46
16. เล่นเกมรูปแบบ สนุกกบรูปแบบโดยให้ลูกเรียง มะกะโรนีแห้ง ลูกปัดคละขนาด ซีเรียล
ั
ชนิดต่างๆ หรือกระดาษชิ้นเล็กๆเป็นรูปแบบหรือลวดลายต่างๆ กิจกรรมนี้ต้องดูแลลูกอย่าง
ื่
ระมัดระวังเพอป้องกันการสำลัก และเก็บของเมื่อเลิกเล่น
17. เรียนรู้จากการช่วยงานบ้าน เช่น ซักผ้าให้สนุกโดยเมื่อแยกเสื้อผ้าเตรียมซัก ขอให้ลูกแยก
เสื้อกับถุงเท้าคนละกอง ถามลูกน้อยว่ากองไหนใหญ่กว่าเป็นการฝึกการคาดคะเน แล้วให้เขานับจำ
นวนเสื้อ เล่นจับคู่ถุงเท้ากัน
18. สนามเด็กเล่น ขณะที่ลูกเล่น ทำการเปรียบเทียบโดยใช้ความสูง (สูง -ตํ่า)ตำแหน่ง (บน-
ล่าง) หรือขนาด (ใหญ่-เล็ก)
19. การแต่งกาย ให้ลูกเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันนี้ ถามลูกว่า ใส่เสื้อสีอะไร? เช่น สีเหลือง
จากนั้นให้ลูกหาของบางอย่างที่มีสีเหลืองในห้อง เมื่อลูกอายุใกล้สามขวบหรือมากกว่า สังเกตรูปแบบ
บนเสื้อของลูกเช่นแถบสีหรือภาพแล้วบอกลูกว่าบนเสื้อของเขามีแถบสีแดง นํ้าเงิน หรือว่าเสื้อหนูมีรูป
ม้าหลายตัวม้าตัวใหญ่อยู่ถัดจากม้าตัวเล็ก
20. เกมส์สร้างกราฟ เมื่อลูกอายุใกล้สามขวบหรือมากกว่า ทำแผ่นภาพให้ลูกสามารถติด
สติ๊กเกอร์ไว้แต่ละครั้งที่มีฝนตก หรือแดดออก เมื่อถึงสุดสัปดาห์คาดคะเนด้วยกันว่าแถวไหนมี
สติ๊กเกอร์มากกว่าและตามด้วยการนับเพื่อให้มั่นใจ
สรุปได้ว่า กิจกรรมในการจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย นั้นสามารถ
ส่งเสริมได้ทุกที่ทุกเวลาในชีวิตประจำวันของเด็ก อาศัยสื่อของจริง สถานการณ์จริงรอบตัว หรือสื่อ
อุปกรณ์ที่จัดเตรียมขึ้น โดยสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เช่น จำนวน สี การจับคู่ การ
ื่
เรียงลำดับ ขนาดเล็ก-ใหญ่ เพอให้เด็กเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
สื่อในการจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย
กิจกรรมการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัยต้องได้รับการวางแผน ที่มีลำดับขั้น
จากง่ายไปยาก เพิ่มจากหยาบไปละเอียด เพิ่มจากวัตถุไปสัญลักษณ์เป็นลำดับต่อเนื่อง การเข้าใจ
คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวกับตัวเลขเด็กจะพัฒนาเป็นขั้นตอน เช่นเดียวกับการเจริญเติบโตของร่างกาย โดย
เริ่มจากคณิตศาสตร์พื้นฐานง่ายๆ ไปสู่กระบวนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่สูงขึ้น (Mayesky , 1988)
การวางแผนกิจกรรมการเรียนรู้ นอกจากเป็นการเรียนการสอนตามปกติแล้ว ในการเล่นตามมุม ครู
47
ิ
ควรต้องจัดแผนการเรียนรู้ให้เด็กด้วย เช่นการเล่นในมุมคณตศาสตร์และการเล่นสมมติ ด้วยการ
เรียนรู้จากของจริง ในการสอนครูต้องหาอุปกรณ์เป็นของจริงให้มากที่สุดซึ่งในการสอนต้องเกิด
รูปธรรมไปสู่นามธรรม (กุลยา ตันติผลาชีวะ, 2551 อ้างใน นุจิรา เหล็กกล้า, 2561) ดังนี้
(1) ใช้ของจริง เช่น ใช้ผลไม้ ดินสอ สำหรับให้เด็กนับ เปรียบเทียบ
(2) ใช้รูปภาพแทนของจริง ในกรณีทไม่มของจริง
ี่
ี
(3) ใช้กึ่งรูปภาพ ได้แก่ สมมติเครื่องหมายแทนภาพ หรือจำนวนให้เด็กคิด
(4) ขั้นนามธรรม เป็นขั้นของการใช้ตัวเลข และการใช้เครื่องหมาย
ภิญญาพัชญ์ กาวินคำ (2555) การใช้สื่อที่มีสีสวยสะดุดตามีภาพการ์ตูนที่เด็กคุ้นเคย จะช่วย
เสริมให้สื่อเตรียมความพร้อมน่าสนใจ กระตุ้นให้เด็กปฐมวัยใช้ความคิดและที่สำคัญในการสร้างสื่อ
เตรียมความพร้อม ครูต้องสามารถวิเคราะห์สังเคราะห์ได้ว่าควรจะใช้สื่อเตรียมความพร้อมชนิดใด ใช้
กิจกรรมแบบใด ใช้สื่อเตรียมความพร้อมเป็นลำดับขั้นตอนอย่างไร ที่จะส่งเสริมทักษะพนฐานทาง
ื้
คณิตศาสตร์ให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน
จินตนา ใบกาซูยี (2535) ได้กล่าวถึงแบบฝึกว่า แบบฝึกหรือแบบฝึกหัดเป็นสื่อการเรียน
สำหรับให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ เพื่อช่วยเสริมให้เกิดทักษะและความแตกฉานในบทเรียน
ทองแดง ฉิมมาลี (2550) กล่าวว่าแบบฝึกเป็นนวัตกรรมส่วนหนึ่งที่ครูสร้างขึ้นเพอให้เด็กได้
ื่
ทำหลังจากการเรียนการสอนเสร็จสิ้นลงแล้ว เป็นการช่วยให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจความชำนาญ
และเกิดความคงทนในการเรียนรู้ ถือเป็นสื่อที่มีความสำคัญยิ่งในการเรียนการสอน
สรุปได้ว่า สื่อเป็นตัวกลางสำคัญที่ทำให้ผู้เรียนเข้าใจนามธรรมของคณิตศาสตร์ เป็นวัสดุ
อุปกรณ์ที่ช่วยเสริมการเรียนรู้หรือการสอนของครูเกิดประสิทธิผล ช่วยให้ผู้เรียนสนใจในบทเรียน
เข้าใจบทเรียนง่ายขึ้น เร็วขึ้น และจดจำแม่นยำ โดยสื่อที่นำมาใช้ในการจัดประสบการณ์ทาง
คณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย ต้องเริ่มจากการใช้ของจริง ใช้รูปภาพ สัญลักษณ์ ตามลำดับของความ
ยากไปง่าย มีสีสันสวยสะดุดตา มีภาพการ์ตูนที่เด็กคุ้นเคย จะช่วยเสริมให้สื่อน่าสนใจ กระตุ้นให้เด็ก
เรียนรู้ รวมถึงแบบฝึกหัดที่เหมาะสมกับช่วงวัย เพื่อให้เด็กได้ทำหลังจากการเรียนการสอนเสร็จสิ้นลง
แล้ว เป็นการช่วยให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจความชำนาญและเกดความคงทนในการเรียนรู้
ิ
48
ั
การประเมินในการจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวย
การวัดและประเมินผลในการจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย หรือการ
ประเมินพัฒนาการ เป็นการวัดความสามารถในการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ของเด็ก ซึ่งสามารถวัดได้
หลายวิธี ดังมีผู้กล่าวไว้ดังนี้
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์ (2553) กล่าวว่า แบบทดสอบมาตรฐานที่เป็นของต่างประเทศ ส่วน
ที่นำมาใช้ในประเทศไทยกับเด็กปฐมวัย ส่วนใหญ่เป็นการแปลจากแบบทดสอบของต่างประเทศ ซึ่งใน
การสร้างแบบทดสอบมาตรฐานนั้น ควรประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีความชำนาญอาทิ นักวัดผล
นักจิตวิทยา นักการศึกษาต่อไปนี้กล่าวถึง ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบมาตรฐานสำหรับเด็กปฐมวัย
1) การสร้างแบบทดสอบ ควรสร้างครอบคลุมจุดหมายของการจัดประสบการณ์ในระดับเด็ก
ปฐมวัยเหมาะกับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมไทยทั้งประเทศ ควรกำหนดประชากรของจุดประสงค์
และกรอบแนวการจัดประสบการณ์ สุ่มตัวอย่างให้เป็นตัวแทนของประชากรนั้น รวมทั้ง สำรวจ
ื
รวบรวมบันทึกการสอนแผนการสอน คู่มอ หลักสูตร ตลอดจนข้อคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ
สาขาวิชารวมทั้งนักวัดผลนั้น
2) ศึกษาลักษณะสำคัญของแบบทดสอบมาตรฐาน ซึ่งควรประกอบด้วยลักษณะดังนี้
(1) มีจุดประสงค์ชี้วัดอย่างเด่นชัด
(2) การสร้างต้องอาศัยเทคนิคและวิธีการจากผู้เชี่ยวชาญในการเขียน การตรวจสอบ
และการพิมพ ์
้
(3) ข้อสอบแต่ละขอต้องผ่านการทดลองและวิเคราะห์คุณภาพรายข้อ และนำมา
ปรับปรุงหลายครั้งก่อนที่จะเป็นฉบับรวม
(4) นำมาวัดและประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนได้
(5) ต้องใช้เวลามากในการสร้างข้อสอบหลังจากที่วางแผนและสร้างตารางวิเคราะห์
หลักสูตรแล้วต้องเขียนข้อสอบ แก้ไขปรับปรุง จัดพิมพ์ และนำไปทดลองใช้ และวิเคราะห์รายหัวอีก
ครั้งจนมั่นมั่นใจในคุณภาพทั้งฉบับทั้งความเที่ยวตรง และความเชื่อมั่นสร้างคะแนน
49
แนวทางการสร้างแบบทดสอบโดยครูสำหรับเด็กปฐมวัย
สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์ (2553) กล่าวถึง แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นที่ใช้วัดและประเมิน
นักเรียนทุกระดับชั้นตั้งแต่ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอดมศึกษามมากมายหลายชนิดซึ่งแต่ละ
ุ
ี
ชนิดก็มีจุดมุ่งหมายสามารถในการวัดแตกต่างกัน ดังนั้นในการสร้างแบบทดสอบสำหรับเด็กปฐมวัย
ต้องมีความระวังเด็กนั้นมีพัฒนาการเจริญเติบโตและวุฒิภาวะที่มีความเป็นเฉพาะของวัยแตกต่างกัน
จากอันอื่นจึงต้องระวังว่าเลือกใช้แบบทดสอบให้กับเด็กระดับนี้มีหลักการ ดังนี้
1) การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของแบบทดสอบครูสร้างเอง (teacher test)
แบบทดสอบประเภทนี้ ว่ามีบทบาทในการวัดผลการศึกษาอยู่มาก เพราะเป็นแบบทดสอบสร้างขึ้นเอง
ื่
เพื่อใช้ประเมินผลเฉพาะครั้งๆ ต่อไป เช่น การสอบย่อยเพื่อปรับปรุงการสอนและรวบรวมเพอตัดสิน
ความสามารถของเด็ก สำหรับแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นนี้สำหรับเด็กปฐมวัยควรมีความรู้ทางด้านการ
ี่
ออกแบบทดสอบและการตัดสินผล ไม่ควรตัดสินผลได้ -ตก แต่ควรเป็นการวินิจฉัยช่วยเหลือเด็กทมี
ความบกพร่องบางประการ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วในหัวข้อการจำแนกรูปแบบคำถามและวิธีเขียนตอบ
และตัวอย่างแบบทดสอบย่อย (formative test) เป็นแบบทดสอบระหว่างการเรียนการสอนเพอการ
ื่
ปรับปรุงการเรียนการสอน โดยแบบทดสอบมุ่งตรวจสอบจุดมุ่งหมายของแต่ละเนื้อหาในแต่ละเรื่อง
เมื่อการเรียนเรื่องนั้นๆ สิ้นสุดลงและแบบประเมินผล (summative test) เป็นแบบทดสอบที่นิยมใช้
สอบปลายภาคเรียนเพื่อประเมินผลโดยสรุปการเรียน แบบทดสอบลักษณะนี้จึงมุ่งวัดความครอบคลุม
ในเนื้อหาพฤติกรรมและจุดมุ่งหมาย
2) ในการสร้างควรศึกษาลักษณะสำคัญ โดยทั่วๆ ไปของแบบทดสอบชนิดครูสร้างด้วย
ลักษณะอย่างไร ซึ่งลักษณะสำคัญของแบบทดสอบสำหรับเด็กปฐมวัย ดังนี้
(1) ข้อสอบที่ครูสร้างขึ้นต้องกำหนดจุดประสงค์และเนื้อหาเฉพาะเจาะจงตรงกับ
จุดประสงค์ที่ได้รับตามชั้นหรือโรงเรียนที่ครูใช้เท่านั้น
(2) สามารถเขียนข้อสอบ มีภาพที่ชัดเจน คำสั่ง คำถาม ครอบคลุมทุกสมรรถภาพ
และทักษะในแต่ละหัวข้อ และเขียนได้มากขอ
้
(3) การสร้างครูผู้สอนควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือนักวัดผล
้
(4) ข้อสอบแต่ละขอต้องผ่านการทดลองวิเคราะห์คุณภาพรายข้อและนำมาปรับปรุง
ก่อนที่จะรวมเป็นฉบับ
50
(5) ตรวจสอบคุณภาพทงฉบับ เพื่อต้องการความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นสูง
ั้
ิ
(6) ขอบเขตการใช้จะใช้อ้างองเฉพาะกลุ่มนักเรียนในโรงเรียนหรือเฉพาะห้องเรียน
เท่านั้น
(7) สามารถบอกเพียงแต่ว่าเด็กรอบรู้ในหน่วยการสอนนั้นหรือไม่
ี
(8) ใช้หลักเบื้องต้นที่จะจำแนกความสามารถของนักเรียนว่าเด็กมความสามารถด้าน
สติปัญญา ด้านความรู้สึก และด้านทักษะระดับไหน ต้องปรับหรือไม่อย่างไร
3) ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบมีดังนี้ กำหนดจุดมุ่งหมาย เขียนข้อสอบ รวบรวมข้อสอบ
ดำเนินการสอบนักเรียน
4) ในการดำเนินการสอบนั้น ครูผู้สอนต้องกำหนดวิธีให้เหมาะสมกับแบบทดสอบที่ออกซง
ึ่
วิธีการดำเนินการสอบมีหลายวิธี คือ
(1) แบบทดสอบชนิดดำเนินการสอบเร่งรีบ (speed test) ได้แก่ แบบจำกัดเวลา
แบบจำกัดงาน แบบนี้จะกำหนดงานจำนวนหนึ่งให้ทำการให้คะแนนก็จะดูว่าใครทำงานเสร็จอย่างมี
คุณภาพและรวดเร็วกว่ากัน
(2) แบบทดสอบรายบุคคล (individual test) เป็นการสอบที่กระทำได้ทีละคนเช่น
การสอบปากเปล่า (oral test หรือสัมภาษณ์ เป็นแบบที่เหมาะกับการใช้กับเด็กปฐมวัย
(3) แบบทดสอบแบบกลุ่ม (grouped test) เป็นการสอบที่กระทำพร้อมกันไปได้ที
ื่
ละมากๆ คน แต่สำหรับเด็กปฐมวัยไม่ควรเป็นกลุ่มมาก ควรจัดเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 3-5 คนเพอที่
ครูจะได้ดูแลและแนะนำได้ทั่วถึง
บทบาทครูในการส่งเสริมความเข้าใจทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย
นุจิรา เหล็กกล้า (2561) กล่าวว่า บทบาทของครูมีความสำคัญในการเตรียมความพร้อม
ทางด้านคณิตศาสตร์ เป็นการปูพื้นฐานที่ดีให้เด็กได้พัฒนาความคิดในการแก้ปัญหา การสืบสวน และ
