เจ้าพระยาพระคลงั (หน)
เกิดในสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนปลายในแผน่ ดนิ
สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศ ในรัชกาลสมเดจ็
พระเจ้าตากสนิ มหาราช รับราชการเป็นหลวงสร
วชิ ติ แล้วไปเป็ นนายดา่ นเมอื งอทุ ยั ธานี ในสมยั
รัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ได้เลื่อนเป็น
พระยาพิพฒั น์โกษาและเจ้าพระยาพระคลงั
เสนาบดจี ตสุ ดมภ์กรมทา่
ร่ายยาว มีพระคาถาบาลีนา พรรณนาเนือ้ ความโดยมีพระคาถาสลบั
เป็นตอน ๆ ไปตลอดทงั้ กณั ฑ์ ร่ายยาว บทหนง่ึ ไมจ่ ากดั จานวนวรรค แตท่ ี่
นยิ มคอื ตงั้ แต่ ๕ วรรค ขนึ ้ ไป และแตล่ ะวรรคก็ไมจ่ ากดั จานวนคาเช่นกนั
แตไ่ มค่ วรน้อยกวา่ ๕ คา ซงึ่ คาสดุ ท้ายของวรรคหน้า จะสง่ สมั ผสั ไปยงั
วรรคหลงั คาใดก็ได้แตเ่ ว้นคาสดุ ท้ายของวรรค
https://mykht.blogspot.com/2018/07/blog-post_10.html
เพอ่ื ที่จะนาหลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนามาสอนประชาชน
มาจาก ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก หรือ มหาชาตกิ ลอนเทศน์
ซง่ึ เป็ นเร่ืองหนงึ่ ในทศชาตชิ าดก หรือที่เรียกวา่ “พระเจ้าสบิ ชาต”ิ
พระชาตทิ ่ี ทศชาตชิ าดก หวั ใจพระเจ้าสบิ ชาติ ทศบารมี
๑. เตมยิ ชาดก เต เนกขมั บารมี
๒ มหาชนกชาดก ชะ วริ ิยบารมี
๓ สวุ รรณสามชาดก สุ เมตตาบารมี
๔ เนมริ าชชาดก เน อธิษฐานบารมี
๕ มโหสถชาดก มะ ปัญญาบารมี
๖ ภรู ิทตั ชาดก ภู ศีลบารมี
๗ จนั ทกมุ ารชาดก จะ ขนั ติบารมี
๘ นารทชาดก นา อเุ บกขาบารมี
๙ วิ สจั จาบารมี
๑๐ วิธุรชาดก เว ทานบารมี
เวสสนั ดรชาดก
กลา่ วถงึ ความเป็ นมาของฝนโบกขรพรรษ
เม่ือพระพทุ ธเจ้า เสดจ็ ไปโปรดพระบดิ าและ
พระประยรู ญาติ ได้เกิดฝนโบกขรพรรษ
พระสงฆ์สาวกทลู อาราธนาให้แสดงเร่ือง
มหาเวสสนั ดรชาดก เริ่มจากพระนางผสุ ดี พระ
ชายาของพระอินทร์ รับพรสิบประการจาก
พระอนิ ทร์ก่อนจตุ จิ ากสวรรค์ลงมาเป็น
พระมารดา ของพระเวสสนั ดร
๑๓๔ พระคาถา
พระนางผสุ ดีจตุ ิจากสวรรค์มาเป็น
พระธิดาเจ้ามทั ราช ครัน้ มีพระชนมายไุ ด้
๑๖ พรรษา ได้อภิเษกเป็นมเหสีของพระ
เจ้ากรุงสญชยั มีพระราชโอรสนามวา่
“เวสสนั ดร” วนั เดียวกนั นนั้ นางช้างก็ตก
ลกู เป็ นช้างเผือก ได้ชื่อวา่ “ช้างปัจจยั
นาค” ช้างประกอบบารมีพระเวสสนั ดร
๒๐๙ พระคาถา
เมืองกลงิ คราษฎร์เกิดฝนแล้ง ประชาชนจงึ
กราบทลู ให้พระเจ้ากลงิ คราษฎร์ให้แตง่
พราหมณ์ ๘ คน เป็ นทตู มาขอช้างปัจจยั นาค
พระเวสสนั ดรก็พระราชทานให้ไปชาวเมอื งสีพี
โกรธแค้นจงึ ไปทลู ให้พระเจ้ากรุงสญชยั ขบั ไล่
ออกจากเมือง ระหวา่ งทางพระเวสสนั ดรได้
ทรงบาเพ็ญสตั ตสดกมหาทาน คือ บริจาคของ
๗ สิ่ง สง่ิ ละ ๗๐๐ ได้แก่ ช้าง ม้า โค รถ
ทาสหญิง ทาสชาย นางสนม
