The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประชาคมอาเซียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศุภกรณ์ หมายทวี, 2020-02-20 00:39:54

ประชาคมอาเซียน

ประชาคมอาเซียน

รฐั กานต์ จนั ทนิ มาธร

คำนำ

หนงั สือเลม่ น้ีจดั ทำข้ึนโดยมีจุดประสงคเ์ พอื่ ศึกษำเกี่ยวกบั เรื่องประชำคมอำเซียน ให้
ผอู้ ่ำนไดร้ ู้จกั 10 ประเทศอำเซียน ท้งั น้ี ในรำยงำนน้ีมีเน้ือหำประกอบดว้ ยควำมรู้เก่ียวกบั
อำเซียน ควำมเป็นมำของอำเซียน เสำหลกั 3 เสำของประชำคมอำเซียน จุดประสงคห์ ลกั ของ
อำเซียน กฎบตั รอำเซียน คำขวญั ของอำเซียน สัญลกั ษณ์อำเซียน เมืองหลวงของแตล่ ะประเทศ
ในอำเซียน อำชีพท่ีสำมำรถ ทำงำนไดอ้ ยำ่ งเสรีใน 10 ประเทศอำเซียน ชุดประจำชำติ ของ 10
ประเทศอำเซียน ผนู้ ำแต่ละ่ ประเทศอำเซียน เศรษฐกิจของแต่ละประเทศในประชำคม
เศรษฐกิจอำเซียน

ผจู้ ดั ทำไดเ้ ลือกหวั ขอ้ น้ีในกำรทำรำยงำน เนื่องมำจำกเป็นเร่ืองที่น่ำสนใจ รวมท้งั แสดง
ใหเ้ ห็นถึงอำเซียน ผจู้ ดั ทำตอ้ งขอขอบคุณอำจำรย์ ภทั รภร ละมำ้ ยวรรณ ผใู้ หค้ วำมรู้ และ
แนวทำงกำรศึกษำ หวงั วำ่ รำยงำนฉบบั น้ีจะใหค้ วำมรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผอู้ ำ่ นทุก ๆ ท่ำน
หำกมีขอ้ ผิดพลำดประกำรใด ผจู้ ดั ทำขออภยั ไว้ ณ ท่ีน้ีดว้ ย

นำย รัฐกำนต์ จนั ทินมำธร
ผจู้ ดั ทำ

สำรบญั 1
2
อำเซียน 3
ควำมเป็ นมำของอำเซียน 5
เสำหลกั 3 เสำของประชำคมอำเซียน 6
จุดประสงคห์ ลกั ของอำเซียน 10
กฎบตั รอำเซียน 11
คำขวญั ของอำเซียน 13
สัญลกั ษณ์อำเซียน 23
เมืองหลวงของแตล่ ะประเทศ ในอำเซียน 31
อำชีพที่สำมำรถ ทำงำนไดอ้ ยำ่ งเสรีใน 10 ประเทศอำเซียน 41
ชุดประจำชำติ ของ 10 ประเทศอำเซียน 51
ผนู้ ำแตล่ ่ะประเทศอำเซียน 61
เศรษฐกิจของแตล่ ะประเทศในประชำคมเศรษฐกิจอำเซียน
อำ้ งอิง

อำเซียน

อำเซียน (ASEAN) ประกอบดว้ ย 10 ประเทศ ไดแ้ ก่ ไทย (2510) สิงคโปร์ (2510) อินโดนีเซีย
(2510) มำเลเซีย (2510) ฟิ ลิปปิ นส์ (2510) บรูไน (2527) เวียดนำม (2538) ลำว (2540) พม่ำ
(2540) กมั พชู ำ (2542) มีประชำกรรวมกนั ประมำณ 570 ลำ้ นคน มีขนำดเศรษฐกิจที่โตมำก เมื่อ
เดือนตลุ ำคม 2546 ผนู้ ำอำเซียนไดร้ ่วมลงนำมในปฏิญญำวำ่ ดว้ ยควำมร่วมมืออำเซียน ที่เรียกวำ่
ขอ้ ตกลงบำหลี 2 เห็นชอบใหจ้ ดั ต้งั ประชำคมอำเซียน (ASEAN Community) คือกำรให้
อำเซียนรวมตวั เป็นชุมชนหรือประชำคมเดียวกนั ใหส้ ำเร็จภำยในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) แต่
ตอ่ มำไดต้ กลงร่นระยะเวลำจดั ต้งั ใหเ้ สร็จในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) เน่ืองจำกกำรแข่งขนั
รุนแรง เช่น อตั รำกำรเติบโตทำงดำ้ น
เศรษฐกิจของจีนและอินเดียสูงมำก
ในช่วงที่ผำ่ นมำ ในกำรประชุมสุด
ยอดอำเซียนคร้ังที่ 14 ท่ีชะอำ หวั หิน
เม่ือวนั ท่ี 1 มีนำคม 2552 ผนู้ ำอำเซียน
ไดล้ งนำมรับรองปฏิญญำชะอำ
หวั หินวำ่ ดว้ ยแผนงำนจดั ต้งั
ประชำคมอำเซียน (ค.ศ. 2009-2015)
เพอ่ื จดั ต้งั ประชำคมอำเซียนภำยในปี
2558

ควำมเป็ นมำของอำเซียน

สมำคมประชำชำติแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian
Nations หรือ ASEAN) ก่อต้งั ข้ึนโดยปฏิญญำกรุงเทพ (Bangkok Declaration) หรือ
ปฏิญญำอำเซียน (ASEAN Declaration) เม่ือวนั ท่ี 8 สิงหำคม 2510 โดยมีประเทศสมำชิก

5 ประเทศ ประกอบดว้ ย
อินโดนีเซีย มำเลเซีย ฟิ ลิปปิ นส์
สิงคโปร์ และไทย

เพื่อส่งเสริมควำมร่วมมือทำงดำ้ น
กำรเมือง เศรษฐกิจและสงั คม
ของประเทศในภูมิภำคเอเชีย
ตะวนั ออกเฉียงใต้ ต่อมำมี
ประเทศสมำชิกเพมิ่ เติม ไดแ้ ก่ บรูไน
ดำรุส-ซำลำม เวยี ดนำม ลำว เมียนมำร์ และกมั พูชำ ตำมลำดบั จึงทำใหป้ ัจจุบนั อำเซียน
มีสมำชิก 10 ประเทศ

เสำหลกั 3 เสำของประชำคมอำเซียน

1 . ประชาคมการเมืองและความม่ันคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC)
ม่งุ ใหป้ ระเทศในภูมิภำคอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสนั ติ มี
ระบบแกไ้ ขควำมขดั แยง้ ระหวำ่ งกนั ไดด้ ว้ ยดี มี
เสถียรภำพอยำ่ งรอบดำ้ น มีกรอบควำมร่วมมือเพือ่
รับมือกบั ภยั คุกคำมควำมมนั่ คงท้งั รูปแบบเดิมและ
รูปแบบใหม่ๆ เพอื่ ใหป้ ระชำชนมีควำมปลอดภยั
และมน่ั คง

