The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การประกอบอาชีพผู้ต้องขัง ถิรวัฒน์ ปกป้อง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tom.varangkana, 2022-08-15 00:44:09

การประกอบอาชีพผู้ต้องขัง ถิรวัฒน์ ปกป้อง

การประกอบอาชีพผู้ต้องขัง ถิรวัฒน์ ปกป้อง

๔๑

ของค่าตอบแทนที่เป็นเงินทอง หรือสง่ิ ตา่ งตอบแทน หรือแลกเปลีย่ นซึ่งกันและกัน หรือการได้รับการ
ยกยอ่ ง มีชอื่ เสียงและเครือข่ายเพ่ือนฝงู ในสังคม

๒) ประเภทของอาชีพอาชพี
สามารถแบ่งออกได้เป็นลักษณะใหญ่ ๆ ได้ ๒ ลกั ษณะคอื
๒.๑) งานอาชีพที่ทำให้ผู้อื่น (Work for Others/Organization) งานอาชีพที่ทำ
ให้ผู้อื่นหรือเป็นลูกจ้าง/พนักงาน ทำให้องค์กรที่เป็นรัฐบาล หรือองค์กรธุรกิจเอกชน หรือองค์กรการ
กุศลสาธารณะต่าง ๆ เช่น องค์การช่วยเหลือผู้พิการ องค์การทหารผ่านศึก องค์กรนานาชาติ เช่น
สโมสรโรตาร่ไี ลออนท์ สมาคม ชมรม ฯลฯ ในการทำงานใหผ้ ู้อ่ืนน้ีจะมผี ลงานจะมีผลตอบแทนที่ได้รับ
ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ตําแหน่งหน้าที่ ที่รับผิดชอบอยู่ ซึ่งผลตอบแทน
อาจจะปรากฏในรูปของค่าตอบแทนเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าสมนาคุณ บัตรอภินันทนาการ โล่ขอบคุณ
เกียรตบิ ัตร การทำงานใหผ้ ู้อืน่ นจ้ี ะต้องผา่ นเข้าไปทำดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ เช่น การสมคั รงานมีการฝากให้
ไปทำงาน การถูกเชิญให้ไปทำงานโดยภาระหน้าที่แน่นอนชัดเจนเป็นการทำงานตามนโยบายของ
องค์กรแผนงานขององค์กร หรือทำตามคำสั่งการทำงานให้องค์กร หรือทำให้ผู้อื่นนี้บุคคลมีการ
เจริญเติบโต หรือความก้าวหน้าในสายงานอาชีพตามลําดับ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงาน หรือ
ความสามารถหรอื สทิ ธบิ างอย่าง๕๖
๒.๒) งานอาชีพอิสระ (Self–Employment) งานอาชีพอิสระนี้เป็นการทำงานที่
ไม่ต้องมาสมัครงาน แต่เป็นการทำงานที่เกิดจากการตัดสินใจของผู้ที่จะกระทำ เพื่อให้ตนเองหรือ
กระทำดว้ ยตนเอง เปน็ การจ้างตนเองโดยอาศัยปัจจยั ความรู้ความสามารถ โอกาส จงั หวะ การเรียนรู้
จากประสบการณ์ตรงในชีวิต การฝึกฝนเพิ่มพูนพัฒนาตนเอง การลงทุนด้วยตนเองอาจเป็นทนุ ทรัพย์
ของตนเอง หรอื ครอบครัว หรอื การกู้ยมื จากผู้อ่นื หรือสถาบันการเงนิ ดว้ ยการค้ำประกันตนเอง มีการ
บริหารจัดการด้วยตนเอง และอาจขยายกิจการด้วยการจ้างงานผู้อื่นมาทำงานบางอย่าง เช่น
จ้างลูกจา้ งเป็นลูกมือ กิจการของงานอาชีพอิสระมีขนาดตั้งแต่เลก็ กลาง และขนาดใหญ่ตามความพงึ
พอใจ หรือทุนทรัพย์และความสามารถของผู้ดำเนินกิจการนั้น ๆ ในปัจจุบันการประกอบอาชีพอิสระ
หรืออาชพี สว่ นตวั ได้รบั ความสนใจยอมรับมากข้ึนจากประชาชนทั่วไปที่เคยทำงานใหผ้ ู้อน่ื หรือองค์กร
อื่น ๆ มาก่อน จึงได้หันมาประกอบอาชีพอิสระเสริมรายได้จากการทำงานที่เป็นอาชีพหลัก หรือกลุ่ม
ประชาชนทีไ่ ดร้ บั ผลกระทบจากการถูกเลกิ จ้าง การออกจากงานด้วยเหตุผลใด ๆ กต็ าม เช่น ออกจาก
งานตามโครงการเกษียณก่อนอายุราชการ การลดกำลังคนการเลิกกิจการ การใช้เทคโนโลยีเข้ามา
ทำงานแทนคน เป็นต้น ต่างก็หันมาประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น รวมตลอดจนถึงนักเรียน นักศึกษาท่ี
กำลังจะจบการศึกษา หรือจบการศึกษาแล้วได้มุ่งมาให้ความสนใจในการประกอบอาชีพอิสระแทนที่
จะเข้าไปทำงานในแหลง่ งานต่าง ๆ เหมอื นในอดีต

๕๖ จิติมา วรรณศรี, รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมอาชีพของนักเรียนในสถานศึกษา,
สงั กดั เทศบาล, (พษิ ณโุ ลก : วารสารศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลยั นเรศวร, ๒๕๕๗), หนา้ ๗๑-๘๑.

๔๒

๒.๓.๕ ปัจจยั หลักทส่ี ำคญั ก่อนเริ่มการประกอบอาชพี อิสระ
๑) ปจั จัยแรก คอื ทนุ
ทนุ คอื ส่งิ ท่ีจะเปน็ ปัจจัยพ้ืนฐาน ของการประกอบอาชีพ โดยจะต้องวางแผนแนว

ทางการดำเนินธุรกิจไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทราบว่าจะต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไร แล้วพิจารณาว่ามี
เงินทุนเพยี งพอหรือไม่ ถา้ ไม่พอจะหาแหลง่ เงินทุนจากทใี่ ด อาจไดจ้ ากการรวมหุน้ ลงทนุ กนั ในหมู่ญาติ
พี่น้องและเพื่อนฝูง หรือการกู้ยืมจากหน่วยราชการ หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ อย่างไรก็ตามใน
ระยะแรกไม่ควรลงทนุ มากเกนิ ไปเน่ืองจากยังไม่ทราบความตอ้ งการของตลาดทแี่ ทจ้ รงิ

๒) ปัจจยั ทส่ี อง คือ ความรู้
ความรู้ หมายถึง ความร้ใู นงานอาชีพทีจ่ ะมาประกอบอาชีพหากไมต่ ้องศกึ ษาและ
ฝึกฝนขวนขวายหาความรู้ โดยการเรียนจากสถาบันที่ให้ความรู้ด้านอาชีพ ซึ่งมีทั้งของรัฐบาล และ
เอกชน หรือสมัครเรียนกับชมรมต่าง ๆ หรือทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่น หรือทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง
เพ่ือให้มีความรู้ เกิดทักษะ ความชํานาญ และประสบการณ์ในการประกอบอาชีพน้นั ๆ
๓) ปัจจัยทส่ี าม คอื การจัดการ
การจัดการ เป็นความสามารถในการบริหารงานของแต่ละบุคคลในการจัดการ
เกี่ยวกับอาชีพของตนเอง เป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน การทำงานในเรื่องคนเงิน เครื่องมือ
เคร่ืองใช้ และกระบวนการทำงานตา่ ง ๆ
๔) ปัจจัยท่ีสี่ คือ การตลาด
การตลาด เปน็ ปัจจยั ท่ีสำคัญอีกปัจจยั หนึ่ง เพราะหากสินค้าและบริการท่ีผลิตข้ึน
ไม่เป็นที่ติดหู ติดตาของผู้บริโภค ก็ถือว่ากระบวนการทั้งระบบไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากไม่
สามารถแปรสินค้าและบริการเหล่านั้นให้เป็นตัวเงินได้ ดังน้ันการวางแผนการตลาด ซึ่งในปัจจุบันมี
การแข่งขันสูง จึงควรได้รับการสนใจในการพัฒนาเทคนิคด้านต่าง ๆ ให้ทันสมัย เพื่อให้เป็นที่สนใจ
ของกลุม่ เป้าหมาย๕๗
๒.๓.๖ อปุ สรรคในการประกอบอาชพี อสิ ระ
พอจำแนกได้ ๒ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่
๑) อุปสรรคภายใน ได้แก่ ตัวบุคคลเอง เช่น ขาดความรู้ที่จะประกอบอาชีพ
เรียกว่า ทำมาหากินไม่เป็น ขาดการกระตือรือร้นที่จะประกอบอาชีพด้วยตัวเองซึ่งคุณสมบัติเฉพาะ
ของผู้ประกอบอาชพี อิสระทีจ่ ะประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องมีคณุ ลักษณะ ดงั น้ี
๑.๑) ตอ้ งเป็นคนท่สี ามารถทนทำงานหนกั ได้เกินกวา่ บุคคลปกติ
๑.๒) เปน็ ผ้ทู ีม่ ีความกระตือรอื รน้ อยู่เสมอ
๑.๓) มคี วามเชอ่ื มน่ั ในตัวเองและมคี วามมงุ่ ม่นั ท่จี ะทำอะไรใหไ้ ด้
๑.๔) ในการประกอบกจิ การใด ๆ มกั จะต้ังเปา้ หมายสูง (แต่สามารถปฏบิ ัตไิ ด้)

๕๗ ไพโรจน์ ดงกระโทก,.บทบาทขององคก์ ารบริหารส่วนตำบลในการส่งเสริมกลุ่มอาชีพชุมชนเพ่อื
การพึ่งตนเอง กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู,
ปริญญารฐั ศาสนศาสตรมหาบัณฑิต, วทิ ยาลยั การปกครองท้องถ่นิ , (ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , ๒๕๕๑).

๔๓

๑.๕) ไมเ่ บอื่ ง่ายไม่ชอบทง้ิ อะไรกลางคนั เม่ือพบอปุ สรรค
๑.๖) เห็นคุณคา่ ของเงิน
๑.๗) มพี ลังในการแก้ปญั หาอย่างไม่เสือ่ มคลาย
๑.๘) ควรเสีย่ งอย่างมีเหตุผล
๑.๙) รูจ้ ักใช้ความผิดแตห่ นหลังเป็นบทเรยี น
๑.๑๐) รู้จักใช้คำวิพากษ์วจิ ารณข์ องคนอ่นื ใหเ้ ปน็ ประโยชน์
๑.๑๑) มคี วามคิดรเิ ริ่มและกล้าท่จี ะรบั ผิดชอบต่อความคดิ รเิ ร่ิมนัน้
๑.๑๒) รจู้ ักใช้ทรพั ยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีประโยชนใ์ หม้ ากทีส่ ุด
๑.๑๓) ในการทำงานตอ้ งต้งั เกณฑส์ งู สดุ เข้าไว้และต้องทำให้ได้เสมอ
๒) อุปสรรคภายนอก ได้แก่ องค์ประกอบที่จะช่วยส่งเสริมอํานวยความสะดวก
พื้นฐานของผู้อยากประกอบอาชีพอิสระได้แก่ ปัจจัยพื้นฐานของการประกอบการ คือ เงินทุน
การตลาด แหลง่ วัตถดุ ิบ และการแข่งขนั

๒.๔ แนวคิดและทฤษฎเี ก่ียวกบั การมีสว่ นร่วมของภาคเี ครือข่าย

ความหมายของการมสี ว่ นร่วม
สุรินทร์ สุริยวงค์ ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมว่า เป็นการเปิดโอกาสให้

ประชาชนได้เขา้ มามสี ว่ นร่วมในการคิดรเิ ริม่ การพจิ ารณาตัดสินใจ การรว่ มปฏบิ ัติ และรับผดิ ชอบ๕๘
เสริมศักด์ิ วิศาลาภรณ์ ใหค้ วามหมายของการมสี ว่ นรว่ มวา่ เป็นการท่ีบุคคลหรือคณะ

บุคคลเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุน ทำประโยชน์ในเรื่องต่าง ๆ หรือกิจกรรมต่าง ๆ อาจเป็นการมีส่วน
ร่วมในกระบวนการตัดสินใจหรอื กระบวนการบรหิ าร๕๙

ชูชาติ พ่วงสมจิตร ให้ความหมายของการมีส่วนร่วมว่าเป็นการเปิดโอกาสให้
ประชาชนเข้ามามสี ่วนตัดสนิ ใจในกิจกรรมตา่ ง ๆ ๖๐

จากความหมายท่ีกล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า การมสี ว่ นรว่ มหมายถึงการท่ีบุคคลหรือ
คณะบคุ คลเขา้ มามสี ่วนร่วมในการตดั สินใจและร่วมปฏิบัตกิ จิ กรรมใด ๆ

สมนึก ปญั ญาสงิ ห์๖๑ ได้เสนอหลกั การของการมสี ่วนร่วมไว้วา่

๕๘ สุรินทร์ สุริยวงศ์, การมีส่วนร่วมของชาวบ้านในการอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านทุ่งยาว อำเภอเมือง
จังหวดั ลำพูน, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (เชียงใหม่ : สถาบนั เทคโนโลยกี ารเกษตรแม่โจ้, ๒๕๔๖), หนา้ ๓๐.

๕๙ เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์, ความขัดแย้ง: การบริหารเพื่อความสร้างสรรค์, พิมพ์ครั้งที่ ๑,
(กรุงเทพมหานคร: ต้นอ้อแกรมม,่ี ๒๕๔๗), หนา้ ๑๘๒-๑๘๓.

๖๐ ชูชาติ พ่วงสมจิตร, การวิเคราะห์ปัจจัยทีส่ ่งเสริมและปัจจัยทีเ่ ป็นอุปสรรคตอ่ การมีส่วนร่วมของ
ชมุ ชนกับโรงเรยี นประถมศึกษาในเขตปรมิ ฑลกรุงเทพมหานคร, ปริญญานิพนธ์, ครุศาสตรบัณฑิต, พมิ พ์คร้ังที่ ๑,
(กรุงเทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๐), หน้า ๑.

๖๑ สมนึก ปัญญาสิงห์, ปัญหาการวางแผนของโรงเรียนตามทัศนะของผู้บริหารโรงเรียน, สังกัด
สำนกั งานการประถมศึกษาจงั หวดั พจิ ิตร, พิมพค์ ร้ังที่ ๑, (พษิ ณโุ ลก : มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๒), หนา้ ๒๗.

๔๔

(๑) เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา กล่าวคือเน้น
บทบาทของประชาชนและชมุ ชนเป็นศนู ย์กลาง ชมุ ชนเปน็ เจา้ ของเร่ือง เจา้ ของโครงการเพ่ือให้ชุมชน
มีบทบาทแกไ้ ขปญั หาดว้ ยพลงั ความรู้ความสามารถของตนเองมากขึ้น หน่วยงานภายนอกเป็นผใู้ หก้ าร
สนบั สนนุ เรื่องเทคนคิ วชิ าการ ความรู้ตลอดจนงบประมาณสมทบ

(๒) พัฒนาขีดความสามารถและสร้างพลังกลุ่มของชุมชนให้เข้มแข็ง ช่วยให้เขาคิด
ไม่ใช่คิดให้เขา และช่วยให้เขาทำ ไม่ใช่ทำให้เขา ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มหรือองค์กรเข้มแข็งสามารถบริหาร
จัดการพ่งึ ตนเองได้

(๓) พัฒนากระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วมจากชุมชนได้แก่ การวิเคราะห์
การเสนอแนะ การวิจารณ์ การตรวจสอบอย่างเปิดเผย โปร่งใส ช่วยคิดแนะนำ ปรับปรุงเช่นการมีส่วน
ร่วมระหวา่ งหนว่ ยงานรฐั กับองค์กรประชาชน และการมสี ว่ นรว่ มระหวา่ งประชาชนดว้ ยกันเองเป็นต้น

(๔) การมีห้นุ ส่วนในกระบวนการพฒั นาและการทำงานร่วมกนั โดยผนึกกำลังความรู้
ความสามารถและความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องอาศัย
ความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐทท้ังในระดับภาคและระดับท้องถิ่นรวมถึง
องค์กรเอกชนและประชาชนผ้ไู ดร้ บั ผลกระทบทง้ั ทางตรงและทางอ้อม

(๕) การดำเนินโครงการและจัดกิจกรรมรว่ มกันเช่นการสรา้ งผลงานและการตดิ ตาม
ตรวจสอบ ประสิทธิผล ประสิทธิภาพของโครงการ เช่นใช้งบประมาณน้อยแตไ่ ด้ผลงานมาก ไม่มีการ
สญู เปลา่ ทำได้อย่างประหยดั ใช้ทรพั ยากรบคุ คลน้อย คุ้มคา่ และท่ีสำคัญคือแก้ไขปัญหาร่วมกบั ชมุ ชนได้

ลกั ษณะหรือรปู แบบของการมสี ว่ นร่วม
วิรัตน์ สมสินทรัพย์๖๒ อธิบายกระบวนการความร่วมมือของประชาชนว่าต้องมี

ความรู้สึก ดงั ตอ่ ไปนี้
(๑) การเข้าร่วมในการตัดสนิ ใจตกลงใจ
(๒) การเข้ารว่ มในการดำเนนิ การของแผนและโครงการพัฒนา
(๓) การเข้าร่วมในการติดตามและประเมินผลโครงการและแผนงานของการพฒั นา
(๔) การเข้ารว่ มในการรับผลประโยชน์จากการพัฒนา
ปรชั ญา เวสารชั ช์๖๓ ขยายความของการมสี ว่ นร่วม สรุปไดว้ ่า
(๑) การมสี ว่ นร่วมสะท้อนการเข้าเกี่ยวขอ้ งโดยสมัครใจและเปน็ ประชาธิปไตยดงั น้ี
(๑.๑) การมีส่วนร่วมของประชาชนครอบคลุมการสร้างโอกาสที่เอื้อให้สมาชิก

ทุกคนของชุมชนและสังคมได้รว่ มกจิ กรรมซ่ึงนำไปสู่กระบวนการพัฒนาและมีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนา
ตลอดจนเอ้ือให้ได้รับประโยชน์จากการพฒั นาโดยเท่าเทียมกนั

๖๒ วิรัตน์ สมสินทรัพย์}. การมีส่วนร่วมของสตรีในกิจกรรมของคณะกรรมการพัฒนาสตรีหมู่บ้านใน
อำเภอทา่ ม่วง จังหวัดกาญจนบรุ ี, พิมพ์คร้ังที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร,
๒๕๔๘), หนา้ ๗.

๖๓ ปรัชญา เวสารัชช์, การปกครองท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร :
สำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรือน, ๒๕๔๘), หนา้ ๓.

๔๕

(๑.๒) การแบ่งปนั ผลประโยชน์จากการพัฒนาโดยเท่าเทียมกนั
(๑.๓) การตัดสินใจเพื่อกำหนดเป้าหมาย นโยบาย การวางแผน และดำเนิน
โครงการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม
(๒) การมสี ่วนร่วมเปน็ ตวั เชือ่ มโยงระหว่างสว่ นทีป่ ระชาชนลงแรงและทรัพยากรเพ่ือ
พัฒนากับประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนลงแรงดังกล่าว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนในการตัดสินใจไม่ว่าระดับท้องถิ่น ภูมิภาค หรือระดับชาติ จะช่วยให้เกิดความเชื่อมโยง
ระหวา่ งส่วนทีป่ ระชาชนลงทุนลงแรงกบั ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับ
(๓) ลักษณะการมีส่วนร่วมของประชาชนอาจผิดแผกแตกต่างกันไปตามสภาพ
เศรษฐกิจของประเทศ นโยบายและโครงการของการบริหาร รวมทั้งลักษณะเศรษฐกิจสังคมของ
ประชากรการมีส่วนร่วมของประชาชนมิได้เป็นเพียงเทคนิควิธีการแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการประกัน
ให้เกดิ กระบวนการพัฒนาทม่ี ุ่งเอ้ือประโยชนต์ ่อประชาชนการมสี ่วนรว่ มในการพัฒนามวี ัตถุประสงค์ท่ี
สำคัญคือให้ประชาชนเขา้ มามสี ่วนร่วมอย่างแขง็ ขันทุกขนั้ ตอนของกระบวนการพัฒนาเพ่ือให้โครงการ
พฒั นาประสบผลสำเร็จการพจิ ารณาประสิทธผิ ลของการมีสว่ นร่วมในการพฒั นาจึงพิจารณาจากความ
พยายามท่ีบุคคลทุ่มเทให้กับการทำงานในโครงการพัฒนาจนโครงการประสบผลสำเรจ็ ย่ิงบุคคลทุ่มเท
ความพยายามในการกระทำกิจกรรมในโครงการพัฒนานั้น ๆ มากเท่าใด ก็ถือว่าบุคคลนั้นเข้าร่วม
โครงการพฒั นาอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ปรมะ สตะเวทนิ ๖๔ ได้เสนอขั้นตอนหรอื ประเภทของการมีสว่ นร่วมเป็น ๔ ขน้ั ตอน ดังนี้
ขั้นท่ี ๑ การมีสว่ นร่วมในการตดั สินใจ ในกระบวนการของการตัดสินใจนั้น ประการ
แรกสดุ ทจ่ี ะต้องกระทำก็คือ การกำหนดความต้องการและการจัดลำดับความสำคัญต่อจากนั้นก็เลือก
นโยบายและประชากรทเ่ี กี่ยวข้อง การตัดสินใจนี้เป็นกระบวนการต่อเน่ืองทตี่ ้องดำเนินการไปเรื่อย ๆ
ตั้งแต่การตัดสินใจในช่วงเริ่มต้นการตัดสินใจในช่วงดำเนินการวางแผน และการตัดสินใจในช่วงการ
ปฏิบัติตามแผนทว่ี างไว้
ขั้นท่ี ๒ การมีส่วนร่วมในการดำเนินงานสว่ นที่เป็นองค์ประกอบของการดำเนินงาน
ตามโครงการนั้น จะได้มาจากคำถามที่ว่าใครจะทำประโยชน์ให้แก่โครงการได้บ้าง และจะทำ
ประโยชน์ไดโ้ ดยวิธีใด เชน่ การชว่ ยเหลอื ด้านทรัพยากร การบรหิ ารงานและประสานงาน และการขอ
ความชว่ ยเหลือ เปน็ ต้น
ขั้นที่ ๓ การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นนั้
นอกจากความสำคัญของผลประโยชน์ภายในกลุ่มแล้วผลประโยชน์ของโครงการนร้ี วมทง้ั ผลเกิดข้ึนอัน
ที่เป็นประโยชน์ในทางบวกและผลที่เกิดขึ้นในทางลบที่เป็นผลเสียของโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์
และโทษต่อบุคคลและสงั คมดว้ ยขัน้ ท่ี

๖๔ ปรมะ สตะเวทิน, หลักนิเทศศาสตร์, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : คณะนิเทศศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๙), หน้า ๑๔-๑๕.

๔๖

แนวคดิ เกย่ี วกบั ขน้ั ตอนต่าง ๆ ของการมีสว่ นรว่ มทนี่ ำเสนอขา้ งตน้ น้นั พอสรุปการมี
ส่วนรว่ มได้เป็น ๕ ขัน้ ตอนคอื ๖๕

ขั้นที่ ๑ การมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการ เป็นขั้นที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมใน
การค้นหาปัญหาและสาเหตุของปัญหาในชุมชนตลอดจนมีส่วนร่ วมในการตัดสินใจกำหนด ความ
ต้องการของชุมชน และมีส่วนในการจัดลำดบั ความสำคัญของความตอ้ งการนนั้ ๆ

ขั้นท่ี ๒ การมีส่วนร่วมในการวางแผนโครงการเป็นขั้นที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ในการกำหนดนโยบายและวตั ถุประสงค์ของโครงการกำหนดวิธีการและแนวทางการดำเนินงาน และ
กำหนดทรัพยากรและแหล่งของทรัพยากรทจ่ี ะใชใ้ นโครงการ เป็นต้น

ขั้นท่ี ๓ การมีส่วนร่วมในขั้นดำเนินโครงการ เป็นขั้นทีป่ ระชาชนเขา้ มามีส่วนร่วมใน
การทำประโยชน์ให้แก่โครงการ โดยการร่วมช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ วัสดุอุปกรณ์ และแรงงาน หรือ
โดยการบริหารงาน ประสานงานตลอดจนการดำเนนิ การขอความช่วยเหลอื จากภายนอก

ขั้นท่ี ๔ การมีส่วนร่วมในขั้นรับผลที่เกิดจากโครงการเป็นขั้นที่ประชาชนเข้ามามี
ส่วนร่วมในการรบั ผลประโยชน์ท่พี ึงไดร้ ับจากโครงการ หรอื มามสี ว่ นในการรับผลเสียทอ่ี าจจะเกิดจาก
โครงการ ซ่งึ ผลประโยชนห์ รอื ผลเสยี นีอ้ าจเปน็ ดา้ นวตั ถุหรอื ด้านจิตใจ ท่มี ีผลต่อสงั คมหรือบคุ คลก็ได้

ขั้นที่ ๕ การมีส่วนร่วมในข้ันประเมินผลโครงการจะเป็นขั้นท่ีประชาชนเข้ามามสี ่วน
ร่วมในการประเมินว่าโครงการที่พวกเขาดำเนินการนั้นบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่
การประเมินผลนี้อาจเป็นการประเมินผลย่อย ซึ่งเป็นการประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการท่ี
กระทำกันเป็นระยะ ๆ หรือการประเมินผลรวมซึง่ เป็นการประเมินผลสรุปรวมยอดของโครงการ ทัง้ หมด

๔ การมีส่วนร่วมในการประเมินผล การมีส่วนร่วมในการประเมินผลนั้นสิ่งสำคัญที่
จะตอ้ งสงั เกตกค็ อื ความเห็น (views) ความชอบ (perferences) และความคาดหวัง (Eexpectations)
ซึง่ จะมีอทิ ธิพลสามารถแปรเปล่ียนพฤตกิ รรมของบุคคลในกลมุ่ ต่าง ๆ ได้

สรุปประโยชน์ของการบริหารแบบมีส่วนร่วมมีผลโดยตรงต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงานและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานอันจะเป็นผลให้เกิดการยอมรับ และมีความผูกพันระหว่าง
บคุ ลากรด้วยกนั และมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงมากข้นึ

เง่อื นไขของการมสี ่วนร่วม
วนิ ัย มนสั ปัญญากลุ ๖๖ ไดส้ รปุ เง่อื นไขของการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนวา่ ประชาชน

จะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านความสามารถ ความเต็มใจ และอิสรภาพ นอกจากนั้นยังจะต้อง
ประกอบเงื่อนไขอื่น ๆ อีก เช่นเวลา ความสนใจ ความสามารถในการสื่อสาร และไม่เกิดผลเสียหาย
ต่อตำแหนง่ หนา้ ท่ี หรอื สถานภาพทางสังคม รวมทง้ั ตอ้ งไม่เสยี เงินเสยี ทองในการมีสว่ นรว่ มดว้ ย

๖๕ ปรีดา เจษฎาวรางกลู , การพัฒนาชุมชน, พิมพค์ รั้งที่ ๑, (กรงุ เทพมหานคร : พิมพ์ลักษณ์, ๒๕๔๘), หนา้ ๑๙.
๖๖ วินัย มนัสปัญญากุล, การบริหาร, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : คณะพานิชศาสตร์และการบัญชี,
๒๕๔๔), หน้า๒๐-๒๑.

