วิชาผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่
และการแต่งหน้าเค้ก
บทท่ี 1
วตั ถดุ ิบท่ีใช้
ในการทา
ขนมเบเกอร่ี
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในการทาขนมเบเกอรี่ประเภท
โครงสรา้ งหลกั
ผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี
เ บ เ ก อ ร่ี ห ม า ย ถึ ง ข น ม ปั ง ท่ี อ บ ด้ ว ย เ ต า
ชาวตะวนั ตกนิ ยมรับประทานขนมปังมานาน
และได้เผยแพร่จนได้รบั ความนิ ยมแพร่หลาย
กลายเป็ นอาหารหลักประจาวันมีการพัฒนา
รูปแบบของขนมออกเป็ นอาหารกลางวนั เย็น
เค้กและของหวานต่างๆ และสามารถรบั ประทาน
ร่วมกบั กาแฟได้ด้วย ปัจจุบนั ขนมอบเบเกอรี่
ได้รบั ความนิ ยมไปทวั่ โลกมีการพฒั นารูปแบบ
ของขนมอย่างต่อเน่ืองให้สามารถรบั ประทานได้
ในโอกาส ทกุ เวลาและทกุ สถานที่
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ แป้งสาลี
แป้งสาลี เป็นแป้งที่ใช้ในการทาผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ทกุ ชนิด
ไมม่ ีแป้งชนิดอ่ืนแทนแป้งสาลีได้ เพราะในแป้งสาลีจะมีโปรตีน
2 ชนิ ด ที่รวมกันอยู่ในอัตราส่วนท่ีเหมาะสมคือ กลูเตนิ น
(Glutamine)และไกลอะดิน (Gliadin) ซ่ึงเม่ือแป้งผสมกบั น้าใน
อตั ราส่วนท่ีถกู ต้องจะทาให้เกิดสารชนิดหนึ่ง เรียกว่า กลเู ตน็
(Gluten) มีลกั ษณะเป็นยางเหนียว ยืดหย่นุ ได้
กลูเตน็ จะเป็ นตวั เกบ็ กา๊ ซเอาไว้ทาให้เกิดโครงสร้างท่ีจาเป็ น
ของผลิตภณั ฑ์ เมื่อได้รบั ความร้อนจากตู้อบ จะมีลกั ษณะ
เป็ นโครงสร้างแบบฟองน้า ข้าวสาลีที่นามาโม่เป็ นแป้ ง
มี 2 ประเภท ตามความแขง็ และสีของเมด็ คือ
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี แป้งสาลี
1) ข้าวสาลีชนิ ดแขง็ (Hart wheat) เม่ือนามาโม่จะได้แป้ง
สาลีท่ีมีโปรตีนสูงคุณภาพดี เหมาะสาหรบั ใช้ในการทา
ผลิตภณั ฑพ์ วกขนมปัง ซ่ึงเม่ือนวดผสมจะได้แป้งท่ีมีความ
ยืดหย่นุ ทนต่อสภาพการผสม การหมกั อณุ หภมู ิห้อง และ
เคร่ืองผสมได้ดี มีคณุ สมบตั ิในการอุ้มกา๊ ซซ่ึงจะเป็ นผลทา
ให้ผลิตภณั ฑ์เบเกอรี่มีปริมาตรดี มีรูปและเนื้อสมั ผสั ที่ดี
มีความสามารถดูดซึมน้าได้สูง เหมาะสาหรับการทา
ขนมปังเดนนิชเพสตรี้ ฯลฯ
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี แป้งสาลี
2) ข้าวสาลีชนิ ดอ่อน (Soft wheat) เม่ือนามาโม่จะได้แป้งสาลีท่ีมีโปรตีน
ตา่ มีความสามารถดูดซึมน้าได้น้อยกว่าแป้งชนิ ดแขง็ มีความคงทนต่อ
สภาพการหมกั ที่ตา่ ซึ่งเหมาะสาหรบั การทาเค้กและคกุ กี้ แต่ไม่เหมาะ
สาหรบั การทาขนมปัง แป้งสาลีมีหลายชนิ ด แต่ละชนิ ดก็มีคุณสมบตั ิ
เหมาะสาหรบั การทาผลิตภณั ฑเ์ ฉพาะอย่าง ดงั นัน้ จึงควรเลือกใช้แป้งสาลี
ท่ีมีคุณสมบตั ิเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ท่ีจะทา เพ่ือให้ผลิตภัณฑ์ท่ีได้
มีคุณภาพตามท่ีต้องการ แป้งสาลีที่ผลิตออกมาจาหน่าย เพื่อการทา
ผลิ ตภัณฑ์เบเกอร่ีนั้น มี 3 ชนิ ด คือ แป้ งขนมปัง แป้ งเค้ก แป้ ง
เอนกประสงค์ ซึ่งแต่ละชนิ ดมีคุณสมบตั ิและคุณลกั ษณะรวมถึงการใช้
ประโยชน์ต่างกนั คือ แป้งสาลีท่ีใช้ในการทาเบเกอรี่ แบ่งออกเป็ น
3 ชนิด ได้แก่
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี แป้งสาลี
1.1.1 แป้งสาลีโปรตีนตา่ หรอื เรียกว่า
“แป้งเค้ก” เป็ นแป้งสาลีที่มีโปรตีนตา่ ร้อยละ 7-9ทาจากข้าวสาลีชนิ ด
เบา เนื้อแป้งเนียน ละเอียด เบา นุ่มมือและมีสีขาว ถ้ากดนิ้วมือลงไป
