The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดบ้านนา(ฟินวิทยาคม)ปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kedsara22022529, 2022-09-07 08:15:11

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดบ้านนา(ฟินวิทยาคม)ปี 2565

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวัดบ้านนา(ฟินวิทยาคม)ปี 2565

98

คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม

ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร ๔ อ ๑๔๒๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ

ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง

เขา้ ใจคำสง่ั คำขอรอ้ ง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค คำ กลุ่มคำและประโยค การถ่ายโอนเป็น
ภาพ สัญลกั ษณ์ เรือ่ งราว บทอา่ น บทสนทนา เร่ืองส้ัน เรอื่ งเลา่ นทิ าน บทกลอนสน้ั ๆ การใช้ถ้อยคำ
สำนวนทใ่ี ช้ในเทศกาล ในเรอื่ งเสยี งสระ พยัญชนะ คำ วลี ประโยค และข้อความที่ซับซอ้ น ประโยคเดยี่ ว
และประโยคผสม อ่านออกเสียงคำ กล่มุ คำ ประโยค ข้อความ บทอา่ นได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียงและ
การใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง การพูด เขียนโต้ตอบในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใช้คำส่ัง คำขอร้อง และให้
คำแนะนำแสดงความต้องการ แสดงความรู้สกึ แสดงความช่วยเหลอื ตอบรับและปฏเิ สธ ในสถานการณ์งา่ ย
ๆ พดู เขยี น เพื่อขอและใหข้ ้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื น ครอบครวั และเรื่องใกลต้ วั ซงึ่ อยู่ในทอ้ งถน่ิ ของตน
มีทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ (เนน้ การฟัง พูด อา่ น เขยี น)

สนุกสนานและเพลดิ เพลินจากกจิ กรรมภาษาตา่ งประเทศ เห็นประโยชน์การเรยี นภาษาตา่ งประเทศ
ในการแสวงหาความรู้ ความบันเทงิ และสนใจเข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มคี วามขยนั ซื่อสัตย์
อดทน เสยี สละและมสี ัมมาคารวะ

ผลการเรียนรู้
๑. เขา้ ใจและปฏบิ ัติตามคำสัง่ คำขอร้อง และคำแนะนำงา่ ย ๆ ตามที่ฟงั และอ่านไดถ้ ูกต้อง
๒. รจู้ ักชนดิ ของคำศัพท์ รปู ประโยค และการลำดับคำ (order) ตามโครงสรา้ งประโยค สามารถ
นำไปใชพ้ ดู หรือเขยี นในสถานการณต์ ่างๆ ไดถ้ ูกต้องตามหลกั ไวยากรณท์ างภาษา
๓. พดู /อา่ นออกเสยี งคำ วลี ประโยค ข้อความส้นั ๆ บทสนทนาได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสยี ง
๔. พดู /เขยี นคำ วลี ประโยคถาม – ตอบ แลกเปลี่ยนข้อมูล สอื่ สารสร้างสมั พนั ธร์ ะหว่างบุคคล
๕. ฟงั /อ่านคำ วลี ข้อความสัน้ ๆ บทสนทนา แลว้ สามารถบอกความหมาย สรุปความหมายและ
ตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านได้ถูกตอ้ ง

รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้

99

คำอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม

ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร ๕ อ ๑๕๒๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ

ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง

เข้าใจคำสงั่ คำขอร้อง รูปประโยคและโครงสร้างประโยค คำ กลุม่ คำและประโยค การถา่ ยโอน
เปน็ ภาพ สัญลักษณ์ เรื่องราว บทอ่าน บทสนทนา เร่อื งสนั้ เรอื่ งเล่า นิทาน บทกลอนสัน้ ๆ การใชป้ ระโยค
เด่ียว และประโยคผสม

อ่านออกเสยี งคำ กล่มุ คำ ประโยค ขอ้ ความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง และการใช้
ถ้อยคำ น้ำเสียง การพูด เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำส่งั คำขอร้อง และใหค้ ำแนะนำ
แสดงความต้องการ แสดงความรู้สึก ขอความชว่ ยเหลอื ตอบรับและปฏเิ สธ ในสถานการณง์ ่าย ๆ พดู เขยี น
เพ่อื ขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับตนเอง เพ่ือน ครอบครวั และเรอ่ื งใกลต้ วั ซง่ึ อยู่ในท้องถ่ินของตน มีทักษะการ
ใชภ้ าษาตา่ งประเทศ (เนน้ การฟงั พูด อา่ น เขียน)

สนุกสนานและเพลดิ เพลนิ จากกิจกรรมภาษาตา่ งประเทศ เหน็ ประโยชน์การเรียนภาษาต่างประเทศ
ในการแสวงหาความรู้ ความบันเทิง และสนใจเข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มีความขยัน ซ่ือสัตย์
อดทน เสียสละและมีสมั มาคารวะ

ผลการเรียนรู้
๑. เขา้ ใจและปฏิบตั ติ ามคำสัง่ คำขอร้อง และคำแนะนำงา่ ย ๆ ตามท่ีฟงั และอ่านได้ถูกตอ้ ง
๒. รู้จกั ชนิดของคำศัพท์ รูปประโยค และการลำดับคำ (order) ตามโครงสรา้ งประโยค สามารถ
นำไปใช้พูดหรือเขยี นในสถานการณต์ า่ งๆ ได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ทางภาษา
๓. พดู /อ่านออกเสยี งคำ วลี ประโยค ขอ้ ความส้นั ๆ บทสนทนาได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสียง
๔. พดู /เขยี นคำ วลี ประโยคถาม – ตอบ แลกเปลีย่ นข้อมลู สื่อสารสร้างสมั พันธร์ ะหว่างบคุ คล ใน
สถานการณต์ ่างๆ ได้ถูกต้องตามหลักโครงสรา้ งไวยากรณแ์ ละโครงสรา้ งของกาล (Tense)
๕. ฟงั /อ่านคำ วลี ข้อความสน้ั ๆ บทสนทนา แลว้ สามารถบอกความหมาย สรปุ ความหมายและ
ตอบคำถามจากการฟงั หรืออ่านไดถ้ ูกตอ้ ง

รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรียนรู้

100

คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๖ อ ๑๖๒๐๑ กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา ๔๐ ชั่วโมง

เขา้ ใจคำสั่ง คำขอร้อง รูปประโยคและโครงสรา้ งประโยค คำ กลุ่มคำและประโยค การถ่ายโอน
เปน็ ภาพ สัญลกั ษณ์ เรอ่ื งราว บทอ่าน บทสนทนา เรื่องสั้น เร่อื งเลา่ นิทาน บทกลอนสนั้ ๆ การใช้ถ้อยคำ
สำนวนที่ใชใ้ นเทศกาล ในเรื่องเสยี ง สระ พยัญชนะ คำ วลี ประโยค และข้อความทซ่ี บั ซ้อน ประโยคเดย่ี ว
และประโยคผสม

อา่ นออกเสียงคำ กลุ่มคำ ประโยค ขอ้ ความ บทอ่านได้ถูกต้องตามหลักการออกเสยี ง และการใช้
ถ้อยคำ นำ้ เสยี ง การพูด เขียนโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบุคคล ใชค้ ำส่งั คำขอร้อง และใหค้ ำแนะนำ
แสดงความต้องการ แสดงความร้สู ึก ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณง์ า่ ยๆ พดู เขียน
เพอื่ ขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครวั และเรอ่ื งใกลต้ ัว ซง่ึ อยู่ในท้องถิ่นของตน มีทักษะการ
ใช้ภาษาต่างประเทศ (เนน้ การฟงั พูด อ่าน เขียน)

สนุกสนานและเพลดิ เพลินจากกิจกรรมภาษาตา่ งประเทศ เหน็ ประโยชน์การเรยี นภาษาตา่ งประเทศ
ในการแสวงหาความรู้ ความบันเทงิ และสนใจเข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มคี วามขยนั ซื่อสัตย์
อดทน เสยี สละและมีสัมมาคารวะ

ผลการเรียนรู้
๑. ฟัง พูด อ่าน เขยี น และบอกความหมายของคำ ประโยค ขอ้ ความ บทสนทนา
๒. อธิบายประเภทของคำ และนำไปใช้ในประโยคตา่ งๆ
๓. เขา้ ใจโครงสร้างประโยคตามหลักไวยากรณ์ (Tense)
๔. เขยี นประโยคคำสงั่ คำขอรอ้ ง การขออนญุ าต ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ
๕. อ่าน ตอบคำถามจากเรื่อง

รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้

101

สว่ นท่ี ๔
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพอ่ื
ความเปน็ มนษุ ย์ทส่ี มบูรณ์ ทงั้ รา่ งกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสรมิ สร้างให้เป็นผูม้ ศี ีลธรรม จรยิ ธรรม
มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่
ร่วมกับผอู้ ่นื อยา่ งมคี วามสุข

โรงเรยี นวัดบ้านนาไดจ้ ัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบ่งออกเปน็ ๓ ลักษณะ ดงั นี้
๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม
สามารถคิดตดั สินใจ คดิ แกป้ ัญหา กำหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวติ ทัง้ ด้านการเรียนและอาชีพ สามารถปรับตน
ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจนักเรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้
คำปรึกษาแกผ่ ูป้ กครองในการมีส่วนร่วมพัฒนาผูเ้ รยี น

