การเลอื กสีด้ายหรือไหมพรม มีองค์ประกอบดงั น้ี
1. สเี ดียวไลน่ า้ หนัก (Monotone)
เป็นการเลือกใช้สีเดียวแต่จะลดหลั่นน้าหนักสี เพ่ือสร้างความแตกต่างของสี งานที่ได้
จะออกมาดนู ุม่ นวน เรียบง่ายและปราณตี
2. การใช้สกี ลมกลนื (Harmony)
เป็นการจับคู่สีท่ีใกล้เคียงกัน สีท่ีได้จะมีความกลมกลืน ไม่ขัดแย้ง หรือ ตัดกัน โดยเร่ิม
จากเลือก 1 สี ในวงล้อสีก่อน แล้วเลือกอีกสีจากทางซ้ายหรือทางขวา หรือเลือกสีจากท้ังสอง
ทางของสีหลัก นับรวมกับสีหลักแล้วไม่ควรเกิน 4 สี แต่ถ้าจะให้กลมกลืนกันมากท่ีสุดไม่ควร
เลอื กเกิน 3 สี
หนงั สอื เรยี นวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หนา้ 41
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
3. การเลือกสรี ูปตัว Y (Triads)
เป็นการใช้คู่สี 3 เฉด โดยสีท่ีเลือกใช้อยู่เย้ืองกันเป็นรูปตัว Y ก่อนอื่นจะเร่ิมมาจาก
การเลอื ก 1 สี ในวงล้อสกี อ่ น แล้วจงึ เลอื กอีก 2 สีจากฝ่งั ตรงขา้ ม ท่โี ยงกันแล้วเป็นแขนของรูป
ตัว Y
4. การเลอื กสตี ัดกนั (Contrast)
เป็นการเลือกสีท่ีตรงข้ามกัน เหมาะกับงานท่ีต้องการความโดดเด่น สดใส และความ
ชัดเจนของลาย
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 42
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
แบบทดสอบท้ายบท
คาชแี้ จง แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที ใหผ้ เู้ รียนทาเคร่อื งหมาย X ทบั อกั ษร
ก ข ค หรอื ง ที่เปน็ คาตอบทถี่ กู ต้องเพียงขอ้ เดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ
ขอ้ 1 ไมช้ นิดใดท่นี ยิ มนามาใชเ้ ปน็ โครงสรา้ งของธงุ
ก. ไมส้ ัก
ข. ไม้มะขาม
ค. ไม้ไผ่
ง. ไมม้ ะค่า
ขอ้ 2 ข้อใดคือคุณสมบัติของดา้ ยไหมพรม
ก. เป็นไหมท่ีแยกออกเปน็ เส้นเล็ก
ข. มีเส้นใยที่ยาวหนา
ค. มีความทนทานตอ่ ความร้อนได้ดี
ง. ไมอ่ ุ้มนา้
ขอ้ 3 ขอ้ ใดเปน็ การเลือกด้ายที่ถกู ต้อง
ก. เส้นดา้ ยมีความเหนยี ว ยดื หยุ่นไดแ้ ต่ไม่ขาดงา่ ย ทงั้ ในขณะเย็บและสวมใส่
ข. สไี ม่ตก หรอื จางเร็ว
ค. เสน้ ด้ายไมแ่ ตกออกจากกันงา่ ย
ง. ถกู ทกุ ขอ้
ขอ้ 4 กาวร้อนควรใช้ในข้นั ตอนใด
ก. ใชท้ ายึดเกาะไมไ้ ผ่
ข. ใช้ทาลูกปดั
ค. ใช้ทายดึ เกาะพู่ลูกปัด
ง. ถูกทง้ั ขอ้ ก. และ ข้อ ข.
ขอ้ 5 ขอ้ ใดคอื อปุ กรณ์ในการทาธุงอสี าน
ก. ด้าย หรอื ไหมพรม ด้ายวนี สั
ข. ไม้
ค. ลูกปัดหลากสี
ง. ถกู ทุกขอ้ ท่ีกล่าวมา
หนงั สือเรียนวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 43
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
ขอ้ 6 ข้อใดไมใ่ ช่คณุ สมบตั ขิ องไมไ้ ผ่ทน่ี ามาสร้างโครงธุงอีสาน
ก. สามารถโค้งงอได้
ข. สมารถยืดหยุ่นได้
ค. สามารถทนทานตอ่ แรงกด แรงบบี
ง. สามารถดัดรูปทรงตา่ งๆ ได้
ขอ้ 7 ขอ้ ใดไม่ใชว่ ัสดุอปุ กรณท์ ี่นยิ มมาสร้างโครงธุงอีสาน
ก. ไม้ลกู ชน้ิ
ข. ตะเกยี บไมไ้ ผ่
ค. ไม้จิ้มฟันไม้ไผ่
ง. ไมก้ ้านมะพรา้ ว
ขอ้ 8 ข้อใดไมใ่ ช่อุปกรณ์ทน่ี ามาทาธงุ อสี าน
ก. ดา้ ย ไหมพรม ดอกไม้พลาตกิ
ข. ไหมพรม ผา้ ไม้ไผ่ ลูกปัด
ค. ไหมพรม ดอกไมพ้ ลาสติก ลูกปัด
ง. ดา้ ยเยบ็ มอื
ข้อ 9 ข้อใดอธบิ ายไดถ้ ูกตอ้ ง
ก. การใชส้ ีกลมกลืน (Harmony)เป็นการจบั คสู่ ที ่ีใกลเ้ คียงกนั สีที่ได้จะมีความกลมกลืน ไม่
ขัดแย้งหรือตัดกนั โดยเรม่ิ จากเลอื ก 2 สี
ข. การเลอื กสรี ูปตัว Y (Triads)เป็นการใชค้ ู่สี 3 เฉด โดยสีท่ีเลือกใชอ้ ย่ตู ัดกนั เป็นรูปตัว Y
กอ่ นอื่นจะเรม่ิ จากการเลอื ก 2 สี
ค. การเลือกสีตัดกัน (Contrast) เปน็ การเลือกสีที่ตรงข้ามกัน เหมาะกบั งานทตี่ ้องการความ
โดดเดน่ สดใส และความชัดเจนของลาย
ง. สเี ดยี วไลน่ า้ หนกั (Monotone) เปน็ การเลอื กใช้สเี ดียวตัดกนั แตจ่ ะลดหล่นั ไปหานา้ หนกั สี
เขม้ ขึ้นเรอ่ื ยๆ
หนังสอื เรียนวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 44
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
ขอ้ 10 ขอ้ ใดแสดงสญั ลักษณร์ ปู ภาพการใช้สกี ลมกลนื ได้ถกู ต้อง
ก. ข.
ค. ง. ถกู ทกุ ขอ้
หนังสอื เรียนวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หนา้ 45
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
บทที่ 5
การทาธุงอีสาน
สาระสาคญั
การทาธุงอีสาน มีข้ันตอนวิธีการทา การประกอบธุงอีสาน ท่ีสามารถเปล่ียนแปลงไปตาม
ความคิด ไอเดีย ของผู้ผลิตคิดค้นประดิษฐ์ โดยไม่มีขอบเขต ตามความสวยงาม เหมาะสมและความ
ต้องการของตลาด
ตวั ชว้ี ดั
1. ผูเ้ รยี นอธิบายข้นั ตอนวธิ กี ารทาธุงอีสานได้
2. ผู้เรียนบอกวิธีการประกอบธุงอีสานได้
ขอบข่ายเนอื้ หา
เร่ืองท่ี 1 ขั้นตอนวิธกี ารทาธงุ อีสาน
1.1 การทาธุงอสี าน รูปสี่เหล่ียม 1 มิติ
1.2 การทาธงุ อีสานรปู สเี่ หลยี่ ม 2 มิติ
1.3 การทาธงุ อสี าน 3 มิติ
1.4 การทาธงุ อสี าน 4 มติ ิ
เรอื่ งท่ี 2 วิธีการประกอบธุงอสี าน
จานวนช่ัวโมง
จานวน 40 ช่ัวโมง
ส่อื การเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียน
2. แหลง่ เรยี นรู้/ภมู ปิ ญั ญา
3. สื่อออนไลน์
4. บุคคล
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 46
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
1 ความรู้เกีย่ วกับขัน้ ตอนวธิ กี ารทาธงุ อีสาน
1.1 การทาธุงอีสาน รปู สเี่ หล่ยี ม 1 มติ ิ
ขนั้ ตอนวธิ ีการทา
1.นาไม้ไผ่ทีผ่ ่านการเหลาตามขนาดท่ีต้องการ (ความยาวเทา่ กัน) จานวน 2 อัน มาประกบกนั พนั เสน้
ไหมพรมรอบๆ ไมไ้ ผ่ บรเิ วณกึ่งกลางของความยาวไม้ไผ่ แลว้ ล็อคให้แนน่
2. แยกไม้ไผ่ออกจากกันใหเ้ ป็นรปู กากบาท (X) หรอื ส่เี หล่ยี มมมุ ฉาก พันเสน้ ไหมพรมรอบๆ ไม้ไผ่ให้ตดั
กับแนวเดมิ ท่พี นั ไว้ จนมีความหนาเท่าๆกนั แล้วล็อคให้แนน่
3. พันเสน้ ไหมพรมรอบไมไ้ ผ่แตล่ ะดา้ น โดยวนจากล่างหมุนรอบไม้ไผ่ข้นึ ขา้ งบน สลับกบั วนจากบนลง
ล่างหมนุ เข้าหาตัวเอง สลับกนั แต่ละไม้ไผ่ทาซา้ แบบเดิม รอบไม้ไผ่ถดั ไป
หนงั สอื เรยี นวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หนา้ 47
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
4. เพ่ิมสีสันให้ธุง ด้วยการใช้เส้นไหมพรมหลากสี ตัดเส้นไหมพรมสีเก่ามัดปมกับเส้นไหมพรมอีกสีให้
แน่นแล้วพันวนรอบไม้ไผ่ไปเรือ่ ยๆ
5. เปล่ียนสีตามความต้องการ ทาซา้ จนเกอื บสดุ ความยาวไม้ไผ่ มัดปมเชอื กปิดท้ายให้แน่น เป็นเสร็จ
เรียบรอ้ ย
1
3
2
หนังสอื เรียนวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หนา้ 48
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
1.2 การทาธุงอีสานรปู สี่เหลยี่ ม 2 มิติ
ขั้นตอนวิธีการทา
1.ข้ันตอนวิธีการทา ขนั้ ท่ี 1 และ 2 เหมอื นกับการทาธุงอีสาน รปู ส่ีเหลย่ี ม 1 มิติ
2. พันเส้นไหมพรมรอบไม้ไผ่แต่ละด้าน โดยวนจากบนหมุนวนลงล่างรอบไม้ไผ่ข้ึนข้างบน (ไม้ไผ่บนจะ
พันเส้นไหมจากบนลงล่าง) หมุนแกนไม้ไผ่ถัดไปมาทางขวามือ ทาซ้าแบบเดิม รอบไม้ไผ่ถดั ไป โดยหมุน
วนจากลา่ งขึน้ บนรอบไม้ไผ่ขึ้นขา้ งบน (ไม้ไผล่ า่ งจะพันเส้นไหมจากลา่ งขน้ึ บน)
3. เพิ่มสีสันให้ธุง ด้วยการใช้เส้นไหมพรมหลากสี ตัดเส้นไหมพรมสีเก่ามัดปมกับเส้นไหมพรมอีกสีให้
แน่นแลว้ พนั วนรอบไม้ไผ่ไปเรอื่ ยๆ เปล่ียนสี ทาซา้ จนเกอื บสุดความยาวไม้ไผ่
4. เมอื่ สุดความยาวไม้ไผ่ มัดปมเชือกปดิ ท้ายใหแ้ น่น เป็นเสร็จเรียบรอ้ ย
หนังสอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 49
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
1.3 การทาธงุ อสี าน 3 มิติ
ขั้นตอนวธิ ีการทา
1.นาไม้ไผ่ท่ีเหลาตามขนาดที่ต้องการ (ด้านเทา่ กัน) จานวน 3 อนั นาไมไ้ ผ่ 2 อัน มาประกบกัน พันเส้น