๕๗ พระคาถา
๔ กษตั ริย์เสด็จมาถงึ มาตลุ นครแคว้นเจต
ราษฎร์ พระเจ้าเจตราษฎร์ทราบเร่ืองก็ชวน
พระเวสสนั ดรกลบั เมืองสีพโี ดยทลู รับอาสาวา่
จะไปขออภยั โทษพระเจ้ากรุงสญชยั ให้ แตพ่ ระ
เวสสนั ดรปฏิเสธ พระเจ้าเจตราษฎร์จงึ จา
พระทยั ให้พระเวสสนั ดรเสดจ็ ไปยงั เขาวงกต
โดยสง่ พรานเจตบตุ รไปคอยเฝ้ าระวงั อนั ตราย
ให้และกาชบั ไมใ่ ห้ผ้ใู ดเข้าไปรบกวน ๔ กษัตริย์
ได้จะอนญุ าตเฉพาะทตู ท่ีมาจากเมอื งสีพี
เท่านนั้ พระเวสสนั ดรผนวชเป็นดาบส
๗๙ พระคาถา
มีพราหมณ์ยากจนไร้ญาตพิ ี่น้องชื่อชชู ก อยู่
บ้านตาบลทนุ วฐิ ชายแดนเมอื งกลงิ คราษฎร์ มี
อาชีพขอทาน เงินท่ีขอทานได้มาก็เก็บสะสมไว้
เป็ นก้อนใหญ่ จงึ นาไปฝากพราหมณ์ผวั เมยี
เพือ่ นบ้านที่ชอบพอกนั ๒ ผวั เมียจงึ นาเงินของ
ชชู กไปใช้จนหมดเม่ือชชู กกลบั มาทวงเงินคนื ก็
ไมม่ ีให้ จงึ ได้ยกลกู สาวชื่อ อมิตตดา ให้เป็น
เมียชชู ก ซง่ึ แก่คราวพอ่ ชชู กเดนิ ทางไปขอ
สองกมุ ารพบพรานเจตบตุ รจงึ บอกว่าจะมา
อญั เชิญพระเวสสนั ดรกลบั เมือง
๓๕ พระคาถา
พรานเจตบตุ รเช่ือคาลวงของชชู กจงึ บอกทาง
ไปเขาวงกตให้อยา่ งละเอียดวา่ ภเู ขาต้นทางช่ือ
“คนั ธมาน์” มีไม้หอมนานาชนิดขนึ ้ ปกคลมุ ทา
ให้มกี ลน่ิ หอมตลอดเวลา เดินมงุ่ ตรงไปจะพบ
ภเู ขาท่ีเป็นสเี ขียวคราม ชื่อ “อญั ชญั ” มี
พรรณไม้ที่สวยงาม มีนกงามหลายชนิดและมี
นกสง่ เสยี งพดู เป็ นภาษามนษุ ย์ได้ เดนิ ไป
เรื่อย ๆ จะพบอาศรมของพระอจั จตุ ฤษี
ท่านจะบอกทางไปเขาวงกตให้
ชชู กได้พบพระอจั จตุ ฤษีกาลงั นมสั การ
กองไฟอยกู่ ็เข้าไปทกั ทายแล้วบอกความ
ประสงค์วา่ จะไปเขาวงกตเพื่อเข้าเฝ้ า
พระเวสสนั ดร พระอจั จตุ ฤษีหลงเชื่อ
จงึ บอกทางไปเขาวงกตให้กบั ชชู ก
๑๐๑ พระคาถา
ชชู กเข้าเฝ้ าพระเวสสนั ดรแล้วทลู ขอ
พระกณั หา และพระชาลี จากพระเวสสนั ดร
พระเวสสนั ดรก็ประทานให้ และทรงกาหนดคา่
ตวั สองกมุ ารไว้ พระชาลีมีคา่ ตวั ๑๐๐๐ ตาลงึ
ทอง สว่ นพระกณั หากาหนดคา่ ตวั ๑๐๐๐
ตาลงึ ทอง และโคตวั ผู้ โคตวั เมีย ช้าง ม้า ทาส
ชาย ทาสหญิง อยา่ งละ๑๐๐
พระนางมทั รีกลบั มาจากการหาผลไม้ ไม่
พบกณั หาและชาลี จงึ โศกเศร้าเสยี ใจและออก
ตามหาจนสลบไป พระเวสสนั ดรจงึ เลา่ ความ
ทงั้ หมดให้นางมทั รีฟัง นางมทั รีจงึ อนโุ มทนา
ด้วย
๔๓ พระคาถา
พระอินทร์แปลงองค์เป็ นพราหมณ์ชรา
ไปขอนางมทั รี ซงึ่ พระเวสสนั ดรก็ประทาน
ให้ เมื่อพระอนิ ทร์ได้รับพระนางมทั รีแล้วก็
ทรงฝากพระเวสสนั ดรไว้เพื่อให้พระนาง
ได้รับใช้พระเวสสนั ดรตอ่ ไป
๖๙ พระคาถา
เมื่อชชู กพากณั หาและชาลเี ดินทางกลบั บ้าน
ทนุ วิฐ แคว้นกลงิ คราษฎร์ เดนิ ทางมาได้ ๑๔
วนั ครัน้ มาถงึ ทางสองแพร่ง เทวดาดลใจให้
ชชู กไปเมืองสพี ี เม่ือมาถึงเมืองสีพพี ระเจ้า
กรุงสญชยั จงึ ได้ไถ่ตวั กนั หา ชาลี ตามท่ีพระ