นักเรยี นทุกคนต้องเข้าร่วมกจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ชวั่ โมงตอ่ ปีการศึกษา
แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว
๑. สำรวจสภาพปญั หา ความตอ้ งการ ความสนใจ และธรรมชาติของนักเรียน เพื่อใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ใน
การกำหนดแนวทางและแผนการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมแนะแนว
๒. ศกึ ษาวิสัยทัศน์ของโรงเรียน และวิเคราะห์ข้อมูลของนักเรยี นทไ่ี ดจ้ ากฐานข้อมูลผเู้ รียนรายบุคคล
หรอื การสำรวจเพื่อทราบปญั หา ความต้องการ และความสนใจ เพอื่ นำไปกำหนดสาระ
และรายละเอยี ดของกจิ กรรมแนะแนว
๓. กำหนดสัดส่วนของกิจกรรมด้านการศึกษา การงานและอาชีพ รวมทั้งชีวิตและสังคมให้ได้
สัดส่วนที่เหมาะสม โดยยึดสภาพปัญหา ความต้องการ ความสนใจ ตลอดจนธรรมชาติของนักเรียนเป็นหลกั
ท้งั น้ีครแู ละนักเรยี นมีส่วนร่วมในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
๔. กำหนดแผนการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมแนะแนวโดยจดั เปน็ รายปี กำหนดสดั สว่ นของกจิ กรรมในแต่ละ
ด้าน ระบุว่าจะจดั กิจกรรมแนะแนวในดา้ นใด จำนวนก่ีชว่ั โมง พร้อมท้งั กำหนดรายละเอยี ดของแตล่ ะด้านให้
ชดั เจนว่ามเี รอ่ื งอะไรบ้าง โดยจดั ทำเปน็ รายละเอียดของแตล่ ะกิจกรรมย่อย
๕. การจัดทำรายละเอียดของแต่ละแผนการปฏิบัติกิจกรรม เริ่มตั้งแต่การกำหนดชื่อกิจกรรม
จดุ ประสงค์ เนื้อหา/สาระ วิธดี ำเนินกจิ กรรม ส่ือ/อปุ กรณ์ และการประเมินผล
๖. ปฏบิ ตั ติ ามแผนการปฏิบตั กิ ิจกรรมแนะแนว วัดและประเมินผล และสรุปรายงาน

๒. กิจกรรมนกั เรยี น เปน็ กิจกรรมที่สง่ เสริมและพัฒนานักเรยี นใหม้ รี ะเบียบวินัย ความเปน็ ผู้นำ
ผู้ตามท่ดี ี ความรบั ผดิ ชอบ การทำงานรว่ มกนั การรูจ้ กั แก้ปัญหา การตดั สินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล
การชว่ ยเหลอื แบ่งปนั เอื้ออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคลอ้ งกับความสามารถ ความถนัด และความ

102

สนใจของผเู้ รยี น ให้ไดป้ ฏบิ ัติดว้ ยตนเองในทุกขนั้ ตอน ได้แก่ การศึกษาวเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติตามแผน
ประเมิน และปรับปรุงการทำงาน เนน้ การทำงานร่วมกันเป็นกลุม่ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกบั วุฒภิ าวะ
ของนักเรยี นและบรบิ ทของโรงเรยี นและท้องถิ่น กิจกรรมนักเรียนประกอบดว้ ย

๒.๑ กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี
๓๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศึกษา (บรู ณาการกับกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชัว่ โมง)

แนวการจัดกิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี
การจดั กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี มีแนวทางการจดั กจิ กรรมตามวธิ ีการลูกเสือ (Scout
Method) ซ่งึ มอี งค์ประกอบ ๗ ประการ คอื
๑. คำปฏญิ าณและกฎ ถอื เป็นหลกั เกณฑ์ที่ลูกเสือทุกคนให้คำมัน่ สญั ญาว่าจะปฏิบตั ิตามกฎของ
ลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบตั ิ ไม่ได้ “ห้าม” ทำ หรือ “บังคับให้” ทำแต่ถ้า “ทำ”
กจ็ ะทำให้เกดิ ผลดีแก่ตวั เอง เป็นคนดี ไดร้ ับการยกย่องวา่ เป็นผูม้ ีเกยี รติเชือ่ ถือได้ ฯลฯ
๒. เรียนรู้จากการกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบคุ คล ความสำเร็จหรือไม่สำเร็จของผลงานอย่ทู ี่
การกระทำของตนเอง ทำให้มีความรู้ที่ชัดเจน และสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ และท้าทาย
ความสามารถของตนเอง
๓. ระบบหมู่ เปน็ รากฐานอนั แทจ้ รงิ ของการลูกเสือ เปน็ พื้นฐานในการอยู่รว่ มกัน การยอมรับ
ซ่งึ กนั และกัน การแบ่งหนา้ ท่คี วามรับผิดชอบ การช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ซึง่ เป็นการเรียนรกู้ ารใช้ประชาธิปไตย
เบื้องตน้
๔. การใชส้ ญั ลกั ษณ์รว่ มกัน ฝกึ ให้มีความเป็นหน่ึงเดียวในการเปน็ สมาชลิ ูกเสือ เนตรนารี ดว้ ย
การใชส้ ัญลกั ษณร์ ว่ มกนั ได้แก่ เคร่อื งแบบ เคร่ืองหมาย การทำความเคารพ รหัส คำปฏิญาณ กำ คตพิ จน์
คำขวัญ ธง เป็นต้น วิธีการนี้จะช่วยให้นักเรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือ
แหง่ โลก ซ่ึงมสี มาชิกอย่ทู ัว่ โลกและเป็นองคก์ รที่มีสมาชิกมากท่ีสดุ ในโลก
๕. การศึกษาธรรมชาติ คือ สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตาม
ชนบท ป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างยิง่ ในการไปทำกิจกรรมกับธรรมชาติ การปีนเขา
ต้ังค่ายพักแรมในสุดสัปดาห์ หรือตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรมตามกฎระเบียบ เป็นที่เสน่หาแก่เด็กทุกคน
ถ้าขาดสงิ่ นีแ้ ลว้ ก็ไมเ่ รยี กวา่ ใช้ชวี ิตแบบลกู เสอื
๖. ความก้าวหน้าในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม กิจกรรมต่าง ๆ ทจี่ ดั ให้เดก็ ทำ ต้องใหม้ ีความก้าวหน้า
และดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตอื รือร้นอยากท่ีจะทำ และวัตถุประสงค์ในการจัดแตล่ ะอยา่ งให้สัมพนั ธ์กับ
ความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเล่นท่ีสนกุ สนาน การแข่งขันกันกเ็ ปน็ สิง่ ดึงดูดใจและเป็นการจูง
ใจท่ีดี
๗. การสนบั สนนุ โดยผู้ใหญ่ ผใู้ หญ่เป็นผู้ทช่ี แี้ นะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็ก เพื่อให้เขาเกิดความ
มั่นใจในการที่จะตัดสินใจกระทำสิ่งใดลงไป ทั้งคู่มีความต้องการซ่ึงกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วยช้นี ำ

103

ผู้ใหญเ่ องกต็ อ้ งการนำพาใหไ้ ปสหู่ นทางทด่ี ี ใหไ้ ดร้ ับการพฒั นาอย่างถูกต้องและดีท่ีสุด จึงเป็นการร่วมมือกันทั้ง
สองฝา่ ย

๒.๒ กิจกรรมชุมนุม นกั เรยี นทุกคนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมชุมนุม ๔๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศึกษา
แนวการจดั กจิ กรรมชุมนุม
การจัดกจิ กรรมชุมนุมของโรงเรียนวัดบา้ นนามีการปรบั ใชต้ ามความเหมาะสมกับบริบทและสภาพ
ของโรงเรยี นดงั นี้
๑. โรงเรยี นสามารถบริหารการจดั การใหน้ กั เรยี นดำเนินกจิ กรรมไดห้ ลากหลายทั้งรูปแบบภายใน
หรือภายนอกหอ้ งเรียน ทกุ กิจกรรมมีระยะเวลา ๑ ปีการศกึ ษา
๒. โรงเรยี นมกี ารสำรวจความสนใจของนักเรียนในการเลือกเข้าร่วมชุมนมุ
๓. ควรให้นักเรียนร่วมกันจัดตั้งชุมนุม และเชิญครูเป็นที่ปรึกษา โดยร่วมกันดำเนินกิจกรรม
ชมุ นุม ตามระเบยี บปฏิบัตทิ ่ีโรงเรยี นกำหนด
๔. ถอดประสบการณแ์ ลกเปลีย่ นเรยี นร้แู ละเผยแพร่กจิ กรรม
๕. ครทู ีป่ รกึ ษากจิ กรรมประเมนิ ตามหลักเกณฑก์ ารประเมินผล

๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นกั เรียนบำเพญ็ ตนให้เปน็
ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ
ความดงี าม ความเสยี สละต่อสังคม และการมจี ติ สาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ
กิจกรรมสร้างสรรค์สงั คม นกั เรยี นทกุ คนต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชั่วโมงตอ่ ปี

แนวการจัดกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์
การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เน้นให้นักเรียนร่วมกันสำรวจและวิเคราะห์สภาพ
ปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมตามแผน ร่วมสรุปและ
ประเมนิ ผลการจดั กิจกรรม ร่วมรายงานผล พรอ้ มทง้ั ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการจัดกิจกรรม
การจดั กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ สามารถเลือกจัดกิจกรรมหรือเข้าร่วมกจิ กรรมได้ท้ัง
ภายในและภายนอกโรงเรียน ดงั น้ี

๑. จัดกจิ กรรมในลักษณะบรู ณาการใน ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของนักเรียน
เอง โดยนักเรียนสามารถจัดกิจกรรมตามองค์ความร้ทู ่ีได้จากการเรียนรู้และประสบการณซ์ ่ึงสามารถจัดกิจกรรม
ได้ดังนี้

๑.๑ จัดกิจกรรมภายในโรงเรียน
๑.๒ จดั กจิ กรรมภายนอกโรงเรียน
๒. จดั กิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถงึ กิจกรรมที่นักเรียนนำเสนอ
การจดั กจิ กรรมต่อโรงเรียนเพ่ือขอความเห็นชอบในการจัดทำโครงการ โครงงาน หรือกจิ กรรม ซึ่งมีระยะเวลา
เร่มิ ตน้ และสนิ้ สดุ ทชี่ ัดเจน โดยสามารถจัดกจิ กรรมได้ดังน้ี

104

๒.๑ จัดกิจกรรมในโรงเรยี น
๒.๒ จัดกจิ กรรมนอกโรงเรียน
๓. จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอื่น หมายถึง กิจกรรมที่นักเรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับ
หน่วยงานหรอื องค์กรอื่น ๆ ที่จัดกิจกรรมในลกั ษณะเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยผู้เรียนสามารถเลือก
เขา้ ร่วมกจิ กรรมไดด้ ังน้ี
๓.๑ รว่ มกับหน่วยงานอ่นื ท่ีเข้ามาจดั กจิ กรรมในโรงเรยี น
๓.๒ ร่วมกบั หน่วยงานอน่ื ท่ีจัดกจิ กรรมนอกโรงเรียน

105

โครงสรา้ งและอตั ราเวลาการจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ระดบั ประถมศึกษา
ป.๓ ป.๔
ป.๑ ป.๒ ๔๐ ๔๐ ป.๕ ป.๖
๔๐ ๔๐
๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐
๓๐
๒. กจิ กรรมนักเรยี น ๔๐
๑๐
๒.๑ ลกู เสอื -เนตรนารีฯ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐
๒.๒ กจิ กรรมชุมนุม ๔๐ ๔๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐

๓. กจิ กรรมเพ่อื สงั คม ๑๐ ๑๐

และสาธารณประโยชน์

เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐

กิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้

1. กจิ กรรมแนะแนว
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื ผเู้ รียนค้นพบความถนดั ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง

และผูอ้ ่ืน
2. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นแสวงหาความรจู้ ากขอ้ มูล ขา่ วสาร แหลง่ เรยี นรู้ ทง้ั ดา้ นการศกึ ษา อาชีพสว่ นตวั

สังคม เพื่อนำไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของ
ตนเอง

3. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนไดพ้ ฒั นาบคุ ลกิ ภาพ และรบั ตัวอยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข
4. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ ในงานอาชพี และมเี จตคตทิ ดี่ ีตอ่ อาชพี
สจุ รติ
5. เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นมคี า่ นิยมท่ีดงี ามในการดำเนินชีวิต สรา้ งเสรมิ วินัย คณุ ธรรมและจริยธรรมแก่
นักเรยี น
6. เพ่อื ให้ผเู้ รียนมจี ติ สำนกึ ในการรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ

แนวการจัดกจิ กรรม โรงเรยี นวัดบ้านนา(ฟนิ วทิ ยาคม) ไดจ้ ัดกิจกรรมแนะแนวเพอื่ ช่วยเหลือและพัฒนา
ผเู้ รยี น ดังน้ี

1. จดั กจิ กรรมเพอ่ื ให้ครไู ดร้ ูจ้ ักและชว่ ยเหลอื ผ้เู รยี นมากขึ้น โดยใชก้ ระบวนการทางจติ วทิ ยา การ
จดั บรกิ ารสนเทศ โดยให้มเี อกสารเพอ่ื ใชใ้ นการสำรวจข้อมูลเกย่ี วกับตัวผเู้ รยี น ด้วยการสงั เกต สัมภาษณ์ การ
ใช้แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผู้ปกครองก่อนและระหว่างเรียน การเยี่ยมบ้านนักเรียน การให้
ความช่วยเหลือผู้เรียนเรื่องสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทำระเบียนสะสม สมุดรายงานประจำตัวนักเรียน
และบัตรสขุ ภาพ

2. การจดั กิจกรรมพัฒนาวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ โดยทำแบบทดสอบเพ่อื รจู้ ักและเขา้ ใจตนเอง มี
ทักษะในการตดั สนิ ใจ การปรบั ตัว การวางแผนเพอ่ื เลอื กศึกษาต่อ เลือกอาชีพ

106

3. การจัดบริการใหค้ ำปรึกษาแก่ผ้เู รยี นรายบคุ คล และรายกลุ่ม ในด้านการศึกษา อาชพี และ
ส่วนตัว โดยมีผู้ให้คำปรึกษาที่มีคุณวุฒิ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการให้คำปรึกษา ตลอดจนมีห้องให้
คำปรึกษาทเ่ี หมาะสม

3.1 ชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นทปี่ ระสบปญั หาด้านการเงนิ โดยการใหท้ นุ การศึกษาแกผ่ เู้ รียน
3.2 ตดิ ตามเก็บข้อมูลของนักเรียนทีส่ ำเรจ็ การศึกษา

2. กิจกรรมนกั เรียน
กิจกรรมลกู เสอื - เนตรนารี
ผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ ทุกคน ได้ฝึกอบรมวิชาลูกเสือ - เนตรนารี เพื่อส่งเสริม

หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่งเสริมความสามัคคี มีวินัย และ
บำเพญ็ ประโยชน์ต่อสังคม โดยดำเนินการจดั กจิ กรรมตามขอ้ กำหนดของคณะกรรมการลูกเสือแหง่ ชาติ

วัตถปุ ระสงค์
พระราชบัญญัติลกู เสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการฝกึ อบรม เพื่อพัฒนา
ลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์
สังคม เพื่อให้เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพื่อความสงบสุข และความมั่งคงของ
ประเทศชาติตามแนวทางดังต่อไปน้ี

1. ให้มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟงั และพงึ่ ตนเอง
2. ใหม้ คี วามซ่ือสตั ย์สุจริต มรี ะเบียบวินยั และเห็นอกเหน็ ใจผู้อืน่
3. ให้รจู้ ักบำเพญ็ ตนเพ่ือสาธารณประโยชน์
4. ให้รู้จักทำการฝีมอื และฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม
5. ใหร้ จู้ กั รกั ษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมัง่ คงชองชาติ

แนวการจดั กิจกรรม
กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบานการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษาวิเคราะห์

วางแผน ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม ปดิ ประชุมกอง โดยให้
ผเู้ รียนศกึ ษาและฝกึ ปฏิบตั ดิ งั นี้

1. เตรียมลูกเสือสำรอง นิยายเรอ่ื เมาคลี ประวัตกิ ารเร่ิมกิจกรรมลูกเสือสำรอง การทำ
ความเคารพเป็นหม(ู่ แกรนดฮ์ าวล์) การทำความเคารพเป็นรายบคุ คล การจับมือซา้ ย ระเบยี บแถวเบือ้ งต้น คำ
ปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของลกู เสือสำรอง

2. ลกู เสือสำรอง ๑ , ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชงิ ทกั ษะ การสำรวจ การ
ค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธง และประเทศต่างๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง
การผูกเงื่อน คำปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสำรองโดยใช้กระบานการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหา
กระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติ ทางลูกเสือ
กระบวนการทางเทคโนโลยี และภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินได้อยา่ งเหมาะสม

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลกู เสอื สำรอง มีนสิ ัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟงั และพึง่ ตนเอง ซ่ือสัตย์ สุจรติ มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอก
เห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งนี้โดยไม่

107

เกี่ยวข้องกับลัทธิทางการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ
กิจกรรมลกู เสอื - เนตรนารี ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ – ๖

เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏิบัติกจิ กรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผูเ้ รยี นศึกษา
และปฏบิ ัติในเรือ่ ง

1. ลูกเสือตรี ความรู้เกี่ยวกับขบวนการลูกเสือ คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรม
กลางแจง้ ระเบยี บแถว

2. ลูกเสือโท การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทักษะทาง
วิชาลกู เสอื งานอดเิ รกและเรื่อทนี่ ่าสนใจ คำปฏิญาณ และกฎของลกู เสอื ระเบียบแถว

3. ลูกเสือเอก การพึ่งพาตนเอง การบริการ การผจญภัย วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว โดย
ใช้กระบวนการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหา ระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ
กระบวนการคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ กระบวนการฝกึ ปฏบิ ัติทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี
และภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพ่ึงตนเอง ซ่อื สัตย์ สจุ ริต มีระเบยี บวินัย และเห็นอก
เหน็ ใจผอู้ นื่ บำเพญ็ ตนเพื่อสารธารณประโยชน์ ร้จู กั ทำการฝมี ือ พัฒนากาย จติ ใจ และศลี ธรรม ท้ังนี้โดยไม่
เกย่ี วข้องกับลทั ธทิ างการเมืองใดๆ สนใจและอนรุ ักษ์ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันได้
อย่างมีประสทิ ธิภาพ

หมายเหตุ ผู้เรยี นไดป้ ฏิบตั ิกิจกรรม และผา่ นการทดสอบแล้ว จะได้รบั เครื่องหมายลูกเสือตรี
ลกู เสอื โท และลกู เสือเอก

กิจกรรมตามความสนใจ(ชุมนุม)
วตั ถุประสงค์
๑. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนได้ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัด และความตอ้ งการของตน
๒. เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนได้พฒั นาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิด

ประสบการณทัง้ ทางวิชาการและวิชาชพี ตามศกั ยภาพ
๓. เพ่อื ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและส่วนรวม
๔. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืน ได้ตามวถิ ีประชาธิปไตย

แนวการจัดกิจกรรม
การจดั กิจกรรมตามความสนใจ(ชมรม) ผู้เรยี นสามารถเลอื กเข้าเปน็ สมาชิกชมรม วางแผนการดำเนิน
กิจกรรมร่วมกัน โดยมีชมรมที่หลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย และความสนใจของผู้เรียน ประกอบด้วย
กิจกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่งเสริมการเรียนรู้
และคา่ ยวิชาการ การศกึ ษาดูงาน การฝึกปฏิบตั ิ การบรรยายพเิ ศษดงั ตวั อยา่ งพอสงั เขปต่อไปนี้

1. กจิ กรรมพฒั นาวุฒภิ าวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จดั สอนจรยิ ธรรมใน
ห้องเรียน จัดให้มีการปฏิบัติกจิ กรรมเน่ืองในวันสำคัญทั้งทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยผู้เรียนมีส่วน
รว่ มในการจดั กิจกรรมทงั้ ในดา้ นวฒั นธรรม ประเพณี กฬี า และศีลปะ

2. กิจกรรมพฒั นาทกั ษะชีวิต จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสที กุ ชว่ งชน้ั โดยผ้เู รียนไดฝ้ กึ ทักษะ

108

การทำงาน และการแกป้ ัญหาทุกขน้ั ตอน
3. กจิ กรรมส่งเสรมิ นสิ ัยรกั การทำงาน จดั กิจกรรมวนั วิชาการโดยผู้เรยี นมโี อกาสปฏบิ ตั ิจริง

และฝึกทักษะการจัดการ
4. กิจกรรมเพอ่ื อนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ มและวัฒนธรรม โดยจัดกจิ กรรมสบื สานวัฒนธรรมไทย

เชน่ ประเพณไี หวค้ รู ประเพณลี อยกระทง
5. กิจกรรมส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย จัดให้มกี ารเลอื กคณะกรรมการ

นกั เรียน โดยใหน้ ำกระบวนการประชาธปิ ไตยไปใชใ้ นการรว่ มวางแผนดำเนนิ งานพฒั นาโรงเรียน
6. กจิ กรรมคนดขี องสงั คม จดั ให้มกี ารบรรยายใหค้ วามรู้ เพอ่ื ป้องกันปัญหาโรคติดตอ่

รา้ ยแรง ปัญหายาเสพตดิ ปญั หาวัยรนุ่ ให้ความรเู้ พอ่ื ปลกู ฝงั ใหเ้ ปน็ สภุ าพบรุ ุษ สุภาพสตรี
7. กจิ กรรมสง่ เสริมการเรียนรู้ โดยจดั แหล่งเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุด ห้องปฏิบตั กิ ารทาง

ภาษา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หอ้ งเทคโนโลยสี ารสนเทศ
8. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและอนามัย ให้บริการหอ้ งพยาบาล มีบริการใหค้ วามรู้แก่

ผ้เู รยี น เพือ่ ป้องกันโรคระบาดอย่างทันเหตุการณ์

กิจกรรมชุมนุมประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖5 คณิตคิดสนุก
Cooking Club
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 รตู้ ื่น ชื่นธรรม
แอโรบิคเพอ่ื สขุ ภาพ
1) นางสาวธิดารตั น์ บุญมี รกั ษห์ ้องสมุด
2) นางสาวจันทร์นภา อยู่สขุ สนุกกับงานสาน
3) นางสาวดลพฒั น์ หุน่ นสม
4) นางสาวสพุ ตั รา อยูย่ งค์ เวทคณิต คิดสนกุ
5) นางสาววีราภรณ์ ถนอมรอด หนุ่ มือสร้างสรรค์ มหัศจรรย์นิทานไทย
6) นางอภิญญา อยู่สขุ หนชู อบอา่ นนิทานคุณธรรม
กา้ วแรกของเศรษฐนี ้อย
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 ศิลปส์ ร้างสรรค์
ภาพพิมพ์
1) นางสาวนภาวรรณ ทองเอม
2) นางสาวจนั ทกานต์ ถนอมแนบ ท่องโลกกว้าง Travel the World
3) นางสาวขวัญชนก ดาวหาง สูตรเด็ดเคลด็ อรอ่ ย
4) นางสาวธดิ าพร ลีลาวลั ย์ เกมปริศนา ภาษาไทย
5) นางพัฒนี สมจติ ร วิทย์หรรษา
6) นางสาวสริ ิกาญจน์ วฒั นเสวกอนนั ต์ Enjoy reading
การละเล่นพน้ื บา้ น
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3

1) ว่าท่รี ต.หญงิ ศศภิ รณ์ บญุ เสท
2) นางพิไลวรรณ หนูสะพลี
3) นางสาวพทั ธธ์ ีรา มงคล
4) นางสาวกนกวรรณ เล็กน้อยวงค์
5) นางสาวพรรณี พงษเ์ ดชา
6) นางสาววนดิ า คำลอย

109

ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ศลิ ปะ
ภาษาพาเพลิน
1) นางสาวอำไพ พัดทอง Math Game
2) นางสาวเกศรา แสนใจยา English Quiz
3) นางสาวเมสรี สรอ้ ยมาลี ดนตรไี ทย
4) นางสาวสรุ ภี รณ์ สมสกุล
5) นางสาวชลมั พร แรงเขตกจิ มารยาทไทย
ร้องเพลง
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 นาฏศิลป์
A-Math
1) นางสาวพมิ พ์ศกิ ร กจุ ะพนั ธ์ เกษตร
2) นายปรชี า ขอกรดสำโรง
3) นางนฤมล เออื้ การณ์ นกั เรยี นจติ อาสา
4) นางสาวจนั ทมิ า เวชภัณฑ์ กีฬาพาเพลิน
5) นายอัครเดช แสงอ่อน คณติ ศลิ ป์
พบั เหรียญโปรยทาน
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 สันทนาการ

๑) นางดวงใจ อยู่สขุ
๒) นายสามารถ บังคม
๓) นางสาวพมิ พ์ชญา ปรชี าธนเกยี รต์ิ
๔) นางสาวเสาวลกั ษณ์ ละครมลู
๕) นายนติ ิ ศิรมิ หา

๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์
วตั ถุประสงค์
1. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นบำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และ

ประเทศชาติ
2. เพื่อใหผ้ ู้เรียนออกแบบกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารประโยชน์อยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามความ

ถนดั และความสนใจในลักษณะอาสาสมคั ร
3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนพฒั นาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ได้อยา่ ง

มปี ระสิทธิภาพ
4. เพ่อื ให้ผู้เรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคณุ ธรรม จริยธรรม

ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
5. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมจี ิตสาธารณะและใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์

แนวการจัดกิจกรรม
การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทำประโยชน์ตาม
ความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม
ความเสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสำคัญได้แก่ กิจกรรม

110

บำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดำรงรักษา สืบสาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
กจิ กรรมพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี

เวลาเรียนสำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ จัดสรรเวลาให้ผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ รวม ๖ ปี จำนวน ๖๐ ชั่วโมง
(เฉล่ยี ปีละ ๑๐ ช่วั โมง)

การจดั กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ในระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เป็นการจัดกิจกรรม
ภายในเวลาเรียน โดยให้ผู้เรียนรายงานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรมลงในสมุดบันทึก และมีผู้รับรองผลการเข้า
รว่ มกจิ กรรมทุกครง้ั

แนวทางการประเมินผลกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น
การประเมนิ ผลกิจกรรมแนะแนว
ในการประเมินผลการจัดกิจกรรมแนะแนว ครูผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมแนะแนว นักเรียน

และผปู้ กครอง มภี ารกิจทรี่ บั ผิดชอบ ดังน้ี

๑. ครผู ู้จัดกิจกรรมแนะแนว
๑.๑ จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ สอดคล้องกับ

วิสยั ทัศนโ์ รงเรยี น และตามสภาพความต้องการและปญั หาของนักเรียน
๑.๒ รายงานเวลาและพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม
๑.๓ ศึกษา ติดตาม และพัฒนานักเรยี นในกรณที ่ีนกั เรยี นไมเ่ ข้าร่วมกิจกรรม
๑.๔ ประเมินผลนักเรียนโดยดูจากพัฒนาการของนักเรียนตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดเป็น

สำคญั ในกรณีทผ่ี ลการประเมินยังไม่ผา่ นให้ครูผู้จัดกิจกรรมดำเนนิ การซ่อมเสริมโดยนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมซ้ำ
หรือปฏิบัติกิจกรรมเพิ่มเติม จนกระทั่งนักเรียนบรรลุคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรมหรือผ่านเกณฑ์
การประเมนิ ตามท่ีโรงเรียนกำหนด

๑.๕ บันทึกผลการติดตามและประเมินผลนกั เรียนไว้เป็นหลักฐาน
๒. นกั เรียน

๒.๑ มเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ช่ัวโมงต่อปีการศึกษา โดยมีหลักฐานแสดงเวลา
การเขา้ ร่วมกิจกรรม

๒.๒ ปฏิบัติกิจกรรมตามที่ครูผู้รับผิดชอบมอบหมาย ถ้าไม่ผ่านให้ปฏิบัติกิจกรรมซ้ำหรือ
ปฏบิ ัตเิ พิม่ เติม และมชี ้นิ งาน/ผลงาน/คณุ ลกั ษณะตามที่ครผู จู้ ัดกจิ กรรมมอบหมายให้ปฏิบัติ

๓. ผู้ปกครอง
ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประเมินผลพัฒนาการของนักเรียน และมีการบันทึกสรุป

พัฒนาการและการปฏบิ ัติกจิ กรรมของนกั เรียน

111

การประเมนิ ผลกิจกรรมนกั เรียน
การประเมนิ ผลกิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี
การประเมินผลกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถ และ

พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนลูกเสือ เนตรนารี ซึ่งนอกจากพิจารณาความรู้ตามทฤษฎีแล้ว ต้องพิจารณา
ด้านความประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมที่เน้นทักษะและการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการประเมินท่ี
หลากหลายและการประเมินตามสภาพจริง ซ่งึ แบง่ การประเมนิ ผลออกเป็น ๒ ส่วน คอื

๑. กจิ กรรมบังคับ
เป็นการประเมินผลกิจกรรมตามหลักสูตร เพื่อให้นักเรียนผ่านเกณฑ์การตัดสินเลื่อน

ชั้นหรือจบหลักสูตร โดยการเข้าร่วมกิจกรรมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด มีการ
ประเมินผลตลอดปี โดยวิธีการสังเกตการณ์เข้าร่วมกิจกรรม การซักถาม การทดสอบภาคทฤษฎีและปฏิบัติ
โดยกำหนดเกณฑ์การประเมนิ เปน็ “ผา่ น” และ “ไม่ผา่ น”

ผ่าน หมายถงึ นกั เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ปฏิบตั ิ
กิจกรรมและมผี ลงาน/ช้ินงาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑ์
ที่โรงเรยี นกำหนด

ไม่ผา่ น หมายถึง นกั เรยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์
ไมผ่ า่ นการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม หรอื มผี ลงาน/ชิน้ งาน/
คุณลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ี่โรงเรียนกำหนด

๒. วชิ าพเิ ศษ การประเมินผลวิชาพิเศษในแตล่ ะวชิ า ใช้วธิ ีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎแี ละ
ภาคปฏบิ ัติ ตามหลักเกณฑ์ในขอ้ บังคบั คณะลูกเสอื แหง่ ชาติ

การประเมนิ ผลกจิ กรรมชมุ นุม
การประเมินผลกิจกรรมชุมนุม เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถและพัฒนาการด้าน
ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากพิจารณาความรูตามทฤษฎีแล้วยังต้องพิจารณาด้านความประพฤติ พฤติกรรมการเข้าร่วม
กิจกรรมที่เน้นทักษะการปฏิบัติต่าง ๆ ด้วยวิธีการประเมินที่หลากหลายและการประเมินตามสภาพจริง โดย
กำหนดเกณฑก์ ารประเมนิ เป็น “ผา่ น” และ “ไมผ่ ่าน”

ผา่ น หมายถึง นักเรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏิบตั ิ
กิจกรรมและมผี ลงาน/ชน้ิ งาน/คุณลักษณะตามเกณฑ์
ทโ่ี รงเรยี นกำหนด

ไม่ผา่ น หมายถึง นกั เรยี นมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์
ไม่ผา่ นการปฏิบตั ิกิจกรรม หรือมีผลงาน/ชิน้ งาน/
คุณลักษณะไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ที่โรงเรยี นกำหนด

112

การประเมินผลกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์
การประเมินผลกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ นกั เรยี นตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมให้
ครบตามกรอบเวลาในโครงสร้างของหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ดังน้ี
นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ – ๖ มเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๑๐ ชว่ั โมง
ผ่าน หมายถงึ นักเรียนเขา้ ร่วมกจิ กรรมครบตามเวลา ปฏิบัติกจิ กรรม

และมีผลงาน/ชนิ้ งาน/คณุ ลักษณะตามเกณฑ์ทีโ่ รงเรียน
กำหนด
ไมผ่ า่ น หมายถงึ นกั เรียนเข้ารว่ มกิจกรรมไมค่ รบตามเวลา
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหรือมผี ลงาน/ชิ้นงาน/คณุ ลกั ษณะ
ไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ที่โรงเรยี นกำหนด
ในกรณที ่ีนักเรยี นไมผ่ า่ น ครูที่ปรกึ ษาต้องใหน้ กั เรียนซ่อมเสริมการทำกจิ กรรมให้ครบตาม
กรอบเวลาที่กำหนดในโครงสร้างของหลักสูตร

๔. กิจกรรม ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้
กจิ กรรม ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ แบง่ ออกเป็น 4 หมวด ๑๖ กลมุ่ กิจกรรม มีรายละเอยี ด ดังนี้
หมวดที่ 1 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น (กิจกรรมบังคับตามหลักสูตร)
๑. กิจกรรมแนะแนว
๒. กจิ กรรมนักเรยี น
๓. กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
หมวดท่ี 2 สรา้ งเสริมสมรรถนะและการเรยี นรู้
๔. พฒั นาความสามารถด้านการส่อื สาร
๕. พัฒนาความสามารถด้านการคิดและการพัฒนากรอบความคิดแบบเปดิ กวา้ ง
๖. พัฒนาความสามารถด้านการแกป้ ัญหา
๗. พฒั นาความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยี
๘. พัฒนาทกั ษะการเรยี นรทู้ ่ีส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้

หมวดที่ 3 สร้างเสริมคณุ ลักษณะและคา่ นิยม
๙. ปลกู ฝงั คา่ นิยมและจิตสำนึกการทำประโยชนต์ ่อสังคม มีจิตสาธารณะและการให้บริการด้านต่างๆ
ทงั้ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและต่อสว่ นรวม
๑๐. ปลูกฝงั ความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์
๑๑. ปลูกฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม (มีวินยั ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต เสยี สละ อดทน มุ่งมั่นในการทำงาน กตญั ญู)
๑๒. ปลกู ฝังความรักความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบตั ิของชาติ
หมวดท่ี 4 สร้างเสริมทกั ษะการทำงาน การดำรงชีพ และทักษะชีวิต
๑๓. ตอบสนองความสนใจ ความถนดั และความต้องการของผเู้ รยี นตามความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล
๑๔. ฝึกการทำงาน ทกั ษะอาชพี ทรพั ย์สินทางปัญญา อยอู่ ย่างพอเพยี งและมีวนิ ัยทางการเงิน

113

๑๕. พัฒนาความสามารถดา้ นการใช้ทักษะชีวติ
๑๖. สร้างเสริมสมรรถนะทางกาย
โดยมีคำสำคัญอยู่ ๔ คำ คือ head(สมอง) heart(หวั ใจ) hand(ลงมือทำ) health(สุขภาพ)

รายชอื่ กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ของโรงเรียนวดั บ้านนา (ฟินวิทยาคม) ปีการศึกษา ๒๕๖๔
กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1-๖

ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๓
๑. กิจกรรมสวดมนต์ทำวตั รเชา้ /รักการอา่ น
2. กิจกรรม 1 หอ้ งเรยี น 1 โครงงานอาชีพ
3. กจิ กรรมคอมพิวเตอร์/คดิ เลขเร็ว

ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 – ๖
๑. กิจกรรมสวดมนตท์ ำวัตรเชา้ /รักการอา่ น
๒. กิจกรรมธรรมะจรรโลงใจ
๓. กิจกรรม 1 ห้องเรียน 1 โครงงานอาชีพ
๔. กจิ กรรมคอมพิวเตอร์/คิดเลขเร็ว

114

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
ช้ันประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ กจิ กรรมแนะแนว
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี

ร้จู กั และเขา้ ใจตนเอง รกั และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผู้อ่ืน มีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ มเี จตคติที่
ดีต่อการมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ มีทักษะในการดำเนินชีวิต สามารถปรับตัวให้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสุข รู้จักตนเองในทุกดา้ น รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และเข้าใจโลกของงาน
อาชีพอย่างหลากหลาย มีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจรติ รู้ข้อมูลอาชีพ สามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบ
อาชีพได้อย่างเหมาะสม มีการเตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพื่อประกอบอาชีพตามที่ตนเองมีความถนัด
และสนใจ มีคุณลักษณะพื้นฐานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพและพัฒนางานให้ประสบความสำเร็จเพื่อสร้าง
ฐานะทางเศรษฐกิจใหก้ ับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและประเทศชาติ

พัฒนาตนเองในด้านการเรียนอย่างเตม็ ศักยภาพ รู้จักแสวงหาความรู้ใฝ่รู้ใฝเ่ รียนให้เป็นคนดมี ี
ความรู้และทักษะทางวิชาการ รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรียนหรือกา รศึกษาต่อได้
อย่างมีประสิทธิภาพ มีวิธีการเรียนรู้ มีทักษะการคิด แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ คิดเป็น ทำเป็น มีคุณธรรม
จริยธรรม เอือ้ อาทรและสมานฉันท์ เพือ่ ดำรงชวี ิตอยรู่ วมกันอยา่ งสงบสขุ ตามวถิ ชี วี ติ เศรษฐกจิ พอเพียง

เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น เกิดการเรียนรู้
สามารถวางแผนการเรียนรู้ อาชพี รวมท้งั การดำเนนิ ชีวิตและมีทกั ษะทางสงั คม เกิดการเรียนรู้สามารถปรับตัว
ได้อย่างเหมาะสม อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข พึ่งตนเองได้มีทักษะในการเลือกแนวทางการศึกษา การ
งานและอาชีพ ชีวิตและสังคม มีสุขภาพจิตที่ดีและจิตสำนึกในการทำประโยชน์ต่อครอบครัว สังคมและ
ประเทศชาตติ ามวิถชี วี ติ เศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรียนรู้
๑. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ รูจ้ ัก เขา้ ใจ รัก และเห็นคุณค่าในตนเองและผอู้ ่ืน
๒. เพอื่ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ สามารถวางแผนการเรียน การศึกษาต่อ อาชีพ รวมทั้งการดำเนนิ
ชวี ิต และมีทักษะทางสังคม
๓. เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ สามารถปรบั ตวั ได้อย่างเหมาะสม และอยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนได้อยา่ ง
เหมาะสม
๔. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้

รวม ๔ ผลการเรียนรู้

115

กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น คำอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี ๑ กิจกรรมนักเรยี น (ลูกเสือสำรอง ๑)
เวลา ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณและกฎของ
ลูกเสือสำรอง เรยี นรูจ้ ากการคิดและปฏบิ ัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลกู เสอื สำรองท่มี ีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน
ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุม
กอง ในเร่อื งตอ่ ไปนี้

๑. เตรยี มลกู เสือสำรอง นยิ ายเมาคลี ประวตั กิ ารเร่ิมกิจการลกู เสอื การทำความเคารพหมู่
(แกรนดฮ์ าวล)์ การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจบั มือซา้ ย ระเบียบแถว เบือ้ งต้น คำปฏิญาณ กฎและ
คตพิ จน์ของลกู เสือสำรอง

๒. ลกู เสือสำรอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติ ความ
ปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่าง ๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูกเงือ่ น คำปฏิญาณ
และกฎของลูกเสอื สำรอง

เพือ่ ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสอื สำรอง ๑ สามารถปฏบิ ัตติ ามคำปฏญิ าณกฎ และ
คตพิ จน์ของลกู เสอื สำรอง มีนิสยั ในการสงั เกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพ่ึงตนเอง มีความซอื่ สตั ย์ สุจรติ มรี ะเบียบ
วินัย และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักบำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำ
กิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของชาติ
และสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรยี นรู้
๑. มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจำ เช่อื ฟงั และพ่ึงพาตนเองได้
๒. มีความซื่อสัตย์ สจุ รติ มีระเบียบวนิ ัยและเห็นอกเห็นใจผู้อน่ื
๓. บำเพ็ญตนเพ่อื สังคมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรมประเพณี ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ และ ความมั่นคง
๖. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ สิง่ แวดล้อมและลดภาวะโลกรอ้ น
๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้

รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

116

กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
ชนั้ ประถมศึกษาปีที ๒ กจิ กรรมนักเรยี น (ลูกเสอื สำรอง ๒)
เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกิจกรรมใหศ้ กึ ษา วเิ คราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสือ
สำรอง ศึกษาเรียนรูจ้ ากการคดิ และปฏบิ ัตจิ ริงใช้สัญลกั ษณส์ มาชิกลูกเสือสำรองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน
ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุม
กองในเรื่องตอ่ ไปน้ี

ลูกเสือสำรอง ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์)
การทำความเคารพเป็นรายบคุ คล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคตพิ จนข์ องลูกเสือสำรอง
อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาตกิ ารอนรุ ักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถ่ิน ความ
ปลอดภัย บริการ การผูกเงื่อน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรม
กลางแจง้ การบันเทงิ ทส่ี ่งเสริมสุขภาพกายสขุ ภาพจิตและอนรุ ักษภ์ มู ิปญั ญาท้องถน่ิ อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ
สง่ิ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรอง ๒ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎและคติ
พจนข์ องลูกเสือสำรอง มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟงั และพ่งึ ตนเอง มีความซื่อสตั ย์สจุ ริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ
ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดล้อม ความมนั่ คงของชาติ และสามารถประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ผลการเรยี นรู้
๑. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจำ เชอ่ื ฟังและพึ่งตนเองได้
๒. มีความซ่ือสตั ย์ สุจริต มรี ะเบยี บวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ น่ื
๓. บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท้องถ่ินและความม่ันคงของชาติ
๖. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ตใ์ ช้ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงได้

รวม ๖ ผลการเรียนรู้

117

กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ช้ันประถมศึกษาปที ี ๓ กิจกรรมนักเรยี น (ลูกเสือสำรอง ๓)
เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชมุ กอง ดำเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกจิ กรรมให้ศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสือ
สำรอง ศึกษาเรียนรจู้ ากการคิดและปฏบิ ัติจริงใชส้ ญั ลกั ษณส์ มาชิกลูกเสือสำรองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน
ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุม
กองในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้

ลูกเสือสำรอง ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์)
การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจบั มือซ้าย ระเบยี บแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลกู เสือสำรอง
อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาตกิ ารอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถ่ิน ความ
ปลอดภัย บริการ การผูกเงื่อน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรม
กลางแจง้ การบนั เทิงทส่ี ง่ เสริมสุขภาพกายสขุ ภาพจติ และอนุรกั ษ์ภมู ิปัญญาท้องถิน่ อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ
ส่ิงแวดล้อมลดภาวะโลกรอ้ น

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาว ๓ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎและ
คติพจน์ของลูกเสอื สำรอง มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซื่อสตั ยส์ จุ ริต มีระเบียบ
วินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรม
ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติสง่ิ แวดล้อม ความม่ันคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ผลการเรียนรู้
๑. มนี ิสยั ในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพ่ึงตนเองได้
๒. มคี วามซ่ือสตั ย์ สจุ ริต มีระเบียบวินยั และเหน็ อกเห็นใจผอู้ ่นื
๓. บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่นและความม่นั คงของชาติ
๖. อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงได้

รวม ๖ ผลการเรยี นรู้

118

คำอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น

กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน (กจิ กรรมนกั เรียน) ลกู เสือสามญั (ลูกเสือตรี)

ช้ันประถมศึกษาปีที ๔ เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี

เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์
และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็น
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกร้อนและประยุกต์ใช้ปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ Load Baden Powell พระราชประวัติ
สังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสือไทยและลูกเสือโลก
การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มือซ้าย กจิ กรรมกลางแจ้ง ระเบยี บแถวท่ามอื เปลา่ ทา่ มือไม้พลวง
การใช้สญั ญามือและนกหวดี การต้งั แถวและการเรียนแถว

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏบิ ัติตามคำปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความมัน่ คง
ประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ผลการเรยี นรู้
๑. มนี ิสัยในการสังเกต จดจำ เช่อื ฟังและพ่ึงตนเองได้
๒. มคี วามซื่อสัตยส์ ุจริต มรี ะเบียบ วินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ่ืน
๓. บำเพญ็ ตนเพอื่ ส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น และความม่นั คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รวม ๗ ผลการเรียนรู้

119

คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (กิจกรรมนักเรยี น) กิจกรรมลูกเสือสามัญ (ลูกเสือโท)

ช้ันประถมศกึ ษาปีที ๕ เวลา ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์
และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็น
เอกลกั ษณร์ ว่ มกนั ศึกษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ มจี ติ สำนกึ ในการอนรุ ักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ
วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ลดภาวะโลกรอ้ นและการประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทกั ษะ
ในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทำงานอดิเรก
และเร่ืองท่ีสนใจ

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏบิ ัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝกึ ฝนการทำกิจกรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรมและความมนั่ คง
ประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ผลการเรยี นรู้
๑. มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชอื่ ฟังและพ่ึงตนเองได้
๒. มคี วามซื่อสตั ยส์ ุจรติ มีระเบียบ วนิ ัยและเหน็ อกเห็นใจผู้อ่ืน
๓. บำเพ็ญตนเพื่อส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น และความมั่นคงของชาติ
๖. อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

120

คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (กจิ กรรมนักเรยี น) กิจกรรมลกู เสือสามัญ (ลูกเสือเอก)

ชั้นประถมศึกษาปที ี ๖ เวลา ๓๐ ชัว่ โมง/ปี

เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบตั ติ ามคำปฏญิ าณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามญั วิชาการของลกู เสอื ระเบยี บแถว การพงึ่ ตนเอง การผจญภยั การใชส้ ัญลกั ษณ์ สมาชกิ ลูกเสือสามัญ
ทมี่ คี วามเป็นเอกลักษณ์รว่ มกนั เรียนรูจ้ ากการคิดและปฏบิ ัตจิ ริง ศกึ ษาธรรมชาติ วฒั นธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาทอ้ งถิน่ ด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเพื่อ
การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น

เพือ่ ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัตติ ามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และ
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคง
ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ผลการเรยี นรู้
๑. มนี สิ ัยในการสังเกต จดจำ เชือ่ ฟังและพึ่งตนเองได้
๒. มคี วามซ่ือสตั ยส์ ุจริต มรี ะเบียบ วินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผู้อ่ืน
๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และความม่ันคงของชาติ
๖. อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รวม ๗ ผลการเรียนรู้

121

กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์
เวลา ๑๐ ชั่วโมง/ปี

ฝกึ ปฏิบัติกิจกรรมดว้ ยความสมัครใจผ่านกจิ กรรมทีห่ ลากหลาย ฝกึ การทำงานท่สี อดคล้องกับชีวิตจริง
ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สำรวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนอย่างเป็นระบบ
เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ
สว่ นรวม เสริมสร้างความมนี ้ำใจ เออ้ื อาทร ความเป็นพลเมอื งดแี ละความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและ
สังคม คิดออกแบบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อ
สงั คมตามแนวทางวิถีชีวติ เศรษฐกิจพอเพยี ง

เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจดั กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชนอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจ
ในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คณุ ธรรม จริยธรรม ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ มจี ิต
สาธารณะและใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ และสามารถประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้

ผลการเรยี นรู้
๑. บำเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรยี น ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ
๒. ออกแบบการจัดกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อยา่ งสร้างสรรค์ ตามความถนัดและ
ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร
๓. สามารถพัฒนาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนไ์ ด้อยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
๔. ปฏบิ ัติกิจการเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรม จริยธรรมตามคุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์
๕. สามารถประยุกตใ์ ชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้

รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

122

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี ๑ - ๖ กิจกรรมนกั เรียน (กิจกรรมชมุ นุม)
เวลา ๔๐ ช่วั โมง

ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพ่ื อพัฒนาความรู้
ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการ และพื้นฐานอาชีพ ทักษะ
ชีวิตและสังคมตามศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความสามารถในการสื่อสาร มี
ทักษะการคิด แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทำงานและการอยูร่ ่วมกับผู้อ่ืน
ในสังคมได้อย่างมีความสุข รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอื่ สตั ยส์ จุ ริต มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง มุ่งม่ัน
ในการทำงานรกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ

เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้
พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ทั้งทักษะทางวิชาการ
ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิตและสังคมตามศักยภาพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม คิดเป็น
ทำได้ ทำงานร่วมกับผ้อู น่ื ไดต้ ามวิถีประชาธิปไตย และประยุกต์ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อย่างเหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน
๒. มีความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกดิ ประสบการณ์ ทง้ั ทางวชิ าการ
และวชิ าชีพตามศักยภาพ
๓. ใช้เวลาว่างให้เกดประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม
๔. มงุ่ มัน่ ในการทำงานและทำงานรว่ มกับผู้อนื่ ไดต้ ามวิถีประชาธิปไตย
๕. ประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม

รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

๑๒๓

ส่วนท่ี ๕

เกณฑ์การจบการศึกษา

โรงเรียนวดั บ้านนาได้กำหนดเกณฑ์การจบการศึกษาของโรงเรียนในระดับช้นั ประถมศกึ ษาที่โรงเรยี น
เปดิ สอน ใหส้ อดคล้องกบั หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา
๑. นักเรียนเรยี นรายวชิ าพื้นฐานชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ จำนวน ๘๔๐ ชวั่ โมง และ

รายวิชาเพมิ่ เติม จำนวน ๔๐ ชว่ั โมงและมีผลการประเมนิ รายวิชาพนื้ ฐานผ่านทกุ รายวชิ าในแตล่ ะชน้ั
เรียน

๒. ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานและรายวชิ า/กิจกรรมเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐานตาม
โครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนด และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติม
ตามที่สถานศกึ ษากำหนด

๓. ผูเ้ รียนต้องมผี ลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ระดบั ๑ ข้ึนไปทุกรายวชิ าพื้นฐาน
จึงจะถอื ว่าผ่านรายวิชาพ้นื ฐาน

๔. ผู้เรยี นต้องมีผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ในระดบั ดีเย่ยี ม/ดี/ผ่าน
๕. ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ในระดับดีเยยี่ ม/ด/ี ผา่ น
๖. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น โดยมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมปลี ะ ๑๒๐ ชั่วโมง
และไดผ้ ลการประเมนิ “ผ่าน” ทกุ กจิ กรรม

การจัดการเรียนรู้
การจดั การเรยี นรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษา

ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
เป็นเป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคณุ สมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จดั การเรยี นรู้โดยชว่ ยให้ผ้เู รียนเรยี นรู้ผา่ นสาระทก่ี ำหนดไวใ้ นหลักสตู ร ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ รวมทั้งปลูกฝัง
เสรมิ สรา้ งคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อนั เป็นสมรรถนะสำคัญใหผ้ เู้ รียนบรรลตุ ามเป้าหมาย

๑. หลกั การจัดการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน

๑๒๔

กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง

ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน้นให้ความสำคญั ท้ังความรู้ และคุณธรรม

๒. กระบวนการเรยี นรู้

การจัดการเรยี นรู้ทีเ่ น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ผเู้ รียนจะต้องอาศยั กระบวนการเรียนรทู้ ี่หลากหลาย

เป็นเคร่ืองมอื ทจี่ ะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลกั สตู ร กระบวนการเรียนรูท้ จ่ี ำเป็นสำหรับผู้เรียน

อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม

กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแก้ปญั หา กระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ ริง กระบวนการปฏบิ ตั ิ

ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง

กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสยั

กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ

สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำ

ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี

ประสทิ ธภิ าพ
๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ

ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จดั การเรียนรูโ้ ดยเลอื กใช้วธิ สี อนและเทคนิคการสอน สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพอื่ ให้ผู้เรียนได้
พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายท่ีกำหนด

๔. บทบาทของผูส้ อนและผูเ้ รียน
การจดั การเรยี นรู้เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีคณุ ภาพตามเป้าหมายของหลกั สูตร ท้งั ผู้สอนและผู้เรียนควรมบี ทบาท
ดงั นี้

๔.๑ บทบาทของผ้สู อน
๑) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ ูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล แล้วนำขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผนการจัดการเรียนรู้

ทที่ า้ ทความสามารถของผู้เรยี น
๒) กำหนดเปา้ หมายทีต่ ้องการให้เกดิ ข้นึ กบั ผเู้ รียน ดา้ นความรูแ้ ละทักษะกระบวนการ ที่เป็น

ความคิดรวบยอด หลักการ และความสมั พันธ์ รวมทัง้ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ

พัฒนาการทางสมอง เพอื่ นำผู้เรียนไปสเู่ ป้าหมาย
๔) จดั บรรยากาศทเี่ อื้อตอ่ การเรยี นรู้ และดูแลช่วยเหลอื ผ้เู รยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่

เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจัดการเรยี นการสอน
๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผเู้ รียนดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของ

วิชาและระดบั พฒั นาการของผ้เู รยี น
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ

จดั การเรยี นการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผเู้ รียน

๑๒๕

๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนร้ขู องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา
คำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวิธกี ารต่างๆ
๓) ลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ สรุปสิง่ ทไี่ ดเ้ รยี นรู้ด้วยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นสถานการณ์
ต่างๆ
๔) มปี ฏิสมั พนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู
๕) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื ง

สือ่ การเรียนรู้

สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น
การเลอื กใชส้ ือ่ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรียนรทู้ ี่หลากหลายของผเู้ รยี น

การจดั หาสอ่ื การเรยี นรู้ ผเู้ รียนและผสู้ อนสามารถจดั ทำและพฒั นาขน้ึ เอง หรือปรบั ปรุงเลอื กใช้อย่างมี
คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้
ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจดั ใหม้ อี ยา่ งพอเพยี ง เพือ่ พัฒนาใหผ้ เู้ รยี น เกิดการเรยี นรู้อยา่ งแทจ้ ริง
สถานศกึ ษา เขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา หน่วยงานทีเ่ กีย่ วขอ้ งและผูม้ หี น้าท่จี ดั การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ควรดำเนนิ การดังนี้

๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศกึ ษา ท้องถิน่ ชมุ ชน สังคมโลก

๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ัง
จดั หาสง่ิ ทม่ี ีอย่ใู นท้องถิน่ มาประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ ส่อื การเรียนรู้

๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ
เรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน

๔. ประเมนิ คุณภาพของสื่อการเรยี นรู้ท่ีเลือกใช้อย่างเปน็ ระบบ
๕. ศกึ ษาค้นคว้า วจิ ยั เพื่อพัฒนาส่อื การเรียนรใู้ ห้สอดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผ้เู รยี น
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและ การใช้ส่ือ
การเรยี นรเู้ ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง
หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความม่ันคง
ของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มกี ารใช้ภาษาที่ถูกต้อง รปู แบบการนำเสนอท่ีเขา้ ใจง่าย และน่าสนใจ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน

เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จ
นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการ

๑๒๖

เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ต่อการสง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การพัฒนาและเรยี นรอู้ ยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ระดบั เขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดังน้ี

๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมินเพ่อื น ผู้ปกครองร่วมประเมนิ ในกรณที ไ่ี ม่ผ่านตวั ชีว้ ดั ให้มกี ารสอนซ่อมเสริม

การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะตอ้ งได้รับการพัฒนา
ปรับปรุงและส่งเสรมิ ในด้านใด นอกจากนี้ยังเปน็ ขอ้ มูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งน้ี
โดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ัด

๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียน
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมู ลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ
จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ผ้ปู กครองและชมุ ชน

๓. การประเมนิ ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพ
ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความ
ร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจาก
การประเมินระดบั สถานศกึ ษาในเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา

๔. การประเมนิ ระดับชาติ เป็นการประเมินคณุ ภาพผ้เู รียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ เู้ รยี นทกุ คนทเ่ี รียน ในชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เขา้ รบั การประเมิน ผลจากการประเมินใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการเทยี บเคยี งคณุ ภาพ
การศกึ ษาในระดบั ต่าง ๆ เพ่ือนำไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา ตลอดจนเป็นข้อมูล
สนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ

ขอ้ มูลการประเมนิ ในระดบั ต่างๆ ข้างตน้ เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข
สง่ เสริมสนับสนุนเพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศักยภาพบนพน้ื ฐานความแตกตา่ งระหว่างบคุ คลท่ีจำแนกตาม

๑๒๗

สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม
ผ้เู รยี นท่ีมปี ญั หาทางเศรษฐกิจและสังคม กลมุ่ พิการทางร่างกายและสตปิ ัญญา เป็นตน้ ข้อมูลจากการประเมิน
จงึ เป็นหวั ใจของสถานศึกษาในการดำเนินการชว่ ยเหลือผูเ้ รียนไดท้ ันทว่ งที ปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนได้รับการพัฒนา
และประสบความสำเร็จในการเรยี น

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบวา่ ด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่อื ใหบ้ ุคลากรที่เกี่ยวขอ้ งทกุ ฝา่ ยถือปฏบิ ัติร่วมกัน

เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียน
๑. การตดั สนิ การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรียน
๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน

คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนนนั้ ผสู้ อนต้องคำนงึ ถึงการพฒั นาผู้เรยี นแตล่ ะคนเป็น
หลัก และตอ้ งเก็บข้อมูลของผู้เรยี นทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริม
ผู้เรยี นให้พฒั นาจนเต็มตามศักยภาพ

ระดบั ประถมศึกษา
(๑) ผู้เรยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด
(๒) ผู้เรยี นต้องได้รับการประเมินทกุ ตัวชี้วดั และผ่านตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากำหนด
(๓) ผู้เรยี นต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา
(๔) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการประเมิน และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากำหนด
ในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า
สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ใหอ้ ยู่ในดลุ พินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผันให้เล่ือนชั้นได้ แต่หากผู้เรียน
ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปญั หาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สงู ขึ้น สถานศึกษาอาจตั้ง
คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น
สำคญั
๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ระดบั ประถมศกึ ษา ในการตัดสนิ เพื่อใหร้ ะดับผลการเรียนรายวชิ า สถานศึกษาสามารถให้ระดับ
ผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และ
ระบบท่ีใชค้ ำสำคญั สะทอ้ นมาตรฐาน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การ
ประเมินเป็น ดีเยี่ยม ดี และผ่าน
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรยี น ตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกจิ กรรมเป็นผา่ น และไม่
ผ่าน
๑.๓ การรายงานผลการเรยี น

๑๒๘

การรายงานผลการเรียนเปน็ การสื่อสารใหผ้ ูป้ กครองและผ้เู รียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้
ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็ นระยะๆ
หรอื อย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ ครง้ั

การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเปน็ ระดับคุณภาพการปฏิบตั ิของผู้เรียนท่ีสะทอ้ น
มาตรฐานการเรยี นรูก้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้

๒. เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรบั การจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คือ
ระดับประถมศึกษา

๒.๑ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา
(๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐานกำหนด
(๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา

กำหนด
(๓) ผู้เรยี นมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน

ตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
(๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี

สถานศกึ ษากำหนด
(๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี

สถานศกึ ษากำหนด
สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี

ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้
คณะกรรมการของสถานศกึ ษา เขตพ้ืนที่การศกึ ษา และผู้ที่เกีย่ วข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้
ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

เอกสารหลักฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง

กับพัฒนาการของผู้เรยี นในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่กี ระทรวงศึกษาธิการกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ

ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ี
ให้ผ้เู รียนเปน็ รายบุคคล เมอ่ื ผูเ้ รียนจบการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา (ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖)

๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ
และข้อมูลของผ้จู บการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖)

๒. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาท่สี ถานศึกษากำหนด

๑๒๙

เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ
ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวชิ า ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรยี น และ เอกสารอืน่ ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้

การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ

เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหล่งการเรยี นรอู้ ่ืนๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจดั การศึกษาโดย
ครอบครัว

การเทียบโอนผลการเรยี นควรดำเนินการในช่วงก่อนเปดิ ภาคเรียนแรก หรอื ต้นภาคเรยี นแรก ท่ี
สถานศกึ ษารับผู้ขอเทยี บโอนเป็นผ้เู รยี น ทงั้ นี้ ผเู้ รยี นทีไ่ ดร้ บั การเทียบโอนผลการเรียนตอ้ งศกึ ษาต่อเน่ืองใน
สถานศึกษาทร่ี ับเทียบโอนอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รบั ผู้เรยี นจาก
การเทยี บโอนควรกำหนดรายวชิ า/จำนวนหนว่ ยกติ ที่จะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม

การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั นี้
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่น ๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผู้เรียน
๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบดว้ ยวิธีการต่างๆ ทั้งภาคความรูแ้ ละ
ภาคปฏบิ ตั ิ
๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัตใิ นสภาพจรงิ
การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ

การบริหารจัดการหลักสูตร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร

น้นั หนว่ ยงานต่างๆ ที่เก่ียวขอ้ งในแต่ละระดบั ตั้งแต่ระดับชาติ ระดบั ท้องถน่ิ จนถึงระดับสถานศกึ ษา
มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของ
สถานศกึ ษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นบรรลตุ ามมาตรฐานการเรยี นรู้
ทกี่ ำหนดไวใ้ นระดับชาติ

ระดบั ท้องถนิ่ ได้แก่ สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา หนว่ ยงานตน้ สงั กดั อ่ืน ๆ เปน็ หน่วยงานท่ีมีบทบาท
ในการขับเคลื่อนคณุ ภาพการจัดการศึกษา เป็นตวั กลางทจี่ ะเช่อื มโยงหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
ที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ
สถานศกึ ษา สง่ เสริมการใชแ้ ละพัฒนาหลกั สตู รในระดับสถานศึกษา ใหป้ ระสบความสำเร็จ โดยมภี ารกิจสำคัญ
คือ กำหนดเปา้ หมายและจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น ในระดบั ทอ้ งถน่ิ โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่
เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น
รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม
ผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผู้เรยี น

๑๓๐

สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร
การเพมิ่ พนู คณุ ภาพการใช้หลักสตู รดว้ ยการวจิ ยั และพฒั นา การปรบั ปรุงและพัฒนาหลกั สตู รจดั ทำระเบียบการ
วัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสู ตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้
จดั ทำเพิม่ เติม รวมทัง้ สถานศกึ ษาสามารถเพิ่มเติมในสว่ นทเี่ กยี่ วกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสงั คม ภูมิปัญญา
ท้องถ่นิ และความต้องการของผเู้ รยี น โดยทุกภาคส่วนเข้ามามสี ่วนร่วมในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา

บรรณานุกรม

วชิ าการ,กรม หลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔

กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพ์องค์การรบั สง่ สินค้าและพสั ดภุ ัณฑ์, ๒๕๔๔

----------------- .คูม่ ือจดั การเรียนร้กู ลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์
กรงุ เทพมหานคร โรงพมิ พ์องค์การรับสง่ สินค้าและพัสดุภณั ฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . สาระและมาตรฐานการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
กรุงเทพมหานคร โรงพิมพอ์ งคก์ ารรับสง่ สินคา้ และพสั ดุภณั ฑ์ , ๒๕๔๕

----------------- . การวิจัยเพื่อพฒั นาการเรยี นรูต้ ามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้น ฐาน

กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพ์องค์การรับส่งสนิ คา้ และพัสดภุ ณั ฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . ชดุ ฝกึ อบรมการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา กรงุ เทพมหานคร

โรงพมิ พ์องคก์ ารรบั ส่งสนิ ค้าและพสั ดภุ ัณฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . ชุดฝกึ อบรมกลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
กรุงเทพมหานครโรงพิมพอ์ งค์การรบั ส่งสนิ คา้ และพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . เอกสารเสริมความรู้ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา

กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพ์องคก์ ารรับส่งสินคา้ และพสั ดภุ ณั ฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . คมู่ ือพัฒนาสอื่ การเรียนรู้ กรงุ เทพมหานคร

โรงพมิ พ์องค์การรับส่งสนิ คา้ และพัสดภุ ณั ฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . การวิจัยเพอื่ พฒั นาการเรยี นร้ตู ามหลกั สตู รการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน

กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์องค์การรับสง่ สินคา้ และพัสดภุ ัณฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . แนวทางการวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ตามหลกั สตู รการศึกษา
ขนั้ พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ กรงุ เทพมหานคร โรงพิมพ์องค์การรับส่ง

สนิ คา้ และพัสดุภัณฑ์, ๒๕๔๕

๑๓๑

----------------- . คมู่ อื การบริหารจัดการแนะแนว กรุงเทพมหานคร
โรงพมิ พ์องค์การรบั ส่งสินคา้ และพัสดุภณั ฑ์, ๒๕๔๕

----------------- . แนวทางการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ตามหลักสูตรการศึกษาข้นั
พน้ื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๔๔ กรงุ เทพมหานคร โรงพมิ พ์องคก์ าร
รับส่งสินค้าและพสั ดุภัณฑ์, ๒๕๔๕

วิชาการ,กรม คู่มือบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้”
กรงุ เทพมหานคร โรงพมิ พ์องคก์ ารรบั สง่ สนิ ค้าและพัสดภุ ณั ฑ์, ๒๕๕๘

๑๓๒

ภาคผนวก

๑๓๓

๑๓๔


Click to View FlipBook Version