มีความสามารถในการคิดคำนวณ เป็นการปลูกฝังทัศนคตที่ดีต่อการเรียนคณิตศาสตร์เมื่อเติบโตขึ้นถ้า
ิ
ู
ได้รับการปูพื้นฐานอย่างถกวิธี
51
สุรีพร ทะนาไธสง (2560) กล่าวว่า บทบาทของครูในการจัดประสบการณ์ด้านคณิตศาสตร์
คือ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกระตุ้นความคิดของเด็กช่วยให้เด็กมีพื้นฐานความรู้ทางด้าน
คณิตศาสตร์ สังเกตเด็กและเข้าไปพูดคุยกับเด็กหรือให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
Clements (2001) กล่าวว่า บทบาทของครูในการจัดประสบการณ์ด้านคณิตศาสตร์ คือ การ
จัดการเรียนการสอนของครูที่มีคุณภาพ ควรจะเป็นปัจจุบันกับเหตุการณ์และไม่เป็นทางการแต่ไม่ได้
หมายความว่าจะไม่มีการวางแผนหรือไม่มีระบบ บทบาทของครูในการจัดประสบการณด้าน
์
คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยครูจะต้องมีความรับผิดชอบสูงควรมีการวางแผนการจัดสิ่งแวดล้อม
แห่งการเรียนรู้ให้กับเด็กซึ่งจะทำให้เด็กแสวงหาคำตอบการจัดกิจกรรมเหล่านี้เป็นการวางพื้นฐาน
ความคิดรวบยอดคณิตศาสตร์สำหรับเด็กอนุบาล โดยบทบาทของครูที่สำคัญควรปฏิบัติดังนี้
1. ครูควรช่วยให้เด็กมีพื้นฐานความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ สังเกตเด็กและเข้าไปพูดคุยกับเด็ก
หรือให้ความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น แต่ต้องพิจารณาว่าเวลาใดที่จะจำเป็นในการเข้าแทรกกิจกรรม
2. ครูควรมียุทธศาสตร์ในการถามให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ซึ่งการใช้
ั้
คำถามของครูมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กทงในทางบวกหรือทางลบ
3. หากพบว่าเด็กมีการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น ครูควรสังเกตและจดบันทึกคำพูดหรือพฤติกรรมที่
เด็กแสดงออกมา
4. หากพบว่าความคิดทางด้านคณิตศาสตร์ของเด็กหยุดชะงัก เด็กไม่ทำกิจกรรมต่อครูควร
ู
เข้าไปมีบทบาทด้วยการพดคุยหรือแนะนำทำให้เด็กเกดความเข้าใจซึ่งจะส่งผลต่อเจตคติที่ดีต่อ
ิ
คณิตศาสตร์
้
5. หากมีขอโต้แย้งกันระหว่างการทำกิจกรรมของเด็ก 2 กลุ่ม ครูต้องบอกถึงความสำคัญของ
ทั้ง 2 เหตุผลโดยให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วจึงให้เด็กตัดสินใจเลือกคำตอบที่
6. ครูจะต้องศึกษาและคิดหากิจกรรมที่น่าสนใจ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ถูกต้อง
สรุปได้ว่า บทบาทครูในการส่งเสริมความเข้าใจทางคณิตศาสตร์สําหรับเด็กปฐมวัย คือ การ
ิ
ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กเกิดทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานทางคณตศาสตร์ ซึ่งครู
สามารถส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้จากการจัดเตรียมสื่อ สภาพแวดล้อม กิจกรรมที่มีเนื้อหาทาง
คณิตศาสตร์ รวมถึงการใช้คำถามที่กระตุ้นให้เด็กได้คิดเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ตลอดจนสังเกตและจด
52
บันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย เพื่อสังเกตพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก
ั
และหาแนวทางส่งเสริมและพฒนาเกี่ยวกับความเข้าใจทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็กได้
ั
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวย
งานวิจัยต่างประเทศ
Hong (1996) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ และความสนใจทางคณิตศาสตร์
ของนักเรียนโดยทำการศึกษาเด็กอนุบาล 57 คน โดยกลุ่มทดลองได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับ
หนังสือสำหรับเด็กที่อ่านและมีช่วงเวลาในการอภิปราย และในช่วงเล่นอิสระได้เล่นกับสื่อวัสดุทาง
คณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้ในหนังสือสำหรับเด็ก ส่วนกลุ่มควบคุมได้อ่านหนังสือสำหรับ
เด็ก และเล่นกับสื่อวัสดุทางคณิตศาสตร์ที่ไม่สัมพันธ์กับสาระการเรียนรู้ในหนังสือสำหรับเด็ก ผลการ
ทดลองพบว่า เด็กกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมมีผลสัมฤทธิ์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยที่
กลุ่มทดลองมีผลสัมฤทธิ์สูงกว่ากลุ่มควบคุมในด้านการจำแนก การรวมกันของจำนวนเรื่องของรูป
เรขาคณิต และกลุ่มทดลองชอบเข้ามุมคณิตศาสตร์เลือกทำงานด้านคณิตศาสตร์ และใช้เวลาในการ
ทำกิจกรรมในมุมคณิตศาสตร์มากกว่ากลุ่มควบคุม
Baroody (2000) ศึกษาการเรียนการสอน เกี่ยวกับจำนวน และทักษะพื้นฐานทาง
คณิตศาสตร์สำหรับเด็กวัย 3 - 5 ปี มีความสามารถที่จะเรียนรู้คณิตศาสตร์ในเรื่องการเท่ากัน การ
เพิ่มและการลดความสัมพันธ์ของส่วนย่อยและส่วนใหญ่ การลดและการเพิ่มของเศษส่วนซึ่งจะเป็น
ประโยชน์และแนวทางการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมต่อไป
Kline (2000) ศึกษาความคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กวัย
อนุบาล โดยสัมภาษณ์ครูผู้สอนอนุบาล พบว่านอกจากการที่ครูจะมีส่วนในการจัดเตรียมกิจกรรมการ
สอนคณิตศาสตร์แล้วนั้น ผู้ปกครองยังมีส่วนอย่างมากในการให้การสนับสนุนให้เวลาในการทำ
กิจกรรมคณิตศาสตร์ร่วมกับเด็กและนอกจากนี้ครูผู้สอนควรมีการสนับสนุนและแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์ในการสอนคณิตศาสตร์สำหรับเด็กวัยอนุบาลซึ่งกันและกัน
53
งานวิจัยในประเทศ
ประจักษ์ เอนกฤทธิ์มงคล (2560) ศึกษาพัฒนาความสามารถการคิดวิเคราะห์พื้นฐานทาง
คณิตศาสตร์ของเด็กระดับปฐมวัยโดยใช้ชุดกิจกรรม ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้โดยใช้ชุด
กิจกรรมการคิดวิเคราะห์พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ศึกษาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมพัฒนา
ความสามารถการคิดวิเคราะห์พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย พบว่าการพัฒนาความสามารถ
การคิดวิเคราะห์พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กระดับปฐมวัย ภาพรวมจากการใช้แบบฝึกชุดกิจกรรม
ทั้ง 5 ชุด มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 80และมีนักเรียน
ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 20 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การคิดวิเคราะห์พื้นฐานทาง
คณิตศาสตร์ มีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 จำนวน 1 5 คน คิดเป็นร้อยละ 100 3) ชุด
กิจกรรมมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80คือ 83.20/100
นุจรี เหล็กกล้า (2561) การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทาง
คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 2 ก่อนและหลังการใช้เกมการศึกษา และศึกษาความพึงพอใจของ
เด็กปฐมวัยชั้นปีที่ 2 ที่มีต่อการพัฒนาทักษะพื้นฐานทงคณิตศาสตร์โดยใช้เกมการศึกษา พบว่า
ความสามารถด้านทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังการจัดประสบการณ์โดยใช้เกม
การศึกษาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความพึงพอใจของเด็กปฐมวัยที่มีต่อการพัฒนา
ทักษะพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์โดยใช้เกมการศึกษา ภาพรวมความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก โดยมี
คะแนนเฉลี่ยรวมทุกด้านเท่ากบ 2.97
ั
สุรีกร ทะนาไธสง (2560) ศึกษาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและพฤติกรรม
ทางสังคมของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้าง
ความรู้ด้วยตนเอง เปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและพฤติกรรมทางสังคม
ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฏีการสร้างความรู้
ด้วยตนเอง พบว่าทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวน ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 จากการ
จัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง พบว่า ก่อนการจัดประสบการณ์มี
คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.00 คิดเป็นร้อยละ 45.38 หลังการจัดประสบการณ์มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
ิ
17.00 คิดเป็นร้อยละ 85.00 และมีความก้าวหน้าเฉลี่ยเท่ากับ 8.00 หรือคดเป็น ร้อยละ 40.0
พฤติกรรมทางสังคม ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 จากการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฎีการ
สร้างความรู้ด้วยตนเอง พบว่า ก่อนการจัดประสบการณ์มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 12.54 คิดเป็นร้อยละ
52.24 หลังการจัดประสบการณ์ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 22.85 คิดเป็นร้อยละ 95.19 และม ี
54
ความก้าวหน้าเฉลี่ยเท่ากับ 10.31 หรือคิดเป็นร้อยละ 42.95 ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวน ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 หลังการจัดประสบการณ์ สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์การ
เรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง พฤติกรรมทางสังคม ของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 หลัง
การจัดประสบการณ์ สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วย
ตนเอง
กรอบแนวคิดการวิจัย
ิ
การพัฒนาความเข้าใจทางคณตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยโดยใช้
วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัล ผู้วิจัยได้วางกรอบแนวคิดในการวิจัยดังนี้
ั
Tomlinson and Lynch-Brown (1996) กล่าวว่า การพฒนาการสอนโดยใช้วรรณกรรม
แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นมีประสบการณกับวรรณกรรม เป็นขั้นที่เปีดโอกาสให้เด็กได้
์
สนุกสนาน ตื่นเต้นและเกิดความทำทายในการคิดจากวรรณกรรมที่เด็กได้สัมผัส ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบ
การอ่านให้เด็กฟังและ 2) ขั้นตอบสนองต่อวรรณกรรม หลังจากเด็กได้ฟังเรื่องแล้วครูควรเปิดโอกาส
ให้เด็กได้มีการตอบสนอง และแสดงความรู้สึกที่ดีต่อวรรณกรรมที่เด็กได้ฟังผ่านกิจกรรมต่างๆ ได้แก่
การตอบปากเปล่า การอภิปรายการใช้คำถามของครู การเขียนละคร การให้เด็กเล่าเรื่องใหม่ ศิลปะ
งานฝีมือ การทำหนังสือเล่มเล็ก และเล่มใหญ่ของเด็ก การทำแผนที่ เส้นเวลา และแผนภาพ
Office of Educational Technology (2017) กล่าวว่า หลักการและแนวการใช้เทคโนโลยี
สำหรับเด็กปฐมวัย มีดังนี้
(1) เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้
ึ
ครูปฐมวัยควรคำนึงถงระดับพัฒนาการของเด็ก เมื่อใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก
ปฐมวัย ควรพิจารณาว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างไร จัดกิจกรรมการ
เรียนรู้แบบบูรณาการเทคโนโลยีและใช้ร่วมกับเครื่องมือการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สื่อศิลปะ สื่อการเขียน
สื่อการเล่น และหนังสือ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงออกและได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน
(2) ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้สำหรับเด็กทุกคน
แบบอย่างการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ง่ายขึ้น เช่น
เทคโนโลยีสามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้วัฒนธรรมและสถานที่อื่น ๆ ได้ แม้ว่าเด็กๆ จะสามารถเข้าถึงสิ่ง
55
เหล่านี้จากห้องสมุดได้ก็ตาม แต่เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ทันทีและสามารถค้นหาข้อคำถามต่าง ๆ