๔๗

นริ นั ดร์ จงวฒุ เิ วศย์๖๗ ไดก้ ล่าวถึงเง่อื นไขการมีสว่ นร่วมของประชาชนว่าจะเกดิ ข้ึนได้
ต้องอยูภ่ ายใต้เงอื่ นไขอยา่ งน้อย ๓ ประการ ดงั นี้ คือ

(๑) ประชาชนตอ้ งมอี ิสรภาพท่จี ะมสี ว่ นร่วม (freedom to participate)
(๒) ประชาชนต้องสามารถที่จะมีส่วนร่วม (ability to participate)
(๓) ประชาชนตอ้ งเต็มใจทจี่ ะมีสว่ นร่วม (willingness to participate)
นอกจากเงื่อนไขสำคัญ ๓ ประการดังกล่าวแล้ว ความสำเร็จของการมีส่วนร่วมยัง
ต้องอยู่กับเง่อื นไข ตอ่ ไปนี้
(๑) ประชาชนต้องมเี วลา
(๒) ประชาชนตอ้ งไมเ่ สียเงนิ มากเกินกวา่ ท่คี าดวา่ จะได้รบั ผลตอบแทน
(๓) ประชาชนตอ้ งมคี วามสนใจ
(๔) ประชาชนตอ้ งสามารถสอ่ื สารกันรเู้ รอ่ื งทั้งสองฝ่าย
(๕) ประชาชนตอ้ งไมร่ สู้ กึ ว่ากระทบกระเทือนตอ่ ตำแหน่งหน้าท่ีสถานภาพทางสังคม
สรุป เงื่อนไขของการมีส่วนร่วมคือ ประชาชนจะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้าน
ความสามารถ ความเตม็ ใจ และอิสรภาพ
ปัจจัยของการมสี ว่ นรว่ ม
ในเร่ืองปจั จัยของการมีสว่ นร่วมน้นั มีผูท้ ำการวิจัยดา้ นน้ีมากมาย โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง
องคก์ ารอนามยั โลก๖๘ ได้เสนอปจั จัยของการมีส่วนรว่ มของประชาชนไว้ ๓ ประการคอื
(๑) ปัจจัยของสิ่งจูงใจ หมายถึง การที่ประชาชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่วน
ใหญ่จะมีเหตุผลที่สำคัญ คือ ประการแรก มองเห็นว่าจะได้ผลตอบแทนในสิ่งที่ทำไป และประการที่
สองการได้รบั การบอกกล่าว หรอื ไดร้ บั การชักชวนจากบคุ คลอ่นื ให้เขา้ รว่ ม โดยมสี ่งิ จูงใจเป็นตัวนำ
(๒) ปัจจัยโครงสร้างของโอกาส หรือช่องทางในการเข้าร่วม หมายถึง การมองเห็น
ชอ่ งทางในการมสี ว่ นร่วม และมองเห็นประโยชน์ทจี่ ะได้รับหลังการมสี ่วนร่วม ดังน้ัน พ้ืนฐานทางด้าน
โครงสร้างของช่องทางการมีส่วนร่วม จึงควรมีลักษณะดังนี้ คือ ประการแรก เปิดโอกาสให้ทุก ๆ คน
ในชุมชนมีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ประการที่สอง มีกำหนดเวลา
ชัดเจน แน่นอน เพื่อผู้ที่เข้าไปมีส่วนร่วมจะได้สามารถกำหนดเงื่อนไขตามสภาพเป็นจริงของตนได้
และประการท่ีสาม มีการกำหนดลักษณะของกิจกรรมที่แน่นอนว่าจะทำอะไร
(๓) ปัจจัยด้านอำนาจในการส่งเสริมกิจกรรมของการมีส่วนร่วม หมายถึง การท่ี
ประชาชนสามารถกำหนดเปา้ หมาย วิธีการ และผลประโยชน์ของกจิ กรรมได้

๖๗ นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์, กลวิธี แนวทางวิธีการเสริมสร้าง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา,
พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๑, (กรงุ เทพมหานคร : ศนู ย์ศกึ ษานโยบายสาธารณสุขมหาวิทยาลัยมหดิ ล, ๒๕๔๙), หน้า ๓๖.

๖๘ World Health Organization,Meeting on Community Control of Stroke and Hypertension.
Controlof strokein the community: methodologicalconsiderationsandprotocolof WHO.Geneva:WHO,
(๒๐๐๗).

๔๘

จากที่กล่าวมาในข้างต้นสามารถสรุปได้ว่าปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนตามแนวคดิ ขององค์การอนามยั โลก (WHO/UNICEP) นัน้ ประกอบดว้ ย ปจั จัยท่เี ปน็ ส่ิงจูงใจ
ให้เห็นผลของการกระทำ ปัจจัยโครงสรา้ งหรือช่องทางของโอกาสและปจั จัยดา้ นอำนาจในการส่งเสริม
กิจกรรมของการมีส่วนร่วม ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถกำหนดเป้าหมายวิธีการและผลประโยชน์ของ
กจิ กรรมไดใ้ นท่สี ดุ

Ariene Fonaroff๖๙ ได้เสนอความเห็นที่คลา้ ย ๆ กันว่า การบวนการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนน้ัน จะต้องประกอบด้วยอยา่ งน้อย ๑ ใน ๔ ประเภทของการมีส่วนร่วม คือ

(๑) การวางแผน ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจในการกำหนดเป้าหมาย กลวิธี ทรัพยากรท่ี
ต้องใช้ ตลอดจนการติดตามและประเมินผล

(๒) การดำเนนิ งาน
(๓) การใช้บรกิ ารจากโครงการ
(๔) การมีสว่ นร่วมในการไดร้ ับประโยชน์
เครือขา่ ยการมสี ่วนรว่ ม
เป็นกระบวนการของการเข้าร่วมมือกันเพือ่ พัฒนาหรือจัดกจิ กรรมทีก่ ลุม่ บุคคลหรือ
องค์กรสนใจร่วมกันเครือข่ายการมีส่วนร่วมจะนำไปสู่พลังในการจัดการกับปัญหาทั้งในระดับท้องถ่นิ
และสังคมโดยส่วนรวมความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวนี้ได้ก่อตัวเคลื่อนไหวและพัฒนากว้างขวาง
ออกไป เช่น เครอื ขา่ ยเกษตรกร เครอื ขา่ ยเอดส์ เครือขา่ ยสิ่งแวดล้อม เปน็ ตน้
ลักษณะสำคัญของเครอื ขา่ ยการมสี ว่ นรว่ ม
มีลักษณะดังตอ่ ไป
- มอี งคก์ รกลุ่มหรือบคุ คลตงั้ แต่ ๒ คนขึ้นไปเขา้ รว่ มมอื กันเพื่อใหบ้ รรลุประสงค์ที่มรี ่วมกัน
- มกี ารปฎิสัมพันธซ์ งึ่ กันและกัน
- จัดกระบวนการของความร่วมมือเพื่อให้สามารถนำเอาวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่มี
รว่ มกนั ไปสกู่ ารปฏิบัตใิ ห้บรรลผุ ล
คุณลักษณะสำคัญดังกล่าวจะส่งเสริมให้องค์กรมีความเข้มแข็งเพราะแทนที่จะคิด
คนเดยี วทำกิจกรรมคนเดียวเครือขา่ ยจะทำให้เกิดการรวมกลุ่มกนั ทำกิจกรรมตามลักษณะความสนใจ
เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารประสบการณ์สร้างความชำนาญในการทำงานระดมสรรพกำลัง
จัดโครงสร้างองค์กรความร่วมมือและกระบวนการภายใต้ความร่วมมือจัดกติกามารยาทเพื่อให้ความ
เคลื่อนไหวมีพลังสังคมมกี ารแลกเปลี่ยนทัศนะ สร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการมีสว่ น
ร่วมซ่ึงกระบวนการพฒั นาเช่นน้มี ีความจำเปน็ มากทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

๖๙ นริ ันดร์ จงวฒุ ิเวศย์, กลวธิ ี แนวทางวธิ ีการเสริมสร้าง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา,
พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๑, (กรงุ เทพมหานคร : ศนู ย์ศึกษานโยบายสาธารณสขุ มหาวิทยาลยั มหิดล, ๒๕๔๙).

๔๙

การสร้างและพัฒนาเครือข่ายการมีส่วนร่วมจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งใน
กระบวนการเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งขบวนการประชาคมประชาสังคม ธีระพงษ์ แก้วหาวงษ์ ได้
สรปุ ให้เห็นขน้ั ตอนการสรา้ งและพฒั นาเครอื ข่ายดังน้ี๗๐

ขน้ั ท่ี ๑ การรว่ มกนั กำหนดจดุ มงุ่ หมายของเครือขา่ ย
ขั้นท่ี ๒ การตัง้ เป้าหมายและวัตถปุ ระสงค์
ข้นั ที่ ๓ การสร้างและพัฒนาแผนปฎบิ ตั ิ
ขั้นท่ี ๔ สง่ เสรมิ บทบาทและกระบวนการตัดสินใจของแตล่ ะกลมุ่
ขัน้ ท่ี ๕ พัฒนากระบวนการติดต่อสือ่ สาร
ขน้ั ที่ ๖ พฒั นาโครงสรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมอื
ข้นั ที่ ๗ การพัฒนาทรัพยากรและแหล่งทุนของเครือข่าย
องคป์ ระกอบท่สี ำคัญและมผี ลต่อความสำเร็จของเครือข่าย
ผลจากการศึกษาและพัฒนาเครือข่ายนอกจากขั้นตอนที่สำคัญแล้วองค์ประกอบอันเป็น
ปัจจัยทางการบริหารท่ีสำคญั และส่งผลตอ่ ความสำเรจ็ ของเครือขา่ ยมี ดังตอ่ ไปนี้
- กระบวนการติดต่อสื่อสารจะต้องมีความสม่ำเสมอส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ข่าวสารเทคนิคประสบการณ์ตลอดจนมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีการสรุปความก้าวหน้าในผล
การดำเนินกิจกรรมของสมาชกิ และเครอื ข่าย
- การพิจารณาถึงความต้องการของมวลสมาชิกเครือข่ายการได้แลกเปล่ียนทัศนะ
มุมมองต่อการพัฒนาหรอื เปา้ หมายของกิจกรรมในความรว่ มมือตลอดจนขบวนการตัดสินใจร่วมใจใน
การกำหนดเป้าหมายและวตั ถุประสงค์เพือ่ ให้สมาชิกสามารถแปลงไปสู่การปฏบิ ัติและประสานความ
ร่วมมือได้
- องค์กรความร่วมมือและโครงสร้างเครือข่ายมีประสิทธิภาพตอบสนองต่อการประสาน
ความร่วมมือโดยลักษณะขององค์กรความร่วมมือสามารถป้องกันการแทรกแซงจากองค์กรใดองค์กร
หนงึ่ และลดปัญหาความขดั แยง้ ตลอดจนสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มอยา่ งเท่าเทียมและท่วั ถงึ ได้
- ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทและการตัดสินใจขั้นดำเนินการของมวลสมาชิก
เพื่อสรา้ งสรรค์นวตั กรรมใหม่ ๆ และสร้างบรรทัดฐานในความรว่ มมือ
- มีการพัฒนาและระดมทรัพยากรอย่างต่อเนื่องตลอดจนแผนในการพัฒนาและระดม
ทรพั ยากรมปี ระสิทธิภาพ
- มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บทบาทของเครือข่ายและมวลสมาชิกเพื่อระดมความ
รว่ มมือและสร้างความเขา้ ใจในการดาเนินงานท้งั แก่มวลสมาชิกและประชาชนท่ัวไป๗๑

๗๐ ธีระพงษ์ แกว้ หาวงษ์, กระบวนการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ประชาคม ประชาสังคม, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๔,
(ขอนแก่น : ศนู ยฝ์ กึ อบรมและพัฒนาการสาธารณะสุขมูลฐาน, ๒๕๔๖).

๗๑ ธีระพงษ์ แก้วหาวงษ,์ กระบวนการเสริมสร้างชุมชนเข้มแขง็ ประชาคม ประชาสังคม, พมิ พ์คร้ัง ท่ี ๔,
(ขอนแกน่ : ศนู ย์ฝึกอบรมและพัฒนาการสาธารณะสขุ มูลฐาน, ๒๕๔๖).

๕๐

การจัดโครงสรา้ งเครอื ข่าย
โครงสร้างเครือข่าย มีส่วนสำคัญต่อการจัดวางตําแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบงาน

บุคคลและกลุ่มในแต่ละชุมชนเป็นอย่างมากซึ่งการจัดโครงสร้างเครือข่ายมีหลากหลายรูปแบบ
แต่ขอเสนอ ๒ รปู แบบคือ

๑. รูปแบบตามแนวด่ิง
เป็นโครงสร้างเครือข่ายตามอํานาจหน้าที่ที่มีการจัดลําดับขั้นลดหลั่นกันลงไป

ตามโครงสร้างบังคับบัญชาแบบลําดับชั้นโดยมีแกนนำซึ่งเป็นผู้นำเครือข่ายและผู้มีอํานาจในการ
สั่งการหรือระดมมวลชนสมาชกิ ในเครอื ข่ายให้มารว่ มดำเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของเครือข่ายโดยสมาชกิ
มีหน้าทีร่ ับการถา่ ยทอดคำส่ังเทา่ นนั้

๒. รปู แบบตามแนวราบ
เป็นโครงสร้างเครือข่ายที่เน้นการประสานงาน/การมอบหมายงาน และความ

ร่วมมือในแนวราบเป็นหลักอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างแกนนำที่เป็นจุดเชื่อมต่อ (Node) ของแต่ละ
เครือข่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลักษณะกลไกบริหารเครือข่ายของกลุ่ม/เครือข่ายประชาคม เพื่อสุขภาพ
โครงสร้างเครือขา่ ยแบบน้ีจึงใหค้ วามสำคญั กับแกนนำหรอื ผู้นำเครือขา่ ย ซึ่งภาวะผู้นำของเครือข่ายมี
ความสำคัญมากในการผลักดนั ไปสู่ความสำเร็จของผลงาน ทั้งนี้การใช้ภาวะผู้นำในการขบั เคลื่อนเปน็
การอาศัยทุนทางสังคมที่มีอยู่เดิมในรูปของความสัมพันธ์เชิงเครือญาติและความสัมพันธ์ฉันท์มิตรใน
การประสานงานและขอความร่วมมอื ในการดำเนินงาน

สรุปการดำเนินงานในลักษณะเครือข่ายยังคงเป็นยุทธศาสตร์ท่ีสำคัญต่อการ
เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อปัญหาในสังคมมีความ
สลับซับซ้อนมากขึ้นและเกี่ยวพันกับกลุ่มต่าง ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วม
ของหลายฝา่ ยที่เกี่ยวข้องในการจดั การกับปัญหาเหลา่ นั้น๗๒

ตวั ช้ีวัดความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย
- มีเป้าหมายร่วมกันชัดเจน
- มีระบบบริหารจดั การท่ดี ี
- มกี จิ กรรมร่วมกันอย่างต่อเน่ือง
- มีการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ร่วมกนั
- มกี ารไหลเวียนข้อมลู ข่าวสารอยา่ งต่อเน่อื ง
- มนี วัตกรรมที่เกิดจากการทำงานเครือข่าย
- มกี ารสรปุ บทเรียนรว่ มกัน(เพ่ือจัดทำแผนปตี อ่ ไป)
นอกจากนีใ้ นการทำงานรว่ มกนั กับหนว่ ยงานหรือองค์กรอน่ื ในลักษณะของเครือข่าย

ย่อมขึ้นอย่กู บั ระดบั ของความร่วมมือคือ

๗๒ วิมลศรี อุทัยพัฒนาชีพ และคณะ, การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ในการปรับเปลี่ยน
พฤติกรรมสุขภาพของชุมชน, กองสุขศึกษา, สำนักงานสาธารณสุข, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : กรมสนับสนุน
บรกิ ารสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ )

๕๑

๑. การประสานงาน (Coordination) หมายถึง วิธีซึ่งคนจำนวนมากมาร่วมกัน
ทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ออกเป็นหมวดหมู่
เพื่อมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบปฏิบัติด้วยความสามัคคี สมานฉันท์ และมีประสิทธิภาพที่สุด หรืออาจ
กลา่ วได้ว่าการประสานงานหมายถึง การจัดระเบียบวิธีการทำงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝา่ ยต่าง ๆ ร่วมมือ
ปฏิบัติงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้งานหรือกิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นสอดคล้องกับ
วตั ถปุ ระสงค์ และนโยบายขององคก์ รนั้นอยา่ งสมานฉนั ท์และ

๒. ความร่วมมือ (Cooperatoin) หมายถึง ความเต็มใจของแต่ละคนในการช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกัน เพื่อไปสู่เป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง ตามเป้าหมายขององค์การหรือหน่วยงานความ
ร่วมมือ จะเป็นการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น “เจ้าของหรือเจ้าภาพ” งานหรือกิจกรรมนั้น ๆ แล้วขอให้
ฝ่ายอื่นเข้ามาร่วม มีลักษณะเกิดขึ้นเป็นครั้ง ๆ ไป ไม่มุ่งความต่อเนื่องและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ระหว่างผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แต่มุ่งจะให้กิจกรรมน้ัน ๆ แล้วเสร็จตามความต้องการของฝ่ายเจ้าของงาน
ความร่วมมือเปน็ การชว่ ยเหลอื ดว้ ยความสมัครใจ แม้จะไม่มีหน้าทีโ่ ดยตรง อาจจะทำเรื่องเดยี วกนั ใน
เวลาเดียวกนั หรอื ตา่ งเวลาก็ได้ แมก้ ระทงั่ อาจใหค้ วามร่วมมือทำบางเร่ืองบางเวลา

๓. การทำงานร่วมกัน (Collaboration) หมายถึง การที่บุคคล ตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป
หรือองค์กรตั้งแต่ ๒ องค์กรขึ้นไป มาทำงานร่วมกัน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุม่ และรับรู้ว่า
ตนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มตามโครงสร้างที่มีอยู่ในองค์กร รวมทั้งเข้าใจวัตถุประสงค์ของการทำงาน
ร่วมกัน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ และผู้ปฏิบัติงาน ต่างก็เกิดความพอใจ
ในการทำงานนั้น

๔. การมีส่วนร่วม (Participation) หมายถึง การที่สมาชิกทุกคนของหน่วยงานหรือ
องค์กร รว่ มกนั ดำเนนิ การอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ โดยมีลักษณะของกระบวนการ (Process) มีขั้นตอนที่มุ่ง
หมายจะให้เกิดการเรียนรู้ (Learning) อย่างต่อเนื่องมีพลวัต (Dynamic) กล่าวคือ มีการเคลื่อนไหว
เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีการแก้ปัญหา การร่วมกันกำหนดแผนงานใหม่ ๆ เพื่อสร้าง
ความยั่งยืนในความสัมพันธ์ของทุกฝ่ายที่เข้าร่วมดำเนินการ การมีส่วนร่วมก่อให้เกิดผลดีต่อการ
ขับเคลื่อนองค์กรหรือเครือข่าย ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมย่อมเกิดความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
การบริหาร และที่สำคัญผู้ที่มีส่วนร่วมจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของเครือข่าย ความรู้สึกเป็นเจ้าของจะ
เป็นพลังในการขบั เคล่ือนเครือขา่ ยที่ดีท่สี ดุ ๗๓

๒.๕ แนวคิดและทฤษฎเี ก่ยี วกับการส่งเสริมการประกอบอาชพี ของผตู้ ้องขงั ในเรือนจำ
ชวั่ คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย

เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย ดำเนินการตามโครงการใน
พระราชดำริ พระเจา้ หลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการนอ้ มนำปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมา
ปรับใช้ในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จ

๗๓Gotoknow, การพัฒนาระบบภาคเี ครอื ขา่ ย, [ออนไลน]์ : แหล่งที่มา, https://www.gotoknow.org/posts/
๓๔๔๗๕๕, (๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔).

๕๒

พระเจ้าอยู่หัวฯ ไปใชไ้ ดจ้ รงิ ภายหลังพ้นโทษ เปน็ การสรา้ งกำลังใจให้กับผตู้ ้องขังและยังทำให้ผู้ต้องขัง
ได้มีโอกาสในการกลับคืนสู่สังคม โดยมีทักษะที่สามารถดำรงชีวิตท่ีพึง่ ตนเองได้ไม่หวนกลับไปกระทำผดิ
อีก ในปจั จบุ นั เรือนจำชว่ั คราวดอยฮาง เปน็ ศูนย์การเรียนร้เู ศรษฐกิจพอเพยี ง เปิดใหบ้ ริการเข้าเย่ียม
ชมการบริหารจดั การอยา่ งเป็นระบบ และเป็นจุด Check in ที่สำคัญของนักท่องเที่ยวและประชาชน
ท่ัวไปท่เี ข้ามาใช้บริการ

ประวัติเรือนจำช่ัวคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
ในวันท่ี ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพชั รกิตยิ าภา เสด็จเยี่ยม
เยียนและประทานสิ่งของแก่ผู้ต้องขังหญิงและเด็กติดผู้ต้องขังหญิง ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง
กรุงเทพมหานคร การเสด็จเยี่ยมดังกล่าว ทำให้ทรงเห็นปัญหาของผู้ต้องขังหญิง ที่เมื่ออยู่ในเรือนจำ
แล้วก็ต้องขาดโอกาสต่าง ๆ ในชีวิตไป โดยเฉพาะความรักความอบอุ่นจากครอบครัว รวมทั้งทารก
บริสุทธิ์ไร้ความผิดที่ถือกำเนิดขึ้นในเรือนจำจากครรภ์ของแม่ที่เป็นผู้ต้องขัง ซึ่งก็ทำให้ความขาด
โอกาสชีวิตในด้านต่าง ๆ เกิดการตกทอดและดำเนินต่อไปอย่างซ้ำซ้อน และการขาดโอกาสต่าง ๆ
เหล่านี้ย่อมนำมาซึ่งปญั หาต่อไปในอนาคต
ปัญหาที่ทรงค้นพบนั้นได้จุดไฟพระปณิธานในการที่จะทรงช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่
ผู้ต้องขังหญิงขึ้น ทำให้ใน ๕ ปีต่อมา เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาเอก พระเจ้าหลานเธอ
พระองค์เจา้ พัชรกิติยาภา จงึ ทรงกอ่ ตง้ั โครงการกำลังใจขึ้นในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ ณ ทณั ฑสถาน
หญิงกลาง กรุงเทพมหานคร โดยแรกเริ่มนั้นทรงโปรดให้วิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย เข้ามา
ดำเนินงานภายใต้พระดำริ ที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์
และทารกที่เกิดในเรือนจำ และเมื่อโครงการดังกล่าวนี้ได้ขยายไปสู่เรือนจำอื่น ๆ ทั่วประเทศ ระดับ
ของการช่วยเหลือก็ขยายไปสู่การฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำต่าง ๆ อันเป็นการเตรียม
ความพรอ้ มในการกลับสสู่ งั คมด้วย
นอกจากนี้ ยังทรงเล็งเห็นว่าการประทานสิ่งของบรรเทาทุกข์นั้นยังไม่ใช่การช่วยเหลอื ที่ตรง
จุดและยั่งยืน เนื่องจากเมื่อเวลาผา่ นไปแลว้ สิ่งของเหล่านั้นย่อมหมดไป จึงมีพระดำริให้มีการน้อมนำ
แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ มาปรับใช้ใน
เรือนจำ เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้ผู้ต้องขงั รู้คุณคา่ ของตวั เอง พึ่งพาตนเองได้ ไม่ฟงุ้ เฟอ้ ฟุ่มเฟือย เพ่ือเม่ือออกไป
จากเรือนจำแลว้ จะสามารถหยัดยนื ได้ด้วยตัวเองโดยไมห่ ันไปกระทำผดิ ซำ้
ในการน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในเรือนจำนั้น นอกจากจะมีการอบรม
ทางด้านแนวทางทัศนคติท่ีควรมีในการใชช้ ีวติ ยงั มคี วามพยายามทำให้เกิดการปฏบิ ัติอันเป็นรูปธรรม
ด้วยการอบรมการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งต่อมาได้มีการขยายผลเพิ่มเติมเป็นโครงการพัฒนาระบบการ
ผลิตมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สำหรับเรือนจำชั่วคราว จนกระทั่งเรือนจำนำร่องโครงการทั้ง ๔ แห่ง
ได้รับมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. ๙๐๐๐ เล่ม ๑-๒๕๕๒ ส่วนพืชผักจากโครงการก็ได้ออกสู่ตลาด
ภายใต้แบรนด์ “Inspire กำลังใจ” และในเวลาต่อมา ผลิตภัณฑ์ชาใบหม่อนอินทรีย์ของเรือนจำ
ชั่วคราวแคน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าอินทรีย์ตาม
มาตรฐานสากล
นอกจากนี้ โครงการกำลังใจยังได้เล็งเห็นถึงปัญหาในเรื่องของทุนในการประกอบอาชีพ
กล่าวคือ เมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษมาแล้ว แม้จะมีความรู้ในการประกอบอาชีพติดตัวมาจากการอบรมใน

๕๓

เรือนจำ แตก่ ็ยังอาจเป็นการยากในการหาเงินทุนเพ่ือแปรเปลีย่ นความรู้ทต่ี นมีเป็นการประกอบอาชีพ
หาเลี้ยงตนเอง จึงได้มีประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริหาร “กองทุนตั้งตัวได้” ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันท่ี
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการมอบทุนให้กับผู้ต้องขัง จากที่เดิมกองทุนดังกล่าว
เน้นการใหท้ ุนกบั ผ้ทู ี่ศกึ ษาในระดบั อาชวี ศกึ ษาและอุดมศึกษา หรอื จบการศึกษามาไมเ่ กิน ๕ ปี

