The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดการสอน เรื่องการลำเลียงในพืช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kujoice, 2023-07-30 04:09:20

ชุดการสอน เรื่องการลำเลียงในพืช

ชุดการสอน เรื่องการลำเลียงในพืช

ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การล าเลียงในพืช จรัญญา พรตภณาพร ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนปราจิณราษฎรอ ารุง จังหวัดปราจีนบุรี ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปราจีนบุรี นครนายก


ชุดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การล าเลียงในพืช จรัญญา พรตภณาพร ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนปราจิณราษฎรอ ารุง จังหวัดปราจีนบุรี ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปราจีนบุรี นครนายก


คำนำ ชุดการสอนวิชาวิทยาศาสตร์1 ว21101 นี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และวิธีการสืบเสาะหาความรู้(5E) ร่วมกับเทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์เชิงรุก(Active Teaching and Learning Approaches in Science : ATLAS) ในชุดการสอนที่ผู้รายงานจัดทำขึ้น ประกอบด้วย คำ ชี้แจงสำหรับครู-อาจารย์ แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งเรียนรู้ คู่มือการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ และแบบทดสอบ ชุดการสอนมีสื่อประสมหลายรูปแบบ อาทิ สื่อวัสดุของจริง สื่อจากแหล่งเรียนรู้ใน ชุมชน สื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ และสื่อจากเอกสาร ตำรา วารสาร แผ่นพับ เป็นต้น ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้มีการจัดทำโดยเน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ มีการศึกษาค้นคว้า การสำรวจข้อมูลจากแหล่ง เรียนรู้ภายในชุมชน ผู้เรียนต้องแสวงหาความรู้ พร้อมกับปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง และจดบันทึก ข้อมูล จากการจัดกิจกรรมดังกล่าว ทำให้ผู้เรียนรู้จักการอยู่ร่วมกันในสังคม ใจกว้าง ยอมรับฟังผู้อื่น และสามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า จากการพัฒนาชุดการสอนอย่างเป็นระบบ สามารถทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น และมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ ผู้รายงานหวังว่า ชุดการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์1 ว21101 เล่มนี้ คงมีประโยชน์ต่อ ครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการเรียนต่อไป (นางจรัญญา พรตภณาพร) ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง


สารบัญ เรื่อง หน้า คำชี้แจงสำหรับครู -อาจารย์ บทบาทของครู -อาจารย์ บทบาทของนักเรียน ผังแสดงองค์ประกอบของเนื้อหาเรื่อง การลำเลียงในพืช แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2.1 ใบการทดลองที่ 2.1 เฉลยใบการทดลองที่ 2.1 ใบความรู้ที่ 2.1 แบบฝึกหัดที่ 2.1 เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2.1 แบบประเมินการทำกิจกรรม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2.2 ใบการทดลองที่ 2.2.1 เฉลยใบการทดลองที่ 2.2.1 ใบการทดลองที่ 2.2.2 เฉลยใบการทดลองที่ 2.2.2 ใบความรู้ที่ 2.2 แบบฝึกหัดที่ 2.2 เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2.2 แบบประเมินการทำกิจกรรม แบบทดสอบเรื่อง การลำเลียงในพืช เฉลยแบบทดสอบเรื่อง การลำเลียงในพืช บรรณานุกรม กขค126 1 0 1 4 1 6 1 7 1 8 2 0 2 3 2 5 27 293139 4041434445


ก คำชี้แจงสำหรับครู-อาจารย์ ชุดการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 นี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และวิธีสืบเสาะหาความรู้(5E) ร่วมกับเทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์เชิงรุก (Active Teaching and Learning Approaches in Science : ATLAS) 1. ลักษณะของชุดการสอน ชุดการสอนเรื่อง การลำเลียงในพืชนี้ เป็นชุดการสอนประกอบหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง หน่วยของสิ่งมีชีวิต ลักษณะของชุดการสอนเป็นลักษณะสื่อผสม ร่วมกับเทคนิคการสอนวิทยาศาสตร์ เชิงรุก (Active Teaching and Learning Approaches in Science : ATLAS) 2. ส่วนประกอบของชุดการสอน 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้ 2.2 ชุดสื่อและแหล่งเรียนรู้ ประกอบด้วย 2.2.1 สื่อและแหล่งเรียนรู้ 2.2.2 ใบความรู้ 2.2.3 ใบการทดลอง 2.2.4 เกม 2.3 คู่มือการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ 2.4 แบบทดสอบท้ายหน่วยการเรียน 2.5 แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน 2.6 เฉลยใบการทดลอง 2.7 เฉลยแบบฝึกหัดและแบบทดสอบ


ข บทบาทของครู-อาจารย์ 1. ศึกษา 1.1 ศึกษาคู่มือในการใช้ชุดการสอน 1.2 ศึกษาแผนการจัดการเรียนรู้ทุกแผนอย่างละเอียด 1.3 ศึกษาวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1.4 ศึกษาคู่มือการใช้สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1.5 ศึกษาใบความรู้ 1.6 ศึกษาแบบทดสอบ 2. การดำเนินการสอน 2.1 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ซึ่งเป็นแบบทดสอบรวมเนื้อหาทั้งหน่วยการเรียน 2.2 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้มีขั้นตอน ดังนี้ 2.2.1 มีการนำเข้าสู่บทเรียน โดยครูตั้งคำถามประกอบการใช้สื่อ อุปกรณ์ เกม ให้นักเรียน สังเกต คิดวิเคราะห์ เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดปัญหา เกิดความใฝ่รู้ บางเรื่องที่เป็นเนื้อหาต่อเนื่องมี การทบทวนความรู้เดิมโดยการอภิปรายซักถามจากภาพ บัตรคำ สื่อของจริง 2.2.2 ขั้นประกอบกิจกรรมหรือขั้นสอน นักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1) สังเกตสื่อของจริงที่นำมา ได้แก่ น้ำส้มสายชู น้ำปลา วุ้นกะทิ 2) ศึกษาใบความรู้ 3) ศึกษาใบกิจกรรมหรือใบการทดลอง 4) ศึกษาวิธีทำการทดลองและลงมือปฏิบัติ 5) บันทึกผลการปฏิบัติ 2.2.3 ขั้นสรุป มีการอภิปรายสรุปผลที่เกิดจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อสรุปส่วนที่ สำคัญในแต่ละเรื่องและนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ 1) อภิปรายซักถามเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้ตรงกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 2) ทำกิจกรรมการทดลองในใบการทดลอง 3) เล่นเกมเพื่อทบทวนความรู้ 4) เขียนผังมโนทัศน์ 2.3 การสังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรียนการสอน โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรม 2.4 นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 2.5 ตรวจใบการทดลอง แบบฝึกหัดและแบบทดสอบ 2.6 หากนักเรียนคนใดขาดเรียน ครูควรให้นักเรียนเรียนเป็นรายบุคคลโดยศึกษาจากใบความรู้ ในชุดการสอนนี้


ค บทบาทของนักเรียน ครูเป็นผู้แนะนำในตอนแรก หลังจากนั้นนักเรียนปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1. ปฏิบัติกิจกรรมตามคำแนะนำของครูอย่างตั้งใจ 2. เตรียมอุปกรณ์การทดลองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้อง 3. สังเกตและบันทึกผลการทดลองโดยละเอียด 4. เตรียมเสนอผลงานอย่างตั้งใจ 5. ทำการทดลองตามที่กำหนด หลังปฏิบัติการทดลองแล้วต้องล้างและเก็บวัสดุอุปกรณ์ให้ เรียบร้อย 6. ศึกษาและปฏิบัติตามกิจกรรมให้ครบถ้วนถูกต้องด้วยความตั้งใจ 7. ศึกษาใบความรู้ให้เข้าใจ 8. เล่นเกมที่กำหนดตามกติกา 9. ทำใบการทดลอง แบบฝึกหัดและแบบทดสอบด้วยความตั้งใจ 10. ส่งงานให้ครบถ้วนตรงตามเวลาที่กำหนด การจัดชั้นเรียน ในชั้นเรียนแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน มีทั้งหมด 9 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มเป็น นักเรียนระดับเก่ง ปานกลางและอ่อน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงรวมกัน แต่ละกลุ่มเลือกประธาน เลขานุการกลุ่ม และสมาชิกกลุ่ม โดยครูชี้แจงหน้าที่ของแต่ละคนที่จะทำงานร่วมกัน แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1. หัวข้อเรื่องและกำหนดการสอน 2. ตัวชี้วัด หมายถึง พฤติกรรมที่เป็นผลรวมทั้งหมดที่คาดหวังจะให้เกิดกับผู้เรียน 3. สาระสำคัญ ซึ่งเป็นใจความสำคัญของเรื่องหรือความคิดรวบยอด เขียนให้กะทัดรัดได้ ใจความ เข้าใจง่าย 4. จุดประสงค์การเรียนรู้หมายถึง พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ควรเกิดขึ้นระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้ 5. กิจกรรมการเรียนรู้ หมายถึง ขั้นตอนการจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งอาจ จัดกิจกรรมหลากหลาย เช่น การสังเกต การทดลอง การทำงานกลุ่ม การเสนอผลงาน เกม เป็นต้น 6. สื่อและแหล่งเรียนรู้ หมายถึง วัสดุอุปกรณ์ สารเคมี สื่อวัสดุของจริง และสื่อ โสตทัศนูปกรณ์ที่ใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อวัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี เช่น ชุดอุปกรณ์และสารเคมี สื่อเอกสาร ได้แก่ ใบความรู้ ใบการทดลอง แบบฝึกหัด แบบทดสอบ ศูนย์การเรียน 7. การวัดผลและประเมินผล เป็นวิธีการวัดผลและประเมินผล เพื่อตรวจสอบผลการเรียนของ นักเรียน ซึ่งเป็นไปตามจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้หรือไม่ ประกอบด้วย วิธีการวัด เครื่องมือวัด และเกณฑ์การวัด