2.ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC)
มงุ่ ใหเ้ กิดกำรรวมตวั กนั ทำงเศรษฐกิจ

และกำรอำนวยควำมสะดวกในกำรติดตอ่ คำ้ ขำยระหวำ่ งกนั อนั จะทำใหภ้ ูมิภำคมีควำมเจริญมงั่
คง่ั และสำมำรถแข่งขนั กบั ภมู ิภำคอ่ืนๆ

ไดเ้ พื่อควำมอยดู่ ีกินดีของประชำชนในประเทศอำเซียน

ประชำคมอำเซียน 4

3. ประชาคมสังคมและวฒั นธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC)
เพือ่ ใหป้ ระชำชนแต่ละประเทศอำเซียนอยรู่ ่วมกนั ภำยใตแ้ นวคิดสงั คมท่ีเอ้ืออำทร มีสวสั ดิกำร

ทำงสงั คมท่ี ดี และมีควำมมนั่ คงทำงสงั คม

จุดประสงคห์ ลกั ของอำเซียน

1.ส่งเสริมควำมร่วมมือและควำมช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในทำงเศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม
เทคโนโลยี วิทยำศำสตร์ และกำรบริหำร
2.ส่งเสริมสันติภำพและควำมมน่ั คงส่วนภมู ิภำค
3.เสริมสร้ำงควำมเจริญรุ่งเรืองทำงเศรษฐกิจพฒั นำกำร
ทำงวฒั นธรรมในภมู ิภำค
4.ส่งเสริมใหป้ ระชำชนในอำเซียนมีควำมเป็นอยแู่ ละคุณภำพชีวิตที่ดี
5.ใหค้ วำมช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในรูปของกำรฝึ กอบรมและกำรวิจยั และส่งเสริมกำรศึกษำ
ดำ้ นเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
6.เพ่มิ ประสิทธิภำพของกำรเกษตรและอตุ สำหกรรม กำรขยำยกำรคำ้ ตลอดจนกำรปรับปรุง
กำรขนส่งและกำรคมนำคม
7.เสริมสร้ำงควำมร่วมมืออำเซียนกบั ประเทศภำยนอก องคก์ ำร ควำมร่วมมือแห่งภมู ิภำคอื่น ๆ
และ องคก์ ำรระหวำ่ งประเทศ

กฎบตั รอำเซียน

กฎบตั รอำเซียน เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอำเซียนท่ีจะทำใหอ้ ำเซียนมีสถำนะเป็น
นิติบคุ คล เป็นกำรวำงกรอบทำงกฎหมำยและโครงสร้ำงองคก์ รใหก้ บั อำเซียน โดยนอกจำกจะ
ประมวลสิ่งท่ีถือเป็นค่ำนิยม หลกั กำร และแนวปฏิบตั ิในอดีตของอำเซียนมำประกอบกนั เป็น
ขอ้ ปฏิบตั ิอยำ่ งเป็นทำงกำรของประเทศสมำชิกแลว้ ยงั มีกำรปรับปรุงแกไ้ ขและสร้ำงกลไก
ใหม่ข้ึน พร้อมกำหนดขอบเขตหนำ้ ที่ควำมรับผดิ ชอบขององคก์ รที่สำคญั ในอำเซียน ตลอดจน
ควำมสัมพนั ธใ์ นกำรดำเนินงำนขององคก์ รเหล่ำน้ี ใหส้ อดคลอ้ งกบั ควำมเปล่ียนแปลงในโลก
ปัจจุบนั เพื่อเพม่ิ ประสิทธิภำพของอำเซียนใหส้ ำมำรถดำเนินกำรบรรลุตำมวตั ถุประสงคแ์ ละ
เป้ำหมำยโดยเฉพำะอยำ่ งยงิ่ กำรขบั เคลื่อนกำรรวมตวั ของประชำคมอำเซียน ใหไ้ ดภ้ ำยในปี
พ.ศ.2558 ตำมท่ีผนู้ ำอำเซียนไดต้ กลงกนั ไว้

7 ประชำคมอำเซียน
วตั ถุประสงคข์ องกฎบตั รอำเซียน คือ ทำใหอ้ ำเซียนเป็นองคก์ รที่มีประสิทธิกำพ มี
ประชำชนเป็นศนู ยก์ ลำง และเคำรพกฎกติกำในกำรทำงำนมำกข้ึน นอกจำกน้ี กฎบตั รอำเซียน
จะใหส้ ถำนะนิติบคุ คลแก่อำเซียนเป็นองคก์ รระหวำ่ งรัฐบำล (intergovernmental organization)
โครงสร้ำงและสำระสำคญั ของกฎบตั รอำเซียน ประกอบดว้ ยบทบญั ญตั ิ 13 หมวด ไดแ้ ก่
หมวดท่ี 1 ควำมมุ่งประสงคแ์ ละหลกั กำรของอำเซียน
หมวดที่ 2 สภำพบคุ คลตำมกฏหมำยของอำเซียน
หมวดท่ี 3 สมำชิกภำพ (รัฐสมำชิก สิทธิและพนั ธกรณีของรัฐสมำชิก และกำรรับสมำชิกใหม่
หมวดท่ี 4 โครงสร้ำงองคก์ รของอำเซียน
หมวดท่ี 5 องคก์ รที่มีควำมสมั พนั ธ์กบั อำเซียน
หมวดที่ 6 กำรคุม้ กนั และเอกสิทธ์ิ
หมวดท่ี 7 กระบวนกำรตดั สินใจ
หมวดท่ี 8 กำรระงบั ขอ้ พพิ ำท
หมวดท่ี 9 งบประมำณและกำรเงิน
หมวดท่ี 10 กำรบริหำรและข้นั ตอนกำรดำเนินงำน
หมวดที่ 11 อตั ลกั ษณ์และสัญลกั ษณ์ของอำเซียน
หมวดท่ี 12 ควำมสมั พนั ธก์ บั ภำยนอก
หมวดที่ 13 บทบญั ญตั ิทวั่ ไปและบทบญั ญตั ิสุดทำ้ ย

ประชำคมอำเซียน 8

กฎบตั รอำเซียนช่วยใหอ้ ำเซียนทำงำนไดอ้ ยำ่ งมีประสิทธิภำพมำกข้ึนไดอ้ ยำ่ งไร มีขอ้ กำหนด
ใหมๆ่ ท่ีช่วยปรับปรุงโครงสร้ำงกำรทำงำนและกลไกตำ่ ง ๆ ของอำเซียนใหม้ ีประสิทธิภำพ

มำกข้ึน และเพม่ิ ควำมยดื หยนุ่ ในกำรแกไ้ ขปัญหำ เช่น

1. กำหนดใหเ้ พิม่ กำรประชุมสุดยอดอำเซียนจำกเดิมปี ละ 1 คร้ัง เป็นปี ละ 2 คร้ัง เพ่ือใหผ้ นู้ ำมี
โอกำสหำรือกนั มำกข้ึน พร้อมท้งั แสดงใหเ้ ห็นถึงเจตจำนงทำงกำรเมืองที่จะผลกั ดนั อำเซียน
ไปสู่กำรรวมตวั กนั เป็นประชำคมในอนำคต

