ภาคผนวก ก
โครงงานการศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทน
การปลกู ผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของ
นางอลิสา ศรกาเนิด บ้านปา่ ขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา
อาเภอเมืองอตุ รดติ ถ์ จงั หวดั อุตรดติ ถ์
แบบข้อเสนอโครงงาน
1. ชื่อโครงงาน การศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนการปลูกผกั กาดขาว
กรณศี กึ ษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิดบา้ นป่าขนนุ ตาบลคุง้ ตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์
2. ผู้รับผดิ ชอบโครงงาน
2.1 ทปี่ รกึ ษาโครงงาน
ครูเบญจพร อ่าแจ้ง สาขาวชิ าการบญั ชี
2.2 ผู้จัดท่าโครงงาน
2.2.1 นางสาวบษุ ณกี ร เมฆบรสิ ทุ ธ์ เลขท่ี 16
ปวส. 2/2 สาขาวิชาการบญั ชี
2.2.2 นางสาวภวู นิดา โสภาใจ เลขที่ 24
ปวส. 2/2 สาขาวชิ าการบัญชี
2.2.3 นางสาวอรทัย ใจธิ เลขท่ี 32
ปวส. 2/2 สาขาวิชาการบัญชี
3. ความเป็นมาและความส่าคัญของปญั หา
ผกั กาดขาวหรือผักกาดขาวปลี เป็นพชื ลม้ ลุกในวงศเ์ ดยี วกบั คะนา้ และบรอกโคลี มถี น่ิ กาเนิด
มาจากประเทศจีน ซ่ึงจากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์นนั้ ชาวจนี ใช้ผักกาดขาวปรุงเปน็ อาหารมานาน
หลายพันปีแล้ว ผักกาดขาวมีหลายพันธ์ุ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ชนิดปลียาว เช่น ผักกาดโสภณ
ผกั กาดหางหงส์ ชนดิ ปลีกลม เช่น พนั ธซุ์ าลาเดียไฮบริด และชนดิ ปลหี ลวม เช่น ผักกาดขาวธรรมดา
ผักกาดขาวนิยมปลูกกันในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ท่ีมีท้ังการปลูกเพ่ือจาหน่ายเป็น
อาชีพ หรือปลกู ไว้เพ่อื บริโภคในครัวเรอื น เกษตรกรเลือกทจี่ ะปลกู ผกั กาดขาว เพราะมีความตอ้ งการ
ในตลาด ราคาดี และปลูกงา่ ยเก็บเกี่ยวไวในระยะเวลาเพียงประมาณหน่ึงเดือน ต่อการปลกู หน่ึงร่นุ
ผักกาดขาวจะถูกนิยมนามาเป็นวัตถุดิบในการทาอาหารและยังมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคจานวนมาก
เพราะผกั กาดขาวเป็นผักท่มี ีเส้นใยสงู โดยเสน้ ใยท่วี ่าน้เี ป็นเสน้ ใยที่ไมล่ ะลายน้า แตจ่ ะพองตวั เม่ือมีน้า
จึงมีความสามารถในการอมุ้ นา้ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการอุ้มน้าได้ดีน้ีจะช่วยเพิ่มปริมาตรของกากอาหาร
ช่วยกระตุ้นการเคล่อื นไหวของลาไส้ ทาให้กากอาหารอ่อนนุ่ม ขับถ่ายสะดวก และยังช่วยแก้อาการ
ท้องผูกอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพ่ิมความหนืด ทาให้ไม่ถูกย่อยได้ง่าย ช่วยดูดซับและแลกเปลยี่ น
ประจุ จึงช่วยป้องกันและกาจัดสารอนมุ ูลอิสระในร่างกาย ช่วยดึงเอาสารพิษที่ปนเป้ือนในอาหารท่ี
รับประทาน ช่วยลดความหมักหมมของลาไส้ จึงมีผลทาให้ช่วยลดความเสี่ยงของการเกดิ โรคมะเร็ง
ลาไสไ้ ด้เป็นอย่างดี
จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นอีกหน่ึงจังหวัดท่ีทาอาชีพเกษตรกรรม เกษตรกรนิยมปลูกผักไว้เพื่อ
จาหน่ายและบรโิ ภค ที่บา้ นป่าขนุนมพี ้นื ท่ีติดกับแมน่ า้ นา่ น ทาใหเ้ หมาะแก่การทาเกษตรกรรม เพราะ
สามารถนาน้าในแม่น้ามาใช้ได้ รวมไปถงึ นางอลิสา ศรกาเนิด เกษตรกรบา้ นป่าขนุน ตาบลคุง้ ตะเภา
อาเภอเมอื งอุตรดติ ถ์ จงั หวัดอุตรดิตถ์ ทม่ี พี ้ืนทีอ่ ยอู่ าศยั ติดกับแม่น้าน่าน และเกดิ ภาวะการขาดรายได้
จึงคิดท่ีจะทาการเกษตร คือการปลูกผักกาดขาว เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว ทาให้
ครอบครัวเกิดรายได้ กลุ่มผู้ศึกษาจึงได้เข้าไปสัมภาษณ์นางอลิสา ศรกาเนิด เกษตรกรบ้านป่าขนุน
ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จังหวัดอตุ รดติ ถ์ ทาใหท้ ราบถงึ ปัญหาว่ามีความรู้ไม่เพียงพอใน
การคดิ ต้นทุนการผลติ ที่แทจ้ ริงทาใหร้ าคาท่ีจาหน่ายไมค่ ้มุ ค่ากับราคาทนุ นาไปส่กู ารเสยี โอกาสในการ
สร้างรายได้
กลุ่มผู้ศึกษาเหน็ ว่านางอลิสา ศรกาเนิด เกษตรกรบ้านปา่ ขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมือง
อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ประสบปญั หาเรื่องความรูใ้ นการคิดต้นทุนที่ไม่มากพอ จึงจัดทาโครงงาน
ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด
บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จะทาให้ทราบถึงต้นทุนและ
ผลตอบแทนทแ่ี ทจ้ รงิ ของการปลกู ผกั กาดขาวได้อยา่ งถูกต้องและใช้เปน็ แนวทางในการตดั สนิ ใจในการ
ลงทนุ ครงั้ ต่อไป
4. คา่ ถามการศึกษา
1. การปลกู ผกั กาดขาวของบ้านปา่ ขนนุ ใช้ต้นทุนเทา่ ไหร่
2. การปลูกผักกาดขาวไดผ้ ลตอบแทนเท่าไหร่
3. การปลูกผักกาดขาวมีวิธีการปลกู อย่างไร
4. ประวัตคิ วามเป็นมาของการทาเกษตรกรรมของนางอลสิ า ศรกาเนดิ
5. วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาตน้ ทนุ ของการปลกู ผกั กาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด บ้าน
ป่าขนนุ ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดิตถ์
2. เพ่ือศึกษาผลตอบแทนของการปลกู ผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนิด
บ้านป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จังหวดั อตุ รดติ ถ์
6 ขอบเขตของโครงงาน
6.1 ขอบเขตดา้ นเนือ้ หา
ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกผักกาดขาว กรณีศึกษาสวนของนางอลิสา
ศรกาเนิด บ้านปา่ ขนุน ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จังหวดั อุตรดติ ถ์
6.2 ขอบเขตด้านประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
1. นางอลสิ า ศรกาเนิด ตาแหนง่ เจ้าของสวน
2. นางพนิตา ศรกาเนดิ ตาแหน่ง ลกู จา้ ง
3. นางกามะหย่ี ศรกาเนิด ตาแหนง่ ลกู จา้ ง
6.3 ขอบเขตดา้ นระยะเวลา
เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564 ถึง เดอื นกุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565
6.4ขอบเขตดา้ นสถานท่ี
เลขท่ี 48 หมู่ 3 บ้านป่าขนนุ ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอตุ รดิตถ์ จงั หวัดอุตรดิตถ์
7. ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั
1. ทราบต้นทุนของการปลกู ผกั กาดขาว กรณศี กึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด บ้านป่าขนนุ
ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดติ ถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์
2. ทราบผลตอบแทนของการปลูกผักกาดขาว กรณศี ึกษาสวนของนางอลิสา ศรกาเนดิ บา้ น
ป่าขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดติ ถ์ จังหวดั อุตรดิตถ์
3. มคี วามรูค้ วามเข้าใจในข้ันตอนการปลกู ผักกาดขาว
4. มีความรทู้ ่วั ไปเก่ียวกบั ผักกาดขาว
8. แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
โครงงานศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทนการปลูกผกั กาดขาว กรณศี ึกษาเกษตรกรบ้านป่าขนุน
ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและ
ผลตอบแทนการปลกู ผักกาดขาว กลุ่มผู้ศึกษาได้ทาการศึกษาแนวคิดทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง
ดงั ต่อไปนี้
8.1 ความหมายและความสาคัญของการจดั ทาบัญชี
8.2. ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกับผักกาดขาว
8.3 วิธกี ารปลกู ผกั กาดขาว
8.4 หลักการและแนวคิดเกย่ี วกับตน้ ทนุ
8.5 หลกั การและแนวคิดเก่ยี วกับผลตอบแทน
8.6 งานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้อง
8.1 ความหมายและความส่าคญั ของการจดั ท่าบญั ชี
ความหมายของการบัญชนี ้นั มีหน่วยงานต่าง ๆ ไดใ้ ห้คาจากดั ความของคาว่า “การบญั ชี” ไว้
หลายหน่วยงาน เช่น
สมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของประเทศอเมริกา ( American Institute of
Certified Public Accountants หรือ AICPA) ให้คานิยามไว้ดังนี้ “การบัญชี คือ การจดบนั ทึก การ
จาแนก การสรุปผล และการจดั ทารายงานทางการเงิน โดยใช้หน่วยวัดเป็นเงินตรา รวมถึงการแปล
ความหมายของรายงานเก่ียวกับการเงินดงั กล่าว เพอื่ นาไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจได้อยา่ งถกู ตอ้ ง”
