คำนำ
หลักสตู รการทอผ้าพื้นเมอื งลายดอกบัวแดง จัดทำขึน้ ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นได้รับความรู้และประสบการณ์ ซึ่งเป็นไปตามหลกั การและ
ปรัชญาการศึกษานอกโรงเรียน และพระราชบญั ญัตสิ ่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั พ.ศ.
2551 ให้ผู้เรยี นมคี ณุ ธรรมจริยธรรม มีสตปิ ัญญา มศี ักยภาพในการประกอบอาชพี และสามารถดำรงชีวติ อยใู่ น
สังคมได้อย่างมีความสุข เพ่ือใหก้ ารจดั กระบวนการเรียนร้ขู องสถานศกึ ษามีประสิทธภิ าพสถานศกึ ษาต้องใช้
หนังสือเรยี น ทม่ี คี ุณภาพ สอดคลอ้ งกับสภาพปญั หาความต้องการของผเู้ รยี น ชมุ ชน สงั คม และคณุ ลักษณะอันพงึ
ประสงค์ ของสถานศึกษา หนังสอื เลม่ นไ้ี ด้ประมวลสาระความรู้ กจิ กรรมเสรมิ ทักษะ แบบวดั ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ไว้ อย่างครบถว้ น โดยองค์ความรนู้ น้ั ได้นำกรอบมาตรฐานการเรยี นรตู้ ามที่หลกั สูตรกำหนดไว้นำรายละเอยี ด
เน้อื หาสาระมาเรียบเรียงอย่างมมี าตรฐานของการจดั ทำหนังสือเรยี น เพ่ือใหผ้ เู้ รียน สามารถอ่านเข้าใจง่าย และ
สามรถคน้ ควา้ ด้วยตนเองไดอ้ ย่างสะดวก
คณะผู้จัดทำหวงั เป็นอยา่ งย่ิงว่า หลกั สตู รการทอผา้ พ้นื เมืองลายดอกบัวแดง เล่มนี้จะเปน็ สื่อที่
อำนวยประโยชน์ต่อการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
เพอื่ ให้ผเู้ รียนสมั ฤทธผิ์ ลตามมาตรฐาน ตัวชี้วัดทก่ี ำหนดไว้ในหลักสูตรทุกประการ
ผจู้ ดั ทำ
กศน.อำเภอปทุมรตั ต์
สารบญั หนา้
คำนำ ๑
สารบญั ๑
คำแนะนำในการใชห้ ลักสตู ร ๔
ผงั มโนทัศนอ์ าชพี ๔
๗
โครงสรา้ งหลักสตู รการทอผา้ พืน้ เมอื งลายดอกบวั แดง ๘
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ๙
บทที่ ๑ ประวตั ิความเปน็ มาของการทอผา้ พนื้ เมอื งลายดอกบวั แดง ๑๓
๒๑
เรื่องท่ี ๑. ความรู้เบ้อื งต้นเกี่ยวกบั การทอผา้ ๒๒
เรื่องท่ี ๒. ประเภทของการทอผา้ ๒๓
เรอ่ื งที่ ๓. ประวัตคิ วามเป็นมาการทอผ้าพ้ืนเมอื งลายดอกบวั แดง ๒๔
กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 1 ๒๗
บทที่ ๒ การจดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณก์ ารทอผา้ และประเภทของเสน้ ดา้ ย ๓๒
เรือ่ งท่ี ๑ วัสดุอุปกรณ์การทอผ้า ๓๓
เรื่องท่ี ๒ ประเภทของเสน้ ด้าย ๓๔
กจิ กรรมท้ายบทท่ี ๒ ๓๖
บทท่ี ๓ วธิ กี ารและขน้ั ตอนและวธิ กี ารทอผา้ พืน้ เมอื งลายดอกบวั แดง ๓๗
เร่อื งที่ ๑ วิธกี ารและขั้นตอนการมดั หมล่ี ายดอกบัวแดง ๓๘
เร่อื งท่ี ๒ วิธกี ารและขน้ั ตอนการมัดหมล่ี ายสาเกต ๓๙
เรื่องท่ี ๓ วิธกี ารและขั้นตอนการทอผา้ พื้นเมืองลายดอกบัวแดง ๔๓
กจิ กรรมท้ายบทท่ี ๓
บทท่ี ๔ การดูแลรกั ษาและประโยชน์
เรื่องท่ี ๑ การปฏิบตั ิดูแลรกั ษาผา้ ฝา้ ยและผา้ ไหม
เรอ่ื งที่ ๒ ประโยชนข์ องการทอผา้
กจิ กรรมทา้ ยบทที่ ๔
บทท่ี ๕ การจดั การเพอ่ื จำหนา่ ย
เรอ่ื งท่ี ๑ การจดั การตลาดเบ้อื งต้นและการบรรจุผลิตภัณฑ์
กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี ๕
แบบทดหลงั เรยี น
ภาคผนวก
ภาพกิจกรรม
รายละเอยี ดรายการวัสดุผลิตภณั ฑ์
บรรณานุกรม
ผ้จู ัดทำ
คำแนะนำในการใชห้ ลกั สตู ร
หลกั สตู รการทอผา้ พืน้ เมอื งลายดอกบัวแดงจัดทำขน้ึ เพื่อเป็นสอื่ การเรยี นรู้สำหรบั ประชาชนและนักศึกษา
การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ทต่ี ้องการศึกษาหาความรเู้ พม่ิ เติม โดยการดำเนนิ การตามขั้นตอน
ตา่ งๆตามน้ี
1. ศกึ ษา โครงสรา้ งหลกั สูตร ใหเ้ ข้าใจในหวั ข้อและสาระสำคญั มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับและผลการ
เรยี นรู้ท่คี าดหวัง และขอบขา่ ยของรายวิชาน้นั ๆโดยละเอียด
2. ศกึ ษารายละเอยี ดเน้ือหาของแตล่ ะบทอย่างละเอียด และทำกจิ กรรมตามที่กำหนดแล้วตรวจสอบ กับ
แนวตอบกจิ กรรมตามทก่ี ำหนดถ้าผู้เรียนตอบผิดควรกลับไปศกึ ษาและทำความเข้าใจในเน้ือหานน้ั ใหมใ่ ห้
เขา้ ใจก่อนทจี่ ะศึกษาเรื่องต่อๆไป
3. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท้ายเรอ่ื งของแต่ละเรอื่ งเพื่อเปน็ การสรุปความรูค้ วามเข้าใจของเนื้อหาในเรื่องน้ันๆ
อีกคร้ังและการปฏิบตั ิกจิ กรรมของแต่ละเน้ือหาแตล่ ะเรื่องผูเ้ รยี นสามารถนำไปตรวจสอบกับครูและเพื่อนๆทร่ี ่วม
เรียนในรายวิชาเดยี วกนั ได้
4. หลกั สตู รเล่มนเี้ น้นการจดั การเรยี นรใู้ นลักษณะกระบวนการเปน็ สว่ นใหญ่ เพื่อเป็นการนำไป
ประยุกตใ์ ช้ได้
หลกั สูตรเล่มนี้ มี ๕ บท
บทท่ี 1 ประวัติความเปน็ มาของการทอผา้ พื้นเมอื งลายดอกบัวแดง
บทท่ี 2 การจดั เตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์และประเภทของเส้นด้าย
บทท่ี 3 วิธกี ารและขั้นตอนการทอผ้าพืน้ เมืองลายดอกบัวแดง
บทท่ี 4 การดแู ลรักษาและประโยชน์
บทท่ี ๕ การจัดการเพ่ือจำหน่าย
ชอ่ื สถานศกึ ษา กศน.อำเภอปทมุ รตั ต์ แบบ กศน.ตน.๑๕
หลกั สตู ร การทอผา้ พนื้ เมอื งลายดอกบวั แดง
จำนวน ๖๕ ชว่ั โมง
หลกั การและเหตผุ ล
การจัดการศึกษาอาชีพในปจั จบุ ันมคี วามสำคญั มาก เพราะจะเปน็ การพัฒนาประชากรของประเทศให้ มี
ความรู้ ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพ เป็นการแกป้ ัญหาการว่างงานและสง่ เสริมความเขม้ แข็ง
ใหแ้ กเ่ ศรษฐกิจชุมชน การยกระดบั การจดั การศึกษาเพ่ือเพิ่มศักยภาพและขดี ความสามารถให้ประชาชนได้มีอาชีพ
ท่ีสามารถสรา้ งรายได้ ทมี่ ่ันคง โดยเนน้ การบรู ณาการใหส้ อดคล้องกับศักยภาพด้านต่างๆ มงุ่ พฒั นาคนไทยให้
ไดร้ บั การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชพี และการมงี านทำอยา่ งมคี ุณภาพ ทว่ั ถึงและเทา่ เทียมกนั ประชาชนมีรายไดม้ ่นั คง
มัง่ ค่งั และมงี านทำอย่างยั่งยืน มคี วามสามารถเชงิ การแขง่ ขนั ท้ังในระดับภูมภิ าคอาเซยี นและระดบั สากล ซง่ึ จะ
เปน็ การจัดการศกึ ษาตลอดชวี ิตในรูปแบบใหม่ทสี่ รา้ งความม่นั คงใหแ้ ก่ประชาชนและประเทศชาติ
ผา้ พนื้ เมืองลายดอกบัวแดง เปน็ ผ้าลายประจำอำเภอปทมุ รตั ต์ จงั หวดั รอ้ ยเอ็ด แนวคิดของผ้าลายดอกบวั
แดงเกิดจากช่อื ของอำเภอ “ ปทุมรัตต”์ ความหมายวา่ ดอกบัวแดง จงึ ให้ปราชญช์ าวบ้านด้านการมัดหมี่ ทอผ้า
คดิ คน้ ลายผา้ ให้มีลักษณะเหมือนดอกบวั แดง เพอื่ เป็นสญั ลักษณ์ของอำเภอปทุมรตั ต์ เม่ือปี พ.ศ. ๒๕62 เปน็ การ
ขบั เคลอ่ื นงาน พัฒนาชมุ ชน อำเภอปทุมรตั ต์ โดยมนี างสำเรยี ง แสนคาน ประชาชนบา้ นขามป้อม หมู่ ๖ ตำบล
ขีเ้ หลก็ อำเภอปทมุ รัตต์ เป็นผ้คู ดิ คน้ ผ้าลายดอกบัวแดงประกอบด้วยลายดอกบัวแดงและสาเกตนคร
สาเกตนคร เปน็ ชื่อในอดตี ของเมอื งร้อยเอด็ ซง่ึ ตั้งอยู่กึ่งกลางของภาคอีสานมานานกวา่ ๒๐๐ ปี ซ่ึงมี
ความอุดมสมบูรณ์และเจรญิ รุ่งเรอื งมากในยุคนัน้ มีผู้คนเขา้ มาต้งั บา้ นเรือนอาศัยอยู่มาก มีประตูเข้าเมือง ๑๑
ประตู และมเี มืองข้ึน ๑๑ เมือง ท่สี ำคญั มลี ุ่มแมน่ ้ำไหลผ่านหลายสาย เช่น แมน่ ้ำชี แม่น้ำยัง ลำนำ้ เสียว ลำนำ้
พลับเพลา ลำน้ำเตา และแม่นำ้ มูลยังครอบคลุมพื้นท่ีทางตอนใต้ของจงั หวัดอีกดว้ ย จงึ เปน็ สาเหตทุ ีท่ ำให้พน้ื ดิน
ของเมอื งร้อยเอด็ มีความชุ่มชื่น อุดมสมบรู ณเ์ หมาะตอ่ การเพาะปลูกหรอื การกสิกรรม อาชีพประชากรส่วนใหญ่จะ
ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลกั ปลกู หม่อนเล้ยี งไหมเป็นอาชีพเสริม มีการสบื ทอดวฒั นธรรมการทอผา้ มาจาก
บรรพบรุ ษุ ในอดตี จนถึงปจั จบุ ัน กลมุ่ ชนทีอ่ ย่ใู นเมอื งรอ้ ยเอ็ด ประกอบดว้ ยชน ๕ กลมุ่ หลกั ไดแ้ ก่ กลมุ่ ไทยอสี าน
กล่มุ ไทย-ลาว กลุ่มไทยเขมร กลมุ่ ไทย-ส่วย และ กลุ่มภไู ท
ผ้าที่พบในจังหวัดร้อยเอ็ดส่วนมากเป็น ผ้าซิ่น (ผ้าถุงผู้หญิง) ผ้าโสร่ง (ผ้านุ่งผู้ชาย) สไบ ผ้าพื้น ผ้าขาวม้า
และ ผ้าปูม เป็นต้น ผ้าซิ่น หรือผ้าถุง เป็นเครื่องแต่งกายผู้หญิง ผ้าซิ่นไหมส่วนมากจะสวมใส่ในโอกาสสำคัญหรือ
ในงานประเพณีต่างๆ เชน่ ประเพณบี ุญผะเหวด บญุ กฐิน งานสมรส เป็นต้น โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหม่ีถือเป็นเครื่อง
แตง่ กายที่มีลวดลายอนั สวยงามมีเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั ทีโ่ ดดเดน่ โดยในพืน้ ทีจ่ งั หวดั รอ้ ยเอ็ด พบหลายลายทสี่ บื ทอด
มาตงั้ แต่โบราณ โดยลายมัดหม่ที ่ีทอสืบทอดมามหี ลายลายดว้ ยกัน เชน่ ลายขอ ลายบกั จับ ลายนาคน้อย ลายคอง
เอี้ย ลายโคมห้า ลายโคมเจ็ด ลายโคมเก้า เป็นต้นซึ่งแต่ละลายเป็นลายผ้าไหมมัดหมี่โบราณของท้องถิ่นที่แยก กัน
อยใู่ นผ้าแต่ละผืน
ดังนนั้ กศน.ตำบลขีเ้ หลก็ สังกดั ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอปทมุ รตั ต์
จงั หวดั ร้อยเอด็ จงึ ได้ทำโครงการจัดการศึกษาเพื่อพฒั นาอาชพี หลกั สูตร การทอผา้ พื้นเมืองลายดอกบัวแดง
จำนวน ๖๕ ชวั่ โมง ให้แก่กลุ่มเปา้ หมายไดพ้ ัฒนาลายผ้าเพื่อเพ่ิมมลู คา่ และตรงตามความต้องการของตลาดมากข้นึ
อีกท้ังเป็นการสร้างรายไดท้ ยี่ ั่งยนื
หลกั การของหลกั สตู ร
การจดั การศึกษาเพ่ือการพัฒนาอาชีพเพ่ือการมีงานทำ กำหนดหลักการไว้ดังนี้
๑. เป็นหลักสูตรท่เี น้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับศักยภาพชุมชนของพื้นที่ตำบลขเ้ี หล็ก อำเภอปทมุ รตั ต์
๒. มุ่งพฒั นาประชาชนตำบลข้ีเหลก็ ใหไ้ ดร้ บั การศึกษาเพ่ือพฒั นาอาชีพและการมีงานทำอยา่ งมีคุณภาพทว่ั ถงึ และ
เทา่ เทยี มกัน สามารถสร้างรายได้ท่ีมัน่ คง
๓. ส่งเสรมิ ให้มีความรว่ มมือในการดำเนนิ งานรว่ มกบั ภาคเี ครอื ข่าย
๔. เนน้ การฝกึ ปฏบิ ัตจิ รงิ เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถนำไปประกอบอาชีพใหเ้ กิดรายได้ท่ี
มัน่ คง และย่ังยืนรวมถึงส่งเสริมให้มีการเทยี บโอนความร้แู ละประสบการณเ์ ขา้ สู่หลกั สูตรการศกึ ษา
ขนั้ พน้ื ฐาน
จดุ มงุ่ หมาย
๑. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะมีความรู้ ความเข้าใจ ความชำนาญในการประกอบอาชีพการทอผ้าพื้นเมือง
ลายดอกบัวแดง
๒. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถออกแบบการมดั ลาย การย้อมสี ท่ีสอดคล้องกีบความต้องการของตลาด
๓. เพอ่ื เป็นการอนุรกั ษภ์ ูมิปัญญาท้องถน่ิ และอาชีพดั้งเดิมของบรรพบรุ ุษ
๔. เพอ่ื เป็นการสบื สานวัฒนธรรมการทอผา้ พืน้ เมืองลายดอกบวั แดง
กลมุ่ เปา้ หมาย
ประชาชนผตู้ ้องการเรียนรู้การทอผ้าดา้ ยเพือ่ ทำเปน็ อาชพี ในเขตตำบลขเี้ หล็ก
๑. ผทู้ ีว่ ่างงาน
๒. ผู้ทีม่ ีอาชีพแล้วและต้องการพัฒนาอาชีพ
ระยะเวลาเรยี น รวม ๖๕ ช่วั โมง แบง่ เป็น
ภาคทฤษฎี จำนวน ๑๑ ชั่วโมง
ภาคปฏบิ ตั ิ จำนวน ๕๔ ชวั่ โมง
โครงสรา้ งหลกั สตู ร
๑. พนื้ ฐานการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง จำนวน ๓ ชว่ั โมง
๑.๑ ความรพู้ นื้ ฐานการทอผา้ ดา้ ย จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๑.๒ ผา้ สไบลายดอกบวั แดง จำนวน ๓๐ นาที
๑.๓ วสั ดุอปุ กรณ์ จำนวน ๓๐ นาที
๑.๔ ความปลอดภัยในอาชีพสง่ิ ทอ จำนวน ๓๐ นาที
๑.๕ คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพ จำนวน ๓๐ นาที
๒. การทอผา้ มัดหมี่ลายสาเกต จำนวน ๔๐ ชวั่ โมงและการทอผา้ มดั หมล่ี ายดอกบวั แดงจำนวน ๕๔
ชวั่ โมง ๒.๑ พ้ืนฐานการทอผ้าด้าย จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๒.๒ การกรอดา้ ย จำนวน ๒ ช่วั โมง
๒.๓ การเดินด้ายยืน หรอื คน้ เส้นด้ายยืน จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๔ การมัดหมี่ จำนวน ๙ ช่วั โมง
๒.๕ การเตรียมฟมื ทอผ้า จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๖ การร้อยฟันหวี หรอื การหวเี ส้นด้าย จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๗ การเกบ็ ตะกอ จำนวน ๖ ชั่วโมง
๒.๘ การมัดหมลี่ ายสาเกต จำนวน ๙ ชั่วโมง
๒.๙ การมดั หมล่ี ายดอกบวั แดง จำนวน ๙ ชั่วโมง
๒.๑๐ การยอ้ มหมี่ จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๑๑ การปั่นหลอดหมี่ จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๑๐ การทอผ้ามดั หม่ี จำนวน ๓ ชั่วโมง
๓. การจดั การตลาดเบอ้ื งตน้ และการบรรจภุ ณั ฑ์ จำนวน ๔ ชว่ั โมง
๓.๑ การตลาดชุมชน จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๒ การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๓ มาตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชน จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๔ การตลาดออนไลน์ จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔. การบรหิ ารหนส้ี นิ และบญั ชเี บอ้ื งตน้ จำนวน ๔ ชว่ั โมง
๔.๑ การคำนวณต้นทุน กำไร จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔.๒ แหล่งเงนิ ทนุ และการกยู้ ืม จำนวน ๑ ชั่วโมง
๔.๓ การบรหิ ารหน้ีสินและ การบริหารสัญญา จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔.๔ การจดั ทำบัญชีครัวเรือน จำนวน ๑ ชัว่ โมง
รายละเอยี ดโครงสรา้ งหลกั สูตรการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ าร เนอื้ หา การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
๓ ชม.