บนเนื้อแป้งจะเหน็ เป็ นรอยนิ้วมือเด่นชดั สารเคมีที่ทาให้แป้งขึ้นฟู คือ
ผงฟแู ละโซดาไบคารบ์ อเนต เป็นตวั ทาให้ขึ้นฟู แป้งชนิ ดนี้เหมาะท่ีจะใช้
ทาขนมเค้กท่ีให้เนื้อเค้กเบาฟู เช่น สปองจ์เค้ก ชิฟฟ่ อนเค้ก แป้งมี
โปรตีนตา่ ประมาณร้อยละ 7-9 โม่มาจากข้าวสาลีชนิ ดอ่อนพวก Soft
red winter เนื้อแป้งเนียนละเอียด เบา อ่อนนุ่มและล่ืนมือ เกาะรวมตวั
เป็ นก้อนได้ง่าย แป้ งจะมีสีขาวมากกว่าแป้ งขนมปังและแป้ ง
อเนกประสงค์ เนื้อแป้งชนิดนี้เหมาะสาหรบั ทาเค้ก คกุ กี้ สามารถทาให้
ขึ้นฟูด้วยสารเคมี ได้แก่ ผงฟู โซดาไบคาร์บอเนต ตวั อย่างแป้งท่ีมี
จาหน่าย ได้แก่ แป้งตราบวั แดง และ ตราพดั โบก
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ แป้งสาลี
1.1.2 แป้งสาลีโปรตีนปานกลาง หรือเรียกว่า “แป้งสาลีอเนกประสงค์”
เป็นแป้งสาลี ที่ทามาจากข้าวสาลีชนิดหนักและชนิดเบาผสมกนั ทาให้มี
โปรตีนปานกลาง ประมาณร้อยละ 10-11 การจะทาให้แป้งขึ้นฟู จะต้อง
ใช้ผงฟูและยีสต์ เป็ นตัวทาให้ขึ้นฟู แป้งอเนกประสงค์ (All-purpose
flour) มีโปรตีนประมาณร้อยละ 10-12 เป็ นแป้งที่ได้จากการผสม
ระหว่างข้าวสาลีชนิ ดแขง็ และข้าวสาลีชนิ ดอ่อนในสดั ส่วนที่เหมาะสม
จงึ มีลกั ษณะของแป้งขนมปังและแป้งเค้กรวมกนั แป้งชนิ ดนี้สามารถทา
ผลิตภณั ฑ์เบเกอร่ีได้หลายชนิ ด เช่น การทาบะหม่ีคุกกี้ พฟั เพสตรี้
ปาท่องโก๋ ตัวที่ช่วยทาให้ขึ้นฟู คือ ยีสต์ ผงฟู และโซเดียมไบ
คารบ์ อเนต ตวั อย่างแป้งท่ีมีจาหน่าย ได้แก่ แป้งตราว่าว และแป้งตรา
กบ
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี แป้งสาลี
1.1.3 แป้งสาลีโปรตีนสงู หรือเรียกว่า “แป้งขนมปัง” เป็นแป้งสาลีชนิ ด
หนักมีโปรตีนสูง เนื้อแป้งมีลกั ษณะหยาบ สีครีม เม่ือกดนิ้วลงไปจะไม่มี
รอยนิ้วมอื ปรากฏบนแป้ง แป้งสามารถขนึ้ ฟไู ดต้ ้องใช้ยีสต์ แป้งขนมปัง
( Bread flour) มีโปรตีนสูงประมาณร้อยละ 12-14 โม่มาจากข้าวสาลี
ชนิ ดแขง็ พวก Hard red winter เป็นข้าวสาลีที่เหมาะสาหรบั การทา
ขนมปังจืด ขนมปังหวาน เพราะ เมื่อนามานวดกบั น้าจะมีความเหนียว
และยืดหย่นุ ได้ดี ลกั ษณะของแป้งจะหยาบ มีสีนวลเข้มไม่ขาว แป้ง
จะไม่เกาะตวั กนั เป็ นก้อนง่าย ๆ ตวั ท่ีทาให้ผลิตภณั ฑ์ขนึ้ ฟู คือ ยีสต์
ตวั อย่างแป้งที่มีจาหน่าย ได้แก่ แป้งตราหงส์ขาว และแป้งตรายาน
อวกาศ เป็นต้น แป้งสาลีชนิ ดนี้จึงเหมาะท่ีจะใช้ทาขนมปังหรือขนมที่มี
ลกั ษณะคล้ายขนมปัง เช่น โดนัทยีสตพ์ ิซซ่า หรือเส้นบะหมี่ เป็ นต้น
ตวั อยา่ งแป้งที่มีจาหน่าย ได้แก่ แป้งตราหงสข์ าว
ลกั ษณะของแป้งสาลี เพือ่ จะทาผลิตภณั ฑใ์ ห้ไดผ้ ลดี ควรใช้แป้งที่มีคณุ ลกั ษณะดงั ต่อไปนี้
1. สีของแป้ง (Colour) แป้งที่ดีควรมีสีขาว หากมีสีอื่นปนจะทาให้เนื้อในของขนมปังมีสีไม่สวย
ดงั นัน้ แป้งท่ีโม่ออกมาจึงควรผา่ นการฟอกสีกอ่ น
2. กาลงั ของแป้ง (Strength) หมายถงึ พลงั ท่ีแป้งสามารถจะอ้มุ กา๊ ซที่เกิดขึ้นในระหว่างการหมกั ได้ดี
เพ่ือให้ผลิตภณั ฑม์ ีการขึน้ ฟแู ละมีปริมาตรดี
3. ความทนต่อสภาพต่าง ๆ ของแป้ง (Tolerance) หมายถงึ ลกั ษณะของแป้งท่ีสามารถทนต่อสภาพการ
ผสมนาน ทนต่อการรีด โดยท่ีกลเู ตน็ ไม่ฉีกขาดแป้งจะหมกั ได้นานและมีปริมาตรดี
4. ความสามารถในการดดู ซึมน้าของแป้งสงู (High Water Absorption) หมายถึง แป้งท่ีมีคณุ ลกั ษณะใน
การดดู ซึมน้าได้มาก เนื้อในขนมไม่แห้ง ให้มีคณุ ภาพในการเกบ็ ดี
5. ความสมา่ เสมอของแป้ง (Uniformity) หมายถงึ ความสมา่ เสมอของสี ขนาดของเมด็ แป้ง ถา้ แป้ง