สมาคมนักบัญชีและผสู้อบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย (ในปัจจุบันคือสภา
วิชาชพี บญั ชี) ได้ใหค้ วามหมายไวว้ ่า “การบัญชี คอื ศลิ ปะของการเกบ็ รวม รวมบันทึก จาแนกและทา
สรุปข้อมูลอันเก่ียวกับ เศรษฐกิจในรูปตัวเงิน ผลงานขั้นสุดท้ายของกาบัญชีก็คือการให้ข้อมูลทาง
การเงนิ ซ่ึงเปน็ ประโยชน์แกบ่ ุคคลหลายฝ่าย และผูท้ ส่ี นใจในกิจกรรมของกจิ การ”
จากความหมายต่าง ๆ ของการบัญชี สรุปได้ว่า การบัญชี (Accounting) หมายถึง
ศลิ ปะของการเกบ็ รวบรวม บันทึก จาแนก และทาสรุปข้อมลู อนั เก่ียวกบั เหตกุ ารณ์ทางเศรษฐกจิ ในรปู
ตวั เงนิ ผลงานขน้ั สุดทา้ ยของการบัญชีก็คือการให้ข้อมูลทางการเงนิ ซึง่ เป็นประโยชน์แก่บคุ คลหลาย
ฝ่าย และผู้ทส่ี นใจในกิจกรรมของกิจการ
ประโยชนข์ องการบัญชี
1. การทาบัญชี จะทาให้กิจการ ทราบผลการดาเนินงาน, ฐานะทางการเงินของ
ธรุ กจิ , และความมนั่ คงของธุรกจิ โดยในการจัดทาบัญชนี นั้ จะบันทึกบญั ชีรายการตา่ ง ๆ ทเี่ กดิ ข้ึนใน
การดาเนนิ ธรุ กิจ เชน่ การลงทุน รายรบั และ รายจา่ ย ที่เป็นของกิจการน้นั โดยไมน่ าสว่ นท่ีเปน็ ของ
ส่วนตัว(ส่วนของเจ้าของ) เข้ามาบันทกึ ดว้ ย เมื่อมีการบันทึกรายการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลท่ไี ด้
บันทึกไว้นั้น จะสามารถนามาจัดทาเป็นรายงานทางการเงินได้ เช่น งบดุล และ งบกาไรขาดทุน ซึ่ง
เปน็ ภาพสะท้อนในการดาเนินธรุ กจิ ดังน้ี คอื งบกาไรขาดทุน จะสะท้อนภาพผลการดาเนินงานในรอบ
ระยะเวลาหนึ่งๆ ว่า กิจการมีรายได้หรือคา่ ใชจ้ ่ายเป็นจานวนเทา่ ไร มีผลกาไรหรือขาดทุน นอก จากนี้
ยังชว่ ยในการประเมินถึงความสามารถในอนาคตไดอ้ กี ด้วย เชน่ การวเิ คราะหแ์ นวโน้มการเตบิ โตของ
รายได้ งบดุล จะสะท้อนภาพฐานะทางการเงินของกิจการ ได้แก่ ทรัพย์สิน หน้ีสิน และ ส่วนของ
เจ้าของ ว่ามีความม่ันคงมากน้อยแค่ไหน สินทรัพยท์ ี่มีอยู่จะบ่งบอกศักยภาพในการเจริญเตบิ โตและ
ความสามารถทางการแข่ง ขนั ของธรุ กจิ ในอนาคต นอกจากนี้ยังแสดงถงึ สภาพคล่องและความเสย่ี งใน
ขณะนั้น
2. เพอื่ เป็นเครอ่ื งมือช่วยในการวางแผนและตัดสนิ ใจของธุรกิจข้อมูล บัญชีจะเป็นประโยชน์
ต่อการวางแผนและการตัดสินใจ โดยประเมินจากข้อมูลเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต
ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของรายงานวิเคราะห์ต่าง ๆ อันเป็นเคร่ืองมือช่วยให้ ผู้บริหารงานสามารถ
ดาเนินงานอย่างมีประสทิ ธิภาพมากข้ึน ช่วยในการพยากรณ์เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตได้
อย่างมีทศิ ทาง และ ความเชือ่ มนั่ สูง สามารถนามาวิเคราะหค์ วามเปน็ ไปได้ของการลงทุนที่จะเกิดข้ึน
ในอนาคต ดังนั้น หากมีข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง ทาให้สามารถพัฒนากิจการให้เจริญก้าวหน้าอย่าง
ยง่ั ยนื
3. เพอื่ เปน็ เคร่อื งมือในการวางแผนกาไร และควบคมุ คา่ ใชจ้ า่ ยของบริษัท เนอ่ื งจาก
ในการทาบญั ชีอย่างถูกตอ้ ง จะทาให้กจิ การทราบจานวนต้นทุนและค่าใช้จา่ ยท่ีเกิดข้ึน และสามารถ
คานวณตน้ ทุนของสนิ คา้ และบริการของกจิ การได้อยา่ งถูกตอ้ ง ซึง่ จะชว่ ยในการตัดสินใจกาหนดราคา
สินค้า หรือ บริการของธุรกิจ ช่วยในการควบคุมต้นทุนการผลติ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม
ประมาณการท่ีได้กาหนดไว้ และสามารถนาไปวเิ คราะห์ ปรบั ปรุงรายจ่ายทีไ่ ม่จาเปน็ ออก รวมถงึ ชว่ ย
ในการวางแผนการดาเนินงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับทรัพยากรที่ กิจการมอี ยู่ นอกจากนี้การ
บันทึกบัญชีจะทาให้สามารถตรวจสอบหาหลักฐานในการเบิกจา่ ยแต่ละครั้ง จึงช่วยลดปัญหาในการ
เบกิ จ่ายซ้าซ้อนได้
4. เพื่อเป็นเครือ่ งมอื ในการหาแหล่งเงินทุนในการจัดทาบัญชจี ะทาใหเ้ ราได้รายงาน
ทางเงนิ ทใ่ี ช้เป็นส่ือกลางในการติดตอ่ ทาง ธรุ กจิ ต่าง ๆ อันเปน็ หลักฐานในการสร้างความเชื่อมั่นให้กบั
เจ้าหนแี้ ละสถาบนั การเงนิ เชน่ เมอ่ื เราตอ้ งการเงินทุนเพ่ิมก็สามารถนารายงานทางการเงินนนั้ ไปเป็น
ข้อมูล ประกอบในการขอสนิ เช่ือกับธนาคาร หรือ เจ้าหน้ีเงนิ กู้ โดยธนาคาร หรือ เจ้าหนี้เงนิ กู้ จะใช้
รายงานทางการเงินของกจิ การ เพือ่ พิจารณาอนุมตั สิ ินเชื่อ จากความนา่ เชื่อถอื และ ความสามารถใน
การชาระหนี้ของผู้ขอกู้ยืม รวมถึงกาหนดอัตราดอกเบี้ยที่ เหมาะสมกับความเสี่ยงท่ีผู้ให้กู้จะได้รับ
อันก่อให้เกดิ ประโยชนใ์ นการทจี่ ะทาใหก้ จิ การจะไดร้ ับวงเงินก้ทู ่ีตอ้ งการ และ จา่ ยดอกเบ้ียในอัตราที่
เหมาะสม
5. เพื่อใหก้ จิ การมีระบบการควบคมุ ภายในที่ดี และเปน็ สัญญาณเตือนภัยของกจิ การ
การมีระบบบญั ชีทด่ี ีจะทาใหม้ ีระบบการควบคุมภายในที่ดีท่ีช่วยใหก้ ิจการปอ้ งกันการทจุ ริตท่อี าจจะ
เกิดขึ้น เน่ืองจากข้อมูลทางการเงิน ตลอดจนรายการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะต้องมีหลักฐานท่ีสามารถ
ยืนยนั ถงึ ทม่ี าที่ไปซึ่งจะทาให้โอกาสทีจ่ ะเกิดการ ทุจริตสามารถทาไดย้ ากย่ิงข้ึน นอกจากนข้ี อ้ มลู ทาง
บัญชีก็ยงั สามารถนามาวิเคราะหห์ าสง่ิ ผดิ ปกตทิ ่เี กิด ขน้ึ หาจดุ บกพร่อง จดุ อ่อน และจดุ ร่ัวไหลได้ ซ่งึ
จะเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กิจการ ได้วางแผน เตรียมการป้องกัน และ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจ
เกดิ ขน้ึ
6. เพ่ือประโยชน์ในการวางแผน เพ่ือเสียภาษีได้อย่างถูกต้องและประหยัด
การจัดทาบัญชีท่ีถูกต้อง จะทาให้ทราบกาไรขาดทุนที่แน่ชัด สามารถวางแผนภาษีอากรได้อย่าง
เหมาะสมประหยัด และ เสยี ภาษีได้อยา่ งถกู ตอ้ งตามกฎหมาย
8.2 ประวตั ิความเป็นมาของผกั กาดขาว
ผักกาดขาวเปน็ ผกั ท่อี ยู่ในตระกูล Cruciferae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Brassica pekinensis มี
ช่ือเรียกกันหลายชื่อ เช่น ผักกาดขาวปลี แป๊ะช่าย แป๊ะช่ายลุ้ย เป็นต้น เป็นพืชอายุปีเดียว มีระบบ
รากต้ืน ใบมีลักษณะหอ่ ปลยี าว หรอื อาจหอ่ หลวม ๆ ทง้ั นีข้ ้นึ อยูก่ บั พนั ธ์ุ ใบมีสีขาวถึงสเี ขยี วอ่อน เป็น
พืชวันยาว ดอกมีสีเหลืองยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ผักกาดขาวส่วนใหญ่มีการผสมข้ามโดยแมลง
และผึง้
ผักกาดขาวมีถนิ่ กาเนิดในตอนเหนอื ของประเทศจนี แผน่ ดนิ ใหญ่ จากนนั้ กม็ ีการแพร่กระจาย
ออกไปสู่ประเทศในแถบเอเซีย โดยมีเส้นทางสาคัญ 2 สาย คือ ทางตะวันออก ซ่ึงมีเส้นทาง
แพร่กระจายไปสู่ประเทศเกาหลี แล้วแพรก่ ระจายเข้าไปในประเทศญ่ปี นุ่ ส่วนอีกทางหนงึ่ เปน็ เส้นทาง
แพรก่ ระจายผ่านภาคกลางแลว้ ลงสภู่ าคใตข้ องประเทศจนี จากน้นั กเ็ ข้าสปู่ ระเทศไตห้ วนั และเผยแพร่
ไปสู่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนแหลมอินโดจีน ได้แก่ ประเทศไทย
มาเลเซยี สิงคโปร์ เม่อื ตอนก่อนสงครามโลกคร้งั ท่ี 2 เล็กน้อย ในศตวรรษท่ี 10 มผี ู้คนรูจ้ กั ผกั กาดขาว
พันธุ์กะเพาะงัว Shino hara (1984) อ้างถึงข้อเขียนของ Li (1981) ว่าในศตวรรษที่ 20 ที่เมืองหาง
โจว อนั เปน็ ทางภาคใตซ้ ง่ึ เชื่อมโยงกบั เมอื งเทยี นจนี นัน้ ผคู้ นรจู้ ัก ผักกาดขาวพนั ธ์ุกะเพาะงวั ซ่งึ ถอื เปน็
พันธ์ุต้นกาเนิดของผักกาดขาวทั้งหลาย ในเวลาต่อมาสาหรับปจั จบุ นั ผักกาดขาวไดถ้ ูกพัฒนาพันธ์ขุ ้นึ
ใหเ้ หมาะสมกับสภาพแวดล้อมในแตล่ ะประเทศ แต่ละทอ้ งถ่นิ โดยรกั ษาใหม้ คี ุณภาพดีและใหผ้ ลผลิต
สงู
ผักกาดขาวนับเป็นผกั ท่มี ีความสาคัญทางเศรษฐกิจชนิดหน่ึงของประเทศไทย เน่ืองจากมีผู้
นิยมบริโภคกนั อย่างแพร่หลาย ส่วนท่ีใช้บรโิ ภค คือส่วนของใบ ซ่ึงมีลักษณะเป็นผืนเดยี วกันตลอด มี
ก้านใบกว้างและแบนผักกาดขาวนอกจากจะใช้บริโภคสดและประกอบอาหารได้หลายอย่างแล้ว ยัง
เปน็ ผกั ที่นามาใช้แปรรูปเปน็ ผกั ตากแหง้ และกิมจิ ตลอดจนเป็นผกั ท่ีใชใ้ นอุตสาหกรรมรปู อืน่ ๆ อีก
8.3. ความรทู้ ว่ั ไปเกี่ยวกบั ผักกาดขาว
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ : Brassica chinensis (L.) Jusl.