ไหมพรมรอบๆ ไม้ไผ่ บริเวณก่ึงกลางของความยาวไม้ไผ่ แล้วล็อคให้แน่น แยกไม้ไผ่ออกจากกันให้เปน็
รูปกากบาท (X) หรือ สเี่ หลีย่ มมมุ ฉาก พันเสน้ ไหมพรมให้ตดั กับแนวเดิมทีพ่ นั ไว้ จนมคี วามหนาเทา่ ๆ กัน
แล้วล็อกใหแ้ น่น
2. นาไม้ไผ่อกี 1 อนั มาต้งั แนบตรงกลางในแนวตงั้ แลว้ ใชไ้ หมพรมพนั ลอ็ กไม้ไผ่ใหแ้ น่น ดังรูป
3. ใชป้ ากกาเคมีทาเครื่องหมาย 1 , 2 , 3 , 4 กากบั ไวบ้ นไมไ้ ผแ่ ต่ละอนั ตามแนวนอน รวมทัง้ ปลายเสา
ด้านบน ปลายเสาด้านล่าง โดยไมไ้ ผ่หมายเลข 4 ต้องเปน็ ไม้ไผ่ที่อยู่แนวลา่ งสดุ ไมไ้ ผแ่ นวตง้ั ฉาก (บน-
ลา่ ง) จะอยูร่ ะหวา่ ง ไมไ้ ผ่หมายเลข 3 และ ไมไ้ ผ่หมายเลข 4
หนังสือเรยี นวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 50
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
4. ใชไ้ หมพรมพันตามสูตรการทาธงุ อีสาน 3 มติ ิ จากดา้ นบนลงด้านลา่ ง โดยเริ่มพนั ไหมพรมจากไม้ไผ่
ดา้ นทที่ าเครอ่ื งหมายเลข 4 พันตอ่ ไปท่ีไม้ไผ่หมายเลข 1 พันตอ่ ไปทไี่ มไ้ ผ่หมายเลข 2 พนั ต่อไปทไ่ี ม้ไผ่
หมายเลข 3 พนั ตอ่ ไปท่ไี ม้ไผ่ทห่ี มายเลข 4
สตู รการทาธุงอีสาน 3 มิติ 23 4
เร่มิ ต้นพันไหมพรมที่หมายเลข = 4 1
ลา่ ง 4
(1) = บน 2 34
(2) = 1 2
***ทาซา้ (1) และ (2) ไปเร่ือยๆ
5. ตอ่ ดว้ ยพันไหมพรมทไ่ี มไ้ ผ่ด้านบน โดนการตะแคงขวาลงมา พนั ตอ่ ไปที่ไมไ้ ผ่เสาหมายเลข 2 พัน
ต่อไปทไ่ี ม้ไผฉ่ ากด้านลา่ ง กลับมาพันท่ีไมไ้ ผ่หมายเลข 4 จะเป็นการพันไม้ไผ่รอบที่ 1
6. ขึ้นรอบท่ี 2 โดยการพนั ไหมพรมตอ่ ไปที่ไมไ้ ผ่หมายเลข 1 พนั ตอ่ ไปทไ่ี ม้ไผ่หมายเลข 2 พนั ตอ่ ไปท่ีไม้
ไผ่หมายเลข 3 พันต่อไปท่ีไม้ไผ่หมายเลข 4 พันต่อท่ีไม้ไผ่ฉากด้านบน โดนการตะแคงขวาลงมา
เหมือนเดิม พันต่อไปที่ไม้ไผ่หมายเลข 2 พันต่อไปท่ีไม้ไผ่ฉากด้านล่าง พันต่อไปท่ีไม้ไผ่ที่หมายเลข 4
แล้วพนั ไหมพรมตอ่ ไปเร่อื ยๆ
หนังสือเรียนวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หน้า 51
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
7. วธิ กี ารต่อด้ายไหมพรม จะเรม่ิ เหมือนเดิม โดยพันไหมพรมจากไมไ้ ผ่หมายเลข 4 โดยการกดเส้นไหม
พรมแล้วพนั 1 รอบ พันตอ่ ไปท่ไี มไ้ ผ่หมายเลข 1 พันตอ่ ไปทีไ่ ม้ไผ่หมายเลข 2 พันตอ่ ไปทีไ่ ม้ไผ่หมายเลข
3 และพันต่อไปท่ไี ม้ไผ่หมายเลข 4 พนั ขึ้นดา้ นไม้ไผ่ฉากบน พันตอ่ ไปทไ่ี มไ้ ผ่หมายเลข 2 พันลงไมไ้ ผ่ด้าน
ฉากล่าง วกกลับมาพนั ท่ีไมไ้ ผ่หมายเลข 4 ทาต่อไปเร่ือยๆ จนไดธ้ ุง 3 มติ ิ (คลา้ ยรปู มะเฟือง)
หนังสือเรยี นวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 52
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
1.4 การทาธงุ อีสาน 4 มิติ
ขัน้ ตอนวิธีการทา
1. วธิ กี ารทาธงุ อีสาน 4 มติ ิ ทาเหมือนวธิ กี ารทาธงุ อีสาน 3 มติ ิ คอื ใช้ไหมพรมพนั ไหมพรมจากไม้ไผ่
หมายเลข 4 โดยการกดเสน้ ไหมพรมแล้วพนั 1 รอบ พนั ตอ่ ไปทีไ่ มไ้ ผ่หมายเลข 1 พันต่อไปทไ่ี มไ้ ผ่
หมายเลข 2 พนั ต่อไปที่ไมไ้ ผ่หมายเลข 3 และพันต่อไปทไี่ มไ้ ผ่หมายเลข 4 พนั ขน้ึ ดา้ นไม้ไผฉ่ ากบน พนั
ต่อไปทไี่ มไ้ ผ่หมายเลข 2 พันลงไม้ไผ่ดา้ นล่าง วกกลบั มาพนั ท่ีไมไ้ ผ่หมายเลข 4 ทาตอ่ ไปเรือ่ ยๆ จนไดธ้ งุ 3
มิติ (คลา้ ยรูปมะเฟอื ง)
2. ข้ันตอนต่อไป ใช้ไหมพรม พันต่อไปท่ีไม้ไผ่หมายเลข 1 พันไปท่ีไม้ไผ่ฉากด้านล่าง พันต่อไปที่ไม้ไผ่
หมายเลข 3 กลับมาที่ไม้ไผ่ฉากด้านบน ทาวนไปเร่ือยๆ พร้อมตรึงมือให้ไหมพรมแต่ละด้านให้ได้
ระยะห่างเท่าๆ กนั ดังรปู
หนังสอื เรยี นวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 53
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
2. ความรเู้ กย่ี วกับการประกอบธงุ อีสาน
ขัน้ ตอนวิธีการทา
1.เตรยี มเข็มร้อยดา้ ย ลกู ปัดสีต่างๆ พู่ทท่ี าจากไหมพรม
2. นาเข็มร้อยดา้ ยที่เตรยี มไวร้ อ้ ยพไู่ หมพรม รอ้ ยลกู ปดั ขนาดความยาวและสีตามตอ้ งการ
3. เย็บรอ้ ยเข้ามมุ ด้านข้างทัง้ สองดา้ นของธงุ ใยแมงมมุ ทีเ่ ตรยี มไว้
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 54
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
4. นาเข็มร้อยดา้ ยที่เตรียมไวร้ ้อยพู่ไหมพรม รอ้ ยลกู ปดั ขนาดความยาวและสตี ามตอ้ งการ
รอ้ ยจากธงุ ใยแมงมุมดา้ นล่างสดุ ขึ้นมาทแ่ี กนกลาง แลว้ รอ้ ยทด่ี ้านบนของธุง
5. รอ้ ยลกู ปัดตามแบบทที่ าไว้ แล้วร้อยเขา้ กับแกนดา้ นลา่ งของธงุ ใยแมงมุมอันตอ่ ไป
6. รอ้ ยตอ่ ไปเรอื่ ยๆ จนไดข้ นาดความยาวของธงุ อสี านตามทก่ี าหนด
หนงั สอื เรียนวิชาการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หน้า 55
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
7. ติดกาวตามมุมทร่ี อ้ ยไว้ เพ่ือความคงทน
8. ไดธ้ งุ อสี านท่ีประดบั ตกแตง่ สวยงาม
หนังสอื เรียนวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หนา้ 56
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
แผนผังการประกอบธุงอีสาน 3 มิติ
ธุงอีสานขนาดตา่ งๆ ที่ใช้ในการประกอบธุงอีสาน แบบ 3 มติ ิ
3 มติ ิแบบ 1 มิติ หรือ 2 มติ ิ ขนาดความยาว 70 เซนติเมตร จานวน 1 ตัว
ขนาดความยาว 5 เซนตเิ มตร จานวน 295 ตัว ขนาดความยาว 31 เซนตเิ มตร จานวน 6 ตัว
ขนาดความยาว 8 เซนติเมตร จานวน 25 ตัว ขนาดความยาว 21 เซนติเมตร จานวน 6 ตัว
พู่ขนาดความยาว 6 เซนตเิ มตร จานวน 345 ตัว ขนาดความยาว 12 เซนตเิ มตร จานวน 27 ตัว
ขนาดความยาว 9 เซนตเิ มตร จานวน 25 ตัว
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 57
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
หนงั สอื เรียนวิชาการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 58
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
หนงั สอื เรียนวิชาการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 59
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
ภาพธุงประเภทตา่ งๆ ที่ใช้ในการประดับตกแตง่ พระธาตุยาคู
หนงั สือเรยี นวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 60
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
แบบทดสอบท้ายบท
คาช้แี จง แบบทดสอบมีจานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 15 นาที ใหผ้ ู้เรยี นทาเครอ่ื งหมาย X ทบั อกั ษร
ก ข ค หรอื ง ที่เปน็ คาตอบท่ถี ูกตอ้ งเพียงขอ้ เดียว ลงในกระดาษคาตอบ
1 การทาธุงอีสาน รปู สีเ่ หลี่ยม 1 แผน่ ใชไ้ ม้ไผ่จานวนเท่าใด
ก. 1 อัน
ข. 2 อัน
ค. 3 อัน
ง. 4 อัน
2 การทาธงุ อีสาน รปู หกเหลีย่ ม 1 แผน่ ใชไ้ ม้ไผจ่ านวนเท่าใด
ก. 1 อัน
ข. 2 อัน
ค. 3 อัน
ง. 4 อัน
3 การทาธงุ อีสาน รูปแปดเหลี่ยม 1 แผ่น ใชไ้ ม้ไผ่จานวนเทา่ ใด
ก. 1 อัน
ข. 2 อัน
ค. 3 อัน
ง. 4 อัน
4 การทาธงุ อีสาน 3 มิติ 1 อัน ใช้ไม้ไผจ่ านวนเท่าใด
ก. 1 อัน
ข. 2 อัน
ค. 3 อัน
ง. 4 อัน
5 การทาธงุ อสี าน 4 มิติ 1 อัน ใช้ไม้ไผจ่ านวนเท่าใด
ก. 1 อัน
ข. 2 อัน
ค. 3 อัน
ง. 4 อัน
หนังสอื เรยี นวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 61
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
6 ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของธงุ อสี านรูปสเ่ี หล่ยี ม 1 มิติ หนา้ 62
ก.
ข.
ค.
ง.
7 ข้อใดคือลกั ษณะของธงุ อีสานรูปส่ีเหล่ียม 2 มิติ
ก.
ข.
ค.
ง.
8 ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของธงุ อีสาน 3 มติ ิ
ก.
ข.
ค.
ง.
หนงั สือเรียนวชิ าการทาธุงอีสาน(อช0300514)
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
9 ขอ้ ใดคือลกั ษณะของธงุ อสี าน 4 มิติ
ก.