เวสสนั ดรบอกไว้ และเลยี ้ งอาหารชชู ก จนชชู ก
ท้องแตกตายในที่สดุ
๓๖ พระคาถา
เม่ือพระชาลนี าทพั ไปถงึ สระมจุ ลินท์ก็ให้หยดุ
ทพั ตงั้ คา่ ย พระเจ้ากรุงสญชยั เสด็จไปยงั
อาศรมของพระเวสสนั ดรก่อน ๖ กษตั ริย์ได้
พบกนั ก็มีความยนิ ดีระคนความเศร้าก็ถงึ แก่
วสิ ญั ญีภาพ ทงั้ หมด พระอินทร์ทราบเหตจุ งึ
บนั ดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมาเป็นครัง้
แรก กษตั ริย์ทงั้ ๖ และข้าราชบริพารก็พากนั
ฟื น้
๔๘ พระคาถา
พระเวสสนั ดรทรงฟังประชาชนชาวสพี ีทลู เชิญ
ให้กลบั พระนครก็ดาริวา่ แตก่ อ่ นพระองค์ทรง
ดารงในทศพธิ ราชธรรม ได้แก่
๑. ทาน ๖. ตบะ
๒. ศีล ๗. อโกธะ
๓. บริจาค ๘. อวหิ งิ สา
๔. อาชวะ ๙. ขนั ติ
๕. มทั วะ ๑๐. อวิโรธนะ
สา มทฺที ปางนนั้ สว่ นสมเดจ็ พระมทั รีศรีสนุ ทรเทพกญั ญา
จาเดมิ แตพ่ ระนางเธอลีลาลว่ งลบั พระอาวาส พระทยั นางให้หวนั่
หวาดพะวงหลงั ตงั้ พระทยั เป็นทกุ ข์ถงึ พระเจ้าลกู มิลมื เลย
เดินพลางทางเสวยพระโศกพลาง พระนยั นเนตรทงั้ สองข้าง
ไมข่ าดสายพระอสั สชุ ล
หวน่ั หวาด คำศัพท์
พระนัยเนตร
พระอสั สุชล ความหมาย กงั วลกลวั , สะดุ้งกลวั
ความหมาย ดวงตา
ความหมาย นา้ ตา
เลน่ เสยี งสมั ผสั พยญั ชนะ
พลางพศิ ดผู ลาผลในกลางไพรท่ีนางเคยได้อาศยั ทรงสอยเป็นนิตย์
ผิดสงั เกต เหตไุ ฉนไม้ท่ีมีผลเป็ นพมุ่ พวงก็กลายกลบั เป็ นดอกดวงเดียรดาษ
อนาถเนตร แถวโนน้ ก็แกว้ เกดพิกลุ แกมกบั กาหลง ถดั นน่ั ก็สายหยดุ
ประยงค์และยมโดย พระพายพดั ก็ร่วงโรยรายดอกลงมูนมอง แมย่ งั ได้
เก็บเอาดอกมาร้อยกรองไปฝากลกู เมอ่ื วนั วาน ก็เพีย้ นผดิ พิสดารเป็น
ลางร้าย ๙ ประการ พวงผลผดิ วกิ ลแตก่ ่อนมา
๑. ไม้ผลกลบั กลายเป็นไม้ดอก
๒. ไม้ดอกกลบั กลายเป็นไม้ผล
คำศัพท์
ผลาผล ความหมาย ผลไม้
มนู มอง ความหมาย มากมาย
พสิ ดาร ความหมาย แปลกประหลาด
วรรณคดีหลายเรื่องได้กลา่ วถึงยมโดย ในความหมาย
ของไม้ต้นในป่ า ท่ีมีดอกหอมมาก แตพ่ นั ธ์ไุ ม้เมืองไทยท่ี
ชื่อ ยมโดย และยมโดยเกลด็ หอย อยใู่ นกลมุ่ ช้องนางคลี่
เป็นพืชอิงอาศยั ขนาดเลก็ ไมม่ ีดอก และไมม่ ีกลิน่ หอม
จึงไมน่ า่ จะเป็นชนิดที่กลา่ วถึงในวรรณคดไี ทย ส่วนไม้
ต้นในป่ าที่มีดอกหอม และมีชื่อขนึ ้ ต้นด้วยคาวา่ "ยม" มี
อย่หู ลายชนิด เช่น ยมหอม ยมหิน และยมมะกอก แตไ่ ม่
มีชนิดใดที่ช่ือ ยมโดย
ที่มา : สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน
สพพฺ า มยุ ฺหนฺติ เม ทิสา ทง้ั แปดทิศก็มืดมิดมวั มนทกุ หนแห่ง
ทงั้ ขอบฟ้ าก็ดาดแดงเป็นสายเลือดไมเ่ ว้นวายหายเหือดเป็นลางร้ายไปรอบ
ข้าง ทกฺขิณกฺขิ พระนยั นเนตรก็พร่าง ๆ อยู่พรายพร้อย ในจิตใจของแม่ยงั
นอ้ ยอยู่นิดเดียว ทงั้ อินทรีย์ก็เสียว ๆ สน่ั ระรัวริก แสรกคานบนั ดาลพลิก
พลดั ลงจากพระองั สา ทง้ั ขอนอ้ ยในหตั ถาทีเ่ คยถือก็เลือ่ นหลดุ ลงจากมือ
ไมเ่ คยเป็ นเหน็ อนาถ เอ๊ะ ประหลาดหลากแล้วไมเ่ คยเลย
สะท้อนความเชื่อเรื่องลางสังหรณ์ (ลางร้าย)
๓. มืดมวั ไปทงั้ ๘ ทิศ ๘. ขอท่ีใช้สคอำยศผัพลทไม์ ้หลดุ มือ
๔. เขมน่ ตาขวอานิ ทรีย์ แ๙ป.ลไมว้่คาานท่ีหาบสารแ่าหงรกกาพยลดั ตกจากบา่
๕. ใจเหมือนจแะสขรากดคาน แปลว่า สาแหรกคานซ่ึงเป็ น
๖. ขอบฟ้ าแดงเป็นสายเลือด เครื่องหาบ
๗. กายรู้สกึ เสยี ว ๆ สน่ั ๆ
โอ้อกเอย๋ มหศั จรรย์จริงย่งิ คดิ ก็ย่ิงกริ่ง ๆ กรอมพระทยั เป็นทกุ ข์ถงึ
พระลกู รักทงั้ สองคน เดนิ พลางนางก็รีบเก็บผลาผลแตต่ ามได้ ใสก่ ระเช้า
สาวพระบาทบทจรดมุ่ สมั เผดสั นิ พมยาญั โชดนยะดว่ นพอประจวบจวนพญาพาฬมฤคราช
สะด้งุ พระทยั ไหวหวาดวะหวีดว่ิงวน แวะเข้าข้างทางพระทรวงนางสนั่
ระรัวริกเตน้ ดง่ั ตีปลา ทรงพระกนั แสงโศกาไห้พไิ รร่าวา่ กรรมเอย๋ กรรม
อปุ มา กรรมของมทั รี
คำศัพท์
บทจร ความหมาย เดนิ ไป
พญาพาฬมฤคราช ความหมาย ราชาแห่ง
สัตว์ร้าย , ราชาแห่งสัตว์ทก่ี นิ เนือ้ เป็ นอาหาร ไกรสรราชสีห์
เสือโคร่ง เสือเหลอื ง
โอเวลาปานฉะนีพ้ ระลกู น้อยจะคอยหา อนง่ึ มรคาก็แคบหวา่ งคีรีเป็น
ตรอกน้อยรอยวถิ ีท่ีเฉพาะจร ทงั้ สามสตั ว์ก็มาเนืองนอนสกดั หน้า ครัน้ จะ
ลีลาหลีกลดั ตดั เดาไปทางใดก็เหลอื เดนิ ทงั้ สองข้างเป็นโขดเขินขอบคนั
ข้ึนกนั้ ไว้ (นีเจ โวลมฺพเก สรุ ิเย) ทงั้ เวลาก็เย็นลงเย็นลงไร ๆ จะคา่ แล้ว
ยงั ไมเ่ ห็นหน้าพระลกู แก้วของแมเ่ ลย อกเอย๋ จะทาไฉนดีจง่ึ จะได้วถิ ีทาง
ที่จะครรไล พระนางจึงปลงหาบคอนลงวอนไหวแ้ ลว้ อภิวาทน์
สัมผัสพยัญชนะ
สัมผัสพยัญชนะ
สะท้อนคณุ ลกั ษณะของนางมทั รี ท่ีมีความออ่ นน้อมถ่อมตน
เป็นผ้มู ีมธรุ สวาจารู้จกั ใช้คคาำพศดู ัพแทก์้ไขสถานการณ์
มรคา ความหมาย ช่องทาง
ครี ี ความหมาย ภูเขา
อภิวาทน์ ความหมาย กราบ
ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอนั เรืองเดช ทา่ นก็เป็นพญาสตั ว์ในหิมเวศ
วนาสณฑ์ จงผินพกั ตร์ปริมณฑลทงั้ สามรา มารับวนั ทนานอ้ มไปดว้ ย
ทศนขั เบญจางค์ (เม เมาะ มยา) แห่งน้องนามช่ือวา่ มทั รี (ราชปตุ ฺตี)
น้องก็เป็ นกลั ยาณีหน่อกษตั ริย์มทั ทราชสรุ ิยวงศ์ อนง่ึ น้องเป็ นเอกองค์อคั ร
บริจาริกาแห่งพระเวสสนั ดรราชฤๅษีอนั จาจากพระบรุ ีมาอยไู่ พร นอ้ งนีก้ ็ตงั้ ใจ
สจุ ริตติดตามมาดว้ ยกตเวที อนง่ึ พระสรุ ิยศรีก็ยา่ สนธยาสายณั ห์แล้ว เป็น
เวลาพระลกู แก้วจะอยากนมกาหนดเสวย พระเจ้าพข่ี องน้องเอย๋ ทงั้ สามรา
ผ้เู ป็นภรรยา ควรมีความซ่ือสตั ย์ตอ่ สามี
ปริมณฑล ความหมาย รอบ ๆ
หิมเวศวนาสณฑ์ ความหมาย ป่ าหิมพานต์
สามรา ความหมาย สามคน
ทศนัขเบญจางค์ ความหมาย กระพุ่มมอื กราบแบบเบญจางคประดษิ ฐ์
ขอเชิญกลบั ไปยงั รตั นคูหาหอ้ งแกว้ แลว้ จะไดเ้ ชยชมซ่ึงลูกรกั
และเมียขวญั อน่ึงนอ้ งนีจ้ ะแบ่งปันผลไมใ้ หส้ กั ก่ึง ครึ่งหนึ่งนนั้ นอ้ งจะขอไป
ฝากพระหลานนอ้ ย ๆ ทงั้ สองรา (มคฺค เม เทถ ยาจิตา) พระเจ้าพี่ทงั้ สาม
ของน้องเอย่ จงมีจิตคดิ กรุณาสงั เวชบ้าง ของเชิญลว่ งครรไลให้หนทาง
พนาวนั อนั สญั จรแก่น้องท่ีวงิ วอนอยนู่ ีเ้ถิด
ฯลฯ
รัตนคูหาห้องแก้ว คำศัพท์ ทอ่ี ยู่ (ถา้ )
พนาวนั ความหมาย ป่ า
ความหมาย
แสดง ิจนตภาพ การเคลื่อนไหว สะท้อนวฒั นธรรม การใช้เคร่ืองหาบและการแตง่ กายด้วยผ้าสไบ ของผ้หู ญิง
(ตโย เทวปตุ ตฺ า) สว่ นเทพเจ้าทงั้ สามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์
พระมทั รีเธอไหว้วอนขอหนทาง พระพกั ตร์นางนองไปด้วยนา้ พระเนตร เทพ
เจ้าก็สงั เวชในวญิ ญาณก็พากนั อฏุ ฐาการคลาไคลก็นางพระยามทั รี พอแจ่ม
แจ้งแสงสีศศิธรนางก็ยกหาบคอนข้ึนใสบ่ ่า เปลือ้ งเอาพระภูษามาคาดพระ
ถนั ใหม้ นั่ คง วิ่งพลางนางทรงกนั แสงพลางยะเหยาะเหย่าทกุ ฝี ย่างไมห่ ย่อน
หยดุ พกั หนงึ่ ก็ถงึ ท่ีสดุ บริเวณพระอาวาสที่พระลกู เจ้าเคยประพาสแลน่ เลน่
ประหลาดแล้วแลไมเ่ ห็นก็ใจหาย ดง่ั วา่ ชีวติ นางจะวางวายลงทนั ที
การเลน่ คาอพั ภาส (ยะเหยาะ เหยาะเหยาะ)
อฏุ ฐาการ ความหมาย ลุกขึน้
ศศิธร ความหมาย พระจนั ทร์
กนั แสง ความหมาย ร้องไห้
การเลน่ คาอพั ภาส (ระร่ี มาจาก ร่ีร่ี, ระร่ืน มาจาก รื่นร่ืน)
จงึ ตรัสเรียกวา่ แก้วกณั หาพอ่ ชาลขี องแมเ่ อย่ แมม่ าถงึ แล้ว เหตไุ ฉนไย
พระลกู แก้วจงึ มิมาเลา่ หลากแกใ่ จ แตก่ อ่ นแตไ่ รสิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวง่ิ
ระรี่เรียงเคยี งแข่งกนั มาคอยรับพระมารดา ทรงพระสารวลร่าระรื่นเริงรีบรับ
เอาขอคาน แล้วก็พากนั กราบกรานพระชนนี พอ่ ชาลีเจ้าเลอื กเอาผลไม้
แม่กณั หาฉะออ้ นวอนไหวว้ ่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะ
แม่นีต้ ่าง ๆ ตามประสาทารกเจริญใจ (วจฺฉา พาลาว มาตร) มอี ปุ ไมย
อปุ มา เสมือนหนงึ่ ลกู ทรายทรามคะนองปองท่ีวา่ จะชมแมเ่ มอ่ื สายณั ห์
สะท้อนเรื่องการเลยี ้ งดลู กู โดยการให้นา้ นม
ผทม ความหมาย นอน
ฉอเลาะ ความหมาย พดู ออดอ้อน
ทรามคะนอง ความหมาย กาลงั ซน
โอพระจอมขวญั ของแมเ่ อ่ย เจ้ามเิ คยได้ความยากยา่ งเท้าลงเหยยี บดิน
ริ้นก็มิไดไ้ ต่ไรก็มิไดต้ อม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพีเ่ ลีย้ งเขาขบั กล่อมบาเรอดว้ ย
ดรุ ิยางค์ ยามบรรทมธลุ ีลมก็มิไดพ้ ดั มาแผว้ พาน แม่สพู้ ยาบาลบารุงเจ้าแต่
เยาว์มา เจ้ามิไดห้ ่างพระมารดาสกั หายใจ โอความเขญ็ ใจในครัง้ นีเ้หลอื
ขนาด สนิ ้ สมบตั ิพลดั ญาติยงั แตต่ วั ต้องไปหามาเลยี ้ งลกู และเลยี ้ งผวั ทกุ เวลา
แม่มาสละเจ้าไว้เป็ นกาพร้าทงั้ สององค์ (หสาว) เสมือนหนง่ึ ลกู หงส์เหมราช
ปักษิน ปราศจากมจุ ลนิ ท์ไปตกคลกุ ในโคลนหนอปุอมงสานิ ้ สที องอนั ผอ่ งแผ้ว
สะท้อนคณุ ลกั ษณะของพระนางมทั รีท่ีเลยี ้ งดบู ตุ รด้วย
ความใกล้ชิด และรักลกู มากกวา่ สงิ่ ใด
ปักษนิ ความหมาย นก
มุจลนิ ท์ ความหมาย สระใหญ่ในป่ าหิมพานต์
แมก่ ลบั เข้ามาถงึ แล้วได้เชยชมช่ืนสบาย ที่เหนื่อยยากก็เสอื่ มหายคลาย
ทกุ ข์ทเุ ลาลง ลมื สมบตั ิทงั้ วงศาในวงั เวียง โอแตก่ ่อนเอยแมเ่ คยได้ยนิ แต่
เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยตู่ รงนี ้ (อทิ ปทวลํฺช) นน่ั ก็รอยเท้าพอ่ ชาลี น่ีก็
บทศรีแม่กณั หา พระมารดายงั แลเห็น โน่นก็กรวดทราย เจ้ายงั รายเล่นเป็น
กอง ๆ สงิ่ ของทงั้ หลายเป็นเครื่องเลน่ ยงั เห็นอยู่ (น ทสิ ฺสเร) แตล่ กู รักทงั้ คไู่ ป
อยไู่ หนไมเ่ ห็นเลย (อย โส อสสฺ โม) โอพระอาศรมเจ้าเอย๋ นา่ อศั จรรย์ใจ แต่
ก่อนดนู ี่สกุ ใสด้วยสีทอง เสยี งเนือ้ นกนี่ร่าร้องสาราญรังเรียกคคู่ ขู ยบั ขนั
ความรู้เกี่ยวกบั การเลน่ ของเดก็ ไทย
อาศรม ความหมาย ทอ่ี ยู่ของนักพรต
อศั จรรย์ ความหมาย แปลก, ประหลาด
สาราญ ความหมาย สุขสบาย
สทั พจน์ คือการเลียนเสียงธรรมชาติ คาอพั ภาส อปุ มา
ทงั้ จกั จนั่ พรรณลองไนเรไรร้องอยู่หร่ิง ๆ ระเรื่อยโรย โหยสาเนียงดง่ั เสยี ง
สงั คีตขบั ประโคมไพร โอเหตไุ ฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี ้ ทง้ั อาศรมก็หมองศรี บุคลา ิธษฐาน ห ืรอ บุคคลวัต (อาศรมทา ิก ิรยาอาการ เศ ้ราโศก)
เสมือนหนึ่งว่าจะเศร้าโศก เออชะรอยวา่ พระเจ้าลกู จะวโิ ยคพลดั พรากไปจาก
อกพระมารดาเสยี จริงแล้วกระมงั ในครัง้ นี ้ นางก็กลบั เข้าไปทลู พระราชสามี
ด้วยสงสยั วา่ พระพทุ ธเจ้าข้า ประหลาดใจกระหมอ่ มฉนั อนั สองกมุ ารไปอยู่
ไหนไมแ่ จ้งเหตหุ รือพากนั ไปเที่ยวลบั พระเนตรนอกตาแหนง่ สงิ ห์สตั ว์ท่ี
ร้ายแรงคะนองฤทธิ์มาพานพบขบกดั ตดั ชีวิตพระลกู ข้าพาไปกินเป็ นอาหาร
จกั จน่ั ความหมาย แมลงชนิดหน่ึง
ลองไน ความหมาย แมลงชนิดหน่ึง
สังคีต ความหมาย การร้องราทาเพลง
ถงึ กระนนั้ ก็จะพบพานซง่ึ กเลวระร่าง มิเลือดก็เนือ้ จะเหลืออยบู่ ้างสกั สงิ่
อนั แตพ่ อแมไ่ ด้รู้สาคญั วา่ เป็ นหรือตาย สดุ ที่แมจ่ ะมงุ่ หมายสดุ ประมาณ
แล้ว จงึ่ ตรัสวา่ โอ้เจ้าแว่นแก้วส่องสว่างอกของแม่เอ่ย แมเ่ คยได้รับขวญั เจ้า
ทกุ เวลา เป็นไรเลา่ เจ้าจง่ึ ไมม่ าเหมือนทกุ วนั (มตา) หรือวา่ พระลกู เจ้า
อาสญั สญู สนิ ้ พระชนมาอยใู่ นป่ าพระหมิ พานต์นีแ้ ล้วแล
ฯลฯ
อปุ ลกั ษณ์ (เจ้าแว่นแกว้ ส่องสว่างอกของแม่เอ่ย )
กเลวระ ความหมาย ซากศพ
พบพาน ความหมาย พบ
อาสัญ ความหมาย ตาย
การใช้คาอพั ภาส (ผะผ่าว มาจาก ผา่ วผ่าว