ชอื่ สามัญ : Chinese White Cabbage
วงศ์ : Brassicaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพชื อายุปีเดยี ว มีระบบรากตื้น ใบมลี กั ษณะห่อปลียาวหรือ
อาจหอ่ หลวมๆ ทั้งนขี้ น้ึ อยู่กบั พนั ธ์ุ ใบมีสขี าวถงึ สเี ขียวอ่อน เปน็ พชื วันยาวดอกมสี ีเหลอื งยาวประมาณ
1 เซนติเมตร ผักกาดขาวส่วนใหญ่มีการผสมข้ามโดยแมลงและผง้ึ
พันธ์ุผกั กาดขาว
พันธุ์ผักกาดขาวจะมคี วามแตกต่างกนั ไปตามลักษณะรปู รา่ งของปลี สาหรับพนั ธทุ์ ี่นยิ มปลกู
ในประเทศไทยแบ่งได้ 3 พวกใหญ่ ๆ ตามลักษณะของปลี
1. พวกปลยี าว ปลมี ีลักษณะทรงสงู รูปไข่ ได้แก่ พันธ์มุ ิชลิ หี รอื ผักกาดหางหงส์, ผกั กาดโสภณ
, ผกั กาดขาวปลฝี รง่ั เปน็ ต้น
2. พวกปลีกลม ปลีมีลักษณะทรงสั้นและอ้วนกลมกว่าพวกปลียาว ได้แก่พันธุ์ซาลาเดีย
ไฮบริด,พนั ธ์ทุ รอปิคคอล ไพรด์ ไฮบริด ฯลฯ สว่ นใหญ่เป็นพนั ธ์ุเบา มีอายสุ ั้น
3. พวกปลีหลวมหรอื ไมห่ อ่ ปลี ส่วนมากเป็นผกั พ้นื เมอื งของเอเชีย ผักกาดขาวพวกนมี้ กั ไม่หอ่
เป็นปลี สามารถปลูกได้แม้อากาศไม่หนาว ฝนตกชุก สาหรับความอร่อยน่ากินและการเก็บรักษาได้
นานสู้ผักกาดขาวพวกเข้าปลี ไม่ได้ ทาให้ปริมาณในปจั จบุ นั ลดลง ได้แก่ พันธุ์ผักกาดขาวใหญ่ (อายุ
45 วัน) ผกั กาดขาวธรรมดา (อายุ 40 วนั ) เป็นต้น
สภาพดินฟ้าอากาศทเ่ี หมาะสม
ผกั กาดขาวเปน็ ผกั ทีม่ ีอายุปีเดียว ในประเทศไทยสามารถปลูกไดต้ ลอดปี แตป่ ลกู ได้ผลดที ส่ี ดุ
อยใู่ นช่วงเดือนตลุ าคมถงึ กุมภาพนั ธข์ ึ้นไดใ้ นดินเกือบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนที่มีการระบายนา้ ดีและมี
ความอุดมสมบรู ณ์สูง มีความเป็นกรดเปน็ ด่าง (pH) ของดินอยู่ในช่วงพอเหมาะประมาณ 6-6.8 ต้อง
การน้าอย่างสม่าเสมอและเพียงพอเพื่อให้มกี ารเจริญเติบโตอย่างสม่าเสมอ และควรได้รับแสงแดด
เต็มทีต่ ลอดวนั อณุ หภมู ทิ เี่ หมาะสมอย่รู ะหวา่ ง 15-22 องศาเซลเซยี ส
คุณค่าทางอาหาร
ผักกาดขาวมีสารอาหารต่าง ๆ ค่อนข้างครบ เช่น โปรตีน ไขมัน น้าตาล ท่ีสาคัญคือ
ผักกาดขาวมีแคลเซีย่ มและวิตามินซีในปริมาณสูง ซ่ึงแคลเซ่ียมนอกจากจะมีหน้าท่ีเสรมิ สรา้ งกระดกู
และฟนั ใหแ้ ข็งแรงแลว้ ยังทาใหก้ ล้ามเนอ้ื ทางานเปน็ ปกติ ปัจจุบนั ยังพบว่า แคลเซี่ยมมีบทบาทในการ
ลดความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเรง็ ในลาไส้อีกด้วย ส่วนวิตามินซีจะมีบทบาทในการเสริมสรา้ ง
ภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันมะเร็ง
และกาจดั สารพษิ และโลหะหนกั ให้แกร่ า่ งกาย
สารส่าคัญที่พบ
ในหัวผักกาดขาวสดส่วนที่ใช้เป็นอาหารได้ 100 กรัม มีน้า 91.7 กรัม โปรตีน 0.6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 5.7 กรัม ความร้อน 250,000 แคลอร่ี เส้นใยหยาบ 0.8 กรัม ash 0.8 กรัม คาโรทนี
(Carotene) 0.02 มก.วิตามินบีหนึ่ง 0.02 มก. วิตามินบีสอง 0.04 มก. กรดนิโคตินิค (Nicotinic
acid) 0.5 มก. วิตามินซี 30 มก. แคลเซียม 49 มก. ฟอสฟอรสั 34 มก. เหล็ก 0.5 มก. โปแตสเซียม
196 มก.ซิลิกอน 0.024 มก. แมงกานีส 1.26 มก. สังกะสี 3.21 มก. โมลิบดีนัม 0.125 มก. โบรอน
2.07 มก.ทองแดง 0.21 มก. นอกจากน้ียังมีกลูโคส (Glucose) ซูโครส (Sucross) Fructose
Coumaric acid,Ferulic acid, Gentisic acid, Phenylpyruvic acid และกรดอะมิโนหลายชนดิ
เมล็ด มีไขมัน เช่น: -Erucic acid, Linolenic acid และ Glycerol sinapate เป็นต้น น้ามันหอม
ระเหยท่ีสาคญั คอื Methyl mercaptan นอกจากน้ียังมสี ารทีย่ ับยงั้ แบคทเี รยี คอื Raphanin
ประโยชนข์ องผักกาดขาว
ผกั กาดขาวยงั เป็นผักทใี่ ห้เสน้ ใย (dietary fiber) สูงมากชนิดหนึง่ เสน้ ใยสามารถกาจัดอนมุ ลู
อิสระ และช่วยดึงเอาสารพิษที่อาจปนเป้ือนเข้าไปกับอาหาร ร่วมกับการที่เส้นใยสามารถลดความ
หมกั หมมของกากอาหารในลาไส้ จงึ ทาให้เสน้ ใยลดอุบตั ิการณ์การเป็นมะเรง็ ในลาไส้ สรรพคุณในการ
ป้องกันมะเร็งในลาไส้ แม้ยังไม่ทราบขนาดที่แน่นอน แต่สหรัฐอเมริกาได้กาหนดให้ชายวัยสูงอายุ
บริโภคเส้นใยอาหาร 18 กรัมต่อวัน ในวันหนุ่มสาวต้องเพ่ิมเป็น 20-25 กรัมต่อวัน การรับประทาน
เส้นใยอาหารมากกว่าน้ีไม่ได้ชว่ ยลดอตั ราเสี่ยงต่อการเกิดมะเรง็ แต่จะช่วยในแงส่ ขุ ภาพดา้ นอ่ืน เช่น
ช่วยลดอาการท้องผูก เปน็ ตน้ ดงั นน้ั การรับประทานผกั กาดขาวเปน็ ประจาจะชว่ ยในการขบั ถ่าย และ
ปอ้ งกนั มะเรง็ ในลาไส้ได้เปน็ อยา่ งดี
ผักกาดขาวเป็นผักสามัญท่ีเห็นกันดาษด่ืนทั่วไป แต่มีคุณค่าทางอาหารมากมายชนิดต้อง
แปลกใจ ผักกาดขาวอุดมไปด้วย โฟเลต ซึ่งเป็นสารอาหารท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตของทารกใน
ครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ถ้าแม่ได้รับโฟเลตน้อยเกินไป การสร้างระบบประสาทและ DNA ของ
ทารกอาจผิดปรกติได้ นอกจากน้ีโฟเลตยังช่วยทาให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงอีกด้วย ผักกาดขาวมี
สรรพคุณหลายด้านทง้ั ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษสุรา ซ้าเส้นใยอาหารที่มี
อยมู่ ากในผักกาดขาวยงั ช่วยให้ผทู้ ี่ท้องผกู บอ่ ยๆผ่อนหนกั เป็นเบาได้
สรรพคณุ
หัวผักกาดขาว : มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเย็น (เป็นยิน) ช่วยย่อย แก้ไอมีเสมหะ ไม่มีเสียง
อาเจียนเปน็ โลหติ ท้องเสยี
เมลด็ : มีรสเผด็ หวาน คุณสมบัตเิ ป็นกลาง แก้ไอมเี สมหะ และหดื ช่วยใหย้ อ่ ย ทอ้ งเสีย
ใบ : มีรสเผ็ดขม คุณสมบตั ิเป็นกลาง ชว่ ยย่อย เจ็บคอ ท้องเสีย ขบั นา้ นม
8.4 วิธกี ารปลกู ผักกาดขาว
การปลูกผักกาดขาวสามารถทาได้ 2 วิธีด้วยกันคือ การปลูกลงบนแปลงปลกู โดยตรง และ
การปลกู โดยการเพาะกลา้ กอ่ นแล้วยา้ ยไปปลกู ในแปลงปลูก จะเลอื กใชว้ ิธีใดน้ันข้ึนอยู่กบั ความสะดวก
และความเหมาะสมของปจั จยั ของเกษตรกรเอง เช่น แรงงาน ลักษณะของแปลง และจานวนเมลด็
พันธ์ุ เปน็ ตน้
การปลูกลงบนแปลงปลกู โดยตรง การปลกู ผักกาดขาวด้วยวิธนี มี้ ี 2 แบบคอื
1. แบบหว่านโดยตรง โดยการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายท่ัวทั้งแปลง ซ่ึงการปลูกแบบนี้
เหมาะสาหรับกรณีท่ีเมล็ดพันธ์ุมีราคาไม่แพง และโดยเฉพาะในท้องที่ภาคกลางท่ียกแปลงกว้าง
มรี อ่ งนา้ การหว่านควรหว่านใหเ้ มลด็ กระจายสมา่ เสมอ โดยท่วั ไปนยิ มผสมพวกทรายหรือเมลด็ ผกั ที่
เสื่อมคณุ ภาพแล้วท่ีมีขนาดพอ ๆ กนั ลงไปด้วย เพอ่ื ให้เมล็ดพนั ธุ์กระจายไดส้ มา่ เสมอย่งิ ข้นึ จากนน้ั ใช้
ปุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ยหมกั หว่านทบั ลงไปหนาประมาณ ½ – 1 เซนตเิ มตรเพ่ือชว่ ยรกั ษาความช้ืน เสร็จแลว้
จึงคลุมด้วยฟางแห้งสะอาดบาง ๆ อีกชั้นหนึ่ง รดน้าด้วยบัวฝอยละเอียดใหท้ ่ัวถึงสมา่ เสมอ หลังจาก
ตน้ กล้างอกและมีใบจริง 1-2 ใบควรถอนแยกเพื่อจดั ระยะปลูกและถอนแยกคร้ังสดุ ท้าย ไม่ควรปล่อย
ให้กล้ามีอายุเกิน 25-30 วัน โดยจัดระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถว ประมาณ 50 X 50
เซนตเิ มตร
2. แบบปลกู เป็นแถวหรอื หยอดเป็นหลุม โดยการหยอดเมลด็ ให้เปน็ แถว บนแปลงปลูก โดย
ให้ระยะระหว่างแถวหา่ งกนั 50 เซนติเมตร หยอดเมลด็ ลึกประมาณ ½ – 1 เซนติเมตร หรือทาเป็น
หลมุ ต้ืน ๆ หยอดเมล็ดลงประมาณ 3-5 เมลด็ ใช้ดนิ กลบให้หนา ½ เซนติเมตร ใช้หญา้ แห้งหรือฟาง
คลุมบางๆ รดนา้ ด้วยบัวฝอยละเอยี ด เมอื่ ตน้ กลา้ เร่ิมมใี บจริง 2 ใบใหท้ าการถอนแยกให้เหลือหลุมละ
1 ต้น ให้ได้ระยะต้นในแต่ละแถวเท่ากับ 50 เซนติเมตร และถอนแยกครั้งสุดท้ายอายุไมค่ วรเกนิ 30
วัน
การปลกู โดยการเพาะกลา้ แล้วย้ายกลา้ ไปปลกู การปลูกผกั กาดขาวดว้ ยวิธีนี้จะประหยัดเมลด็
พันธไ์ุ ด้มาก โดยเฉพาะถา้ เปน็ การปลกู โดยใชเ้ มล็ดพนั ธลุ์ ูกผสมที่มีราคาแพง