ง การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด และประเมินผล วิธีวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์ การประเมินผล ความรู้ ความเข้าใจ ตรวจ - การตอบคำถาม ท้ายการทดลอง - การสรุปผลการทดลอง - การทำแบบฝึกหัด - การทำแบบทดสอบ - ใบการทดลอง - แบบฝึกหัด - แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ 80% ทักษะกระบวนการ - สังเกตการณ์ใช้อุปกรณ์ - ตรวจผลการทดลอง การจัดกระทำข้อมูล การนำเสนอ - ใบการทดลอง - แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80% เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม สังเกต -ความร่วมมือในการทำ กิจกรรม -การดูแล จัดเก็บอุปกรณ์ และห้องปฏิบัติการ -แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80%


ผังแสดงองค์ประกอบของเนื้อ ก การแพร่และ ออสโมซิส วิธีการ ปัจจัยที่มีผล


1 อหา เรื่อง การลำเลียงในพืช ารลำเลียงในพืช การลำเลียงอาหาร การคายน้ำ การลำเลียงน้ำ วิธีการ ปัจจัยที่มีผล วิธีการ ปัจจัยที่มีผล วิธีการ ปัจจัยที่มีผล


2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1.1 เรื่อง การแพร่และการออสโมซิส ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 รหัสวิชา ว21101 เวลา 3 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและ ออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และยกตัวอย่าง การแพร่และออสโมซิสในชีวิตประจำวัน ว 1.2 ม.1/9. บรรยายลักษณะและหน้าที่ของไซเล็มและโฟลเอ็ม ว 1.2 ม.1/10. เขียนแผนภาพที่บรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพืช สาระสำคัญ การแพร่คือ การกระจายอนุภาคของสารจากที่มีความเข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสู่ความ เข้มข้นของอนุภาคของสารน้อย ส่วนการออสโมซิส คือ การแพร่ของน้ำจากที่มีอนุภาคของน้ำมากไปสู่ที่ มีอนุภาคของน้ำน้อยกว่าโดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน น้ำจะถูกลำเลียงเข้าสู่ต้นพืชทางขนรากด้วยกระบวนการ ออสโมซิส ส่วนแร่ธาตุจะซึมดข้าสู่ขนรากโดยวิธีการแพร่ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทำการทดลองเพื่อศึกษาการแพร่และออสโมซิสได้(P) 2. อธิบายหลักการแพร่และออสโมซิสได้(K) 3. ระบุปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่และออสโมซิสได้(K) 4. นำหลักการแพร่และออสโมซิสไปอธิบายหลักการลำเลียงในพืชได้(K) 5. มีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานกลุ่ม และการรักษาความสะอาดอุปกรณ์ การทดลองและห้องปฏิบัติการ(A) สาระการเรียนรู้ การแพร่ คือ การกระจายอนุภาคของสารจากสารซึ่งมีความเข้มข้นของอนุภาคสารมากไปสู่ ความเข้มข้นของอนุภาคของสารน้อย จนกว่าอนุภาคสารทั้งสองบริเวณจะมีความเข้มข้นเท่ากัน การ กระจายอนุภาคของสารจะเป็นไปอย่างอิสระกระจายออกไปได้ทุกทิศทาง ออสโมซิส คือ กระบวนการแพร่ของน้ำจากที่ซึ่งมีอนุภาคของน้ำมากกว่าไปสู่ที่ซึ่งมีอนุภาค ของน้ำน้อยกว่า โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน เช่น เยื่อหุ้มเซลล์ กระดาษเซลโลเฟน กระเพาะปัสสาวะสัตว์


3 เยื่อชั้นในของเปลือกไข่ น้ำจะถูกลำเลียงเข้าสู่ต้นพืชทางขนรากด้วยกระบวนการออสโมซิส ส่วนแร่ธาตุ จะซึมเข้าสู่ขนรากด้วยวิธีการแพร่ กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 – 2 วิธีการสอน : วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เทคนิคการสอน : การทดลอง ขั้นกำหนดปัญหา 1. ให้นักเรียนที่เคยชงเครื่องดื่มต่าง ๆ มาเล่าถึงการตักกาแฟหรือโอวัลติน หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ลงในน้ำร้อน จะสังเกตเห็นกาแฟหรือโอวัลตินที่ใส่ลงในน้ำร้อนค่อยๆ กระจายไปทั่วน้ำร้อน จนน้ำเป็น สีกาแฟหรือโอวัลตินหรือสีตามเครื่องดื่มนั้น 2. ใช้คำถามเพื่อนำไปสู่การทดลอง ดังนี่ 2.1 ถ้านำด่างทับทิม(โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต : KMnO4) ใส่ลงในน้ำ นักเรียนคิดว่าด่าง ทับทิมจะกระจายตัวเหมือนผงกาแฟหรือโอวัลตินหรือไม่ นักเรียนควรจะตรวจอย่างไรว่าการคาดคะเน ถูกต้อง ขั้นตั้งสมมติฐาน 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกตั้งสมมติฐานที่ตั้งไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป ขั้นศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 4. นักเรียนศึกษากิจกรรมการทดลองเรื่อง การแพร่ของสาร จากใบการทดลองที่ 2.1 (เทคนิค การทดลอง) ตามกลุ่ม ร่วมกันอภิปรายวิธีทดลองและจุดประสงค์ของการทดลอง 5. แนะนำนักเรียนก่อนทำทดลอง ดังนี้ 5.1 ใช้เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตเพียง 2-3 เกล็ด อย่าใช้มากเกินไป และค่อยๆ หย่อนเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตลงในน้ำ โดยไม่ขยับบีกเกอร์และควรใช้กระดาษขาวบังบีกเกอร์ จะช่วยให้สังเกตการกระจายของโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตชัดเจนยิ่งขึ้น 5.2 ในการทดลองตอนที่ 2 นั้น ให้นักเรียนทำเครื่องหมายแสดงระดับของเหลวในหลอดแก้ว เมื่อแช่ถุงลงในน้ำและอย่าให้น้ำท่วมเหนือรอยยางรัด 5.3 ในการรัดถุงกระดาษเซลโลเฟนเข้ากับหลอดแก้ว ควรใช้ยางรัดหลอดแก้วให้เป็นปมก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงเลื่อนหลุดจากหลอดแก้ว เวลารัดปากถุงพยายามไม่ให้เกิดฟองแก๊สและระวังอย่าให้ ปลายหลอดแก้วจุ่มถึงก้นถุง ขั้นทดลอง 6. นักเรียนปฏิบัติการทดลอง บันทึกผลการทดลอง โดยขณะที่นักเรียนปฏิบัติการทดลอง ครู เดินแนะนำตามกลุ่มในส่วนที่บกพร่อง และสังเกตพฤติกรรมขณะทำการทดลอง สังเกตการปฏิบัติ กิจกรรมกลุ่ม เพื่อประเมินผลให้คะแนน 7. นักเรียนอภิปรายผลการทดลองตามกลุ่มและตัวแทนนักเรียนทุกกลุ่มนำเสนอผลการทดลอง หน้าชั้นเรียน ขั้นสรุปผล 8. อภิปรายร่วมกันจนนักเรียนสามารถสรุปได้ว่า ปรากฎการณ์ที่เห็นจากการทดลอง เรียกว่า การแพร่ของสาร และการที่ระดับน้ำในหลอดแก้วสูงขึ้นเกิดจากน้ำในบีกกอร์ซึ่งมีความเข้มข้นของ


4 อนุภาคของน้ำมากกว่าในถุง แพร่ผ่านเยื่อเลือกผ่าน(กระดาษเซลโลเฟน) เข้าไปในถุงทำให้มีระดับน้ำ สูงขึ้น การกระจายอนุภาคของน้ำที่มีความเข้มข้นของอนุภาคน้ำมากกว่าไปสู่บริเวณที่มีความเข้มข้น ของอนุภาคน้ำน้อยกว่า โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน เรียกว่าการแพร่ของน้ำหรือออสโมซิส 9. นักเรียนเขียนรายงานการทดลอง โดยเขียนผลการทดลอง สรุปผลการทดลองและตอบ คำถามหลังการทดลอง ครูตรวจประเมินผลให้คะแนน 10. ควบคุมดูแลและอบรมนักเรียนเกี่ยวกับความสะอาด การกำจัดสารเคมีเหลือใช้และการ จัดเก็บอุปกรณ์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ชั่วโมงที่ 3 เทคนิคการสอน : การเว้นคำ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 11. ครูนำอภิปรายเพื่อทบทวนความรู้เดิมเรื่อง การแพร่และออสโมซิส สนทนาซักถามเพื่อ ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับความหมายและลักษณะของเซลล์ชนิดต่างๆ ขั้นสอน 12. นักเรียนแต่ละคนศึกษาใบความรู้ที่ 2.1 เรื่องการแพร่และออสโมซิส(เทคนิคการเว้นคำ) แล้วจับคู่กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันช่วยกันทำแบบฝึกหัดที่ 2.1 แล้วสลับคู่กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แลกเปลี่ยนกันตรวจสอบผลการทำแบบฝึกหัดร่วมกัน จากนั้นจึงอภิปรายร่วมกันทั้งกลุ่มเพื่อให้ได้ ข้อสรุปเดียวกัน 13. นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนกันตรวจแบบฝึกหัดระหว่างกัน 14. ครูสุ่มเลือกตัวแทนนักเรียน 2 กลุ่ม เฉลยกิจกรรมหน้าชั้นทีละกลุ่ม เมื่อจบการนำเสนอ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของกลุ่มที่เฉลย(ถ้ามี) เพื่อให้ได้ คำตอบที่ถูกต้อง นักเรียนแต่ละคนตรวจแบบฝึกหัดของเพื่อน บันทึกคะแนน และลงชื่อผู้ตรวจไว้ก่อน ส่งคืนเจ้าของ ขั้นสรุป 15. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่และการออสโมซิส การใช้ หลักการแพร่และการออสโมซิสในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช 16. ควบคุมดูแลนักเรียนให้มีความซื่อสุตย์ในการตรวจประเมินผลงานเพื่อน สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ที่ 2.1 เรื่องการแพร่และออสโมซิส 5. ใบการทดลองที่ 2.1 เรื่องการแพร่ของสาร 6. อุปกรณ์และสารเคมีตามที่ระบุไว้ในใบการทดลองที่ 2.1


