The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เครื่องปั้นดินเผา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กศน. ตําบลบ่อสวก, 2020-07-16 23:46:34

เครื่องปั้นดินเผา

เครื่องปั้นดินเผา

‘คำถาม’
สำคัญกว่า
คำตอบ

ขอ้ มูลบรรณานกุ รม

ช่อื หนงั สอื คู่มือพิชิตองค์ความรู้ “เครอื่ งปน้ั ดินเผา”
ท่ีปรกึ ษา ดร. ปริวรรต ธรรมปรีชากร
หวั หนา้ แผนกวิจัยและสง่ เสริมการศกึ ษา
พิพธิ ภัณฑสถานเครือ่ งถ้วยเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้
ค้นควา้ เรยี บเรยี งขอ้ มูลและภาพ บุรนิ ทร์ สงิ ห์โตอาจ
เรยี บเรยี งภาษา เสริมสริ ิ ภศู รี
บรรณาธิการต้นฉบับ ยุภาพร ธัญวิวัฒน์กุล
จัดรปู เลม่ บรษิ ัท ดับเบิ้ลยพู ร้ินท์ จำกดั
จัดพิมพ ์ สถาบนั พิพธิ ภณั ฑ์การเรียนรูแ้ ห่งชาติ
เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวงั
เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
พิมพค์ รั้งแรก พฤษภาคม 2556
จำนวนพมิ พ์ 1,000 เล่ม
พิมพท์ ี่ บรษิ ทั ดบั เบิล้ ยูพริน้ ท์ จำกดั
โทรศัพท ์ 02 674 7344

ความนำ

มวิ เซยี มสยาม ก่อต้งั ข้นึ โดยสถาบนั พพิ ธิ ภัณฑก์ ารเรียนรแู้ หง่ ชาติ เพ่ือเปน็ ต้นแบบพิพิธภณั ฑ์แห่ง
การเรยี นรู้ (Discovery Museum) มงุ่ เนน้ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การศกึ ษาเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์
ในความหมายใหม่ และมบี ทบาทหนา้ ทใ่ี นการใหบ้ รกิ ารทางการศกึ ษาแก่ประชาชน รวมทง้ั พัฒนา
ต้นแบบสอ่ื การเรียนรเู้ ชงิ สร้างสรรค์ที่ส่งเสรมิ การบม่ เพาะองค์ความรู้
คูม่ ือพชิ ิตองค์ความรู้ (Tool Kit) ชดุ ‘เครอ่ื งปั้นดนิ เผา’ เปน็ สอ่ื การเรยี นรู้ท่ีมุ่งหมายเพื่อสง่ เสรมิ
และกระตนุ้ ความคดิ ใหเ้ กิดการศึกษาเรยี นรเู้ ก่ียวกบั เครอื่ งปัน้ ดินเผา ซง่ึ เป็นวตั ถุทางวฒั นธรรมท่มี ี
การสืบทอดและพัฒนาต่อเนื่องกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ถึงปัจจุบัน
กล่าวได้ว่าเครื่องป้ันดินเผาแต่ละยุคสมัยได้บันทึกเร่ืองราวในอดีตของมนุษย์ผ่านเทคนิควิธี
ลวดลายและรปู ทรงทีร่ ังสรรคข์ ้นึ โดยเฉพาะการค้นพบเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาที่ถำ้ ผี จงั หวดั แม่ฮอ่ งสอน
อายปุ ระมาณ 10,000 – 7,000 ปมี าแลว้ นบั เปน็ หลกั ฐานเกา่ แกท่ ส่ี ดุ ทแ่ี สดงถงึ รอ่ งรอยการตง้ั ถน่ิ ฐาน
และพัฒนาการของมนุษย์ในประเทศไทย โดยสถาบันฯ ได้จัดทำเป็นชุดองค์ความรู้ที่หลากหลาย
ประกอบด้วย หนังสือคมู่ ือฯ ชดุ เศษภาชนะดนิ เผาจำลองลายขูดขีด และลายกดประทบั สมุดกจิ กรรม
ชุดแผ่นซีดี E-Learning และเกมแอนิเมชัน เสริมให้เยาวชนใช้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่าน
เครื่องปนั้ ดินเผาอย่างเพลิดเพลนิ
สถาบันฯ หวงั เปน็ อยา่ งยิ่งว่าส่อื การเรียนรู้คมู่ อื พชิ ิตองคค์ วามรู้ (Tool Kit) ชุด ‘เคร่ืองปน้ั ดนิ เผา’ น้ี
จะชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเขา้ ใจตวั ตนคนไทยและประเทศไทยมากยง่ิ ขน้ึ ซง่ึ สาระความรเู้ หลา่ นม้ี ใิ ชค่ ำตอบ
เบด็ เสร็จสมบูรณ์ แตเ่ พอื่ จดุ ประกายความอยากรู้ ความสนใจตอ่ การศึกษาอดีตและความเป็นมาของ
ประเทศไทยตอ่ ไป

งานพัฒนาการเรยี นรู้ ฝ่ายมวิ เซียมสยาม
สถาบันพพิ ิธภณั ฑ์การเรียนรูแ้ หง่ ชาติ

สารบญั

เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผาคอื อะไร 5. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เครอื่ งปนั้ ดินเผาเล่าเร่ืองได้ 6. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
มนษุ ยร์ ู้จกั ทำเคร่อื งปัน้ ดินเผาได้อย่างไร. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 9
เครื่องปั้นดินเผาเกา่ แคไ่ หน รอู้ ายุไดอ้ ย่างไร. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 10
สารพันประโยชน์ของเครอ่ื งป้ันดนิ เผา. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 10
ทำความรจู้ ักกับเครื่องปนั้ ดินเผาชนดิ ตา่ งๆ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 14
กว่าจะเป็นเครื่องปัน้ ดินเผา 16. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เตรียมดนิ กอ่ นปั้น 16. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ปั้น...ปั้น ปั้นดินเปน็ รปู 21. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
รจู้ กั กบั ส่วนต่างๆ และรูปทรงเครอื่ งป้ันดนิ เผา. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 25
เสกสรรค์ปนั้ แตง่ เคร่ืองป้นั ดนิ เผา. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 27
ความมหศั จรรยข์ องน้ำเคลือบ 33. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เปดิ เตา เผาเครอ่ื งปน้ั 38. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สร้างเตาเผาท่ไี หนดที ีส่ ุด 42. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
จัดระเบียบกอ่ นเผา 44. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เรียนรปู้ ระวัติศาสตรผ์ า่ นเครอื่ งป้นั ดินเผา. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 45
แหลง่ กำเนิดเครอื่ งปนั้ ดนิ เผาท่เี กา่ แกท่ ส่ี ุดในโลก. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 45
เครอื่ งปนั้ ดินเผารอบโลก 46. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เครอ่ื งปั้นดินเผาในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 52
เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผายุคแรกสุดของไทย. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 56
สกลุ ช่างศิลปะเครือ่ งปั้นดินเผาไทย. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 57
ในประเทศไทยมีแหล่งเตาเผาทไ่ี หนบา้ ง. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 60
เครอ่ื งป้ันดนิ เผาอิมพอร์ต 68. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
การเกดิ ใหม่ของเครอื่ งปน้ั ดนิ เผาไทย. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 69
ภาคผนวก 70. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
อภิธานศพั ท์ 70. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
คลงั ขอ้ มลู คน้ คว้าเพ่มิ เตมิ 77. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ภาพลายเส้นแสดงรูปช่างปน้ั ชาวกรีก เคร่ืองปั้นดินเผา คอื อะไร?
ผลติ เครอ่ื งปน้ั ดินเผา
เครือ่ งปั้นดินเผาคือส่งิ ของทเ่ี กดิ จากการนำดนิ เหนียวและ
สว่ นผสมอื่น เช่น ทราย แกลบ มาทำเปน็ รูปทรงต่างๆ
ตามลักษณะการใช้งานแล้วนำไปเผาเพ่ือให้เกิดความ
ทนทาน

