The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มหาเวสสันดรชาดก-กัณฑ์มัทรี-เว็บ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2020-05-26 13:30:41

มหาเวสสันดรชาดก-กัณฑ์มัทรี-เว็บ

มหาเวสสันดรชาดก-กัณฑ์มัทรี-เว็บ

แตเ่ ดินมาก็บงั เกิดประหลาดลางขนึ ้ ในกลางพนาลี พบพญาราชสีห์
สองเสือทงั้ สามสตั ว์สกดั หน้าไมม่ าได้ ตอ่ สนิ ้ แสงอโณทยั จง่ึ ได้คลาเคลือ่ น
ใช่จะเป็นเหมอื นพระองค์ดารินนั้ ก็หามิได้ พระพทุ ธเจ้าข้า ตงั้ แตเ่ กล้า
กระหมอ่ มฉนั ตกมาเป็ นข้าน้อย พระองค์เหน็ พริ ุธร่องรอยร้าวรานที่ตรงไหน
ทอดพระเนตรสงั เกตไว้แตป่ างก่อน จงึ เคืองค่อนด้วยคาหยาบยอกใจเจ็บจิต
เหลอื กาลงั พระคณุ เอ่ยจะคดิ ดมู ง่ั เป็นไรเลา่ วา่ มทั รีนีเ้ป็ นข้าเก่าแตก่ ่อนมา
ดงั่ เงาตามพระบาทาก็เหมือนกนั นอกกวา่ นนั้ ที่แนน่ อนคือนางไหนอนั สนทิ ชิด

ใช้แตก่ ่อนกาล

สมั ผสั พยญั ชนะ ร่องรอยร้าวราน, คลาเคลือ่ น, เคืองค่อน, หยาบยอก

อปุ มา ดง่ั เงาตามพระบาทก็เหมือนกนั

ยงั จะตดิ ตามพระราชสมภารมาบ้างละหรือ ได้แตม่ ทั รีที่แสนดอื ้ ผ้เู ดยี ว
กดารอเกลน่ คไามแร่บู้จบกั ปลนิ ้ ปลอกพลกิ ไพลเ่ อาตวั หนี มทั รีสตั ยาสวามิภกั ดร์ิ ักผวั เพียง
สะบบดิ ดั าสกะ็วบา่งิ ้ ได้ ถงึ จะยากเย็นเขญ็ ใจก็ตามกรรม (วนมลู ผลหาริยา) อตุ สาหะ

ตระตรากตระตราเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้ ถึงทีไ่ หนจะรกเรี้ยวก็ซอกซอน
อตุ ส่าห์เทีย่ วไม่ถอยหลงั จนเนือ้ หนงั ข่วนขาดเป็นริ้วรอย โลหิตไหลยอ้ ยทกุ
หย่อมหนามอารามจะใคร่ไดผ้ ลาผลไมม้ าปฏิบตั ิลูกบารุงผวั ถึงกระไรจะคมุ้
ตวั ก็ทง้ั ยากน่าหลากใจ อกของใครจะอาภพั พยบั พิกลเหมือนอกของมทั รี
ไม่มีเนตร นา่ ทีจ่ ะสงสารสงั เวชโปรดปรานีว่ามทั รีนีเ้ ป็นเพือ่ นยากอยู่จริง ๆ

สะท้อนคณุ คา่ ด้านสงั คม คือ หญิงที่แตง่ งานแล้วมีหน้าที่ต้องดแู ลลกู และ
ปรนนิบตั สิ ามี

ช่างคอ่ นตงิ ปริภาษณอาปุ ไลดกั้ลษงณคอ์ ไม่คิดเลย พระคณุ เอ่ยถึงพระองค์จะสงสยั
ก็น้าใจของมทั รีนีก้ ตเวทีเป็นไมเ้ ทา้ กา้ วเขา้ สทู่ ีท่ างทดแทน (ราม สีตาวนพุ พฺ
ตา) อปุ มาแมน้ เหมือนสีดาอนั ภกั ดีต่อสามีรามบณั ฑิต ปานประหน่ึงว่าศิษย์
กบั อาจารย์ พระคณุ เอ่ยเกลา้ กระหม่อมฉานทาผิดแต่เพียงนีเ้ พราะว่าล่วง
ราตรีจึ่งมีโทษ ขอพระองค์จงทรงพระกรุณาโปรดซ่ึงโทษานโุ ทษกระหม่อม

ฉนั มทั รีแต่ครง้ั เดียวนีเ้ ถิด
ฯลฯ

ในอดตี ผ้หู ญิงต้องเคารพและเชื่อฟังสามี ไมท่ าสิ่งใดให้ขดั เคืองใจ เหน็ ได้จากท่ี
พระเวสสนั ดรแกล้งตดั พ้อพระนางมทั รีวา่ กลบั มาจนค่ามืด แม้พระนางมทั รี
ทงั้ เจบ็ ใจและน้อยใจแตก่ ย็ อมรับผดิ และกลา่ วขอโทษ