5 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมินผล ความรู้ ความเข้าใจ ตรวจการตอบคำถาม และสรุปผลการทดลอง การทดลอง -ใบการทดลองที่ 2.1 -แบบฝึกหัดที่ 2.1 ผ่านเกณฑ์ 80% ทักษะกระบวนการ -สังเกตการใช้อุปกรณ์ -ตรวจผลการทดลอง -การจัดกระทำข้อมูล และการนำเสนอ -ใบการทดลองที่ 2.1 -แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80% เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม -สังเกตจากความ ร่วมมือในการทำ กิจกรรม -การดูแล จัดเก็บ ทำ ความสะอาดอุปกรณ์ และห้องปฏิบัติการ แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80%


6 ตอน 1 การแพร่ จุดประสงค์ของการทดลอง 1. ทำการทดลองและสรุปผลการทดลองเรื่องการแพร่ได้ 2. อธิบายหลักการแพร่ได้ วัสดุ อุปกรณ์และสารเคมี 1. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3 2. ช้อนตักสารเบอร์ 1 3. น้ำ 30 cm3 4. โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต(ด่างทับทิม) วิธีทดลอง 1. ใส่น้ำ 30 cm3 ลงในบีกเกอร์ 2. หย่อนเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต(ด่างทับทิม) 2 – 3 เกล็ดลงในน้ำ สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง ภายในเวลา 5 นาที 3. บันทึกผลการทดลองจากการสังเกตตามข้อ 2 ผลการทดลอง ช่วงเวลาที่สังเกต ผลการเปลี่ยนแปลง ขณะที่เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ตกลงในน้ำ เมื่อเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ตกลงสู่พื้นและเวลาผ่านไปครบ 5 นาที ใบการทดลองที่ 2.1 การแพร่ของสาร กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


7 คำถามท้ายการทดลอง 1. เมื่อหย่อนเกล็ดด่างทับทิมลงในน้ำ สีของสารละลายส่วนล่างกับส่วนบนต่างกันอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. ภายในเวลา 5 นาที มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ถ้าทิ้งสารละลายไว้ค้างคืนนักเรียนคิดว่าเป็นอย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 4. นักเรียนคิดว่าต้องทำอย่างไร การแพร่กระจายของด่างทับทิมจึงเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 5. ในชีวิตประจำวันที่นักเรียนเคยพบการแพร่ของสารอื่นๆ อีกหรือไม่อย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


8 ตอน 2 การออสโมซิส จุดประสงค์ของการทดลอง 1. ทำการทดลองและสรุปผลการทดลองเรื่องการออสโมซิสได้ 2. อธิบายหลักการออสโมซิสได้ วัสดุ อุปกรณ์และสารเคมี 1. ยางรัด 2. กระดาษเซลโลเฟนขนาด 15 cm x 15 cm 3. หลอดแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 cm ยาว 20 cm 4. กล่องพลาสติกเบอร์ 1 5. ลีกเกอร์ขนาด 100 cm3 6. หลอดฉีดยาขนาด 30 cm3 7. ชุดขาตั้งพร้อมที่จับ 8. ดินสอเขียนแก้ว วิธีทดลอง 1. ใช้กระดาษเซลโลเฟนขนาด 15 cm x 15 cm ชุบน้ำให้เปียก บุลงในกล่องพลาสติกเบอร์1 เทสารละลายน้ำตาลเข้มข้นลงไป 30 cm3 แล้วรงบชายกระดาษแก้วให้เป็นถุงเล็กๆ 2. จุ่มหลอดแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 cm ยาว 20 cm ลงในถุงสารละลายน้ำตาล ลึกประมาณ 3 cm 3. ใช้ยางรัดปากถุงติดกับหลอดแก้วให้แน่น เวลารัด พยายามไม่ให้เกิดฟองอากาศทั้งที่ใน หลอดแก้วและในถุง 4. ใส่น้ำในกล่องพลาสติกเบอร์ 1 ประมาณครึ่งกล่อง หย่อนถุงสารละลายน้ำตาลลงในกล่อง พลาสติกให้ระดับน้ำในกล่องอยู่ใต้ยางรัดเล็กน้อย แล้วยึดหลอดแก้วไว้กับขาตั้ง ทำเครื่องหมายแสดง ระดับของเหลวในหลอด สังเกตการเปลี่ยนแปลงในเวลา 5 นาทีแล้วบันทึกผล 5. เปลี่ยนน้ำในบีกเกอร์ที่แช่เป็นหมึกแดง ตั้งทิ้งไว้อีก 5 นาที สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง บันทึกผล ผลการทดลอง การทดลอง การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ แช่ถุงเซลโลเฟนที่บรรจุสารละลายน้ำตาล เข้มข้น 40% ในน้ำ


9 คำถามท้ายการทดลอง 1. ระดับของเหลวในหลอดแก้วเปลี่ยนแปลงอย่างไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. นักเรียนคิดว่าความเข้มข้นของน้ำตาลในถุงเซลโลเฟนมีผลต่ออัตราการแพร่ผ่านของน้ำหรือไม่ ................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. ถ้าต้องการการให้ระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว นักเรียนจะทำการทดลอง อย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 4. ในชีวิตประจำวันที่นักเรียนเคยพบการแพร่ของสารอื่นอีกหรือไม่ อย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..


10 ตอน 1 การแพร่ จุดประสงค์ของการทดลอง 1. ทำการทดลองและสรุปผลการทดลองเรื่องการแพร่ได้ 2. อธิบายหลักการแพร่ได้ วัสดุ อุปกรณ์และสารเคมี 1. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3 2. ช้อนตักสารเบอร์ 1 3. น้ำ 30 cm3 4. โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต(ด่างทับทิม) วิธีทดลอง 1. ใส่น้ำ 30 cm3 ลงในบีกเกอร์ 2. หย่อนเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต(ด่างทับทิม) 2 – 3 เกล็ดลงในน้ำ สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง ภายในเวลา 5 นาที 3. บันทึกผลการทดลองจากการสังเกตตามข้อ 2 ผลการทดลอง ช่วงเวลาที่สังเกต ผลการเปลี่ยนแปลง ขณะที่เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ตกลงในน้ำ เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกลงในน้ำ จะเกิด การละลายบางส่วนและเห็นป็นทางสีม่วง เมื่อเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ตกลงสู่พื้นและเวลาผ่านไปครบ 5 นาที เกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกลงสู่พื้น เกล็ดจะ ละลายน้ำ ทำให้รอลบริเวณกลายเป็นสีม่วงเข้ม และ สีของอนุภาคกระจายโดยรอบ ทำให้มีสีม่วงทั้งภาชนะ เฉลยใบการทดลองที่ 2.1 การแพร่ของสาร เทคนิคการสอน : การทดลอง กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


11 คำถามท้ายการทดลอง 1. เมื่อหย่อนเกล็ดด่างทับทิมลงในน้ำ สีของสารละลายส่วนล่างกับส่วนบนต่างกันอย่างไร สีของสารละลายส่วนล่างเข้มกว่าสีของสารละลายส่วนบน . 2. ภายในเวลา 5 นาที มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มี คือสีม่วงกระจายสม่ำเสมอทั้งภาชนะ 3. ถ้าทิ้งสารละลายไว้ค้างคืนนักเรียนคิดว่าเป็นอย่างไร อนุภาคของสีม่วงจะกระจายสีไปทั่วภาชนะ 4. นักเรียนคิดว่าต้องทำอย่างไร การแพร่กระจายของด่างทับทิมจึงเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น เพิ่มปริมาณเกล็ดด่างทับทิมให้มากขึ้น เพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น 5. ในชีวิตประจำวันที่นักเรียนเคยพบการแพร่ของสารอื่นๆ อีกหรือไม่อย่างไร การทำน้ำเกลือ การฉีดสเปรย์น้ำหอม สรุปผลการทดลอง จากการทดลองพบว่า เมื่อเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกลงในน้ำจะเกิดการละลาย บางส่วนเห็นเป็นทางสีม่วง และเมื่อเกล็ดโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตตกลงถึงก้นบีกเกอร์ เกล็ดด่าง ทับทิมจะละลายน้ำ ทำให้บริเวณรอบๆ มีสีส่งเข้มกระจายอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งน่าจะกล่าวได้ว่า การ แพร่ คือการกระจายของอนุภาคของสารจากที่ซึ่งมีความเข้มข้นของอนุภาคของสารมากไปสู่ที่ซึ่งมีความ เข้มข้นของอนุภาคของสารน้อย


12 ตอน 2 การออสโมซิส จุดประสงค์ของการทดลอง 1. ทำการทดลองและสรุปผลการทดลองเรื่องการออสโมซิสได้ 2. อธิบายหลักการออสโมซิสได้ วัสดุ อุปกรณ์และสารเคมี 1. ยางรัด 2. กระดาษเซลโลเฟนขนาด 15 cm x 15 cm 3. หลอดแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 cm ยาว 20 cm 4. กล่องพลาสติกเบอร์ 1 5. ลีกเกอร์ขนาด 100 cm3 6. หลอดฉีดยาขนาด 30 cm3 7. ชุดขาตั้งพร้อมที่จับ 8. ดินสอเขียนแก้ว วิธีทดลอง 1. ใช้กระดาษเซลโลเฟนขนาด 15 cm x 15 cm ชุบน้ำให้เปียก บุลงในกล่องพลาสติกเบอร์ 1 เทสารละลายน้ำตาลเข้มข้นลงไป 30 cm3 แล้วรงบชายกระดาษแก้วให้เป็นถุงเล็กๆ 2. จุ่มหลอดแก้วขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 cm ยาว 20 cm ลงในถุงสารละลายน้ำตาล ลึกประมาณ 3 cm 3. ใช้ยางรัดปากถุงติดกับหลอดแก้วให้แน่น เวลารัด พยายามไม่ให้เกิดฟองอากาศทั้งที่ใน หลอดแก้วและในถุง 4. ใส่น้ำในกล่องพลาสติกเบอร์ 1 ประมาณครึ่งกล่อง หย่อนถุงสารละลายน้ำตาลลงในกล่อง พลาสติกให้ระดับน้ำในกล่องอยู่ใต้ยางรัดเล็กน้อย แล้วยึดหลอดแก้วไว้กับขาตั้ง ทำเครื่องหมายแสดง ระดับของเหลวในหลอด สังเกตการเปลี่ยนแปลงในเวลา 5 นาทีแล้วบันทึกผล 5. เปลี่ยนน้ำในบีกเกอร์ที่แช่เป็นหมึกแดง ตั้งทิ้งไว้อีก 5 นาที สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง บันทึกผล ผลการทดลอง การทดลอง การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ แช่ถุงเซลโลเฟนที่บรรจุสารละลายน้ำตาล เข้มข้น 40% ในน้ำ ระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงขึ้น


