The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phoovanida2001, 2022-03-09 09:30:00

โครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว

โครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว

รายงานโครงงาน
เรือ่ ง โครงงานศกึ ษาตน้ ทุนผลตอบแทนการปลกู ผักกาดขาว

กรณีศกึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด
บ้านป่าขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดติ ถ์ จงั หวดั อตุ รดติ ถ์

โดย
นางสาวบุษณกี ร เมฆบรสิ ุทธ์ิ
นางสาวภูวนิดา โสภาใจ
นางสาวอรทัย ใจธิ

สาขาวิชาการบัญชี
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564



รายงานโครงงาน
เรือ่ ง โครงงานศกึ ษาตน้ ทุนผลตอบแทนการปลกู ผักกาดขาว

กรณีศกึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด
บ้านป่าขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดติ ถ์ จงั หวดั อตุ รดติ ถ์

โดย
นางสาวบุษณกี ร เมฆบรสิ ุทธ์ิ
นางสาวภูวนิดา โสภาใจ
นางสาวอรทัย ใจธิ

สาขาวิชาการบัญชี
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564



ผจู้ ัดทำ : นำงสำวบุษณีกร เมฆบริสทุ ธ์ิ
ชือ่ โครงงำน :
: นำงสำวภูวนดิ ำ โสภำใจ
:
นำงสำวอรทัย ใจธิ

โครงงำนศกึ ษำตน้ ทนุ และผลตอบแทนกำรปลูกผักกำดขำว

กรณีศกึ ษำสวนของนำงอลสิ ำ ศรกำเนิด บ้ำนปำ่ ขนุน

ตำบลคงุ้ ตะเภำ อำเภอเมอื งอตุ รดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์

สำขำวิชำ : สำขำวชิ ำกำรบญั ชี วิทยำลัยอำชีวศึกษำอุตรดิตถ์
ครทู ีป่ รกึ ษำโครงงำน :
ปีกำรศกึ ษำ : นำงเบญจพร อำ่ แจง้

2564

บทคัดยอ่

การศึกษา เรื่อง โครงงานศกึ ษาตน้ ทุนและผลตอบแทนการปลกู ผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวน
ของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
มีประชากรและกลุม่ ตัวอย่างคือ นางอลิสา ศรกาเนิด อายุ 58 ปี เป็นเจ้าของสวนผักกาดขาว โดยมี
ลกู จา้ ง 2 คน ประกอบด้วย นางพนิตา ศรกาเนดิ และนางกามะหย่ี ศรกาเนดิ เครอื่ งมือทใ่ี ชป้ ระกอบ
การศึกษา ไดแ้ ก่ แบบสัมภาษณ์ คอมพวิ เตอร์ และโปรแกรมสาเร็จรปู

ผลการศึกษา ปรากฏว่า ต้นทุนการผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันท่ี 31
ธันวาคม 2564 พบว่าต้นทุนการปลูกผักกาดขาว เท่ากับ 13,123 บาท ประกอบด้วย วัตถุดิบ
ทางตรง 2,100 บาท คิดเป็นร้อยละ 16.00 ค่าแรงงานทางตรง 6,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 45.72
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 5,023 บาท คิดเป็นร้อยละ 38.28 และต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 3.04 บาท
ผลตอบแทนจากการจาหน่ายผักกาดขาว ตั้งแต่วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
2564 พบว่า การจาหน่ายผักกาดขาวแบบขายส่ง จานวน 4,311 กิโลกรัม ๆ ละ 10 บาท เป็นเงิน
43,110 บาท



กิตตกิ รรมประกาศ

การศึกษาคร้ังนี้เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาโครงงาน รหัสวิชา 30201-8501
ตามหลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชนั้ สูง (ปวส.) สาขาวชิ าการบัญชี ประจาปีการศึกษา 2564

รายานโครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของ
นางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ฉบบั นส้ี าเร็จลุล่วงไปได้ด้วย
ความช่วยเหลืออย่างดียิ่ง ของครูเบญจพร อ่าแจ้ง ครูที่ปรึกษาโครงงาน ท่ีได้ให้คาแนะนาและ
ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ของการศึกษามาโดยตลอด ต้ังแต่เร่ิมต้นโครงงานจนสาเร็จ คณะผู้ศึกษาขอกราบ
ขอบพระคณุ ด้วยความเคารพอยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสนี้

ขอขอบคุณแผนกวิชาการบญั ชี และวิทยาลยั อาชีวศึกษาอตุ รดิตถ์ท่ีให้ความอนุเคราะหว์ สั ดุ
ฝึก อปุ กรณ์ ครุภณั ฑ์ และส่ิงอานวยความสะดวกตา่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการจัดทาโครงงาน

ขอขอบคุณ นางอลิสา ศรกาเนิด ท่ีให้ความอนุเคราะห์ในการให้ข้อมูล และอนุญาตให้เข้า
ดาเนินการศึกษาโครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของ
นางอลสิ า ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดติ ถ์

ขอขอบพระคณุ บดิ ามารดา ทใ่ี ห้กาลงั ใจและสนบั สนุนในทุก ๆ ด้านตลอดระยะเวลาในการ
ดาเนินโครงงาน ทาใหก้ ารศึกษารายงานโครงงานฉบับน้ีสาเร็จลุลว่ งไดด้ ว้ ยดี

บษุ ณกี ร เมฆบรสิ ทุ ธิ์
ภูวนดิ า โสภาใจ
อรทยั ใจธิ

สารบญั ค

บทคัดยอ่ หน้า
กิตตกิ รรมประกาศ ก
สารบัญ ข
สารบัญตาราง ค
สารบญั ภาพ จ
บทที่ 1 บทนา ฉ

หลักการและเหตุผล 1
วัตถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 2
ขอบเขตในการดาเนนิ โครงงาน 2
ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั 2
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 2
บทท่ี 2 แนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
ความหมายและความสาคญั ของการจดั ทาบัญชี 4
ประวตั ิความเป็นมาของผักกาดขาว 6
ความร้ทู ั่วไปเกยี่ วกับผกั กาดขาว 7
วิธกี ารปลูกผกั กาดขาว 9
หลกั การและแนวคดิ เกีย่ วกบั ตน้ ทนุ 11
หลกั การและแนวคดิ เกย่ี วกบั ผลตอบแทน 13
งานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง 16
บทท่ี 3 การดาเนินโครงงาน
ขน้ั ตอนการดาเนนิ โครงงาน 20
ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง 23
เคร่ืองมือท่ีใชด้ าเนนิ โครงงาน 23
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 25
สถิติท่ใี ช้วเิ คราะห์ข้อมูล 26

สารบญั (ตอ่ ) ง

บทท่ี 4 ผลการดาเนินงาน หนา้
ขอ้ มลู ท่ัวไป
ต้นทุน 29
ผลตอบแทน 29
36
บทท่ี 5 สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ
สรปุ ผล 38
อภิปราย 39
ขอ้ เสนอแนะ 39

บรรณานุกรม
ภาคผนวก

สารบญั ตาราง จ

ตารางที่ 3.1 แสดงแผนการดาเนนิ โครงงาน หน้า
ตารางที่ 4.1 แสดงรายละเอียดสนิ ทรพั ยข์ องกจิ การ 21
ตารางที่ 4.2 แสดงตน้ ทนุ วัตถดุ ิบทางตรงในการปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่ 31
ตารางท่ี 4.3 แสดงตน้ ทนุ ค่าแรงงานทางตรงในการปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่ 31
ตารางที่ 4.4 แสดงค่าใชจ้ ่ายในการปลูกผกั กาดขาว 2 ไร่ 32
ตารางท่ี 4.5 แสดงต้นทนุ การปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่ 33
ตารางที่ 4.6 แสดงค่าใช้จา่ ยในการขายการปลูกผักกาดขาว 2 ไร่ 34
ตารางที่ 4.7 แสดงรายละเอยี ดผลตอบแทนจากการปลูกผกั กาดขาว 34
35



สารบัญภาพ หน้า
22
ภาพที่ 3.1 แสดงขั้นตอนการดาเนนิ โครงงาน
ภาพที่ 1 ลงพน้ื ทส่ี วนผกั กาด
ภาพท่ี 2 จ้างเหมาปรับหน้า ยกร่องแปลงผกั
ภาพท่ี 3 เพาะเมล็ดผัก
ภาพท่ี 4 นาฟางข้าวมาปูหนา้ ดนิ เพื่อเกบ็ ความชน้ื
ภาพที่ 5 รดน้า เชา้ -เยน็
ภาพที่ 6 ตน้ ออ่ นผักกาดขาวอายุ 7 วัน
ภาพท่ี 7 ผักอายุครบ 20 วัน
ภาพท่ี 8 ผกั กาดขาวอายุ 30 วนั
ภาพท่ี 9 ผักกาดขาวอายุ 40 วัน
ภาพท่ี 10 ตัดผักเพือ่ จาหนา่ ย
ภาพท่ี 11 ผักกาดขาวทต่ี ัดแล้วเพอ่ื จาหน่าย
ภาพที่ 12 รวบรวมขอ้ มูลเกยี่ วกับต้นทุนและผลตอบแทนเพอื่ จัดทารปู เลม่ รายงานโครงงาน

บทท่ี 1
บทนาํ

1.1 หลกั การและเหตผุ ล
ผักกาดขาวหรอื ผักกาดขาวปลี เปน็ พืชลม้ ลกุ ในวงศ์เดียวกบั คะน้าและบรอกโคลี มีถ่ินกาเนดิ

มาจากประเทศจีน ซ่งึ จากหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรน์ ั้น ชาวจนี ใชผ้ กั กาดขาวปรุงเป็นอาหารมานาน
หลายพันปีแล้ว ผักกาดขาวมีหลายพันธุ์ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ชนิดปลียาว เช่น ผักกาดโสภณ
ผักกาดหางหงส์ ชนิดปลีกลม เช่น พันธ์ุซาลาเดียไฮบริด และชนิดปลหี ลวม เช่น ผักกาดขาวธรรมดา
ผักกาดขาวนิยมปลูกกันในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่มีทั้งการปลูกเพ่ือจาหน่ายเป็น
อาชีพ หรือปลกู ไวเ้ พื่อบรโิ ภคในครวั เรอื น เกษตรกรเลือกทีจ่ ะปลูกผักกาดขาว เพราะมคี วามต้องการ
ในตลาด ราคาดี และปลผูกง่ายเก็บเกีย่ วไวในระยะเวลาเพยี งประมาณหนึ่งเดอื น ตอ่ การปลูกหน่งึ ร่นุ
ผักกาดขาวจะถูกนิยมนามาเปน็ วัตถุดิบในการทาอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อผ้บู รโิ ภคจานวนมาก
เพราะผักกาดขาวเปน็ ผกั ท่มี เี ส้นใยสูงโดยเส้นใยที่วา่ น้ีเป็นเส้นใยท่ีไม่ละลายน้า แต่จะพองตวั เมอ่ื มีน้า
จึงมีความสามารถในการอุ้มน้าได้เปน็ อย่างดี ซึ่งการอุ้มน้าได้ดีนี้จะช่วยเพมิ่ ปริมาตรของกากอาหาร
ช่วยกระตุ้นการเคล่ือนไหวของลาไส้ ทาให้กากอาหารออ่ นนุ่ม ขับถ่ายสะดวก และยังช่วยแก้อาการ
ท้องผูกอีกด้วย นอกจากน้ียังช่วยเพิ่มความหนืด ทาให้ไม่ถูกย่อยได้ง่าย ช่วยดูดซับและแลกเปล่ียน
ประจุ จึงช่วยป้องกันและกาจัดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยดึงเอาสารพิษท่ีปนเป้ือนในอาหาร
ท่ีรับประทาน ช่วยลดความหมกั หมมของลาไส้ จึงมีผลทาใหช้ ่วยลดความเสย่ี งของการเกิดโรคมะเรง็
ลาไส้ได้เป็นอยา่ งดี

จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นอีกหนึ่งจังหวัดท่ีทาอาชีพเกษตรกรรม เกษตรกรนิยมปลูกผักไว้
เพอ่ื จาหนา่ ยและบรโิ ภค รวมไปถงึ เกษตรกรบา้ นปา่ ขนุน ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดิตถ์ จงั หวดั
อุตรดติ ถ์ เพอื่ เปน็ การสรา้ งรายได้ให้แกค่ รอบครัว ทาใหค้ รอบครวั เกิดรายได้ กลุ่มผู้ศกึ ษาจงึ ได้เขา้ ไป
สัมภาษณเ์ กษตรกรบ้านปา่ ขนนุ ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จงั หวัดอุตรดิตถ์ ทาใหท้ ราบถงึ
ปญั หาวา่ นางอลสิ า ศรกาเนดิ ประสบปัญหามีความรไู้ มเ่ พยี งพอในการคดิ ตน้ ทุนการผลติ ทีแ่ ท้จริงทา
ใหร้ าคาขายไมค่ ้มุ ค่ากับราคาทนุ นาไปสู่การเสียโอกาสในการสร้างรายได้

คณะผู้ศกึ ษาเห็นว่ามีประสบปญั หาเรอ่ื งความรู้ในการคดิ ตน้ ทนุ ทไ่ี ม่มากพอ จงึ จัดทาโครงงาน
ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด บ้านป่า
ขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดิตถ์ จะทาใหท้ ราบถงึ ต้นทุนและผลตอบแทน
ท่ีแท้จรงิ ของการปลูกผกั กาดขาวได้อยา่ งถกู ต้องและใชเ้ ปน็ แนวทางในการตัดสินใจ ในการลงทุนครั้ง
ตอ่ ไป

2

1.2 วัตถุประสงคข์ องโครงงาน

1.2.1 เพื่อศึกษาต้นทุนของการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด

บา้ นป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดิตถ์ จงั หวดั อุตรดิตถ์

1.2.2 เพ่ือศึกษาผลตอบแทนของการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา

ศรกาเนดิ บ้านปา่ ขนุน ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์

1.3 ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รับ

1.3.1 ทราบต้นทุนของการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด

บา้ นป่าขนุน ตาบลค้งุ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จังหวัดอุตรดติ ถ์

1.3.2 ทราบผลตอบแทนของการปลกู ผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนดิ

บ้านปา่ ขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดิตถ์ จังหวดั อุตรดติ ถ์

1.3.3 มีความร้คู วามเขา้ ใจในขั้นตอนการปลูกผกั กาดขาว

1.3.4 มีความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกบั ผกั กาดขาว

1.4 ขอบเขตของโครงงาน

1.4.1 ขอบเขตด้านประชากร

เกษตรกร หมู่ 3 บ้านปา่ ขนนุ ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์

1. นางอลสิ า ศรกาเนดิ ตาแหน่ง เจ้าของสวน

2. นางกามะหยี่ ศรกาเนดิ ตาแหนง่ ลกู จา้ ง

3. นางพนติ า ศรกาเนดิ ตาแหน่ง ลกู จา้ ง

1.4.2 ขอบเขตดา้ นพ้ืนท่ี

เลขที่ 48 หมู่ 3 บ้านป่าขนุน ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดติ ถ์ จงั หวัดอุตรดิตถ์

1.4.3 ขอบเขตดา้ นระยะเวลา

วันท่ี 12 พฤศจิกายน 2564 – วนั ท่ี 20 กุมภาพันธ์ 2565

1.5 นยิ ามศพั ท์เฉพาะ

ต้นทุน หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการปลูกผักกาดขาว ประกอบด้วย ค่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดขาว

คา่ แรงงาน ค่าไฟฟ้า คา่ ปุ๋ย ค่าเหมายกรอ่ งแปลงผัก เปน็ ต้น

ผลตอบแทน หมายถึง รายได้ท่ีเกิดจากการจาหนา่ ยผักกาดขาวแบบสง่ สวนของนางอลสิ า

ศรกาเนิด บ้านปา่ ขนุน ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จังหวัดอุตรดติ ถ์

ผักกาดขาว หมายถึง พืชล้มลุกในวงศ์เดียวกับคะน้าและบรอกโคลี สามารถนามาเป็น

วัตถุดบิ ในการประกอบอาหาร

3

เกษตรกรบ้านป่าขนุน หมายถึง บุคคลท่ีอาศัยในบ้านปา่ ขนุน ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมือง
อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ทาอาชีพเกษตรกรโดยการปลูกผักจาหน่าย สามารถสร้างรายได้
ให้แกค่ รอบครัวได้

บทที่ 2
แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

โครงงานศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา
ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) เพ่อื ศกึ ษาต้นทุนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด บา้ นป่าขนนุ ตาบล
คุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 2) เพื่อศึกษาผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว
กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัด
อุตรดติ ถ์ กลมุ่ ผศู้ กึ ษาได้ทาการศึกษาแนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วข้องดงั ตอ่ ไปนี้

2.1 ความหมายและความสาคญั ของการจัดทาบญั ชี
2.2 ประวตั คิ วามเป็นมาของผักกาดขาว
2.3 ความรูท้ ่ัวไปเกี่ยวกบั ผักกาดขาว
2.4 วิธกี ารปลกู ผักกาดขาว
2.5 หลกั การและแนวคิดเกย่ี วกบั ต้นทนุ
2.6 หลักการและแนวคดิ เก่ยี วกบั ผลตอบแทน
2.7 งานวิจัยทเี่ กยี่ วขอ้ ง
2.1 ความหมายและความสาคญั ของการจดั ทาบญั ชี
ความหมายของการบัญชีนัน้ มีหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ไดใ้ ห้คาจากดั ความของคาวา่ “การบัญชี” ไว้
หลายหนว่ ยงาน เชน่
สมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของประเทศอเมริกา (American Institute of Certified
Public Accountants หรอื AICPA) ให้คานยิ ามไวด้ ังนี้ “การบญั ชี คือ การจดบันทึก การจาแนก การ
สรุปผล และการจัดทารายงานทางการเงิน โดยใช้หน่วยวัดเป็นเงินตรา รวมถึงการแปลความหมาย
ของรายงานเกยี่ วกับการเงินดงั กลา่ ว เพอ่ื นาไปใชใ้ นการตัดสนิ ใจไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง”
สมาคมนกั บัญชแี ละผส้อู บบัญชรี ับอนญุ าตแห่งประเทศไทย (ในปจั จุบนั คือสภาวชิ าชีพบญั ชี)
ไดใ้ หค้ วามหมายไว้วา่ “การบัญชี คอื ศลิ ปะของการเก็บรวม รวมบันทึก จาแนกและทาสรุปขอ้ มูลอัน
เกี่ยวกับ เศรษฐกิจในรูปตัวเงนิ ผลงานขั้นสุดท้ายของกาบัญชีก็คือการให้ข้อมลู ทางการเงิน ซ่ึงเปน็
ประโยชนแ์ กบ่ คุ คลหลายฝ่าย และผู้ท่ีสนใจในกจิ กรรมของกิจการ”

5

จากความหมายตา่ ง ๆ ของการบัญชี สรุปไดว้ ่า การบัญชี (Accounting) หมายถงึ ศิลปะของ
การเก็บรวบรวม บันทึก จาแนก และทาสรุปข้อมูลอันเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในรปู ตวั เงนิ
ผลงานข้ันสุดท้ายของการบัญชีก็คือการให้ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บุคคลหลายฝ่าย
และผูท้ ี่สนใจในกจิ กรรมของกจิ การ
ประโยชนข์ องการบญั ชี

1. การทาบัญชี จะทาให้กิจการ ทราบผลการดาเนินงาน, ฐานะทางการเงินของธุรกจิ , และ
ความมั่นคงของธุรกิจ โดยในการจัดทาบัญชีนัน้ จะบันทึกบัญชีรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการดาเนิน
ธุรกิจ เชน่ การลงทุน รายรับ และ รายจ่าย ที่เปน็ ของกิจการน้นั โดยไม่นาส่วนทเ่ี ป็นของส่วนตวั (ส่วน
ของเจ้าของ) เข้ามาบนั ทกึ ดว้ ย เม่ือมีการบนั ทกึ รายการตา่ งๆ ท่เี กดิ ข้ึนแลว้ ขอ้ มลู ทีไ่ ดบ้ ันทึกไวน้ ้นั จะ
สามารถนามาจัดทาเป็นรายงานทางการเงินได้ เช่น งบดลุ และ งบกาไรขาดทุน ซึ่งเป็นภาพสะทอ้ นใน
การดาเนินธุรกิจ ดังน้ี คือ งบกาไรขาดทุน จะสะทอ้ นภาพผลการดาเนนิ งานในรอบระยะเวลาหนง่ึ ๆ
ว่า กิจการมีรายได้หรอื ค่าใช้จ่ายเปน็ จานวนเท่าไร มีผลกาไรหรือขาดทุน นอก จากน้ียังช่วยในการ
ประเมนิ ถึงความสามารถในอนาคตไดอ้ กี ด้วย เชน่ การวเิ คราะหแ์ นวโน้มการเติบโตของรายได้ งบดุล
จะสะทอ้ นภาพฐานะทางการเงนิ ของกจิ การ ไดแ้ ก่ ทรัพย์สนิ หนี้สนิ และ ส่วนของเจา้ ของ ว่ามีความ
ม่ันคงมากน้อยแค่ไหน สินทรัพย์ท่ีมีอยู่จะบ่งบอกศักยภาพในการเจริญเติบโตและความสามารถ
ทางการแขง่ ขันของธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ยงั แสดงถึงสภาพคล่องและความเสย่ี งในขณะนั้น

2. เพอื่ เปน็ เครอ่ื งมือชว่ ยในการวางแผนและตดั สินใจของธรุ กจิ ขอ้ มลู บัญชีจะเป็นประโยชน์
ต่อการวางแผนและการตัดสนิ ใจ โดยประเมนิ จากข้อมลู เหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบนั และ อนาคต ซึ่ง
อาจจะอยใู่ นรูปของรายงานวิเคราะห์ต่างๆ อันเป็นเคร่ืองมอื ช่วยให้ ผู้บริหารงานสามารถดาเนินงาน
อย่างมีประสิทธิภาพมากข้นึ ชว่ ยในการพยากรณเ์ หตุการณท์ ค่ี าดว่าจะเกดิ ในอนาคตไดอ้ ยา่ งมีทศิ ทาง
และ ความเชื่อมั่นสูง สามารถนามาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการลงทุนท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต
ดังนน้ั หากมีข้อมูลทีช่ ัดเจน ถูกต้อง ทาให้สามารถพัฒนากจิ การใหเ้ จริญกา้ วหน้าอยา่ งยั่งยืน

3. เพอ่ื เปน็ เครือ่ งมือในการวางแผนกาไร และควบคมุ ค่าใช้จ่ายของบริษัท เนอ่ื งจากในการทา
บัญชีอย่างถูกต้อง จะทาให้กิจการทราบจานวนต้นทุนและค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้น และสามารถคานวณ
ต้นทุนของสนิ ค้าและบรกิ ารของกิจการได้อยา่ งถูกต้อง ซึ่ง จะช่วยในการตดั สินใจกาหนดราคาสนิ ค้า
หรือ บริการของธุรกจิ ช่วยในการควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามประมาณ
การทีไ่ ด้กาหนดไว้ และสามารถนาไปวเิ คราะห์ ปรบั ปรงุ รายจา่ ยทไี่ ม่จาเปน็ ออก รวมถงึ ชว่ ยในการวาง
แผนการดาเนนิ งานได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมกับทรัพยากรท่ี กจิ การมอี ยู่ นอกจากนี้การบันทึกบญั ชจี ะ
ทาใหส้ ามารถตรวจสอบหาหลกั ฐานในการเบิกจ่ายแต่ละครั้ง จงึ ชว่ ยลดปญั หาในการเบกิ จ่ายซ้าซ้อน
ได้

6

4. เพื่อเป็นเครอ่ื งมือในการหาแหลง่ เงนิ ทุนในการจัดทาบัญชจี ะทาใหเ้ ราไดร้ ายงานทางเงินท่ี
ใช้เป็นส่ือกลางในการติดต่อทาง ธุรกิจต่าง ๆ อันเป็นหลกั ฐานในการสร้างความเชื่อมน่ั ให้กบั เจ้าหน้ี
และสถาบันการเงนิ เช่น เม่ือเราต้องการเงินทุนเพิ่มก็สามารถนารายงานทางการเงินน้ันไปเป็นข้อมูล
ประกอบในการขอสนิ เชอ่ื กบั ธนาคาร หรือ เจ้าหนีเ้ งนิ กู้ โดยธนาคาร หรอื เจ้าหนเี้ งนิ กู้ จะใชร้ ายงาน
ทางการเงินของกิจการ เพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จากความน่าเชื่อถือ และ ความสามารถในการ
ชาระหน้ีของผู้ขอกู้ยืม รวมถึงกาหนดอัตราดอกเบี้ยที่ เหมาะสมกับความเส่ียงท่ีผู้ให้กู้จะได้รับ อัน
ก่อให้เกิดประโยชน์ในการที่จะทาให้กิจการจะได้รับวงเงนิ กู้ท่ีต้องการ และ จ่ายดอกเบ้ียในอัตราท่ี
เหมาะสม

5. เพ่ือให้กิจการมีระบบการควบคุมภายในท่ดี ี และเป็นสัญญาณเตือนภัยของกิจการ การมี
ระบบบญั ชีท่ดี ีจะทาให้มรี ะบบการควบคุมภายในทด่ี ที ีช่ ่วยให้กิจการปอ้ งกันการทจุ รติ ทอี่ าจจะ เกดิ ขน้ึ
เนื่องจากข้อมูลทางการเงิน ตลอดจนรายการต่างๆ ท่ีเกิดข้ึน จะ ต้องมีหลักฐานที่สามารถยืนยนั ถึง
ทีม่ าท่ไี ปซ่ึงจะทาใหโ้ อกาสท่ีจะเกดิ การ ทจุ รติ สามารถทาได้ยากยิ่งข้นึ นอกจากนีข้ ้อมลู ทางบญั ชกี ็ยัง
สามารถนามาวิเคราะหห์ าสงิ่ ผิดปกติท่ีเกิด ขึ้น หาจุดบกพร่อง จุดอ่อน และจุดร่ัวไหลได้ ซึ่งจะเปน็
สญั ญาณเตอื นภัยให้กิจการ ได้วางแผน เตรียมการป้องกัน และ แก้ไขปัญหาต่างๆ ทอี่ าจเกดิ ข้นึ

6. เพื่อประโยชน์ในการวางแผน เพอื่ เสียภาษไี ด้อย่างถูกต้องและประหยัด การจัดทาบญั ชีที่
ถูกต้อง จะทาให้ทราบกาไรขาดทุนท่ีแน่ชัด สามารถวางแผนภาษีอากรได้อย่างเหมาะสมประหยัด
และ เสียภาษไี ด้อย่างถูกตอ้ งตามกฎหมาย
2.2 ประวัติความเปน็ มาของผักกาดขาว

ผักกาดขาวเป็นผักท่ีอยู่ในตระกูล Cruciferae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica pekinensis
มีช่ือเรยี กกันหลายชื่อ เช่น ผกั กาดขาวปลี แปะ๊ ช่าย แป๊ะชา่ ยลุย้ เป็นตน้ เป็นพืชอายุปีเดยี ว มรี ะบบ
รากตื้น ใบมลี ักษณะห่อปลยี าว หรืออาจหอ่ หลวม ๆ ท้ังน้ขี ึ้นอยกู่ ับพันธ์ุ ใบมสี ีขาวถงึ สเี ขยี วออ่ น เปน็
พืชวันยาว ดอกมีสีเหลืองยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ผักกาดขาวส่วนใหญ่มีการผสมข้ามโดยแมลง
และผึ้ง

ผักกาดขาวมถี ่นิ กาเนิดในตอนเหนอื ของประเทศจนี แผน่ ดนิ ใหญ่ จากน้นั ก็มกี ารแพร่กระจาย
ออกไปสู่ประเทศในแถบเอเซีย โดยมีเส้นทางสาคัญ 2 สาย คือ ทางตะวันออก ซึ่งมีเส้นทาง
แพร่กระจายไปส่ปู ระเทศเกาหลี แลว้ แพร่กระจายเขา้ ไปในประเทศญีป่ นุ่ ส่วนอกี ทางหนึ่งเป็นเส้นทาง
แพร่กระจายผ่านภาคกลางแลว้ ลงสภู่ าคใต้ของประเทศจีน จากนั้นกเ็ ขา้ สู่ประเทศไต้หวัน และเผยแพร่
ไปสู่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนแหลมอินโดจีน ได้แก่ ประเทศไทย
มาเลเซีย สิงคโปร์ เมอื่ ตอนก่อนสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 เลก็ นอ้ ย ในศตวรรษที่ 10 มผี ้คู นร้จู ักผกั กาดขาว
พันธ์ุกะเพาะงัว Shino hara (1984) อ้างถึงข้อเขียนของ Li (1981) ว่าในศตวรรษที่ 20 ท่ีเมืองหาง
โจว อันเปน็ ทางภาคใต้ซ่ึงเชอ่ื มโยงกบั เมอื งเทยี นจนี นัน้ ผคู้ นรจู้ กั ผกั กาดขาวพนั ธ์กุ ะเพาะงวั ซึ่งถอื เปน็

7

พันธุ์ต้นกาเนดิ ของผักกาดขาวท้ังหลาย ในเวลาต่อมาสาหรับปจั จบุ นั ผักกาดขาวไดถ้ ูกพัฒนาพันธ์ุขนึ้
ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มในแต่ละประเทศ แตล่ ะทอ้ งถ่นิ โดยรกั ษาให้มีคุณภาพดีและให้ผลผลิต
สงู

ผักกาดขาวนับเป็นผักท่ีมีความสาคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย เน่ืองจากมี
ผู้นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ส่วนทใ่ี ช้บริโภค คือส่วนของใบ ซ่ึงมีลักษณะเปน็ ผนื เดียวกันตลอด
มีก้านใบกว้างและแบนผักกาดขาวนอกจากจะใช้บริโภคสดและประกอบอาหารได้หลายอย่างแล้ว
ยังเปน็ ผักที่นามาใชแ้ ปรรูปเปน็ ผักตากแหง้ และกิมจิ ตลอดจนเป็นผกั ทีใ่ ชใ้ นอตุ สาหกรรมรูปอ่ืน ๆ อกี
2.3 ความรทู้ ัว่ ไปเกีย่ วกับผักกาดขาว

ช่ือวิทยาศาสตร์ : Brassica chinensis (L.) Jusl.
ชือ่ สามัญ : Chinese White Cabbage
วงศ์ : Brassicaceae
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชอายุปีเดียว มีระบบรากต้นื ใบมลี ักษณะหอ่ ปลยี าวหรือ
อาจห่อหลวมๆ ทัง้ นขี้ ้ึนอยกู่ ับพันธุ์ ใบมีสีขาวถึงสเี ขยี วอ่อน เปน็ พชื วนั ยาวดอกมีสเี หลอื งยาวประมาณ
1 เซนติเมตร ผกั กาดขาวส่วนใหญม่ กี ารผสมข้ามโดยแมลงและผ้ึง
พนั ธ์ผุ กั กาดขาว
พันธ์ุผักกาดขาวจะมคี วามแตกต่างกันไปตามลักษณะรูปรา่ งของปลี สาหรับพนั ธุท์ ่ีนิยมปลกู
ในประเทศไทยแบ่งได้ 3 พวกใหญ่ ๆ ตามลักษณะของปลี
1. พวกปลียาว ปลมี ีลักษณะทรงสงู รูปไข่ ไดแ้ ก่ พนั ธุม์ ิชิลหี รอื ผักกาดหางหงส์, ผกั กาดโสภณ
, ผกั กาดขาวปลฝี รง่ั เป็นต้น
2. พวกปลีกลม ปลีมีลักษณะทรงสั้นและอ้วนกลมกว่าพวกปลียาว ได้แก่พันธ์ุซาลาเดีย
ไฮบรดิ ,พันธุ์ทรอปิคคอล ไพรด์ ไฮบริด ฯลฯ ส่วนใหญเ่ ป็นพันธุ์เบา มอี ายุส้นั
3. พวกปลหี ลวมหรอื ไมห่ อ่ ปลี สว่ นมากเป็นผกั พ้ืนเมอื งของเอเชยี ผักกาดขาวพวกน้ีมกั ไมห่ อ่
เป็นปลี สามารถปลูกได้แม้อากาศไม่หนาว ฝนตกชุก สาหรับความอร่อยน่ากินและการเก็บรักษาได้
นานสู้ผักกาดขาวพวกเข้าปลี ไม่ได้ ทาให้ปริมาณในปัจจุบันลดลง ได้แก่ พันธุ์ผักกาดขาวใหญ่ (อายุ
45 วนั ) ผักกาดขาวธรรมดา (อายุ 40 วนั ) เปน็ ตน้
สภาพดินฟา้ อากาศทีเ่ หมาะสม
ผกั กาดขาวเปน็ ผกั ทีม่ อี ายปุ ีเดยี ว ในประเทศไทยสามารถปลกู ได้ตลอดปี แตป่ ลูกไดผ้ ลดที ส่ี ุด
อยู่ในชว่ งเดอื นตุลาคมถึงกมุ ภาพันธข์ ้ึนได้ในดนิ เกือบทกุ ชนิด แตช่ อบดินรว่ นทมี่ ีการระบายน้าดีและมี
ความอุดมสมบูรณ์สูง มีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ของดินอยู่ในช่วงพอเหมาะประมาณ 6-6.8
ตอ้ งการน้าอยา่ งสมา่ เสมอและเพยี งพอเพื่อให้มกี ารเจริญเติบโตอย่างสมา่ เสมอ และควรไดร้ บั แสงแดด
เตม็ ทต่ี ลอดวนั อุณหภมู ทิ เี่ หมาะสมอย่รู ะหว่าง 15-22 องศาเซลเซยี ส