หลักสตู รกำลงั ใจ – ดอยราง(ดอยฮาง) Model
หลักสูตรกำลังใจคือกระบวนการปลายน้ำของความพยายามในการคืนผู้ต้องขังสู่สังคม
เนอ่ื งจากตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น แมจ้ ะมีกระบวนการในการเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังก่อนปล่อยตัว
แตก่ ย็ ังมลี ักษณะการเตรยี มอย่าง one size fit all หรือกค็ ือเป็นการเตรียมการโดยไม่ไดม้ กี ารคำนึงถึง
ความแตกต่างของผู้ต้องขังแต่ละคนซึ่งย่อมส่งผลต่อทางเลือกในชีวิตที่แตกต่าง เช่น ปัญหาการไม่มี
ตลาดรองรับทักษะอาชีพที่ฝึกมาจากในเรือนจำ ไม่ว่าผู้ต้องขังจะเลือกกลับไปอยู่ในสังคมเดิมหรือ
พยายามเรมิ่ ต้นชวี ติ ใหมใ่ นสังคมอื่น ซงึ่ อาจกลายเปน็ จุดเร่ิมต้นสู่การกระทำผิดซ้ำจนต้องโทษจำคุกได้อีก
ในการนี้ จึงมีการจัดตั้งโครงการนำร่อง “ศูนย์การเรียนรู้ดอยราง” หรือ “ดอยราง Model”
ขึ้นท่ีเรอื นจำชัว่ คราวดอยราง จงั หวดั เชยี งราย ซง่ึ พัฒนาข้ึนตามศาสตร์แห่งพระราชา “เข้าใจ-เข้าถึง-
พัฒนา” มุ่งสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับสังคมบนหลัก ๓S คือ Survival (การอยู่รอด) Sufficiency
(ความพอเพยี ง) และ Sustainability (ความนั่งยนื )
ดอยราง (ดอยฮาง) Model นั้นแบง่ เปน็ ๓ ระยะ คือ

๑. ปรบั ทกุ ข์-ผกู มิตร: สร้างความสัมพันธใ์ นกลุ่มเพื่อเรยี นรผู้ ้อู ่ืนและสะท้อนตัวเอง
๒. ถอดรอ้ื -สรา้ งใหม:่ สะทอ้ นเหตุทีน่ ำไปสู่การใชย้ าเสพตดิ เสรมิ สรา้ งกำลังใจสู่ชีวติ ใหม่
๓. ดูแลตอ่ เนือ่ ง: ภาคีเครอื ข่ายรวมทง้ั บคุ คลแวดลอ้ มรว่ มกนั ดแู ลผู้ตอ้ งขังดว้ ยกัน
ในดอยราง Model นี้ ผู้ต้องขังจะเป็น Active Learner คือไม่ใช่ผู้ที่นั่งฟังการสั่งสอนอย่าง
เดียว แต่คือได้เข้าสู่การเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม ทั้งนี้สิ่งสำคัญก็คือ ต้องมีการคัดกรองผู้ต้องขังที่
ปรารถนาจะได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการจริง ๆ ไม่ใช่เพียงเพื่อได้ย้ายมาอยู่ใน
เรอื นจำชั่วคราวดอยรางท่มี ีความแออัดน้อยกวา่ และสะดวกสบายกว่า และในสว่ นของผ้คู ุมนั้น จะต้อง
ไม่ทำหน้าที่ควบคุมสั่งสอน แต่คือสวมบทบาทของผู้เสริมสร้างวิธีคิดและประสานประโยชน์กับภาคี
เครือข่ายภายนอก ทั้งเพื่อสามารถสร้างอาชีพที่เหมาะสมแก่ตัวผู้ต้องขัง มีตลาดรองรับ รวมทั้งสร้าง
ความรคู้ วามเข้าใจให้สังคมภายนอกยอมรบั และใหโ้ อกาสในตวั ผู้ต้องขงั ทพ่ี น้ โทษไปแล้ว๗๔
ฝกึ อาชพี สรา้ งรายได้ คืนชวี ิตให้ผู้กา้ วพลาด
ภายในเรือนจำจะแบ่งผู้ต้องขังไปดูแลในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น พื้นที่ปลูกผัก ผลไม้ สวนยางพารา
เลี้ยงไก่ ปลูกข้าว และผลิตปุย๋ หมักชีวภาพ เมื่อได้ผลผลิตจะเอามาวางจำหน่ายภายใน หรือขายส่งให้

๗๔ Thailandtourismdirectory, ศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดอยฮาง โครงการ
กำลังใจในพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา (เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง) , [ออนไลน์].
แหล่งที่มา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/๒๒๘๙๗, (๒๙
มถิ นุ ายน ๒๕๖๔)

๕๔

พ่อค้าแม่ค้าในละแวกนั้นที่สามารถเข้ามาซื้อผลผลิตเอาไปจำหน่ายต่อ สุดท้ายกำไรที่ได้จะคืนสู่
ผตู้ อ้ งขงั

ภวัต พลวัฒน์ หัวหน้าเรือนจำชั่วคราวดอยฮางเล่าให้ฟังว่า เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง
มีลักษณะเดียวกับทัณฑสถานเปิด ควบคุมผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษให้มาฝกึ วชิ าชีพด้านการเกษตรปลกู พืช
เล้ียงสตั ว์ โดยจะรบั ผตู้ ้องขงั กำหนดโทษไม่เกิน ๓ ปี ๖ เดอื น ตา่ งจากทัณฑสถานเปิดแห่งอื่น ๆ ท่ีรับ
ผู้ต้องขังไม่เกิน ๗ ปี แต่จะมีระบบการจัดการฝึกวิชาชีพไปในแนวทางเดียวกัน “การฝึกวิชาชีพส่วน
ใหญเ่ ป็นการทำการเกษตร เพราะอย่างแรกมีพืน้ ทีเ่ ยอะ และผู้ต้องขงั ที่ถูกคดั เลือกมามีพ้ืนฐานการทำ
การเกษตรกรรม สิ่งที่เพิ่มมาอย่างการทำปุ๋ยชีวภาพ เรื่องของพืชผักสวนครัว และการอบรมการ
ประกอบวชิ าชีพระยะสัน้ ” หวั หนา้ เรือนจำอธิบาย

การฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขังจะแบ่งเป็น ๑๐ กองงาน เช่น งานปลูกผัก ปลูกผลไม้ งานทำปุ๋ย
งานสวนยาง หรืองานเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น กำไรที่ได้จากงานเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะส่งให้เรือนจำกลาง
ฝา่ ยฝึกวิชาชพี และอีกส่วนที่เหลือจะแบง่ เข้ามาเปน็ เงินปนั ผลของผู้ต้องขงั

หัวหน้าเรือนจำเล่าต่ออีกว่า ผู้ต้องขังทุกคนมีรายได้เพราะว่ามีงานทำ คนทำงานก็ย่อมจะมี
รายไดต้ ามมา โดยจะจา่ ยเปน็ เงนิ ปนั ผล ๒ เดอื นต่อหนึ่งคร้งั ผตู้ อ้ งขงั จะมีรายได้ ๕๐% ของกำไรที่ได้
จากการขายสินค้า ซึ่งปันผลแต่ละรอบก็จะได้เงินประมาณหลักร้อยบาท รายได้ของผู้ต้องขังจะไม่
เท่ากัน ต้องดูจากผลคะแนนของแต่ละคน โดยคะแนนนั้นได้มาจากการมีส่วนร่วมของงานต่าง ๆ
(คะแนนสูงสุดอยู่ที่ ๑๒ คะแนน)

ปจั จุบนั เรอื นจำช่วั คราวดอยฮางมีผู้ต้องขัง ๑๕๙ คน (พืน้ ทน่ี ี้สามารถรองรับได้ทัง้ หมด ๒๐๐ คน)
หนึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังที่เข้าร่วมโครงการกำลังใจในพระราชดำริฯ ซึ่งรับแค่รุ่นละ ๕๐ คน
โดยในปีนี้เป็นรุ่นที่ ๑๑ แล้ว เกณฑ์การคัดเลือกหลักจะเลือกจากผู้ต้องขังที่รับโทษไม่เกิน ๓ ปี ๖ เดือน
และโครงการกำลังใจในพระราชดำริฯ กำหนดโทษไม่เกิน ๕ ปี เมื่อผ่านการฝึกอบรมจากโครงการนี้แล้ว
ทางเรือนจำจะพกั โทษให้๗๕

๒.๖ งานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง

งานวิจัยเรื่อง กระบวนการมสี ว่ นรว่ มของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของ
ผู้ตอ้ งขังในเรอื นจำชว่ั คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย มงี านวิจัยทเี่ กี่ยวข้องดงั นีค้ อื

๒.๖.๑ สาธิต ปานอ่อน และคณะ ได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง คุณภาพชีวิตการทำงานของ
ข้าราชการ ในกล่มุ เรือนจำเขต ๗ ผลการวิจัยพบวา่ คณุ ภาพชวี ติ การทำงานของข้าราชการในเรือนจำ
ทั้ง ๘ แห่ง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดบั .๐๕ โดยข้าราชการเรือนจำ จังหวดั
ประจวบคีรีขันธ์ มีคุณภาพชีวิตการทำงานสูงที่สุด (๓) ปัจจัยทุกตัวได้แก่ความหลากหลายของงาน
ความเป็นหนึ่งเดียวกับงานความสำคัญของงานความมีอิสระในการทำงานการมีโอกาสรับรู้ผลการ
ปฏิบัติงานมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับที่สูงมากกับคุณภาพชีวิตการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทาง

๗๕ กรุงเทพธุรกิจ, 'เที่ยวเชียงราย' สไตล์ใหม่ เมื่อเรือนจำกลายเป็นที่เที่ยวเชิงเกษตร, [ออนไลน์]
แหล่งทีม่ า https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/๘๖๔๗๘๔, (๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓).

๕๕

สถิติที่ระดับ .๐๑ โดยปัจจัยที่มีความสัมพันธ์สูงที่สุดได้แก่ ความมีอิสระในการทำงาน (๔) แนวทาง
พัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานของข้าราชการในกลุ่มเรือนจำเขต ๗ ได้แก่ ควรมีการสับเปลี่ยน
หมนุ เวยี นงาน เพอื่ ใหบ้ ุคลากรเกดิ ความรู้หลากหลายและมิให้เกดิ ความเบื่อหน่ายในการปฏิบัติหน้าท่ี
ควรเสรมิ สร้างความร่วมมือระหว่างบุคลากรในการปฏบิ ัติงานที่ไดร้ ับมอบหมายให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด
ผูบ้ งั คบั บัญชาควรให้อำนาจในการตดั สินใจหรือแก้ไขปัญหาในระดับตน้ เพื่อให้งานสามารถดำเนินไป
ได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด และควรจัดระบบการประเมินผลงานอย่างเป็นธรรมและเสมอภาค
นอกจากนั้นควรสร้างภาพลักษณ์ให้สังคมเห็นความสำคัญของหน่วยงาน และมีทัศนคติที่ดีต่อ
หน่วยงานซ่งึ จะทำให้เจ้าหน้าที่มี ความภาคภูมิใจในงานของตน๗๖

๒.๖.๒ พิรญาณ์ โคตรชมภู ได้ทำงานวิทยานิพนธ์เรื่อง การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขัง
เชิงพุทธบูรณาการ ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัญหาและคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์
จากความเป็นอยู่ที่ต้องถูกคุมขัง ไม่มีความเป็นส่วนตัว ส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ มีความ
ท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง มภี าวะเครียดสูงไม่เห็นคุณค่าในชีวิต มมี ิจฉาทฏิ ฐิ ไม่เชอ่ื เรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม
มีปญั หาเรอื่ งการปรบั ตัว การมีวนิ ัย เคารพกฎระเบียบ ถึงแมว้ ่าทางกรมราชทัณฑ์จะจดั ให้มีชีวิตความ
เป็นอยู่ตามข้อกำหนดมาตรฐานสากลต่อผู้ต้องขังเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้มีผลต่อการจิตใจของผู้ต้องขัง
เท่าที่ควร กระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังตามแนวพุทธ ผู้วิจัยศึกษาวิเคราะห์ในโครงการ
เรือนจำเรือนธรรมของเรือนจำกลางระยอง จังหวัดระยอง ที่ใช้หลักพุทธธรรมเพ่ือการพัฒนาคณุ ภาพ
ชีวิตโดยการปฏิบัติธรรมด้วยการเจริญสติ ในหลักมหาสติปัฏฐาน ๔ กาย เวทนา จิต ธรรม และหลัก
ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จักร ๔ ปฏิรูปเทสวาสะ สัปปุริสูปัสสยะ อัตตสัมมาปณิธิ ปุพเพกต
ปญุ ญตา และข้อปฏิบตั ิ เพือ่ ความดงี ามเบื้องต้น ได้แก่ หริ ิ โอตตัปปะ

แนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังเชิงพุทธบูรณาการภาคทฤษฎี ได้บูรณาการ
หลักธรรมที่ได้กล่าวถึงมาแล้วนั้น กับแนวคิดทางศาสตร์ตะวันตก อาชญาวิทยา และหลักการบำบัด
ฟ้นื ฟแู ละพัฒนาสมรรถภาพตามหลักสากล ภาคปฏบิ ัตไิ ดบ้ รู ณาการหลักสากล กบั แนวคิดเพ่ือปลูกฝัง
จิตสำนึกกับหลักพุทธธรรมและการปฏิบัติธรรม ในโครงการเรือนจำเรือนธรรม ได้องค์ความรู้ใหม่ที่
เปน็ แนวทางพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต ทงั้ ในมติ ขิ องปัจเจกบคุ คล และมติ ขิ องสงั คม๗๗

๒.๖.๓ ไพฑูรย์ สมแก้วและคณะ ทำการวิจัยเรื่อง ส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับท้องถ่ิน
กรณีศึกษาช่องทางทุจริตในระดับตำบล ปัญหาและแนวทางแก้ไขเพื่อการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม
เชิงโครงสรา้ งระดับทอ้ งถน่ิ พบวา่ ปญั หาจากแนวคดิ ของระบบสังคมตามกลไกของระบบทนุ ผูกขาดท่ีมี
ฐานะนำทางเศรษฐกจิ และครอบงำสังคมชุมชนเกษตรกรรมไทยเปน็ ตวั กำหนดกรอบคิดเชิงอำนาจเป็น
ผลให้สังคมชุมชนเลือกสรรผู้มีฐานะนำทางเศรษฐกิจของชุมชนมาเป็นตัวแทนสมาชิกสภา
กรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลส่งผลต่อรปู แบบของการบริหารจัดการและการบริการของ

๗๖ สาธิต ปานอ่อน และคณะ, คุณภาพชีวิตการทํางานของข้าราชการ ในกลุ่มเรือนจําเขต ๗,
มหาบัณฑติ หลกั สูตรรฐั ประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวทิ ยาการจดั การ, (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช, ๒๕๕๖)

๗๗ พิรญาณ์ โคตรชมภู, การพฒั นาคณุ ภาพชีวิตผ้ตู ้องขังเชงิ พทุ ธบูรณาการ, พุทธศาสตรด์ ษุ ฎบี ัญฑิต
(พระพทุ ธศาสนา), (มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๓๗

๕๖

องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลใหเ้ ปน็ ไปในรูปแบบของการบริหารจัดการแบบธุรกจิ ตามทกั ษะของผู้ท่ีได้รับ
การเลือกสรรและผลการวิจัยยังบ่งบอกอีกว่าความสนใจในการมีส่วนร่วมอยู่ในระดับน้อยปัญหามา
จากกลไกการให้ประชาชนมีส่วนร่วมและความไม่เข้าใจในโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตยจึง
จำเป็นและต้องสร้างกลไกหรือหลักสูตรการเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตยในระดับฐานรากเพื่อให้
ประชาชนเข้ามามสี ่วนร่วมอยา่ งปลอดภัย๗๘

๒.๖.๔ ศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ ได้วิจัยเรื่อง การวิเคราะห์นโยบายการกระจายอำนาจ
ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน พบว่า ภาครัฐและส่วนราชการท่ี
เกย่ี วขอ้ ง ยังไม่มคี วามจริงจงั และจรงิ ใจต่อการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ เท่าที่ควร
มกี ารถา่ ยโอนเฉพาะภารกจิ และอำนาจหน้าทีส่ ่วนหน่ึงให้เท่าน้ัน ในขณะที่งบประมาณและบุคลากรที่
มีความเชี่ยวชาญอยา่ งแทจ้ ริงยังไม่มกี ารถา่ ยโอน ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถดำเนนิ
ภารกิจที่ไดร้ บั การถ่ายโอนให้ ส่วนในด้านผ้ปู ฏิบัติตามนโยบายการกระจายอำนาจ เจ้าหนา้ ที่ได้รับการ
ถา่ ยโอนให้ ส่วนในดา้ นผปู้ ฏิบตั ิตามนโยบายการกระจายอำนาจ เจา้ หนา้ ท่ีผู้ปฏิบัติยังมีความเข้าใจใน
นโยบายของรัฐบาลไม่ชัดเจน หรือมีการอาศัยช่องว่างของระเบียบกฎหมายในการยืดเวลาถ่ายโอน
ภารกิจออกไป ผลของการกระจายอำนาจต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยังไม่เห็นผลมากนัก อาจจะ
กอ่ ให้เกิดผลเสียเปน็ อย่างมากตอ่ ประสทิ ธภิ าพของการปกครองท้องถ่ิน๗๙

๒.๖.๕ บุญแสง ชีระภากร วิจัยเรื่องภาวะผู้นำและการบริหารงานของผู้บริหารองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า ๑) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภทมีรูปแบบภาวะผู้นำ
แบบชี้นำมากที่สุด ๒) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกช่วงอายุ ทั้งเพศหญิง และเพศชายใน
ทุกระดบั การศึกษา อาชีพ และประสบการณ์ทำงานในองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ มรี ูปแบบภาวะผู้นำ
แบบชี้นำมากที่สุด ๓) ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่วนใหญ่บริหาร โดยคำนึงถึงมิติ
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ความรับผิดชอบต่อสังคม ซื่อสัตย์ เป็นธรรม โปร่งใส และการให้
ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารงาน แต่ในมิติความมีจริยธรรม และเคารพกฎหมาย และการ
ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นนั้น มีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคำนึง
น้อยกว่ามิติอื่น ๔.) เมื่อควบคุมตัวแปรระยะเวลาที่เคยทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อน
ประเภทผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสัมพันธ์กับการบริหารงานใน ๓ มิติ คือ
ความรับผิดชอบต่อสังคม การสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นและความซื่อสัตย์

๗๘ ไพฑูรย์ สมแก้ว และคณะ, “การวจิ ัยเพ่ือส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดบั ทอ้ งถิ่นกรณีศึกษาช่องทาง
ทุจริตในระดับตำบล: ปัญหาและแนวทางแก้ไขเพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมเชิงโครงสร้างระดับท้องถิ่น” ,
รายงานวิจัย,ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม, (กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลัง
แผน่ ดินเชงิ คณุ ธรรม, ๒๕๔๘).

๗๙ศักดาพินิจ ณรงค์ชาติโสภณ, “ การวิเคราะห์นโยบายการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน”, ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ( รัฐศาสตร์ ), (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลยั
รามคำแหง, ๒๕๔๙).

๕๗

เป็นธรรม โปร่งใส ส่วนรูปแบบภาวะผู้นำของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสัมพันธ์กับ
การบรหิ ารงานใน ๓ มติ ิ คอื การคำนึงถงึ ประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล ความรับผิดชอบต่อสงั คม๘๐

๒.๖.๖ วันชัย สุขตาม ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาทุนมนุษย์วิถีพุทธในยุคโลกาภิวัตน์ พบว่า
แนวคิดเกี่ยวกับหลักพุทธธรรม เป็นแนวคิดที่สามารถผลักดันให้ทุนมนุษย์ปฏิบัติงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล หลักพุทธธรรมที่สำคัญได้แก่ ภาวนา ๔ ไตรสิกขา สัปปุริสธรรม ๗
จริต ๖ รวมทั้งการพิจารณากลุ่มผูร้ ับเข้าการพัฒนาทุนมนุษยด์ ว้ ยการมองหลักการตา่ ง ๆ จากการคิด
เรื่องบัว ๔ เหล่าอันเป็นการพิจารณาคุณสมบัติในการเรียนรู้ของบุคคลทางพระพุทธศาสนา สำหรับ
หลักการพัฒนาทุนมนุษย์และผลกระทบของโลกาภิวัตน์ที่มีต่อการพัฒนาทุนมนุษย์นั้น
พระพุทธศาสนาเน้นการพัฒนาปฏิสัมพันธก์ ับมิตพิ ัฒนาทางเศรษฐกจิ สังคม การเมือง กระแสโลกาภิ
วัตน์รวมทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคศาสนาอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ พุทธวิธีในการพัฒนาทุนมนุษย์ตามหลักพระพุทธศาสนามีจุดมุ่งหมายที่จะจัดการคน
ให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี (วิชชาจรณสัมปันโน) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เชิงพุทธจะเป็นไปตาม
หลักพุทธธรรม คือ การมชี ีวติ อนั ประเสรฐิ มีปญั ญารู้ความจรงิ ตามความเป็นจริงพฒั นาตนเองให้มีพบ
ภูมิที่ดีกว่าเดิม พุทธธรรมมีหลักการที่ครอบคลุมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม (การพัฒนา
ศีล) การพัฒนาจิตใจให้มีสุขภาพจิตดี มีสมรรถภาพจิตสูงขึ้น จิตมีคุณภาพมากขึ้น (การพัฒนาสมาธิ)
และพฒั นาไปสู่ระดับการเขา้ ถึงสัจธรรม (การพัฒนาปญั ญา)๘๑

๒.๖.๗ สมภพ แจมจันทร ได้วิจัยเรื่อง “ประสบการณ์ทางจิตใจของผู้ต้องขังหญิงคดี
ฆาตกรรมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่” ประสบการณ์ทางจิตใจของผู้ต้องขังหญิงคดีฆาตกรรม
จากการวิจัยครั้งนี้แบ่งออกเป็น ๖ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านชนวนก่อเหตุฆาตกรรม: ก่อนล งมือก่อเหตุ
ฆาตกรรมผู้ต้องขังหญงิ คดีกล่าวถึงความรูส้ ึกกดดันในชวี ิตซง่ึ นำไปสู่ความโกรธและการลงมือฆ่าคู่กรณี
การทำไปเพ่ือป้องกันตัวและไม่มีเจตนาทำให้เสียชีวิต รวมถึงความรู้สึกลังเลใจและสับสนก่อนลงมือก่อเหตุ
๒) ดา้ นเม่ือแรกรวู้ ่าถกู จำคกุ : เมื่อผตู้ ้องขงั หญงิ คดีฆาตกรรมรับรวู้ ่าตนเองถูกจำคุก ความรู้สกึ ที่เกิดข้ึน
คอื ความตกใจอย่างรนุ แรง ความหว่นั กลวั ต่อเรือนจำ ความรสู้ กึ สูญเสียใหญ่หลวงในชีวิต ความกังวล
เกี่ยวกับชีวิตในเรือนจำ ความเป็นห วงสมาชิกในครอบครัว และการพยายามทำใจยอมรับ
๓) ด้านความทุกข์ใจจากการถูกจองจำ: ผู้ต้องขังหญิงรู้สึกทุกข์ใจในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความทุกข์ใจ
จากการพลดั พรากจากครอบครวั ความทุกขใ์ จจากกฎระเบยี บในเรือนจำและการขาดอสิ รภาพในชีวิต
ความทุกข์ใจการไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้ และความทุกข์ใจจากการอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า
๔) ด้านการปรับตัวและปรับใจให้อยู่ได้ในเรือนจำ: ผู้ต้องขังหญิงปรับตัวเข้ากับชีวิตในเรือนจำโดยใช้
กระบวนการทางความคิด พยายามทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเรือนจำ มีปฏิสัมพันธ กับผู้ต้องขังอื่น
เปล่ียนแปลงตนเองเพอ่ื เอาตัวรอด รวมถึงการตระหนกั ถึงความหมายในชีวติ ๕) ด้านความมงุ่ หวังและ

๘๐ บุญแสง ชีระภากร, “ภาวะผู้นำและการบริหารงานของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”,
ปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต, ( รัฐประศาสนศาสตร์ ), (บัณฑติ วทิ ยาลัย : มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ๒๕๕๒).