13 คำถามท้ายการทดลอง 1. ระดับของเหลวในหลอดแก้วเปลี่ยนแปลงอย่างไร เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงขึ้น เพราะน้ำในภาชนะแพร่เข้าไปในถุง 2. นักเรียนคิดว่าความเข้มข้นของน้ำตาลในถุงเซลโลเฟนมีผลต่ออัตราการแพร่ผ่านของน้ำหรือไม่ มีผล เพราะความเข้มข้นของสารละลายน้ำตาลมากทำให้การแพร่ผ่านของน้ำภายนอกถุงก็จะมี มากขึ้น 3. ถ้าต้องการการให้ระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว นักเรียนจะทำการทดลอง อย่างไร เพิ่มปริมาณความเข้มข้นของน้ำตาลให้มากขึ้น 4. ในชีวิตประจำวันที่นักเรียนเคยพบการแพร่ของสารอื่นอีกหรือไม่ อย่างไร การฉีดพ่นยาปราบศัตรูพืช การแพร่กระจายของน้ำหอม สรุปผลการทดลอง เมื่อแช่ถุงที่มีสารละลายน้ำตาลลงในน้ำ จะเห็นว่าระดับของเหลวในหลอดแก้วสูงข้น นั่นแสดง ว่า น้ำแพร่เข้าไปในถุง ซึ่งอธิบายได้ว่า ปริมาณน้ำข้างนอกถุงมีมากกว่าปริมาณน้ำภายในถุง เมื่อเรา คิดต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรที่เท่ากัน ดังนั้น น้ำจึงแพร่จากภายนอกเข้าสู่ภายใน การแพร่ของน้ำผ่านเยื่อ บางๆ ในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่า ออสโมซิส


14 ใบความรู้ที่ 2.1 เรื่อง การแพร่และออสโมซิส ชื่อ.......................................................................................................ชั้น.....................เลขที่...................... กิจกรรมที่ 1 คำชี้แจง นำความรู้ที่ได้จากการทำการทดลองที่ 2.1 มาใช้ในการเติมคำที่เว้นไว้ให้สมบูรณ์ ภาพแสดงการแพร่ของสาร ภาพแสดงการออสโมซิส การแพร่(diffusion) เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารจาก บริเวณที่มีความเข้มข้น(ก)................ไปสู่บริเวณที่มี ความเข้มข้น(ข).......................จนมีการกระจาย ตัวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การแพร่ของอนุภาคน้ำหอม ในอากาศ การแพร่ของแร่ธาตุจากเซลล์หนึ่งไปยังอีก เซลล์หนึ่ง การแพร่ของแก๊สออกซิเจนจากถุงลมใน ปอดเข้าสู่เส้นเลือด เป็นต้น สารจะแพร่ได้เร็วขึ้นถ้าสารมีขนาดอนุภาค (ค).......................ลง ความเข้มข้นของสารมากขึ้น และอุณหภูมิสูงขึ้น กระบวนการแพร่ที่เกิดในสิ่งมีชีวิต ได้แก่ การแพร่ของแก๊สออกซิเจนเข้าสู่เซลล์พืชและ เซลล์สัตว์ เพื่อใช้ในกระบวนการหายใจ การแพร่ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ใบไม้ เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ออสโมซิส(osmosis) เป็นการแพร่ของของเหลว(ส่วนใหญ่เป็นน้ำ) ผ่าน (ง)......................................... ซึ่งมีสมบัติพิเศษคือ ยอมให้ของเหลวหรือน้ำที่มีขนาดอนุภาคเล็กแพร่เข้า ออกได้สะดวก แต่ไม่ยอมให้สารอื่นที่ละลายปนกับ ของเหลวที่มีขนาดอนุภาคใหญ่ผ่านเข้าออก การแพร่ ผ่านเยื่อบางหรือรียกว่า(จ)............................................ จะเกิดจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของอนุภาค (ฉ).......................(หรือสารละลายเจือจาง)ไปสู่บริเวณ ที่มีความเข้มข้นของอนุภาค(ช)............................... (หรือสารละลายเข้มข้น โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน เช่น การออสโมซิสของน้ำจากดินเข้าสู่ขนรากของพืช


15 เฉลยใบความรู้ที่ 2.1 เรื่อง การแพร่และออสโมซิส (เทคนิคการสอน : การเว้นคำ) กิจกรรมที่ 1 คำชี้แจง นำความรู้ที่ได้จากการทำการทดลองที่ 2.1 มาใช้ในการเติมคำที่เว้นไว้ให้สมบูรณ์ ภาพแสดงการแพร่ของสาร ภาพแสดงการออสโมซิส การแพร่(diffusion) เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารจากบริเวณ ที่มีความเข้มข้น(ก) มาก ไปสู่บริเวณที่มีความเข้มข้น(ข) น้อย จนมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การแพร่ ของอนุภาคน้ำหอมในอากาศ การแพร่ของแร่ธาตุจาก เซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง การแพร่ของแก๊สออกซิเจน จากถุงลมในปอดเข้าสู่เส้นเลือด เป็นต้น สารจะแพร่ได้เร็วขึ้นถ้าสารมีขนาดอนุภาค(ค) เล็ก ลง ความเข้มข้นของสารมากขึ้นและอุณหภูมิสูงขึ้น กระบวนการแพร่ที่เกิดในสิ่งมีชีวิต ได้แก่ การแพร่ของแก๊สออกซิเจนเข้าสู่เซลล์พืชและเซลล์ สัตว์ เพื่อใช้ในกระบวนการหายใจ การแพร่ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ใบไม้ เพื่อ ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ออสโมซิส(osmosis) เป็นการแพร่ของของเหลว(ส่วนใหญ่เป็นน้ำ) ผ่าน (ง) เยื่อบาง ซึ่งมีสมบัติพิเศษคือ ยอมให้ ของเหลวหรือน้ำที่มีขนาดอนุภาคเล็กแพร่เข้าออกได้ สะดวก แต่ไม่ยอมให้สารอื่นที่ละลายปนกับ ของเหลวที่มีขนาดอนุภาคใหญ่ผ่านเข้าออก การ แพร่ผ่านเยื่อบางหรือรียกว่า(จ) การออสโมซิส จะ เกิดจากบริเวณที่มีความเข้มข้นของอนุภาค(ฉ) น้ำ มาก(หรือสารละลายเจือจาง)ไปสู่บริเวณที่มีความ เข้มข้นของอนุภาค(ช) น้ำน้อย(หรือสารละลาย เข้มข้น โดยผ่านเยื่อเลือกผ่าน เช่น การออสโมซิส ของน้ำจากดินเข้าสู่ขนรากของพืช


16 ชื่อ.........................................................................................................ชั้น.........................เลขที่................ กลุ่มที่..............................................วันที่..................เดือน....................................พ.ศ................................ คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อที่เห็นว่าถูกและทำเครื่องหมาย หน้าข้อที่เห็นว่าผิด (5 คะแนน) ------ 1. การพ่นยากำจัดศัตรูพืชเป็นการแพร่ ------ 2. อัตราการแพร่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างความเข้มข้นของสาร 2 บริเวณ ------ 3. กระดาษเซลโลเฟนในการทดลอง เรื่องการออสโมซิส เปรียบได้กับผนังเซลล์ ------ 4. การแพร่เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคสารจากที่มีความเข้มข้นสูงไปสู่บริเวณที่มีความเข้มข้นต่ำ ------ 5. น้ำจากดินเข้าสู่ขนรากของพืชโดยวิธีการออสโมซิส เกณฑ์การให้คะแนน ตอบถูกต้องได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน แบบฝึกหัดที่ 2.1


17 ชื่อ.........................................................................................................ชั้น.........................เลขที่................ กลุ่มที่..............................................วันที่..................เดือน....................................พ.ศ................................ คำชี้แจง จงทำเครื่องหมาย หน้าข้อที่เห็นว่าถูกและทำเครื่องหมาย หน้าข้อที่เห็นว่าผิด (5 คะแนน) 1. การพ่นยากำจัดศัตรูพืชเป็นการแพร่ 2. อัตราการแพร่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างความเข้มข้นของสาร 2 บริเวณ 3. กระดาษเซลโลเฟนในการทดลอง เรื่องการออสโมซิส เปรียบได้กับผนังเซลล์ 4. การแพร่เป็นการเคลื่อนที่ของอนุภาคสารจากที่มีความเข้มข้นสูงไปสู่บริเวณที่มี ความเข้มข้นต่ำ 5. น้ำจากดินเข้าสู่ขนรากของพืชโดยวิธีการออสโมซิส เกณฑ์การให้คะแนน ตอบถูกต้องได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2.1


18 แบบประเมินการทำกิจกรรมของนักเรียนชั้น ม.1/3 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 กลุ่มที่ ชื่อสกุล การใช้อุปกรณ์ปกรณ์ การบันทึกผลการทดลอง การจัดกระทำข้อมูลและ การนำเสนอ การตอบคำถามท้ายการ ทดลอง การสรุปผลการทดลอง ความร่วมมือในการ ทำกิจกรรม ความสะอาดเป็นระเบียบ รวม 1 2 3 4 5 6 7 8 9