หลังจากเตรยี มดินแปลงเพาะกลา้ เรยี บร้อยแลว้ ให้หว่านเมล็ดให้ทั่วพ้นื ผิวแปลง แล้วใช้ปุ๋ย
คอกหรือปยุ๋ หมักทสี่ ลายตัวดีแล้วหว่านกลบให้หนา ประมาณ ½ – 1 เซนติเมตร หรืออาจใช้วิธีหยอด
เมล็ดเป็นแถวห่างกันแถวละ ประมาณ 5-10 เซนติเมตร ลึกลงไปในดินประมาณ ½ – 1 เซนติเมตร
เมลด็ ควรโรยใหห้ า่ งกนั พอสมควร แล้วหว่านกลบดว้ ยปุย๋ คอกหรอื ปุ๋ยหมักหรอื ดินผสม แล้วรดนา้ ดว้ ย
บวั ฝอยละเอียดให้ทั่วแปลง คลมุ แปลงด้วยหญ้าแห้งหรอื ฟางสะอาดบาง ๆ เพอ่ื ชว่ ยเก็บรกั ษาความชนื้
ในดนิ และป้องกันการกระแทก ของน้าต่อเมล็ดและตน้ กลา้ ท่ยี งั เลก็ อยู่
เน่ืองจากกลา้ ผกั กาดขาวค่อนข้างอ่อนแอ ดังน้ันควรย้ายชาลงถุงพลาสติก หรือกระทงก่อน
เมอื่ กลา้ อายุประมาณ 20-25 วัน จากนั้นหมั่นดูแลรักษาและปอ้ งกนั โรคแมลงท่อี าจเกิดขึ้น กอ่ นการ
ย้ายกล้าลงปลูกในแปลงควรทาให้กล้าแข็งแรงโดยการนาต้นกล้าออกตากแดดบ้าง อายุกล้าท่ี
เหมาะสมในการย้ายปลูกคอื 30-35 วนั ไม่ควรใช้กล้าทม่ี ีอายุมากเกนิ ไป การยา้ ยกล้าไปปลกู ควรยา้ ย
ในช่วงบ่าย ๆ ถึงเย็น หรือช่วงที่อากาคมืดคร้ึม นาต้นกล้าปลูกในแปลงปลูกท่ีเตรียมไว้แล้ว โดยใช้
ระยะห่างระหว่างต้นและระหว่างแถว 50 X 50 เซนติเมตร หลังจากปลูกเสร็จแล้วใช้ฟางหรอื หญา้
แหง้ คลมุ ดนิ อีกชนั้ หน่ึง เพ่ือช่วยรกั ษาความช้นื ในดนิ และผักตง้ั ตวั ได้เรว็ แล้วรดนา้ ดว้ ยบวั ฝอยละเอยี ด
การปลูกด้วยวิธีการเพาะกล้าก่อนนาไปปลูกนี้จะทุ่นค่าเมล็ดพันธ์ุ ค่าปุ๋ย และปลูกได้เป็น
ระเบียบสวยงาม การดูแลและทางานได้ปราณีตขึ้น ทาให้ใด้ผลผลิตดีข้ึน ทุ่นเวลาและแรงงานท่ีจะ
ดูแลรกั ษาในขณะทยี่ งั เป็นตน้ กลา้ อยแู่ ตใ่ นเวลายา้ ยปลูกจะต้องใชแ้ รงงานมากในการปลูกให้รวดเรว็
ระบบปลกู และระยะปลกู
ระบบการปลูกผักกาดขาวในประเทศไทยสามารถทาได้ 3 แบบ ทั้งนี้ ข้ึนอยู่กับพันธ์ุท่นี ามา
ปลูกและสภาพพ้นื ที่
1. แบบหวา่ นกระจายทว่ั แปลง การปลูกแบบนี้ใช้ในกรณที ่ีใชพ้ ันธุผ์ สม ทว่ั ๆ ไปมาปลูกเมลด็
พนั ธุ์มรี าคาไม่แพง และโดยเฉพาะในทอ้ งท่ภี าคกลาง ท่ยี กแปลงกว้าง มรี อ่ งนา้
2. แบบแถวเดียว เหมาะสาหรบั การปลูกแบบโรยเป็นแถวหรอื ยา้ ยกลา้ กรณีที่ใช้เมลด็ พนั ธุ์
ลูกผสมที่มรี าคาแพง ในท้องทท่ี ีป่ ลูกผักแบบไร่
3. แบบแถวคู่ เหมาะสาหรบั การปลกู แบบหยอดเมลด็ หรอื ย้ายกลา้ กรณใี ช้เมลด็ พันธลุ์ กู ผสม
ท่ีมีราคาแพง เชน่ ในเขตทอ้ งทีภ่ าคเหนือทนี่ ิยมยกแปลงปลกู แคบ
สาหรับระยะปลูกท่ีเหมาะสมสาหรับปลูกผักกาดขาวในประเทศไทย ก็คือ ระหว่างแถว 50
เซนติเมตร และระหวา่ งต้น 50 เซนติเมตร
การปฏบิ ัติดูแลรักษา
การให้นา้ ผักกาดขาวต้องการน้ามากและสม่าเสมอเพือ่ ใช้ในการ เจริญเติบโตตลอดฤดูปลูก
ดังน้ันควรให้น้าอย่างเพียงพอและสม่าเสมอ โดยในระยะแรกเม่ือผักกาลังงอกควรให้น้าวันละ 3-4
ครง้ั เพอื่ ใหห้ น้าดนิ ออ่ น สะดวกแก่การงอกของเมลด็ เมอ่ื ผกั มอี ายเุ กิน 7 วนั ไปแลว้ กล็ ดลงเหลอื ใหว้ นั
ละ 3 คร้ัง พออายุเกิน 1 เดอื นไปแล้วให้นา้ เพียงวนั ละ 2 ครง้ั เชา้ และเยน็ ไม่ควรให้น้าในเวลาสาย ๆ
ที่แดดจัดเพราะน้าอาจร้อนทาใหผ้ กั กาดขาว ซึ่งบางเสียหายได้ง่าย การให้น้าควรใช้บัวรดนา้ หรอื ฉีด
พ่นเป็นฝอยด้วยเครื่อง แต่อย่าให้ฉีดแรงนัก เพราะอาจเป็นอันตรายต่อผักได้ การให้น้าผักกาดขาว
ระยะที่ควรระวังทสี่ ดุ ก็คือในช่วงท่ผี กั กาดขาวกาลงั ห่อปลีไม่ควรให้ขาดนา้ อย่างเด็ดขาด เพราะจะทา
ให้การห่อปลแี ละการเจริญเติบโตไมส่ มบรู ณ์
การใส่ปุ๋ย เนื่องจากผักกาดขาวเป็นผกั กินใบ ดังนั้นควรให้ปุ๋ยทม่ี ีสัดสว่ นของธาตุไนโตรเจน
ฟอสฟอรัสและโปแตสเซยี มในอตั รา 2:1:1 เชน่ ปุ๋ยสูตร 20-10-10 หรือสตู รใกล้เคยี ง โดยใหใ้ นอัตรา
ประมาณ 80-150 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ทั้งนีข้ ้ึนอยกู่ บั ความอุดมสมบรู ณข์ องดินและปริมาณปุ๋ยคอกทีใ่ ช้โดย
แบ่งใส่เป็น 2 ครัง้ คือ ครั้งแรกใสเ่ ป็นปุ๋ยรองพ้ืนจานวนครง่ึ หนึ่ง โดยใสต่ อนเตรียมดินปลกู และคร้ังที่
2 ใสเ่ มือ่ ผกั กาดขาวมอี ายุ 20 วนั
สาหรับผกั กาดขาวพันธุ์ปลียาวและปลกี ลมควรใหป้ ุ๋ยไนโตรเจน เช่น ยูเรียหรอื แอมโมเนียม
ไนเตรท ในอัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่เมือ่ กล้าอายุได้ 30-40 วัน โดยการหว่านหรือโรยข้างตน้ กไ็ ด้
แล้วรดนา้ ตามทันที แตร่ ะวงั อยา่ ใหป้ ยุ๋ ตกค้างอยู่ทีใ่ บเพราะจะทาใหใ้ บไหม้
การเกบ็ เก่ยี ว
อายกุ ารเกบ็ เก่ยี วของผักกาดขาวนนั้ ไม่แนน่ อน ทั้งนขี้ นึ้ อยูก่ ับลกั ษณะ ประจาพันธข์ุ องแตล่ ะ
พันธุ์คือ พันธ์ุทเ่ี ขา้ ปลหี ลวม ๆ มีอายุการเก็บเกยี่ วประมาณ 40-50 วันหลงั จากหวา่ นเมล็ด โดยเลอื ก
เกบ็ เก่ียวตน้ เรม่ิ แกเ่ ตม็ ท่ีได้ขนาด สาหรบั พันธ์ุปลยี าวและปลกี ลมมีอายกุ ารเก็บเกยี่ วประมาณ 50-80
วันหลงั จากหวา่ นเมล็ด โดยเก็บขณะที่ปลหี อ่ แน่นเต็มทีก่ อ่ นที่ปลีจะเร่มิ คลายตัวหลวมออก
8.5 หลักการและแนวคิดเกี่ยวกบั ต้นทนุ
ไพบูลย์, (2548) ไดใ้ หค้ วามหมายของคาว่าตน้ ทนุ (Cost) หมายถึง การใช้ทรัพยากรของ
บริษทั เชน่ การจ่ายเงินสด การสัญญาว่าจะจา่ ยเงนิ สดหรือการหมดไปของมลู ค่าสนิ ทรัพยเ์ พอ่ื ใหไ้ ดม้ า
ซึง่ ประโยชนใ์ นรปู แบบของสินค้าและบริการ ตน้ ทุนเป็นส่งิ จาเปน็ สาหรับการอยูร่ อดของธุรกจิ
เนือ่ งจากตน้ ทนุ ท่เี กิดข้นึ นัน้ เป็นการซ้อื วัตถดุ บิ การซื้อสนิ ทรพั ย์ และการจา่ ยคา่ ใชจ้ า่ ยในการ
ดาเนินงาน เปน็ ต้น ในขณะเดียวกนั ทนุ อาจเป็นสาเหตุทที่ าให้ธุรกจิ ลม้ เหลวได้ ถ้าการคานวณตน้ ทนุ
ของกจิ การสูงหรือตา่ อาจเป็นจรงิ ระบบบญั ชตี น้ ทุนของบรษิ ัทจงึ ตอ้ งจดั หาข้อมลู ท่มี ีความแมน่ ยา
และทันเวลา ซงึ่ เปน็ ส่ิงจาเป็นในการควบคุมตน้ ทนุ และการวางแผนสาหรบั อนาคต
การจาแนกประเภทต้นทุนได้มกี ารกาหนดหลกั เกณฑไ์ ว้หลายวิธี ซง่ึ แตล่ ะวิธจี ะช่วยในการ
ตดั สินใจในโครงการตา่ ง ๆ ในแต่ละด้านไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ในการวิเคราะหต์ น้ ทนุ
และผลตอบแทนการดาเนินการสามารถแยกประเภทเพ่ือความเหมาะสมในการวิเคราะห์คอื การ
จาแนกต้นทุนตามพฤติกรรมของตน้ ทุน และจาแนกตน้ ทนุ ตามหน้าทข่ี องตน้ ทนุ ไดด้ งั นี้
8.5.1 การจา่ แนกตน้ ทุนตามพฤตกิ รรมของตน้ ทนุ
เปน็ การจาแนกตน้ ทุนตามความสาพนั ธ์ที่มตี ่อกจิ กรรมหรือการวเิ คราะห์พฤตกิ รรม
ตน้ ทนุ และคา่ ใช้จ่ายท่ีเกดิ ข้นึ ตามการเปลย่ี นแปลงของกจิ กรรมประกอบด้วยต้นทุน ดังตอ่ ไปน้ี
8.5.1.1 ต้นทุนคงที่ (Fixed cost) คือต้นทุนที่มีพฤติกรรมคงท่ี หมายถึงตน้ ทนุ รวมที่
มิได้เปล่ียนแปลงไปตามระดับการผลิตในช่วงของการผลิตระดับหนึ่ง แต่ต้นทุนต่อหน่วย
จะเปลยี่ นแปลงเพิ่มขึ้นหรอื ลดลงตามปริมาณการผลติ ที่เปลย่ี นแปลง กล่าวคือ หากปริมาณการผลิต
มากขึ้นทาให้ต้นทุนคงท่ีต่อหน่วยลดลง ตัวอย่างของต้นทุนคงท่ี ได้แก่ ค่าใช้ท่ีดิน ค่าเส่ือมราคา
อุปกรณ์ เป็นตน้
8.5.1.2 ต้นทุนผันแปร (Variable cost) ต้นทุนท่ีมีต้นทุนต่อหน่วยคงที่ ในขณะที่
ต้นทุนจะผนั แปรไปตามปริมาณการผลิต ซึ่งโดยปกติต้นทนุ ผนั แปรจะเป็นต้นทุนที่มคี วามหมายมาก
ต่อการตัดสินใจ ตัวอยา่ งต้นทุนผันแปร ไดแ้ ก่ ค่าแรงงาน คา่ ปุย๋ เปน็ ตน้
8.5.1.3 ตน้ ทุนผสม (Mixed cost) คือตน้ ทุนทมี่ พี ฤตกิ รรมผสมระหวา่ งตน้ ทุนคงท่ี
และตน้ ทนุ ผนั แปร ซงึ่ เปน็ การยากที่จะกาหนดหรอื ระบวุ ่าต้นทนุ ส่วนใด จานวนเทา่ ใดเป็นตน้ ทุนคงท่ี
และตน้ ทุนส่วนใด จานวนเท่าใดเป็นตน้ ทุนผันแปรโดยทใ่ี นทางปฏบิ ตั มิ ักจะมีต้นทุนลกั ษณะน้ีอยเู่ ปน็
จานวนมาก
8.5.2 การจา่ แนกต้นทุนตามหนา้ ทีง่ าน
เปน็ การพจิ ารณาต้นทุนทเ่ี กดิ ข้นึ จากการปฏิบตั งิ านในหน้าที่ต่าง ๆ ซ่ึงโดยปกตแิ ล้ว