ข.
ค.
ง.
10 ข้อใดคือสูตรของการทาธงุ อีสาน 3 มิติ 1 23 4
ก. เรมิ่ ตน้ พันไหมพรมท่หี มายเลข = 4 2 ล่าง 4 4
2 34 4
(1) = บน
(2) = 1 2 23
***ทาซ้า (1) และ (2) ไปเร่อื ยๆ 2 ล่าง 4
2 34
ข.
2 23
เร่มิ ตน้ พนั ไหมพรมทห่ี มายเลข = 4 2 ล่าง 4
(1) = บน 2 34
(2) = 1
***ทาซา้ (1) และ (2) ไปเรื่อยๆ
ค. เรมิ่ ตน้ พันไหมพรมทีห่ มายเลข = 4
(1) = บน
(2) = 1
ง. เริ่มตน้ พันไหมพรมทห่ี มายเลข =4 3 13 4
(1) = บน 2 ลา่ ง 4
(2) = 1 3 4 2
***ทาซ้า (1) และ (2) ไปเรอื่ ยๆ
หนังสอื เรยี นวชิ าการทาธุงอีสาน(อช0300514) หนา้ 63
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
บทที่ 6
การพฒั นารปู แบบผลิตภณั ฑ์จากธุงอีสาน
สาระสาคัญ
ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากธุงอีสาน เพื่อให้เกิดความสวยงาม
มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวท่ีโดดเด่น มีคุณค่าทางจิตใจ มีผลิตภัณฑ์ท่ีได้มาตรฐานเป็นที่ต้องการของบุคคล
ทั่วไปท้ังในชุมชนของตนเองและชุมชนนอกพื้นที่ ในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นการส่งเสริม
อาชพี เพื่อใหเ้ กิดรายได้ใหก้ บั ตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม อย่างย่ังยนื สบื ไป
ตัวชี้วดั
1. ผ้เู รยี นอธบิ ายความหมายของการพัฒนารูปแบบผลติ ภณั ฑไ์ ด้
2. ผู้เรยี นอธิบายการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑธ์ ุงอสี านเปน็ เครื่องประดบั ได้
3. ผู้เรียนอธิบายการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากธุงอีสานเพ่ือใช้ในการตกแต่งสถานที่ให้
สวยงามได้
ขอบขา่ ยเน้ือหา
เรื่องท่ี 1 ความรู้เก่ยี วกับความหมายการพฒั นารปู แบบผลติ ภัณฑ์
เรอื่ งที่ 2 การพฒั นารูปแบบผลติ ภณั ฑ์ธุงอีสานเปน็ เครือ่ งประดับ
เร่อื งที่ 3 การพฒั นารปู แบบผลิตภัณฑ์จากธุงอสี านเพอ่ื ใช้ในการตกแต่งสถานทใ่ี ห้สวยงาม
จานวนช่วั โมง
จานวน 40 ชัว่ โมง
สื่อการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรียน
2. แหลง่ เรียนรู้ / ภมู ปิ ญั ญา / ผลิตภณั ฑ์
3. ส่ือออนไลน์
4. บคุ คล
หนังสือเรียนวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หน้า 64
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
1. ความรู้เก่ยี วกับความหมายการพฒั นารูปแบบผลิตภณั ฑ์
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือ การสร้างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ให้มีคุณสมบัติใหม่ หรือ
ลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไป ซ่ึงมีส่วนเพ่ิมเติมหรือสามารถสร้างประโยชน์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้โดย
การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ัน มีความเก่ียวพันและหมายถึง การแก้ไข เปล่ียนแปลงสินค้าหรือผลิตภัณฑ์
ที่มีอยู่แล้ว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ การนาเสนอ และสูตรการทา เพ่ือให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์
ความตอ้ งการของลกู ค้า หรือเปน็ ทนี่ ่าพึงพอใจต่อความตอ้ งการของตลาด
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ Product Development ในอดีต ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ยุคดิจิทัล
เต็มตัวอย่างในปัจจุบัน มีแนวความคิดที่ว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ในอดีตมักจะประกอบด้วย 8
กระบวนการ เพอ่ื นาไปส่กู ารสรา้ งผลติ ภณั ฑ์ท่ีมคี ณุ ค่าตอบโจทยต์ อ่ ลกู คา้ ดังน้ี
1. กลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ นักนวัตกร จะมีการกาหนดออกมาอย่างชัดเจนว่าเป้าหมาย
และวัตถุประสงค์ของผลติ ภัณฑ์ใหม่ ทจ่ี ะสร้างสรรค์ออกมานี้ จะมแี นวทางเปน็ อยา่ งไร
2. สร้างสรรค์ไอเดีย เร่ิมด้วยการระดมสมองและความคิด ออกมาเป็นไอเดียต่างๆ ท้ังจาก
บคุ ลากรในองค์กรเอง หรอื บคุ ลากรองคก์ รทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ปจั จยั ภายนอกอ่นื ๆ
3. คดั กรอง ทาให้ไอเดียทรี่ ะดมสมองกันมาแลว้ เขม้ ข้นและชัดเจน จนเหลือตวั เลือก ให้
นอ้ ยลงที่สดุ เทา่ ท่จี ะเปน็ ไปได้
4. ทดสอบแนวคิด วางรูปแบบของไอเดียให้มีโครงสร้างและรายละเอียด ท่ีสามารถรับรู้
เหน็ ภาพและเข้าใจถูกต้องตรงกันได้
5. วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ ทาความเข้าใจเรื่องของต้นทุนและกาไร จากผลิตภัณฑ์ใหม่น้ี
รวมถึงตดั สนิ ใจวา่ จะตอ้ งแบง่ งาน หรอื ขอความชว่ ยเหลอื จากหน่วยงานอื่นไดบ้ ้าง
6. พฒั นาผลติ ภัณฑ์ ทาการพัฒนาผลติ ภณั ฑข์ ้นึ มาใหใ้ ชง้ านไดจ้ รงิ
7. ทดสอบตลาด ทดสอบด้วยหลักการ ส่วนประสมทางการตลาด หรือ Marketing Mix ท่ี
ประกอบด้วย Product Price Place Promotion และ ทดลองดาเนินกิจกรรมทางการตลาดและธุรกิจ
ของผลติ ภณั ฑใ์ หม่น้ี
8. โฆษณาและประชาสัมพันธ์ นาเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดพ้ืนที่สาธารณะ เพื่อให้
เป็นทีร่ ู้จกั ในวงกวา้ ง
ความหมายของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้ให้ความหมายว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์
มีวัตถุประสงค์มากมายและ มีลักษณะครอบคลุมกว้างขวาง แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ต้องการ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างผลกาไร และเพื่อความอยู่รอดของบริษัท โดยท่ัวไปสามารถรวบรวมความหมาย
ของคาว่า ผลิตภัณฑใ์ หม่ ออกเป็น 7 ประเภท ดงั น้ี
1. ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการขยายสายการผลิต โดยใช้กระบวนการผลิตท่ีมีอยู่ ( line
extensions)
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 65
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
2. การสร้างแนวคิดใหม่ในผลิตภัณฑ์เดิม (repositioned existing product) เป็นการปรับ
ผลิตภัณฑ์ท่ีมีอยู่ในแง่ของการใช้งาน โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหลัก ซึ่งบางครั้งเป็นไปตาม
ข้อเสนอของผบู้ ริโภค
3. ผลิตภณั ฑท์ ่ีมีอยู่เดิมแต่ปรับเปล่ียนรปู แบบใหม่ (new form of existing products)
4. ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดจากการปรับปรุงสูตรท่ีมีอยู่แล้ว (reformulation of existing
products)
5. ผลิตภณั ฑใ์ หม่ในบรรจภุ ัณฑใ์ หม่ (new packaging of existing products)
6. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม (innovative products/ make changes in an existing
product) เปน็ การเปลย่ี นแปลงเพอ่ื ให้ได้ผลติ ภัณฑ์แปลกใหมท่ ่ีแตกต่างจากผลติ ภัณฑ์ทมี่ อี ยู่เดิม
7. ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ (creative product/ bring into existence,
the rare, never before-seen product)
นอกจากนี้ สดุ าดวง เรืองรุจริ ะ ยังได้ให้ความหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ว่าเปน็ ผลิตภัณฑ์
ใดๆ ที่กิจการนาเสนอต่อตลาดแล้วทาให้ตลาดมีโอกาสเลือกเพ่ิมข้ึน ผลิตภัณฑ์ใหม่อาจเป็นผลิตภัณฑ์
ใหม่ที่ยังไมเ่ คยมีผู้ผลติ มากอ่ น เรมิ่ มีผผู้ ลติ รายแรกของโลกจัดเป็นนวตั กรรม (Innovation) หรืออาจเป็น
ผลิตภัณฑ์ใหม่ของกิจการท่ีเพิ่งนาออกจาหนา่ ยเป็นครง้ั แรก หรืออาจดัดแปลงปรับปรงุ จากผลิตภัณฑ์ที่
เคยจาหน่ายอยูเ่ ดิม การพฒั นาผลิตภัณฑ์ใหมม่ เี หตผุ ลและความสาคญั ดังน้ี
1. เพ่ือรักษาสถานภาพการแข่งขัน ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันในตลาดธุรกิจมีความ
รุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเน่อื งจากคู่แข่งที่เพิ่มข้ึนได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งส่งผลต่อส่วนแบ่ง
ทางการตลาดท่ีถูกช่วงชิงไป การออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดจะช่วยรักษาฐานการแข่งขันและส่วนแบ่ง
ตลาดไวไ้ ด้
2. เพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์เดิม วัฏจักรวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ โดยท่ัวไปจะมีช่วงเวลาที่สั้น
เมือ่ ผลติ ภัณฑ์เริม่ เข้าสชู่ ว่ งทา้ ยของวงจรชวี ติ หมายความว่า ผลติ ภณั ฑ์น้นั ไม่กอ่ ประโยชน์หรือมียอดขาย
ท่ีตกลง การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาดเพ่ือทดแทนผลิตภัณฑ์เก่าจะช่วยรักษาช่ือเสียงของบริษัท
ทดแทนปริมาณขายกาไรของผลิตภัณฑ์เดิมและสามารถนาทรัพยากรจากผลิตภัณฑ์เดิมมาใช้ให้เกิด
ประโยชนไ์ ด้
3. เพ่ือใช้สมรรถนะส่วนเกินให้เกิดประโยชน์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้สมรรถนะทาง
การตลาด การขาย และการผลิตที่เหลือให้เกิดประโยชน์ เหตุผลสาคัญ คือ การกระจายต้นทุนคงท่ีไป
ยังจานวนผลิตท่ีมากข้ึน เพื่อให้ต้นทุนรวมต่อหน่วยทั้งผลิตภัณฑ์เดิม และผลิตภัณฑ์ใหม่ลดลงมาก
พอทีจ่ ะเสนอราคาขายทีต่ า่ กว่าคแู่ ขง่ และมีกาไรทม่ี ากขน้ึ
หนงั สือเรียนวชิ าการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 66
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
4. เพ่ือปรับการเคล่ือนไหวเนื่องจากฤดูกาลให้น้อยลง ฤดูกาลที่แปรผันอาจส่งผลต่อ
ทรัพยากรต่างๆ ของธุรกิจที่อาจไมเ่ พยี งพอ หรอื อาจเหลือใช้การเพ่ิมผลิตภัณฑ์
ใหม่ที่สามารถขายหรือ ผลิตได้เม่ือพ้นฤดูกาลไปแล้วย่อมทาให้การผันแปร
ตา่ งๆ ลดลง และเปน็ การใชท้ รัพยากรของกจิ การ ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ
5. เพอื่ ลดการเสีย่ งภัย เชน่ ผลติ ภัณฑล์ ้าสมยั ลูกคา้ เส่ือมความนิยม
ปริมาณขายไม่มากพอ กิจการมีผลิตภัณฑ์จาหน่ายในตลาดน้อย เป็นต้น
สภาวการณ์เหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดทุนการ เพิ่มผลิตภัณฑ์ท่ีมีความ
แปลกใหม่ การเพิ่มปริมาณการขายให้ครอบคลุมตลาด ย่อมช่วยกระจายความ
เส่ียงภัยจากความผนั ผวนในตลาดท่ีมคี วามเปลยี่ นแปลงอยู่ตลอดเวลา
6. เพื่อการใช้ผลพลอยได้ให้เกิดประโยชน์ สินค้าใหม่ที่พัฒนาจากผลพลอยได้หรือของท่ีท้ิง
แล้วในธุรกจิ อาจนามาซึ่งยอดขายหรอื กาไรที่เพมิ่ ข้นึ
7. เพื่อโอกาสใหม่จากการที่ธุรกิจเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด อาจทาให้เกิดความ
ต้องการผลิตภัณฑ์จากผู้บริโภค จนกิจการสามารถผลิตและดาเนินงานการตลาด และความต้องการ
เช่นน้ี จงึ ถอื เปน็ โอกาสอันดีท่ีธุรกิจจะเข้าไปตอบสนองความต้องการด้วยผลิตภัณฑ์ของตนเอง นามาซ่ึง
กาไรและส่วนครองตลาดทมี่ ากข้นึ
2. การพฒั นารปู แบบผลิตภัณฑธ์ งุ อีสาน เป็นเครื่องประดับ
การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากธุงอีสานเป็นเคร่ืองประดับ ในปัจจุบันมีหลายพ้ืนท่ีท่ีได้
นาวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่า จัดแสดงเป็นสถานที่ท่องเท่ียวและสร้างรายได้ให้เกิดข้ึนกับชุมชน ซึ่งมี
เอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็น “ธุงใยแมงมุม” สีสันสดใสงดงาม และนามาพัฒนาให้เป็นนวัตกรรมท่ี
หลากหลายให้สวยงามและทันสมัยมากยิ่งข้ึน เช่น การทาป่ินปักผม การทาต่างหูและการทาเข็มกลัด
เปน็ ตน้
ผลติ ภัณฑธ์ งุ อีสาน ไดท้ าเป็นเคร่ืองประดบั ท่ีไดร้ บั ความนยิ ม มดี งั น้ี
ป่นิ ปกั ผม
ป่ินปักผม เป็นเครื่องประดับขนาดเล็ก ใช้ประดับตกแต่งศีรษะในวถิ ีชีวติ ของผู้คนในชุมชน
เพ่ือให้เห็นคุณค่าและความสาคัญของงานหัตถกรรมท่ีเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของช่างพื้นบ้านในชุมชน
นั้นๆ ในประเด็นเกี่ยวกับความสาคัญของปิ่นปักผมท่ีมีต่อวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน วัสดุท่ีใช้ทาป่ิน
ลักษณะการทาป่ิน ประโยชน์ใช้สอยของป่ิน การนาปิ่นไปใช้ประโยชน์ และการวิเคราะห์ลักษณะของ
ภูมิปัญญาท้องถ่ินที่มีความเด่นชัด ซึ่งประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1) ภูมิปัญญาในการเชื่อมชิ้นงาน
2) ภมู ิปัญญาในการสลักลวดลาย และ 3) ภูมปิ ญั ญาในการทาวสั ดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือ
หนังสอื เรียนวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หน้า 67
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
ปน่ิ ปกั ผม เป็นการพัฒนารปู แบบผลิตภณั ฑ์ทเี่ กิดขึน้ จากการนาธุงอีสานมาประยุกตด์ ัดแปลง
มาเปน็ เคร่อื งประดับ มมี ากมายหลากหลายรูปแบบ นามาใช้ในการปักหรือเกล้ามว้ นผมของสภุ าพสตรี
ให้สวยงาม
วสั ด/ุ อุปกรณ์
1. ด้ายวนี ัส
2. ไม้แกนสาหรบั แทง่ ป่ิน 1 ชิ้น
3. ไม้ 4 ชิน้ ขนาดตามความชอบ (สาหรับพันรอบ)
4. ลูกปัดหลากสี
5. กาวรอ้ น
วธิ กี ารทา
1. นาไม้ท่ีเตรยี มไว้ 2 ช้ิน ทาไมไ้ ขว้กนั ใหต้ ้งั ฉากแลว้ หมุนด้ายให้แน่นไปตามลายสเ่ี หล่ียม
2. ชัน้ แรกจานวน 5 แถว
3. ช้ันที่สองจานวน 8 แถวทาไปเรื่อยๆ จนครบแถวเสร็จแล้วคดั ด้าย(สลับสีเสน้ ด้ายตาม
ความชอบ)
4. การเก็บรายละเอยี ดโดยการใชม้ ดี ตกแต่งมมุ ทงั้ ส่มี มุ
5. ตดิ กาวให้เรียบรอ้ ย รอกาวแหง้
6. หลงั จากกาวแหง้ นาเขม็ สอดดา้ ยเข้าในมมุ เพ่อื รอ้ ยลกู ปดั กับธงุ ที่เตรียมไวเ้ ข้าดว้ ยกนั
7. นาไมป้ ่นิ ท่เี ตรยี มไว้ มาประกอบโดยการรอ้ ยด้ายเขา้ กบั ธงุ ทเี่ ตรียมไว้เสร็จ มดั ใหแ้ น่น
เป็นอนั เสรจ็ เรยี บรอ้ ย
ตา่ งหู
ต่างหู คือเคร่ืองประดับ ท่ีใช้สาหรับใส่เสริมเติมแต่งให้
บุคลิกคนเรา ทาให้ดูโดดเด่น สร้างบุคลิกหวานๆ หรือแม้แต่จะทาให้ดูภูมฐิ านกท็ าได้ ย่ิงการมอบต่างหู
เปน็ ของขวญั ยังส่อื ถึงการมอบใหซ้ ่ึงความคุ้มครองและการปกป้องภัยจากอนั ตรายต่างๆ แตก่ ่อนจะมอบ
ต่างหูให้ใครเป็นของขวัญควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าคนที่คุณจะมอบต่างหูให้นั้นเจาะหูแล้ว
ไม่อย่างนั้นของขวัญของคุณก็จะไร้ความหมายไปโดยปริยาย แต่ถ้าหากคุณต้องการมอบ ต่างหูเป็น
ของขวัญให้ผู้รบั จรงิ ๆ แต่เขายังไม่ไดเ้ จาะหู ก็แนะนาว่าสามารถเลือกตา่ งหูแบบหนีบหรืออุปกรณ์เสริม
ตา่ งหหู นบี มาประกอบกับตา่ งหทู เ่ี ราซือ้ ไวแ้ ลว้ กไ็ ด้
หนงั สือเรยี นวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 68
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
ต่างหูเปน็ การพฒั นารปู แบบผลติ ภณั ฑ์จากธุงอีสาน อกี รปู แบบหน่งึ ทีส่ ามารถนามาดดั แปลง
ใหเ้ ขา้ กับความเชื่อและวฒั นธรรมประเพณขี องชาวอีสาน
วัสดุ/อุปกรณ์
1. ด้ายวนี ัส
2. ไม้ 2 ชน้ิ
3. ลูกปดั หลากสี
4. ตะขอเกีย่ วตา่ งหแู บบห้อย
5. กาวรอ้ น
วธิ ีการทา
1. นาไมท้ เ่ี ตรียมไว้ 2 ชิน้ ทาไม้ไขว้กนั ให้ตั้งฉากแล้วหมนุ ด้ายให้แนน่ ไปตามลายส่ีเหลี่ยม
2. ชนั้ แรกจานวน 5 แถว
3. ชน้ั ท่ีสองจานวน 8 แถวทาไปเรอื่ ยๆ จนครบแถวเสรจ็ แล้วคัดด้าย (สลับสเี สน้ ดา้ ยตาม
ความชอบ)
4. การเกบ็ รายละเอยี ดโดยการใช้มดี ตกแต่งมุมทงั้ สมี่ มุ
5. ติดกาวให้เรยี บรอ้ ย รอกาวแห้ง
6. จัดเตรียมพูโ่ ดยการใช้เส้นด้ายรอ้ ยกับลกู ปัดแตง่ สใี หส้ วยงาม
7. หลังจากกาวแหง้ นาเขม็ สอดดา้ ยเข้าในมมุ ของธงุ เพ่อื รอ้ ยลูกปัดและพูป่ ระดบั นามาร้อย
ใส่กับตะขอเกีย่ วตา่ งหูที่เตรียมไว้ จดั ตกแต่งใหส้ วยงาม
หนังสือเรยี นวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 69
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
เข็มกลดั
เข็มกลัด หมายถึง เคร่ืองประดับสาหรับกลัดสไบและเส้ือนามาติดกับเส้ือผ้าเพื่อความ
สวยงามและดูภูมิฐานและมีความเช่ือเรื่องการป้องกันวิญญาณที่ต้องการไปเกิด ไม่ให้เข้ามาอยู่ในท้อง
แทนลูกน้อยของเรา ซ่ึงส่วนใหญ่จะนิยมให้ติดเข็มกลัด เม่ือไปงานศพ ไปโรงพยาบาลหรือไปวัดน่ันเอง
รวมถงึ เมอ่ื ตอ้ งผ่านทีส่ าคัญๆ ที่เคยมคี นตายบ่อยๆ หรือท่วี า่ กนั ว่าเป็นจดุ ตวั ตายตัวแทนอีกดว้ ย
เข็มกลัด เป็นอีกหน่ึงรูปแบบของการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากธุงอีสาน ท่ีสามารถนามาประยุกต์
เพือ่ ใหเ้ กิดรายไดใ้ ห้กบั ตัวเองและคนในชมุ ชน