19 เกณฑ์การให้คะแนนตัวบ่งชี้ของพฤติกรรมการปฏิบัติการทดลองของนักเรียน ตัวบ่งชี้การปฏิบัติ การทดลอง ระดับคะแนน 3 2 1 1. การใช้อุปกรณ์ ใช้อุปกรณ์การทดลอง ได้อย่างคล่องแคล่ว และถูกต้องตามหลัก ปฏิบัติ ใช้อุปกรณ์ได้อย่าง ถูกต้องแต่ไม่ คล่องแคล่ว ใช้อุปกรณ์ไม่ถูกต้อง และทำการทดลองไม่ เสร็จตามเวลาที่กำหนด 2. การบันทึกผลการ ทดลอง บันทึกผลเป็นระยะ อย่างถูกต้อง มีระเบียบ และเป็นไปตามการ ทดลอง บันทึกผลเป็นระยะ ไม่ ระบุหน่วย ไม่เป็น ระเบียบแต่เป็นไปตาม การทดลอง บันทึกผลไม่ครบ ไม่มี การระบุหน่วยและไม่ เป็นไปตามการทดลอง 3. การจัดกระทำ ข้อมูลและการนำเสนอ จัดกระทำข้อมูลเป็น ระบบและนำเสนอได้ ถูกต้องชัดเจน จัดกระทำข้อมูลเป็น ระบบแต่นำเสนอไม่ ค่อยชัดเจนถูกต้อง จัดกระทำข้อมูลไม่เป็น ระบบ การนำเสนอไม่ ชัดเจน ไม่สื่อความ 4. การตอบคำถาม ท้ายการทดลอง ตอบคำถามท้ายการ ทดลองถูกต้องตั้งแต่ 80% ขึ้นไป ตอบคำถามท้ายการ ทดลองถูกต้องตั้งแต่ 50% - 80% ตอบคำถามท้ายการ ทดลองถูกต้องไม่ถึง 50% ขึ้นไป 5. การสรุปผลการ ทดลอง สรุปผลการทดลองได้ อย่างถูกต้อง กระชับ ชัดเจนและครอบคลุม จุดประสงค์ของการ ทดลอง สรุปผลการทดลองได้ อย่างถูกต้อง แต่ไม่ ชัดเจนและไม่ ครอบคลุมจุดประสงค์ ของการทดลอง สรุปผลการทดลองได้ ไม่ชัดเจน และไม่ ครอบคลุมจุดประสงค์ ของการทดลอง 6. ความร่วมมือใน กิจกรรม ทุกคนในกลุ่มให้ความ ร่วมมือทำกิจกรรมกลุ่ม และนำเสนอด้สนดี การนำเสนอถูกต้องตรง ประเด็น ทุกคนในกลุ่มให้ความ ร่วมมือทำกิจกรรมกลุ่ม และนำเสนอค่อนข้างดี การนำเสนอค่อนข้าง ถูกต้อง ตรงประเด็น ทุกคนในกลุ่มให้ความ ร่วมมือทำกิจกรรมกลุ่ม และการนำเสนอน้อย การนำเสนอไม่ถูกต้อง และไม่ตรงประเด็น 7. ความสะอาดเป็น ระเบียบ มีระเบียบวินับในการ ทำการทดลอง ไม่ส่ง เสียงดังและมีการรักษา ความสะอาดของ อุปกรณ์และ ห้องปฏิบัติการดี มีระเบียบวินัยในการ ทำการทดลอง ไม่ส่ง เสียงดังและมีการรักษา ความสะอาดของ อุปกรณ์และ ห้องปฏิบัติการค่อนข้าง ดี ทำการทดลองไม่ค่อย เป็นระเบียบ ส่งเสียงดัง ขาดวินัยในการใช้ อุปกรณ์ การรักษา ความสะอาดอุปกรณ์ และห้องปฏิบัติการไม่ดี นัก


20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2.2 เรื่อง การลำเลียงในพืช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 รหัสวิชา ว21101 เวลา 3 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและ ออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจากหลักฐานเชิงประจักษ์ และยกตัวอย่าง การแพร่และออสโมซิสในชีวิตประจำวัน ว 1.2 ม.1/9. บรรยายลักษณะและหน้าที่ของไซเล็มและโฟลเอ็ม ว 1.2 ม.1/10. เขียนแผนภาพที่บรรยายทิศทางการลำเลียงสารในไซเล็มและโฟลเอ็มของพืช สาระสำคัญ การลำเลียงเป็นกระบวนการสำคัญอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีโครงสร้างที่ ใช้ในการลำเลียงสารแตกต่างกันไป สำหรับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงจะมีระบบลำเลียงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหน้าที่นี้ โดยเฉพาะ ระบบลำเลียงในพืชมีทั้งระบบลำเลียงน้ำ แร่ธาตุ และระบบลำเลียงอาหาร จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ระบุโครงสร้างของพืชที่ใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุได้ 2. ระบุโครงสร้างของพืชที่ใช้ในกระบวนการคายน้ำได้ 3. เขียนแผนภาพแสดงโครงสร้างที่ใช้ในการลำเลียงน้ำ แร่ธาตุและอาหารของพืชได้ 4. อธิบายการทำงานของระบบลำเลียงในพืชและกระบวนการคายน้ำของพืชได้ 5. มีส่วนร่วมและมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานกลุ่ม การรักษาความสะอาด อุปกรณืการ ทดลองและห้องปฏิบัติการ สาระการเรียนรู้ พืชมีระบบลำเลียงเพื่อใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุจากดินไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช โดยการ ลำเลียงนี้จะเกี่ยวข้องกับการคายน้ำของพืช เมื่อพืชได้รับน้ำและแร่ธาตุต่างๆ แล้ว จะนำไปใช้เป็น วัตถุดิบในการสร้างอาหารและใช้ในกระบวนการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และเมื่อพืชสร้างอาหาร แล้วก็จะลำเลียงอาหารไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืชเช่นกัน พืชจะดูดน้ำและแร่ธาตุที่บริเวณปลายรากและจะถูกลำเลียงไปโดยท่อลำเลียงน้ำ ซึ่งพืชจะมี เนื้อเยื่อลำเลียงอยู่ 2 กลุ่ม คือ ไซเลม(xylem) เป็นเนื้อเยื่อลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ และโฟลเอม


21 (phloem) เป็นเนื้อเยื่อลำเลียงอาหารที่พืชสร้างขึ้น โดยเนื้อเยื่อทั้งสองจะประกอบกันเป็นกลุ่มเนื้อเยื่อ ลำเลียงที่พบทั้งราก ลำต้น กิ่ง ใบ อย่างต่อเนื่องกัน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1-2 วิธีการสอน : วิธีทางวิทยาศาสตร์ เทคนิคการสอน : การทดลอง ขั้นกำหนดปัญหา 1. ทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการแพร่และออสโมซิสจากคาบเรียนที่ผ่านมา 2. สนทนาซักถามนักเรียนว่า พืชลำเลียงน้ำ แร่ธาตุและอาหารไปยังส่วนต่างๆ ได้อย่างไร นักเรียนจะตรวจสอบอย่างไรว่าการคาดคะเนของนักเรียนถูกต้อง ขั้นกำหนดสมมติฐาน 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกสมมติฐานที่ตั้งไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป ขั้นศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล 4. นักเรียนแบ่งกลุ่มคละความสามารถ กลุ่มละ 6 คน แบ่งเป็นกลุ่มย่อย 2 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน นักเรียนในกลุ่มย่อยที่ 1 ศึกษากิจกรรมการทดลองตามใบการทดลองที่ 2.2.1 เรื่องโครงสร้างที่พืช ใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ(เทคนิคการทดลอง) นักเรียนในกลุ่มย่อยที่ 2 ศึกษากิจกรรมการทดลอง ตามใบการทดลองที่ 2.2.2 เรื่องโครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ(เทคนิคการทดลอง) ขั้นทดลอง 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติการทดลองตามกลุ่มย่อยที่กำหนดไว้ พร้อมบันทึกผลการทดลอง โดยขณะที่นักเรียนปฏิบัติการทดลอง ครูเดินแนะนำตามกลุ่มในส่วนที่บกพร่อง สังเกตพฤติกรรมขณะ ปฏิบัติการทดลอง สังเกตการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม เพื่อประเมินผลให้คะแนน ขั้นสรุป 6. อภิปรายร่วมกันในกลุ่ม เกี่ยวกับความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติตามใบการทดลองที่ 2.2.1 และ ใบการทดลองที่ 2.2.2 เพื่อสรุปผลการทดลองได้เอง 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุป เกี่ยวกับโครงสร้างของพืชที่ใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ ธาตุ และโครงสร้างที่ใช้ในการคายน้ำ 8. ครูควบคุมดูแลและอบรมนักเรียนเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด และจัดเก็บอุปกรณ์ให้เป็น ระเบียบเรียบร้อย ชั่วโมงที่ 3 เทคนิคการสอน : การเว้นคำ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 9. สนทนาซักถามเพื่อทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับโครงสร้างสำคัญที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำ แร่ ธาตุ และการคายน้ำ ขั้นสอน 10. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้ที่ 2.2 เรื่องการลำเลียงในพืช(เทคนิคการเว้นคำ) ร่วมกันอภิปรายความรู้ เพื่อให้ได้รับความรู้เพิ่มเติมจากที่ได้เรียนมาในคาบที่แล้ว


22 ขั้นสรุป 11. นักเรียนทำแบบฝึกหัดที่ 2.2 ครูตรวจให้คะแนน 12. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการลำเลียงในพืช เฉลยแบบฝึกหัด นักเรียนแต่ ละกลุ่มแลกกันตรวจผลงาน 13. นักเรียนทำแบบทดสอบเรื่อง การลำเลียงในพืช สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. ใบความรู้ที่ 2.2 เรื่องการลำเลียงในพืช 2. ใบการทดลองที่ 2.2.1 เรื่องโครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ 3. ใบการทดลองที่ 2.2.2 เรื่องโครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ 4. วัสดุอุปกรณ์และสารเคมีตามใบการทดลองที่ 2.2.1 และ 2.2.2 การวัดผลและประเมินผล สิ่งที่ต้องการวัด วิธีวัด เครื่องมือวัดผล เกณฑ์การประเมินผล ความรู้ ความเข้าใจ ตรวจการตอบคำถาม และสรุปผลการทดลอง -ใบการทดลองที่ 2.2.1 , 2.2.2 -แบบฝึกหัดที่ 2.2 -แบบทดสอบ ผ่านเกณฑ์ 80% ทักษะกระบวนการ -สังเกตการใช้อุปกรณ์ -ตรวจผลการทดลอง -การจัดกระทำข้อมูล และการนำเสนอ -ใบการทดลองที่ 2.2.1 , 2.2.2 -แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80% เจตคติ คุณธรรม ค่านิยม -สังเกตจากความ ร่วมมือในการทำ กิจกรรม -การดูแล จัดเก็บ ทำ ความสะอาดอุปกรณ์ และห้องปฏิบัติการ แบบประเมินกิจกรรม ผ่านเกณฑ์ 80%