๘๑ วันชัย สุขตาม, การพัฒนาทุนมนุษย์วิถีพุทธในยุคโลกาภิวัตน์, รัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต,
(บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์, ๒๕๕๕)

๕๘

ความกังวลในอนาคต: ภายหลังจากพนโทษผู้ต้องขังหญิงมีความตั้งใจกลับออกไปทำงานกลับไปอยู่
บ้านละอยู่กับครอบครัว รวมถึงการบวชชีเพื่อชําระจิตใจ สำหรับประเด็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับ
อนาคต ผตู้ ้องขงั ขังหญิงมีความสบั สนในอนาคต และกงั วลเก่ียวกับการยอมรับของสังคมและญาติพี่น้อง
๖) ดา้ นบทเรยี นท่ีได้รบั จากการถกู จองจำ: ผู้ตอ้ งขงั หญิงระบวุ า่ ตนเองไดส้ ำนึกถงึ คุณค่าของครอบครัว
มีการเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีขึ้น ได้รับโอกาสทางการศึกษาและวิชาชีพ รวมถึงได้รับบทเรียน
ชีวิต ผลการวจิ ยั สามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการทำความเข้าใจประสบการณ์ทางจิตใจของผู้ต้องขังหญิง
คดีฆาตกรรมและนำไปใช้ประโยชน์ในการปรึกษาเชิงจิตวิทยาสำหรับคนกลุ่มนี้ แต่การวิจัยครั้งนี้ทำ
ขึ้นกับผู้ต้องขังหญิงคดีฆาตกรรมในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เท่านั้น ซึ่งทำให้มีข้อจำกัดในการนำไป
อา้ งองิ กับผูต้ อ้ งขงั หญิงท่วั ไป๘๒

๒.๖.๘ ปรชี ญาณ นักฟอน ไดศ้ ึกษาเร่ือง “การดำเนนิ นโยบายการบาํ บัดฟื้นฟูผูต้ ้องขังติดยา
เสพติดในเรือนจำของไทย” โดยพบว่าแนวนโยบายและรูปแบบกาบําบัดฟื้นฟูที่กรมราชทณั ฑกำหนด
มีความชัดเจนและเหมาะสม หากแต่ในเรือนจำและทัณฑสถานต่าง ๆ กลับไม่สามารถดำเนินการได้
ตามแนวทางทก่ี ำหนดได้จรงิ เน่อื งจากลักษณะของหนวยปฏิบัตแิ ละสถานการณของปัญหาที่แทจริงที่
เกิดขึ้นไม่เอื้ออํานวยต่อการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว ทั้งลักษณะทางกายภาพของพื้นที่และ
โครงสร้างการดำเนินงานภายในของเรือนจำส่งผลให้โดยการบําบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังในเรือนจำยังคงเป็นเพียง
“ภารกิจเสรมิ ” ของเรือนจำเท่าน้ัน รวมทง้ั แตล่ ะเรือนจำต้องรับภาระในการควบคุมตัวผู้ต้องขังที่เกิน
ศักยภาพในการรองรับที่แทจริง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กรมราชทัณฑไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ทั้งน้ี
รูปแบบการบําบัดฟื้นฟูผู้ต้องขังติดยาเสพติดในเรือนจำที่เหมาะสม จึงควรให้ความสำคัญกับ
องค์ประกอบที่สำคัญ ๔ ด้านได้แก่ ลักษณะของผู้ต้องขัง ลักษณะของโปรแกรมการบําบัด ลักษณะ
ของเจ้าหน้าที่โปรแกรม และลักษณะของเรือนจำ โดยองค์ประกอบทั้ง ๔ต้ องมีลักษณะเฉพาะท่ี
เออื้ อํานวยต่องานด้านการบําบัดฟ้ืนฟู ซง่ึ ถอื เป็นงานทม่ี ีลักษณะเฉพาะสำหรับเรือนจำและทัณฑสถาน๘๓

๒.๖.๙ สุมนทิพย จิตสว่าง ได้วิจัยเรื่อง “ปัจจัยที่ผลต่อพฤติกรรมการกระทำความผิดของ
นักโทษประหารชีวิต” ได้กล่าวถึงสาเหตุของการกระทำความผิดของผู้ต้องขังโทษประหารชีวิตไว้ว่า
สาเหตทุ ี่นักโทษประหารชีวิตประกอบอาชญากรรมจนกระทั้งต้องโทษประหารชวี ิต เนื่องมาจากมีเจต
นำนงเสรี (Free will) ในการเลือกกระทำ โดยเห็นว่า การประกอบอาชญากรรมก่อให้เกิดความสุข
หรือตอบสนองต่อความต้องการทางจิตใจ สภาพแวดล้อม และปัจจัยต่าง ๆ (Determinism) สภาพ
ร่างกายหรือจิตใจที่ไม่สามารถควบคุมพฤตกิ รรมการประกอบอาชญากรรม การเรียนรู้พฤติกรรมท่ไี ม่

๘๒ สมภพ แจ่มจันทร์, “ประสบการณ์ทางจิตใจของผู้ต้องขังหญิงคดีฆาตกรรมในทัณฑสถานหญิง
เชยี งใหม่”, ศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต, (จิตวิทยาการปรกึ ษา), (บณั ฑิตวทิ ยาลัย : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ,๒๕๕๐).

๘๓ ปรีชญาณ นักฟอน, “การดําเนินนโยบายการบําบัดฟนฟูผูตองขังติดยาเสพติดในเรือนจําของไทย”,
รายงานวจิ ยั , (ภาควิชารัฐศาสตร คณะสังคมศาสตร มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ, ๒๕๕๘).

๕๙

ถูกต้องทั้งจากเพื่อน โดยผ่านการคบหาสมาคมหรือการเรียนรู้ผ่านสื่อมวลชน การขาดความรักความ
ผูกพนั ต่อครอบครัวหรือสงั คม การถูกตีตราจากสังคมว่าเป็นอาชญากรหรอื คนไมด่ ี๘๔

๒.๖.๑๐ วรพิมพสุข ผองสมัย ได้วิจัยเรื่อง “ศึกษากระบวนการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขังหญิง
ในทัณฑสถานหญิงกลางตามหลักพุทธธรรม” พบว่ารูปแบบการพัฒนาจิตใจผู้ต้ องขังหญิงใน
ทัณฑสถานหญิงกลางตามหลักพุทธธรรม ที่เกิดจากการนำเอารูปแบบการพัฒนาจิตใจผู้ต้องขัง
ของทัณฑสถานหญิงกลางมาบูรณาการ ร่วมกับรูปแบบการฝึกอบรมพัฒนาจิตใจของยุวพุทธฯ
เป็นรูปแบบที่มีความเหมาะสม สำหรับจัดการฝึกอบรมให้กับผู้ต้องขังหญิงในทัณฑสถานหญิงกลาง
และจากการประเมินผลกระบวนการฝึกอบรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายพบว่า ทั้งรูปแบบและ
กระบวนการพัฒนาจิตใจผู้ตอ้ งขังหญิงกลางตามหลักพุทธธรรมมปี ระสทิ ธิภาพในระดับมาก๘๕

๒.๖.๑๑ สุริโย ชูจันทร์ และคณะ ได้วิจัยเรื่อง “แนวทางเชิงกลยุทธ์การพัฒนานาคาโมเดล
สำหรับการจัดการกำจัดโรคไข้มาลาเรียโดยองค์การบริหารส่วนตำบลนาคาและการมีส่วนร่วมของ
ภาคีเครือข่ายระดับตำบล” พบว่า โรคไข้มาลาเรียเป็นโรคติดต่อนำโดยยุงก้นปล่องที่เกิดจากการติด
เชื้อมาลาเรียและยังคงเปน็ ปญั หาสาธารณสุขของประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสขุ
ได้กาหนดวิสัยทัศน์ให้ประเทศไทยปลอดจากโรคไข้มาลาเรีย (malaria elimination) ภายในปี
พ.ศ.๒๕๖๗ (๑) คณะกรรมการอeนวยการกำจัดมาลาเรียแห่งชาติได้ตั้งเป้าหมายให้ทุกอำเภอของ
ประเทศไทยไม่มีการแพร่เชื้อมาลาเรียในพื้นที่ติดต่อกันอย่างน้อย ๓ ปี ภายในปี ๒๕๖๗ และได้
ดำเนินการถ่ายทอดแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรีย โดยใช้ ๔ ยุทธศาสตร์
ได้แก่ (๑) การกำจัดการติดเชื้อและการแพร่เชื้อมาลาเรียในคน (๒) การพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม
มาตรการ และรูปแบบในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียที่เหมาะสมกับพื้นที่ (๓) การสร้างความร่วมมือ
ระหว่างภาคีเครือข่ายระดับประเทศและนานาชาติ และ (๔) การส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพใน
การดูแลตนเองจากโรคไข้มาลาเรีย ความสำเร็จในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียเพื่อหยุดการแพร่เช้ือ
มาลาเรียในขอบเขตพื้นที่อำเภอนั้น ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์ของมาตรฐานการดำเนินงานกำจัดโรคไข้
มาลาเรียโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งระดับอำเภอและตำบล (๒) ควบคู่กับการพัฒนารูปแบบการ
กำจดั โรคไข้มาลาเรียทีเ่ หมาะสมกบั พ้นื ทโ่ี ดยอาศยั การมีสว่ นร่วมของภาคีเครือขา่ ยระดับอำเภอและตำบล๘๖

๒.๖.๑๒ เอมอร เสนานุฤทธิ์ และคณะ ได้วิจัยเรื่อง “การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมทันต
สุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษาโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ตําบลตูมใหญ่ อําเภอคูเมือง
จงั หวดั บรุ รี ัมย์ ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕” การศึกษาครั้งนเี้ ป็นการวจิ ัยเชิงปฏิบัติการเพ่ือพฒั นารูปแบบการ

๘๔ สุมนทิพย จิตสวาง, “ปจจัยที่ผลตอพฤติกรรมการกระทําความผิดของนักโทษประหารชีวิต”,
ดุษฏีนิพนธสาขาวิชาอาชญาวทิ ยา, (บณั ฑิตวิทยาลัย: มหาวทิ ยาลัยมหิดล, ๒๕๕๔), หนา ๙๑-๙๒.

๘๕ วรพิมพสุข ผองสมัย, “การพัฒนาจิตใจผูตองขังหญิงในทัณฑสถานหญิงกลางตามหลักพุทธธรรม”,
วิทยานิพนธพุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๕),
หนา้ บทคดั ยอ.

๘๖ สุริโย ชูจันทร์ และคณะ, .”แนวทางเชิงกลยุทธ์การพัฒนานาคาโมเดลสำหรับการจัดการกำจัด
โรคไข้มาลาเรียโดยองค์การบริหารส่วนตำบลนาคาและการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายระดับตำบล”, วารสาร
สาธารณะสุข, (ปทมุ ธานี : คณะสาธารณะสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ย์รังสติ , ๒๕๖๒).

๖๐

ส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนและสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมป้องกันทันต
สุขภาพของนักเรียนประถมศึกษา ตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ปี ๒๕๕๔-๒๕๕๕
การพัฒนาแบ่งออกเปน็ ๔ ระะะยะที่ ๑ ผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งรว่ มวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการดำเนินงาน
ระยะที่ ๒ ดำเนินการพัฒนารูปแบบตามแผนงานที่วางไว้โดยแบ่งเป็น ๔ ขั้นตอน ได้แก่ (๑) ศึกษา
ดูงานโรงเรียนต้นแบบ (๒) อบรมพัฒนาทีมผู้นำเครือข่ายจัดตั้งเครือข่ายตูมใหญ่ ยิ้มใสฟันสวย และ
ลงนามปฏิญญาดำเนินงานร่วมกัน (๓) อบรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนแกนนำ และ (๔) ดำเนิน
กิจกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพตามบริบทโรงเรียน ระยะที่ ๓ ติดตามประเมินการดำเนินงานเครือข่าย
โรงเรยี น และระยะท่ี ๔ สะทอ้ นผลดำเนินงานโดยการจัดกจิ กรรมแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่างเครือข่าย
และประกวดนวัตกรรมส่งเสริมทันตสุขภาพวธิ กี ารเก็บข้อมูลประกอบด้วย การสงั เกตการสนทนากลุ่ม
ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบที่ทำการศึกษาสามารถกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องในทุก
ระดับ โดยผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมตั้งแต่การร่วมคิด หาแนวทางปฏิบัติ และลงมือปฏิบัติ มีการจัดสรร
งบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน ทำให้เกิดการดำเนินงานส่งเสริมทันตสุขภาพตามบริบทของแต่
ละแห่งตามเกณฑ์เครอื ขา่ ยเด็กไทยฟนั ดี ครอบคลุม ๓ ด้าน คือ พัฒนาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เรื่อง
ทนั ตสขุ ภาพ การปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมทันตสุขภาพ และการจดั การสิ่งแวดล้อมท่ีเอื้อต่อทันตสุขภาพ
โดยมีครูอนามัยโรงเรียนและนักเรียนแกนนำด้านการส่งเสริมทันตสุขภาพเป็นแกนนำในการ
ดำเนินงานในโรงเรียนและชุมชนนอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่าย
การประกวดนวัตกรรมส่งเสริมทนั ตสุขภาพ การสะทอ้ นกลบั ขอ้ มูลการดำเนินงานสง่ เสรมิ ทนั ตสุขภาพ
และมีการเผยแพร่แนวคิดผลการดำเนินงานในชุมชนและนำแนวคิดไปใช้ขยายผลสู่ประเด็นสุขภาพ
อื่นๆจากผลการศึกษาแสดงว่า รูปแบบการส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษาเพื่อนำไปสู่
การมีสขุ ภาพชอ่ งปากที่ดีประกอบดว้ ยปจั จัยหลายอย่าง ได้แก่ การมีส่วนรับผดิ ชอบแก้ไขปัญหาอย่าง
จริงจังของทุกคน มีนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนของผู้บริหาร การจัดให้มีการพัฒนาศักยภาพ
ผู้ปฏิบัติงานทั้งด้านวิชาการและทักษะ การดึงผู้บริหารระดับสูงขององค์กรมาร่วมกิจกรรมร่วมชืน่ ชม
ผลงานเปน็ การกระต้นุ ให้กำลังใจแกผ่ ปู้ ฏิบัติงานได้อย่างดีย่งิ ทันตบุคลากรเปลี่ยนจากการส่ังการหรือ
การใหม้ าเป็นการกระตุ้นให้กำลังใจจดุ ประกายเก้ือกูลใหเ้ กิดกิจกรรมการตรวจเย่ียมแบบกัลยาณมิตร
อย่างสม่ำเสมอ การประสานงานที่ดีเยี่ยมการร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และการได้รับงบประมาณ
สนับสนนุ จากองค์กรปกครองทอ้ งถิ่นและชมุ ชน๘๗

๒.๖.๑๓ ธิติรัตน์ ราศิริ และคณะ ได้วิจัยเรื่อง “แนวทางการมีสว่ นรว่ มภาคีเครือขา่ ยในการ
สง่ เสรมิ สขุ ภาพผู้สูงอายเุ พื่อก้าวสู่ “ศตวรรษที่ ๒๑”” ผลวิจัยพบวา่ โดยในสถานการณป์ ัจจบุ นั สังคม
โลกก้าวสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” ซึ่งผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยระยะสุดท้ายของชวี ิต สุขภาพจะมีความเสือ่ มถอย
ลงจากเดิม การสง่ เสรมิ สุขภาพผู้สงู อายุจึงเปน็ หวั ใจสำคัญในการเพมิ่ ศักยภาพให้ผสู้ ูงอายมุ ีอายุยืนยาว
โดยอาศัยการมีส่วนร่วมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพ โดยเน้นให้

๘๗ เอมอร เสนานุฤทธิ์ และคณะ, “การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนประถมศึกษา
โดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ตําบลตูมใหญ่ อําเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕”, วารสาร
สาธารณะสขุ , (บุรีรัมย์ : องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง, ๒๕๕๗).

๖๑

ประชาชนต้องเป็นศูนย์กลางของการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพ และกระบวนการตัดสินใจจึงจะเกิด
ประสิทธิภาพสูงสุดในการตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง เกิดความต่อเนื่องและ
ยั่งยืน ในศตวรรษที่ ๒๑ มุ่งเน้นการดำเนินงานรูปแบบใหม่ โดยการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในหลายภาค
ส่วนของสังคมทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่น และภายในครอบครัวโดยการผนวกภาคีเครือข่ายที่มีอยู่ทั้ง
ภายในภาคส่วนราชการระหว่างส่วนราชการ และองค์กรพัฒนาเอกชน โดยเฉพาะระหว่างภาค
สาธารณะ และภาคเอกชนมีความจำเป็นยิ่ง การสร้างความร่วมมือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ
ดว้ ยการสร้างภาคีห้นุ สว่ นใหม่ ๆ ทางสุขภาพระหวา่ งภาคสว่ นตา่ ง ๆ ในทุกระดับของสังคมบนพ้ืนฐาน
แห่งความเท่าเทียมกัน การหาแนวทางการมีส่วนร่วม โดยมีจุดเริ่มต้นจากความต้องการของผู้สูงอายุ
ร่วมกับชุมชนเป็นหลัก อาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้สูงอายุ และชุมชน โดยมี
จุดม่งุ หมายเพ่ือสร้างสังคมผูส้ งู อายสุ ุขภาพดี ชราอย่างมีคุณคา่ และดำรงชีวติ อยา่ งสมศักดศิ์ รี๘๘

๒.๖.๑๔ จรี ะศักด์ิ เจรญิ พันธ์ และคณะ ไดว้ ิจัยเรอ่ื ง “การพฒั นาภาคีเครือข่ายการพัฒนา
หมู่บ้านต้นแบบตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” การวิจัยเพื่อพัฒนาเรื่องการพัฒนาภาคี
เครอื ขา่ ยการพฒั นาหมู่บา้ นต้นแบบตามแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งม่งุ ส่สู งั คมอยเู่ ย็นเป็นสุขเป็น
การวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการคัดเลือกพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจง ในชุมชนบ้านมะกอก
๕ หมู่บ้าน เพื่อดำาเนินการตามวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากลวิธีและกระบวนการตามยุทธศาสตร์
การพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุข ผลการศึกษาพบว่า นักวิจัยและ
แกนนำาชุมชนสามารถพัฒนาภาคีเครือข่ายการพัฒนารวมกลุ่มประชาชนจัดตั้งเป็นเครือข่ายชื่อว่า
เครือข่ายมะกอกสามัคคีสร้างสุข นักวิจัยได้อาศัยแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นแนวทางหลักของ
การพัฒนาโดยการพัฒนาศักยภาพแกนนำาและประชาชน การวางแผนกลยุทธ์การพัฒนาหมู่บ้าน
ต้นแบบตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนากลวิธีการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมในชุมชน การพัฒนาแหล่งอาหารชุมชน การพัฒนาคุณธรรมและ
จริยธรรมของประชาชน การส่งเสริมความร่วมมือและสร้างความสามัคคีในชุมชน ผลการประเมิน
ความสำาเร็จของโครงการโดยอาศัยแบบประเมินความพึงพอใจของการพัฒนา โดยภาพรวม
ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย ๔.๓๓ ส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน ๐.๕๖) และมีข้อเสนอแนะให้ดำาเนินโครงการนี้ให้ต่อเนื่องตลอดไป ข้อเสนอแนะที่ได้จาก
การศึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานำาเอาผลการศึกษาไปปรับใช้ในการพัฒนาความ
เข้มแข็งของชุมชนเพื่อให้เกิดสังคมเข้มแข็งและเกิดสังคมอยู่เย็นเป็นสุข และประชาชนนำาแนวทาง
เศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ต๘์ ๙

๘๘ ธิติรัตน์ ราศิริ และคณะ, “แนวทางการมีส่วนร่วมภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
เพอ่ื กา้ วสู่ “ศตวรรษท่ี ๒๑””, วทิ ยาลยั การสาธารณสุขสริ นิ ธร, (พิษณุโลก : คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวทิ ยาลัย
นเรศวร, ๒๕๖๑).

๘๙ จีระศกั ด์ิ เจริญพันธ์ และคณะ, “การพัฒนาภาคเี ครือข่ายการพัฒนาหมบู่ ้านตน้ แบบตามแนวคิด
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง”, คณะสาธารณสุขศาสตร์, (มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม ตําบลขามเรียง อาํ เภอกนั ทรวิชัย
จังหวดั มหาสารคาม, ๒๕๕๔).

๖๒
๒.๖.๑๕ ชัชวาลย์ ทัตศิวัช ได้วิจัยเรื่อง “การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory
Action Research-PAR)” การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เป็นรูปแบบของการวิจัยแบบใหม่ ที่
ประยุกต์และเป็นการรวมเอาแนวความคิดของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กับการ
วิจัยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Research) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน โดยเป็นการวิจัยที่เกิดขึ้น
จากความคิดที่ว่าการวิจัยเป็นกิจกรรมทางสังคมที่จะต้องใช้ทรัพยากรของสังคมในการศึกษา จึงเป็น
สมบัติของสังคม และเปน็ การกระทำที่มุ่งหมายจะให้ประโยชน์หรือเปน็ การรับใช้สงั คม ด้วยเหตุน้ีการ
วจิ ัยจึงควรคำนงึ ถงึ ผลประโยชนส์ ูงสดุ และการวจิ ยั ที่จะให้ผลประโยชนส์ ูงสุดน้ันย่อมเป็นการวิจัยเพ่ือ
พัฒนา (Research for Development) หรือการวิจัยพัฒนา (Research and Development) โดย
ที่การพัฒนาและการเป็นหุ้นส่วนจะต้องเดินทางร่วมกัน ดังนั้น ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมใน
กระบวนการพัฒนาทุกขั้นตอนอย่างมีเสรีและเป็นประชาธิปไตยโดยจุดที่แตกต่างกันของงานวิจัยเชิง
ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมกับงานวิจัยแบบมีส่วนร่วมก็คือ การวิจัยแบบมีส่วนร่วมนั้น เป็นการวิจัยที่
เนน้ ในมิติของการเกบ็ ข้อมูล แต่การวจิ ยั เชิงปฏิบัติการแบบมีสว่ นรว่ มเปน็ การประยุกต์หาวิธีการแก้ไข
ปญั หาไปพร้อม ๆ กนั หรือกลา่ วไดว้ ่ามีการแสวงหาแนวความคิดและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและ
ทรัพยากรที่ผู้ถกู วิจยั มอี ยเู่ พอื่ ช่วยในการแก้ไขปญั หา๙๐

๙๐ ชัชวาลย์ ทตั ศิวัช, “การวิจยั เชงิ ปฏิบตั ิการแบบมสี ่วนรว่ ม (Participatory Action Research-
PAR)”, (กรุงเทพมหานคร : ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต รฐั ศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั รามคําแหง).

๖๓

๒.๗ กรอบแนวคดิ ของงานวจิ ัย

การวิจัยเรื่อง “กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพ
ของผตู้ ้องขังในเรอื นจำช่ัวคราวดอยฮาง จังหวัดเชยี งราย” มกี รอบแนวคดิ ดงั นี้

กระบวนการมีส่วนร่วม กระบวนการของการมี รูปแบบการสง่ เสริม
ของภาคีเครือข่ายในการ สว่ นร่วมของภาคี การประกอบอาชีพ
ส่งเสริมการประกอบ เครอื ข่าย
อาชีพ ของผู้ต้องขังใน ผตู้ ้องขัง
เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง
จังหวัดเชยี งราย

สภาพปัญหา และ
คณุ ภาพการเสรมิ สรา้ ง
ความมัน่ ใจของผู้ต้องขัง

บทที่ ๓
ระเบียบวธิ วี ิจยั

การวิจัยเร่ือง กระบวนการมีสว่ นร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชพี
ของผูต้ อ้ งขงั ในเรือนจำช่วั คราวดอยฮาง จงั หวัดเชียงราย โดยมวี ิธีดำเนนิ การวิจัยตามลำดับขั้นตอนดังน้ี

๓.๑ รปู แบบการวิจัย

ในการวิจัยครั้งนี้เป็นวิจยั เชงิ คุณภาพ (Qualitative Research) รวบรวมข้อมูลทั้งเอกสาร
และภาคสนาม ภาคเอกสารเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ส่วนภาคสนาม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก
(In-depth Interview) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) การสังเกตแบบมีส่วนร่วม
(Participant Observation)

๓.๒ พน้ื ทีก่ ารวจิ ยั

การวิจยั เรอ่ื งนไี้ ด้ทำการศึกษาจาก พ้นื ที่การวิจยั ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ดงั นี้คอื

๓.๒.๑ ขอบเขตดา้ นพ้นื ท่ี

เรือนจำชว่ั คราวดอยฮาง ๒๒๒ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชยี งราย จงั หวดั เชยี งราย

๓.๒.๒ ขอบเขตด้านผู้ให้ข้อมูลสำคัญ

ประชากรทเ่ี กี่ยวข้องในการใหข้ อ้ มูลในการวจิ ยั ได้แก่

๑. ผู้บรหิ าร/เจ้าหน้าที่ จำนวน ๕ คน

๑) นายสมรตั น์ เขม็ ศริ ิ ผู้บัญชาการเรอื นจำกลาง

๒) นายสทุ ศั น์ ปนั สวุ รรณ นกั ทัณฑวทิ ยาชำนาญการพิเศษ

๓) นายสงิ หา จันทาพูน นักวชิ าการชำนาญการ

๔) นางสาวกรรนิกา สวุ รรณ นกั สงั คมสงเคราะหช์ ำนาญการ

๕) นางสาวหนง่ึ ฤทยั ใจมอย นกั สังคมสงเคราะห์ชำนาญการ

๒. ผตู้ ้องขงั จำนวน ๑๕ คน

๑) ผูต้ ้องขงั A

๒) ผู้ต้องขัง B

๓) ผตู้ อ้ งขงั C

๔) ผตู้ ้องขัง D

๕) ผู้ตอ้ งขงั E

๖) ผู้ตอ้ งขัง F

๗) ผู้ต้องขงั G

๖๕

๘) ผู้ต้องขัง H
๙) ผ้ตู ้องขงั I
๑๐) ผ้ตู ้องขงั J
๑๑) ผู้ตอ้ งขงั K
๑๒) ผตู้ ้องขัง L
๑๓) ผูต้ ้องขงั M
๑๔) ผตู้ อ้ งขงั N
๑๕) ผตู้ อ้ งขัง O
๓. หนว่ ยงานผู้มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย จำนวน ๖ คน
๑) วทิ ยาลยั สงฆเ์ ชยี งราย
๒) วดั ศรีศักดพ์ิ ฒั นา
๗) วัดพระธาตจุ อมจัน
๘) ร้านกาแฟดอยตุง อำเภอแม่สาย จงั หวดั เชยี งราย
๙) รา้ นสมศักดอิ์ ฐิ บล็อก ตำบลแมย่ าว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวดั เชียงราย
๑๐)ร้านผกาพันธ์ วัสดุก่อสร้าง ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัด

เชยี งราย

รวมท้ังหมด จำนวน ๒๖ คน

๑.๔.๕ ขอบเขตด้านระยะเวลา

ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาเริ่มทำการศึกษาและใช้ข้อมูลตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ –
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ รวมระยะเวลาทศี่ ึกษา ๑๐ เดือน

๓.๓ เครือ่ งมือการวิจัย

๑. การสัมภาษณ์ (In-depth interview)
- ศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วขอ้ ง
- กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ใหช้ ดั เจนตามวตั ถุประสงค์ของงานวิจัย
- กำหนดประเดน็ ที่ต้องการทราบ เช่น
๑) รูปแบบการฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขัง ในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย

ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
๒) การยกระดับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังใน

เรอื นจำชว่ั คราวดอยฮาง จงั หวดั เชียงราย มีรปู แบบและกระบวน อยา่ งไรบา้ ง
๓) การนำหลักพุทธบูรณาการในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี

เครือข่าย ด้านการส่งเสริมประกอบอาชีพของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
มีประโยชนใ์ นดา้ นไหนอย่างไรบา้ ง

- นำแบบสัมภาษณท์ ีร่ ่างขึ้นไปให้ผ้ทู รงคุณวุฒชิ ่วยตรวจสอบความเท่ยี งตรง
ของเน้อื หา เพือ่ ให้เกดิ ความถูกต้อง และตรงประเด็นมากยิง่ ข้ึน