วัสด/ุ อปุ กรณ์
1. ด้ายวีนัส
2. ไม้
3. ลกู ปัดหลากสี
4. เขม็ ซอ่ นปลาย
5. กาวรอ้ น
วิธกี ารทา
1. นาไมท้ ่เี ตรียมไว้ 2 ชิ้น ทาไม้ไขวก้ ันให้ตั้งฉากแล้วหมนุ ด้ายให้แน่นไปตามลาย
สเ่ี หลี่ยม
2. ชั้นแรกจานวน 5 แถว
3. ช้นั ทส่ี องจานวน 8 แถวทาไปเร่ือยๆ จนครบแถวเสรจ็ แล้วคดั ดา้ ย (สลบั สเี ส้นด้าย
ตามความชอบ)
4. การเกบ็ รายละเอียดโดยการใชม้ ดี ตกแตง่ มมุ ท้ังสมี่ มุ
5. ตดิ กาวให้เรียบรอ้ ย รอกาวแห้ง
6. จัดเตรียมพู่โดยการใชเ้ ส้นดา้ ยร้อยกบั ลูกปดั แตง่ สใี ห้สวยงาม
7. หลังจากกาวแห้ง นาเข็มสอดด้ายเข้าในมุมของธุงเพื่อร้อยลูกปัดและพู่ประดับ
นามารอ้ ยใส่กับเขม็ ซอ่ นปลายท่ีเตรยี มไว้ จัดตกแตง่ ให้สวยงาม
หนงั สือเรียนวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หน้า 70
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
3 การพัฒนารูปแบบผลติ ภัณฑ์จากธุงอสี าน เพอื่ ใชใ้ นการตกแต่ง
โมบาย หรือ กังสดาล เป็นการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์จากธุงอีสานของบรรพบุรุษไทย
มาต้ังแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย เป็นภูมิปัญญาของคนไทยสมัยโบราณ ซึ่งแต่เดิมมักทาข้ึนเพื่อบอกทิศทาง
ลม ความแรงของลม และใหค้ วามสวยงามเพลดิ เพลิน ซึ่งโมบายแต่เดิมในสมัยโบราณนนั้ เริม่ มาจาก
การนาเอาใบไม้ ลูกไม้แห้ง และวัสดุตามธรรมชาติที่มีอยู่ใกล้ตัวมาผูก มามัด แล้วใช้แขวน รับลม และ
การนาเอาสิ่งของต่างๆ เหล่านี้ มาผูก มาแขวน ตามชายคา หน้าบ้าน หน้าประตู ยังมีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื
การขับไล่ ภูตผีปีศาจ วิญญาณร้าย และสะเดาะเคราะห์ แก้เคล็ดต่างๆ
ตามความเช่ือซ่ึงอยู่คู่กับคนไทยมาช้านานแล้ว ซึ่งต่อมาได้รับอิทธิพล
ความเชื่อจากชาวไทยเช้ือสายจีน เก่ียวกับความเช่ือในเรอื่ งของศาสตรฮ์
วงจุ้ย เข้ามาเก่ียวข้องมากข้ึนทาให้มีผู้นิยมแขวนเครื่องราง แก้เคล็ดกัน
มากข้ึน จึงไดม้ กี ารคิดคน้ วตั ถุแขวนในรูปแบบต่างๆ มากขน้ึ แตกตา่ งกัน
ไปตามความเชื่อ ซึ่งมีความหมายตามศาสตร์ความเช่ือในเรื่องของโชค
ลาภ เงนิ ทอง วาสนา บารมี และเปน็ สิรมิ งคลมากขึ้น อกี ทง้ั ยงั ให้ ความ
สวยงามและมเี สียงท่ีไพเราะอกี ดว้ ย
ธุงโมบาย เป็นสื่อสัญลักษณ์ความเชื่อเร่ืองโชคลางของชาวอีสาน โดยเชื่อกันว่าสามารถใช้
ป้องกนั สิ่งรา้ ยๆ หรอื สงิ่ ไมด่ ที ่มี องไมเ่ ห็นอย่างเชน่ ภูตผวี ญิ ญาณต่างๆ ที่จะมารบกวนงานบุญนัน่ เอง ธุง
ทามาจากเส้นด้ายที่ได้มาจากฝ้าย หรือเส้นไหม ผูกโยงกันคล้ายใยแมงมุม นิยมใช้แขวนตกแต่งบริเวณ
หนา้ พระประธาน หรอื โดยรอบพ้ืนทจ่ี ดั งานพธิ ีกรรม
ธุงโมบาย
เป็นธุงท่ีทาจากเส้นด้ายจากเส้นฝ้ายหรือเส้นไหม ผูกโยงกันคล้ายใยแมงมุม นิยมใช้แขวน
ตกแต่งไว้หน้าพระประธาน หรือโดยรอบในงานพิธีกรรม ใช้ในการปกป้องคุ้มครองคล้ายกับธุงไชย
เป็นท่ีแพร่หลายในภาคอีสาน การประดับธุงใยแมงมุมในงานวันมาฆปูรมีทวารวดีม่ิงหล้าเมืองฟ้าแดด
สงยาง ได้นาธุงมาถวายแด่องค์พระธาตุยาคูและมีการราบวงสรวงองค์พระธาตุยาคู อย่างสวยงาม
ออ่ นช้อย เพื่อถวายเป็นพทุ ธบชู า จนเรยี กวา่ เป็นทะเลธุง ทมี่ ีความสวยสดงดงาม
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 71
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
วัสด/ุ อุปกรณ์
1. ด้าย หรอื ไหมพรม ดา้ ยวีนัส
2. ไม้
3. ลูกปดั หลากสี
4. กาวรอ้ น
5. เข็ม
วธิ ีการทา
1. นาเส้นด้ายไหมพรมพันรอบๆ ไม้ ท้ัง 2 ช้ิน(ลูกประดับ) 4 ช้ิน(ลูกสาย) 6 ช้ิน(แม่ธุง)
บรเิ วณก่ึงกลางของความยาวไม้ (ตามขนาดที่ตอ้ งการ)
2. แยกไมอ้ อกจากกนั ใหเ้ ป็นรูปกากบาท (X) หรือ สี่เหลยี่ มมมุ ฉาก หรือทับซ้อนอยู่ใน
แนวทะแยง
3. พนั เส้นด้ายไหมพรมใหต้ ัดกบั แนวเดมิ ที่พนั ไว้ จนมคี วามหนาเทา่ ๆ กัน
4. พันเสน้ ด้ายไหมพรมรอบไมแ้ ต่ละดา้ น โดยวนจากลา่ งหมุนรอบไมข้ ้นึ ข้างบน
5. ทาซ้าแบบเดมิ รอบไมถ้ ัดไป
6. เพม่ิ สสี ันให้ธงุ ด้วยการใช้เสน้ ด้ายไหมพรมหลากสี ตดั เส้นดา้ ยไหมพรมสเี กา่ มดั ปมกบั
เสน้ ด้ายไหมพรมอกี สีใหแ้ น่นแลว้ พนั วนรอบไม้ไปเรอื่ ยๆ
7. เปล่ยี นสี ทาซ้า จนเกือบสุดความยาวไม้
8. เมอ่ื สุดความยาวไม้ คดั ปมด้ายปิดท้ายให้แนน่ เป็นเสร็จเรียบรอ้ ย
9. เตรยี มเสน้ ดา้ ยและลูกปัดเพื่อทาเปน็ พปู่ ระกอบเพอื่ ความสวยงาม โดยการมัดดา้ ย
รวมกนั แล้วนาลูกปดั มารอ้ ยใหส้ วยงาม
10. นาช้นิ ส่วนต่างๆ ที่ทาไว้มาประกอบเขา้ ด้วยกนั โดยการร้อยจากลกู ธุงด้านล่างสุดขึน้
ไปหาตวั แม่ สลับกับการรอ้ ยลูกปดั แตล่ ะข้ัน จนถึงตวั แม่ธุง ตามขนาดที่ตอ้ งการ ร้อยจนครบมุมของตัว
แม่ธงุ จนเสร็จสมบรู ณ์
หนังสือเรียนวิชาการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หน้า 72
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
โคมไฟ
โคมไฟ ถอื เปน็ อกี ส่งิ ทีจ่ าเป็นต่อการนามาตกแตง่ บ้านเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะให้
แสงสว่างและทาให้บ้านดูโล่งโปร่งขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยให้บ้านดูมีสีสันและสวยงามอย่างมีระดับอีกด้วย
แต่จาเป็นไหมที่เราจะต้องซอ้ื โคมไฟราคาแพงมาประดับเสมอไป เพราะเราสามารถ DIY โคมไฟข้ึนใหม่
ดว้ ยตัวเองได้ ในงบสุดประหยดั แถมได้ไอเดยี เก๋ๆ ที่จะชว่ ยสร้างความแปลกใหมอ่ ย่างมีสไตล์ให้กับบ้าน
วสั ด/ุ อุปกรณ์
1. ดา้ ย หรือไหมพรม ด้ายวีนัส
2. ไม้
3. ลกู ปัดหลากสี
4. กาวร้อน
5. สายไฟ/หลอดไฟ
วธิ กี ารทา
1.นาไมท้ ี่เตรยี มไว้ 4 ชิน้ ทาไมไ้ ขว้กันใหต้ ง้ั ฉากแลว้ หมุนด้ายใหแ้ นน่ ไปตามลายสีเ่ หล่ยี ม
2.ชัน้ แรกจานวน 5 แถว
3.ชั้นท่ีสองจานวน 8 แถวทาไปเรื่อยๆ จนครบแถวเสร็จแล้วคัดด้าย (สลับสีเส้นด้ายตาม
ความชอบ)
4.การเกบ็ รายละเอยี ดโดยการใชม้ ีดตกแต่งมุมท้ังส่มี ุม
5.ติดกาวให้เรยี บร้อย รอกาวแหง้
6.จดั เตรยี มพโู่ ดยการใชเ้ ส้นดา้ ยร้อยกับลกู ปดั แตง่ สีใหส้ วยงาม
7.หลังจากกาวแห้ง นาเข็มสอดด้ายเข้าในมุมของธุงเพ่ือร้อยธุงท้ัง 4 ด้านเข้าหากัน และนาพู่
ประดบั ร้อยใสม่ ุมดา้ นลา่ งท้งั 4 มุม จากนั้นนาหลอดไฟ/สายท่ีเตรียมไว้ ประกอบไวด้ ้านในของกลอ่ งโคม
ไฟ ทดลองและจัดตกแตง่ ใหส้ วยงาม
หนงั สือเรยี นวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 73
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
ร่ม
ร่ม เป็นเคร่ืองใช้สาหรับกันแดดกันฝน มีด้ามยาวสาหรับถือ และส่วนบนเป็นแผ่นโค้ง ขอบ
กลมเหมือนดอกเห็ด ทาจากกระดาษหรือผ้า ลักษณะเฉพาะที่สาคัญของร่มคือ สามารถหุบเก็บได้ จึง
พกพาไดส้ ะดวก ลกั ษณะนามวา่ คนั
การนารูปแบบการทาธุงมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบของ ร่ม เป็นการทาเพ่ือประดับตกแต่ง
สถานทต่ี า่ งๆ ให้เกิดความสวยงาม มองดูแล้วสบายตา
วสั ด/ุ อปุ กรณ์
1. ด้ายหรอื ไหมพรม
2. ไม้
3. กาวร้อน
วธิ กี ารทา
นาไม้ไผท่ เ่ี ตรียมไว้ 3 ชิ้น มดั รวมกนั นาไหมพรมท่เี ตรียมไว้ค่อยๆ มดั และดึงไม้ออกให้อยู่
ในแนวทะแยง ให้ได้ขนาดที่เท่ากัน มัดวนไปเร่ือยๆ ตามความถนัดของผู้มัด สลับเปล่ียนสีไหมพรมให้
สวยงามตามความชอบ จนสุดปลายไม้ ก็จะไดร้ ม่ จากธุงอสิ านไวป้ ระดบั ตกแต่งสถานท่ีใหส้ วยงาม
หนงั สอื เรียนวิชาการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 74
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
แบบทดสอบทา้ ยบท
คาชีแ้ จง แบบทดสอบมีจานวน 10 ขอ้ ใช้เวลา 15 นาที ให้ผเู้ รียนทาเครื่องหมาย X ทบั อักษร
ก ข ค หรือ ง ที่เป็นคาตอบท่ีถูกต้องเพียงขอ้ เดยี ว ลงในกระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดคอื ความหมายท่ถี ูกตอ้ งที่สดุ ของ"การพัฒนาผลิตภัณฑ์ "
ก. การกระทาท่ีไมเ่ คยมีมากอ่ น
ข. การกระทาทีเ่ อาแบบอย่างมาจากท่ีอนื่
ค. การสร้างสนิ คา้ หรือผลิตภณั ฑ์ให้มีคณุ สมบตั ิใหม่ หรือ ลักษณะเฉพาะทีแ่ ตกต่างออกไป
ง. การกระทาทร่ี อื้ ฟื้นมาจากของเดิม