ทุกวันนี้ของใช้ในชีวิตประจำวันของเราไม่ว่าจะเป็นจาน
ชาม ถ้วย กระถางต้นไม้ อ่าง แจกนั กระเบือ้ ง ฯลฯ
ล้วนแล้วแตเ่ ป็นผลิตภัณฑ์เคร่ืองปั้นดนิ เผาทง้ั ส้ิน

ภาชนะดินเผากรกี

ช่างป้นั กำลงั ขน้ึ รปู
ทำภาชนะดินเผาทรงไห

{ ท่ีมาของคำวา่ เซรามิคส์ }

เคร่ืองปนั้ ดนิ เผาตรงกับคำภาษาองั กฤษว่า เซรามคิ ส์ (Ceramics) ซง่ึ มาจากคำว่า Keramos
ในภาษากรีกที่มีความหมายว่าดินของช่างปั้นหม้อ แต่คำว่าเซรามิคส์ในภาษาอังกฤษไม่ได้
หมายถึงเครื่องปั้นดินเผาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความหมายครอบคลุมไปถึงงานประเภท
โลหะเคลอื บ ซีเมนต์ กระเบ้ือง อิฐ และแกว้ ด้วย

ไหดนิ เผาชบุ นำ้ เคลือบขเ้ี ถา้ ใหส้ ีสดใส
ยุคเมโสโปเตเมยี อายรุ าว 2,200 - 2,160 ปมี าแล้ว

5

เคร่อื งป้นั ดินเผาเลา่ เร่อื งได้

จากหลักฐานทางโบราณคดีทำให้ทราบว่าเครื่องปั้นดินเผาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต
มนษุ ยม์ าตง้ั แตย่ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรแ์ ลว้ ซง่ึ การคน้ พบเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาโบราณทง้ั ในแหลง่ ผลติ
ในซากเรือท่ีอับปางหรือแม้แต่ในสถานที่ห่างไกลจากแหล่งผลิตสามารถบอกอะไรเรา
ไดห้ ลายอยา่ งไมว่ า่ จะความเปน็ อยขู่ องผคู้ นในอดตี เทคโนโลยกี ารผลติ สงั คมการแบง่ ชนชน้ั
ประเพณี พิธีกรรม เศรษฐกจิ การตดิ ตอ่ คา้ ขายและเสน้ ทางการค้า

เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา เคร่ืองสงั คโลกเป็นสนิ ค้าส่งออกสำคัญในสมยั อยธุ ยา
ทม่ี กั ฝังรวมกบั โครงกระดูก
แหล่งโบราณคดบี า้ นโนนวัด

จ.นครราชสมี า

การสำรวจของนักโบราณคดีใตน้ ำ้

นักโบราณคดีกำลังทำความสะอาด
เครอื่ งปั้นดินเผาที่กู้ขึ้นมาจากซากเรือ

เคร่ืองถว้ ยชาม สินคา้ จำนวนมากทจ่ี มลงพร้อมเรือ

6 คมู่ อื พชิ ติ องคค์ วามรู้ “เครื่องปัน้ ดินเผา”

การขดุ ค้นโบราณคดใี ตน้ ้ำ
คน้ พบเครอ่ื งปั้นดนิ เผาจำนวนมากในซากเรอื อับปาง

มีหลักฐานว่ามนุษย์รู้จักการนำดินมาปั้น
เปน็ รปู คนและรูปสัตว์ (แตย่ ังไม่ได้นำไปเผา)
มาตง้ั แตย่ คุ หนิ เกา่ โดยรปู วนี สั แหง่ โดนีเวสโตนซิ น้ี
เปน็ ของวฒั นธรรมกราเวตเตยี น (วัฒนธรรม
ยคุ หนิ เกา่ ตอนปลายในทวปี ยโุ รป) เมอ่ื ประมาณ
26,000 ปีมาแล้ว

วีนสั แห่งโดนี (Venus of Dolni)
ค้นพบเม่อื ปี ค.ศ. 1925
โมราเวีย สาธารณรัฐเช็ค

{ ยคุ กอ่ นประวัตศิ าสตร์ คอื อะไร } เครอื่ งมอื หนิ กะเทาะ

ก่อนประวตั ศิ าสตร์ (Prehistory) หมายถึงเรอื่ งราวหรือเหตกุ ารณ์
ที่เกิดขึ้นในอดีตก่อนที่มนุษย์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษร การสิ้นสุดสมัย
กอ่ นประวตั ศิ าสตรใ์ นแตล่ ะทอ้ งทไ่ี มพ่ รอ้ มกนั ในเอเชยี ตะวนั ตกรจู้ กั ประดษิ ฐ์
ตวั อักษรที่เก่าแกท่ สี่ ดุ ในโลกราว 5,000 ปมี าแลว้ ในขณะท่บี างพื้นที่
ยังปรากฏกล่มุ ชนท่มี ีพ้นื ฐานการดำรงชีวิตแบบด้งั เดิมไม่ร้จู ักใช้ตัวอักษร
มแี ต่ภาษาพดู

{ สมัยหนิ เก่า คอื อะไร }

สมยั หินเกา่ (Paleolithic age, Old Stone Age) หมายถงึ การจดั ลำดบั
อายุทางโบราณคดีช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ครอบคลุมระยะเวลา
ตง้ั แตป่ ลายสมยั ไพลโอซนี ถงึ สมยั ไพลสโตซนี มอี ายปุ ระมาณ 2,500,000
ถงึ 10,000 ปมี าแลว้ มนษุ ยใ์ นชว่ งนด้ี ำรงชวี ติ ดว้ ยการลา่ สตั วแ์ ละเกบ็ พชื ปา่
เปน็ อาหาร เครื่องมือเครอื่ งใชท้ ี่สำคัญทำจากหนิ กะเทาะ นอกจากนี้
ยงั มเี ครื่องมือเคร่อื งใช้ที่ทำจากกระดูก เขาสตั ว์ ฟนั สัตว์ ไม้ เปน็ ตน้

8 คมู่ อื พชิ ิตองค์ความรู้ “เคร่ืองปัน้ ดนิ เผา”

มนษุ ยร์ จู้ ักทำเครอ่ื งป้ันดนิ เผาไดอ้ ย่างไร

แมว้ า่ แต่ละพน้ื ทีจ่ ะเรมิ่ ผลิตเครอ่ื งปัน้ ดนิ เผาไม่พรอ้ มกนั แตม่ ีขอ้ สันนิษฐานว่ามนษุ ยน์ ่าจะสังเกตเหน็
ดนิ เหนยี วทถ่ี กู แดดเผาจนแหง้ เปน็ รปู ทรงทส่ี ามารถใสข่ องได้หรอื สงั เกตเหน็ ดนิ เหนยี วทแี่ หง้ แขง็ บรเิ วณ
กองไฟ จากนัน้ จึงลองปั้นเปน็ รูปทรงเลียนแบบธรรมชาติ เช่น น้ำเตา้ ฟักทอง เพ่อื ใช้หงุ ตม้ อาหาร
เบอ้ื งหลงั ความคงทนของเครื่องปนั้ ดนิ เผา
ในการขดุ คน้ แหลง่ โบราณคดตี า่ งๆ มกั จะพบเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา
เสมอ แมจ้ ะผลิตขน้ึ เม่อื หลายรอ้ ยหลายพันปีมาแลว้ ทีเ่ ป็น
เช่นนั้นเพราะกระบวนการเผาได้ทำให้เครื่องป้ันดินเผา
เกิดความทนทาน สามารถทนต่อสภาวะแวดลอ้ มได้ดี