๑. พน้ื ฐานการ ๑.๑ บอก ๑.๑ ความสำคญั ของ ๑.๑ ศึกษาขอ้ มูลจากเอกสาร
ทอผา้ พน้ื เมอื ง ความสำคัญของการ การประกอบอาชพี ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ สถาน
ลายดอกบวั แดง ประกอบอาชีพการ การทอผา้ พืน้ เมือง ประกอบการ สอ่ื ของจรงิ สือ่
(๓ ชว่ั โมง) ทอผา้ พ้นื เมืองลาย ลายดอกบัวแดง บุคคลในชมุ ชน เพื่อนำข้อมูล
ดอกบัวแดง ๑.๒ ความเป็นไปได้ มาวเิ คราะห์และใช้ในการ
๑.๒ บอกความ ในการประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพทมี่ ีความเป็นไป
เป็นไปได้ในอาชีพ การทอผา้ พนื้ เมือง ไดใ้ นชุมชน
หลักสูตรการทอผา้ ลายดอกบัวแดง ๑.๒ วิเคราะห์อาชีพทีจ่ ะ
พน้ื เมืองลายดอกบวั ๑.๒.๑ ความ สามารถเลอื กประกอบอาชีพได้
แดงได้ ต้องการของตลาด ในชมุ ชนจากขอ้ มลู ต่างๆ
๑.๓ บอกถงึ ๑.๒.๒ การใช้ ๑.๓ วธิ ีการจัดหาส่ือและวัสดุ
แหล่งทม่ี าจดั หาวสั ดุ แรงงาน ๑.๔ อธิบายถึงความปลอดภยั
อุปกรณ์ได้ ๑.๒.๓ การจัดหา ในอาชพี ส่งิ ทอ
๑.๔ บอกถงึ ความ วสั ดุ อุปกรณ์ ๑.๕ อธบิ ายคุณธรรมในการ
ปลอดภัยในอาชีพสิ่ง ๑.๒.๔ การเลอื ก ประกอบอาชีพ
ทอได้ ทำเลท่ตี ้ัง ๑.๖ ครู ผสู้ อน และผรู้ ู้ รว่ มกนั
๑.๕ คุณธรรมในการ ๑.๓ การจัดหาวสั ดุ อภปิ รายเกี่ยวกบั ทิศทาง
ประกอบอาชีพ อุปกรณ์ การประกอบอาชพี การทอผา้
๑.๔ ความปลอดภัย พน้ื เมืองลายดอกบวั แดงใน
ในอาชพี สงิ่ ทอ รูปแบบทเ่ี หมาะสมกับตนเอง
๑.๕ คุณธรรมในการ เชน่ ลกู จา้ ง เจ้าของกจิ การ ร่วม
ประกอบอาชีพ ทุน พอ่ คา้ คนกลางแปรรปู
ผลติ ภัณฑ์ ฯลฯ โดยคำนงึ ถงึ
ความเสย่ี งจากภัยธรรมชาติ
ความคุม้ ค่า และความต้องการ
ของตลาด
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอื้ หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม
๒.ทกั ษะการ ๒.๑ มีความร้พู ้นื ฐาน ๒.๑ ความรพู้ ื้นฐานการทอ
ประกอบอาชพี การทอผา้ เพื่อ ผ้าพื้นเมืองลายดอกบวั แดง ๑. สาธติ การมัดลาย ๑
การทอผา้ พน้ื เตรียมการประกอบ เพ่ือเตรยี มการประกอบ
ลายสาเกต อาชพี การทอผา้ ผา้ อาชีพการทอผ้าพื้นเมืองลาย และ แบบต่างๆ ๒
(๔๐ชว่ั โมง) ด้ายผ้าสไบลาย ดอกบวั แดง ๓
และ ดอกบัวแดงทอมอื ๒.๒ การกรอด้าย ๒. การฝกึ ปฏิบตั จิ ริง
ทักษะการ ไดแ้ ก่ สถานที่/พ้ืนที่ ๒.๓ การเดนิ ดา้ ยยืน หรือ ของผเู้ ข้ารับการ ๙
ประกอบอาชพี คัดเลอื กด้าย การทำ คน้ เสน้ ด้ายยืน อบรม ๓
การทอผา้ หรือยอ้ มสี และ ๒.๔ การมดั หมี่ ๓
พืน้ เมอื งลาย ความรู้ทีเ่ ก่ียวข้องได้ ๒.๕ การเตรียมฟมื ทอผา้
ดอกบวั แดง ๒.๒ สามารถทอผ้า ๒.๖ การรอ้ ยฟันหวี หรือ ๖
(๑๔ชวั่ โมง) พ้นื เมืองดอกบัวแดง การหวเี สน้ ด้าย ๙
ได้ ๒.๗ การเกบ็ ตะกอ
๒.๓ สามารถดแู ล ๒.๘ การมัดหมี่ลายสาเกต ๙
รักษาผา้ พ้นื เมอื งลาย
ดอกบัวแดง ๒.๙ การมัดหม่ีลายดอกบัว ๓
แดง ๓
๒.๑๐ การย้อมหมี่ ๓
๒.๑๑ การปน่ั หลอดหมี่
๒.๑๐ การทอผ้ามดั หม่ี
เรอ่ื ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
๓.การจดั การ ๓.๑ สามารถเรียนรู้ ๓.๑ การบริหารการทอผา้
ตลาดเบอ้ื งต้น ๓.๑ บรรยายองค์ ๑
การบรรจภุ ณั ฑ์ พนื้ ฐานการตลาดได้ พนื้ เมืองลายดอกบัวแดง ทอ ความรู้เกี่ยวกับการ
(๔ชวั่ โมง) ควบคมุ การทอผ้า ๑
- การควบคมุ คุณภาพ มอื ดา้ ยละการบรหิ าร
การตลาด ๑
ผา้ พนื้ เมืองลาย ๓.๒ การบรหิ าร
จัดการการตลาด ๑
ดอกบวั แดง พืน้ ฐาน การพฒั นา
บรรจภุ ัณฑ์ที่
- ลดต้นทุน เหมาะสมกบั สนิ คา้
๓.๓ การวางแผนการ
๓.๒ สามารถเรยี นรู้ ๓.๒ การจดั การตลาดใน ดำเนินงาน การ
ควบคมุ มาตรฐาน
ถึงพ้ืนฐานการพัฒนา การทอด้ายผา้ พ้นื เมอื งลาย ผลิตภัณฑ์ของชุมชน
การควบคมุ มาตรฐาน
บรรจภุ ณั ฑ์ ดอกบวั แดงและการพัฒนา ผลติ ภัณฑข์ องชุมชน
ให้อยรู่ ะดับแนวหน้า
๓.๓ สามารถวาง บรรจภุ ัณฑ์ และมีความน่าเช่ือถือ
ของผู้บริโภค
แผนการกำหนด ๓.๔ การตลาด
ออนไลน์
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ๓.๓ การวางแผนการ
ชุมชนได้ ดำเนินงาน การควบคุม
๓.๔ การตลาด มาตรฐานผลิตภัณฑข์ อง
ออนไลน์ ชมุ ชน
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ ๖๕
๔. การบรหิ าร ๑. สามารถคำนวน ๑. การคำนวนตน้ ทุนและ
หนสี้ นิ เบอ้ื งตน้ ตน้ ทุนและกำไรได้ กำไร ๑. อธิบายและศกึ ษา ๑
และบญั ชี ๒. รจู้ กั แหลง่ เงนิ ทนุ ๒.แหล่งเงินทนุ และการ จากใบความรู้ในการ ๑
เบอื้ งตน้ และการเข้าถึงการขอ เข้าถึงการขอสนิ เช่ือจาก คำนวนตน้ ทนุ และ ๑
(๔ชวั่ โมง) สินเชอื่ จากสถาบนั สถาบนั การเงนิ กำไรการจดั ให้ผูเ้ รยี น ๑
การเงนิ เพื่อลงทุนใน ๓. การบรหิ ารจัดการหนีส้ ิน ศกึ ษาเน้ือหาจากใบ
อาชพี และการบริหารสัญญา ความรูแ้ ละคน้ คว้า ๑๑ ๕๔
๓.เข้าใจวิธกี ารบริหาร ๔. การจดั ทำบญั ชคี รวั เรือน จาก Google
จดั การหนี้สนิ และการ ๒.จัดเวทีเสวนาและ
บริหารสัญญาได้ การแนะแนวจาก
๔. ผเู้ รยี นสามารถ ตัวแทนสถาบนั
จัดทำบญั ชีครวั เรอื น การเงินเร่อื ง แหลง่
เงนิ ทุนและการเข้าถงึ
การขอสินเชือ่ จาก
สถาบันการเงนิ การ
บรหิ ารจดั การหนีส้ นิ
และการบริหาร
สญั ญา
๓.ผ้เู รียนฝึกจัดทำ
บัญชีครวั เรือน แล้ว
จัดกจิ กรรมการ
สนทนาแลกเปลี่ยน
ขอ้ มูลความคดิ เหน็
เพือ่ สรา้ งแนวคิดใน
การดำเนินกิจกรรม
การเรยี นรู้
รวม
สอื่ การเรยี นรู้
ในการจดั การเรียนรู้ ใช้สือ่ การเรยี นรู้ท่หี ลากหลาย ได้แก่ สือ่ สง่ิ พมิ พ์ สอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ สื่อบุคคล
ภูมิปญั ญา แหลง่ เรยี นรกู้ ลมุ่ ทอผา้ ด้ายผ้าพนื้ เมืองลายดอกบัวแดง
การวดั และประเมนิ ผล
๑. การประเมินความรู้ภาคทฤษฎีระหวา่ งเรียนและจบหลักสตู ร
๒. การประเมินผลงานระหว่างเรยี นจากการปฏิบตั ิ ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพสามารถสร้างรายได้ และจบ
หลักสตู ร
การจบหลกั สตู ร
1. มเี วลาเรยี น ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐
2. มีผลการประเมินตลอดหลกั สูตร ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐
3. มีผลงานทม่ี ีคุณภาพ
เอกสารหลกั ฐานการศึกษา
1. หลกั ฐานการประเมินผล
2. ทะเบยี นคุมวุฒบิ ตั ร
3. วุฒบิ ตั ร ออกโดยสถานศึกษา
การเทยี บโอน
ผเู้ รียนที่จบหลักสูตรน้สี ามารถนำไปเทียบโอนผลการเรยี นรกู้ ับหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับ
การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ในสาระการประกอบอาชีพวชิ าเลอื กท่สี ถานศึกษาไดจ้ ดั ทำขึ้น
ชอื่ สถานศกึ ษา กศน.อำเภอปทมุ รตั ต์ แบบ กศน.ตน.๑๕
หลกั สูตร การทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
จำนวน ๖๕ ชว่ั โมง
หลกั การและเหตผุ ล
การจดั การศกึ ษาอาชีพในปจั จบุ ันมคี วามสำคัญมาก เพราะจะเปน็ การพฒั นาประชากรของประเทศ
ให้ มีความรู้ ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชพี เปน็ การแกป้ ัญหาการว่างงานและสง่ เสริมความ
เข้มแข็งให้แก่เศรษฐกจิ ชุมชน การยกระดับการจดั การศึกษาเพ่ือเพ่มิ ศักยภาพและขีดความสามารถให้
ประชาชนได้มีอาชพี ที่สามารถสรา้ งรายได้ ที่มั่นคง โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับศกั ยภาพดา้ นตา่ งๆ
มุ่งพัฒนาคนไทยให้ไดร้ ับการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพและการมงี านทำอยา่ งมีคณุ ภาพ ทั่วถงึ และเทา่ เทียมกัน
ประชาชนมีรายได้มัน่ คง ม่งั คั่ง และมีงานทำอย่างย่งั ยืน มีความสามารถเชงิ การแข่งขนั ท้ังในระดบั ภูมิภาค
อาเซียนและระดับสากล ซ่งึ จะเปน็ การจดั การศึกษาตลอดชีวติ ในรูปแบบใหม่ทสี่ รา้ งความมัน่ คงใหแ้ ก่
ประชาชนและประเทศชาติ
ผา้ พนื้ เมืองลายดอกบัวแดง เป็นผ้าลายประจำอำเภอปทุมรัตต์ จงั หวดั ร้อยเอ็ด แนวคิดของผ้าลาย
ดอกบวั แดงเกิดจากชอื่ ของอำเภอ “ ปทมุ รัตต์” ความหมายว่าดอกบวั แดง จงึ ให้ปราชญ์ชาวบ้านดา้ นการ
มดั หมี่ ทอผ้า คดิ ค้นลายผ้าให้มีลกั ษณะเหมือนดอกบวั แดง เพ่อื เปน็ สัญลักษณข์ องอำเภอปทุมรัตต์ เม่ือปี พ.ศ.