2. มีกำรต้งั คณะมนตรีประจำประชำคมอำเซียนตำมเสำหลกั ท้งั 3 ดำ้ น คือ กำรเมืองควำมมน่ั คง
เศรษฐกิจ สังคมและวฒั นธรรม

3. กำหนดใหป้ ระเทศสมำชิกแตง่ ต้งั
เอกอคั รำชฑตู ประจำอำเซียนไปประจำท่ี
กรุงจำกำร์ตำ ซ่ึงไม่เพียงแตจ่ ะแสดงให้
เห็นถึงควำมต้งั ใจแนวแน่ของอำเซียนท่ีจะ
ทำงำนร่วมกนั อยำ่ งใกลช้ ิดเพือ่ มงุ่ ไปสู่กำรรวมตวั กนั เป็นประชำคมอำเซียนในอนำคต และยงั
ช่วยลดคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรเดินทำงไปร่วมประชุมและเพอ่ื เพ่มิ ประสิทธิภำพในกำรประสำนงำน
ระหวำ่ งประเทศสมำชิก

9 ประชำคมอำเซียน
4. หำกประเทศสมำชิกไมส่ ำมำรถตกลงกนั ไดโ้ ดยหลกั ฉนั ทำมติ ใหใ้ ชก้ ำรตดั สินใจรูปแบบ
อื่น ๆ ไดต้ ำมท่ีผนู้ ำกำหนด
5. เพม่ิ ควำมยดื หยนุ่ ในกำรตีควำมหลกั กำรไมแ่ ทรกแซงกิจกำรภำยใน โดยมีขอ้ กำหนดวำ่ หำก
เกิดปัญหำท่ีกระทบต่อผลประโยชนส์ ่วนร่วมของอำเซียน หรือเกิดสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน ประเทศ
สมำชิกตอ้ งหำรือกนั เพอื่ แกป้ ัญหำ และกำหนดใหป้ ระธำนอำเซียนเสนอวิธีกำรแกไ้ ขปัญหำ
ดงั กล่ำว

ควำมสำคญั ของกฎบตั รอำเซียนตอ่ ประเทศไทย

กฎบตั รอำเซียน ใหค้ วำมสำคญั กบั กำรปฏิบตั ิตำมพนั ธกรณีตำ่ ง ๆ ของประเทศสมำชิก ซ่ึงจะ
ช่วยสร้ำงเสริมหลกั ประกนั ใหก้ บั ไทยวำ่ จะสำมำรถไดร้ ับผลประโยชน์ตำมท่ีตกลงกนั ไวอ้ ยำ่ ง
เตม็ เมด็ เตม็ หน่วย นอกจำกน้ี กำรปรับปรุงกำรดำเนินงำนและโครงสร้ำงองคก์ รของอำเซียนให้
มีประสิทธิภำพมำกข้ึน และกำรเสริมสร้ำงควำมร่วมมือในท้งั 3 เสำหลกั ของประชำคมอำเซียน
จะเป็นฐำนสำคญั ที่จะทำใหอ้ ำเซียนสำมำรถตอบสนองต่อควำมตอ้ งกำรและผลประโยชนข์ อง
รัฐสมำชิก รวมท้งั ยกสถำนะและอำนำจต่อรอง และภำพลกั ษณ์ของประเทศสมำชิกในเวที
ระหวำ่ งประเทศไดด้ ียง่ิ ข้ึน ซ่ึงจะเอ้ือใหไ้ ทยสำมำรถผลกั ดนั และไดร้ ับผลประโยชน์ดำ้ นตำ่ ง ๆ
เพิม่ มำกข้ึนดว้ ย

คำขวญั ของอำเซียน

“ One Vision, One Identity, One Community”
หน่ึงวสิ ยั ทศั น์ หน่ึงอตั ลกั ษณ์ หน่ึงประชำคม

สญั ลกั ษณอ์ ำเซียน

ตรำสญั ลกั ษณ์ ตรำอำเซียนเป็น รูปมดั รวงขำ้ ว สีเหลืองบนพ้นื วงกลมสี
แดงลอ้ มรอบดว้ ยวงกลมสีขำว และสีน้ำเงิน รวงขำ้ วสีเหลือง 10 ตน้
หมำยถึง ควำมใฝ่ ฝันของบรรดำสมำชิกในเอเซียตะวนั ออกเฉียงใตท้ ้งั 10
ประเทศ ใหม้ ีอำเซียนท่ีผกู พนั กนั อยำ่ งมีมิตรภำพและเป็นหน่ึงเดียว

วงกลม เป็นสัญลกั ษณ์แสดงถึง
เอกภำพของอำเซียนตวั อกั ษรคำวำ่
asean สีน้ำเงิน อยใู่ ตภ้ ำพรวงขำ้ ว
แสดงถึงควำมม่งุ มนั่ ที่จะทำงำน
ร่วมกนั เพอ่ื ควำมมนั่ คง สันติภพ
เอกภำพ และควำมกำ้ วหนำ้ ของ
ประเทศสมำชิกอำเซียน

สีเหลือง : หมำยถึง ควำมเจริญรุ่งเรือง

สีแดง : หมำยถึง ควำมกลำ้ หำญและกำรมีพลวตั ิ

สีขำว : หมำยถึง ควำมบริสุทธ์ิ

สีน้ำเงิน : หมำยถึง สนั ติภำพและควำมมน่ั คง

ประชำคมอำเซียน 12

ธงอำเซียน
ธงอำเซียนเป็นธงพ้นื สีน้ำเงิน มีดวงตรำอำเซียนอยตู่ รงกลำง แสดง

ถึงเสถียรภำพ สันติภำพ ควำมสำมคั คี และพลวตั ของอำเซียนสีของธง
ประกอบดว้ ย สีน้ำเงิน สีแดง สีขำว และสีเหลือง ซ่ึงเป็นสีหลกั ในธงชำติ
ของบรรดำประเทศสมำชิกของอำเซียนท้งั หมด
วนั อำเซียน วนั ท่ี 8 สิงหำคม ของทุกปี

เพลงประจำอำเซียน เพลง THE ASEAN WAY

เมืองหลวงของแต่ละประเทศ ในอำเซียน

ประเทศไทย
“กรุงเทพมหำนคร”

กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของ
ประเทศไทย และยงั เป็นเมืองที่มีช่ือ
ยำวที่สุดในโลก และเป็นท่ีคำดวำ่ จะ
เป็น เมืองหลวงอำเซียน อยำ่ งไม่
เป็นทำงกำร เนื่องจำกทำท่ีต้งั อยตู่ รง
กลำงของอำเซียน
กรุงเทพมหำนคร เป็นศูนยก์ ลำงกำรปกครอง เศรษฐกิจและกำรคำ้ ของไทย
เป็นเมืองที่มีควำมทนั สมยั และยงั รักษำอดีตอนั เก่ำแก่ไวไ้ ดใ้ นเวลำเดียวกนั มี
พ้ืนท่ีประมำณ 1,500 ตร.กม. มีแหล่งทอ่ งเที่ยวท่ีน่ำสนใจหลำยแห่ง ไม่วำ่ จะ
เป็น พระบรมมหำรำชวงั พระที่นง่ั วมิ ำนเมฆและวดั ต่ำงๆ รวมไปถึง
หำ้ งสรรพสินคำ้ อนั ทนั สมยั ซ่ึงดึงดูดนกั ท่องเท่ียวต่ำงชำติใหเ้ ดินทำงเขำ้ มำ
ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ไดเ้ ป็นจำนวนมำก