เม่ือสมเดจ็ พระยอดมง่ิ เยาวมาลย์มทั รี กราบทลู พระราชสามีสกั เทา่ ใด ๆ
ท้าวเธอจะได้ปราศรัยก็ไม่มี พระนางยงิ่ หมองศรีโศกกาสรดสะอกึ สะอืน้
ถวายบงั คมคนื ออกมาเที่ยวแสวงหาพระลกู รักทกุ หนแห่ง กระจ่างด้วยแสง
พระจนั ทร์สอ่ งสวา่ งพืน้ อมั พรประเทศวิถี นางเสด็จจรลไี ปหยดุ ยืนในภาคพืน้
ปริมณฑลใกล้ต้นหว้า จง่ึ ตรัสวา่ (อิเม เต ชมฺพกุ า รุกฺขา) ควรจะสงสารเอย่
ด้วยต้นหว้าใหญ่ใกล้อาราม งามด้วยก่ิงกา้ นประกวดกนั ใบชอ่มุ ประชมุ ช่อ

เป็ นฉตั รชน้ั ดง่ั ฉตั รทอง สมั ผสั พยญั ชนะ

อปุ มา

ต้นหว้า

อปุ มา

แสงพระจนั ทร์ดนั้ สอ่ งต้องนา้ ค้างท่ีขงั ให้ไหลลงหยดย้อย เหมือนหนงึ่
นา้ พร้อย ๆ อยู่พราย ๆ ต้องกบั แสงกรวดทรายท่ีใต้ต้นอร่ามวามวาวดเู ป็น
วนวงแวว ดง่ั บคุ คลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยปรายรอบปริมณฑลก็
เหมอื นกนั งามดงั่ ไม้ปาริชาตในเมืองสวรรค์มาปลกู ไว้ ลกู รัก เจ้าแมเ่ อ่ย เจ้า
เคยมาอาศยั นงั่ นอนประทบั ร้อนสาราญร่มรื่น ๆ แตล่ กู รักของแมท่ งั้ ชายหญิง
ไปอยไู่ หนไมเ่ หน็ เลย (มหานิโครฺ ธชาต) อนิจจา ๆ เอย่ เห็นแตไ่ ทรทองถดั กนั
ไป ก่ิงก้านใบรากห้อยยื่นระย้าเจ้าเคยมาห้อยโหนโยนชิงช้าชวนกนั แกวง่ ไกว

เลน่ คาซา้ พร้อย ๆ พราย ๆ ร่มรื่น ๆ อนิจจา ๆ

อปุ มา เหมือนหนงึ่ นา้ พร้อย ๆ อยพู่ ราย ๆ
ดง่ั บคุ ลเอาแก้วมาระแนงแกล้งมาโปรยปรายรอบปริมณฑล
ดงั่ ไม้ปาริชาตในเมืองสวรรค์มาปลกู ไว้

ปาริชาต

ความรู้เกี่ยวกบั การเลน่ ของเดก็ ไทย

แล้วเลน่ ไล่ปิ ดตาหาเร้นแทบหลงั บริเวณพระอาวาส (อมิ า ตา โปกฺขรณี
รมมฺ า) เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรีโบกขรณีตาแหนง่ นอกพระ
อาวาส นางเสด็จลีลาศไปเท่ียวเวียนรอบ จง่ึ ตรัสวา่ น้าเอ๋ยเคยมาเปี่ยมขอบ
เป็นไรจ่ึงขอดข้นลงข่นุ หมอง พระพายเจ้าเอ๋ยเคยมาพดั ตอ้ งกลีบอบุ ล พา
กล่ินสคุ นธ์ขจรรสมารวยรื่นเป็นไรจึ่งเสือ่ มหอมหายชืน่ ไม่เฉือ่ ยฉ่า ฝงู ปลาเอ๋ย
เคยมาผดุ คล่าดาแฝงฟอง บา้ งก็ข้ึนล่องว่ายอยู่ลอยเลือ่ นชมแสงเดือนอยู่
พราย ๆ เป็นไรจ่ึงไม่ว่ายเวียนวง นกเจา้ เอ่ยเคยบินลงไล่จิกเหยือ่ ทกุ เวลา

วนั นีแ้ ปลกเปล่าตาแม่แลไม่เห็น

ปฏปิ จุ ฉา หรือ คาถามเชิงวาทศิลป์ คือ การใช้คาถามที่ไม่
ต้องการคาตอบ

พระลกู เอย่ เจ้าเคยมาเที่ยวเลน่ แม่แลไมเ่ ห็นแล้วโอ้แลเหน็ แตส่ ระแก้วอยู่
อ้างว้างวงั เวงใจ นางก็เสด็จครรไลลว่ งตาบล เท่ียวค้นหาพระลกู ตามลาเนา
ยเะนเินยปือ่ ากเงทียกบุ สสมุงดัทเมุหพงามุ่สมัพผไฤดสั กส้ยษรินะาแปต่ าเ่ สสูงยี ยงูงดยเุ หางวใา่ นลไะพเมรรอะรห้องงกอ้พงนพสั นแาดเวนศดงเพย็นระ
กรรณเธอสงั เกตวา่ สองดรุณเยาวเรศเจ้าร้องขานอยแู่ วว่ ๆ ให้หวาดวา่ สาเนียง
เสยี งพระลกู แก้วเจ้าขานรับพระมารดา นางเสดจ็ ลีลาเข้าไปหาดเู หน็ หมสู่ ตั ว์

จตบุ าทกลาดกล้มุ เข้าสมุ นอน นางก็ย่งิ สะท้อนถอนพระทยั เทวษครวญ
เสดจ็ ดว่ น ๆ ดะด่มุ เดินเมิลมงุ่ ละเมาะไม้มองหมอบ

เลน่ คาอพั ภาส (ยะเยือก มาจาก เยือกเยือก
ดะดมุ่ มาจาก ดมุ่ ดมุ่ )