ง่ายมากขึ้นได้
(3) ใช้เทคโนโลยีเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ ครอบครัว ครู และเด็ก
ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านกับโรงเรียน เทคโนโลยีสามารถใช้เพื่อเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างครูปฐมวัยและสมาชิกในครอบครัว ตัวอย่างเช่น แฟ้มสะสมผลงานดิจิทัลผ่าน
รูปภาพ บันทึกเสียง บันทึกวิดีโอ ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครองติดตามความกาวหน้าของเด็ก ผู้ปกครองมีส่วน
้
ร่วมในการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับเด็ก จากการใช้อีเมล ข้อความ และโซเซียลมีเดีย
เทคโนโลยีช่วยให้การสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครองง่ายขึ้น รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเด็กเอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2560) ระบุว่า การเรียนรู้คณิตศาสตร์
ระดับปฐมวัย มุ่งหวังให้เด็กทกคนได้มีความเข้าใจและให้การปลูกฝังความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ อัน
ุ
เป็นพื้นฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในชั้นประถมศึกษา โดยกำหนดสาระหลักที่จำเป็นสำหรับเด็ก คือ
จำนวนและการดำเนินการ การวัด เรขาคณิต พีชคณิต การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น ทักษะ
ิ
และกระบวนการทางคณตศาสตร์
ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้วิจัยศึกษาเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน
ั
ร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อพฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัย เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการด้าน การนับปาก
เปล่า การเปรียบเทียบ การเรียงลำดับ การรวมกลุ่ม และการแยกกลุ่ม ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญ
ในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในระดับชั้นต่อไป และเพอส่งเสริมให้เด็กเกิดความคิดรวบยอด มีเหตุผล
ื่
วิเคราะห์ปัญหา แก้ปัญหา ตลอดจนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันบนโลกศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเหมาะสม
ดังภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
56
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
การจัดประสบการณ์โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ร่วมกับสื่อดิจิทัล หมายถึง การจัดกิจกรรมโดย ดำเนินการของเด็กปฐมวัย (สถาบันส่งเสริมการสอน
ใช้นิทานสำหรับเด็กทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรองที่เด็ก วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 2560) กล่าวว่า
ได้ฟังและทำกิจกรรมด้วยตนเองจากสมาร์ทโฟน ประกอบด้วย
แทปเลต คอมพิวเตอร์ ผ่านเว็บไซต์
1. การนับปากเปล่า
Lifeworksheet และ Wordwall ที่มีภาพ เสียง
2. การนับอย่างรู้ค่าจำนวน
ข้อความและกราฟฟิกเชื่อมโยงเนื้อหาหรือ 3. การเปรียบเทียบจำนวน
เหตุการณ์ในนิทาน เพื่อส่งเสริมความเข้าใจทาง
4. การเรียงลำดับ
คณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของ
5. การรวมกลุ่ม
เด็กปฐมวัย (Tomlinson and Lynch-Brown, 6. การแยกกลุ่ม
1996) ; (Office of Educational
Technology, 2017) โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
2. ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้
คณิตศาสตร์
3. ขั้นสร้างความเขาใจทางคณิตศาสตร์
้
ผ่านวรรณกรรม
4. ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่าน
วรรณกรรม
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย
บทที่ 3
วิธีการศึกษา
การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง การพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ื่
ั
ดำเนินการของเด็กปฐมวัย โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกบสื่อดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพอ
เปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยก่อนและหลัง
ได้รับการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล โดยผู้ศึกษาได้ดำเนินการศึกษา ดังนี้
1. กลุ่มเป้าหมายและการเลือกกลุ่มเป้าหมาย
2. การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในศึกษา
้
3. การเก็บรวบรวมขอมูล
4. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
กลุ่มเป้าหมายและการเลือกกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เด็กชาย – หญิง อายุระหว่าง 5-6 ปี ที่กำลังศึกษา
อยู่ระดับชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนชุมชนบึงบา จังหวัดปทุมธานี
จำนวน 30 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง
ื
การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมอที่ใช้ในศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย
58
1.แผนการจัดประสบการณ์การโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัลซึ่งเป็น
แผนการจัดประสบการณ์ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น จำนวน 24 แผน
2.แบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยที่ผู้
ศึกษาสร้างขึ้น มีจำนวน 6 ตอน
การสร้างแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัล
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ใช้แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งผู้ศึกษาได้สร้างและ
พัฒนาขึ้นโดย มีขั้นตอนในการสร้างและพัฒนา ดังนี้
1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการจัดทำแผนการประสบการณ์โดยใช้
วรรณกรรมเป็นฐาน เพอวิเคราะห์เนื้อหา และกำหนดขอบข่ายในการนำเสนอเนื้อหาจาก
ื่
Tomlinson and Lynch-Brown (1996)
2. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้สื่อดิจิทัลสำหรับเด็กปฐมวัยเพอวิเคราะห์
ื่
เนื้อหา และกำหนดขอบข่ายในการนำเสนอเนื้อหาจาก Office of Educational Technology
(2017) หลักการและแนวการเลือกใช้เทคโนโลยีสำหรับเด็กปฐมวัย ดังนี้
(1) เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ ควรคำนึงถึงระดับพัฒนาการของเด็ก
เมื่อใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย จัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการเทคโนโลยี
และใช้ร่วมกับเครื่องมือการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สื่อศิลปะ สื่อการเขียน สื่อการเล่น และหนังสือ รวมทั้ง
ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงออกและได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน
ิ่
ื่
ุ
(2) ใช้เทคโนโลยีเพอเพมโอกาสในการเรียนรู้สำหรับเด็กทกคน แบบอย่างการใช้
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมจะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงได้ทันทีและสามารถ
ค้นหาข้อคำถามต่างๆ ง่ายมากขึ้นได้
(3) ใช้เทคโนโลยีเพอกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ ครอบครัว ครู และเด็ก
ื่
เทคโนโลยีสามารถใช้เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูปฐมวัยและสมาชิกในครอบครัว
ตัวอย่างเช่น แฟมสะสมผลงานดิจิทัลผ่านรูปภาพ บันทึกเสียง บันทึกวิดีโอ ซึ่งช่วยให้ผู้ปกครอง
้
59
ติดตามความก้าวหน้าของเด็ก ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ให้กับเด็ก จาก
การใช้อีเมล ข้อความ และโซเซียลมีเดีย เทคโนโลยีช่วยให้การสื่อสารระหว่างครูและผู้ปกครองง่ายขึ้น
รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเด็กเอง
(4) เทคโนโลยีมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเด็กได้ตอบโต้มีปฏิสัมพันธ์ เด็กที่ใช้สื่อ
มัลติมีเดียเกิดการเรียนรู้เมื่อผู้ปกครองและเด็กมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันเพราะเป็นการกระตุ้นให้เด็กสร้าง
การเชื่อมต่อในโลกแห่งความเป็นจริง
3. ศึกษาคมือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 เพื่อมาเป็นแนวทางในการเขียน
ู่
แผนการจัดประสบการณ ์
4. กำหนดเกณฑ์ในการคัดเลือกวรรณกรรมเพอจัดกิจกรรมการพัฒนาความเข้าใจทาง
ื่
คณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
มีเกณฑ์การเลือกวรรณกรรม ( Fisher and Terry, 1990) ดังนี้
(1) คำนึงถึงวัย พัฒนาการ และความสนใจของเด็กเป็นสำคัญ เพราะจะช่วยให้เด็ก
เกิดความสนใจในวรรณกรรมมากยิ่งขึ้น
(2) วรรณกรรมที่นำมาใช้กับเด็กควรมีเนื้อหาที่สั้นกระชับ มีคำคล้องจอง
(3) มีเนื้อหา แนวคิดที่ส่งเสริมทางคณิตศาสตร์ที่กำหนด
(4) มีรูปภาพสีสันสดใสเพื่อดึงดูดความสนใจของเด็ก
(5) ควรมีความหลากหลาย และสมดุลทั้งด้านวัฒนธรรม เพศ จริยธรรม
5. ออกแบบและสร้างแผนการจัดประสบการณโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อ
์
ดิจิทัล ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลที่ผู้ศึกษาได้กำหนดไว้ 4 ขั้น
คือ ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ ขั้นสร้าง
ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
จำนวน 24 แผน ดังนี้
60
ตารางที่ 2 ขอบข่ายการจัดกิจกรรมการพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกบสื่อดิจิทัล
ั
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
1 การนับปากเปล่า ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
1-20 ตัวเลขเป็นอะไร On-Site On-Line
การนับปากเปล่า ผู้แต่ง: -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
ถอยหลัง 10-1 ชีวัน วิสาสะ -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-ครูและเด็กเล่นเกม“นับและ - ครูและเด็กเล่นเกม“นับ
หยุด” โดยนั่งเป็นวงกลม และหยุด” โดยคนแรกเริ่ม
-คนแรกเริ่มนับปากเปล่า นับปากเปล่าตั้งแต่ 1 2 3 …
ตั้งแต่ 1 2 3 … และหยุดนับ หยุดนับปากเปล่าที่เลขอะไร
ื่
ปากเปล่าที่เลขอะไรก็ได้คน ก็ได้ และเรียกชื่อเพอนคนที่
ที่นั่งถัดไปทางด้านขวามือ จะให้นับต่อไป
ื่
ให้นับปากเปล่าต่อ และหยุด - เด็กที่เพอนเรียกชื่อ นับ
นับปากเปล่าที่เลขอะไรก็ได้ ปากเปล่าต่อ และหยุดนับ
ทำวนถัดไปเรื่อยๆไปจนถึง ปากเปล่าที่เลขอะไรก็ได้
20 คนที่นับ 20 จะต้องทำ และเรียกชื่อเพอนคนถัดไป
ื่
ท่าทางเลียนแบบสัตว์ตามที่ ทำวนถัดไปเรื่อยๆจนถึง 20
เพื่อนบอก คนที่นับ 20 จะต้องทำ
ท่าทางเลียนแบบสัตว์ตามที่
เพื่อนบอก
61
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
* การนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ทำแบบเดียวกัน
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
- เด็กทำกิจกรรมจากสื่อ - เด็กทำกิจกรรมจากสื่อ
ดิจิทัล Lifeworksheet:เติม ดิจิทัล Lifeworksheet:เติม
ตัวเลขต่อไปให้ถูกต้อง โดยมี ตัวเลขต่อไปให้ถูกต้อง โดยมี
ครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
เว็บไซต์ Lifeworksheet เว็บไซต์ Lifeworksheet
และสรุปเนื้อหานิทานที่ และสรุปเนื้อหานิทานที่
เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ในการ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ในการ
นับปากเปล่า นับปากเปล่า
2 การรู้ค่าจำนวน ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
ตั้งแต่ 1-20 นับจำนวนง่ายจัง On-Site On-Line
