The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จัดทำเพื้อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับดอกดอกไม้มงคล และความหมาย ลักษณะ ของดอกไม้มงคลทั้ง 20 ขนิด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 621799033, 2022-10-08 03:04:02

ดอกไม้มงคล 20 ขนิด

จัดทำเพื้อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับดอกดอกไม้มงคล และความหมาย ลักษณะ ของดอกไม้มงคลทั้ง 20 ขนิด

ดอกไม้มงคล
20ชนิด



ดอกกล้วยไม้

กล้วยไม้

หรือเรียกอีกชื่อคือ เอื้อง เป็นดอกไม้สีสันสดใสที่ช่วยให้บ้าน
เกิดความสวยงามได้มากยิ่งขึ้น และยังเป็นดอกไม้มงคลที่หลาย ๆ คน
เชื่อว่า เป็นดอกไม้แห่งความบริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบ ทำให้เชื่อกันว่า
จะทำให้บ้านที่มี ดอกกล้วยไม้ จะเจริญก้าวหน้ าและอุดมสมบูรณ์มาก
ยิ่งขึ้น เป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายม

โดยมีประมาณ 899 สกุล และมีประมาณ 27,000 ชนิดที่มีการ
ยอมรับ ของพืชมีสายพันธุ์ของกล้วยไม้ที่ขึ้นและเติบโตในป่าเรียกว่า
กล้วยไม้ป่ากล้วยไม้จัดอยู่ในกลุ่มพืชใบเลี้ยงเดี่ยว อยู่ในวงศ์กล้วยไม้
(Orchidaceae) สามารถแบ่งตามลักษณะการเติบโตได้ดังนี้
-กล้วยไม้อากาศ (Epiphyte) คือ กล้วยไม้ที่เกาะหรืออิงอาศัยอยู่บน
ต้นไม้อื่น โดยมีรากเกาะอยู่กับกิ่งไม้หรือลำต้น
-กล้วยไม้ดิน (Terrestrial) คือ กล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินที่ปกคลุม
ด้วยอินทรียวัตถุ

ความหมายและความเชื่อ


ดอกกล้วยไม้ คือ สัญลักษณ์ของความร่ำรวย , ความรัก และมี

ความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นดอกไม้ที่แสดงให้เห็น ถึงความประเสริฐ , เลิศ
ล้ำ รวมทั้งอัดแน่นไปด้วยความงดงามอันแสนละเมียดละไม ย้อนไปในยุค
กรีกสมัยโบราณ ดอกกล้วยไม้แสดงถึง ความสืบเผ่าพันธุ์

นอกจากนี้ดอกกล้วยไม้ ยังถูกนำใช้เป็นสัญลักษณ์วันครูด้วย โดย
สาเหตุของแนวคิดนี้ มาจากการที่ กว่ากล้วยไม้จะผลิดดอกออกผล แบ่งบาน
ให้เห็นถึงความสวยงามได้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลานาน รวมทั้งต้องการดูแล
เอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ซึ่งเปรียบได้กับ ‘ครู’ แต่ละคนกว่าจะสั่งสอนลูกศิษย์ให้
เกิดความเจริญงอกงามก้าวหน้ าในชีวิตได้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาเช่นเดียวกัน

ดอกราชพฤกษ์

ราชพฤกษ์, คูน, ลมแล้ง เป็นไม้ดอกในตระกูล Fabaceae เป็น
พืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ไปจนถึง
อินเดีย ศรีลังกา พม่า และไทย นอกจากนี้ราชพฤกษ์ยังเป็นดอกไม้และ
ต้นไม้ประจำชาติของประเทศไทย และเป็นดอกไม้ประจำรัฐเกรละของ
ประเทศอินเดียอีกด้วย

ชื่อของราชพฤกษ์นั้นมีการเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้อง
ถิ่น ส่วนใหญ่จะเรียกราชพฤกษ์ว่า คูน เนื่องจากจำง่ายกว่า (แต่มักจะ
เขียนผิดเป็น คูณ) ทางภาคเหนือเรียกว่า ลมแล้ง, ทางภาคใต้เรียกว่า
ราชพฤกษ์, ชาวกะเหรี่ยงเรียกว่า ลักเกลือ หรือลักเคย และกะเหรี่ยง-
กาญจนบุรี เรียกว่า กุเพยะ, ชาวมอญเรียกว่า ปะกาวซังกราน เนื่องจาก
ออกดอกในช่วงเทศกาลสงกรานต์

Garuda

ลักษณะ

ราชพฤกษ์เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีความสูง 10–20 เมตร ดอก
ขึ้นเป็นช่อยาว 20–40 เซนติเมตร แต่ละดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4–7
เซนติเมตร มีกลีบดอกสีเหลืองขนาดเท่ากัน 5 กลีบ ผลยาว 30–62
เซนติเมตร และกว้าง 1.5–2.5 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน และมีเมล็ดที่มีพิษ
เป็ นจำนวนมาก

ความเชื่อและความหมาย


ต้นราชพฤกษ์เป็ นต้นไม้มงคลนิยมใช้ประกอบพีธีที่สำคัญเช่นพีธีเสา

ไม้หลักเมืองเป็นส่วนประกอบในการทำคฑาจอมพล และ ยอดธงชัยเฉลิม
พลของกองทหาร ทำพิธีปลูกบ้าน ฯลฯ
คนไทยในสมัยโบราณเชื่อว่า ควรปลูกต้นราชพฤกษ์ทางทิศตะวันตก
เฉียงใต้ของที่อยู่อาศัย เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านเรือนมีความเจริญ
รุ่งเรืองเป็นทวีคูณ ซึ่งความเป็นจริงคือทิศดังกล่าวจะได้รับแดดจัดตลอด
ช่วงบ่าย จึงควรปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ลดความร้อนและทำให้ประหยัด
พลังงานมากขึ้น

คนไทยในสมัยโบราณยังมีความเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้
ประจำบ้านจะช่วยให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีด้วย คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับว่า
ต้นราชพฤกษ์เป็ นต้นไม้ที่มีคุณค่าสูงและยังเป็ นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย
อีกด้วย นอกจากนี้มีความเชื่อว่า ใบของต้นราชพฤกษ์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพราะในพิธีทางไสยศาสตร์ให้ใบทำน้ำพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ได้ผลดีดัง
นั้นจึงถือว่าต้นราชพฤกษ์เป็ นไม้มงคล

ดอกแก้ว

ดอกแก้ว
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใบออกเป็นช่อเป็นแผงออก

ใบเรียงสลับกันช่อหนึ่งประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 4-8 ใบ ดอกสีขาว
กลิ่นหอม ชื่อพื้นเมืองอื่น กะมูนิง (มลายู ปัตตานี) แก้วขาว (กลาง) แก้ว
ขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก (เหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง) และ
ตะไหลแก้ว (เหนือ)

ลักษณะ
ดอกแก้วเป็ นพรรณไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางลำต้นมีความ

สูงประมาณ 5-10 เมตร เปลือกลำต้นสีขาวปนเทา ลำต้นแตกเป็นสะเก็ด
เป็นร่องตามยาว การแตกกิ่งก้านของทรงพุ่มไม่ค่อยเป็นระเบียบ ใบออก
เป็นช่อเป็นแผง ออกใบเรียงสลับกัน ช่อหนึ่งประกอบด้วยใบย่อย
ประมาณ 4-8 ใบ ใบเป็นมันสีเขียวเข้ม ขยี้ดูจะมีกลิ่นฉุนแรงขอบใบเรียบ
เป็นคลื่นเล็กน้ อย ขนาดของใบกว้างประมาณ 2-4 เซนติเมตร ยาว
ประมาณ3-6 เซนติเมตรออกดอกเป็นช่อใหญ่ ช่อสั้นออกตามปลายกิ่ง
หรือยอด ช่อหนึ่งมีดอกประมาณ 5-10 ดอก แต่ละดอกมีกลีบดอก 5 กลีบ
ดอกสีขาว กลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ผลรูป
ไข่ รีปลายทู่ มีสีส้ม ภายในมีเมล็ด 1-2 เมล็ด ดอก

ดอกแก้วมีถิ่นกำเนิดจากเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และ
ออสเตรเลีย มันสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศในทางตอนใต้ของ
สหรัฐอเมริกาได้

ความหมายและความเชื่ อ

ดอกไม้มงคลสีขาวกลิ่นหอมเย็นชื่นใจที่นิยมปลูกอย่าง ดอกแก้ว สื่อ
ถึงการมีจิตใจผ่องใสและความดี เชื่อกันว่าการปลูก ดอกแก้ว จะทำให้ “มี
คนรักดั่งแก้วตาดวงใจ” และคนในบ้านมีจิตใจบริสุทธิ์ เพราะแก้วเป็นสิ่ง
ที่มีความใสสะอาด แนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกในวันพุธ

คำว่า แก้ว มีความหมายถึง สิ่งที่ดีและสูงส่ง เปรียบได้กับของมีค่า
สูงส่งเสมือนดวงแก้ว จึงมีความเชื่อว่า ผู้ใดที่ปลูกต้น ดอกแก้ว ไว้ใน
บ้านจะทำให้คนในบ้านมีจิตใจที่ดีงาม ผ่องแผ้ว จิตใจใสสะอาดดุจแก้ว ที่
มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนามาช้านาน มักนิยมนำ ดอกแก้ว ไป
บูชาพระในพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ นอกจากนี้ต้น ดอกแก้ว ยังถูกตั้ง
ขึ้นให้เป็ นต้นไม้ประจำของสถานที่สำคัญต่างๆอีกด้วย

ดอกบานไม่รู้โรย

ดอกบานไม่รู้โรย (Globe Amaranth หรือ Bachelor Button)
เป็นพืชล้มลุกในสกุลบานไม่รู้โรย ดอกมีสีม่วง แดง ขาว ชมพู และม่วง
อ่อน มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง แถบประเทศปานามา และประเทศ
กัวเตมาลา ปัจจุบันกลายเป็นพืชประจำถิ่นทั่วโลก ในประเทศไทยมีชื่อพื้น
เมืองอื่นคือ กะล่อม (เหนือ) ดอกสามปีบ่เหี่ยว (อีสาน) ดอกสามเดือน
(เชียงใหม่,ใต้) ตะล่อม (เหนือ) และกุนหยี (ใต้)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้ล้มลุก สูงประมาณ 15-60 ซม. ลำต้นตั้งตรงหรือโคนต้นอาจ

จะเอนราบกับดิน ที่ข้อของต้นจะพอกออกเล็กน้ อย และเกิดรากตามข้อ
ลำต้นมักจะมีข้อสีแดงหรือบางต้นมีสีเขียว กิ่งอ่อน ๆ มีขนอยู่ทั่วไป
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะใบรูปใบหอก หรือรูป
ขอบขนานหรือ รูปขอบขนานแกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบ
เรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้ อย ตัวใบมีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ใบกว้าง ก้าน
ใบยาว แต่ใบคู่ยอดที่ติดกับดอกจะไม่มีก้าน

ดอกออกเป็นกระจุกกลม ๆ ประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ มากมาย
อยู่บนก้านช่อดอก ออกเดี่ยว ๆ หรือ บางครั้งก็ออกเป็นกลุ่ม 2-4 กระจุก
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.75-2.25 ซม. มี 3 สี คือ ขาว ชมพู และม่วง
แดงเข้ม ออกดอกตามซอกใบใกล้ยอด แต่ละดอกมีใบประดับ 2 ใบ กลีบ
รวมมี 5 กลีบ ออกดอกตลอดปี
ผลลักษณะรูปไข่แกมขอบขนาน มีเปลือกบาง ขนาดเล็ก ยาวเพียง 2-5
มม. เมล็ดแบน สีน้ำตาล เป็นมัน

เป็ นไม้ถิ่นเดิมของอเมริกากลางและอเมริกาใต้หรืออเมริกาเขต
ร้อน ปัจจุบันนิยมปลูกกันแพร่หลายเป็นไม้ประดับ ตามบ้านเรือนหรือตาม
สวนสาธารณะ ดอกจะเจริญเติบโตได้ในดินทุกสภาพ ขยายพันธุ์ด้วยการ
ปักชำ หรือการเพาะเมล็ด

ความเชื่ อและความหมาย
ดอกบานไม่รู้โรย เป็นดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลอยู่แล้วว่า “บาน

ไม่รู้โรย” มีความเชื่อว่าหากปลูกดอกบานไม่รู้โรยไว้ภายในบ้าน หรือตาม
แนวรั้ว จะช่วยเสริมด้านความรักของผู้อยู่อาศัยและคู่รัก ให้มั่นคงยั่งยืน
ในรัก ปราศจากความโรยราและไม่ผันแปรตลอดไปดั่งชื่อของดอกไม้ การ
ที่เรานำต้นบานไม่รู้โรยมาปลูกบริเวณหน้ าบ้านจะส่งผลต่อฮวงจุ้ยที่ดีใน
ด้านความอดทนและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของผู้อยู่อาศัยในบ้าน นิยมปลูก
ในวันพุธ เชื่อว่าจะทำให้ความรักไม่มีวันโรยรา

ดอกดางเรือง

ดอกดาวเรือง
มีชื่อตามภาษาท้องถิ่นว่า คำปู้จู้ (ภาคเหนือ) นิยมปลูกตัดดอก เป็น

ดาวเรืองในกลุ่ม African หรือ American marigold เป็นพันธุ์ดอกใหญ่
พันธุ์ที่ใช้เป็นการค้าในประเทศไทยได้แก่พันธุ์ซอเวอริน (soverign)
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่นำเข้ามาได้แก่ พันธุ์จาเมกาและอื่น ๆ
อีกหลายพันธุ์
ดาวเรืองขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดเป็นหลัก อาจใช้การปักชำได้ แต่ต้นที่ได้
จะให้ดอกที่มีขนาดเล็กกว่า

ดาวเรือง มีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ก่อนจะ
ขยายไปทั่วโลกพร้อมทั้งกลายเป็นพืชเศรษฐกิจในหลายประเทศ อาทิ
อียิปต์ ฮังการี ฝรั่งเศส สเปน และอื่น ๆส่วนการนำดาวเรืองเข้ามาปลูกใน
ไทยนั้นไม่มีข้อมูลแน่ชัด มีเพียงหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีการปลูกดาว
เรืองในไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย
ใช้เมล็ดพันธุ์ดาวเรืองจากประเทศเนเธอร์แลนด์

ปั จจุบันในประเทศไทยปลูกดาวเรืองกันมากบริเวณภาคกลาง
เหนือ และอีสาน เพราะเป็นพืชที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี ใช้ต้นทุนต่ำ ออกดอก
เร็ว ระยะการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 60-70 วัน แต่ให้ผลผลิตสูง มีแมลง
รบกวนน้ อย นำไปจำหน่ายง่าย นอกจากนี้ตามบ้านเรือนทั่วไปก็มีการนำ
มาปลูกประดับสวน ไว้ตัดดอกตกแต่งบ้าน ร้อยพวงมาลัย และประดับ
ประดาอาคารสถานที่เมื่อถึงเทศกาลสำคัญ อาทิ วันสงกรานต์ วันลอย
กระทง และวันสำคัญทางศาสนา เป็นต้น

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ดาวเรือง เป็นไม้ล้มลุก อายุไม่ถึง 1 ปี ลำต้นมีสีเขียวผิวเกลี้ยงและ
เป็นสัน ขึ้นแบบตั้งตรง ด้านในมีเนื้ออ่อน ความสูงประมาณ 30-100
เซนติเมตร แตกกิ่งเป็นทรงพุ่มแน่น มีใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่
ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ มีใบย่อยประมาณ 11-17 ใบ ลักษณะคล้ายรูปหอก
โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ใบยาวประมาณ 4-11
เซนติเมตร ออกดอกที่ปลายก้าน สีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ได้แก่ เหลือง ส้ม
ทอง ขาว ฯลฯ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-15 เซนติเมตร มีสันเป็นทาง
ยาว 7-13 สัน เมล็ดมีลักษณะแห้ง เป็นสีดำ โคนมนกว้างปลายเรียว

ความเชื่ อและความหมาย

สำหรับการปลูกดาวเรืองตามบ้านเรือนนั้น ไม่ได้ปลูกเพื่อความ
สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มีความเชื่อกันว่า ดาวเรือง เป็นต้นไม้มงคล
เพราะสีเหลืองทองอร่ามของดอกดาวเรืองเปรียบเสมือนเงินทอง หาก
ปลูกไว้หน้ าบ้านหรือบริเวณบ้านก็จะเป็นสิริมงคลแก่คนในบ้าน ช่วยให้
เงินทองไหลมาเทมา ยิ่งออกดอกมากก็จะยิ่งมีโชคมีลาภ ทำกิจการใด ๆ
ก็จะก้าวหน้ ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

ดอกมะลิ

ดอกมะลิ
มีทั้งชนิดไม้ผลัดใบและไม้ไม่ผลัดใบที่ลำต้นตั้งตรงหรือกางออก

หรือเป็นไม้พุ่มและไม้เถา ใบเรียงใบแบบตรงข้ามหรือเรียงใบแบบสลับ
สามารถเป็นใบเดี่ยว มีสามใบ หรือเป็นแบบขนนก ดอกมีเส้นผ่าน
ศูนย์กลางราว 2.5 ซm มีสีขาวหรือเหลือง บางชนิดมีสีแดงเรื่อ ดอก
แบบช่อกระจุก หนึ่งกระจุกมีอย่างน้ อยสามดอก บางชนิดเป็นดอกเดี่ยว
ที่ปลายแขนง แต่ละดอกมี 4 - 9 กลีบดอก มี 2 ช่อง และ 1 - 4 ออวุล
มีเกสรเพศผู้ที่มีก้านชูอับเรณูสั้นๆ 2 เกสร ใบประดับรูปแถบหรือรูปไข่
วงกลีบเลี้ยงรูประฆัง ดอกมีกลิ่นหอม ผลแบบเบอร์รี เปลี่ยนเป็นสีดำ
เมื่อสุก

มีผิวเปลือกลำต้นสีขาวมีสะเก็ดรอยแตกเล็กน้ อย ลำต้นเล็กกลม
แตกกิ่งก้านสาขาไปรอบๆ ลำต้น ใบเป็นใบเดียวแตกใบเรียงกันเป็นคู่ๆ
ตามก้าน และกิ่งลักษณะของใบมนป้ อม โคนใบสอบเรียว ปลายใบ
แหลม ขอบใบเรียบเป็นมันออกสีเขียวเข้ม การออกดอกมะลิเป็นดอก
เดี่ยว หรือ ออกเป็นช่อตามซอกใบกลีบดอกมีสีขาวประมาณ 6 - 10
กลีบเรียงเป็นวงกลม หรืออาจซ้อนกันเป็นชั้นแตกต่างกันตามสายพันธุ์

มะลิลา หรือ มะลิซ้อน
เป็นไม้รอเลื้อย กิ่งอ่อนและกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดียวออกเป็น
คู่ตรงกันข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ขอบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก ดอก
กลางบานก่อน กลีบดอกชั้นเดียว ปลายกลีบมน ดอกสีขาว มะลิชนิดนี้
จะใช้ในการเด็ดดอกขาย

มะลุลี ลักษณะต้น ใบ อื่นๆ คล้ายมะลิลา แต่ใบใหญ่กว่าดอกออก
เป็นช่อ มี 3 ดอก และดอกกลางบานก่อน เช่นกัน แต่มีดอกซ้อน
3-4 ชั้น ปลายกลีบมน

มะลิถอด ลักษณะโดยทั่วๆ ไป ทั้งต้น ใบ การจัดเรียงของใบ รูปแบบ
ของใบคล้ายมะลิลาซ้อน แต่ใบเป็นคลื่น ดอกเป็นช่อมี 3 ดอก ดอก
ซ้อนมากชั้นกว่า คือ 3-6 ชั้น ดอกสีขาว มีกลิ่นหอมมาก ขนาดดอก
2.5-3.5 ซม.

มะลิซ้อน ลักษณะทั่วๆ ไปคล้ายมะลิถอด และมะลิลาซ้อน แต่ใบมี
ลักษณะแคบกว่า ดอกออกเป็นช่อมี 3 ดอกเช่นกัน กลีบดอกซ้อน แต่ซ้อน
กว่า 5 ชั้น แต่ละชั้นมีกลีบดอก 10 กลีบ ขึ้นไป ขนาดดอก 3-4 ซม. ดอก
สีขาว กลิ่นหอมมาก

มะลิพิกุล หรือ มะลิฉัตร ลักษณะต่างๆ คล้ายกับ 4 ชนิดแรก ใบคล้าย
มะลิซ้อน และมีคลื่นเล็กน้ อย ดอกเป็นช่อ 3 ดอก ดอกซ้อนเป็นชั้นๆ เห็น
ได้ชัด (คล้ายฉัตร) และดอกมีขนาดเล็กพอๆ กับดอกพิกุล ขนาดดอก 1-
1.4 ซม. ดอกสีขาว กลิ่นหอม

ความเชื่ อและความหมาย
ดอกมะลิ ดอกไม้เล็กๆ สีขาวนวลที่มีกลิ่นหอมชวนดม ถูกนำมา

ใช้เป็นสัญลักษณ์ วันแม่ และถือเป็นพันธุ์ไม้มงคลที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งถือ
เป็นตัวแทนของความรัก และปราถนาดี อีกทั้งยังสื่อถึงความกตัญญูอีก
ด้วย

โดยเฉพาะ วันแม่แห่งชาติ หรือ วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี เรา
จะได้เห็นภาพของผู้คนเตรียมนำดอกมะลิ ตลอดจนพวงมาลัยดอกมะลิ
เพื่อแสดงความรักที่มีต่อแม่ในโอกาสสำคัญแบบนี้ เนื่องจาก คนไทยถือ
เป็นดอกไม้มงคล นิยมนำมาร้อยเป็นมาลัยเพื่อบูชาพระ และถือเป็น
ดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกล และหอมได้นาน อีกทั้งยัง
ออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูก
ไม่มีวันเสื่อมคลาย

ดอกพุด

เป็ นดอกไม้สีขาว กลิ่นหอมยั่วยวน เป็นคำนิยามที่ทำให้นึกถึงดอกพุด
ซ้อน ไม้พุ่มสมุนไพรสีขาวสวยนี้มีชื่อภาษาอังกฤษคือ ดอกการ์ดีเนีย
(Gardenia) แม้จะเป็นที่นิยมในประเทศอังกฤษ แต่ดอกพุดนั้นมีต้น
กำเนิดจากประเทศจีน โดยสามารถย้อนกลับไปถึงช่วงสมัยราชวงศ์ซ่ง
ซึ่งมีการบันทึกภาพวาดของดอกพุดป่าและดอกพุดซ้อน รวมถึงลวดลาย
ดอกพุดที่ปรากฏอยู่บนเครื่องดินเผาจากราชวงศ์หมิง ปัจจุบันดอกพุด
สามารถพบเห็นได้ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ไต้หวัน
พม่า เกาหลี และญี่ปุ่น รวมถึงในประเทศไทย โดยบางคนอาจรู้จักในชื่อ
พุดใหญ่ พุดจีน เค็ดถวา แคถวา หรือแม้แต่ ซัวอึ้งกี่ และจุยเจียฮวย ใน
ภาษาจีนแต้จิ๋วและจีนกลาง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พุดซ้อนเป็นไม้เมืองร้อน เหมาะกับการปลูกในสภาพอากาศของ

ประเทศไทย ทั้งกลิ่นหอมสดชื่นของดอกพุดทำให้เหมาะกับการนำไป
สกัดทำน้ำมันหอมระเหย ส่วนเมล็ดของดอกพุดนั้นมีสีเหลืองทอง
สามารถนำมาใช้ทำสีย้อมผ้า หรือแต่งสีอาหารได้

ความหมายและความเชื่ อ
นอกจากนี้แล้ว ในวัฒนธรรมไทย พุดซ้อนยังนับเป็นดอกไม้มงคล

ไม่ว่าจะเป็นดอกสีขาวสะอาดที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ รวมถึงชื่อซึ่งมีนัยถึง
ความสมบูรณ์ แข็งแรง มีความเจริญมั่นคง ทำให้เป็นพืชที่นิยมปลูกไว้ใน
บ้าน นอกจากนี้ยังนิยมนำดอกพุดไปบูชาพระ ทั้งนำไปปักแจกัน และนำ
ไปร้อยพวงมาลัยเพื่อใช้ไหว้พระ ในด้านความเชื่อ ตามตำราโบราณ
แนะนำให้ปลูกต้นพุดไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยให้ผู้ชายเป็นคน
ปลูก

เป็นดอกไม้อีกหนึ่งชนิดที่นิยมนำใช้ในการบูชาพระ สื่อถึงความ
บริสุทธิ์เช่นเดียวกับดอกมะลิ เป็นต้นที่ปลูกง่ายและมีความหมายดีหาก
ปลูกดอกพุดภายในบ้านจะช่วยเสริมดวงเรื่องโชคลาภเงินทองความสำเร็จ
และความเจริญมั่นคงในชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัย และช่วยให้ครอบครัว
อยู่เย็นเป็ นสุข

ดอกเข็ม

ดอกเข็มเป็ นไม้พุ่มจัดอยู่ในวงศ์Rubiaceaeลักษณะของดอกจะเกิด
จากการอยู่รวมกันเป็นช่อๆมีหลากหลายสี มีคุณค่าทางสมุนไพร ดอกเข็ม
ที่ยังตูมสามารถนำมาชุบแป้ งหรือไข่ทอดทานเป็นอาหารได้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ดอกเข็มเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง

สามารถทนต่อความแห้งแล้ง การให้น้ำ 3-5 วัน/ครั้ง ชอบดินร่วนซุย ดิน
ร่วนปนทราย มีความชุ่มชื้น ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1
กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ 5-6 ครั้ง/ปี ขยายพันธุ์โดยการปักชำ การเพาะเมล็ด
การตอน วิธีที่ได้ผลดีและนิยมกัน คือ การปักชำและการตอน

การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารบ้านเรือน ใช้
กระถางทรงสูงขนาด 8-12 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก แกลบผุ ดินร่วน
อัตรา 1:1:1 ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถางปีละครั้งเพราะการเจริญ
เติบโตของทรงพุ่มโตขึ้นและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิม
ที่เสื่อมสภาพไป

การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนนิยมปลูก
เป็นกลุ่มตกแต่งสวนบริเวณบ้านหรือปลูกเป็นแนวรั้วก็ได้ สามารถตัดแต่ง
และบังคับรูปทรงได้ตามความเหมาะสม และความต้องการของผู้ปลูก
ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ดิน
ร่วน อัตรา 1:2 ผสมดินปลูก

ความหมายและความเชื่ อ
คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกเข็มไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีความ

ฉลาดเฉียบแหลม เพราะเข็มคือสิ่งที่มึความแหลมคมดังนั้นคนไทย
โบราณจึงใช้ดอกเข็มในพิธีไหว้ครูเพื่ อจะได้เป็ นนักปราชญ์ที่มีสติปั ญญา
ฉลาดเฉียบแหลมนอกจากนี้ยังใช้ดอกเข็มเป็นเครื่องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ
พิธีทางศาสนาได้เป็ นสิริมงคล

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นเข็มไว้ ทางทิศ
ตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธเพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอา
ประโยชน์ทั่วไปจาดอก ให้ปลูกในวันพุธ

ดอกโป๊ยเซียน

ดอกโป๊ ยเซียน เป็นหนึ่งในไม้มงคล จัดอยู่ในวงศ์ Euphorbiaceae
อยู่ในสกุล Euphorbia ซึ่งเป็นสกุลเดียวกับพืชหลายชนิด เช่น ต้น

八仙คริสต์มาส และส้มเช้า

โป๊ ยเซียน ( ) มาจากภาษาจีน แปลว่าเทพยดาทั้ง 8 องค์ ได้แก่ เซียน
ทิก๋วยลี้ เซียนฮั่นจงหลี เซียนลือท่งปิน เซียนเจียงกั๋วเล้า เซียนหลันไฉ่เหอ
เซียนฮ่อเซียนโกว เซียนหันเซียงจือ เซียนเชาก๊กกู๋ เชื่อกันว่า ถ้าบ้านใดมีด
อกโป๊ ยเซียนครบ 8 ดอก จะนำความโชคดีมาให้แก่บ้านของผู้นั้น

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอกเป็นกลุ่ม ๆ แต่ละดอกจะมีกลีบอยู่ตรง
ข้ามกัน ดอกโป๊ ยเซียนมีหลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู ส้ม ขาว เป็นต้น
ดอกโป๊ ยเซียนจะออกดอกทั้งปี แต่ออกมากในหน้ าหนาว และดอกจะทน
มาก ลำต้นมีหนามแหลม และแข็งคล้ายกระบองเพชร
สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การปักชำ การตอนกิ่ง การเสียบกิ่ง และการ
เพาะเมล็ด แต่ที่นิยมทำมากและได้ผลดีคือ การปักชำ และการเสียบกิ่ง

ความเชื่ อและความหมาย
ต้นโป๊ ยเซียน เป็นต้นไม้มงคลอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่าง

มาก เนื่องจากออกดอกแล้วจะมีสีสันที่สวยงามนั่นเอง อาทิ สีขาว แดง และ
เหลือง อีกทั้งยังออกดอกได้ทั้งปีอีกด้วย โบราณเชื่อว่าหากใครได้ปลูก
โป๊ ยเซียนเอาไว้ที่บ้านจะนำมาซึ่ง ”โชคลาภ เงินทอง” (ควรไว้ทิศตะวัน
ออกเฉียงใต้จะดีที่สุด) นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า ”หากต้นโป๊ ยเซียน
ออกดอก 8 ดอกขึ้นไปจะมีโชคลาภมากขึ้นไปด้วย” เพราะถือว่าเป็นต้นไม้
ของเทพเจ้าทั้ง 8 องค์ ดังนี้ เซียนพิการ, เซียนหอสมุด, เซียนค้างคาว
เผือก, เซียนอาจารย์, เซียนสาวสวย, เซียนวนิพก, เซียนถ้ำ และเซียนกวี

ดอกชวนชม

ชวนชม ดอกชวนชมมีสาร abobioside, echubioside ตรงนำยางสี
ขาว ถ้าน้ำยางถูกผิวหนังจะทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง ถ้าเข้าตา ตา
จะอักเสบ กินเข้าไปจะเป็นพิษ แต่น้ำยางมีรสขมมาก โอกาสกินมีน้ อย ถ้า
กินจะมีผลต่อหัวใจ อาการเบื้องต้นจะทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ท้องเสีย ตาพร่า หัวใจเต้นอ่อน ความดันลดลงอาจตายได้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พรรณไม้ที่มีสีสันของดอกสวยงาม เป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย ทนต่อ

สภาพแห้งแล้งมาก จนได้รับสมญาว่า "กุหลาบทะเลทราย" (Desert
Rose) ถิ่นกำเนิดของชวนชมมีการค้นพบครั้งแรกโดยนักพฤกษศาสตร์
ชาวเยอรมันชื่อ P. Forskal ทางภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกาแถบ
ประเทศแทนซาเนียและเคนย่า ในปี พ.ศ. 2305 แต่ตอนนั้นเชื่อว่าเป็น
เพียงลั่นทมพันธุ์ใหม่ ต่อมาปี พ.ศ. 2357 นายโจเซฟ ออกัสต์ ซูลตส์
(Josef August Schultes) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรีย ได้อธิบาย
ความแตกต่างระหว่างชวนชมกับลั่นทมจนเป็นที่ยอมรับ ส่วนใน
ประเทศไทยมีการพบชวนชมตั้งแต่ประมาณสมัยรัชกาลที่6 แต่ก็ไม่
ทราบว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไร

ความเชื่ อและความหมาย

ต้นชวนชม เป็นอีกหนึ่งต้นที่มีดอกสวยงาม โดยถ้าใครได้ปลูกเอา
ไว้บริเวณบ้าน มีความเชื่อว่าจะช่วย ”เสริมเสน่ห์ให้คนในบ้านเป็นที่นิยม
ชมชอบ” นอกจากนี้ตามความเชื่อของคนไทยชื่อ "ชวนชม" ยังเป็นชื่อที่มี
ความไพเราะเป็นศิริมงคล ตามหลักจีนว่า "ปู้กุ้ยฮวย" ซึ่งแปลว่า ดอกไม้
แห่งความร่ำรวย

ดอกพุทธรักษา

ดอกพุทธรักษาเป็ นไม้ในเขตร้อนตามบันทึกถูกพบครั้งแรกในหมู่
เกาะเวสอินดี้ และแถบอเมริกาใต้ จะพบได้ทั้งในที่ลุ่มและที่ดอนในเขต
ต่างๆอย่างไรก็ตามไม้นี้ถูกนำมาพัฒนา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็ นไม้ประดับและขยายพันธุ์ให้ดีขึ้นโดยชาวยุโรปในช่วงเวลาหลายปี นั้น
ต้นไม้ ได้มีการปรับตัวให้ทนกับทุกสภาพอากาศในประเทศต่างๆแม้ว่า
สภาพอากาศในเขตที่ หนาวจัดเป็นอุปสรรคในการปลูกแต่ถ้าสามารถ
เข้าใจวงจรการเจริญเติบโตของมัน แล้วการใช้เทคนิคต่างๆ ก็สามารถ
ชนะธรรมชาติได้ในที่สุด

ในอดีตจะพบว่าดอกพุทธรักษาเป็ นไม้ที่ได้รับความนิยมเป็ นอย่าง
มากและถูกนำมาปลูกอย่าง แพร่หลายในสวนทั้งขนาดเล็กและใหญ่หลัง
จากนั้นไม่นานความนิยมก็ลดลงแต่ก็ฟื้ นกลับมาอีกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
พุทธรักษาเป็ นไม้ดอกระดับนานาชาติโดยหลายๆประเทศยอมรับให้เป็ น
ไม้หลักในการตกแต่งสถานที่ที่สำคัญๆ ลักษณะช่อดอกที่หลากสีสร้าง
ความเร้าใจให้กับนักจัดสวนยุคใหม่ที่เน้ นไม้ที่ ปลูกง่ายและสวยงามอยู่
เสมอ

ดอกพุทธรักษาเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนวันพ่อ เป็นพันธุ์ไม้ที่มีชื่อ
เป็นมงคลนาม แปลว่า พระพุทธเจ้าคอยปกป้ องคุ้มครองเหมาะกับ
วัฒนธรรมของบ้านเราที่มีศาสนาพุทธเป็ นศาสนาประจำชาติที่ชาวพุทธทุก
คนควรปกป้ องและรักษาไว้ แต่ชื่อสากลที่เรียกว่า แคนนาส์ (Cannas)

ความเชื่ อและความหมาย
คนโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วย

คุ้มครอง ป้ องกันอันตรายแก่บ้านและผู้อาศัยได้ เพราะพุทธรักษาเป็น
พรรณไม้ที่คนโบราณเชื่อว่า มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข
คือเป็นไม้มงคลนั่นเอง ดอกพุทธรักษาสีเหลืองยังเป็นสัญลักษณ์ตัวแทน
ของวันพ่อ ลูกจะนำดอกพุทธรักษา
มอบให้พ่อในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี อันแสดงให้เห็นถึงความ
ศักดิ์สิทธิ์และความเป็ นมงคล

เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นพุทธรักษาไว้ทางทิศ
ตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอา
ประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ

ดอกไลแลค

ดอกไลแลค ไลลัก หรือ ซิริงกา เป็นพืชดอกที่อยู่ในสกุล Syringa ใน
วงศ์มะลิ เป็นพืชยืนต้นที่มีถิ่นฐานอยู่ในยุโรปและเอเชีย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นพืชผลัดใบแบบพืชพุ่มหรือพืชต้นขนาดเล็กที่สูงตั้งแต่ราว 2 ถึง

10 เมตร และมีลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 20 ถึง 30 เซนติเมตร
ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนแล้วแต่สายพันธุ์ แต่ละดอกมีเส้นผ่าน
ศูนย์กลางระหว่าง 5 ถึง 10 เซนติเมตร สีม่วงต่าง ๆ ชมพู ขาว นวล และ
บางครั้งแดงเข้ม

ความเชื่ อและความหมาย
ดอกไลแลคมีความหมายถึงความอ่อนเยาว์ ความถ่อมตัว และ

ความมั่นใจ การให้ดอกไลแลคกับคนที่คุณรักจะหมายถึง “คุณยังคงรัก
ฉันไหม” หรือ “Do you still love me?” แม้ว่าดอกไลแลคแต่ละดอกจะ
มีขนาดเล็ก ดอกไม้ชนิดนี้จะผลิบานพร้อมกันจำนวนมากเป็นช่อสวยงาม
ดอกไม้ชนิดนี้มีสีขาว สีชมพู และแน่นอนมีสีม่วงอ่อนหรือสีไลแลคและ
เป็นดอกไม้มงคลที่ในประเทศจีนเป็นตัวแทนของความอ่อนน้ อมถ่อมตน
ที่เชื่อว่า การปลูก ดอกไลแลค ไว้ภายในบ้านจะนำพาความสุขมาให้กับ
คนในบ้าน ซึ่งดอกไลแลคมีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีม่วงและสีขาว

ดอกสุพรรณิการ์

ดอกสุพรรณิการ์ เป็นไม้ผลัดใบที่มีถิ่นกำเนิดในแถบทุ่งหญ้าเขตร้อน
แซราดู (Cerrado) ในทวีปอเมริกาใต้ (บริเวณประเทศบราซิล, โบลิเวีย,
ปารากวัย)[1] และมี (ชื่อสามัญ Yellow Silk Cotton, Butter-Cup
(Single), Butter-Cup (Double),Torchwood) แต่ปัจจุบันพบได้ทั่วไปใน
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน สุพรรณิการ์มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ใกล้เคียงกับฝ้ ายคำมาก ข้อแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งคือ ฝ้ ายคำจะ
ออกดอกเพียงชั้นเดียว มี 5 กลีบ และบานทีละดอก ในขณะที่สุพรรณิการ์
จะมีทั้งชนิดที่ออกดอกชั้นเดียวและชนิดที่ออกดอกซ้อนกันเป็ นกระจุก
แน่น โดยบานพร้อม ๆ กัน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นต้นไม้ผลัดใบสูง 7-15 เมตร แผ่นใบแยกเป็น 5 แฉก ขอบใบ

เป็นคลื่น ดอกเป็นช่อออกกระจายที่ปลายกิ่ง บานทีละดอก ดอกเหลืองมี
กลิ่น กลีบบาง เกสรสีเหลือง รังไข่มีขน ผลกลมเมื่อแก่แตก 3-5 พู
ภายในมีเมล็ดรูปไตสีน้ำตาล หุ้มด้วยปุยขาวคล้ายปุยฝ้ าย ออกดอกเกือบ
ตลอดปี ดอกดกมาก ราวเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน มีถิ่นกำเนิดใน
ประเทศอินเดียทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหิมาลัย และเป็นไม้พื้น
เมือง ของประเทศพม่าด้วย ในประเทศศรีลังกามักปลูกบริเวณพระ
อุโบสถเพื่อเป็นดอกไม้บูชาพระ ในเมืองไทยทางเหนือ เรียกว่า ฝ้ ายคำ
ในประเทศไทยนิยมปลูกสุพรรณิการ์เป็นไม้ประดับ โดยได้รับการกำหนด
ให้เป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดนครนายก และเป็นดอกไม้
ประจำจังหวัดนครนายก สระบุรี บุรีรัมย์ สุพรรณบุรี และอุทัยธานี

ความเชื่ อและความหมาย

สุพรรณิการ์เป็นต้นไม้ที่มีค่าสูงดังทองคำ เพราคำว่าสุพรรณ แปลว่า
ทอง บางครั้งจึงเรียกต้นสุพรรณิการ์ว่าต้นฝ้ ายคำ เพราะมีดอกสีเหลืองดัง
ทองคำ ชูช่อขึ้นฟ้ าเหลืองอร่ามสวยงาม จึงถือว่าเป็นดอกไม้คู่ฟ้ า นอกจาก
นี้ยังเชื่อว่าหากปลูกต้นสุพรรณิการ์ไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์

เพราะต้นสุพรรณิการ์โบราณเรียกว่า ต้นปาริชาติ คือ ดอกไม้
ศักดิ์สิทธิ์ที่ปลูกไว้ตามวิหารของพระเจ้าในสมัยพุทธกาล

ดอกโมก

ดอกโมก
เป็นดอกไม้ มีลักษณะดอกเป็นช่อสีขาว มี 3-5 กลีบ ใบมีขนาดเล็ก ใบ
เดี่ยว เนื้อใบบางรูปรี หรือรูปหอกกว้าง 0.8-2.0 ทำการขยายพันธุ์โดยการ
ปักชำ หรือ เพาะเมล็ด
โมกยังมีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกดังนี้ ปิดจงวา (เขมร สุรินทร์) โมกซ้อน
(กลาง) โมกบ้าน (กลาง) และ หลักป่า (ระยอง)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
โมกเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-12

เมตร ผิวเปลือกสีนํ้าตาลดำ ลำต้นกลมเรียบมีจุดเล็ก ๆ สีขาวประทั่วต้น
แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบลำต้นไม่เป็ นระเบียบใบเป็ นใบเดียวออกเรียง
กันเป็นคู่ตามก้านใบลักษณะใบ เป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบ
แหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบบางสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 2
เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ อยู่ตาม
ปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีดอก 4-8 ดอก ลักษณะดอกจะคว่ำหน้ าลงสู่พื้นดินมี
กลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาวกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาดประมาณ 2
เซนติเมตร ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกจะออกมาเป็นคู่ ลักษณะโค้งงอ
เข้าหากัน ภายในมีขี้เรียงอยู่จำนวนมาก ขนาดความยาวของฝักประมาณ
10-15 เซนติเมตร

การปลูกมีการปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน
ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดิน
ร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูก การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอก
อาคารบ้านเรือน ใช้กระถางทรงสูงขนาด 12-18 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ย
หมัก :ขุยมะพร้าว:ดินร่วนอัตรา 1 : 1 : 1ผสมดินปลูกควรเปลี่ยนกระถาง
บ้างแล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มและการเจริญเติบโตของทรงพุ่ม
และควรเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไป

ความเชื่ อและความหมาย

คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นโมกไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิด
ความสุขความบริสุทธิ์เพราะโมกหรือโมกขหมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์
ทั้งปวง สำหรับส่วนของดอกก็มีลักษณะ สีขาว สะอาด มีกลิ่นหอมสดชื่น
ตลอดวันนอกจากนี้ยังช่วยคุ้มครองปกป้ องภัยอันตรายเพราะต้นโมกบาง
คนเรียกว่าต้นพุทธรักษาดังนั้นเชื่อว่าต้นโมกสามารถคุ้มกันรักษาความ
ปลอดภัยทั้งปวงจากภายนอกได้เช่นกัน และยังเชื่ออีกว่าส่วนของเปลือก
ต้นโมกสามารถใช้ป้ องกันอิทธิฤทธิ์ของพิษสัตว์ต่างๆได้
เพื่ อเป็ นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย

ควรปลูกต้นโมกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวัน
เสาร์ เพราะเชื่อปลูกแล้วแทนคุณค่าได้

ดอกโบตั๋น

ดอกโบตั๋น มีชื่อในภาษาไทยว่า "นางพญานิรมล" เป็นไม้ดอกสกุล
Paeonia ซึ่งเป็นสกุลเดียว ในวงศ์ Paeoniaceae เป็นพืชพื้นเมืองของ
เอเชีย, ตอนใต้ของทวีปยุโรป และตะวันตกของอเมริกาเหนือ ในอดีต
โบตั๋นมักถูกจัดอยู่ในวงศ์ Ranunculaceae

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พืชสกุลโบตั๋นส่วนใหญ่เป็นไม้ล้มลุกหลายปี สูงประมาณ 0.5–1.5

เมตร บางชนิดเป็นพุ่ม ลำต้นมีเนื้อไม้ สูง 1.5-3 เมตร ลักษณะของใบ
เป็นใบประกอบ มีแฉกลึก ดอกใหญ่ และมักมีกลิ่นหอม มีหลายสี ตั้งแต่
แดง บานเย็น เหลือง จนถึงขาว มักออกดอกในช่วงต้นฤดูร้อน

ความเชื่ อและความหมาย
เป็นดอกไม้มงคลที่มีสีสันสดใส ทำให้ช่วยเยียวยาจิตใจให้กับคนปลูก

ได้ดี ให้พลังความรัก จริงใจ บริสุทธิ์ และอ่อนโยนภายในบ้านได้ดี ตาม
หลักฮวงจุ้ยแล้ว ดอกโบตั๋น ก็ยังเป็นดอกไม้แห่งความรักและการแต่งงาน
อีกด้วยนำมาไว้ที่ประตูห้อง หรือใกล้กับรูปภาพของเราเอง ด้วยความที่
ดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ความรัก และความโชคดี จึง
เชื่อว่าการมีดอกโบตั๋นไว้ในห้องนอนนั้นจะช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับคนโสด
เสริมดวงความรักให้คนโสดเจอเนื้ อคู่

ดอกกุหลาบ

กุหลาบ มีชื่อสามัญว่า "Rose" ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า "Rosa
hybrids" และมีชื่อวงศ์ว่า "Rosaceae" ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง
กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ
70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศ
สหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่
เหมือนในทุกวันนี้แต่เนื่ องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ ามาปลูกและผสม
พันธุ์จนขยายเป็ นพันธุ์ต่างๆ

ดอกกุหลาบเป็ นสัญลักษณ์ของความรักเป็ นทั้งของขวัญและเป็ น
ดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลอง
ต่าง ๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย
และเมื่อเกล่าวถึงดอกกุหลาบแล้ว จะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบ
ถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่า
ว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส
ซึ่งเป็ นเทพแห่งความงามและความรัก

ความหมายดอกกุหลาบ
โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง อาทิ สี

กุหลาบสื่อความในใจได้
ดังต่อไปนี้

สีแดง สื่อความหมายถึง "รักคุณเข้าแล้ว" ความรักและความ
ปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และ อีรอส เป็นสิ่งนำโชค
นำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง "ฉันจะรักและดูแลคุณตลอดไป" ความ
รักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

สีขาว สื่อความหมายถึง "ฉันรักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ" ความมี
เสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้

แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

สีเหลือง สื่อความหมายถึง "เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ"



สีส้ม สื่อความหมายถึง "ฉันรักคุณเหมือนเดิมนะ"

สีดำ สื่อความหมายถึง "กับกุหลาบจะแทนความรักนิรันดร์
และเชิงเปรียบว่ามันหายากหรืออาจจะไม่มีอยู่จริง"


Click to View FlipBook Version