สมดุ บนั ทกึ การเรียนรรู้ ายวชิ า
วรรณกรรมปจั จุบนั
๑๐๔
คานา
กานตวรรณกรรม เป็นสมุดบันทึกการเรียนรู้รายวิชา
วรรณกรรมปัจจุบัน รหัสวิชา ๒๑๕๔๓๑๐๖ จัดทาข้ึนเพื่อ
บันทกึ ผลการเรียนรู้ในแตล่ ะสปั ดาห์เป็นการสรุปเน้ือหาท่ีเข้าใจ
ได้ง่ายและมีคุณค่าและสามรถทาความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าในอนาคต
และสามรถนามาเปน็ แนวทางในการศึกษาในรายวิชาน้อี ีกดว้ ย
ในการจัดทาสมุดบันทึกเล่มน้ีข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ
อาจารย์พฤฒิชา นาคะผิว อาจารย์ผู้สอนรายวิชาวรรณกรรม
ปัจจุบัน เป็นอย่างสูงยิ่งท่ีให้ความกรุณาในการชี้แนะและ
แนะนาให้มีแรงบันดาลใจจัดทาหนังสอื เลม่ นี้ข้นึ มา
อน่ึงข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กานตวรรณกรรม จะ
เป็นประโยชน์สาหรับการศึกษาของผู้ท่ีค้นคว้าสามารถนา
ความรู้และประสบการ์ท่ีได้ไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน
๑๐๔นราธิป แก้วปีลา
และในอนาคตได้อย่างดยี ิ่ง ผู้จดั ทา
สารบัญ หนา้
๑
ประวตั ิผเู้ ขียน ๒
สปั ดาหท์ ่ี ๑ ปฐมนิเทศและความหมายของวรรณกรรม ๖
สปั ดาหท์ ่ี ๒ ศกึ ษาดว้ ยตนเอง ๘
สปั ดาหท์ ่ี ๓ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๕๑๖ ๑๔
สปั ดาหท์ ่ี ๔ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๕๓ ๒๐
สปั ดาหท์ ่ี ๕ สอบเก็บคะแนนครงั้ ท่ี ๑ ๒๒
สปั ดาหท์ ่ี ๖ งดการเรยี นการสอน ๒๓
สปั ดาหท์ ่ี ๗ สอบแกแ้ ละการอา่ นและการพจิ ารณารอ้ ยกรอง ๒๖
สปั ดาหท์ ่ี ๘ การอ่านและการพจิ ารณารอ้ ยกรองปัจจบุ นั ๒๙
สปั ดาหท์ ่ี ๙ เร่อื งสนั้ ๓๖
สปั ดาหท์ ่ี ๑๐ นวนยิ าย ๔๑
สปั ดาหท์ ่ี ๑๑ วเิ คราะหก์ วีนพิ นธจ์ ากหนงั สือกาญจนกานท์ ๔๒
สปั ดาหท์ ่ี ๑๒ เรยี นรูเ้ รอ่ื งโครงงาน ๔๖
สปั ดาหท์ ่ี ๑๓ นาเสนอความกา้ วหนา้ ของโครงงานครงั้ ท่ี ๑ ๔๘
สปั ดาหท์ ่ี ๑๔ นาเสนอความกา้ วหนา้ ของโครงงานครงั้ ท่ี ๒ ๕๐
สปั ดาหท์ ่ี ๑๕ สนุ ทรยี ภาษาพระมหาชนก ๕๒
สปั ดาหท์ ่ี ๑๖ นาเสนอโครงงาน ๕๖
บทกวีนพิ นธเ์ รอ่ื ง “หอพกั หอรกั ” ๕๗
ไมไ้ อติมวิเศษ ๕๘
บนั ทกึ ผลการรว่ มกิจกรรมในชน้ั เรยี น ๖๐
แบบประเมนิ การใหค้ ะแนน
ประวัติผเู้ ขียน
ชื่อ-สกลุ นราธิป แก้วปีลา
วนั /เดอื น/ป๒ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒
อายุ ๒๐ ปี
ท่ีอยู่ ๓๑ หมู่ที่ ๑๔ ต.นาคา อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ๔๘๑๕๐
ปจั จบุ ัน กาลงั ศึกษาระดับอุดมศกึ ษา สาขาวิชาการสอนภาษาไทย
ช้ันปีที่ ๒ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
คติประจาใจ
อุปสรรค คือสสี ันของชวี ิต ชวี ิตที่
ขาดอปุ สรรค คือชีวิตของคนที่ตายไปแล้ว
ส่งิ ทช่ี อบ การตรงตอ่ เวลา
ส่ิงทไี่ มช่ อบ การโกหก ไม่ซื่อสัตย์
ความใฝ่ฝนั ครู
๑๐๔
๑
กานตวรรณกรรม
สปั ดาหท์ ่ี ๑
๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒
❖ปฐมนิเทศ
❖ความรู้เบื่องต้นเก่ยี วกับ
วรรณกรรมปจั จบุ ัน
๒
ปฐมนเิ ทศ
Aa ขอใชค้ าทับศัทพ์ภาษาองั กฤษ
พดู นอ้ ย ฟงั เยอะ
เปลีย่ นจากครูเปน็ โค้ช
เน้น Active Learning
แนะ นา
รา้ นหนงั สอื แหล่งอา่ นวรรณกรรม
❑ วรรณกรรมเยาวชนเปลย่ี น
[E-Book]
มุมของชวี ติ ❑ TK Park
❑ วรรณกรรมแหง่ ชาติ ❑ Sook Library app
❑ หนงั สอื อา่ นนอกเวลา
๓
ความร้เู บือ่ งต้นเกยี่ วกบั วรรณกรรมปัจจบุ นั
วรรณกรรม ?
วรรณกรรม น. งานหนงั สอื , งานประพนั ธ,์
บทประพนั ธ์ทกุ ชนิดทัง้ ท่เี ปน็ รอ้ ยแก้วและร้อยกรอง
พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
วรรณกรรม vs วรรณคดี
งานเขียนท่ีมีเนอ้ื หาและ
งานเขยี นท่ัว ๆ ไปทกุ การนเ้ สนอท่ดี ี มีคุณค่า
รูปแบบ มเี ร่อื งราว มีกลวธิ ี ถาวรและมีวรรณศิลป์
การนาเสนอ
➢ วรรณคดเี ปน็ ส่วนหนึ่ง
ของวรรณกรรม
วรรณคดี
วรรณกรรม
๔
จากใจฉัน
ความรสู้ กึ ดที ่เี กิดขนึ้ การนาไปประยกุ ต์ใช้
✓ อาจารย์มคี วามตง้ั ใจทอ่ี ยาก ❖ สามารถนาไปปรบั ใชใ้ น
ถ่ายทอดใหก้ บั นกั ศึกษา การเรียนการสอนใน
นักศกึ ษามคี วามตง้ั ใจเรยี น อนาคตได้
❖ สามารถนาไปเป็นแนวทาง
ในการเขียนวรรณกรรม
ปัญหา/อุปสรรคทีเ่ กิดขนึ้ สงิ่ ทอ่ี ยากรู้
❑ ในวนั นเี้ ป็นการเรยี นสามคาบ ➢ มโี อกาสหรอื ไม่ที่วรรณกรรมท่ี
ในหนงึ่ วนั คาบนีเ้ ปน็ คาบท่ี ประพันธ์หลัง ๒๔๗๕ จะ
สามจึงอาจทาให้นักเรยี นมี ไดร้ บั การยกย่องใหเ้ ป็น
อาการออ่ นล้า อ่อนเพลีย วรรณคดี
ประเมินความตงั้ ใจของตนเอง
บรรยากาศสนุกสนาน แตว่ ันน้เี รียน
๓ วชิ าจงึ รู้สึกออ่ นลา้ ปรบั ปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๕
กานตวรรณกรรม
สัปดาห์ท่ี ๒
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒
❖ศกึ ษาดว้ ยตนเอง
❖ทางานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
๖
จากใจฉนั
ความรู้สกึ ดที ่ีเกดิ ขึน้ การนาไปประยุกตใ์ ช้
✓ ศกึ ษาหาความรู้อย่างมี ❖ ในการจดั การเวลาของ
อสิ ระ ตัวเอง การรักษาเวลา
และตรงตอ่ เวลา
✓ ชิ้นงานสาเร็จในเวลาท่ที ่ี
กาหนดไว้
ปญั หา/อปุ สรรคทเ่ี กดิ ขึน้ ส่งิ ท่ีอยากรู้
❑ สมาชิกในกลุม่ ไม่ตรงเวลาใน ➢ เกรด็ ความรู้เกี่ยวกับการ
การทางาน เปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๗๕
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง
ความตง้ั ใจในการทางานดีมาก สมาชกิ
ร่วมมอื รว่ มใจอย่างดีเย่ียม ปรบั ปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๗
กานตวรรณกรรม
สัปดาหท์ ี่ ๓
๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒
❖วรรณกรรมปัจจบุ ัน
พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๕๑๖
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๗๕- ๒๔๘๐
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๘๑- ๒๔๐๐
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๐๑- ๒๕๐๖
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๐๗- ๒๕๑๕
TOPIC สารวจรายช่ือ : คาท่ีขึน้ ตน้ ดว้ ย”น้า”
๘
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๘๐
ระบอบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ระบอบประชาธปิ ไตย
วันที่ ๒๔ มถิ ุนายน ๒๔๗๕ โดยคณะราษฎร เป็นเหตกุ ารณ์
สาคญั ใน ประวัติศาสตร์ชาติไทย กาเนิดชนช้ัน
สภาพสังคม ผ้ดู ีใหม่
คร้นั เมอ่ื เริม่ รชั กาลท่ี ๗ มีขนุ นางเพยี ง ๔-๕ นาย นอกจากนนั้ เปน็
เจา้ จึงทาใหเ้ กิดค่านิยมการสง่ เสรมิ ลูกใหเ้ ป็นข้าราชการ เพราะถือได้ว่าเป็น
“เจ้าคนนายคน” การศึกษาจงึ เป็นบนั ไดแห่ง
ความหวงั ของคนหนุม่ สาวสมัยน้ัน
นักเขยี นและผลงานสาคัญ
๒๔ว๗รร๕ณ-ก๒ร๔รม๘๐ ศรบี ูรพา ดอกไม้สด ก.สุรางคนางค์
ข้อมูลเพ่มิ เตมิ สแกนทนี่ ี่ ๙
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๔๘๑-๒๕๐๐
จอมพล ป.พิบูลสงคราม ใช้นโยบาย
เลิกกินหมาก
ยกเลกิ บรรดาศักด์ิ กินกว๋ ยเตีย๋ ว
สวมหมวก
ยคุ อักขรวบิ ัติ
นักเขยี นบางคนหยุดเขยี นหนงั สือไปช่ัวคราวเพราะมขี ้อกาหนดเร่ืองหลักเกณฑ์
การใชภ้ าษาและสะกดการนั ต์ รวมทงั้ ควบคมุ เนอ้ื หาให้อยู่ในกรอบศีลธรรม
นกั เขียนและผลงานสาคัญ ๒๔๘๕
ดาวหาง สด กรู มะโรหิต หลวงวิจติ รวาทการ มาลัย ชูพนิ ิจ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
จดั ตัง้
“วรรณคดสี มาคม”
มีพระวรวงศเ์ ธอพระองค์
เจา้ นราธปิ พงศป์ ระพันธ์
เปน็ บรรณาธิการ
๑๐ ขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ สแกนทน่ี ่ี
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๐๑- ๒๕๐๖
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์
ยกเลกิ รฐั ธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย พ.ศ.
๒๔๗๕ ทาใหป้ ระเทศไทยตกอยู่ใน อานาจเผดจ็ การ
ได้มีการสัง่ จบั กุมนักเขียน นักหนงั สอื พมิ พ์ และ
นักการเมอื งฝ่ายค้าน โดยใชว้ ธิ กี าร
ง มยคุ นี้ถูกเรียนว่า
ยคุ มดื ทางการเมืองและทางปญั ญาของสงั คมไทย
ใชม้ าตรา ๑๗ เปน็ พันธมิตรกับสหรฐั อเมรกิ าเพ่ือพงึ่ พาทาง
ซึง่ ให้อานาจลน้ ฟา้ เหนอื เศรษฐกจิ การทหาร และการสนับสนุนทางการเมอื ง
แผน่ ดนิ ในการปราบปราม พรอ้ มกับใชไ้ ทยเป็นฐานทพั เพ่ือทาสงครามกบั
เข่นฆา่ ประชาชนโดยไมต่ อ้ ง เวียดนาม ทาใหเ้ กดิ สถานะ
เมยี เชา่พง่ึ อานาจศาล
และกลายเป็นปัญหาสงั คมในเวลาต่อมา
นักเขยี นและผลงานสาคัญ ยคุ วรรณกรรมหลกี หนี
ส.อาสนจินดา พนมเทียน อรชร อรวรรณ ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ สแกนที่นี่
๑๑
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๐๗- ๒๕๑๕
สงั วคารมสารศาสตรป์ รทิ ศั น์
พิมพเ์ พอ่ื ตอ้ งการให้วารสารเลม่ น้เี ป็นเวทีของการ
แลกเปลยี่ นความเห็นทางสังคมตอ่ ประเทศชาติ
ชัยพฤกษ์วารสาร
ฉบับนกั ศกึ ษาประชาชน
มจี ดุ เด่นคอื เสนอแนวคิดความเปน็ ประชาธิปไตยคัดคา้ น
เผดจ็ การเปิดโปงการโจมตีจักรวรรดใิ นสงครามเวยี ดนาม
นักเขยี นและผลงานสาคัญ กลุ่มหนมุ่ เหนา้ สาวสวย
การรวมตวั ของนักศึกษาและ
กล่มุ ชมรมพระจันทรเ์ ส้ยี ว
กอ่ ตั้งเม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๐ สมาชิก นกั เขยี นทมี่ ีชอ่ื เสยี งอยู่แล้ว จะเนน้
บางคนสนใจศึกษาทฤษฎีวรรณกรรม ศิลปะการประพนั ธต์ ามมาตรฐาน
ต่างประเทศแล้วนามาปรบั ใช้ เร่ืองส้ันมากกว่าเน้นเน้ือหาทางสังคม
กลุม่ เทคนิคโคราช
การรวมตัวกันของนกั ศึกษาภาคอสี าน กลุม่ วรรณกรรมเพือ่ ชีวติ
เป็นวรรณกรรมสะทอ้ นสงั คมการเมือง
นกั ศึกษาและนกั เขียนกอ่ ตั้งหนังสือพมิ พเ์ ม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๔
เรียกยคุ นว้ี ่า
ฉนั จึงมาหาความหมาย
ข้อมลู เพ่ิมเติม สแกนทีน่ ี่ ๑๒
จากใจฉัน
ความรู้สึกดที ี่เกิดขนึ้ การนาไปประยกุ ตใ์ ช้
✓ นาเสนอได้เต็มท่แี ม้จะเกิน ❖ การจดั ทางานนาเสนอ
เวลาแตไ่ ด้ ๑๐ คะแนน ของแตล่ ะกลมุ่ มคี วาม
หลากหลายสามารถปรับ
✓ เพือ่ น ๆ กลมุ่ อ่นื นาเสนอ ประยกุ ตไ์ ด้
ได้อย่างนา่ สนใจ
ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกดิ ขน้ึ สิ่งท่อี ยากรู้
❑ นาเสนองานไม่อย่ใู นเวลา ➢ วรรณกรรมปี ๒๔๗๕-
๒๕๑๕ มีแนวการแต่งท่ี
เปล่ยี นไปอย่างไรบา้ ง
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง
นาเสนองานเป็นท่ีพึงพอใจทั้งขา้ พเจา้
และเพอ่ื นสมาชิก ปรับปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๑๓
กานตวรรณกรรม
สปั ดาหท์ ่ี ๔
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒
❖วรรณกรรมปจั จุบัน
พ.ศ. ๒๔๑๖-๒๕๕๓
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๙
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๙
➢ วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๕๓
TOPIC สารวจรายชื่อ : คาที่ขนึ้ ต้นดว้ ย”ท”
๑๔
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๑๖-๒๕๑๙
นโยบายการพฒั นาประเทศในสมยั
จอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ได้สง่ ผลกระทบต่อ
การเปล่ยี นแปลงด้านเศรษฐกจิ สงั คม และ
วัฒนธรรมต่อเน่ืองจนถึงสมยั จอมพลถนอม
กติ ตขิ จร ทาให้เกดิ งาน
“แนวคิดคตินยิ มสมัยใหม่”
๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖(Modernism)
เหตุการณค์ รง้ั น้สี ง่ ผลให้มีสทิ ธิเสรีภาพระดับหนง่ึ ในการแสดง
ความคิดเห็นเกดิ งานแนววรรณกรรมเพ่ือชีวิตขึ้น การสรา้ งงานใหมซ่ ง่ึ
๖ ตลุ าคม ๒๕๑๙ส่วนใหญเ่ ปน็ เรื่องส้ันและกวีนพิ นธจ์ นถงึ เหตกุ ารณ์
ทาให้บ้านเมืองกลับสู่เผด็จการอีกคร้ัง
ผลงาน
ท่ีสาคญั
๑๕ ข้อมลู เพิ่มเติม สแกนท่นี ี่
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๙
อิทธิพลลทั ธิมากซ์ ท่ลี ดลงในระดับประเทศและสากลทาให้
เกิดการเปล่ยี นแปลงแนวการเขียนวรรณกรรม เกิดการเขียนแนวสานกึ
สงั คมและสรา้ งสรรค์กลวธิ ีการนาเสนอเร่ืองอย่างหลากหลาย
เรอ่ื งส้นั “ขนุ ทอง เจ้าจะกลบั มาเม่ือฟ้าสาง” เปน็
เรื่องราวทสี่ ะเทือนใจต่อการสญู เสียของนกั ศึกษา
จากเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙
“ลกู อีสาน” เปน็ เรอื่ งราวทเี่ สนอวิถีชวี ติ คน
อีสานท่ีปรับตัวใหเ้ ข้ากับความยากลาบากของ
สภาพแวดล้อมโดยไม่โทษดินฟาหรือชะตากรรม
วรรณรูป
โดย จา๋ ง แซ่ตัง้
๑๖
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๙
คณะรกั ษาความสงบเรยี บร้อยแหง่ ชาติ
(รสช.) ยดึ อานาจ ดว้ ยเหตุผลว่าเกิดการฉ้อราษฎร์
บังหลวงอย่างขวาง และแต่งตัง้ นายอานันท์ ปันยา
พฤษภาทมิฬรชุน เป็นนายกรฐั มนตรี
(พ.ศ. ๒๕๓๕)
พลเอกสุจนิ ดา คราประยรู เปน็ นายกรัฐมนตรีเกดิ
การประทว้ ง ทาใหป้ ระชาชนลม้ ตายจากการถูกปราบปราบ
อกี ครง้ั เหตุการณเ์ กิดจากการตัดค้านเผดจ็ การในรูปแบบ
ใหม่ คอื พลังประชาธิปไตย กับ อมาตยาธปิ ไตย
ผลงานสาคญั
๑๗
วรรณกรรม พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๕๓
“ฟองสบแู่ ตก”
สภาพสงั คมในทศวรรษ ๒๕๔๐ เปน็ ยคุ โลกาภวิ ัตน์ต่อเนอ่ื งจากยคุ
กอ่ นหนา้ ในโลกเป็นพื้นทไ่ี รพ้ รมแดนเกดิ การใช้อนิ เทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
ส่อื เปน็ สงิ่ ทส่ี าคญั ในชวี ิตสังคมเปล่ียนเปน็ ยคุ หลังสมยั ใหมท่ ่ีเกิดจาก
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเทคโนโลยแี ละเศรษฐกิจทุน
นยิ มวรรณกรรมมคี วามเปล่ียนแปลงอย่างสูงเกดิ รูปแบบงานใหม่ ๆ ที่
ไดร้ ับอทิ ธิพลจากต่างชาติ เกิดปรากฏการณท์ นี่ า่ สนใจและเปล่ยี นโฉมหน้า
วรรณกรรมไทยหลายประการดงั น้ี
๑. คนกระทบของโลกโลกาภิวตั นแ์ ละวิกฤตเศรษฐกิจ ๒๕๔๐
๒. วรรณกรรมแปล ๓. สทิ ธิพลของรางวัลวรรณกรรม
๔. เกิดวรรณกรรมไร้พรมแดน ๕. ภาพลักษณด์ ้านบวกของสังคมเมือง
๖. การแพรห่ ลายของวรรณกรรมชายขอบและกระแสรอง
๗. กลวธิ ีและรูปแบบการนาเสนอ
ผลงานสาคัญ
๑๘
จากใจฉัน
ความรู้สึกดที ี่เกิดขนึ้ การนาไปประยกุ ตใ์ ช้
✓ นาเสนอได้เต็มท่แี ม้จะเกิน ❖ การจดั ทางานนาเสนอ
เวลาแตไ่ ด้ ๑๐ คะแนน ของแตล่ ะกลมุ่ มคี วาม
หลากหลายสามารถปรับ
✓ เพือ่ น ๆ กลมุ่ อ่นื นาเสนอ ประยกุ ตไ์ ด้
ได้อย่างนา่ สนใจ
ปญั หา/อปุ สรรคท่ีเกดิ ขึน้ สิ่งท่อี ยากรู้
❑ นาเสนองานไม่อย่ใู นเวลา ➢ วรรณกรรมปี ๒๔๗๕-
๒๕๑๕ มีแนวการแต่งท่ี
เปล่ยี นไปอย่างไรบา้ ง
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง
นาเสนองานเป็นท่ีพึงพอใจทั้งขา้ พเจา้
และเพอ่ื นสมาชิก ปรับปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๑๙
กานตวรรณกรรม
สัปดาห์ท่ี ๕
๗ สิงหาคม ๒๕๖๒
❖ สอบเกบ็ คะแนน ครั้งท่ี ๑
คะแนนทีไ่ ด้ ๑๓
๒๐
จากใจฉนั
ความรูส้ กึ ดที ่ีเกิดขน้ึ การนาไปประยุกตใ์ ช้
✓ ได้ ๑๓ คะแนน เตม็ ๒๐ ❖ การใช้โปรแกรมในการ
คะแนน ทาขอ้ สอบ
ปญั หา/อุปสรรคที่เกดิ ข้นึ สิ่งท่ีอยากรู้
❑ ไมม่ คี รบั ➢ โปรแกรมทน่ี ามาใชค้ อื
โปรแกรมอะไร มีวธิ กี ารใช้
อย่างไร
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง ปรบั ปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดีมาก
มีความต้งั ใจในการทาขอ้ สอบครับ
๒๑
กานตวรรณกรรม
สัปดาห์ท่ี ๖
๑๔ สงิ หาคม ๒๕๖๒
❖ งดการเรยี นการสอน
๒๒
กานตวรรณกรรม
สปั ดาห์ท่ี ๗
๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
❖ สอบแก้
❖การอา่ นและพิจารณาร้อยกรองปัจจุบัน
๒๓
กวีนิพนธ์
ความหมาย น. คาประพนั ธ์ท่กี วีแต่งอาจเปน็ ร้อยแกว้ หรือรอ้ ยกรองก็ได้๑
น. คาประพนั ธท์ ่ีกวแี ต่งข้ึนอย่างมีศลิ ปะ เนอื้ ความ
กระทบอารมณ์แลว้ จุดไปความคิดใหแ้ ก่ผู้อ่าน
องค์ประกอบและกลวธิ กี ารนาเสนอ
๑. ๓. ๕.
รูปแบบ การใชภ้ าพพจน์ ๔. แนวคิด
๒. ผพู้ ดู และ
การใช้คา
นา้ เสียง
การสรรคา การเลน่ คา สร้างคาใหม่ ใช้คาถามเชิง
การซ้าคา วรรณศิลป์
เล่นเสยี งสมั ผสั ใช้จนิ ตภาพ
สัมผสั สระ สัมผสั พยัญชนะ สมั ผสั วรรณยุกต์
แนะนาหนงั สือ
ศิลปะการเขยี นกวีนพิ นธ์
๒๔ −๑ ท่มี า: พจนานกุ รมราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
จากใจฉนั
ความรู้สกึ ดที เ่ี กดิ ข้นึ การนาไปประยุกต์ใช้
✓ ไดท้ ราบความหมายของกวี ❖ นาไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์
นพิ นธ์ สงู สดุ ในหรือการอา่ น
การประพันธก์ วีนพิ นธ์
✓ การเรยี นการสอนของ
อาจารยท์ นี่ ่าสนใจ
ปญั หา/อปุ สรรคทเี่ กดิ ขึน้ สงิ่ ทอี่ ยากรู้
❑ เนือ้ หาไมต่ อ่ เนื่อง ➢ การจะเปน็ กวีท่ีดคี วรมี
คุณสมบัตอิ ยา่ งไรบา้ ง
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง
วนั น้มี กี ารสอบแก้ขา้ พเจ้าเต็มท่ีกับการทา
ขอ้ สอบและตัง้ ใจเรยี น ปรบั ปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๒๕
กานตวรรณกรรม
สัปดาหท์ ่ี ๘
๒๘ สงิ หาคม ๒๕๖๒
❖ การอ่านและพิจารณาร้อยกรองปัจจบุ ัน(ตอ่ )
❖ นาเสนอแผนผังความคดิ กวนี พิ นธ์ เรอื่ ง ดา่
๒๖
แนวคดิ ท่ีปรากฏใน
กวนี พิ นธไ์ ทยรว่ มสมยั
แนวคิดเชงิ ปรัชญาและสัจธรรมเก่ยี วกับโลกและชวี ิต
แนวคดิ ด้านจริยธรรมและสัมพันธภาพระหวา่ งมนษุ ยด์ ว้ ยกัน
ทศั นวจิ ารณด์ า้ นสังคมและการเมือง
ความหวงั ในอนาคตของเพอ่ื นมนษุ ย์
สถานภาพและภารกจิ ของกวี
ประเด็นสาหรับการอภปิ รายร้องกรองปจั จบุ นั
๑.เนือ้ หากลา่ วถึงอะไร
๕. แนวคิด ๒. รูปแบบ
คาประพนั ธ์
กวีนพิ นธเ์ รอ่ื งอะไร
๔.การใชถ้ อ้ ยคา ๓. ผพู้ ดู และ
และภาษาของกวี นา้ เสียง
๒๗
จากใจฉัน
ความรสู้ กึ ดที เ่ี กดิ ขึน้ การนาไปประยุกตใ์ ช้
✓ ได้ทราบการอภปิ รายกวี ❖ วธิ กี ารแตง่ กวนี พิ นใ์ ห้
นิพนธ์ในประเด็นต่าง ๆ น่าสนใจ
และฝึกการวเิ คราะห์ ในกวี
นพิ นธเ์ รื่อง ดา่
ปญั หา/อปุ สรรคทเ่ี กดิ ขน้ึ สง่ิ ทอ่ี ยากรู้
❑ การวเิ คราะหก์ วีนิพนธท์ ต่ี อ้ งทา ➢ กวนี ิพนธ์ทเ่ี นน้ ความกนิ ใจจะ
ความเข้าใจลึกซ้งึ ใช้เวลานาน ทาใหร้ ูปแบบของคาประพนั ธ์
และฉนั ทลกั ษณ์สาหรับคนรนุ่
ใหมม่ คี วามเข้าใจทคี่ ลาดเคลอ่ื น
ไปหรือไม่
ประเมินความตงั้ ใจของตนเอง
วันนี้มีการสอบแกข้ า้ พเจ้าเต็มท่ีกบั การทา
ข้อสอบและตง้ั ใจเรยี น ปรบั ปรงุ พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๒๘
กานตวรรณกรรม
สัปดาห์ท่ี ๙
๔ กนั ยายน ๒๕๖๒
❖ เรือ่ งสัน้
❖นาเสนอ เนอ้ื เรือ่ ง + โครงเร่อื ง
เรอื่ ง โรงเรยี นท่ไี ม่มเี สาธง
๒๙
เรอื่ งส้นั (Short Story)
เร่ืองเล่าบันเทงิ คดีรอ้ ยแก้วท่ีมคี วามยาวตั้งแต่ประมาณ ๕๐๐-
๑๕๐๐๐ คา (ปัจจบุ นั ความยาวของเรื่องมคี วามยืดหยุ่น ไมถ่ อื เป็น
ข้อจากดั ) เน้อื เรือ่ งมเี อกภาพ คือ มีโครงเรื่องเดยี วและดาเนนิ เรื่องอย่าง
รวดเรว็ มีตวั ละครน้อย (๒-๓ ตัวละคร)
องค์ประกอบของเรอ่ื งสนั้
๑. โครงเรือ่ ง
๗. แกน่ เรอ่ื ง องค์ประกอบ ๒. เน้ือเรือ่ ง
๖. บทสนทนา ของเรอ่ื งสั้น ๓. ตวั ละคร
๕. มุมมอง ๔. ฉาก
๓๐
๑. โครงเรือ่ ง จดุ สดุ ยอด
ข ง
กค
จ
ก การเปิดเร่ือง คือ บทนาเรือ่ งท่ีผแู้ ต่งให้ข้อมูลเบื้องตน้ เกี่ยวกับเรื่อง
ข ปมปญั หา คือ ความยุ่งยากที่เกิดขน้ึ กับตัวละครเอกในเร่ือง
ค จดุ วกิ ฤต คือ จุดท่เี กิดปัญหาของเร่ืองเปิดเผยออก สามารถเกดิ ขึ้นไดม้ ากกว่า
หนึง่ คร้ัง
ง การคลี่คลาย คอื ตอนทเ่ี ร่ืองคอ่ ย ๆ ลดความเครยี ดลงนาไปสู่การคล่คี ลายปัญหา
จ การปิดเร่อื ง คือ ชว่ งทา้ ยของเรอื่ งเป็นผลเกดิ จากการแกไ้ ขปัญหาของตวั ละคร
-จบแบบมีความสุข -จบแบบเศร้า
-จบแบบหักมุม -จบแบบทิ้งท้ายให้คิด
๒. เน้ือเรื่อง
A Z เรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ตามเวลาทเ่ี กิดขนึ้
Z A เรยี งลาดบั เหตุการณ์ตามเวลาที่เกิดขน้ึ ล่าสุดมาก่อน
แลว้ จงึ เล่าเรอื่ งทีเ่ กิดก่อนย้อนหลังตามมา
M A Z เรยี งลาดบั เหตกุ ารณ์ตามเวลาท่เี กิดข้นึ ตอนกลาง
ของเรอ่ื งมากอ่ นแล้วเล่าเรื่องตอนต้นมาบรรจบกนั ก่อนท่ีจะดาเนนิ
เรื่องไปสูต่ อนจบ
๓๑
๓. ตวั ละคร
การจาแนกตามอปุ นิสยั
ตัวละครแบบซบั ซ้อน ตัวละครแบบเรยี บ
-ปรบั ตัว -ไมม่ พี ฒั นาการทางอารมณ์
-เปลี่ยนแปลง -ผอู้ ่านคาดเดาพัฒนาการได้
-มีชวี ติ ชีวา
-พัฒนาการตอ่ เนอ่ื ง
-ผู้อ่านคาดเดาพัฒนาการได้ยาก
การจาแนกตามบทบาท
ตวั ละครเอก ตวั ละครปฏปิ กั ษ์ ตัวละครสนบั สนนุ
๔. ฉาก
บทบาทและหน้าทีข่ องฉาก คือ เป็นท่ีรองรับเหตกุ ารณ์และบอก
ภมู ิหลังของตัวละคร เปน็ สัญลกั ษณ์ของแก่นเรอื่ ง มอี ทธิพลใหเ้ ห็น
ลักษณะนิสยั ของตวั ละคร และฉากในฐานะท่เี ปน็ ตัวละคฝา่ ยตรงข้าม
ประเภทของฉาก ไดแ้ ก่ ฉากทเี่ ปน็ ลักษระทางกายภาพ ท่เี ปน็
สงิ่ ประดษิ ฐ์ เปน็ ชว่ งเวลาหรือยคุ สมัย และเปน็ สภาพแวดล้อมเชิง
นามธรรม
๓๒
๕. มุมมอง
กลวิธีทผี่ ู้เขยี นใช้เล่าเรื่องซ่ึงเป็นเสียงท่ีผู้ฟังได้ยินตลอด แตไ่ ม่ใช่เสียงทต่ี วั ละครสนทนากัน
วิธีการใชม้ มุ มองเลา่ เรื่อง
ผเู้ ลา่ เรื่องปรากฏตัวในเรอื่ ง ผู้เล่าเรื่องไม่ปรากฏตัวในเรอ่ื ง
๑. ผเู้ ลา่ เรือ่ งที่เปน็ ตวั ละครเอก ๑. ผู้เลา่ เรื่องแบบรแู้ จ้ง
๒. ผู้เล่าเรอ่ื วทเ่ี ปน็ ตัวละครรอง ๒. ผเู้ ลา่ เรื่องแบบภววิสัย (ไม่แสดง
ทัศนะของตนก้าวล้าเข้าไป
อธิบายโลกของตัวละคร)
๖. บทสนทนา ถอ้ ยคาในการสนทนาโตต้ อบกันของตัวละคร
เหน็ เหตุการณ์ อปุ นสิ ัย และ
พฒั นาการของตัวละคร
ชว่ ยดาเนินเรื่องแทนการเลา่ เร่อื ง
ขอ้ คดิ ท่เี ปน็ ประโยชนแ์ กผ่ อู้ า่ น
๗. แกน่ เร่ือง
สาระสาคัญทผ่ี เู้ ขียนต้องการสื่อถึงผู้อ่าน
แก่นเร่ือง ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเปน็ คตสิ อนใจ
๓๓
กจิ กรรมฝึกอภิปรายเร่อื งสั้น
โรงเรยี นทไ่ี ม่มีเสาธง
๓๔
จากใจฉนั
ความรู้สึกดีทเี่ กดิ ขึน้ การนาไปประยุกตใ์ ช้
✓ ฝกึ อภิปรายเรื่องส้ันคร้งั ❖ ฝกึ เขียนเร่อื งส้ัน
แรกและทราบถงึ
ความหมายของเรื่องส้นั อีก
ท้ังความรู้ในการเขียนเรื่อง
สั้น
ปัญหา/อุปสรรคทเี่ กดิ ข้ึน ส่ิงทอ่ี ยากรู้
❑ เน่ืองจากเป็นการฝึกอภปิ ราย ➢ เรือ่ งส้ันกบั นวนิยายมคี วาม
ครง้ั แรกทาให้ขาดความแม่นยา แตกตา่ งกันอยา่ งไร
ในหลักการ
ประเมินความตงั้ ใจของตนเอง
มีความตง้ั ใจม่ันในการวิเคราะห์
องค์ประกอบของเร่ืองส้ัน ปรบั ปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๓๕
กานตวรรณกรรม
สัปดาหท์ ี่ ๑๐
๑๑ กนั ยายน ๒๕๖๒
❖ นวนิยาย
❖พนิ ิจนวนยิ ายเรื่องสแี่ ผ่นดิน
๓๖
นวนิยาย (Novel)
วรรณกรรมบนั เทิงคดีแบบใหม่ มีพฒั นาการ
มาจากการเลา่ นิทานหรือนยิ าย เป็นเรือ่ งราวทีแ่ สดง
พฤติกรรมตามธรรมชาตขิ องมนุษย์ ด้วยการสมมติ
เร่ืองราวต่าง ๆ อยา่ งสมจริงอาจมเี คา้ โครงเรื่องมา
จากเรื่องจริงหรอื ผปู้ ระพนั ธ์แต่งขนึ้ ด้วยจนิ ตนาการ
ของตนเองกไ็ ด้
องค์ประกอบของนวนยิ าย
๗. แก่นเรอ่ื ง ๑. โครงเรือ่ ง ๒. เนื้อเรอ่ื ง
๖. บทสนทนา ๓. ตวั ละคร
องค์ประกอบ
ของนวนยิ าย
๕. มมุ มอง ๔. ฉาก
๓๗
ประเภทของนวนยิ าย
จาแนกตามแนวคดิ ในการ จาแนกตามเนอื้ หา
เขยี น
-แนวจนิ ตนยิ ม (พาฝนั ) -นวนยิ ายชวี ประวัติ
-แนวสัจนยิ ม (สมจรงิ ) -นวนิยายสงั คม
-แนวธรรมชาตนิ ิยม (ตีแผ่สังคม) -นวนิยายประวัติศาสตร์
-แนวสัญลกั ษณ์นยิ ม (ใช้ -นวนิยายแสดงข้อคดิ
สญั ลกั ษณส์ ่อื ความหมาย) -นวนยิ ายล้อเลยี น
-นวนิยายผจญภยั
-นวนิยายลึกลับเหนือธรรมชาติ
-นวนยิ ายทอ้ งถิ่น
-นวนิยายผู้ร้ายผดู้ ี
-นวนิยายจิตวิทยา
-นวนยิ ายเป็นตอนตอ่ เนอ่ื ง
-อาชญนิยายและเรอื่ งลึกลับ
แนวการอ่านและประเมินนวนิยาย ๓. วเิ คราะห์
ประเมนิ คา่
๑.อ่านจบั ๒. แยก องคป์ ระกอบ + ๔. พจิ ารณา
ใจความสาคญั องค์ประกอบ ภาษาและ คณุ ค่าดา้ นตา่ ง ๆ
ถอ้ ยคาของผู้
แตง่
๓๘
เนื้อเรอ่ื งและแนวคดิ
เนื้อหาเลา่ เร่ืองชวี ติ ของแม่พลอยต้ังแต่รัชกาลที่ ๕ จนถึงรัชกาลท่ี ๘ โดยไม่
พลอยเป็นตัวแทนของสาวชาววงั ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ ทมี่ ชี วี ติ อยใู่ กลช้ ดิ ใต้เบ้ืองยุคล
บาทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ชีวติ ของแม่พลอยมคี วามผกู พัน
กบั สถาบนั พระมหากษัตริย์อย่างลึกซ้งึ และมีสถาบันมหากษตั ริย์เป็นเครื่องยึดเหน่ียว
จิตใจ แนวคดิ สาคัญคอื การเปลย่ี นแปลงในแต่ละแผ่นดินท่ีดาเนนิ ผ่านกาลเวลา
กลวธิ กี ารนาเสนอ
มีกลวธิ ที างภาษาทดี่ เี นื้อหามคี ุณค่า ซง่ึ ผู้ประพันธ์ได้นาเหตกุ ารณ์จาก
ความเป็นจริงผสานดว้ ยจินตนาการในลักษณะของเร่อื งแตง่ ได้อย่างลงตวั
ตวั ละคร แม่พลอย ผู้จงรักภักดตี ่อสถาบนั พระมหากษัตริยโ์ ดยผเู้ ขียน
เขียนให้แมพ่ ลอยเปน็ ตวั เอกของเร่ืองและเปน็ ผ้เู ล่าเรอ่ื ง และคณุ เปรม, คณุ สาย,
ชอ้ ย, คณุ เชย ฯลฯ
คุณคา่ ของเรอ่ื ง
ส่แี ผ่นดิน วรรณกรรมชน้ิ เย่ยี มทท่ี รงคุณคา่ ทางวรรณศิลป์และสมบรู ณ์
ด้วยองคป์ ระกอบของวรรณกรรมคือมีสาระท่ีถ่ายทอดเนื้อหาและแนวคิดทเี่ ดน่ ชดั มี
กลวิธีการประพันธ์ดเี ด่นทง้ั ทางภาษาและวิธกี ารเขียนคือเน้ือหาเป็นบันทกึ การ
เปลยี่ นแปลงของสมัยทางประวัตศิ าสตรม์ ีแนวคดิ และอุดมการณเ์ ชิดชูสถาบันกษัตริย์
และประเพณแี นวคดิ การสะท้อนและใหค้ วามรูค้ วามเข้าใจเรื่องชีวิต ใหข้ อ้ คดิ ไปปรับใช้
เช่น การปฏบิ ตั ติ ัวในรวั้ ในวัง การปรับตัวให้เข้ากับยคุ สมัย และการยอมรับการ
เปลย่ี นแปลงที่จะเกดิ ข้นึ ฯลฯ
๓๙
จากใจฉัน
ความร้สู กึ ดีทเ่ี กดิ ข้ึน การนาไปประยกุ ต์ใช้
✓ นวนิยายส่ีแผน่ ดินมีแนวคิด ❖ นาไปปรบั ใช้ใน
เกี่ยวกับการเปล่ยี นแปลง ชวี ิตประจาวนั และพรอ้ ม
ให้ข้อคิดมากมายเกี่ยวกับ รบั มือกับการเปลีย่ นแปลง
การปรบั ตวั ในแต่ละสมยั อย่เู สมอ
ปัญหา/อุปสรรคท่เี กดิ ข้ึน สง่ิ ทีอ่ ยากรู้
❑ เนอ่ื งจากนวนยิ ายสแ่ี ผ่นดินมี ➢ ถา้ นวนวยายมเี คา้ โครงชีวิต
เนอื้ หาท่ียาวมาก ด้วยระยะเวลา จริงตวั ละครท่ถี กู กลา่ วถึงคอื
และภารงานทาให้ไม่สามารถ ใครบ้าง
อา่ นไดท้ ้ังหมด
ประเมนิ ความตงั้ ใจของตนเอง ปรับปรุง พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
เป็นเร่อื งราวทีน่ ่าสนใจ เพอ่ื น ๆ ให้
ความสนใจ บรรยากาศสนกุ สนาน
๔๐
กานตวรรณกรรม
สปั ดาห์ที่ ๑๑
๑๘ กันยายน ๒๕๖๒
❖ไม่มีการเรียนการสอน
❖วเิ คราะห์กวนี ิพนธ์จาก
หนงั สอื กาญจนกานท์
➢ ผลงานของขา้ พเจ้า
๔๑
กานตวรรณกรรม
สัปดาหท์ ี่ ๑๒
๒๕ กันยายน ๒๕๖๒
❖เรียนรเู้ ร่ืองโครงงาน
❖เลอื กหัวขอ้ โครงงาน
๔๒
การเรยี นรแู้ บบให้โครงงานเป็นฐาน
การเรียนรูแ้ บบใช้โครงงานเป็นฐานเป็นการจดั การเรยี นรู้ทม่ี งุ่
พฒั นาใหผ้ ู้เรยี นรูจ้ กั ศึกษาค้นคว้าเรื่องที่ศกึ ษา คดิ วเิ คราะห์อย่างมเี หตุผล
วางแผนการทางานและทางานร่วมกบั ผู้อื่นได้ ตลอดจนสร้างองคค์ วามรู้ได้
ดว้ ยตนเอง จนเกิดนิสยั รักการเรียนร้จู นไปใชใ้ นชีวติ จรงิ
กระบวนการทาโครงงานภาษาไทย
๑ ตง้ั โจทยป์ ัญหา
๒ ตัง้ สมมตฐิ าน
๓ สืบค้นข้อมูล/วเิ คราะห์ข้อมูล
๔ สรปุ องค์ความรู้
๕ นาเสนอผลการศึกษา
บทบาทของผสู้ อนและผ้เู รยี น
๑. ผู้สอนและผเู้ รยี นต้องเรียนรรู้ ว่ มกนั
๒. ผูส้ อนเป็นผใู้ หค้ าแนะนาและเสนอแนวทางอนั เปน็ ประโยชน์ในการเรยี นรู้
ดว้ ยตนเองของผเู้ รียน
๓. ผเู้ รยี นเปน็ ผูท้ ่จี ะตอ้ งศึกษาค้นคว้าลงมือปฏิบตั ิทางานร่วมกนั เปน็ ทีม
และสรา้ งผลงานรว่ มกนั อย่างสร้างสรรค์
๔๓
ข้อดีของการทาโครงงาน
๑. Learning to Question
๒. Learning to Search
๓. Learning to Construct
๔. Learning to Communicate
๕. Learning to Serve
เนน้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสืบค้น ตามการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑
วิธปี ระยกุ ต์ใช้ Project based ใน
การเรยี นการสอนภาษาไทย
๑. ใช้เปน็ งานศึกษาคน้ ควา้ อสิ ระ
- ๑ กลมุ่ / ๑ ภาคเรียน
- ๑ กลมุ่ / ๑ ปกี ารศกึ ษา
-ผู้เรียนสามารถเลอื กศกึ ษาหัวข้อใดก็ได้ตามความสนใจ
๒. ใช้เปน็ เทคนิคการสอนหนง่ึ ในการออกแบบการเรยี นรู้
-เมือ่ ผสู้ อนตอ้ งการสอนเรือ่ งใดเร่ืองหน่ึง สามารถกาหนดหวั ข้อ
และแบ่งกลุม่ ให้ผูเ้ รียนชว่ ยกนั ทาโครงงานต่างเรื่องหรือต่างประเด็น
แตย่ งั คงอยใู่ นหวั ขอ้ เดยี วกัน
๔๔
จากใจฉัน
ความรูส้ กึ ดที เี่ กิดขน้ึ การนาไปประยกุ ตใ์ ช้
✓ ได้เรยี นรู้การทาโครงงาน ❖ ในอนคตท่ีจะไปเปน็ ครู
ในภาคทฤษฎีและร่วมกัน สามารถนาทกั ษะและ
ตง้ั หวั ขอ้ โครงงาน กลวิธไี ปปรบั ใช้ให้เกดิ
ประโยชน์
ปญั หา/อปุ สรรคทเี่ กดิ ข้นึ ส่งิ ทีอ่ ยากรู้
❑ ประเดน็ ศึกษามคี วามซับซอ้ น ➢ ศิลปะการใชภ้ าษาดา้ น
ใดบ้างเหมาะสมกับการ
วิเคราะห์พระราชนพิ นธ์พระ
มหาชนก
ประเมินความตงั้ ใจของตนเอง
นาเสนองานเปน็ ทพ่ี ึงพอใจทงั้ ข้าพเจ้า
และเพ่ือนสมาชกิ ปรบั ปรงุ พอใช้ ปานกลาง ดี ดมี าก
๔๕
กานตวรรณกรรม
สัปดาห์ท่ี ๑๓
๒ ตุลาคม ๒๕๖๒
❖ นาเสนอความก้าวหน้าโครงงานเรื่อง
สนุ ทรียภาษาพระมหาชนกคร้ังท่ี ๑
๔๖