เคร่อื งป้นั ดินเผาลายเขียนสใี นหลุมฝังศพ
แหลง่ โบราณคดบี า้ นเชยี ง จ. อดุ รธานี

{ ใครคอื ตวั การทำลายเคร่ืองปน้ั ดินเผา }

แมว้ า่ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาจะมคี วามทนทานมากอยา่ งไรกต็ าม ตวั การสำคญั ทท่ี ำให้
เครื่องปั้นดินเผาเสียหายได้มากที่สุด คือ มนุษย์กับเกลือที่อยู่ในน้ำและดิน
เพราะเม่ือเกลอื ที่คอ่ ยๆ ซึมเข้าไปในเนอ้ื ภาชนะไดร้ ับความชนื้ จะเกดิ การขยายตวั
แล้วดันใหเ้ น้ือดนิ กบั ช้นั เคลอื บแยกออกจากกันจนเกดิ เป็นรอยร้าวในที่สดุ

ตุ๊กตาชา้ งศึกเคลือบสองสี เครื่องปัน้ ดนิ เผาทีเ่ สอื่ มสภาพ
ของศรสี ัชนาลัยทีเ่ สอื่ มสภาพ กู้ไดจ้ ากซากเรอื สินค้าล่มในทะเลอนิ โดนเี ซีย

เนื่องจากเกลอื ในน้ำทะเล

ภาชนะดินเผาที่ไดร้ บั การ สว่ นฝาปิดไหใส่โครงกระดกู เดก็
อนรุ กั ษแ์ ละซอ่ มแล้ว ตอ่ ประกอบขน้ึ จากเศษชน้ิ ส่วนท่ีแตกหกั
แหล่งโบราณคดีบ้านโนนวดั จ.นครราชสีมา

9

เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเกา่ แคไ่ หน รอู้ ายไุ ดอ้ ย่างไร

เนื่องจากเคร่ืองปน้ั ดนิ เผามีความทนทานและสามารถคงสภาพได้ดีกวา่ วตั ถอุ นื่ ๆ จึงสามารถใช้
เครอื่ งปนั้ ดนิ เผาโบราณคำนวณหาอายขุ องเครอื่ งปน้ั ดนิ เผาและแหลง่ โบราณคดที เี่ ปน็ จดุ คน้ พบ
ไดด้ ว้ ย โดยใช้การกำหนดอายดุ ว้ ยวิธีคาร์บอน 14 นอกจากน้ี การศกึ ษาลกั ษณะรูปทรง ลวดลาย
และเน้ือดินของเคร่ืองปั้นดินเผายังสามารถบอกให้รู้สภาพสังคมและศิลปวัฒนธรรมในช่วงท่ีมี
การผลติ เครอื่ งป้ันดนิ เผาได้อกี ทางหนง่ึ

{ คาร์บอน 14 คืออะไร }

การกำหนดอายดุ ว้ ยวธิ คี าร์บอน 14 (Radiocarbon Dating หรือ C-14 ) เป็นการหาอายุ
โดยวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยการตรวจสอบจำนวนคารบ์ อน 14 ทเ่ี ปน็ กมั มนั ตภาพรงั สที เ่ี หลอื
อยใู่ นอินทรียวตั ถุ โดยอ้างองิ จากการทค่ี ารบ์ อน 14 จะสลายตวั ไปครงึ่ หนึ่งทุก 5,730 ปี
วิธีการน้ีสามารถกำหนดอายยุ อ้ นไปไดป้ ระมาณ 50,000 ปี

สารพนั ประโยชน์ของเครือ่ งปั้นดนิ เผา

เครอ่ื งปัน้ ดินเผาสว่ นใหญ่ถูกผลิตเป็นภาชนะดินเผา เช่น หม้อ ไห จาน ชาม ถว้ ย โถ หรือแจกนั ฯลฯ
เพื่อเอาไว้ใช้ใส่อาหาร น้ำ สิ่งของมีค่า นอกจากนี้ยังมีการผลิตเป็นสิ่งที่ใช้ประดับตกแต่ง เช่น
ตกุ๊ ตาดนิ เผา และผลิตเป็นของเล่นสำหรบั เด็กๆ อีกดว้ ย

ต๊กุ ตาชา้ งเคลอื บสีเขยี ว ไห บรรจภุ ณั ฑเ์ คลือบสีนำ้ ตาล เต้าปูน
จากศรีสชั นาลัย ใชส้ ำหรับใสป่ นู แดง
ของเลน่ สำหรับเด็ก ทาใบพลกู นิ กับหมาก

พาน จาน เตาเชิงกราน

10 คู่มือพิชติ องค์ความรู้ “เครื่องปัน้ ดินเผา”

{ ภาชนะดนิ เผา (Pottery) }

คือ เครื่องปน้ั ดนิ เผาทท่ี ำเปน็ รูปทรงตา่ งๆ เพอื่ ใช้เป็นภาชนะสำหรบั บรรจุของ
เป็นภาชนะเนอ้ื ดนิ และมกั มสี สี ม้ เช่น หม้อ ถว้ ย ไห กระปุก ฯลฯ

พธิ กี รรมทางศาสนาหรอื ความเช่อื
รปู เคารพท่ใี ช้ประกอบพิธกี รรมตา่ งๆ บางคร้งั ก็ทำมาจากดินเผา
หรือบางคร้ังผลิตขึ้นเพ่ือนำไปใช้บรรจุกระดูกและเคร่ืองอุทิศ
แลว้ ฝงั ไว้กบั คนตายโดยเฉพาะ เชน่ เครอื่ งป้ันดินเผาลายสแี ดง
ของบา้ นเชยี ง จ.อุดรธานี

รปู พระโพธสิ ตั ว์อวโลกเิ ตศวร (กวนอมิ )
สมัยราชวงศช์ งิ ประเทศจนี

ภาชนะดนิ เผาเขยี นลายสแี ดงของบ้านเชยี ง

เครอื่ งประดับสถาปตั ยกรรม
ในสมยั ทวารวดมี กี ารผลิตชอ่ ฟา้ ทวารบาลรปู ยกั ษ์ แผน่ ปูพ้ืน และแผ่นมงุ หลังคาที่ทำจากดนิ เผา
เพื่อนำไปประดับศาสนสถาน ส่วนในสมัยอยุธยานิยมนำเครื่องปั้นดินเผาที่มีลวดลายสวยงาม
โดยเฉพาะเครอ่ื งลายครามของจนี มาประดับท่อี โุ บสถและเจดยี ด์ ว้ ย

รปู ดนิ เผาประดบั มกรเคลือบสองสี เทพนมเคลือบสองสี
ศาสนสถาน สมัยทวารวดี ประดบั ราวบันได ใชต้ กแตง่ อาคาร
พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ จากศรสี ัชนาลัย

อทู่ อง จ.สุพรรณบรุ ี

11

สนิ คา้ สง่ ออก ภาชนะจานชาม
จากหลักฐานท่ีพบในเรือท่ีอับปางในอ่าวไทยและ เขียนลายสดี ำของสโุ ขทยั
นา่ นนำ้ ของประเทศเพอ่ื นบา้ น ทำใหท้ ราบวา่
ในราวพทุ ธศตวรรษที่ 19-21 เครอื่ งปั้นดนิ เผา
จากสุโขทยั ศรีสัชนาลัย และกลุ่มเตาบางระจนั
เป็นสินค้าท่ีส่งออกไปจำหน่ายประเทศเพ่ือนบ้าน
ทัว่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้