23 จุดประสงค์ของการทดลอง 1. เพื่อศึกษาโครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี 1. ต้นเทียน ตันผักกระสัง ต้นคื่นช่าย 2. ใบมีดโกน 3. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3 4. กล้องจุลทรรศน์ 5. น้ำหมึกแดง วิธีทดลอง 1. นำต้นเทียน ตันผักกระสัง หรือต้นคื่นช่าย ล้างให้สะอาด นำมาอย่างน้อย 2 ต้น ต้นที่ 1 แช่ในน้ำหมึกสีแดง ต้นที่ 2 แช่ในน้ำ นาน 30 นาที 2. นำลำต้นของต้นผักกระสังหรือต้นเทียนที่แช่ในน้ำหมึกแดงและแช่ในน้ำ ตัดตามยาวและ ตามขวาง ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ บันทึกผลการทดลอง บันทึกผลการทดลอง ภาพลักษณะภายในลำต้นตัดตามขวางและตัดตามยาวจากการทดลอง ภาพลำต้นเทียนแช่ในน้ำ ภาพลำต้นเทียนแช่ในน้ำหมึกสีแดง ตัดตามขวาง ตัดตามยาว ตัดตามขวาง ตัดตามยาว ใบการทดลองที่ 2.2.1 โครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ เซลล์สัตว์ กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


24 คำถามท้ายการทดลอง 1. เมื่อแช่ต้นเทียนในน้ำหมึกสีแดงไว้สักครู่ พบว่า .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. เมื่อตัดลำต้นตามยาว แล้วนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่า .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. เมื่อตัดลำต้นตามขวาง แล้วนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 4. แสดงว่าเซลล์ทุกเซลล์ของราก ลำต้น ใบ เป็นท่อลำเลียงน้ำทุกเซลล์หรือไม่ .................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................


25 จุดประสงค์ของการทดลอง 1. เพื่อศึกษาโครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี 1. ต้นเทียน ตันผักกระสัง ต้นคื่นช่าย 2. ใบมีดโกน 3. บีกเกอร์ขนาด 100 cm3 4. กล้องจุลทรรศน์ 5. น้ำหมึกแดง วิธีทดลอง 1. นำต้นเทียน ตันผักกระสัง หรือต้นคื่นช่าย ล้างให้สะอาด นำมาอย่างน้อย 2 ต้น ต้นที่ 1 แช่ในน้ำหมึกสีแดง ต้นที่ 2 แช่ในน้ำ นาน 30 นาที 2. นำลำต้นของต้นผักกระสังหรือต้นเทียนที่แช่ในน้ำหมึกแดงและแช่ในน้ำ ตัดตามยาวและ ตามขวาง ส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ บันทึกผลการทดลอง บันทึกผลการทดลอง ภาพลักษณะภายในลำต้นตัดตามขวางและตัดตามยาวจากการทดลอง ภาพลำต้นเทียนแช่ในน้ำ ภาพลำต้นเทียนแช่ในน้ำหมึกสีแดง ตัดตามขวาง ตัดตามยาว ตัดตามขวาง ตัดตามยาว เฉลยใบการทดลองที่ 2.2.1 โครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและแร่ธาตุ (เทคนิคการสอน : การทดลอง) เซลล์สัตว์ กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


26 คำถามท้ายการทดลอง 1. เมื่อแช่ต้นเทียนในน้ำหมึกสีแดงไว้สักครู่ พบว่า เห็นแสงสีแดงอยู่ที่ส่วนรากและเมื่อเวลาผ่านไปเกิดการแพร่ไปสู่ส่วนลำต้น 2. เมื่อตัดลำต้นตามยาว แล้วนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่า น้ำหมึกสีแดงเป็นเส้นเล็กๆ หลายเส้น แสดงว่าเป็นท่อลำเลียงน้ำ(xylem) และท่อลำเลียง อาหาร(phloem) 3. เมื่อตัดลำต้นตามขวาง แล้วนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่า สีแดงของน้ำหมึกเกาะเป็นจุดๆ อยู่ โดยที่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวอยู่อย่างกระจัดกระจาย ส่วนพืชใบ เลี้ยงคู่อยู่รอบวงในสุดของแก่นไม้ 4. แสดงว่าเซลล์ทุกเซลล์ของราก ลำต้น ใบ เป็นท่อลำเลียงน้ำทุกเซลล์หรือไม่ เซลล์ทุกเซลล์ของราก ลำต้นและใบไม่ใช่ท่อลำเลียงน้ำทุกเซลล์ แต่มีบางเซลล์เท่านั้นที่เป็น ท่อลำเลียงน้ำ


27 จุดประสงค์ของการทดลอง 1. เพื่อศึกษาโครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี 1. กิ่งไม้ที่มีใบสีเขียวยาวประมาณ 1 ฟุต 2. ถุงพลาสติกใสขนาด 20x20 cm 3. เชือกยาว 25 cm 4. ขวดปากกว้างสูงประมาณ 10 – 20 cm 5. น้ำ วิธีทดลอง 1. ตัดกิ่งไม้สีเขียวยาวประมาณ 1 ฟุต 2 กิ่ง นำมาปักแช่น้ำไว้ในขวด 2. นำถุงพลาสติกใบหนึ่งมาหุ้มกิ่งที่ 1 ซึ่งมีใบ และอีกใบหนึ่งมาหุ้มกิ่งที่ 2 ซึ่งเด็ดใบออกหมด ใช้เชือกผูกรวบถุงตรงโคนให้แน่น นำไปตั้งไว้ในที่ซึ่งถูกแสงแดดจัดประมาณ 10 - 15 นาที 2. สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง ถุงที่ ลักษณะของกิ่งไม้ ผลการเปลี่ยนแปลงภายในถุงพลาสติก เริ่มทดลอง หลังวางกลางแดด 15 นาที 1 กิ่งไม้ที่มีใบสีเขียว 2 กิ่งไม้ที่เด็ดใบออกหมด ใบการทดลองที่ 2.2.2 โครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


28 คำถามท้ายการทดลอง 1. จากการทดลองสังเกตเห็นละอองน้ำเกิดขึ้นในถุงพลาสติกทั้งสองใบมีปริมาณเท่ากันหรือไม่ อย่างไร .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2. หยดน้ำที่เกิดขึ้นในถุงพลาสติกมาจากส่วนใดของพืช .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 3. การคายน้ำของพืชจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 4. ผลการทดลองสรุปได้ว่าอย่างไร .................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................


29 จุดประสงค์ของการทดลอง 1. เพื่อศึกษาโครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ วัสดุ อุปกรณ์ และสารเคมี 1. กิ่งไม้ที่มีใบสีเขียวยาวประมาณ 1 ฟุต 2. ถุงพลาสติกใสขนาด 20x20 cm 3. เชือกยาว 25 cm 4. ขวดปากกว้างสูงประมาณ 10 – 20 cm 5. น้ำ วิธีทดลอง 1. ตัดกิ่งไม้สีเขียวยาวประมาณ 1 ฟุต 2 กิ่ง นำมาปักแช่น้ำไว้ในขวด 2. นำถุงพลาสติกใบหนึ่งมาหุ้มกิ่งที่ 1 ซึ่งมีใบ และอีกใบหนึ่งมาหุ้มกิ่งที่ 2 ซึ่งเด็ดใบออกหมด ใช้เชือกผูกรวบถุงตรงโคนให้แน่น นำไปตั้งไว้ในที่ซึ่งถูกแสงแดดจัดประมาณ 10 - 15 นาที 3. สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผล บันทึกผลการทดลอง ถุงที่ ลักษณะของกิ่งไม้ ผลการเปลี่ยนแปลงภายในถุงพลาสติก เริ่มทดลอง หลังวางกลางแดด 15 นาที 1 กิ่งไม้ที่มีใบสีเขียว ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง มีหยดน้ำจำนวนหนึ่ง เกาะอยู่ด้านใน 2 กิ่งไม้ที่เด็ดใบออกหมด ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง มีละอองน้ำอยู่ เล็กน้อย เฉลยใบการทดลองที่ 2.2.2 โครงสร้างที่พืชใช้ในการคายน้ำ เทคนิคการสอน : การทดลอง กลุ่มที่......................ชั้น.......................วันที่............................... สมาชิก 1…………………………………………………………………. 4………………………………………………………… 2…………………………………………………………………. 5………………………………………………………… 3…………………………………………………………………. 6…………………………………………………………


30 คำถามท้ายการทดลอง 1. จากการทดลองสังเกตเห็นละอองน้ำเกิดขึ้นในถุงพลาสติกทั้งสองใบมีปริมาณเท่ากันหรือไม่ อย่างไร ไม่เท่ากัน เพราะกิ่งไม้ที่มีใบในถุงพลาสติกใบที่ 1 คายน้ำได้มากกว่ากิ่งไม้ที่เด็ดใบออกหมดใน ถุงพลาสติกใบที่ 2 2. หยดน้ำที่เกิดขึ้นในถุงพลาสติกมาจากส่วนใดของพืช ใบ 3. การคายน้ำของพืชจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ชนิดของพืชที่มีปากใบมาก แสงสว่าง ความชื้นของอากาศ อุณหภูมิของอากาศ และความกดอากาศ 4. ผลการทดลองสรุปได้ว่าอย่างไร พืชคายน้ำทางใบมากกว่าลำต้นและกิ่ง