๖๖

- ทดลองใช้เครื่องมือ เพื่อให้รู้ว่าผู้ให้ข้อมูลสัมภาษณ์ได้ตอบคำถามตรงประเด็น
หรอื ไม่ อยา่ งไรบ้าง
- ปรับปรงุ แกไ้ ขแบบสมั ภาษณ์

๓.๓.๒ ขนั้ ตอนการสรา้ งเครื่องมือในการวิจัย
ผู้วิจัยได้สร้างเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์ เรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของ
ภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง เป็นแบบ
สัมภาษณ์แบบกงึ่ โครงสร้าง (Semi-structured or guided interviews) โดยมขี น้ั ตอนการสรา้ งดังนี้
๑) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวคิดและทฤษฎี
เกยี่ วกบั การพัฒนาศักยภาพมนุษย์ แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั การสง่ เสริม แนวคดิ และทฤษฎีเกี่ยวกับ
การประกอบอาชีพ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย แนวคิดและทฤษฎี
เกย่ี วกับการส่งเสริมการประกอบอาชพี ของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จงั หวดั เชยี งราย
๒) กำหนดข้อคำถามการสัมภาษณก์ ึ่งโครงสรา้ ง และร่างข้อคำถามในแบบสัมภาษณ์แบบ
กง่ึ โครงสร้าง โดยแบง่ ออกเป็น ๓ ข้อคำถาม ประกอบดว้ ย

๑) รูปแบบการฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขัง ในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
ประกอบไปดว้ ยอะไรบ้าง

๒) การยกระดับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังใน
เรอื นจำช่ัวคราวดอยฮาง จงั หวัดเชยี งราย มรี ปู แบบและกระบวน อยา่ งไรบ้าง

๓) การนำหลักพุทธบูรณาการในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี
เครือข่าย ด้านการส่งเสริมประกอบอาชีพของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
มปี ระโยชนใ์ นดา้ นไหนอย่างไรบา้ ง

๔) นำเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน ๓ คน เพ่ือตรวจสอบความตรงตาม
เนื้อหา ผลการวิเคราะห์หาค่าดัชนคี วามสอดคล้องระหว่างขอ้ คำถามกบั จุดประสงค์

๕) แก้ไขการพมิ พ์ผดิ และปรับปรุงตามคำแนะนำของผเู้ ช่ียวชาญและนำไปใชจ้ รงิ

๓.๔ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล

สำหรับการเก็บข้อมูลในการศึกษาเรื่อง กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการ
ส่งเสริมการประกอบอาชีพ ของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ
(Qualitative Research) รวบรวมข้อมูลทั้งเอกสารและภาคสนาม ภาคเอกสารเป็นการเก็บรวบรวม
ข้อมูลจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องสว่ นภาคสนาม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบสอบถาม
แบบสัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) การสนทนากลุ่ม (Focus Group
Discussion) การสังเกตแบบมสี ่วนรว่ ม (Participant Observation) ผวู้ ิจัยได้ดำเนนิ การเก็บรวบรวม
ขอ้ มูลตามข้ันตอน ดังนี้

ขนั้ ตอนการเก็บข้อมลู จากการสัมภาษณ์มขี ้นั ตอนดงั น้ี
๑) ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ตำรา บทความ งานวิจัย ในลักษณะการวิจัยเอกสาร
(Documentary Research) ได้แก่ ส่วนที่เป็นคำอธิบายจากเอกสาร หนังสือ ตำรา ที่เป็นแนวคิด

๖๗

ทฤษฎี รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยการทบทวนแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเกี่ยวกับ
แนวคดิ และทฤษฎีเก่ียวกบั การพฒั นาศักยภาพมนุษย์ แนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกับการสง่ เสริม แนวคิด
และทฤษฎีเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการส่งเสริมการประกอบอาชีพ ของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง
จังหวัดเชียงราย

๒) เก็บรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงเพื่อให้เห็นถึงรูปแบบและกระบวนการพัฒนางานวิจัย
โดยสัมภาษณ์เชิงลกึ (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key Informants) จากการมีส่วนร่วม
ของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อสรุปประเด็นการนำไปสู่การสนทนากลุ่มเฉพาะ
(Focus Group Discussion)

๓) เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อมูลสรุปในเชิงสถิติจากการวิจัยเชิงสำรวจ (Survry
Research) เพ่ือนำไปสู่การประมวลผลข้อมลู และศึกษาเชงิ ความสัมพันธ์ถึงมุมมองของ กระบวนการ
มีสว่ นรว่ มของภาคีเครอื ข่ายในการสง่ เสรมิ การประกอบอาชีพ

๔) สรุปผลการวิจัยท่ีไดค้ อื
๑. มีรูปแบบการฝึกวชิ าชพี ของผตู้ อ้ งขัง ในเรือนจำชวั่ คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย
๒. มีการยกระดับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังใน

เรอื นจำชวั่ คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย
๓. มีการนำหลักพุทธบูรณาการในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี

เครือข่าย ดา้ นการส่งเสรมิ ประกอบอาชีพของผตู้ ้องขังในเรอื นจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
๓) นำเสนอผลงานวิจยั ในระดับชาติ

๓.๕ การวิเคราะห์ขอ้ มลู

การวิเคราะหข์ ้อมลู ประกอบไปดว้ ยดงั นี้คือ

๑) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการ
วิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) ผู้วิจัยได้รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทั้งด้าน
เอกสารแบบสัมภาษณ์และภาคสนาม แล้วจับประเด็นเนื้อหาสาระไปพร้อมกับนำมาสรุปเป็น
ผลการวิจัยเป็นรูปแบบความเรยี งตามวัตถุประสงค์ของการวจิ ยั นำเสนอ

๒) การตรวจสอบข้อมูล หลังจากที่ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว จะต้องทำการ
ตรวจสอบข้อมูลและการวเิ คราะห์ ขอ้ มูล โดยการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (triangulation) ไดแ้ ก่

๒.๑ การตรวจสอบ ด้านข้อมูล โดยพิจารณาแหล่งเวลา แหล่งสถานท่ี และแหล่ง
บุคคลที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ถ้าข้อมูลต่างเวลากันจะเหมือนกันหรือไม่ ถ้าข้อมูลต่างสถานที่จะ
เหมือนกนั หรือไม่ และถ้าบคุ คลผใู้ ห้ขอ้ มลู เปลี่ยนไปขอ้ มลู จะเหมือนเดิมหรือไม่

๒.๒ การตรวจสอบสามเส้าด้านผวู้ จิ ัย โดยการเปล่ยี นตัวผสู้ งั เกตหรือสมั ภาษณ์
๒.๓ การตรวจสอบสามเสา้ ด้านวธิ ีรวบรวมข้อมลู โดยใช้วธิ เี ก็บรวบรวมข้อมลู ต่าง ๆ
กัน เพื่อรวบรวมข้อมูลเรื่องเดียวกัน เช่น ใช้วิธีสังเกตควบคู่ไปกับการซักถาม กรณีการสัมภาษณ์ผู้ให้
ข้อมูล มรี ายละเอียดดังนี้

๖๘

๓) สรุปแนวทางหรือรูปแบบในการพัฒนา กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี
เครอื ขา่ ยในการส่งเสรมิ การประกอบอาชีพ ของผ้ตู ้องขงั ในเรือนจำชัว่ คราวดอยฮาง รวมถึงปญั หาและ
ข้อเสนอแนะที่ได้จากกลุ่มสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) มาวเิ คราะห์และสังเคราะห์ก่อน
จะมีการประมวลผลและพัฒนาเป็นรูปแบบมีสว่ นรว่ มกึ่งมาตรฐาน (ขั้นการพัฒนาตัวแบบ (Develop
Model) เพ่ือนำเขา้ สกู่ ารวจิ ัยเชงิ เอกสารและคุณภาพ นวตั กรรม

๓.๖ สรปุ กระบวนการวจิ ัย

กระบวนการวิจัยเรื่อง กระบวนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการ
ประกอบอาชีพ ของผ้ตู ้องขังในเรือนจำชว่ั คราวดอยฮาง สามารถสรุปได้ดังนคี้ อื

๑) ศึกษารวบรวมเอกสารแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับแนวคิดเกี่ยวกับ แนวคิดและทฤษฎี
เกยี่ วกับการพฒั นาศักยภาพมนุษย์ แนวคดิ และทฤษฎีเกย่ี วกบั การสง่ เสรมิ แนวคดิ และทฤษฎีเก่ียวกับ
การประกอบอาชีพ แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย แนวคิดและทฤษฎี
เกี่ยวกับการส่งเสริมการประกอบอาชีพ ของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย

๒) เก็บรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงเพื่อให้เห็นถึงรูปแบบและกระบวนการพัฒนางานวิจัย
โดยสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (key Informants) จากการมีส่วนร่วม
ของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อสรุปประเด็นการนำไปสู่การสนทนากลุ่มเฉพาะ
(Focus Group Discussion)

๓.๑ ศกึ ษางานจากเอกสารงานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วข้อง
๓.๒ ลงพืน้ ท่สี ำรวจข้อมูล
๓.๓ วิเคราะห์ข้อมูลทัง้ จากเอกสาร และ จากการประชุมกลมุ่ ยอ่ ย
๓.๔ สรปุ ผลการวจิ ยั
๓.๕ นำเสนอผลการวจิ ัย
๔) เก็บรวบรวมข้อมลู เพ่ือหาข้อมลู สรุปในเชิงสถิตจิ ากการวจิ ัยเชิงสำรวจ (Survry Research)
เพื่อนำไปสู่การประมวลผลข้อมูล และศึกษาเชิงความสัมพันธ์ถึงมุมมองของ กระบวนการมีส่วนร่วม
ของภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ซึ่งเก็บ
รวมรวมจากแบบสอบถามแสดงความคดิ เหน็ ของผูเ้ ชี่ยวชาญทางด้านพระพทุ ธศาสนา ปราชญ์ท้องถ่ิน
ผนู้ ำชมุ ชน
๕) สรปุ ผลการวจิ ัยท่ไี ดค้ อื
๑. มีรปู แบบการฝกึ วชิ าชีพของผู้ต้องขัง ในเรือนจำช่วั คราวดอยฮาง จังหวัดเชยี งราย
๒. มีการยกระดับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังใน
เรือนจำช่ัวคราวดอยฮาง จงั หวัดเชยี งราย
๓. มีการนำหลักพุทธบูรณาการในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี
เครอื ขา่ ย ด้านการสง่ เสรมิ ประกอบอาชีพของผู้ต้องขังในเรือนจำชว่ั คราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย
๖) นำเสนอผลงานวิจัยในระดับชาต

บทที่ ๔

ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล

การวจิ ัยเร่อื ง การประยุกตใ์ ช้พุทธบูรณาการ เพือ่ ส่งเสริมกระบวนการมสี ่วนร่วมของภาคี
เครือข่ายด้านการประกอบอาชีพของผู้ต้องขัง ในเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ผลการ
วิเคราะห์มีดงั น้ี คือ

๔.๑ รปู แบบการฝึกวิชาชพี ของผู้ตอ้ งขัง ในเรือนจำชัว่ คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย
๔.๒ การยกระดับภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ต้องขังใน
เรอื นจำชัว่ คราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย
๔.๓ การวิเคราะห์พุทธบูรณาการในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคี
เครอื ข่าย ด้านการส่งเสริมประกอบอาชพี ของผู้ต้องขงั ในเรือนจำช่ัวคราวดอยฮาง จังหวดั เชยี งราย
๔.๔ องคค์ วามรู้

๔.๑ รูปแบบการฝกึ วิชาชีพของผตู้ ้องขงั ในเรอื นจำชว่ั คราวดอยฮาง จงั หวัดเชยี งราย

การฝึกวิชาชีพเป็นหนึ่งในภารกิจที่กรมราชทัณฑ์มุ่งเน้นให้เรือนจำ/ทัณฑสถานฝึกวิชาชีพให้
ผู้ต้องขังเพื่อให้ผู้ต้องขังมีวิชาชีพติดตัวสามารถนาไปประกอบอาชีพได้ภายหลังพ้นโทษ จะได้ไม่หวน
กลับมากระทำผิดซ้ำ นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากกรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการคา้ แห่งประเทศไทย ในการลงนามบันทึกขอ้ ตกลง
การฝึกวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขังเป็นภารกิจหลักของกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากผู้ต้องขังที่กระทำผิดและถกู
จับเขา้ มาลงโทษในเรอื นจำ ส่วนใหญไ่ ม่มอี าชพี ติดตวั ไม่สามารถชว่ ยเหลือตัวเองได้ จงึ หนั ไปประกอบ
อาชีพที่ผิดกฎหมาย กรมราชทัณฑ์จึงจำเป็นจะต้องมีรูปแบบการฝึกวิชาชีพไว้สำหรับให้ผู้ต้องขังได้
เรียนรู้ตามความต้องการของตนเอง สำหรับเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ได้จัดรูปแบบการฝึกวิชาชีพ
ให้แก่ผู้ต้องขังตามความถนัดและความต้องการ รวมถึงมุ่งเน้นในอาชีพที่สังคมภายนอกต้องการ
แรงงาน เพอื่ ให้งา่ ยตอ่ การมอี าชีพของผตู้ ้องขงั ภายหลังพน้ โทษ

๔.๑.๑ ความต้องการดา้ นการฝกึ วิชาชีพของผู้ต้องขงั เรอื นจำช่วั คราวดอยฮาง จังหวดั เชยี งราย
๔.๑.๑.๑ นโยบายพฒั นาและส่งเสริมอาชพี ให้ผู้ตอ้ งขังและผพู้ น้ โทษ
ด้วยกรมราชทัณฑ์มีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้ผูต้ ้องขังและผ้พู ้นโทษเพื่อให้

สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเล่ือมล้ำให้บุคคล
เหล่าน้ี สามารถประกอบอาชีพสุจรติ เลี้ยงดูตนเองและครอบครวั หลังพ้นโทษได้ โดยไมก่ ลับมากระทำ
ความผิดซ้ำซึ่งการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานหลักสูตรตามความพร้อมของเรือนจำ
และทัณฑสถานสามารถขับเคลื่อนงานด้านการฝึกวิชาชีพให้กับผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงราย ได้
เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรมด้านการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพผู้พ้นโทษได้ เพื่อให้
ผู้ต้องขังกลับออกไปเป็นบุคคลที่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตนเอง และไม่สร้างภาระแก่สังคม เป็นการ

๗๐

ป้องกันการกลับมากระทำผิดซ้ำการฝึกวิชาชีพในเรือนจำเป็นการพัฒนาชีวิตของผู้ต้องขัง โดยการ
สอนให้ผู้ต้องขังทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพตนเองได้ และยังมีวิชาติดตัวเมื่อพ้นโทษออกไป โดยกรม
ราชทัณฑ์มีภารกิจในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ให้มีความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความรู้
ความสามารถก่อนออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอก ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของกรม
ราชทัณฑ์คือการแก้ไขพัฒนาพฤตินสิ ัย ผู้ต้องขังในระหว่างทีถ่ ูกคมุ ขังในเรือนจาเพื่อให้เขาเหล่านัน้ ได้
กลับตัวกลับใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ สามารถอยูใ่ นสงั คมได้อย่างปกติสุขเม่ือพน้ โทษรวมทั้งในระหว่าง
ตอ้ งโทษได้ใช้วิกฤติเปน็ โอกาสในการพัฒนาตน เกดิ ประโยชน์แก่ตัวผู้ต้องขังเอง ครอบครัว สังคมและ
ประเทศชาตทิ ้งั ทางตรงและทางออ้ ม๑

การแก้ไข บำบัด ฟน้ื ฟูและพัฒนาผู้ต้องขังในระยะเวลาอนั ส้ันหรือในช่วงชีวิตวัยกลางคนของ
เขาเหล่านั้นซึ่งได้ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนหรือเคยดำรงชีวิตอยู่ในมุมมืดของสังคมหรือเป็น
ผู้ด้อยโอกาสในด้านต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องท้าทายความสามารถของกรมราชทัณฑ์อย่างยิ่งในการที่จะ
พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทั้ง อายุ เพศ พื้นฐานครอบครัว การศึกษา ความถนัด
บคุ ลิกร่างกาย อุปนิสัยรวมถงึ ระยะเวลาต้องโทษท่ีแตกตา่ งกนั ส่ิงสำคัญประการแรกหรือกุญแจสำคัญ
ของการดำเนนิ การคือการจำแนกลักษณะผตู้ ้องขังเพื่อจัดกลุ่มผูต้ ้องขงั ให้ได้รบั การพัฒนาอย่างถูกต้อง
เหมาะสมกับลักษณะแต่ละคนและจะตอ้ งจัดทำโปรแกรมการแก้ไขให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพเพียง
พอท่ีจะแกไ้ ขและพฒั นาให้ได้ผลสมั ฤทธใิ์ นการท่จี ะคนื คนดกี ลบั สสู่ งั คม๒

กรมราชทณั ฑ์ได้จัดทำโปรแกรมและหลักสูตรต่าง ๆ เพอ่ื ใช้เป็นเคร่ืองมือในการแก้ไข บำบัด
ฟ้นื ฟู และพฒั นาผตู้ อ้ งขงั ไวห้ ลากหลาย ทัง้ โปรแกรมพน้ื ฐานภาคบังคบั ท่ีผตู้ ้องขังทุกคนจะต้องเข้ารับ
การอบรมตั้งแต่แรกเข้า ระหว่างถูกคมุ ขังและก่อนพ้นโทษ และโปรแกรมทางเลือกซึ่งจะจัดไว้สำหรับ
ผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมซับซ้อนในลักษณะต่าง ๆ เป็นการแก้ไขเฉพาะราย และโปรแกรมการพัฒนา
ตนเองเพื่อเพิ่มคุณค่าในตัวผู้ต้องขังตามความต้องการ ความถนัด และระยะเวลาต้องโทษของแต่ละคน
สำนักพัฒนาพฤตินิสัย จึงได้รวบรวมโปรแกรมต่าง ๆ ที่กรมราชทัณฑ์ได้จัดทำและได้พัฒนาให้
สอดคล้องกับบริบทของสังคมในปัจจุบันตลอดมาไว้ในเอกสารฉบับนี้เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้นำไปใช้ให้
เกิดประโยชน์ แก่ผู้ต้องขังและงานราชทัณฑ์ การฝึกอบรมวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นมีจำนวน ๓๙
หลักสูตร ดงั นี้๓

๑ สัมภาษณ์ นายสมรัตน์ เข็มศิริ, ผบู้ ญั ชาการเรือนจำกลาง เชยี งราย, ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
๒ เพลินใจ แต้เกษม และคณะ, “การพัฒนารูปแบบและกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยด้านการฝึก
อาชีพผูต้ อ้ งขังของกรมราชทัณฑ์๕”. สำนักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร, เอกสารข่าวสารงานวิจัย. สบื ค้น ๒๗
พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑
๓ สมั ภาษณ์ นายสุทศั น์ ปันสวุ รรณ, นักทณั ฑวทิ ยาชำนาญการพิเศษ, ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๗๑

๑. หลกั สตู รคารแ์ คร์

คณุ สมบตั ิผ้อู บรม : นักโทษเดด็ ขาดเขา้ หลกั เกณฑจ์ ่ายนอก

ระยะเวลา : ๒๕ ชว่ั โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติใน

หัวข้อเทคนิคการรักษาลูกค้าให้กลับมาใช้บริการมาตรฐานในงานบริการเมื่อประเทศเข้าสู่ AEC

พัฒนาการบริการให้เหนือระดบั ครองใจลูกค้าด้วยบริการท่ีลูกค้าคาดหวงั อบรมการใชเ้ ครื่องมือต่าง ๆ

ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพและอบรมการใชน้ ำ้ ยาตา่ ง ๆ สำหรับดแู ลรถท้ังภายนอกและภายใน

๒. หลกั สูตรช่างตัดเย็บเส้ือผ้า

คณุ สมบตั ิผ้อู บรม : นักโทษเด็ดขาดต้ังแตช่ ั้นกลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้อื หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

ความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับชนิดและลักษณะของผ้าการเลือกวัสดุ อุปกรณ์ในการตัดเย็บ และการสร้าง

แบบและการตัดเย็บผ้า

๓. หลกั สตู รช่างทำมุ้งลวด

คุณสมบตั ผิ ้อู บรม : นกั โทษเด็ดขาดต้ังแต่ชน้ั กลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติใน

หวั ขอ้ ความรเู้ บอ้ื งต้นเกี่ยวกบั มงุ้ ลวด มุ้งลวดชนิดต่าง ๆ วสั ดอุ ปุ กรณ์ในการทำมุง้ ลวด การเตรยี มการ

ในการทำมุง้ ลวด วธิ กี ารทำและซ่อมแซมมงุ้ ลวด

๔. หลกั สูตรช่างประปา

คณุ สมบัติผู้อบรม : นกั โทษเดด็ ขาดตั้งแต่ช้นั กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชวั่ โมง

กรอบเนอื้ หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

ระบบทอ่ สุขาภบิ าลการประกอบตดิ ต้ังระบบท่อสุขาภบิ าลและการตดิ ตงั้ ระบบท่อสุขาภบิ าล

๕. หลักสตู รแปรรูปผลผลติ ทางการเกษตร

คุณสมบัติผูอ้ บรม : นักโทษเด็ดขาด โดยไม่กำหนดชน้ั

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้ือหา : - การแปรรูปสมุนไพรไทย เป็นการฝึกอบรมให้ความรู้ทั้ง

ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการแปรรูปสมุนไพรไทยตามขั้นตอน อาทิ การทำน้ำสมุนไพร

น้ำพรกิ สมุนไพร ผลิตภณั ฑท์ ำความสะอาดผวิ กาย และผลติ ภณั ฑ์บำรุงผิว เป็นตน้

- การแปรรูปผักและผลไม้ เป็นการฝึกอบรมให้ความรู้ท้ัง

ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการแปรรูปผักและผลไม้ อาทิ การทำผักดอง ผลไม้แช่อิ่ม น้ำผัก

ผลไมต้ ามฤดกู าล ผักผลไมแ้ ช่อิม่ ผักผลไม้อบแหง้

- การแปรรูปเนื้อสัตว์และผลผลิตจากสัตว์ เป็นการฝึกอบรมให้

ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการแปรรูปเนื้อสัตว์และผลผลิตจากสัตว์ เช่น สุกร ไก่

เนอ้ื ววั กงุ้ หอย ปู ปลา อาทิ การหมักดอง การทำเคม็ การทำหมหู ยอง หมู/เน้ือแดดเดียว แหนม ไส้กรอก

๗๒

๖. หลักสูตรแกะสลักผักผลไม้

คุณสมบัติผอู้ บรม : นกั โทษเดด็ ขาดต้ังแต่ชั้นกลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เกี่ยวกับการตัดหั่น และแกะสลักผัก เพื่อตกแต่งจานอาหาร อาทิ แตง แครอท มะเขือเทศ พริก

การปอก คว้าน และแกะสละผลไม้เพื่อการต้อนรับ อาทิ การปอกมะละกอสุก สับปะรด แตงโม

แคนตาลูป การควา้ นเงาะ สละ การแกะสลกั ชมพู่ พุทรา ฝรงั่ เป็นตน้

๗. หลักสูตรช่างซอ่ มรถจักรยาน

คณุ สมบตั ิผู้อบรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแต่ชั้นกลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เกี่ยวกับงานเลือก เตรียม ใช้ และบำรุงรักษาเครื่องมอื เครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์จักรยาน งานถอด

ประกอบรถจักรยาน งานบำรุงรักษาและตรวจสอบบริการรถจักรยานตามระยะเวลาที่กำหนด และ

งานประมาณราคาคา่ บรกิ ารรถจกั รยานเชิงธรุ กิจ

๘. หลักสตู รล้างเครือ่ งปรับอากาศ

คณุ สมบตั ิผอู้ บรม : นกั โทษเดด็ ขาดตั้งแต่ช้นั กลางขึน้ ไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เกี่ยวกับการไฟฟ้าเบื้องต้น หลักการทำความเย็น เครื่องมือวัด การถอดประกอบเครื่องปรับอากาศ

แบบติดผนัง และแบบตง้ั แขวน การล้างทำความสะอาดเครือ่ งปรับอากาศ และการประกอบอาชีพล้าง

เครอื่ งปรบั อากาศ

๙. หลักสูตรช่างซ่อมรองเท้า

คณุ สมบตั ิผูอ้ บรม : นักโทษเดด็ ขาดตั้งแตช่ น้ั กลางข้ึนไป

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเนอ้ื หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

ในหัวข้อการใช้เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมรองเท้า การจัดเก็บรักษาวัสดุ อุปกรณ์ วิธีการ

ซ่อมเปลี่ยนซับในพื้นรองเท้าและการซ่อมหนังหน้ารองเท้า วิธีการซ่อมพื้นรองเท้า/การตอกตะปู/

ติดกาว/เย็บมือด้วยเข็มขอ วิธีการซ่อมส้นรองเท้าสตรี/บุรุษ การเจียส้นรองเท้า/ติดกาว/ตอกตะปู

วธิ กี ารซ่อมสรี องเท้าและวิธกี ารเก็บรายละเอยี ดและตกแตง่ ชิน้ งานระยะสุดทา้ ย

๑๐. หลกั สูตรผชู้ ่วยบรรณารักษ์และซ่อมหนังสือและเทคโนโลยสี ารสนเทศ

คุณสมบตั ผิ ู้อบรม : นักโทษเดด็ ขาด โดยไมก่ ำหนดชนั้

ระยะเวลา : ๔๐ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดที่เข้ารับการอบรมต้องได้รับการอบรมเนื้อหา

เกี่ยวกับระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ทรัพยากรสารสนเทศ การลงรายการบรรณานุกรมหนังสือ และ

วารสารการจัดให้บริหารและการสืบค้น การจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่าน การซ่อมบำรุงรักษาหนังสอื

๗๓

การประเมินความรู้หลังการอบรมวิชาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows

การจัดการระบบขอ้ มลู และหลักสตู ร Microsoft office

๑๑. หลกั สูตรการจดั โตะ๊ อาหาร

คณุ สมบัติผอู้ บรม : นกั โทษเดด็ ขาดต้ังแตช่ ้นั กลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๔๒ ชวั่ โมง

กรอบเน้ือหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการบริการห้องอาหาร เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้าน

ความปลอดภัย และการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงาน การดูแลรักษาสภาพแวดล้อมและ