ขาดความสมา่ เสมอแล้ว จะทาให้ผลิตภณั ฑท์ ่ีทาแต่ละครงั้ ไม่เหมือนกนั ทาให้ไม่มีมาตรฐาน
หน้าที่ของแป้งสาลีท่ีมีผลต่อผลิตภณั ฑ์
แป้งสาลีเป็นวตั ถดุ ิบที่สาคญั ในการช่วยให้เกิดโครงสร้างของผลิตภณั ฑ์ และทาให้คงรปู อย่ไู ด้
เม่อื อบเสรจ็ แป้งสาลีเป็นส่วนผสมหลกั ที่ใช้ในการทาผลิตภณั ฑ์เบเกอรี่ทุกชนิ ด เพราะแป้ง
สาลี มีหลายชนิด และมีคณุ สมบตั ิเหมาะสมสาหรบั ทาผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ีที่แตกต่างกนั จงึ ควร
เลอื กใช้แป้งสาลีที่มีคณุ สมบตั ิเหมาะสมกบั เบเกอร่ีท่ีต้องการ
วิธีการเลือกซื้อแป้งสาลี
1) เลอื กซื้อแป้งให้เหมาะกบั ชนิดของผลิตภณั ฑท์ ี่ต้องการทา
2) แป้งควรมีสีขาวหรอื สีครีมตามชนิดของแป้ง เนื้อแป้งบดละเอียด
ไมม่ ีสิ่งอื่นเจือปน
3) สะอาด แห้งสนิท ไม่จบั เป็นก้อน ไม่มีกลิ่นเหมน็ ไม่มีตวั มอด
และแมลงต่าง ๆ
4) ตรวจสอบวนั เดอื น ปี ที่ผลิต วนั หมดอายุ และไม่ควรซื้อแป้ง
เกบ็ ไวน้ าน ๆ เพราะจะมีกลิ่นสาบ
การเกบ็ รกั ษาแป้งสาลี
แป้งสาลีชนิ ดต่าง ๆ ถ้าไม่มีแมลงรบกวน จะเกบ็ ไว้
ได้นานถึง 5 เดือน โดยจะต้องเก็บในห้องท่ีสะอาด
อุณหภูมิ 68-72 องศาฟาเรนไฮต์ และมีความชื้น
สมั พทั ธ์ ร้อยละ 55-65 เก็บใส่ในภาชนะที่มีฝาปิ ด
สนิท มีอากาศถา่ ยเทดี ปราศจากกลิ่น ในแป้งท่ีมีตวั
แมลงอยู่ จะต้องแยกนาออกมาทิ้งทันที ถ้าแป้ ง
เหลือจานวนมาก ควรเก็บในห้องที่สะอาด อากาศ
ถ่ายเทดี ปราศจากกลิ่ น ถ้าแป้ งเหลือจานวน
น้อย ควรเก็บในภาชนะที่แห้ง สะอาดมีฝาปิ ดสนิ ท
เพราะถ้าแป้งมีความชื้นสูง ทาให้เป็นตวั แมลง และ
ขึน้ ราไดง้ า่ ย
สิ่งที่ช่วยทาให้ผลิตภณั ฑข์ ึน้ ฟู
CREDITS: This presentation template was
created by Slidesgo, including icons by Flaticon
and infographics & images by Freepik.
ส่ิงท่ีช่วยทาให้ผลิตภณั ฑข์ ึ้นฟู
การขึ้นฟเู บา มีปริมาตรมากขึ้น ไม่แน่น และมีเนื้อสมั ผสั ท่ีน่า
รบั ประทานของเบเกอรี่เป็ นส่วนสาคญั ของการทาเบเกอร่ีทุก
ชนิด ส่ิงท่ีช่วยทาให้เบเกอร่ีขึน้ ฟมู ีหลายวิธี คือ
1. การขึน้ ฟดู ้วยอากาศ
เราสามารถให้อากาศเข้าไปในส่วนผสมได้หลายวิธีด้วยกนั คือ
การร่อนแป้งก่อนผสมการตีแป้งกบั ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ผงฟู
น้า ไขมนั นม น้าตาลเข้าด้วยกนั การตีเนยน้าตาล เช่น ในการ
ทาบตั เตอรเ์ ค้ก การห่อพบั รีดแป้งสาหรบั พฟั เพสตรี้ และเดนิช
เพสตรี้
2. การขึน้ ฟดู ้วยไอน้า
เกิดจากการท่ีน้าในส่วนผสมขยายตวั ขนึ้ เม่อื ได้รบั ความ
ร้อน ขนมที่ขึ้นฟดู ้วยไอน้า เช่น การพองตวั ของครีมพฟั
หรือเอแคร์ ซ่ึงมนี ้าปริมาณมาก ลกั ษณะพองตวั ตรง
กลางกลวง เป็นผลจากการท่ีน้ากลายเป็นไอน้าเม่ือได้รบั
ความร้อน สาหรบั พฟั เพสตรี้ที่พองตวั ขึน้ เป็นชนั้ ก็
เนื่องจากน้าในส่วนผสมและน้าในเนยท่ีมาห่อรีดพบั อยใู่ น
ระหว่างชนั้ ของแป้งนัน้ เดือดกลายเป็นไอ เมอื่ ได้รบั ความ
ร้อนจากเตาอบ ทาให้ขนมพฟั เพสตรี้ พองขึ้นฟเู ป็ นชนั้
ตามลกั ษณะการรีดพบั
3.การขึ้นฟดู ้วยกา๊ ชคารบ์ อนไดออกไซด์ มี 2 ขบวนการ คือ
1) ขบวนการทางเคมี คือ ผงฟู เบคกิ้งโซดา แอมโมเนีย เป็นต้น
2) ขบวนการทางชีวเคมี คือ ยีสต์
สารที่ทาให้เกิดการขึน้ ฟดู ้วยขบวนการทางเคมี ได้แก่
1) ผงฟู (Baking Powder) เป็ นสารเสริมท่ีช่วยทาให้ขนมต่าง ๆ มีความโปร่งเบา ฟู และเพ่ิม
ปริมาตร โดยผงฟูจะช่วยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างผลิต ผงฟูเป็ นส่วนผสมของ
โซเดียมไบคารบ์ อเนตหรือเบคกิ้งโซดา ผสมกบั สารเคมีท่ีทาหน้าท่ีเป็ นกรด และแป้งข้าวโพดที่ทา
หน้าท่ีป้องกนั ไมใ่ ห้สารทงั้ สองสมั ผสั กนั โดยตรงเพราะจะทาปฏิกริยากนั
วิธีทดสอบคณุ ภาพคณุ ภาพของผงฟู
ใส่ผงฟู 1 ช้อนชา ลงในน้าร้อน ถ้ามีฟองอากาศปดุ ขึ้นมาอย่างรวดเรว็ แล้วค่อย ๆ ช้าลงจนหมด
แสดงว่าผงฟนู ัน้ ยงั มคี ณุ ภาพดีและสามารถใช้งานได้ ถ้าเกิดฟองช้าหรือไม่เกิด แสดงว่าผงฟูเสื่อม
คณุ ภาพ
การเลอื กซื้อผงฟู
ควรซื้อขนาดที่บรรจไุ มม่ ากหรือขนาดเลก็ เพราะอาจทาให้
ผงฟเู ส่ือมประสิทธิภาพลงถ้าเกบ็ ไว้นาน ๆ ควรเลือกชนิดท่ี
เป็นผงละเอียด สีขาวไมจ่ บั ตวั กนั เป็นก้อน บรรจใุ นภาชนะท่ี
มีฝาปิ ดมิดชิด ดวู นั เดือน ปี ท่ีผลิต และวนั หมดอายุ
การเกบ็ รกั ษาผงฟู
ควรเกบ็ รกั ษาในภาชนะที่มฝี าปิ ดสนิท เกบ็ ไว้ในที่แห้ง
อณุ หภมู ิไม่สงู ควรปิ ดฝาให้แน่นทกุ ครงั้ หลงั การใช้
2) เบคกิ้งโซดา (Baking soda) มีชื่อทางเคมี
ว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต เป็ นสารเคมีท่ีเม่ือ
ถกู ความร้อนจะผลิตก๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์
ซ่ึงมีผลเสียคือมีสารตกค้างอย่ใู นผลิตภณั ฑ์ ถ้า
ใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะทาให้ผลิตภณั ฑท์ ่ี
ได้มีรสเฝื่ อน เพ่ือให้สารตกค้างหมดไปควร
เติมกรดอาหารลงไปในส่วนผสม เช่น ใช้นม
เ ป รี้ ย ว แ ท น น ม ส ด ห รื อ เ ติ ม น้ า ม ะ น า ว ,
น้าส้มสายชู ลงในนมสดกไ็ ด้
การเลอื กซื้อเบคกิ้งโซดา
ควรซื้อจากแหล่งท่ีขายวตั ถดุ ิบที่ทาขนมอบท่ี
เชื่อถอื ได้ มีการบรรจกุ ล่องอย่างเรียบร้อย
การเกบ็ เบคกิ้งโซดา ควรเกบ็ รกั ษาในภาชนะ
ท่ีมีฝาปิ ดสนิ ท เก็บไว้ในท่ีแห้ง ความชื้นต่า
ควรปิ ดฝาให้แน่น ทกุ ครงั้ หลงั การใช้
3) แอมโมเนีย (Ammonium)
แอมโมเนียท่ีใช้ คือ แอมโมเนียไบคารบ์ อเนต หรือ
แอมโมเนี ยคาร์บอนเนต เรียกอีกชื่อหน่ึ งว่า เฉ่ าก๋า
มีลกั ษณะเป็ นเกล็ดขาวใส ๆ มีกลิ่นฉุน นิ ยมใช้กับ
ผลิตภณั ฑข์ นาดเลก็ เช่น ครีมพฟั ค้กุ กี้ ซาลาเปา และ
ปาท่องโก๋ ควรใช้แอมโมเนียกบั ผลิตภณั ฑ์เบเกอรี่ท่ีมี
อณุ หภมู ิสงู เพื่อให้กล่ินฉุนของกา๊ ซระเหยออกไป ข้อดี
คือทาให้ขนมขึน้ ฟไู ด้ดีเพราะจะขยายตวั ทนั ทีที่ถกู ความ
ร้อน ข้อเสียคือการใช้ที่จากดั เพราะอาจมีกลิ่นของ
แอมโมเนียตกค้างในผลิตภณั ฑ์ท่ีอบหรือทอด ทาให้
ผลิตภณั ฑม์ กี ลิ่นรสท่ีไมด่ ี ถ้าใช้ในปริมาณท่ีสงู เกินไปจะ
ทาให้ผลิตภณั ฑข์ ึ้นฟมู ากและอาจทาให้ยบุ หรือหดตวั ได้
หลงั จากอบแล้ว
การเลอื กซื้อแอมโมเนีย
ควรซื้อแอมโมเนียที่มีลกั ษณะแห้ง มีการบรรจุ
กล่องในปริมาณน้อยเพอื่ ให้ใช้ได้หมดใน
ระยะเวลาสนั้
การเกบ็ รกั ษาแอมโมเนีย
ควรเกบ็ รกั ษาไว้ในภาชนะท่ีแห้ง เน่ืองจาก
แอมโมเนียมีคณุ สมบตั ิดดู ความชื้นจากอากาศ
ได้ง่ายและจะทาให้แอมโมเนียเส่ือมคณุ ภาพเรว็
ควรปิ ดฝาให้แน่นทกุ ครงั้ หลงั การใช้
สารที่ทาให้เกิดการขึน้ ฟดู ้วยขบวนการทางชีวเคมี ได้แก่
ยีสต์ (Yeast) ยีสตเ์ ป็ นรากลุ่มหนึ่ง มีขนาดเลก็ ช่วยทา
ให้ขนมขึน้ ฟูโดยการหมกั อาหารของยีสต์ คือ น้าตาล เมื่อใส่ลงใน
ส่ ว น ผ ส ม น ว ด ใ ห้ เ ข้ า กัน ยี ส ต์ จ ะ เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ส ร้ า ง ก๊ า ซ
คารบ์ อนไดออกไซด์ จึงทาให้ขนมขึน้ ฟู เนื้อนุ่ม มีกล่ินหอมเฉพาะตวั