ผู้แต่ง: -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
Pauline Oud -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-ครูแบ่งกลุ่มให้เด็ก กลุ่มละ - ครูเปิดสไลด์แสดงบัตร
4 คน พร้อมแจกบล็อคไม้ ตัวเลข 1-20 แบบไม่
62
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
และบัตรภาพตัวเลข 1-20 เรียงลำดับให้เด็กสังเกต และ
ให้แต่ละกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่ม หาสิ่งของรอบตัวจากภายใน
จะได้บัตรภาพตัวเลขจำนวน บ้านแสดงจำนวนให้ให้
5 ใบ (แบบไม่เรียงลำดับ) เท่ากับบัตรตัวเลขที่ครู
ช่วยกันนับบล็อคตามบัตร กำหนด
ภาพตัวเลข และหมุนเวียน
บัตรภาพตัวเลขให้ครบทุก
กลุ่ม
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กทำกิจกรรมจากสื่อ -เด็กทำกิจกรรมจากสื่อ
ดิจิทัล Wordwall:จับคู่ภาพ ดิจิทัล Wordwall:จับคู่ภาพ
กับจำนวนตัวเลข โดยมีครู กับจำนวนตัวเลข โดยมี
คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ปกครองคอยดูแลอย่าง
ใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
สื่อดิจิทัล Wordwall และ สื่อดิจิทัล Wordwall และ
สรุปเนื้อหานิทานที่เกี่ยวกับ สรุปเนื้อหานิทานที่เกี่ยวกับ
คณิตศาสตร์ในการรู้ค่า คณิตศาสตร์ในการรู้ค่า
จำนวน 1-20 จำนวน 1-20
3 การเปรียบเทียบ ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
ตั้งแต่ 1-20 ผู้พิทักษ์แกะน้อย On-Site On-Line
ผู้แต่ง: -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
XACT BOOKS -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
63
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
-แต่ละกลุ่มออกมาแสดง -เด็กแสดงบทบาทสมมติเป็น
บทบาทสมมติจากเหตุการณ ตัวละครที่ชอบที่สุดในนิทาน
์
ในนิทานหน้าชั้นเรียน พร้อมบอกเหตุผลที่ชอบตัว
ละคร
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-เด็กเล่นเกม โดยเลือกบัตร -ครูให้เด็กแสดงกระดาษที่
ตัวเลข 1-20 คนละ 1 แผ่น เขียนตัวเลข 1-20 พร้อมกับ
และนับบล็อคไม้ตามจำนวน ไม้ไอศกรีมตามจำนวนบน
บัตรตัวเลข หลังจากนั้นเมื่อ กระดาษที่เขียน และ
ครูให้สัญญาณให้เด็ก เปรียบเทียบไม้ไอศกรีมของ
เคลื่อนไหวร่างกายตาม ตนเองกับของครู ว่าใคร
จังหวะไปรอบห้องพร้อมกับ มากกว่าน้อยกว่า
ตะกร้าบล็อคไม้ เมื่อได้ยิน - ครูเปิดสไลด์บัตรตัวเลข 1-
เสียงสัญญาณหยุดให้เด็ก 20 ให้เด็กสังเกตและใช้สี
จับคู่ 2 คน และเปรียบเทียบ เทียนเขียนตัวเลขที่ชอบหนึ่ง
บล็อคไม้ของคู่ตนเองว่าใคร จำนวนลงบนกระดาษ (ไม่ซ้ำ
มากกว่าน้อยกว่า พร้อมทั้ง กับจำนวนแรกที่เขียน)
เล่นเกมสลับคู่กันไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นให้นับไม้ไอศกรีม
-เมื่อครูให้สัญญาณให้เด็ก ตามจำนวนที่ตนเองเขียน
เคลื่อนไหวร่างกายตาม -ครูใช้โปรแกรมจับกลุ่ม 3
จังหวะไปรอบห้องพร้อมกับ คน(กลุ่มย่อย) ให้เด็กจาก
ตะกร้าบล็อคไม้ เมื่อได้ยิน โปรแกรมอัตโนมัติใน
เสียงสัญญาณหยุดให้เด็กจับ แอพพลิเคชั่น Zoom ให้เด็ก
64
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
กลุ่ม 3 คน และเรียงลำดับ เปรียบเทียบและเรียงลำดับ
จำนวนบล็อคไม้ของกลุ่ม จำนวนไม้ไอศกรีมของกลุ่ม
ตนเองจากน้อยกว่าไป ตนเองจากน้อยกว่าไป
มากกว่า และจากมากกว่าไป มากกว่า และจากมากกว่าไป
น้อยกว่า น้อยกว่า โดยมีผู้ปกครอง
คอยดูแล
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กทำกิจกรรม -เด็กทำกิจกรรม
1.สังเกตตัวเลขพร้อมทั้งนับ 1.สังเกตตัวเลขพร้อมนับไม้
บล็อคไม้ตามจำนวน และ ไอศกรีมตามจำนวน และ
เลือกคำตอบที่มีจำนวน เลือกคำตอบที่มีจำนวน
มากกว่าหรือน้อยกว่า ที่มี มากกว่าหรือน้อยกว่า ที่มี
จำนวนตั้งแต่ 1-20 จำนวนตั้งแต่ 1-20
2. สังเกตตัวเลขพร้อมทั้งนับ 2. สังเกตตัวเลขนับไม ้
บล็อคไม้ตามจำนวน และ ไอศกรีมตามจำนวน และ
เรียงลำดับจากน้อยไปหา เรียงลำดับจากน้อยไปหา
มาก ที่มีจำนวนตั้งแต่ 1-20 มาก ที่มีจำนวนตั้งแต่ 1-20
จากสื่อดิจิทัล wordwall จากสื่อดิจิทัล wordwall
โดยมีครูคอยดูแลอย่าง โดยมีผู้ปกครองคอยดูแล
ใกล้ชิด อย่างใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
สื่อดิจิทัล wordwall และ สื่อดิจิทัล wordwall และ
สรุปเนื้อหานิทานที่เกี่ยวกับ สรุปเนื้อหานิทานที่เกี่ยวกับ
65
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
คณิตศาสตร์ในเรื่องการ คณิตศาสตร์ในเรื่องการ
เปรียบเทียบ 1-20 เปรียบเทียบ 1-20
4 การเรียงลำดับ ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
สิ่งต่าง ๆ ไม่เกิน กระดุ๊กกระดิ๊ก On-Site On-Line
5 สิ่ง/เหตุการณ กระด๊อกกระแด๊ก -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
์
อย่างต่อเนื่อง ผู้แต่ง: -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
เกริก ยุ้นพันธ์ ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
-แต่ละกลุ่มแสดงบทบาท -เด็กแต่ละคนแสดงบทบาท
สมมุติเหตุการณ์ในนิทาน สมมุติเหตุการณ์ในนิทาน
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-เด็กระบายสีภาพสัตว์ -เด็กระบายสีภาพสัตว์ ที่ยาย
ที่ยายเช้ากลืน พร้อมตัด เช้ากลืน พร้อมตัดและปะติด
และปะติดลงบนกระดาษ ลงบนกระดาษ ตามลำดับ
ตามลำดับ โดยมีครูคอยดูแล โดยมีผู้ปกครองคอยดูแล
อย่างใกล้ชิด อย่างใกล้ชิด
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กทำกิจกรรมเรียงลำดับ -เด็กทำกิจกรรมเรียงลำดับ
ตัวละครที่ยายเช้ากลืน ตัวละครที่ยายเช้ากลืน
ตามลำดับจากสื่อดิจิทัล ตามลำดับจากสื่อดิจิทัล
Lifeworksheet โดยมี
66
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
Lifeworksheet โดยมีครู ผู้ปกครองคอยดูแลอย่าง
คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
สื่อดิจิทัล Lifeworksheet สื่อดิจิทัล Lifeworksheet
และสรุปเนื้อหานิทานที่ และสรุปเนื้อหานิทานที่
เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
5 การรวมกลุ่ม สิ่ง ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
ต่างๆสองกลุ่มท ี่ หนูน้อยเจ้าระเบียบ On-Site On-Line
มีผลรวมไม่เกิน ผู้แต่ง: -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
10 Ra Eun-hee -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
-เด็กวาดภาพเหตุการณ์ -เด็กวาดภาพเหตุการณ์
ที่ชอบในนิทานพร้อมบอก ที่ชอบในนิทานพร้อมบอก
เหตุผล เหตุผล
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-ครูนำสิ่งของ (กล่องนม -ครูเปิดสไลด์ภาพตาราง 3
ฟองน้ำ ผ้าขนหนู กล่อง ช่อง (สีแดง สีเขียว สีเหลือง)
กระดาษ ลูกบอล ส้ม บล็อค โดยแต่ละช่องจะมีภาพ
ไม้ทรงกลม ดินสอ สีเทียน) รูปทรงติดกำกับ ให้เด็ก
67
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
ให้เด็กสังเกต และช่วยกันจัด สังเกตและให้เด็กหยิบสิ่งของ
ี่
กลุ่มสิ่งของตามเกณฑ์ทครู ในถุงอปกรณ์ชุดที่ 5 (แต่ละ
ุ
กำหนด พร้อมทั้งนับจำนวน คนจะได้ไม่เหมือนกัน) พูด
สิ่งของแต่ละกลุ่ม บอกลักษณะของสิ่งของที่ได้
และพูดนำเสนอว่าสิ่งของที่
ได้จัดอยู่ในกลุ่มรูปทรงอะไร
ครูบันทึกภาพเด็กพร้อม
สิ่งของขณะที่เด็กนำเสนอ
และนำภาพของเด็กพร้อม
อุปกรณ์แทรกลงบนตาราง
ตามกลุ่มที่เด็กบอก และ
ร่วมกันนับจำนวนสิ่งของแต่
ละกลุ่ม
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กหยิบสิ่งของในห้องเรียน -เด็กหยิบสิ่งของภายในบ้าน
คนละ 1 ชิ้น และจัดกลุ่ม คนละ 1 ชิ้น และจัดกลุ่ม
สิ่งของตามเกณฑที่กำหนด สิ่งของตามเกณฑที่กำหนด
์
์
เอง เอง ขณะเด็กนำเสนอให้ครู
- ครูและเด็กร่วมกันนับ บันทึกภาพเด็กพร้อมกับ
จำนวนสิ่งของแต่ละกลุ่ม สิ่งของ และแทรกภาพเด็ก
และสนทนาโดยใช้คำถาม ลงบนสไลด์
ดังนี้ สิ่งของกลุ่ม….. รวมกับ (powerpoint)ตามกลุ่มที่
กลุ่ม….. มีจำนวนเท่าไหร่ เด็กนำเสนอ
-เด็กทำกิจกรรมสื่อดิจิทัล - ครูและเด็กร่วมกันนับ
Lifeworksheet เรื่องลาก จำนวนสิ่งของแต่ละกลุ่ม
รูปภาพตามกลุ่มที่กำหนด และสนทนาโดยใช้คำถาม
68
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
และเติมตัวเลขผลรวมของ ดังนี้ สิ่งของกลุ่ม….. รวมกับ
สองกลุ่ม ที่มีผลรวมไม่เกิน กลุ่ม….. มีจำนวนเท่าไหร่
10 โดยมีครูคอยดูแลอย่าง -เด็กทำสื่อดิจิทัล
ใกล้ชิด Lifeworksheet เรื่องลาก
รูปภาพตามกลุ่มที่กำหนด
และเติมตัวเลขผลรวมของ
สองกลุ่ม ที่มีผลรวมไม่เกิน
10 โดยมีผู้ปกครองคอยดูแล
อย่างใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
สื่อดิจิทัล Lifeworksheet สื่อดิจิทัล Lifeworksheet
และสรุปเนื้อหานิทานที่ และสรุปเนื้อหานิทานที่
เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
6 การแยกกลุ่ม ชื่อนิทาน: ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม
เมื่อแยกกลุ่ม หนูน้อยยอดนักลบ On-Site On-Line
ย่อยออกจาก ผู้แต่ง: -เด็กฟังครูเล่านิทาน -เด็กฟังครูเล่านิทานE-book
ี่
กลุ่มใหญ่ทมี Shin Hye-eun -เด็กอ่านนิทานร่วมกัน กลุ่ม -เด็กอ่านนิทานE-book
จำนวนไม่เกิน ละ 4-5 คน ร่วมกับผู้ปกครอง
10 -เด็กปั้นเหตุการณ์ในนิทาน -เด็กปั้นเหตุการณ์ในนิทาน
ที่ชอบพร้อมบอกเหตุผล ที่ชอบพร้อมบอกเหตุผล
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์
69
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-แบ่งกลุ่มเด็กออกเป็น 5 -เด็กหยิบอุปกรณ์ชุดที่ 7
กลุ่มเท่า ๆกัน แต่ละกลุ่มรับ (แผ่นคำสั่ง และดินน้ำมัน)
อุปกรณ์ และช่วยกันทำปั้น และให้เด็กปั้นดินน้ำมันวาง
ดินน้ำมันวางลงบนบัตรภาพ ลงบัตรภาพคำสั่งตามจำนวน
คำสั่ง และเมื่อได้ยินเสียง คงเหลือของแต่ละคำสั่ง
สัญญาณให้แต่ละกลุ่มสลับ
บัตรภาพ ทำวนไปเรื่อย ๆ
จนครบทั้ง 5 บัตรภาพโดยมี
ครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ -เด็กและครูสนทนาเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ในนิทานที่ เหตุการณ์ในนิทานที่
เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์
-เด็กเคลื่อนไหวร่างกาย -ครูให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกาย
ตามจังหวะและปฏิบัติตาม ตามจังหวะอยู่กับที่ เมื่อได้
คำสั่ง เช่น จับกลุ่ม 5 คน ยินเสียงสัญญาณหยุดให้หยุด
ให้ผู้หญิงนั่งลง แต่ละกลุ่ม อยู่กับที่และปฏิบัติตามคำสั่ง
เหลือผู้ชายกี่คน ดังนี้
-เด็กทำกิจกรรมจับคู่ (1) หยิบไม้ไอศกรีม
เหตุการณ์ในนิทาน กับ จำนวน 5 ไม้ หลังจากนั้น
จำนวนที่ถูกต้องจากสื่อ หยิบไม้ไอศกรีมสีฟ้าออก
้
เหลือจำนวนไมไอศกรีม
70
ความเข้าใจทาง
สัปดาห์ คณิตศาสตร์ วรรณกรรม การจัดกิจกรรม
ที่ ด้านจำนวนและ โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
การดำเนินการ
ี่
ดิจิทัล Lifeworksheet โดย ทั้งหมดกไม้ (คำตอบเด็กอาจ
มีครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แตกต่างกันไปตามจำนวน
ของไม้ไอศรีม 5 ไม้ที่เด็ก
หยิบครั้งแรก) ทำกิจกรรม
และเปลี่ยนคำสั่งไปเรื่อย ๆ
-เด็กทำกิจกรรมจับคู่
เหตุการณ์ในนิทาน กับ
จำนวนที่ถูกต้องจากสื่อ
ดิจิทัล Lifeworksheet โดย
มีผู้ปกครองคอยดูแลอย่าง
ใกล้ชิด
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม
On-Site On-Line
-เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก -เด็กนำเสนอผลงานที่ทำจาก
สื่อดิจิทัล Lifeworksheet สื่อดิจิทัล Lifeworksheet
และสรุปเนื้อหานิทานที่ และสรุปเนื้อหานิทานที่
เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์
6. นำแผนการจัดประสบการณ์การใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลที่สร้างขึ้นเสนอต่อ
อาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของจุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ เพื่อตรวจสอบปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
7. ผู้ศึกษานำแผนการจัดประสบการณ์การใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลเสนอต่อ
ผู้เชี่ยวชาญ
เกณฑ์การให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ
ให้คะแนน 5 หมายถึง ความเหมาะสมมากที่สุด
71
ให้คะแนน 4 หมายถึง ความเหมาะสมมาก
ให้คะแนน 3 หมายถึง ความเหมาะสมปานกลาง
ให้คะแนน 2 หมายถึง ความเหมาะสมน้อย
ให้คะแนน 1 หมายถึง ความเหมาะสมน้อยที่สุด
การแปลความหมายคุณภาพของแผนการจัดประสบการณ์การโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการ
ใช้สื่อดิจิทัล ดังนี้
ช่วงคะแนน 4.51-5.00 หมายถึง ความเหมาะสมมากที่สุด
ช่วงคะแนน 3.51-4.50 หมายถึง ความเหมาะสมมาก
ช่วงคะแนน 2.51-3.50 หมายถึง ความเหมาะสมปานกลาง
ช่วงคะแนน 1.51-2.50 หมายถึง ความเหมาะสมน้อย
ช่วงคะแนน 1.00-1.50 หมายถึง ความเหมาะสมน้อยที่สุด
เพื่อตรวจสอบพิจารณาความถูกต้อง ความเหมาะสมของเนื้อหาการจัดประสบการณ์แต่ละ
์
ขั้นตอน และความสอดคล้องขององค์ประกอบต่างๆในแผนการจัดประสบการณการเรียนรู้ นำมา
แกไขปรับปรุงข้อ บกพร่อง โดยใช้แบบประเมินแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) กำหนด
้
เกณฑ์การให้คะแนนคุณภาพของแผนการจัดประสบการณการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 4.48 หมายถึง มี
์
ความเหมาะสมมาก สามารถนำไปใช้ในการดำเนินการได้
9. นำแผนการจัดประสบการณ์โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัลไปปรับปรุง
แก้ไขตามคําแนะนําของผู้เชี่ยวชาญ
10. นำแผนการจัดประสบการณ์ใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล ที่ได้รับการปรับปรุง
ื่
่
แก้ไขตามคําแนะนําของผู้เชี่ยวชาญเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเพอตรวจสอบอีกครั้งกอนนําไปทดลอง
ใช้
11. นําแผนการจัดประสบการณ์การใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล ไปทดลองกบ
ั
เด็กปฐมวัย ชาย-หญิงที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย จํานวน 30 คน ซึ่งกําลังมีอายุระหว่าง 5 – 6 ปี ที่กําลัง
72
ศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาล 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนชุมชนบึงบา โดยใช้เวลาการ
ทดลองรวมทั้งสิ้น 6 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 30 นาที จํานวน 24 แผน
การสร้างแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการ
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ใช้แบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการ ซึ่งผู้ศึกษาได้สร้างและพัฒนาขึ้นโดย มีขั้นตอนในการสร้างและพัฒนา ดังนี้
1. ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย จากกรอบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ปฐมวัย สสวท. (2555)
2. สร้างแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัย โดยครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ การนับปากเปล่า การนับอย่างรู้ค่าจำนวน การเปรียบเทียบ
จำนวน การเรียงอันดับ การรวมกลุ่ม การแยกกลุ่ม
3. นำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
้
ปฐมวัย ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นมาเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อตรวจสอบปรับปรุง แกไข ให้เหมาะสม
ยิ่งขึ้น
4. หาความตรงเชิงเนื้อหา โดยนำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบรายละเอียด
ของเนื้อหาและภาษาทใช้ให้เหมาะสมการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เกณฑ์การให้คะแนนความ
ี่
เข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยกับวัตถุประสงค์ได้จากแผนการ
จัดกิจกรรมให้ผู้เชี่ยวชาญ
เกณฑ์การให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ
ให้คะแนน +1 เมื่อผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าเนื้อหาสอดคล้องกับคุณลักษณะที่จะวัด
ให้คะแนน 0 เมื่อผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่าเนื้อหาสอดคล้องกับคุณลักษณะที่จะวัดหรือไม่
ให้คะแนน -1 เมื่อผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าเนื้อหาไม่สอดคล้องกับคุณลักษณะที่จะวัด
73
โดยแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
ได้รับค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC เท่ากับ 0.67-1.00
5. นำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัยปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
6. แก้ไขปรับปรุงแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการ
ของเด็กปฐมวัย ให้ถูกต้องและเหมาะสมตามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไป
ทดลอง
7. นำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัย ไปทดลองกับเด็กระดับชั้นอนุบาล 3 อายุ 5-6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2564 จำนวน 30 คน ณ โรงเรียนชุมชนบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมขอมูลในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ดังต่อไปนี้
้
1. ผู้ศึกษานำหนังสือจากโครงการภาคพิเศษ สาขาวิชาปฐมวัยศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษา
2. ผู้ศึกษาทำแบบประเมินเด็กกอนการทดลอง (Pre - test) ตามวันและเวลาที่กำหนดไว้ด้วย
่
แบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย ใช้เวลาใน
การทดสอบ 45 นาที จากจำนวนแบบวัด 35 ข้อ กับกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา 1 สัปดาห์ แล้วนำไป
ตรวจให้คะแนน พร้อมกับนำคะแนนที่ได้ไปวิเคราะห์
ั
์
3. ผู้ศึกษาดำเนินการทดลองการจัดประสบการณการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกบสื่อดิจิทัล
ระยะเวลา รวมการทดลอง 24 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที ระยะเวลา 6 สัปดาห์
4. เมื่อเสร็จสิ้นการจัดการจัดประสบการณ์การใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลเป็น
ระยะเวลา 24 ครั้ง แล้วผู้ศึกษาได้ทำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัยตามวิธีที่ใช้ประเมินกอนการทดลอง ระยะเวลา 1 สัปดาห์
่
74
ี่
5 .ผู้ศึกษานำผลจากการใช้แบบประเมินทได้จากการทดสอบไปวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม
สำเร็จรูป
6. รวมระยะเวลาทดลองทั้งสิ้นจำนวน 8 สัปดาห์
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
ื่
ผู้ศึกษานำข้อมูลมาดำเนินการวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาที่ได้กำหนดไว้เพอ
วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ สรุปผลดังต่อไปนี้
1.การวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือ
ผู้ศึกษาหาคุณภาพของแผนการจัดกิจกรรมและแบบประเมิน โดยใช้แบบประเมิน
แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) และคำนวณค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)
2.การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ
ผู้ศึกษานำคะแนนที่ได้จากการประเมินครั้งแรกและครั้งหลังของเด็กกลุ่มเป้าหมาย
มาวิเคราะห์หาค่าความเฉลี่ย(Mean)และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
3.การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ผู้ศึกษานำข้อมูลจากแบบประเมิน มาวิเคราะห์ทางสถิติหาค่าเฉลี่ยของคะแนนและ
สรุปผล
4.วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสังเกตพฤติกรรมโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (Content
analysis)
75
สถิติที่ใช้ในการศึกษา
1. ค่าเฉลี่ย (Mean)
2. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
บทที่ 4
ผลการศึกษาและอภิปรายผล
ผลการศึกษา
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อ
ึ
ดิจิทัล โดยผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์และนำเสนอผลการศกษา ดังนี้
ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานความเข้าใจทางคณิตศาสตร์
ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับ
สื่อดิจิทัล
ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัยรายด้านก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
ตอนที่ 3 ผลการสังเกตพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย โดยพิจารณาเป็นรายด้านความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย
78
ตอนที่ 1 การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อ
ดิจิทัล
ตารางที่ 3 คะแนนความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
่
รายบุคคลโดยรวมกอนและหลังการทดลองการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
(N=15)
คะแนนก่อนการทดลอง คะแนนหลังการทดลอง
คนที่ คะแนน คนที่ คะแนน
1 37.00 1 52.00
2 37.00 2 54.00
3 36.00 3 53.00
4 21.00 4 38.00
5 35.00 5 51.00
6 31.00 6 49.00
7 44.00 7 54.00
8 45.00 8 54.00
9 43.00 9 54.00
10 33.00 10 47.00
11 36.00 11 52.00
12 31.00 12 52.00
13 40.00 13 49.00
14 44.00 14 54.00
15 39.00 15 54.00
จากตารางที่ 1 พบว่าการเปรียบเทียบคะแนนความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล มี
79
คะแนนสุงสุด 44 ต่ำสุด 21 คะแนนความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของ
เด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล มีคะแนนสุงสุด 54
ต่ำสุด 38
ตารางที่ 4 การเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนและหลังการทดลองการใช้
วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
(N=15)
กลุ่มเปาหมาย คะแนนเต็ม
้
ก่อนการทดลอง 54 36.13 6.77
หลังการทดลอง 54 51.13 4.26
จากตารางที่ 4 พบว่า เด็กปฐมวัยก่อนได้รับการจัดกิจกรรมการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับ
สื่อดิจิทัลมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 36.13 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 6.77 และหลังการทดลองการใช้
วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 51.13 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 4.26 ซึ่ง
หลังการการทดลองการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลมีความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยมากขึ้น เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัยรายด้านก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
ตารางที่ 5 เปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
แยกเป็นรายด้านก่อนและหลังการทดลองการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
(N=15)
์
้
ความเขาใจทางคณิตศาสตรดานจ านวนและ
้
การด าเนินการของเด็กปฐมวัย
ิ
่
การนับปากเปลา ก่อนการจัดกจกรรม 7.93 1.79
หลังการจัดกจกรรม 8.60 0.74
ิ
80
์
ความเขาใจทางคณิตศาสตรดานจ านวนและ
้
้
การด าเนินการของเด็กปฐมวัย
การนบอยางรูคาจ านวน ก่อนการจัดกจกรรม 8.13 0.83
่
้
่
ั
ิ
ิ
หลังการจัดกจกรรม 9.00 0.00
ิ
การเปรยบเทียบจ านวน ก่อนการจัดกจกรรม 6.20 2.43
ี
หลังการจัดกจกรรม 8.53 1.13