๒๕62 เป็นการขบั เคลอื่ นงาน พัฒนาชมุ ชน อำเภอปทุมรัตต์ โดยมีนางสำเรียง แสนคาน ประชาชนบ้านขาม
ปอ้ ม หมู่ ๖ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอปทุมรัตต์ เป็นผคู้ ิดค้น ผ้าลายดอกบัวแดงประกอบดว้ ยลายดอกบัวแดงและ
สาเกตนคร
สาเกตนคร เปน็ ชือ่ ในอดีตของเมืองร้อยเอด็ ซึง่ ต้งั อย่กู ึ่งกลางของภาคอีสานมานานกวา่ ๒๐๐ ปี ซึ่งมี
ความอุดมสมบรู ณแ์ ละเจรญิ รุ่งเรอื งมากในยุคน้ันมผี ู้คนเข้ามาต้งั บ้านเรือนอาศยั อยู่มาก มีประตเู ขา้ เมือง ๑๑
ประตู และมเี มืองขนึ้ ๑๑ เมือง ที่สำคัญมีลุ่มแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย เช่น แม่น้ำชี แม่นำ้ ยงั ลำน้ำเสียว ลำน้ำ
พลับเพลา ลำน้ำเตา และแม่น้ำมูลยังครอบคลมุ พ้ืนทที่ างตอนใตข้ องจังหวัดอีกด้วย จึงเปน็ สาเหตุทีท่ ำให้
พืน้ ดนิ ของเมืองร้อยเอ็ด มคี วามช่มุ ชน่ื อดุ มสมบูรณเ์ หมาะต่อการเพาะปลกู หรือการกสิกรรม อาชพี ประชากร
ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนาเปน็ อาชพี หลักปลูกหม่อนเลยี้ งไหมเป็นอาชพี เสรมิ มีการสืบทอดวฒั นธรรม
การทอผ้ามาจากบรรพบุรษุ ในอดตี จนถึงปจั จบุ ัน กลุ่มชนที่อยูใ่ นเมืองร้อยเอด็ ประกอบด้วยชน ๕ กลมุ่ หลัก
ได้แก่ กล่มุ ไทยอีสาน กลมุ่ ไทย-ลาว กลุม่ ไทยเขมร กลมุ่ ไทย-ส่วย และ กลุม่ ภูไท
ผ้าที่พบในจังหวัดร้อยเอ็ดส่วนมากเป็น ผ้าซิ่น (ผ้าถุงผู้หญิง) ผ้าโสร่ง (ผ้านุ่งผู้ชาย) สไบ ผ้าพ้ืน
ผ้าขาวม้า และ ผ้าปูม เป็นต้น ผ้าซิ่น หรือผ้าถุง เป็นเครื่องแต่งกายผู้หญิง ผ้าซิ่นไหมส่วนมากจะสวมใส่ใน
โอกาสสำคัญหรือในงานประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีบุญผะเหวด บุญกฐิน งานสมรส เป็นต้น โดยเฉพาะผ้า
ไหมมัดหมี่ถือเป็นเครื่องแต่งกายที่มีลวดลายอันสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยในพื้นที่จังหวัด
ร้อยเอ็ด พบหลายลายที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ โดยลายมัดหมี่ที่ทอสืบทอดมามีหลายลายด้วยกัน เช่น ลาย
ขอ ลายบักจับ ลายนาคน้อย ลายคองเอี้ย ลายโคมห้า ลายโคมเจ็ด ลายโคมเก้า เป็นต้นซึ่งแต่ละลายเปน็ ลาย
ผา้ ไหมมดั หมโี่ บราณของท้องถ่นิ ทแี่ ยกกนั อยู่ในผา้ แตล่ ะผนื
ดงั นนั้ กศน.ตำบลข้เี หล็ก สังกัดศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอปทมุ รัตต์
จังหวดั รอ้ ยเอ็ด จงึ ไดท้ ำโครงการจดั การศกึ ษาเพื่อพัฒนาอาชพี หลักสูตร การทอผา้ พ้ืนเมอื งลายดอกบัว
แดง จำนวน ๖๕ ช่ัวโมง ใหแ้ กก่ ลุม่ เป้าหมายได้พัฒนาลายผ้าเพอื่ เพม่ิ มลู ค่าและตรงตามความตอ้ งการของ
ตลาดมากข้ึนอีกทัง้ เป็นการสร้างรายไดท้ ่ยี ั่งยืน
หลกั การของหลกั สตู ร
การจัดการศึกษาเพ่ือการพฒั นาอาชพี เพอ่ื การมีงานทำ กำหนดหลกั การไว้ดังน้ี
๑. เปน็ หลักสตู รทเี่ น้นการบรู ณาการให้สอดคล้องกบั ศกั ยภาพชมุ ชนของพ้ืนที่ตำบลขเ้ี หล็ก อำเภอปทุมรัตต์
๒. มุ่งพัฒนาประชาชนตำบลขีเ้ หลก็ ใหไ้ ด้รับการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพและการมงี านทำอยา่ งมีคณุ ภาพ
ท่ัวถึงและ เท่าเทียมกนั สามารถสรา้ งรายได้ท่มี ่นั คง
๓. ส่งเสริมใหม้ ีความรว่ มมือในการดำเนินงานรว่ มกับภาคีเครือขา่ ย
๔. เนน้ การฝกึ ปฏิบตั ิจริงเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถนำไปประกอบอาชีพให้เกิดรายได้
ที่มน่ั คง และยง่ั ยนื รวมถึงสง่ เสริมให้มีการเทยี บโอนความรู้และประสบการณเ์ ข้าสหู่ ลกั สูตรการศึกษา
ขนั้ พนื้ ฐาน
จดุ มงุ่ หมาย
๑. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะมีความรู้ ความเข้าใจ ความชำนาญในการประกอบอาชีพ การทอผ้า
พนื้ เมืองลายดอกบวั แดง
๒. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นสามารถออกแบบการมัดลาย การย้อมสี ทสี่ อดคล้องกีบความต้องการของตลาด
๓. เพื่อเปน็ การอนรุ กั ษภ์ ูมิปัญญาท้องถิ่น และอาชีพดั้งเดิมของบรรพบรุ ุษ
๔. เพือ่ เป็นการสบื สานวัฒนธรรมการทอผา้ พ้ืนเมืองลายดอกบัวแดง
กลมุ่ เปา้ หมาย
ประชาชนผตู้ อ้ งการเรยี นรู้การทอผา้ ดา้ ยเพือ่ ทำเป็นอาชพี ในเขตตำบลขี้เหลก็
๑. ผู้ท่วี า่ งงาน
๒. ผู้ท่มี อี าชีพแล้วและต้องการพัฒนาอาชพี
ระยะเวลาเรยี น รวม ๖๕ ชั่วโมง แบ่งเป็น
ภาคทฤษฎี จำนวน ๑๑ ชว่ั โมง
ภาคปฏบิ ตั ิ จำนวน ๕๔ ชวั่ โมง
โครงสรา้ งหลกั สตู ร
๑. พนื้ ฐานการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง จำนวน ๓ ชว่ั โมง
๑.๑ ความรพู้ นื้ ฐานการทอผา้ ดา้ ย จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๑.๒ ผา้ สไบลายดอกบวั แดง จำนวน ๓๐ นาที
๑.๓ วสั ดุอปุ กรณ์ จำนวน ๓๐ นาที
๑.๔ ความปลอดภัยในอาชีพสง่ิ ทอ จำนวน ๓๐ นาที
๑.๕ คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพ จำนวน ๓๐ นาที
๒. การทอผา้ มัดหมี่ลายสาเกต จำนวน ๔๐ ชวั่ โมงและการทอผา้ มดั หมล่ี ายดอกบวั แดงจำนวน ๕๔
ชวั่ โมง ๒.๑ พ้ืนฐานการทอผ้าด้าย จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๒.๒ การกรอดา้ ย จำนวน ๒ ช่วั โมง
๒.๓ การเดินด้ายยืน หรอื คน้ เส้นด้ายยืน จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๔ การมัดหมี่ จำนวน ๙ ช่วั โมง
๒.๕ การเตรียมฟมื ทอผ้า จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๖ การร้อยฟันหวี หรอื การหวเี ส้นด้าย จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๗ การเกบ็ ตะกอ จำนวน ๖ ชั่วโมง
๒.๘ การมัดหมลี่ ายสาเกต จำนวน ๙ ชั่วโมง
๒.๙ การมดั หมล่ี ายดอกบวั แดง จำนวน ๙ ชั่วโมง
๒.๑๐ การยอ้ มหมี่ จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๑๑ การปั่นหลอดหมี่ จำนวน ๓ ชั่วโมง
๒.๑๐ การทอผ้ามดั หม่ี จำนวน ๓ ชั่วโมง
๓. การจดั การตลาดเบอ้ื งตน้ และการบรรจภุ ณั ฑ์ จำนวน ๔ ชว่ั โมง
๓.๑ การตลาดชุมชน จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๒ การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๓ มาตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชน จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๓.๔ การตลาดออนไลน์ จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔. การบรหิ ารหนส้ี นิ และบญั ชเี บอ้ื งตน้ จำนวน ๔ ชว่ั โมง
๔.๑ การคำนวณต้นทุน กำไร จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔.๒ แหล่งเงนิ ทนุ และการกยู้ ืม จำนวน ๑ ชั่วโมง
๔.๓ การบรหิ ารหน้ีสินและ การบริหารสัญญา จำนวน ๑ ชว่ั โมง
๔.๔ การจดั ทำบัญชีครัวเรือน จำนวน ๑ ชัว่ โมง
รายละเอยี ดโครงสรา้ งหลกั สูตรการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ าร เนอื้ หา การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
๓ ชม.
๑. พน้ื ฐานการ ๑.๑ บอก ๑.๑ ความสำคญั ของ ๑.๑ ศึกษาขอ้ มูลจากเอกสาร
ทอผา้ พน้ื เมอื ง ความสำคัญของการ การประกอบอาชพี ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ สถาน
ลายดอกบวั แดง ประกอบอาชีพการ การทอผา้ พืน้ เมือง ประกอบการ สอ่ื ของจรงิ สือ่
(๓ ชว่ั โมง) ทอผ้าพื้นเมอื งลาย ลายดอกบัวแดง บุคคลในชมุ ชน เพื่อนำข้อมูล
ดอกบัวแดง ๑.๒ ความเป็นไปได้ มาวเิ คราะห์และใช้ในการ
๑.๒ บอกความ ในการประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพทมี่ ีความเป็นไป
เป็นไปได้ในอาชีพ การทอผา้ พนื้ เมือง ไดใ้ นชุมชน
หลักสตู รการทอผา้ ลายดอกบัวแดง ๑.๒ วิเคราะห์อาชีพทีจ่ ะ
พน้ื เมืองลายดอกบวั ๑.๒.๑ ความ สามารถเลอื กประกอบอาชีพได้
แดงได้ ต้องการของตลาด ในชมุ ชนจากขอ้ มลู ต่างๆ
๑.๓ บอกถงึ ๑.๒.๒ การใช้ ๑.๓ วธิ ีการจัดหาส่ือและวัสดุ
แหล่งทีม่ าจดั หาวสั ดุ แรงงาน ๑.๔ อธิบายถึงความปลอดภยั
อุปกรณ์ได้ ๑.๒.๓ การจัดหา ในอาชพี ส่งิ ทอ
๑.๔ บอกถงึ ความ วสั ดุ อุปกรณ์ ๑.๕ อธบิ ายคุณธรรมในการ
ปลอดภัยในอาชีพสิ่ง ๑.๒.๔ การเลอื ก ประกอบอาชีพ
ทอได้ ทำเลท่ตี ้ัง ๑.๖ ครู ผสู้ อน และผรู้ ู้ รว่ มกนั
๑.๕ คณุ ธรรมในการ ๑.๓ การจัดหาวสั ดุ อภปิ รายเกี่ยวกบั ทิศทาง
ประกอบอาชีพ อุปกรณ์ การประกอบอาชพี การทอผา้
๑.๔ ความปลอดภัย พน้ื เมืองลายดอกบวั แดงใน
ในอาชพี สงิ่ ทอ รูปแบบทเ่ี หมาะสมกับตนเอง
๑.๕ คุณธรรมในการ เชน่ ลกู จา้ ง เจ้าของกจิ การ ร่วม
ประกอบอาชีพ ทุน พอ่ คา้ คนกลางแปรรปู
ผลติ ภัณฑ์ ฯลฯ โดยคำนงึ ถงึ
ความเสย่ี งจากภัยธรรมชาติ
ความคุม้ ค่า และความต้องการ
ของตลาด
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอื้ หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม
๒.ทกั ษะการ ๒.๑ มีความร้พู ้นื ฐาน ๒.๑ ความรพู้ ื้นฐานการทอ
ประกอบอาชพี การทอผา้ เพื่อ ผ้าพื้นเมืองลายดอกบวั แดง ๑. สาธติ การมัดลาย ๑
การทอผา้ พน้ื เตรียมการประกอบ เพ่ือเตรยี มการประกอบ
ลายสาเกต อาชพี การทอผา้ ผา้ อาชีพการทอผ้าพื้นเมืองลาย และ แบบต่างๆ ๒
(๔๐ชว่ั โมง) ด้ายผ้าสไบลาย ดอกบวั แดง ๓
และ ดอกบัวแดงทอมอื ๒.๒ การกรอด้าย ๒. การฝกึ ปฏิบตั จิ ริง
ทักษะการ ไดแ้ ก่ สถานที่/พ้ืนที่ ๒.๓ การเดนิ ดา้ ยยืน หรือ ของผเู้ ข้ารับการ ๙
ประกอบอาชพี คัดเลอื กด้าย การทำ คน้ เสน้ ด้ายยืน อบรม ๓
การทอผา้ หรือยอ้ มสี และ ๒.๔ การมดั หมี่ ๓
พืน้ เมอื งลาย ความรู้ทีเ่ ก่ียวข้องได้ ๒.๕ การเตรียมฟมื ทอผา้
ดอกบวั แดง ๒.๒ สามารถทอผ้า ๒.๖ การรอ้ ยฟันหวี หรือ ๖
(๑๔ชวั่ โมง) พ้นื เมืองดอกบัวแดง การหวเี สน้ ด้าย ๙
ได้ ๒.๗ การเกบ็ ตะกอ
๒.๓ สามารถดแู ล ๒.๘ การมัดหมี่ลายสาเกต ๙
รักษาผา้ พ้นื เมอื งลาย
ดอกบัวแดง ๒.๙ การมัดหม่ีลายดอกบัว ๓
แดง ๓
๒.๑๐ การย้อมหมี่ ๓
๒.๑๑ การปน่ั หลอดหมี่
๒.๑๐ การทอผ้ามดั หม่ี
เรอ่ื ง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
๓.การจดั การ
ตลาดเบอ้ื งต้น ๓.๑ สามารถเรียนรู้ ๓.๑ การบริหารการทอผา้ ๓.๑ บรรยายองค์ ๑
การบรรจภุ ณั ฑ์
(๔ชวั่ โมง) พนื้ ฐานการตลาดได้ พนื้ เมืองลายดอกบัวแดง ทอ ความรู้เกี่ยวกับการ ๑
- การควบคมุ คุณภาพ มอื ควบคมุ การทอผ้า ๑
ผา้ พนื้ เมืองลาย ดา้ ยละการบรหิ าร ๑
ดอกบวั แดง การตลาด
- ลดต้นทุน ๓.๒ การบรหิ าร
๓.๒ สามารถเรยี นรู้ ๓.๒ การจดั การตลาดใน จัดการการตลาด
ถึงพ้ืนฐานการพัฒนา การทอด้ายผา้ พ้นื เมอื งลาย พืน้ ฐาน การพฒั นา
บรรจภุ ณั ฑ์ ดอกบวั แดงและการพัฒนา บรรจภุ ัณฑ์ที่
๓.๓ สามารถวาง บรรจภุ ัณฑ์ เหมาะสมกบั สนิ คา้
แผนการกำหนด ๓.๓ การวางแผนการ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ๓.๓ การวางแผนการ ดำเนินงาน การ
ชุมชนได้ ดำเนินงาน การควบคุม ควบคมุ มาตรฐาน
๓.๔ การตลาด มาตรฐานผลิตภัณฑข์ อง ผลิตภัณฑ์ของชุมชน
ออนไลน์ ชมุ ชน การควบคมุ มาตรฐาน
ผลติ ภัณฑข์ องชุมชน
ให้อยรู่ ะดับแนวหน้า
และมีความน่าเช่ือถือ
ของผู้บริโภค
๓.๔ การตลาด
ออนไลน์
เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เนอ้ื หา การจดั กระบวนการ ชว่ั โมง รวม
เรยี นรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ ๖๕
๔. การบรหิ าร ๑. สามารถคำนวน ๑. การคำนวนตน้ ทุนและ
หนสี้ นิ เบอ้ื งตน้ ตน้ ทุนและกำไรได้ กำไร ๑. อธิบายและศกึ ษา ๑
และบญั ชี ๒. รจู้ กั แหลง่ เงนิ ทนุ ๒.แหล่งเงินทนุ และการ จากใบความรู้ในการ ๑
เบอื้ งตน้ และการเข้าถึงการขอ เข้าถึงการขอสนิ เช่ือจาก คำนวนตน้ ทนุ และ ๑
(๔ชวั่ โมง) สินเชอื่ จากสถาบนั สถาบนั การเงนิ กำไรการจดั ให้ผูเ้ รยี น ๑
การเงนิ เพื่อลงทุนใน ๓. การบรหิ ารจัดการหนีส้ ิน ศกึ ษาเนื้อหาจากใบ
อาชพี และการบริหารสัญญา ความรูแ้ ละคน้ คว้า ๑๑ ๕๔
๓.เข้าใจวิธกี ารบริหาร ๔. การจดั ทำบญั ชคี รวั เรือน จาก Google
จดั การหนี้สนิ และการ ๒.จัดเวทเี สวนาและ
บริหารสัญญาได้ การแนะแนวจาก
๔. ผเู้ รยี นสามารถ ตัวแทนสถาบนั
จัดทำบญั ชีครวั เรอื น การเงินเร่อื ง แหลง่
เงนิ ทุนและการเข้าถงึ
การขอสนิ เชือ่ จาก
สถาบันการเงนิ การ
บรหิ ารจดั การหนีส้ นิ
และการบริหาร
สญั ญา
๓.ผ้เู รียนฝึกจัดทำ
บัญชีครวั เรือน แล้ว
จัดกจิ กรรมการ
สนทนาแลกเปลี่ยน
ขอ้ มูลความคดิ เหน็
เพือ่ สรา้ งแนวคิดใน
การดำเนินกิจกรรม
การเรยี นรู้
รวม
สอ่ื การเรยี นรู้
ในการจดั การเรยี นรู้ ใชส้ ื่อการเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย ไดแ้ ก่ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ส่ือบคุ คล
ภมู ปิ ัญญา แหล่งเรยี นร้กู ลุ่มทอผา้ ดา้ ยผา้ พ้ืนเมืองลายดอกบวั แดง
การวดั และประเมนิ ผล
๑. การประเมินความรู้ภาคทฤษฎรี ะหว่างเรียนและจบหลักสูตร
๒. การประเมินผลงานระหว่างเรียนจากการปฏิบตั ิ ได้ผลงานที่มคี ุณภาพสามารถสรา้ งรายได้ และ
จบหลกั สูตร
การจบหลกั สตู ร
4. มเี วลาเรยี น ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐
5. มีผลการประเมินตลอดหลกั สูตร ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๖๐
6. มผี ลงานท่มี ีคุณภาพ
เอกสารหลกั ฐานการศึกษา
4. หลกั ฐานการประเมนิ ผล
5. ทะเบยี นคุมวุฒบิ ัตร
6. วุฒบิ ัตร ออกโดยสถานศึกษา
การเทยี บโอน
ผู้เรยี นท่ีจบหลกั สูตรน้สี ามารถนำไปเทียบโอนผลการเรียนรูก้ บั หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับ
การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ในสาระการประกอบอาชีพวชิ าเลือกทส่ี ถานศึกษาไดจ้ ดั ทำข้นึ
บทที่ ๑
ประวตั คิ วามเปน็ มาของการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
เรอื่ งที่ 1 ความรเู้ บอื้ งตน้ เกย่ี วกบั การทอผา้
การทอผา้ หรือ "การทอ" (องั กฤษ : weaving) ถือเป็นศลิ ปะและหตั ถกรรมหรืองานฝีมืออย่างหนึง่ ที่มี
มาต้งั แต่สมัยโบราณ เปน็ กรรมวิธกี ารผลิตผืนผ้าโดยใช้เส้นด้ายพุ่งและเสน้ ด้ายยนื มาขดั ประสานกนั จนได้เป็น
ผืนผา้ ทั้งน้ีตอ้ งมเี ครอ่ื งมือในการทอ เรียกวา่ หูก หรือก่ี (ในภาษาไทยถิน่ อีสาน มักเรยี กการทอผ้าวา่ "ตำหูก")
กิจกรรมการทอผ้านั้น นอกจากเปน็ ขัน้ ตอนการผลิตเครื่องนุ่งห่ม หน่งึ ในปจั จัยสข่ี องมนุษยแ์ ลว้ ยังถอื
เป็นงานศิลปะประเภททัศนศิลป์ดว้ ย เนื่องจากมีการให้สีสันและลวดลายตา่ งๆ ในผืนผ้า ปจั จบุ ันแม้จะมีการใช้
เคร่อื งจักรสำหรบั ทอผ้า ใช้คอมพิวเตอร์สำหรบั การควบคุมการผลติ และออกแบบลายผ้า แตก่ ารทอผ้าด้วยมือ
ก็ยงั เป็นศิลปะท่ีได้รบั การยกย่องและช่ืนชมเสมอมา
วตั ถดุ บิ ทใ่ี ชใ้ นการทอผา้
วตั ถดุ บิ ทีน่ ิยมนำมาใชท้ อผ้า ไดแ้ ก่ ด้าย ฝา้ ย และขนสตั ว์น้นั นักวชิ าการเชือ่ กนั ว่า มีกำเนดิ จาก
ดนิ แดนอื่นนอกประเทศไทย ดา้ ยนัน้ เชือ่ วา่ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสาธารณรฐั ประชาชนจนี แลว้ นำไป
เผยแพรใ่ นญี่ปนุ่ อนิ เดีย รวมทั้งดินแดนตา่ งๆ ในเอเชยี และยุโรป ส่วนฝ้ายเชือ่ กันว่าอาจมาจากอาหรบั และ
เผยแพรเ่ ข้ามาใชก้ นั อย่างกว้างขวางในอนิ เดียก่อน จงึ เข้ามาในแถบประเทศไทย และประเทศใกลเ้ คยี ง
ภายหลัง จนกลายเป็นพชื พ้นื เมืองในแถบนี้ไป สำหรับขนสัตว์เปน็ วัสดทุ ีเ่ หมาะกับอากาศหนาว เชอื่ กนั วา่
นำมาใชท้ ำผา้ ในยุโรปตอนเหนือก่อน แล้วจงึ แพรห่ ลายไปสู่ดินแดนอน่ื ๆ
การทอผา้ แบบพน้ื บา้ น พน้ื เมอื งในภมู ภิ าคตา่ งๆ
ในปจั จบุ นั การทอผ้าพื้นบ้านพื้นเมืองหลายแห่งยังทอลวดลาย สญั ลกั ษณด์ ้ังเดิม โดยเฉพาะในชุมชน
ที่มเี ชือ้ สายชาติพนั ธุ์บางกลุ่มที่กระจายตัวกันอยู่ในภาคตา่ ง ๆ ของประเทศไทย ศิลปะการทอผา้ ของกล่มุ ชน
เหล่านี้จงึ นับวา่ เป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะกลมุ่ อยู่จนถงึ ทุกวันนี้ หากจะแบง่ ผา้ พนื้ เมืองของกลุม่ ชนเหลา่ น้ตี ามภาค
ตา่ ง ๆ เพ่ือให้เห็นภาพชดั เจนข้นึ ก็อาจจะแบ่งคร่าว ๆ ไดด้ ังน้ี
๑. การทอผา้ ในภาคเหนือแถบล้านนาไทย
๒. การทอผา้ ในภาคกลาง ในภาคกลางตอนบน
๓. การทอผา้ ในภาคอสี าน
๔. การทอผ้าในภาคใต้
ลวดลายและสญั ลกั ษณใ์ นผา้ ไทยเปน็ อยา่ งไร
ผ้าพื้นบ้านพ้ืนเมืองของไทยที่ทอกนั ตามท้องถิ่นต่าง ๆ ในปัจจุบนั น้เี ต็มไปด้วยลวดลายและสญั ลกั ษณ์
ตา่ ง ๆ มากมาย ซึ่งผูใ้ ช้ผ้าในยุคปจั จบุ ันอาจไม่เข้าใจความหมายและมองไมเ่ ห็นคณุ ค่า
ลวดลายและสัญลกั ษณ์เหล่านี้ บางลายกม็ ชี ่ือเรียกสืบต่อกันมาหลายช่วั คน บางชอื่ กเ็ ป็นภาษา
ท้องถน่ิ ไม่เป็นท่ีเข้าใจของรนไทยในภาคอื่น ๆ เช่น ลายเอย้ี ลายบักจัน ฯลฯ บางช่อื ก็เรยี กกันมาโดยไมร่ ู้
ประวัติ เชน่ ลายแมงมมุ ลายปลาหมึก ซงึ่ แม้แตผ่ ทู้ อก็อธิบายไม่ได้ ว่าทำไมจงึ เรียกช่ือนั้น บางลวดลายกม็ ผี ตู้ งั้
ชอ่ื ใหใ้ หม่ เชน่ ลาย "ขอพระเทพ" เป็นต้น สัญลักษณแ์ ละลวดลายบางอย่างก็เช่ือมโยงกับคตแิ ละความเช่ือของ
คนไทยพนื้ บา้ นท่นี ับถือสืบต่อกนั มาหลาย ๆชัว่ อายคุ น และยังสามารถเช่ือมโยงกับลวดลายที่ปรากฏอยู่ใน
ศลิ ปะอ่ืน ๆ เชน่ บนจิตรกรรมฝาผนงั และสถาปตั ยกรรม หรอื บางทีก็มีกล่าวถงึ ใน ตำนานพน้ื บ้าน และใน
วรรณคดี เป็นต้น
บางลวดลายก็เป็นคติร่วมกับความเชื่อสากลและปรากฏอยู่ในศิลปะของหลายชาติ เช่นลายขอหรือ
ลายก้นหอย เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นลายเก่าแก่แต่โบราณของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก หากเรารู้จักสังเกตและ
ศึกษาเปรียบเทียบแล้วก็จะเขา้ ใจลวดลายและสัญลักษณ์ในผ้าพื้นเมอื งของไทยได้มากขึ้น และมองเห็นคุณค่า
ได้ลกึ ซ้ึงขนึ้
ลวดลายตน้ แบบ สามารถแบง่ เปน็ ๔ ประเภท ไดแ้ ก่
๑. ลายเสน้ ตรง หรอื เสน้ ขาด
๒. ลายฟนั ปลา
๓. ลายสเ่ี หลี่ยมขนมเปียกปูน หรอื ลายกากบาท
๔. ลายขดเป็นวงเหมือนกน้ หอย หรอื ตะขอ
ลวดลายทเ่ี ชอื่ มโยงกบั ความเชอื่ พน้ื บา้ นอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั มอี ะไรบา้ ง
ลวดลายและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในศิลปะผ้าทอไทยนั้นเชื่อกันว่ามีความเชื่อมโยงกับคติ
ความเชื่อของคนไทยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เราอาจศึกษาเปรียบเทียบลวดลายสัญลักษณ์เหล่านี้กับ
สัญลักษณ์อย่างเดียวกันที่ปรากฏอยู่ในศิลปะประเภทอื่น ๆ เช่น ในจิตรกรรม ประติมากรรม
สถาปัตยกรรม และแม้แต่ในตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานสืบต่อกันมา หรือในวรรณกรรมต่าง ๆ ลวดลายท่ี
เชอื่ มโยงกับความเช่ือพ้ืนบา้ นไทยอยา่ งเห็นได้ชดั มดี งั น้ี
สัญลักษณ์งูหรือนาค งูหรือนาคปรากฏอยู่ในลายผ้าพื้นเมืองของคนไทยกลุ่มต่างๆ เกือบทุกภูมิภาค
ของประเทศ โดยเฉพาะในล้านนาและในอีสาน นอกจากนี้ยังพบในศิลปะของกลุ่มคนที่พูดภาษาตระกูลไท ท่ี
อาศยั อยนู่ อกดนิ แดนของไทยในปัจจบุ นั เช่น ในสิบสองปนั นา ในลาว อกี ดว้ ย
ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง คนไทยและคนลาวต่างมีความเชื่อสืบทอดกันมา เรื่องพญานาค ซึ่งอาศัยอยู่ที่
เมืองบาดาลใต้แม่นำ้ โขง จนกระทัง่ ทุกวนั นผ้ี ้คู นในแถบน้นั ก็ยงั เชือ่ ว่าเวลามีงานบุญประเพณี เชน่ งานไหลเรือ
ไฟ พญานาคก็จะขึน้ มาเล่นลกู ไฟดว้ ย ดงั ท่มี ีผู้เหน็ ลกู ไฟขน้ึ จากลำนำ้ ในชว่ งเทศกาลงานไหลเรือไฟเป็นประจำ
เกือบทกุ ปี
สัญลักษณ์นกหรือห่านหรอื หงส์ นกหรือหงส์เปน็ สญั ลกั ษณ์สำคัญทีป่ รากฏอยู่ในศลิ ปะผ้าทอพื้นบา้ น
ในภาคเหนือของไทยเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ก็มีปรากฏมากในผ้าทอมือของลาวสบิ สองปันนาและในหมู่พวก
คนไทในเวียดนาม
ในสถาปัตยกรรมล้านนาและล้านช้างจะพบนกหรือหงส์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญประดับอยู่บน
หลังคาโบสถ์ คู่กับสัญลักษณ์นาค หรือบางแห่งก็มีแต่หงส์ประดับอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในวัดในสิบสองปัน
นา สัญลักษณ์นกหรือหงส์หรือนกยูง จะปรากฏอยู่ทั่วไปทั้งในจิตรกรรม สถาปัตยกรรม และบนผืนผ้า นกยูง
เป็นสัญลักษณ์ท่ี รัฐบาลจีนปัจจุบัน ได้นำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของยูนาน และได้มีการประดิษฐ์นาฏลีลา