เคร่อื งบอกสถานะทางสงั คม จานลายครามสมยั ราชวงศเ์ อวย๋ี นเตาจงิ่ เตอ๋ เจิ้น
เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาบางชนดิ ถกู ผลติ ขน้ึ เปน็ กรณพี เิ ศษ สำหรบั พพิ ธิ ภัณฑ์ทอปกาปิ ประเทศตุรกี
คนบางชนชน้ั เทา่ นน้ั จากหลกั ฐานทางโบราณคดพี บวา่ มี
เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทม่ี ลี กั ษณะเดน่ แปลกตาไมส่ ามารถใชง้ าน
ไดจ้ รงิ หรือไม่ปรากฏร่องรอยการใช้งานเลย คาดวา่ น่าจะ
เปน็ การผลติ ขนึ้ เพอื่ ใชเ้ ปน็ ของแลกเปลย่ี นเปน็ สนิ คา้ หรอื
แสดงสถานภาพของผคู้ รอบครองมากกว่า เช่น เคร่ืองปนั้
ดนิ เผาจากมณฑลเจยี งซี ประเทศจนี ซง่ึ ราชสำนกั จนี ใชเ้ ปน็
เครื่องบรรณาการกับราชสำนักสยามในฐานะท่ียอมรับ
อำนาจ

ชว่ ยกำหนดอายแุ หล่งโบราณคดี ภาชนะดินเผาลายเขียนสีแดง
เครื่องปั้นดินเผาเป็นวัตถุที่มีการเสื่อมสภาพ รูปตัว S จากแหล่งโบราณคดี
ตามธรรมชาตคิ อ่ นขา้ งนอ้ ย และจดั เปน็ สง่ิ ของ บา้ นโนนวัด ซงึ่ มลี กั ษณะลวดลาย
เครื่องใช้สามัญอย่างหนึ่งที่พบอยู่คู่กับสังคม ทีส่ ัมพันธก์ ับแหลง่ โบราณคดีอ่ืนๆ
มนษุ ยท์ กุ แหง่ เทคโนโลยขี องการผลติ และรปู ทรง ทง้ั ในประเทศไทยและเพือ่ นบา้ น
สัณฐานของเครอ่ื งปนั้ ดินเผา จงึ สามารถนำมา
ใช้เป็นคุณลักษณะพ้ืนฐานสําหรับการจัดแบ่ง
ยคุ สมยั หรอื ศกึ ษาเปรยี บเทยี บกลมุ่ วฒั นธรรม
ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี
12 คู่มอื พิชิตองค์ความรู้ “เครื่องป้นั ดนิ เผา”

สสุ านทหารและม้าศึกของจักรพรรดจิ ๋นิ ซี
ประเทศจีน

ทำความรจู้ ักกบั เครือ่ งป้ันดนิ เผาชนิดต่างๆ

เคร่อื งปนั้ ดนิ เผาจะมีช่อื เรียกแตกต่างกันไปตามอุณหภูมิทใี่ ชใ้ นการเผา แบง่ เป็น
เคร่อื งปัน้ ดนิ เผาชนิดเน้อื อ่อน ชนิดเน้ือดิน ชนดิ เนื้อหนิ และชนดิ เนอื้ กระเบื้อง
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งชนิดของเครื่องปั้นดินเผาตามเนื้อดินด้วย ได้แก่
แบบท่ีเป็นเนื้อดนิ ธรรมดา เนื้อหนิ แกรง่ และเนอ้ื กระเบ้อื ง

ต่ำกว่า 850 850-1,000 1,000-1,300 1,300-1,450

Teองrศrาเaซcลเoซยีtสta Eaอrงtศhาเeซnลเwซียaสre Sอtงoศnาเeซลwเซaยี rสe Pอoงศrาcเซeลlเซaียiสn

ชนดิ ของเครื่องปั้นดินเผาท่แี บ่งตามอุณหภมู ใิ นการเผา

เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดเนอ้ื อ่อน (Terracotta) รูปป้ันกองทหารในสสุ านจกั รพรรด์จิ น๋ิ ซี
เคร่อื งปั้นดินเผาชนดิ นผ้ี า่ นการเผาในอุณหภูมิท่ีไม่สงู มาก
คือ ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียส เครอ่ื งปัน้ ดนิ เผาชนิดนี้
จะมีเนื้อดนิ สีแดง เปราะหกั ไดง้ ่าย และดูดซมึ นำ้ ได้มาก
สว่ นใหญจ่ ะไมเ่ คลือบผวิ เช่น พวกต๊กุ ตาดินเผา และรูปปนั้
กองทหารในสุสานจกั รพรรดิจ์ ิน๋ ซี

เครื่องป้นั ดนิ เผาชนิดเน้อื ดิน (Earthenware) หมอ้ ดนิ
เป็นเครื่องปั้นดินเผาท่ีผ่านการเผาในอุณหภูมิประมาณ
850-1,000 องศาเซลเซียส ลักษณะเด่นคอื มเี นอื้ ดนิ หมอ้ น้ำดินเผา
ทห่ี ยาบ อาจจะมีสีส้มหรือดำ ขึ้นอยกู่ บั แรธ่ าตุที่อยใู่ นดนิ ปากเกร็ด
และสามารถดดู ซึมนำ้ ไดด้ ี เครื่องป้ันดนิ เผาชนดิ เนือ้ ดนิ
มักเป็นพวกเคร่ืองใช้ในครัวเรือนตา่ งๆ เช่น กระถางต้นไม้
อิฐมอญ ฯลฯ

14 คมู่ ือพิชติ องคค์ วามรู้ “เคร่อื งปั้นดินเผา”

เคร่ืองปน้ั ดนิ เผาชนิดเนือ้ หิน (Stoneware) ไหเนื้อแกร่งของศรสี ัชนาลยั
เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดน้ีผ่านการเผาท่ีอุณหภูมิประมาณ
1,000-1,300 องศาเซลเซยี ส เนอ้ื ดนิ เปน็ สเี ทา มคี วามแกรง่
และนำ้ ไมส่ ามารถซมึ ผา่ นได้ เมอ่ื ดดี เคาะจะมเี สยี งกงั วานใส
ตัวอยา่ งของเครอื่ งป้นั ดนิ เผาชนดิ เนอ้ื หนิ คอื เครอื่ งป้นั
ดินเผาจากศรสี ชั นาลัย ซึง่ มีชอื่ เสียงในการผลติ เครอ่ื งปัน้
ดินเผาชนิดเนอื้ หิน อาทิ จาน ชาม ครก ไห

{ ดินแปลงรา่ ง }

การเผาด้วยอุณหภูมิทสี่ งู มากกว่า 1,000 องศาเซลเซียส
ทำใหเ้ นือ้ ดนิ หลอมละลายตดิ กนั น้ำจึงไมส่ ามารถซมึ ผา่ นได้

เครอ่ื งป้นั ดินเผาชนิดเนอื้ กระเบอื้ ง (Porcelain) เครื่องลายคราม
ผา่ นการเผาทอ่ี ณุ หภมู ปิ ระมาณ1,300-1,450องศาเซลเซยี ส สมัยราชวงศห์ มิง
เคร่ืองป้ันดินเผาประเภทนี้จะผสมดินขาวหรือเกาลิน ประเทศจีน
จงึ มีเน้อื ดนิ ละเอยี ดและมสี ีขาว สามารถขนึ้ รูปไดบ้ างกว่า
ชนิดอ่นื ๆ เมื่อเคาะจะมีเสยี งดงั กงั วาน ไม่ดูดซึมน้ำ
ตัวอย่างเคร่ืองปั้นดินเผาชนิดเน้ือกระเบ้ืองท่ีรู้จักกันดีคือ
เคร่อื งลายครามของประเทศจนี

นอกจากนเี้ รายงั สามารถจัดแบ่งชนดิ เครื่องปั้นดินเผาโดยจำแนกตามลักษณะของเนอื้ ดิน
ซ่ึงมีอยูด่ ้วยกัน 3 แบบคอื
เน้ือดนิ ธรรมดา จะมคี วามพรนุ และดูดซมึ น้ำได้มาก
เนื้อหนิ แกรง่ จะมสี ่วนผสมของหนิ บด มเี น้อื แน่น ดูดซึมนำ้ นอ้ ย
เนอื้ กระเบอ้ื ง จะไม่ดูดซมึ น้ำ มีเนือ้ บาง โปรง่ แสง เมอ่ื เคาะดูจะมีเสยี งดงั กังวาน

