอดเวนเจอร์น่าจะ
เตม็ แนน่ ไปดว้ ยไวน ์ นำ้� มนั มะกอก และเคอรแ์ รนต ์ กอ่ นทจี่ ะเดนิ ทางกลบั
ไปยังพลีมัธ เรือขนส่งสินค้าขนาด 250 ตันซึ่งเดินทางจากนิวฟันด์แลนด์
ไปยังตอนใต้ของยุโรปในทศวรรษที่ 1630 น่าจะท�ำเงินจากสินค้าปลาค็อด
ไดถ้ งึ 465 ปอนด ์ คดิ เปน็ กำ� ไร 14 เปอรเ์ ซน็ ตจ์ ากการลงทนุ 3,300 ปอนด์
เม่ือน�ำยอดขายสินค้าเท่ียวกลับมารวมกับยอดขายปลาในเมดิเตอร์เรเนียน
ก็ท�ำใหก้ ำ� ไรเพ่มิ ขนึ้ เป็นสองเทา่ 57
ปลาค็อดนิวฟันด์แลนด์อัดฉีดเงินเข้าไปในเศรษฐกิจการค้าของ
อังกฤษได้58 ในที่สุดความต้องการปลาค็อดเค็มของชาวยุโรปตอนใต้ก็มี
34
การสร้างรากฐานของจกั รวรรดจิ ากการคา้ ปลาค็อดเค็มนวิ ฟนั ด์แลนด์
มากเกินความต้องการอาหารจากที่น่ันของชาวอังกฤษ สภาพการณ์เช่นนี้
ท�ำให้อังกฤษเข้าถึงเคร่ืองเทศในโลกใหม่ได้ เพราะชาวสเปนถูกบังคับให้
จา่ ยคา่ ปลาเปน็ เหรยี ญเงนิ ชารล์ ส ์ เดฟแนนต ์ นกั เศรษฐศาสตรผ์ มู้ แี นวคดิ
แบบพาณิชยนิยมวิพากษ์วิจารณ์สเปนท่ีปล่อยให้ความม่ังค่ังของโลกใหม่
ผ่านมือไปโดยไม่ได้ผลประโยชน์ เขาช้ีว่าชาวสเปนล้มเหลวในการจะได้มา
ซง่ึ “จติ วญิ ญาณ กำ� ลงั วงั ชา หรอื การหลอ่ เลยี้ งบำ� รงุ ” จากเงนิ ตราทเี่ สยี ไป
ชาวอังกฤษผ้มู โี ครงสร้างเศรษฐกิจท่แี ขง็ แกรง่ กวา่ มากกไ็ ม่ไดร้ บั ส่ิงเหล่าน้นั
เชน่ กนั พอ่ คา้ องั กฤษสบู เงนิ กลบั เขา้ ไปในเศรษฐกจิ โดยนำ� ไปใชเ้ ปน็ ทนุ รอน
ส�ำหรับการหาประโยชน์จากการค้าต่อ59 ก่อนเศรษฐกิจตกต�่ำในทศวรรษท่ี
1550 องั กฤษเลน่ บทบาทเป็นผู้รับในการค้าสากลเสยี เป็นสว่ นใหญ ่ การค้า
สว่ นใหญผ่ า่ นมาทางแอนตเ์ วริ ป์ และชาวองั กฤษพง่ึ พาการตดิ ตอ่ ไปยงั ตลาด
สนิ คา้ ในทหี่ า่ งไกลของชาวยโุ รปเพอื่ เขา้ ถงึ สนิ คา้ ตา่ งแดนทมี่ าจากทวั่ โลก แต่
เม่ือแอนต์เวิร์ปไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้ในทศวรรษที่ 1570 พ่อค้าชาว
อังกฤษจึงเร่ิมแสวงหาการติดต่อโดยตรงกับตลาดในท่ีห่างไกล และใช้เงิน
ที่ได้จากการขายปลาค็อดเค็มให้สเปนมาลงทุนบุกเบิกการค้าที่เลแวนต์
มัสโคว ี และอินเดียตะวันออก
จักรวรรดิอังกฤษถือก�ำเนิดข้ึนบนชายหาดหินของนิวฟันด์แลนด์
ชาวประมงอาศยั อยใู่ นเพงิ พกั ชวั่ คราวตรงรมิ ขอบทวปี ทกี่ วา้ งใหญไ่ พศาล ผา้
กันเปื้อนหนังของพวกเขาเต็มไปด้วยเกล็ดและเลือดปลา เอาชนะระยะทาง
อันห่างไกลด้วยวิธีการแปรรูปอาหารท่ีสร้างสรรค์ และวางรากฐานให้
จักรวรรดิ การค้าทางทะเลที่ขยับขยายออกไปอาศัยแรงก�ำลังจากชาว
ประมงทเ่ี ดนิ ทางอยา่ งชำ่� ชองและมคี วามสามารถในการเดนิ เรอื และเมอ่ื เปน็
เช่นน้ีการประมงนิวฟันด์แลนด์จึงเป็นแหล่งทุน ให้ก�ำลังคน และส่งเสริม
การเดินทางของนักส�ำรวจทางทะเลและพ่อค้านักเดินเรือท่ีติดตามมา60
ระหวา่ งป ี 1570 และ 1689 ปรมิ าณการขนสง่ ทางเรอื ขององั กฤษเพม่ิ ขนึ้ ถงึ
เจ็ดเท่า อังกฤษกลายเป็นชาติยุโรปที่เป็นมหาอ�ำนาจทางทะเล61 การลงทุน
แปรรปู อาหารในระดบั อุตสาหกรรมครง้ั แรกของประเทศมบี ทบาทส�ำคัญใน
การทำ� ใหป้ ระเทศมบี ทบาทเชงิ รกุ และไมต่ อ้ งพง่ึ พาใครในการคา้ ระดบั โลก62
ท้ังในฐานะอาหารท่ีพกพาสะดวกและสินค้าเพ่ือการค้า “จอห์นจน” ถือเป็น
หน่งึ ในโครงสรา้ งของจกั รวรรดิองั กฤษ
35