สมัยใหมซ่ ึ่งใชแ้ สดงเปน็ สญั ลกั ษณข์ องชาวไทล้ือในสบิ สอบปนั นา เรียกวา่ ระบำนกยงู
การทอลายขิต คือการคัดเก็บยกเส้นด้ายยืนพิเศษ ให้เกิดเป็นลวดลาย แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งไปตลอด
แนวของความกวา้ งของหนา้ ผ้า ทำให้เกิดลายขิตในแตล่ ะแถวเป็นลายขติ สีเดียวกนั
การยก เปน็ เทคนคิ การทอยกลายใหเ้ ห็นเดน่ ชัด มลี ักษณะคลา้ ยกับการทอลายขิต แตใ่ ช้เส้นพุ่งพิเศษ
เช่น ด้าย ดิน้ เงิน ด้ินทอง มชี ายมเี ชิง ซ่ึงข้นั ตอนยุ่งยากกว่าผา้ ทอลายขติ มาก
การจก เป็นเทคนิคการทอลวดลายบนผืนผ้า ด้วยวิธีการเพิ่มด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปขณะที่ทอเป็น
ช่วง ๆ ไม่ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผ้ากระทำโดยใช้ไม้หรือขนเม่นหรือนิ้วมือ ยกหรือจกด้วยเส้นยืน
ขนึ้ แล้วสอดเสน้ พุ่งพเิ ศษต่อไปตามจงั หวะของลวดลาย สามารถสลบั สีไดห้ ลากหลายสี
การทอลายน้ำไหล เป็นเทคนิคการทอแบบลายขัดธรรมดา แต่ใช้ด้ายหลากสีพุ่งเกาะเกี่ยวกันเป็น
ช่วง ๆ ใหเ้ กดิ จงั หวะของลายน้ำไหล เป็นลกั ษณะเฉพาะของชาวเมืองนา่ น เรยี กกรรมวิธีการทอน้ีวา่ "ล้วง" แต่
ชาวไทลื้อ อำเภอเชียงของ และเชยี งคำ จงั หวัดเชียงราย เรียกว่า "เกาะ" เทคนคิ นีอ้ าจดดั แปลงพฒั นาเป็นลาย
อนื่ ๆ เรียกวา่ ลายผักแว่น ลายจรวด ฯลฯ เปน็ ต้น
การยกมุก เป็นเทคนิคการทอ โดยใช้เส้นยืนพิเศษเพิ่มบนกี่ทอผ้าลายยกบนผ้าเกิดจากการใช้ตะกอ
ลอยยกด้ายยืนพิเศษ ลวดลายที่เกิดจากเทคนิคนี้คล้ายกันมากกับลวดลายที่เกิดจากเทคนิค ขิต จก แทบจะ
แยกไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องเทคนิคการทอผ้าที่ลึกซึ้ง ชาวไทยพวนที่ตำบลหาดเสี้ยว จังหวัด
สุโขทัย และที่ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้เทคนิคนี้ในการทอส่วนที่เปน็ ตัวซิ่น บางครั้งอาจจะนำเชิงซนิ่
มาตอ่ เป็นตนี จกเรยี กวา่ ซิน่ มกุ
การมัดหม่ี เป็นเทคนิคการมัดเส้นพุ่งหรือเส้นยืน ให้เป็นลวดลายด้วยเชือกกล้วยหรือเชือกฟางก่อน
นำไปย้อมสี แล้วกรอด้ายให้เรียงตามลวดลาย ร้อยใส่เชือกแล้วนำมาทอ จะได้ลายมัดหมี่ที่เป็นทางกว้างของ
ผ้า เรียกว่า มัดหมี่ เส้นพุ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมในบ้านเรา มีการทำผ้ามัดหมี่เส้นยืนบ้างในบางจังหวัดเช่นจังหวัด
เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ราชบุรี เพชรบุรี ส่วนใหญ่เป็นผ้าชาวเขา บางผืนใช้การทอสลับกับลายขิต ซึ่งช่วยเพ่ิม
ความวิจติ รงดงามใหแ้ ก่ผนื ผ้า
ปัญหาในการอนรุ ักษแ์ ละสบื ทอดศลิ ปะผา้ ไทยมอี ะไรบ้าง
ศิลปะผ้าทอไทยอันมปี ระวตั ิยาวนานและมคี วามมงั่ คั่งหลากหลาย ซึ่งสบื ทอดมาแต่โบราณจนทุก
วนั น้ี ตกอยู่ในมือของคนร่นุ เราและรุน่ หลังจะรักษาต่อไป หนว่ ยงานหลาย ๆ หน่วยงานทง้ั ของรัฐบาลและ
เอกชนตา่ งกช็ ่วยกันดำเนินการรบั สนองพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ในเร่อื ง
การศกึ ษา ส่งเสริมและพฒั นาศลิ ปะผา้ ทอของไทย อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้มีการศกึ ษาสำรวจปัญหาตา่ ง
ๆ พบวา่ ยงั มีปัญหาในการสง่ เสรมิ และพัฒนาศลิ ปะการทอผ้าไทยอยู่ดงั นี้
๑. ศิลปหตั ถกรรมในหลาย ๆ ท้องถ่นิ ยังถูกละเลย การผลติ ศลิ ปหตั ถกรรมกระจัดกระจายอยู่ทว่ั ไปไม่
มแี หล่งรวมในบางทอ้ งถ่นิ
๒. ขาดการกระตุน้ หรอื ประกวดให้ผลิตผลงานท่มี คี ุณภาพมาก ๆ ข้ึน
๓. ผมู้ ฝี ีมือเปลย่ี นไปประกอบอาชพี อย่างอน่ื
๔. ไมร่ ักษาคุณภาพให้สมำ่ เสมอ เม่ือผ้าทอมือขายดีจะผลติ ผ้าที่ดอ้ ยฝมี ือมาขายแทน ช่างทอก็มี
คณุ ภาพด้อยลง และมีจำนวนนอ้ ยลงเร่อื ย ๆ
๕. ช่างฝีมือคุณภาพดีมกั ทำงานไดช้ ้าขายยาก เพราะต้องขายราคาแพงให้คุ้มกับเวลา หมดกำลังใจ
ขาดการสง่ เสรมิ ชา่ งทอฝีมือดี หลายคนยังไม่มคี นรจู้ กั และเห็นคุณค่า
๖. ช่างฝีมือขาดการแขง่ ขันทางความคดิ
๗. การถ่ายทอดทำกนั ในวงจำกดั ขาดตวั ผสู้ ืบทอดอย่างจรงิ จังและกว้างขวาง
เรอื่ งที่ 2 ประเภทของการทอผา้
ผา้ เป็นหนึง่ ในปัจจยั สี่ของการดำรงชีวติ ของมนษุ ย์ นอกจาก อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
ในสงั คมเกษตรจะมกี ารทอผา้ เพอื่ ใช้สอยภายในครอบครัว โดยการถา่ ยทอดวธิ ีการทอผ้าให้แกส่ มาชกิ ทเ่ี ป็น
เพศหญิง ซึ่งนบั ว่าเปน็ ภปู ญั ญาท่ีถา่ ยทอดเปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ผา้ ดา้ ยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท
1. ผา้ ทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
ซง่ึ เรียกกันว่าผา้ พน้ื นั้นไมม่ ีความประณตี และสวยงามเท่าใดนัก แต่มีความทนทาน ทอขึ้นอย่างงา่ ยๆ
มีสีและ ลวดลายบ้าง เช่น ผ้าพื้น ผ้าตาโถง ผ้าโสร่ง ผ้าแถบ ผา้ ซ่นิ และผา้ ขาวมา้ ซง่ึ ชาวบา้ นนิยมใชต้ ดิ ตัวมา
ต้ังแตส่ มยั โบราณ ปรากฏอย่ใู นหลักศลิ าจารกึ หลกั ท่ี 44 แห่งแผ่นดินสมเดจ็ พระบรม ราชาธริ าชท่ี 1 (พ.ศ.
1916)
2. ผา้ ทใี่ ชใ้ นงานพธิ ตี ่างๆ
ในสังคมไทยสมัยก่อนถือว่าการทอผ้าเป็นงานของผู้หญิง เพราะต้องใช้ความประณีตและละเอียดอ่อน
ใช้เวลานานกว่าจะทอผ้าชนิดนี้เสร็จแต่ละผืน ผู้หญิง ซึ่งในสมัยนั้นต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอยู่แล้ว จึงมี
โอกาสทอผ้ามากกว่าผู้ชาย อีกประการ หนึ่ง ค่านิยมของสมัยนั้นยกย่องผู้หญิงที่ทอผ้า เก่ง เพราะเมื่อโตเป็น
สาวแล้วจะต้องแต่งงานมีครอบครัวไปนั้น ผู้หญิงจะต้องเตรียมผ้าผ่อนสำหรบั ออกเรือน ถ้าผู้หญิงคนใดทอผ้า
ไมเ่ ปน็ หรอื ไมเ่ กง่ กจ็ ะถูกตำหนิ ชายหนมุ่ จะไม่สนใจ เพราะถือวา่ ไมม่ คี ณุ สมบัติทเ่ี หมาะสมจะเป็น แม่บา้ น เม่ือ
มีงานเทศกาลสำคัญต่างๆ ชาวบ้านจะพากันแต่งตัวด้วยผ้าทอเป็นพิเศษไปอวดประชันกัน ผ้าชนิดนี้จะทอข้ึน
ด้วยฝีมือประณตี เช่นเดียวกนั มสี สี นั และลวดลาย ดอกดวงงดงาม
เรอื่ งที่ ๓ ประวตั คิ วามเปน็ มาการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
ผ้าพื้นเมืองลายดอกบัวแดง เป็นผ้าลายประจำอำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด แนวคิดของผ้าลาย
ดอกบัวแดงเกิดจากชื่อของอำเภอ “ ปทุมรัตต์ ” ความหมายว่าดอกบัวแดง จึงให้ปราชญ์ชาวบ้านด้านการ
มัดหมี่ ทอผ้า คิดค้นลายผ้าให้มีลักษณะเหมือนดอกบัวแดง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอปทุมรัตต์ โดยมีนาง
สำเรียง แสนคาน ประชาชนบ้านขามป้อม หมู่ ๖ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอปทุมรัตต์ เป็นผู้คิดค้น ผ้าลายดอกบวั
แดงประกอบดว้ ยลายดอกบัวแดงและสาเกตนคร
สาเกตนคร เปน็ ช่อื ในอดีตของเมืองร้อยเอด็ ซงึ่ ต้งั อยูก่ ่ึงกลางของภาคอสี านมานานกวา่ ๒๐๐ ปี ซ่ึงมี
ความอุดมสมบูรณ์และเจรญิ รุ่งเรืองมากในยุคนั้นมีผู้คนเข้ามาตัง้ บ้านเรอื นอาศัยอยู่มาก มีประตูเข้าเมือง ๑๑
ประตู และมีเมอื งข้นึ ๑๑ เมือง ทสี่ ำคัญมลี มุ่ แมน่ ำ้ ไหลผ่านหลายสาย เช่น แมน่ ำ้ ชี แมน่ ้ำยัง ลำนำ้ เสียว ลำน้ำ
พลับเพลา ลำน้ำเตา และแม่น้ำมูลยังครอบคลุมพื้นที่ทางตอนใต้ของจังหวัดอีกด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้
พื้นดินของเมืองร้อยเอด็ มีความช่มุ ชน่ื อดุ มสมบรู ณเ์ หมาะต่อการเพาะปลูกหรือการกสิกรรม อาชีพประชากร
ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลักปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นอาชีพเสริม มีการสืบทอดวัฒนธรรม
การทอผ้ามาจากบรรพบุรุษในอดีตจนถึงปัจจุบัน กลุ่มชนที่อยู่ในเมืองร้อยเอ็ด ประกอบด้วยชน ๕ กลุ่มหลัก
ได้แก่ กลุ่มไทยอีสาน กลุ่มไทย-ลาว กลมุ่ ไทยเขมร กลุม่ ไทย-ส่วย และ กล่มุ ภไู ท
ผ้าที่พบในจังหวัดร้อยเอ็ดส่วนมากเป็น ผ้าซิ่น (ผ้าถุงผู้หญิง) ผ้าโสร่ง (ผ้านุ่งผู้ชาย) สไบ ผ้าพื้น
ผ้าขาวม้า และ ผ้าปูม เป็นต้น ผ้าซิ่น หรือผ้าถุง เป็นเครื่องแต่งกายผู้หญิง ผ้าซิ่นไหมส่วนมากจะสวมใส่ใน
โอกาสสำคัญหรือในงานประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีบุญผะเหวด บุญกฐิน งานสมรส เป็นต้น โดยเฉพาะผ้า
ไหมมัดหมี่ถือเป็นเครื่องแต่งกายที่มีลวดลายอันสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยในพื้นที่จังหวัด
ร้อยเอ็ด พบหลายลายที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณ โดยลายมัดหมี่ที่ทอสืบทอดมามีหลายลายด้วยกัน เช่น ลาย
ขอ ลายบักจับ ลายนาคน้อย ลายคองเอี้ย ลายโคมห้า ลายโคมเจ็ด ลายโคมเก้า เป็นต้นซึ่งแตล่ ะลายเปน็ ลาย
ผา้ ไหมมดั หม่โี บราณของทอ้ งถิ่นที่แยกกนั อยู่ในผ้าแตล่ ะผืน
ผา้ ลายสาเกต หมายถึง ผา้ ทปี่ ระกอบดว้ ยลายผา้ ท่ีเป็นอตั ลักษณ์ในการทอผ้าไหมของจังหวัดร้อยเอ็ดที่
ได้นำเอาลายมัดหมี่พื้นบ้าน ๕ ลายที่นิยมทอในกลุ่มชนที่อยู่ในเมืองร้อยเอ็ด มาทอต่อกันในผ้าผืนเดียวกัน
เปรยี บเสมอื นเปน็ การหลอมรวมความสามัคคีของชาวร้อยเอ็ดให้เป็นหน่ึงเดยี ว โดยแตล่ ะลายจะทอค่ันด้วยผ้า
สีพื้นสีดอกอินทนิลบก (สีชมพูอมม่วง) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ลายมัดหมี่พื้นบ้าน ๕ ลายท่ี
ประกอบในผ้าสาเกต ได้แก่ ลายโคมเจ็ด ลายนาคน้อย ลายคองเอี้ย ลายหมากจับ ลายค้ำเพา ลวดลายทั้ง ๕
ลายนี้ ได้นำมาประยุกต์ไว้ในผ้าผืนเดียวกันและได้มีการประกาศชื่อลายนี้คือ ลายสาเกต เป็นผ้าเอกลักษณ์
ประจำจงั หวดั รอ้ ยเอด็ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔
เรอ่ื งที่ ๓. ประวตั คิ วามเปน็ มาการทอผา้ พน้ื เมืองลายดอกบวั แดง
ผ้าพืน้ เมืองลายดอกบัวแดง เปน็ ผา้ ลายประจำอำเภอปทมุ รตั ต์ จงั หวดั รอ้ ยเอ็ด แนวคิดของผา้ ลาย
ดอกบวั แดงเกิดจากช่อื ของอำเภอ “ ปทุมรตั ต์” ความหมายวา่ ดอกบวั แดง จึงให้ปราชญ์ชาวบา้ นดา้ นการ
มดั หมี่ ทอผา้ คดิ คน้ ลายผ้าให้มลี ักษณะเหมือนดอกบวั แดง เพ่ือเป็นสญั ลักษณ์ของอำเภอปทุมรัตต์ เมื่อปี พ.ศ.
๒๕62 เป็นการขบั เคล่ือนงาน พัฒนาชมุ ชน อำเภอปทุมรัตต์ โดยมนี างสำเรียง แสนคาน ประชาชนบา้ นขาม
ป้อม หมู่ ๖ ตำบลขเี้ หลก็ อำเภอปทมุ รตั ต์ เปน็ ผูค้ ิดคน้ ผ้าลายดอกบวั แดงประกอบดว้ ยลายดอกบวั แดงและ
สาเกตนคร
สาเกตนคร เป็นชื่อในอดตี ของเมืองร้อยเอ็ดซง่ึ ต้งั อยกู่ ึ่งกลางของภาคอสี านมานานกวา่ ๒๐๐ ปี ซงึ่ มี
ความอุดมสมบูรณแ์ ละเจริญรุ่งเรอื งมากในยุคนน้ั มีผูค้ นเขา้ มาตั้งบา้ นเรือนอาศัยอยู่มาก มปี ระตเู ขา้ เมือง ๑๑
ประตู และมเี มืองขนึ้ ๑๑ เมือง ทีส่ ำคัญมลี มุ่ แมน่ ้ำไหลผา่ นหลายสาย เชน่ แม่น้ำชี แมน่ ำ้ ยงั ลำนำ้ เสยี ว ลำนำ้
พลับเพลา ลำนำ้ เตา และแม่น้ำมูลยังครอบคลุมพ้ืนท่ที างตอนใต้ของจังหวัดอีกดว้ ย จงึ เป็นสาเหตทุ ่ีทำให้
พน้ื ดินของเมืองร้อยเอ็ด มคี วามชมุ่ ชืน่ อุดมสมบูรณ์เหมาะต่อการเพาะปลูกหรือการกสิกรรม อาชีพประชากร
ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชพี หลักปลกู หม่อนเล้ยี งไหมเปน็ อาชพี เสรมิ มีการสบื ทอดวัฒนธรรม
การทอผา้ มาจากบรรพบุรษุ ในอดีตจนถึงปจั จุบัน กลุ่มชนที่อยใู่ นเมืองร้อยเอด็ ประกอบดว้ ยชน ๕ กลุ่มหลกั
ได้แก่ กล่มุ ไทยอสี าน กลุ่มไทย-ลาว กลุ่มไทยเขมร กลุ่มไทย-ส่วย และ กลมุ่ ภไู ท
ผา้ ทีพ่ บในจังหวัดร้อยเอด็ สว่ นมากเปน็ ผา้ ซ่ิน (ผา้ ถุงผ้หู ญงิ ) ผา้ โสร่ง (ผ้านงุ่ ผูช้ าย) สไบ ผ้าพนื้ ผ้าขาวม้า และ
ผา้ ปมู เป็นต้น ผา้ ซ่นิ หรือผา้ ถงุ เป็นเครอ่ื งแต่งกายผูห้ ญิง ผ้าซนิ่ ไหมส่วนมากจะสวมใส่ในโอกาสสำคัญหรือใน
งานประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีบุญผะเหวด บุญกฐิน งานสมรส เป็นต้น โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ถือเป็น
เครื่องแต่งกายที่มีลวดลายอันสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด พบหลาย
ลายที่สบื ทอดมาต้ังแต่โบราณ โดยลายมัดหม่ีที่ทอสืบทอดมามีหลายลายดว้ ยกัน เช่น ลายขอ ลายบักจับ ลาย
นาคน้อย ลายคองเอ้ยี ลายโคมหา้ ลายโคมเจ็ด ลายโคมเกา้ เปน็ ตน้ ซ่งึ แตล่ ะลายเป็นลายผ้าไหมมัดหมี่โบราณ
ของทอ้ งถ่ินทแี่ ยกกันอย่ใู นผา้ แต่ละผนื
ผา้ ลายสาเกต หมายถงึ ผ้าที่ประกอบดว้ ยลายผ้าทีเ่ ป็นอัตลักษณ์ในการทอผ้าไหมของจังหวัดร้อยเอ็ดที่
ได้นำเอาลายมัดหมี่พื้นบ้าน ๕ ลายที่นิยมทอในกลุ่มชนที่อยู่ในเมืองร้อยเอ็ด มาทอต่อกันในผ้าผืนเดียวกัน
เปรยี บเสมือนเปน็ การหลอมรวมความสามัคคขี องชาวร้อยเอด็ ใหเ้ ป็นหนึ่งเดยี ว โดยแตล่ ะลายจะทอคั่นด้วยผ้า
สีพื้นสีดอกอินทนิลบก (สีชมพูอมม่วง) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ลายมัดหมี่พื้นบ้าน ๕ ลายท่ี
ประกอบในผา้ สาเกต ไดแ้ ก่ ลายโคมเจด็ ลายนาคนอ้ ย ลายคองเอี้อย ลายหมากจบั ลายค้ำเพา ลวดลายทงั้ ๕
ลายนี้ ได้นำมาประยุกต์ไว้ในผ้าผืนเดียวกันและได้มีการประกาศชื่อลายนี้คือ ลายสาเกต เป็นผ้าเอกลักษณ์
ประจำจังหวัดรอ้ ยเอด็ เมื่อวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔
กจิ กรรมท้ายบทที่ 1
คำส่ัง : จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.จงบอกประวตั คิ วามเปน็ มาของการทอผา้ พอสงั เขป
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
2. จงอธบิ ายความหมายของผา้ ลายดอกบวั แดง
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
บทที่ ๒
การจดั เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณก์ ารทอผา้ และประเภทของเสน้ ดา้ ย
สาระสำคญั
ผูเ้ รยี นทราบถึงวัสดอุ ุปกรณ์การทอผา้ และวิธีการใชอ้ ปุ กรณ์อย่างปลอดภยั มคี วามร้คู วามเข้าใจใน
วสั ดุ อปุ กรณ์ ตลอดจนการคัดเลือกสีทใ่ี ช้ในการทอผ้า ซ่ึงตอ้ งใช้ความร้แู ละความชำนาญในการประมาณ
จำนวนของสีทใ่ี ช้ เพ่ือท่ีจะได้สีที่มคี วามสวยงามในการทอผ้า
ผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวงั
๑. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นทราบถึงวัสดอุ ุปกรณ์การทอผ้าได้
๒. เพอ่ื ให้ผู้เรียนทราบถึงประเภทของเส้นด้าย
ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
๑. วสั ดุอุปกรณก์ ารทอผา้
๒. ประเภทของเสน้ ด้าย
เรอ่ื งที่ 1 วสั ด-ุ อปุ กรณใ์ นการทอผ้า
อปุ กรณใ์ นการทอผ้าเรียกว่าก่ที อผา้ หรือหูก เปน็ เคร่อื งมือท่ีใช้ในการทอผา้ ท่ีพบโดยท่ัวไป มี 2 ชนดิ
คือ กี่ต้งั และกีก่ ระตุก ประกอบด้วย กี่ ฟมื กระสวย หลอดด้าย ไม้เหยยี บหูก ไมห้ าบหกู ไนสำหรบั ป่ันหลอด กง
สำหรบั ใสไ่ จด้าย ฟืม ผังสำหรับดงึ ผ้า ส่วนหลักในการทอผ้าด้าย คอื ใช้หลกั ของการขัดกันของเส้นดา้ ย ที่
เรียกวา่ เสน้ ยนื และเสน้ พงุ่
1. กหี่ รอื หกู
กหี่ รือหกู เปน็ เครื่องมือสำหรบั ทอผ้า มหี ลายขนาดและชนดิ แตม่ ีหลักการพื้นฐานอยา่ งเดียวกัน
คือ การขัดประสานระหว่างด้ายเสน้ พงุ่ และด้ายเสน้ ยนื จนแน่นเป็นเน้ือผ้า คลา้ ยกับการจักสาน แตม่ คี วาม
ละเอียดสงู กวา่ เนอื่ งจากเส้นดา้ ยมขี นาดทเี่ ล็ก และละเอยี ดกว่า
2.ฟืม
ฟมื สำหรับทอผ้าดา้ ย หรือเส้นด้ายท่ลี ะเอยี ด จะมซี ี่ฟันถี่ ส่วนฟืมสำหรับทอผา้ ฝ้าย หรอื เส้นด้าย
ขนาดใหญ่ จะมีฟนั ฟมื หรือฟันหวที ่ีหา่ ง ตามขนาดของเสน้ ดา้ ยในอดตี ฟนั ฟมื หรือซี่ฟมื ทำด้วยไม้ แตก่ ารทอ
ผ้าด้วยกีพ่ ืน้ เมืองท่ัวไปในปัจจุบนั นยิ มใช้ฟันฟมื ที่เปน็ โลหะ เพราะมคี วามแข็งแรง และทนทานสูง สว่ นเคร่ือง
ทอผา้ ในโรงงานอุตสาหกรรมจะใชฟ้ ืมโลหะท้งั ส้ิน
3.อัก หรอื กวัก
อักหรือกวัก เป็นเครอื่ งคัดเส้นด้ายหรอื เสน้ ดา้ ย ทำด้วยไม้คลา้ ยหลอดด้าย เจาะรตู รงกลาง ปลายท้ัง
4 ดา้ นมไี มป้ ระกบสำหรบั สวมรเู พื่อให้อักหนุน อักใชก้ รอด้ายจากระวิงให้เปน็ ระเบียบ ก่อนจะสาวเขา้ กงเพอื่
แยกเปน็ ปอยๆ และแยกเป็นไจๆ
4. กง
กง เป็นเครื่องมือกรอเสน้ ด้าย ทำงานร่วมกับอัก เพ่ือเก็บด้ายทปี่ น่ั ดีแล้วจากเหลก็ ไนของหลา (ไนป่นั
ดา้ ย) มาพันรวมกนั ท่ีกง ชา่ งปน่ั ด้ายจะนำเส้นดา้ ยมาตรฐานมาตรวจตราความเรยี บร้อยอีกคร้ัง เพ่ือเกบ็ สว่ นที่
เปน็ ปม หรอื ขยุ ด้ายท่ีติดพันมาตอนป่ันด้ายออกให้เรียบร้อย
5. ไนปน่ั ดา้ ย
ไนป่นั ด้าย เปน็ เครื่องมือใชป้ ่ันด้าย หรอื กรอด้ายเขา้ หลอด เพ่ือนำไปทอเปน็ ผนื ผา้ ลกั ษณะของไนจะ
เปน็ วงกลม ตัง้ ระหวา่ งขา 2 อนั ท่ที ำจากไมเ้ น้ือแขง็ และมีเหลก็ สอดเปน็ คนั สำหรับหมุนวงล้อ สว่ นขาตดิ
ตง้ั อยูบ่ นสว่ นหัว ของฐานที่ทำดว้ ยไมท้ ่อนยาวประมาณ 30 นวิ้ สว่ นปลายของท่อนจะมีเหล็กไนสอดอยู่กับขา
ต้ังโดยโผลเ่ หล็กไนออกมา ไวส้ ำหรบั เปน็ ทส่ี วมของหลอดไม้ไผ่ ทำเปน็ ท่ีกรอดา้ ย และระหว่างวงลอ้ จะมี
สายพานทำดว้ ยเชอื กโยงมาเพื่อหมนุ
6. กระสวย
ใชบ้ รรจหุ ลอดหมีพ่ ่งุ สอดไประหว่างช่องว่างของเส้นหมย่ี ืน ต้น และปลายเรียวตรงกลางเจาะเปน็ ช่อง
สำหรบั ใสห่ ลอดด้าย
7. หลอดดา้ ย(ดา้ ย) นิยมทำจากเถาวลั ย์ชนดิ หนึ่ง เรียกว่า เครอื ไส้ตนั เครือไสต้ ันนี้จะมรี ูกลวงตลอด ตัดเป็น
ท่อนๆ ท่อนละประมาณ 3 นว้ิ อาจจะใช้ไม้อยา่ งอ่นื กไ็ ด้ที่มีรูตรงกลาง เชน่ ลำปอแกว้ เพ่ือใช้ไมส้ อดยดึ ติดกับ
กระสวย ไม้นเ้ี รยี กว่าไม้ขอหลอด
ไม้ขอหลอดทใ่ี ช้พนั หลอดดา้ ย (ดา้ ย)
8. ไมเ้ หยยี บหกู เป็นไม้กลม ๆ ยาวประมาณ 1.5๐ – 2.๐๐ เมตร สำหรบั สอดกับเชือกท่ีผกู โยง จากดา้ นล่าง
ของเขาลงมาทำเป็นหว่ งไวเ้ มื่อจะใหเ้ ขาข้ึน - ลง ในกรณเี ปลยี่ นสขี องเส้นดา้ ยก็เหยียบไม้น้ี ไมเ้ หยยี บหกู จะมี
จำนวนเทา่ กบั จำนวนของฟืมนนั้ ๆ
9. ไมห้ าบหูก เป็นไมท้ ี่สอดร้อยกบั เชือกที่ผกู เขาดา้ นบน เพื่อให้หูกยึดติดกบั ก่ีไม้หาบหูกจะมีอันเดียวไม่ว่า
จะใชฟ้ มื ทีม่ ี 2 เขา, 3 เขา หรือ 4 เขา
เรอื่ งที่ ๒ ประเภทของเส้นดา้ ย
ประเภทเสน้ ดา้ ย
การเริม่ ทำเกีย่ วกบั การเย็บผ้า หรอื จะทำชน้ิ งานสักช้ิน ปัจจยั สำคญั ท่ีไม่ควรมองข้าม
คอื เสน้ ดา้ ย ดา้ ยเย็บผา้ คุณภาพ ปัจจบุ ันมีหลายแบรนด์และหลายแบบ มีความนิ่ม ความฟูท่ีแตกต่างกัน
ออกไป ข้ึนอยู่กับการใชง้ านของแต่ละคน ที่สำคัญควรเลือกใชใ้ ห้พอดีกบั การใชง้ านจะดีที่สุด มกี ารแบง่
ประเภทการใชง้ านท่ีหลากหลาย ซ่ึงอาจสร้างความปวดหัวและความสับสนในการเลอื กการใช้งาน หรือถ้าเปน็
มือใหม่ด้วยแล้ว ด้ายเย็บผา้ ชนิดตา่ งๆ หากเลือกใช้อยา่ งเหมาะสมกบั ชนิ้ งาน จะทำใหง้ านสวยงาม จำเปน็ ที่
จะตอ้ งทราบ คุณสมบัติประเภทเสน้ ดา้ ยแตล่ ะประเภทยังไง!! เพอ่ื นำมาใช้งานได้อยา่ งถูกตอ้ ง และสร้างความ
ทนทานใหก้ ับช้นื งาน
ประเภทเสน้ ดา้ ย คณุ สมบตั ิ และกระบวนการผลติ เสน้ ดา้ ย
1. ประเภทเสน้ ด้าย
2. เบอรเ์ สน้ ด้าย
3. คณุ สมบตั ขิ องเสน้ ด้ายแต่ละชนิด
4. กระบวนการผลิตด้าย (yarn manufacturing)
5. แนะนำสนิ ค้าเสน้ ด้าย
6. สรุป
ประเภทเสน้ ดา้ ย
ด้ายเยบ็ ผา้ ฝ้าย
ดา้ ยเย็บผ้าฝ้าย มีความทนทานต่อความร้อนได้ดี จงึ เหมาะแก่งานตดั เย็บและยังสามารรองรับกับ
เครอ่ื งรดี ทีใ่ ห้ความเรว็ สงู มีความยดื หยนุ่ ทนตอ่ การขดั ถูเป็นอย่างดีเยี่ยม ด้ายเย็บผา้ คุณภาพ โดยไม่สง่ ผล
กระทบต่อต่อเสื้อผา้ เวลาทำความสะอาด โดยเส้นด้ายท่ีทำจากผา้ ฝ้ายเปน็ เสน้ ใยยาวที่ทำจากหวีการเผาไหม้
การหมักและการบดิ สูง และสามารถทนต่อชน้ื และแบคทีเรียได้ดีด้วย
ดา้ ยเยบ็ ผา้ โพลเี อสเตอร์
ดา้ ยเย็บผา้ โพลีเอสเตอร์ มคี ุณสมบตั ใิ นการซมึ ผา่ นได้ดีและ ผ้าโพลเี อสเตอร์ เปยี ก นอกจากนีย้ ังมี
ความทนทานต่อกรดและด่างความสามารถในการป้องกัน uv จุดเดน่ โพลเี อสเตอร์คือ จะมคี วนั ดำทีแ่ ข็งแกร่ง
มากควันสขี าว โพลีเอสเตอร์ง่ายต่อการจุดไฟใกล้เปลวไฟ ความรู้สกึ ของโพลเี อสเตอรค์ ่อนข้างหยาบ
ด้ายเยบ็ ผา้ ฝ้าย&โพลเี อสเตอร์
ด้ายเย็บผา้ ฝ้ายกบั โพลีเอสเตอร์ มีการผสมกับความแขง็ แรงสงู ทนต่อการขดั ถูได้ดี โดยทำมาจากเส้น
ใยโพลีเอสเตอร์ 65% และเส้นใยฝ้าย 35% จงึ เหมาะแกก่ ารเย็บผ้า หรอื จะทำชิ้นงานสักชนิ้ และยงั มีการ
หดตัวตำ่ ยดื หยุ่นได้ดีและทนความร้อนไดด้ ีเยี่ยม
ด้ายเยบ็ ผา้ ไนลอน
เสน้ ด้ายไนลอ่ นเป็นเส้นดา้ ยใยสังเคราะห์ เหมือนเสน้ ใยธรรมชาติ มคี ณุ สมบัติที่แขง็ แรง และราคาถูก
กว่าเสน้ ใยธรรมชาติ จึงเป็นอีกทางเลือกหน่ึงท่สี ามารถนำมาใชท้ ดแทนเส้นดา้ ยประเภทอ่ืนๆ คณุ สมบัติ
กระดา้ ง อาจไม่เหมาะสมกับงานตดั เยบ็ เสื้อผา้ แต่อาจเหมาะสมกบั งานประเภททำสายเทปหรอื สายรัด
เบอรเ์ สน้ ดา้ ย
โดยปกตแิ ล้ว เราจะเหน็ เสน้ ด้ายมีเป็นจำนวนมาก และมหี ลากหลายขนาด ความละเอยี ดหรอื ความ
นมุ่ ของผ้านน้ั ไมเ่ ท่ากันเป็นเพราะอะไร กอ่ นท่จี ะแยกเสน้ ด้ายออกมาเปน็ เบอรน์ ้นั จะตอ้ งผา่ นการนำเส้นใยที่มี
ความละเอียดมาปนั่ รวมกนั ทำใหเ้ ป็นเกลียว ผลลพั ธจ์ ะมขี นาดที่ใหญ่ เบอรย์ งิ่ สูง เสน้ ด้ายย่ิงเลก็ เส้นดา้ ยเสน้
เล็กกต็ ้องใชใ้ ยฝา้ ยเส้นเล็กและความยาวมากข้ึน ทำใหเ้ ส้นใยฝา้ ยมีความละเอียดมาก ราคาเสน้ ใยฝา้ ยก็จะย่ิง
สงู ตาม ขนาดของเบอรเ์ ส้นด้ายจะมดี งั น้ี
เบอร์ทใี่ หญส่ ูดเบอร์ 1 ลกั ษณะ จะมีขนาดใหญ่ ไมส่ ามารถนำมาใชง้ านได้ ต้องนำไปเข้ากระบวนการ
ปนั่ รวมกนั ทำให้เป็นเกลยี ว
เบอร5์ ,7,10 ลกั ษณะ เสน้ ด้ายจะมีความหยาบ แขง็ แรงทนต่อแรงดงึ สามารถนำไปประยุกใช้ ผา้ ทำ
กระเปา๋ ผ้าหุ้มเบาะโซฟา
เบอร์ 16,20 ลกั ษณะ เสน้ ด้ายมีขนาดหยาบถงึ ปานกลาง ไมแ่ ขง็ กระด้างมากนัก สามารถนำไปประ
ยุกใช้ ผ้าทใ่ี ช้ทั่วไป
เบอร์ 32,40 ลักษณะ เสน้ ด้ายมีขนาดเลก็ มคี วามอ่อนนุ่ม อบอ่นุ ไม่หยาบกระด้าง สามารถนำไป
ประยกุ ใช้ ผ้าตดั เส้ือ ผ้าปทู ี่นอน
เบอร์ 60,80 ลักษณะ เส้นใยมคี วามละเอยี ด มีขนาดเล็กจนเลก็ สดุ และต้องใชเ้ สน้ ใยเกรดพเิ ศษ ทีม่ ี
ความยาวมากกวา่ ของเสน้ ใยทั่วๆไป สามารถนำไปประยกุ ใช้ ผ้าปูทน่ี อน ซึง่ มีความอ่อนน่มุ พรวิ ไหว
คุณสมบตั ขิ องเสน้ ดา้ ยแตล่ ะชนดิ
ดา้ ยถกั
ด้ายถัก มีคุณสมบัติ เส้นไหมเน้อื เงา สวมใส่เยน็ สบาย ไม่ร้อน สวมใส่ไม่ระคายเคือง ไมแ่ ข็งเหมอื นเชอื ก รีด
แลว้ ไมย่ ดื เหมือนเสน้ ใยจากอะคริลิค ผ่านกระบวนการทำสีดว้ ยระบบอตุ สาหกรรม จึงทำให้สไี มต่ ก และท่ี
สำคัญ คือ เส้นไหมมีขนาดกำลังดี ไมเ่ ลก็ ไมใ่ หญจ่ นเกนิ ไป ตอบโจทยค์ นรักงานถักโดยเฉพาะ
ไหมปัก
ไหมปกั มีคุณสมบัติ ทเ่ี ปน็ ที่รู้จักอย่างกว้างขวางในกลมุ่ คนรักงานเยบ็ ปักถักร้อย เปน็ ไหมทส่ี ามารถแยก
ออกเป็น 6 เส้นเลก็ ๆได้ จบั กลุม่ สีสวย หลายสไตล์ ราคายอ่ มเยา ในการปกั จะใช้จำนวนเส้นไหมไมเ่ ท่ากัน
ขน้ึ อยูก่ ับผา้ และผู้ออกแบบ ผลติ จากฝ้ายอียิปต์ 100% จงึ มีความนุ่มและมนั เงา
ด้ายลนิ นิ
ดา้ ยลนิ ิน คุณสมบัติ เปน็ เสน้ ดา้ ยจากธรรมชาติ ท่ีมีความเเข็งแรงมาก เส้นมีขนาดยาว เหมาะสำหรบั
งานยบ็ หนังหรอื งานเย็บหนังสือ โดยผลติ มาจากต้น flax ลกั ษณะของดา้ ย มเี ส้นใยทย่ี าว หนามากกว่าฝ้าย ใช้
สำหรบั เย็บสมดุ ถกั สรอ้ ย ถักกระเป๋า และงานประดษิ ฐ์อนื่ ๆ ขนาดเสน้ สม่ำเสมอ เหนียวแนน่ ทนทาน
ด้ายสปนั
ด้ายสปัน มคี ณุ สมบัติ มคี วามเหนยี ว แข็งแรงทนทาน เหมาะแก่การเยบ็ กระสอบ ใช้เย็บเบาะรถยนต์ กระเป๋า
รองเท้า ด้ายสปันมหี ลายสีและหลายขนาด
ดา้ ยโทเร
คือ ดา้ ยโทเร TR เส้นด้ายผสม ระหวา่ ง เสน้ ใย Polyester(ใยสงั เคาะห์) และ Rayon(เส้นใย
ธรรมชาติซึ่งทำมาจากฝา้ ย)ดว้ ยสดั สว่ นทล่ี งตวั ของเสน้ ใยเรยอน 35% กบั โพลเี อสเตอร์ 65% ทำให้ผ้าทท่ี อ
จากเส้นดา้ ยโทเร สามารถดูดซบั เหงอ่ื และความชืน้ ได้มากกว่าผา้ ทอผสม เสน้ ใยทั่วไป แห้งเร็วแม้ต้องทำ
กจิ กรรมกลางแจ้ง ทัง้ ยังชว่ ย ลดความรอ้ น มีความเบาสบาย
กระบวนการผลิตดา้ ย (yarn manufacturing)
โดยสว่ นใหญ่ ด้ายจะมลี ักษณะเป็นเส้นยาว ทป่ี ระกอบข้ึนจากเสน้ ใยหลายๆเสน้ รวมกัน โดยจะ
แบง่ เป็นประเภทหลักๆ 3 ประเภท ดา้ ยจากเสน้ ใยส้นั (spun yarn), ดา้ ยจากเส้นใยยาว (filament yarn)
และ ด้ายชนดิ พิเศษ (special yarn) กระบวนการผลติ ด้าย ด้ายเย็บผา้ คุณภาพ ลกั ษณะเปน็ เส้นยาวที่
ประกอบขนึ้ จากเส้นใยหลายๆเสน้ รวมกนั โดยอาจมีการขึ้นเกลียวหรอื ไม่กไ็ ด้ ดงั น้ันจะขอกล่าวถึงการบวน
การผลิตเส้นดา้ ยจากเสน้ ใยสั้น โดยจะยกตวั อย่างข้นั ตอนและกระบวนการผลิต
1. การเปดิ (opening) เป็นการทำใหเ้ ส้นใยท่ีอดั อยู่ในกอง (bale) มกี ารเปิดและกระจายตัว รวมทั้ง
ทำการผสมเสน้ ใยให้ท่ัวถงึ (uniform) มากขึ้น
2. การสางใย (carding) เป็นการทำใหเ้ ส้นใยเรียงตัวไปในทิศทางเดียวกัน เส้นใยมีการสานกันไปมา
เป็นใย (web)บาง
3. การดงึ (drawing) เป็นการเพม่ิ การจดั ทิศทางของเสน้ ใยให้ขนานกนั มากขึ้น โดยใย (web) ท่ีไดจ้ ะ
ถูก ดงึ ผ่านลูกกลงิ้ ท่มี ีความเร็วต่างกัน ทำใหเ้ กิดเปน็ เสน้ ด้ายทม่ี กี ารรวมตัวของเสน้ ใยอย่างหลวมๆ
4. การขนึ้ เกลยี ว (roving) เปน็ การดึงเพม่ิ เตมิ เพื่อจดั เส้นใยให้มกี ารเรียงตวั ไปในทิศทางเดยี วกันมาก
ข้ึน มีการข้ึนเกลยี วนดิ หน่อยเพอื่ เพมิ่ แรงยดึ (ความสามัคคี) ระหว่างเสน้ ใย
5. การปนั่ เสน้ ดา้ ย (spinning) เปน็ การนำเอาดา้ ยทมี่ กี ารข้ึนเกลียวเล็กน้อย มาข้ึนเกลียวเพิม่ เพ่ือให้
ได้ เสน้ ด้ายท่ีมีความแข็งแรง (เพิ่มความสามคั คียง่ิ ขึ้น)
ดา้ ยมนั
เปน็ ด้านทเี่ หนยี วแน่เหมาะสำหรบั เยบ็ รองเท้า เยบ็ เครอื่ งหนัง เย็บเบาะรถ เย็บโซฟาและอ่นื ๆ
ด้ายยางยดื
ใช้สำหรบั เย็บยน่ , เยบ็ สม๊อกยางยืด, ตกแต่งเสื้อผ้า, ขอบแขนเสื้อ, เสอ้ื ผา้ เด็ก, เสอ้ื ผา้ สตรี และอื่นๆ
ดา้ ยเยบ็ ผา้
เส้นดา้ ยสำหรับเยบ็ ผา้ โพลีเอสเตอร์ 100% ปัน่ ทำจากเส้นใยโพลเี อสเตอร์คณุ ภาพสูงและน้ำมนั ซลิ ิโคนที่มี
คณุ ภาพสงู สำหรบั เยบ็ เสื้อยืด ผา้ ยดื เสอ้ื ผา้ เดก็ เสือ้ ผ้าแฟช่นั และอ่นื ๆ
ดา้ ยเยบ็ ฟมู าก
ดา้ ยเย็บฟมู าก (Over lock nylon) ใชส้ ำหรับด้ายโพ้งอย่างเดยี ว
ด้ายเย็บยนี ส์
ด้ายเย็บยีนส์ (Denim thread) SP 20/3, 30/3, 30/2(60) ใชส้ ำหรบั เยบ็ ผ้ายนี ส์ และผา้ เนื้อหนาหนัก
ดา้ ยโพง้ แซก
ด้ายโพ้งแซก (Over lock) ใช้สำหรบั งานแซกริม ผา้ ด้วยจักรโพง้
สรปุ
การเย็บ โดยปจั จัยสำคญั คือ การเลอื กเสน้ ดา้ ยทเี่ หมาะสม ดา้ ยเยบ็ ผา้ คณุ ภาพ ซ่ึงสว่ นน้ีจะเห็นได้วา่
คณุ สมบตั เิ ส้นดา้ ยแตล่ ะประเภท มคี วามแตกต่างกนั ออกไป ขึน้ อยูก่ บั การใช้งานของแต่ละคน และส่งิ สำคัญก็
คอื ควรเลอื กใช้ให้พอดีกับการใช้งานจะดีทีส่ ุด ชิ้นงานกจ็ ะออกมาดีตามไปด้วย และควรทีจ่ ะเลอื กเบอร์
เส้นดา้ ยตามความเหมาะสมของช้ินงาน หากเลือกใช้อย่างเหมาะสมกบั ช้ินงาน จะทำให้งานสวยงาม และสรา้ ง
ความคงทนตอ่ ชิน้ งานไดน้ าน
กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี ๒
คำสั่ง : จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. จงบอกวสั ดอุ ปุ กรณก์ ารทอผา้ มกี อ่ี ยา่ ง พรอ้ มยกตวั อยา่ ง
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................
บทที่ ๓
วธิ กี ารและขนั้ ตอนการทอผา้ พน้ื เมอื งลายดอกบวั แดง
สาระสำคญั
การทอผา้ นับเปน็ งานศิลปหัตกรรมอย่างหนงึ่ ที่มีมาช้านานแล้วซง่ึ แต่เดมิ มีทำกนั เปน็ อุตสาหกรรมใน
ครอบครวั ปจั จุบันแมจ้ ะมีหลายๆแหง่ ได้ขยายกิจการจนกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก แต่การทอผ้า
ด้ายส่วนใหญแ่ ล้วกย็ งั เป็นการทอด้วยมือ โดยใชเ้ ครอ่ื งมือเครือ่ งใชพ้ น้ื เมืองแบบงา่ ยๆทเี่ รียกว่า"หกู และกี่
กระตุก"ดงั นัน้ จึงจำเปน็ ต้องอาศยั ฝมี อื ความรู้ ความชำนาญ และความประณีต ในการทอเปน็ ผืนผา้ ดา้ ยของ
แต่ละคนไป
ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวัง
๑. เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนทราบถึงขัน้ ตอนและวิธีการการมัดหมีล่ ายดอกบัวแดง
๒. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นทราบถึงขัน้ ตอนและวิธกี ารทอผา้ พืน้ เมืองลายดอกบัวแดง
ขอบข่ายเนอ้ื หา
๑. วธิ ีการและขนั้ ตอนการมดั หมีล่ ายดอกบวั แดง
๒. วธิ ีการและขนั้ ตอนการมดั หมลี่ ายสาเกต
๓. วิธีการและขน้ั ตอนการทอผ้าพืน้ เมืองลายดอกบวั แดง
เรอ่ื งที่ ๑ วธิ กี ารและขนั้ ตอนการมดั หมล่ี ายดอกบวั แดง
ผ้าพ้นื เมืองลายดอกบัวแดง เป็นผ้ามัดหม่ีลายดอกบวั แดงมีท้งั หมด ๒๙ ลำ ได้แก่
มัดหมี่ลายดอกบัวแดง ๒๙ ลำ เสรจ็ ยอ้ มดว้ ยสเี ขยี วตากให้แห้ง แล้วโอบสีแดง ต่อด้วยย้อมสีเมด็
มะขามตากแหง้ รอแก้ลายหม่ี เพื่อทอ
โยกหมลี่ ายดอกบวั แดง ๒๙ ลำ
มดั หมลี่ ายดอกบวั แดง ๒๙ ลำ
ยอ้ มและนำไปตากแดดให้แหง้
ผา้ ลายดอกบวั แดง ๒๙ ลำ
เรอ่ื งที่ ๒ วธิ กี ารและขนั้ ตอนการมดั หมลี่ ายสาเกต
ผ้าพนื้ เมืองลายสาเกต เป็นผ้ามดั หมีล่ ายสาเกต มี ๕ ลาย ท้ังหมด ๓๑ ลำ ไดแ้ ก่ การมดั หมีล่ ายสาเกต ๓๑ ลำ
เสรจ็ ย้อมดว้ ยสีแดงตากใหแ้ ห้ง แลว้ โอบสี ตอ่ ดว้ ยยอ้ มสเี มด็ มะขามตากให้แห้งรอแกล้ ายหมี่ เพื่อทอ
มัดหมลี่ ายสาเกตุ จำนวน ๓๑ ลำ
ผา้ สาเกตเุ ปน็ ผา้ มดั หม่ี ประกอบดว้ ยลวดลายมดั หมี่พนื้ บา้ น ๕ ลาย จำนวน ๓๑ ลำ ไดแ้ ก่
๑) ลายโคมเจด็ หมายถึง โคมไฟส่องสวา่ งส่คู วามรงุ่ เรือง ความอดุ มบรู ณ์ ความเพม่ิ พนู ของผลผลติ ตลอด
ถงึ การอยดู่ ีกินดีของชาวร้อยเอ็ด
๒) ลายนาคนอ้ ย หมายถึง ลายนาคพ่นน้ำ เป็นสัญลักษณ์ของความอดุ มสมบรู ณ์ ชมุ่ ช้นื ฝนตกต้องตาม
ฤดูกาลยังความอุดมสมบูรณ์แกไ่ รน่ า
๓) ลายคองเอย้ี หมายถึง ลักษณะของสายน้ำท่เี อ้ืออำนวยต่อวิถชี ีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมของชาวรอ้ ยเอ็ด
๔) ลายหมากจับ (หมากจับเป็นชอ่ื พชื ชนิดหน่ึง) หมายถึง ความประทับใจ (จับจิตจบั ใจ) เม่อื ใครได้มาพบ
เห็นความมนี ำ้ ใจของชาวรอ้ ยเอ็ดแลว้ อยากจะไปมาหาสู่ตลอดไป
๕) ลายค้ำเพา เปน็ ลายเสน้ ตรงประกอบด้วยเสน้ สองเสน้ หมายถงึ ความซือ่ ตรงมงุ่ มนั่ เข้มแขง็ คงทน ความ
ยั่งยืนแหง่ มิตรภาพของชาวร้อยเอด็
ทง้ั ๕ ลายน้ี จะมขี นาดใดก็ได้แต่การทอจะตอ้ งให้ลายนาคน้อยอยู่ตรงกลาง และลวดลายเหลา่ นจี้ ะคั่นด้วย
ผ้าพ้นื สีดอกอินทนลิ บก (สชี มพูอมมว่ ง) ทัง้ นจ้ี งั หวดั ร้อยเอ็ดไดม้ ีประกาศมาตรฐานผ้าสาเกต เมอ่ื วันที่ ๒๔
มกราคม ๒๕๔๘ ไดแ้ ก่ ลายผ้า การเริ่มตน้ ทอ เริ่มจากลายโคมเจ็ด ลายนาคน้อย ลายคองเอย้ี ลายคำ้ เพาและ
ลายหมากจบั
- ลายนาคน้อย ต้องมีตัวนาค ๑๒ ตวั ค้ำเพาให้เปลยี่ นการเขียน ค้ำเภา เปน็ ค้ำเพา แตค่ วามหมาย
ในลายผา้ ยงั คงเดิม ตัวหมากจบั ใหย้ ึดแบบเดิม คอื ๓ ลำ
ความหนา มาตรฐานผา้ สาเกตรอ้ ยเอด็ ใช้ฟืมขนาด ๔๒ นิ้ว เสน้ ยืนเส้นพ่งุ ขนาด ๔x๖ ไหมเสน้ เลก็
สผี า้ สปี ระจำจังหวัดรอ้ ยเอด็ คือ สีดอกอนิ ทนิลบก (สชี มพูอมมว่ ง) โดยสที ี่ใชต้ อ้ งมีคณุ ภาพดี สีไม่ตก
ชอ่ งไฟของลาย ลายพนื้ เทา่ กับ ๑.๕ เซนติเมตร ขนาดผ้ามาตรฐาน หนา้ กวา้ ง ๑ เมตร ยาว ๔ เมตร
เรอื่ งที่ ๓ วิธกี ารและขน้ั ตอนการทอผา้ พนื้ เมอื งลายดอกบวั แดง
วิธกี ารทอผ้า
ถูกทแี่ ละจะขาดไปไม่ได้แมแ้ ต่เสน้ เดยี ว มิฉะนน้ั และลวดลายผา้ ทอ่ี อกมาจะไมถ่ ูกต้องตามท่ีต้องการ
ขั้นตอนในการทอผ้าพื้นเมอื งลายดอกบวั แดง วธิ กี ารทอผ้า ปจั จุบนั ถงึ แม้วา่ ยังไมม่ หี ลักฐานทแ่ี น่ชัดบ่งบอกถึง
ต้นกำเนิดของการ ทอผา้ แต่ก็สามารถเทยี บเคยี งกบั หลักฐานอน่ื ๆ ซึ่งมีความคลา้ ยคลึงกันโดย มีเหตผุ ลหลาย
อยา่ งสนับสนุนแนวคดิ ท่ีวา่ การทอผา้ มีวิวัฒนาการมาจากการ ทำเชือก ทอเสื่อ และการจักสาน โดยเฉพาะ
อยา่ งยิ่งลายเชอื กทาบทป่ี รากฏ ร่องรอยให้เหน็ บนภาชนะดินเผา ซ่ึงพบเปน็ จำนวนมากตามแหลง่ โบราณคดี
กอ่ นประวตั ิศาสตรส์ มัยหินใหม่ เร่ือยมาจนถึงแหลง่ โบราณคดีสมยั ประวตั ศิ าสตร์ ดว้ ยเหตนุ ้เี อง จงึ กล่าวไดว้ ่า
การทอผา้ เป็นงานหตั ถกรรมที่เก่าแก่ท่ีสดุ ในโลกงานหนึ่ง หลกั ของการทอผ้า ก็คือการทำใหเ้ ส้นดา้ ยสองกลุ่ม
ขัดกัน โดยทงั้ สอง พวกต้ังฉากกัน เสน้ ดา้ ยกลุ่มหนึง่ เรยี กว่า ด้ายยนื และอกี กลุ่มหนึ่งเรยี กว่า ดา้ ยพงุ่ ลกั ษณะ
ของการขัดกนั ของดา้ ยพงุ่ และดา้ ยยนื จะขัดกันแบบธรรมดาทเ่ี รียกว่าลายขดั หรืออาจจะเพิ่มเทคนิคพเิ ศษ
เพ่ือให้ผา้ มีลวดลาย สสี นั ท่สี วยงามแปลกตาซ่งึ พอจะกล่าวให้ทราบโดยคร่าวๆได้ดังน้ี
1. การเตรียมเส้นด้าย
2. การฟอกย้อมสเี ส้นดา้ ย
3. การทอผืนผ้าด้าย
การเตรยี มเสน้ ดา้ ย
เสน้ ด้ายทีใ่ ชใ้ นการทอผา้ ด้ายก็มีอยู่ 2 ชนดิ ตามกรรมวธิ ีคอื เสน้ ดา้ ยพุ่งและเสน้ ดา้ ยยนื ซงึ่ ตามปกติ
แลว้ ผา้ ดา้ ยท่ีทอส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศจะใช้เสน้ ด้ายจากด้ายพันธ์ุต่างประเทศเป็นเส้นด้ายยืน และใช้
เส้นด้ายจากด้ายพันธุ์พน้ื เมืองเป็นเสน้ ด้ายพงุ่ แตส่ ำหรบั ผ้าดา้ ยทีท่ อจำหนา่ ยในประเทศแล้ว ชาวไทยเรานิยม
เฉพาะผ้าดา้ ยไทยแท้ๆจึงจำเปน็ ตอ้ งใช้เสน้ ดา้ ยพ่งุ จากด้ายพนั ธ์พุ ้ืนเมืองทอทั้งผนื ตามความต้องการของผ้ใู ช้
การฟอกยอ้ มสเี สน้ ดา้ ย
เมื่อเตรยี มเสน้ ด้ายมาไดเ้ ปน็ ทเี่ รยี บร้อยแล้ว กน็ ำเส้นมาฟอกย้อมสีโดยจะต้องทำการฟอกเอากาวออก
เสยี ก่อน วิธีการฟอกเส้นด้ายของชาวบา้ นเดิมจะใช้ผกั ขม เหงา้ กลว้ ย ใบกล้วย กา้ นกล้วย งวงตาล ไม้ขีเ้ หล็ก
ใบเพกาอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ มาหัน่ บางๆนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปเผาจนกระทงั่ เปน็ เถ้าจากนั้นก็นำเอา
เถา้ ทไ่ี ดม้ าใสแ่ ชน่ ำ้ ท้ิงไว้ใหต้ กตะกอนนอนกน้ จึงเอาเส้นด้ายเตรียมไวล้ งฟอก แต่ปัจจบุ นั นยิ มใชว้ ธิ ตี ม้ กบั น้ำ
สบผู่ สมโซดาแอ๊ซ เปน็ เวลา 1-2 ชว่ั โมง จากนั้นกน็ ำไปซักน้ำจนสะอาดแลว้ จงึ นำไปย้อมสีทีต่ อ้ งการ ซึง่ ก็มี
กรรมวธิ ีพิเศษเฉพาะ เช่น การมดั หมี่ โดยใชป้ อกกลว้ ย มัดตามลวดลายทตี่ อ้ งการก่อนการยอ้ มสี เพ่ือป้องกัน
ไมใ้ หส้ ีตดิ
การทอผนื ผา้ ดา้ ย
การทอผ้าด้ายน้ันตอ้ งอาศยั ฝมี ือและความรู้ความชำนาญของผทู้ อเปน็ อย่างมากจึงจะทำใหด้ ้ายไทย
ทไี่ ด้มีลักษณะและลวดลายสมบรู ณ์ตามต้องการดงั เช่น ถา้ เป็นการทอผ้าที่มีลวดลายพสิ ดาร เชน่ ผ้ายกดอก
ทอง หรือดอกเงิน กต็ ้องทอหูกพน้ื เมือง ท่ีใชก้ ารทอนานมาก อาจใชเ้ วลาถงึ 2-3 เดอื น ก็เป็นไดจ้ งึ จะไดผ้ ้าที่มี
ลวดลายพสิ ดารมากๆ 1 ยก นอกจากจะใช้เวลานานแลว้ คนทอยงั ต้องมีผชู้ ว่ ยอีก 2 คน สำหรบั คอยชว่ ยยก
ตะกอใหข้ ณะทีท่ อด้วย ส่วนการทอผ้ามดั หมี่ผา้ ชนิดน้ที อด้วยเส้นพุง่ ซ่ึงย้อมเปน็ แบบลวดลายตามตอ้ งการและ
เสน้ ยนื ท่ยี ้อมเปน็ สีเดียว เวลาทอต้องนำไปใช้ทอตามลำดบั ระวังมใิ หส้ ลบั กัน ผทู้ อจึงต้องใช้ความระมัดระวัง
เป็นอยา่ งมากใหเ้ สน้ พงุ่ ทุกเส้น
ขนั้ ตอนในการทอผ้าพนื้ เมอื งลายดอกบวั แดง
๑. การคน้ หูก การค้นหกู เป็นการเตรียมไหมเสน้ ยนื หรอื ไส้หูก เปน็ เส้นไหมตามแนวตง้ั ของผืนผา้
สำหรบั ผ้ามดั หมใี่ นสมัยก่อนจะนยิ มสีพ้ืนสเี ดียวเป็นสเี ข้ม เช่น สดี ำ สกี รมท่า สนี ้ำตาลเข้ม สนี ้ำเงนิ ปัจจุบันได้
มีการปรบั เปลี่ยนมาใช้สีทีห่ ลากหลายทงั้ สีเข้มและสีออ่ น
อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการคน้ หูกคอื เฝอื ซงึ่ ประกอบดว้ ยหลกั คน้ หลายคู่
วิธกี ารเดินเสน้ ยืน จะต้องกำหนดกอ่ นวา่ จะทอผา้ กีเ่ มตร จะเดนิ เสน้ ยนื ใหเ้ ทา่ กบั ความยาวของผนื ผ้า
จากน้ันใหเ้ อาเชอื กฟางวัดกับตลบั เมตร ถา้ ได้ความยาวแล้วก็ทำเครื่องหมายเอาไว้ จากน้ันก็เรียงหลอดไว้
เพอื่ ทจ่ี ะดงึ เส้นไหมค้นเครือ สมัยโบราณการค้นเครือจากใช้อกั เพียง 2 อกั หรือ 4 อกั แตป่ จั จบุ ันจะใช้เป็น
หลอดหรือโบก จำนวน 4,8,10,20 หลอด ถ้าใสห่ ลอดมากเกนิ ไป จะทำให้ช่วงปลายของเครือหูกไขว้กันทำ
ใหเ้ ส้นพนั กนั ยงุ่ ได้
เริม่ จากผกู ปลายเส้นไหมที่ถา่ ยมาจากอกั หรือโบกกับหลกั ค้นลูกแรกขวามือ แลว้ วนไปทางซา้ ยผ่าน
หลักค้นทุกหลักถึงหลักค้นลกู สุดท้าย จึงนำเส้นไหมไปพันกับหลักคน้ พเิ ศษ ซึง่ มีหลกั เดียวในเฝอื บริเวณนี้เส้น
ไหมจะขดั กนั เรยี กตรงที่ขัดกันน้ีว่า ขาใจ เป็นบริเวณทนี่ ับจำนวนความและจำนวนหลบ (1 ความ มเี ส้น
ไหม 4 เส้น / 10 ความ เป็น 1 หลบ) เสน้ ไหมที่พนั หลกั ค้นพิเศษแล้วจะถูกพนั คลอ้ งหลักค้นลกู ตา่ ง ๆ ทุกลูก
กลบั ลงมาทจี่ ุดเร่ิมตน้ แลว้ วนข้นึ ไปอกี เสน้ ไหมทุกเสน้ ต้องผ่านขาไจ คน้ หูกกลบั ไป-กลบั มา (ภาษาท้องถน่ิ
เรียกวา่ หลบไป-หลบมา ซ่ึงเปน็ ทีม่ าของการนับกลุ่มเส้นไหมเป็นหลบ) จนกระทั่งได้เสน้ ไหมตามจำนวน
สมั พนั ธก์ ับฟมื ที่จะใช้ทอ ใช้เชอื กมัดขาไจไวใ้ ห้เส้นไหมขัดกันอยดู่ งั เดิม เสร็จแล้วถอดกลุ่มไหมออกจากเฝือ
แล้วตดั เสน้ ไหมให้ปลายเปิดทุกเสน้ ตรงท่คี ล้องกับหลักคน้ ลูกแรก กลุม่ เส้นไหมที่ได้ เรียกวา่ ไสห้ กู
ถา้ ฟนั ฟืมเบอร์ 80 ชาวบา้ นจะเรยี กฟันหวี 40 หลบ ใน 1 หลบ จะมี 40 ชอ่ ง ใน 1 ชอ่ งจะมีเส้น
ไหม 2 เสน้ ซ่ึงก็จะทำให้ 1 หลบ จะมเี สน้ ไหม 80 เส้น เวลาเดนิ เส้นยืนจะต้องนับวา่ ครบ 80 เส้นหรอื ไม่ ถ้า
ครบแลว้ กจ็ ะเอาเชือกมาไพไว้ ทุกครงั้ ท่ีพบ 80 เส้น จะไพไวจ้ นครบตามจำนวนของฟันหวที ี่ใชท้ อ
เพราะ 80 เสน้ จะเทา่ กบั 1 หลบ ถ้าฟันหวี 40 หลบก็จะไพ 40 ครง้ั เอาไว้