8

คณุ คา่ ทางอาหาร
ผักกาดขาวมีสารอาหารต่าง ๆ ค่อนข้างครบ เช่น โปรตีน ไขมัน น้าตาล ที่สาคัญคือ
ผักกาดขาวมีแคลเซย่ี มและวิตามินซใี นปริมาณสูง ซ่ึงแคลเซ่ียมนอกจากจะมีหนา้ ทเี่ สริมสรา้ งกระดกู
และฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังทาใหก้ ลา้ มเนือ้ ทางานเปน็ ปกติ ปจั จุบันยังพบว่า แคลเซ่ยี มมีบทบาทในการ
ลดความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเรง็ ในลาไส้อกี ด้วย ส่วนวิตามินซีจะมีบทบาทในการเสรมิ สร้าง
ภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันมะเร็ง
และกาจดั สารพษิ และโลหะหนักใหแ้ กร่ า่ งกาย
สารสาคัญทพี่ บ
ในหัวผักกาดขาวสดส่วนที่ใช้เป็นอาหารได้ 100 กรัม มีน้า 91.7 กรัม โปรตีน 0.6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 5.7 กรัม ความร้อน 250,000 แคลอร่ี เส้นใยหยาบ 0.8 กรัม ash 0.8 กรัม คาโรทนี
(Carotene) 0.02 มก.วิตามินบีหนึ่ง 0.02 มก. วิตามินบีสอง 0.04 มก. กรดนิโคตินิค (Nicotinic
acid) 0.5 มก. วิตามินซี 30 มก. แคลเซียม 49 มก. ฟอสฟอรัส 34 มก. เหล็ก 0.5 มก. โปแตสเซียม
196 มก.ซิลิกอน 0.024 มก. แมงกานีส 1.26 มก. สังกะสี 3.21 มก. โมลิบดีนัม 0.125 มก. โบรอน
2.07 มก.ทองแดง 0.21 มก. นอกจากนี้ยังมีกลูโคส (Glucose) ซูโครส (Sucross) Fructose
Coumaric acid,Ferulic acid, Gentisic acid, Phenylpyruvic acid และกรดอะมิโนหลายชนิด
เมล็ด มีไขมัน เช่น: -Erucic acid, Linolenic acid และ Glycerol sinapate เป็นต้น น้ามันหอม
ระเหยท่สี าคัญคอื Methyl mercaptan นอกจากนยี้ งั มีสารทีย่ บั ยงั้ แบคทเี รีย คอื Raphanin
ประโยชน์ของผกั กาดขาว
ผักกาดขาวยังเป็นผกั ทีใ่ ห้เส้นใย (dietary fiber) สูงมากชนดิ หนึง่ เส้นใยสามารถกาจดั อนมุ ลู
อิสระ และช่วยดึงเอาสารพิษที่อาจปนเป้ือนเข้าไปกับอาหาร ร่วมกับการท่ีเส้นใยสามารถลดความ
หมักหมมของกากอาหารในลาไส้ จงึ ทาใหเ้ ส้นใยลดอบุ ัตกิ ารณ์การเป็นมะเรง็ ในลาไส้ สรรพคณุ ในการ
ป้องกันมะเร็งในลาไส้ แม้ยังไม่ทราบขนาดท่ีแน่นอน แต่สหรัฐอเมริกาได้กาหนดให้ชายวัยสูงอายุ
บริโภคเส้นใยอาหาร 18 กรัมต่อวัน ในวันหนุ่มสาวต้องเพ่ิมเป็น 20-25 กรัมต่อวัน การรับประทาน
เส้นใยอาหารมากกว่าน้ีไมไ่ ด้ชว่ ยลดอตั ราเสยี่ งต่อการเกดิ มะเรง็ แต่จะช่วยในแงส่ ุขภาพดา้ นอน่ื เช่น
ชว่ ยลดอาการทอ้ งผูก เป็นตน้ ดังน้นั การรับประทานผักกาดขาวเปน็ ประจาจะชว่ ยในการขบั ถา่ ย และ
ป้องกันมะเร็งในลาไสไ้ ด้เป็นอย่างดี
ผักกาดขาวเป็นผักสามัญที่เห็นกันดาษด่ืนท่ัวไป แต่มีคุณค่าทางอาหารมากมายชนิดต้อง
แปลกใจ ผักกาดขาวอุดมไปด้วย โฟเลต ซ่ึงเป็นสารอาหารที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกใน
ครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ถ้าแม่ได้รับโฟเลตน้อยเกินไป การสร้างระบบประสาทและ DNA ของ
ทารกอาจผิดปรกติได้ นอกจากน้ีโฟเลตยังช่วยทาให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงอีกด้วย ผักกาดขาวมี

9

สรรพคุณหลายดา้ นทัง้ ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษสุรา ซ้าเส้นใยอาหารทม่ี ี
อยมู่ ากในผกั กาดขาวยงั ชว่ ยให้ผทู้ ท่ี ้องผกู บอ่ ยๆผอ่ นหนกั เปน็ เบาได้

สรรพคณุ
หัวผักกาดขาว : มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเย็น (เป็นยิน) ช่วยย่อย แก้ไอมีเสมหะ ไม่มีเสียง
อาเจียนเปน็ โลหิต ท้องเสีย
เมล็ด : มีรสเผด็ หวาน คณุ สมบัติเป็นกลาง แก้ไอมีเสมหะ และหดื ชว่ ยใหย้ ่อย ทอ้ งเสยี
ใบ : มีรสเผ็ดขม คุณสมบัติเปน็ กลาง ช่วยย่อย เจ็บคอ ท้องเสีย ขบั นา้ นม
2.4 วธิ กี ารปลูกผกั กาดขาว
การปลูกผักกาดขาวสามารถทาได้ 2 วิธีด้วยกันคือ การปลูกลงบนแปลงปลกู โดยตรง และ
การปลูกโดยการเพาะกลา้ กอ่ นแล้วยา้ ยไปปลกู ในแปลงปลูก จะเลอื กใชว้ ธิ ใี ดนัน้ ขึน้ อยู่กบั ความสะดวก
และความเหมาะสมของปจั จยั ของเกษตรกรเอง เช่น แรงงาน ลักษณะของแปลง และจานวนเมลด็
พันธ์ุ เปน็ ตน้
การปลูกลงบนแปลงปลูกโดยตรง การปลูกผกั กาดขาวด้วยวิธีนมี้ ี 2 แบบคอื
1. แบบหว่านโดยตรง โดยการหว่านเมล็ดพันธ์ุให้กระจายทั่วท้ังแปลง ซึ่งการปลูกแบบนี้
เหมาะสาหรับกรณที ี่เมลด็ พนั ธมุ์ ีราคาไม่แพง และโดยเฉพาะในท้องที่ภาคกลางทย่ี กแปลงกว้าง มีรอ่ ง
น้า การหว่านควรหวา่ นให้เมล็ด กระจายสมา่ เสมอ โดยทั่วไปนยิ มผสมพวกทรายหรือเมลด็ ผกั ท่ีเสื่อม
คุณภาพแล้วที่มีขนาดพอ ๆ กันลงไปด้วย เพื่อให้เมล็ดพันธ์ุกระจายได้สม่าเสมอย่ิงขึ้น จากนั้นใชป้ ุ๋ย
คอกหรือปุ๋ยหมักหว่านทับลงไปหนาประมาณ ½ – 1 เซนติเมตรเพื่อช่วยรักษาความช้ืน เสร็จแล้ว
จึงคลุมด้วยฟางแห้งสะอาดบาง ๆ อีกช้ันหน่ึง รดน้าด้วยบัวฝอยละเอียดใหท้ ั่วถึงสมา่ เสมอ หลังจาก
ต้นกล้างอกและมีใบจริง 1-2 ใบควรถอนแยกเพื่อจัดระยะปลูกและถอนแยกครั้งสุดท้าย ไม่ควร
ปล่อยใหก้ ล้ามีอายเุ กิน 25-30 วัน โดยจัดระยะปลกู ระหว่างต้นและระหว่างแถว ประมาณ 50 X 50
เซนตเิ มตร
2. แบบปลูกเป็นแถวหรอื หยอดเป็นหลมุ โดยการหยอดเมลด็ ให้เป็นแถว บนแปลงปลกู โดย
ให้ระยะระหว่างแถวหา่ งกนั 50 เซนติเมตร หยอดเมลด็ ลกึ ประมาณ ½ – 1 เซนติเมตร หรือทาเป็น
หลมุ ตน้ื ๆ หยอดเมลด็ ลงประมาณ 3-5 เมล็ด ใช้ดินกลบให้หนา ½ เซนตเิ มตร ใชห้ ญา้ แหง้ หรอื ฟาง
คลมุ บางๆ รดนา้ ด้วยบวั ฝอยละเอยี ด เมอื่ ตน้ กล้าเร่มิ มีใบจริง 2 ใบให้ทาการถอนแยกให้เหลือหลมุ ละ
1 ต้น ให้ได้ระยะต้นในแต่ละแถวเท่ากับ 50 เซนติเมตร และถอนแยกครงั้ สดุ ทา้ ยอายุไม่ควรเกนิ 30
วัน

10

การปลูกโดยการเพาะกล้าแลว้ ย้ายกลา้ ไปปลกู การปลูกผกั กาดขาวดว้ ยวิธีนจ้ี ะประหยัดเมลด็
พันธุ์ไดม้ าก โดยเฉพาะถ้าเป็นการปลูกโดยใชเ้ มล็ดพนั ธุ์ลูกผสมท่มี ีราคาแพง

หลังจากเตรียมดินแปลงเพาะกลา้ เรยี บร้อยแลว้ ให้หว่านเมลด็ ใหท้ ั่วพน้ื ผวิ แปลง แล้วใช้ปยุ๋
คอกหรือปุ๋ยหมักท่สี ลายตัวดแี ล้วหว่านกลบใหห้ นา ประมาณ ½ – 1 เซนตเิ มตร หรืออาจใชว้ ิธหี ยอด
เมล็ดเปน็ แถวหา่ งกันแถวละ ประมาณ 5-10 เซนติเมตร ลึกลงไปในดินประมาณ ½ – 1 เซนติเมตร
เมล็ดควรโรยใหห้ ่างกันพอสมควร แลว้ หว่านกลบดว้ ยปยุ๋ คอกหรือปยุ๋ หมกั หรอื ดินผสม แล้วรดน้าดว้ ย
บวั ฝอยละเอียดให้ทวั่ แปลง คลมุ แปลงดว้ ยหญา้ แห้งหรอื ฟางสะอาดบาง ๆ เพอ่ื ช่วยเก็บรกั ษาความชน้ื
ในดนิ และปอ้ งกนั การกระแทก ของน้าต่อเมล็ดและตน้ กล้าทย่ี งั เล็กอยู่

เน่ืองจากกล้าผักกาดขาวค่อนข้างอ่อนแอ ดังน้ันควรย้ายชาลงถุงพลาสติก หรือกระทงกอ่ น
เมื่อกล้าอายปุ ระมาณ 20-25 วนั จากนัน้ หม่นั ดูแลรกั ษาและปอ้ งกันโรคแมลงทอี่ าจเกดิ ขึน้ กอ่ นการ
ย้ายกล้าลงปลูกในแปลงควรทาให้กล้าแข็งแรงโดยการนาต้นกล้าออกตากแดดบ้าง อายุกล้า
ที่เหมาะสมในการยา้ ยปลกู คือ 30-35 วัน ไม่ควรใช้กล้าท่ีมีอายุมากเกนิ ไป การย้ายกล้าไปปลกู ควร
ยา้ ยในชว่ งบา่ ย ๆ ถงึ เย็น หรอื ชว่ งที่อากาคมดื ครม้ึ นาตน้ กลา้ ปลกู ในแปลงปลูกทเ่ี ตรียมไว้แลว้ โดยใช้
ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถว 50 X 50 เซนติเมตร หลังจากปลูกเสร็จแล้วใช้ฟางหรือหญา้
แห้งคลุมดินอกี ช้ันหน่งึ เพอื่ ช่วยรักษาความชน้ื ในดนิ และผกั ตัง้ ตัวได้เร็ว แล้วรดน้าดว้ ยบัวฝอยละเอยี ด

การปลูกด้วยวิธีการเพาะกล้าก่อนนาไปปลูกน้ีจะทุ่นค่าเมล็ดพันธ์ุ ค่าปุ๋ย และปลูกได้เป็น
ระเบียบสวยงาม การดูแลและทางานได้ปราณีตขึ้น ทาให้ใด้ผลผลิตดีขึ้น ทุ่นเวลาและแรงงานทจ่ี ะ
ดแู ลรกั ษาในขณะทีย่ ังเป็นต้นกลา้ อยแู่ ตใ่ นเวลาย้ายปลกู จะตอ้ งใช้แรงงานมากในการปลูกให้รวดเรว็

ระบบปลกู และระยะปลกู
ระบบการปลูกผักกาดขาวในประเทศไทยสามารถทาได้ 3 แบบ ท้ังน้ี ขึ้นอยู่กับพันธ์ุท่นี ามา
ปลูกและสภาพพน้ื ที่
1. แบบหวา่ นกระจายทว่ั แปลง การปลูกแบบนใี้ ชใ้ นกรณที ่ใี ชพ้ ันธผ์ุ สม ทั่ว ๆ ไปมาปลกู เมลด็
พันธุม์ ีราคาไม่แพง และโดยเฉพาะในทอ้ งท่ภี าคกลาง ทย่ี กแปลงกว้าง มีร่องนา้
2. แบบแถวเดียว เหมาะสาหรบั การปลกู แบบโรยเป็นแถวหรอื ย้ายกล้า กรณีท่ีใช้เมล็ดพนั ธุ์
ลกู ผสมทมี่ ีราคาแพง ในทอ้ งที่ที่ปลูกผักแบบไร่
3. แบบแถวคู่ เหมาะสาหรบั การปลูกแบบหยอดเมล็ดหรอื ยา้ ยกล้า กรณีใชเ้ มล็ดพันธุล์ กู ผสม
ท่มี รี าคาแพง เชน่ ในเขตทอ้ งทภี่ าคเหนือที่นิยมยกแปลงปลูกแคบ
สาหรับระยะปลูกที่เหมาะสมสาหรับปลูกผักกาดขาวในประเทศไทย ก็คือ ระหว่างแถว 50
เซนตเิ มตร และระหวา่ งตน้ 50 เซนติเมตร

11

การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้นา้ ผักกาดขาวต้องการน้ามากและสม่าเสมอเพ่อื ใช้ในการ เจริญเติบโตตลอดฤดูปลูก
ดังน้ันควรให้น้าอย่างเพียงพอและสม่าเสมอ โดยในระยะแรกเม่ือผักกาลังงอกควรให้น้าวันละ 3-4
คร้งั เพ่อื ใหห้ น้าดนิ อ่อน สะดวกแกก่ ารงอกของเมลด็ เมอ่ื ผกั มอี ายเุ กิน 7 วนั ไปแลว้ ก็ลดลงเหลือใหว้ นั
ละ 3 คร้งั พออายุเกิน 1 เดือนไปแลว้ ให้น้าเพียงวนั ละ 2 ครงั้ เชา้ และเยน็ ไม่ควรใหน้ า้ ในเวลาสาย ๆ
ท่ีแดดจัดเพราะน้าอาจร้อนทาให้ผกั กาดขาว ซ่ึงบางเสยี หายได้ง่าย การให้น้าควรใช้บวั รดนา้ หรือฉีด
พ่นเป็นฝอยด้วยเคร่ือง แต่อย่าให้ฉีดแรงนัก เพราะอาจเปน็ อันตรายต่อผักได้ การให้น้าผักกาดขาว
ระยะทคี่ วรระวังทส่ี ุดก็คือในช่วงทผ่ี ักกาดขาวกาลงั ห่อปลีไม่ควรให้ขาดนา้ อย่างเด็ดขาด เพราะจะทา
ให้การหอ่ ปลีและการเจริญเตบิ โตไม่สมบรู ณ์
การใส่ปุ๋ย เน่ืองจากผักกาดขาวเป็นผักกินใบ ดังน้ันควรให้ปุ๋ยทม่ี ีสัดส่วนของธาตุไนโตรเจน
ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมในอัตรา 2:1:1 เช่น ป๋ยุ สูตร 20-10-10 หรอื สูตรใกล้เคียง โดยให้ในอัตรา
ประมาณ 80-150 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ทัง้ นขี้ ึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดินและปรมิ าณปุ๋ยคอกที่ใช้โดย
แบง่ ใส่เป็น 2 ครง้ั คือ คร้ังแรกใสเ่ ปน็ ปยุ๋ รองพ้นื จานวนครงึ่ หนึ่ง โดยใสต่ อนเตรยี มดนิ ปลกู และครง้ั ท่ี
2 ใสเ่ ม่ือผกั กาดขาวมีอายุ 20 วนั
สาหรับผกั กาดขาวพันธุ์ปลยี าวและปลีกลมควรใหป้ ุ๋ยไนโตรเจน เช่น ยูเรียหรอื แอมโมเนียม
ไนเตรท ในอัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไรเ่ ม่ือกล้าอายุได้ 30-40 วัน โดยการหว่านหรือโรยข้างตน้ ก็ได้
แล้วรดนา้ ตามทันที แต่ระวงั อย่าให้ป๋ยุ ตกค้างอยทู่ ใี่ บเพราะจะทาใหใ้ บไหม้
การเกบ็ เก่ียว
อายกุ ารเก็บเกีย่ วของผักกาดขาวน้นั ไม่แนน่ อน ทั้งน้ีขน้ึ อยกู่ ับลกั ษณะ ประจาพันธ์ขุ องแตล่ ะ
พนั ธ์คุ อื พันธ์ุทเ่ี ข้าปลหี ลวม ๆ มอี ายุการเกบ็ เกี่ยวประมาณ 40-50 วนั หลังจากหวา่ นเมลด็ โดยเลอื ก
เกบ็ เกี่ยวต้นเริ่มแกเ่ ต็มทไี่ ด้ขนาด สาหรับพนั ธ์ุปลยี าวและปลกี ลมมีอายุการเกบ็ เกี่ยวประมาณ 50-80
วันหลงั จากหวา่ นเมล็ด โดยเก็บขณะท่ีปลีห่อแนน่ เตม็ ท่ีก่อนทป่ี ลีจะเร่มิ คลายตัวหลวมออก
2.5 หลกั การและแนวคดิ เกี่ยวกับต้นทุน
ไพบูลย์, (2548) ได้ให้ความหมายของคาว่าต้นทุน (Cost) หมายถึง การใช้ทรัพยากรของ
บริษทั เช่น การจา่ ยเงนิ สด การสญั ญาวา่ จะจา่ ยเงนิ สดหรือการหมดไปของมลู ค่าสนิ ทรพั ยเ์ พื่อใหไ้ ดม้ า
ซ่ึงประโยชน์ในรูปแบบของสินค้าและบริการ ต้นทุนเป็นส่ิงจาเป็นสาหรับการอยู่รอดของธุรกิจ
เน่ืองจากต้นทุนท่ีเกิดข้ึนน้ันเป็นการซื้อวัตถุดิบ การซื้อสินทรัพย์ และการจ่ายค่าใช้จ่ายในการ
ดาเนินงาน เป็นต้น ในขณะเดียวกนั ทนุ อาจเป็นสาเหตุทที่ าให้ธุรกิจล้มเหลวได้ ถ้าการคานวณต้นทุน
ของกจิ การสูงหรอื ต่าอาจเป็นจริงระบบบัญชีต้นทุนของบริษัทจึงต้องจดั หาขอ้ มลู ทมี่ ีความแม่นยาและ
ทนั เวลา ซ่ึงเปน็ สงิ่ จาเป็นในการควบคมุ ต้นทุนและการวางแผนสาหรับอนาคต

12

การจาแนกประเภทต้นทุนได้มีการกาหนดหลักเกณฑ์ไว้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีจะช่วยในการ
ตัดสินใจในโครงการต่าง ๆ ในแต่ละด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการวิเคราะห์ต้นทุนและ
ผลตอบแทนการดาเนินการสามารถแยกประเภทเพ่ือความเหมาะสมในการวิเคราะห์คือการจาแนก
ต้นทนุ ตามพฤตกิ รรมของตน้ ทุน และจาแนกตน้ ทนุ ตามหน้าที่ของตน้ ทุนไดด้ ังน้ี

2.5.1 การจาแนกต้นทนุ ตามพฤตกิ รรมของต้นทุน
เป็นการจาแนกต้นทุนตามความสาพันธ์ท่ีมีต่อกิจกรรมหรือการวิเคราะห์พฤติกรรมตน้ ทุน
และค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขนึ้ ตามการเปลีย่ นแปลงของกิจกรรมประกอบด้วยตน้ ทุน ดงั ตอ่ ไปนี้

2.5.1.1 ต้นทุนคงท่ี (Fixed cost) คือต้นทุนที่มีพฤติกรรมคงที่ หมายถึงตน้ ทนุ รวมที่
มิได้เปล่ียนแปลงไปตามระดับการผลิตในช่วงของการผลิตระดับหนึ่ง แต่ต้นทุนต่อหน่วยจะ
เปล่ยี นแปลงเพมิ่ ขึน้ หรอื ลดลงตามปริมาณการผลติ ทเ่ี ปลย่ี นแปลง กลา่ วคอื หากปรมิ าณการผลิตมาก
ขึ้นทาให้ต้นทุนคงท่ีต่อหน่วยลดลง ตัวอย่างของต้นทนุ คงท่ี ได้แก่ ค่าใช้ท่ีดิน ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์
เปน็ ต้น

2.5.1.2 ต้นทุนผันแปร (Variable cost) ต้นทุนท่ีมีต้นทุนต่อหน่วยคงที่ ในขณะ
ที่ตน้ ทนุ จะผนั แปรไปตามปรมิ าณการผลติ ซ่ึงโดยปกติต้นทุนผันแปรจะเปน็ ตน้ ทนุ ที่มีความหมายมาก
ต่อการตดั สนิ ใจ ตวั อย่างต้นทุนผันแปร ไดแ้ ก่ ค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย เปน็ ตน้

2.5.1.3 ต้นทนุ ผสม (Mixed cost) คอื ตน้ ทุนทม่ี ีพฤติกรรมผสมระหวา่ งตน้ ทุนคงท่ี
และต้นทุนผนั แปร ซึ่งเปน็ การยากทีจ่ ะกาหนดหรือระบวุ า่ ต้นทุนสว่ นใด จานวนเท่าใดเป็นต้นทนุ คงที่
และต้นทนุ สว่ นใด จานวนเท่าใดเปน็ ต้นทนุ ผันแปรโดยทใี่ นทางปฏบิ ัตมิ กั จะมีตน้ ทนุ ลักษณะนอ้ี ยู่เป็น
จานวนมาก

2.5.2 การจาแนกต้นทุนตามหน้าทงี่ าน
เป็นการพิจารณาตน้ ทุนที่เกดิ ขน้ึ จากการปฏบิ ตั ิงานในหนา้ ท่ีตา่ ง ๆ ซึง่ โดยปกติแลว้
จะแบง่ ออกเป็นสองสว่ น คือสว่ นงานทเี่ ก่ียวกบั การผลติ กบั สว่ นงานท่ีไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต ท้งั นไี้ ด้
จาแนกตน้ ทุนตามหน้าที่งานได้ 2 ประเภท

2.5.2.1 ต้นทุนที่เก่ียวข้างการผลิต (Manufacturing cost) เป็นต้นทุนเก่ียวกับการ
ผลิตทั้งหมดทเี่ กี่ยวข้องกับการผลติ สินค้าปกตเิ ป็น ต้นทุนท่ีเกิดข้ึนในโรงงาน ซึ่งได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบ
ทางตรง ตน้ ทุนแรงงานทางตรง และค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต

2.5.2.2 ต้นทุนท่ีไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Non-Manufacturing cost) ต้นทุนท่ี
ไม่เกี่ยวข้องกับการผลติ หมายถงึ ต้นทนุ ทเ่ี กิดขน้ึ กับสว่ นงานทีไ่ มเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การผลติ สนิ คา้ ซึ่งสามารถ
แบ่งได้ 3 ประเภท

2.5.2.2.1 ต้นทุนทางการตลาด (Marketing cost) หมายถึง ต้นทุนท่ีเกดิ ขนึ้
เน่ืองจากการจาหนา่ ยสนิ ค้า เช่น ค่าใช้จา่ ยในการสง่ เสริมการขาย ค่าโฆษณา

13

2.5.2.2.2 ตน้ ทุนทางการบรหิ าร (Administrative cist) หมายถงึ ตน้ ทนุ ที่
เกิดขึ้นจากการบริหารกิจการ เก่ียวกับการส่ังการ การควบคุม รวมทั้งการดาเนินงานของกิจการ
เปน็ ต้น

2.5.2.2.3 ต้นทุนทางการเงิน (Financial cost) ต้นทุนท่ีเกิดขึ้นเน่ืองจาก
เงนิ ทนุ ทีก่ จิ การนามาลงทนุ เช่น ดอกเบีย้ จ่าย

2.5.3 การวเิ คราะหต์ ้นทุน
ในการวิเคราะหต์ ้นทนุ จะใชเ้ กณฑ์ในการวเิ คราะหโ์ ดยอ้างองิ จากการจัดประเภทของต้นทุน
ตามพฤตกิ รรมและจัดประเภทตน้ ทุนตามหนา้ ทีง่ าน โดยจะทาการเก็บรวบรวมข้อมลู ค่าใช้จา่ ยตา่ ง ๆ
ที่เกดิ ข้นึ จากนน้ั นาขอ้ มูลทีเ่ ก็บรวบรวมมาไดน้ น้ั จาแนกเป็นต้นทุนท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การผลิต และตน้ ทุน
ทไ่ี มเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การผลติ
2.6 หลกั การและแนวคิดเกย่ี วกับผลตอบแทน
2.6.1 การวเิ คราะห์การลงทุนและผลตอบแทน
จากการลงทุนของโครงการใด ๆ โดยเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนและต้นทุนของ
โครงการนนั้ ๆ ซ่งึ ผลตอบแทนและตน้ ทุนของโครงการจะเกิดข้นึ ในระยะเวลาต่างกนั ตลอดอายขุ อง
โครงการ ดังนั้นจึงจาเป็นต้องมกี ารปรับค่าของเวลาของโครงการเพ่ือให้ไดม้ าซ่ึงผลตอบแทนท่ีไดร้ ับ
และต้นทุนที่เสียไปช่วงในระยะเวลาท่ีต่างกัน ให้เป็นเวลาปัจจุบัน ก่อนแล้วจึงจะสามารถทาการ
เปรียบเทียบกันได้อยา่ งถูกต้องแนน่ อนชัดเจนยิ่งขนึ้ (เสถียรศรบี ุญเรือง, 2542)
2.6.2 การวิเคราะห์ทางด้านการเงิน
เปน็ การวิเคราะห์ใชจ้ ่ายหรอื เงนิ ลงทุนและผลตอบแทนหรือผลกาไรทางการเงนิ ของโครงการ
เพือ่ วเิ คราะห์ วา่ โครงการทีจ่ ัดทาข้ึนน้นั มีความคุ้มค่ากบั การลงทนุ หรือโดยท่ัวไปแล้วแบง่ การวเิ คราะห์
เป็น 2 ประเภทคือ

2.6.2.1 วิธกี ารวิเคราะห์โดยไมม่ ีการคิดลด (Undiscounted Approach) คือการวัด
ค่าของต้นทนุ และผลตอบแทนจากโครงการโดยไมค่ านงึ ถึงคา่ เงินที่ได้มาหรอื ใชไ้ ปในช่วงเวลาที่ตา่ งกัน
เช่น เงินสดรับในปีที่ 1 จานวนหน่ึงกับเงินจานวนเดียวกันนี้ที่จะได้รับในปีท่ี 5 จะถือว่ามีมูลค่าที่
เทา่ กนั การวเิ คราะหว์ ิธนี ้ี เชน่ การหาระยะเวลาคืนทุน (Playback period) ซงึ่ เป็นการคานวณว่านับ
จากจุดเริ่มต้นโครงการจะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไร จึงจะมีกระแสเงินสดรับสทุ ธิจากโครงการรวมกัน
เท่ากับมลู ค่าในการลงทนุ (Total Capital Investment)

2.6.2.2 วิธีการวิเคราะห์โดยวิธีการคิดลด (Discounted Approach) วิธีการ
วิเคราะห์ เคยมีการคิดลดเป็นวิธีการวัดค่าของผลตอบแทนและต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจาก
โครงการโดยคานึงถึงค่าเสียโอกาสผ่านวิธีการคิดลด (Discounted Method) ซึ่งวิธีที่นิยมใช้ได้แก่
มลู ค่าปัจจบุ ันสุทธิ (NPV) อตั ราตอบแทนภายในจากการลงทนุ (IRR)

14

2.6.3 วตั ถุประสงคข์ องการวิเคราะหท์ างการเงนิ
โดยท่วั ไปการวิเคราะหท์ างการเงนิ มีวัตถปุ ระสงค์ 4 ประการดังน้ี

2.6.3.1 เพ่ือประเมินความเป็นไปได้ทางการเงิน วัตถุประสงค์สาคัญของการ
วิเคราะห์ทางการเงินคือกา รประเมินค วามส ามาร ถใ นการท าโ ครงงาน น้ัน คือโ ครงงา น สา ม า ร ถ
ก่อให้เกิดรายได้ท่ีคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีอัตราผลตอบแทนทดี่ ี การประเมนิ ส่วนนี้จะตอ้ งมี
การประเมินตน้ ทนุ และผลตอบแทนท้งั ส้นิ เพื่อศึกษาหาผลตอบแทนสทุ ธิของโครงงาน

2.6.3.2 เพื่อประเมินแรงจูงใจการวิเคราะห์ทางการเงินจะมีความสัมพันธ์ต่อการ
ประเมินแรงจูงใจทม่ี ตี ่อเจา้ ของโครงการและผมู้ สี ่วนร่วมกบั โครงงาน หรือถา้ เปน็ โครงการรฐั วสิ าหกิจ
หรือที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ก็พิจารณาว่าผลตอบแทนท่ีได้รับจะเพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเองและ
บรรลุวัตถปุ ระสงค์ ทางการเงนิ ตามท่ีตอ้ งการหรือไม่

2.6.3.3 เพื่อจัดให้มีแผนการเงินท่ีดี เพื่อให้โครงการมีกาไรและผลตอบแทนท่ีดีก็
จะตอ้ งมีแผนการเงินทดี่ ีดว้ ย โดยเฉพาะการวางแผนจัดหาเงนิ ทุน เพื่อให้ไดม้ าซงึ่ เงินทุนในจานวนและ
ในเวลาตามท่ีตอ้ งการโดยเสยี ค่าใชจ้ า่ ยตา่ สุดรวมทั้งเพ่ือใหข้ อ้ เสนอแนะถึงวธิ กี ารปรบั ปรงุ ความเปน็ ไป
ได้ทางการเงินของโครงการ โดยเฉพาะความเหมาะของอัตราค่าบริการราคา และปริมาณการผลติ
ทค่ี ้มุ ทุน

2.6.3.4 เพ่ือประเมินขีดความสามารถในการบริหารการเงิน สาหรับโครงการลงทุน
ขนาดใหญ่ทีม่ ีการบริหารการเงนิ ที่สลับซับซอ้ น กจ็ าเปน็ ตอ้ งพจิ ารณาถึงระบบการจดั การดา้ นการเงนิ
และความสามารถของผทู้ ีจ่ ะบรหิ ารการเงนิ ด้วยในการน้กี ็อาจมีการพจิ ารณาว่าควรจะมีการปรับปรุง
และเปล่ียนแปลงองค์กรและการจัดการอย่างไร ควรจัดให้มีระบบการควบคุมและการตรวจสอบ
การเงินอย่างไร รวมท้ังการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางเร่ืองอะไร เพ่ือให้โครงการเดินหน้าไปตาม
กาหนด

2.6.4 ทฤษฎผี ลตอบแทน
ผลประโยชน์หรือผลตอบแทน (Benefits) ของการลงทุน หมายถึง มูลค่าของสินค้าหรือ
บริการทผี่ ลิตได้จากการลงทนุ (ตลาดหลกั ทรัพย์แห่งประเทศไทย, มปป: ออนไลน)์
1. ผลตอบแทนทางตรง (Direct Benefits) คอื ผลผลติ สทุ ธขิ องการลงทนุ ซ่ึงหมายถงึ มูลค่า
ของสินค้าและบริการที่ผลิตได้โดยตรงจากการลงทุน นอกจากนี้ยังหมายถึงการประหยัด และการ
ลดค่าใช้จา่ ยจากที่เคยมีอยเู่ ดมิ
2. ผลตอบแทนทางอ้อม (Indirect Benefits) คือ ผลประโยชน์ตอบแทนอ่ืน ๆ ที่
นอกเหนือจากผลประโยชน์ตอบแทนทางตรง นอกจากนี้ยังรวมถึงผลประโยชน์ตอบแทนด้านสงั คม
และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น โครงการนั้นอาจกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีสวยงาม ก่อให้เกิดการ
ขยายตวั ของการท่องเทย่ี วในพื้นท่ที ี่โครงการตงั้ อยู่ เป็นตน้

15

3. ผลตอบแทนที่ไม่มีตัวตน (Intangible Benefits) คือ ผลตอบแทนท่ีไม่สามารถประเมิน
มูลค่าเปน็ ตัวเงนิ ได้ เช่น การลงทุนนนั้ อาจมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการกระจายรายไดใ้ ห้
มีความยุตธิ รรมมากข้ึน เป็นตน้

ค่าเสียโอกาสของทุน (Opportunity Cost of Capital) คือ ถ้ามีการกาหนดให้ตลาดทุน
(Capital Market) ที่มีอยู่สามารถนาเงินตรา หรือทรัพยากรไปลงทุนเพ่ือสร้างเงินตรา ให้มีจานวน
มากขึ้นในอนาคตแลว้ สามารถกลา่ วได้ว่าค่าเสยี โอกาสของการออมได้เกดิ ข้ึนแล้ว ทางเลือกต่อการ
บรโิ ภคในปัจจุบันคอื การใช้เงนิ ทนุ หรอื ทรพั ยากรไปในทางทีก่ ่อให้เกิดรายไดใ้ นอนาคต ซง่ึ อย่างน้อย
ต้องมีมลู ค่าเทา่ กับเงนิ ตราในปจั จบุ ันทเ่ี กิดจากการลงทนุ ในรปู แบบอ่นื

การศึกษาครั้งนี้ใช้แนวคิด การวิเคราะห์ผลตอบแทนและการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ
ตน้ ทุน ปรมิ าณ และกาไร ดังน้ี

1. การวิเคราะหผ์ ลตอบแทน
นักวิชาการต่าง ๆ ได้แก่ เบญจวรรณ รักษ์สุธี(2543 : ออนไลน์) ธารีหิรัญรัศมีและคณะ
(2548 : ออนไลน์) เบญจมาศ อภสิ ทิ ธิภ์ ิญโญและคณะ (2550 : ออนไลน)์ ไดอ้ ธบิ ายถึงแนวคิดเก่ยี วกบั
การวิเคราะห์ผลตอบแทน ประกอบดว้ ย

1.1 อัตรากาไรสทุ ธิหมายถึง อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างก าไรสุทธิกับยอดขาย
สุทธิ ผลลัพธ์ท่ีได้บอกให้ทราบว่าธุรกิจบริหารงานมีประสิทธิภาพเพียงใด และธุรกิจสามารถ
ดาเนนิ งานใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายเพยี งใด อตั ราสว่ นนสี้ งู แสดงวา่ ธรุ กจิ มีกาไรสูง เขยี นเป็นสตู รการคานวณ
ไดด้ ังนี้

อตั รากาไรสุทธิ= กาไรสทุ ธิx 100
ยอดขายสุทธิ

1.2 อตั รากาไรสุทธติ ่อต้นทนุ หมายถึง อตั ราสว่ นเปรียบเทยี บระหว่างกาไรท่เี กดิ ข้นึ
หลังจากหกั ค่าใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ แลว้ เทยี บกับตน้ ทนุ ทัง้ สิน้ เขยี นเป็นสูตรการคานวณไดด้ งั นี้

อตั รากาไรสุทธติ ่อต้นทนุ = กาไรสุทธิx 100
ต้นทนุ รวม

1.3 อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ หมายถึง อตั ราส่วนเปรยี บเทียบระหว่างกาไรท่ี
เกิดขึน้ หลงั จากหกั ค่าใชจ้ ่ายต่าง ๆ แล้ว เทยี บกับสินทรัพย์ไมห่ มุนเวยี น เขียนเป็นสูตรการคานวณได้
ดังนี้

อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน = กาไรสทุ ธิ x 100
สินทรพั ยไ์ มห่ มุนเวยี น

16

2. การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของต้นทนุ ปริมาณ และกาไร
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของต้นทุน ปริมาณ และก าไร เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์
ระหว่างต้นทุน ปริมาณ และกาไร ซ่ึงเป็นการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ที่มี
ผลกระทบต่อกาไร ดังมรี ายละเอียดดังน้ี

2.1 กาไรสว่ นเกิน (Contribution Margin: CM) คอื รายได้สว่ นท่เี หลอื หลังจากหกั
ตน้ ทุนผันแปร สามารถเขยี นเป็นสมการได้ดงั นี้

กาไรสว่ นเกนิ = ขาย - ตน้ ทุนผนั แปร
2.2 อัตรากาไรส่วนเกิน (Contribution Margin Ratio) เปน็ อตั ราสว่ นระหว่างกาไร
ส่วนเกินหารดว้ ยรายไดร้ วม ซ่ึงกาไรสว่ นเกินเกิดจากผลตา่ งระหว่างรายได้รวมหักด้วยต้นทุนผนั แปร
ดังสมการ

อตั รากาไรสว่ นเกนิ = กาไรส่วนเกนิ รวม
รายไดร้ วม

2.3 จุดคุม้ ทนุ (Break Even Point) แยกไดเ้ ปน็ 2 กรณดี งั น้ี
(1) กรณีขายสนิ ค้า 1 ชนดิ เปน็ การขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดยี ว วเิ คราะห์โดยใชส้ มการ

ความสัมพันธต์ ้นทุน ปรมิ าณ และกาไร สามารถเขียนสมการดังนี้
ยอดขาย ณ จดุ คุม้ ทุน = ต้นทนุ คงทรี่ วม
อัตรากาไรส่วนเกิน

(2) กรณีขายสนิ ค้าหลายชนิด คือ มีการขายผลิตภณั ฑ์มากกวา่ หน่งึ ชนิดจึงเกีย่ วข้อง
กบั สัดสว่ นการขายผลิตภัณฑใ์ นการค านวณยอดขาย ต้นทุน และก าไรสว่ นเกนิ จะต้องมกี ารถัวเฉลี่ย
ด้วยสัดส่วนการขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ปัจจัยที่เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะหจ์ ดุ คุ้มทนุ คือ
สัดส่วนการขาย ซ่ึงหมายถึง อัตราร้อยละของการขายสนิ ค้าชนิดน้ันเม่ือเทยี บกับยอดขายรวม การ
คานวณยอดขาย ณ จดุ คมุ้ ทุนของสินค้าหลายชนิด สามารถเขียนสมการได้ดงั นี้

ยอดขาย ณ จุดค้มุ ทุนของสินคา้ หลายชนิด = ต้นทนุ คงทรี่ วม
อตั รากาไรส่วนเกินถวั เฉล่ยี

2.7 งานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง
พัชนี แพทย์อุดม, (2562) การศึกษาน้ีมีวัตถุประสงค์เพอื่ ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจาก

การปลูกพริกไทยแบบ อินทรีย์เพื่อการค้า โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินในการวัดผล ประกอบด้วย
อัตรากาไรขั้นตน้ อตั ราผลตอบแทนต่อสนิ ทรพั ย์ และอตั ราผลตอบแทนจากเงนิ ลงทนุ กลุม่ ตวั อย่างใน
การศึกษาน้ี คอื เกษตรกรในพื้นที่อาเภอนายายอาม อาเภอท่าใหม่ อาเภอแก่งหางแมว อาเภอเขาคิชฌ
กฏู และอาเภอเมอื ง จงั หวดั จันทบุรี ท่มี ีองคค์ วามร้แู ละประสบการณด์ ้านการปลูกพรกิ ไทยตง้ั แต่ 5 ปี
ข้ึนไป โดยใช้วิธีเลอื กแบบเฉพาะเจาะจง จานวน 10 ราย ซงึ่ ผู้ศกึ ษาใชแ้ บบสอบถามเปน็ เครือ่ งมอื ใน

17

การสัมภาษณ์แบบกึ่งมโี ครงสรา้ ง จากการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลติ เฉล่ยี ของปี 2558
ถึงปี 2562 เท่ากับ 144,194.87 บาท 146,062.32 บาท 144,624.73 บาท 141,727.19 บาท และ
126,569.40 บาท ตามล าดบั มผี ลตอบแทนเฉล่ียของปี 2558 ถึงปี 2562 เทา่ กับ 608,386.00 บาท
571,283.00 บาท 541,662.00 บาท 215,800.50 บาท และ 193,610.00 บาท ตามลาดับ ผลการ
วิเคราะห์ โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน พบว่า อัตราส่วนกาไรขั้นต้นปี 2558 ถึงปี2562 เท่ากับ
76.30% 74.43% 73.30% 34.32% และ 34.63% ตามลาดับ อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมปี
2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 58.24% 54.14% 51.43% 9.81% และ 9.08% ตามลาดับ อัตรา
ผลตอบแทน จากเงนิ ลงทนุ ปี 2558 ถงึ ปี 2562 เท่ากบั 380.51% 330.60% 310.45% 59.21% และ
60.65% ตามลาดับ สาหรับต้นทุนการผลิตค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวเป็นค่าใช้จ่ายท่ีสูงที่สุดใน
กระบวนการผลิต และราคาขายผลผลิตท่ีลดลงมีสาระสาคัญต่อผลตอบแทนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของอัตราส่วนทางการเงนิ จากการคานวณหาผลตอบแทนเป็นเปอรเ์ ซน็ ต์ มผี ลตอบแทนสูงสุด
ในปี 2558 ทั้ง 3 อตั ราส่วน ซึง่ เปน็ ผลมาจากราคาขายผลผลติ ท่สี งู สุดในปดี ังกล่าว

พธิ าน แสนภักดี, (2562) การวิจัยครง้ั น้ีมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่อื 1) ศึกษาต้นทนุ ในการลงทุนปลูก
ข้าวหอมมะลิ 2) ศึกษาผลตอบแทน จากการลงทุนปลูกข้าวหอมมะลิของเกษตรกรอาเภอสามชุก
จังหวัดสุพรรณบรุ ี กลุ่มตัวอย่าง คือ เกษตรกร จานวน 80 ราย โดยใช้วิธีการสุ่มแบบไม่อาศัยความ
น่าจะเปน็ ประเภทการสุ่มแบบบงั เอิญ โดยเกบ็ ขอ้ มูลของฤดูกาลเพาะปลูกระหว่างเดอื นพฤษภาคม–
กันยายน 2562 เครื่องมือท่ีใช้ในการ วิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ดาเนินการเก็บ
รวบรวมข้อมลู โดยการสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ และทาการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปรมิ าณ ได้แก่ ต้นทุน กาไรสทุ ธิ
อัตรากาไรสุทธิต่อต้นทุน อัตรากาไร สุทธิต่อยอดขาย อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ (ROI) และ
จุดคุ้มทุน ผลการวิจัย พบว่า 1) ต้นทุนในการปลูกข้าวหอมมะลิ เฉลี่ยเท่ากับ 4,012.18 บาทต่อไร่
มีกาไรสุทธิ จากการปลกู ข้าวเฉลีย่ 1,092.13 บาทตอ่ ไร่ อัตรากาไรสทุ ธติ อ่ ต้นทนุ รอ้ ยละ 27.22 อตั รา
กาไรสทุ ธิ ตอ่ ยอดขายรอ้ ยละ 21.40 2) อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ (ROI) รอ้ ยละ 22.59 และมี
จดุ ค้มุ ทนุ อยู่ท่ี 0.27 ตันต่อไร่ ต้นทุนการปลกู ขา้ วหอมมะลิ ประกอบด้วย 3 ส่วนสาคญั ไดแ้ ก่ ตน้ ทุน
ค่าวัตถุดิบ ร้อยละ 12.44 ต้นทุนค่าแรงงาน ร้อยละ 36.32 และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลติ ร้อยละ
51.24

ปิยะราช เตชะสืบ, (2559) การศึกษาครั้งน้มี ีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทน
ของการลงทุนโครงการปลูก ผักกุยช่ายปลอดสารพิษเพื่อการค้าในจังหวัดล าปาง ใช้วิธีการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์ เกษตรกร จานวน 3 ราย และศึกษาข้อมูลจากเอกสารวิชาการและ
งานวิจัยทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ของตน้ ทนุ การผลิตและรายไดส้ าหรบั การวิเคราะห์ผลตอบแทนใช้
วิธีวิเคราะห์ระยะเวลาคืนทุน (PB) มูลค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV) และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจาก
โครงการ (IRR) ผลการศึกษา พบว่า การลงทุนมีต้นทุนการผลิตรวม 341,473.44 บาท รายได้รวม

18

1,189,246.40 บาทและต้นทุนเฉลยี่ กโิ ลกรัมละ 63.16 บาท มรี ะยะเวลาคนื ทุน (Payback Period)
เท่ากับ 3 ปี กับ 2 เดือน 4 วัน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) เท่ากับ 39,298.16 บาท
อัตราผลตอบแทนที่แทจ้ รงิ (Internal Rate of Return) ภายในโครงการเทา่ กบั รอ้ ยละ 11.32 ถอื วา่
โครงการนเี้ ป็นโครงการที่ยอมรบั ได้

ชมดาว ขาจริง,(2559)การศึกษาน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่อื ต้องการศึกษาผลของฤดูกาลท่ีมีตอ่ การ
เจรญิ เติบโต คุณภาพภายใน และระดบั การเกดิ สนี ้าตาลใน ผกั กาดหอมปจั จบุ ันกระแสการบริโภคผกั
ท่ีมคี ุณคา่ ทางโภชนาการเพือ่ สขุ ภาพมากข้นึ ผักกาดหอมจดั เป็นผกั ชนิดหน่ึงท่มี ผี นู้ ยิ มบรโิ ภคกนั มาก
จนได้รับสมญานามว่าเป็น The king of salad plant เนื่องจากเป็นผักที่ให้ คุณค่าทางอาหารสูง
โดยเฉพาะไฟเบอร์ แคลเซียม วติ ามนิ ซี วติ ามนิ เอ และยงั อดุ มไปดว้ ยสารเบต้าแคโรทนี ใน ปรมิ าณสงู
ซ่ึงทาหน้าที่ป็นสาร Antioxidant (George Matelian Foundation, 2006) ปัจจุบันพื้นท่ีผลิต
ผักกาดหอมส่วนใหญ่อยู่ทื่จังหวัดเชียงใหม่และปทุมธานี ซึ่งในปี 2550 ประเทศไทยมีพื้นที่ผลิต
ผกั กาดหอม ประมาณ 5,298 ไร่ มีปรมิ าณการผลิตสงู ถึง 15,499.87 ตันต่อปี (กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
, 2550) แมกว่าประเทศไทยจะมีกาลังการผลิตผกั กาดหอมในปริมาณท่สี ูงตลอดปแี ต่กพ็ บว่าปริมาณ
ผลผลิตท่ีได้ยงั ไมเ่ พียงพอ ต่อความต้องการของผู้บรโิ ภค นอกจากนั้นปัญหาทื่สาคัญประการหนึง่ ใน
การปลูกผกั กาดหอมทีส่ ่งผลกระทบต่อ คุณภาพของผลผลิตทไี่ ด้คือความเสยี หายจากการเกดิ สืีนา้ ตาล
ทื่ส่วนใบโดยมีสาเหตุเน่ืองมาจากการทางานของ เอนไซม์โพลีฟนอลออกซิเดส ( Polyphenol
oxidase; PPO) ในเนื้อเยื่อพืชไปกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา ออกซิเดชัน ทาให้สารประกอบฟนอล
(phenol) ถูกออกซิไดส์ไปเป็นควิโนน (quinone) จากนั้นควิโนนจะเกดิ การรวมตัวกันเป็นโมเลกลุ
ใหญ์ (Polymerization) กลายเปน็ สารสนี ้าตาลภายในเซลล์ (จริงแท้ ศิริพานิช, 2549) ซึ่งมีรายงาน
ว่าการเกิดความเสียหายจากปฏิกิริยาดังกล่าวมีปัจจัยทื่สาคัญเข้ามาเกี่ยวข้องหลายปัจจัย รวมถึง
ปจั จัยภายนอก เช่น สภาพแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ ฤดูกาล (อิทธิสนุ ทร นนั ทกิจ, 2550) ซง่ึ เป็นปจั จัยพืน้ ฐาน
ที่ ยังไมม่ ีผทู้ าการศึกษาและวิจัยกนั อยา่ งชัดเจน

ประภาพร กจิ ดารงธรรม,(2559)การศกึ ษานมี้ วี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน
การผลิตผักอนิ ทรีย์ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์อาเภอสนั ทรายแม่ริมแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ด้วยวิธีการ
เกบ็ ข้อมูลจากการใชแ้ บบสอบถามในการสมั ภาษณก์ ลุม่ เกษตรกรผูป้ ลกู ผกั อนิ ทรียจ์ านวนท้งั สน้ิ ทงั้ สนิ้
36 รายโดยเลอื กศึกษาผกั อินทรยี ์ทสี่ ามารถปลกู ไดต้ ลอดทง้ั ปจี านวน 5 ชนิด ได้แก่ ผกั คะนา้ ผักบุ้งจนี
ผักกาดขาวผักกาดเขียวกวางตุ้งผกั ฮ่องเตแ้ ละผักทสี่ ามารถปลูกได้เฉพาะฤดกู าลจานวน 3 ชนิด ได้แก่
บร็อกโคลีกะหล่าดอกและกะหล่าปลีผลการศึกษาพบว่าต้นทุนการผลิตผักอนิ ทรีย์ประกอบด้วยเงนิ
ลงทนุ เริ่มแรกทเ่ี ฉล่ยี ตอ่ งานเทา่ กับ 41,385.79 บาทค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานเฉลย่ี ต่องานแบ่งตาม
ชนิดของผกั อนิ ทรยี ์ออกเปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ กล่มุ ที่ 1 ผักอินทรยี ์ท่ีปลกู จานวน 3 รอบตอ่ ปีประกอบดว้ ย
ผกั คะน้าอินทรียเ์ ท่ากบั 8,390,77 บาทต่อปผี ักบุ้งจนี อนิ ทรยี ์เท่ากับ 8,913.16 บาทตอ่ ปผี กั กาดเขียว

19

กวางตุง้ อินทรยี ์เท่ากบั 9,146.67 บาทต่อปีและผักฮ่องเต้อินทรยี ์เทา่ กับ 9,334.62 บาทต่อปีกล่มุ ท่ี 2
ไดแ้ ก่ ผักอนิ ทรยี ท์ ี่ปลูกจานวน 2 รอบต่อปปี ระกอบด้วยผักกาดขาวอินทรียเ์ ท่ากบั 7,295.45 บาทต่อ
ปีและกลุ่มที่ 3 ได้แก่ ผักท่ีปลูก 1 รอบต่อปี ได้แก่ บร็อกโคล่ีอินทรีย์เท่ากับ 3,658.00 บาทต่อปี
กะหล่าดอกอินทรีย์เท่ากับ 3,491 บาทต่อปีและกะหล่าปลีอินทรีย์เท่ากับ 3,401.22 บาทต่อปีผล
การศึกษาพบว่าผลตอบแทนการผลิตผักอนิ ทรยี ์แบ่งตามชนิดของผกั อินทรีย์ออกเปน็ 3 กลุ่ม ได้แก่
กลมุ่ ที่ 1 ผกั อินทรยี ท์ ่ีปลูกจานวน 3 รอบตอ่ ปปี ระกอบดว้ ยผกั คะน้าอนิ ทรียเ์ ท่ากบั 29,312.55 บาท
ต่อปีผักบุ้งจีนอินทรีย์เท่ากับ 24,209.50 บาทต่อปีผักกาดเขียวกวางตุ้งอินทรีย์เท่ากับ 31,783.50
บาทต่อปีและผักฮ่องเตอ้ นิ ทรยี ์เทา่ กบั 31,612.50 บาทต่อปี

บทที่ 3

วธิ กี ารดาเนนิ โครงงาน

การศึกษาเร่อื ง โครงงานศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทนการปลกู ผักกาดขาว กรณีศึกษาสวน
ของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาต้นทุนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด
บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ 2) ศึกษาผลตอบแทนการปลูก
ผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมือง
อตุ รดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์ ผ้ศู ึกษาได้ดาเนนิ งานตามระเบียบวิธโี ครงงานอยา่ งเป็นระบบ โดยมีวธิ ีการ
ดาเนนิ โครงงาน ดงั น้ี

3.1 ขน้ั ตอนการดาเนินโครงงาน
3.2 ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
3.3 เครื่องมือท่ใี ช้ดาเนนิ โครงงาน
3.4 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
3.5 สถติ ิท่ใี ชว้ เิ คราะห์ขอ้ มูล

3.1 ขั้นตอนการดาเนนิ โครงงาน

3.1.1 ข้ันเตรยี มงาน
3.1.1.1 ประชุมและวางแผนขอคาแนะนาจากครทู ่ปี รึกษาโครงงาน
3.1.1.2 ศกึ ษาขอ้ มูลในการจดั ทาโครงงาน
3.1.1.3 นาเสนอโครงงานและอนมุ ัติโครงงาน

3.1.2 ข้ันดาเนินโครงงาน
3.1.2.1 ดาเนินโครงงานตามแผนทต่ี ั้งไว้
3.1.2.2 ลงพ้นื ที่พร้อมเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
3.1.2.3 เขียนรายงานเก่ียวกับผลการดาเนินโครงงาน การวิเคราะห์และออกแบบ

โครงสรา้ งต้นทุน
3.1.2.4 ศึกษาการคานวณต้นทุนและผลตอบแทนในการปลูกและจาหน่าย

ผักกาดขาว
3.1.2.5 คานวณตน้ ทนุ และผลตอบแทนการปลกู และจาหนา่ ยผกั กาดขาว
3.1.2.6 เขียนรายงานสรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะโครงงาน
3.1.2.7 รวบรวมเอกสาร และจดั ทารูปเลม่ รายงานโครงงาน

21

3.1.3 ขั้นสรปุ ผลโครงงาน

3.1.3.1 สรุปผลการดาเนินการและจัดทารูปเล่มรายงานการดาเนิน

โครงงาน

3.1.3.2 นาเสนอต่อคณะกรรมการและผู้ท่เี กี่ยวขอ้ ง

คณะผู้ศึกษาได้วางแผนที่จะดาเนินโครงงาน โดยมีข้ันตอนการดาเนินงาน ดังตารางท่ี 3.1

ดังนี้

ตารางท่ี 3.1 แสดงแผนการดาเนินโครงงาน

การดาเนินงาน ระยะเวลาในการดาเนนิ โครงงาน

พฤศจิกายน ธันวาคม มกราคม กุมภาพนั ธ์

2564 2564 2565 2565

1. เลอื กหวั ขอ้ โครงงานทน่ี า่ สนใจ

2. เสนอโครงงานตอ่ ครทู ปี่ รึกษา

โครงงาน

3. เขยี นแบบเสนอโครงงาน

4. ลงพื้นทส่ี ารวจสวนผักกาดขาว

5. ดาเนนิ งานในการศึกษาต้นทุน

และผลตอบแทน

6. รวบรวมเอกสาร และจดั ทา

รูปเล่มรายงาน

7. นาเสนอโครงงาน

กการขออนุมตั ิโครงงาน 22
ศกึ ษาปญั หาของธรุ กจิ น้ัน ๆ
การเสนอข้อมลู กลุ่ม คณะผู้ศึกษาคดิ หวั ขอ้ โครงงานที่
ขน้ั ตอนการดาเนนิ โครงงาน สนใจและสรุปหัวข้อโครงงาน

เขียนโครงรา่ งโครงงาน ออกแบบการศกึ ษา
และคน้ คว้าขอ้ มูลทเี่ ก่ยี วข้อง

เขียนรายงานสว่ นนาและเค้าโครง ศกึ ษาข้อมลู เพม่ิ เตมิ
และจัดเรยี บเรียงข้อมลู

เขียนรายงานเกย่ี วกบั ผลการดาเนินงาน
ของโครงงาน

ข้นั ตอนการสรปุ ผล นาเสนอโครงงาน
สรปุ ผลการดาเนินโครงงาน

ภาพที่ 3.1 แสดงขัน้ ตอนการดาเนนิ โครงงาน

23

3.2 ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง

3.2.1 นางอลสิ า ศรกาเนิด ตาแหน่ง เจา้ ของสวน

3.2.2 นางพนติ า ศรกาเนดิ ตาแหนง่ ลูกจา้ ง

3.2.3 นางกามะหยี่ ศรกาเนิด ตาแหนง่ ลูกจา้ ง

3.3 เคร่ืองมือทใ่ี ช้ดาเนินโครงงาน

เครือ่ งมอื ที่ใชด้ าเนนิ โครงงาน มดี ังนี้

3.3.1 แบบสัมภาษณ์ข้อมูลเก่ยี วกับตน้ ทุนและผลตอบแทนการปลกู ผกั กาดขาว กรณีศึกษา

สวนของนางอลิสา ศรกาเนดิ บา้ นปา่ ขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดติ ถ์โดยใชแ้ บบสมั ภาษณ์

แบบ เชิงลึก (Depth Interviews) ท่ีได้ออกแบบขึ้นมารองรับวัตถุประสงค์ของการศึกษา การสร้าง

เครอ่ื งมือท่ใี ช้ดาเนนิ โครงงาน

3.3.2 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีจากเอกสาร ตารา สืบค้นข้อมูลและงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับ

การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน เพื่อสร้างและพัฒนาแบบสัมภาษณ์ขึ้น โดยแบบสัมภาษณ์

แบง่ ออกเปน็ 5 ส่วน ดังนี้

สว่ นที่ 1 ขอ้ มูลทวั่ ไปเกีย่ วกบั ผูใ้ หส้ ัมภาษณ์

1. ชอื่ -นามสกลุ ......................................................................................................................

2. ตาแหนง่ ................................................................................................................................

3. อาย.ุ ..............ปี

4. วฒุ กิ ารศกึ ษา........................................................................................................................

5. สถานภาพ.............................................................................................................................

6. ท่ีอย.ู่ .....................................................................................................................................

7. เบอร์โทรศพั ท์.......................................................................................................................

8. รายได.้ ...........................................................................................................................

ส่วนที่ 2 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั การทาสวน

1. ทต่ี ้ัง……………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………..

2. ประวัตคิ วามเปน็ มา

..........................................................................................................................................

..........................................................................................................................................

..........................................................................................................................................

24

3. เงนิ ลงทุนคร้งั แรก
..........................................................................................................................................

4. แหลง่ เงนิ ทุน
ส่วนตัว กูย้ ืม อ่ืน ๆ .............................................................

สว่ นที่ 3 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั รายได้
1. ชอ่ งทางการจาหนา่ ย

ขายปลีก ขายสง่ ขายปลกี และขายสง่
อืน่ ๆ ระบุ ........................................................................................................................
2. ราคาจาหนา่ ยผกั กาดขาว
จาหน่ายแบบปลีก กโิ ลกรัมละ....................บาท
จาหนา่ ยแบบส่ง กิโลกรมั ละ....................บาท
อน่ื ๆ ระบุ.................................................................................................................................
3. จานวนผลผลิตทีจ่ าหนา่ ยได้ต่อเดอื น.....................กิโลกรัม/เดอื น
4. รายได้ทจ่ี าหน่ายผลผลิตไดต้ อ่ เดือน......................บาท/เดือน
ส่วนท่ี 4 ขอ้ มลู เกีย่ วกบั ตน้ ทนุ และค่าใชจ้ ่าย
1. ต้นทนุ และคา่ ใช้จ่ายทเ่ี กี่ยวข้อง
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
2. คา่ แรงงาน

ค่าแรงรายวัน ค่าแรงรายสัปดาห์
ค่าแรงรายเดือน อื่น ๆ ....................................
สว่ นที่ 5 ปญั หา อุปสรรคและขอ้ เสนอแนะ
1. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ขอ้ เสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………

25

3.3.3 นารา่ งแบบสัมภาษณ์เสนอตอ่ ครทู ่ปี รึกษาโครงงาน เพือ่ ขอคาปรึกษา และตรวจสอบ
ขอ้ คาถามเพื่อให้ได้แบบสมั ภาษณ์ทีถ่ กู ต้องเหมาะสม

3.3.4 นาแบบสัมภาษณท์ ี่ปรับปรงุ แล้ว เสนอต่อครทู ี่ปรึกษาอีกครั้ง ก่อนนาไปใชใ้ นการเก็บ
รวมรวมขอ้ มูล
3.4 การเก็บรวบรวมขอ้ มลู

คณะผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว
กรณีศึกษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนดิ บ้านปา่ ขนนุ ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ โดยมกี าร
สัมภาษณ์ ถ่ายรูป จดบันทึก ศึกษาจากสถานท่ีจริงจากการปลูกผักกาดขาว บ้านป่าขนุน ตาบล
คุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จากน้ันจึงนาข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยจัดกลุ่ม
เรียบเรียง และแทนค่า ด้วยสถิติจากข้อมูลท่ีได้ เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนามาวิเคราะห์ต้นทุนและ
ผลตอบแทน

3.4.1 ลกั ษณะของขอ้ มลู
3.4.1.1 ข้อมูลเชิงปริมาณ คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขหรือนามาให้รหัสเป็นตัวเลขซงึ่

สามารถนาไปวิเคราะห์ทางสถิติได้ เชน่ ตวั เลขตน้ ทุนของการปลูกผักกาดขาว ตน้ ทุนคา่ แรงงาน และ
คา่ ใชจ้ า่ ยในการปลกู ผักกาดขาว ไปคานวณตน้ ทนุ ของการปลกู ผกั กาดขาว

3.4.1.2 ขอ้ มลู เชิงคุณภาพ คอื ขอ้ มลู ทีไ่ ม่ใช่ตวั เลข ไม่มีการให้รหสั ไปวิเคราะหท์ าง
สถิติ แตเ่ ป็นข้อความหรือสารสนเทศ เชน่ ข้อมูลทัว่ ไปของผกั กาดขาว ข้นั ตอนการปลกู ผกั กาดขาว

3.4.2 แหลง่ ที่มาของขอ้ มูลทสี่ าคญั
3.4.2.1 ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้หรอื หน่วยงานท่ีใชเ้ ปน็

ผู้ทาการเก็บข้อมูลดว้ ยตนเอง ซึ่งวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอาจใช้วิธีการสมั ภาษณ์ การทดลอง หรือ
การสงั เกตการณ์ ขอ้ มูลปฐมภูมิเป็นข้อมูลทีม่ ีรายละเอยี ดตรงตามท่ผี ู้ใชต้ อ้ งการ แต่มกั จะเสียเวลาใน
การจัดหาและมีค่าใช้จ่ายสูง ได้แก่ ข้อมูลต้นทุนในการปลูกผักกาดขาว ต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนใน
การปลูกและจาหน่ายผกั กาดขาว

3.4.2.2 ขอ้ มลู ทตุ ยิ ภูมิ (Secondary Data) เปน็ ข้อมูลท่ีผูใ้ ช้ไม่ไดเ้ ก็บรวบรวมเอง
แต่มีผู้อื่นหรือ หน่วยงานอ่ืน ๆ ทาการเกบ็ รวบรวมไว้แลว้ เช่น ข้อมูลทั่วไปของผกั กาดขาว ข้ันตอน
การปลกู และดูแลผักกาดขาว

26

3.5 สถิติที่ใชว้ เิ คราะหข์ ้อมูล
ลาไย มากเจริญ (2551 : ออนไลน์) ไดใ้ หค้ านิยามของ ต้นทนุ หมายถึงมูลค่าของทรพั ยากรที่

วัดออกมาเป็นหน่วยเงินตราที่ได้สญู เสียไปเพื่อใหไ้ ด้สินค้า สินทรัพย์ หรือบริการต่าง ๆ ซึ่งต้นทุนท่ี
เกิดข้นึ น้นั อาจให้ประโยชนใ์ นปัจจุบันหรืออนาคตได้

ดวงมณี โกมารทตั (2554 : ออนไลน์) ไดใ้ ห้คานิยามของ ต้นทนุ หมายถงึ มลู ค่าทีว่ ัดได้เป็น
จานวนเงินของสินทรัพย์หรือความเสียสละท่ีกิจการได้ลงทุนเพ่ือให้ได้สินค้า สินทรัพย์หรือบริการ
ต่าง ๆ ที่กิจการคาดว่าจะนาไปใชไ้ ด้เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นกจิ การภายหลัง

สมนึก เอ้ือจิระพงษ์พันธ์ (2555 : ออนไลน์) ได้ให้คานิยามของ ต้นทุน หมายถึง มูลค่าของ
ทรัพยากรทสี่ ูญเสียไปเพอื่ ให้ไดส้ ินค้าหรือบรกิ าร โดยมลู คา่ นนั้ จะต้องสามารถวัดเปน็ หน่วยเงนิ ตรา

ดังนั้น ต้นทุนในการศึกษาครั้งนี้ หมายถึง ต้นทุนท้ังส้ินจากการลงทุนการทาสวนปลูก
ผกั กาดขาวและจาหนา่ ยผกั กาดขาว

ส่วนประกอบของต้นทุนท่ีใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะประกอบด้วย
วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ซ่ึงถ้าพิจารณาในด้านทรัพยากรที่เป็น
ส่วนประกอบของสนิ คา้ แลว้ ประกอบด้วย

3.5.1 วตั ถุดบิ (Materials)
วัตถุดิบนับว่าเป็นส่วนประกอบสาคัญของการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์สาเร็จรปู โดยทว่ั ไป
ซึง่ ตน้ ทนุ ท่ีเก่ียวกบั การใชว้ ัตถดุ ิบในการผลติ สินค้าอาจจะถกู แบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ คือ

3.5.1.1 วัตถุดิบทางตรง (Direct Materials) หมายถึง วัตถุดิบหลักท่ีใช้ในการ
ผลิตและสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณและต้นทุน
เท่าใดรวมทั้งจดั เป็นวตั ถุดิบส่วนใหญท่ ่ีใชใ้ นการผลติ สนิ คา้ ชนิดนน้ั ๆ

3.5.1.2 วัตถุดิบทางอ้อม (Indirect Materials) หมายถึง วัตถุดิบต่าง ๆ ท่ี
เก่ียวข้องโดยทางอ้อมกับการผลิตสินค้า แต่ไม่ใช่วัตถุดิบหลักหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่ โดยปกติแล้ว
วัตถุดบิ ทางอ้อมอาจจะถกู เรยี กว่า “วสั ดุโรงงาน” ซึ่งจะถือเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ ชนิดหนึ่ง

3.5.2 ค่าแรงงาน (Labor)
ค่าแรงงาน หมายถึง ค่าจ้างหรือผลตอบแทนท่ีจ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานที่ทาหน้าท่ี
เกีย่ วข้องกับการผลติ สนิ คา้ โดยปกตแิ ลว้ คา่ แรงงานจะถูกแบ่งออกเปน็ 2 ชนดิ คือ คา่ แรงงานทางตรง
(Direct Labor) และค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor)

27

3.5.2.1 ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) หมายถึง ค่าแรงงานต่าง ๆ ท่ีจ่าย
ให้แก่คนงานหรือลูกจ้างท่ีทาหน้าที่เก่ียวข้องกับการผลิตสินค้าสาเร็จรูปโดยตรง รวมทั้งเป็น
คา่ แรงงานท่ีมจี านวนมากเมอื่ เทียบกับค่าแรงงานทางออ้ มในการผลติ สนิ ค้าหน่วยหนง่ึ ๆ และจดั เป็น
คา่ แรงงานส่วนสาคญั ในการแปรรปู วัตถุดิบให้เป็นสนิ ค้าสาเรจ็ รูป

3.5.2.2 ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor) หมายถึง ค่าแรงของบุคคลทีท่ า
หนา้ ท่สี นับสนนุ การผลิต ซง่ึ ไมเ่ กีย่ วข้องกับการผลิตสินคา้ โดยตรง ค่าแรงงานทางอ้อมจะถอื เป็นส่วน
หนงึ่ ของค่าใช้จ่ายการผลติ

3.5.3 ค่าใชจ้ า่ ยการผลิต (Manufacturing Overhead)
ค่าใช้จ่ายการผลิต หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยชนดิ ต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการผลติ สนิ ค้านอกเหนือจาก
วตั ถุดิบทางตรงและคา่ แรงงานทางตรง เชน่ วัตถดุ บิ ทางออ้ ม คา่ แรงงานทางอ้อม ซึง่ ค่าใชจ้ ่ายเหลา่ น้ี
จะต้องเป็นคา่ ใช้จา่ ยที่เกี่ยวกบั การดาเนนิ การผลิตในโรงงานเทา่ นั้น
การคานวณต้นทุนของระบบบัญชีและการเงินของกิจการเป็นการบันทึกการวัดผลและ
รายงานข้อมูลเก่ยี วกับต้นทุนการผลติ และจาหน่ายผักกาดขาว ดังน้ันต้นทุนการผลิตจะประกอบไป
ด้วย ข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งแสดงการใช้สตู ร
คานวณดงั ต่อไปน้ี
ต้นทนุ การผลิต = วตั ถุดิบทางตรง + คา่ แรงงานทางตรง + ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิต
ต้นทุนการผลติ ตอ่ หนว่ ย = วตั ถดุ บิ ทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าใช้จา่ ยในการผลิต

จานวนหนว่ ยท่ผี ลติ ได้
อัตรากาไรขัน้ ตน้ เป็นการวดั อัตราส่วนเปรยี บเทยี บผลกาไรข้ันต้นกบั ยอดขาย ทาใหส้ ามารถ
ประเมินประสทิ ธิภาพในการดาเนนิ งานของกิจการเปรยี บเทยี บผลกาไรจากการขายเทียบเป็นรอ้ ยละ
ของยอดขาย

อตั ราสว่ นกาไรข้ันตน้ = กาไรขัน้ ตน้ x 100
ยอดขายสุทธิ

การคานวณกาไรสุทธิเป็นสูตรท่ีใชส้ าหรบั งบกาไรขาดทนุ ซ่ึงกาไรสทุ ธิสามารถคานวณได้จาก
การนารายได้รวมท้ังทางตรงและทางอ้อมของกิจการ นามาหักลบด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด
อันประกอบดว้ ยต้นทุนของสินคา้ คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนนิ การของกจิ การทุกประเภท รวมทง้ั ภาษีจ่าย
ซงึ่ แสดงการใช้สตู รคานวณดงั ต่อไปน้ี

กาไรสทุ ธิ= รายได้รวม – ค่าใช้จา่ ยรวม

28

อัตรากาไรสุทธิเป็นการวัดอัตราส่วนทางการเงินระหว่างผลกาไรสุทธิกับยอดขาย ซ่ึงเป็น
อัตราส่วนท่บี อกถงึ ความสามารถการทากาไรสทุ ธขิ องกจิ การ บอกถึงประสิทธิภาพการดาเนินงานของ
กจิ การ

อตั รากาไรสุทธิ= กาไรสุทธิx 100
ยอดขายสุทธิ

บทท่ี 4
ผลการดาเนนิ งาน

จากการศึกษา เรื่อง ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวนของ
นางอลิสา ศรกาเนิด บ้านปา่ ขนนุ ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ มีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อ 1) ศึกษา
ตน้ ทนุ ของการปลูกผกั กาดขาว กรณศี กึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุง้ ตะเภา
อาเภอเมืองอตุ รดิตถ์ จงั หวดั อุตรดิตถ์ 2) เพือ่ ศกึ ษาผลตอบแทนของการปลูกผักกาดขาว กรณศี กึ ษา
สวนของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
คณะผู้ศึกษาได้ดาเนินงานตามระเบียบวิธีวิจัยอย่างเป็นระบบ โดยปรากฏผลการศึกษาจาแนก
วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน ดังนี้
4.1 ขอ้ มลู ทว่ั ไป

4.1.1 ข้อมลู ส่วนตวั
ผู้ให้สัมภาษณ์ คือ นางอลิสา ศรกาเนิด อายุ 58 ปี เป็นเจ้าของสวนผักกาดขาว

เลขท่ี 48 หมู่ 3 บา้ นป่าขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดิตถ์
4.1.2 ขอ้ มูลเก่ียวกบั กิจการ
สวนของนางอลิสา ศรกาเนิด เป็นสวนท่ีทากนั ภายในครอบครวั มาประมาณ 10 ปี

โดยจุดเริ่มต้นของการทาสวนคือเกิดจากการท่ีครอบครัวไม่มีรายได้ และมีท่ีดินติดกับแม่น้าน่าน
ท่ีสามารถดึงน้าขึ้นมาใช้ได้ จึงคิดหาวิธีเพิ่มรายได้โดยการช่วยกันทาสวนปลูกผักขาย จึงเลือก
ผักกาดขาว เพราะตลาดมีความต้องการอยู่ตลอด และในบางรุ่นอาจจะมกี ารผลัดไปปลกู ผกั ชนดิ อ่ืน
ด้วย เช่น กะหล่าปลี บล็อกโคลี ปัจจุบัน นางอลิสา สอนกาเนิด มีอายุ 58 ปี เป็นเจ้าของสวน โดยมี
คนในครอบครวั ช่วยกันทาอีก 2 คน คือ นางพนิตา ศรกาเนิด และนางกามะหยี่ ศรกาเนิด โดยไดท้ า
สวนที่เลขท่ี 48 หมู่ 3 บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นการ
จาหน่ายแบบส่ง โดยจะมีรถมารับซื้อท่ีสวน ซึ่งมีเงินทุนเร่ิมแรกในการทาสวนเป็นเงินประมาณ
15,000 บาท เปน็ เงินสว่ นตวั
4.2 ตน้ ทนุ การผลติ

ลาไย มากเจรญิ (2551 : ออนไลน)์ ไดใ้ ห้คานยิ ามของ ต้นทนุ หมายถงึ มูลคา่ ของทรพั ยากรท่ี
วัดออกมาเป็นหน่วยเงินตราท่ีได้สูญเสียไปเพ่ือให้ได้สินค้า สินทรัพย์ หรือบริการต่าง ๆ ซ่ึงต้นทุนที่
เกิดข้นึ นนั้ อาจใหป้ ระโยชน์ในปจั จบุ ันหรืออนาคตได้

30

ดวงมณี โกมารทัต (2554 : ออนไลน์) ได้ให้คานิยามของ ต้นทุน หมายถึง มูลค่าที่วัดได้เป็น
จานวนเงินของสินทรัพย์หรือความเสียสละที่กิจการได้ลงทุนเพื่อให้ได้สินค้า สินทรัพย์หรือบริการ
ต่าง ๆ ทกี่ ิจการคาดวา่ จะนาไปใช้ได้เพือ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ในกิจการภายหลัง

สมนึก เอ้ือจิระพงษ์พันธ์ (2555 : ออนไลน์) ได้ให้คานิยามของ ต้นทุน หมายถึง มูลค่าของ
ทรัพยากรท่สี ูญเสียไปเพื่อให้ไดส้ นิ ค้าหรือบริการ โดยมูลค่านน้ั จะตอ้ งสามารถวัดเปน็ หน่วยเงินตรา

ดังน้ัน ต้นทุนในการศึกษาครั้งน้ี หมายถึง ต้นทุนทั้งส้ินจากการลงทุนการทาสวนปลูก
ผักกาดขาวและจาหนา่ ยผกั กาดขาว

ส่วนประกอบของต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิ ดจะประกอบด้วย
วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายการผลิต ซ่ึงถ้าพิจารณาในด้านทรัพยากรที่เป็น
ส่วนประกอบของสนิ คา้ แลว้ ประกอบด้วย

4.2.1 วัตถดุ บิ (Materials)
วัตถุดิบนับว่าเป็นส่วนประกอบสาคัญของการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์สาเร็จรูป

โดยทั่วไป ซงึ่ ตน้ ทุนทีเ่ กีย่ วกับการใช้วัตถดุ ิบในการผลิตสินคา้ อาจจะถูกแบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คอื
4.2.1.1 วัตถุดิบทางตรง (Direct Materials) หมายถึง วัตถุดิบหลักท่ีใช้ในการ

ผลิตและสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณและต้นทุน
เทา่ ใดรวมทงั้ จดั เป็นวัตถดุ ิบส่วนใหญท่ ใ่ี ชใ้ นการผลติ สินค้าชนดิ นน้ั ๆ

4.2.1.2 วัตถุดิบทางอ้อม (Indirect Materials) หมายถึง วัตถุดิบต่าง ๆ ที่
เกี่ยวข้องโดยทางอ้อมกับการผลิตสินค้า แต่ไม่ใช่วัตถุดิบหลักหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่ โดยปกติแล้ว
วตั ถดุ ิบทางออ้ มอาจจะถูกเรียกวา่ “วสั ดุโรงงาน” ซงึ่ จะถอื เป็นค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ชนิดหนึง่

4.2.2 คา่ แรงงาน (Labor)
ค่าแรงงาน หมายถึง ค่าจ้างหรือผลตอบแทนท่ีจ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานที่ทาหน้าท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับการผลติ สินคา้ โดยปกตแิ ล้วคา่ แรงงานจะถกู แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื ค่าแรงงานทางตรง
(Direct Labor) และค่าแรงงานทางออ้ ม (Indirect Labor)

4.2.2.1 ค่าแรงงานทางตรง (Direct Labor) หมายถึง ค่าแรงงานต่าง ๆ ท่ีจ่าย
ใหแ้ กค่ นงานหรือลูกจา้ งทท่ี าหนา้ ท่ีเกี่ยวข้องกบั การผลติ สนิ คา้ สาเร็จรปู โดยตรง รวมท้งั เปน็ ค่าแรงงาน
ท่ีมีจานวนมากเม่อื เทียบกับคา่ แรงงานทางอ้อมในการผลติ สินค้าหน่วยหนึง่ ๆ และจดั เปน็ คา่ แรงงาน
ส่วนสาคัญในการแปรรปู วตั ถดุ ิบให้เป็นสนิ ค้าสาเรจ็ รูป

31

4.2.2.2 ค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect Labor) หมายถึง ค่าแรงของบุคคลท่ีทา
หน้าทสี่ นบั สนุนการผลติ ซึ่งไมเ่ กี่ยวขอ้ งกับการผลิตสนิ ค้าโดยตรง คา่ แรงงานทางออ้ มจะถือเป็นส่วน
หนึง่ ของคา่ ใชจ้ ่ายการผลิต

4.2.3 ค่าใช้จา่ ยการผลิต (Manufacturing Overhead)
ค่าใช้จ่ายการผลิต หมายถึง ค่าใช้จ่ายชนิดต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า

นอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรงและค่าแรงงานทางตรง เช่น วัตถุดิบทางอ้อม ค่าแรงงานทางออ้ ม ซึ่ง
คา่ ใชจ้ า่ ยเหล่าน้ีจะตอ้ งเป็นค่าใช้จ่ายทเี่ กยี่ วกับการดาเนนิ การผลติ ในโรงงานเทา่ น้ัน

การคานวณต้นทุนของระบบบัญชีและการเงินของกิจการเป็นการบันทึกการวัดผลและ
รายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตและจาหน่ายผกั กาดขาว ดังนั้นต้นทุนการผลิตจะประกอบไป
ด้วย ข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งแสดงการใช้สตู ร
คานวณดังต่อไปน้ี

ต้นทุนการผลติ = วตั ถดุ บิ ทางตรง + คา่ แรงงานทางตรง + คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต
ตน้ ทนุ การผลติ ตอ่ หนว่ ย = วัตถุดบิ ทางตรง + คา่ แรงงานทางตรง + ค่าใช้จา่ ยในการผลิต

จานวนหนว่ ยทผี่ ลิตได้
การศึกษาต้นทุนการผลติ และจาหน่ายผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนดิ
บา้ นป่าขนนุ ตาบลค้งุ ตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดิตถ์ จังหวดั อตุ รดิตถ์ คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมลู จาก
การสัมภาษณ์เจ้าของสวนในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการผลิตและ
จาหน่ายผักกาดขาว ขั้นตอนการปลูกและค่าแรงงาน คณะผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลการผลิต
ตั้งแต่วันที่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันท่ี 31 ธันวาคม 2564 เพ่ือนามาคานวณต้นทุนการผลติ
และคานวณต้นทุนต่อหน่วย ประกอบด้วย ข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และ
คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ ซึง่ มีรายละเอียด ดังนี้
4.2.1 ขอ้ มลู การลงทุน
การศึกษาต้นทุนการผลติ และจาหน่ายผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนดิ
บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์มีข้อมูลการลงทุน แสดงได้
ดงั ตารางท่ี 4.1 ดังน้ี

32

ตารางท่ี 4.1 แสดงรายละเอียดสนิ ทรพั ย์ของกจิ การ

รายการ จานวน หน่วยนับ ราคา จานวนเงิน อายุการใช้ ค่าเสือ่ ม

(หน่วย) (บาท) งาน ราคา

(ป)ี ตอ่ ปี

ทดี่ นิ 2 ไร่ 50,000 100,000 - -

สายยาง 2 ลูก 650 1,300 10 130

ทอ่ น้า 10 เสน้ 150 1,500 10 150

เครอื่ งปั๊มน้า 1 เคร่อื ง 5,300 5,300 10 530

จอบ 2 ดา้ ม 195 390 10 39

เสียม 1 ด้าม 80 80 10 8

ตาชง่ั 60 กก. 1 เครื่อง 890 890 10 89

ถาดเพาะกล้า 200 ถาด 100 2,000 - -

รวมสนิ ทรัพย์ 111,460 946

จากตารางที่ 4.1 พบวา่ ข้อมูลการลงทนุ ของกจิ การประกอบดว้ ยสินทรพั ยร์ วมทงั้ ส้ิน 10,217

บาท ประกอบด้วย ทีด่ นิ 2 ไร่ 100,000 บาท สายยาง 2 ลูก 1,300 บาท ท่อนา้ 10 เส้น 1,500 บาท

ปั๊มน้า 1 เครื่อง 5,300 บาท จอบ 2 ด้าม 390 บาท เสียม 1 ด้าม 80 บาท ตาช่ัง 60 กก. 1 เคร่ือง

890 บาท ถาดเพาะกลา้ 200 ถาด 2,000 บาท มคี ่าเสอ่ื มของสินทรพั ยท์ ้งั หมด 946 บาท

4.2.2 วตั ถุดบิ ทางตรง

คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบทางตรงการปลูกผักกาดขาวจากการสมั ภาษณ์

เจ้าของสวน พบวา่ การปลูกผกั กาดขาว 1 รุน่ จานวน 2 ไร่ สามารถสรปุ ตน้ ทุนวตั ถดุ ิบทางตรงแสดง

ไดด้ ังตารางท่ี 4.2 ดังน้ี

ตารางที่ 4.2 แสดงตน้ ทนุ วัตถุดบิ ทางตรงในการปลูกผกั กาดขาว 2 ไร่

รายการ ปรมิ าณ หนว่ ยนับ จานวนเงิน หมายเหตุ

(บาท)

เมลด็ พันธผุ์ ักกาดขาว 6 กระปอ๋ ง 2,100

ตราเครอื่ งบิน

รวม 2,100

ปรมิ าณผลผลิตทีไ่ ด้ (กก.) 4,311

ต้นทนุ วตั ถุดิบทางตรงต่อผลผลิต (กก.) 2.05

33

จากตารางที่ 4.2 พบว่า ต้นทุนวัตถุดิบทางตรงในการปลูกผักกาดขาว สรุปได้ว่า การปลกู

ผักกาดขาว 2 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ผักกาดขาว ตราเครื่องบิน 6 กระป๋อง เป็นจานวนเงิน 2,100 บาท

ต้นทนุ ตอ่ กิโลกรมั เท่ากบั 2.05 บาท

4.2.3 คา่ แรงงาน

คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนค่าแรงงานทางตรงในการ ปลูกผักกาดขาวจากการ

สัมภาษณเ์ จา้ ของสวน พบวาการปลกู ผกั กาดขาว 1 ร่นุ จานวน 2 ไร่ มีพนกั งานทงั้ หมด 3 คน และให้

ค่าตอบแทนโดยคานวณจากอตั ราคา่ แรงงานแบบเหมาต่อผกั 1 รุ่น โดยจะไปที่สวนเพ่อื รดน้าเช้า-เย็น

และตัดผักขาย ดังนั้น สรุปตน้ ทนุ ค่าแรงงานทางตรงแสดงได้ดงั ตารางท่ี 4.3 ดังน้ี

ตารางที่ 4.3 แสดงตน้ ทุนค่าแรงงานทางตรงในการปลูกผกั กาดขาว 2 ไร่

รายการ ค่าแรง ร้อยละ หมายเหตุ

นางอลสิ า ศรกาเนดิ 2,000 33.33

นางพนติ า ศรกาเนดิ 2,000 33.33

นางกามะหย่ี ศรกาเนิด 2,000 33.33

รวม 6,000 100.00

ปริมาณผลผลิตที่ได้ (กก.) 4,311

ต้นทนุ ค่าแรงงานทางตรงตอ่ หน่วย (กก.) 1.39

จากตารางท่ี 4.3 พบว่า ต้นทุนค่าแรงงานทางตรงในการปลกู ผักกาดขาว 2 ไร่ ระยะเวลา 2

เดือน เท่ากับ 6,000 บาท สรุปได้ว่า นางอลิสา ศรกาเนิด เจ้าของสวน เป็นเงิน 2,000 บาท คิดเป็น

ร้อยละ 33.33 นางพนิตา ศรกาเนิด เป็นเงิน 2,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 33.33 นางกามะหย่ี ศร

กาเนิด เปน็ เงนิ 2,000 บาท คดิ เปน็ ร้อยละ 33.33 และตน้ ทุนต่อหน่วยเทา่ กับ 1.39 บาท

4.2.4 ค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ

คณะผู้ศกึ ษาได้เก็บรวบรวมขอ้ มลู ค่าใชจ้ ่ายในการปลูกผกั กาดขาว ประกอบด้วย คา่ สารเคมี

ค่าไฟฟ้า คา่ เหมา โดยสรุปคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตแสดงได้ดังตารางท่ี 4.4 ดังนี้

34

ตารางท่ี 4.4 แสดงคา่ ใช้จ่ายในการปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่

รายการ จานวน หนว่ ยนับ จานวนเงิน รอ้ ยละ หมายเหตุ

(บาท)

ค่าไฟฟา้ -- 327 6.51

คา่ เหมายกรอ่ งแปลงผกั 2 ไร่ 2,400 47.78

ค่ายาคมุ หญ้า 1 ขวด 300 5.97

คา่ ปยุ๋ เร่งโต 1 กระสอบ 750 14.93

คา่ ฟางข้าว 10 กอ้ น 300 5.97

ค่าเส่อื มราคา-สายยาง 10 ปี 130 2.59

คา่ เส่ือมราคา-ทอ่ น้า 10 ปี 150 2.99

ค่าเสื่อมราคา-เครื่องป๊ัมน้า 10 ปี 530 10.55

คา่ เสื่อมราคา-จอบ 10 ปี 39 0.78

ค่าเสอ่ื มราคา-เสียม 10 ปี 8 0.16

คา่ เส่ือมราคา-ตาชงั่ 10 ปี 89 1.77

รวม 5,023 100.00

จากตารางที่ 4.4 พบว่า ค่าใชจ้ า่ ยในการปลูกผกั กาดขาว ประกอบด้วย ค่าไฟฟ้า จานวนเงิน

327 บาท คดิ เป็นร้อยละ 8.02 คา่ ไถท่แี ละค่ายกรอ่ งแปลงผกั จานวนเงนิ 2,400 บาท คิดเป็น 58.86

ค่ายาคมุ หญ้า จานวนเงิน 300 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 7.36 คา่ ป๋ยุ เรง่ โต จานวนเงนิ 750 บาท คิดเปน็ ร้อยละ

18.40 คา่ ฟางข้าว จานวนเงนิ 300 บาท คิดเป็นร้อยละ 7.36 ค่าเสือ่ มราคา-สายยาง จานวนเงิน 130

บาท คิดเป็นร้อยละ 2.59 ค่าเส่ือราคา-ท่อน้า จานวนเงิน 150 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.99 ค่าเสื่อม

ราคา-เคร่ืองป๊ัมน้า จานวนเงิน 530 บาท คิดเป็นร้อยละ 10.55 ค่าเส่ือมราคา-จอบ จานวนเงิน 39

บาท คิดเปน็ ร้อยละ 0.78 คา่ เส่อื มราคา-เสยี ม จานวนเงิน 8 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.16 คา่ เส่อื มราคา-

ตาช่งั จานวนเงิน 89 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.77

4.2.5 ต้นทนุ การผลิต

การศกึ ษาตน้ ทนุ การผลติ และจาหนา่ ยผักกาดขาว กรณศี กึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนดิ

บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูล

ต้นทนุ การผลิต ต้ังแต่วนั ท่ี 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวนั ท่ี 31 ธันวาคม 2564 เพอื่ นามาคานวณต้นทุน

การผลิต และคานวณตน้ ทนุ ตอ่ หน่วย ประกอบดว้ ย ข้อมูลตน้ ทนุ วัตถดุ ิบทางตรง คา่ แรงงานทางตรง

และคา่ ใชจ้ ่ายในการผลิต แสดงดงั ตารางท่ี 4.5 ดังนี้

35

ตารางที่ 4.5 แสดงต้นทนุ การปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่

รายการ จานวนเงิน(บาท) รอ้ ยละ หมายเหตุ

วัตถดุ ิบทางตรง 2,100 16.00

คา่ แรงงานทางตรง 6,000 45.72

คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ 5,023 38.28

รวม 13,123 100.00

ปรมิ าณผลผลิตทไี่ ด้ (กก.) 4,311

ต้นทุนต่อหนว่ ย 3.04

จากตารางที่ 4.5 พบว่า ตน้ ทุนการปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่ เทา่ กับ 13,123 บาท ประกอบดว้ ย

วัตถุดิบทางตรง 2,100 บาท คิดเป็นร้อยละ 16.00 ค่าแรงงานทางตรง 6,000 บาท คิดเป็นร้อยละ

45.72 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 5,023 บาท คิดเป็นร้อยละ 38.28 และต้นทุนต่อหน่วย เท่ากับ 3.04

บาท

การคานวณ

ต้นทุนการผลติ = วตั ถุดบิ ทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต

= 2,100 + 6,000 + 5,023

= 13,123 บาท

ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย = วัตถุดิบทางตรง + ค่าแรงงานทางตรง + ค่าใช้จ่ายในการผลิต

จานวนหนว่ ยท่ผี ลติ ได้

= 2,100 + 6,000 + 5,023

4,311

= 3.04 บาท

4.2.6 คา่ ใช้จ่ายในการขาย

คณะผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายในการขายผักกาดขาว ประกอบด้วย ค่าถุงPP

โดยสรุปค่าใช้จ่ายในการขายแสดงไดด้ ังตารางท่ี 4.6 ดงั น้ี

ตารางท่ี 4.6 แสดงคา่ ใช้จ่ายในการขายการปลกู ผกั กาดขาว 2 ไร่

รายการ จานวน หนว่ ยนับ จานวนเงิน หมายเหตุ
(บาท)

ถุง PP ตราปู ขนาด18x28 น้วิ 31 แพค็ 1,240

รวม 1,240

36

จากตารางที่ 4.6 พบว่า ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารการผลิตและจาหน่ายผักกาดขาว

2 ไร่ ประกอบด้วยถงุ ตราปู ขนาด 18x28 นว้ิ เปน็ เงิน 1,240 บาท

4.3 ผลตอบแทน

ผลประโยชน์หรือผลตอบแทน (Benefits) ของการลงทุน หมายถึง มูลค่าของสินคาหรือ

บริการทผ่ี ลิตได้จากการลงทุน (ตลาดหลักทรพั ย์แห่งประเทศไทย, มปป: ออนไลน)์

อตั รากาไรขน้ั ตน้ (GPM) เป็นการวัดอตั ราสว่ นเปรียบเทียบผลกาไรขน้ั ต้นกบั ยอดขาย ทาให้

สามารถประเมินประสทิ ธภิ าพในการดาเนินงานของกิจการเปรียบเทยี บผลกาไรจากการขายเทยี บเปน็

ร้อยละของยอดขาย (รายได้จากการขายและการให้บริการ) เพ่ือใช้วัดความสามารถของบริษัท

ในการควบคุมต้นทุนสินค้า และความสามารถในการปรบั ราคาขายสนิ ค้าหากบริษัทมีความสามารถ

ในการควบคมุ ตน้ ทนุ เม่อื เทยี บกบั รายไดจ้ ากการขายจะทาให้มีความสามารถในการทากาไรดขี ้นึ ถือว่า

เป็นตัวต้ังต้นของการทากาไรได้หากอัตราส่วนน้ีดีกาไรสุทธิมีแววท่ีจะดีตามและยังทาให้ทราบถึง

ความสามารถการจัดการผลิต การควบคุมต้นทุนการผลิต การต้ังราคาการแข่งขันในอุตสาหกรรม

หากการแข่งขนั สูง จะทาใหก้ าไรขัน้ ต้นมคี วามผนั ผวน

อัตราสว่ นกาไรข้ันต้น = กาไรข้ันต้น x 100

ยอดขายสทุ ธิ

ตารางท่ี 4.7 แสดงรายละเอียดผลตอบแทนจากการปลกู ผกั กาดขาว

วัน/เดือน/ปี จานวนหน่วย ราคาต่อ จานวนเงิน หมายเหตุ

(กก.) หนว่ ย (บาท)

20 ธันวาคม 2564 1,067 10 10,670

21 ธันวาคม 2564 1,192 10 11,920

22 ธนั วาคม 2564 591 10 5,910

23 ธันวาคม 2564 549 10 5,490

24 ธันวาคม 2564 592 10 5,920

28 ธนั วาคม 2564 100 10 1,000

29 ธันวาคม 2564 120 10 1,200

30 ธนั วาคม 2564 100 10 1,000

รวม 43,110

จากตารางที่ 4.7 พบว่า ผลตอบแทนจากการจาหนา่ ยผกั กาดขาว 2 ไร่ โดยการจาหน่ายแบบ

ขายส่ง กิโลกรมั ละ 10 บาท 4,311 กโิ ลกรมั เป็นเงิน 43,110 บาท

37

การคานวณกาไรสุทธิ
กาไรสุทธิ = รายไดร้ วม – ค่าใชจ้ ่ายรวม
= 43,110 – (13,123 + 1,240)
= 28,747 บาท
อัตรากาไรสุทธิ = กาไรสทุ ธิ x 100
ยอดขายสุทธิ
= 28,747 x 100
43,110
= 66.68%

การจดั ทางบกาไรขาดทุน
สวนผักกาดขาว
งบกาไรขาดทุน

สาหรับระยะเวลา 2 เดอื น สน้ิ สุดวนั ที่ 31 ธันวาคม 2564

รายไดจ้ ากการขาย 2,100 หน่วย : บาท
ตน้ ทุนขาย : 6,000 43,110
5,023
วตั ถุดิบทางตรง 13,123
คา่ แรงงานทางตรง 29,987
ค่าใช้จา่ ยในการผลิต 1,240
กาไรขนั้ ต้น 28,747
คา่ ใช้จ่ายในการขาย
กาไรสทุ ธิ

บทที่5
สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

การศึกษา เร่ือง การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของ
นางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
มีวัตถุประสงค์เพือ่ 1) เพื่อศึกษาตน้ ทุนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด
บ้านปา่ ขนุน ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดติ ถ์ จังหวดั อตุ รดติ ถ์ 2) เพอื่ ศึกษาผลตอบแทนการปลกู
ผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมือง
อตุ รดิตถ์ จังหวดั อตุ รดิตถ์ คณะผศู้ ึกษาไดด้ าเนินงานตามระเบียบวธิ วี จิ ยั อยา่ งเป็นระบบ สามารถสรุป
สาระสาคัญของการวิจัยได้ดังน้ี

5.1 สรปุ ผล
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ขอ้ เสนอแนะ
5.1 สรปุ ผล
5.1.1 ขอ้ มูลเกยี่ วกบั กิจการ

สวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด เป็นสวนทท่ี ากันภายในครอบครวั มาประมาณ 10 ปี
โดยจุดเร่ิมต้นของการทาสวนคือเกิดจากการที่ครอบครัวไม่มีรายได้ และมีท่ีดินติดกับแม่น้าน่าน
ท่ีสามารถดึงน้าขึ้นมาใช้ได้ จึงคิดหาวิธีเพิ่มรายได้โดยการช่วยกันทาสวนปลูกผักขาย จึงเลือก
ผักกาดขาว เพราะตลาดมีความตอ้ งการอยู่ตลอด และในบางรุน่ อาจจะมีการผลดั ไปปลูกผกั ชนิดอ่ืน
ด้วย เช่น กะหลา่ ปลี บล็อกโคลี ปัจจุบนั นางอลิสา สอนกาเนิด มีอายุ 58 ปี เป็นเจา้ ของสวน โดยมี
คนในครอบครัวช่วยกนั ทาอกี 2 คน คือ นางพนิตา ศรกาเนิด และนางกามะหย่ี ศรกาเนิด โดยได้ทา
สวนท่ีเลขที่ 48 หมู่ 3 บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นการ
จาหน่ายแบบส่ง โดยจะมีรถมารับซื้อท่ีสวน ซ่ึงมีเงินทุนเร่ิมแรกในการทาสวนเป็นเงินประมาณ
15,000 บาท เปน็ เงนิ ส่วนตวั

5.1.2 ต้นทุนการผลิตและจาหน่ายผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด
บ้านป่าขนนุ ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จงั หวดั อุตรดติ ถ์

คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลต้นทุนการผลิต ตั้งแต่วันท่ี 1 พฤศจิกายน 2564 ถึง
วนั ที่ 31 ธันวาคม 2564 เพ่อื นามาคานวณตน้ ทนุ การผลติ และคานวณตน้ ทุนตอ่ หนว่ ย พบวา่ ต้นทนุ
การปลกู ผักกาดขาว เทา่ กับ 13,123 บาท ประกอบดว้ ย วัตถุดิบทางตรง 2,100 บาท คดิ เป็นร้อยละ

39

16.00 ค่าแรงงานทางตรง 6,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 45.72 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 5,023 บาท คิด
เป็นรอ้ ยละ 38.28 และตน้ ทุนตอ่ หน่วย เท่ากับ 3.04 บาท

5.1.3 ผลตอบแทนการผลติ และจาหน่ายผกั กาดขาว กรณีศกึ ษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนดิ
บ้านป่าขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จังหวดั อุตรดติ ถ์

ผลตอบแทนจากการจาหน่ายผักกาดขาว เดอื นมกราคม 2564 พบวา่ การจาหนา่ ย
ผกั กาดขาวแบบขายส่ง จานวน 4,311 กโิ ลกรมั ๆ ละ 10 บาท เปน็ เงนิ 43,110 บาท
5.2 อภิปรายผล

คณะผู้ศึกษาได้นาผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวน
ของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
เปรียบเทยี บกบั ผลการศกึ ษาของพธิ าน แสนภักดี, (2562) การวจิ ยั ครง้ั น้ีมีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) ศึกษา
ต้นทุนในการลงทุนปลูกข้าวหอมมะลิ 2) ศึกษาผลตอบแทน จากการลงทุนปลูกข้าวหอมมะลิของ
เกษตรกรอาเภอสามชุก จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี กลมุ่ ตัวอย่าง คือ เกษตรกร จานวน 80 ราย โดยใชว้ ธิ ีการ
สุ่มแบบไม่อาศัยความน่าจะเป็น ประเภทการสุ่มแบบบังเอิญ โดยเก็บข้อมูลของฤดูกาลเพาะปลูก
ระหว่างเดือนพฤษภาคม–กันยายน 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบไม่มี
โครงสร้าง ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก และทาการวิเคราะห์ข้อมูลเชิง
ปริมาณ ได้แก่ ต้นทุน กาไรสุทธิ อัตรากาไรสุทธิต่อต้นทุน อัตรากาไร สุทธิต่อยอดขาย อัตรา
ผลตอบแทนจากการลงทนุ (ROI) และจุดค้มุ ทนุ ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ต้นทนุ ในการปลกู ข้าวหอมมะลิ
เฉล่ยี เท่ากับ 4,012.18 บาทต่อไร่ มกี าไรสทุ ธิ จากการปลูกข้าวเฉลีย่ 1,092.13 บาทตอ่ ไร่ อตั รากาไร
สทุ ธิต่อต้นทนุ ร้อยละ 27.22 อตั รากาไรสุทธิ ต่อยอดขายรอ้ ยละ 21.40 2) อตั ราผลตอบแทนจากการ
ลงทุน (ROI) ร้อยละ 22.59 และมีจุดคุ้มทุนอยู่ท่ี 0.27 ตันต่อไร่ ต้นทุนการปลูกข้าวหอมมะลิ
ประกอบด้วย 3 ส่วนสาคัญ ได้แก่ ต้นทุนค่าวัตถุดบิ ร้อยละ 12.44 ต้นทุนค่าแรงงาน ร้อยละ 36.32
และตน้ ทุนค่าใชจ้ า่ ยในการผลติ รอ้ ยละ 51.24
5.3 ข้อเสนอแนะ

5.3.1 ขอ้ เสนอแนะการนาไปใช้ประโยชน์
ควรมกี ารสนับสนนุ ใหค้ วามร้แู กผ่ ู้ประกอบธรุ กจิ อ่ืน ๆ เกยี่ วกบั เร่อื งการผลติ ต้นทุน

และผลตอบแทน เพ่อื ทีจ่ ะไดท้ ราบกระบวนการผลติ และนาไปเป็นข้อมลู ในการประกอบธุรกิจตอ่ ไป

40

5.3.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป
1. ควรมีการประสานงานทด่ี กี บั สถานประกอบการท่ีจะเข้าไปศึกษา เพื่อใหเ้ ข้าใจ

ตรงกันในการเข้าไปสอบถามข้อมูล และการตอบแบบสัมภาษณ์
2. ควรสัมภาษณ์ข้อมูลของสถานประกอบการอย่างละเอียด เพื่อในเวลาที่นามา

วิเคราะห์ในรายงานโครงการจะได้มเี น้ือหาท่คี รบถ้วน ถูกต้อง โดยไม่เจาะจงเฉพาะแค่ประธานกลมุ่
หรือหัวหน้า

3. เมื่อมีข้อสงสัยในการปฏิบัติงาน ควรถามครูที่ปรึกษาโครงการ เพ่ือจะได้ไม่มี
ข้อผดิ พลาดและตรงตามวตั ถุประสงค์

4. ใหส้ ถานประกอบการที่เราสมั ภาษณจ์ ดบนั ทึกรายรบั รายจา่ ยใหล้ ะเอียด

บรรณานกุ รม

พัชนี แพทยอ์ ุดม. (2562). ตน้ ทนุ และผลตอบแทนของการลงทนุ ปลกู พรกิ ไทยแบบอนิ ทรีย์เพอ่ื การคา้
ในจงั หวัดจันทบรุ ี. สบื ค้นเมอื่ 5 พฤศจิกายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
https://searchlib.utcc.ac.th/cgi-bin/koha/opac-detail.pl?biblionumber=310972

พธิ าน แสนภักดี. (2562). ตน้ ทุนและผลตอบแทนในการลงทนุ ปลกู ขา้ วหอมมะลขิ องเกษตรกร
อาเภอสามชุก จงั หวัดสุพรรณบรุ ี. สบื ค้นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
file:///C:/Users/NB%20DELL/Downloads/kitiyanapalai,+%7B$userGroup%

ปิยะราช เตชะสบื . (2559). ต้นทนุ และผลตอบแทนของการลงทนุ โครงการปลูกผกั กยุ ชา่ ยปลอด
สารพิษเพอื่ การค้าในจงั หวดั ลาปาง. สบื ค้นเม่ือ 5 พฤศจิกายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
http://it.nation.ac.th/studentresearch/files/5601131023221f.pdf

ชมดาว ขาจริง. (2559). ผลของฤดูกาลท่ีมีตอการเจริญเติบโต คุณภาพภายใน และระดับการเกดิ สี
นาตาลในผักกาดหอม. สบื ค้นเมอ่ื 5 พฤศจกิ ายน 2564, จากเว็บไซต์
http://www.mcc.cmu.ac.th/Seminar/pdf/P989630080.pdf

ประภาพร กิจดารงธรรม. (2559). ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตผกั อินทรีย์ของกลมุ่ เกษตรอินทรีย์
อาเภอสนั ทราย แม่ริม แมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม่. สบื คน้ เม่ือ 5 พฤศจกิ ายน 2564,
จากเวบ็ ไซต์ http://mdc.library.mju.ac.th/research/2561/prapaporn

ไทยเกษตรศาสตร์. (2555). ผกั กาดขาว. สืบคน้ เม่ือวันที่ 1 ธนั วาคม 2564, จากเวบ็ ไซต์
https://www.thaikasetsart.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0ไ
%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7/

ไทยเชฟ. ผกั กาดขาว. สบื คน้ เม่ือ 10 ธนั วาคม 2564, จากเว็บไซต์ http://www.thaichef.in.th
/mobile/article_herbdetail.php?aid=13

ลาไย มากเจรญิ . (2551). การบญั ชีตน้ ทุน กรงุ เทพฯ : ทรปิ เพิล เอ็ดดูเคชน่ั .
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี. มปป. ความรทู้ ัว่ ไปเกยี่ วกบั การบัญชี. สบื ค้นเมอื่ 20 มกราคม

2565, จากเว็บไซต์ https://hiperc.sru.ac.th/pluginfile.php/76714/mod_resource
/content.pdf
วรศักดิ์ ทุนมานนท์ และ ธีรยุส วัฒนาศภุ โชค “ระบบการบรหิ ารตน้ ทนุ กิจกรรมและระบบการวัดผล
ดลุ ยภาพ” บรษิ ัท ธรรมนติ ิ เพรส จากัด, 2545.
สมนกึ เออื จริ ะพงษพ์ ันธ์ “การบัญชีตน้ ทุน 1” บรษิ ัท สานักพมิ พท์ อ้ ป จากัด, 2545.
เพ็ญแข สนิทวงศ์ ณ อยธุ ยา "การบัญชตี น้ ทนุ " โรงพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2534.
กิ่งกนก พิทยานุคุณ และคณะ "การบญั ชีตน้ ทุน" หา้ งห้นุ สว่ นจากดั โรงพิมพ์ ชวนพมิ พ์, 2537.


Click to View FlipBook Version