สถานที่ทำงานและสุขอนามัยด้านการประกอบอาหาร การเตรียมความพร้อมเครื่องแต่งกาย

การปฏิบตั งิ าน จดั โตะ๊ อาหารและสถานท่ีห้องอาหาร การจดั เตรยี มอุปกรณ์ การรับคำส่งั บริการเสิร์ฟ

การใช้งานและการดแู ลรักษาอปุ กรณ์ เครือ่ งมอื เครือ่ งใช้ในการปฏบิ ตั งิ าน

๑๒. หลกั สูตรชา่ งตัดผมชาย

คุณสมบตั ิผู้อบรม : นกั โทษเดด็ ขาดต้ังแต่ชั้นกลางข้ึนไป

ระยะเวลา : ๕๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้อื หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ การจัดเก็บ การบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ในงานช่างตัดผม มีความรู้

ความเขา้ ใจในการฝึกทกั ษะ และการมเี จตคติ ทด่ี ีในการประกอบอาชพี

๑๓. หลกั สตู รช่างเสริมสวย

คณุ สมบัติผู้อบรม : นักโทษเด็ดขาดต้ังแต่ชน้ั กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๕๐ ชวั่ โมง

กรอบเนอื้ หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ การจัดเก็บ การบำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์ในงานช่างเสริมสวย มีทักษะ

ในการสระ ซอย เซท็ ทำสผี ม ตามรูปแบบตา่ ง ๆ และการมเี จตคติทด่ี ใี นการประกอบอาชีพ

๑๔. หลักสูตรการปรงุ กาแฟสดและเคร่ืองดม่ื เพ่ือสุขภาพ

คณุ สมบัตผิ ู้อบรม : นกั โทษเดด็ ขาดต้ังแตช่ น้ั กลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๕๐ ชวั่ โมง

กรอบเนอ้ื หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเครื่องดื่มสุขภาพ คุณค่าแห่งผักผลไม้ สมุนไพรในการบำบัด ประโยชน์และโทษ

ของกาแฟ การปรุงเครื่องดื่มกาแฟและเคร่ืองดมื่ เพ่ือสุขภาพเครื่องมือและวัตถดุ ิบ สูตรในการทำ และ

เทคนคิ วิธดี ม่ื ที่ถูกตอ้ ง

๑๕. หลกั สตู รแม่บา้ นและพนักงานบรกิ าร

คุณสมบตั ิผอู้ บรม : นักโทษเด็ดขาดต้ังแตช่ ั้นดขี ้ึนไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้ือหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบตั เิ ก่ยี วกบั งานแมบ่ า้ นและการบรกิ าร บคุ ลิกภาพและมารยาท การสขุ าภิบาล ความปลอดภยั

ในการทำงานอปุ กรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์เครื่องนอน ความรูเ้ รื่องผา้ ต่าง ๆ การจดั ดอกไม้ประดับ

๗๔

ตกแต่งสถานที่และโต๊ะอาหารการแกะสลักผักผลไม้ ตกแต่งจานอาหารความรู้เรื่องอาหารและ

เครอ่ื งดมื่ การบรกิ ารอาหารและเครอื่ งดม่ื รปู แบบการบริการการตอ้ นรับแขก

๑๖. หลกั สูตรช่างซอ่ มเครอ่ื งยนต์เลก็ เพ่ือการเกษตร

คุณสมบตั ผิ ู้อบรม : นักโทษเดด็ ขาดตั้งแต่ชั้นกลางขึน้ ไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ของเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกสร การถอดและประกอบชิ้นส่วน

เครือ่ งยนตเ์ ล็กเพ่ือการเกษตร การวนิ ิจฉยั ขอ้ ขดั ขอ้ งและซ่อมเคร่ืองยนต์เลก็ เพ่ือการเกษตร

๑๗. หลกั สตู รชา่ งซ่อมเครอื่ งปรับอากาศขนาดเล็ก

คณุ สมบัตผิ ้อู บรม : นกั โทษเดด็ ขาดตั้งแต่ชน้ั กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชว่ั โมง

กรอบเนอื้ หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจตลอดจนทัศนคติ ติดการประกอบอาชีพช่าง

เครื่องปรับอากาศ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ การบริการเครื่องปรับอากาศ ตลอดจนจัดเกบ็

และบำรุงรักษาได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัยการตรวจซ่อมค้นหาสาเหตุและการแก้ไขข้อขัดข้องระบบ

ต่าง ๆ ของเครือ่ ง ปรับอากาศและมีความพร้อมกอ่ นเข้าทำงาน

๑๘. หลกั สูตรช่างเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร

คณุ สมบัติผู้อบรม : นกั โทษเดด็ ขาดตั้งแต่ชั้นกลางขน้ึ ไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้ือหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับงานเดินสายไฟฟ้า ความปลอดภัยในการทำงานการเดินสายไฟฟ้า การอ่านและ

เขียนแบบวงจรไฟฟ้า บริภัณฑ์ไฟฟ้า (อุปกรณ์ไฟฟ้า) การใช้เครื่องมือในการเดินสายไฟฟ้า การเดิน

สายไฟฟา้ การตรวจสอบวงจรไฟฟ้า และการวัดและประเมินผล

๑๙. หลกั สตู รช่างเชื่อมโลหะ

คุณสมบตั ิผู้อบรม : นกั โทษเดด็ ขาดตั้งแตช่ ้ันกลางขน้ึ ไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชว่ั โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน เครื่องเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือและอุปกรณ์ประกอบลวดเชื่อม

หุ้มฟลักซ์ สัญลักษณ์การเชื่อมและรอยต่อในงานเชื่อมและรอยต่อในงานเชื่อม การตรวจสอบและ

คุณภาพของงานเชื่อม การเชื่อมเดินแนว การเชื่อมชิ้นงานแผ่นต่อเกย ท่าระดับ ท่าตั้งเชื่อมขึ้น และ

ท่าเหนือศรีษะ การเชื่อมงานแผ่นต่อตัวที ท่าระดับและท่าตั้งเชื่อมขึ้น และท่าเหนือศรีระ การเชื่อม

งานแผน่ ตอ่ มุมท่าระดับ ทา่ ตง้ั เช่ือมขึน้ และท่าเหนือศรรี ะ การเชอ่ื มงานแผน่ ตอ่ แผน่ ทา่ ตงั้ เช่ือมขึน้

๗๕

๒๐. หลักสตู รชา่ งทาสีอาคารตกแต่ง

คณุ สมบัตผิ อู้ บรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ัน้ กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชว่ั โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานการใช้และบำรุงรักษาเครื่องมืองานสี ทฤษฎีช่างสี

การเตรียมอุปกรณ์นั่งร้านไม้ไผ่ การตั้งและรื้อนั่งร้านไม้ไผ่ การทาสีรองพื้นและสีทับหน้า การทาสี

ลวดลาย การทาสีพื้นผิวขรุขระ การตกแต่งผิวสีทับหน้า การอ่านแบบ การประมาณราคางานสี และ

การวัดและประเมินผล

๒๑.หลกั สูตรช่างอลมู เิ นียม

คุณสมบตั ิผอู้ บรม : นักโทษเด็ดขาดตั้งแต่ช้นั กลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชวั่ โมง

กรอบเน้อื หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน วัสดุและอุปกรณ์งานโครงอะลูมิเนียม การใช้

บำรงุ รักษาเครอื่ งมือ การอา่ นแบบงานโครงอะลูมิเนียม การประมาณราคา และการวดั ประเมนิ ผล

๒๒. หลกั สูตรชา่ งกระจก

คณุ สมบตั ผิ ้อู บรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ัน้ กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๖๐ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภยั ในการทำงานกระจก วัสดุและอุปกรณ์งานโครงอะลูมิเนียม การใช้

และบำรุงรักษาเครื่องมือ การทำวงกบประตู หน้าต่าง ช่องแสง การทำหน้าต่างบานกระทุ้ง การทำ

หน้าต่างบานเลื่อน การทำมุ้งลวดบานเลื่อน การทำบานประตูสวิง การตัดกระจก การอ่านแบบงาน

โครงอะลมู ิเนยี ม การประเมินราคา และการวัดและประเมินผล

๒๓. หลักสตู รช่างก่ออิฐฉาบปนู

คุณสมบัติผูอ้ บรม : นักโทษเดด็ ขาดต้ังแต่ชนั้ กลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๖๖ ชวั่ โมง

กรอบเนอ้ื หา : นักโทษเด็ดขาดไดร้ ับการอบรมเรยี นรูท้ ั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติเก่ียวกับการก่ออิฐมอญ ครง่ึ แผ่น – เตม็ แผ่น การก่ออิฐมอญเสาสีเ่ หล่ียมการก่ออฐิ บล็อก

การจับเหล่ียมเสา และการฉาบปูน

๒๔. หลกั สตู รประกอบอาหารไทย

คณุ สมบัตผิ ูอ้ บรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ัน้ กลางขน้ึ ไป

ระยะเวลา : ๙๐ ชว่ั โมง

กรอบเนอ้ื หา : นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการฝึกจะได้รับการฝึก ทั้งภาคทฤษฎี

และภาคปฏิบัติเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาหารไทย ประเภทอาหารว่าง ประเภทอาหารคาว

ประเภทอาหารหวาน ประเภทเครือ่ งปรงุ และประเภทนำ้ พริก

๗๖

๒๕. หลักสตู รพฒั นาผลติ ภัณฑเ์ บเกอร่ี

คณุ สมบตั ิผอู้ บรม : นกั โทษเด็ดขาดต้ังแต่ชั้นกลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๙๐ ชว่ั โมง

กรอบเนอื้ หา : นักโทษเด็ดขาดจะต้องเข้ารับการฝึกจะได้รับการฝึก ทั้งภาคทฤษฎี

และภาคปฏิบัติเกี่ยวกับประเภท ชนิด และคุณลักษณะของเบเกอรี่ วัตถุดิบและคุณสมบัติที่มีผลต่อ

คุณลกั ษณะ และคณุ ภาพของผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ เทคนิคการผลติ การจัดเก็บและคณุ ภาพ

๒๖. หลักสูตรช่างเย็บจกั รอุตสาหกรรม (ผ้า)

คณุ สมบัตผิ ู้อบรม : นักโทษเด็ดขาดต้ังแตช่ ้นั กลางขน้ึ ไป

ระยะเวลา : ๙๖ ชวั่ โมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดจะได้รับการฝึกทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ

ความปลอดภัยในการทำงานความรู้พื้นฐานการใช้จักรอุตสาหกรรม การเย็บประกอบชิ้นงาน

(กระดาษ) การเย็บประกอบชิน้ งาน (ผา้ ) การใชง้ านจกั รโพ้ง/จักรลาข้ันพน้ื ฐาน เทคนคิ และวิธีการโพ้ง

ผา้ แบบต่าง ๆ เทคนิคและวธิ กี ารลาผา้ แบบต่าง ๆ และการวัดและประเมนิ ผล

๒๗. หลักสูตรนวดไทยเพ่ือสุขภาพ

คุณสมบัติผู้อบรม : นักโทษเด็ดขาดเขา้ รับการอบรมได้ โดยกำหนดชนั้ ดีมากขึ้นไป

ระยะเวลา : ๑๕๐ ชัว่ โมง

กรอบเน้ือหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ

ภาคปฏิบัติ จำนวน ๔ หมวดวิชา คือ

๑. หมวดวทิ ยาศาสตรส์ ุภาพ เกย่ี วกับรา่ งกายของเรา (กายวิภาคศาสตรท์ ่ัวไป)

๒. หมวดการแพทยแ์ ผนไทย เกยี่ วกับทฤษฎีการแพทย์แผนไทยเภสัชกรรมไทยเบอื้ งตน้

๓. หมวดการนวดไทย เกี่ยวกับประวัติองค์ความรู้และการประยุกต์ใช้ในการนวดไทย

เส้นประธานสิบกับการเกิดโรค การตรวจร่างกายเบื้องต้น การนวดไทยเพื่อสุขภาพ การดัดตน

การบันทกึ ผลการนวด การนวดไทยแก้ไขอาคารทพ่ี บบ่อย การทบทวนการนวดไทยเพอ่ื สขุ ภาพ

๔. หมวดกฎหมายและจรยิ ธรรม เก่ยี วกับกฎหมายวชิ าชีพการแพทย์แผนไทย ธรรมะกบั สมาธิ

๒๘. หลกั สูตรชา่ งสิบหมู่

๑) ช่างบดุ ุน

คุณสมบัตผิ ูอ้ บรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแตช่ นั้ กลางขน้ึ ไป

ระยะเวลา : ๒๕๐ ช่วั โมง

กรอบเน้ือหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและความ

เป็นมาของการทำบดุ ุนอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยการปลกู ฝัง ผูเ้ ขา้ รับการฝกึ อบรมให้มีจิตใต้

สำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒน ธรรมของคนไทย พร้อมทัง้ อบรมจรยิ ธรรม คุณธรรม ให้มีความกตัญญู

กตเวทิตา ระลึกถึงคุณบิดามารดาบุพการี ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ สอนประวัติความเป็นมาสอน

ประวัติการบุดุน เรือนรู้เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ การออก แบบลวดลาย การเตรียมชัน การสลักลาย

เดินเส้น การสลกั ดุนนนู การยำ้ ลายเสน้ และสดุ ท้ายการตกแตง่ ผวิ

๗๗

๒๙. การเขยี นภาพจิตรกรรมไทย

คณุ สมบตั ผิ อู้ บรม : นกั โทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ั้นกลางข้นึ ไป

ระยะเวลา : ๓๐๐ ชั่วโมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและความ

เป็นมาของการเขียนภาพจิตรกรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย การปลูกฝัง ผู้เข้ารับการ

ฝึกอบรมให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของคนไทย พร้อมทั้งอบรมจริยธรรม คุณธรรม

ให้มีความกตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงคุณบิดามารดาบุพการี ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ สอนประวิ

ศาสตร์ ศิลปะไทยโบราณ และศลิ ปะไทยร่วมสมัย สอนใหร้ ูจ้ ักลายกนกไทย ลายเครือวัลย์ฯ ภาพพระ

นาง ยักษ์ ลิง และองคป์ ระกอบในงานศิลปะไทยอ่ืน ๆ ตลอดจนการใช้วสั ดแุ ละแหล่งท่มี า

๓๐. ช่างสลกั (งานแทงหยวก)

คุณสมบัตผิ ้อู บรม : นักโทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ้ันกลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๔๐๐ ช่ัวโมง

กรอบเนื้อหา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงข้ัน

สูงเริ่มจากประวัติความเป็นมาของงานแทงหยวก สกุลช่างต่าง ๆ ลวดลายที่นิยมใช้กัน วิธีการเลือก

หยวกกล้วยการใชม้ ดี แทงหยวก การลบั มีด การบำรงุ รักษามีดแทงหยวก การสาบกระดาษสี จนถึงข้ึน

ตอนการประกอบ

๓๑. การทำหัวโขน

คุณสมบัติผู้อบรม : นักโทษเด็ดขาดตั้งแตช่ ้ันกลางขนึ้ ไป

ระยะเวลา : ๒๕๐ ชว่ั โมง

กรอบเน้อื หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและความ

เป็นมาของการทำหัวโขน อันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย การปลูกฝังผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้มี

จิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของคนไทย พร้อมทั้งอบรมจริยธรรม คุณธรรมให้มีความ

กตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงคุณบิดามารดาบุพการี ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ สอนประวัติศาสตร์ของ

โขน สอนให้รู้จักลายกนกไทย ลายเครือวัลย์ ประวัติวรรณคดี บทพระราชนิพนธ์รัชการต่าง ๆ

ตลอดจนการใชว้ ัสดุและแหล่งท่มี า

๓๒. การทำและเชิดหุ่นกระบอก

คณุ สมบตั ผิ ู้อบรม : นักโทษเดด็ ขาดตั้งแตช่ ้นั กลางข้ึนไป

ระยะเวลา : ๒๐๐ ชัว่ โมง

กรอบเนอื้ หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและ ความ

เปน็ มาของงานหุ่นกระบอก อนั เปน็ เอกลักษณ์ของความเปน็ ไทย การปลูกฝงั ผูเ้ ข้ารับ การฝึกอบรมให้

มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของคนไทย พร้อมทั้งอบรมจริยธรรม คุณธรรมให้มีความ

กตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงคุณบิดามารดาบุพการี ครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ สอนประวัติศาสตร์ความ

เป็นมาของหุ่นกระบอก เรียนรู้วัสดุอุปกรณ์ในการทำ การทำชิ้นงานหุ่นกระบอก รู้จักตัวพระ ตัวนาง

และเคร่ืองประดับต่าง ๆ

๗๘

๓๓. หลกั สูตรชา่ งไม้เคร่ืองเรอื น

คุณสมบัติผอู้ บรม : นักโทษเดด็ ขาดตั้งแต่ชั้นกลางขึ้นไป

ระยะเวลา : ๒๕๐ชวั่ โมง

กรอบเนือ้ หา : นักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเกี่ยวกับความสำคัญและความ

เปน็ มาของชา่ งไมท้ ม่ี ที ักษะและฝีมอื ในการทงี่ านหลักดำเนินการคือการตัดการสรา้ งและการตดิ ต้ังวัสดุ

ก่อสร้างในระหว่างการก่อสร้างอาคาร, เรือ, สะพานไม้ โดยนักโทษจะได้ลงมือปฏิบัติงานจริงตั้งแต่

ขั้นตอนการเลือกไม้ การตัดไม้ การผลิตตู้ และการสร้างเฟอนเิ จอรจ์ นสามารถทำชิ้นงานไดส้ ำเรจ็

๓๔. หลักสูตรการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต

ผู้ต้องขังภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

(หลกั สูตร ๕ เดือน)

คุณสมบัติผู้ต้องขงั : นักโทษเด็ดขาด ตั้งแต่ชั้นดีขึ้นไป กระทำผิดครั้งแรกและจำคุก

มาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๔ ของกำหนดโทษครั้งสุดท้าย กำหนดโทษเหลือจำต่อไปไม่เกิน ๗ ปี

สำหรับทณั ฑสถานเปิดเอกเทศและไม่เกนิ ๕ ปี สำหรับเรือนจำชวั่ คราว

ระยะเวลา : ๕ เดือน

กรอบเน้ือหา : กรมราชทัณฑ์ ได้จัดทำหลักสูตรการน้อมนำปรัชญา

ของเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของผู้ต้องขัง ภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา (หลักสูตร ๕ เดือน) ซึ่งในปีงบประมาณ ๒๕๖๐

จะดำเนินการอบรมผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทณั ฑสถาน จำนวน ๑๐ แห่ง เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของ

เจ้าหน้าที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน โดยมุ่งหวังให้ผู้ต้องขังมีความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เกิดทักษะ

ความชำนาญ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันและพึ่งพาตนเองได้ภายหลังพ้นโทษ

ไมห่ วนกลับมากระทำผิดซ้ำอีกและเป็นการสนองตอบพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพชั รกิติยาภา

ในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำ และเปน็ การบริหารจัดการพื้นท่ีเรือนจำ

ชั่วคราว/ทัณฑสถานเปิด เพื่อให้สามารถดำเนินการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังด้านการเกษตร

ด้านเกษตรกรรม ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เกิดความตอ่ เนอื่ งยัง่ ยืน และเกดิ ประโยชน์สงู สุด

๓๕. หลักสตู รการกีฬา (มศว.)

คุณสมบัตผิ ูต้ อ้ งขัง : นักโทษเด็ดขาด โดยไม่กำหนดช้นั

ระยะเวลา : ๙ เดอื น (ภาคเรียนละ ๔.๕ เดือน)

มวยไทย (จำนวน ๒๗๐ ชั่วโมง) นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเกีย่ วกับประวัติของ

กีฬามวยไทย การไหว้ครู ทักษะการเคลื่อนที่เบื้องต้น ทักษะการยืน ทักษะการกำหมัด และการชก

ทกั ษะการเตะ ทกั ษะการเขา่ ทกั ษะการใชศ้ อก ทกั ษะเชงิ มวย การตอ่ สู้ กติกาและการตัดสิน

มวยสากลสมัครเล่น (จำนวน ๒๗๐ ชั่วโมง) นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกบั

ประวัติของกีฬามวยสากล สมรรถภาพทางกายและการเสริมสร้างของกีฬามวยสากล ทักษะการ

เคลอ่ื นทเ่ี บื้องต้น ทกั ษะการยืน ทกั ษะการกำหมดั และการชก ทกั ษะเชิงมวย การตอ่ สู้ กตกิ าและการตัดสิน

ฟุตซอล (จำนวน ๒๗๐ ชั่วโมง) นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับประวัติของ

กีฬาฟุตซอล การเคลื่อนไหวในการเล่นกีฬาฟุตซอล การรับและการส่งลูกด้วยข้างเท้าด้านใน การรับ

และการส่งลูกด้วยข้างเท้าด้านนอกการรับและการส่งลูกด้วยหลังเท้า การรับลูกกลางอากาศ การใช้

๗๙

ศรีษะ (โหม่งบอล) การเลี้ยงลูกบอล ฝึกการยิงประตู การฝึกเล่นทีมแบบต่าง ๆ กติกาและความ

ปลอดภยั ในการเล่นกีฬาฟุตซอล

ตะกร้อ (จำนวน ๒๗๐ ชั่วโมง) นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับประวัติ

ประโยชน์ของกีฬาตะกร้อ การฝึกทักษะของการเล่นกีฬาตะกร้อ การเสริฟลูก การฝึกเล่นเป็นทีม

กฎ กติกา และระเบยี บการแขง่ ขัน

วอลเลย์บอล (จำนวน ๒๗๐ ชั่วโมง) นักโทษเด็ดขาดต้องเขา้ รบั การอบรมเกี่ยวกบั ประวัติ

ความเป็นมาของกีฬาวอลเลย์บอลการเลือกและการรักษาอุปกรณ์ ทักษะการเคลื่อนไหวเบื้องต้น

ทักษะการเล่นลูกสองมือล่าง (การอันเดอร์)การเลน่ ลูกสองมือบน (การเซต) การตบ การส่งลูก (เสริฟ)

การเลน่ ระบบทมี กตกิ า การตัดสนิ

๓๖. ฝกึ ทกั ษะวิชาชีพในสถานประกอบการนอกเรอื นจำ

คุณสมบัติผตู้ ้องขงั : ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการจ่ายนักโทษเด็ดขาดออก

ทำงานฝกึ วิชาชพี ในสถานประกอบการนอกเรือนจำ พ.ศ. ๒๕๕๙

- หลกั สูตรเตรียมความพรอ้ มกอ่ นออกทำงานฝึกวิชาชพี ในสถานประกอบการนอกเรือนจำ

ระยะเวลา : ๓ - ๕ วัน

กรอบเน้อื หา : ผู้ต้องขังได้รับการอบรมเกี่ยวกับสถานประกอบการกิจวัตร

ประจำวนั ของผตู้ ้องขงั กฎระเบยี บของเรอื นจำ วินยั ของผูต้ ้องขงั การเย่ยี ม ส่ิงของต้องหา้ ม การเขียน

คำร้อง การรักษาพยาบาล สิทธิประโยชน์ กายบริหาร

๓๗. ฝกึ ทักษะวชิ าชีพงานบริการสาธารณะ

คุณสมบัตผิ ู้ต้องขัง : ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการส่งนักโทษเดด็ ขาดออกไป

ทำงานสาธารณะนอกเรือนจำ พ.ศ.๒๕๓๕

- หลกั สตู รเตรียมความพร้อมกอ่ นออกทำงานฝึกทักษะวชิ าชีพงานบริการสาธารณะ

ระยะเวลา : ๓ - ๕ วนั

กรอบเนื้อหา : ผู้ต้องขังได้รับการอบรมเกี่ยวกับการทำงานบริการสาธารณะ

กิจวัตรประจำวันของผู้ต้องขัง กฎระเบียบของเรือนจำ วินัยของผู้ต้องขัง การเยี่ยม สิ่งของต้องห้าม

การเขียนคำรอ้ งการรักษาพยาบาล สทิ ธิประโยชน์ กายบริหาร

๓๘. การอบรมเตรยี มความพร้อมก่อนปล่อยแบบเข้มข้น (เรอื นจำโครงสรา้ งเบา)

คุณสมบตั ผิ ู้ต้องขัง : นักโทษเดด็ ขาดท่ีใกล้พ้นโทษ และเขา้ เกณฑ์พกั การลงโทษ

ระยะเวลา : ๑๒ สปั ดาห์ (จำนวน ๗๑๔ ชั่วโมง)

กรอบเนอื้ หา : เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังแบบเข้มข้น ทั้งในด้านร่างกาย

จิตใจ ความคดิ สติปญั ญา อารมณ์ และวชิ าชีพ โดยแยกเปน็ กลุ่มเนื้อหาในการเตรยี มความพร้อมเพื่อ

กลับคนื สู่สงั คม แบง่ เปน็ ด้านต่าง ๆ ดังนี้

๑. การพัฒนาด้านร่างกาย / ฝึกระเบียบ สร้างเสริมวินัย ประกอบด้วยเนื้อหา การฟื้นฟู

สมรรถภาพร่างกายของผู้ต้องขัง การฝึกระเบียบแถวเพ่ือใหผ้ ตู้ ้องขังไดร้ ับการเตรยี มตัว มีความพร้อม

ด้านร่างกาย มีความแข็งแรง อดทน สร้างเสริมระเบียบวินยั สร้างความสามัคคี เป็นการเตรียมความ

พร้อมเพื่อเข้าสู่กิจกรรมอื่นๆ จำนวน ๖ สัปดาห์ ๔๒ วัน ๆ ละ ๗ ชั่วโมง (๒๙๔ ชั่วโมง) โดยใช้

หลกั สตู รการฝึกทหารใหมข่ องกองทพั บก

๘๐

๒. การพัฒนาด้านจิตใจ / ความคิด / ทักษะการใช้ชีวิตเพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม

กระบวนการคิด และการเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งในด้านจิตใจมีทักษะในการใชช้ ีวติ สามารถหลกี เล่ียง

สถานการณ์ทีม่ ีความเส่ียงต่อการกระทำผิดโดยเน้นการเรียนรู้ และการปฏิบตั ิตามหลักทางศาสนาต่าง ๆ

ภาคทฤษฎี และภาคปฏบิ ัติจำนวน ๑๒ สปั ดาห์ ๘๔ วัน ๆ ละ ๒ ชัว่ โมง (๑๖๘ ชัว่ โมง)

๓. การเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ / ครอบครัว / บูรณาการความร่วมมือกับสังคมเพื่อ

เตรียมความพร้อมการฝึกทักษะอาชีพ การประกอบอาชีพอิสระ การทำงานในสถานประกอบการ

การให้คำแนะนำปรึกษาด้านอาชีพ การสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว บูรณาการภาคสังคมเข้ามามี

ส่วนรว่ มให้ความรู้ ทำความรู้จกั ค้นุ เคย เพือ่ ส่งต่อและประสานงานการใหค้ วามช่วยเหลอื เมอื่ ผตู้ อ้ งขัง

พ้นโทษกลับเขา้ ส่คู รอบครัว และสงั คม (จำนวน ๒๕๒ ช่วั โมง)

๓.๑ ฐานการเรียนรู้ และฝึกฝนทักษะการประกอบอาชีพ ทั้งอาชีพอิสระส่วนตัว

และการเข้าทำงาน ในสถานประกอบการ ความรู้อาชีพอิสระต่าง ๆ การแนะนำแหล่งงาน การนำ

ผูป้ ระกอบการเข้ามาใหค้ ำแนะนำในการทำงาน การรับสมคั รงาน (จำนวน ๑๒๖ ช่วั โมง)

๓.๒ ฐานการให้คำปรึกษา (Counseling) เกี่ยวกับการวางแผนการดำเนินชีวิต

การประกอบอาชีพแนะนำหน่วยงานที่สามารถขอรับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ เช่น ทุนประกอบ

อาชพี การสงเคราะห์ครอบครวั การรกั ษาพยาบาลเมื่อเจ็บปว่ ย เปน็ ต้น (จำนวน ๗๒ ชวั่ โมง)

๓.๓ ฐานการเตรียมความพร้อมครอบครัว และชุมชน การปฏิบัติตัวในระหว่าง

การคุมประพฤติ การส่งต่อและประสานงานการให้ความช่วยเหลือกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น อบต.

อบจ. (จำนวน ๕๔ ชั่วโมง)

๓๙. หลักสตู ร “อบรมก่อนพ้นโทษ”

คุณสมบตั ผิ ู้ตอ้ งขัง : นกั โทษเดด็ ขาดท่ีใกล้พน้ โทษ และเข้าเกณฑ์พกั การลงโทษ

ระยะเวลา : ๓๐ ชว่ั โมง

กรอบเนอื้ หา : เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ต้องขังแบบเข้มข้น ทั้งในด้านร่างกาย

จติ ใจ ความคดิ สตปิ ญั ญา อารมณ์ และวิชาชีพ โดยแยกเป็นกลุ่มเน้ือหาในการเตรยี มความพร้อมเพื่อ

กลบั คืนสู่สังคม

๔.๑.๑.๒ หลกั สตู ร จำนวน ๓๙ หลักสูตร ของเรือนจำช่วั คราวดอยฮาง จงั หวดั เชียงราย
จากหลักสูตร จำนวน ๓๙ หลักสูตร ที่กรมราชทัณฑ์มีนโยบายให้เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง

จังหวดั เชียงราย ดำเนินงานจัดกจิ กรรม เพอื่ แกไ้ ข ฟื้นฟู และพฒั นาพฤตนิ ิสยั ของผ้ตู ้องขัง ดว้ ยการจัด

ฝึกอบรมวิชาชีพ เป็นการสร้างโอกาส ในการพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขัง ให้ผู้ต้องขังสามารถนำ
ความรูท้ ่ไี ด้รบั จากการฝึกอบรม ไปประกอบอาชีพเล้ยี งตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ โดยที่ไม่

หวนกลับมากระทำความผิดซ้ำอีก ตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่กล่าวว่า ความต้องการด้านการฝึก

วิชาชีพของผู้ต้องขังเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ผลการวิจัยพบว่า ผู้ต้องขังเรือนจำ
ชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย มีความต้องการที่จะทำการฝึกอบรมวิชาชีพหลักสูตรระยะส้ัน
จำนวน ๗ หลกั สตู ร ได้แก่ ๔

๔ สมั ภาษณ์ นายสงิ หา จนั ทาพูน, นกั วชิ าการชำนาญการ, ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๘๑

๑. หลกั สตู รวิชาชพี ดา้ นเกษตร ของงานการศึกษาผตู้ ้องขังฝา่ ยการศึกษาและพัฒนา
จิตใจเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ได้กำหนดเนื้อหาวิชาที่ผู้ต้องขังต้องได้ รับความรู้
เบื้องต้นซ่ึงสามารถขยายพันธ์ุพชื โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการขยายพันธุ์พชื ได้ ทราบถึง
คุณสมบัติของดิน ธาตุที่เป็นอาหาร ชนิดของพืช ส่วนต่าง ๆ ของพืช การสร้างเรือนเพาะชำการเพาะ
เมล็ด การปักชำ การติดตา การตอน การต่อกิ่ง การทาบกิ่ง การเสียบยอด รวมถึงการทำสวนครัว
ด้วยเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำสวนครัว ประเภทของสวนครัว การเตรียมดินการเตรียมพันธุ์พืชผัก
การป้องกันกำจัดศัตรูพืช การบำรุงรักษา การใช้ปุ๋ย การลงทุน และการตลาด ทั้งนี้ผู้ต้องขังที่ฝึกตาม
หลกั สตู รวชิ าชีพอาชพี เกษตรกรรม จะต้องใช้ระยะเวลาในการฝกึ อบรมทงั้ สิ้น ๑๐๐ ช่วั โมง

สัมภาษณ์ ผู้ตอ้ งขัง.A อายุ ๓๕ ปี ต้องโทษคดี พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ กำหนดโทษ
๕ ปี ต้องโทษครั้งแรก มีครอบครัวแล้ว มีบุตร ๑ คน มีความสนใจอยากฝึกวิชาชีพด้านการเกษตร
เนื่องจากก่อนต้องโทษมีอาชีพทำการเกษตร และมีที่ดินของตนเอง หากได้รับการสนับสนุนเงินทุน
สามารถนำความรดู้ า้ นการเกษตรไปประกอบอาชพี เลี้ยงตนเองและครอบครวั ได้๕

๒. หลักสูตรวิชาชีพช่างไม้ ครุภัณฑ์ของงานการศึกษา ผู้ต้องขังฝ่ายการศึกษาและ
พัฒนาเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ได้กำหนดเนื้อหาวิชาที่ผู้ต้องขังต้องได้รับความรู้
เบื้องต้นในรายวิชาช่างไม้ โดยผู้ต้องขังที่ทำการฝึกวิชาชีพนี้ต้องสามารถเลือกเครื่องมือช่างไม้ วิธีใช้
และการบำรุงรักษา การรักษาไม้ โรคและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับไม้ ประเภทของไม้ และการ
เลือกขนาดไม้ที่เหมาะสมกับงาน การไสไม้ การเข้าปากไม้ เสริมไม้ การต่อไม้ การเข้าทำโครง การเข้าฉาก
ปากตรง หางเหยี่ยว และเข้าเดือย รวมทั้งต้องสามารถปฏิบัติงานช่างไม้ได้โดยต้องอ่านแบบ
จัดเครื่องมือเครื่องใช้จำเป็น การเตรียมงาน การปฏิบัติงานทำตู้ โต๊ะอาหารเก้าอี้ ชั้นวางของ ฯลฯ
การตกแต่งขั้นสำเร็จ เช่น การอุดรอยชำรุด การขัดกระดาษทรายการทาแชล็ค การทาแลกเกอร์
การทาสีน้ำ และสนี ้ำมัน ทงั้ นีผ้ ้ตู อ้ งขงั ท่ีฝกึ ตามหลักสตู รวิชาชีพชา่ งไม้ครุภณั ฑ์ จะตอ้ งใช้ระยะเวลาใน
การฝึกอบรมทั้งส้ิน ๑๕๐ ชั่วโมง จึงจบหลักสูตรวิชาชีพ

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.B อายุ ๒๙ ปี ต้องโทษคดีเกี่ยวกับทรัพย์ กำหนดโทษ ๓ ปี ๘ เดือน
ต้องโทษครัง้ แรก ครอบครวั หยา่ รา้ ง มบี ตุ ร ๒ คน อาชีพก่อนต้องโทษ รับจ้างทวั่ ไป มคี วามสนใจอยาก
ฝึกวิชาชีพช่างไม้ เพราะเป็นอาชีพอิสระ สามารถประกอบอาชีพได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัย
ผู้ประกอบการ แต่ยังขาดทุนทรพั ย์๖

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.I อายุ ๓๖ ปี ต้องโทษคดีเกี่ยวกับทรัพย์ กำหนดโทษ ๕ ปี
มคี รอบครัวและหย่าร้าง มีบตุ ร ๑ คน บตุ รอาศยั อยกู่ ับภรรยา ก่อนต้องโทษมีอาชีพเกษตรกร มีความ
สนใจอยากฝึกวชิ าชีพชา่ งไม้ เพราะมีความชอบส่วนตวั ๗

๓. หลักสูตรวิชาชีพช่างก่อสร้างของงานการศึกษาผู้ต้องขังฝ่ายการศึกษาและ
พัฒนาจิตใจเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ผู้ต้องขังมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำวิชาชีพ

๕ สมั ภาษณ์ ผู้ตอ้ งขงั .A, อายุ ๓๕ ป,ี ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒.
๖ สัมภาษณ์ ผ้ตู อ้ งขัง. B, อายุ ๒๙ ป,ี ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒.
๗ สมั ภาษณ์ ผู้ตอ้ งขัง. I, อายุ ๓๖ ป,ี ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒.

๘๒

ชา่ งกอ่ สรา้ งทไ่ี ดฝ้ ึกมาปรับใช้ เพอื่ บอกทิศทางพัฒนาการประกอบอาชีพชา่ งก่อสรา้ ง สร้างอาชีพให้กับ
ตนเอง เป็นการปูทางสู่การหางานสุจริตทำเมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว ดังเช่น สามารถทำงานอิสระ
รับเหมาก่อสร้าง โดยมีกรอบเนื้อหาตามหลักสูตรสำหรับนักโทษเด็ดขาดได้รับการอบรมเรียนรู้ท้ัง
ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการก่ออิฐมอญ ครึ่งแผ่น – เต็มแผ่น การก่ออิฐมอญเสาสี่เหลี่ยม
การก่ออิฐบล็อกการจับเหลี่ยมเสา และการฉาบปูน จะต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรมทั้งส้ิน
๑๕๐ ช่วั โมง จงึ จบหลักสูตรวิชาชพี

สัมภาษณ์ ผ้ตู ้องขัง.C อายุ ๓๒ ปี ต้องโทษคดี พ.ร.บ. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษฯ กำหนดโทษ
๖ ปี ตอ้ งโทษคร้งั แรก มีครอบครัวและมีบุตร ๑ คน อาชีพก่อนตอ้ งโทษ รับจา้ งทวั่ ไป มีความใจอยาก
ฝึกวิชาชีพช่างก่อสร้าง เพราะมีความชอบส่วนตัวและสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและ
ครอบครวั ได้๘

๔. หลักสูตรวิชาชีพช่างกระจกของงานการศึกษาผู้ต้องขงั ฝ่ายการศึกษาและพัฒนา
จิตใจเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จังหวัดเชียงรายผู้ต้องขังมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำวิช าชีพช่าง
กระจกที่ได้ฝึกมาปรับใช้ เพื่อวางแผนการดำเนินชีวิต หาโอกาสสำหรับสร้างอาชีพให้กับตนเอง
เป็นการปูทางสู่การหางานสจุ รติ ทำเมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว สามารถประกอบอาชีพอิสระ รับเหมาติด
กระจก เปน็ ตน้ จะต้องใชร้ ะยะเวลาในการฝึกอบรมทงั้ สน้ิ ๑๕๐ ชวั่ โมง จงึ จบหลกั สตู รวชิ าชีพ

สัมภาษณ์ ผตู้ อ้ งขัง.D อายุ ๒๙ ปี ตอ้ งโทษคดเี กี่ยวกับชวี ติ กำหนดโทษ ๕ ปี ตอ้ งโทษ
ครั้งแรก เคยมีครอบครัวแต่หย่าร้างไม่มีบุตร อาศัยอยู่กับพ่อแม่ อาชีพก่อนต้องโทษ รับจ้างทั่วไป
มคี วามสนใจอยากฝึกวชิ าชพี ช่างกระจก เพราะเป็นอาชีพอิสระใชเ้ งินลงทนุ ไม่มากเกินไป ประกอบกับ
มคี วามชอบและจะสามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลงั พน้ โทษได้๙

๕. หลักสูตรวิชาชีพช่างเชื่อม ของงานการศึกษาผู้ต้องขัง ฝ่ายการศึกษาและพัฒนา
จิตใจเรอื นจำช่ัวคราวดอยฮาง จังหวดั เชียงราย ไดก้ ำหนดเนื้อหาวิชาท่ีผู้ต้องขงั ต้องได้รับความรู้ทั่วไป
และปฏิบัติงานโลหะแผ่น การใช้เครื่องมือวัด การเขียนแบบแผ่นคลี่ การบัดกรีงานสังกะสีความ
ปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การเชื่อมแก๊ส ให้ฝึกใช้อุปกรณ์การเชื่อมแก๊ส ถังเตรียมถังออกซิเจน
แคลเซียมคาร์ไบค์ แว่นตาเชื่อม หัวจุกเชื่อม เกจ์วัดความดัน การเชื่อมไฟฟ้าด้วยเครื่องเชื่อมไฟฟ้า
อุปกรณ์เชื่อมไฟฟ้า ธูปเชื่อมไฟฟ้า หน้ากากเชื่อม ค้อนเคาะเชื่อมแปรงลวด การเชื่อมท่าต่าง ๆ เช่น
ท่าราบ ระดับสายตา แนวดิง่ เหนอื ศีรษะ ฯลฯ ทัง้ นี้ ผูต้ ้องขังท่ีฝกึ ตามหลักสตู รวชิ าชีพช่างเชื่อมโลหะ
จะต้องใชร้ ะยะเวลาในการฝึกอบรมทั้งสนิ้ ๑๕๐ ชัว่ โมง

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.E อายุ ๓๘ ปี ต้องโทษคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ กำหนดโทษ
๖ ปี ต้องโทษครง้ั แรก มคี รอบครัวแลว้ มบี ตุ ร ๑ คน กอ่ นต้องโทษประกอบอาชีพช่างก่อสรา้ ง มคี วาม
สนใจอยากฝกึ วิชาชีพช่างเชือ่ ม เพราะมีความรู้ความชำนาญอาชีพก่อสรา้ ง หากมคี วามชำนาญวชิ าชีพ

๘ สมั ภาษณ์ ผู้ตอ้ งขงั C , อายุ ๓๒ ปี, ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๒.
๙ สัมภาษณ์ ผู้ต้องขงั .D, อายุ ๒๙ ปี, ๒๖ มนี าคม ๒๕๖๒.

๘๓

ช่างเชื่อม ทำให้สามารถมีช่องทางในการประกอบอาชีพภายหลงั พ้นโทษเพิ่มขึ้น มีความต้องการที่จะ
ทำการฝกึ อบรมวชิ าชีพด้านเช่อื มโลหะ๑๐

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.J อายุ ๒๓ ปี ต้องโทษคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ กำนหดโทษ
๖ ปี ยังไม่มีครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับปู่ย่า อาชีพรับจ้างทั่วไป มีความสนใจอยากฝึก
วิชาชีพช่างเชื่อม เพราะช่างเชื่อมเป็นช่างที่หางานง่าย สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและ
ครอบครัวได้๑๑

๖. หลักสูตรวิชาชีพช่างแกะสลัก ของงานการศึกษาผู้ต้องขังฝ่ายการศึกษาและ
พฒั นาจติ ใจเรือนจำช่วั คราวดอยฮาง จังหวัดเชียงราย ได้กำหนดเนอ้ื หาวิชาทีผ่ ้ตู อ้ งขงั ตอ้ งได้รบั ความรู้
เบื้องต้น โดยทราบขั้นตอนการตกแต่งผิวไม้ให้เรียบร้อยโดยใช้ขัดด้วยกระดาษทราย ขั้นตอนการโป๊
อุดรอยตำหนิบนเนื้อไม้ ข้นั ตอนการขัดด้วยกระดาษทรายอีกคร้ังตามรอยโป๊ การตรวจเนือ้ ไมก้ อ่ นทาสี
ย้อมสีหรือทาเชลแล็ก ความรู้เกี่ยวกับประเภท ลักษณะของสี ซึ่งจะใช้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีฝุ่น
เชลแล็ก แล็คเกอร์ แอลกอฮอล์ ทินเนอร์ เป็นต้นความปลอดภัยในการทำงาน การใช้เครื่องมือ
อุปกรณ์หรือวัสดุให้ถูกต้องตามลักษณะงานโดยการใช้กระดาษทราย แล็คเกอร์ ทินเนอร์ เกรียงโป๊สี
แปรง การจัดเก็บ และดูแลรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุต่า งๆ การตกแต่งรายละเอียดตลอดจนการ
จดั เกบ็ เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปโดยการตกแต่งรายละเอียดด้วยพู่กันระบายสี เชน่ ตามลายไม้ ตาไม้หรือรอย
โป๊ โดยใช้พิมพ์การประคบด้วยทินเนอร์ให้มันเงา การห่อ การเก็บเฟอร์นิเจอร์ที่สำเร็จรูปแล้ว ทั้งน้ี
ผู้ต้องขังที่ฝึกตามหลักสูตรวิชาชีพตกแต่งสีเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนไม้ จะต้องใช้ระยะเวลาในการ
ฝึกอบรมทง้ั สิ้น ๑๕๐ ชวั่ โมง

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.F อายุ ๔๒ ปี ต้องโทษคดีบุกรุก กำหนดโทษ ๓ ปี ต้องโทษครั้ง
แรก มีครอบครัวแล้ว มีบุตร ๑ คน ก่อนต้องโทษมีอาชีพเกษตรกร ทำไร่ทำนาทำสวน มีความสนใจ
อยากฝึกวิชาชีพช่างแกะสลัก เพราะอายุเริ่มเยอะ การประกอบอาชีพเกษตรกรต้องใช้แรงงาน
ร่างกายรับไม่ให้ว จึงอยากเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างแกะสลัก และน่าจะนำไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง
และครอบครัวได้๑๒

๗. หลักสูตรวิชาชีพการชงกาแฟ ของงานการศึกษาผู้ต้องขังฝ่ายการศึกษาและ
พฒั นาจิตใจเรอื นจำชัว่ คราวดอยฮาง จังหวัดเชียงรายผ้ตู ้องขงั มคี วามคิดเห็นเกี่ยวกับการนำวิชาชีพคน
ชงกาแฟท่ีได้ฝึกมาปรบั ใช้ จากท่ีได้เรียนรกู้ ารควบคมุ สต็อค การกำหนดราคา และออกแบบเมนูกาแฟ
สามารถนำมาวางแผนการดำเนินชีวิต หาโอกาสสำหรับสร้างอาชีพให้กับตนเอง เป็นการปูทางสู่การ
หางานสุจริตทำเมื่อพ้นโทษออกไปแล้ว สามารถประกอบอาชีพอิสระ สร้างงาน และรายได้ โดยมี
กรอบเนื้อหาตามหลักสูตรสำหรับ นักโทษเด็ดขาดต้องเข้ารับการอบรมเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและ
ภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเครื่องดื่มสุขภาพ คุณค่าแห่งผักผลไม้ สมุนไพรในการบำบัด ประโยชน์และโทษ

๑๐ สัมภาษณ์ ผูต้ อ้ งขัง.E, อายุ ๓๘ ป,ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒.
๑๑ สมั ภาษณ์ ผตู้ ้องขัง.J, อายุ ๒๓ ป,ี ๒๖ มนี าคม ๒๕๖๒.
๑๒ สมั ภาษณ์ ผูต้ ้องขงั .F, อายุ ๔๒ ปี, ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๒.

๘๔

ของกาแฟ การปรงุ เคร่อื งด่ืมกาแฟและเคร่ืองด่ืมเพ่ือสุขภาพเคร่ืองมือและวตั ถดุ บิ สตู รในการทำ และ
เทคนิควธิ ีดมื่ ท่ีถกู ตอ้ ง จะต้องใชร้ ะยะเวลาในการฝกึ อบรมทง้ั สนิ้ ๑๕๐ ชว่ั โมง

สัมภาษณ์ ผู้ต้องขัง.G อายุ ๒๕ ปี ต้องโทษคดี พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ กำหนดโทษ
๔ ปี ยังไม่มีครอบครัว พ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับตายาย อาชีพรับจ้างทั่วไป มีความสนใจอยาก
ฝึกวิชาชพี การชงกาแฟ เพราะมีไฝ่ฝันอยากมีกิจการร้านกาแฟเป็นของตนเอง หากได้รับการปล่อยตัว
จะหาทุนสักกอ้ นเพ่อื ลงทุนเปดิ รา้ นกาแฟ๑๓

๔.๑.๒ การพัฒนาศักยภาพด้านการฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขังเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง
จังหวัดเชียงราย

๔.๑.๒.๑ นโยบายการพัฒนาผู้ต้องขังภายในเรอื นจำชัว่ คราวดอยฮาง จังหวัดเชยี งราย
กรมราชทันฑ์ มีนโยบายหลัก ๔ ด้าน ที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และ
แผนปฏิบตั ิการของกรมราชทนั ฑ์ ไดแ้ ก่

๑) การขับเคลื่อนงานและทำงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการใน
พระราชดำริ และโครงการที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์และพระ
บรมวงศานวุ งศท์ ม่ี ีตอ่ การราชทัณฑ์ เปน็ เรื่องทจี่ ะตอ้ งทำในลำดบั แรก

๒) การขับเคลื่อนงานเพื่อสนองต่อนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงยตุ ธิ รรมและนโยบายของบริหารในระดับกระทรวง

๓) การขับเคลื่อนงานภารกิจพื้นฐานของกรมราชทณั ฑ์ซึ่งเป็นงานประจำท่ี
จะต้องดำเนินการ คือ การควบคุมดูแล ผู้ต้องขัง และการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขับให้เป็นคนดี
กลับคืนส่สู งั คม

๔) การริเริ่มพัฒนากรมราชทัณฑ์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป ซึ่งการบริหาร
ดำเนินการดังกล่าว ได้กำหนดเป็นนโยบายในการบริหารงานราชทัณฑ์ซึ่งจำแนกออกเป็นด้าน ๆ
ประกอบดว้ ย๑๔

ด้านที่ ๑ การปฏิบัติตอ่ ผตู้ อ้ งขงั และผู้เขา้ รบั การตรวจพิสจู น์ ใหเ้ ปน็ มาตรฐาน
๑.๑ การควบคุมผู้ตอ้ งขัง และผู้เขา้ รับการตรวจพิสจู นใ์ ห้มีประสิทธิภาพ
ดำเนินการควบคุม ดูแล ด้วยการยึดหลักมาตรฐานสากล Bangkok Rules และ Mandela Rules
และมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือมาตรฐานที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ที่จะขับเคลื่อนปฏิบัติในการ
บริหารงานราชทัณฑ์ คำนึงถึงหลักสิทธิ มนุษยชน ดูแลสุขภาวะอนามัย การรักษาพยาบาลให้กับ
ผู้ต้องขัง ลดการเสียชีวิตของผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างถูกคุมขัง พัฒนาเรือนจำให้ถูกถูกสุขลักษณะได้
มาตรฐาน โดยน้อมนำดำเนินการตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ทรงริเริ่มโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีพระ
เมตตาต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ ทั้งนี้รวมถึงการขับเคลื่อนดำเนินการขับเคลื่อนงานในโครงการอื่นที่
เกี่ยวเนื่อง เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีต่อการ

๑๓ สัมภาษณ์ ผ้ตู อ้ งขงั G, อายุ ๒๕ ปี, ๒๗ มนี าคม ๒๕๖๒.
๑๔ สมั ภาษณ์ นางกรรนกิ า สวุ รรณ, นักสังคมสงเคราะหช์ ำนาญการ, ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๘๕

ราชทัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่น ให้กับญาติผู้ต้องขังและสังคมภายนอก การควบคุม ดูแล ผู้ต้องขัง และ
ผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ทำใหส้ งั คมเชื่อม่ันวา่ ผ้ตู อ้ งขังจะไม่สามารถทจ่ี ะหลบหนีซ่ึง
ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การสร้างความเข้มงวดในการ ควบคุมและคำนึงถึงความปลอดภัยของ
เจ้าหน้าที่ในแต่ละระดับ มุ่งปฏิบัติงานแบบมืออาชีพ เจ้าหน้าที่จะต้อง ไม่ตกเป็นตัวประกันของ
ผู้ต้องขัง มีมาตรการป้องกันและระงับเหตุร้ายภายในเรือนจำ/ทัณฑสถาน และสถานที่ เพื่อการ
ควบคุมตัวผเู้ ขา้ รบั การตรวจพิสจู น์๑๕

๑.๒ การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้กลับคืนสู่สังคม ไม่กระทำผิดซ้ำ
พัฒนาระบบการจำแนก ลักษณะผู้ต้องขังที่สะท้อนต่อการควบคุม ดูแล และสอดรับกับการพัฒนา
พฤตินิสัยที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพ ของผู้ต้องขังแต่ละราย เพื่อมุ่งเป้าในการลดการกระทำ
ความผิดซ้ำ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมมักจะกล่าวถึงสถิติการ กระทำผิดซ้ำภายหลังปล่อยตัวในห้วงเวลา
๑ ปี ๒ ปีและ ๓ ปี การกำหนดหลักเกณฑ์ที่มาของสถิติการกระทำผิดซ้ำ ให้มีความสอดคล้องกับ
หน่วยงานในกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย ดำเนินการเน้นแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง สร้างระบบ
การควบคุมดูแลให้สมดุลกับระบบการพัฒนาพฤตินิสัย เปรียบการควบคุมผู้ต้องขังเสมือนขาขวา
การพัฒนาพฤติ นสิ ัยเปน็ ขาซา้ ย สองขามีความสมดุลกันจึงจะทำให้เดนิ ไปได้อย่างสมบูรณ์ การพัฒนา
สภาพความเป็นอยู่ อาหาร การกิน เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เปรียบดังปัจจัย ๔ ที่ผู้ต้องขังจะต้อง
ได้รับดูแลก่อน จึงจะส่งผลดีต่อการพัฒนาพฤตินิสัย กองบริหารการคลังต้องประสานกับเรือนจำใน
การดูแล ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ตั้งคณะทำงานตรวจ เรือนจำด้านอาหารเพื่อตรวจดูแลให้มีความ
เหมาะสม การดูแลเรื่องสุขอนามัยของผู้ต้องขัง ยารักษาโรค ให้มีทั่วถึง โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์ ดูแลเร่อื งสิทธิประโยชน์ให้กบั ผู้ต้องขงั การดูแลผตู้ ้องขังภายใต้ การระบาดของโรคห้องกักโรค
ต้องดูแลให้มั่นคงแข็งแรง การพัฒนาโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู ต้องมีความสอดคล้องกับ การบริหารการ
บังคับโทษ และการประสานกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการ
บริหารงานราชทัณฑ์ การจำแนกลักษณะให้จำแนกโดยติดตามข้อมูลข่าวสารด้านคดีผู้ต้องขังเก็บ
ข้อมูลไว้ เป็นประโยชนต์ งั้ แต่แรกรับตัว เพอื่ ประโยชนใ์ นการบริหารการบังคับโทษและการพฒั นาพฤติ
นิสัยทเ่ี กดิ ประสทิ ธภิ าพ การพัฒนาโปรแกรมใหม่ ๆ ในการแกไ้ ข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง
ให้มีความเท่าทัน ต่อสถานการณ์ในบริบทของสังคมและสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนทั้งภายในและ
ภายนอกเรอื นจำ มงุ่ เปา้ สู่การ สร้างประสทิ ธภิ าพของงานราชทณั ฑ์ทจี่ ะมสี ่วนชว่ ยลดการกระทำความผดิ ซ้ำ
สนองความสำเรจ็ ตามเป้าหมายของ แผนยุทธศาสตรแ์ ละแผนระดับตา่ ง ๆ ใหไ้ ดผ้ ลอยา่ งย่ังยนื ๑๖

ด้านที่ ๒ การแกไ้ ขปัญหาผตู้ ้องขงั ลน้ เรอื นจำ
๒.๑ การลด/ชะลอผู้ต้องขังเข้าสู่เรือนจำ ในส่วนนี้จะต้องดำเนินการ
ประสานกับทางศาล ยุติธรรม และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อหารือ

๑๕ สมั ภาษณ์ นางสาวหนงึ่ ฤทยั ใจมอย, นกั สังคมสงเคราะหช์ ำนาญการ, ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
๑๖ สัมภาษณ์นายปิยนัฐ หัตถิยา, หัวหน้าเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัด
เรือนจำกลางเชยี งราย, ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๘๖

ร่วมกันนำไปสู่วิธีการที่จะมีส่วนช่วย ให้เกิดการลดปริมาณผู้ต้องขังที่จะเข้าสู่เรือนจำให้น้อยลง เช่น
การจำคกุ ในสถานที่อื่น หรอื การใช้ “อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกสต์ ดิ ตามตวั ” (Electronic Monitoring)

๒.๒ การบริหารจัดการความจุและบรรเทาความแออัดของเรือนจำ
การบรหิ ารความจุ ของผตู้ ้องขงั ต้องพิจารณาเกลี่ยยา้ ย เพอ่ื แก้ไขความแออัดของเรือนจำ การต่อเติม
เตียงนอนสองชั้นเพื่อแก้ไขปัญหา ความแออัดในการนอน การขยายการเพิ่มความจุของผู้ต้องขังที่มี
ความสมดุลกับพื้นที่ของเรือนจำมีความเหมาะสม สะดวกต่อการควบคุม ดูแล และสะดวกต่อการ
พัฒนาพฤตินิสัย พัฒนาเพิ่มพื้นที่อื่นเพื่อบริหารการบังคับโทษที่เหมาะสม ซึ่งเป็นตามนโยบายของ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะต้องไม่เกิดความแออัดในเรือนจำหรือหากเกิดความแออัดก็
ต้องเปน็ การช่วั คราวและมเี หตผุ ลควร และควรเรง่ คลค่ี ลายความแออัดของผูต้ อ้ งขังใหไ้ ดโ้ ดยเรว็

๒.๓ การเพิ่ม/เร่งการปล่อยตัวผู้ต้องขังออกจากเรือนจำ การบริหารการ
บังคับโทษ โดยใช้หลักทัณฑวิทยา และหลักทัณฑปฏิบัติที่มีความประสานสอดคล้องระหว่างกัน
พจิ ารณาใชม้ าตรการอ่นื แทนโทษทางอาญา การเลอื่ นชนั้ นักโทษเดด็ ขาดทีจ่ ะช่วยสร้างความสมดุลกับ
สิทธิประโยชน์ที่ผู้ต้องขังพึงจะได้รับ การทำงานสาธารณะนอกเรือนจำที่จะมีส่วนช่วยสร้างจิต
สาธารณะให้กับผู้ต้องขังในการทำงานบริการสังคม โดยผู้ต้องขังก็จะได้รับประโยชน์ในการลดวัน
ตอ้ งโทษ การพกั การลงโทษให้กับผู้ต้องขังซง่ึ จะต้องมีการพิจารณา ปรบั เปล่ียนหลักเกณฑ์ให้ผู้ต้องขัง
บางประเภทที่เคยกระทำความผิดซ้ำให้สามารถได้รับประโยชน์ในการ พักการลงโทษได้ การแก้ไข
กฎระเบียบที่รองรับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิด ความคล่องตัว
การขออภัยโทษเฉพาะรายสำหรับผู้ต้องขังบางประเภท เช่น ผู้ต้องขังป่วยติดเตียง เป็นต้น การสร้าง
ฐานขอ้ มลู ผ้ตู ้องขังทถ่ี ูกต้องตั้งแต่ต้นทางเพ่ือให้มีระบบฐานข้อมลู ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง มีกระบวนการ
ตรวจสอบ ฐานข้อมลู ของผูต้ ้องขังให้ถูกตอ้ งเปน็ ปจั จบุ นั

ดา้ นท่ี ๓ การพฒั นาองคก์ รใหท้ ันสมัยและโปร่งใส
๓.๑ พัฒนาองค์กร นวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ การนำองค์กรท่ี
ทันสมัยเท่าทนั ต่อการเปล่ียนแปลงสอดรบั กับแนวทางพฒั นาเพ่อื รองรบั ผลผลกระทบจากสถานการณ์
โควดิ ๑๙ ซง่ึ รฐั บาลมงุ่ เนน้ แนวทางพฒั นาประกอบด้วย ๓ แนวทางหลัก ไดแ้ ก่ การพร้อมรับ (Cope)
การปรับตัว (Adapt) และการเปล่ียนแปลงเพ่ือพร้อมเติบโตอย่างย่ังยืน (Transform) มุ่งนำราชทัณฑ์
สู่องค์กรที่มีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ มีระบบสถิติฐานข้อมูลผู้ต้องขังซึ่งจะต้องนำเทคโนโลยี
สารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน เป็นประโยชน์กับการให้บริการ ประชาชน และ
ใช้เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญเพื่อประโยชน์ในการบริหารการบังคับโทษ และการพัฒนาพฤตินิสัยเพื่อมุ่ง
คนื คนดสี สู่ ังคม ผู้บริหารและเจ้าหนา้ ทผี่ ู้เกี่ยวข้อง สามารถเขา้ ถึงและเรยี กใช้สถิติข้อมูลได้โดยสะดวก
และรวดเร็ว กรมราชทัณฑ์ต้องเป็นองค์กรที่ทันสมัย และโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีกระบวนการ
ขับเคลื่อนนำองค์กรมีกระบวนการ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการดำเนินงานที่สามารถแสดงผล
ความสำเร็จให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนมีนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ ใหม่
ให้กับกรมราชทัณฑ์ และสร้างการยอมรับจากสังคม พัฒนาระบบราชการโดยขับเคลื่อนนำองค์กรมุง่
เป้าหมายความสำเร็จของภารกิจงานราชทัณฑ์ที่ตอบสนองต่อเป้าหมายความสำเร็จของยุทธศาสตร์
และแผนในระดับต่าง ๆ ที่กรมราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับมอบหมายให้ดำเนินการทั้งในส่วน

๘๗

ของภารกิจของหน่วยงาน (Function) ทั้ง แผนงานพื้นฐาน แผนงานยุทธศาสตร์และแผนงานบูรณาการ
(Agenda) ซึ่งจะต้องมีส่วนร่วมกันทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกลางกรมราชทัณฑ์และ
เรือนจำ/ทัณฑสถานจะต้องบริหารงบประมาณทั้งในส่วนงบประมาณประจำและงบลงทุนอย่างมี
ประสิทธภิ าพให้สามารถดำเนินการเป็นไปมาตรการทร่ี ัฐบาลกำหนด เพื่อสนับสนุนการดำเนนิ การตาม
ภารกิจงานของหน่วยงานในสังกัดกรมราชทัณฑ์ บริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคด้วยความ
ประหยัด และร่วมกันสร้างมาตรการในการลดค่าสาธารณูปโภค และขับเคลื่อนสร้างแหล่งพลังงาน
ทดแทนเพ่ือลดค่าใช้จา่ ยภาครฐั ๑๗

๓.๒ พัฒนาบุคลากร การพัฒนาบุคลากรให้สามารถปรับตัวรองรับการ
เปลี่ยนแปลงได้ มุ่งพัฒนากรมราชทัณฑ์ให้เป็นองค์กรธรรมาภิบาล อันเป็นไปตามหลักเกณฑ์การ
บริหารบ้านเมืองที่ดีการบริหาร การจัดการขับเคลื่อนภารกิจด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปในครรลองธรรม
ปกครองผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชาอยา่ งเปน็ ธรรม พฒั นาบคุ ลากรและสรา้ งขวญั กำลังใจใหบ้ คุ ลากรใหเ้ กดิ ความ
เท่าเทียมกันในสิทธิประโยชน์ สวัสดิการที่พึงจะได้รับ สร้างความก้าวหน้าให้กับเจ้าหน้าที่ในสายงาน
ต่าง ๆ ทั้งในระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน จะได้เกิดขวัญและกำลังใจในการช่วยสร้างสรรค์พัฒนา
งานราชทัณฑ์และส่งเสริมองคก์ รให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพ เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต
และขยันหม่ันเพียร มคี วามรบั ผิด รบั ชอบ ในงานภารกิจในอำนาจหนา้ ทต่ี ามสายการบงั คบั บญั ชามีจิต
สาธารณะ/พร้อมให้บริการประชาชน หรือเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการควบคุม ดูแล และ
พฒั นาพฤตนิ สิ ยั ผู้ตอ้ งขัง อนั จะสร้างความเช่อื ม่นั ให้แก่ประชาชนและสังคม

ด้านท่ี ๔ การกลับคนื สูส่ งั คมและตดิ ตามผพู้ น้ โทษ
๔.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย การดำเนินการขับเคลื่อนการ
พัฒนาผู้ต้องขังเพื่อคืนคนดีสู่สังคม ขับเคลื่อนเรือนจำโครงสร้างเบาให้เกิดประสิทธิภาพ พัฒนา
เรือนจำเกษตรอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ รองรับการพัฒนาศักยภาพให้กับ
ผู้ต้องขัง เพื่อการฝึกวิชาชีพและสร้างรายได้ระหว่างต้องโทษมีทุนสำรองสำหรับการเริ่มต้นชีวิต
ภายหลังพ้นโทษ ขับเคลื่อนศูนย์ประสานงานเพื่อการมีงานทำที่ครอบคลุมพื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ
การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยที่มีมาตรฐาน การพัฒนาศักยภาพผู้ต้องขังให้เป็นไปตามศักยภาพ
และความถนัด พัฒนาทักษะด้านภาษา ทักษะทางคณิตศาสตร์ให้กับผู้ต้องขัง เพื่อสร้างศักยภาพและ
เตรียมความพร้อมให้กับผู้ต้องขัง ให้มีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มุ่งเน้นการพัฒนา
ผู้ต้องขังตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประกอบด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล
ภูมิคุ้มกัน ความรู้และคุณธรรม ผู้ต้องขังจะได้ไม่หวนกลับมากระทำความผิดซ้ำ โดยกรมราชทัณฑ์
จะต้องบริหารจัดการให้มีระบบฐานข้อมูลผู้พ้นโทษที่จะสามารถส่งต่อและประสานข้อมูลกับ
หน่วยงานภาคีเครือข่ายที่จะช่วยสอดส่อง ดูแลผู้ต้องขังภายหลังปล่อย เพื่อประโยชน์ในการให้ความ
ชว่ ยเหลอื การสง่ เสรมิ การมีงานทำ และการติดตามผลการนำความรู้ที่อบรมในเรือนจำไปใชป้ ระโยชน์

๑๗ สัมภาษณ์นายสมเด็จ โกเสนตอ, หัวหน้าฝ่ายฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง เรือนจำกลางเชียงราย,
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒

๘๘

สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และมีส่วนช่วยในการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคมให้ได้
อยา่ งตอ่ เนือ่ ง

๔.๒ สร้างวัฒนธรรมการให้โอกาส มุ่งให้โอกาสผู้พ้นโทษโดยสร้าง
กระบวนการให้สังคมได้มีส่วนในการร่วมกันสร้างวัฒนธรรม เสริมสร้างการยอมรับผู้พ้นโทษ การให้
โอกาสกับผู้ต้องขังภายหลังการพ้นโทษส่งเสริมให้ได้มีงานทำหลังพ้นโทษ และสร้างกระบวนการใน
การติดตามผลการนำความรู้ที่อบรมในเรือนจำไปใช้ประโยชน์ นำผลกระทบที่ได้จากการติดตามผล
กลับไปเสริมสร้าง ปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนาโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟู และการเตรียมความพร้อม
ผู้ต้องขงั ก่อนปลอ่ ยตัวกลับคืนสูส่ งั คม สรา้ งประสิทธิภาพงานราชทณั ฑใ์ นการลดพฤติกรรมการกระทำ
ผดิ ให้ได้ประสทิ ธิภาพและเกดิ ประสทิ ธผิ ลดีย่งิ ข้ึนไป๑๘

จากกรอบแนวนโยบายดงั กลา่ ว ถือเป็นความสำคญั อย่างย่ิงที่กรมราชทัณฑ์
จะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายอย่างจรงิ จัง และร่วมผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธภิ าพในการปฏิบตั ิงานโดยรวม ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกรม
ราชทัณฑ์จะต้องยึดมั่นตามแนวนโยบายดังกล่าว เพื่อมุ่งสร้างระบบงานราชทัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
และปฏบิ ัติงานใหม้ ีความเป็นมืออาชีพโดยกรมราชทัณฑ์จะกำหนดกลไกการขับเคลื่อนงาน การกำกับ
ติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลในเชิงรุกเพ่ือตดิ ตามความก้าวหนา้ ของการปฏิบัติงานของหน่วยงานใน
สงั กัดกรมราชทัณฑ์ ใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ นโยบายของกระทรวงยุตธิ รรม นโยบาย
ของรัฐบาล การตลอดถึงยุทธศาสตร์ และแผนในระดับต่าง ๆ เป็นไปตามแนวทาง ระเบียบ และ
กฎหมายทีก่ ำหนดใหส้ ว่ นราชการตอ้ งดำเนินการ

๔.๑.๒.๒ กระบวนการการพฒั นาผู้ตอ้ งขังภายในเรือนจำกลางเชียงราย
กระบวนการการพัฒนาผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางเชียงราย มีการเตรียมความ
พร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขงั เป็นกระบวนการสำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ตอ้ งขังที่ได้รบั การปล่อยตัวออกไป
แล้ว ไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ดังนั้น หากสามารถปรับเปลี่ยนจิตใจและพฤติกรรมของผู้ต้องขังให้
เกิดภาวะสันติขึ้นในตนได้แล้ว เรียกได้ว่าเกิดสันติภาพภายใน (Internal Peace) ซึ่งจะเป็นแนวทาง
หนึ่งที่ป้องกันไม่ให้ผู้ต้องขังต้องกระทำผิดซ้ำอีก โดยมีกระบวนการผ่านโปรแกรมการแก้ไขฟื้นฟู
ผูต้ ้องขงั ดงั น้ี๑๙
๑.จำแนกลักษณะผู้ต้องขัง สอบถามประวัติ ความเป็นมาของผู้ต้องขัง ประวัติ
ครอบครัว อาชีพ สังคม ความต้องการฝึกวิชาชีพ เพื่อจัดให้ผู้ต้องขังเข้ารับการฝึกวิชาชีพให้ตรงตาม
ความต้องการ เพื่อให้การฝึกวิชาชีพบรรลุวัตถุประสงค์ สามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริงภายหลัง
พ้นโทษ

๑๘ สัมภาษณ์นายสุทัศน์ ปันสุวรรณ์, ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง เรือนจำกลางเชียงราย,
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒

๑๙ สมั ภาษณ์ นายสมรัตน์ เขม็ ศิริ, ผ้บู ัญชาการเรอื นจำกลาง เชียงราย, ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๘๙

๒.มีการทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกันเช่น การเข้าแถวเคารพธงชาติ ไหว้พระสวดมนต์
ทุกเช้า-เย็น หรือจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬา เพื่อให้ผู้ต้องขังรู้จักการอยู่ร่วมกัน สร้างความสามัคคี
ในกลุม่ ลดความกังวล

๓.มีการนิมนต์พระสงฆ์ หรือผู้นำศาสนา ที่ผู้ต้องขังเคารพนับถือ เข้าบรรยาย
สอดแทรกความรู้ เพ่ือพฒั นาขัดเกลาทางดา้ นจติ ใจ

๔.จัดหาวิทยากรให้ความรู้ดา้ นต่าง ๆ เช่น ความรู้ด้านกฎหมาย หรือความรู้ในเรื่อง
การอย่รู ว่ มสงั คมเปน็ ตน้

๔.๑.๒.๓ การควบคุมผู้ต้องขังให้มีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการควบคุม ดูแล ด้วย
การยึดหลักมาตรฐานสากล และมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือมาตรฐานที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ท่ี
จะขับเคลื่อนปฏิบัติในการบริหารงานราชทัณฑ์ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ดูแลสุขภาวะอนามัย
การรักษาพยาบาลให้กับผู้ต้องขัง ลดการเสยี ชวี ติ ของผู้ต้องขังที่อยรู่ ะหว่างถูกคุมขัง พัฒนาเรือนจำให้
ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน โดยน้อมนำดำเนินการตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ
ศาสน์ กษตั รยิ ์ ทรงริเริม่ โดยพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ฯและสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีที่
รงมีพระเมตราต่อผูต้ ้องขับในเรือนจำ ทั้งนี้รวมถึงการขับเคลื่อนดำเนินการขบั เคลื่อนงานในโครงการ
อื่นที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสอนงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อการราชทัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับญาติ
ผู้ต้องขัง จะไม่สามารถที่จะหลบหนีซ่ึงความสำคัญเป็นอย่างยิง่ การสร้างความเข้มงวดในการควบคมุ
และคำนงึ ถึงความปลอดภยั ของเจา้ หน้าทใ่ี นแต่ละระดับ มุ่งปฏบิ ัติงานแบบมอื อาชพี เจา้ หน้าทจ่ี ะต้อง
ไม่ตกเป็นตัวประกันของผู้ต้องขัง มีมาตรการป้องกันและระงับเหตุร้ายภายในเรือนจำ/ทัณฑสถาน
และสถานท่เี พ่ือการควบคุมผูเ้ ข้ารับการตรวจพสิ จู น์๒๐

๔.๑.๒.๔ การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขับให้กลับคืนสู่สงั คม ไม่กระทำผิดซ้ำ พัฒนา
ระบบการจำแนกลักษณะผู้ต้องขับที่สะท้อนต่อการควบคุม ดูแล และสอดรับการพัฒนาพฤตินิสัยที่มี
ความเหมาะสมกับศักยภาพของผู้ต้องขับแต่ละราย เพื่อมุ่งเป้าในการลดการกระทำความผิดซ้ำ
ซึ่งกระทรวงยุตธิ รรมมักจะกลา่ วถงึ สถิติการกระทำผดิ ซำ้ ภายหลังปล่อยตวั ในห้วงเวลา ๑ ปี ๒ ปี และ
๓ ปี การกำหนดหลักเกณฑ์ที่มาของสถิติการกระทำผิดซ้ำให้มีความสอดคล้องกับหน่วยงานในก ลุ่ม
ภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย ดำเนินการเน้นแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขับ สร้างระบบการควบคุมดูแลให้สมดลุ
กับระบบการพัฒนาพฤตินิสัย เปรียบการควบคุมผูต้ ้องขังเหมือนขาขวา การพัฒนาพฤตินิสัยเป็นขาซา้ ย
สองขาความสมดลุ กันจึงจะทำให้เดินไปได้อย่างสมบูรณ์ การพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ อาหารการกิน
เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เปรียบดังปัจจัย ๔ ที่ผู้ต้องขับจะต้องได้รับดูแลก่อน จึงจะส่งผลดีต่อการ
พัฒนาพฤตินิสัย กองบริหารการคลังต้องประสานกับเรือนจำในการดูแล ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ต้ัง
คณะทำงานตรวจเรือนจำดา้ นอาหารเพื่อตรวจดูแลให้มีความเหมาะสม การดูแลเรื่อง สุขอนามัยของ
ผู้ต้องขับ ยารักษาโรค ให้มีทั่วถึง โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรคี วามเป็นมนษุ ย์ ดูแลเรือ่ งสิทธิ ประโยชน์ให้กับ
ผู้ตอ้ งขบั การดูแลผ้ตู ้องขับภายใต้การระบาดของโรคห้องกักโรคต้องดูแลใหม้ ่ันคงแข็งแรง การพัฒนา
โปราแกรมแก้ไขฟื้นฟู ต้องมีความสอดคล้องกับการบริหารการบังคับโทษ และการประสานกับ

๒๐ สัมภาษณ์ นายสุทัศน์ ปนั สุวรรณ, นกั ทณั ฑวทิ ยาชำนาญการพิเศษ, ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒.

๙๐

หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานราชทัณฑ์ การจำแนก
ลักษณะให้จำแนกโดยติดตามข้อมลู ข่าวสาร ดา้ นคดีผูต้ ้องขับ เกบ็ ข้อมูลไว้เป็นประโยชน์ต้ังแต่แรกรับตัว
เพื่อประโยชน์ในการบริหารการบังคับโทษ และการพัฒนาพฤตินิสัยที่เกิดประสิทธิภาพ การพัฒนา
โปรแกรมใหม่ ๆ ในการแก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้มีความเท่าทันต่อสถานการณ์ใน
บริบทของสังคมและสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ มุ่งเป้าสู่การสร้าง
ประสิทธิภาพของงานราชทัณฑ์ ที่จะมีส่วนช่วยลดการกระทำความผิดซ้ำ สนองความสำเร็จตาม
เป้าหมายของแผนยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนระดบั ตา่ งๆ ให้ไดผ้ ลอยา่ งย่ังยนื ๒๑

๔.๑.๒.๕ สภาพการดำเนินงานการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังใน
ด้านการจดั กลุม่ ให้คำปรกึ ษา พบว่า การจดั กลุ่มให้คำปรกึ ษาผู้ต้องขังทเ่ี ข้าร่วมโครงการเตรียมความ
พร้อมก่อนปล่อยที่มีปัญหา และมีแนวโน้มที่จะกระทำผิดซ้ำ จะต้องจัดเข้ากลุ่มให้คำปรึกษา โดย
เรือนจำกลางเชียงรายมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผู้ปฏิบัติมีทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางเชียงราย
และวิทยากรจากภายนอกเรือนจำกลางเชียงราย มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ผู้ปฏิบัติมีทั้ง
เจา้ หน้าท่เี รือนจำกลางเชียงราย และวทิ ยากรภายนอกเรอื นจำกลางเชียงราย เช่น นักสงั คมสงเคราะห์
นักจิตวิทยา พระสงฆ์ กรมการจัดหางานจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีทักษะและความชำนาญด้านต่าง ๆ
มาอบรมให้ความรู้และคำปรึกษาที่เหมาะสมกับผูต้ ้องขับ โดยแบ่งผู้ต้องขับเป็นกลุ่มย่อย มีเจ้าหน้าท่ี
เป็นวิทยากรนำกลุ่ม ซึ่งการจัดกลุ่มย่อยนี้เป็นการใช้พลังงานกลุ่มช่วยเหลือกัน แนะนำซึ่งกันและกัน
จากประสบการณข์ องตน มีการจดั อบรมฟังธรรม ปฏิบตั ิจิตภาวนา ทำใหผ้ ตู้ ้องขงั มีความคิดท่มี ีเหตุผล
กระตุ้นจิตสำนึก และการพัฒนาปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย หรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ไม่หวนกลบั มากระทำผิดซำ้ อกี ๒๒

ตามรายละเอียดผู้ให้ข้อมูลสำคญั พบว่า การพฒั นาศักยภาพดา้ นการฝึกวชิ าชีพของผู้ต้องขัง
ประกอบไปดว้ ยแนวทางพฒั นา ดังน้ี

การประเมินศักยภาพของการพฒั นา
๔.๑.๒.๑ กระบวนการพฒั นา ด้านหลักสตู รฝกึ อบรมวิชาชพี
จากการศกึ ษาแนวทางการพฒั นาดา้ นการฝึกวิชาชพี ผู้ต้องขงั ประกอบไปดว้ ย๒๓

๑. การจัดหลักสูตรที่สอดคล้องกับสาเหตุการกระทำผิดของผู้ต้องขัง
ซึ่งหมายถึง ผู้ตอ้ งขังบางคนกระทำผิดครั้งแรก และเป็นการกระทำผิดอันเนื่องจากสภาพปัญหาสังคม
และเศรษฐกิจ ดังนั้น การจัดหลักสูตรในแต่ละครั้ง ควรจะมีนักวิชาการของทางกรมราชทัณฑ์ มาร่วมกัน
เพื่อพัฒนาปรับปรุงแก้ไขหลกั สตู รในแต่ละปีให้สอดคล้องกับสถานการณป์ จั จุบนั

๒. การใช้ระยะเวลาในการอบรมที่เหมาะสม การจัดตารางเวลาในแต่ละ
หลกั สูตรควรให้เวลาทเี่ หมาะสม เพอื่ ให้ผ้ตู อ้ งขงั ไดร้ ับประโยชน์สูงสุด ไม่สนั้ หรอื ยาวจนเกินไป

๒๑ สมั ภาษณ์ นายสงิ หา จนั ทาพนู , นักวิชาการชำนาญการ, ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
๒๒ สมั ภาษณ์ นางกรรนกิ า สวุ รรณ, นกั สงั คมสงเคราะห์ชำนาญการ, ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒.
๒๓ สมั ภาษณ์ นางสาวหนงึ่ ฤทัย ใจมอย, นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ, ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒.


Click to View FlipBook Version