2. การพัฒนาผลติ ภัณฑ์ใหม่เพ่ือนาไปสกู่ ารสรา้ งผลิตภัณฑ์ทม่ี ีคุณค่าตอบโจทย์ตอ่ ลกู ค้า ประกอบด้วย
ก่ีกระบวนการ
ก. 9 กระบวนการ
ข. 8 กระบวนการ
ค. 7 กระบวนการ
ง. 6 กระบวนการ
3. ข้อใดหมายถงึ ผลิตภัณฑท์ ่ีมอี ยู่เดิมแตป่ รบั เปล่ียนรปู แบบใหม่
ก. line extensions
ข. repositioned existing product
ค. new form of existing products
ง. reformulation of existing products
4. ขอ้ ใดคือความหมายของ "ผลิตภณั ฑท์ ี่เป็นนวัตกรรม "
ก. innovative products
ข. line extensions
ค. new packaging of existing products
ง. reformulation of existing products
5. การพัฒนาผลิตภณั ฑ์ใหมม่ ีความสาคัญ อยา่ งไรบ้าง
ก. เพ่ือรักษาสถานภาพการแขง่ ขัน
ข. เพอ่ื ทดแทนผลติ ภัณฑเ์ ดิม
ค. เพื่อใชส้ มรรถนะสว่ นเกินใหเ้ กดิ ประโยชน์
ง. ถูกทกุ ข้อ
หนงั สือเรยี นวชิ าการทาธุงอีสาน(อช0300514) หน้า 75
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
6. ข้อใดคือความหมายของคาวา่ ผลิตภัณฑ์
ก. การสร้างสนิ คา้ หรือผลิตภัณฑใ์ ห้มีคณุ สมบัติใหม่
ข. ลักษณะเฉพาะที่แตกตา่ งออกไป ซง่ึ มสี ่วนเพ่มิ เติมหรอื สามารถสร้างประโยชนใ์ หม่ๆ
ใหก้ บั ลกู คา้ ได้
ค. เพ่อื ให้ผลิตภณั ฑใ์ หมต่ อบโจทย์ความต้องการของลูกค้า หรอื เป็นทน่ี ่าพึงพอใจตอ่ ความตอ้ งการ
ของตลาด
ง. ถูกทุกข้อ
7. ข้อใดสาคัญทสี่ ดุ ในการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ใหม่เพอ่ื นาไปส่กู ารสร้างผลติ ภณั ฑ์ที่มคี ุณค่าตอบโจทย์ต่อลูกคา้
มากท่ีสุด
ก. โฆษณาและประชาสัมพันธ์
ข. กลยุทธข์ องผลติ ภัณฑใ์ หม่
ค. วิเคราะห์โอกาสทางธรุ กิจ
ง. การพัฒนาผลติ ภัณฑ์
8. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ในการทาธงุ อสี าน
ก. ด้าย หรือไหมพรม ดา้ ยวีนสั
ข. ไม้
ค. ลกู ปดั หลากสี
ง. เข็มหมุด
9. ข้อใดคือการพัฒนารปู แบบการทาเครอ่ื งประดับท่ที ามาจากธุงอสี าน
ก. โคมไฟธงุ อสี าน
ข. ตา่ งหธู ุงอีสาน
ค. โมบายธุงอีสาน
ง. ร่มธงุ อสี าน
10. ขอ้ ใดคือการพัฒนารปู แบบผลิตภัณฑ์เพือ่ ใช้ในการตกแต่งสถานท่ีให้สวยงาม
ก. เขม็ กลัดธงุ อีสาน
ข. ตา่ งหธู ุงอีสาน
ค. โมบายธุงอสี าน
ง. ปน่ิ ปกั ผมธุงอสี าน
หนังสือเรยี นวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หน้า 76
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
บทท่ี 7
การดูแลและเก็บรกั ษาธุงอีสาน
สาระสาคัญ
ศกึ ษาเกีย่ วกับคุณสมบัติของวัสดุอปุ กรณท์ ่ีใช้ในการทาธุงอสี าน สถานทแี่ ละข้ันตอนในการ
เกบ็ รักษา เนื่องจากธุงอสี านไมไ่ ดน้ ามาใช้ตลอดปี แตจ่ ะถูกใช้เม่ือมงี านบญุ ประเพณภี ายในวัดหรืองาน
บญุ ประเพณตี ่างๆ ของชุมชน หรอื การขอหยบิ ยืมจากวัด/ชุมชนในพ้นื ที่ใกลเ้ คยี ง การนาออกไปใชใ้ นแต่
ละคร้ัง มักจะถูกรื้อค้นอย่างไม่ถูกวิธีท้ังนี้ได้สร้างความเสียหาย และเกิดการชารุดข้ึน การเก็บรักษาธุง
อสี านจึงมคี วามสาคัญอย่างยิ่งอกี ทั้งเป็นการเพ่ิมอายุการใช้งานให้ยาวนานมากยิง่ ข้นึ
ตัวชี้วดั
1. อธบิ ายเกี่ยวกบั คณุ สมบัติของวสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการทาธงุ อสี านได้
2. อธบิ ายสถานท่ีและขน้ั ตอนในการเกบ็ รกั ษาธุงอสี านได้
ขอบขา่ ยเนื้อหา
เร่ืองท่ี 1 คุณสมบัติของวัสดุอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการทาธงุ อสี าน
เรื่องท่ี 2 สถานที่และข้นั ตอนในการเกบ็ รกั ษาธงุ อสี าน
จานวนชั่วโมง
จานวน 5 ชว่ั โมง
สื่อการเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี น
2. แหลง่ เรยี นรู้/ ภมู ิปัญญา
3. สือ่ การเรยี นรูอ้ อนไลน์
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 77
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
1. คุณสมบัตขิ องวสั ดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการทาธงุ อีสาน
ธุงใยแมงมุม ทาด้วยเส้นด้ายหรือเส้นไหมผูกคล้ายใยแมงมุม ท้ังประเภทสี่ด้านหรือ
หกดา้ น ท้งั แบบ 3 มิติ หรอื 4 มิติ ทามาจากเส้นไหมหรอื เส้นดา้ ยท่ีมีหลากหลายสีสันมัดกบั ไม้ไผ่ที่เหลา
แลว้ แต่จะกาหนดขนาด มัดและมว้ นจนเป็นวงรอบคล้ายใยแมงมุมทโ่ี ยงไปโยงมา เมื่อเสรจ็ แล้วก็นามา
ร้อยเข้าด้วยกันกลายเป็นสายเดียวกันหรือตามรูปแบบต่างๆ ท่ีออกแบบให้สวยงาม ซ่ึงเส้นไหมหรือ
เส้นดา้ ยทีใ่ ชก้ ม็ คี วามแตกตา่ งกนั ไป โดยเสน้ ไหมแบง่ ออกเป็นประเภทต่างๆ ดงั นี้
ไหมพรมแบ่งออกตามวัสดทุ ีใ่ ชเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ
1.ไหมธรรมชาติ
2.ไหมสงั เคราะห์
1.ไหมธรรมชาติแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ
1.1 ไหมท่ีทาจากพืช ไดแ้ ก่
- คอตตอน (Cotton) ผลติ มาจากเส้นใยฝ้ายสามารถทาความสะอาดล้างไดบ้ อ่ ย
- ลินิน (Linen) เสน้ ไหมที่ทาจากต้นลนิ นิ จะมคี วามทนทาน ง่ายต่อการดูแลรักษา
- ไผ่ (Bamboo) เรมิ่ นามาใชไ้ มน่ าน แตไ่ ผม่ ขี อ้ เสียคือไมท่ นน้า
1.2 ไหมที่ทาจากสัตว์ ได้แก่
- วลู (Wool) เส้นไหมท่ีทาจากขนสตั ว์ เช่น ขนแกะ ขนแพะ เปน็ ตน้ ไหมวลู มคี วาม
ทนทาน
- โมแฮร์ (Mohair) ทามาจากขนแพะแองโกล่า โมแฮร์มักผสมกับวูล
- แคชเมียร์ (Cashmere) ทาจากขนแพะ แคชเมยี ร์มลี ักษณะน่มุ หรหู รา และราคาสูงท่ีสดุ
2. ไหมสงั เคราะห์
- ไนลอน (Nylon) เป็นไหมสังเคราะหท์ ่ีแข็งแรงทนทานทส่ี ุด มกั นาไปผสมกับไหม
ประเภทอืน่ และทนนา้ ได้ดี
- อคิลคิ (Acylic) เปน็ ไหมท่ีมนี า้ หนักเบา แขง็ แรง ราคาถกู
- โพลีเอสเตอร์ (Polyester) มลี กั ษณะทนทาน มักนาไปผสมกับไหมชนิดอน่ื ๆ
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 78
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
และไหมที่นิยมนามาทาเป็นธุง ส่วนใหญ่จะเป็นไหมสังเคราะห์ไนลอน (Nylon) เพราะมีความแข็งแรง
ทนทาน และราคาถกู สามารถหาซื้อได้ทว่ั ไป สามารถลา้ งทาความสะอาดได้ ไมท้ ี่ใช้เปน็ โครงสร้างของธุง
นยิ มใช้ไมไ้ ผ่ เพราะมีความทนทานมรี าคาถูกและหาไดง้ ่ายในท้องถิน่
2. สถานทแ่ี ละขนั้ ตอนในการเก็บรกั ษาธุงอสี าน
สถานทใี่ นการเก็บรกั ษาจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสถานท่ีทีเ่ หมาะสม เน่ืองจากลักษณะ
ของธุงอสี านในท้องถน่ิ มีขนาดท่ีหลากหลายแต่ละชนดิ แต่ละแบบ จึงมีความจาเป็นอย่างย่งิ ที่จะตอ้ งมี
สถานท่ีในการเก็บรักษาท่ีเหมาะสม จะต้องเป็นลักษณะที่มีอาคารสถานท่ีโล่ง มีพื้นที่กว้างขวางเหมาะ
แก่การเกบ็ รักษา การดแู ลก็จะมคี วามง่ายขน้ึ ทาใหธ้ ุงคงทนถาวรไดใ้ ชน้ านขน้ึ ดังนี้
1. ลกั ษณะของอาคารและอุณหภูมใิ นการเกบ็ รักษา
ในการเกบ็ รักษาธงุ อีสาน อีกอยา่ งหนึง่ ท่ีต้องคานงึ ถึงให้มากที่สดุ คือลักษณะของอาคาร
และอุณหภูมิในการเก็บรักษา ซ่ึงหากเราเก็บรักษาในอาคารที่มีลักษณะของอุณหภูมิท่ีไม่เหมาะสม
จะทาให้ธุงที่มีความสวยงาม ทั้งในเร่ืองของสีสัน ลวดลาย และวัสดุท่ีใช้ในการทาธุงอีสาน มีอายุการใช้
งานท่ีลดลง ทาให้เสื่อมสภาพได้เรว็ ข้นึ ดังนน้ั การเก็บรกั ษาในอาคารจงึ จาเปน็ ต้องคานึงถงึ ลักษณะของ
การถ่ายเทอากาศ อุณหภูมิ แสงท่ีส่องเข้าไปในอาคารห้องเก็บธุงให้มีความเหมาะสม ต้องไม่มีแสงแดด
มากเกนิ ไป ซงึ่ จะทาให้สีของธุงซีดได้ง่ายข้นึ ความชืน้ จะตอ้ งมคี วามเหมาะสมไม่มีความชืน้ มากเกินไป
เพราะจะทาใหว้ ัสดุทงั้ เร่ืองของเส้นด้าย ไมท้ ่ีนามาเปน็ โครงสร้างเกิดเชื้อราทาให้ดูไม่สวยงาม และยังทา
ใหไ้ ม้ทีน่ ามาทาธุงอสี านมีอายทุ สี่ ัน้ ลง
2. รปู แบบการเกบ็ รักษา
ธุงอีสาน ไม่ได้นามาใช้ตลอดปี แต่จะถูกใช้เม่ือมีงานบุญประเพณีภายในวัด หรืองานบญุ
ประเพณีของบุคคลในชุมชน หรือการขอหยิบยืมจากวัด/ชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ดังน้ัน ธุงจึงถูกใช้เปน็
ชว่ งๆ และต้องนามาจดั เก็บไว้เป็นช่วงๆ เชน่ เดยี วกัน สาหรับพฤติกรรมการนาธุงออกไปใช้ในแต่ละคร้ัง
มักจะถูกรื้อค้นอย่างไม่ถูกวิธีทั้งน้ีได้สร้างความเสียหาย และการชารุดเกิดขึ้นกับธุง ซึ่งธุงเป็นงานท่ีมี