31 ใบความรู้ที่ 2.2 เรื่อง การลำเลียงในพืช ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. กิจกรรมที่ 1 คำชี้แจง จงเติมคำลงในช่องว่างข้างล่างให้สมบูรณ์ การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช การลำเลียงน้ำ น้ำจะถูกลำเลียงเข้าสู่ต้นพืชโดยทางรากด้วยวิธีการออสโมซิส ซึ่งจะ เกิดขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากสารละลายรอบอนุภาคดินมีความเข้มข้นของน้ำ(ก)..................กว่า น้ำเลี้ยง เซลล์ในเซลล์ขนราก เมื่อน้ำเข้าสู่รากพืชแล้ว น้ำจะเคลื่อนที่จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยวิธี (ข)................................จนกระทั่งถึงท่อลำเลียงน้ำ และน้ำจะถูกลำเลียงขึ้นไปยังส่วนต่างๆ ของพืชทาง (ค)......................................ซึ่งมีอยู่เฉพาะที่จะติดต่อกันเป็นท่อตั้งแต่ราก ลำต้น จนถึงใบ ด้วยวิธีการ ออสโมซิส ภาพแสดงการลำเลียงน้ำเข้าสู่ขนรากพืช ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 27


32 เฉลยกิจกรรมที่ 1 (เทคนิคการสอน : การเว้นคำ การกำหนดป้ายชื่อ) ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. กิจกรรมที่ 1 คำชี้แจง จงเติมคำลงในช่องว่างข้างล่างให้สมบูรณ์ การลำเลียงน้ำและธาตุอาหารของพืช การลำเลียงน้ำ น้ำจะถูกลำเลียงเข้าสู่ต้นพืชโดยทางรากด้วยวิธีการออสโมซิส ซึ่งจะ เกิดขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากสารละลายรอบอนุภาคดินมีความเข้มข้นของน้ำ (ก) มากกว่า น้ำเลี้ยง เซลล์ในเซลล์ขนราก เมื่อน้ำเข้าสู่รากพืชแล้ว น้ำจะเคลื่อนที่จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยวิธี (ข) การออสโมซิส จนกระทั่งถึงท่อลำเลียงน้ำ และน้ำจะถูกลำเลียงขึ้นไปยังส่วนต่างๆ ของพืชทาง (ค) ท่อลำเลียงน้ำ ซึ่งมีอยู่เฉพาะที่จะติดต่อกันเป็นท่อตั้งแต่ราก ลำต้น จนถึงใบ ด้วยวิธีการ ออสโมซิส ภาพแสดงการลำเลียงน้ำเข้าสู่ขนรากพืช ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 27 (ง) ขนราก (จ) บริเวณที่มีความ เข้มข้นของน้ำมาก (ฉ) น้ำเข้าสู่เซลล์ B โดยวิธีออสโมซิส


33 กิจกรรมที่ 2 ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. การลำเลียงธาตุอาหาร ธาตุอาหารเข้าสู่เซลล์ขนรากพร้อมๆ กับการ (ก)................................... โดยขนรากจะดูดซึมแร่ธาตุจากสารละลายรอบอนุภาคดิน ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุภายในเซลล์ ของขนราก (ข).................................กว่า ความเข้มข้นของแร่ธาตุรอบอนุภาคดิน กระบวนการแพร่ ธรรมดาจึงไม่สามารถทำให้แร่ธาตุเข้าสู่ขนรากได้ ต้องอาศัยพลังงานจากกระบวนการหายใจ ของพืชมาช่วย จากขนรากแร่ธาตุจะเคลื่อนที่จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยวิธี (ค)........................... และจะแพร่ผ่านเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของรากจนถึงท่อลำเลียงน้ำ หลังจากนั้นจะถูกลำเลียงไปสู่ลำต้นและ ใบ ทางท่อลำเลียงน้ำ โดยทางเดียวกับการลำเลียงน้ำ ท่อลําเลียงน้ำ คือ กลุ่มเซลล์เฉพาะที่ มีลักษณะเป็นท่อยาวอยู่เป็นกลุ่มติดต่อกัน ตั้งแต่ ราก ลำต้น จนถึงใบ ทำหน้าที่ลําเลียงน้ำและ(ง).........................................ที่รากพืชดูดจากดินส่งไปยังลำต้น และใบ เพื่อใช้ในการ(จ)...........................ของพืช ท่อลําเลียงของพืชใบเลี้ยงคู่จะอยู่เป็นกลุ่ม ๆ เรียงกัน ไปคล้ายวงกลมในต้น ส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวกระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นระเบียบทั่วลำต้น ภาพแสดงลำต้นตัดขวางของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 22


34 เฉลยกิจกรรมที่ 2 (เทคนิคการสอน : การเว้นคำ) ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. การลำเลียงธาตุอาหาร ธาตุอาหารเข้าสู่เซลล์ขนรากพร้อมๆ กับการ (ก) การลำเลียงน้ำ โดยขนรากจะดูดซึมแร่ธาตุจากสารละลายรอบอนุภาคดิน ทำให้ความเข้มข้นของแร่ธาตุภายในเซลล์ ของขนราก (ข) สูง กว่า ความเข้มข้นของแร่ธาตุรอบอนุภาคดิน กระบวนการแพร่ ธรรมดาจึงไม่สามารถทำให้แร่ธาตุเข้าสู่ขนรากได้ ต้องอาศัยพลังงานจากกระบวนการหายใจ ของพืชมาช่วย จากขนรากแร่ธาตุจะเคลื่อนที่จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งโดยวิธี (ค) การแพร่ และจะแพร่ผ่านเนื้อเยื่อชั้นต่างๆ ของรากจนถึงท่อลำเลียงน้ำ หลังจากนั้นจะถูกลำเลียงไปสู่ลำต้นและ ใบ ทางท่อลำเลียงน้ำ โดยทางเดียวกับการลำเลียงน้ำ ท่อลําเลียงน้ำ คือ กลุ่มเซลล์เฉพาะที่ มีลักษณะเป็นท่อยาวอยู่เป็นกลุ่มติดต่อกัน ตั้งแต่ ราก ลำต้น จนถึงใบ ทำหน้าที่ลําเลียงน้ำและ(ง) แร่ธาตุ ที่รากพืชดูดจากดินส่งไปยังลำต้นและใบ เพื่อใช้ใน การ(จ) การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ท่อลําเลียงของพืชใบเลี้ยงคู่จะอยู่เป็นกลุ่ม ๆ เรียงกันไปคล้าย วงกลมในต้น ส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวกระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นระเบียบทั่วลำต้น ภาพแสดงลำต้นตัดขวางของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 22


35 กิจกรรมที่ 3 ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. การคายน้ำของพืช คําชี้แจง จงเติมคําลงในช่องว่างให้ถูกต้องสมบูรณ์ การคายน้ำของพืช เป็นกระบวนการที่พืชกําจัดน้ำออกมาในรูปของไอน้ำทางปากใบ ผิวใบ หรือรอยแตกข้างลำต้นของพืชที่มีไม้เนื้อแข็ง การคายน้ำมีส่วนช่วยในการ (ก)........................................... โดยทำให้เกิดแรงดึงจากส่วนล่างขึ้นสู่ส่วน (ข).............................เป็นสายน้ำเล็ก ๆ ติดต่อกัน นอกจากนี้ การคายน้ำยังช่วยทำให้ใบของพืชมีความชุ่มชื้น และยังช่วยลดอุณหภูมิภายในลำต้นและที่ใบด้วย ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคายน้ำของพืช 1. แสงสว่าง ถ้ามีความเข้มของแสงมากจะทำให้มีการคายน้ำ (ค)................................................ เนื่องจากที่บริเวณผิวใบมีเซลล์คุมซึ่งมีคลอโรพลาสต์ ในขณะที่เซลล์ข้างเคียงอื่นไม่มี ทำให้เซลล์คุม สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ในเซลล์คุมจึงมีสารละลายน้ำตาลเข้มข้นมากกว่าเซลล์ข้างเคียง จึงทำให้ น้ำแพร่จากเซลล์ข้างเคียงเข้าไปในเซลล์คุมส่งผลให้เซลล์คุม (ง)............................แต่เนื่องจากผนังด้านใน ของเซลล์คุมหนากว่าผนังด้านนอก จึงทำให้ผนังเซลล์ด้านนอกซึ่งบางกว่า เต่งออกทางด้านนอก และดึง รั้งให้ปากใบเปิดออก อนุภาคของน้ำที่อยู่ระหว่างใต้ปากใบจึงแพร่ออกทางปากใบได้ ภาพแสดงกลไกการเปิดของปากใบ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 24 2. อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิในบรรยากาศสูงจะทำให้ใบของพืชคายน้ำได้มากและเร็ว เพราะน้ำ ในใบจะระเหยเป็นไอได้ง่ายและมากขึ้น 3. ความชื้นของอากาศ ถ้าในอากาศมีความชื้นสูง เช่น ในตอนกลางคืนหรือวันที่มีฝนตก พืชจะมีการคายน้ำได้น้อย แต่ถ้าในอากาศมีความชื้นน้อย เช่น ตอนกลางวันหรือในฤดูร้อนจะทำให้ พืชคายน้ำได้(จ)...........................................และมาก 4. ลม ลมจะพัดพาเอาความชื้นของพืชไปทำให้บริเวณใบพืชมีความชื้นต่ำ พืชจึงคายน้ำ ออกมาได้ และเมื่อลมสงบไอน้ำที่ระเหยออกไปก็ยังคงอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ใบ อัตราการคายน้ำจึงเกิด ได้น้อย แต่ถ้าลมแรงมากจนเป็นลมพายุ จะทำให้ปากใบปิดและอัตราการคายน้ำ (ฉ)............................. 5. ชนิดของพืช พืชแต่ละชนิดมีโครงสร้างของใบแตกต่างกัน ทำให้มีอัตราการคายน้ำไม่ เท่ากัน 6. จำนวนใบของพืช พืชที่มีจำนวนใบมาก จะมีอัตราการคายน้ำสูง ถ้าต้องการลดอัตรา การคายน้ำของพืชจะต้อง (ช)...............บางส่วนทิ้ง