ิ
การเรยงล าดับ ก่อนการจัดกจกรรม 6.47 1.30
ิ
ี
ิ
หลังการจัดกจกรรม 8.40 1.06
ิ
่
การรวมกลุม ก่อนการจัดกจกรรม 2.80 2.27
ิ
หลังการจัดกจกรรม 8.60 0.63
ิ
่
การแยกกลุม ก่อนการจัดกจกรรม 4.40 1.59
หลังการจัดกจกรรม 8.07 0.80
ิ
จากตารางที่ 5 พบว่าความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็ก
ปฐมวัยในแต่ละด้านดังนี้
การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 7.93 และมีส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.79 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ย
เท่ากับ 8.60 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.74 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการ
ทดลอง
การนับอย่างรู้ค่าจำนวนเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 8.13 และมี
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.83 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองคะแนน
เฉลี่ยเท่ากับ 9.00 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.00 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อน
การทดลอง
การเปรียบเทียบจำนวนเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.20 และมี
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.43 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองคะแนน
เฉลี่ยเท่ากับ 8.53 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.13 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อน
การทดลอง
81
การเรียงลำดับเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 6.47 และมีส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.30 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการการทดลองคะแนน
เฉลี่ยเท่ากับ 8.07 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.80 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อน
การทดลอง
การรวมกลุ่มเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 2.80 และมีส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานเท่ากับ 2.27 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
8.60 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง
การแยกกลุ่มเด็กปฐมวัย ก่อนได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 และมีส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐานเท่ากับ 1.59 การนับปากเปล่าของเด็กปฐมวัย หลังได้รับการทดลองคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
8.60 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 สรุปได้ว่าหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง
สรุปได้ว่าหลังการจัดกิจกรรมเด็กมีความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ ด้านการนับปากเปล่า ด้าน
การนับอย่างรู้ค่าจำนวน ด้านการเปรียบเทียบจำนวน ด้านการเรียงลำดับ ด้านการรวมกลุ่ม ด้านการ
แยกกลุ่มสูงขึ้นทุกคน
ตอนที่ 3 ผลการสังเกตพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัย โดยพิจารณาเป็นรายด้านความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและ
การดำเนินการของเด็กปฐมวัย ดังนี้
ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษากำหนดระยะเวลาการเก็บรวบรวมข้อมูล 6 สัปดาห์ โดยมีการจัด
กิจกรรม 6 เรื่องสอดคล้องกับความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการ ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1 การนับปากเปล่า โดยศึกษาว่า เด็กสามารถนับปากเปล่าได้ 1-20 และนับปาก
เปล่าถอยหลังได้ 10-1
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book
เรื่อง “ตัวเลขเป็นอะไร” ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถพูดบอกตัวเลขในนิทาน พูดบอกตัวเลขในนิทาน
ตามลำดับได้ บอกได้ว่าตัวเลขในนิทานแปลงร่างเป็นอะไร
น้องเอ : เลข 1 ธง
82
น้องบี : เลข 2 เป็นเป็ด
น้องซี : 5 เป็นม้า 5 ตัว
และสามารถนับปากเปล่า 1-10 และนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ได้ แต่ยังมีเด็ก
จำนวน 6 คนที่ยังนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 สลับลำดับไม่ถูกต้อง
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ หลังจากทบทวนเหตุการณ์ในนิทาน
เรื่อง “ตัวเลขเป็นอะไร” ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถพูดบอกตัวละครที่เป็นตัวเลขในนิทานได้ ร่วม
แสดงความคิดเห็นต่อจากเนื้อหาในนิทานได้ว่า “หลังจาก 9 จะเป็นจำนวนอะไร เพราะอะไรจึงเป็น
เช่นนั้น” ผู้ศึกษาพบว่าเมื่อเด็กเล่นเกม “นับและหยุด” โดยเพื่อนคนแรกนับปากเปล่าและหยุดให้
ื่
เพื่อนคนต่อไปนับต่อ ในเกมรอบที่ 1-4 เด็กๆยังมีการนับต่อเลขจากเพอนไม่ถูกต้อง เด็กๆส่วนมากจะ
เริ่มเล่นเกมได้อย่างถกต้องและคล่องแคล่วมากขึ้นเมื่อเข้าสู่เกมในรอบที่ 5 เป็นต้นไป
ู
น้องเอ : 1 2 3 4 5 บีครับ
น้องบี : 6 7 8 9 10 11 ซีครับ
น้องซี : 12 13 14 15 16 17 18 ดีครับ
น้องดี : 19 20 ค่ะ
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถ
นับปากเปล่า 1-10 และนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ได้คล่องมากขึ้น
น้องเอ : 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ครับ
น้องบี : 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ค่ะ
น้องซี : 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ครับ
แต่ยังมีเด็กจำนวน 3 คนที่ยังนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ไม่คล่องแคล่ว มีการนับ
ปากเกล่าถอยหลังสลับลำดับ และจากการตรวจผลงานจากสื่อดิจิทัล Lifeworksheet เด็กๆสามารถ
กดฟังเสียงการนับปากเปล่า 1-10 นับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 และเลือกตัวเลขลำดับถัดไปได้ถูกต้อง
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถนับ
ปากเปล่า 1-10 และนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ได้คล่องมากขึ้น สามารถบอกเล่าวิธีการทำกิจกรรม
จากสื่อดิจิทัล Lifeworksheet ได้ สามารถตอบคำถามได้ว่านับปากเปล่าจากเลข
“1 2 3 4 5” น้องเอ : เลขต่อมาคือ 6 ครับ
83
“8 9 10 11 12” น้องบี : 13 ค่ะ ใช้วิธีนับต่อ
“14 15 16 17 18” น้องซี : 19 ค่ะ นับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สามารถตอบคำถามได้ว่านับปากเปล่าถอยหลัง
“10 9 8 7 6” น้องดี : มันลดลงครับ 10 9 8 7 6 5
“7 6 5 4 3” น้องเอฟ : 2 ครับ
“6 5 4 3 2” น้องจี : 1 ครับ มันถอย ลดลง
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book เรื่อง “ตัวเลขเป็นอะไร” เด็ก
สามารถพูดบอกได้ว่าตัวเลขแต่ละตัวแปลงร่างเป็นอะไร สามารถนับปากเปล่า 1-10 และนับปากเปล่า
ถอยหลัง 10-1 ได้ แต่ยังมีเด็กจำนวน 6 คนที่ยังนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 สลับลำดับไม่ถูกต้อง เด็ก
สามารถนับปากเปล่า 1-10 และนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ได้คล่องมากขึ้นหลังจากเล่นเกม “นับ
ื่
และหยุด” โดยเพื่อนคนแรกนับปากเปล่าและหยุดให้เพอนคนต่อไปนับต่อ แต่ยังมีเด็กจำนวน 3 คนที่
ยังนับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ไม่คล่องแคล่ว นับสลับลำดับ หลังจากเด็กๆได้ใช้สื่อดิจิทัล
Lifeworksheet จากการตรวจผลงานพบว่าเด็กๆสามารถกดฟังเสียงการนับปากเปล่า 1-10 นับปาก
เปล่าถอยหลัง 10-1 และเลือกตัวเลขลำดับถัดไปได้ถูกต้องมากขึ้น
สัปดาห์ที่ 2 นับอย่างรู้ค่าจำนวน โดยศึกษาว่าการ เด็กสามารถนับและบอกจำนวนสิ่งของที่
นับไม่เกิน 20 และสามารถแสดงสิ่งของตามจำนวนที่กำหนดให้ตั้งแต่ 1-20
ั
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟง และอ่านนิทาน E-book
เรื่อง “นับจำนวนง่ายจัง” ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถตอบคำถามได้ว่า “ตัวละครในนิทานมีใครบ้าง
รวมทั้งหมดมีจำนวนกี่ตัว”
น้องเอ : มีกระต่าย หนู แม่วัว ลูกวัว นก เป็ด หมู
น้องบี : มี 13 ตัวค่ะ
น้องซี : มีกระต่าย หนู วัว แกะ นก แมว ผีเสื้อ ปลา
เด็กสามารถตอบคำถามได้ว่า “กระต่ายกับหนูเดินทางไปเจอสัตว์อะไรบ้าง
(ตามลำดับ) สัตว์ที่เจอมีจำนวนกี่ตัว”
น้องดี : เจอวัว 1 ตัว ลูกวัว 2 ตัว แกะ 3 ตัว ลูกนก 4 ตัว
84
น้องเอฟ : แมว 5 ตัวนอนอยู่ มีไข่ไก่อีก 6 ฟอง เป็ด 7 ตัว
น้องจี : หมูอยู่ในโคลนด้วย
น้องไอ : หมู 8 ตัว ผีเสื้อ 9 ตัว ปลา 10 ตัวครับ
และเด็กสามารถหยิบบัตรภาพตัวเลขแสดงจำนวนได้ถูกต้องตามจำนวนตัวละครใน
นิทาน แต่ยังมีเด็กจำนวน 2 คน ไม่สามารถหยิบบัตรภาพตัวเลขแสดงจำนวนได้
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถจดจำ
และตอบคำถามได้ว่า “ตัวละครในนิทานมีใครบ้าง รวมทั้งหมดมีจำนวนกี่ตัว” “กระต่ายกับหนู
เดินทางไปเจอสัตว์อะไรบ้าง (ตามลำดับ) สัตว์ที่เจอมีจำนวนกี่ตัว”จากนิทานเรื่อง “นับจำนวนง่าย
จัง” ได้ และเด็กๆสามารถหาสิ่งของรอบตัวแสดงจำนวนตามตัวเลขที่กำหนดได้
น้องเอ : หยิบของเล่นมาครับ 1 2 3 4
่
น้องบี : มีปากกาคะ ปากกา1 ปากกา2 ปากกา3 ปากกา4ค่ะ
น้องซี : 1 2 3 4 (นับพร้อมจับของเล่นแสดง)
แต่ยังมีเด็กจำนวน 2 คนหาสิ่งของรอบตัวแสดงจำนวนตามตัวเลขที่กำหนดให้ไม่
ถูกต้อง
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถ
พูดบอกได้ว่าตัวเลขที่ครูกำหนดคือเลขอะไร สามารถนับไม้ไอศกรีมแสดงจำนวนตามที่กำหนดได้
น้องเอ : นก 4 ตัวค่ะ (และนับไม้ไอศกรีม) 1 2 3 4 ครบแล้วค่ะ
น้องบี : 3 ครับ (และนับไม้ไอศกรีม) 1 2 3 ครับ
น้องซี : ลูกปลา 10 ตัวค่ะ (และนับไมไอศกรีม) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
้
และจากการตรวจผลงานสื่อดิจิทัล Wordwall เด็กๆสามารถนับจำนวนรูปภาพ
และจับคู่กับตัวเลขได้อย่างถูกต้อง
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถ
เล่าวิธีการทำกิจกรรมจากสื่อดิจิทัล Wordwall ได้ โดยเด็กส่วนมากตอบว่า
เด็กนักเรียน : หนูนับรูปภาพ และสามารถพูดบอกจำนวนได้ว่า
น้องเอ : แม่วัวมี 1 ตัว ลูกวัวมี 2 ตัว ลูกแกะมี 3 ตัว ลูกนกมี 4 ตัว ลูกแมวมี 5 ตัว
85
น้องบี : ไข่ไก่มี 6 ฟอง ลูกเป็ดมี 7 ตัว ลูกหมูมี 8 ตัว ผีเสื้อมี 9 ตัว ปลามี 10 ตัว
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book เรื่อง “นับจำนวนง่ายจัง” ผู้
ศึกษาพบว่าเด็กสามารถตอบคำถามได้ว่า “ตัวละครในนิทานมีใครบ้าง รวมทั้งหมดมีจำนวนกี่ตัว”
เด็กสามารถหยิบบัตรภาพตัวเลขแสดงจำนวนได้ถกต้องตามจำนวนตัวละครในนิทาน แต่ยังมีเด็ก
ู
จำนวน 2 คน ไม่สามารถหยิบบัตรภาพตัวเลขแสดงจำนวนได้ เด็กๆสามารถหาสิ่งของรอบตัวแสดง
จำนวนตามเนื้อเรื่องในนิทานได้ถูกต้อง แต่ยังมีเด็กจำนวน 2 คน ไม่สามารถหาสิ่งของรอบตัวแสดง
ตามจำนวนได้ จากการตรวจผลงานการใช้สื่อดิจิทัล Wordwall เด็กๆสามารถนับจำนวนรูปภาพและ
จับคู่กับตัวเลขได้ถูกต้องมากขึ้น
สัปดาห์ที่ 3 การเปรียบเทียบจำนวน โดยศึกษาว่า เด็กสามารถเปรียบเทียบจำนวนมากกว่า
น้อยกว่า ที่กำหนดให้ตั้งแต่ 1-20
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟง และอ่านนิทาน E-book
ั
เรื่อง “ผู้พิทักษ์แกะน้อย” ผู้ศึกพบว่า เด็กๆสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทานได้
ว่า “เสือ กอลิล่า หมี ฮิปโป จระเข้ ยีราฟ สุนัข ผ่านด่านแรกเพราะสูงกว่าสัตว์ตัวอื่นๆ” “กอลิล่า เสือ