ยีสต์จะหยุดทางานเมื่อถกู ความร้อน นิ ยมใช้ทาขนมปังชนิ ดต่าง ๆ
โดนัท และเดนนิชเพสตรี้ ช่วยเพิ่มปริมาตรของผลิตภณั ฑ์ เบเกอรี่
ยีสตท์ ี่ใช้ในการทาผลิตภณั ฑเ์ บเกอรมี่ ี 3 ชนิ ด ดงั นี้ คอื
1) ยีสตส์ ด (Compressed yeast) คอื ยีสตท์ ่ีผลิตขึน้ โดยการเลี้ยงและ
อดั รวมกนั เป็นก้อนแขง็ คล้ายแป้งที่โมท่ บั น้าให้แห้ง มีราคาถกู ยีสตส์ ด
มีความชื้นประมาณ ร้อยละ 70 จึงควรเกบ็ ในตู้เยน็ เพราะการทางาน
ของยีสตจ์ ะช้าลงเมอื่ อณุ หภมู ิตา่ ช่วยทาให้ยีสตเ์ ส่ือมคณุ ภาพได้ช้าลง
Picture
2) ยีสต์แห้งชนิ ดเมด็ (Granulated Acting Dry yeast) มีลกั ษณะเป็ น
เมด็ เลก็ ๆ ท่อนสนั้ ยีสต์แห้งอย่ใู นสภาพการพกั ตวั ควรเก็บในสถานท่ี
แห้งและเยน็ วิธีใช้ คือ ผสมน้าอ่นุ กบั น้าตาล
จนละลาย แล้วจงึ โรยยีสตล์ งบนผิวน้า ก่อนนาไปผสมในแป้ง
Picture
3) ยีสตแ์ ห้งผงหรือยีสต์สาเรจ็ รปู ( Instant Dry yeast) คือ ยีสต์ท่ีมี
กาลงั หมกั สูงสุด และนิ ยมใช้มากท่ีสุด มีลกั ษณะเป็ นผงละเอียดแห้ง
ใช้ไดเ้ ลย โดยไมต่ ้องละลายกบั น้าก่อน
หน้าท่ีของยีสต์
1) สรา้ งกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ทาให้โดขยายตวั ฟขู ึน้
2) ทาให้โดมีลกั ษณะยืดหย่นุ ตวั สามารถอ้มุ กา๊ ซท่ีเกิดขึ้นไวไ้ ด้
3) ทาให้ผลิตภณั ฑม์ ีกล่ินรสเฉพาะตวั
4) ช่วยเสริมคณุ ค่าทางอาหาร
วิธีทดสอบคณุ ภาพของยีสต์
ใส่ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ ลงในน้าอ่นุ 1 ช้อนโตะ๊ คนให้เข้ากนั ตงั้ ทิ้ง
ไว้ ถา้ เกิดฟองปดุ ขึน้ ที่ผิวหน้าภายใน 5–10 นาที แสดงว่ายีสต์
นัน้ ยงั ไมเ่ ส่ือมคณุ ภาพ
การเลือกซือ้ ยีสต์
ควรซื้อในปริมาณที่พอใช้ อยา่ ซื้อเกบ็ ไว้นาน จะทาให้
ยสี ตเ์ ส่ือมคณุ ภาพได้ ดวู นั เดือน ปี ท่ีผลิต และอายกุ าร
ใช้งานของยสี ตบ์ นภาชนะท่ีบรรจผุ ลิตภณั ฑ์
การเกบ็ รกั ษายีสต์
ควรเกบ็ ยีสตไ์ ว้ที่อณุ หภมู ิ 8-27 องศาเซลเซียส ในภาชนะ
สีชาหรือทึบแสง ที่มีฝาปิ ดสนิทเกบ็ ไว้ในต้เู ยน็ เพ่ือช่วย
ยืดอายกุ ารใช้งานได้นาน
สารเสริมคณุ ภาพ
สารเสริมคณุ ภาพ คอื สารท่ีช่วยให้เนื้อสมั ผสั ของผลิตภณั ฑเ์ บ
เกอร่ีดีขึ้น ช่วยทาให้ขนมนุ่มฟู สามารถเกบ็ ได้นาน ทาให้ได้
ปริมาณท่ีมากขึ้น สารเสริมคณุ ภาพที่นิ ยมใช้ มีหลายชนิ ด
เช่น
1. เอสพี (SP) ย่อมาจากคาว่า Sponge Cake
(สปันจเ์ ค้ก) เพราะเป็ นสารท่ีนิ ยมใช้ในการทาเค้กที่มีไข่เป็ น
ส่วนผสมหลกั เช่น สปันจเ์ ค้ก เป็ นตวั ที่ทาให้ขนมนุ่ม ช่วย
ให้ระยะเวลาในการตีไข่ให้ขึ้นฟูน้ อยลงกว่าเดิม เอสพีมี
ลักษณะเป็ นครีมใส สีน้าตาลอ่อนเกือบขาว มีกลิ่ นหอม
ปริมาณที่ควรใช้ร้อยละ 2 ของน้าหนักไข่ น้าตาล แป้ ง
ใช้เติมไปพรอ้ มกบั การตีไข่ น้าตาลทราย น้า เม่ือผสมเสรจ็
ส่วนผสมจะข้น ขนมสามารถรอได้ก่อนอบ 2-3 ชวั ่ โมงโดย
ขนมไมย่ บุ ตวั ขนมที่ได้ จะมปี ริมาตรดีและขึน้ ฟสู วย
การเลอื กซื้อเอสพี
ควรดวู นั เดือน ปี ที่ผลิต และอายกุ ารใช้งานของ
เอสพีบนภาชนะที่บรรจผุ ลิตภณั ฑ์
การเกบ็ รกั ษาเอสพี
ควรเกบ็ ในเอสพีในท่ีอากาศเยน็ และแห้ง จะทา
ให้เกบ็ ไวไ้ ด้นาน อยา่ ให้ถกู แสงแดด และ
อากาศ เพราะจะทาให้เสื่อมคณุ ภาพ
2. อีซี 25 เค มลี กั ษณะเป็นครีมสีขาวเหลือง เป็นสารเสริมท่ีช่วย
ให้การตีเค้กงา่ ยขนึ้ ประหยดั เวลา เวลาใช้จะผสมลงไปพร้อมกบั เนย
โดยใช้ปริมาณร้อยละ 12-15 ของน้าหนักไขมนั และมีคณุ สมบตั ิเป็ น
อีมลั ซิไฟเออร์ ช่วยทาให้เกิดการรวมตวั ท่ีดีระหว่างของเหลวกับ
ไขมนั ในส่วนผสมของเค้ก ไม่ให้เกิดรอยแยกของชนั้ สารตวั นี้ทาให้
เคก้ มปี ริมาตรเพ่ิมขึน้ เนื้อเคก้ ละเอียด เนียน นุ่ม ฟเู บา โดยเฉพาะเค้ก
เนยชนิ ดต่าง ๆการเลือกซื้ออีซี 25 เคควรดูวนั เดือน ปี ท่ีผลิต และ
อายกุ ารใช้งานของอีซี 25 เค บนภาชนะท่ีบรรจผุ ลิตภณั ฑ์
การเกบ็ รกั ษาเอสพี
ควรเก็บในที่อากาศเยน็ และแห้งจะทาให้เก็บไว้ได้นาน อย่าให้ถกู
แสงแดดและอากาศ เพราะจะทาให้เสื่อมคณุ ภาพ
3. เอม็ เพลก็ ซ์ (Emplex) เป็นสารที่ช่วยทาให้ขนมนุ่มขนึ้ มีปริมาตรดี
ทามาจาก สารธรรมชาติ เช่น ถวั ่ เหลือง นม เกลือ มีลกั ษณะเป็นผง
ละเอียดสีขาว คล้ายนมผง สามารถดดู ความชื้นได้ดี ช่วยให้ขนม
ละเอียด นุ่ม และช่วยให้เกบ็ ไดน้ าน ใช้ไดท้ งั้ กบั ขนมปัง โดนัท เค้กและ
เดนนิ ชเพสตรี้ ปริมาณที่เหมาะสมที่จะใช้กบั ขนมปังและเค้กคือ 1-2
ช้อนชา ต่อแป้ง 1 กิโลกรมั ถา้ เป็นโดนัท หรอื ขนมปังหวาน 2-4 ช้อน
ชา ต่อแป้ง 1 กิโลกรมั
การเลือกซื้อแอม็ แพลก็ ซ์
ควรดวู นั เดอื น ปี ที่ผลิต และอายกุ ารใช้งานของเอม็ เพลก็ ซบ์ นภาชนะท่ี
บรรจผุ ลิตภณั ฑ์
การเกบ็ รกั ษาเอม็ เพลก็ ซ์
เอม็ เพลก็ ซ์ สามารถดดู ความชืน้ ได้ดี จงึ ควรเกบ็ ไวใ้ นท่ีอากาศเยน็ และ
แห้ง
น้า
CREDITS: This presentation template was
created by Slidesgo, including icons by Flaticon
and infographics & images by Freepik.
น้ า เ ป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก ที่ ส า คั ญ ข อ ง น้า
ผลิตภณั ฑ์เบเกอร่ี เพราะน้าช่วยให้ส่วนผสมต่าง ๆ ของ
ผลิตภณั ฑเ์ ข้ากนั ได้ดี ในการทาขนมปัง น้าทาหน้าท่ีรวมตวั
กับโปรตีนในแป้ งเพื่อให้เกิดกลูเต็นและช่วยทาให้ยีสต์
กระจายตวั ทางานในระหว่างการหมกั โด น้ายงั ช่วยให้ผงฟู
ทาปฏิกิริยาเปลี่ยนสภาพจากแป้ งดิบเป็ นแป้ งสุก เม่ือได้
ความร้อนขณะท่ีอบ และช่วยป้องกนั ไม่ให้เนื้อด้านในของ
เบเกอร่ีเปลี่ยนเป็นสีน้าตาล ทาให้เกบ็ ได้นานขึ้น น้าที่ใช้ใน
การทาผลิตภณั ฑ์เบเกอรี่ ควรเป็ นน้าที่ใสสะอาดบริสุทธ์ิ
ปราศจากเชื้อบกั เตรี น้าท่ีสามารถดื่มได้ก็สามารถใช้ทา
ผลิตภณั ฑ์ เบเกอร่ีได้
หน้าท่ีของน้า น้า
1) น้าช่วยทาให้เกิดกลเู ตน็
2) น้าเป็นตวั ละลายส่วนผสมอ่ืน ๆ เช่น น้าตาล เกลือ
3) น้าช่วยควบคมุ อณุ หภมู ิและความหนืดของโด
4) น้าทาให้แป้งเปี ยกชื้น เกิดการพองโต และเอนไซม์
ทางานได้ดี
5) น้าช่วยทาให้เกบ็ ผลิตภณั ฑไ์ ด้นานขึน้
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในการทาขนมเบเกอร่ปี ระเภท
ส่งเสริมผลิตภณั ฑใ์ นด้านต่างๆ
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ น้าตาล
น้าตาล
น้าตาล เป็ นสารประกอบท่ีเป็ นผลึก ละลาย
ได้ดีในน้าและมีรสหวาน ให้สารอาหารจาพวก
คาร์โบไฮเดรต น้าตาลที่ใช้ในการทาเบเกอรี่
หมายถงึ น้าตาลซูโครส ซึ่งเป็นน้าตาลทรายขาว
ที่ผลิตจากอ้อยน้าตาลท่ีใช้ในการทาผลิตภณั ฑเ์ บ
เกอรี่มีหลายชนิ ดการเลือกใช้ชนิ ดของน้าตาล
ขึ้นอยู่กบั ผลิตภณั ฑ์ท่ีจะทา น้าตาลมีหลายชนิ ด
ได้แก่
1.2.1 น้าตาลทรายขาว (Granulated Suger)
มีความละเอียดต่างกัน คือ ละเอียดมาก
ธรรมดา และหยาบ น้าตาลท่ีใช้ในการทาเบ
เกอรี่ได้ดีควรมีความละเอียด สีขาว และ
สะอาด เพราะจะผสมเข้ากบั ส่วนผสมอ่ืน ๆ ได้ดี
ถ้าใช้น้าตาลทราย ที่หยาบจะผสมกบั เนยได้ไม่ดี
เท่าท่ีควร เพราะผลึก ที่หยาบของน้าตาลทราย
จะละลายไม่หมดคงอยู่เป็ นเมด็ ผลึกของน้าตาล
ไม่สามารถละลายด้วย ความร้อนของเตาอบ
ทาให้น้าตาลทรายท่ีอยู่ใกล้ผิวหน้าขนมเป็ นจุด
ๆ น้าตาลทรายหยาบเหมาะสาหรบั โรยบนคกุ กี้
ย้อมสีต่างๆ ใช้ทาไส้ขนมในการทาผลิตภณั ฑ์
เบเกอรี่ มกั ใช้น้าตาลทรายขาว
1.2.2 น้าตาลทรายแดง (Yellow or Brown Sugar)
คือ น้าตาลท่ีมีพวกคาราเมล แร่ธาตุและ
ความชื้นปนอยู่สูง เป็ นน้าตาลท่ีไม่บริสุทธ์ิเรียกว่า
น้าตาลดิ บ มีสีน้าตาลอ่อนจนถึงเข้ม เป็ น ผง
ละเอียดร่วน จบั ตวั เป็ นก้อนง่าย ก่อนนามาใช้ต้อง
นามาร่อนก่อน นิ ยมใช้ ในการทาผลิ ตภัณฑ์ท่ี
ต้องการกลิ่น รส และสีของน้าตาลทรายแดง
1.2.3 น้าตาลไอซิ่ง (Icing or Confectionery
Sugar)
เป็นน้าตาลที่มผี งละเอียดได้จากการบดน้าตาล
ทราย และมีแป้ งข้าวโพดผสมอยู่ประมาณร้อยละ 3
เพื่อป้ องกนั การจับตัวกนั เป็ นก้อนหรือป้ องกนั การ
เป็ นผลึกของน้าตาล นิ ยมใช้เป็ นส่วนผสมของคุกกี้
ชนิ ดต่าง ๆ และโรยหน้ าบนผลิ ตภัณฑ์เบเกอรี่
ชนิดต่าง ๆ
การเลือกซื้อน้าตาล
1) เลือกน้าตาลให้เหมาะสมกบั ชนิดของผลิตภณั ฑท์ ่ีต้องการทา
2) น้าตาลต้องแห้งสนิท สะอาด และไม่มีฝ่ นุ ละอองเจอื ปน
3) น้าตาลต้องไมจ่ บั ตวั เป็นก้อน หรอื มีลกั ษณะเหลว
การเกบ็ รกั ษาน้าตาล
น้าตาลทรายขาวและน้าตาลทรายแดงมีคุณสมบตั ิเป็ นตัวดูดความชื้น
ควรเก็บไว้ในภาชนะพลาสติกหรือแก้วท่ีมีฝาปิ ดสนิ ท เน่ืองจากน้าตาลจะดูด
ความชื้นจากอากาศจนถึงจดุ ที่น้าตาลละลาย ซึ่งพวกจลุ ินทรียจ์ ะเจริญเติบโตได้ดี
ทาให้น้าตาลมรี สเปรีย้ ว สาหรบั น้าตาลละเอียดหรือน้าตาลไอซ่ิง เม่อื ไมใ่ ช้จะต้อง
เกบ็ ไว้ในท่ีแห้ง เพื่อป้องกนั การจบั ตวั เป็ นก้อน และไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็ นโลหะ
เพราะอาจจะเกิดสนิ มได้
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ นม
นม ช่วยทาให้ผลิตภณั ฑ์มีลกั ษณะท่ีดี นมประกอบด้วย
สารละลายท่ีมีส่วนเลก็ ๆ ของไขมนั โปรตีน น้าตาล และแร่
ธาตุปนอยู่โดยไม่แยกออกจากกนั เม่ือตัง้ ทิ้งไว้ ให้คุณค่า
ทางอาหารและกล่ินรสเฉพาะตวั นมที่นามาใช้ในการทา
ผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี แบง่ ออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. นมสด (Whole Milk)
เป็ นนมท่ีได้จากน้านมวัว โดยผ่าน
ขบวนการฆ่าเชื้อด้วยวิ ธีพาสเจอไรซ์
(Pasteurize)หรือวิธียูเอชที (Ultra High
Temperature) นมที่ผา่ นขบวนการฆ่าเชื้อ
ด้วยวิธีพาสเจอไรซ์ จะมีอายุการเก็บที่
ค่อนข้างสนั้ เพราะฆ่าเชื้อด้วยอุณหภมู ิตา่
และใช้เวลานาน แต่มีรสชาติดีกว่าการฆ่า
เชื้อโดยวิธียูเอชที ที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วย
อณุ หภมู ิสูงมากและใช้เวลาสนั้ นมยูเอชที
มีอายุการเก็บได้นานกว่า ขนมท่ีทาจาก
นมสดจะมีสีขาวกว่าขนมที่ทาจากนมชนิ ด
อ่ืน ๆ
2 . น ม ข้ น จื ด ร ะ เ ห ย ( Evaporated
Milk)
เป็ นการระเหยน้าออกจากนมสด
ครง่ึ หน่ึง แต่ไม่เติมน้าตาล ทาให้นมมี
ความเข้มข้นมากกว่านมสด เวลาใช้
จึงต้องเติ มน้าเพ่ิมขึ้นอีกหนึ่ งเท่าตัว
นมข้นจืดมีสีเหลืองเข้มกว่านมสด ทา
ให้ขนมที่ทาจากนมข้นจืดจะมีสีเหลือง
เลก็ น้อย บรรจใุ ส่ในกระป๋ องอลมู ิเนียม
3. นมผง (Powder Milk)
เป็ นนมที่ได้จากการนานมสดมาระเหยน้า โดย
การผ่านกรรมวิธีการผลิ ตนามาต้มให้ร้อนแล้ว
กระจายไปบนลูกกลิ้งท่ีมีความร้อนหรือฉี ดผ่าน
เคร่ืองพ่นฝอยแห้ง (Spray Dry) จนเป็ นผงแห้ง
สนิ ท ไม่ควรมีความชื้นเกินร้อยละ ควรเก็บไว้ใน
ภาชนะที่มีฝาปิ ดสนิ ท เพราะนมผงคณุ สมบตั ิดดู น้า
และความชื้นได้ดีนมผง แบง่ ออกเป็น 2 ชนิ ด คอื
1) นมผงท่ีมีไขมนั ส่วนมากมีราคาแพง
จงึ ไมส่ ามารถเกบ็ ไว้นาน ๆ เพราะจะมี กล่ินหืนและ
จบั ตวั เป็นก้อนไดง้ ่าย
2) นมผงปราศจากไขมนั หรือนมผงขาด
มนั เนย นิ ยมใช้ในการทาเบเกอรี่ เพราะมีราคาถกู
แล้ว สามารถเก็บได้เป็ นเวลานานกว่านมผงท่ีมี
ไขมนั
นม มีความสาคญั ต่อผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี
ดงั นี้
1) เพิ่มคณุ ค่าทางอาหาร มีความอ่อน
นุ่ม และให้กล่ินรสท่ีดี
2) ช่วยให้สีของผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ีเขม้
ขึน้
3) เป็นตวั ทาละลายให้ส่วนผสมเข้ากนั
และเกิดโครงสรา้ งของผลิตภณั ฑ์
การเลอื กซื้อนม
ควรพิจารณาเลือกบรรจภุ ณั ฑท์ ่ีอยใู่ นสภาพท่ี ไม่มีรอยบบุ รอยรวั่ หรือฉีกขาด
บอกวนั เดือน ปี ที่ผลิต วนั หมดอายุ และเครื่องหมาย “อย.” ท่ีบรรจภุ ณั ฑด์ ้วย
การเกบ็ รกั ษานม
นมมีหลายชนิด การเกบ็ รกั ษานมจึงมีวิธีการที่แตกต่างกนั ตามกรรมวิธีผลิต คือ
1) นมสดพาสเจอรไ์ รซ์ ควรเกบ็ ไว้ในต้เู ยน็ ที่อณุ หภมู ิ 3-5 องศาเซลเซียส
2) นมสดยเู อชทีและนมข้นจืดยเู อชที ควรเกบ็ ไว้ในที่แห้ง ไมถ่ กู แสงและความร้อน
ถ้าใช้ไมห่ มดควรเกบ็ ส่วนที่เหลือไว้ในต้เู ยน็
3) นมผง ควรใส่ในภาชนะที่ปิ ดสนิท ปราศจากความชื้น เพราะนมผงจะดดู ความชื้นจาก
อากาศไว้ ทาให้นมผงจบั ตวั เป็นก้อนแขง็ ต้องเกบ็ ไว้ในท่ีแห้ง ไมถ่ กู ความร้อนและ
แสงแดด
วตั ถดุ ิบที่ใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี
ไข่เป็ นอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ที่ใช้ในการทา ไข่
ผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่ส่วนมากใช้ไข่ไก่ เน่ืองจากมกี ลิ่นคาวน้อยกวา่
ไข่เป็ ด ไข่ทาให้โครงร่างของเบเกอรี่นุ่มและขึ้นฟู หลงั จากการ
อบไข่ท่ีนามาใช้ในการทาเบเกอร่ี จะใช้ไข่ขนาดกลาง ซึ่งไข่ 1
ฟองมีน้าหนักเท่ากบั 50 กรมั ในการทาเค้กและคกุ กี้มกั ใช้ไข่ไก่
ขนาดกลาง แต่ถ้าใช้ไข่ไก่ขนาดเลก็ กใ็ ห้เพิ่มอีก 1 ฟอง เช่น ใน
ตารบั ใช้ไข่ไก่ขนาดกลาง 3 ฟอง ถ้าเป็ นไข่ไก่ฟองเล็กก็ใช้
4 ฟอง ถ้าฟองใหญ่กใ็ ช้ 2 ฟอง และต้องเป็ นไข่ใหม่จึงจะมีความ
ข้นหนืดสงู เพราะถ้าเป็นไข่เก่าจะมีน้ามาก
องคป์ ระกอบของไข่
ไขท่ งั้ ฟอง % ไข่แดง % ไขข่ าว %
50.0 86.0
ความ 73.6 17.0 10.0
ชื้น 31.1 0.2
โปรตีน 14.0
ไขมนั 12.0
องคป์ ระกอบของไข่ ไข่แดง % ไข่ขาว %
0.2 0.4
ไขท่ งั้ ฟอง % 1.5 1.0
0น้ำตำล
เถา้ 1.0
ชนิ ดของไข่
ไขส่ ด
คือ ไข่ท่ีอย่ใู นเปลือก มีผิวเปลือกด้าน ช่องอากาศไม่ลึก ไข่แดงอย่ตู รงกลาง
ไข่ขาวเจลคงท่ี และยึดตวั แน่นกบั ไข่แดง
ไข่แช่แขง็
คือ ไขส่ ดท่ีผา่ นการฆ่าเชื้อด้วยการพาสเจอรไ์ รซ์ แล้วนาไปบรรจกุ ระป๋ องแช่แขง็ เมื่อต้องการ
ใช้ต้องนาละลาย หรอื แช่น้าที่อณุ หภมู ิ 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 6 ชวั่ โมง
ไขผ่ ง
อย่ใู นรปู ของไข่ทงั้ ฟอง เฉพาะไข่ขาวหรือเฉพาะไข่แดง สามารถนามาใช้
ได้ โดยการใส่น้าให้เป็นของเหลว
วตั ถดุ ิบท่ีใช้ในผลิตภณั ฑเ์ บเกอรี่
คณุ สมบตั ิของไข่ มีความสาคญั ต่อผลิตภณั ฑเ์ บเกอร่ี ไข่
ดงั นี้
1) เป็นตวั ท่ีทาให้ผลิตภณั ฑข์ ึน้ ฟู
2) สีไข่แดงจะช่วยทาให้ผลิตภณั ฑม์ ีสีเข้มขึน้
3) ผลิตภณั ฑม์ ีคณุ ค่าอาหารเพิ่มขึน้
4) ผลิตภณั ฑม์ ีความเข้มขน้ และกลิ่น รส เพิ่มขึน้