จะแบง่ ออกเป็นสองส่วน คือสว่ นงานท่เี กี่ยวกับการผลติ กบั สว่ นงานทีไ่ มเ่ กี่ยวข้องกบั การผลิต ท้ังนี้ได้
จาแนกต้นทนุ ตามหนา้ ท่ีงานได้ 2 ประเภท
8.5.2.1 ต้นทุนที่เก่ียวข้างการผลิต (Manufacturing cost) เป็นต้นทุนเกี่ยวกับการ
ผลิตท้ังหมดท่ีเกี่ยวข้องกับการผลติ สนิ ค้าปกตเิ ป็น ต้นทุนที่เกิดข้ึนในโรงงาน ซ่ึงได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบ
ทางตรง ตน้ ทุนแรงงานทางตรง และค่าใชจ้ ่ายในการผลติ
8.5.2.2 ต้นทุนที่ไม่เก่ียวข้องกับการผลิต (Non-Manufacturing cost) ต้นทุนท่ีไม่
เก่ียวข้องกับการผลติ หมายถึงต้นทนุ ที่เกิดข้ึนกับส่วนงานทไ่ี ม่เกี่ยวข้องกับการผลติ สนิ คา้ ซึ่งสามารถ
แบง่ ได้ 3 ประเภท
8.5.2.2.1 ตน้ ทนุ ทางการตลาด (Marketing cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ทเ่ี กดิ ขึ้น
เนือ่ งจากการจาหนา่ ยสนิ ค้า เช่น คา่ ใชจ้ า่ ยในการสง่ เสรมิ การขาย ค่าโฆษณา
8.5.2.2.2 ตน้ ทุนทางการบริหาร (Administrative cist) หมายถงึ ตน้ ทุนที่
เกิดขึ้นจากการบริหารกจิ การ เกีย่ วกับการสั่งการ การควบคมุ รวมทั้งการดาเนินงานของกจิ การ
เปน็ ต้น
8.5.2.2.3 ตน้ ทนุ ทางการเงนิ (Financial cost) ตน้ ทนุ ท่เี กดิ ขนึ้ เนือ่ งจาก
เงินทนุ ทกี่ ิจการนามาลงทุน เชน่ ดอกเบ้ยี จ่าย
8.5.3 การวิเคราะหต์ ้นทุน
ในการวิเคราะห์ต้นทนุ จะใชเ้ กณฑ์ในการวเิ คราะห์โดยอา้ งองิ จากการจัดประเภทของตน้ ทุน
ตามพฤตกิ รรมและจดั ประเภทต้นทุนตามหนา้ ทงี่ าน โดยจะทาการเก็บรวบรวมข้อมูลค่าใชจ้ า่ ยต่าง ๆ
ทีเ่ กิดขน้ึ จากนัน้ นาขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมมาไดน้ ้ันจาแนกเป็นต้นทนุ ท่เี ก่ียวข้องกับการผลิต และต้นทนุ
ทไ่ี ม่เก่ียวข้องกบั การผลติ
8.6 หลักการและแนวคดิ เก่ยี วกบั ผลตอบแทน
8.6.1 การวเิ คราะห์การลงทนุ และผลตอบแทน
จากการลงทุนของโครงการใด ๆ โดยเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนและต้นทุนของ
โครงการนัน้ ๆ ซ่งึ ผลตอบแทนและตน้ ทุนของโครงการจะเกิดข้นึ ในระยะเวลาต่างกนั ตลอดอายขุ อง
โครงการ ดังนั้นจึงจาเป็นต้องมีการปรบั ค่าของเวลาของโครงการเพ่ือให้ไดม้ าซ่งึ ผลตอบแทนที่ได้รบั
และต้นทุนที่เสียไปช่วงในระยะเวลาที่ต่างกัน ให้เป็นเวลาปัจจุบัน ก่อนแล้วจึงจะสามารถทาการ
เปรยี บเทียบกันได้อยา่ งถูกต้องแนน่ อนชดั เจนย่งิ ขึ้น (เสถียรศรีบุญเรือง, 2542)
8.6.2 การวิเคราะหท์ างดา้ นการเงนิ
เปน็ การวิเคราะหใ์ ช้จา่ ยหรอื เงินลงทุนและผลตอบแทนหรอื ผลกาไรทางการเงินของโครงการ
เพ่ือวเิ คราะห์ วา่ โครงการท่ีจัดทาขนึ้ นน้ั มีความค้มุ คา่ กับการลงทุนหรอื โดยทว่ั ไปแล้วแบ่งการวเิ คราะห์
เปน็ 2 ประเภทคือ
8.6.2.1 วิธีการวเิ คราะห์โดยไม่มกี ารคดิ ลด (Undiscounted Approach) คือการวดั
คา่ ของตน้ ทนุ และผลตอบแทนจากโครงการโดยไม่คานงึ ถงึ ค่าเงินทไี่ ด้มาหรือใชไ้ ปในช่วงเวลาทตี่ ่างกนั
เช่น เงินสดรับในปีที่ 1 จานวนหน่ึงกับเงินจานวนเดียวกันน้ีที่จะได้รับในปีที่ 5 จะถือว่ามีมูลค่าท่ี
เท่ากนั การวิเคราะห์วิธีนี้ เช่น การหาระยะเวลาคนื ทนุ (Playback period) ซงึ่ เปน็ การคานวณว่านับ
จากจุดเริ่มต้นโครงการจะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไร จึงจะมีกระแสเงินสดรับสทุ ธิจากโครงการรวมกนั
เท่ากบั มูลค่าในการลงทนุ (Total Capital Investment)
8.6.2.2 วิธกี ารวเิ คราะหโ์ ดยวิธีการคิดลด (Discounted Approach) วิธีการวิเคราะห์
เคยมีการคิดลดเป็นวิธีการวัดค่าของผลตอบแทนและต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายท่ีเกิดจากโครงการโดย
คานึงถึงค่าเสียโอกาสผ่านวิธีการคิดลด (Discounted Method) ซึ่งวิธีท่ีนิยมใช้ได้แก่มูลค่าปัจจุบัน
สทุ ธิ (NPV) อตั ราตอบแทนภายในจากการลงทนุ (IRR)
8.6.3 วตั ถปุ ระสงค์ของการวเิ คราะห์ทางการเงนิ
โดยท่ัวไปการวิเคราะห์ทางการเงินมวี ัตถปุ ระสงค์ 4 ประการดังน้ี
8.6.3.1 เพ่ือประเมินความเป็นไปได้ทางการเงิน วัตถุประสงค์สาคัญของการ
วเิ คราะห์ทางการเงนิ คือการประเมินความสามารถในการทาโครงการน้ันคอื โครงการสามารถกอ่ ใหเ้ กดิ
รายไดท้ ค่ี มุ้ คา่ กบั ค่าใช้จา่ ยตา่ ง ๆ และมอี ตั ราผลตอบแทนทดี่ ี การประเมนิ ส่วนน้จี ะต้องมีการประเมนิ
ต้นทนุ และผลตอบแทนทั้งสิน้ เพอ่ื ศึกษาหาผลตอบแทนสทุ ธขิ องโครงการ
8.6.3.2 เพื่อประเมินแรงจูงใจการวิเคราะห์ทางการเงินจะมีความสัมพันธ์ต่อการ
ประเมินแรงจงู ใจทมี่ ีต่อเจ้าของโครงการและผู้มสี ่วนร่วมกับโครงการ หรอื ถ้าเป็นโครงการรัฐวิสาหกจิ
หรือท่ีรัฐบาลให้การสนับสนุน ก็พิจารณาว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะเพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเองและ
บรรลวุ ัตถุประสงค์ ทางการเงินตามทตี่ อ้ งการหรอื ไม่
8.6.3.3 เพื่อจัดให้มีแผนการเงินท่ีดี เพื่อให้โครงการมีกาไรและผลตอบแทนท่ีดี
ก็จะต้องมีแผนการเงินท่ีดีดว้ ย โดยเฉพาะการวางแผนจัดหาเงนิ ทุน เพื่อให้ได้มาซ่งึ เงนิ ทุนในจานวน
และในเวลาตามที่ต้องการโดยเสียค่าใช้จ่ายต่าสดุ รวมทัง้ เพ่ือใหข้ ้อเสนอแนะถึงวิธีการปรับปรุงความ
เป็นไปได้ทางการเงินของโครงการ โดยเฉพาะความเหมาะของอัตราค่าบริการราคา และปริมาณการ
ผลิตทีค่ มุ้ ทุน
8.6.3.4 เพ่ือประเมินขีดความสามารถในการบริหารการเงิน สาหรับโครงการลงทุน
ขนาดใหญท่ ่มี ีการบริหารการเงินที่สลับซับซ้อน กจ็ าเป็นตอ้ งพิจารณาถึงระบบการจัดการดา้ นการเงิน
และความสามารถของผทู้ จี่ ะบรหิ ารการเงินด้วยในการนก้ี ็อาจมีการพิจารณาว่าควรจะมีการปรบั ปรุง
และเปล่ียนแปลงองค์กรและการจัดการอย่างไร ควรจัดให้มีระบบการควบคุมและการตรวจสอบ
การเงินอย่างไร รวมท้ังการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางเร่ืองอะไร เพื่อให้โครงการเดินหน้าไปตาม
กาหนด
8.6.4 ทฤษฎผี ลตอบแทน
ผลประโยชน์หรือผลตอบแทน (Benefits) ของการลงทุน หมายถึง มูลค่าของสินค้าหรือ
บริการทผ่ี ลิตได้จากการลงทุน (ตลาดหลกั ทรัพย์แหง่ ประเทศไทย, มปป: ออนไลน์)
1. ผลตอบแทนทางตรง (Direct Benefits) คอื ผลผลติ สทุ ธขิ องการลงทุน ซ่งึ หมายถงึ มูลค่า
ของสินค้าและบริการทผี่ ลิตไดโ้ ดยตรงจากการลงทุน นอกจากน้ยี งั หมายถงึ การประหยัด และการลด
คา่ ใช้จา่ ยจากทเ่ี คยมีอยูเ่ ดิม
2. ผลตอบแทนทางอ้อม (Indirect Benefits) คือ ผลประโยชน์ตอบแทนอ่ืน ๆ ท่ี
นอกเหนือจากผลประโยชน์ตอบแทนทางตรง นอกจากน้ียังรวมถึงผลประโยชน์ตอบแทนด้านสังคม
และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น โครงการน้ันอาจกลายเป็นแหล่งท่องเท่ียวที่สวยงาม ก่อให้เกิดการ
ขยายตวั ของการท่องเท่ยี วในพ้นื ที่ที่โครงการต้ังอยู่ เป็นต้น
3. ผลตอบแทนที่ไม่มีตัวตน (Intangible Benefits) คือ ผลตอบแทนท่ีไม่สามารถประเมิน
มลู คา่ เปน็ ตัวเงินได้ เช่น การลงทนุ นนั้ อาจมสี ่วนชว่ ยยกระดับคุณภาพชีวิตและการกระจายรายได้ให้
มคี วามยุตธิ รรมมากขนึ้ เป็นตน้
ค่าเสียโอกาสของทุน (Opportunity Cost of Capital) คือ ถ้ามีการกาหนดให้ตลาดทุน
(Capital Market) ที่มีอยู่สามารถนาเงินตรา หรือทรัพยากรไปลงทุนเพื่อสร้างเงินตรา ให้มีจานวน
มากขึ้นในอนาคตแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าค่าเสยี โอกาสของการออมได้เกิดขึ้นแล้ว ทางเลือกตอ่ การ
บริโภคในปัจจบุ ันคือ การใชเ้ งินทนุ หรือทรัพยากรไปในทางที่ก่อให้เกิดรายไดใ้ นอนาคต ซง่ึ อยา่ งน้อย
ตอ้ งมมี ลู คา่ เทา่ กบั เงินตราในปัจจบุ ันทเี่ กิดจากการลงทนุ ในรปู แบบอ่นื
การศึกษาคร้ังน้ีใช้แนวคิด การวิเคราะห์ผลตอบแทนและการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ
ต้นทุน ปรมิ าณ และกาไร ดังน้ี
1. การวเิ คราะหผ์ ลตอบแทน