หมี สุนัข ผ่านด่านที่สองเพราะมีพละกำลังมากกว่าสัตว์ตัวอื่น” “เสือ กอลิล่า สุนัข ผ่านด่านที่สาม
เพราะกระโดดได้ไกลกว่าสัตว์ตัวอื่น” “สุนัขผ่านด่านสุดท้าย และเป็นผู้ชนะเพราะได้คะแนนโหวตเป็น
ใบไม้จำนวนมากที่สุด”
่
น้องเอ : พอแกะหาสัตว์มาดูแลลูกแกะ เจ้าสุนัขชนะเพราะได้ใบไม้เยอะสุด
น้องบี : สัตว์ที่ตัวสูง และแข็งแรงที่สุดได้ผ่านเข้ารอบ
น้องซี : เสือตัวเตี้ยสุด เพราะมีใบไม้น้อย
น้องดี : เจ้าสุนัขตัวสูงสุด เพราะได้ใบไม้เยอะกว่าเสือ และกอลิล่า
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถจดจำ
และตอบคำถามได้ว่า “สุนัขเป็นผู้ชนะเพราะผ่านการทดสอบ อีกทั้งเป็นสัตว์ที่มีความภักดีและได้รับ
คะแนนโหวตเป็นใบไม้จำนวนมากที่สุด” เด็กสามารถนับไม้ไอศกรีมและเปรียบเทียบไม้ไอศกรีมของ
ตนเองกับของผู้วิจัยได้ว่า “จำนวนไหนมากกว่า-น้อยกว่า” และเมอเด็กๆรวมกลุ่มจำนวน 3 คน เด็กๆ
ื่
สามารถพูดบอกเรียงลำดับจากมากกว่าไปน้อยกว่า น้อยกว่าไปมากกว่าได้ แต่ยังมีเด็กจำนวน 4 คนที่
ยังไม่สามารถพดบอกเรียงลำดับจากมากกว่าไปน้อยกว่า หรือน้อยกว่าไปมากกว่าได้
ู
86
น้องเอ : ของหนูมี 10 ของคุณครูมี 15 ของหนูมีน้อยกว่าครับ
กลุ่ม 1 : บีมีเยอะสุดค่ะ มี20 ค่ะ ซีอยู่คนที่2 เพราะมี 17 น้อยกว่าบี และก็ของดีมี
น้อย
กลุ่ม 2 : ของเอฟมี 10 มีน้อยสุดอยู่คนแรกเลยค่ะ จีมี 13 มากสุดไอครับมี 14
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม หลังจากเด็กๆเขียนตัวเลข
ลงบนกระดาษ 3 จำนวน และนับไม้ไอศกรีมตามจำนวน ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถนำไม้ไอศกรีม
พร้อมกระดาษแสดงจำนวนมาเรียงลำดับจากน้อยไปมาก และมากไปน้อยได้ และเมื่อผู้ศึกษาตรวจ
ผลงานตอนที่ 1 จากสื่อดิจิทัล wordwall พบว่าเด็กสามารถเลือกรูปภาพแสดงจำนวนมากกว่า และ
น้อยกว่าได้ โดยมีผู้ปกครองคอยดูแลและอ่านคำสั่งให้ เมื่อผู้ศึกษาตรวจผลงานตอนที่ 2 จากสื่อดิจิทัล
Lifeworksheet พบว่าเด็กสามารถเรียงลำดับรูปภาพจากมากกว่าไปน้อยกว่า น้อยกว่าไปมากกว่าได้
ั้
ั
อีกทงสามารถทำกิจกรรมได้ด้วยตนเองเนื่องจากเป็นกิจกรรมที่เด็กสามารถกดฟงคำสั่งได้
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถ
เล่าวิธีการทำกิจกรรมจากสื่อดิจิทัล Wordwall ได้ โดยเด็กส่วนมากเล่าว่า “หนูให้ผู้ปกครองอ่านให้
ฟังแล้วหนูกดเอง” และเมื่อผู้วิจัยถามคำถามเกี่ยวกับสื่อดิจิทัล Wordwall เด็กสามารถตอบว่า
น้องเอ : 10 มากกว่า 7” “14 มากกว่า 9” หนูนับรูปภาพด้วยค่ะ
น้องบี : หนูให้ป๊าอ่านให้ แล้วหนูกดเองค่ะ “13 มากกว่า 12” “8 มากกว่า 6” “18
มากกว่า 16” “6 น้อยกว่า 7” ค่ะ
น้องซี : สนุกมากครับมีจับเวลา “5 น้อยกว่า 8” “17 น้อยกว่า 19” “2 น้อยกว่า
4” “6 น้อยกว่า 9” อยากเล่นอีกครับ
นอกจากนี้ผู้ศึกษาพบว่าเด็กสามารถเล่าวิธีการทำกิจกรรมจากสื่อดิจิทัล
Lifeworksheet ได้ เด็กพูดบอกการเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย และจากน้อยไปหามากได้
น้องดี : นับรูปภาพ แล้วใช้นิ้วลากภาพครับ
น้องซี : หนูดูตัวเลขครับแล้วก็ลากภาพ
ั
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book เรื่อง “ผู้พิทกษ์แกะน้อย”
เด็กๆสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในนิทาน ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเปรียบเทียบได้
เด็กสามารถนับไม้ไอศกรีมและเปรียบเทียบไม้ไอศกรีม 2 กลุ่มได้ว่ามากกว่า หรือน้อยกว่า สามารถ
พูดบอกเรียงลำดับจากมากกว่าไปน้อยกว่า น้อยกว่าไปมากกว่า 3 ลำดับได้ แต่ยังมีเด็กจำนวน 4 คน
87
ที่ยังไม่สามารถพูดบอกเรียงลำดับจากมากกว่าไปน้อยกว่า หรือน้อยกว่าไปมากกว่าได้ จากการตรวจ
ผลงานการใช้สื่อดิจิทัล wordwall พบว่าเด็กสามารถเลือกรูปภาพแสดงจำนวนมากกว่า และน้อยกว่า
ได้ โดยมีผู้ปกครองคอยดูแลและอ่านคำสั่งให้ จากการตรวจผลงานการใช้สื่อดิจิทัล Lifeworksheet
พบว่าเด็กสามารถเรียงลำดับรูปภาพจากมากกว่าไปน้อยกว่า น้อยกว่าไปมากกว่าได้ อีกทั้งสามารถทำ
กิจกรรมได้ด้วยตนเองเนื่องจากเป็นกิจกรรมที่เด็กสามารถกดฟังคำสั่งได้
สัปดาห์ที่ 4 การเรียงลำดับ โดยศึกษาว่า เด็กสามารถเรียงลำดับของสิ่งต่าง ๆ ไม่เกิน 5 สิ่ง/
เหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง ระบุสิ่งที่อยู่ในลำดับที่กำหนด
ั
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟง และอ่านนิทาน E-book
เรื่อง “กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อกกระแด๊ก” ผู้ศึกษาพบว่า เด็กๆสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เนื้อหาในนิทานได้ โดยใช้คำถามดังนี้
1. ตัวละครที่อยู่ในนิทานมีตัวอะไรบ้าง
น้องเอ : มียายเช้า ตั๊กแตน นก
น้องบี : แมว สุนัข เสื้อ ช้าง
2. มีตัวละครในนิทานจำนวนทั้งหมดกี่ตัว
น้องซี : 7 ตัวค่ะ
3. ยายเช้ากินสัตว์ตัวไหนลงท้องบ้าง เรียงตามลำดับ
น้องดี : ตั๊กแตน นก แมว สุนัข เสื้อ ช้าง
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ ผู้ศึกษาพบว่า เด็กสามารถพูดตอบ
คำถามได้ โดยใช้คำถามดังนี้
1. สัตว์ตัวแรกที่ยายเช้ากลืนลงท้องคือตัวอะไร
น้องเอ : ตั๊กแตนครับ
2. สัตว์ตัวสุดท้ายที่ยายเช้ากลืนลงท้องคือตัวอะไร
น้องบี : ช้าง”
3. สัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องเป็นลำดับที่ 3 คือตัวอะไร
น้องซี : แมว
88
ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถใช้กรรไกรตัดรูปภาพสัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องและปะติด
ลงบนกระดาษได้ถูกต้องตามลำดับ
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถ
เรียงลำดับสัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องได้อย่างถกต้องจากการตรวจผลงานบนสื่อดิจิทัล Lifeworksheet
ู
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม ผู้ศึกษาพบว่าเด็กๆสามารถ
เล่าเรื่องราวจากนิทานเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทานเรื่อง “กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อกกระแด๊ก” ได้อย่าง
ถูกต้องตามลำดับ เด็กๆตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น โดยมีคำถามว่า
1. สัตว์ตัวสุดท้ายที่ยายเช้ากลืนลงท้องคือตัวอะไร
น้องเอ : ช้าง
2. สัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องเป็นลำดับที่ 3 คือตัวอะไร
น้องบี : แมวค่ะ แต่แมวไม่กินนก เลยต้องกินสุนัขเข้าไปอีกค่ะ
3. สัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องเป็นลำดับที่ 2 คือตัวอะไร
น้องซี : นกครับ
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book เรื่อง “กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อก
กระแด๊ก” เด็กสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการเรียงลำดับตัวละครในนิทานที่ยายเช้ากลืนลงท้องได้
สามารถใช้กรรไกรตัดรูปภาพสัตว์และปะติดเรียงลำดับตามลำดับได้ จากการตรวจผลงานการใช้สื่อ
ดิจิทัล Lifeworksheet เด็กๆสามารถเรียงลำดับสัตว์ที่ยายเช้ากลืนลงท้องได้อย่างถูกต้อง
สัปดาห์ที่ 5 การรวมกลุ่ม โดยศึกษาว่า เด็กสามารถจัดกลุ่มสิ่งต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กัน บอก
ี่
จำนวนทั้งหมดที่เกิดจากการรวมสิ่งต่างๆสองกลุ่มทมีผลรวมไม่เกิน 10
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟง และอ่านนิทาน E-book
ั
เรื่อง “หนูน้อยเจ้าระเบียบ” ผู้ศึกษาพบว่า เด็กๆสามารถบอกได้ว่า “เก็บสิ่งของเข้าที่ เพอความเป็น
ื่
ระเบียบเรียบร้อย”แต่ผู้วิจัยสังเกตว่า ยังไม่มีเด็กคนใดบอกได้ว่า “เป็นการจัดกลุ่ม สิ่งของลักษณะ
เดียวกันไว้ด้วยกัน” โดยใช้คำถามว่า ตัวละครในนิทานทำอะไร เพราะอะไรถึงต้องทำเช่นนั้น
น้องเอ : จัดของค่ะ
น้องบี : เก็บของเข้าที่เป็นระเบียบค่ะ
น้องซี : จัดของไว้เป็นระเบียบ จะได้หาง่ายค่ะ
89
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ ผู้ศึกษาพบว่า เมื่อให้เด็กกลับไป
อ่านทบทวนนิทาน E-book เรื่อง “หนูน้อยเจ้าระเบียบ” เด็กสามารถบอกได้ว่าเนื้อเรื่องในนิทาน
เกี่ยวกับ “การแยกประเภท แยกประเภทของขนม” “แยกสัตว์บก สัตว์น้ำ” “เก็บสิ่งของเดียวกัน
เอาไว้ด้วยกัน” เมื่อผู้วิจัยให้เด็กๆจัดกลุ่มสิ่งของทรงเดียวกันไว้กลุ่มเดียวกัน จากอุปกรณ์ที่ผู้วิจัย
เตรียมให้ เด็กๆสามารถจัดกลุ่มสิ่งของตามกลุ่มทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม และทรงกลมได้ เมื่อให้เด็กๆ
อธิบายลักษณะของแต่ละทรง ผู้วิจัยพบว่าเด็กๆยังไม่สามารถอธิบายลักษณะของทรงกระบอกได้
น้องเอ : ของหนูคือกล่องกระดาษ ทรงสี่เหลี่ยม มีสี่มุม อยู่กลุ่มสีฟ้าค่ะ
น้องบี : ลูกบอลครับ เป็นทรงกลม อยู่กลุ่มสีเขียวครับ
น้องซี : ของหนูเป็นกาว ทรงกระบอก อยู่กลุ่มสีเหลือง
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม เมื่อให้เด็กๆหาอุปกรณ์อะไร
ก็ได้ในบ้านคนละ 1 ชิ้น เพื่อนำมาจัดกลุ่มตามรูปทรง ผู้ศึกษาพบว่า เด็กๆสามารถอธิบายลักษณะของ
สิ่งของได้ว่า
น้องเอ : ลูกแก้วค่ะ เป็นทรงกลม จะกลมๆเหมือนลูกบอล โค้งๆเรียบๆ
น้องบี : บล็อกไม้ของเล่นครับ ทรงสี่เหลี่ยม เพราะมีมุม 4 มุม
น้องซี : กาแฟกระป๋องครับ เป็นทรงกระบอก ทรงกระบอกจะยาวๆ มีวงกลมอยู่ 2
ด้านครับ
เด็กๆสามารถจัดกลุ่มสิ่งของตามรูปทรงได้ แต่ยังมีเด็กจำนวน 1 คน ยังสับสน
ระหว่างทรงกลม และทรงกระบอก โดยที่เด็กนำฝาขวดโหลมาและบอกว่า “ฝาขวดโหลเป็นทรงกลม”
แต่เมื่อผู้ศึกษาให้เด็กพูดบอกลักษณะของฝาขวดน้ำอีกครั้ง เด็กจึงสามารถบอกได้ว่า “ฝาขวดโหลเป็น
ทรงกระบอก เพราะมันยาวๆ มีวงกลม 2 ด้าน” เมื่อเด็กๆทำกิจกรรมสื่อดิจิทัล Lifeworksheet จาก
การตรวจผลงานพบว่า เด็กๆสามารถจัดกลุ่มรูปภาพสิ่งของตามรูปทรงได้ สามารถนับจำนวน และ
พิมพ์คำตอบระบุจำนวนผลรวมของแต่ละกลุ่มได้ แต่ยังมีเด็ก 1 คนที่จัดกลุ่มรูปภาพสิ่งของรูปทรงไม่
ครบทุกรูปภาพ และเด็ก 1 คน ไม่ได้พิมพ์คำตอบระบุจำนวนผลรวมของแต่ละกลุ่ม
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม เมื่อผู้ศึกษาถามคำถาม
ทบทวนเกี่ยวกับนิทานเรื่อง “หนูน้อยเจ้าระเบียบ” เด็กๆสามารถตอบได้ว่า “เป็นการจัดกลุ่ม ของ
เหมือนกันไว้ด้วยกัน” และเมื่อให้เด็กนำเสนอผลงานจากสื่อดิจิทัล Lifeworksheet เด็กๆสามารถ
บอกจำนวนสิ่งของที่อยู่ในกลุ่มทรงสามเหลี่ยม ทรงกลม และทรงกระบอกได้
90
น้องเอ : กลุ่มสามเหลี่ยมมอยู่ 5 อย่างค่ะ
ี
น้องบี : กลุ่มทรงกลมมี 6 ครับ
น้องซี : ทรงกระบอกมี 7 ครับ
เด็กๆสามารถบอกจำนวนสิ่งของในแต่ละกลุ่มได้ และบอกได้ว่า
น้องดี : กลุ่มทรงสามเหลี่ยมรวมกับกลุ่มทรงกลมเท่ากับ11
น้องเอฟ : กลุ่มทรงกลมรวมกบกลุ่มทรงกระบอกได้ 13 ค่ะ
ั
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-bookเรื่อง “หนูน้อยเจ้าระเบียบ”
เด็กๆสามารถบอกได้ว่า “เก็บสิ่งของเข้าที่ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย”แต่ยังไม่มีเด็กคนใดบอก
ได้ว่า “เป็นการจัดกลุ่ม สิ่งของลักษณะเดียวกันไว้ด้วยกัน” เมื่อเด็กอ่านทบทวนนิทาน E-book เรื่อง
“หนูน้อยเจ้าระเบียบ” อีกครั้ง เด็กสามารถบอกได้ว่าเนื้อเรื่องในนิทานเกี่ยวกับ “การแยกประเภท”
“เก็บสิ่งของเดียวกันเอาไว้ด้วยกัน” เด็กๆสามารถจัดกลุ่มสิ่งของตามกลุ่มทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม และ
ทรงกลมได้ เมื่อให้เด็กๆอธิบายลักษณะของแต่ละกลุ่มพบว่าเด็กๆยังไม่สามารถอธิบายลักษณะของ
ิ
ทรงกระบอกได้ หลังจากการทำกจกรรมจัดกลุ่มสิ่งของตามรูปทรงซ้ำอีกครั้งเด็กจึงสามารถบอก
ลักษณะของทรงกระบอกได้ จากการตรวจสอบการใช้สื่อดิจิทัล Lifeworksheet พบว่าเด็กๆสามารถ