15

กว่าจะเปน็ เครอ่ื งปนั้ ดินเผา

กว่าจะมาเปน็ เคร่ืองป้นั ดินเผาที่เราได้ใช้กันนัน้ จะต้องผา่ นกระบวนการตัง้ แตก่ ารเตรยี มดิน การขึ้นรูป
การตกแตง่ และการเผา

กรอง/ล้าง/นวด/หมัก ขนึ้ รูป

ดนิ --> เตรยี มดนิ --> มอื /ขดดิน/แป้นหมุน/
ต่อแผน่ /แม่พิมพ์

+ เคลอื บใส
--> -->
--> -->
หิน --> น้ำเคลอื บ เคลอื บสีน้ำตาล
เคลือบสีเขยี ว
+ ภาชนะ

ดนิ เช้ือ เคลอื บ

แกลบ/ฟาง/ทราย/เศษภาชนะ

ภาชนะ เตาเผา การตกแตง่
ทีส่ มบรู ณ์
เตาเปิด/เตาดิน/เตาอฐิ ขดู ขดี /ขดู ลาย/ป้นั ติด/
--> --> เขียนลาย/กดประทับ/
ขดั มนั /ทานำ้ ดิน/รมดำ

ภาพแผนผงั ขัน้ ตอนการผลติ เครือ่ งปั้นดนิ เผา

เตรียมดินก่อนป้ัน

ข้นั แรกของการผลิตเครอื่ งปั้นดนิ เผาคอื การเตรียมดนิ ทีจ่ ะนำไปป้ันหรอื ขึ้นรูป ซง่ึ โดยทั่วไปในกอ้ นดิน
ที่นำมาข้นึ รูปนนั้ จะประกอบไปดว้ ย ดิน หนิ และดนิ เช้ือ

16 คมู่ อื พิชิตองคค์ วามรู้ “เครือ่ งปัน้ ดนิ เผา”

ดิน
ดินเปน็ วตั ถุดบิ หลักในการผลติ เคร่ืองปน้ั ดนิ เผา ซึ่งทน่ี ำมาใชง้ านนัน้ มอี ยู่ 2 ชนดิ คอื ดนิ เหนยี ว
และดนิ ขาว
ดนิ เหนยี ว ดนิ เหนยี วเกดิ จากตะกอนที่ถูกน้ำพดั พามาทบั ถมกัน มีสารอินทรียป์ นอยู่เปน็ จำนวนมาก
เนอ้ื ดนิ มคี วามละเอยี ดและมคี วามเหนยี วมากซง่ึ ทำใหข้ นึ้ รปู ไดง้ า่ ยและเมอ่ื แหง้ แลว้ จะมคี วามแขง็ แรงสงู
จงึ เป็นวัตถดุ ิบสำคญั ในการผลิตเครอ่ื งปั้นดินเผา

ดนิ เหนยี ว

{ แร่ในดนิ ตัวแปรสำคญั ของสีสันเครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา }

แรธ่ าตตุ ่างๆ ในดนิ เหนียวทำให้เกดิ สสี ันที่แตกต่างกนั ออกไป เชน่ ดินเหนยี วทีม่ ีแรเ่ หลก็ ปะปนอยู่
จะมีสขี าวนวลหรอื นำ้ ตาล ดินเหนียวทีม่ ีอนิ ทรียวตั ถุปนอยู่มากจะมีสเี ทาหรือดำ

{ ทำไมจึงใชด้ นิ เหนียวอย่างเดยี วไม่ได้ }

แมด้ นิ เหนยี วจะเปน็ วตั ถดุ บิ หลกั ในการทำเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา เนอ่ื งจากขน้ึ รปู ไดง้ า่ ย แตเ่ ราไมส่ ามารถ
จะใช้ดินเหนยี วลว้ นๆ ได้ เน่อื งจากดินเหนยี วเมื่อแห้งแลว้ จะหดตวั มาก ทำใหเ้ ครื่องปน้ั ดินเผา
ผดิ รปู และแตกร้าวได้ จงึ ตอ้ งผสมวัตถุดบิ อยา่ งอ่นื ลงไปดว้ ย

{ ดนิ เหนียวอยทู่ ่ไี หน }

ในประเทศไทยมีแหลง่ ดินเหนยี วทีน่ ำมาทำเคร่ืองปัน้ ดนิ เผาอยูท่ ี่ลำปาง เชียงใหม่ ราชบรุ ี และ
แหล่งพ้ืนบ้านท่ัวไป

17

ดนิ ขาว (White Clay-Kaolin)
ดนิ ขาวเป็นแร่ท่ีเกิดจากการผุพังสลายตวั ของหนิ ฟนั มา้ ภายใตแ้ รงอดั ความรอ้ นใตผ้ วิ โลกนานนบั พนั ปี
จนหินกลายเป็นดนิ ทอ่ี อ่ นนุ่ม เม่อื นำมาผสมน้ำจะมีความเหนียว ขึ้นรปู ได้ สามารถทนความร้อนสูงได้
เมอ่ื เผาแลว้ จะไดเ้ ครอ่ื งปน้ั เนอ้ื สขี าว และเนอ้ื แกรง่ จงึ เปน็ สว่ นประกอบในเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเนอ้ื กระเบอ้ื ง
ที่มีคุณภาพดีและมีความสวยงาม นอกจากนี้ดินขาวยังเป็นแร่ที่ใช้ในการผลิตกระดาษ และใช้ใน
อตุ สาหกรรมสี ยาง พลาสตกิ ยา เคร่อื งสำอาง ปุ๋ย ฯลฯ อกี ดว้ ย

ก้อนแรด่ นิ ขาว ภาพขยายดินขาว

{ ดนิ ขาวอยู่ที่ไหน }

ดนิ ขาวเรียกอีกอยา่ งวา่ เกาลิน ซึ่งเปน็ ชอ่ื ของภเู ขาทีเ่ ป็นแหลง่
ดินขาวในประเทศจีน ในประเทศไทยพบดินขาวไดท้ ั่วไปต้งั แตใ่ น
เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง อุตรดิตถ์ ปราจีนบุรี ชลบุรี
นครศรธี รรมราช ระนอง และนราธวิ าส
แหล่งดินขาวในประเทศไทยถูกค้นพบโดยช่างผลิตชามตราไก่
จากประเทศจีนที่ย้ายถิน่ ฐานมายงั กรงุ เทพฯ เม่อื ปี พ.ศ. 2480
และได้ไปตงั้ เตาเผาเพอื่ ผลติ ชามตราไกท่ ่ี จ.ลำปาง

ชามตราไก่

18 คมู่ ือพิชติ องค์ความรู้ “เคร่ืองป้ันดินเผา”

{ ดินสอพองกบั ดินขาว เหมือนกันไหม? }

ดนิ สอพองเปน็ ดินที่มีสีขาวเช่นเดียวกบั ดินขาว แตจ่ ริงๆ แล้วเป็น
หินปูนชนิดหนึง่ ไม่สามารถนำไปผลิตเครื่องปน้ั ดินเผาได้ คนใน
สมัยโบราณนิยมใช้ดินสอพองทำแป้งประตามร่างกายเพื่อ
ความสบายตัว

ดินสอพอง

หิน
หนิ ทน่ี ำมาผสมกบั ดนิ เหนยี วในการผลติ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา ไดแ้ ก่ หนิ เขย้ี วหนมุ าน
และหนิ ฟนั มา้ โดยเวลานำมาใชจ้ ะตอ้ งบดให้เปน็ ผงละเอยี ดกอ่ น