ความบอบบางชารุดได้ง่าย หากมองทางด้านราคาและต้นทุนในการผลิตมีราคาค่อนข้างสูง คือ ตั้งแต่
500 – 3,000 บาท ท้ังนี้ราคาจะสัมพันธ์กับความประณีตและเทคนิคในการทา ส่วนธุงอื่นๆ ราคาก็จะ
แตกต่างไปตามความยาก - ง่ายในการผลิต ด้วยราคาของธุงที่มีจาหน่ายและความศรัทธาของผู้ถวาย
ธงุ จงึ เปน็ วตั ถุส่งิ ของทไ่ี ม่อาจประเมนิ ราคาได้ การเก็บรักษาธงุ จึงมคี วามสาคญั อย่างย่งิ
หนงั สอื เรยี นวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หนา้ 79
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
กำรเก็บรักษำโดยทั่วไปเปน็ กำรเกบ็ รกั ษำแบบงำ่ ยตำมวถิ ชี ีวติ ของชุมชน
การเกบ็ รกั ษาธงุ อีสานมีข้ันตอน ดงั นี้
1. ก่อนจัดเก็บควรแยกประเภทของธุงอีสานออกเป็น ประเภท และขนาด เช่น ธุงใยแมงมุม
3 มติ ิ ธงุ ใยแมงมุม 4 มติ ิ ธงุ ลายจนั ทรก์ ระจา่ ง เปน็ ต้น
กำรแยกประเภทของธุงอสี ำนชนิดตำ่ งๆ
2. ตรวจสอบธุงว่าเกดิ การชารุดเสยี หายหรือไม่ ถา้ เกิดการชารดุ เสยี หายตอ้ งซ่อมแซมดูแลรกั ษา
ให้อย่ใู นสภาพดีเสียกอ่ น และตอ้ งทาความสะอาดธงุ ให้อยูใ่ นสภาพพรอ้ มใช้งาน
กำรตรวจสอบธงุ หน้า 80
หนังสอื เรยี นวิชาการทาธงุ อสี าน(อช0300514)
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
3. ในการเก็บรกั ษาต้องห่อให้มิดชิดเพ่ือป้องกันมอด แมลงกัดแทะ โดยแยกห่อทีละสายๆ เพ่ือ
ง่ายต่อการนามาใชง้ าน
กำรแยกหอ่ ทลี ะสำยเพอ่ื งำ่ ยต่อกำรนำมำใชง้ ำน
4. จดั เก็บไว้ในกลอ่ งหรือตูท้ ี่มคี วามมิดชดิ ปลอดภยั
กำรจดั เกบ็ ไว้ในกล่องทม่ี ดิ ชิด
5. ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับธุงแต่ละสายเพื่อป้องกันการรอ้ื ค้นก่อนนาไปใช้งาน และมีผู้รับผิดชอบ
ดูแลในการจดั เก็บ ไมว่ า่ จะเปน็ ชุมชนหรอื หนว่ ยงานตา่ งๆ ท่เี กี่ยวข้องอย่างชัดเจน
ธุง ลายจนั ทรก์ ระจา่ ง
สี หลากสี
ขนาด กลาง
ผู้รับผิดชอบ กศน.อาเภอกมลาไสย
หนังสอื เรียนวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 81
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
ตวั อยำ่ งขอ้ มูลในกำรจัดเกบ็
หนงั สือเรียนวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 82
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
แบบทดสอบท้ายบท
คาชีแ้ จง ใหผ้ ้เู รยี นทาเครอ่ื งหมาย X ทับอักษร ก ข ค หรอื ง ที่เป็นคาตอบที่ถกู ตอ้ งเพียงขอ้ เดยี ว
1.ไหมพรมแบง่ ตามวัสดุที่ใชไ้ ด้เป็นกี่ประเภทอะไรบ้าง
ก. 1 ประเภท คือไหมพรม
ข. 2 ประเภทคือไหมธรรมชาติและไหมสังเคราะห์
ค. 2 ประเภท คือ ไหมไนลอนและไหมคอตตอน
ง. 3 ประเภท คือ ไหมธรรมชาติ ไหมสังเคราะห์ และไหมญ่ปี ่นุ
2. คอตตอน (cotton) เป็นไหมทที่ าจากพชื ผลิตมาจากอะไร
ก. เยอ่ื ไผ่
ข. ตน้ ลินิน
ค. เสน้ ใยฝ้าย
ง. เสน้ ใยปอ
3. ข้อใดไมใ่ ช่เส้นไหมทท่ี าจากสัตว์
ก. วูล (Wool)
ข. โมแฮร์ (Mohmere)
ค. ไนลอน (Nylon)
ง. แคชเมยี ร์ (Cashmere)
4. เส้นไหมสงั เคราะหท์ ี่แขง็ แรงทนทานท่ีสุดมักนาไปผสมกับไหมประเภทอนื่ และทนนา้ ไดด้ ีคือ
ไหมชนิดใด
ก. ไนลอน
ข. อคิลิค
ค. โพลเี อสเตอร์
ง. ไหมญีป่ ่นุ
5. ไมท้ ี่นยิ มนามาใช้เปน็ โครงสร้างของธงุ คอื ไม้ชนดิ ใด
ก. ไม้สกั
ข. ไม้มะขาม
ค. ไมไ้ ผ่
ง. ไม้มะค่า
หนังสือเรียนวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หน้า 83
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอกมลาไสย
6. เหตุใดการจดั เก็บธงุ อสี านจงึ ตอ้ งคานึงถึงลกั ษณะของการถ่ายเทอากาศ อณุ หภมู ิและแสง
ท่ีส่องเข้าไปในอาคารต้องมีความเหมาะสม
ก. เพือ่ ง่ายตอ่ การจดั เกบ็
ข. เพื่อเพม่ิ อายกุ ารใช้งานของธุง
ค. เพอื่ ค้นหามาใช้งานไดง้ า่ ยขน้ึ
ง. ถกู ทุกขอ้
7. ขอ้ ใดกล่าวไดถ้ กู ต้องเกยี่ วกับการจดั เก็บธุงอสี าน
ก. นาธงุ ไปวางไว้แยกเป็นสีๆเพื่องา่ ยตอ่ การค้นหานามาใช้
ข. แขวนธงุ เล็กๆไวต้ ามหนา้ ต่างเพอื่ งา่ ยต่อการนามาใช้
ค. นาธุงไปเก็บไว้ในวัดเพือ่ ง่ายต่อการยืมและนามาใช้
ง. ก่อนการจัดเก็บควรแยกประเภทของธุงออกเปน็ ประเภทขนาดและสีเพ่อื ง่ายต่อ
การจัดหมวดหมใู่ นการจดั เก็บ
8. เพราะเหตุใดในการเกบ็ รักษาธงุ อสี านจงึ ตอ้ งห่อให้มิดชิด
ก. เพอื่ ปอ้ งกันมอดและแมลงกัดแทะ
ข. เพื่อใหธ้ ุงอีสานสีสันสดใส
ค. เพอ่ื งา่ ยตอ่ การซ่อมแซมดูแลรกั ษา
ง. เพ่อื งา่ ยตอ่ การค้นหานามาใช้
9. เราจะตอ้ งคานงึ ถึงสิ่งใดเปน็ อนั ดับแรกในการเกบ็ รักษาธงุ อีสานให้คงสภาพที่สวยงาม
ก. ลกั ษณะของอาคาร
ข. แสงภายในอาคาร
ค. อณุ หภูมขิ องหอ้ งเก็บรักษา
ง. ถูกท้งั ข้อ ก และ ขอ้ ค
10. ในการเก็บรักษาธงุ อสี านจะต้องแยกประเภท ขนาด และสี จากนนั้ เขียนข้อความกากบั
พร้อมท้งั ผรู้ บั ผิดชอบเพราะเหตใุ ด
ก. เพ่ืองา่ ยต่อการค้นหาและนามาใช้
ข. เพ่ือเกบ็ รักษาใหไ้ ด้ยาวนาน
ค. เพ่อื ความปลอดภยั ต่อการสูญหาย
ง. ถูกทุกขอ้ ท่กี ล่าวมา
หนังสอื เรียนวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 84
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
บทที่ 8
การทาบัญชแี ละการจัดจาหน่าย
สาระสาคญั
ศึกษาเกีย่ วกับการ การทาบัญชรี ายรบั -รายจ่าย และ จดั จาหน่ายและวางแผนดา้ นการตลาด
ประกอบดว้ ย หลักการตลาดและการวางแผนดา้ นการตลาด ตลาดสนิ ค้าหตั ถกรรม
ตวั ชว้ี ัด
1. ผเู้ รียนมีความรแู้ ละสามารถการทาบัญชีรายรับ-รายจ่ายได้
2. ผู้เรียนอธบิ ายหลกั การขายและการตลาดได้
3. ผ้เู รียนอธิบายตลาดสินค้าหัตถกรรมได้
ขอบขา่ ยเนื้อหา
เรอ่ื งท่ี 1 การทาบัญชีรายรับ – รายจ่าย
เรื่องท่ี 2 การขายและการตลลาด
เรื่องท่ี 3 หลักการตลาดและตลาดสินคา้ หตั ถกรรม
จานวนช่วั โมง
จานวน 5 ชว่ั โมง
สอ่ื การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียน
2. แหล่งเรยี นรู้ กล่มุ อาชีพ/ศูนย์ฝึกอาชีพชมุ ชน
3. ส่ือออนไลน์
หนังสอื เรยี นวิชาการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 85
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
1 การทาบัญชีรายรบั -รายจ่าย
1. ความหมายของการทาบญั ชีรายรบั -รายจ่าย
การทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย หมายถึง การจดบันทึกรายการข้อมูลด้านการเงินของ
การปฏบิ ตั งิ าน ท้งั ที่เก่ียวกบั รายการที่รับเข้ามาและรายการทต่ี ้องจ่ายออกไป เพื่อใหม้ ขี ้อมลู ท่ีเก่ียวข้อง
ทางด้านการเงิน ตลอดจนผลของการดาเนินงานนั้นไว้ว่าคงเหลือเงินหรือไม่ จานวนเท่าไรและ
เปรยี บเทียบผลการดาเนนิ กจิ การวา่ ได้กาไร หรือขาดทุนเพียงไร
ตน้ ทนุ หมายถึง ทรัพยส์ ินทง้ั หลายท่นี ามาลงไวข้ ณะท่แี รกเริม่ ดาเนินการ และนามาลง
เพ่มิ เตมิ ภายหลงั ต้นทุนไมจ่ าเป็นต้องเป็นเงินสดอย่างเดยี ว อาจเป็นส่งิ ของอย่างอนื่ ดว้ ยก็ได้ เช่น วัสดุ
อปุ กรณ์ แรงงาน สนิ ค้า ยานพาหนะ ความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ เวลาในการปฏิบตั ิงาน ค่าเสือ่ มราคาของ
อุปกรณ์ ราคาขาย หมายถึง ราคาสินค้าหรือบริการท่ีกาหนดขึ้น ซ่ึงอาจได้เงินมากกว่าหรือน้อยกว่า
ต้นทุนก็ได้ในการกาหนดราคานั้นมักจะยึดปัจจัยเกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ต้นทุนของผลิตภัณฑ์
สภาวะการแข่งขนั ความต้องการของตลาดราคาทัว่ ไป เปน็ ตน้
2. ประโยชนข์ องการทาบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย
1. ทาให้ทราบฐานะทางการเงนิ ในการปฏบิ ัตงิ าน
2. ใช้ประกอบการวางแผนในการทางานหรอื ในการใช้จา่ ยเงนิ
3. ใช้ในการตดิ ตามการทางานดา้ นต่างๆ
4. ทาใหท้ ราบปัญหาในการทางานและแกไ้ ขทัน
5. ใช้รายงานผลการดาเนินงาน
6. ใช้เปน็ ขอ้ มูลรายจา่ ยปรับลดค่าใช้จ่ายเพ่อื ให้เหลอื เงนิ หรือไดก้ าไรเพ่ิมขึน้
7. นาวธิ ีการจดั ทาบัญชีไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน
หนงั สือเรียนวชิ าการทาธุงอสี าน(อช0300514) หนา้ 86
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