นักวิชาการต่าง ๆ ได้แก่ เบญจวรรณ รักษ์สุธี(2543 : ออนไลน์) ธารีหิรัญรัศมีและคณะ
(2548 : ออนไลน)์ เบญจมาศ อภิสิทธภิ์ ิญโญและคณะ (2550 : ออนไลน์) ไดอ้ ธิบายถงึ แนวคดิ เกยี่ วกบั
การวเิ คราะห์ผลตอบแทน ประกอบด้วย
1.1 อัตรากาไรสุทธิหมายถึง อัตราส่วนเปรียบเทยี บระหว่างก าไรสุทธิกับยอดขาย
สุทธิ ผลลัพธ์ท่ีได้บอกให้ทราบว่าธุรกิจบริหารงานมีประสิทธิภาพเพียงใด และธุรกิจสามารถ
ดาเนินงานให้บรรลเุ ปา้ หมายเพยี งใด อัตราสว่ นน้ีสงู แสดงว่าธรุ กิจมกี าไรสูง เขียนเป็นสูตรการคานวณ
ไดด้ ังนี้
อัตรากาไรสุทธิ= กาไรสทุ ธิx 100
ยอดขายสุทธิ
1.2 อัตรากาไรสทุ ธติ อ่ ตน้ ทุน หมายถึง อัตราส่วนเปรยี บเทยี บระหว่างกาไรทเ่ี กดิ ขน้ึ
หลังจากหักค่าใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ แล้ว เทียบกบั ตน้ ทุนทัง้ สิน้ เขียนเป็นสตู รการคานวณไดด้ ังน้ี
อตั รากาไรสุทธติ อ่ ตน้ ทุน = กาไรสทุ ธิx 100
ตน้ ทุนรวม
1.3 อัตราผลตอบแทนจากการลงทนุ หมายถึง อตั ราสว่ นเปรียบเทียบระหว่างกาไรที่
เกิดขน้ึ หลังจากหักคา่ ใช้จ่ายตา่ ง ๆ แล้ว เทียบกับสินทรัพยไ์ ม่หมนุ เวียน เขยี นเป็นสตู รการคานวณได้
ดังน้ี
อตั ราผลตอบแทนจากการลงทนุ = กาไรสทุ ธิ x 100
สินทรพั ย์ไม่หมนุ เวียน
2. การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของตน้ ทุน ปรมิ าณ และกาไร
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของต้นทุน ปริมาณ และก าไร เป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์
ระหว่างต้นทุน ปริมาณ และกาไร ซ่ึงเป็นการวิเคราะห์การเปล่ียนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ที่มี
ผลกระทบต่อกาไร ดังมีรายละเอียดดังนี้
2.1 กาไรส่วนเกนิ (Contribution Margin: CM) คือ รายได้ส่วนทีเ่ หลือหลงั จากหกั
ตน้ ทุนผันแปร สามารถเขยี นเปน็ สมการไดด้ งั น้ี
กาไรสว่ นเกนิ = ขาย - ต้นทนุ ผันแปร
2.2 อัตรากาไรส่วนเกิน (Contribution Margin Ratio) เปน็ อตั ราส่วนระหว่างกาไร
ส่วนเกินหารด้วยรายได้รวม ซ่ึงกาไรส่วนเกินเกิดจากผลตา่ งระหวา่ งรายได้รวมหกั ด้วยต้นทนุ ผนั แปร
ดงั สมการ
อัตรากาไรสว่ นเกิน = กาไรส่วนเกนิ รวม
รายไดร้ วม
2.3 จดุ คุ้มทุน (Break Even Point) แยกไดเ้ ปน็ 2 กรณีดังนี้
(1) กรณีขายสินค้า 1 ชนิด เปน็ การขายผลติ ภัณฑช์ นดิ เดียว วิเคราะห์โดยใชส้ มการ
ความสัมพนั ธ์ต้นทนุ ปรมิ าณ และกาไร สามารถเขยี นสมการดังน้ี
ยอดขาย ณ จุดคมุ้ ทนุ = ตน้ ทุนคงทร่ี วม
อัตรากาไรส่วนเกนิ
(2) กรณีขายสนิ คา้ หลายชนิด คือ มีการขายผลิตภัณฑม์ ากกว่าหนึ่งชนิดจงึ เกี่ยวข้อง
กบั สัดส่วนการขายผลติ ภัณฑใ์ นการค านวณยอดขาย ตน้ ทนุ และก าไรส่วนเกินจะตอ้ งมกี ารถัวเฉล่ีย
ด้วยสัดส่วนการขายของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด ปัจจัยท่ีเข้ามามบี ทบาทในการวิเคราะหจ์ ดุ คุ้มทนุ คือ
สัดส่วนการขาย ซ่ึงหมายถึง อัตราร้อยละของการขายสินค้าชนิดนั้นเมื่อเทยี บกับยอดขายรวม การ
คานวณยอดขาย ณ จุดคมุ้ ทนุ ของสินค้าหลายชนดิ สามารถเขยี นสมการไดด้ งั นี้
ยอดขาย ณ จดุ คมุ้ ทุนของสนิ ค้าหลายชนดิ = ต้นทุนคงทรี่ วม
อัตรากาไรส่วนเกินถัวเฉล่ีย
8.7 งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง
พัชนี แพทย์อุดม, (2562) การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาต้นทนุ และผลตอบแทนจาก
การปลูกพริกไทยแบบ อินทรีย์เพ่ือการค้า โดยใช้อัตราส่วนทางการเงินในการวัดผล ประกอบด้วย
อัตราก าไรข้ันต้น อัตราผลตอบแทนตอ่ สนิ ทรัพย์ และอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทนุ กลุ่มตัวอย่าง
ในการศึกษาน้ี คือเกษตรกรในพ้ืนท่ีอาเภอนายายอาม อาเภอท่าใหม่ อาเภอแก่งหางแมว อาเภอ
เขาคิชฌกูฏ และอาเภอเมือง จังหวัดจันทบรุ ี ท่ีมีองค์ความรแู้ ละประสบการณด์ ้านการปลูกพริกไทย
ตั้งแต่ 5 ปีข้ึนไป โดยใช้วิธีเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จานวน 10 ราย ซ่ึงผู้ศึกษาใช้แบบสอบถามเปน็
เครื่องมือในการสมั ภาษณ์แบบกึง่ มโี ครงสร้าง จากการศึกษาพบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตเฉล่ยี
ของปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากบั 144,194.87 บาท 146,062.32 บาท 144,624.73 บาท 141,727.19
บาท และ 126,569.40 บาท ตามล าดับ มีผลตอบแทนเฉล่ียของปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ
608,386.00 บาท 571,283.00 บาท 541,662.00 บาท 215,800.50 บาท และ 193,610.00 บาท
ตามลาดับ ผลการวิเคราะห์ โดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน พบว่า อัตราส่วนกาไรขั้นต้นปี 2558 ถึง
ป2ี 562 เท่ากบั 76.30% 74.43% 73.30% 34.32% และ 34.63% ตามลาดบั อัตราผลตอบแทนต่อ
สนิ ทรพั ยร์ วมปี 2558 ถึงปี 2562 เท่ากับ 58.24% 54.14% 51.43% 9.81% และ 9.08% ตามลาดบั
อัตราผลตอบแทน จากเงนิ ลงทุนปี 2558 ถงึ ปี 2562 เทา่ กับ 380.51% 330.60% 310.45% 59.21%
และ 60.65% ตามลาดับ สาหรับต้นทนุ การผลิตค่าใช้จ่ายในการเก็บเก่ียวเป็นค่าใช้จ่ายท่ีสงู ท่ีสุดใน
กระบวนการผลิต และราคาขายผลผลิตที่ลดลงมีสาระสาคัญต่อผลตอบแทนท่ีลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของอัตราสว่ นทางการเงินจากการคานวณหาผลตอบแทนเป็นเปอร์เซน็ ต์ มีผลตอบแทนสงู สุด
ในปี 2558 ทัง้ 3 อตั ราสว่ น ซ่ึงเป็นผลมาจากราคาขายผลผลติ ที่สูงสุดในปดี ังกล่าว
พธิ าน แสนภกั ดี, (2562) การวิจยั ครัง้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อ 1) ศกึ ษาต้นทุนในการลงทุนปลูก
ข้าวหอมมะลิ 2) ศึกษาผลตอบแทน จากการลงทุนปลูกข้าวหอมมะลิของเกษตรกรอาเภอสามชุก
จังหวัดสุพรรณบรุ ี กลุ่มตัวอย่าง คือ เกษตรกร จานวน 80 ราย โดยใช้วิธีการสุ่มแบบไม่อาศัยความ
น่าจะเปน็ ประเภทการสุ่มแบบบังเอิญ โดยเก็บขอ้ มลู ของฤดูกาลเพาะปลูกระหว่างเดอื นพฤษภาคม–
กันยายน 2562 เคร่ืองมือท่ีใช้ในการ วิจัย คือ แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง ดาเนินการเก็บ
รวบรวมข้อมลู โดยการสัมภาษณเ์ ชิงลึก และทาการวเิ คราะหข์ ้อมูลเชงิ ปริมาณ ไดแ้ ก่ ตน้ ทุน กาไรสุทธิ
อัตรากาไรสุทธิต่อต้นทุน อัตรากาไร สุทธิต่อยอดขาย อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และ
จุดคุ้มทุน ผลการวิจัย พบว่า 1) ต้นทุนในการปลูกข้าวหอมมะลิ เฉลี่ยเท่ากับ 4,012.18 บาทต่อไร่
มีกาไรสุทธิ จากการปลูกข้าวเฉลี่ย 1,092.13 บาทต่อไร่ อัตรากาไรสุทธิต่อต้นทุนร้อยละ 27.22
อัตราก าไรสุทธิ ต่อยอดขายร้อยละ 21.40 2) อตั ราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ร้อยละ 22.59
และมีจุดคุ้มทนุ อย่ทู ี่ 0.27 ตันต่อไร่ ต้นทุนการปลกู ข้าวหอมมะลิ ประกอบด้วย 3 ส่วนสาคัญ ได้แก่
ต้นทุนค่าวัตถุดิบ ร้อยละ 12.44 ต้นทุนค่าแรงงาน ร้อยละ 36.32 และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต
ร้อยละ 51.24
ปิยะราช เตชะสืบ, (2559) การศึกษาครง้ั นีม้ ีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทน
ของการลงทุนโครงการปลูก ผักกุยช่ายปลอดสารพิษเพ่ือการค้าในจังหวัดล าปาง ใช้วิธีการเก็บ
รวบรวมขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์ เกษตรกร จานวน 3 ราย และศกึ ษาข้อมลู จากเอกสารวิชาการและ
งานวิจัยทีเ่ ก่ยี วข้องเพอื่ ให้ไดข้ ้อมลู ของต้นทนุ การผลติ และรายได้สาหรับการวิเคราะหผ์ ลตอบแทนใช้
วิธีวิเคราะห์ระยะเวลาคืนทุน (PB) มูลค่าปัจจุบันสุทธิ(NPV) และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจาก
โครงการ (IRR) ผลการศึกษา พบว่า การลงทุนมีต้นทุนการผลิตรวม 341,473.44 บาท รายได้รวม
1,189,246.40 บาทและตน้ ทุนเฉลี่ย กิโลกรัมละ 63.16 บาท มรี ะยะเวลาคนื ทุน (Payback Period)