ประชำคมอำเซียน 14

ประเทศลำว
“เวยี งจนั ทน”์

ประเทศลำว ถือเป็นประเทศท่ี
มีควำมสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกบั ประเทศ
ไทยมำกที่สุด ภำษำลำวมีควำม
ใกลเ้ คียงกบั ภำษำไทยมำก
สำมำรถสื่อสำรกนั ได้
เขำ้ ใจ ประเทศลำวมี
พรมแดนติดต่อกบั ไทยทำงดำ้ นตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีแม่น้ำโขงก้นั เขตแดน
พ้ืนท่ีส่วนใหญเ่ ป็นภูเขำและที่รำบสูง และไม่มีทำงออกสู่ทะเล มีนครหลวง
เป็นเมืองหลวงอยทู่ ำงตอนกลำงของประเทศ จำกเมืองไทยจะไปเวียงจนั ทน์
สำมำรถขำ้ มสะพำนมิตรภำพไทย-ลำว แห่งท่ี 1 ผำ่ นทำงจงั หวดั หนองคำยไป
ได้ เมืองเวยี งจนั ทร์มีแหล่งท่องเท่ียวน่ำสนใจหลำยแห่ง เช่น ประตูชยั พระ
ธำตุหลวง หอพระแกว้ เป็นตน้ และเมืองหลวงเวยี งจนั ทร์เป็นเมืองท่ีแปลก
เพรำะวำ่ เป็นเมืองหลวงท่ีอยใู่ กลช้ ำยแดนไทยมำก (ปกติเมืองหลวงจะไม่อยู่
ใกลก้ บั ชำยแดนประเทศเพอ่ื นบำ้ น)

15 ประชำคมอำเซียน

ประเทศกมั พชู ำ
“พนมเปญ”

กรุงพนมเปญ เป็นเมืองหลวง
ของกมั พชู ำ ซ่ึงมีอำณำเขต
ติดต่อกบั ประเทศไทยทำง
ทิศตะวนั ออก และทิศ
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ประเทศ
กมั พชู ำมีสิ่งมหศั จรรยข์ องโลกซ่ึงเป็นท่ีรู้จกั กนั ดีคือปรำสำทหิน
นครวดั และนครธมในเมืองเสียมเรียบ ซ่ึงเป็นสิ่งก่อสร้ำงในอำริย
ธรรมเขมรโบรำณ ส่วนในกรุงพนมเปญซ่ึงเป็นเมืองหลวงน้นั
เป็นศูนยก์ ลำงกำรคำ้ และอุตสำหกรรม และยงั เป็นศูนยร์ ำชกำร
ของประเทศ มีชื่อเสียงในฐำนะที่มีสถำปัตยกรรมแบบเขมร
ด้งั เดิม

ประชำคมอำเซียน 16

ประเทศเวยี ดนำม
“ฮำนอย”

เวยี ดนำมเป็นอีกหน่ึง
ประเทศในประชำคมอำเซียน
ท่ีมีกำรเจริญเติบโตทำง
เศรษฐกิจอยำ่ งรวดเร็ว มีกรุง
ฮำนอยเป็นเมืองหลวง และยงั เป็นเมืองท่องเที่ยวของเวียดนำม
ฮำนอยเป็นเมืองเก่ำแกอ่ ำยนุ บั พนั ปี เป็นเมืองหลวงท่ีมีขนำดเลก็ ท่ี
มีเสน่ห์และเป็นแหลง่ ท่องเท่ียวที่มีชื่อเสียงแห่งหน่ึงของเอเชีย ตวั
เมืองต้งั อยรู่ ิมฝ่ังแม่น้ำแดง มีวดั เก่ำแก่และทะเลสำบงดงำมหลำย
แห่งเป็ นแหล่งท่องเท่ียว

17 ประชำคมอำเซียน

ประเทศเมียนมำร์
“เนปิ ดอว”์

ประเทศเมียนมำร์ หรือพม่ำ มีเขตแดนติดตอ่ กบั
ประเทศไทยทำงทิศตะวนั ตก แต่เดิมเมือง
หลวงของพมำ่ คือกรุงยำ่ งกงุ้ แตเ่ ม่ือปี
2549 พมำ่ ไดย้ ำ้ ยเมืองหลวงและหน่วย
รำชกำรตำ่ งๆ มำอยทู่ ่ีเมืองเนปิ ดอว์ ซ่ึงอยู่
ห่ำงจำกยำ่ งกุง้ รำว 350 ก.ม. เพอ่ื ควำม

สะดวกในกำรบริหำรงำน พมำ่ เป็นประเทศท่ีมี
ทรัพยำกรธรรมชำติที่อุดมสมบรู ณ์ และมีแหลง่ ทอ่ งเที่ยวทำงวฒั นธรรมท่ีงดงำมไปดว้ ยศรัทธำ
ในศำสนำพทุ ธ ไม่วำ่ จะเป็นเจดียช์ เวดำกอง พระธำตอุ ินทร์แขวน หรือนครแห่งเจดียท์ ่ีเมือง
พุกำม แมจ้ ะถกู ปกครองประเทศดว้ ยระบอบเผด็จกำรทหำรมำเป็นเวลำนำน แตป่ ัจจุบนั พมำ่
เริ่มเปิ ดประเทศออกสู่สังคมประชำธิปไตย พม่ำจึงเป็นประเทศท่ีน่ำจบั ตำมองมำกท่ีสุดประเทศ
หน่ึง

ประชำคมอำเซียน 18

ประเทศมำเลเซีย
“กวั ลำลมั เปอร์”

มำเลเซียเป็นประเทศที่มีเขตติดต่อกบั ไทยทำงดำ้ นทิศใต้ พ้ืนท่ีแบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคือมำเลเซีย
ตะวนั ตก อยบู่ นคำบสมุทรมลำยู และมำเลเซียตะวนั ออกต้งั อยบู่ นเกำะบอร์เนียว เมืองหลวง
ต้งั อยบู่ นคำบสมุทรมลำยชู ่ือกรุงกวั ลำลมั เปอร์ ซ่ึงเป็นเมืองท่ีทนั สมยั และมีขนำดใหญ่ที่สุดใน
ประเทศ กวั ลำลมั เปอร์ถือเป็นเมืองทอ่ งเท่ียวสำคญั ของมำเลเซีย เมืองน้ียงั เป็ นท่ีต้งั ของ “ตึกเป
โตรนำส” ตึกแฝดที่เคยเป็ นตึกที่สูงท่ีสุดในโลกในช่วงเวลำหน่ึง (ปัจจุบนั เป็นตึกที่สูงที่สุด
อนั ดบั 6 ของโลก) มีควำมสูงถึง 88 ช้นั หรือ 452 ม.