หินเข้ียวหนุมาน หรือหินควอตซ์ มคี ณุ สมบัติช่วยลดการหดตัวของดิน
ทำให้เครื่องปน้ั ดินเผามีความคงทนแขง็ แรง
หนิ ฟนั ม้า มคี ุณสมบตั ชิ ่วยใหเ้ คร่อื งปน้ั ดนิ เผาสกุ เรว็ ข้ึน และทำให้เนอื้ ดิน
มีความแข็งแกร่ง นอกจากนำหนิ จะเปน็ สว่ นผสมในเนอ้ื ดนิ แลว้ ยงั เปน็ สว่ น
ผสมสำคัญในขนั้ ตอนของการเคลือบเครอ่ื งป้นั ดนิ เผาอกี ด้วย

หินเข้ียวหนมุ านและหินฟันม้า
มกั จะพบอย่รู ว่ มกันเสมอ

19

ดินเชื้อ
ดนิ เชอ้ื ไมใ่ ชด่ นิ แตเ่ ปน็ สว่ นผสมของทราย แกลบ ฟางขา้ ว หรอื หนิ บด กบั ดนิ เหนยี ว ทน่ี ำมาปน้ั เปน็ กอ้ น
จากนั้นนำไปเผาและนำก้อนดนิ ทีไ่ ด้มาตำให้ละเอยี ดเพอื่ ผสมกบั เน้อื ดินทจี่ ะนำไปขึน้ รปู
ดินเชื้อมีคุณสมบัติช่วยลดความเหนียวของดิน ทำให้เครื่องปั้นดินเผาไม่หดตัวเวลาตากแห้งและ
นำไปเผา สว่ นใหญ่จะผสมกบั ดนิ ทีใ่ ช้ข้ึนรปู เคร่ืองปนั้ ดินเผาชนดิ ไมเ่ คลอื บ ส่วนเคร่อื งปั้นดินเผาชนดิ
เนือ้ กระเบอ้ื งมีเนื้อดนิ ละเอียด แตกร้าวได้ยากอยูแ่ ลว้ จงึ ไม่จำเป็นต้องใชด้ นิ เชอ้ื ผสม

ก้อนดินเช้อื ทผี่ สมดนิ เหนยี วกบั แกลบ
ปนั้ เปน็ กอ้ นกลมก่อนนำไปเผา แล้วนำมาบดผสมกบั ดิน

{ ทำอย่างไรถ้าไม่มีดินเชอื้ }

เศษภาชนะดินเผาสามารถนำมาบดแลว้ ผสมกับเน้อื ดนิ แทนดนิ เชื้อไดเ้ ช่นกนั

การผสมดนิ
ก่อนจะผสมวัตถุดิบตา่ งๆเขา้ ดว้ ยกันต้องนำดินธรรมชาติไปผา่ นกระบวนการตากใหแ้ หง้ ตำใหล้ ะเอยี ด
และรอ่ นเอาสง่ิ ปนเปื้อนออกเสยี ก่อนแลว้ จึงนำผงดินที่ได้ไปผสมกบั วัตถดุ ิบอื่นๆและนำ้ ตามอตั ราสว่ น
แล้วหมกั ท้งิ ไว้(จะผสมกบั วตั ถุดบิ อะไรบา้ งนั้นจะขน้ึ อยกู่ ับความเหนียวของเน้อื ดนิ ทต่ี อ้ งการ)จากนั้น
นวดดินให้เขา้ กันเป็นก้อนท่ีมีความเหนยี วพอเหมาะ ไมต่ ดิ มือ กจ็ ะไดก้ ้อนดนิ ท่ีพร้อมนำไปขนึ้ รูปแล้ว
20 คูม่ ือพิชติ องค์ความรู้ “เครือ่ งปัน้ ดินเผา”

ป้ัน...ป้ัน ปน้ั ดนิ เป็นรปู

หลงั จากเตรยี มดินเสรจ็ แล้ว ขน้ั ตอนต่อมาการนำดินมาป้ันเปน็ รปู ทรงต่างๆ หรือท่เี รยี กวา่ การขน้ึ รปู
ซึ่งมอี ยู่ 5 วธิ ี คอื การข้ึนรปู ดว้ ยมอื การข้ึนรปู ดว้ ยการขดดิน การขึ้นรูปด้วยแป้นหมนุ การตอ่ แผน่
และการใชแ้ มพ่ มิ พ์
การข้นึ รูปดว้ ยมือ
เปน็ วธิ กี ารดง้ั เดมิ ทใ่ี ชม้ าตง้ั แตย่ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ มกั จะใชใ้ นการปน้ั ภาชนะกน้ กลม อาจจะเรม่ิ ขน้ึ รปู
จากปากภาชนะหรอื กน้ ภาชนะก็ได้ โดยใชเ้ ครื่องมอื ชว่ ยในการขึน้ รปู ทีเ่ รียกวา่ หินดุ รองภายในภาชนะ
แลว้ ใช้ไม้ตี หรอื ไมต้ ีลาย ตีผิวภายนอกเพอื่ ให้เน้ือดนิ แนน่ ข้ึน

หนิ ดุ(Dabber)อปุ กรณช์ ว่ ยขน้ึ รปู ภาชนะรปู รา่ งคลา้ ยดอกเหด็

ทำจากหนิ หรือดินเผา ใช้สำหรับดนั ผนงั ภาชนะด้านในควบคู่
ไปกับการใช้ไม้ตีผิวด้านนอกเพ่ือให้ผิวภาชนะท้ังสองด้าน
เรยี บและได้รูปทางตามตอ้ งการ

ไมต้ ีลาย (Paddle) ไมแ้ บนรปู ร่างคล้ายใบพายขนาดเล็ก

ใช้สำหรับตกแต่งผิวภายนอกของเคร่ืองป้ันดินเผาคู่กับหินดุ
บางคร้งั อาจมีการทำลวดลายบนไม้หรือพนั เกลยี วเชอื กไวเ้ พอื่
ให้เกดิ ลายประทบั บนผิวภาชนะ

หินดุ และไมต้ ลี าย การใชไ้ ม้ตลี าย
เครื่องมือชว่ ยในการขนึ้ รปู ภาชนะ

21

การข้ึนรูปดว้ ยการขดดิน
เปน็ วธิ กี ารทใ่ี ชม้ าตง้ั แตย่ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรแ์ ละคลา้ ยกบั การขน้ึ รปู ดว้ ยมอื แตว่ ธิ นี จ้ี ะเรม่ิ ตน้ ดว้ ยการ
นำดนิ มาปน้ั คลงึ ใหเ้ ปน็ เส้นยาวๆ กอ่ น จากน้นั จึงขดดนิ เป็นวงซ้อนกนั จากกน้ ภาชนะจนถงึ ขอบปาก
แล้วใชน้ ิว้ มือลูบดนิ ใหต้ ดิ กันจนเรียบ หรือใชเ้ ครื่องมอื อยา่ งไมต้ ีและหนิ ดุ ชว่ ยปรับแตง่ ภาชนะทขี่ ึน้ รปู
ดว้ ยวธิ ีนจี้ ะมกี น้ แบนหรอื กน้ กลมแตค่ ่อนขา้ งแบน และมักมขี นาดใหญ่

การข้ึนรปู ดว้ ยมือและการขน้ึ รูปด้วยการขดดนิ
เป็นวิธีการที่มีมาตั้งแตย่ คุ ก่อนประวัติศาสตร์

การขน้ึ รูปดว้ ยแปน้ หมุน
เปน็ วธิ กี ารทย่ี งั ไดร้ บั ความนยิ มตง้ั แตส่ มยั โบราณจนถงึ ปจั จบุ นั วธิ กี ารคอื นำดนิ มาวางบนแปน้ และหมนุ แปน้
ไปเรอ่ื ยๆ ขณะทใ่ี ชม้ อื บงั คบั ดนิ ใหเ้ ปน็ รปู ทรงตามตอ้ งการ ซง่ึ จะทำใหไ้ ดภ้ าชนะทรงกลมหรอื ทรงกระบอก
ภาชนะทผี่ ลิตดว้ ยวิธนี ี้จะมกี ้นแบน เน่อื งจากจะต้องตดั ตวั ภาชนะออกจากแป้นเมอ่ื ปัน้ เสร็จ

{ ผิวเรียบบางดว้ ยแปน้ หมุน }

อปุ กรณ์สำคญั ในการขนึ้ รปู ภาชนะดินเผา คอื แป้นหมนุ
(Potter’s Wheel) โดยใชก้ ้อนดนิ วางหรือขดบนแผน่ ไม้
หรือแผ่นหินที่หมุนไปรอบๆ ซึ่งนอกจากช่วยให้ขึ้นรูป
ได้ง่ายและเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้ได้ผิวภาชนะที่เรียบและ
บางอกี ดว้ ย

22 ค่มู ือพิชติ องคค์ วามรู้ “เครือ่ งป้ันดินเผา”

ภาพวาดแสดงการป้ันภาชนะ
โดยใชแ้ ป้นหมุน

พบในเศษเคร่อื งปนั้ ดินเผาสมัยกรีก

การขน้ึ รปู โดยใชแ้ ป้นหมุนเปน็ วิธที ไี่ ด้รับความนยิ มจนถงึ ปจั จุบัน

23

การข้นึ รูปด้วยการตอ่ แผน่
คอื การนำดนิ เหนยี วมาทำใหเ้ ปน็ แผน่ แบนเรยี บแลว้ ตดั เปน็ ชน้ิ ๆจากนนั้ นำดนิ แตล่ ะแผน่ มาตอ่ กนั ใหเ้ ปน็
รูปทรงต่างๆ โดยใชน้ ำ้ ดนิ ข้นเปน็ ตัวเชอ่ื ม แล้วใชน้ วิ้ ช่วยรดี แผ่นดินให้ตดิ กัน ใช้ผลิตภาชนะทรงเหลีย่ ม
เชน่ กระถางหรอื แจกนั ทรงเหล่ียมของจีน

การรดี ดินใหเ้ ปน็ แผ่น ตดั ดินออกเป็นชิน้ ๆ ตอ่ ชน้ิ ดนิ เปน็ รูปทรง
โดยใช้น้ำดนิ เปน็ ตวั ยึด

การขึ้นรูปด้วยการกดหรอื อัดบนพมิ พ์
วธิ กี ารนค้ี ือการใชพ้ ิมพ์สำเร็จรูป ทท่ี ำจากไม้ ดนิ เผา โลหะ หรือเครอื่ งจกั สาน เพียงแค่นำดินมาทำ
เป็นแผน่ แบนๆ ตามขนาด แล้วอัดลงในพิมพต์ ามรูปท่ีต้องการ

ภาชนะดนิ เผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์
ทีใ่ ช้การกดแผน่ ดนิ ลงบนเครอ่ื งจกั สาน

24 คูม่ ือพชิ ิตองคค์ วามรู้ “เครอื่ งป้ันดนิ เผา”

รู้จกั กบั ส่วนต่างๆ และรปู ทรงของเครื่องปั้นดนิ เผา

ก่อนท่ีจะร้จู ักกับรูปทรงตา่ งๆ ของเครอื่ งปนั้ ดินเผาที่จะทำการข้นึ รูปนั้นมาทำความร้จู ักกบั สว่ นต่างๆ
ของเครื่องป้ันดนิ เผากนั ก่อน

ชื่อเรยี กส่วนต่างๆ ของเคร่ืองปน้ั ดินเผา

รูปทรงต่างๆ ของเครอื่ งปน้ั ดนิ เผา
เราสามารถนำก้อนดนิ ท่เี ตรยี มไว้มาขน้ึ รูปเป็นรูปทรงต่างๆ ไดห้ ลากหลาย เชน่ จาน ชาม ถ้วย พาน
กระปุก โถ ไห ตลับ แจกนั ขวด กา คนโท คนที อา่ ง ตกุ๊ ตา เครื่องประดับสถาปัตยกรรม ฯลฯ

พาน (Stem Bowl) กระปุก (Jarlet) โถ (Jar)
สว่ นบนเหมอื นจาน ภาชนะขนาดเล็ก รูปป้อมๆ เตย้ี ๆ ปากกว้างสว่ นกน้ สอบลงเลก็ นอ้ ย
หรือชาม แต่ตรงสว่ นกน้ มีเชิง ปากแคบ คอแคบ ไหล่ลาด มฝี าปิด จุกของฝามกั ทำเป็น
ตอ่ ลงมา สว่ นปลายผายออก กน้ แคบ แตล่ ำตัวปอ่ งออก รปู ดอกบัวตูม
นยิ มทำเปน็ รูปสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ

25

ไห (Jar) ตลบั (Covered Box) กา (Ewer)
ภาชนะทรงสูง คอแคบ ภาชนะทรงกลมขนาดเลก็ มฝี าปดิ ภาชนะบรรจนุ ำ้ ทม่ี พี วย
ก้นแคบ ปากผายออก โดยทคี่ วามกวา้ งของฝาและลำตวั สำหรบั รินนำ้ ออก
ไหลก่ ว้าง ลำตัวปอ่ ง เท่ากัน มกั ทำเลียนแบบธรรมชาติ เช่น และมีหูสำหรับจบั
ตลบั รปู ฟักทอง ลกู พลบั มงั คดุ ฯลฯ

คนโท (Bottle) คนที (Kendi) อ่าง (Basin)
ลำตัวกลมป่องหรอื กลมแป้น ลำตวั กลมแป้น ส่วนคอยาว ภาชนะปากกวา้ ง และเตี้ย
คอยาวเปน็ ทรงกระบอก มพี วยสำหรบั รนิ นำ้ คล้ายกา มีขนาดใหญ่
แต่ไม่มหี จู ับ

ต๊กุ ตา (Figurine) เครอื่ งประดับสถาปตั ยกรรม (Architectural Ornament)
รปู บุคคลหรอื สตั ว์ในทา่ ทางตา่ งๆ เช่น ประดับราวบนั ได ประดับช่อฟ้า ประดับหลังคา
เช่น รปู คนถอื หมอ้ น้ำ รปู ช้างศึก

26 คมู่ ือพิชติ องคค์ วามรู้ “เครื่องป้ันดนิ เผา”

เสกสรรค์ป้ันแตง่ เครอื่ งปนั้ ดนิ เผา

หลงั จากขน้ึ รปู ดนิ เปน็ รปู ทรงตา่ งๆแลว้ จะมาถงึ ขนั้ ตอนของการตกแตง่ เครอื่ งปนั้ ดนิ เผาใหส้ วยงามยง่ิ ขนึ้
หลายคนอาจจะคนุ้ เคยกับเครอ่ื งป้ันดินเผาทม่ี ีลวดลาย สสี ัน หรอื ความมนั วาว ซึ่งเกิดจากการตกแตง่
ให้มีความสวยงามดว้ ยกรรมวธิ ตี า่ งๆ กัน ได้แก่ การกดลาย การขดู ขีดลาย การขดุ ลาย การขัดผิว
การป้ันตดิ การเขยี นลาย และการเคลอื บ

ภาพวาดบนเครอื่ งปั้นดินเผากรีก
แสดงภาพชาวกรกี ตกแต่งลายภาชนะดนิ เผา

ช่างกำลงั เขียนลายบนผวิ ภาชนะกอ่ นนำไปเผาอีกรอบหนึง่

27

ร่องรอย...สรา้ งลวดลายบนพ้นื ผิว
เปน็ การตกแตง่ ในขณะทด่ี นิ ยงั ออ่ นตวั โดยนำวสั ดทุ ม่ี ลี วดลายมากดหรอื ตบี นผวิ ภาชนะใหเ้ กดิ ลาย (การกดลาย
หรือการตีประทบั ) หรอื ใชว้ สั ดปุ ลายแหลมขูดขีดใหเ้ ป็นลวดลาย (การขูดขีดลาย) หรือใช้เครอื่ งมือขุดป
าดเอาเนอ้ื ดินออกให้เป็นร่อง (การขดุ ลาย)