เท่ากับ 3 ปี กับ 2 เดือน 4 วัน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) เท่ากับ 39,298.16 บาท
อัตราผลตอบแทนทแ่ี ท้จรงิ (Internal Rate of Return) ภายในโครงการเท่ากับ รอ้ ยละ 11.32 ถอื วา่
โครงการน้เี ป็นโครงการที่ยอมรับได้
ชมดาว ขาจริง, (2559)การศึกษานี้มวี ัตถุประสงค์เพื่อต้องการศกึ ษาผลของฤดูกาลที่มีต่อการ
เจรญิ เตบิ โต คุณภาพภายใน และระดบั การเกดิ สีนา้ ตาลใน ผกั กาดหอมปัจจุบนั กระแสการบริโภคผัก
ทมี่ ีคณุ คา่ ทางโภชนาการเพอ่ื สุขภาพมากข้ึน ผักกาดหอมจัดเปน็ ผัก ชนดิ หนึ่งท่มี ผี ้นู ิยมบรโิ ภคกันมาก
จนได้รับสมญานามว่าเป็น The king of salad plant เน่ืองจากเป็นผักที่ให้ คุณค่าทางอาหารสูง
โดยเฉพาะไฟเบอร์ แคลเซียม วติ ามนิ ซี วิตามนิ เอ และยงั อุดมไปด้วยสารเบตา้ แคโรทีนใน ปริมาณสูง
ซึ่งทาหน้าท่ีป็นสาร Antioxidant (George Matelian Foundation, 2006) ปัจจุบันพื้นท่ีผลิต
ผักกาดหอมส่วนใหญ่อยู่ทื่จังหวัดเชียงใหม่และปทุมธานี ซ่ึงในปี 2550 ประเทศไทยมีพื้นท่ีผลิต
ผักกาดหอม ประมาณ 5,298 ไร่ มีปรมิ าณการผลิตสงู ถงึ 15,499.87 ตันต่อปี (กรมสง่ เสรมิ การเกษตร
, 2550) แมกว่าประเทศไทยจะมกี าลังการผลิตผักกาดหอมในปริมาณท่สี งู ตลอดปแี ต่ก็พบวา่ ปรมิ าณ
ผลผลิตที่ได้ยงั ไมเ่ พียงพอ ต่อความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนั้นปัญหาทื่สาคญั ประการหนึ่งใน
การปลกู ผักกาดหอมที่สง่ ผลกระทบต่อ คณุ ภาพของผลผลติ ทีไ่ ด้คือความเสยี หายจากการเกดิ สืีนา้ ตาล
ทื่ส่วนใบโดยมีสาเหตุเน่ืองมาจากการทางานของ เอนไซม์โพลีฟนอลออกซิเดส ( Polyphenol
oxidase; PPO) ในเนื้อเยื่อพืชไปกระตุ้นการเกิดปฏิกิริยา ออกซิเดชัน ทาให้สารประกอบฟนอล
(phenol) ถูกออกซิไดส์ไปเปน็ ควิโนน (quinone) จากน้ันควิโนนจะเกดิ การรวมตัวกันเป็นโมเลกุล
ใหญ์ (Polymerization) กลายเปน็ สารสนี ้าตาลภายในเซลล์ (จริงแท้ ศิริพานิช, 2549) ซ่ึงมีรายงาน
ว่าการเกิดความเสียหายจากปฏิกิริยาดังกล่าวมีปัจจัยทื่สาคัญเข้ามาเก่ียวข้องหลายปัจจัย รวมถึง
ปจั จยั ภายนอก เช่น สภาพแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ ฤดูกาล (อิทธสิ ุนทร นนั ทกิจ, 2550) ซึง่ เป็นปจั จยั พืน้ ฐาน
ที่ ยังไมม่ ีผู้ทาการศึกษาและวิจัยกนั อยา่ งชดั เจน
ประภาพร กิจดารงธรรม, (2559)การศึกษาน้ีมีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาตน้ ทุนและผลตอบแทน
การผลิตผักอนิ ทรีย์ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์อาเภอสนั ทรายแม่ริมแม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ด้วยวิธีการ
เก็บขอ้ มูลจากการใช้แบบสอบถามในการสัมภาษณ์กลุม่ เกษตรกรผปู้ ลกู ผกั อนิ ทรยี จ์ านวนทัง้ สน้ิ ทงั้ สนิ้
36 รายโดยเลือกศึกษาผักอนิ ทรยี ์ทสี่ ามารถปลูกได้ตลอดทง้ั ปีจานวน 5 ชนดิ ได้แก่ ผกั คะนา้ ผักบุ้งจนี
ผกั กาดขาวผกั กาดเขียวกวางตงุ้ ผกั ฮ่องเต้และผักท่ีสามารถปลูกไดเ้ ฉพาะฤดกู าลจานวน 3 ชนดิ ได้แก่
บร็อกโคลีกะหล่าดอกและกะหลา่ ปลผี ลการศึกษาพบว่าต้นทนุ การผลิตผักอนิ ทรีย์ประกอบด้วยเงนิ
ลงทุนเริ่มแรกทเี่ ฉล่ียต่องานเท่ากับ 41,385.79 บาทค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานเฉล่ียตอ่ งานแบง่ ตาม
ชนิดของผักอินทรยี อ์ อกเปน็ 3 กลุม่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผกั อนิ ทรยี ท์ ป่ี ลกู จานวน 3 รอบตอ่ ปปี ระกอบดว้ ย
ผกั คะนา้ อินทรยี ์เท่ากบั 8,390,77 บาทตอ่ ปผี ักบงุ้ จนี อินทรียเ์ ทา่ กับ 8,913.16 บาทต่อปีผกั กาดเขียว
กวางตงุ้ อนิ ทรยี ์เทา่ กับ 9,146.67 บาทตอ่ ปแี ละผกั ฮ่องเต้อนิ ทรีย์เทา่ กับ 9,334.62 บาทตอ่ ปีกลุ่มที่ 2
ไดแ้ ก่ ผกั อินทรีย์ที่ปลกู จานวน 2 รอบตอ่ ปปี ระกอบด้วยผักกาดขาวอนิ ทรียเ์ ท่ากบั 7,295.45 บาทต่อ
ปีและกลุ่มที่ 3 ได้แก่ ผักที่ปลูก 1 รอบต่อปี ได้แก่ บร็อกโคล่ีอินทรีย์เท่ากับ 3,658.00 บาทต่อปี
กะหล่าดอกอินทรีย์เท่ากับ 3,491 บาทต่อปีและกะหล่าปลีอินทรีย์เท่ากับ 3,401.22 บาทต่อปีผล
การศึกษาพบว่าผลตอบแทนการผลติ ผกั อินทรยี ์แบ่งตามชนิดของผักอินทรีย์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กล่มุ ท่ี 1 ผักอินทรยี ์ทีป่ ลูกจานวน 3 รอบตอ่ ปปี ระกอบดว้ ยผกั คะน้าอินทรีย์เท่ากับ 29,312.55 บาท
ต่อปีผักบุ้งจีนอินทรีย์เท่ากับ 24,209.50 บาทต่อปีผักกาดเขียวกวางตุ้งอินทรีย์เท่ากับ 31,783.50
บาทต่อปีและผกั ฮ่องเต้อินทรยี ์เท่ากับ 31,612.50 บาทตอ่ ปี
10. งบประมาณท่ีดา่ เนินการ
10.1 หมวดคา่ ใช้สอย (660 บาท)
10.1.1 คา่ นา้ มันรถจักรยานยนต์ 200 บาท
10.1.2 คา่ ปรนิ้ ท์เอกสาร 400 บาท
10.1.3 คา่ เข้าเล่มโครงงาน 80 บาท
10.2 หมวดค่าตอบแทน (500 บาท)
10.2.1 คา่ ตอบแทนผปู้ ระกอบการ 500 บาท
11. นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ
ต้นทุน หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการปลกู ผักกาดขาว ประกอบด้วย ค่าเมล็ดผัก ค่าแรงงาน ค่า
ไฟฟ้า คา่ เหมาไถทย่ี กร่องแปลงผกั เปน็ ต้น
ผลตอบแทน หมายถึง รายได้ที่เกิดจากการจาหน่ายผักกาดขาว สวนของนางอลิสา
ศรกาเนดิ บา้ นป่าขนุน ตาบลค้งุ ตะเภา อาเภอเมอื งอุตรดิตถ์ จงั หวัดอตุ รดติ ถ์
ผักกาดขาว หมายถึง พืชล้มลุกในวงศ์เดียวกับคะน้าและบรอกโคลี สามารถนามาเป็น
วัตถุดบิ ในการประกอบอาหาร
เกษตรกรบ้านป่าขนุน หมายถึง บุคคลท่ีอาศัยในบา้ นปา่ ขนุน ตาบลคุ้งตะเภา อาเภอเมอื ง
อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ทาอาชีพเกษตรกรโดยการปลูกผักจาหน่าย สามารถสร้างรายได้ให้แก่
ครอบครวั ได้
12. บรรณานกุ รม
พชั นี แพทย์อดุ ม. (2562). ตน้ ทนุ และผลตอบแทนของการลงทุนปลกู พรกิ ไทยแบบอินทรยี ์เพอื่ การคา้
ในจังหวดั จนั ทบรุ ี. สบื คน้ เมอื่ 5 พฤศจกิ ายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
https://searchlib.utcc.ac.th/cgi-bin/koha/opac-detail.pl?biblionumber=310972
พธิ าน แสนภกั ดี. (2562). ต้นทุนและผลตอบแทนในการลงทนุ ปลกู ข้าวหอมมะลิของเกษตรกร
อาเภอสามชกุ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี. สบื ค้นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
file:///C:/Users/NB%20DELL/Downloads/kitiyanapalai,+%7B$userGroup%
ปิยะราช เตชะสบื . (2559). ตน้ ทนุ และผลตอบแทนของการลงทุนโครงการปลูกผักกยุ ชา่ ยปลอด
สารพษิ เพือ่ การค้าในจงั หวัดลาปาง. สบื คน้ เมอื่ 5 พฤศจกิ ายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
http://it.nation.ac.th/studentresearch/files/5601131023221f.pdf
ชมดาว ขาจริง. (2559). ผลของฤดูกาลท่ีมีตอการเจริญเติบโต คุณภาพภายใน และระดับการเกดิ สี
น้าตาลในผกั กาดหอม. สืบคน้ เม่อื 5 พฤศจกิ ายน 2564, จากเวบ็ ไซต์
http://www.mcc.cmu.ac.th/Seminar/pdf/P989630080.pdf
ประภาพร กจิ ดารงธรรม. (2559). ต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตผกั อินทรีย์ของกลุ่มเกษตรอินทรีย์
อาเภอสันทราย แม่ริม แมแ่ ตง จงั หวดั เชียงใหม.่ สืบค้นเม่อื 5 พฤศจิกายน 2564,
จากเวบ็ ไซต์ http://mdc.library.mju.ac.th/research/2561/prapaporn
ไทยเกษตรศาสตร์. (2555). ผักกาดขาว. สบื ค้นเมือ่ วันที่ 1 ธนั วาคม 2564, จากเว็บไซต์
https://www.thaikasetsart.com/%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0ไ
%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7/
ไทยเชฟ. ผกั กาดขาว. สบื คน้ เมอ่ื 10 ธันวาคม 2564, จากเวบ็ ไซต์ http://www.thaichef.in.th
/mobile/article_herbdetail.php?aid=13
ลาไย มากเจริญ. (2551). การบญั ชีต้นทุน กรุงเทพฯ : ทริปเพิ้ล เอ็ดดูเคชนั่ .
มหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี. มปป. ความรู้ท่ัวไปเก่ยี วกับการบญั ช.ี สบื คน้ เมื่อ 20 มกราคม
2565, จากเวบ็ ไซต์ https://hiperc.sru.ac.th/pluginfile.php/76714/mod_resource
/content.pdf
วรศกั ด์ิ ทุนมานนท์ และ ธีรยุส วัฒนาศภุ โชค “ระบบการบรหิ ารต้นทุนกจิ กรรมและระบบการวัดผล
ดุลยภาพ” บรษิ ทั ธรรมนิติ เพรส จากดั , 2545.
สมนึก เออื้ จริ ะพงษพ์ ันธ์ “การบญั ชีตน้ ทุน 1” บริษัท สานักพิมพท์ ้อป จากดั , 2545.
เพญ็ แข สนิทวงศ์ ณ อยุธยา "การบัญชีตน้ ทนุ " โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั , 2534.
กงิ่ กนก พิทยานุคณุ และคณะ "การบัญชตี น้ ทุน" หา้ งห้นุ ส่วนจากดั โรงพิมพ์ ชวนพิมพ์, 2537.
13. การติดตามและการประเมนิ ผลโครงงาน
เป้าหมาย ตัวช้วี ัดความส่าเรจ็ วธิ กี าร/เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ใน
การประเมนิ ผลโครงงาน
1. ทราบตน้ ทุน วตั ถุดิบ ทราบถงึ ต้นทนุ วตั ถุดบิ - สถิติวเิ คราะห์
คา่ แรงงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยในการ คา่ แรงงาน และคา่ ใชจ้ า่ ยใน - โปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ผลติ การปลกู และจาหนา่ ย วเิ คราะห์
ผักกาดขาว
2. การเพ่ิมรายได้ให้แก่ ทราบถึงระบบบญั ชตี น้ ทนุ ของ - สถติ วิ ิเคราะห์
นางอลสิ า ศรกาเนดิ เจ้าของสวน การปลูกและจาหนา่ ย - โปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ผักกาดขาว วิเคราะห์
3. ลดคา่ ใชจ้ ่ายท่ไี ม่จาเปน็ ได้ ทราบถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยที่ไมจ่ าเป็น - สถิตวิ เิ คราะห์
เชน่ การสญู เสยี ต่าง ๆ ในการ - โปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ปลกู ผักกาดขาว วเิ คราะห์
ภาคผนวก ข
แบบสมั ภาษณ์
แบบสัมภาษณ์
โครงงานการศกึ ษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนการปลกู ผกั กาดขาว
กรณศี กึ ษาสวนของนางอลสิ า ศรกาเนิด ตาบลคงุ้ ตะเภา อาเภอเมอื งอตุ รดติ ถ์
จังหวัดอุตรดติ ถ์
คาช้ีแจง กรณุ าตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี หค้ รบถว้ นและสมบรู ณ์
สว่ นท่ี 1 ข้อมลู ท่ัวไปเก่ียวกับผใู้ หส้ ัมภาษณ์
1. ชอ่ื -นามสกลุ ......................................................................................................................
2. ตาแหน่ง................................................................................................................................
3. อาย.ุ ..............ปี
4. วุฒิการศกึ ษา........................................................................................................................
5. สถานภาพ.............................................................................................................................
6. ที่อยู.่ .....................................................................................................................................
7. เบอร์โทรศัพท.์ ......................................................................................................................
8. รายได้............................................................................................................................
ส่วนท่ี 2 ข้อมูลเกย่ี วกับการทาสวน
1. ทีต่ ้งั ……………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………..
2. ประวตั คิ วามเป็นมา
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
3. เงนิ ลงทนุ คร้ังแรก
..........................................................................................................................................
4. แหลง่ เงินทนุ
สว่ นตัว กยู้ มื อื่น ๆ .............................................................
สว่ นที่ 3 ขอ้ มูลเกย่ี วกบั รายได้
1. ชอ่ งทางการจาหน่าย
ขายปลีก ขายส่ง ขายปลกี และขายสง่
อื่น ๆ ระบุ ........................................................................................................................
2. ราคาจาหน่ายผกั กาดขาว
จาหน่ายแบบปลกี กโิ ลกรัมละ....................บาท
จาหน่ายแบบส่ง กโิ ลกรมั ละ....................บาท
อื่น ๆ ระบุ.........................................................................................................................
3. จานวนผลผลิตที่จาหน่ายไดต้ อ่ เดอื น.....................กิโลกรมั /เดอื น
4. รายไดท้ จี่ าหนา่ ยผลผลิตได้ต่อเดอื น......................บาท/เดอื น
สว่ นท่ี 4 ขอ้ มูลเก่ียวกับต้นทุนและคา่ ใชจ้ า่ ย
1. ต้นทุนและคา่ ใชจ้ ่ายทเ่ี กีย่ วข้อง
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
.........................................................................................................................................
2. คา่ แรงงาน
คา่ แรงรายวัน ค่าแรงรายสัปดาห์
ค่าแรงรายเดือน อ่ืน ๆ ....................................
ส่วนที่ 5 ปัญหา อุปสรรคและขอ้ เสนอแนะ
1. ปญั หาและอปุ สรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….……………………………………………………………..
ภาคผนวก ค
ภาพการดาเนนิ งาน
ภาพท่ี 1 ลงพื้นที่สวนผกั กาดขาวของนางอลสิ า ศรกาเนิด
ภาพที่ 2 จ้างเหมาปรบั หน้า ยกร่องแปลงผกั
ภาพที่ 3 เพาะเมลด็ ผัก
ภาพท่ี 4 นาฟางขา้ วมาปหู น้าดนิ เพ่อื เก็บความช้นื
ภาพท่ี 5 รดนา้ เช้า-เยน็ โดยจะสูบน้ามาจากแมน่ ้านา่ น
ภาพที่ 6 ต้นออ่ นผักกาดขาวอายุ 7 วนั
ภาพท่ี 7 ผักอายคุ รบ 20 วนั
ยา้ ยต้นผักกาดขาวท่เี พาะในถาดเพาะกล้าไปปลกู ในแปลงท่เี ตรียมไว้
ภาพที่ 8 ผกั กาดขาวอายุ 30 วัน
ภาพท่ี 9 ผักกาดขาวอายุ 40 วัน
ภาพท่ี 10 ตัดผักเพอื่ จาหนา่ ย
ภาพท่ี 11 ผักกาดขาวทต่ี ัดแล้วเพอื่ จาหน่าย
ภาพที่ 12 รวบรวมข้อมลู เกยี่ วกบั ตน้ ทนุ และผลตอบแทนเพอื่ จัดทารปู เล่มรายงานโครงงาน
ภาคผนวก ง
ประวัตผิ ศู้ ึกษาโครงงาน
ประวตั ผิ ูศ้ กึ ษา
1. ชื่อ – นามสกุล (ภาษาไทย) นางสาวบษุ ณกี ร เมฆบรสิ ทุ ธิ์
Name – Surname (ภาษาองั กฤษ) Miss Butsaneekorn Makborisoot
เลขบัตรประจาตวั ประชาชน 2 3066 00001 19 8
ระดบั การศกึ ษา ปวส. ชน้ั ปีที่ 2/2 สาขาวชิ าการบญั ชี สาขางานการบญั ชี
ตาแหน่ง นกั ศึกษา
การศึกษา พ.ศ. 2559 มธั ยมศึกษาตอนต้น โรงเรยี นพิชยั
พ.ศ. 2562 หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาอตุ รดิตถ์
พ.ศ. 2564 กาลังศกึ ษา หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพช้นั สูง
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอตุ รดติ ถ์
ผลงานทางวชิ าการ
1. โครงงานจัดทาบญั ชีธรุ กิจไสก้ รอกใหญพ่ ชิ ยั
2. โครงการวจิ ัยสงิ่ ประดิษฐค์ นรนุ่ ใหม่ สเปรยบ์ ารงุ ผวิ ออแกนิก
ท่ีอยู่ 89 ม.3 ตาบลบ้านหมอ้ อาเภอพชิ ยั จังหวัดอุตรดติ ถ์
E-mail : [email protected]
ประวตั ผิ ูศ้ กึ ษา
2. ช่อื – นามสกลุ (ภาษาไทย) นางสาวภวู นดิ า โสภาใจ
Name – Surname (ภาษาองั กฤษ) Miss Phoovanida Sopajai
เลขบตั รประจาตัวประชาชน 1 5399 00773 83 1
ระดบั การศึกษา ปวส. ชนั้ ปที ี่ 2/2 สาขาวชิ าการบัญชี สาขางานการบญั ชี
ตาแหน่ง นักศึกษา
การศกึ ษา พ.ศ. 2559 มัธยมศกึ ษาตอนตน้ โรงเรียนทา่ ปลาประชาอุทศิ
พ.ศ. 2562 หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาอตุ รดิตถ์
พ.ศ. 2564 กาลงั ศกึ ษา หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพชั้นสูง
วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาอตุ รดิตถ์
ผลงานทางวชิ าการ
1. โครงงานจดั ทาบญั ชีธรุ กจิ ไส้กรอกใหญพ่ ิชัย
2. โครงการวจิ ยั สงิ่ ประดษิ ฐ์คนรนุ่ ใหม่ สเปรยบ์ ารงุ ผวิ ออแกนิก
ทีอ่ ยู่ 19 ม.1 ตาบลจริม อาเภอทา่ ปลา จงั หวัดอตุ รดิตถ์
E-mail : [email protected]
ประวตั ผิ ูศ้ กึ ษา
3. ชอื่ – นามสกลุ (ภาษาไทย) นางสาวอรทยั ใจธิ
Name – Surname (ภาษาองั กฤษ) Miss Arathai Jaithi
เลขบตั รประจาตัวประชาชน 1 5399 00762 46 4
ระดบั การศึกษา ปวส. ช้ันปที ี่ 2/2 สาขาวิชาการบญั ชี สาขางานการบญั ชี
ตาแหนง่ นักศึกษา
การศกึ ษา พ.ศ. 2559 มัธยมศึกษาตอนตน้ โรงเรยี นสหคริสเตียน
พ.ศ. 2562 หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี วิทยาลัยการอาชพี รตั นประสทิ ธิว์ ทิ ย์
พ.ศ. 2564 กาลังศึกษา หลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพชนั้ สงู
วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาอตุ รดิตถ์
ทีอ่ ยู่ 2/4 หมู่ 3 ตาบลมว่ งเจด็ ตน้ อาเภอบ้านโคก จังหวดั อตุ รดิตถ์
E-mail : [email protected]