19 ประชำคมอำเซียน

ประเทศบรูไนดำรุสซำลำม
“บนั ดำร์เสรีเบกำวนั ”

ประเทศบรูไน หรือช่ือเป็นทำงกำรวำ่ “เนกำรำบรูไนดำรุสซำลำม” ต้งั อยทู่ ำง
ทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือของเกำะบอร์เนียว ดำ้ นหน่ึงติดทะเลจีนใต้ ส่วนที่
เหลือถกู ลอ้ มรอบดว้ ยรัฐซำรำวกั ของมำเลเซียตะวนั ออก เป็นประเทศขนำด
เลก็ มีพ้ืนท่ีเพยี ง 5,765 ตร.กม. แต่เป็นแหล่งน้ำมนั ดิบอนั อุดมสมบูรณ์ บรูไน
จึงเป็ นประเทศท่ีร่ ำรวยจำกกำรส่งออกน้ ำมนั

ประชำคมอำเซียน 20

ประเทศสิงคโปร์
“สิงคโปร์”

สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีขนำด
เลก็ ที่สุดในกลุ่มประชำคมอำเซียน
มีพ้นื ที่เพยี ง 699.4 ตร.กม. หรือมี
ขนำดเท่ำๆ กบั เกำะภูเก็ต เป็นเกำะ
ท่ีต้งั อยทู่ ำงตอนใตข้ องคำบสมทุ ร
มำเลย์ และมีประชำกรรำว 5.08 ลำ้ นคน (2553) แตแ่ มจ้ ะมีขนำดเลก็ และ
ประชำกรไมม่ ำกนกั แต่สิงคโปร์นบั เป็นประเทศที่มีควำมเจริญทำงเศรษฐกิจ
สูงท่ีสุดในยำ่ นน้ี

22 ประชำคมอำเซียน

ประเทศอินโดนีเซีย
“จำกำร์ตำ”

อินโดนีเซียถือเป็นประเทศท่ีเป็นหมูเ่ กำะ
ขนำดใหญท่ ่ีสุดในโลก มีพ้ืนท่ีประมำณ 5 ลำ้ น
ตร.กม. และมีประชำกรรำว 243 ลำ้ นคน (2553)
ส่วนใหญน่ บั ถือศำสนำอิสลำม มีแหล่ง
ท่องเที่ยวทำงธรรมชำติท่ีอุดมสมบูรณ์ และแหลง่ ท่องเที่ยวทำงวฒั นธรรมระดบั โลก ไม่วำ่ จะ
เป็นเกำะบำหลี บโุ รพุทโธ ฯลฯ อินโดนีเซียมีเมืองจำกำร์ตำเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่
ที่สุดของประเทศ ต้งั อยบู่ ริเวณชำยฝั่งทะเลดำ้ นตะวนั ตกเฉียงเหนือของเกำะชวำ เป็นศูนยก์ ลำง
ดำ้ นกำรปกครองและเศรษฐกิจของประเทศ

ประชำคมอำเซียน 23

ประเทศฟิ ลิปปิ นส์

“มะนิลำ”

ประเทศฟิ ลิปปิ นส์ เป็นประเทศท่ีประกอบดว้ ยหมูเ่ กำะตำ่ งๆ กวำ่ 7,000 เกำะ มี “กรุง
มะนิลำ” เป็นเมอื งหลวง ต้งั อยบู่ นเกำะลซู อนซ่ึงเป็นเกำะท่ีใหญ่ท่ีสุดและต้งั อยทู่ ำง

เหนือสุดของฟิ ลิปปิ นส์ เนื่องจำกฟิ ลิปปิ นส์เป็น
ประเทศอำณำนิคมของสเปนและ
สหรัฐอเมริ กำมำเป็ นเวลำนำน
ประชำกรส่วนใหญน่ บั ถือศำสนำ
คริสต์ ในเมืองมีโบสถค์ ริสตเ์ ก่ำแก่

งดงำมหลำยแห่ง

อำชีพท่ีสำมำรถ ทำงำนไดอ้ ยำ่ งเสรีใน 10 ประเทศอำเซียน

หลำยคนคงไดย้ นิ เรื่องกำรรวมตวั กนั ของประเทศ 10
ประเทศ หรือที่เรำเรียนกนั วำ่ ประชำคมอำเซียน ที่จะเกิดข้ึนใน
อนำคตอนั ใกลน้ ้ี เพ่ือเสริมควำมเขม้ แขง็ ทำงเศรษฐกิจ ท้งั ในกำร
ตอ่ รองเรื่องกำรคำ้ และเปิ ดกำรคำ้ อยำ่ งเสรี ซ่ึงแน่นอนวำ่ ยอ่ มส่งผล
ในหลำยอำชีพอยำ่ งแน่นอน มีอำชีพอะไรบำ้ ง ท่ีสำมำรถยำ้ ยแรงงำนไดอ้ ยำ่ งเสรี

อำชีพท่ี 1 แพทย์

เนื่องจำกปัญหำกำรขำดแคลนบคุ ลำกร
ทำงดำ้ นสำธำรณสุข หำกมีกำรเปิ ด
ประเทศ นนั่ หมำยถึงตอ้ งรองรับผปู้ ่ วยท้งั
ชำวไทยและชำวตำ่ งชำติ ซ่ึงบคุ ลำกรอำจ
ไมเ่ พียงพอได้ จึงเกิดขอ้ ตกลง ที่จะ
สำมำรถยำ้ ยบุคลำกรทำงกำรแพทยไ์ ด้
อยำ่ งถูกกฎหมำย

ประชำคมอำเซียน 24

อำชีพที่ 2 ทนั ตแพทย์

เน่ืองจำก ทนั ตแพทยค์ นเดียวสำมำรถเปิ ด
คลินิกประกอบอำชีพได้ ขณะที่คนตำ่ งชำติที่
อยใู่ นไทย ตอ้ งกำรทนั ตแพทยท์ ี่พดู
ภำษำองั กฤษได้ นอกจำกน้ีสิงคโปร์ซึงขำด
แคลนทนั ตแพทย์ มีกำรเปิ ดโอกำสใหท้ นั ต
แพทยต์ ำ่ งชำติแปลงสญั ชำติเป็นสิงคโปร์ได้
ในตอนน้ีจึงมีทนั ตแพทยจ์ ำกยโุ รปเขำ้ ไป
ทำงำนในสิงคโปร์เป็นจำนวนมำก ซ่ึงผู้
ประกอบอำชีพทนั ตแพทยใ์ นไทยจะไดร้ ับผลกระทบเน่ืองจำกทนั ตแพทยจ์ ำกยโุ รป
จะผำ่ นมำทำงสิงคโปร์และเขำ้ ไทยไดง้ ่ำย

25 ประชำคมอำเซียน

อำชีพท่ี 3 นกั บญั ชี

นกั บญั ชี เป็นอีกหน่ึงอำชีพท่ีสำมำรถบอกถึงแนวโนม้ ทำงเศรษฐกิจและ
ทิศทำง ควำมเป็นไปท่จี ะเกิดข้ึนของประเทศน้นั ๆ ดงั น้นั จึงนบั เป็นสิ่งจำเป็นตอ่ กำร
วำงแผนกำรลงทนุ ในอนำคตมำก

ประชำคมอำเซียน 26

อำชีพที่ 4 สถำปนิก

เกิดกำรจดั ทำกรอบกำรทำงำนร่วมกนั ระหวำ่ งสถำปนิกไทยกบั สถำปนิกอำเซียน (AA -
ASEAN Architect) โดยเนน้ ในเร่ือง กำรสร้ำงเอกลกั ษณ์ในกำรออกแบบ เช่น ประเทศไทยมี
ภำพลกั ษณ์ ที่เป็นจุดแขง็ คือ กำรออกแบบรีสอร์ท
ที่พกั อำศยั ฯลฯ ซ่ึงจะมี กำรผลกั ดนั ใหเ้ กิด
ควำมชดั เจนเป็นหน่ึงเดียวมำกข้ึน

27 ประชำคมอำเซียน

อำชีพที่ 5 วศิ วกร

วิศวกร สำมำรถแบง่ ออกไปไดห้ ลำกหลำยแขนง จึงเป็นกำลงั สำคญั มำก ใน
กำรพฒั นำในประเทศอตุ สำหกรรมเช่นน้ี

ประชำคมอำเซียน 28

อำชีพท่ี 6 พยำบำล

อำชีพพยำบำลเองเป็นอีกหน่ึงอำชีพที่มีกำรสร้ำงองคก์ รศนู ยก์ ลำง ช่วยกำหนดกรอบ
กำรทำงำนร่วมกนั ของประเทศท้งั 10 ประเทศเพอ่ื ใหไ้ ดม้ ำตรฐำน

29 ประชำคมอำเซียน

อำชีพท่ี 7 นกั สำรวจ

ทรัพยำกรเป็นสิ่งสำคญั จึงเป็นอีกหน่ึงอำชีพท่ีเป็นท่ีตอ้ งกำร คำดกนั วำ่ เม่ือเปิ ดประเทศ จะ
ส่งผลใหค้ ่ำตอบแทนยงิ่ สูงมำกข้ึนไปอีก

ประชำคมอำเซียน 30

อำชีพที่ 8 บุคลำกรทำงกำรท่องเท่ียวและกำรบริกำร

เน่ืองจำกเป็นอำชีพท่ีสำมำรถช่วยสร้ำงภำพลกั ษณ์ที่ดีและสำมำรถ ดึงรำยไดใ้ หก้ บั
ประเทศอยำ่ งมหำศำล

ชุดประจำชำติ ของ 10 ประเทศอำเซียน

ชุดประจำชำติของประเทศมำเลเซีย

สำหรับชุดประจำชำติมำเลเซียของผชู้ ำย
เรียกวำ่ บำจู มลำยู (Baju Melayu)
ประกอบดว้ ยเส้ือแขนยำวและกำงเกงขำ
ยำวท่ีทำจำกผำ้ ไหม ผำ้ ฝ้ำย หรือโพลีเอ
สเตอร์ท่ีมีส่วนผสมของผำ้ ฝ้ำย ส่วนชุดของผหู้ ญิงเรียกวำ่ บำจูกุรุง (Baju Kurung)
ประกอบดว้ ยเส้ือคลมุ แขนยำว และ
กระโปรงยำว

ประชำคมอำเซียน 32

ชุดประจำชำติของประเทศเวียดนำม

อำ่ วหญ่ำย (Ao dai) เป็นชุดประจำชำติของ
ประเทศเวยี ดนำมที่ประกอบไปดว้ ยชุด
ผำ้ ไหมท่ีพอดีตวั สวมทบั กำงเกงขำ
ยำวซ่ึงเป็นชุดท่ีมกั สวมใส่ในงำน
แต่งงำนและพธิ ีกำรสำคญั ของ
ประเทศ มีลกั ษณะคลำ้ ยชุดก่ี
เพำ้ ของจีน ในปัจจุบนั เป็นชุดท่ี
ไดร้ ับควำมนิยมจำกผหู้ ญิง
เวยี ดนำม ส่วนผชู้ ำยเวยี ดนำม
จะสวมใส่ชุดอำ่ วหญำ่ ยในพิธี
แตง่ งำน หรือพธิ ีศพ

33 ประชำคมอำเซียน

ชุดประจำชำติของประเทศพมำ่

ชุดประจำชำติของชำวพม่ำเรียกวำ่ ลองยี (Longyi) เป็นผำ้ โสร่งท่ีนุ่งท้งั ผชู้ ำยและผหู้ ญิง ใน
วำระพิเศษต่ำง ๆ ผชู้ ำยจะใส่เส้ือเชิ้ตคอปกจีนแมนดำรินและเส้ือคลมุ ไม่มีปก บำงคร้ังจะใส่ผำ้
โพกศีรษะที่เรียกวำ่ กอง บอง (Guang Baung) ดว้ ย ส่วนผหู้ ญิงพม่ำจะใส่เส้ือติดกระดุมหนำ้
เรียกวำ่ ยนิ ซี (Yinzi) หรือเส้ือติดกระดุมขำ้ งเรียกวำ่ ยนิ บอน (Yinbon) และใส่ผำ้ คลุมไหลท่ บั

ประชำคมอำเซียน 34

ชุดประจำชำติของประเทศบรูไน

ชุดประจำชำติของบรูไนคลำ้ ยกบั ชุดประจำชำติของผชู้ ำยประเทศมำเลเซีย เรียกวำ่ บำจู
มลำยู (Baju Melayu) ส่วนชุดของผหู้ ญิงเรียกวำ่ บำจูกรุ ุง (Baju Kurung) แตผ่ หู้ ญิงบรูไนจะ
แตง่ กำยดว้ ยเส้ือผำ้ ที่มีสีสันสดใส โดยมำกมกั จะเป็ นเส้ือผำ้ ที่คลมุ ร่ำงกำยต้งั แตศ่ ีรษะจรดเทำ้
ส่วนผชู้ ำยจะแตง่ กำยดว้ ยเส้ือแขนยำว ตวั เส้ือยำวถึง
เข่ำ นุ่งกำงเกงขำยำวแลว้ นุ่งโสร่ง เป็นกำรสะทอ้ น
วฒั นธรรมสงั คมแบบอนุรักษน์ ิยม เพรำะบรูไนเป็น
ประเทศมสุ สิม จึงตอ้ งแต่งกำยมิดชิดและสุภำพ
เรียบร้อย

35 ประชำคมอำเซียน

ชุดประจำชำติของประเทศลำว

ผหู้ ญิงลำวนุ่งผำ้ ซ่ิน และใส่เส้ือแขนยำวทรงกระบอก สำหรับผชู้ ำยมกั แตง่ กำย
แบบสำกล หรือนุ่งโจงกระเบน สวมเส้ือช้นั นอกกระดุมเจด็ เมด็ คลำ้ ยเส้ือ

พระรำชทำนของไทย

ประชำคมอำเซียน 36

ชุดประจำชำติของประเทศอินโดนีเซีย

เกบำยำ่ (Kebaya) เป็นชุดประจำชำติของประเทศอินโดนีเซียสำหรับผหู้ ญิง มีลกั ษณะ
เป็นเส้ือแขนยำว ผำ่ หนำ้ กลดั กระดุม ตวั เส้ือจะมีสีสันสดใส ปักฉลเุ ป็นลำยลูกไม้ ส่วนผำ้ ถุงท่ี

ใชจ้ ะเป็นผำ้ ถุงแบบบำติก ส่วนกำรแตง่ กำยของผชู้ ำยมกั จะสวมใส่เส้ือแบบบำติกและนุ่ง
กำงเกงขำยำวหรือเตลุก เบสคำพ (Teluk Beskap) ซ่ึงเป็นกำรแตง่ กำยแบบผสมผสำนระหวำ่ ง

เส้ือคลมุ ส้ันแบบชวำและโสร่ง และนุ่งโสร่งเม่ืออยู่
บำ้ นหรือประกอบพิธีละหมำดที่มสั ยดิ

37 ประชำคมอำเซียน

ชุดประจำชำติของประเทศฟิ ลิปปิ นส์

ผชู้ ำยจะนุ่งกำงเกงขำยำวและสวมเส้ือที่เรียกวำ่ บำรอง ตำกำลอ็ ก (barong Tagalog) ซ่ึงตดั
เยบ็ ดว้ ยผำ้ ใยสปั ปะรด มีบำ่ คอต้งั แขนยำว ท่ีปลำยแขนเส้ือท่ีขอ้ มือจะปักลวดลำย ส่วนผหู้ ญิง
นุ่งกระโปรงยำว ใส่เส้ือสีครีมแขนส้ันจบั จีบยกต้งั ข้ึนเหนือไหล่คลำ้ ยปี กผีเส้ือ เรียกวำ่ บำลิน
ตำวกั (balintawak)

ประชำคมอำเซียน 38

ชุดประจำชำติของประเทศไทย

สำหรับชุดประจำชำติอยำ่ งเป็นทำงกำรของไทย รู้จกั กนั ในนำมวำ่ "ชุดไทยพระรำช
นิยม" โดยชุดประจำชำติสำหรับสุภำพบรุ ุษ จะเรียกวำ่ "เส้ือพระรำชทำน"

สำหรับสุภำพสตรีจะเป็นชุดไทยที่ประกอบดว้ ยสไบเฉียง ใชผ้ ำ้ ยกมีเชิงหรือยกท้งั ตวั
ซิ่นมีจีบยกขำ้ งหนำ้ มีชำยพกใชเ้ ขม็ ขดั ไทยคำด ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเยบ็ ใหต้ ิดกบั ซิ่นเป็น
ท่อนเดียวกนั หรือ จะมีผำ้ สไบห่มต่ำงหำกก็ได้ เปิ ดบ่ำขำ้ งหน่ึง ชำยสไบคลุมไหล่ ทิง้ ชำย
ดำ้ นหลงั ยำวตำมท่ีเห็นสมควร ควำมสวยงำมอยทู่ ี่เน้ือผำ้ กำรเยบ็ และรูปทรงของผทู้ ี่สวม ใช้
เคร่ืองประดบั ไดง้ ดงำมสมโอกำสในเวลำค่ำคืน
โดยชุดไทยพระรำชนิยม แบง่ ออกเป็น 8 ประเภท ดงั น้ี
1. ชุดไทยเรือนตน้
2. ชุดไทยจิตรลดำ
3. ชุดไทยอมรินทร์
4. ชุดไทยบรมพมิ ำน
5. ชุดไทยจกั รี
6. ชุดไทยจกั รพรรดิ
7. ชุดไทยดุสิต
8. ชุดไทยศิวำลยั

39 ประชำคมอำเซียน

ชุดประจำชำติของประเทศกมั พชู ำ

ชุดประจำชำติของกมั พูชำคือ ซมั ปอต (Sampot) หรือผำ้ นุ่งกมั พูชำ ทอดว้ ยมือ มีท้งั แบบ
หลวมและแบบพอดี คำดทบั เส้ือบริเวณเอว ผำ้ ที่ใชม้ กั ทำจำกไหมหรือฝ้ำย หรือท้งั สองอยำ่ ง
รวมกนั ซมั ปอตสำหรับผหู้ ญิงมีควำมคลำ้ ยคลึงกบั ผำ้ นุ่งของประเทศลำวและไทย ท้งั น้ี ซมั
ปอตมีหลำยแบบซ่ึงจะแตกตำ่ งกนั ไปตำมชนช้นั ทำงสังคมของชำวกมั พชู ำ ถำ้ ใชใ้ น

ชีวิตประจำวนั จะใชว้ สั ดุรำคำไมส่ ูง ซ่ึงจะ
ส่งมำจำกประเทศญ่ีป่ ุน นิยมทำลวดลำย
ตำมขวำง ถำ้ เป็นชนิดหรูหรำจะทอดำ้ ย
เงินและดำ้ ยทอง

ประชำคมอำเซียน 40

ชุดประจำชำติประเทศสิงคโปร์

สิงคโปร์ไม่มีชุดประจำชำติเป็นของตนเอง เน่ืองจำกประเทศสิงคโปร์แบง่ ออกเป็น 4
เช้ือชำติหลกั ๆ ไดแ้ ก่ จีน มำเลย์ อินเดีย และชำวยโุ รป ซ่ึงแต่ละเช้ือชำติกม็ ีชุดประจำชำติเป็น
ของตนเอง เช่น ผหู้ ญิงมลำยใู นสิงคโปร์ จะใส่ชุดเกบำยำ่ (Kebaya) ตวั เส้ือจะมีสีสนั สดใส ปัก
ฉลุเป็นลำยลูกไม้ หำกเป็ นชำวจีน กจ็ ะสวมเส้ือแขนยำว คอจีน เส้ือผำ้ หนำ้ ซ่อนกระดุม สวม
กำงเกงขำยำว โดยเส้ือจะใชผ้ ำ้ สีเรียบหรือผำ้ แพรจีนกไ็ ด้

ผนู้ ำแต่ละ่ ประเทศอำเซียน

ประเทศไทย

พลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชำ (ชื่อเลน่ : ตู่, เกิด 21 มีนำคม 2497)
เป็นนำยกรัฐมนตรีและหวั หนำ้ คณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ
คณะผยู้ ดึ อำนำจกำรปกครองซ่ึงกำลงั ปกครองประเทศไทย
นอกจำกน้ี เขำยงั เป็นประธำนคณะกรรมกำรสำนกั งำน
คณะกรรมกำรส่งเสริมกำรลงทุน ประธำน
คณะกรรมกำรนโยบำยพลงั งำนแห่งชำติ ประธำนคณะกรรมกำร
ร่วมภำครัฐและเอกชนเพอ่ื แกไ้ ขปัญหำทำงเศรษฐกิจ และ
ประธำนคณะกรรมกำรต่อตำ้ นกำรทุจริตแห่งชำติ ซ่ึงเป็นคณะกรรมกำรภำยในคณะรักษำควำม
สงบแห่งชำติประธำนคณะกรรมกำรประสำนงำนและสนบั สนุนโครงกำรหลวง อดีตผู้
บญั ชำกำรทหำรบก อดีตกรรมกำรบริษทั ธนำคำรทหำรไทย จำกดั (มหำชน) อดีตประธำน
สโมสรฟตุ บอลอำร์มี่ ยไู นเตด็ และอดีตประธำนคณะกรรมกำรบริหำรกิจกำรโทรทศั น์
กองทพั บก

ประชำคมอำเซียน 42

ประเทศเมียนมำ

ประธำนำธิบดี : พลเอกเตง็ เส่ง สำธำรณรัฐแห่งสหภำพ
เมียนมำ หรือ พมำ่ ปกครองประเทศดว้ ยระบบ
ประธำนำธิบดี ปัจจุบนั คือ พลเอกเตง็ เส่ง หรือ เทียน
เส่ง อำยุ 67 ปี รับตำแหน่งประธำนำธิบดีตอ่ จำก พลเอก
อำวโุ ส ตำน ฉ่วย เม่ือวนั ท่ี 4 กุมภำพนั ธ์ พ.ศ. 2553
หลงั จำกชนะกำรเลือกต้งั ทวั่ ไป อยำ่ งไรก็ตำม ก่อนหนำ้
น้ี พลเอกเตง็ เส่ง เคย ดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรีคนท่ี
11 ของพม่ำ ในช่วงปี พ.ศ. 2550 จนถึง พ.ศ. 2554

43 ประชำคมอำเซียน

ประเทศมำเลเซีย

นำยกรัฐมนตรี : นำยนำจิบ รำซะก์ ดำโตะ๊ ซรี ฮจั ญี
โมฮมั มดั นำจิบ บิน ตน ฮจั ญี อบั ดุล รำซะก์ หรือ นำยนำ
จิบ รำซะก์ เป็นนำยกรัฐมนตรีคนปัจจุบนั ของประเทศ
มำเลเซีย หรือเป็นนำยกรัฐมนตรีคนท่ี 6 ของประเทศ
ปัจจุบนั อำยุ 59 ปี เกิดมำในครอบครัวนกั กำรเมือง เคยดำรงตำแหน่งรอง
นำยกรัฐมนตรี และสงั กดั พรรคอมั โน

ประชำคมอำเซียน 44

เนกำรำ บรูไน ดำรุสซำลำม

พระมหำกษตั ริย์ และนำยกรัฐมนตรี: สมเด็จพระรำชำธิบดี
ฮจั ญี ฮสั ซำนลั โบลเกียห์ มอู ิซซดั ดิน วดั เดำละห์ ประเทศ
บรูไน ปกครองดว้ ยระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์
กำหนดใหส้ ุลต่ำนทรงเป็นอธิปัตย์ คือเป็นท้งั ประมุข
นำยกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงกลำโหม โดย
รัชกำลปัจจุบนั คือ สมเดจ็ พระรำชำธิบดีฮจั ญี ฮสั ซำนลั
โบลเกียห์ มอู ิซซดั ดิน วดั เดำละห์ ทรงเป็นพระรำชำธิบดีพระองคท์ ี่ 28 แห่งบรูไน มี
พระชนมำยุ 66 พรรษำ เสดจ็ ข้ึนครองรำชยเ์ ม่ือวนั ที่ 5 ตลุ ำคม พ.ศ. 2510 ดำรงพระ
อิสริยยศเป็นพระประมขุ แห่งรัฐ นำยกรัฐมนตรี รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงกลำโหม
รัฐมนตรีวำ่ กำรกระทรวงกำรคลงั และผนู้ ำทำงศำสนำอิสลำมแห่งเนกำรำบรูไนดำรุส
ซำลำม

45 ประชำคมอำเซียน

ประเทศกมั พชู ำ

นำยกรัฐมนตรี : สมเดจ็ อคั รมหำเสนำบดีเดโช ฮุน เซน

ฮุน เซน หรือ สมเดจ็ อคั รมหำเสนำบดีเดโช ฮนุ เซน
ปัจจุบนั อำยุ 61 ปี เขำ้ ดำรงตำแหน่งนำยกรัฐมนตรี
กมั พูชำ ต้งั แต่อำยุ 33 ปี ในยคุ สำธำรณรัฐประชำชน
กมั พชู ำ นบั เป็นนำยกรัฐมนตรีที่มีอำยนุ อ้ ยท่ีสุดของกมั พชู ำ ไดร้ ับพระรำชทำน
บรรดำศกั ด์ิ จำกพระบำทสมเดจ็ พระนโรดม สีหนุ เป็น สมเดจ็ อคั รมหำเสนำบดีเดโช
ฮุน เซน เมอื่ พ.ศ. 2536

ประชำคมอำเซียน 46

ประเทศเวยี ดนำม

ประธำนำธิบดี : นำยเจือง เติ๊น ซำง

ประเทศเวยี ดนำมมีกำรปกครองในรูปแบบ
คอมมิวนิสต์ มีประธำนำธิบดีเป็นผนู้ ำสูงสุดของ
ประเทศ โดยประธำนำธิบดีคนปัจจุบนั คือ นำยเจือง
เต๊ิน ซำง อำยุ 62 ปี เป็นสมำชิกระดบั ผนู้ ำของพรรค
คอมมิวนิสตเ์ วยี ดนำม กำ้ วข้ึนมำดำรงตำแหน่งประธำนำธิบดีคนท่ี 9 เม่ือวนั ที่ 25
กรกฎำคม พ.ศ. 2554 หลงั จำกไดร้ ับคะแนนสูงสุดจำกกำรลงคะแนนเลือก
ประธำนำธิบดี

47 ประชำคมอำเซียน

ประเทศอินโดนีเซีย

ประธำนำธิบดี : นำยซูซีโล บมั บงั ยโู ดโยโน

ประเทศอินโดนีเซีย ปกครองระบอบ
ประชำธิปไตยระบบประธำนำธิบดี ปัจจุบนั มี
นำย ซูซีโล บมั บงั ยโู ดโยโน อำยุ 63 ปี ดำรง
ตำแหน่งประธำนำธิบดีของประเทศ โดยดำรงตำแหน่งต้งั แต่วนั ที่ 20 ตลุ ำคม พ.ศ.
2547 ถือเป็นประธำนำธิบดีคนท่ี 6 แห่งอินโดนีเซีย และเป็นประธำนำธิบดีคนแรกท่ี
ไดร้ ับกำรเลือกต้งั จำกประชำชน ภำยหลงั มีกำรปฏิรูปกำรเมืองและแกไ้ ขรัฐธรรมนูญ


Click to View FlipBook Version