36 เฉลยกิจกรรมที่ 3 (เทคนิคการสอน : การเว้นคำ) การคายน้ำของพืช คําชี้แจง จงเติมคําลงในช่องว่างให้ถูกต้องสมบูรณ์ การคายน้ำของพืช เป็นกระบวนการที่พืชกําจัดน้ำออกมาในรูปของไอน้ำทางปากใบ ผิวใบ หรือรอยแตกข้างลำต้นของพืชที่มีไม้เนื้อแข็ง การคายน้ำมีส่วนช่วยในการ (ก) ลำเลียงน้ำ โดยทำให้เกิดแรงดึงจากส่วนล่างขึ้นสู่ส่วน (ข) บน เป็นสายน้ำเล็ก ๆ ติดต่อกัน นอกจากนี้ การคายน้ำยังช่วยทำให้ใบของพืชมีความชุ่มชื้น และยังช่วยลดอุณหภูมิภายในลำต้นและที่ใบด้วย ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคายน้ำของพืช 1. แสงสว่าง ถ้ามีความเข้มของแสงมากจะทำให้มีการคายน้ำ (ค) มากขึ้น เนื่องจากที่บริเวณผิวใบมีเซลล์คุมซึ่งมีคลอโรพลาสต์ ในขณะที่เซลล์ข้างเคียงอื่นไม่มี ทำให้เซลล์คุม สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ ในเซลล์คุมจึงมีสารละลายน้ำตาลเข้มข้นมากกว่าเซลล์ข้างเคียง จึงทำให้ น้ำแพร่จากเซลล์ข้างเคียงเข้าไปในเซลล์คุมส่งผลให้เซลล์คุม (ง) เต่งออก แต่เนื่องจากผนังด้านในของ เซลล์คุมหนากว่าผนังด้านนอก จึงทำให้ผนังเซลล์ด้านนอกซึ่งบางกว่า เต่งออกทางด้านนอก และดึงรั้งให้ ปากใบเปิดออก อนุภาคของน้ำที่อยู่ระหว่างใต้ปากใบจึงแพร่ออกทางปากใบได้ ภาพแสดงกลไกการเปิดของปากใบ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 24 2. อุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิในบรรยากาศสูงจะทำให้ใบของพืชคายน้ำได้มากและเร็ว เพราะน้ำ ในใบจะระเหยเป็นไอได้ง่ายและมากขึ้น 3. ความชื้นของอากาศ ถ้าในอากาศมีความชื้นสูง เช่น ในตอนกลางคืนหรือวันที่มีฝนตก พืชจะมีการคายน้ำได้น้อย แต่ถ้าในอากาศมีความชื้นน้อย เช่น ตอนกลางวันหรือในฤดูร้อนจะทำให้ พืชคายน้ำได้(จ) เร็ว และมาก 4. ลม ลมจะพัดพาเอาความชื้นของพืชไปทำให้บริเวณใบพืชมีความชื้นต่ำ พืชจึงคายน้ำ ออกมาได้ และเมื่อลมสงบไอน้ำที่ระเหยออกไปก็ยังคงอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ใบ อัตราการคายน้ำจึงเกิด ได้น้อย แต่ถ้าลมแรงมากจนเป็นลมพายุ จะทำให้ปากใบปิดและอัตราการคายน้ำ (ฉ) ลดลง 5. ชนิดของพืช พืชแต่ละชนิดมีโครงสร้างของใบแตกต่างกัน ทำให้มีอัตราการคายน้ำไม่ เท่ากัน 6. จำนวนใบของพืช พืชที่มีจำนวนใบมาก จะมีอัตราการคายน้ำสูง ถ้าต้องการลดอัตรา การคายน้ำของพืชจะต้อง (ช) เด็ดใบ บางส่วนทิ้ง


37 กิจกรรมที่ 4 ชื่อ.............................................................................................................ชั้น...................เลขที่.................. การลำเลียงอาหารในพืช อาหารที่พืชสร้างขึ้นจะถูกลำเลียงไปตามกิ่ง ก้าน ใบ และลำต้น ทางท่อลำเลียงอาหาร ด้วยการลำเลียงขึ้นและลง โดยกระบวนการแพร่ เพื่อนำไปใช้ในการดำรงชีวิต คำชี้แจง จงนำคำที่กำหนดให้เติมลงในแผนภาพให้ถูกต้อง น้ำและธาตุอาหารจากการดูดซึมของขนราก ท่อลำเลียงอาหาร น้ำตาลที่พืชสร้างจากการสังเคราะห์ด้วยแสง ภาพแสดงการลำเลียงอาหารในพืช ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 30 ภาพแสดงลำต้นตัดขวางของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 22 ท่อลำเลียงอาหาร คือกลุ่มเซลล์ที่มีชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นท่อติดต่อกัน ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่พืช สร้างขึ้นไปสู่ส่วนต่างๆ ของลำต้น โดยวิธีการแพร่ พืชจะนำอาหารที่พืชสร้างขึ้นไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ 1. เปลี่ยนเป็นพลังงาน เพื่อนำๆไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของการเจริญเติบโต 2. นำไปสร้างส่วนต่างๆ ของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เช่น บริเวณปลายยอด ดอก ผล เป็นต้น 3. นำไปสะสมในรูปของแป้ง เช่น รากของมันสำปะหลัง มันเทศ เผือก เป็นต้น


38 เฉลยกิจกรรมที่ 4 (เทคนิคการสอน : การกำหนดป้ายชื่อ) การลำเลียงอาหารในพืช อาหารที่พืชสร้างขึ้นจะถูกลำเลียงไปตามกิ่ง ก้าน ใบ และลำต้น ทางท่อลำเลียงอาหาร ด้วยการลำเลียงขึ้นและลง โดยกระบวนการแพร่ เพื่อนำไปใช้ในการดำรงชีวิต คำชี้แจง จงนำคำที่กำหนดให้เติมลงในแผนภาพให้ถูกต้อง น้ำและธาตุอาหารจากการดูดซึมของขนราก ท่อลำเลียงอาหาร น้ำตาลที่พืชสร้างจากการสังเคราะห์ด้วยแสง ภาพแสดงการลำเลียงอาหารในพืช ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 30 ภาพแสดงลำต้นตัดขวางของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและใบเลี้ยงคู่ ที่มา : กาญจนา เนตรวงศ์, 2544 : 22 ท่อลำเลียงอาหาร คือกลุ่มเซลล์ที่มีชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นท่อติดต่อกัน ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่พืช สร้างขึ้นไปสู่ส่วนต่างๆ ของลำต้น โดยวิธีการแพร่ พืชจะนำอาหารที่พืชสร้างขึ้นไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ 1. เปลี่ยนเป็นพลังงาน เพื่อนำๆไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของการเจริญเติบโต 2. นำไปสร้างส่วนต่างๆ ของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เช่น บริเวณปลายยอด ดอก ผล เป็นต้น 3. นำไปสะสมในรูปของแป้ง เช่น รากของมันสำปะหลัง มันเทศ เผือก เป็นต้น (ก) ท่อลำเลียงอาหาร (ค) น้ำและธาตุอาหาร จากการดูดซึมของขนราก (ข) น้ำตาลที่พืชสร้างจาก การสังเคราะห์ด้วยแสง


39 ชื่อ.........................................................................................................ชั้น.........................เลขที่................ กลุ่มที่..............................................วันที่..................เดือน....................................พ.ศ................................ คำชี้แจง จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้สมบูรณ์(10 คะแนน) 1. โครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารขึ้นสู่ลำต้นและใบ เรียกว่า.................................... 2. การลำเลียงน้ำของพืชส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเวลา.............................................................................. 3. การคายน้ำของพืชปกติอยู่ในรูป..............................................บริเวณ................................................ 4. ถ้าลมแรงพืชจะคายน้ำได้..............................................แต่ถ้าแรงจนเป็นพายุ ปากใบจะ................... ทำให้คายน้ำได้............................................................... 5. พืชจะลำเลียงน้ำโดยวิธีการ...................................ส่วนการลำเลียงธาตุอาหารใช้วิธีการ..................... 6. ส่วนใหญ่พืชจะลำเลียงอาหารในเวลา................................................................................................. เกณฑ์การให้คะแนน ตอบถูกต้องให้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน แบบฝึกหัดที่ 2.2


40 ชื่อ.........................................................................................................ชั้น.........................เลขที่............... กลุ่มที่..............................................วันที่..................เดือน....................................พ.ศ............................... คำชี้แจง จงเติมคำหรือข้อความลงในช่องว่างให้สมบูรณ์(10 คะแนน) 1. โครงสร้างที่พืชใช้ในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหารขึ้นสู่ลำต้นและใบ เรียกว่าท่อลำเลียงน้ำ (xylem) 2. การลำเลียงน้ำของพืชส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเวลา กลางวัน 3. การคายน้ำของพืชปกติอยู่ในรูป ไอน้ำ บริเวณ ปากใบ 4. ถ้าลมแรงพืชจะคายน้ำได้มาก แต่ถ้าแรงจนเป็นพายุ ปากใบจะ ปิด ทำให้คายน้ำได้น้อย 5. พืชจะลำเลียงน้ำโดยวิธีการ ออสโมซิส (osmosis) ส่วนการลำเลียงธาตุอาหารใช้วิธีการ แพร่ (diffusion) 6. ส่วนใหญ่พืชจะลำเลียงอาหารในเวลา กลางวัน เกณฑ์การให้คะแนน ตอบถูกต้องให้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน เฉลยแบบฝึกหัดที่ 2.2


41 แบบประเมินการทำกิจกรรมของนักเรียนชั้น ม.1/3 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ว21101 กลุ่มที่ ชื่อสกุล การใช้อุปกรณ์ปกรณ์ การบันทึกผลการทดลอง การจัดกระทำข้อมูลและ การนำเสนอ การตอบคำถามท้ายการ ทดลอง การสรุปผลการทดลอง ความร่วมมือในการ ทำกิจกรรม ความสะอาดเป็นระเบียบ รวม 1 2 3 4 5 6 7 8 9 หมายเหตุแบบประเมินนี้เป็นส่วนหนึ่งของแบบประเมินที่ใช้ในการประเมินกิจกรรมของนักเรียนชั้น ม.1


Click to View FlipBook Version