หลักการจดั ทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย
หลักการทาบญั ชีรายรบั รายจ่าย มดี งั น้ี
1. รายรบั เป็นขอ้ มูลท้งั หมดทไ่ี ดร้ บั เงนิ เข้ามา เชน่ คา่ หุน้ เงินกู้ คา่ ขายของ ค่าขายผลผลิต
2. รายจา่ ย เป็นข้อมลู ราจ่ายทง้ั หมดในการประกอบกจิ การน้นั ๆ เช่น ค่าขนส่ง ค่าซ้อื วตั ถดุ บิ
คา่ จา้ งแรงงาน
3. เงินคงเหลือ ไดผ้ ลตา่ งระหวา่ งรายรบั กบั รายจ่ายท้งั หมด
4. สว่ นประกอบของการทาบญั ชีรายรับ-รายจ่าย
วัน เดือน ปี รายการ รายรบั รายจา่ ย คงเหลอื
การสรุปบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย
การจัดทาบญั ชีรายรับ-รายจ่าย ต้องมกี ารสรุปบัญชีเปน็ ข้นั ตอนสดุ ท้าย ดงั น้ี
1.รายรับมากกวา่ รายจ่าย ซ่ึงหักเงินคา่ หุ้น เงินกู้ ท่ีใช้ในการลงทุนแลว้ คอื กาไร
กาไร หมายถึง ราคาสินค้าหรอื บริการที่ขายไดเ้ งนิ มากกว่าท่ีซอ้ื มาหรอื มากกว่าต้นทุนท่ลี งไว้
กาไร = ราคาขาย – ต้นทนุ
2. รายรับน้อยกวา่ รายจ่าย ซ่ึงหกั เงนิ คา่ หุ้น เงินก้ทู ใ่ี ช้ในการลงทุนแล้ว คือ ขาดทนุ
ขาดทนุ หมายถึง ราคาสนิ ค้าหรอื บริการทไี่ ดเ้ งนิ นอ้ ยกวา่ ท่ีซ้ือมาหรือนอ้ ยกวา่ ต้นทุนท่ลี งไว้
ขาดทุน= ต้นทุน– ราคาขาย
หนงั สือเรียนวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 87
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอกมลาไสย
ตวั อยา่ งแบบบนั ทึกบญั ชรี ายรบั -รายจ่าย
แบบที่ 1
วัน เดือน ปี รายการ รายรบั รายจ่าย คงเหลือ
แบบที่ 2 รายการ รายรับ รายจา่ ย
วัน เดอื น ปี
รวม
กาไร (ขาดทนุ )
2. การขายและการตลาด
1. ความหมายของการตลาด
การตลาด คือ กระบวนการของการสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการไปยังลูกค้า
การตลาดอาจถูกตีความว่าเป็นศิลปะแห่งการขายสินค้าในบ้างคร้ัง แต่การขายนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ
สว่ นหน่งึ ของการตลาด
การตลาดอาจถกู มองว่าเป็นหน้าท่ีขององคก์ ารค้าและกลุ่มกระบวนการเพื่อการผลติ การสง่
สินค้าและการส่ือสารคุณค่าไปยังลูกค้า และการจัดการความสัมพันธ์ต่อลูกค้า และการจัดการ
ความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ในทางท่ีเป็นประโยชน์แก่องค์การและผู้ถือหุ้น การจัดการตลาดเป็นศิลปะของ
การเลือกตลาดเป้าหมาย ตลอดจนการได้มาและการรักษาลูกค้า ผ่านทางการจัดหาคุณค่าของลูกค้าที่
เหนือกวา่
หนงั สือเรยี นวิชาการทาธุงอสี าน(อช0300514) หน้า 88
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอกมลาไสย
2. ความสาคัญของการตลาด สามารถแบ่งความสาคัญได้ 3 ทาง คอื
1. ความสาคัญตอ่ บุคคล
ต่อบุคลคล หมายถึง บุคคลในหนว่ ยงานต่าง ซึง่ ทางการตลาดจะชว่ ยสร้างอาชพี ใหแ้ กบ่ ุคคล
ในสังคมได้ เช่น ผู้ขาย คนวางแผนการขาย คนคิด โฆษณา นักวิจัยตลาด ผู้ผลิต นักวิจัยการตลาด เป็น
ตน้ เปน็ การสร้างรายไดไ้ ปในตัวใหก้ ับบคุ คล ยังหมายถึงผบู้ ริโภคหรือลกู ค้าได้อกี ดว้ ย เพราะการตลาด
จะช่วยอานวยความสะดวกต่างๆ เช่น ด้านเวลา ด้านสถานท่ี มีการจัดหาสิ่งต่างๆ เพ่ือมาตอบสนอง
ความต้องการของผู้บริโภค ทาให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจและมีความสุขในการได้รับบริการหรือ
บริโภคสินคา้ โดยการตลาดยังสามารถให้ข้อมลู ท่ีมปี ระโยชน์ตอ่ การเลอื กซ้อื สนิ คา้ ได้อกี
2. ความสาคัญตอ่ องค์กรธรุ กจิ
การตลาดสามารถช่วยสร้างรายได้และกาไรให้กับบริษัท ธุรกิจ องค์กร เม่ือเจ้าของกิจการ
ผลิต สินค้าออกมาสู่ตลาดและจาหน่ายจะทาให้เกิดรายได้ย้อนกลับ ทาให้สามารถลงทุนสร้างรายได้
และกาไรเพ่มิ ขึน้ ทาให้เกิดการหมนุ เวยี นไป นอกจากนี้ การตลาดยังทาใหอ้ งคก์ รธุรกิจใหมๆ่ ในรูปแบบ
ท่ีแตกต่างขึ้น เช่น ร้านขายปลีก นายหน้า พ่อค้าคนกลางเพ่ือต่อรองสินค้า การขนส่ง ประกัน และอีก
มากมาย ทาให้เกิดทางเลอื กให้ผปู้ ระกอบอาชพี ให้เลือกสรร และเกิดการขยายตัวในระบบตลาดนัน้ เอง
3. ความสาคัญต่อเศรษฐกจิ และสงั คม
ความสาคัญต่อเศรษฐกิจและสังคม คือทาให้ประเทศมีเศรษฐกิจท่ีเจริญเติบโตมากขึ้น
เนื่องจาก ตลาดทาให้เกิดธุรกิจ เกิดการผลิต การลงทุน เกิดการจ้างงานซึ่งส่งผลต่อรายได้ เกิดการ
กระจายรายได้และทาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นแก่บุคคล โดยไม่มีปัญหาเร่ืองการจ้างงาน ทาให้บุคคลมี
ทรัพย์สินมากขึ้น ส่งผลไปยังการเพิ่มอานาจในการซ้ือของ ยังช่วยยกมาตรฐานระดับค่าครองชีพของ
สังคมใหส้ ูงข้ึน ทาให้ประชาชนมีความเป็นอย่ทู ่ีดีข้นึ ส่งผลยอ้ นกลบั มาทาใหเ้ ศรษฐกิจและสังคมดีขน้ึ
4.สว่ นประสมทางการตลาด
1. ผลิตภณั ฑ์ (Product) เป็นสิ่งทธ่ี รุ กิจนาเสนอขายให้แก่ผ้บู ริโภคหรอื ตลาด เพือ่ ทาให้เกดิ
ความสนใจและต้องการเปน็ เจา้ ของที่จะนามาใชห้ รอื บรโิ ภค เพ่ือสนองความต้องการและความจาเป็นให้
ไดร้ บั ความพงึ พอใจ ดว้ ยผลติ ภัณฑ์จะประกอบดว้ ย รปู แบบ ลักษณะ สีสัน ตราสญั ลกั ษณ์ ชอื่ ยหี่ ้อ การ
ใหบ้ ริการและการรบั ประกนั ซ่งึ ธรุ กิจสามารถพัฒนาปรับปรุงไดเ้ สมอ
2. ราคา (Price) เปน็ มลู ค่าในการแลกเปล่ียนซ้ือขายผลติ ภัณฑ์ และเปน็ สิง่ ที่ผ้บู รโิ ภคใช้
พิจารณาประกอบการตัดสินใจซ้ือ ดังน้ันการต้ังราคาจึงควรให้อยู่บนความเหมาะสมกับตัวผลิตภัณฑ์
ธุรกจิ จงึ ต้องพจิ ารณาถึงการเพ่มิ ข้ึนหรอื ลดลงของราคาผลติ ภัณฑซ์ ง่ึ เป็นส่งิ ทส่ี ามารถควบคุมได้
หนงั สอื เรียนวชิ าการทาธงุ อีสาน(อช0300514) หนา้ 89
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย
3. การจัดจาหน่าย (Place) เป็นโครงสร้างของช่องทางการจาหน่าย (Channel of
Distribution) ท่ีประกอบดว้ ยสถาบนั และกิจกรรมตา่ งๆ ทจี่ ะนาผลติ ภัณฑ์ออกส่ตู ลาดเป้าหมาย ซง่ึ ถือ
ว่าเป็นกิจกรรมท่ีช่วยในการเคล่ือนที่ย้ายกระจายตัวผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภค ธุรกิจสามารถ
เลือกสถานทหี่ รอื ช่องทางกาจาหน่ายใหเ้ หมาะสมกับกล่มุ เป้าหมายได้
4. การส่งเสริมการตลาด (Promotion) เป็นกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยในการจัดจาหน่าย
ผลิตภัณฑ์และเป็นการแจ้งให้กับผู้บริโภคทราบว่ามีผลิตภัณฑ์ออกจาหน่ายในตลาด นอกจากน้ีการ
ส่งเสริมการตลาดยังทาหน้าท่ีศึกษาวิจัยกระบวนการติดต่อสื่อสารให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
ผู้ผลิตกับผู้บริโภค เพ่ือนาไปใช้ในการชักชวนผู้บรโิ ภคให้ซ้ือผลิตภัณฑ์ หรือเพ่ือเตือนความทรงจาให้แก่
ผูบ้ ริโภค โดยอาศยั เครื่องมือต่างๆ ไดแ้ ก่ การโฆษณา การประชาสมั พนั ธ์ การสง่ เสริมการขาย และการ
ขายโดยใช้พนักงานขาย
5. การตลาดกับการขาย โดยทว่ั ไปผคู้ นมกั เข้าใจผิดวา่ การตลาดก็คือการขาย การขายก็คอื
การตลาด ซ่ึงเป็นความเข้าใจผิด ท้ังน้ีเนื่องจากการขายเป็นเพียงกิจกรรมหน่ึงของการตลาด หาก
พิจารณา
ความเหมายของการตลาดซ่งึ ประกอบดว้ ยเครือ่ งมือทางการตลาด 4 ประการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา
ช่องทางการจาหน่าย การสง่ เสริมการตลาด
6. ข้อแตกตา่ งระหวา่ งการตลาดกบั การขาย
การตลาด คือ กระบวนการในการ
1. รวบรวมข้อมูล
2. วิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม SWOT
3. กาหนดกลุม่ เปา้ หมาย
4. วางแผนหาแนวทางในการสร้าง สื่อ และส่งมอบคุณค่าท่ีสามารถตอบสนองความ
ต้องการ ดกี ว่าคู่แข่ง ในสายตาของกุลม่ เปา้ หมายและระยะยาว
5. ดาเนินการประสานภายในองค์กรให้รู้ เข้าใจ และทางานร่วมกัน ในการสร้าง สื่อ
และส่งมอบคุณคา่ น้นั
6. ให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่าคู่แข่ง ท้ังในระยะสนั้
และระยะยาว
การขาย คือเคร่ืองมือหน่ึงของการตลาด ในการสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ไปยังลูกค้า และ
ผู้บรโิ ภค โดยการทาให้ 1.ร้จู ัก 2. ชอบ 3. ทดลองซอ้ื 4. ซื้อซ้า 5. ซือ้ เพมิ่
หนงั สอื เรยี นวชิ าการทาธงุ อสี าน(อช0300514) หนา้ 90
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอกมลาไสย