50 วันที่เธอหลับ “ฝากฝัน” เธอหลับตาลงแล้ว หรือยอดรัก มอบงานหนักยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง องศาลดกดดัน มันประดัง ด้วยพลังกล้าแกร่งแห่งการงาน ใช้ก้อนอิฐต่อต้าน ด้วยการขว้าง กับผู้ขวาง-ปืนถือ-คือทหาร อำ นาจเถื่อน-ทรราช-มันกราดทาน ส่งวิญญาณนักศึกษาประชาชน ประวัติศาสตร์จารึกด้วยหมึกเลือด ถึงการเชือดครั้งนี้พลีชีพข้น แลกประชาธิปไตยให้ทุกคน ด้วยกมลแกร่งกล้ากว่าลูกปืน จางควันปืนลงแล้ว-พร้อมเธอหลับ ร่างถูกทับด้วยธงชาติทั้งผืน เลือดสีเข้มแห่งใจยังไหลชื้น ซึมตามพื้นเป็นฝ้าแต้มผ้าธง
51 กับดวงตาแดงโชนตะโกนก้อง การเรียกร้องฟังเยี่ยงคนเสียงหลง หน้ากระดานเดินแน่วตามแถวตรง เหล่านี้คงประทับขวัญอันเลิศเลอ เธอหลับตานานแล้ว-สุดที่รัก แต่ฉันจักระลึกถึงเสมอ ที่สิบสี่ตุลา ฯ ได้มาเจอ วันที่เธอผงาดร่าง สร้างวีรกรรม. จาก... “รินวลี” สมุทรสาคร
52 เที่ยงคืน “ร. รวงผึ้ง” โอ้...ยากดึกป่านฉะนี้มีใครบ้าง ที่อ้างว้างแร้นแค้นใจแสนเหงา คงมีอยู่ผู้เดียวแท้เทียวเรา ผู้ใดเล่าจะปวดแปลบสุดแสบทรวง อยากจะข่มดวงตาหาหลับไม่ เพราะดวงใจครุ่นคิดด้วยพิษห่วง โลกหนอโลกกลมแท้แต่ในกลวง ทั้งหลอกลวงหลอกหลอนทั้งซ่อนบัง ไอนํ้าค้าง เย็นยะเยียบมิเทียบอก ไฟนรกร้อนผ่าวคราวสิ้นหวัง หวงสุดหวงหน่วงมิได้ไร้พลัง เหลือความหลัง เท่านั้นปลอบขวัญเรา ไม่มีฟ้าเหมือนมีฟ้ามาขวางกั้น สิ้นแล้ววันพบปะ เหลือจะเศร้า จะขอรออย่างสิ้นหวังชีพยังเนา เพียงบรรเทาไฟร้อนผ่อนดวงใจ ทนสุดทนหม่นไหม้นั้นได้อยู่ แต่มิสู้ทนข่มอารมณ์ไหว ก่อนจะหลับดับจิตลามิตรไป ขอเพียงได้จารึกหยดหมึกมน. จาก... “อาศรมเขาเต่า”
53 ฟ้าผิดสีที่เมืองหลวง “กามนิตหนุ่ม ศิษย์พระฤษี” กาฬปักษ์นภาดำคลํ้าสีหม่น นํ้าค้างหล่นร่วงรดหยดใบหญ้า หรีดเรไรรํ่าร้องก้องพนา ชื่นวิญญาณ์เยือกเย็นเป็นสุขใจ เหล่าพฤกษาสดชื่นรื่นระริก วายุพลิกพุ่มสะคราญก้านไสว กลิ่นราตรีหอมระรื่นชื่นฤทัย กลางพงไพรพนาชื่นทุกคืนวัน อันแดนดินถิ่นไกลไร้สีแสง ไร้สีแห่งความลวงบ่วงอาสัญ มีสีแห่งความจริงทุกสิ่งอัน เปรียบสวรรค์หวานซึ้งติดตรึงทรวง ผิดเมืองกรุงจรุงเคลือบเหลือบสีแสง ล้วนแอบแฝงเล่ห์ลํ้าทำ เป็นบ่วง ร้อยเล่ห์ลิ้นร้อยพรํ่าแต่คำลวง โอ้เมืองหลวงนี่หรือคือวิมาน เอาสีสันฉาบหน้าว่างามลํ้า ในเป็นดำฉาบไว้ให้หน้าหวาน นอกนั้นหรืองามตาน่าสราญ งามตระการแก่ผู้รู้ไม่ทัน
54 ส่วนห้วงลึกด้านในใครจะรู้ ว่าซ่อนอยู่ความลวงบ่วงมหันต์ ใครหลงผิดติดห้วงลงบ่วงพลัน ดับชีวันเพราะเสน่ห์เล่ห์กลลวง. จาก...อาศรม เนตรศิริ
55 โลกมายา “นิสาชล” ในโลกนี้มีอะไรใช่สิ่งแน่ ความจริงแท้น่ะหรือคือความหลอน อย่าไปหวังอะไรให้แน่นอน ล้วนปลิ้นปล้อนมายาสารพัน สมมติว่าโลกนี้ที่สวยสด แสนงามงดโสภาค่ามหันต์ ต่างแต่งแต้มสีแสงแข่งประชัน ว่าใครกันงามกว่าค่าควรชม เดี๋ยวหัวร่อเฮฮาพาสนุก ลืมความทุกข์โศกเศร้าเคล้าขื่นขม เดี๋ยวโศกาอาวรณ์นอนระทม เอาอารมณ์อะไรในโลกวน สมควรแล้วโลกนี้ที่กลมกลิ้ง เป็นเรื่องจริงใจจิตคิดฉงน ต่างผ่านโลกมายามาทุกคน ด้วยถูกมนต์ความฝันอันมายา ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้ายไม่สิ้นสุด โลกมนุษย์หลอนใจให้ผวา สุขและทุกข์ตรึงจิตอนิจจา สลักตราตรึงกมลจนวันตาย. ม.ศ. ๑ ร.ร. สตรีวิทยา
56 “ทราม” “สุคนธ์ สาคร” เมื่อเธอเชือดหัวใจฉันให้ชํ้า น่าจะซํ้ายํ้ายับให้ดับขันธ์ ฆ่าเสียให้ดับดิ้นสิ้นชีวัน ให้ชื่อฉันเลือนลบจากภพนี้ เมื่อเชือดแล้วปล่อยไว้ทำ ไมเล่า ให้คนเขาติฉินสิ้นศักดิ์ศรี ถูกเขาหยันหยามหมิ่นว่า “สิ้นดี” ให้ฉันมีชีพอยู่อายผู้คน เชิญเธอสับเสียให้สมใจแค้น ที่ฝังแน่นว่าฉันมันชั่วฉล เกิดมาจากผีเปรตเศษทรชน สับให้ป่นเฆี่ยนให้ยับกับการเจอ มัวนิ่งเฉยอยู่ใยทำ ไมนี่ เอ้าเชิญซี...ฉันพร้อมยอมเสมอ ฆ่าเสียให้สิ้นม้วยด้วยมือเธอ สมความเซ่อหลงเล่ห์เสน่ห์มาร ฉันคนตรงหลงกลของคนคด ทรยศย้อนยอกหลอกพรํ่าผลาญ มีร้อยลิ้นลมลวงเหมือนบ่วงพราน เอาคำ หวานล่อใจให้หลงกล
57 หัวใจเธอขึ้นลงไม่คงที่ ทุกนาทีกลอกกลับส่อนสับสน คำ โบราณขานว่า “กะลาวน” มันสมคนอย่างเธอที่เห่อ “ทราม”. จาก... “รินวลี สมุทรสาคร”
58 เสน่หา – อาลัย ...แม้ร้อยรักพันคิดถึงซึ่งหญิงอื่น ไม่หมายชื่นยื่นหยิบเพียงสิบขวัญ หมื่นอ้อมรักผิดไป ไม่มีวัน อ้อมใจนั้นผิดน้อง ไม่ต้องการ...
59 ลำนำจากกรวดทราย ถึง...เพชรนํ้าเอก “วิทยา กรงทอง” นอนเสียเถิดคนดีคืนนี้หนาว เยือกเย็นราวเทพธิดาคลี่ฟ้าห่ม เพลงนํ้าค้างเริงร่ายแพรสายลม มาพัดพรมอาณาจักรรักนิรันดร์ วังเวงกานท์หวานกลอนเมื่อค่อนดึก แนบสำ นึกหนาวสำ นวน กำศรวลศัลย์ แผ่วเสภาวังเวงเพลงพระจันทร์ มาปลอบขวัญจุมพิตในนิทรา ดาวจะเตือนเดือนจะแต้มมาแย้มยิ้ม แอบหลิ่วเนตรกระพริบพริ้มริมเวหา พระจันทร์จะเคลื่อนรถทรงลงลีลา มาชายตาแอบมองเราสองคน เสน่ห์เอย เสน่หา มาสู่หอ ฟังพี่คลอเพลงขับรับสายฝน สิ้น “ท่านภู่” แล้วกวิน เหมือนสิ้นมนต์ ที่เกลื่อนหล่นกลอนใหม่ ก็ไกลกัน
60 หลับตาเสียแก้วตา แล้วอย่าอ้อน จะร้อยกรองร้องกลอนมาวอนขวัญ ว่าเห่ช้า...โอ้ช้า...สารพัน จะขับเพลงคนธรรพ์ให้ฝันดี โอ้ละเห่...โอ้ละหึก...ดึกสงัด นํ้าค้างจัดกระซิบพรํ่า แพรดำคลี่ รัตนโกสินทร์สิ้นกวี แต่ครั้งที่สิ้นบุญ “ท่านสุนทร”
61 เทพลำนํ้าท่าจีน....ถึงแม่กลอง “ประวิทย์ หงส์สีทอง” หมอกสายนํ้าพลิ้วละออง บนฟองคลื่น สัมผัสชื้นหยาดนํ้าฉํ่าไอหนาว แพรลมเหนือรินหลั่งเป็นครั้งคราว เริ่มเรื่องราวเสน่หามาไรไร สายท่าจีนเงียบเหงาในเงาหมอก แอบซุกซอกความฝันอันหวานไหว รวมความรักความเป็นห่วงหนึ่งดวงใจ ระริกไหลซ่านกระแสสู่...แม่กลอง หากแม่กลองสองฝั่งนํ้ายังหลาก ท่าจีนอยากไปถามความหม่นหมอง สื่อสายนํ้ารวมบรรจบซบละออง จะลอยล่องร่วมไหลไปด้วยกัน ท่าจีนและแม่กลองสองความคิด ถ้าหลอมจิตเป็นหนึ่งคงซึ้งขวัญ จะมอบรอยจูบแรกแทรกสัมพันธ์ เป็นความรักแนบนิรันดร์เป็นสัญญา
62 ห่วงก็แต่แม่กลองใครครองอยู่ ไม่อาจรู้จึงไม่อาจปรารถนา เพียงความหมายรักมาก...จากดวงตา ก็จะกล้ามอบใจไม่ร้างเลือน คลื่นความรักหวิวไหว ในอ้อมหมอก พลิ้วระลอกแอบยิ้ม กับริมเขื่อน วันนี้สายท่าจีนจะรินเยือน ไหลไปเตือนแม่กลอง...อย่าสองใจ...ฯ
63 เพื่อนใจ “ปัทมา” ระหว่างเธอกับฉันเมื่อวันจาก ใครเศร้ามากกว่ากันฉันสงสัย ทนดูคนชื่นพรากจากไปไกล ครั้งนี้ไซร้คราวฉันหวั่นกมล อยากปลอบว่าอย่าวิตก แต่อกเอ๋ย ฉันไม่เคยต้องร้างไปต่างหน จากน้องพี่พ่อแม่เหลือแต่ตน ใครจะทนแข็งใจไม่รำ พัน หนทางเปลี่ยวเคี้ยวคดดูหดหู่ ทนต่อสู้ความทุกข์ เพื่อสุขสันต์ ขออย่างเดียวเกลียวใจ ยามไกลกัน อย่าคืนฝันกลายกลับพอลับกาย ไม่ควรคิดก็ต้องคิดเพราะจิตห่วง จะว่าหวงก็อาจได้เพราะใจหาย พอนึกว่าจะต้องอยู่อย่างเดียวดาย จิตมิวายเศร้าหมองต้องฝืนทน
64 ไหนบ้านเรือนที่รักน่าหนักจิต เราคงคิดถึงกันวันละหน ถึงเพื่อนรักมากมายตั้งหลายคน คงมีผลไม่เหมือนเพื่อนฤดี เราซึ้งกันเพียงใดใครก็รู้ รักคงอยู่คู่กันไม่หน่ายหนี จะรำ พันสัญญาซํ้าคำวจี ใจฉันนี้มอบไว้คู่ใจเธอ...ฯ
65 รักนิรันดร์ “อานนท์ ปักษาทอง” แม้กายห่างต่างถิ่นแดนดินฟ้า ดวงวิญญาณ์ยังคงอยู่คู่เคียงใกล้ ส่งจิตถึงซึ่งเธอเสมอไป รํ่าพิไรเรียกหาทุกนาที รักดำ รงคงรักสลักซึ้ง รักตราตรึงติดใจไม่หน่ายหนี รักอิงแอบแนบกลางหว่างฤดี รักน้องนี้แน่นหน่วงดวงชีวัน ยามนิทราอาวรณ์นอนมิหลับ จิตจ่อจับจูงใจฝักใฝ่ผฝัน รำลึกหวนครวญหาจิตจาบัลย์ สายสัมพันธ์ผูกมัดรึงรัดจินต์ เอาภาพน้อยกลอยใจไว้เคียงหมอน หนุนแนบนอนแทนนุชสุดถวิล เล้าโลมลูบจูบภาพซาบชีวิน มิสร่างสิ้นซ่านทรวงห้วงกมล
66 เทิดทูนรักภักดีเหนือชีวิต ส่งใจติดตามตัวทั่วแห่งหน ยามอยู่ไกลแสนไกลให้กังวล รักดาลดลดวงจิตคิดถึงนาง แม้นฟ้าสิ้นดินสลายมิคลายรัก เฝ้าใฝ่ภักดิ์เพียงขนิษฐ์มิคิดห่าง รักจะอยู่คู่ใจไม่จืดจาง มิแรมร้างรักมั่นนิรันดร.
67 จากรางบัว...ถึง....จอมบึง “ชาญ จันทร์งาม” สุดคิดถึง.... ฟ้าจอมบึงอ้างว้างกว้างหรือไม่ วันนี้ฟ้ารางบัวสลัวไกล แต่ยังแคบอยู่ในใจหนึ่งดวง สุดขอบฟ้ายังมีฟ้าเกินตาเห็น คนลำ เค็ญเงียบเหงาเฝ้าเป็นห่วง ใครคนหนึ่งเคยแอบเคยแนบทรวง และอยากทวงอยากถามความในใจ สำ นึกแห่งอาทรอ่อนหวานหวาม อยากจะถามคนดี...“รักพี่ไหม” นอกจากเธอสำ หรับพี่ไม่มีใคร เดี๋ยวนี้และต่อไปก็ไม่มี จอมเอย...จอมบึง หากรู้ซึ้งและประจักษ์ว่ารักพี่ สุดหัวใจด้วยหัวใจในชาตินี้ อุทิศแด่คนดีด้วยชีวา จากรางบัวสู่จอมบึงถึงไกลมาก แต่ไม่ยากเกินใจจะไปหา ฝากกระซิบเบาเบา...“รักเท่าฟ้า” ทดแทนค่ารู้สึกที่ลึกซึ้ง
68 คนดีสุดที่รัก.... ได้รู้จักความเป็นห่วงหวงและหึง แก้มเอยแก้มหอมคนจอมบึง ขอเป็นหนึ่งอยู่ในหัวใจเธอ....ฯ
69 หนาวดอกส้ม “เหล็กอ่อน” เคลิบเคลิ้มฝันตระการตาพฤกษาสวน ต้นไม้ล้วนชวนชมส้มโอหวาน แหล่งสวนส้ม สมญานามคือสามพราน เฉพาะบ้าน “สวนไร่ขิง” ยิ่งงามตา ดอกสะพรั่งดูสกาวขาวเต็มสวน ตลบอวลหอมกลิ่นถวิลหา ดอกส้มฉํ่านํ้าค้างพรมสายลมพา สุรางค์ฟ้าฝากเอื้อความเยื่อใย เสียงลมอ้อนอ่อนล้ามาลิบลิ่ว เกสรปลิวลมพัดสะบัดไหว ดอกส้มบานเต็มกมลของคนไกล หนาวนํ้าใจจากนัยน์ตาคนพาชม ใบไม้โรยร่วงหล่นบนร่องสวน พื้นดินครวญฝากถามความคิดขม สายตาตอบทักทายคือสายลม เจ้าของส้มสนองคืนอย่างมึนชา วิเวกเอ๋ยเวิ้งว้างทางสายนี้ กับสิ่งที่ขัดขวางอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มฝืนชื่นชมจากคมตา เป็นปัญหาฝากไว้เพื่อให้คิด
70 เมื่อไมตรีหักห้ามความใฝ่ฝัน ความหวังอันอุ่นไอก็ไร้สิทธิ์ ด้วยหนทางห่างไกลความใกล้ชิด หนาวดวงจิตเจ้าของส้ม “ขมนํ้าใจ”
71 ลำนำแห่งท่าจีน “บุญสร้าง ปัถวี” จากขุนเขา หุบผา และป่าเปลี่ยว หลามหลากเชี่ยวสู่ทะเลมาเร่ร่อน ผ่านเกาะแก่งแอ่งหินผืนดินดอน ไหลซอกซอนอ่อนล้ามาสู่เรา เป็นสายนํ้าสายหนึ่งซึ่งไหลกลับ รินระยับเย็นเยียบ อยู่เงียบเหงา คลี่เกลียวคลื่นรื่นริ้วพลิ้วแผ่วเบา เพื่อบอกเล่าเป็นนิยายสายนํ้าตา ท่าเอย...ท่าจีนยังรินร่าย อยู่เดียวดายตลอดกาลนานนักหนา จะไหลลับกลับไปแล้วไหลมา เป็นศรัทธาปลอบขวัญตื้นตันใจ สายนํ้าใจใครคนหนึ่งซึ่งชื่นฉํ่า หวานลึกลํ้าแปลกหน้าผู้มาใหม่ เรายินดีห่วงหามากกว่าใคร เมื่อจากไปยังคิดว่าจะมาเยือน
72 สายสวาทสายนี้ที่ไหลผ่าน รินรสหวานต่างไมตรีไม่มีเหมือน เหลือเพียงรอยเสน่หา อันพร่าเลือน เป็นรอยเตือนให้รอท้อทุรน ท่าเอย...ท่าจีนหลงรินร่าย โดยเหนื่อยหน่ายเงียบเหงาเศร้าสับสน ทุกวันนี้ ท่าจีนเหมือนสิ้นมนต์ ใครหนึ่งคนไม่กลับมาเหมือน...ท่าจีน..ฯ
73 พ้อรักจาก....ลาดหญ้าไทร “สนอง วงษ์ปาน” มหาชัย.... วันนี้ลาดหญ้าไทร น้อยใจถึง มีแต่ความรู้สึกอันลึกซึ้ง มาบอกใครคนหนึ่งซึ่งใจดำ สุดที่จะพยายามแล้วความรัก สมเพชนักใจนี้ที่เธอยํ่า คงไม่เคยรู้หรอกมันชอกชํ้า ถึงมันเจ็บแต่ไม่จำ ไม่นำ พา ใจดวงนี้เจียนจะขาดอนาถแล้ว ยังไร้แววพิศวาสที่ปรารถนา รักเอย...รักนี้ที่ทรมา เกือบจะหมดศรัทธาทอดอาลัย รัก...ไม่รัก...ก็ไม่รู้ดูไม่ออก อยากจะบอกอยากจะถามความสงสัย ว่าขวัญเอยขวัญฟ้า มหาชัย เธอรักลาดหญ้าไทร ไหมคนดี อยากให้ตอบปรัศนีที่วอนถาม อย่ามองข้ามเสน่หาเมินหน้าหนี ถ้าหากขาดนํ้าใจในวจี คนคนนี้จะขาดใจไปเพราะเธอ
74 อารมณ์เอ๋ยโอ้ว่า อารมณ์หนุ่ม กลุ้มแสนกลุ้มกลัวต่อการรอเก้อ หรือเวลาสามปีที่ได้เจอ เราหลงเซ่อรักค้างอยู่ข้างเดียว.
75 ชังฟ้าที่ท่าจีน “แอ๊ด” สายธารเอ๋ยท่าจีนถิ่นไร่ขิง สุขใจจริงงามตากับฟ้าใส เย็นสายธารตะวันพลบอบอุ่นไอ ท่าจีนไหลล้นฝั่งเป็นครั้งคราว ลมพัดโบกกิ่งไหวใบไม้พลิ้ว ยลสยิวผิดกายให้เหน็บหนาว ความเวิ้งว้างทักถามนํ้าตาดาว ห้วงฟ้าหาวบัดนี้เปลี่ยนสีฟ้า ความคิดเอ๋ยแปลกจิตความคิดใหม่ เคยอุ่นไอท่าจีนถิ่นหรรษา สุขสงบใจกายหลายปีมา บัดนี้หนาในกมลชอบกลนัก ไม่เคยเอื้ออาทรแต่ก่อนนั้น บัดนี้พลันในอกวิตกหนัก ห้วงความคิดมีปัญหามาถามทัก จะหาญหักห้ามใจไม่กล้าพอ กระแสธารท่าจีนท้องถิ่นนี้ นับนานปีเยือกเย็นเช่นนี้หนอ ไหลเฉื่อยช้ากลับคล้ายจะหมายรอ ฟ้าพะนอเอาใจกับสายธาร
76 ท่าจีนเอ๋ยท่าจีนถิ่นท่านี้ ไปยินดีกับฟ้าน่าสงสาร เจ้าเหมือนใจคนท่าจีนถิ่นสามพราน หลงคำ หวานเสน่ห์มนต์คนบ้านไกล ม.ศ.๓ ร.ร.วัดไร่ขิงวิทยา
77 หนาว....รอยปาก “ประทุมพร หงส์นฤชัย” สัมผัสหนาว นํ้าค้าง จากนางฟ้า รินลำ นำ นํ้าตามาจากสรวง ขณะดาวเริ่มหรี่ทีละดวง แล้วค่อยร่วงลงดับไปกับตา ฟ้าสีดำกำลังพรม แพรลมดึก หนาวรู้สึกลึกเร้นเป็นห่วงหา เขาคนนั้นอยู่ไหนไม่เห็นมา ลมจูบฟ้า...คนจูบเราเขาใจดำ ดึกดื่นเงียบเหงา หนาวอย่างนี้ เธอคนดีหนาวไหมในความคํ่า ลมจะพ้อล้อนํ้าค้าง มาพร่างพรำ เป็นถ้อยคำต่อว่ามาถึงเธอ หลงฟังข่าวเฝ้าคอยน้อยใจนัก เบื่อจะรัก...เบื่อจะฝันถึงกันเสมอ จะบอกว่า...เกลียดมาก ไม่อยากเจอ แต่ก็เผลอห่วงใยไม่จืดจาง
78 เขาคนนั้นวันนี้ที่คอยหาย อย่าใจร้ายอย่างนี้ที่เหินห่าง ฉันคนนี้ มีฝันอันเลือนลาง และใจอันบอบบางอย่างเหลือเกิน หนาวนํ้าใจใครคนหนึ่ง คิดถึงมาก หนาวรอยปากจากคนดีที่ห่างเหิน หากรู้ว่า...ตัวเรา...เขาจะเมิน คงไม่เพลินเผลอใจให้...จูบลา...ฯ
79 ๒๖ มกราคม ที่...ไทรโยคน้อย “วิทยา กรงทอง” หอมดอกงิ้วพลิ้วพร่าง หว่างอ้อมผา รินอารมณ์เสน่หามาเงียบเหงา ร้อนลมร้อนอ้อนฟ้า มาเบาเบา กล่อมสีเทาแห่งป่าต้นหน้าแล้ง นกหน่ายรังบินถลามาพักผ่อน หลบลมร้อน กับเงาผา อย่างกล้าแกร่ง เพลงภูเขาแผ่วหวาน ต้านลมแรง ปลอบผู้แฝงเร้นร่าง อยู่กลางไพร แพรนํ้าตกวกผ่าน ม่านแผ่นผา รินดนตรีกล่อมผู้มา เยือนป่าใหญ่ ไทรโยคน้อย คือกำแพงแห่งหัวใจ ขังเราให้จดจำ อยู่ลำ พัง มองความเปลี่ยว เดียวดายหว่างสายนํ้า โรยความชํ้า เล่านิยายกับชายฝั่ง เงาความรักแผ่วผ่านม่านภวังค์ ได้ปิดฉากกลับฝังเราทั้งเป็น
80 ใบไผ่ร่วงทีละใบ ในความเงียบ ฉิวฉิวเฉียบสายตาเวลาเห็น ไผ่เหมือนมีดกรีดเชือดเราเลือดเย็น ใจลำ เค็ญ ถูกฆ่า โดยทารุณ ใครคนนั้น วันนี้ ที่คิดถึง ใครคนหนึ่งยังถวิลกลิ่นแก้มกรุ่น เขาผู้คิดถึงมาก อยากถามคุณ กำลังหนุนอกใครที่ไหนนอน...ฯ
81 ทุกข์ใจด้วยไกลตา “เหล็กอ่อน” ดึกดื่นป่านฉะนี้แล้วนี่น้อง หัวใจพี่รํ่าร้องมิหยุดได้ หลับตาแต่มิอาจจะหลับใจ ช่างกระไรความคิดถึงลึกซึ้งนัก รู้หรือหนอกนิษฐาแก้วตาพี่ ทุกราตรีไม่มีสุขพี่ทุกข์หนัก ดึกแล้วแต่ใจไม่ยอมพัก คิดถึงคนรักอยู่ถิ่นไกล ถ้าบินได้พี่จะบินไปเดี๋ยวนี้ หอมแก้มสองทีแล้วยิ้มใหญ่ อ้อนออเซาะอกซบอบอุ่นไอ เอาอกเอาใจไม่ขัดเลย ถนอมนิ่มเนื้อนวลไว้เถอะน้อง อย่าให้หมองมีคาวข่าวเขนย อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้เกินเลย คนเขาเย้ยไยไพแล้วไม่ดี
82 อยู่ไกลตาทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง ไม่เคยสุขด้วยเป็นห่วงดวงใจพี่ กลัวหนุ่มอื่นเขามาอ้อนซ้อนวจี กับคำ ที่อื้อฉาวข่าวสำคัญ หลับตานอนตอนดึกรู้สึกหนาว อากาศร้อนอบอ้าวก็เป็นหมัน อารมณ์หนวงห่วงใยสายสัมพันธ์ ทุกคืนนอนได้แต่ฝันประโลมใจ.
83 “แก้ม” “วิเชียรทยา แถบกรงทอง” จากอดีตเมื่อยังเล็ก เด็กหญิงแก้ม ใจถูกแต้มความคิด “ลูกติดพ่อ” เมื่อวัยสาวเริ่มแย้ม แก้มแก่นพอ นิสัยส่อให้เห็น ชอบเป็นชาย แก้มเคยถูกรักมากจากแม่พ่อ และแก้มก็เข้าใจได้ง่ายง่าย แต่แก้มกลับสับสนจนวุ่นวาย เมื่อรักมีความหมาย หลายประการ “เขา”...อายุยี่สิบเก้าเข้าปีนี้ เป็นผู้ชายแสนดีที่อ่อนหวาน ดอกรักในใจแก้มเริ่มแย้มบาน แก้มสงสารและได้เข้าใจกัน ในใจแก้มรักเขามากเท่าฟ้า ด้วยแรงแห่งเสน่หามรรคาฝัน แต่แก้มก็ต้องหยุดตรงจุดนั้น แก้มจึงหวั่นหัวใจ ไม่อยากคิด
84 แก้มอยู่บนระหว่างทางสองแพร่ง เป็นทางแห่งพันผูก ความถูกผิด ความเป็นสาว ยาวนานปานชีวิต หรือมอบสิทธิ์พลีสาวให้เขาชม หวงความสาวเท่าชีวิตจึงคิดมาก ตัดสินใจลำ บากยากเหลือข่ม เสียวรู้สึกห่ามห่าม ตามอารมณ์ จะมอบพรหมจารีย์...ดีไหมนะ...ฯ แด่...ผู้หญิงที่นับถือนํ้าใจ และน่าสงสาร
85 ผู้หญิง...กับ...ผู้ชาย “มายา ทอง” ใช่...ผู้ชาย... ใจง่าย และเซ่ออย่างเธอเห็น อ่อนหวาน ดุเดือด เลือดเย็น เกลียดก็เป็นรักก็เป็น เช่นใครใคร เชอะ...ผู้หญิง... กลอกกลิ้ง เร่าร้อนอ่อนไหว โธ่เอ๊ย...ใครเขาบอกเหมือนดอกไม้ ไม่ใช่...ฉันรู้ เธอ...งูพิษ มนุษย์เพศผู้... รับรู้ สีดำ ในนํ้าจิต เธอเป็นผู้ยื่นให้ในความคิด เมื่อชีวิตเธอกระหายให้ชายชม มนุษย์...เพศเมีย ไปเสียฉันไม่ใช่ผ้าห่ม แม้บางครั้งจะมีอารมณ์ ก็ไม่จมทะเลกามตามมารยา
86 ผู้หญิงกับผู้ชาย... ความหมาย อยู่ที่นั่น ตัณหา มีใครกี่คน บนโลกา รู้ค่ารักอันนิรันดร์กาล ปรัศนี... แห่งไหนมีบริสุทธิ์วิมุติหวาน ชะลอรักอันเป็นทิพย์ ดุจนิพพาน หลุดไปจากสันดาน ที่กร้านกาม...ฯ
87 สวัสดีความรัก “เสงี่ยม สร้อยจิต” เลือนสายหมอกเย็นเฉียบ มาเงียบเหงา โรยสีเทาคลี่คลุมเหมือนกลุ่มไหม อุ่นสัมผัสแดดอ่อนสะท้อนใจ ความหวั่นไหว แทรกรู้สึกอยู่ลึกลํ้า เกลียดหัวใจในตัวที่ชั่วนัก ไม่รู้จักความเจ็บที่เหน็บหนำ รู้แล้วว่ารักนี้เป็นสีดำ ยังหลงรํ่าร้องหา ฟ้าชมพู ความเป็นคนยากไร้ในคุณค่า บางเวลาอ้างว้าง หมดทางสู้ เล่ห์มนุษย์ที่ผ่านการเรียนรู้ ส่งเราผู้เพลิดเพลิน เดินหลงทาง ถึงมุ่งมั่นไขว่หา คว้าความรัก แต่ก็มักพลาดไปจนไกลห่าง ยิ่งใฝ่ฝัน ก็เหมือนยิ่งเลือนลาง รักแล้วร้างอย่างนี้ทุกทีไป สวัสดีความรักประจักษ์แล้ว จะเปลี่ยนแนวความคิดชีวิตใหม่ และที่เป็นความหวังความตั้งใจ ถ้ารักใครก็จะแสร้ง แกล้งแกล้งรัก.
88 ค่าของหญิง “กุลวรรณ์ ตัณฑวิรุฬห์” คนชิงสุกก่อนห่ามโลกหยามเหยียด ซํ้ารังเกียจสิ้นค่าน่าบัดสี เกิดเป็นหญิงหยิ่งในศักดิ์ใฝ่รักดี เกียรติสตรีมีค่ากว่าสิ่งใด ยามอยู่ในวัยเรียนอย่าเพียรรัก จงคิดหักอารมณ์ข่มนิสัย ควรตั้งหน้าเล่าเรียนพากเพียรไป จักทำ ให้อนาคตนั้นงดงาม แม้มากชายปรายตาอย่าจ้องตอบ อยู่ในกรอบของเกียรติอย่าเหยียดหยาม อันแฟชั่นเกี่ยวก้อยเดินห้อยตาม มิใช่ความเก๋โก้โชว์สัมพันธ์ เป็นสตรีมีค่าเวลาสาว แม้มากคาวมลทินคนหมิ่นหยัน จะอับอายขายชื่อรํ่าลือกัน ความหวังนั้นจะสิ้นปริญญา จงครุ่นคิดไตร่ตรองมองเสียใหม่ หากตั้งใจใฝ่ฝึกเร่งศึกษา เมื่อสำ เร็จเสร็จหวังดังอุรา จึงค่อยหารักแนบแอบอารมณ์.
89 อาถรรพณ์ - เสน่หา ...คิดถึงความไร้ค่าน่าร้องไห้ ยากทั้งยากหากใจใฝ่ฝันหวาน โอ้รักเอ๋ยประจักษ์จิตพิษร้าวราน เหมือนประจานใจตัวชั่วสิ้นดี...
90 มัน...หมาไล่เนื้อ “มายา ทอง” แล้ววันที่สมนํ้าหน้าก็มาถึง มันผู้ซึ้งเคยทะนงหลงโอหัง ได้มาพบ “วันดับ”กับความดัง ถึงพลาดพลั้งลื่นถลำล้มควํ่าลง มันถูกเธอเอาใจไปจนทั่ว จึงลืมตัวอยู่ในไฟความหลง ด้วยสองตีนสองมือมันซื่อตรง ใจมั่นคงอยู่กับเธอเสมอมา นึกเสียใจกับวันที่ผันผ่าน ยามเธอหลอกใช้งานหวานหนักหนา เมื่องานหมดมันจึงหมดลดราคา แค่วาจาเจือนํ้าใจก็ไม่มี หมาเอย....หมาไล่เนื้อเมื่อยังหนุ่ม ถูกเขารุมเอาใจไปทุกที่ ได้ประโยชน์จากเราเขาว่าดี ยื่นไมตรีเสแสร้งแฝงเล่ห์กล
91 อนิจจาหมาไล่เนื้อเมื่อคราวแก่ หมดคนแลร่อนเร่ระเหระหน สวัสดีสีดำ นํ้าใจคน ยิ่งอดทน ก็ยิ่งชํ้านํ้าใจเรา แล้ววันที่สมนํ้าหน้าก็มาถึง หมาตัวหนึ่งเคยทะนงหลงหอนเห่า หมาตัวนั้นวันนี้มันขี้เมา กำลังเกาขี้เรื้อนเปื้อนนํ้าตา....ฯ
92 ห่วงหา....อาลัย “นลินพร เหมนฤชิต” หยาดนํ้าค้างระหว่างซอกกลีบดอกแก้ว ซ่อนเกล็ดแพรวขณะลมห่มฟ้าผ่าน ลั่นทมคลี่กลีบอ่อนตอนเช้าวาน ได้เริ่มบานอย่างเหงาเหงา เช้าวันนี้ เรียวใบหญ้าชุ่มระยางนํ้าค้างหยาด หยดนํ้าบาดใจกังวลจนเหลือที่ เป็นห่วงมากและมากหวง ดังดวงฤดี ถึงไม่มีทีท่า อาทรกัน หัวใจเหงาเบาหวิว ปลิวเคว้งคว้าง สัมผัสกลิ่นสวาทจางอย่างน่าหวั่น ความห่วงหา...อาลัย จากใจนั้น หมดสำคัญและไร้ค่ามานานนัก กับความจริงที่หัวใจไม่อยากพบ คือจุดจบที่หัวใจได้รู้จัก ความสมดุลแห่ง เหตุผลบนทางรัก เดินมาทักเราระหว่างทางนํ้าตา
93 แล้วหัวใจจะเริ่มบทประชดโลก เพลงความโศกจะเริ่มต้นบนสีหน้า พร้อมกับคนที่หัวใจไร้ราคา ถูกเข่นฆ่าทุกทุกทางอย่างสาใจ หยาดนํ้าค้างระเหยกอด จากยอดหญ้า เหมือนนํ้าตาหมาดแก้มเมื่อแย้มไหว หนึ่งชีวิตที่คิดสร้างทางดอกไม้ แอบร้องไห้ ห่วงคนที่...ใจสีดำ .
94 ลูกผู้ชายชื่อ...”ไอ้ราญ” “สำราญ อํ่าประชา” ไม่ต้องมีนํ้าตามาให้เห็น ไม่จำ เป็นจะต้องมาร้องไห้ สิ้นความหวังสิ้นสวาทขาดกันไป มีรักเดียวไม่ได้ ไม่ต้องมี และเพียงแต่นํ้าตาราคาตํ่า คนใจดำอย่างฉันมันเมินหนี อนาคต ความฝัน พอกันที เมื่อหมดดีก็จะชั่วทั้งหัวใจ ไม่รักแล้วก็อย่าแสร้งแกล้งทำ รัก จะอกหักอีกกี่หน ก็ทนไหว เหนือคนยังมีคน ทุกหนไป ถ้าเหนือฉันเธอมีใคร ไม่แปลกเลย ขอให้เราเกลียดกันแต่วันนี้ ไม่ต้องมีเยื่อใยแล้วใจเอ๋ย ลูกผู้ชาย...“ชื่อไอ้ราญ”...ถึงมันเชย ก็ไม่เคยรักใคร ได้หลายคน
95 คำขอโทษที่เผยเอ่ยมานั่น จึงน่าขันและทุเรศไร้เหตุผล ฉันถึงจะคับแค้นและแค่นทน คงไม่จนเสน่หา ถึงปราชัย ไปเสียเถิดความรักกักขฬะ หมดพันธะหมดพะวง หมดหลงใหล ขอบอกเธอหยิ่งหยิ่ง และจริงใจ จะรักใครชอบใครที่ไหน...เชิญ..ฯ
96 ศักดิ์ศรี.....แห่งชีวิต “แหม่ม มารยาท” ที่แสนดี ไม่ต้องมีเหตุผล แก่คนเซ่อ เป็นข้ออ้างสำ หรับ ฉับกับเธอ จะไม่เผลอใจเพื่อ เชื่อลมลิ้น คราบนํ้าตาอาดูร จะสูญหมด และปรากฏ คนใหม่ อย่างใจหิน ไม่มีเธอแสนดี...ชั่วชีวิน เราสุดสิ้นสัมพันธ์ต่อกันนะ ถึงใจยังพิศวาส และปรารถนา แต่กล้าให้สิทธิ์เป็นอิสระ เธออยากพ้นแรงถ่วง บ่วงพันธะ ฉันก็จะหยิ่งพอ ไม่ง้อใคร เพื่อปิดบังราคีของชีวิต เธอก็โยนความผิด มาให้ได้ เพียงเธอจะคิดครอง ความสองใจ แล้วทำ ไมแกล้งโกรธ แกล้งโทษกัน ห้ามรักเถอะ แต่ห้ามโยนความผิด และจงจำ ใส่จิตไว้นะขวัญ ถึงเสียตัวเสียถ้อย นับร้อยพัน ความเลวนั้นก็ยังน้อยกว่า...ร้อยใจ...ฯ
97 อยุติธรรมสำหรับฉัน “ปัทมา” ในโลกนี้มีใครที่ไหนบ้าง ที่อ้างว้างอย่างนี้มีอีกไหม สู้ทุ่มเทความจริงจิตแด่มิตรใจ ที่ไหนได้หาว่า “หลอก” ชํ้าชอกจริง คำว่า “รัก” ฉันนี้มีค่านะ ยอมสละให้เธอได้โอ้ใจหญิง แต่เธอกลับสลัดไปไม่ประวิง อยากพึ่งพิงก็ต้องพับเพราะอับอาย เธอกล่าวหาว่าฉันนั้นหลายจิต ไยเธอคิดเช่นนั้นฉันใจหาย มโนธรรมนำจิตบิดเบือนกลาย มันเหลือร้ายประณามกันว่าฉันลวง ฉันปวดแปลบแสบซึ้งถึงมนะ ในอุระร้อนเร่า...เศร้าใหญ่หลวง โอ้ไฟรักร้อนระอุคุกรุ่นทรวง ใครจะล่วงรู้ได้ใจฉันตรม บอกอะไรเธอไม่ฟังทั้งนั้นแหละ ฉันอยากแหวะดวงใจที่ไหม้ขม ออกตีแผ่แก่โลกกว้างอย่างชื่นชม ฉันระทมก็เพราะ “รัก” เธอปักใจ...ฯ
98 วิญาณกลางเวหา “วิเชียร แถบทอง” เอื้อมสัมผัสรัศมีสุรีย์มาศ ด้วยดวงใจในเวหาสน์ กลางเวหา แววความหวังโชติช่วงในดวงตา ซึ้งกำซาบวาบวิญญามาแสนนาน ปลื้มปีติรู้สึกนั้นลึกลิ่ว เพ้อวาบหวิวเคลิ้มถวิลถึงกลิ่นหวาน เพียรไขว่คว้ามากอดตลอดกาล โดยซาบซ่านหลงเสน่ห์ เวทนา เป็นรักแรกเกิดในใจเมื่อได้พบ ยอมสยบอย่างเยี่ยงไร้เดียงสา รักเติบโตเบ่งบานตระการตา ทุกเวลามิต้องพึ่งฤดูกาล โอ้ความรักลึกลับสุดซับซ้อน แสนยอกย้อนซ่อนระทมผสมผสาน ระคนเศร้าเคล้าท้อทรมาน ถึงคราวหวานก็แสนหวานซ่านมิวาย
99 เหมือนรอยเท้าบนพื้นทรายรายระดาษ คลื่นไม่สาดยังเห็นอยู่มิรู้หาย ครั้นคลื่นซ่าสิ้นเสียงเหลือเพียงทราย ภาพมลายลบเลือนเหมือนรักลา คอยสัมผัสรัศมี สุรีย์มาศ ใจจะขาดสุดคิดถึงจึงโหยหา ทุกนาทีที่ผ่านพ้นนานมา ขอศรัทธาคืนแนบใจแถบทอง...ฯ