เม่ือสมเดจ็ พระมทั รีเธอกราบทลู พระราชสามีสกั เท่าใด ๆ ท้าวเธอมิได้
ตรัสปราศรัยจานรรจา นางยงิ่ กล้มุ กลดั ขดั อรุ าผะผา่ วร้อนข้อนพระทรวงทรง
พระกนั แสงวา่ เจ้าแมเ่ อย่ แมม่ ิเคยได้เคืองแค้นเหมือนหนงึ่ ครัง้ นี ้ เมอ่ื จากบรุ ี
ทเุ รศมาก็พร้อมหน้าทงั้ ลกู ผวั เป็นเพือ่ นทกุ ข์ สาคญั วา่ จะเป็ นสขุ ประสายาก
เมื่อยามจน ครัน้ ลกู หายทงั้ สองคนก็สนิ ้ คดิ บงั คมทลู พระสามีก็มิได้ตรัส
ปรานีสกั นิดหน่อยหนง่ึ ท้าวเธอก็ขงั ขงึ พระองค์ดเู หมือนทรงพระขดั เคอื ง
เต็มเดอื ดด้วยอนั ใด
จานรรจา ความหมาย พูดจา
กลดั กล้มุ ความหมาย กล้มุ ใจ
อุรา ความหมาย อก
ข้อน ความหมาย ทุบ ตี
อุปมา เปรียบความเจ็บปวดพระทยั ของพระนางมทั รีได้คมคายทาให้ผ้อู ่านเกิดจินตภาพ
เกิดอารมณ์สะเทือนใจด้วยความสงสาร
นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทยั ดง่ั เอาเหล็กแดงมาแทงใจใหเ้ จ็บจิตนีเ่ หลือทน
อปุ มาเหมือนคนไขห้ นกั แลว้ มิหนายงั แพทย์เอายาพิษมาวางซ้าใหเ้ วทนา
เห็นชีวานีค้ งจะไม่รอดไปสกั กีว่ นั พระคณุ เอย่ อเปุมลือ่ กั แษรณกจ์ ากไอศวรรย์มาอยดู่ ง
ก็ปลงจติ มิได้คิดเป็ นจติ สอง หวงั วา่ จะเป็นเกือกทองฉลองบาทยคุ ลทงั้ คแู่ ห่ง
พระคณุ ผวั กวา่ จะสนิ ้ บญุ ตวั ตายตามไปเมอื งผี อนจิ จาเอย่ วาสนามทั รีไม่
สมคะเนแล้ว พระทลู กระหมอ่ มแก้วจง่ึ ชงิ ชงั ไมพ่ ดู จา ทงั้ ลกู รักดงั แก้วตา
ก็หายไป อกเอ่ยจะอยไู่ ปไยให้ทนเวทนา อปุ มา
ไอศวรรย์ ความหมาย ความเป็ นใหญ่
เกือก ความหมาย รองเทา้
บาทยคุ ล ความหมาย เทา้ ทอ้ งสอง
อปุ มา แมย่ อ่ มเสยี สละชีวติ ได้เพ่ือลกู
อปุ มาเสมือนหนง่ึ พฤกษาลดาวลั ย์ยอ่ มจะอาสญั ลงเพราะลกู เป็ นเท่ียงแท้
ถ้าแม้นพระองค์ไม่ทรงเลยี ้ งมทั รีไว้จะน่ิงมธั ยสั ถ์ตดั เยื่อใยไมโ่ ปรดบ้าง ก็จะ
เห็นแตก่ เลวระร่างซากศพของมทั รีอนั โทรมตายกายกลงิ ้ อยกู่ ลางดงเสียเป็น
มน่ั คงนีแ้ ล้วแล
พฤกษาลดาวลั ย์ ความหมาย ต้นไม้
ตาย
อาสัญ ความหมาย ซากศพ
กเลวระ ความหมาย
แสดงให้เหน็ วา่ พระเวสสนั ดรมีปฏภิ าณไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
(อถ มหาสตโฺ ต) สมเดจ็ พระราชสมภารเมื่อได้สดบั สารพระมทั รีเธอแสน
วโิ ยคโศกศลั ย์สดุ กาลงั ถงึ แม้นจะมติ รัสแก่พระนางมงั่ จะมิเป็นการ จาจะ
เอาโวหารการหึงเขา้ มาหกั โศกใหเ้ สือ่ มลง จง่ึ เออื ้ นโองการตรัสประภาษวา่
(นนุ มทฺทิ) ดกู รนางนาฏพระน้องรัก (ภทฺเท) เจ้าผ้มู ีพกั ตร์อนั ผดุ ผ่องเสมือน
หนง่ึ เอานา้ ทองเข้ามาทาบทบั ประเทืองผิวราวกะวา่ จะลอยลวิ่ เลื่อนลงจอาปุ กมฟา้ า
ใครได้เห็นเป็ นขวญั ตาเต็มหลงละลายทกุ ข์ปลกุ เปลอื ้ งอารมณ์ชายให้เชยช่ืน
จะนงั่ นอนเดนิ ยืนก็ต้องอยา่ ง
โศกศลั ย์ ความหมาย เศร้าโศก
ประภาษ ความหมาย พดู
ประเทือง ความหมาย ทาใหด้ ีข้ึน
เล่นเสียงสัมผัสพยัญชนะ (วราโรหา) พร้อมด้วยเบญจางคจริตรูปจาเริญโฉมประโลมโลกล่อแหลม
วิไลลกั ษณ์ (ราชปตุ ฺตี) ประกอบด้วยเชือ้ ศกั ดสิ์ มมตุ วิ งศ์พงศ์กษัตรา เออก็
เมื่อเช้าเจ้าจะเข้าป่ านา่ สงสารปานประหนงึ่ วา่ จะไปมไิ ด้ ทาร้องไห้ฝากลกู มริ ู้
แล้ว ครัน้ คลาดแคลว้ เคลือ่ นคลอ้ ยเข้าสดู่ ง ปานประหนึ่งวา่ จะหลงลืมลกู
สละผวั ตอ่ มืดมวั จง่ึ กลบั มา ทาเป็ นบีบนา้ ตาตอี กวา่ ลกู หาย ใครจะไมร่ ู้
แยบคายความคดิ หญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลยั อยดู่ ้วยลกู จริง ๆ เหมือนวาจา
ก็จะรีบกลบั เข้ามาแตว่ วี่ นั ไมท่ นั รอน เออนี่เจ้าเท่ียวพเนจรนอนตามสนกุ ใจ
ชมนกชมไม้ในไพรวนั สารพนั ที่จะมี
เบญจางคจริต หมายถึง เบญจกลั ยานี หญงิ มลี กั ษณะงาม ๕
ประการ ได้แก่ ผมงาม เนือ้ งาม ฟันงาม ผวิ งาม และวยั งาม
ทงั้ ฤๅษีสทิ ธ์ิวิทยาธรคนธรรพ์เทพารักษ์ผ้มู ีพกั ตร์อนั เจริญ เห็นแล้วก็น่า
เพลดิ เพลนิ ไมเ่ มินได้ หรือเจ้าปะผลไม้ประหอลปุ ามดารสสดสกุ ทรามเสวยไม่เคย
กิน เจ้าฉวยชิมชอบลนิ ้ ก็หลงฉนั อยจู่ งึ่ ช้า อปุ มาเสมอื นหนง่ึ ภมุ รินบนิ วะวอ่ น
เท่ียวซบั ซาบเอาเกสรสคุ นธมาเลศ พบดอกไมอ้ นั วสิเญัศษลกัตษ้อณงป์ ระสงค์หลง
เคล้าคลงึ รสจนลมื รัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้าแล้วลมื หลงั ไมแ่ ลเหลียว
เท่ียวทอดประทบั มากลางทาง อนั วา่ พระยานางสเิ ป็นหนอ่ กษัตริย์จะไปไหน
ก็เคยมีแตจ่ ะกลดกนั้ พานจะเกรงแสงพระสรุ ิยนั ไมค่ ลาเคล่ือน เจ้ารักเดนิ
ด้วยแสงเดอื นชมดาวพลาง ได้นา้ ค้างกลางคนื ช่ืนอารมณ์สมคะเน
พอมาถงึ ก็ทาเสขนึ ้ เสยี งเล่ียงเลยี ้ วพาโลวา่ ลกู หาย เออน่ีเจ้ามหิ มายวา่
ใคร ๆ ไมร่ ู้ทนั กระนนั้ กระมงั หรือเจ้าเห็นวา่ พน่ี ีเ้ป็นชีอดจิตคดิ อนจิ จงั ทงิ ้ พยศ
อดอารมณ์เสียเจ้าเป็ นแตเ่ พยี งเมียควรหรือมาหมน่ิ ได้ ถ้าแม้นพี่อยใู่ นกรุงไกร
เหมอื นแตก่ ่อนเกา่ หากวา่ เจ้าทาเชน่ นี ้ กายของมทั รีก็จะขาดสะบนั้ ลง
ทนั ตาด้วยพระกรเบอื ้ งขวาของอาตมานีแ้ ล้วแล
(สา มทฺที) สว่ นสมเดจ็ พระยอดมิง่ เยาวมาลย์มทั รี เม่ือได้สดบั คา
พระราชสามีบริภาษณานาง ที่ความโศกก็เสอ่ื มสร่างสงบจิตเพราะเจบ็ ใจ
จง่ึ ก้มพระเศยี รลงกราบไหว้แล้ววนั ทนาพลาง นางจง่ึ ทลู สนองพระราชบญั ชา
วา่ พระพทุ ธเจ้าข้า ควรมิควรสดุ แท้แตจ่ ะทรงพระกรุณาโปรดท่ีโทษานโุ ทษ
เป็ นล้นเกล้า ด้วยข้าพระพทุ ธเจ้ากลบั มาเวลาค่าทงั้ นีเ้พราะเป็นกระลขี นึ ้ ใน
ไพรวนั พฤกษาทกุ สง่ิ สารพนั ก็แปรปรวนทกุ ประการ ทงั้ พนื ้ ป่ าพระหิมพานต์
ก็ผดั ผนั หวน่ั ไหวอยวู่ งิ เวียนเปลีย่ นเป็นพยบั มืดไมเ่ หน็ หน ข้าพระบาทน่ี
ร้อนรนไมห่ ยดุ หยอ่ นแตส่ กั อยา่ ง