สทั พจน์ คือ การใช้คาเลียนเสียงธรรมชาติ

แตย่ า่ งเหยียบเกรียบกรอบก็เหลยี วหลงั พระโสตฟังให้หวาดแวว่ วา่ สาเนียง
พระลกู แก้วเจ้าบน่ อย่งู ึม ๆ พมุ่ ไม้ครึม้ เป็ นเงา ๆ ชะโงกเงือ้ ม พระเนตรเธอแล
เหลอื บให้ลายเลื่อมเห็นเป็นรูปตะคมุ่ ๆ อยคู่ ลา้ ย ๆ แล้วหายไป สมเดจ็ อรไท

เธอเที่ยวตะโกนกู่กู๋ก้อง พระพกั ตร์เธอฟมู ฟองนองไปด้วยนา้ พระเนตรเธอ
โศกา จงึ่ ตรัสวา่ โอ้โอเ๋ วลาปานฉะนีเ้อย่ จะมิดกึ ดนื่ จวนจะสนิ ้ คืนคอ่ นรุ่งไป
เสียแล้วหรือกระไรไมร่ ู้เลย พระพายราเพยพดั มารี่เรื่อยอยเู่ ฉื่อยฉิว อกแมน่ ีใ้ ห้
ออ่ นหวิ สดุ ละห้อย ทงั้ ดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อยลงลบั ไม้ สดุ ท่ีแมจ่ ะติดตาม
เจ้าไปในยามนี ้ ฝงู ลงิ คา่ งบา่ งชะนีท่ีนอนหลบั ก็กลงิ ้ กลบั เกลือกตวั อยยู่ วั้ เยีย้

เลน่ คาซา้ งึม ๆ เงา ๆ ตะค่มุ ๆ คลา้ ย ๆ

ทงั้ นกหกก็งวั เงียเหงาเงียบทกุ รวงรัง แตแ่ มเ่ ที่ยวเซซงั เสาะแสวงหา
ทกุ แห่งหอ้ งหิมเวศทวั่ ประเทศทกุ ราวป่ า สดุ สายนยั นาที่แม่จะตามไปเล็งแล
สดุ โสตแล้วท่ีแมจ่ ะซบั ทราบฟังสาเนียง สดุ สรุ เสียงท่ีแมจ่ ะร่าเรียกพไิ รร้อง

สดุ ฝี เท้าที่แม่จะเยือ้ งย่องยกย่างลงเหยยี บเดิน ก็สดุ สนิ ้ สดุ ปัญญาสดุ หา
สดุ ค้นเหน็ สดุ คดิ จะได้พานพบประสบรอยพระลกู น้อยแตส่ กั นิดไม่มีเลย จง่ึ
ตรัสวา่ เจ้าดวงมณฑาทองทงั้ คขู่ องแมเ่ อย๋ หรือวา่ เจ้าทงิ ้ ขว้างวางจิตไปเกิดอ่ืน

อปุ ลกั ษณ์ เหมือนแม่ฝันเมือ่ คืนนีแ้ ลว้ แล

สะท้อนความเช่ือ เรื่องความฝัน

สมั ผสั พยญั ชนะ งวั เงียเหงาเงียบ, เซซงั เสาะแสวง, เยือ้ งย่องยกย่าง

การเลน่ ซา้ คา โดยซา้ คาวา่ “สดุ ” เพ่ือเน้นยา้ ความหมายให้ชดั เจน

ภกิ ฺขเว ดกู รสงฆ์ผ้ทู รงพรหมจารี เม่ือสมเด็จพระมทั รีทรงกาสรด
แสนกมั ปนาท เพียงพระสนั ดานจะขาดจะดบั สญู ปริเทวติ ฺวา นางเสวย
พระอาดรู พนู เทวษในพระอรุ า นา้ พระอสั สชุ ลนาเธอไหลนองคลองพระเนตร
ทรงพระกนั แสงแสนเทวษพไิ รร่า ตงั้ แตป่ ระถมยามค่าไม่หยอ่ นหยดุ แตส่ กั
โมงยาม นางเสด็จไตเ่ ต้าติดตามทกุ ตาบลละเมาะไม้ ไพรสณฑ์ศขิ ริน
ทกุ ห้วยธารละหานหินเหวหบุ ห้องคหู าวาส ทรงพระพไิ รร้องก้องประกาศ

เกร่ินสาเนียง พระสรุ เสียงเธอเยอื กเย็นระยอ่ ทกุ อกสตั ว์

กาสรด ความหมาย สลด เศร้า
ประถมยาม ความหมาย ยามแรก
สันดาน ความหมาย ในที่นีห้ มายถงึ ลมหายใจ ชีวติ

บคุ คลวตั คือ กาหนดให้ส่งิ ท่ีไมม่ ีชีวิต ทากิริยาเหมือนมีชีวติ

พระพายราเพยพดั ทกุ ก่ิงก้าน บษุ บงก็เบกิ บานผกากร รศั มีพระจนั ทร์
ก็มวั หมองเหมือนหน่ึงจะเศร้าโศกแสนวิปโยค เม่ือยามปัจจสุ มยั ทงั้ รัศมี
พระสรุ ิโยทยั สอ่ งอยรู่ าง ๆ ขนึ ้ เรืองฟ้ า เสยี งชะนีเหน่ียวไม้ให้หาละห้อยโหย
พระกาลงั นางก็อิดโรยพิไรร่าร้อง พระสรุ เสยี งเธอก่กู ้องกงั วานดง เทพเจ้า
ทกุ พระองค์กอดพระหตั ถ์เงี่ยพระโสตสดบั สาร พระเยาวมาลย์เธอเท่ียวหา
พระลกู พระนางเธอเสวยทกุ ข์แสนเขญ็ ตงั้ แตย่ ามเยน็ จนรุ่งเช้าก็สดุ สนิ ้

ท่ีจะเท่ียวค้น ทกุ ตาแหนง่ แห่งละสามหนเธอเท่ียวหา

ปัจจุสมัย ความหมาย เวลาเช้ามืด
บุษบง ความหมาย ดอกไม้

ปณฺณรสโยชนมคคฺ ถ้าจะคล่ีคลายขยายมรคาก็ได้สบิ ห้าโยชน์ โดยนิยม
นางจึ่งเซซงั เขา้ ไปสู่พระอาศรมบงั คมบาทพระภสั ดา ประหนึ่งว่าชีวาจะวาง
วายทาลายล่วง สองพระกรเธอขอ้ นทรวงทรงพระกนั แสงครวญคร่าแลว้
ราพนั วา่ โอเ้ จ้าดวงสรุ ิยนั จนั ทรทงั้ คู่ของแม่เอ่ย แม่ไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหนีพระ
มารดาไปสูพ่ าราใดไม่รู้ที่ หรือจะขา้ มนทีทะเลวนหิมเวศประเทศทิศแดนใด
ถา้ รู้แจ้งประจกั ษ์ใจแม่ก็จะตามเจ้าไปจนสดุ แรง นีก่ ็เหลือทีแ่ ม่จะเทีย่ วแสวง

สืบเสาะหา เม่ือเช้าแมจ่ ะเข้าไปสปู่ ่ า พอ่ ชาลีแมก่ ณั หายงั ทลู สง่ั

อปุ ลกั ษณ์ โอ้เจ้าดวงสรุ ิยนั จนั ทรทงั้ คขู่ องแม่เอย่

โดดเดน่ ด้วยลีลาการประพนั ธ์ สลั ลาปังคพิสยั

แม่ยงั กลบั หลงั มามาโลมลบู จบู กระหม่อมจอมเกล้าทงั้ สองรา
กลน่ิ ยงั จบั นาสาอยรู่ วยร่ืน โอ้พระลกู ข้านีจ้ ะไมค่ นื เสียแล้วกระมงั ในครัง้ นี ้
กณั หาชาลลี กู รักแมน่ บั วนั แตว่ า่ จะแลลบั ลว่ งไปเสียงแล้วละหนอ ใครจะกอด
พระศอเสวยนมผทมด้วยแมเ่ ลา่ ยามเม่ือแม่จะเข้าท่ีบรรจถรณ์ เจ้าเคยเรียง
เคียงหมอนนอนแนบข้างทกุ ราตรี แตแ่ มน่ ีจ้ ะกลอ่ มใครให้นิทรา โอ้แม่อ้มุ
ท้องประคองเคียงเลยี ้ งเจ้ามาก็หมายมนั่ สาคญั วา่ จะได้อยเู่ ป็นเพื่อนยากจะ
ฝากผพี ง่ึ ลกู ทงั้ สองคน มิรู้วา่ จะกลบั วิบตั ิพลดั พรากไมเ่ ป็นผลให้อาเพศ

ผดิ ประมาณ

โดดเด่นด้วยลลี าการประพนั ธ์ สลั ลาปังคพิสยั

เจ้าเอาแตห่ ว่ งสงสารนี่หรือมาสวมคล้องให้แม่นีต้ ดิ ต้องข้องอยดู่ ้วยอาลยั
เจ้าทิง้ ช่ือและโฉมไว้ให้เปลา่ อกในวิญญาณ์ เม่ือเช้าแมจ่ ะเข้าไปสปู่ ่ ายงั ได้
เหน็ หน้าเจ้าอยหู่ ลดั ๆ ควรละหรือมาสลดั แมน่ ีไ้ ว้ เหมือนจะเตอื นให้แม่นี ้
บรรลยั เสียจริงแล้ว ควรจะสงสารเอย่ ด้วยนางแก้วกลั ยาณี น้อมพระเกศี
ลงทลู ถามหวงั จะตดิ ตามพระลกู รักทงั้ สองรา กราบถวายบงั คมลาลกุ เลือ่ น
เขยือ้ นยกพระบาทเยือ้ งยา่ ง พระกายนางให้เสียวสน่ั หวนั่ ไหวไปทงั้ องค์

ดจุ ชายธงอนั ต้องกาลงั ลมอยลู่ ว่ิ ๆ

โดดเดน่ ด้วยลีลาการประพนั ธ์ สลั ลาปังคพิสยั

อปุ มา ดจุ ชายธงอนั ต้องกาลงั ลมอยลู่ ว่ิ ๆ

สนิ ้ พระแรงโรยเธอโหยหวิ ระหวยทรวง พระศอเธอหงบุ ง่วงดวงพระพกั ตร์
เธอผิดเผือดให้แปรผนั จะทลู สงั่ ก็ยงั มทิ นั ท่ีวา่ จะทลู เลย แตพ่ อตรัสวา่
พระคณุ เจ้าเอย๋ คาเดยี วเทา่ นนั้ ก็หายเสยี งเอียงพระกายบา่ ยศโิ รเพฐน์
พระเนตรหลบั หบั พระโอษฐ์ลงทนั ที วิสํฺญี หตุ วฺ า นางก็ถึงวสิ ญั ญีสลบ

ลงตรงหน้าฉาน ปานประหนึ่งวา่ พมุ่ ฉตั รทองอนั ต้องสายอสั นีฟาด
ขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระที่นง่ั เจ้านนั้ แล

อปุ มา ปานประหนึ่งวา่ พมุ่ ฉตั รทองอนั ต้อง
สายอสั นีฟาดขาดระเนนเอนแล้วก็ล้มลง
ตรงหน้าพระท่ีนง่ั เจ้านนั้ แล

อถ มหาสตฺโต ปางนนั้ สมเด็จพระเวสสนั ดรอดลุ ดวงกษัตริย์ ตรัส
ทอดพระเนตรเหน็ พระอคั เรศถงึ วิสญั ญีภาพสลบลงวนั นนั้ พระทยั ท้าวเธอ
สาคญั วา่ พระนางเธอวางวาย สะด้งุ พระทยั หายวา่ โอ้อนิจจามทั รีเจ้าพ่ีเอย๋
บญุ พี่นีน้ ้อยแล้วนะเจ้าเพ่ือนยาก เจ้ามาตายจากพี่ไปในวงวดั เจ้าจะเอา
ป่าชฏั นี่หรือมาเป็ นป่าชา้ จะเอาพระบรรณศาลานี่หรือเป็นบริเวณพระเมรุ
ทอง จะเอาแตเ่ สียงสาลิกาอนั ร่าร้องนนั่ หรือมาเป็ นกลองประโคมใน จะเอา
แตเ่ สียงจกั จน่ั และเรไรอนั ร่าร้องนนั่ หรือมาตา่ งแตรสงั ข์และพิณพาทย์ จะเอา

แตเ่ มฆหมอกในอากาศนนั่ หรือมากนั้ เป็ นเพดาน

อปุ ลกั ษณ์ การเปรียบเทียบสงิ่ หนง่ึ เป็นอีกส่ิงหน่งึ

การซา้ คา “จะเอา” เน้นยา้ ให้ความชดั เจนมากขนึ ้

จะเอาแตย่ งู ยางในป่ าพระหิมพานต์มาตา่ งฉตั รเงินและฉตั รทอง จะเอาแต่
แสงพระจนั ทร์อนั ผดุ ผอ่ งมาตา่ งประทีปแก้วงามโอภาส อนจิ จามทั รีเอย่ มา
ตายอเนจอนาถไร้ญาตทิ ่ีกลางดง ครัน้ ท้าวเธอคอ่ ยคลายลงท่ีโศกศลั ย์ จงึ่
ผนั พระพกั ตร์มาพิจารณาก็รู้วา่ ยงั ไมอ่ าสญั จง่ึ เข้าไปยงั พระคนั ธกฎุ ีจบั เอา
คนทีอนั เตม็ ไปด้วยนา้ มาทนั ใด ตงั้ แตพ่ ระองค์ทรงพระผนวชไพรมาได้ถงึ เจด็
เดือนปลาย จะได้ต้องพระกายนางมทั รีก็หามไิ ด้ เมื่อความทกุ ข์พ้นวสิ ยั มิ
อาจที่จะกาหนดวา่ อาตมะนีเ้ป็ นดาบสฤๅษี ยกเศยี รพระมทั รีขนึ ้ ใสต่ กั กวกั
เอาวารีมาโสรจสรงลงที่พระอรุ ะพระมทั รี หวงั วา่ จะให้ชมุ่ ช่ืนฟื น้ สมปฤๅดีคืน

มาแห่งนางพระยานนั้ แล



คนที หรือ กุณฑี

ภกิ ขฺเว ดกู รภกิ ษุสงฆ์ผ้ทู รงศลี วสิ ทุ ธิสกิ ขา เม่ือสมเดจ็ พระมทั รีเธอได้
สมปฤๅดีคืนมา นางพระยาเจ้าละอายแก่เทพดานกั ด้วยตวั มานอนอยบู่ น
ตกั พระราชสามมี ิบงั ควร อฏุ ฺฐาย จงึ อฏุ ฐาการโดยดว่ นเลื่อนพระองค์ลงจาก
ตกั พระราชสามี พระมทั รีจงึ่ ทลู ถามวา่ พระพทุ ธเจ้าข้า พระลกู รักทงั้ สองรา
ไปอยไู่ หนนะฝ่ าบาท ท้าวเธอจึ่งตรัสประภาษวา่ ดกู รเจ้ามทั รี อนั สองกมุ าร
นีพ้ ี่ให้เป็นทานแก่พราหมณ์แตว่ นั วานนีแ้ ล้ว พระน้องแก้วเจ้าอยา่ โศกศลั ย์
จงตงั้ จิตของเจ้านนั้ ให้โสมนสั ศรัทธา ให้ทางอนั ก่อกฤดาภินิหารทานบารมี

ลจฺฉาม ปตุ ฺเต ชีวนฺตา ถ้าเราทงั้ สองนีย้ งั มีชีวติ สบื ไป

อนั สองกมุ ารนีไ้ ซร้ก็คงจะได้พบกนั เป็นมน่ั แมน่ ถงึ แสนสตั พิธรัตน์เคร่ือง
อลงการซง่ึ พระราชทานไปนนั้ เราก็จะได้ด้วยพระทยั หวงั ทชฺชา สปปฺ รุ ิโส
ทาน มทั รีเอย่ อนั อริยสตั บรุ ุษเห็นปานดงั่ ตวั พี่ฉะนี ้ ถงึ จะมขี ้าวของสกั
เท่าใด ๆ ทสิ ฺวา ยาจกมาคเต ถา้ เห็นยาจกเขา้ มาใกลไ้ หวว้ อนขอไม่ย่อทอ้
ในทางทาน จนแต่ชนั้ ลูกรกั ยอดสงสารพีย่ งั ยกใหเ้ ป็นทานได้ อนั สองกมุ าร
นีไ้ ซร้เป็นแต่ทานพาหิรกะภายนอกไม่อ่ิมหนา พีจ่ ะใคร่ใหอ้ ชั ฌตั ิกทานอีกนะ
เจ้ามทั รี ถา้ แมน้ มีบคุ คลผใู้ ดปรารถนาเนือ้ หนงั มงั สงั โลหิตดวงหทยั นยั เนตร

ทงั้ ซา้ ยขวา พีก่ ็จะแหวะผ่าใหเ้ ป็นทานไม่ย่อทอ้ ถึงเพียงนี ้ มทั รีเอย่
จงศรัทธาด้วยชว่ ยอนโุ มทนาทานในกาลบดั นีเ้ถิด

การให้ทานเป็นสงิ่ ท่ีจะทาให้ได้กศุ ลที่ยงิ่ ใหญ่

สมเด็จพระมทั รีทลู สนองพระโองการวา่ พระพทุ ธเจ้าข้า แตว่ นั วานนี ้
เหตไุ ฉนจงึ ไมแ่ จ้งยบุ ลสารให้ทราบเกล้า ท้าวเธอจง่ึ ตรัสเลา่ วา่ พระน้องเอย่
พจ่ี ะเลา่ ให้เจ้าฟังก็สดุ ใจ ด้วยเจ้ามาแตป่ ่ าไกลยงั เหน่ือยนกั พ่เี หน็ วา่ ความ
ร้อนความรักจะรุกอก ด้วยสองดรุณทารกเป็นเพอื่ นไร้ เจ้ามทั รีเอ่ย จงผอ่ ง

ใสอยา่ สอดแคล้ว อนั สองพระลกู แก้วไปไกลเนตร พระนางจง่ึ ตรัสวา่
พระพทุ ธเจ้าข้าอนั สองกมุ ารนี ้ เกล้ากระหมอ่ มฉานได้อตุ สาหะถนอมยอ่ ม
พยาบาลบารุงมา ขออนโุ มทนาด้วยปิยบตุ รทานบารมี ขอให้นา้ พระหฤทยั
พระองค์จงผอ่ งแผ้วอยา่ มีมจั ฉริยธรรมอกศุ ล อยา่ มาปะปนในนา้ พระทยั

ของพระองค์เลย

ท้าวเธอจง่ึ ตรัสวา่ พระน้องเอย่ ถ้าพ่มี ิได้ให้ด้วยเลอ่ื มใสศรัทธาแท้แล้ว
ที่ไหนเลยแผน่ ดนิ ดานจะกมั ปนาทหวาดหวน่ั ไหวจลาจล ท้าวเธอเลา่ นุสนธ์ิ
มหศั จรรย์ อนั มอี ยใู่ นกณั ฑ์กมุ ารบรรพ กลบั มาเลา่ ให้พระมทั รีฟังแตใ่ นกาล

หนหลงั นีแ้ ล้วแล้ว

สา มทฺที สว่ นสมเด็จพระมทั รีศรีสนุ ทรบวรราชธิดามหาสมมตุ ิวงศ์วสิ ทุ ธิ
สบื สนั ดานมา วราโรหา ทรงพระพกั ตร์ผิวผอ่ งดจุ เนือ้ ทองไมเ่ ทียมสี

ยสสสฺ ินี มีพระเกียรติยศอนั โอฬารลา้ เลศิ วไิ ลลกั ษณ์ยอดกษัตริย์ อนั ทรง
พระศรัทธาโสมนสั นบนิว้ ประนมน้อมพระเศยี รเคารพทาน ท้าวเธอก็ชื่นบาน
บริสทุ ธ์ิด้วยปิยบตุ รทานมงิ่ มกฎุ ทานอนั พเิ ศษ ฝ่ ายฝงู อมรเทเวศทกุ วมิ าน

มาศมนเทียรทกุ หมไู่ ม้ก็ยิม้ แย้มพระโอษฐ์ตบพระหตั ถ์อยฉู่ าดฉาน
ร้ องสาธุการสรรเสริญเจริญทานบารมี

ทงั้ สมเดจ็ อมรินทร์เจ้าฟ้ าสรุ าลยั อนั เป็นใหญ่ในดาวดงึ ส์สวรรค์ก็มา
โปรยปรายทพิ ยบปุ ผากรอง ทงั้ พวงแก้วและพวงทอง ก็โรยร่วงจากกลบี เมฆ
กระทาสกั การบชู าแก่สมเด็จนางพระยามทั รี ท้าวเธอทรงกระทาอนโุ มทนา

ทาน เวสสฺ นตฺ รสสฺ แหง่ พระเวสสนั ดรราชฤๅษีผ้เู ป็นพระภสั ดา
อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน ด้วยประการดงั นีแ้ ล้วแล



คุณค่าด้านเนือ้ หา

รูปแบบ
มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี แตง่ ด้วยคาประพนั ธ์ประเภทร่ายยาว
นาด้วยคาถาบาลที ่อนหนงึ่ แล้วแตง่ เป็นร่ายยาวมีคาบาลแี ทรก เป็ นการใช้
รูปแบบคาประพนั ธ์ได้เหมาะสมกบั เนือ้ หาสาระสาคญั ของเรื่อง ที่จะช่วยให้
นกั เรียนมคี วามซาบซงึ ้ ในความรักของผ้เู ป็ นแมไ่ ด้อยา่ งดียิ่ง

องค์ประกอบของเร่ือง
แก่นเร่ือง
การแสดงความรักของแมท่ ่ีมีตอ่ ลกู เป็ นความรักท่ียงิ่ ใหญ่ การพลดั พราก
จากลกู ยอ่ มนาความทกุ ข์โศกมาสแู่ ม่อยา่ งยากจะหาสงิ่ ใดเปรียบได้

คุณค่าด้านเนือ้ หา (ต่อ)

โครงเร่ือง
มีการวางโครงเรื่องได้ดี โดยการผกู เร่ืองให้เทพบตุ ร ๓ องค์ นิรมิต
กายเป็นสตั ว์ร้ายมาขวางทางพระนางมทั รีมใิ ห้กลบั อาศรมได้ทนั เวลา ท่ีพระ
เวสสนั ดรจะบาเพ็ญบตุ รทานบารมี แกพ่ ราหมณ์ชชู ก เมือ่ พระสางกลบั มาไม่
พบลกู ก็เศร้าโศกเสยี พระทยั จนสลบไป ภายหลงั ก็ได้อนโุ มทนาด้วย

ตัวละคร
พระเวสสันดร
มีคณุ ธรรมสงู เหนือมนษุ ย์ยากที่มนษุ ย์ทวั่ ไปจะทาได้ ได้แก่การบริจาคบตุ ร
ของตน

คุณค่าด้านเนือ้ หา (ต่อ)

พระนางมัทรี
- มีความจงรักภกั ดีตอ่ พระสวามี
- เป็นยอดกลุ สตรี ปฏบิ ตั ิหน้าที่ภรรยาและมารดาได้สมบรู ณ์ครบถ้วน
- มีความอดทน ไมย่ อ่ ท้อตอ่ ความยากลาบาก
- มีจิตกศุ ล เชน่ เดียวกบั พระเวสสนั ดร จงึ อนโุ มทนากบั พระเวสสนั ดร

ฉากและบรรยากาศ
ฉากป่ าบริเวณท่ีตงั้ ของอาศรมของพรเวสสันดร มีการบรรยายได้
สมจริงและสอดคล้องกบั เนือ้ เรื่อง เหมาะสมกบั บรรยากาศของเร่ือง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

การเล่นเสียงสัมผัสในวรรค
สัมผัสพยัญชนะ
- เหตไุ ฉนไม้ที่มีผลเป็นพมุ่ พวงก็กลายกลบั เป็นดอกดวงเดียรดาษอนาถเนตร
- สะด้งุ พระทยั ไหวหวาดวะหวีดวิ่งวนแวะเขา้ ขา้ งทาง
- - พระพายราเพยพดั มาฉิวเฉือ่ ย เรไรระรี่เรื่อยร้องอยหู่ ริ่ง ๆ

สัมผัสสระ
- อีกองค์หนงึ่ เป็ นสีเหลืองเนือ่ งคะนองย่องหยดั สะบดั บาท
- ทกุ สมุ ทมุ พมุ่ พฤกษาป่ าสูงยูงยางใหญ่ในไพรระหง

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

การเล่นคา
เล่นคาซา้
- พระนยั เนตรก็พร่าง ๆ อยพู่ รายพร้อย
- ทงั้ เวลาก็เยน็ ลงเยน็ ลงไร ๆ จะคา่ แล้ว
- โอแตก่ ่อนเอยแมเ่ คยได้ยนิ แตเ่ สยี งเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยตู่ รงนี ้

เล่นซา้ คา
“สดุ สายนยั นาท่ีแม่จะตามไปเลง็ แล สดุ โสตแล้วท่ีแม่จะซบั ทราบฟัง
สาเนียง สดุ สรุ เสยี งท่ีแมจ่ ะร่าเรียกพไิ รร้อง สดุ ฝี เท้าท่ีแม่จะเยือ้ งยอ่ งยกยา่ ง
ลงเหยียบดนิ ก็สดุ สนิ ้ สดุ ปัญหาสดุ หาสดุ ค้นเห็นสดุ คดิ ”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

เล่นคาอัพภาส (คาซา้ ทก่ี ร่อนคาหน้าให้ส้ันลง)
“ยะเหยาะเหย่าทกุ ฝี ยา่ งไมห่ ยอ่ นหยดุ ”
“เสด็จดว่ น ๆ ดะด่มุ เดนิ เมิลมงุ่ ละเมาะไม้มองหมอบ”
“ทรงพระสารวลร่าระรื่นเริงรีบรับเอาขอคาน”

เล่นคาสะบัดสะบง้ิ
“พระนางย่ิงหมองศรีโศกกาสรดสะอึกสะอืน้ ”
“อตุ สาหะตระตรากตระตราเตร็ดเตร่หาผลาผลไม้”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

โวหารภาพพจน์
อุปมา คอื การเปรียบสง่ิ หนง่ึ เหมือนอีกสง่ิ หนง่ึ เชน่
“นางก็เศร้าสร้อยสลดพระทยั ดงั่ เอาเหลก็ แดงมาแทงใจให้เจ็บจิตนี่เหลอื ทน
อปุ มาเหมือนคนไข้หนกั แล้วมหิ นา ยงั แพทย์เอายาพิษมาวางซา้ ให้เวทนา”

“แวะเข้าข้างทางพระทรวงนางสนั่ ระรัวริกเต้นดง่ั ตีปลา”

“พระกายนางให้เสียวสนั่ ไหวไปทงั้ องค์ ดจุ ชายธงอนั ต้องกาลงั ลมอยลู่ วิ่ ๆ ”

“นางก็สลบลงหน้าฉาน ปานประหนึ่งวา่ พมุ่ ฉตั รทองต้องสายอสนีฟาดขาด
ระเนนเอนแล้วล้มลง”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

อุปลักษณ์ เปรียบเทียบสงิ่ หนง่ึ เป็ นอกี สงิ่ หนง่ึ
“เจ้าจะเอาป่ าชฏั นี่หรือมาเป็นป่ าช้า จะเอาพระบรรณศาลาน่ีหรือมาเป็น
บริเวณพระเมรุทอง จะเอาแตเ่ สียงสาลกิ าอนั ร่าร้องนนั่ หรือมาเป็นกลอง

ประโคมใน”
“ก็นา้ ใจของมทั รีนีก้ ตเวทีเป็นไม้เท้าก้าวเข้าสทู่ ี่ทางทดแทน”

“โอ้เจ้าแว่นแกว้ สอ่ งสวา่ งอกของแมเ่ อย่ ”
“จงึ่ ตรัสวา่ เจ้าดวงมณฑาทองทงั้ คขู่ องแมเ่ อย๋ ”

“โอ้เจ้าดวงสรุ ิยนั จนั ทรทงั้ คขู่ องแมเ่ อ่ย”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

สัทพจน์ (การใช้คาเลียนเสียงธรรมชาต)ิ
“แตย่ า่ งเหยยี บเกรียบกรอบก็เหลียวหลงั ”
“สมเดจ็ พระอรไทเธอเท่ียวตะโกนกู่กู๋ก้อง”

บุคคลวัต (ให้สิ่งทไี่ ม่มีชีวิตทาอากัปกิริยาเหมือนคน)
“ทงั้ อาศรมก็หมองศรีเสมือนหนงึ่ วา่ จะเศร้าโศก”
“ทงั้ นกหกก็งวั เงียเหงาเงียบทกุ รวงรัง”
“รศั มีพระจนั ทร์ก็มวั หมองเหมือนหนง่ึ จะเศร้าโศกแสนวิปโยค”

คุณค่าด้านวรรณศิลป์

สัญลักษณ์
“อปุ มาเสมือนหนงึ่ ภมุ รินบนิ วะวอ่ นเท่ียวซบั ซาบเอาเกสรสคุ นธ
มาเลศ พบดอกไมอ้ นั วิเศษต้องประสงค์หลงเคล้าคลงึ รสจนลืมรัง”

ปฏิปุจฉา หรือ คาถามเชิงวาทศลิ ป์
(การใช้คาถามทไี่ ม่ต้องการคาตอบ)
“นา้ เอย๋ เคยมาเปี่ ยมขอบเป็นไรจง่ึ ขอดข้นลงขนุ่ หมอง พระพายเจ้าเอย๋ เคย
มาพดั ต้องกลบี อบุ ล พากลนิ่ สคุ นขจรรสมารวยรื่น เป็นไรจง่ึ เสอื่ มหอมหายชื่น
ไมเ่ ฉ่ือยฉ่า ฝงู ปลาเอย๋ เคยมาผดุ คล่าดาแฝงฟองบ้างก็ขนึ ้ ลอ่ งอยลู่ อยเล่ือน
ชมแสงเดอื นอยพู่ ราย ๆ เป็นไรจง่ึ ไมว่ า่ ยเวยี นวง…”

คุณค่าด้านสังคม

สะท้อนค่านิยมเกี่ยวกับสังคมไทย
ในสมยั โบราณถือวา่ ภรรยาเป็นทรัพย์สมบตั ขิ องสามี และผ้หู ญิงจะต้อง
ปรนนิบตั ิดแู ลสามี ซ่อื สตั ย์ตอ่ สามี สว่ นลกู นนั้ ก็ถือเป็นสมบตั ขิ องพอ่ แม่

ต้องเคารพเชื่อฟัง

สะท้อนความเชื่อของสังคมไทย
ความเช่ือเร่ืองความฝัน
ความเชื่อเรื่องโชคลาง
ความเช่ือเรื่องเทวดา

หนังสืออ้างองิ

คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน.(๒๕๕๔).หนังสือเรียน
รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ช้ันมธั ยมศึกษา-

ปี ที่ ๕.กรุงเทพมหานคร:สกสค. ลาดพร้าว.
ราชบณั ฑิตยสถาน.(๒๕๔๖).พจนานกุ รมราชบณั ฑิตยสถาน

พ.ศ.๒๕๔๒.กรุงเทพมหานคร:นานมีบุค๊ ส์ พบั ลิเคชน่ั .
ภาสกร เกิดออ่ น,ระวิวรรณ อินทรประพนั ธ์,ฟองจนั ทร์ สุขยง่ิ ,

และกลั ยา สหชาติโกสีย.์ (๒๕๕๗).ภาษาไทย วรรณคดี
และวรรณกรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๕ (พิมพค์ ร้ังที่๖).
กรุงเทพมหานคร:อกั ษรเจริญทศั น์.
www.google.com


Click to View FlipBook Version