จัดกลุ่มรูปภาพสิ่งของตามรูปทรงได้ สามารถนับจำนวน และพิมพ์คำตอบระบุจำนวนผลรวมของแต่
ละกลุ่มได้อย่างถูกต้อง
สัปดาห์ที่ 6 การแยกกลม โดยศึกษาว่า เด็กสามารถบอกจำนวนที่เหลือ เมื่อแยกกลุ่มย่อย
ุ่
ออกจากกลุ่มใหญ่ที่มีจำนวนไม่เกิน 10
ั
ขั้นสร้างประสบการณ์จากวรรณกรรม หลังจากเด็กๆฟง และอ่านนิทาน E-book
เรื่อง “หนูน้อยยอดนักลบ” ผู้ศึกษาให้เด็กๆปั้นดินน้ำมันเกี่ยวกับกับเหตุการณ์ในนิทานและนำเสนอ
ผลงานของตนเอง ผู้ศึกษาพบว่ามีเด็กจำนวน 13 คนปั้นเหตุการณ์เด็กชายในนิทานเจอก้อนหิน 10
้
ก้อน และเมื่อถามคำถามว่า “เด็กชายในนิทานนำก้อนหินออกกี่กอน และเหลือทั้งหมดกี่ก้อน”
เด็กนักเรียน : มีหิน 10 ก้อน นำออก 10 ก้อน เหลือหิน 0 ก้อน
มีเด็กจำนวน 1 คนปั้นเหตุการณ์มีรั้ว 9 แถวและมีเฮลิคอปเตอร์บินมาและนำรั้วออก
ให้เหลือน้อยลง เมื่อถามเด็กว่า “มีรั้วจำนวนกี่แถว เฮลิคอปเตอร์นำรั้วออกกี่แถว เหลือรั้วทั้งหมดก ี่
แถว”
91
น้องเอ : มีรั้ว 9 แถว นำออก 4 แถว เหลือรั้ว 5 แถวค่ะ
มีเด็กจำนวน 1 คนปั้นเหตุการณ์หญิงชราเดินขึ้นบันได 12 ขั้น เมื่อถามเด็กว่า “มี
ี่
ี่
บันไดกขั้น รถแบคโฮนำบันไดออกกขั้น เหลือบันไดทั้งหมดกี่ขั้น”
น้องบี : มีบันได 12 ขั้น นำบันไดออก 9 ขั้น เหลือบันได 3 ขั้นครับ
ขั้นทบทวนวรรณกรรมและเรียนรู้คณิตศาสตร์ เมื่อผู้ศึกษาถามคำถามทบทวน
เกี่ยวกับนิทานเรื่อง “หนูน้อยยอดนักลบ” เด็กๆสามารถตอบได้ว่า “นำก้อนหินออก 10 ก้อน เหลือ 0
ก้อน,คำบนกำแพง 7 คำลบออก 3 คำ เหลือ 4 คำ, รั้ว 9 แถว เอาออก 4 แถว เหลือ 5 แถว, บันได
12 ขั้น เอกออก 9 ขั้น เหลือ 3 ขั้น, กล่องไปรษณีย์ 7 กล่อง นำออก 1 กล่อง เหลือ 6 กล่อง” และ
เมื่อผู้ศึกษาให้เด็กปั้นดินน้ำมันลงบนตารางตามตัวเลขที่กำหนด และนำดินน้ำมันตามตัวเลขที่กำหนด
เด็กสามารถปั้นดินน้ำมันตามจำนวน และนำดินน้ำมันออกตามจำนวน รวมทั้งสามารถบอกจำนวน
คงเหลือได้ว่า
น้องเอ : เหลือ 3 ค่ะ มีดินน้ำมัน 10 หยิบออกไป 7 ก้อนค่ะ
น้องบี : ดินน้ำมัน 7 ก้อน ลบออกไป 3 ก้อน เหลือดินน้ำมัน 4 ก้อนค่ะ
น้องซี : ไม่เหลือเลยครับ มีดินน้ำมัน 3 ก้อน เอาออก 3 ก้อน เหลือ 0 ก้อน ไม่มีเลย
ครับ
ขั้นสร้างความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม เมื่อผู้ศึกษาให้เด็กนับไม้
ไอศกรีมสีอะไรก็ได้จำนวน 5 ไม้ และให้เด็กนำไม้ไอศกรีมสีฟ้าออก ผู้วิจัยถามคำถามว่า “เด็กๆหยิบ
ไม้ไอศกรีมสีฟ้าออกกี่ไม้ และเหลือไม้ไอศกรีมทั้งหมดกี่ไม้” เด็กๆในชั้นเรียนมีคำตอบแบ่งได้ 2 กลุ่ม
้
เด็กกลุ่มที่ 1 : มีไม้ไอศกรีม 5 ไม้ หยิบไมไอศกรีมสีฟ้าออก 1 ไม้ เหลือไม้ไอศกรีม
ทั้งหมด 4 ไม้
เด็กกลุ่มที่ 2 : มีไม้ไอศกรีม 5 ไม้ หยิบไมไอศกรีมสีฟ้าออก 0 ไม้ เหลือไม้ไอศกรีม
้
ทั้งหมด 5 ไม้
เมื่อผู้วิจัยให้เด็กนับไม้ไอศกรีมสีอะไรกได้จำนวน 8 ไม้ และให้เด็กนำไม้ไอศกรีมสีส้ม
็
ออก ผู้วิจัยถามคำถามว่า “เด็กๆหยิบไม้ไอศกรีมสีส้มออกกี่ไม้ และเหลือไม้ไอศกรีมทั้งหมดกี่ไม้”
เด็กๆในชั้นเรียนมีคำตอบแบ่งได้ 3 กลุ่ม
92
เด็กกลุ่มที่ 1 : มีไม้ไอศกรีม 8 ไม้ หยิบไม้ไอศกรีมสีส้มออก 2 ไม้ เหลือไม้ไอศกรีม
ทั้งหมด 6 ไม้
เด็กกลุ่มที่ 2 : มีไม้ไอศกรีม 8 ไม้ หยิบไม้ไอศกรีมสีส้มออก 1 ไม้ เหลือไม้ไอศกรีม
ทั้งหมด 7 ไม้
เด็กกลุ่มที่ 3 : มีไม้ไอศกรีม 8 ไม้ หยิบไม้ไอศกรีมสีส้มออก 0 ไม้ เหลือไม้ไอศกรีม
ทั้งหมด 8 ไม้
ซึ่งเด็กสามารถบอกเหตุผลจำนวนที่เหลือไม่เท่ากันได้ว่า
น้องเอ : ตอนหยิบไม้ไอศกรีมหยิบไม่เหมือนกันครับ
่
น้องบี : หยิบไม้ไอศกรีมสีไม่เหมือนกัน เอาออกไม่เหมือนกัน เลยเหลือไม่เท่ากันคะ
และเมอตรวจผลงานจากสื่อดิจิทัล Wordwall พบว่าเด็กๆสามารถทำกิจกรรม
ื่
เกี่ยวกับการแยกกลุ่มได้อย่างถูกต้อง
ขั้นสรุปความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านวรรณกรรม หลังจากเด็กๆทำกิจกรรม
จากสื่อดิจิทัล Wordwall เรื่องการแยกกลุ่ม เด็กๆสามารถเล่าเกี่ยวกับการทำกิจกรรมได้ว่า
น้องเอ : เป็นการเอาออก และบอกจำนวนที่เหลือค่ะ
เมื่อผู้ศึกษาถามคำถามเด็กๆขณะนำเสนอผลงานของตนเอง เด็กๆสามารถตอบได้ว่า
น้องบี : มี 10 นำออก 3 เหลือ 7 ค่ะ
น้องซี : กล่องมี 6 ใบ เอาออกไป 3 ใบ เหลือกล่อง 3 ใบครับ
น้องดี : มีบันไดทั้งหมด 12 ขั้น รถตักไปทิ้ง 3 ขั้น เหลือบันได 9 ขั้นคะ
่
น้องเอฟ : รั้วมี 9 แถว เอาออก 3 9-3 เท่ากับ 6 ครับ
สรุปได้ว่า หลังจากเด็กๆฟัง และอ่านนิทาน E-book เรื่อง “หนูน้อยยอดนักลบ”
เด็กๆปั้นดินน้ำมันเกี่ยวกับกับเหตุการณ์ในนิทานและตอบคำถามได้ว่า “เด็กชายในนิทานนำก้อนหิน
้
ออกกก้อน และเหลือทั้งหมดกี่กอน” เด็กสามารถปั้นดินน้ำมันและนำดินน้ำมันออกพร้อมบอกจำนวน
ี่
คงเหลือได้อย่างถูกต้อง เด็กสามารถนับไม้ไอศกรีมและหยิบไม้ไอศกรีมออกพร้อมทั้งบอกจำนวน
คงเหลือได้อย่างถูกต้อง จากการตรวจผลงานการใช้สื่อดิจิทัล Wordwall พบว่าเด็กๆสามารถทำ
กิจกรรมเกี่ยวกับการแยกกลุ่มได้อย่างถูกต้อง
93
ทั้งนี้สรุปได้ว่า ก่อนการจัดกิจกรรมวรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล เด็กบางส่วนไม่
สามารถนับปากเปล่า 1-20 นับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 ได้ เด็กบางคนนับสิ่งของตามจำนวนที่
กำหนดให้ไม่ได้ ต้องมีคนคอยให้คำแนะนำ เด็กๆส่วนมากบอกจำนวนมากกว่า น้อยกว่าน้อย แต่เมื่อ
ให้เรียงสิ่งของจากจำนวนมากไปหาน้อย น้อยไปหามาก 3 ลำดับ เด็กส่วนมากยังไม่สามารถ
เรียงลำดับได้ เช่นเดียวกับการเรียงลำดับเหตุการณ์ 5 เหตุการณ์ ที่เด็กบางส่วนยังไม่สามารถ
เรียงลำดับเหตุการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง เด็กเป็นส่วนมากยังไม่สามารถจัดกลุ่มสิ่งของตามรูปทรงได้ จึง
ทำให้ไม่สามารถบอกผลรวมของแต่ละกลุ่มได้ เด็กบางส่วนสามารถแยกกลุ่มย่อยออกจากกลุ่มใหญ่
และบอกจำนวนคงเหลือได้ ในระหว่างการจัดกิจกรรมเด็กสามารถนับปากเปล่า นับถอยหลัง หยิบ
สิ่งของตามจำนวน พูดบอกลำดับเหตุการณ์ จัดกลุ่มสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนกัน แยกกลุ่มสิ่งของได้
เพิ่มมากขึ้น และเมื่อจัดกิจกรรมครบทั้ง 6 สัปดาห์ ผู้วิจัยสังเกตเห็นว่า เด็กสามารถนับปากเปล่า 1-
20 นับปากเปล่าถอยหลัง 10-1 หยิบสิ่งของตามจำนวน พูดบอกลำดับจากมากไปน้อย น้อยไปมาก
เรียงลำดับและพูดบอกลำดับเหตุการณ์ จัดกลุ่มสิ่งของลักษณะเดียวกันและบอกผลรวมของแต่ละกลุ่ม
รวมทั้งแยกกลุ่มสิ่งของตามกำหนดและบอกจำนวนคงเหลือได้ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องมีคน
คอยแนะนำ
94
บทที่ 5
สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
ขอบเขตการศึกษา
ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กําหนดขอบเขตการศกษาดังนี้
ึ
ขอบเขตด้านกลุ่มเป้าหมาย
เด็กชาย – หญิง อายุระหว่าง 5-6 ปี กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนชุมชนบึงบา อำเภอ
หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกษา 2564 จำนวน 15 คน
ึ
ขอบเขตด้านเนื้อหา
การศึกษานี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาความรู้และความสามารถของเด็กเกี่ยวกับการนับ ค่าของจำนวน การ
เปรียบเทียบจำนวน การเรียงอันดับ การรวมกลุ่มและการแยกกลุ่ม ประกอบด้วย
1. การนับปากเปล่า หมายถึง เด็กสามารถนับปากเปล่าได้ 1-20 และนับปากเปล่าถอยหลังได้ 10-1
2. การนับอย่างรู้ค่าจำนวน หมายถึง เด็กสามารถนับและบอกจำนวนสิ่งของที่นับไม่เกิน 20 และ
สามารถแสดงสิ่งของตามจำนวนที่กำหนดให้ตั้งแต่ 1-20
95
3. การเปรียบเทียบจำนวน หมายถึง เด็กสามารถเปรียบเทียบจำนวนมากกว่า น้อยกว่า ที่กำหนดให้
ตั้งแต่ 1-20
4. การเรียงลำดับ หมายถึง เด็กสามารถเรียงลำดับของสิ่งต่าง ๆ ไม่เกิน 5 สิ่ง/เหตุการณ์ได้อย่าง
ต่อเนื่อง ระบุสิ่งที่อยู่ในลำดับที่กำหนด
5. การรวมกลุ่ม หมายถึง เด็กสามารถจัดกลุ่มสิ่งต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กัน บอกจำนวนทั้งหมดที่เกิดจาก
การรวมสิ่งต่างๆสองกลุ่มที่มีผลรวมไม่เกิน 10
6. การแยกกลุ่ม หมายถึง เด็กสามารถบอกจำนวนที่เหลือ เมื่อแยกกลุ่มย่อยออกจากกลุ่มใหญ่ที่มี
จำนวนไม่เกิน 10
ขอบเขตด้านตัวแปร ได้แก่
1. ตัวแปรต้น คือ วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัล
2. ตัวแปรตาม คือ ความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
ขอบเขตด้านระยะเวลา
การศึกษาครั้งนี้ทำการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ครั้งละ 30 นาที จัดกิจกรรมโดย
การทดสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลองใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับสื่อดิจิทัลที่ส่งผลต่อความเข้าใจ
ทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย ทั้งหมด 24 กิจกรรม เริ่มทดลองเดือน
กุมภาพันธ์ – มีนาคม พ.ศ. 2564
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย
1.แผนการจัดประสบการณ์การโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัลซึ่งเป็นแผนการจัด
ประสบการณ์ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น จำนวน 24 แผน
2.แบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย ผู้ศึกษา
สร้างขึ้น มีจำนวน 6 ตอน
96
วิธีการดำเนินการศึกษา
ผู้ศึกษาได้ดำเนินการศกษาตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ึ
1. ผู้วิจัยนำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
จากการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัลในช่วงก่อนทดลอง (Pretest) ไปทดสอบ
กับกลุ่มตัวอย่าง
2. ผู้วิจัยนำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย
ไปตรวจสอบคะแนนและนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์
3. ผู้วิจัยดำเนินการทดลองตามแผนการจัดประสบการณ์การโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้
สื่อดิจิทัล จำนวน 24 แผน โดยจัดประสบการณ์ในช่วง 9.30 – 10.00 น. ใช้เวลาจัดประสบการณ์แผนละ 30
นาที และทุกครั้งในการจัดประสบการณ์จะมีการบันทึกพฤติกรรมเกี่ยวกับความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยของกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมตลอดการทำกิจกรรม
ิ
4. เมื่อดำเนินการทดลองครบ 24 ครั้งแล้ว ผู้ศึกษาได้ทำแบบประเมินความเข้าใจทางคณตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัย จากการจัดกิจกรรมใช้วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับการใช้สื่อดิจิทัล
ในช่วงหลังทดลอง (Posttest) โดยใช้สถานที่ ระยะเวลาและแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้าน
จำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยชุดเดียวกับก่อนทดลองจัดกิจกรรม แล้วนำคะแนนทั้งก่อนและหลัง
การทำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการดำเนินการของเด็กปฐมวัยไปวิเคราะห์
ข้อมูล
5. นำผลคะแนนที่ได้จากการทำแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังมาวิเคราะห์สิถิติหาค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(Standard Deviation)
6. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ผู้วิจัยนำข้อมูลจากแบบประเมินความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวน
และการดำเนินการของเด็กปฐมวัยและการบันทึกพฤติกรรมความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ด้านจำนวนและการ
ดำเนินการของเด็กปฐมวัยไปวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป