The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tiwapron1974, 2021-10-23 12:02:18

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม

๓๖ หนว่ ยกำร กจิ กรรม กิจกรรมบำ้ น
ควรเรยี นรู้ จัดเตรยี ม มอนเตสซอรี นักวิทยำศำสตรน์ อ้ ย
สิง่ แวดล้อม
-การสนทนาจากภาพ
-การเล่นนอกห้องเรยี น/เกม/
การละเล่น/การออกกาลังกาย
-การเล่นรายกล่มุ ย่อย/กล่มุ ใหญ่

๓๗

กำรจดั เวลำเรยี น

เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามหลักการ จุดหมายที่กาหนดไว้ในสถ

สถานศึกษาปฐมวัย โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม(ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ

ปฐมวัยตามหลกั สตู รแกนกลาง ดงั นี้

โครงสร้ำงหลักสตู รสถำนศึกษำศกึ



ช่วงอำยุ ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทค่ี วรเรียนรู้

- ด้านรา่ งกาย - เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก

- ดา้ นอารมณแ์ ละ - เรอ่ื งราวเกี่ยวกับบุคคลและ

สาระการ จิตใจ สถานทแี่ วดล้อมเด็ก

เรียนรู้ - ด้านสังคม - ธรรมชาตริ อบตวั

- ด้านสตปิ ญั ญา - สิ่งตา่ ง ๆ รอบตัวเด็ก



ถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฏิบัติ ในการจั ดทาหลักสูตร
อเจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี) จึงได้กาหนดโครงสร้างของหลักสูตรการศึกษา

กษำปฐมวยั พทุ ธศักรำช ๒๕๖๔ กิจกรรมวิทยำศำสตร์
อำยุ ๓ – ๖ ปี - นา้ -อากาศ -กา๊ ซ CO2
- ไฟฟ้า -แสง สี และการ
กจิ กรรมมอนเตสซอรี่
- หมวดชีวิตประจาวนั มองเหน็ -คณติ ศาสตร์
- หมวดประสารทสมั ผสั - แมเ่ หล็ก
- หมวดภาษา - เสียงและเสียงรบกวน
- หมวดคณติ ศาสตร์ - น้าและเทคโนโลยี
- วิทยาการคานวณ

๓๘

กำรจัดเวลำเรียน

โรงเรียนมูลนิธวิ ดั ศรอี ุบลรตั นาราม(ในพระอปุ ถมั ภส์ มเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ อุบลรตั นราชกญั ญา สิรวิ ฒั นาพรรณวด)ี ได้
กาหนดเวลาในการจดั ประสบการณ์ หรือเวลาเรยี นให้กับเด็ก ๓ ปี ทง้ั นข้ี ึน้ อยู่กับอายุของเดก็ ทเี่ ร่มิ เขา้ ศึกษา ณ
วนั แรกของการเปดิ ทาการปีการศกึ ษา ดังน้ี

ชนั้ อนุบาลปที ่ี ๑ รบั เด็กอายุ ๓ ปี (หมายถงึ อายุ ๓ ปี ๑๑ เดอื น ๒๙ วนั )
ช้นั อนุบาลปที ่ี ๒ รบั เดก็ อายุ ๔ ปี (หมายถึง อายุ ๔ ปี ๑๑ เดอื น ๒๙ วนั )
ชน้ั อนุบาลปที ี่ ๓ รบั เดก็ อายุ ๕ ปี (หมายถึง อายุ ๕ ปี ๑๑ เดือน ๒๙ วัน)
หลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั กาหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาในการจดั ประสบการณใ์ ห้กับเดก็ ๑ -๓ ปีการศึกษา
โดยประมาณ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กบั อายุของเด็กท่ีเรมิ่ เข้าสถานศกึ ษา เวลาเรียนสาหรับเดก็ ปฐมวัยจัด ๒ ภาคเรยี นต่อ
๑ ปีการศึกษา หรอื ไมน่ ้อยกว่า ๑๘๐ วนั ตอ่ ๑ ปกี ารศึกษา ในแต่ละวนั จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชว่ั โมงโดย
สามารถปรับใหเ้ หมาะสมตามบรบิ ทของสถานศึกษา
โดยวางแผนลว่ งหน้าวา่ เดก็ แต่ละช่วงวยั ควรเรยี นรูอ้ ะไรและดว้ ยประสบการณ์สาคญั ใดบา้ งเพื่อให้
บรรลุมาตรฐานคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงคต์ ามพฒั นาการท้ัง ๔ ด้านคือ
๑) ด้านรา่ งกาย ๒) ดา้ นอารมณ์ ๓) ด้านสงั คม และ ๔) ด้านสติปัญญา โดยเฉพาะดา้ นสติปัญญา
คณะกรรมการดาเนินการจัดทาหลกั สตู รได้ทาการวิเคราะหแ์ ยกเปน็ ด้านคณิตศาสตร์
วทิ ยาศาสตรใ์ หเ้ หน็ ชดั เจนเพ่ือนาสูก่ ารปฏบิ ัตจิ ริงในการบรู ณาการกบั หน่วยการเรียน

ตำรำงกิจกรรมประจำวันปฐมวัย
กำรจดั ประสบกำรณ์ตำมแนวคดิ มอนเตสซอร่ี(Montessori)
บรบิ ทสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พื้นฐำน สพป.อบ.๑
เวลำ กิจกรรม
๐๗.๓๐-๐๘๓๐น. - รบั เด็ก ตรวจสุขภาพของเด็ก เดก็ เลือกทางานตามกลุ่มงานทส่ี นใจ
๐๘๓๐-๑๑.๓๐ น. - เคารพธงชาติ สวดมนตไ์ หว้พระ

- ด่ืมนม
-สนทนาข่าว/เล่าเรอ่ื งจริง
-กิจกรรมรายบุคคล/กลุ่มย่อย /กลุ่มใหญ่ เด็กทางานตามกลุ่มงานมอนเตสซอรี่
๔ หมวด
- เลน่ นอกห้องเรียน

๑๑.๓๐-๑๒๓๐น. - รบั ประทานอาหาร / แปรงฟัน
๑๒๓๐-๑๔๓๐น. - นอนพกั ผ่อน
๑๔๓๐ – ๑๕๐๐ น เกบ็ ทีน่ อน/ลา้ งหนา้ /รับประมานอาหรว่าง
๑๕.๐๐-๑๕๓๐น. - ทบทวนบทเรียน(โดยฟงั ดนตรี เรอื่ งราวนทิ าน วรรณกรรม บทกวี การอ่าน
เขยี น ภาษาคณิตศาสตร์ ฯลฯ)

๓๙

๑๕.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. - ครูบันทึกข้อมูลเด็กรายบุคคล ตรวจความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ เตรียม
นาเสนอกจิ กรรมในวันตอ่ ไป

ในช่วง ๑ สัปดาห์ ครูจะสรุปผลการจัดกิจกรรม พิจารณาว่า เด็กได้รับการส่งเสริม
พัฒนาการครอบคลุมพัฒนาการครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านหรือไม่ เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรม
ตอ่ ไป

ขอบข่ายเนอื้ หา/สาระท่ีควรรตู้ ามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย กาหนดไวจ้ ากการวเิ คราะหเ์ พื่อสร้างหน่วยการ
เรยี นรู้ ระดับปฐมวัยดงั นี้

๔๐

สำระท่คี วรเรียนรู้ สำระหลัก

เน้ือหำสำระทคี่ วรเรยี นรู้ ขอบขำ่ ยเนอ้ื หำ

๑. เร่อื งราวเก่ียวกับตวั ๑. ชื่อ นามสกุล (ช่ือจรงิ )

เด็ก ๒. เครอ่ื งหมายสญั ลกั ษณ์ประจาตัวเด็ก

๓. รูปร่าง ลกั ษณะของตนเอง

๔. ช่ือ หน้าท่ีอวยั วะต่าง ๆ ของร่างกาย

๕. การเล่น/ทาสงิ่ ตา่ งๆ ด้วยตนเอง

๖. การช่วยเหลอื ตนเองในกจิ วัตรประจาวนั

๗. การปฏิบัติตน

๗.๑ การดแู ลรกั ษาความสะอาดร่างกาย

๗.๒ การระมัดระวังรกั ษาความปลอดภัยของตนเอง/ผู้อ่นื

๗.๓ การดูแลรักษาสุขภาพอนามยั ของตนเอง

๗.๔ สุขนสิ ยั ทีด่ ีในการบั ประทานอาหาร

๗.๕ การออกกาลงั กาย

๗.๖ การผักผอ่ น

๗.๗ การขบั ถ่าย

๘. การแสดงความรูส้ ึกทเ่ี หมาะสมกบั สถานการณ์/เหตกุ ารณ์

๙. การแสดงความคิดเหน็ ตา่ ง ๆ ดว้ ยความคิดของตนเอง

๑๐. การเปน็ คนไทยท่ดี ี

๑๐.๑ มารยาทไทย

๑๐.๒ การมวี นิ ัย

๑๐.๓ การรจู้ กั เอ้ือเฟ้ือ แบ่งปัน

๑๑. การปฏิบัตติ นในการเล่นร่วมกบั ผู้อ่นื

๑๒. การยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล

๑๒. การปฏิบัตติ นท่ีเหมาะสมกับกาลเทศะ

๑๓. การใช้ประสาทสมั ผัสทั้งห้า

๔๑

ปฏทิ นิ การจดั การประสบการณ์ระดับปฐมวัย โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม
ปี การศึกษา ๒๕๖๔

ช่ือหน่วยการจัด กจิ กรรมมอนเตสซอร่ี กจิ กรรมบ้าน วัน เดอื น ปี เวลา
ลำดบั ที่ ประสบการณ์ นักวทิ ยาศาสตร์ สัปดาห์ท่ี
๑-๔ มถิ นุ ายน
๑ หน่วยปฐมนิเทศ -หมวดชีวติ ประจาวนั อากาศมีตวั ตน ๒๔๖๔ ๑
-กิจกรรมกักนา้ ไว้
( Orientation ) -หมวดประสาทรับรู้ ได้ (๓ วนั เฉลมิ พระชนม์
พรรษา)
-หมวดภาษา

-หมวดคณิตศาสตร์

๒ โรงเรียนของเรา -หมวดชีวติ ประจาวัน กิจกรรมเสยี งและ ๗-๑๑ มถิ ุนายน ๑
( Our school ) -หมวดประสาทรบั รู้ เสยี งรบกวน ๒๕๖๔
-หมวดภาษา
-หมวดคณิตศาสตร์

๓ ตวั เรา -หมวดชีวติ ประจาวนั น้า ๑๔-๑๘ มิถนุ ายน ๑
-สนุกกับฟองสบู่ ๒๕๖๔ ๑
( Body ) -หมวดประสาทรบั รู้ ๑

-หมวดภาษา

-หมวดคณติ ศาสตร์

๔ เดก็ ดมี ีวนิ ยั -หมวดชวี ิตประจาวนั แสงสีและการ ๒๑-๒๕
มองเห็น มิถุนายน
( Good child -หมวดประสาทรับรู้ ๒๕๖๔
discipline) -หมวดภาษา -กจิ กรรมแสง
เล้ียวเบน ๒๘ มิถนุ ายน -๒
-หมวดคณิตศาสตร์ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เสียงละเสยี ง
๕ ครอบครวั มีสขุ -หมวดชีวติ ประจาวัน รบกวน
-กิจกรรมสมบตั ิ
( Happy -หมวดประสาทรบั รู้ ทศิ ทางเสียงของ
family ) -หมวดภาษา วตั ถุ

-หมวดคณิตศาสตร์

๔๒

ช่ือหน่วยการจัด กจิ กรรมมอนเตสซอร่ี กจิ กรรมบ้าน วนั เดือน ปี เวลา
ลำดบั ท่ี ประสบการณ์ นักวทิ ยาศาสตร์ สัปดาห์ท่ี

๓๗ รอบรปู้ ลอดภัย -หมวดชีวิตประจาวัน กา๊ ซ CO2 ๑๔-๑๘ กมุ ภาพนั ธ์
๒๕๖๕
(Know safe cycle) -หมวดประสาทรับรู้ -กจิ กรรมภูเขาไฟ ๑
-หมวดภาษา ระเบิด

-หมวดคณติ ศาสตร์

๒๑ กมุ ภาพนั ธ์- ๑๘ มีนาคม

๓๘-๔๐ โครงการ Project ๒๕๖๕

ประเมินพฒั นาการ เตรียมพร้อมสหู่ ้องเรียนใหม่ ๒๑-๓๑ เมษายน ๒๕๖๕

Assess development Getting ready for a new classroom

๔๓

กำรจดั ประสบกำรณ์

การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ 3 – 6 ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการผ่าน
การเล่น การลงมือกระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม
รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่จัดเป็นรายวิชาโดยมีหลักการ
และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดงั น้ี

1.หลักกำรจัดประสบกำรณ์
1.1 จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้หลากหลาย เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่าง

สมดลุ และต่อเนือ่ ง
1.2 เน้นเด็กเป็นสาคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและ

บริบทของสังคมทเี่ ดก็ อาศัยอยู่
1.3 จดั ใหเ้ ด็กไดร้ ับการพฒั นา โดยใหค้ วามสาคัญกบั กระบวนการเรียนรแู้ ละพัฒนาการ

ของเด็ก
1.4 จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอยา่ งต่อเน่ือง และเปน็ ส่วนหน่ึงของการจัด

ประสบการณ์ พรอ้ มทัง้ นาผลการประเมินมาพัฒนาเดก็ อยา่ งต่อเนื่อง
1.5 ใหพ้ ่อแม่ ครอบครัว ชมุ ชน และทกุ ฝา่ ยท่เี กี่ยวข้องมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาเด็ก

2. แนวทำงกำรจัดประสบกำรณ์
2.1 จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทางานของสมองที่

เหมาะสมกบั อายุ วุฒภิ าวะและระดับพฒั นาการ เพื่อใหเ้ ดก็ ทกุ คนไดพ้ ฒั นาเต็มตามศักยภาพ
2.2 จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็ก เด็กได้ลงมือกระทาเรียนรู้ผา่ น

ประสาสมั ผัสท้ังหา้ ไดเ้ คลื่อนไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบคน้ ทดลอง และคดิ แกป้ ญั หาด้วยตนเอง
2.3 จดั ประสบการณแ์ บบบูรณาการ โดยบรู ณาการทั้งกิจกรรม ทักษะ และสาระการเรียนรู้
2.4 จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่มคิด วางแผน ตัดสินใจลงมือกระทาและนาเสนอความคิด

โดยครหู รอื ผจู้ ดั ประสบการณ์เปน็ ผสู้ นับสนนุ อานวยความสะดวก และเรยี นรรู้ ่วมกับเด็ก
2.5 จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเดก็ อื่นกับผูใ้ หญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ

การเรียนรู้ ในบรรยากาศทีอ่ บอนุ่ มีความสขุ และเรยี นรูก้ ารทากจิ กรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆกัน
2.6 จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธก์ ับสื่อและแหล่งการเรยี นรีห่ ลากหลายและอยู่ในวถิ ี

ชวี ติ ของเด็ก
2.7 จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจาวันตลอดจน

สอดแทรกคณุ ธรรมจรยิ ธรรมใหเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง
2.8 จัดประสบการณ์ทั้งในลกั ษณะที่ดีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนท่ีเกิดขึน้ ในสภาพจริง

โดยไมไ่ ด้คาดการณ์ไว้

๔๔

2.9 จัดทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็น
รายบุคคล นามาไตร่ตรองและใชใ้ ห้เป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาเดก็ และการวิจัยในชนั้ เรียน

2.10 จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมทั้งการวางแผน การ
สนับสนนุ สอ่ื แหลง่ เรยี นรู้ การเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมนิ พฒั นาการ

๓.กำรจดั กจิ กรรมแบบมอนเตสซอร่ี
3.1 ครูเชิญชวนเดก็ ทากิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือกลมุ่ ยอ่ ย แนะนาอปุ กรณ์ วธิ ถี อื ให้เดก็ นา

อุปกรณไ์ ปทีท่ จ่ี ะทากจิ กรรม เชน่ เสอ่ื หรอื พรม
๓.๒ ครนู าเสนอกิจกรรมโดยการสาธติ แนะนาอปุ กรณท์ ุกช้นิ สาธิตกจิ กรรมตามขัน้ ตอน

อย่าง๔กต้อง คล่องแคล่ว สง่างาม พูดเฉพาะคาสาคัญ ขณะที่พูดไม่เคลื่อนไหว ถ้าเคลื่อนไหวจะไม่พูด และ
ชวนเด็กให้สนใจ ติดตาม ด้วยสายตา ท่าทาง และจุดสนใจของอุปกรณ์ เมื่อสาธิตเสร็จเก็บอุปกรณ์เข้าที่เดิม
เชิญชวนเด็กให้ทากิจกรรม ตามความสนใจ ถ้าเด็กทากิจกรรมไม่สาเร็จหรือไม่ถูกต้อง ครุจะหาโอกาสสาธิต
งานใหม่

๓.๓ ครสู ังเกตการณท์ ากิจกรรมของเด้ก บนั ทึกข้อมูลรายบุคคลเพอื่ นาเสนอบทเรยี น
รายบคุ คลหรอื กลุ่มยอ่ ยตามศกั ยภาพ

๓.๔ จัดประสบการรใ์ ห้เด็กมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั เดก็ อื่นทีค่ ละอายกุ บั ผ้ใู หญภ่ ายใต้สภาพแวดลอ้ ม
ทีเ่ อ้อื ตอ่ การเรยี นรู้ในบรรยากาศท่อี บอุ่นมีความสขุ และเรยี นรู้การทากิจกรรมแบบร่วมมือในลกั ษณธต่างๆกัน

๓.๕ จัดประสบการณ์ใหเ้ ดก็ มปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั สื่อและแหล่งเรียนรูท้ หี่ ลากหลายและอยู่ในวิ๔
ชวี ติ ของเด็ก

๓.๖ จัดประสบการณ์ทีส่ ่งเสรมิ ลักษณะนสิ ัยที่ดแี ละทักษะการใชช้ วี ติ ประจาวนั ตลอดจน
สอดแทรกคุณธรรมให้เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่อง

๓.๗ จัดประสบการณ์ทง้ั ในลกั ษณะท่ีมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนท่เี กดิ ขึ้นในสภาพ
จริงดดยไม่ไดค้ าดการณ์ไว้

๓.๘ จดั ทาสารนิทัศฯดว้ ยการรวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับพัฒนาการและการเรียนรขู้ องเดก็ เปน็
รายบคุ คล นามาใช้เปน็ ขอ้ มูลพน้ื ฐานต่อการพัฒนาเด็กและการวิจยั ในชัน้ เรยี น

๓.๙ จัดประสบการณ์โดย ใหผ้ ้ปู กครองและชุมชนมสี ่วนรว่ มในการวางแผน และสนบั สนนุ สอ่ื
แหลง่ เรยี นรู้ การเข้าร่วมกจิ กรรม และการประเมนิ พฒั นาการ

กำรจัดสภำพแวดล้อม ส่ือและแหล่งเรียนรู้ตำมแนวคิดมอนเตสซอรี

ห้องเรยี นมอนเตสซอรมี ี จดุ ประสงค์เฉพาะเพ่ือใหเ้ ปน็ สถานทต่ี อบสนองพฒั นาการเด็กตามธรรมชาติ
ของเด้กท่ีมีอายุระหวา่ ง 3-6 ปี และเพอื่ ใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรภู้ ายในสังคม ดังนั้นบทบาทของนักการศึกษา
ตึงควรสง่ เสริมให้เด็กสามารถแสวงหาศักยภาพของตนเองได้มากท่สี ุด เพราะการศึกษาไม่ใช่แค่การป้อนข้อมูล

๔๕

เข้าไปในสมองของเด็ก (IN PUT) แล้วก้รอผลสัมฤทธิ์ที่จะได้รับออกมาจากตัวเด็ก (OUT PUT) แต่การศึกษา
ควรเป็นมากกว่าน้ันคือ การให้ความศรัทธาในตัวเดก็ แล้วมอบโอกาสให้เด็กไดเ้ ชอ่ื มโยงส่ิงต่างๆ เพอ่ื ใหเ้ ด็กเกิด
กระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่าความรู้เหล่านั้นจะตกผลึก อย่างไรก็ตามในฐานะผู้มี
บทบาททางการศึกษาควรอดทนและรอคอย เพราะถือเปน็ สิ่งท่คี มุ้ ค่าทงั้ ตอ่ เด็กและผู้ใหญ่

หลกั กำรจดั กำรเรยี นรตู้ ำมแนวคดิ มอนเตสซอรี
1.หลักการคละอายุเด็กในหอ้ งเรยี น เพราะความแตกต่างจะทาใหเ้ ดก็ ๆ ยอมรบั ความสามารถของแต
ละบคุ คล ลดการแข่งขนั อดทนและใหค้ วามร่วมมือกนั เพราะอายตุ า่ งกนั
2.เปิดโอกาสด้านการดูแลส่ิงแวดลอ้ ม สง่ เสริมใหเ้ ด็กไดบ้ าเพ็ญประโยชน์ต่อสงั คม
3.เด็กมอี ิสรภาพในการเลอื กทากิจกรรมหรอื เลือกสถานท่ีตา่ งๆในการทากจิ กรรม เพื่อตอบสนอง
หลักการเรียนรู้ เพราะเด็กทุกคนไม่จาเป็นต้องบวกเลขหรืออ่านหนังสือพร้อมกัน เนื่องจากแรงกระตุ้นในการ
เรยี นร้ขู องแต่ละคนไมเ่ หมอื นกัน
4.สามารถเลือกใช้อปุ กรณห์ รือทากจิ กรรมโดยลาพังได้ ไม่จากดั เวลา ตามความสามารถของเดก็ ซง่ึ
เชื่อมโยงกับแนวดน้มความเปน็ มนุษย์
5.เปิดโอกาสใหแ้ ก้ไขขอ้ ผิดพลาดโดยการทาซ้าได้
6.ให้โอกาสในการพัก หรอื ไม่ทาอะไรเป็นบางเวลา สามารถเคลอื่ นท่ี เคลอื่ นไหวโดยอิสระ
7.เด็กมีอิสระในการสือ่ สาร พูดคยุ แตไ่ ม่รบกวนคนอนื่
8.การใหภ้ าษาของครูจะต้องเหมาะสมและเป็นทางการ

หลกั กำรจัดเตรียมสงิ่ แวดล้อม
ใหค้ วามสาคญั กบั การจดั เตรยี มสง่ิ แวดล้อมตามแนวคิดมอนเตสซอรีเป็นสงิ่ สาคัญและเปน็ ที่
จะทาให้เด็กได้รับการพัฒนา มีความมั่นใจ มีความสามารถ มีอิสรภาพเสรีภาพในการทางานซึ่งส่งผลให้เกิด
วินัยตามมา จึงมีการจัดสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียนใหส้ มบูรณ์ เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตาม
ความต้องการ ส่ิงแวดลอ้ มควรเป้นจดุ เรม่ิ ในการทจ่ี ะสรา้ งการศึกษาให้เกิดแนวใหม่ สิง่ แวดลอ้ ม เช่น ในครรภ์
มารดา เปน็ สงิ่ แวดล้อมทจ่ี ัดเตรยี มเพือ่ ให้ทารกเจรยิ เตบิ โตได้
ช่วงแรกของการทางานเกยี่ วกบั เด็กของดร มาเรยี มอนเตสซอรี ไมป่ ระสบความสาเร็จ
โดยเฉพาะการเตรียมสิ่งแวดล้อม เพราะมีนักการศึกษาบางคนสบประมาทท่านว่า ท่านลดตัวลงไปทางานกับ
เด็กเลก็ ๆ แตท่ า่ นก็ยังทางานกับการเตรยี มสิง่ แวดล้อมสาหรับเด็กต่อไป ธรรมชาตขิ องสตั ว์ (รังนก รังผ้ึง รังไข่)
มีการเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตที่จะเกิดใหม่ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ดร มาเรีย มอนเทสศอรี
อธิบายว่าเกี่ยวขอ้ งกับการปกป้องอินทรสี ารหมายถึง หลังจากคลอดจากครรภ์เราจะเตรยี มสางแวดล้อมไว้เรา
จะเตรียมส่งิ แวดลอ้ มไวอ้ ยา่ งไรให้เดก็ อยรู่ อดปลอดภยั

องคป์ ระกอบของกำรจดั เตรียมส่ิงแวดล้อมในห้องเรียนปฐมวยั ประกอบดว้ ย 3 ประกำร คอื
๑.กลุ่มเดก็ (The Children)

๔๖

๒.กลุ่มผใู้ หญ่ (The Adult)
๓. ส่อื อุปกรณ์ และสภาพแวดลอ้ ม (The Materials and Surroundings)
องคป์ ระกอบทัง้ ๓ ประการนม้ี ีความสาคญั เท่าๆกัน เปรยี บเสมือน สามเหลี่ยมดา้ นเท่าท่มี ดี า้ น
เท่ากนั ทุกด้าน ตามภาพประกอบ

กลมุ่ เด็ก
(The Children)

ทีม่ า : เอกสารการอบรมหลักสตู ร วิทยากร ในการจดั ประสบการณต์ ามแนวคดิ มอนเตสซอรีจาก
สมาคมมอนเตสซอรสี ากล().๒๕๕๙

องคป์ ระกอบของกำรจัดเตรียมสิง่ แวดล้อมของห้องเรียนมอนเตสซอรที ้ัง ๓ ประกำรน้ี
ตอ้ งไดร้ ับการจัดเตรยี มอย่างเฉพาะเจาะจง ข้ึนอยู่กบั อายขุ องเดก็ และจะปรบั เปลยี่ นไปตามอายุ

๑.กลุ่มเด็ก(The Children)
จัดเป็นกลุ่มอายุ ๓ ปีขึ้นไป แต่ละกลุ่มอยู่ในช่วงอายุ ๓ ปี จานวนสมดุลกันอยู่ร่วมกันจึงจะ

เกิดความสมดุลในสังคม เด็กอายุ ๓ ปียังไม่มีประสบการณ์ ในห้องเรียน ส่วนเด็กอายุ ๔ ปี อยู่กับ
หอ้ งเรยี นแล้ว ๑ ปี และเดก็ อายุ ๕ ปี จะปน็ ผูท้ สี่ ูงอายใุ นหอ้ งเรียน อยูใ่ นห้องเรียนมาแล้ว ๓ ปี จะ
มีภาวะผูน้ าและประสบการณม์ ากกว่าคนอนื่ จงึ จัดเด็กให้มอี ัตราสว่ นในแตล่ ะอายุ ๑ ใน ๓
สว่ น เดก็ อายุ ๓ ปี ๑ ส่วน เดก็ อายุ ๔ ปี ๑ ส่วน เดก็ อายุ ๕ ปี ๑ สว่ น หรือใกล้เคยี งกนั
หมายเหตุ พืน้ ที่ ๓ ตารางเมตร/๑ คน (USA) ท้ังนีข้ ้ึนอยู่กับพื้นท่ี ควรมีครผู ู้สอน ๑ คน รวมกับครู
ผชู้ ่วย ๑ คน

-ความต้องการพื้นฐานใกล้กัน แม้เด็กอายุต่างกันแต่ความต้องการพื้นฐานใกล้เคียงกัน
สง่ิ แวดลอ้ มที่จัดเตรยี มจึงอยู่ในท่ีเดยี วกัน เพือ่ ตอบสนองความต้องการคล้ายกนั

การจัดสง่ิ แวดลอ้ มควรจดั ทีแ่ สดงออกทางวฒั นธรรมและสภาพสังคมโดยรวมของชมุ ชน
ความสัมพันธ์ของเด้กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ในห้องเรียนบางครั้งไม่สามารถกาหนดได้ ซึ่งแต่ละคนมีความ
แตกต่างระหว่างบุคคลเด็กชายถึงพลังจะมากกว่าแต่ผู้ใหญ่ก็มีวิธีการจัดได้ง่ายกว่า ส่วนเด็กหญิงมักมี
พฤตกิ รรมเปน็ หวั หน้า ชอบจดั แจงส่ิงตา่ งๆ

- การสอนเดก็ คละอายุเดก็ จะเรียนร้จู ากกนั และกันโดยการสงั เกต เช่น เดก็ เล็กสงั เกตและเรยี นรจู้ าก
เดก็ โต แต่ก็ไม่เสนอไปบางทีจะเห็นเดก็ โตเรยี นรจู้ ากเด็กเล็กได้ ผู้ปกครองบางคนไมเ่ ขา้ ใจว่าทาไมลกู ของเรา
อายมุ ากแล้วจงึ ไมช่ อบเล่นกบั เด็กเลก็ ครจู งึ ควรชใ้ี หเ้ หน็ ว่าเด็กสามารถทางานด้วยกันได้

๔๗

- เดก็ เรียนรจู้ ากการช่วยเหลือกนั ครสู ามารถชว่ ยเหลือสรา้ งเด็กโตให้เปน็ คนเก่งในกลุม่ กจ็ ะสามารถ
ช่วยเหลือกนั ได้

- การเรียนรู้ของกลุม่ เด็ก จะเกิดจากการเรยี นรู้จากการสงั เกตซึง้ กันและกัน การชว่ ยเหลอื ซึง่ กนั และ
กนั (คนเกง่ ในกลุ่ม) และเดก็ ท่ีเรยี นรไู้ ดแ้ ล้วอยา่ งสมบรณู ์ ก็จะแบง่ ปนั ให้ผู้อน่ื เช่น เมอื่ มีเด็ก 3 ขวบใน
ห้องเรียน มาขอให้เด็กโดยผูกผา้ กนั เปอ้ื นให้ เปน็ การปฏบิ ตั ิซา้ และทบทวนในสง่ิ ทท่ี าได้แลว้ เดก็ โตจะมคี วาม
สมบรูณ์มากขึน้

- เด็กเปน็ แบบอย่างพฤตกิ รรมการแสดงต่อกันและกัน เชน่ มีเดก็ โตที่มีมารยาทคุณสมบัตผิ ดู้ จี ะเป็น
แบบอยา่ งใหเ้ ด็กเข้ามาใหม่ (เดก็ ทมี่ ีความพร้อมจะเป็นแบบอย่างให้กับรนุ่ น้อง)

- เมอ่ื เดก็ ไดเ้ รียนรู้ดว้ ยกันอยา่ งมีความหมายในกล่มุ เล็กๆ จะเป็นการสรา้ งกลุ่มชุมชนเล็กๆ ทแ่ี ท้จริง
(สงั คมชุมชนทีด่ ี)

- ความสมดลุ ในห้องเรยี น ควรมคี วามสมดุลทางดา้ นสังคมและเศรษฐกิจ เพราะจะเป็นความเป็นจรงิ
ในสงั คม

- ในหอ้ งเรยี นถา้ มีเด็กทไ่ี ม่มีความพรอ้ มหรือเด็กพิการ การรบั เด็กเหลา่ นข้ี ้ึนอย่กู ับความพร้อมและ
ความสามารถของครู

- จานวนเดก็ ในหอ้ งเรียนควรมปี ระมาณ ๒๕-๓๕ คน ในห้องเรียนต้องมีพื้นทใี่ ห้เพียงพอ มีสอ่ื
อุปกรณ์ทสี่ มบรูณ์ และมีครทู ี่ผ่านการอบรมตามแนวทางมอนเทสซอริ

๒. ผใู้ หญ่ (The Adult) ผู้ใหญห่ รือควรทดี่ คี วรมีคุณลักษณะดงั น้ี
- ผใู้ หญ่ที่ดี คือ สิ่งแวดลอ้ มท่ีจะมสี ัมฤทธผิ์ ลต่อการจัดประสบการณใ์ หก้ ับเดก็ ดงั นนั้ ครหู รอื ผู้ใหญ่
จะต้องได้รับความรู้และผา่ นการอบรมตามหลักสตู ร เป็นขน้ั ตอนที่เหมาะสม ถ้าผ้ใู หญไ่ ม่ไดร้ บั การอบรมหรอื
การฝึกฝนที่ดี ก็จะสง่ ผลให้ไม่สามารถวิเคราะหค์ วามต้องการของเด็กได้ ดังนน้ั ผใู้ หญ่จะตอ้ งมีความรดู้ ี มีความ
เข้าใจในการเคราะห์ ท่ีจะสามารถให้บทเรยี นและสังเกต ประเมนิ ผลเด็กได้
- ผู้ใหญ่ทดี่ ี ตอ้ งร้จู กั เทคนิควิธีการการจดั ประสบการณ์ ตามแนวคิดมอนเทสซอริ ระดบั ปฐมวยั กลุ่ม
อายุ ๓-๕ ปี ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ชดั เจน เขา้ ใจในหลกั สูตรเนื้อหาและกจิ กรรม
- ผ้ใู หญท่ ีด่ ี จะต้อง สามารถวิเคราะห์เด็กว่าจะให้บทเรียนใดท่เี หมาะสม บทเรียนใดทส่ี ามารถ
แกป้ ญั หาได้
- ผู้ใหญ่ทีด่ ีจะต้องมีความประณีตมบี ุคลิกภาพท่ีทางานร่วมกบั เดก็ ได้ ผใู้ หญจ่ ะตอ้ งด้ินรนขนขวายหา
ความรู้ และมีความอดทนอดกลน้ั กับการจดั ประสบการณ์ให้กับเดก็ พอ่ แม่ผ้ปู กครอง และบคุ คลที่เกีย่ วข้องมี
ความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความโอบอ้อมอารีต่อเด็ก มจี ิตวญิ ญาณของความเป็นครูที่แท้จริง

๓. สื่ออปุ กรณ์ และสภำพแวดลอ้ ม (The Materials and Surroundings)
๓.๑ ส่อื อปุ กรณ์
-ตอ้ งมีความเหมาะสมกบั กล่มุ อายุเดก็ ห้องเรยี นที่จัดประสบการณต์ ามแนวคดิ มอนเทสซอรี่ ทีไ่ ม่มี

๔๘

เดก็ อายุ ๓ ปี มีเฉพาะเด็กอายุ ๔ ปขี ้นึ ไป ถึง ๕ ปี อุปกรณ์หมวดชีวิตประจาวนั เช่น กิจกรรมการ
เคลือ่ นไหวเบื้องตน้ ตัก เท คีบ เด็กจะสนใจและทางานกบั อุปกรณ์เหล่าน้เี พียงระยะเวลา ๔-๕ สปั ดาห์
หลังจากนั้นเดก็ จะไม่ตอ้ งการ ครูสามารถเกบ็ อุปกรณ์ได้ ในกรณีตรงข้ามกัน อุปกรณ์คณิตศาสตร์ เช่น ลูกคดิ
เล็ก ลกู คดิ ใหญ่การหารดว้ ยหลอดแก้ว ก็ไมค่ วรอยใู่ นห้องเด็กปฐมวยั เพราะเป็นอปุ กรณ์หมวดคณติ ศาสตร์
สาหรบั เด็กกล่มุ อายุ ๖ ปีขนึ้ ไป ดังนัน้ ครหู รือผูใ้ หญต่ ้องวเิ คราะหส์ ่อื อุปกรณใ์ ห้มีความเหมาะสมกบั ความ
ต้องการของกล่มุ อายเุ ด็ก

-ต้องมคี วามสวยงาม ดึงดดู ใจ สะอาดและสมบรณู ์ ดร.มาเรียน มอนเทสซอริ กลา่ วว่า อุปกรณถ์ า้ มี
ความสวยงาม ประณีต ละเอียดอ่อน จะทาใหเ้ ด็กเรยี นรู้ได้ดีมากกว่า

-สือ่ อุปกรณ์ ที่อยู่บนชั้น ควรมคี วามทา้ ทาย คงสภาพความสนใจของเด็กอยู่เสมอ เชน่ มีอุปกรณ์บน
ชัน้ ในหอ้ งเรียนท่ีเด็กสนใจเพียงอยา่ งเดยี ว คือ รถดบั เพลงิ เป็นตน้ จะจดั กิจกรรมอย่างไรใหเ้ ด็กสนใจ การจัด
กจิ กรรมท่ีตอบสนองต่อความสนใจของเด็กเพิ่มขน้ึ ควรพาไปทศั นศึกษา สถานที่ทม่ี รี ถดับเพลงิ จัดทาชดุ บตั ร
ภาพ อปุ กรณ์ เสอื้ ผ้า ชดุ ดบั เพลิง เพื่อสร้างความทา้ ทายใหก้ บั เด็ก

-สอ่ื อุปกรณ์ ทกุ อยา่ งมีขนาดพอเหมาะ และเหมาะสมกับเดก็ ได้แก่ โต๊ะ เกา้ อี้ ถ้ามขี นาดพอเหมาะ
กับเด็ก ก็จะทาให้เดก็ ทางานได้ดี

๓.๒ สภาพแวดลอ้ ม
ลกั ษณะของสภาพแวดล้อม ในการจดั ประสบการณต์ ามแนวคดิ มอนเทสซอริ ระดบั ปฐมวัย กลุ่ม
อายุ ๓-๖ ปี ประกอบดว้ ย ลักษณะของสภาพแวดล้อมและการตกแตง่ ทั่วไป การจดั ห้องเรียน ธรรมชาตขิ องง
อปุ กรณ์ ธรรมชาติของการฝึกหดั มีรายละเอยี ดดังน้ี

๑. หนา้ ตา่ งมรี ะดับตา่ และสามารถเข้าถึงได้ เช่น เด็กสามารถปิด – เปิดหน้าต่างเองได้
ชว่ ยใหเ้ ดก็ มองออกไปนอกอาคาร เห็นโลกภายนอก กระจกหน้าตา่ งสามารถเช็ดได้

๒. ลูกบดิ ประตู มีระดับตา่ เด็กสามารถเข้าถึงและทางานได้
๓. ประตเู บาพอประมาณ เพื่อให้เดก็ สามารถเปดิ และปิดได้อย่างระมดั ระวงั
๔. ผนงั หอ้ งเรยี นต้องเป็นสีอ่อน เพราะสีออ่ นมีความสงบ ไม่ใช่สฉี ดุ ฉาดหรือสลี กู กวาด
๕. พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง เสอื้ นา้ มัน ควรหลีกเล่ยี งพรม เพราะจะทาใหเ้ ปื้อนได้ง่าย
๖. พ้นื ท่ใี ชง้ านในห้องเรยี น สาหรบั เด็กควรมขี นาด ๓๕ ตารางฟุต หรือ ๓ ตารางเมตรต่อ

คน

๗. ชั้นวางของตา่ พอที่เด็กหยิบของจากชัน้ บนสุดได้ อยา่ งมั่นคงและปลอดภยั
๘. โต๊ะควรมหี ลายขนาดเพ่ือรองรบั กลุ่มเดก็ คละอายุกัน ดงั นี้

-ลกั ษณะของโต๊ะ เปน็ รูปสีเ่ หลี่ยมผนื ผ้า โตะ๊ ท่ีดีทีส่ ุด คือ โต๊ะทางานสาหรบั คนเดยี ว
โตะ๊ ๑ ตัวเทา่ กบั เส่อื ๑ ผนื ขนาดของโตะ๊ มีขนาด ๑๘x๒๖x๒๐ น้วิ ขนาดปกติ จะพอดกี ับการวางแท่น
กระบอกพมิ พ์ ๔ แทน่ เปน็ รปู ส่ีเหลยี่ ม หรือมีขนาด (กว้าง ๔๕ ยาว ๗๐ สงู ๕๐ ซม.)

-พนื้ ผวิ หน้าโต๊ะเท่าเดิม แตข่ าของโต๊ะขนาด ๑๘ น้ิว

๔๙

-โต๊ะสาหรับเดก็ เล็ก ควรมีขนาด กว้าง ๔๕ ยาว ๗๐ สูง ๔๕ ซ
- โต๊ะสาหรับเดก็ โต ควรมขี นาดขาท่ยี าวขึ้น คือกว้าง ๔๕ ยาว ๘๐สงู ๖๐ ซม. เพื่อใช้

สาหรับการทางาน กบั อปุ กรณ์ตารางบวก ตารางลบ ตารางคูณ ตารางหาร เปน็ ต้น

- โตะ๊ มนี ้าหนักเบาเด็ก ๔ คนยกเคลอ่ื นทไ่ี ด้
๙) เก้ำอ้ี มลี กั ษณะดงั น้ี
- มนี ้าหนักเบา สามารถให้เด็กยกใช้งานได้งา่ ย มีพนื้ ทีใ่ ห้เด็กไดจ้ ับ มีพนักพิงได้
- สีของเกา้ อ้ี ควรเป็นสีออ่ น เพื่อใหเ้ ด็กมองเห็นสิง่ สกปรกท่ปี รากฏ เดก็ จะได้ช่วยทาความ

สะอาดได้งา่ ย
- ขนาดของเก้าอ้ี ขนาดเล็กทีส่ ุด ควรสงู จากพน้ื ถงึ ส่วนทน่ี ั่ง ๙ นวิ้ (๒๓ ซม.) ขนาดกลาง

ควรสูงจากพืน้ ถงึ ส่วนทน่ี ง่ั ๑๑ นิว้ (๒๘ ซม.) และขนาดใหญ่ ควรสูงจากพ้ืนถงึ สว่ นท่นี ั่ง
๑๒ นวิ้ (๓๐ ซม.)
- เกา้ อี้ ควรมสี าหรับใหเ้ ด็กไดท้ ากจิ กรรมทกุ คน

กำรจัดสภำพแวดล้อมท่วั ไปในหอ้ งเรียนตำมแนวคิดมอนเทสซอริ กลมุ่ อำยุ ๓-๖ ปี
มีแนวทำงดงั นี้

๑. ภาพบนผนัง ควรเปน็ ภาพสวยงามมีสุนทรียภาพ ตดิ อยใู่ นระดบั สายตาของเด็กภาพควรกระตุ้น
เชญิ ชวนการสนทนา คาศัพท์ตา่ งๆจากภาพซ่ึงคาศัพทต์ า่ งๆจะเปน็ กุญแจสโู่ ลก การเปล่ียนภาพ
ควรเปล่ยี นทกุ วันศุกร์เย็น ภาพที่นามาตดิ ควรเป็นภาพเร่ืองราวทอ่ี ยูใ่ นท้องถิ่น หรอื ภาพแหลง่
เรียนรทู้ ่เี ดก็ เคยไปและอยากไป การเลือกภาพอาจให้เดก็ เลือกภาพท่ีเด็กชอบที่สุดกไ็ ด้

๒. พรมขนาดเล็ก มขี นาดพอเหมาะกบั วางอปุ กรณใ์ นการทางาน และมีจานวนพอเหมาะกับเด็กใน
เดก็ และสามารถวางไว้ไดใ้ นขนาดของห้องเรียน

๓. ตน้ ไม้ ต้องเปน็ ตน้ ไม้ที่มีท่มี รี ปู รา่ งของใบ ตามพื้นฐานของใบไม้ ในตู้ใบไม้ ๑๔ แบบ ใบไม้ไมม่ พี ิษ
และต้นไมท้ ีม่ ีขนาดแข็งแรง

๔. สตั ว์ในหอ้ งเรยี น ควรเปน็ สัตวท์ ่เี ดก็ สามารถดูแลได้ เช่น ปลา นก ถ้าหากบรเิ วณห้องเรียนมสี ตั ว์
อืน่ เช่น แมว หรอื สุนขั ไม่ต้องนาสัตวเ์ ลี้ยงอน่ื มาเล้ยี งก็ได้

กำรจัดหมวดงำนใหอ้ งเรยี น
การจดั หมวดงานในห้องเรยี นตามแนวคิดมอนเทสซอริ ระดับปฐมวยั กลุม่ อายุ ๓-๖ ปี ต้อง

จดั ห้องเรียน เร่ิมต้นจากซา้ ยไปขวา ดงั นี้
๑. อปุ กรณ์หมวดชวี ติ ประจาวนั จะทาให้เด็กพึ่งพาตนเอง ปฏิวตั ิกิจวัตรประจาวันใน
หน้าตา่ ง ๆ
๒. อปุ กรณห์ มวดประสาทรบั รู้ จะช่วยกระตุ้นการรับรขู้ องเดก็

๕๐

๓. อุปกรณห์ มวดภาษา จะชว่ ยให้เดก็ ไดฝ้ ึก ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาอ่าน ชีววิทยา
๔. อุปกรณห์ มวดคณิตศาสตร์ เพื่อใหเ้ ดก็ ได้เรียนรู้สัญลักษณ์ จานวน ปรมิ าณ และ

พฒั นาการคดิ การเช่อื มโยงคณติ ศาสตร์ และการนาคณิตศาสตรไ์ ปใช้กบั ชีวิตประจาวัน
๕. อุปกรณส์ าหรับการแสดงถึงความสามารถของเด็กเปน็ รายบคุ คล ไดแ้ ก่ อุปกรณ์กีฬา

ดนตรี ศิลปะ การละเลน่ ตา่ ง ๆ เป็นต้น

ธรรมชำตขิ องอุปกรณ์

ธรรมชาตขิ องอุปกรณ์สาหรับการจัดประสบการณ์ตามแนวคดิ มอนเทสซอริ ระดับปฐมวัย
กลุ่มอายุ ๓-๖ ปี มีดงั น้ี
มีขนาดเล็กและเหมาะสมกับร่างกายเด็ก เชน่ ไมก้ วาด ควรเป็นไมก้ วาดสาหรบั
เดก็ ไม่ควรนาไม้กวาดของผู้ใหญ่มาตดั ให้สน้
๑. อุปกรณ์ทาจากวัสดุธรรมชาติ เชน่ แกว้ ไม้ โลหะ ตะกรา้ สาน ผ้า ส่งิ เหลา่ น้ที า
ให้เดก็ รู้จกั พื้นผิว สงิ่ ต่าง ๆ ในโลกนต้ี ่างกนั ครสู นทนาเลา่ เรอ่ื งเกี่ยวกับสงิ่ ตา่ ง ๆ เหลา่ นี้ หลีกเล่ียง
พลาสติกเพราะไมส่ ง่ เสริมการเรียนผ่านการรบั รู้
๒. ชุดสี ใชส้ เี ป็นรหสั ในการทางาน เชน่ สีของผ้า จะใชเ้ ปน็ ระบบเพื่อความชัดเจน มีอิสระ
ในการใชง้ าน เช่น ชดุ ผ้าสขี าว สาหรบั กิจกรรมการล้างมอื ผ้าสีน้าตาลสาหรับชดุ การขดั เปน็ ต้น
๓. อปุ กรณ์มคี วามสวยงาม ประณตี มีสุนทรยี ภาพงดงามเพือ่ ชวนเชิญเดก็ ในการทางาน
ธรรมชำติของกำรฝึกหดั
ธรรมชาติของการฝึกหีด ในการจัดประสบการณต์ ามแนวคิดมอนเทสซอริ ระดบั ปฐมวัย กล่มุ
อายุ ๓-๖ ปี มีรายละเอียด ดังนี้
๑. งานและอปุ กรณท์ ใี หเ้ ด็กทาต้องมีความหมายและใหโ้ อกาสในการฝึกหัด
๒. งานทม่ี ใี หเ้ ด็กทา มไี วเ้ พื่อตอบสนองต่อความต้องการพัฒนาการของเด็ก มิใช่งานที่ให้
เด็กได้เลน่ เพ่ือความสนุก
๓. งานทกุ อย่างต้องจัดระบบส่งิ ต่าง ๆ ให้อย่ดู ้วยกนั สาหรบั แบบฝกึ หัดแต่ละอยา่ ง
๔. จดั ระบบในชนั้ จากงานท่งี ่ายไปสงู่ านซับซอ้ นหรือตามลาดับของระบบงานนั้น ๆ

หลกั กำรจดั กิจกรรมในหน่ึงวัน

- ตอนเช้า ครไู มค่ วรเปิดห้องเรียนครบ 3 ชัว่ โมงตดิ ต่อกนั เพราะเดก็ ยังไม่มีบทเรียน จึง
ต้องใช้วิธีให้เป็นกลุ่มย่อย ๆ (ไม่เกิน ๓-๕ คน) ช่วงนี้ครูต้องขยันให้บทเรียนกับเด็กมากเป็นพิเศษ ส่วนการให้
บทเรยี นรายคนนั้นต้องรอสักระยะหนงึ่ ให้เดก็ มงี านมากพอ ครูคอ่ ยใหบ้ ทเรยี นเปน็ รายบุคคล หลงั จากพ้นระยะ
นีไ้ ปครูค่อย ๆ ยืดเวลาการทางานของเด็กให้มากข้นึ โดยการใหบ้ ทเรียนซึ่งเปน็ งานที่ท้าทายมากข้ึน แต่ถ้าเด็ก
ในห้องเรียนไม่สามารถมีสมาธิกับการทางานได้ครบ ๓ ชั่วโมงติดต่อกันได้จริง ๆ ก็ให้หยุดห้องเรียนแล้วมา

๕๑

รวมกลุ่มร้องเพลงเลา่ นิทาน พดู คุย อย่างไรก็ดีครูอย่าคาดหวังว่าจะทาห้องเรียนให้สงบไดภ้ ายในระยะเวลาส้ัน


- ตอนบา่ ย เด็กทอ่ี ายุตา่ กวา่ ๔ ขวบครงึ่ อาจนอนพกั ผ่อน ส่วนเด็กโตก็สามารถให้
บทเรียนในชว่ งเวลาได้ เพื่อใหเ้ ด็กโตไดฝ้ กึ บทเรยี นนี้ชา้ ในเช้าวนั ถัดไป

- สว่ นการรวมกลุ่มก่อนการรับประทานอาหารกลางวันน้นั ควรใชเ้ วลาไม่เกิน ๑๕ นาที
อาจจะตอ้ งมีการ รอ้ งเพลง เลา่ นทิ าน อ่านกลอน

- การออกกาลงั กายกลางแจง้ หรือเลน่ เครื่องเลน่ สนามหรือการละเล่นในเวลาพกั กลางวนั
แต่ไม่ตอ้ งปรากฏในแผนการสอนในแตล่ ะหมวดมีขอบเขตของกิจกรรมดงั นี้

๑. หมวดชวี ิตประจำวนั เปน็ กิจกรรมที่พัฒนาทักษะพื้นฐานทจี่ าเป็นต่อการดารง
ชีวิตประจาวันของตนเองและสังคม ที่เน้นการปฏิบัติที่เป็นกระบวนการ มีระบบระเบียบ ขั้นตอน มี
จุดประสงคห์ ลกั การควบคุมการเคล่ือนไหว ความมสี มาธิมงุ่ มน่ั ในการทางาน และการพง่ึ พาตนเองได้ และ
ให้เกิด วัฏจักรการทางาน คือเลือกอุปกรณ์ นามาปฏิบัติ จัดเก็บเข้าที่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสาคัญ เป็นหัวใจ
ของการที่จะเรียนรู้ในหมวดอื่น ๆ ต่อไป สอดคล้องกับแนวคิดพุทธศาสนาที่ว่า “ ถ้ามีศีล (ระบบวินัย) จะ
เกดิ สมาธิ(มงุ่ ม่ันในการทางาน) และจะเกิดปัญญา(เกดิ การเรียนรู้ )”

กจิ กรรมหมวดชีวิตประจำวัน มกี ิจกรรม ๕ กลุม่ งำน ดังนี้
๑.๑ กิจกรรมเบื้องต้น เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย เคลื่อนไหว

ประกอบวัสดุอุปกรณ์โดยไม่ให้เกิดอันตรายต่อตนเองและไม่รบกวนผูอ้ ื่น เช่น การม้วนเสื่อ ม้วนพรม
การยกเก้าอี้ การตกั ถั่ว การเทน้า การพับผา้

๑.๒ กิจกรรมกำรดูแลตนเอง เป็นกจิ กรรมที่ปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั การดูแลตนเองใน
ชีวิตประจาวนั ให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ด้านการแต่งตัว ความสะอาดของร่างกาย เช่น กิจกรรม
แต่งตัว ได้แก่ การตดิ กระดุม การรดู ซิบ การใช้เข็มขดั การผกู โบ การขดั รองเทา้ การลา้ งมอื

๑.๓ กิจกรรมกำรดแู ลสง่ิ แวดลอ้ ม เปน็ กจิ กรรมท่สี ง่ เสริมใหเ้ ดก็ รจู้ กั ช่วยเหลอื
ดูแลสิ่งแวดล้อม จนเกิดเป็นจิตสาธารณะ เช่น วัสดุที่เป็นส่วนรวมทีต่ ้องใช้ร่วมกันจะเป็นพ้ืนฐานส่จู ติ
อาสา เช่น กิจกรรมการเช็ดฝุ่น ขัดโต๊ะ กวาดขยะ เชด็ ใบไม้ เชด็ กระจก รดนา้ ต้นไม้ การจดั ดอกไม้

๑.๔ กิจกรรมมำรยำทและคุณสมบตั ผิ ู้ดี เป็นกิจกรรมทีส่ ่งเสริมการอยูร่ ว่ มกันใน
สังคมอยา่ งมคี วามสขุ การเคารพสทิ ธิของผู้อื่น การไม่รบกวนผอู้ น่ื มารยาทตามวัฒนธรรมที่ตนอาศัย
อยู่ เช่น กิจกรรมการรับของจากผู้ใหญ่ การไหว้ กราบ เดินรบพรม เดินผ่านผู้ใหญ่ วิธีไม่รบกวนผู้อื่น
การขอบคณุ ขอโทษ

๑.๕ กิจกรรมกำรควบคุมกำรเคลื่อนไหว เป็นการส่งเสริมให้สามารถควบคุมการ
เคลื่อนไหวร่างกาย ไปในทิศทางที่ต้องการได้ ซึ่งต้องใช้สมาธิ ความมุ่งมั่น และการเคลื่อนไหว เช่น
กจิ กรรมการเดินจงกรม กจิ กรรมการเล่นเงยี บ

๕๒

๒.หมวดประสำทรับรู้ ประสำทรับรู้ “เป็นกุญแจสู่โลก” จะเป็นตัวช่วยเชื่อมโยงตวั เราสูโ่ ลก
เชื่อมโยง โลกภายนอกสู่ตัวเรา จึงมีความสาคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่สมบูรณ์เต็ม
ตามศักยภาพ ดังนั้น จึงต้องพัฒนาประสาทรับรู้ทุกด้านให้มีความประณีต เพื่อให้ประสาทรับรู้
สามารถรบั รู้ เรียนรูส้ ิง่ ต่าง ๆ ไดจ้ ัดเชน เทย่ี งตรงมากข้ึน จะเชื่อมโยงสู่การพัฒนาด้านสติปัญญา เช่น
สามารถจาแนกแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตา ด้วยการฟังเสียง ด้วยการสัมผัส การดม และการชิมรส
ใครมีประสาทรับร้ทู ่ีละเอยี ดประณตี ก็จะสามารถเรียนร้สู ่งิ ต่าง ๆ ได้ดีกว่าบคุ คลอ่ืน

วตั ถุประสงคข์ องหมวดประสำทรบั รู้
๑. พฒั นาประสาทรบั ร้ใู หป้ ระณตี
๒. รับรคู้ ณุ ลกั ษณะในการจาแนก แยกแยะ จัดระบบขอ้ มลู
๓. ให้เกิดแนวคิดเชงิ นามธรรม จากอุปกรณ์รปู ธรรม
๔. ให้ประสบการณ์สาคัญเพ่อื เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรูส้ ่งเสริม

พัฒนาการด้านสตปิ ัญญา

กจิ กรรมหมวดประสำทรบั รู้ มกี ิจกรรม ๖ กลุ่มงำน ดังนี้

๒.๑ จกั ษปู ระสำท เปน็ ประสาทรบั รดู้ ้วยสายตา เปน็ กจิ กรรมทสี่ ่งเสริมความประณีตของการ
ใช้สายตาดูสิง่ ต่าง ๆ สามารถแยกแยะส่งิ ต่าง ๆ ได้ เชน่ ขนาดเล็ก ใหญ่ สัน้ ยาว ความหนา บาง มิติ
มี รูปทรง เช่น กิจกรรมหอชมพู พลองแดง บนั ไดนา้ ตาล กลอ่ งสี

๒.๒ ผัสสะประสำท เป็นประสาทรับรู้ด้วยการสัมผัส เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาความ
ประณีตของการใช้ประสาทรับรู้ด้วยการสัมผัสด้วยมือ นิ้วมือ ผิวหนัง แล้วสามารถแยกแยะลักษณะ
ของพ้นื ผวิ อุณหภมู ิ หนกั เบา เชน่ กิจกรรมแผ่นขรขุ ระ เรียบ กลอ่ งสิง่ ทอ แถบอุณหภมู ิ แถบน้าหนัก
ขวดอณุ หภูมิ ต้เู รขาคณิต สามเหลีย่ มทรงประกอบ

๒.๓ โสตประสำท เป็นประสาทรับรู้ดว้ ยการฟัง เปน็ กิจกรรมท่ีส่งเสริมพฒั นาการใชป้ ระสาท
รับรู้จากการฟังให้ประณีต สามารถจาแนกแยกแยะว่าเสียงอะไร สามารถจับคู่ เปรียบเทียบ
เรียงลาดับ เสยี งได้ เช่น กจิ กรรมกล่องเสยี ง ระฆงั ดนตรี

๒.๔ นำสิกประสำท เป็นประสาทรับรู้ด้วยการใช้จมูกดมกลิ่น สามารถจาแนกแยกแยะรับรู้
เปน็ กล่นิ ของอะไร เชน่ กลนิ่ ของดอกไม้ ผลไม้ สมนุ ไพร เช่น กจิ กรรมดมกล่ิน

๒.๕ ชิวหะประสำท เป็นการรับรู้ด้วยการใช้ลิ้นในการชมรสต่างๆ สามารถแยกแยะรสต่างๆ
ได้ เชน่ เปรีย้ ว หวาน เค็ม ขม กิจกรรมเชน่ การชมิ รส

๒.๖ กำรรับรู้รอบทิศทำง เป็นการใช้ประสาทสัมผัสหลายส่วนในการเรียนรู้ เช่น สายตากับ
กล้ามเนอื้ มือ เช่น กจิ กรรมเรขาคณติ ทรงทึบ การจัดกลุ่ม ถุงปริศนา

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสริมในหมวดหมู่ ต่าง ๆ เกี่ยวกับ โลก ภูมิศำสตร์
วิทยำศำสตร์ ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี ดนตรี กฬี ำ เกมการละเล่นพื้นบา้ นตามบริบททเี ด็กอาศัยอยู่

๕๓

เช่น กิจกรรมลูกโลกกะดาษทราย แผนที่โลก ทวีป ประเทศ ภาพตัดต่อ ตู้ใบไม้ การเดินระยะสั้น
(สารวจสิ่งแวดลอ้ ม) โตะ๊ แห่งความสนใจ เชน่ พชื แมลง

เทคนิคกำรจดั กิจกรรมหรอื กำรนำเสนอบทเรยี น

๑. การนาเสนอความแตกตา่ งแบบสดุ ข้ัว เช่น เสนอวัตถชุ ้นิ ทม่ี ีขนาดใหญ่ที่สดุ และชนิ้ ทีม่ ี
ขนาดเล็กท่ีสุด

๒. เสนอความเหมือนกนั และเอกลกั ษณเ์ ช่น การจับคู่ เปรียบเทยี บ เรียงลาดับ
๓. เสนอกจิ กรรมตอ่ เน่ือง ฝกึ ปฏิบัติ
๔. เสนอภาษา โดยการสอนภาษา ๓ ขนั้ ตอน
๕. เสนอเกม เพ่ือตรวจสอบ
๓. หมวดภาษา เด็กปฐมวัยเรียนรู้ภาษาได้ง่ายดาย เนื่องจากเด็กมีจิตซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้ง มี
ช่วงการเรียนรู้ไวดา้ นภาษา นบั เป็นสิง่ มหศั จรรยข์ องเด็ก ผิดกับผ้ใู หญท่ ่เี รียนภาษาได้อย่างยากลาบาก
ดร.มาเรยี มอนเทสซอรี กล่าวว่า การเรียนภาษาหลงั อายุ ๖ ปไี ปแลว้ จะมฐี านไมแ่ นน่ อนเท่ากับเรียน
ภาษาช่วงก่อน ๖ ปี แต่ไม่ควรเร่งสอนภาษาที่๒ ให้กับเด็ก จะทาให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีถ้าไม่ใช่
ภาษาที่อยบู่ รบิ ทของเดก็
การสอนภาษาในเบื้องต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก บุคลิกภาพคือ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ เช่น ความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออกในการพูด การรักที่จะเขียน รักที่
อ่าน ถ้ามุ่งเน้นให้อ่านออกเขียนได้ก่อน เด็กจะคับข้องใจ ไม่ชอบเขียน ไม่ชอบอ่าน จะเกิดผลเสีย
มากกวา่ ผลดี

กิจกรรมหมวดภำษำ มกี ิจกรรม ๕ กลมุ่ งำน ดังนี้
๓.๑ กิจกรรมภำษำพูด เช่น กิจกรรมการสะสมคาศัพท์ การสนทนา การเล่าเรื่องจริง การ
เล่นคาถาม บทกวี
๓.๒ กจิ กรรมกำรเขยี น เช่น กิจกรรมการฝกึ ลีลามอื การวิเคราะหเ์ สยี ง การเขยี นคา เช่น ตกั
อักษรกระดาษทราย อกั ษรเคล่ือนที่ การชว่ ยการเขียนด้วยมอื ในลกั ษณะตา่ ง ๆ
๓.๓ กิจกรรมกลไกลกำรอ่ำน เป็นการถอดรหัสสัญลักษณ์มาเป็นเสียง เช่น การอ่านเสียง
เดี่ยว (๑ ตัว ๑ เสยี ง) เสียงควบกล้า เสยี งยกเว้น โดยใชเ้ ทคนคิ การวิเคราะห์เสยี ง ซง่ึ จะเป็นประโยชน์
ตอ่ บคุ คลในการเรยี นภาษา รวมถึงภาษาอน่ื ๆ เช่น กล่องวัตถกุ ล่องที่ ๑ – ๒ คาปรศิ นา
๓.๔ กิจกรรมกำรอ่ำนอนุกรม เป็นการอ่านโดยใช้การหาความสัมพันธข์ องคากับส่ิงของแล้ว
นามาจับคู่กนั ระหว่างบัตรคากับส่ิงขง เชน่ กจิ กรรมชอื่ วัตถแุ ละอปุ กรณ์ในสิง่ แวดล้อม ชุดบตั รภาพ
๓.๕ กิจกรรมกำรอ่ำนเอำเรื่อง เป็นการอ่านที่ใช้คู่ขนานกับกลไกการอ่าน และการอ่าน
อนกุ รม การอา่ นมี ๒ ลกั ษณะ คือ ส่วนที่ ๑ การอ่านเป็นคา เปน็ การอา่ นเฉพาะส่งิ ท่ีเป็นคานาม อ่าน
วลี เด็กจะรู้หนา้ ทีข่ องคา สว่ นท่ี ๒ การอ่านวเิ คราะห์ เปน็ การอ่านประโยคแล้ววิเคราะหห์ น้าที่ของคา

๕๔

ในประโยค ขั้นสุดท้ายคือ การอ่านองค์รวม คือ การอ่านแล้วเข้าใจเรื่อง เข้าใจอารมณ์ของผู้เขียน
จะรสู้ กึ พึงพอใจกจิ กรรม เช่น หนา้ ที่ของคา การวเิ คราะห์

๔. หมวดคณิตศำสตร์ เปน็ กจิ กรรมที่ส่งเสริมทักษะและการเรียนรใู้ นด้านคณติ ศาสตร์ ดว้ ย
สื่ออปุ กรณท์ เี่ ปน็ รูปธรรมสนู่ ามธรรม เรยี นรู้ปริมาณเช่อื มโยงสู่สญั ลักษณ์ การฝกึ ปฏิบัติซ้าทาให้เกิด
การเรียนรู้แบบฝั่งแน่น เกี่ยวกับ จานวน การนับ การรู้ค่าจานวน การบวก การลบ ซึ่งเด็ก ๕
ขวบ สามารถบวกลบเลขหลักพันได้อย่างมีความสุข จะพัฒนาสู่จิตคณิตศาสตร์และรักการเรียน
คณิตศาสตร์ กิจกรรม เช่น พลองจานวน ตัวเลขกระดาษทราย กล่องกระสวย เกมจดจา เกม
ธนาคาร เกมเบี้ยอากร กระดานบวก ลบ

เทคนคิ กำรจดั กิจกรรม/กำรนำเสนอบทเรียน

๑. นาเสนอปริมาณ ฝกึ ปฏิบตั ิ
๒. นาเสนอสญั ลกั ษณ์ ฝึกปฏบิ ตั ิ
๓. เชือ่ มโยง ปรมิ าณ กบั สัญลักษณ์ ฝึกปฏิบตั ิ
๔. ตรวจสอบดว้ ยตนเอง

กจิ กรรมหมวดคณิตศำสตร์ มีกจิ กรรม ๖ กลุ่ม ดังนี้
๔.๑ จำนวน ๑ - ๑๐ และ ๐ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาให้เด็กรู้ปริมาณและ
สัญลักษณ์ของจานวน ๑ - ๑๐ และ ๐ กิจกรรม เช่น ไม้จานวน ตัวเลขกระดาษทราย กล่อง
กระสวย บัตรเลขและเบี้ย เกมจดจา
๔.๒ ระบบเลขฐำนสิบ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้เรือ่ งหลักเลขต่าง ๆ คือ
หลกั หนว่ ย สิบ รอ้ ย พนั กิจกรรม เช่น การเสนอหลักเลขดว้ ยลกู ปัด และบัตรเลข การบวก ลบ
ด้วยลูกปดั และบตั รเลข การบวก ลบเลข ๔ หลัก เกมธนาคารด้วยเบ้ียอากร
๔.๓ กำรนับ ๑ - ๑๐๐๐ และนับต่อเน่ือง เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้กลไก
การนับต่อเนื่องการนับข้าม เพื่อให้รู้และเข้าใจค่าจานวน ระบบหลักเลข และเตรียมการสู่การคูณ
และการหาร มีกิจกรรม เช่นลูกปัด ๑๑ - ๑๙ กระดาน ๑๑ - ๑๙ และบัตรเลข กระดาน ๑๐ -
๙๐ การนบั ตอ่ เนอื่ ง การนบั ซ้าย
๔.๔ ตำรำงช่วยจำ เป็นกิจกรรมฝึกปฏิบัติให้เกิดการเรียนรู้จน “จาขึ้นใจ” รู้วิธีการสร้าง
จานวนด้วยวธิ ีตา่ งๆ การจดจาองคป์ ระกอบ การบวก การลบ การคณู การหารเลข ๔ หลกั ไดจ้ น
สามารถจดจาผลบวก ผลลบ และอ่ืนๆ ได้อย่างข้นึ ใจ มีกจิ กรรม เชน่ งูบวก งลู บ กระดานบวก
กระดานลบ ตารางฝึกทักษะการบวก การลบ กระดานคณู กระดานหาร
๔.๕ หนทำงสู่นำมธรรม เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาให้สามารถเรียนรู้ค่าจานวนหลัก
เลข การบวก การลบ การคณู การหาร ในระดับนามธรรม มกี ิจกรรม เช่น ลูกคดิ เล็ก การบวก
ลบ คณู หาร ลูกคิดใหญ่ การบวก ลบ คณู หาร การหารด้วยหลอดแก้ว ซงึ่ เป็นเลขหลักลา้ นได้

๕๕

๔.๖ เศษส่วน เป็นกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้มีประสบการณ์เกี่ยวกับเศษส่วน เช่น
ของเศษส่วน การหาค่าที่เท่ากัน การเขียนสัญลักษณ์ เศษส่วน ที่มีเศษเดียวกัน งานฝีมือ (สร้าง
รูปจากเศษส่วน) ระบายสี

กิจกรรมหมวดต่างๆ ตามหลักสูตรมอนเตสซอรี จะมีจุดประสงค์หลักของแต่ละหมวด แต่ละ
กิจกรรม และจะมีจุดประสงค์ทางอ้อมที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมหมวดอื่นๆ เพื่อเป็นการเตรียมการ
ทางอ้อมสู่กิจกรรมหมวดอื่นๆ เป็นอุปกรณ์ที่เป็นระบบมีขั้นตอน ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน เช่น หมวด
ชีวิตประจาวัน จัดเป็นระบบระเบียบ เรียงจากซ้ายไปขวา เป็นการเตรียมสู่การเขียน การอ่าน
หมวดประสาทรับรู้ อุปกรณ์จะมี ๑๐ ชิ้น เช่น พลองแดง หอชมพู บันไดน้าตาล เป็นการ
เตรียมการสู่ระบบเลขฐาน ๑๐ ของหมวดคณิตศาสตร์ การจับหมุดของแท่นกระบอกพิมพ์ ตู้
เรขาคณิต ในหมวดประสาทรับรู้ เปน็ การเตรยี มสูก่ ารจบั ดนิ สอในหมวดภาษา เป็นต้น

วธิ ีกำรนำเสนอบทเรยี นกำรจัดกจิ กรรม

การจัดกจิ กรรมแบบมอนเตสซอรี มีขัน้ ตอนหลกั ๆ ทีส่ าคัญ ดงั นี้
๑. ครูเชญิ ชวนเดก็ ทากจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือกลุม่ ย่อย นาเด็กไปชนั้ วางอปุ กรณ์ แนะนาอุปกรณ์
วิธีถอื ใหเ้ ด็กนาอุปกรณไ์ ปทท่ี ที่ ากิจกรรม เชน่ โตะ๊ เสอื่ หรอื พรม
๒. ครูนาเสนอบทเรียน โดยการสาธติ

- ใหเ้ ด็กนง่ั ทางซ้ายมือครู
- แนะนาอุปกรณท์ กุ ชิน้
- สาธิตกจิ กรรมชา้ ๆ ตามขั้นตอน อยา่ งคล่องแคลว่ สง่างาม จะพดู เฉพาะคาสาคัญขณะท่ีพูดจะ
ไมเ่ คล่ือนไหว ถา้ เคลือ่ นไหวจะไม่พูด และเชญิ ชวนเด็กให้สนใจ ติดตาม ด้วยสายตา ท่าทาง และ
จุดสนใจของอุปกรณ์
๓. เมือ่ สาธิตเสรจ็ เกบ็ อปุ กรณ์เขา้ ทเ่ี ดิม เชิญชวนเด็กให้ทากิจกรรม จะทากค่ี รัง้ กไ็ ดต้ ามความสนใจ
ถ้าเดก็ ทางานไม่สาเร็จหรือไมถ่ ูกต้องจะไมต่ าหนิหรือทาโทษ ครจู ะหาโอกาสสาธิตงานใหม่
๔. เด็กทากิจกรรมเสร็จ เก็บอุปกรณ์เข้าที่เดิมเป็นระบบระเบียบ นาอุปกรณ์เก็บที่เดิมที่ชั้นวาง
อปุ กรณ์
๕.ครูสังเกตการทากิจกรรมของเด็ก บันทึกข้อมูลรายบุคคลเพื่อวางแผนนาเสนอบทเรียนส่งเสริม
พัฒนาตอ่ ยอดเปน็ รายบคุ คลหรอื กลุ่มยอ่ ย ตามศักยภาพ

กำรสอนภำษำ ๓ ขนั้ ตอน

เป็นกระบวนการที่จะสร้างการจา ความเข้าใจจนเกิดความคิดรวบยอดในภาษา และเรื่องที่
ต้องการ มขี ้นั ตอน ๓ ขนั้ ดังนี้

๕๖

ขนั้ ที่ ๑ สังเกตลกั ษณะของวตั ถุ และร้จู ักช่ือวตั ถุ
ครสู าธติ : หยบิ วัตถุมาดู สงั เกตดว้ ยตา สัมผัสดว้ ยมือ แล้วบอกช่ือวัตถุ “นค่ี ือ.....” เช่น น่ีคือ ๑
นคี่ อื ๒ นีค่ ือ ๓ นีค่ ือสามเหล่ยี ม เชญิ ชวนให้เดก็ ปฏบิ ตั ิ

ข้นั ท่ี ๒ สังเกตเหน็ ควำมแตกตำ่ งของวตั ถุ และจำได้
ครูสาธติ : หยิบวัตถุ ๑, ๒, ๓ มาวางเรยี งกนั จากซา้ ยไปขวา แล้วบอกให้เด็กปฏบิ ัติ เช่น หยิบ ๑
วางตรงนี้ หยิบ ๓ วางตรงนี้ หยิบ ๒ ให้ครู สัมผัส ๓ ซึ่งมีขั้นตอนนี้จะให้ซ้าๆ หลายๆ ครั้ง
นานกวา่ ขั้นตอนอื่น จนแน่ใจว่าเดก็ จาได้

ขัน้ ท่ี ๓ เห็นควำมแตกต่ำงของวัตถทุ ี่มีลกั ษณะคล้ำยกัน เกิดควำมคิดรวบยอด
เปน็ การตรวจสอบว่าเดก็ เกิดการเรยี นรู้เกิดความคดิ รวบยอด แล้วจรงิ หรอื ไม่
ครูสาธิต : หยิบวัตถุวางเรียงกันจากซ้ายไปขวา แล้วถาม ให้เด็กปฏิบัติ เช่น อันไหนคือ ๑ เด็กชี้
อนั ไหนคอื ๓ เด็กชี้ ครถู ามหรือชีใ้ หเ้ ด็กตอบ เชน่ อนั นค้ี อื .....
ถ้าเด็กยงั ไม่เกดิ การเรียนรู้ ตอ้ งกลับไปจดั กจิ กรรมข้ันที่ ๑ ก่อน
การสอน ๓ ข้นั ตอน จะสอนวัตถุคร้ังละ ๓ ชิน้ เพอ่ื ไม่ให้เด็กสับสน เช่น การสอนพลองจานวน
๑, ๒, ๓ ถ้าเด็กยังไมเ่ กดิ ความคดิ รวบยอด กจ็ ะไมส่ อน ๔, ๕, ๖ ใหเ้ ด็ก

กำรจัดกจิ กรรมประจำวนั

กิจกรรมสาหรับเด็กอายุ ๓-๖ ปีบริบูรณ์ สามารถนามาจัดเป็นกิจกรรมประจาวันได้หลาย
รูปแบบเป็นการช่วยให้ครูผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทากิจกรรมอะไร เมื่อใด
และอย่างไร ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมประจาวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมใน
การนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ที่สาคัญครูผู้สอนต้องคานึงถึงการจัดกิจกรรมให้
ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านการจัดกิจกรรมประจาวันมีหลักการจัดและขอบข่ายกิจกรรมประจาวัน
และกิจกรรมแบบมอนเตสซอร่ี ดงั นี้

หลกั กำรจดั กจิ กรรมประจำวนั
๑. กาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็กในแต่ละ

วันแตย่ ดื หยุน่ ไดต้ ามความต้องการและความสนใจของเด็ก เช่น
วยั ๓-๔ ปี มีความสนใจช่วงสั้นประมาณ ๘-๑๒ นาที
วัย ๔-๕ ปี มคี วามสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๒-๑๕ นาที
วยั ๕-๖ ปี มคี วามสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๕-๒๐ นาที
๒. กจิ กรรมทต่ี ้องใช้ความคดิ ทัง้ ในกล่มุ เลก็ และกลุ่มใหญ่ ไมค่ วรใช้เวลาตอ่ เนือ่ งนานเกนิ กว่า

๒๐ นาที

๕๗

๓. กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรี เพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา คิด
สร้างสรรค์ เช่น การเล่นตามมุม กิจกรรมแบบมอนเตสเซอรี่ กิจกรรมเล่นกลางแจ้ง ฯลฯใช้เวลา
ประมาณ ๔๐-๖๐ นาที

๔. กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้อง กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อ
ใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ กิจกรรมที่เด็กเป็นผู้ริเริ่ม
และครูผู้สอนหรือผูจ้ ัดประสบการณ์เปน็ ผู้รเิ ริ่ม และกิจกรรมที่ใช้กาลังและไม่ใช้กาลงั จัดให้ครบทุก
ประเภท ทั้งนี้ กิจกรรมที่ต้องออกกาลังกายควรจัดสลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกกาลังมากนัก เพื่อ
เดก็ จะไดไ้ มเ่ หน่ือยเกนิ ไป

กำรสรำ้ งบรรยำกำศกำรเรียนรู้

การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษา มีความสาคัญต่อเด็กเนื่องจากธรรมชาตขิ องเด็กในวัยน้ี
สนใจทจ่ี ะเรียนรู้ ค้นคว้า ทดลอง และตอ้ งการสมั ผัสกับสง่ิ แวดล้อมรอบๆตวั ดังนัน้ การจัดเตรียม
สิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความต้องการของเด็ก จึงมีความสาคัญทีเ่ กี่ยวข้องกับพฤติกรรมและ
การเรียนรู้ของเด็ก เด็กสามารถเรียนรู้จากการเล่นที่เป็น ประสบการณ์ตรงที่เกิดจากการรับรู้ด้วย
ประสาทสัมผัสทั้งห้าจึงจาเป็นต้องจัดสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพ และความ
ต้องการของหลักสูตร เพื่อส่งผลให้บรรลุจุดหมายในการพัฒนาเด็ก การจัดสภาพแวดล้อมคานึงถึง
สิ่งต่อไปนี้

๑.ความสะอาด ความปลอดภัย
๒.ความมีอสิ ระอยา่ งมขี อบเขตในการเลน่
๓.ความสะดวกในการทากจิ กรรม
๔.ความพร้อมของอาคารสถานท่ี เชน่ หอ้ งเรียน หอ้ งน้าหอ้ งส้วม สอ่ื กิจกรรมมอนเตสเซอรร่ีฯลฯ
๔.ความเพยี งพอเหมาะสมในเรอื่ งขนาด น้าหนัก จานวน สีของส่อื และเคร่ืองเล่น
๖.บรรยากาศในการเรยี นรู้ การจดั ทเี่ ล่นและมุมประสบการณ์ต่าง ๆ

แหล่งเรียนรู้

โรงเรียนมูลนิวัดศรีอุบลรัตนาราม(ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตนราช

กัญญา สริ ิวัฒนาพรรณวด)ี ได้แบ่งประเภทของแหล่งเรียนรู้ ได้ดงั น้ี

๑. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ได้แก่ วิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่จัดหามาเพื่อให้

ความรู้ ความเขา้ ใจอย่างกระจ่างแกเ่ ดก็ โดยสอดคลอ้ งกบั เนื้อหาสาระการเรยี นรูต้ า่ งๆ ไดแ้ ก่

- เจ้าหน้าทสี่ าธารณสุข - พระสงฆ์

- เจา้ หน้าทตี่ ารวจ - ผู้ปกครอง

- ครู - ภารโรง

- พ่อครวั แมค่ รัว - เจา้ หน้าท่ีผู้รกั ษาความปลอดภยั ในโรงเรยี น ฯลฯ

๕๘

๒. แหล่งเรียนร้ภู ายในชุมชน ไดแ้ ก่ แหล่งข้อมูลหรอื แหลง่ วิทยาการตา่ งๆ ทอี่ ย่ใู นชมุ ชน

มีความสัมพันธ์กับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีชว่ ยให้เดก็ สามารถเชื่อมโยงโลกภายในและ

โลกภายนอก (inner world & outer world) ได้ และสอดคล้องกบั วถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ ของเดก็ ปฐมวัย

ได้แก่

- ห้องสมดุ โรงเรยี น - หอ้ งวิทยาศาสตร์โรงเรยี น

- ห้องเรยี นมอนเตสซอร่ี - ห้องครวั

- หอ้ งน้า ห้องส้วม - ห้องร้านสหการโรงเรียน

-ฯลฯ

๓. สถานทีส่ าคัญต่างๆ ไดแ้ ก่ แหลง่ ความรู้สาคัญตา่ งๆ ท่เี ดก็ ใหค้ วามสนใจ ไดแ้ ก่

- วดั ศรีอบุ ลรตั นาราม - พระแกว้ บุศราคมั

- พระเจ้าใหญอ่ ินแปลง - ทา้ วคาผง

- ศาลเจ้าพอ่ หลักเมือง อุบลราชธานี - พพิ ิธภัณฑส์ ถานแหง่ ชาติ จ.

อบุ ลราชธานี

- สวนสตั ว์อบุ ลราชธานี - สวนปา่ ประชารฐั ดงฟ้าห่วน
- ศนู ยว์ ิทยาศาสตร์ อุบลราชธานี - เทียนพรรษาอบุ ล
- ฯลฯ

กำรประเมินพัฒนำกำร

การประเมนิ พัฒนาการเด็กอายุ ๓ - ๖ ปี เปน็ การประเมนิ พฒั นาการทางด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ
สังคมและสตปิ ญั ญาของเด็ก โดยถอื เป็นกระบวนการตอ่ เนอ่ื ง และเปน็ สว่ นหนึง่ ของกิจกรรมปกตทิ จี่ ดั ให้เด็ก
ในแต่ละวัน ผลทไ่ี ด้จากการสงั เกตพัฒนาการเด็ก ต้องนามาจัดทาสารนทิ ัศน์ หรอื จัดทาขอ้ มลู หลักฐานหรือ
เอกสารอย่างเป็นระบบ ด้วยการรวบรวมผลงานสาหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่สามารถบอกเรื่องราวหรือ
ประสบการณ์ที่เด็กได้รับรู้ว่าเดก็ เกิดการเรียนรู้และมคี วามก้าวหน้าเพยี งใด ทั้งนี้ให้นาข้อมูลผลการประเมิน
พัฒนาการเด็กมาพจิ ารณาปรบั ปรุงปรับปรุง วางแผนการจัดกิจกรรม และส่งเสรมิ ให้เด็กแตล่ ะคนได้รับการ
พัฒนาตามจุดหมายของหลักสตู รอย่างต่อเนื่อง การประเมินพัฒนาการควรยดึ หลัก ดงั นี้

๑. วางแผนการประเมินพัฒนาการอยา่ งเปน็ ระบบ
๒. ประเมินพัฒนาการเดก็ ครบทุกด้าน
๓. ประเมนิ พฒั นาการเด็กเปน็ รายบุคคลอย่างสมา่ เสมอ ต่อเนื่องตลอดปี
๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจาวัน ด้วยเครื่องมือและวิธีการท่ี
หลากหลายไมค่ วรใช้แบบทดสอบ

๕๙

๕. สรุปผลการประเมิน จัดทาข้อมูลและนาผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็กสาหรับวิธีการ
ประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓ - ๖ ปี ได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การ
สนทนากับเดก็ การสมั ภาษณ์ การวเิ คราะหข์ ้อมลู จากผลงานเดก็ ทเี่ ก็บอย่างมรี ะบบ

แนวปฏบิ ัตกิ ำรประเมินพัฒนำกำร

การประเมนิ พฒั นาการเด็กปฐมวัยเป็นกิจกรรมท่สี อดแทรกอยใู่ นการจัดสภาพแวดล้อมทุกขั้นตอนโดย
เร่ิมต้งั แตก่ ารประเมินพฤติกรรมของเด็กการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม การประเมนิ พฤติกรรมเดก็ ขณะปฏบิ ตั ิ
กจิ รรม และการประเมนิ พฤติกรรมเด็กเม่ือสน้ิ สุดการปฏิบตั ิกจิ กรรม ทัง้ นี้ พฤติกรรมการเรียนรแู้ ละพัฒนาการ
ด้านต่างๆ ของเด็กที่ได้รับการประเมินนั้น ต้องเป็นไปตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และ
สภาพที่พึงประสงค์ ของหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัยที่ผู้สอนวางแผนและออกแบบไว้ การประเมิน
พัฒนาการจึงเป็นเครื่องมือสาคัญที่จะช่วยให้การเรียนรู้ของเด็กบรรลุตามเป้าหมายเพื่อนาผลการประเมินไป
ปรับปรุง พัฒนาการจัดกิจกรรม และใชเ้ ป็นข้อมูลสาหรับการพัฒนาเดก็ ต่อไป สถานศึกษาควรมีกระบวนการ
ประเมินพัฒนาการและการจัดการอย่างเป็นระบบสรุปผลการประเมินพัฒนาการที่ตรงตามความรู้
ความสามารถ ทักษะและพฤตกิ รรมทแ่ี ทจ้ ริงของเด็กสอดคล้องตามหลักการประเมินพฒั นาการ รวมทงั้ สะท้อน
การดาเนินงานการประกนั คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนือ่ ง แนวปฏิบตั กิ ารประเมิน
พัฒนาการเดก็ ปฐมวัยของสถานศกึ ษา มีดงั นี้

๑. หลักกำรสำคญั ของกำรดำเนินกำรประเมนิ พัฒนำกำรตำมหลักสตู รกำรศกึ ษำปฐมวัย
พุทธศักรำช ๒๕๖๐

สถานศึกษาที่จัดการศึกษาปฐมวัยควรคานึงถึงหลักสาคัญของการดาเนินงานการประเมินพัฒนาการ
ตามหลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั สาหรบั เดก็ ปฐมวยั อายุ ๓-๖ ปี ดังน้ี

๑.๑ ผู้สอนเป็นผู้รับผิดชอบการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีส่วน
รว่ ม

๑.๒ การประเมินพัฒนาการ มีจุดมุ่งหมายของการประเมินเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของเด็กและ
สรุปผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก

๑.๓ การประเมินพัฒนาการต้องมีความสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ตวั บ่งช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงคแ์ ต่ละวยั ซงึ่ กาหนดไวใ้ นหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั

๑.๔ การประเมินพัฒนาการเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดกิจกรรมดาเนินการด้วยเทคนคิ วิธีการที่
หลากหลาย เพ่ือใหส้ ามารถประเมินพฒั นาการเด็กได้อยา่ งรอบดา้ นสมดลุ ท้ังด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม
และสติปญั ญา รวมท้ังระดับอายขุ องเดก็

๑.๕ การประเมินพัฒนาการพิจารณาจากพัฒนาการตามวัยของเด็ก การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
และการปฏิบัติกิจกรรม ควบคู่ไปในกระบวนการจัดกิจกรรมและสิ่งแวดล้อมตามความเหมาะสมของแต่ละ
ระดบั อายุ และรปู แบบการจัดการศึกษาอยา่ งต่อเน่อื ง

๖๐

๑.๖ การประเมินพัฒนาการต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้สะท้อนและตรวจสอบผลการ
ประเมนิ พัฒนาการ

๑.๗ สถานศึกษาควรจัดทาเอกสารบันทึกผลการประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในระดับชั้นเรียน
และระดับสถานศกึ ษา เช่น แบบบันทึกการประเมินพัฒนาการตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์ และการปฏิบัติ
กิจกรรม ลงในสมุดบันทึกผลการประเมนพัฒนาการประจาชั้น เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินและรายงานผล
พัฒนาการและสมุดรายงานประจาตัวนกั เรยี น เพื่อเปน็ การสอ่ื สารขอ้ มูลการพฒั นาการเด็กระหวา่ งสถานศึกษา
กบั บา้ น

๒. ขอบเขตของกำรประเมนิ พัฒนำกำร
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม(ในพระอปุ ถัมภส์ มเด็จพระเจา้ ลูกเธอเจ้าฟ้าอบุ ลรัต
นราชกัญญ สิริวัฒนาพรรณวดี) พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กาหนด
เป้าหมายคุณภาพของเด็กปฐมวัยเป็นมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นคุณภาพลักษณะที่พึง
ประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นตัวเด็กเมื่อจบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย คุณลักษณะที่ระบุไว้ในมาตรฐาน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ถือเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับเด็กทุกคน ดังนั้น สถานศึกษาพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพ
มาตรฐานที่พึงประสงค์กาหนด ถือเป็นเครือ่ งมอื สาคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัย แนวคิดดังกล่าว
อยู่บนฐานความเชื่อที่ว่าเด็กทุกคนสามารถพัฒนาอย่างมีคุณภาพและเท่าเทียมได้ ขอบเขตของการประเมิน
พัฒนาการประกอบดว้ ย
๒.๑ สง่ิ ท่จี ะประเมนิ
๒.๒ วธิ แี ละเครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ
๒.๓ เกณฑก์ ารประเมนิ พัฒนาการ
๒.๑ ส่งิ ทจี่ ะประเมนิ
การประเมินพฒั นาการสาหรบั เด็กอายุ ๓-๖ ปี มีเป้าหมายสาคญั คอื มาตรฐานคณุ ลักษณะทีพ่ งึ
ประสงค์จานวน ๑๒ ขอ้ ดงั น้ี
๑. พัฒนาการด้านรา่ งกาย ประกอบดว้ ย 2 มาตรฐาน คือ

มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวัยและมีสุขนสิ ัยทีด่ ี
มาตรฐานท่ี ๒ กล้ามเนอื้ ใหญ่และกลา้ มเน้ือเล็กแข็งแรงใชไ้ ด้อย่างคลอ่ งแคล่วและประสาน
สมั พนั ธก์ ัน
๒. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน คอื
มาตรฐานท่ี ๓ มสี ุขภาพจิตดีและมีความสขุ
มาตรฐานที่ ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอ่ื นไหว
มาตรฐานท่ี ๕ มคี ุณธรรม จริยธรรม และมจี ิตใจทด่ี ีงาม
๓. พัฒนาการด้านสงั คม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คือ
มาตรฐานท่ี ๖ มที ักษะชีวิตและปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

๖๑

มาตรฐานที่ ๗ รักธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม และความเป็นไทย
มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมใน
ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข
๔. พัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา ประกอบด้วย ๔ มาตรฐาน คือ
มาตรฐานท่ี ๙ ใชภ้ าษาส่ือสารได้เหมาะสมกับวัย
มาตรฐานที่ ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดที่เปน็ พ้นื ฐานในการเรียนรู้
มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี ินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
มาตรฐานที่๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้
เหมาะสมกบั วยั สงิ่ ทีจ่ ะประเมินพฒั นาการของเดก็ ปฐมวัยแตล่ ะดา้ น มดี ังนี้
ดำ้ นรำ่ งกำย ประกอบด้วย การประเมนิ การมนี า้ หนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ สุขภาพอนามัย สขุ นิสัยที่
ดี การรู้จักรักษาความปลอดภัย การเคลื่อนไหวและการทรงตัว การเล่นและการออกกาลังกาย และการใช้มือ
อย่างคลอ่ งแคลว่ ประสานสมั พันธ์กัน
ด้ำนอำรมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์อย่าง
เหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ ความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความสนใจ/
ความสามารถ/และมีความสุขในการทางานศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว ความรับผิดชอบในการทางาน
ความซื่อสัตย์สุจริตและรูส้ ึกถูกผดิ ความเมตตากรุณา มีน้าใจและช่วยเหลือแบ่งปัน ตลอดจนการประหยัดอด
ออม และพอเพยี ง
ด้ำนสังคม ประกอบบด้วย การประเมินความมีวินัยในตนเอง การช่วยเหลือตนเองในการปฏิบัติ
กจิ วตั รประจาวัน การระวังภัยจากคนแปลกหน้า และสถานการณท์ ่เี สี่ยงอนั ตราย การดแู ลรกั ษาธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม การมีสัมมาคารวะและมารยาทตามวัฒนธรรมไทย รักษาความเป็นไทย การยอมรับความเหมือน
และความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การปฏิบัติตนเบื้องต้นในการเป็นสมาชิกที่ดีของ
สงั คมในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ
ด้ำนสติปัญญำ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการสนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผู้อื่น
เข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขยี นภาพและสัญลักษณ์ ความสามารถในการคิดแก้ปัญหา คิดเชงิ เหตผุ ล คิด
รวบยอด การเล่น/การทางานศิลปะ/การแสดงท่าทาง/เคล่ือนไหวตามจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของ
ตนเอง การมเี จตคติทีด่ ตี อ่ การเรยี นรู้และความสามารถในการแสวงหาความรู้
๒.๒ วธิ ีกำรประเมินพฒั นำกำร
การประเมินพฒั นาการเด็กแต่ละครั้งควรใช้วิธีการประเมินอย่างหลากหลายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์
ท่สี ุด วธิ กี ารทเี่ หมาะสมและนยิ มใช้ในการประเมนิ เด็กปฐมวัยมดี ว้ ยกันหลายวธิ ี ดังต่อไปน้ี

กำรสังเกต
การประเมินพัฒนาการเด็กแบบมอนเตสซอรี จะใช้การสังเกตการณ์เป็นหลักการ

สงั เกตการณเ์ ปน็ เรอื่ งทส่ี าคัญมาก หลักสูตรมอนเตสซอรเี ป็นหลกั สตู รทเ่ี น้นการบันทึกอยู่เสมอว่าเด็ก

๖๒

ทาอะไรบ้าง การบันทึกต้องบันทึกพัฒนาการของเด็กอย่างสม่าเสมอในแต่ละภาคเรียน โดยการ
บันทึกย่อๆ การบันทึกที่ดีควรสังเกตการณ์เด็กเป็นรายบุคคลการสังเกตการณ์สาหรับมอนเตสซอรี
ซึ่งจะเป็นหัวใจสาคัญเน้นการสังเกตการณ์เกี่ยวกับเรื่องการทางานของเด็ก เป็นเครื่องมือติดตาม
พัฒนาการเด็กเป็นแนวทางให้เราจัดกิจกรรมตามศักยภาพของเด็กที่ควรได้รับ เด็กแต่ละคนมี
ศกั ยภาพอยภู่ ายในตนเอง ถ้าเราไมม่ ีการสังเกตการณ์ เราจะไมส่ ามารถเห็นสง่ิ ท่ีอย่ภู ายในของเดก็ ได้

เทคนคิ ในกำรสงั เกต
๑. การรวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยความอดทนและมีเป้าหมาย
๒. นาข้อมลู มาสะทอ้ นผล
๓. นาขอ้ มลู มาสรุปวา่ ส่งิ ใดเปน็ ปัญหาและควรพฒั นาเดก็

นกั สังเกตกำรณท์ ่ีมปี ระสทิ ธิภำพเป็นอย่ำงไร
๑. ตระหนกั ถึงความตอ้ งการของเด็ก
๒. มีความอดทน สังเกตไปทุกเรื่อง อะไรกาลังเกิดขึ้น สาคัญที่สุดคือสังเกตตั้งแต่จุดเริ่มต้น

จนถึงสนิ้ สุดกจิ กรรม
๓. น่งั เงยี บๆ ทาตัวเปน็ เหมือนไม่มตี วั ตนและไมใ่ ห้เด็กรูต้ ัว

สภำพแวดล้อมภำยในหอ้ งเรียน
๑. พื้นทอี่ ำนวยควำมสะดวกเพือ่ เดก็ และผสู้ อน
๑.๑ ที่แสดงผลงานของเดก็ อาจจดั เป็นแผน่ ปา้ ย หรือทีแ่ ขวนผลงาน
๑.๒ ทีเ่ กบ็ แฟ้มผลงานของเด็ก อาจจดั ทาเป็นกล่องหรือจัดใส่แฟม้ รายบุคคล
๑.๓ ที่เก็บเครื่องใช้สว่ นตวั ของเด็ก อาจทาเปน็ ช่องตามจานวนเด็ก
๑.๔ ทเ่ี กบ็ เครอ่ื งใช้ของผู้สอน เชน่ อุปกรณ์การสอน ของส่วนตวั ผู้สอน ฯลฯ
๑.๕ ป้ายนเิ ทศตามหนว่ ยการสอนหรอื ส่ิงที่เด็กสนใจ
๑.๖ สื่อการจัดกิจกรรมจามแนวคิดมอนเตสเซอรี่ การจัดหมวดกิจกรรม ๔ หมวด

กิจกรรม
๒. พนื้ ทีป่ ฏิบัตกิ ิจกรรมและกำรเคลื่อนไหว ตอ้ งกาหนดใหช้ ัดเจน ควรมีพืน้ ทีท่ ี่เด็กสามารถ

จะทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้
อย่างอิสระจากกิจกรรมหน่ึงไปยังกจิ กรรมหน่ึงโดยไมร่ บกวนผู้อื่น

๓. พ้ืนทีจ่ ัดมุมเลน่ หรอื มุมประสบกำรณ์ สามารถจดั ได้ตามความเหมาะสมข้นึ อยู่กบั สภาพ
ของห้องเรียน จัดแยกหมวดกิจกรรม ๔ หมวดกิจกรรม ๑.หมวดชวี ติ ประจาวัน ๒.หมวดประสาม
รับรู้ ๓.หมวดภาษา ๔.คณิตศาสตร์

๓.๑ เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมเล่น ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็น
เจา้ ของ อยากเรียนรู้

๖๓

๓.๒ เสริมสร้างวินัยให้กับเด็ก โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าเมื่อเล่นเสร็จแล้วจะต้องจัดเก็บ
อปุ กรณท์ กุ อยา่ งเขา้ ทใ่ี ห้เรยี บร้อย

สภำพแวดล้อมนอกห้องเรียน คือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในอาณาบริเวณรอบ ๆ
สถานศึกษา จัดระวงั รักษาความปลอดภัยภายในบรเิ วณสถานศกึ ษาและบริเวณรอบนอกสถานศึกษา
ดูแลรักษาความสะอาด รม่ รน่ื รอบๆบริเวณสถานศกึ ษา ส่งผลต่อการเรียนรู้และพฒั นาการของเดก็

บริเวณธรรมชำติ ปลกู ไมด้ อก ไม้ประดบั

ส่อื และแหล่งเรียนรู้
สื่อประกอบการจดั กิจกรรมเพือ่ พัฒนาเด็กปฐมวยั ทงั้ ทางด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม
และสติปัญญา หมวดกิจกรรม ๔ หมวดกิจกรรม ๑.หมวดชวี ิตประจาวนั ๒.หมวดประสามรบั รู้ ๓.
หมวดภาษา ๔.คณติ ศาสตร์ ส่อื ของจรงิ ส่ือธรรมชาติ สอื่ ท่ีอย่ใู กล้ตวั เด็ก สื่อสะท้อนวัฒนธรรม
ส่ือท่ีปลอดภยั ต่อตวั เดก็ สอื่ เพ่ือพฒั นาเด็กในดา้ นตา่ งๆให้ครบทกุ ด้านส่ือทเ่ี อื้อให้เด็กเรียนรผู้ ่าน
ประสาทสมั ผัสท้ังหา้ โดยการจดั การใชส้ อื่ เรม่ิ ต้นจาก
การจัดนวัตกรรมการจัดประสบการณ์ตามมอนเตสเซอรี(Montessori)สาหรับเด็กปฐมวัย
(อายุ ๓-๖ ปี) พฒั นาเด็กเป็นองคร์ วม เด็กเรยี นรู้ดว้ ยการลงมอื ปฏิบัตสิ ถานการณจ์ ริง บูรณาการผ่าน
การเล่นอย่างมีความหมาย จากสื่ออุปกรณ์ของจริงท่ีเหมาะสมกับวัย เน้นทักษะกระบวนการเรียนรู้
โดยการปฏิบัติจริง(Active learning) ประกอบด้วย การจัดกิจกรรม ๔ หมวดกิจกรรม
ประกอบด้วย ๑)กจิ กรรมหมวดชวี ติ ประจาวนั ๒)กิจกรรมหมวดประสาทรับรู้ ๓)กิจกรรมหมวดภาษา
๔)กิจกรรมหมวดคณติ ศาสตร์ ดนตรแี ละการละเล่นในบรบิ ททอ้ งถิน่

๑.กำรสังเกตและกำรบนั ทึก
การประเมินพัฒนาการเด็กแบบมอนเตสซอรี จะใช้การสังเกตเป็นหลัก หลักสูตรมอนเตส

รเ่ี ปน็ หลกั สตู รทเ่ี นน้ การบันทึกอยู่เสมอวา่ เด็กทาอะไร การบันทกึ ตอ้ งบันทกึ พัฒนาการของเดก็ อย่างสม่าเสมอ
ในแตล่ ะภาคเรียน โดยการบนั ทกึ ย่อๆ และควรสงั เกตเดก็ เปน็ รายบุคคล สงั เกตการทางานของเด็ก
เป็นเครื่องมือติดตามพัฒนาการเด็ก เป็นแนวทางให้จีดกิจกรรมตามศักยภาพของเด็กที่ควรได้รับ เด้กแต่ละ
คนมีศักยภาพอยู่ภายในตนเอง

เทคนิคกำรสงั เกต
๑. การรวบรวมข้อมูลดว้ ยความอดทนและมเี ปา้ หมาย
๒. นาข้อมลู มาสะทอ้ นผล
๓. นาข้อมลู มาสรุป วเิ คราะห์หาสิง่ ทเ่ี กิดปญั หาและควรพัฒนาเดก็

๒. กำรสนทนำ สามารถใช้การสนทนาได้ทั้งเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล เพื่อประเมินความสามารถ
ในการแสดงความคิดเห็น และพัฒนาการด้านภาษาของเด็กและบันทึกผลการสนทนาลงในแบบบันทึก
พฤติกรรมหรือบนั ทึกรายวนั

๖๔

๓. กำรสัมภำษณ์ ด้วยวิธีพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคลและควรจัดในสภาวะแวดล้อมเหมาะสม
เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและวิตกกังวล ผู้สอนควรใช้คาถามที่เหมาะสมเปดิ โอกาสให้เด็กได้คิดและตอบอย่าง
อิสระจะทาให้ผู้สอนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็กแต่ละคนและค้นพบศักยภาพในตัว
เด็กไดโ้ ดยบนั ทกึ ขอ้ มูลลงในแบบสัมภาษณ์

๔. กำรรวบรวมผลงำนที่แสดงออกถึงควำมก้ำวหน้ำแต่ละด้ำนของเด็กเป็นรำยบุคคล โดย
จัดเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้มผลงาน (portfolio) ซึ่งเป็นวิธีรวบรวมและจัดระบบข้อมูลต่างๆทีเ่ กี่ยวกับตัวเด็กโดย
ใช้เครื่องมือต่างๆรวบรวมเอาไว้อย่างมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน แสดงการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการแต่ละด้าน
นอกจากน้ียงั รวมเครื่องมอื อ่ืนๆ เช่น แบบสอบถามผ้ปู กครอง แบบสงั เกตพฤติกรรม แบบบนั ทกึ สขุ ภาพอนามัย
ฯลฯ เอาไว้ในแฟ้มผลงาน เพื่อผู้สอนจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กอย่างชัดเจนและถูกต้อง การเก็บผลงานของ
จะไมถ่ ือวา่ เปน็ การประเมินผลถ้างานแต่ละชิ้นถูกรวบรวมไว้โดยไมไ่ ด้รับการประเมินจากผู้สอนและไม่มีการนา
ผลมาปรบั ปรงุ พัฒนาเดก็ หรอื ปรบั ปรงุ การสอนของผสู้ อน ดงั น้นั จงึ เปน็ แตก่ ารสะสมผลงานเทา่ นน้ั

๕. กำรประเมินกำรเจริญเติบโตของเด็ก ตัวชี้ของการเจริญเติบโตในเด็กที่ใช้ทั่วๆไป ได้แก่
น้าหนกั สว่ นสงู เสน้ รอบศรี ษะ ฟนั และการเจรญิ เติบโตของกระดกู

ขอ้ ควรคำนงึ ในกำรประเมนิ กำรเจรญิ เตบิ โตของเด็ก
-เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันในด้านการเจริญเติบโต บางคนรูปร่างอ้วน บางคนช่วงครึ่งหลังของ
ขวบปีแรก น้าหนกั เดก็ จะขน้ึ ชา้ เนอื่ งจากห่วงเล่นมากขึ้นและความอยากอาหารลดลง
ร่างใหญ่ บางคนรา่ งเลก็
-ภาวะโภชนาการเป็นตวั สาคัญทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ขนาดของรปู รา่ ง แตไ่ มใ่ ช่สาเหตเุ ดียว
-กรรมพันธุ์ เดก็ อาจมรี ูปรา่ งเหมือนพ่อแม่คนใดคนหนงึ่ ถา้ พอ่ หรือแมเ่ ต้ีย ลกู อาจเต้ียและพวกนี้อาจมี
น้าหนักตา่ กวา่ เกณฑเ์ ฉลย่ี ไดแ้ ละมกั จะเป็นเด็กท่ีทานอาหารได้น้อย
การตรวจสุขภาพอนามัย เป็นตวั ชว้ี ดั คณุ ภาพของเด็ก โดยพิจารณาความสะอาดสิ่งปกติขอร่างกายท่ี
จะส่งผลต่อการดาเนินชีวิตและการเจริญเติบโตของเด็ก ซึ่งจะประเมินสุขภาพอนามัย 9 รายการคือ ผมและ
ศรี ษะ หแู ละใบหู มือและเล็บมือ เทา้ และเลบ็ เท้า ปาก ลนิ้ และฟนั จมูก ตา ผวิ หนงั และใบหน้า และเสอ้ื ผา้

2.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ พัฒนำกำร
การสร้างเกณฑ์หรือพฒั นาเกณฑ์หรือกาหนดเกณฑ์การประเมินพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ผู้สอนควร

ใหค้ วามสนใจในสว่ นทเี่ กย่ี วขอ้ ดังน้ี
๑. การวางแผนการสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างเป็นระบบ เช่น จะสังเกตเด็กคนใดบ้างในแต่ละวัน

กาหนดพฤตกิ รรมที่สงั เกตใหช้ ดั เจน
๒. ในกรณีที่ห้องเรียนมีนักเรยี นจานวนมาก ผู้สอนอาจเลือกสังเกตเฉพาะเด็กที่ทาได้ดีแล้วและเด็กท่ี

ยงั ทาไม่ได้ ส่วนเดก็ ปานกลางให้ถือว่าทาไดไ้ ปตามกิจกรรม
๓. ผู้สอนต้องสังเกตจากพฤติกรรม การปฏิบัติตามขั้นตอนในระหวา่ งทางาน/กิจกรรม และคุณภาพ

ของผลงาน/ชนิ้ งาน

๖๕

๒.๓.๑ ระดับคุณภำพผลกำรประเมนิ พัฒนำกำรเดก็
การใหร้ ะดบั คุณภาพผลการประเมินพัฒนาการของเด็กท้ังในระดับชนั้ เรียนและระดบั สถานศึกษาควร
กาหนดในทศิ ทางหรือรปู แบบเดียวกัน สถานศกึ ษาสามารถใหร้ ะดับคุณภาพผลการประเมินพฒั นาการของเด็ก
ที่สะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ หรือพฤติกรรมที่จะประเมิน เป็น
ระบบตัวเลข เช่น ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือเป็นระบบที่ใช้คาสาคัญ เช่น ดี พอดี หรือ ควรส่งเสริม ตามที่
สถานศกึ ษากาหนด ตวั อย่างเชน่

ระบบตัวเลข ระบบทใ่ี ชค้ ำสำคญั
๓ ดี

๑ พอใช้
ควรสง่ เสริม

สถานศกึ ษาอาจกาหนดระดับคณุ ภาพของการแสดงออกในพฤติกรรม เปน็ ๓ ระดบั ดงั นี้
ระดบั ระบบทีใ่ ชค้ ำสำคัญ
คณุ ภำพ

๑ หรอื ควร เด็กมีความลังเล ไม่แน่ใจ ไม่ยอมปฏิบัติกิจกรรม ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กยังไม่พร้อม ยังมั่นใจ และ
สง่ เสรมิ กลัวไม่ปลอดภัย ผู้สอนต้องยั่วยุหรือแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างหรือต้องคอยอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆให้

เด็กทาทลี ะข้นั ตอน พร้อมตอ้ งให้กาลงั ใจ
๒ หรือ เด็กแสดงได้เอง แต่ยังไม่คล่อง เด็กกล้าทามากขึ้นผู้สอนกระตุ้นน้อยลง ผู้สอนต้องคอยแก้ไขใน
พอใช้ บางครงั้ หรอื คอยให้กาลงั ใจให้เดก็ ฝกึ ปฏิบตั มิ ากข้นึ
๓ หรือ ดี เด็กแสดงได้อย่างชานาญ คล่องแคล่ว และภูมิใจ เด็กจะแสดงได้เองโดยไม่ต้องกระตุ้น มี

ความสมั พนั ธท์ ่ดี ี

๒.๓.๒ กำรสรปุ ผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม(ในพระอุปถมั ภ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัต

นราชกัญญ สริ ิวัฒนาพรรณวดี) พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ กาหนดเวลา
เรียนสาหรับเดก็ ปฐมวัยต่อปีการศกึ ษาไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วัน โดยจัดการเวลาให้เกิดประโยชน์ ต่อการพัฒนา
เด็กอย่างรอบด้านและสมดุล ครูมีการพัฒนาเด็กและเติมเต็มศักยภาพของแด็ก เพื่อให้การปฏิบัติกิจกรรมมี
ประสิทธิภาพ ครูตรวจสอบพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กต่อเนื่อง มีการประเมินซ้าพฤติกรรมนั้นๆอย่าง
น้อย 1 ครัง้ ต่อภาคเรียน เพ่ือยนื ยนั ความเช่ือมั่นของผลการประเมินพฤติกรรม และนาผลไปเป็นข้อมูลในการ
สรุปการประเมินสภาพที่พึงประสงค์ของเด็กในแต่ละสภาพที่พึงประสงค์ ไปสรุปการประเมินตัวบ่งชี้และ
มาตรฐานคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ตาม

๖๖

กำรบริหำรจดั กำรหลักสตู รสถำนศกึ ษำปฐมวยั

การนาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของ หลักสูตร การ
บริหารจัดการหลักสูตรในระบบสถานศึกษา โรงเรียนดาเนินการบริหารการจัดการหลักสูตรสถานศึกษา
ดังนี้

๑. การเตรียมความพร้อมประชุมบุคลากรและแต่งตั้งคณะกรรมการ
๒. การจดั ทา รวบรวมเอกสาร ที่เกีย่ วขอ้ งกบั การจดั ทาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
๓. การวางแผน แตง่ ตง้ั คณะกรรมการผ้รู บั ผดิ ชอบ กากับตดิ ตามผลการดาเนินงาน
๔. การนาหลักสตู รสถานศกึ ษาระดับปฐมวัยสูก่ ารปฏิบตั ิ
๕. การนิเทศกากับติดตามและประเมนิ ผล
๖. สรปุ ผลการดาเนินงาน
๗. ปรบั ปรุงและพฒั นาการดาเนนิ งาน

กำรเชอ่ื มต่อของกำรศึกษำระดับปฐมวยั กบั ระดบั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๑

การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ มีการส่งผลการจัดการปฏิบัติ
กิจกรรม และผลการประเมิน กิจกรรมของเด็กปฐมวัยในการปรับตัว การเรียนรู้กิจกรรมต่าง สามารถ
พัฒนาการเรียนรู้ได้ การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบ
ไดบ้ ุคลากรทเี่ กย่ี วขอ้ งตอ้ งดาเนินการดงั ต่อไปนี้

๑. ผู้บรหิ ำรสถำนศกึ ษำ
ผู้บริหารสถานศึกษามีบทบาทในการเชื่อมต่อระหว่างหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในช่วงอายุ ๓-๖ ปี
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐานในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการท่ีเอื้อ
ต่อการเชอ่ื มโยงการศกึ ษาโดยการจัดกิจกรรมเพอ่ื เช่ือมต่อการศกึ ษา ดงั นี้

๑.๑ จัดประชุมครูระดับปฐมวัยและครูระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างความเข้าใจรอยเชื่อมต่อ
หลักสูตรทั้งสองระดับให้เป็นแนวปฏบิ ัติของสถานศึกษาเพื่อครูท้ังสองระดับจะได้เตรียมการสอนให้สอดคล้อง
กบั เด็กวัยนี้

๑.๒ จัดหาเอกสารด้านหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการไว้ให้ครูและบุคลากรอื่นๆได้ศึกษาทา
ความเขา้ ใจ อยา่ งสะดวกและเพยี งพอ

๑.๓ จัดกิจกรรมใหค้ รทู ง้ั สองระดบั มโี อกาสแลกเปล่ียนเผยแพรค่ วามรใู้ หม่ๆ ร่วมกัน
๑.๔ จัดหาสื่อ อปุ กรณ์ และจัดสภาพแวดล้อมทส่ี ่งเสรมิ การสร้างรอยเชื่อมตอ่
๑.๕ จัดให้กิจกรรมให้มีความรู้ กิจกรรมสัมพันธฺ หรือการทากิจกรรมร่วมกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง
อย่างสม่าเสมอต่อเนื่อง ในระหว่างที่เด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพื่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สร้างความเข้าใจและ
ให้ความรว่ มมือในการร่วมมือกันกันใหเ้ ดก็ สามารถปรับตัวเข้ากบั สภาพแวดลอ้ มใหม่ได้ดี

๖๗

๒. ครูระดบั ปฐมวัย
ครูระดับปฐมวัย นอกจากจะต้องศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยโรงเรียน
มูลนิธิวัดศรอี ุบลรัตนาราม(ในพระอปุ ถัมภ์สมเด็จพระเจ้าลกู เธอเจา้ ฟ้าอุบลรตั นราชกัญญ สิริวัฒนาพรรณวดี) พุทธศักราช ๒๕๖๔
ตามหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ และจดั กจิ กรรมพัฒนาเด็ก และศึกษาหลกั สูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง
และบุคลากรอื่นๆ รวมทั้งช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวก่อนเลือ่ นขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยครูจัดกิจกรรม
ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้
๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกบั ตวั เด็กเปน็ รายบุคคลเพ่ือส่งต่อครชู ั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ซึ่งจะทาให้
ครรู ะดับประถมศึกษาสามารถใช้ขอ้ มลู น้ันชว่ ยเหลอื เดก็ ในการปรบั ตวั เขา้ กับการเรยี นรู้ใหม่ตอ่ ไป
๒.๒ สนทนากับเด็กถึงประสบการณ์ที่ดีๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
เพือ่ ใหเ้ ดก็ เกิดเจตคติท่ดี ีตอ่ การเรยี นรู้
๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทาความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของห้องเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี ๑
๒.๔ จดั สอ่ื วัสดุ อุปกรณ์ หนังสอื ที่เหมาะกบั วัยเด็ก เพ่อื สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กได้เรยี นร้แู ละเพม่ิ ประสบการณ์
พืน้ ฐานสรา้ งรอยเช่ือมต่อในการเรยี นระดบั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑
๓. ครรู ะดบั ประถมศึกษำ
ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติที่ดีต่อการจัด
ประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเพื่อนามาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการเรียนรู้ในระดับชั้ น
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ของตนให้ต่อเนอ่ื งกบั การพัฒนาเด็กในระดบั ปฐมวัย ดงั ตวั อย่าง ตอ่ ไปน้ี
๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทาความรู้จักคุ้นเคยกับครูและห้องเรยี นชั้น
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ กอ่ นเปิดภาคเรยี น
๓.๒ จัดสภาพหอ้ งเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรยี นระดบั ปฐมวัย โดยจดั ใหม้ มี ุมประสบการณ์ภายในห้อง
เพ่ือใหเ้ ด็กไดม้ โี อกาสทากจิ กรรมได้อยา่ งอสิ ระเชน่ มมุ หนงั สอื มุมของเลน่ มุมเกมการศึกษา เพ่ือช่วยให้เด็กชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ไดป้ รับตวั และเรยี นร้จู ากการปฏบิ ัตจิ รงิ
๓.๓ จดั กจิ กรรมรว่ มกนั กบั เด็กในการสรา้ งขอ้ ตกลงเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตน
๓.๔ จดั กิจกรรมชว่ ยเหลอื ส่งเสริมการเรยี นรู้ใหก้ บั เด็กตามความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
๓.๕ เผยแพรข่ า่ วสารดา้ นการเรยี นรแู้ ละสรา้ งความสมั พันธ์ทด่ี กี ับเดก็ พอ่ แม่ ผู้ปกครอง และชมุ ชน
๔. พ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษา ทาความเข้าใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ
และเข้าใจเด็กเมื่ออยู่ในระดับประถมศึกษานั้น เด็กยังต้องการความรักความเอาใจใส่ การดูแลและการ
ปฏสิ ัมพันธ์ และให้ความรว่ มมือกบั ครูและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตวั เด็ก เพอ่ื ให้เดก็ สามารถปรับตัวได้
เร็วยิง่ ขนึ้

๖๘

กำรกำกบั ตดิ ตำม ประเมนิ และรำยงำน

การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีหลักการสาคญั โดย ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัด โดยสถานศึกษา ซึ่งเป็น
ผู้จัดการศึกษาในระดับนี้ เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมจึงมีระบบการกากับ ติดตาม ประเมินและ
รายงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศกึ ษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา
อุปสรรค ตลอดจนการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน การวางแผน และดาเนินงานการจัด
การศึกษาปฐมวยั ให้มีคณุ ภาพอยา่ งแท้จรงิ

การกากบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานผลการจัดการศกึ ษาปฐมวยั เปน็ สว่ นหนงึ่ ของกระบวนการ
บริหารการศึกษาและระบบการประกันคณุ ภาพ ทดี่ าเนนิ การอย่างต่อเนอ่ื ง เพื่อนาไปสู่การพฒั นาคุณภาพและ
มาตรฐานการศึกษาปฐมวยั สร้างความม่ันใจใหผ้ ู้เกยี่ วข้อง โดยมีการดาเนนิ การทีเ่ ปน็ ระบบเครือข่าย
ครอบคลุมทัง้ หน่วยงานภายในและภายนอก ตั้งแต่ระดับชาติ เขตพื้นท่ี การกากับดูแลประเมนิ ผล มีการ
รายงานผล เพือ่ นาข้อมูลจากรายงานผลมาจดั ทาแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา พฒั นาเด็ก
ปฐมวยั ตอ่ ไป

๖๙

บรรณำนกุ รม

กุลยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ. กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้สำหรบั เด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ,
๒๕๕๑.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. แนวทำงกำรส่งเสรมิ พัฒนำกำร กำรเรยี นร้ขู องเดก็ ปฐมวัย.
สานกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาต,ิ ๒๕๔๓.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. หลกั สูตรกำรศกึ ษำปฐมวยั พทุ ธศักรำช ๒๕๔๖.
กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์คุรสุ ภา ลาดพร้าว, ๒๕๔๖.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. วธิ สี ร้ำงแบบประเมินพฤติกรรมจำกตัวอยำ่ งแผนกำรจัด
ประสบกำรณ์ระดบั ก่อนประถมศกึ ษำ. ๒๕๔๑.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. กำรประเมินระดับปฐมวยั ศกึ ษำเพื่อกำรประเมินคณุ ภำพภำยนอก
ระดับกำรศึกษำขัน้ พนื้ ฐำน. สานกั งานเลขาธิการ, ๒๕๔๗.

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. รำยงำนผลกำรประเมนิ พฒั นำกำรนักเรยี นทจ่ี บหลกั สตู ร
กำรศึกษำปฐมวัย พทุ ธศกั รำช ๒๕๔๖
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษา
ขนั้ พ้ืนฐาน, ๒๕๕๐.

กระทรวงศึกษาธกิ าร. กำรจดั กำรศึกษำปฐมวัยตำมหลกั สูตรและกำรจัดกำรเรียนรู้
ทสี่ อดคลอ้ งกบั พฒั นำกำรทำงสมอง. สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา

สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน, ๒๕๕๑.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. คู่มือหลกั สูตรกำรศกึ ษำปฐมวัย พุทธศักรำช ๒๕๔๖

(สำหรับเด็กอำยุ ๓-๕ ป)ี . สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๗.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (รำ่ ง) หลักสตู รกำรศกึ ษำปฐมวัย พุทธศักรำช ....
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้
พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๘.
กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสูตรกำรศึกษำปฐมวยั พทุ ธศักรำช ๒๕๖๐
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั
พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๖๐
สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (๒๕๕๑). คูม่ อื กำรใชม้ ำตรฐำนกำรเรยี นร้คู ณิตศำสตร์
ปฐมวัย พทุ ธศักรำช ๒๕๕๑. เอกสารประกอบการประชุม.
________. (๒๕๕๑). แนวทำงกำรจัดกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตรป์ ฐมวยั ตำมหลักสตู รกำรศึกษำปฐมวยั
๒๕๔๖. เอกสารอัดสาเนา.

๗๐

ภำคผนวก

๗๑

คำสงั่ โรงเรยี นมูลนธิ วิ ดั ศรอี ุบลรัตนำรำม

(ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้ำลกู เธอเจ้ำฟ้ำอบุ ลรตั นรำชกญั ญำ สิริวฒั นำพรรณวดี)

ท่ี ๒๒๓ / ๒๕๖๔
เร่ือง แต่งตงั้ คณะกรรมกำรจัดทำหลกั สตู รสถำนศึกษำปฐมวยั โรงเรียนมูลนธิ วิ ัดศรีอบุ ลรัตนำรำม

(ในพระอปุ ถัมภ์สมเดจ็ พระเจำ้ ลกู เธอเจ้ำฟำ้ อุบลรตั นรำชกญั ญำ สริ วิ ฒั นำพรรณวดี)

พุทธศกั รำช ๒๕๖๔ ตำมหลักสูตรกำรศกึ ษำปฐมวัย พุทธศักรำช ๒๕๖๐

...........................................................................................................

ด้วยกระทรวงศึกษาธิการได้มีคาส่งั ที่ สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรอื่ ง ใหใ้ ช้
หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แทนหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั ๒๕๔๖ ตัง้ แต่ ปีการศกึ ษา
๒๕๖๓ เปน็ ต้นไป โดยกาหนดใหส้ ถานศึกษาจดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัย ดังนั้น เพอ่ื ให้การจัดทา
หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรยี นมลู นธิ ิวดั ศรอี บุ ลรัตนาราม(ในพระอปุ ถัมภส์ มเดจ็ พระเจ้าลกู เธอเจ้าฟา้
อุบลรัตนราชกัญญา สริ ิวัฒนาพรรณวดี)มีคณุ ภาพตามมาตรฐานตามจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั
พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ จงึ แต่งตัง้ คณะกรรมการในการจัดทาหลกั สูตร ดังน้ี

๑. นายเฉลมิ พล เกตมุ าตย์ ผู้อานวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ
๒. นางณฏั ฐวัลย์ วิลามาศ รองผูอ้ านวยการโรงเรียน กรรมการ
๓. นางประไพรวลั ย์ คชพรหม รองผู้อานวยการโรงเรียน กรรมการ
๔. นางอนรุ กั ษ์ นนทมา รองผูอ้ านวยการโรงเรยี น กรรมการ
๕..นางสนธิยา อารยาวชิ านนท์ รองผ้อู านวยการโรงเรยี น กรรมการ

๖..นางอรพนิ หอมละเอียด ครูชานาญการพเิ ศษ กรรมการ

๗.นางพมิ พ์ภทั รา จยั สนิ ครูชานาญการพิเศษ กรรมการ
กรรมการ
๘.นางวลีรัตน์ อาทเิ วช ครูชานาญการพเิ ศษ กรรมการ
กรรมการ
๙.นางประภาดา สกลุ ว่องไว ครูชานาญการพิเศษ กรรมการ
กรรมการ
๑๐.นางสาวสภุ าภรณ์ ตรีรักษา ครูชานาญ กรรมการ
กรรมการ
๑๑.นางสาวปวิภา คาแดง ครู กรรมการ
กรรมการ
๑๒.นางสาวรัชณีพร ชุติกรณ์ ครู กรรมการ/เลขานุการ

๑๓.นางสาวเพ็ญศิริ วรรณา ครู

๑๔.นางสาวมณฑริ า ไตรสงู เนิน ครูอตั ราจ้าง

๑๕.นางสาวนภาพร ชาวชาติ ครตู ราจา้ ง

๑๖.นางสาวมัณฑนาภรณ์ แก้วงามสอ่ งครูอตั ราจ้าง

๑๗.นางธวิ าพร รงุ่ แสง ครูชานาญการพิเศษ

๗๒

๑๘.นางสาวนพรดา วชริ ศักดิโ์ สภานะ ครู กรรมการ/ผู้ชว่ ยเลขานกุ าร
๑๗.นางสาวชนากานต์ แสงกล้า ครอู ตั ราจา้ ง กรรมการ/ผชู้ ่วยเลขานุการ
๑๘.นางสาวประภาพร ทองเพ็ญ ครอู ัตราจ้าง กรรมการ/ผ้ชู ่วยเลขานกุ าร

มีหน้าท่ี

๑. วางแผนการดาเนินงานวชิ าการ กาหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสตู รระดบั สถานศึกษา และ
แนวการจดั สดั สว่ นสาระการเรียนรใู้ ห้สอดคลอ้ งกับหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย สอดคล้องกับ
การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม สภาพแวดลอ้ ม และความรูท้ างวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยที เี่ จริญก้าวหนา้ อยา่ งรวดเร็ว เปน็ การพัฒนาและเสรมิ สรา้ งศักยภาพของคนของ
ชาติใหม้ คี ุณภาพและมาตรฐานสากล สอดคล้องกับประเทศไทย ๔.๐ โลกศตวรรษท่ี ๒๑ และ
ทดั เทียมกบั นานาชาติ ดารงชวี ติ อย่างสร้างสรรค์ ในประชาคมโลก ตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง

๒. รวบรวมข้อมูลพ้ืนฐานสภาพปัจจบุ ันความต้องการของชุมชนและท้องถนิ่ นโยบายจุดเนน้
วิสยั ทัศน์ อัตลกั ษณ์และเอกลกั ษณ์ของโรงเรยี นตามแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของโรงเรียน

๓. ดาเนนิ การจดั ทาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยในโรงเรียน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสตู ร
การศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ให้เสรจ็ สมบูรณค์ รบองคป์ ระกอบ โดยปรับปรงุ ให้
เหมาะสมกบั เดก็ และสภาพท้องถิ่น

๔. ประสานความรว่ มมือจากบุคคล หน่วยงาน องคก์ รต่างๆ และชุมชน เพ่ือให้การใชห้ ลักสตู ร
เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและมคี ุณภาพ

๕. ประชาสมั พันธห์ ลักสตู ร และการใช้หลกั สตู รแกน่ ักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผ้เู กยี่ วข้อง และ
นาขอ้ มลู ป้อนกลับจากฝา่ ยตา่ งๆ มาพิจารณาเพื่อการปรับปรุงพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา

๖. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การวจิ ยั เกี่ยวกบั การพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการเรยี นรู้
๗. ติดตามผลการเรียนรูข้ องนักเรียนเปน็ รายบคุ คล ในแต่ละปกี ารศึกษา เพือ่ ปรบั ปรงุ และ

พัฒนาการดาเนนิ งานดา้ นตา่ งๆของสถานศึกษา
๘. ตรวจสอบ ทบทวนประเมินมาตรฐานการปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลกั สตู รระดับ

สถานศกึ ษาในรอบปที ี่ผ่านมาแลว้ ใช้ผลการประเมินเพือ่ วางแผนพฒั นาการปฏิบตั ิงานของครู
และการบรหิ ารหลกั สูตรในปีการศึกษาต่อไป
๙. รายงานผลการปฏบิ ตั ิงานและผลการบริหารหลกั สตู รของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการพฒั นา
คุณภาพนักเรียนตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานคณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รระดบั
เหนอื สถานศึกษา สาธารณชนและผเู้ กี่ยวข้อง

๗๓

๗๔

๗๕

แบบประเมนิ การใช้และพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย

โรงเรียนมลู นธิ วิ ัดศรอี บุ ลรัตนาราม (ในพระอปุ ถัมภ์สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอเจ้าฟ้าอบุ ลรัตนราชกัญญาสริ วิ ฒั นาพรรณวดี)

สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต ๑

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คาชแี้ จง
๑. ผู้ตอบข้อมลู น้ีคือ ครผู สู้ อนปฐมวยั ทุกคน, คณะกรรมการสถานศึกษา, คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รฯ หรือ

และผู้ที่ไดร้ ับมอบหมายจากผูบ้ ริหารโรงเรียน
๒. เครื่องมอื น้มี ที ั้งหมด ๒ ตอน ประกอบด้วย
ตอนท่ี ๑ ข้อมลู สว่ นตัวของผตู้ อบแบบประเมนิ
ตอนที่ ๑ การประเมินผลการใช้และพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวัยฯ แบ่งเปน็ 6 ด้าน ประกอบด้วย

ด้านท่ี ๑ การบรหิ ารจัดการหลกั สูตร
ดา้ นท่ี ๒ การจดั สถานท่ี/ส่ือ/ส่ิงแวดล้อมให้เอือ้ ต่อการเรยี นรู้ มแี หลง่ เรยี นร้เู พยี งพอและมีคุณภาพ
ดา้ นที่ ๓ มาตรการส่งเสริมการใช้หลกั สูตรฯ
ด้านที่ ๔ กระบวนการจดั ประสบการณ์
ด้านท่ี ๕ การวดั และประเมินพัฒนาการ
ด้านท่ี ๖ สรุปคุณภาพผู้เรยี นตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั
๓. โปรดกรอกขอ้ มลู ลงในช่องว่างให้ครบทกุ ขอ้ เพ่ือความสมบูรณข์ องระบบฐานขอ้ มูล

๔. ข้อมูลนจี้ ะใชเ้ พื่อจดั ทารายงานการประเมนิ การใช้และพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั ของโรงเรยี นเท่าน้นั

๕. ใหก้ าเครื่องหมาย √ลงในชอ่ งตารางปฏบิ ัต/ิ ไม่ปฏิบตั ิ/ระดับการปฏิบัติและกาเครือ่ งหมาย / ลงในช่องที่ตรงกบั

หมายเลข ๔,๓, ๒ และ ๑ ทีต่ รงกับการปฏบิ ตั ขิ องโรงเรียนตามความคิดเห็นของทา่ นโดยใชเ้ กณฑ์ ในการตอบ

๔ ระดบั ดงั นี้

๔ หมายถึง ปฏิบตั ิหรอื พึงพอใจในระดับ มาก

๓ หมายถึง ปฏิบัตหิ รอื พึงพอใจในระดับ ปานกลาง

๒ หมายถงึ ปฏบิ ัตหิ รือพงึ พอใจในระดบั น้อย

๑ หมายถงึ ปฏบิ ตั ิหรือพงึ พอใจในระดบั ต้องปรบั ปรุง

ตอนท่ี ๑ ขอ้ มูลส่วนตวั ของผู้ตอบแบบประเมิน

๑. สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม

( ) ผู้บริหารโรงเรียน ( ) คณะกรรมการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั

( ) คณะกรรมการสถานศึกษา ( ) ครูปฐมวยั

( ) ผู้ปกครองเด็กปฐมวัย ( ) อนื่ ๆ โปรดระบ.ุ ........................................

๒) เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง

๗๖

๓) ประสบการณ์ในการทางานด้านการศึกษาปฐมวยั

( ) น้อยกว่า ๑ ปี ( ) ๑-๕ ปี

( ) ๖-๑๐ ปี ( ) มากกว่า ๑๐ ปี

๔) วุฒกิ ารศกึ ษา

( ) ตา่ กว่าปริญญาตรี ( ) ปรญิ ญาตรี

( ) สงู กวา่ ปริญญาตรี ( ) อื่น ๆ โปรดระบุ...................................................

ตอนท่ี ๒ การประเมนิ ผลการใชแ้ ละพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ฯ

ด้านที่ ๑ การบริหารจัดการหลกั สตู ร

รายการประเมิน การปฏิบัติ ระดับการปฏิบัติ
ปฏิบัติ ไม่ปฏิบตั ิ ๔ ๓ ๒ ๑

คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวยั ฯ ดาเนินการโดย

๑) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้มีการนาขอ้ มูลเด็กปฐมวัย มาวิเคราะห์

สงั เคราะห์ เพื่อนาไปสกู่ ารกาหนดเปา้ หมายคุณภาพผ้เู รยี นในระดับท่ี

สงู ขึ้น

๒) ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูมีโอกาสสรา้ งความรแู้ ละเลือกทางเลอื กในการ

จดั การศกึ ษาปฐมวยั ทเ่ี หมาะสมกบั ความถนัดและสอดคล้องกับบรบิ ทของ

โรงเรียน

๓) ส่งเสริม สนบั สนุนให้ครูได้พฒั นาตนเองโดยการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ

เกีย่ วกับแนวคิด หลักการของการจัดการศึกษาปฐมวัยเพ่ือให้สามารถพฒั นาผู้เรียน

ให้มีคุณภาพตามเป้าหมายท่ีกาหนด

๔) ส่งเสริม สนับสนนุ ใหโ้ รงเรียนจัดครูผู้เขา้ สอนตามความถนัด/

ความสามารถหรือสาขาวิชาเอก

แหลง่ ขอ้ มลู / ร่องรอยสาคัญ
ไดแ้ ก่……………………………………………………………………….………………………………………….………………….………….
ข้อเดน่ ไดแ้ ก่
............................................................................................................................. ...............................................
ข้อควรปรบั ปรุง ได้แก่
..........................................................................................................................................................................

๗๗

ดา้ นท่ี ๒ การจัดสถานที/่ สื่อ/สิง่ แวดล้อมใหเ้ ออื้ ต่อการเรยี นรู้ มีแหล่งเรยี นร้เู พียงพอและมีคุณภาพ

การปฏิบัติ ระดับการปฏบิ ัติ

รายการประเมิน ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ ๔ ๓ ๒ ๑

คณะกรรมการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัยฯ ดาเนินการโดย

๑) อานวยการ ดูแล/จัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เอ้ือ

ต่อการเรียนรู้

๒) อานวยการ ดูแล/จดั หาหนงั สอื ส่อื วสั ดุ อุปกรณ์ไว้อย่าง

เพยี งพอ เหมาะสมกับการใชง้ านและสอดคลอ้ งกบั การจัดประสบการณ์

๓) อานวยการ ดแู ล/จัดให้มหี อ้ งเรียนเปน็ เอกเทศ มมี ุมประสบการณ์

ต่าง ๆ ท่ีสอดคลอ้ งตามแนวการจัดประสบการณ์

๔) ดแู ล จดั หา ปรับสภาพแวดลอ้ มภายนอกห้องเรยี น เช่น สนาม

เด็กเล่น บอ่ นา้ บ่อทรายฯลฯ ใหพ้ อเพียงมีความปลอดภัยและเหมาะสม

กบั เด็ก

๕) ดแู ล จัดหา จัดทาสภาพแวดล้อมภายนอก เชน่ สนามเดก็ เลน่

เครอ่ื งเลน่ สนาม บ่อทราย ฯลฯ ใหพ้ อเพยี ง เหมาะสมและปลอดภัย

แหลง่ ข้อมลู / รอ่ งรอยสาคัญ
ไดแ้ ก่………………………………………………………………………………………………..………………………………………………
…………............................................................................................................................... ..............................
………….......................................................................................................................................... ..................
ข้อเดน่ ไดแ้ ก่
.................................................................................................. .....................................................................
…………............................................................................................................................... ............................
ข้อควรปรับปรงุ ได้แก่
.................................................................................................................................. ....................................
…………............................................................................................................................... ...........................

๗๘

ดา้ นที่ ๓ มาตรการส่งเสริมการใช้หลักสตู รฯ การปฏบิ ัติ ระดับการปฏิบตั ิ
ปฏบิ ัติ ไม่ปฏิบตั ิ ๔๓๒๑
รายการประเมนิ
คณะกรรมการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยฯ ดาเนนิ การโดย

๑) กาหนดและสรา้ งความเข้าใจครูเกีย่ วกับมาตรฐาน/ตัวบง่ ช้ี
และสภาพท่ีพึงประสงค์แตล่ ะชว่ งวยั ได้อย่างชดั เจน

๒) จัดสรรหลกั สตู รและเอกสารประกอบอย่างเพยี งพอให้
คณะครใู ชเ้ พื่อวางแผนการจัดประสบการณ์

๓) กาหนดแนวทางปฏบิ ัติแก่ครเู กย่ี วกับการจดั ประสบการณ์
โดยยึดหลกั การของหลกั สตู รฯ (เน้นการเตรียมความพรอ้ มโดยไม่
เน้นการอา่ นและการเขียน)

๔) สนบั สนุนให้ครูเขา้ รบั การอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการจดั กิจกรรม
ประจาวนั และอื่น ๆ จนเกดิ ทักษะสามารถจัดไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ

๕) มีแผนการนเิ ทศ ติดตามและให้การชว่ ยเหลือครดู ้านการจัด
ประสบการณ์ตามหลักสูตรให้เป็นไปอย่างราบร่ืนและสมา่ เสมอ

๖) ตดิ ตาม/ตรวจสอบผลผลิต (คณุ ภาพนักเรียน) ของหลักสูตรฯ
เปน็ ระยะอยา่ งเหมาะสม

๗) ใช้เครอื่ งมอื การตรวจสอบผลผลติ ของหลกั สูตรฯ (คุณภาพ
นกั เรียน) เหมาะสมมีความตรง/ความเช่อื มน่ั ในระดบั ท่ียอมรับได้
๘) จัดโอกาสใหค้ รไู ดน้ าเสนอผลงาน/แลกเปล่ยี นประสบการณ/์
เสนอปัญหาอุปสรรคการใชห้ ลกั สตู รทุกปีการศึกษา
๙) ใหโ้ อกาสครไู ดส้ รปุ และรายงานการใช้หลกั สตู ร (การจัด
การเรียนรู้ตามหลักสูตรฯ) ทกุ ปกี ารศกึ ษา
๑๐) คณะกรรมการฯ นาข้อมูลจากรายงานฯ และการแลกเปลย่ี น
ประสบการณ์ของครมู าใชพ้ จิ ารณาปรบั ปรุงและพัฒนาหลักสตู ร
อย่างเปน็ ระบบ

แหลง่ ขอ้ มลู / รอ่ งรอยสาคัญ
ได้แก่……………………………………………….………………………………………………………………………………………………...
ข้อเด่น ได้แก.่ .....................................................................................................................................................
ข้อควรปรับปรุง ไดแ้ ก.่ ..................................................................................................….………………...............

๗๙

ด้านที่ ๔ กระบวนการจัดประสบการณ์

รายการประเมนิ การปฏบิ ตั ิ ระดับการปฏบิ ัติ
ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏบิ ตั ิ ๔ ๓ ๒ ๑

คณะกรรมการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ฯ ดาเนนิ การโดยให้

๑) ครเู ตรียมการวิเคราะหห์ ลักสตู รครอบคลุมสาระการเรยี นรูต้ าม

หลกั สตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั

๒) ครูจัดทาหนว่ ยการจดั ประสบการณ์ที่มีองคป์ ระกอบครบถว้ น เช่น มฐ./

ตบช./สภาพทพ่ี ึงประสงค/์ สาระการเรยี นรู้ (สาระท่คี วรเรยี นรแู้ ละ

ประสบการณ์ สาคญั )/ระยะเวลา/ชือ่ หนว่ ยและขอบข่ายการจัดกิจกรรม

ประจาวนั ตลอดปีการศกึ ษา

๓) ครอู อกแบบการจัดกระบวนการเรียนร้ไู ด้สอดคลอ้ งกับสภาพผู้เรียนและ

หน่วยการจดั ประสบการณ์ที่โรงเรียนกาหนดครบถ้วนและจัดทาไว้เสมอเป็น

ปกติ

๔) ครปู ระเมนิ ผลพัฒนาการเด็กปฐมวยั ดว้ ยเครือ่ งมือและวธิ ีการที่

หลากหลายตามที่กาหนดไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัยฯและแผนการ

ประสบการณ์

๕) ครปู ระเมนิ ผลพฒั นาการเดก็ ปฐมวยั ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4 ดา้ น

๖) ครูนาผลการประเมินมาพิจารณาวเิ คราะหป์ รับปรุงเทคนิค/

กระบวนการประสบการณใ์ หเ้ หมาะสมมากยง่ิ ข้ึน สอดคล้องตาม

ธรรมชาติและพัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั

๗) นาบันทึกฯและผลการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั มาพิจารณา

วิเคราะหเ์ พ่ือปรับปรุงหลักสตู รใหม้ คี วามเหมาะสมยิ่งข้ึน

๘) ครูจัดทารายงาน เสนอรายงานและสะท้อนผลการใชห้ ลักสตู รฯ ใหแ้ ก่

คณะกรรมการพฒั นาหลักสตู รฯ สาธารณชนทราบทุกปีการศกึ ษา

สภาพ/เง่ือนไขท่จี าเป็น สาหรับการใชห้ ลกั สตู รสถานศึกษาปฐมวัยให้ประสบผลสาเร็จ ไดแ้ ก่

…………............................................................................................................................... ...................................

สภาพ/เงื่อนไขที่มีอิทธิพล ตอ่ การจดั ประสบการณ์ของครูผู้สอนปฐมวยั ได้แก่

…………................................................................................................................................................ ..................

สภาพ/เงอื่ นไขท่ีมีอิทธพิ ล ต่อคุณภาพของเด็กปฐมวยั ไดแ้ ก่

…………...........................................................................................................................................................

๘๐

ด้านที่ ๕ การวดั และประเมนิ พฒั นาการ

การปฏบิ ตั ิ ระดับการปฏบิ ตั ิ

รายการประเมิน ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏิบัติ ๔ ๓ ๒ ๑

คณะกรรมการพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษาปฐมวยั ฯ ดาเนนิ การ

โดยให้ครู

๑) ใชร้ ปู แบบ วิธกี ารและเกณฑ์การวดั และประเมินพฒั นาการท่ี

สอดคล้องกบั วิธกี ารจัดกิจกรรมและสอดคล้องตามหลกั สตู ร

สถานศึกษากาหนด

๒) ใชร้ ปู แบบวธิ ีการ และเกณฑ์การวัดประเมนิ ผลสอดคล้องกับแนว

การวัดประเมนิ พัฒนาการตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช

๒๔๖๐

๓) มกี ารวางแผนการประเมินพัฒนาการครอบคลุมพฒั นาการทงั้ ๔

ด้าน และครอบคลมุ ผู้เรียนทกุ คน

๔) ประเมินผู้เรียนด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลายเนน้ การประเมินตาม

สภาพจริง

๕) มีการนาผลการประเมนิ ฯ มาใชพ้ จิ ารณาให้การชว่ ยเหลอื /สง่ เสรมิ

ใหผ้ ู้เรียนมีพฒั นาการทุกดา้ นตามศกั ยภาพอย่างเป็นระบบและ

สมา่ เสมอ

๖) จดั ทาเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา (แบบ อบ.ตา่ ง ๆ) เป็นปจั จบุ นั

๗) มกี ารส่ือสาร/ปะสานความร่วมมอื ผู้ปกครองในการพัฒนาเดก็

แหล่งข้อมลู / รอ่ งรอยสาคัญ

ไดแ้ ก่………………………………………………….………………………………………………………….……………………………………

…………............................................................................................................................... ..................................

…………......................................................................................................................................................... ........

ขอ้ เดน่ ไดแ้ ก่

…………....................................................................................................... ........................................................

…………............................................................................................................................... ...............................

………….............................................................................................................................................................

ขอ้ ควรปรับปรงุ ได้แก่

…………........................................................................................................ ...................................................

…………............................................................................................................................... .............................

๘๑

ด้านที่ ๖ สรุปคณุ ภาพผเู้ รยี นตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงคต์ ามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั
พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ แยกตามรายพัฒนาการและระดับคณุ ภาพ (สรุปภาพรวมทง้ั ชนั้ อนบุ าล
ปีท่ี ๑ ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๒ และชั้นอนบุ าลปที ี่ ๓ )

คำชแ้ี จง
๑. การรายงานคุณภาพผ้เู รยี นเปน็ การรายงานตามมาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องหลักสูตร

สถานศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๔
๒. ผกู้ รอกข้อมูลคือครูประจาชั้น
๓. ให้ท่านกาเคร่ืองหมาย √ ลงในช่อง  และกรอกข้อมูลด้านผูเ้ รยี นที่ตรงกับสภาพทีเ่ ปน็ จริง
๔. การใหร้ ะดับคุณภาพ ๓, ๒ และ ๑ ให้ใชเ้ กณฑร์ ะดับคุณภาพตามคมู่ ือการประเมินพัฒนาการ

นักเรยี นระดับก่อนประถมศึกษาของสานกั งานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๙ ดงั น้ี
ระดับ ๓ หมายถึง ทา, ปฏบิ ตั ิไดอ้ ยา่ งม่นั ใจสง่างาม
ระดบั ๒ หมายถึง ทา, ปฏิบัติไดแ้ ต่ต้องมีผชู้ แ้ี นะหรอื ชว่ ยเหลอื
ระดบั ๑ หมายถงึ ทาหรอื ปฏบิ ตั ิไม่ไดห้ รือไม่ทาเลย

๕. เกณฑ์การพจิ ารณาคุณภาพผเู้ รยี นรายบุคคลในแตล่ ะตัวบง่ ช้ีและสรุปรายมาตรฐานใชฐ้ านนิยม (Mode)
๖. รวมจานวนผเู้ รยี นที่ไดแ้ ต่ละระดับคณุ ภาพ หาค่าเฉล่ียระดับคุณภาพการประเมินของผูเ้ รียนทั้ง
โรงเรียน ดังนี้ ดงั นี้

คา่ เฉล่ียระดับคณุ ภาพ (1xn1) + (2xn2) + (3xn3)

N = จานวNนนกั เรยี นทง้ั หมด

n1 = จานวนนกั เรยี นท่ไี ดร้ ะดับคุณภาพ ๑

n2 = จานวนนกั เรยี นทไ่ี ด้ระดบั คุณภาพ ๒

n3 = จานวนนักเรยี นทีไ่ ดร้ ะดับคุณภาพ ๓

๗. สรุประดับคุณภาพผู้เรยี นทงั้ โรงเรียนรายด้านและสรุปรายรวมทั้ง 12 มาตรฐานใช้

เกณฑ์ค่าเฉล่ียดงั นี้ (สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแหง่ ชาติ, ๒๕๔๕ : ๕๓)

ระดับ ๑ ตา่ ระดบั คะแนนเฉลีย่ นอยู่ในชว่ ง ๑.๐๐– ๑.๖๖

ระดบั ๒ ปกติ ระดบั คะแนนเฉลีย่ นอยใู่ นช่วง ๑.๖๗– ๒.๓๓

ระดบั ๓ ดี ระดับคะแนนเฉล่ยี นอยใู่ นช่วง ๒.๓๔– ๓.๐๐

๘. ในกรณที ร่ี ะดับคุณภาพผเู้ รยี นไม่เป็นทีน่ ่าพอใจให้กาหนดวธิ กี ารในการส่งเสรมิ /พฒั นา

คุณภาพผูเ้ รยี นในแต่ละตัวบง่ ช้ี

๘๒

๙.ในชอ่ งตวั เลข ใหข้ ีดเคร่ืองหมาย √ หรอื - ตามสภาพจรงิ และใส่จานวนนักเรียนท่ีได้ระดับคุณภาพ
นั้น ๆ เชน่ ถา้ นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพ ๓ จานวน ๑๐ คน ก็ขีดเคร่ืองหมาย √ ตรงช่องเลข ๓ และใส่เลข
จานวน ๑๐ ลงในชอ่ งคน

๑๐. นาข้อมูลจากตารางสรุปมาตรฐานทั้ง ๔ ด้านไปสรุปลงในตารางสรปุ ในข้อ ๒ และสรุปภาพรวม ในข้อ ๓
๖.๑ คุณภาพผเู้ รียน ตามมาตรฐานคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ ๑๒ ข้อ (ภาพรวมโรงเรียน)
ระดบั คณุ ภาพ/จานวนคน

มฐ. รายการมาตรฐานคุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ของ ๓ คน ๒ คน ๑ คน แนวทางส่งเสรมิ /พัฒนา
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวยั

ด้านรา่ งกาย

๑ รา่ งกายเจรญิ เติบโตตามวยั และมีสุขนิสัยท่ีดี

๒ กล้ามเนอ้ื ใหญแ่ ละกลา้ มเน้ือเลก็ แข็งแรง
ใชไ้ ด้อยา่ งคล่องแคลว่ และประสาน

สรุปมาตรฐานด้านร่างกาย
ด้านอารมณ์ – จติ ใจ
๓ มีสุขภาพจิตดแี ละมีความสขุ
๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และ

การเคลอ่ื นไหว
๕ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจท่ดี งี าม
สรปุ มาตรฐานดา้ นอารมณ์ – จติ ใจ
ด้านสังคม
๖ มีทกั ษะชวี ติ และปฏบิ ัตติ นตามหลกั ปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
๗ รักธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม และ

ความเป็นไทย
๘ อยู่ร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้อยา่ งมีความสขุ และปฏิบัติ

ตนเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมในระบอบ
ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็
ประมขุ

สรุปมาตรฐานดา้ นสังคม
ดา้ นสติปัญญา

๘๓

มฐ. รายการมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ ระดับคุณภาพ/จานวนคน
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ๓ คน ๒ คน ๑ คน แนวทางส่งเสริม/พัฒนา

๙ ใช้ภาษาสอ่ื สารได้เหมาะสมกับวัย
๑๐ มีความสามารถในการคิดทีเ่ ป็นพนื้ ฐานการ

เรียนรู้
๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์
๑๒ มีเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ การเรยี นรูแ้ ละมี

ความสามารถในการแสวงหาความรไู้ ด้
เหมาะสมกับวัย
สรุปมาตรฐานดา้ นสติปัญญา

๖.๒ สรุปข้อมลู ดา้ นคณุ ภาพผู้เรียนแยกตามรายพัฒนาการและระดับคุณภาพ

พัฒนาการดา้ น ระดับคุณภาพพัฒนาการรวม (จานวน/ร้อยละ)

ระดบั ๓ (คน) ร้อยละ ระดบั ๒ (คน) ร้อยละ ระดบั ๑ (คน) รอ้ ยละ

ร่างกาย

อารมณ์ - จติ ใจ

สังคม

สตปิ ญั ญา

สรุปภาพรวม 4 ดา้ น

ขอบคุณทกุ ท่านท่ีใหค้ วามรว่ มมือ

๘๔

แบบสอบถามความพงึ พอใจของผปู้ กครองที่มตี ่อการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย

พุทธศักราช ๒๕๖๐
โรงเรียนมูลนธิ ิวัดศรอี บุ ลรัตนาราม(ในพระอปุ ถมั ภ์สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ อบุ ลรตั นราชกญั ญาสริ วิ ัฒนาพรรณวดี)

ประจาปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
สานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๑

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คาชแ้ี จง

๑. ผตู้ อบข้อมลู น้ีคือพอ่ แม่ ผปู้ กครองนักเรียนชนั้ อนุบาลปที ่ี ๑ ถงึ ช้ันอนุบาลปีที่ ๓

๒. โปรดกรอกขอ้ มูลลงในช่องวา่ งให้ครบทุกข้อเพ่ือความสมบูรณข์ องระบบฐานข้อมลู

๓. ข้อมลู นีจ้ ะใชใ้ นการรายงานผลการใช้และพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ของโรงเรียนเทา่ นนั้

๔. แบบสอบถามนแ้ี บง่ ออกเป็น ๒ ตอน ได้แก่

ตอนท่ี ๑ ข้อมลู สว่ นตัว

ตอนที่ ๒ มอี งคป์ ระกอบ ๓ ดา้ น ไดแ้ ก่

ดา้ นท่ี ๑ ปจั จยั ส่งเสรมิ สนับสนุน

ด้านท่ี ๒ ดา้ นครูและการจัดกระบวนการจัดประสบการณ์

ด้านที่ ๓ ดา้ นคณุ ภาพผูเ้ รียน

ตอนที่ ๑ ข้อมูลสว่ นตวั

๑. ความสมั พนั ธ์ของทา่ นกบั นกั เรียนชัน้ อนบุ าลปที ี่ ............

( ) พอ่ ( ) แม่

( ) ป,ู่ ยา่ ( ) ตา, ยาย

( ) ลงุ , ปา้ ( ) นา้ , อา

( ) อน่ื ๆ ..........................................................

๒. อายขุ องท่าน

( ) ตา่ กวา่ ๒๐ ปี ( ) ๒๐ – ๓๐ ปี

( ) ๓๑ – ๔๑ ปี ( ) ๔๑ – ๕๐ ปี

( ) ๕๑ – ๖๐ ปี ( ) มากกวา่ ๖๐ ปี

๓. การศกึ ษา

( ) ต่ากว่าอนปุ รญิ ญา ( ) อนุปรญิ ญา

( ) ปรญิ ญาตรี ( ) ปรญิ ญาโท

( ) สงู กวา่ ปรญิ ญาโท

๔. ท่านมปี ระสบการณ์/ความรู้เกยี่ วกับเดก็ อายุ ๐-๖ ปีด้านใดบ้าง (ตอบได้หลายขอ้ )

( ) จติ วทิ ยาพฒั นาการ ( ) การจดั การศกึ ษาสาหรบั เด็กปฐมวัย

( ) วธิ กี ารอบรม เลย้ี งดเู ดก็ ( ) เพลงกลอ่ มเดก็

( ) อน่ื ๆ (โปรดระบ)ุ


Click to View FlipBook Version