ลายกดประทับ (Impressed or Stamped Decoration) ลวดลายบนผิวภาชนะท่ีเกดิ จากการ
นำวัตถธุ รรมชาตหิ รอื วัตถุทตี่ กแต่งเป็นลวดลายต่างๆ มากดประทบั ลงบนผิวภาชนะ ขณะท่ดี ิน
ยังหมาดๆ ทำให้เกิดรอยลกึ ลงในเน้ือภาชนะ

ลายกดประทบั รปู ดอกไม้ ตัวอยา่ งการสรา้ ง ลูกกล้งิ ลวดลาย
ในกรอบสี่เหล่ยี มสมยั ทวารวดี ลายกดประทับ

ลายเชอื กทาบ (Cord-marked Design)
ลวดลายบนผิวภาชนะที่เกิดจากการใช้เชือกฟน่ั หรือเชอื กพนั ไม้มากดกลิ้งลงบนผิวภาชนะ
ขณะท่ีดินยังหมาดๆ

ภาชนะลายเชอื กทาบ

28 ค่มู ือพชิ ติ องคค์ วามรู้ “เครือ่ งปัน้ ดนิ เผา”

ลายขูดขดี (Incising Decoration) ลวดลายบนภาชนะดินเผาทีเ่ กดิ จากการใชเ้ ครื่องมอื ปลายแหลม
เช่น ไม้ กระดูก โลหะ หรอื หิน ขูดขีดลงบนผิวภาชนะขณะที่ดนิ ยงั หมาดๆ ทำให้เกดิ ลวดลายตา่ งๆ
ตามตอ้ งการ

ภาชนะลายขูดขดี

ลายขดุ (Excised Decoration) ลวดลายบนผิวภาชนะที่เกิดจากการใช้ของมีคมปลายมน ปลายโค้ง
หรือปลายตดั ขดุ ตดั เอาดินบนภาชนะดนิ เผาออกเป็นรอ่ งทำเปน็ ลวดลายตามตอ้ งการจะทำในขณะที่
ดนิ ยังออ่ นตวั อยู่ (LeatherHard)
ลายซห่ี วี (Combed Design) ลวดลายบนภาชนะดนิ เผาทเ่ี กดิ จากการใชห้ วหี รอื ของแขง็ ทท่ี ำเปน็ ซค่ี ลา้ ย
หวขี ดู ลงบนผวิ ภาชนะขณะท่ีดินยงั หมาดๆ ทำใหเ้ กดิ ลวดลายขนานกนั

{ ขดู ขีดกบั ขูดลาย เหมือนกนั ไหม? }

เคร่ืองปั้นดินเผาที่ตกแต่งด้วยการขูดขีดลายด้วยวัสดุปลายแหลมจะเห็นดินส่วนท่ีล้นข้ึนมา
จากขดู เป็นขอบสงู ในขณะท่กี ารขดุ ลายจะใชอั ุปกรณท์ ี่มหี น้าตัด เชน่ สวิ่ ขดุ ปาดเนื้อดนิ ออกจนเปน็ ร่อง
จึงไมม่ ดี ินสว่ นเกนิ ล้นขน้ึ มาเป็นขอบ

ภาพขยายดา้ นข้าง ภาพขยายดา้ นข้าง
ร่องรอยการขูดขดี ลาย รอ่ งรอยการขุดลาย

29

เขยี น ขดั รม ปน้ั แปะ แต่งผวิ เคร่ืองปั้นดินเผา
การขดั ผวิ เครื่องป้ันดินเผาผิวเรยี บมนั เกดิ จากการใชห้ นิ กรวดแมน่ ำ้ มาขดั และการทา
หรอื จมุ่ นำ้ ดนิ เพอ่ื ปกปดิ ผวิ ภาชนะทห่ี ยาบ
รมควนั เครือ่ งป้ันดนิ เผาเป็นการตกแต่งใหไ้ ดภ้ าชนะสดี ำ และควันไฟจะเข้าไปอดุ
รูพรนุ ของเนอื้ ดนิ ทำใหน้ ำ้ ภายในภาชนะซมึ ออกและระเหยไดช้ ้าลง
ปน้ั ติดลวดลาย เป็นการนำลวดลายทป่ี ้นั เป็นช้นิ ๆ มาติดบนเคร่ืองปนั้ ดนิ เผาโดยใช้
น้ำดินขน้ เปน็ ตวั ประสาน นอกจากจะแต่งเปน็ ลวดลายแลว้ ภาชนะรูปสัตวท์ ต่ี อ้ ง
ตกแตง่ ส่วนหวั ขา หรอื หางเพ่มิ เติมกจ็ ะใชว้ ธิ ีนเี้ ชน่ กัน
เขียนลาย สีสันและลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผา เกิดจากการนำสที ่ไี ด้จากแร่ธาตุ
ต่างๆ มาวาดบนเคร่ืองปน้ั ดินเผาทแ่ี หง้ สนิทแล้ว หากเขียนลายบนภาชนะท่ยี งั ไม่
แห้งสนทิ สจี ะซมึ เขา้ เนื้อดินทำใหส้ ซี ดี วธิ ีนใี้ ชต้ กแตง่ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทจ่ี ะเคลอื บ
หรอื ไมเ่ คลอื บกไ็ ด้ โดยแบบทเ่ี คลอื บนน้ั สามารถจะเขยี นลายกอ่ นหรอื หลงั การเคลอื บ
กไ็ ด้เช่นกนั แตก่ ารเขียนลวดลายใต้เคลอื บจะคงทนกวา่

การเขยี นลายสีแดง
บนภาชนะดินเผาบา้ นเชียง

การปน้ั ตดิ ลาย
บนเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา
เนอ้ื แกรง่ ของศรสี ชั นาลยั

ภาชนะดนิ เผา
สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์
ทตี่ กแต่งดว้ ยการทา
น้ำดนิ สแี ดงแลว้ เผาขดั มัน

30 คมู่ อื พชิ ติ องค์ความรู้ “เครอ่ื งป้ันดินเผา”

ภาชนะเขยี นสีแดงจากแหลง่ โบราณคดีบ้านเชยี ง จ.อุดรธานี
สสี ันคงทนนานกวา่ 3,000 ปี

{ ความลับของสีบนเคร่อื งป้ันดนิ เผา }

สสี นั ตา่ งๆ ทน่ี ำมาเขยี นเปน็ ลวดลายบนเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเกดิ จากสารสี ซง่ึ มที ง้ั สที ไ่ี ดจ้ ากแรธ่ าตตุ ามธรรมชาติ
สที ไี่ ด้จากพชื ผสมยางไม้หรอื ไขสตั ว์ และสีทีไ่ ด้จากออกไซด์ของแรโ่ ลหะตา่ งๆ เช่น สนี ำ้ เงินจากแร่โคบอลต์
สเี ขยี วจากแรท่ องแดง เป็นตน้ โดยสเี หล่านจ้ี ะต้องสามารถทนความรอ้ นสงู เพือ่ จะไม่ละลายไปพร้อมกบั
กระบวนการเผาเคลือบ

31

เขียนสบี นเคลือบ โถเบญจรงค์ที่ตกแตง่
เป็นการนำภาชนะที่ผ่านการเคลือบแล้วมาเขียนลายแล้วนำกลับไป ดว้ ยการเขยี นสบี นเคลอื บ
อบอีกครั้ง เช่น เครื่องเบญจรงค์ ชามตราไก่ โดยต้องควบคุม
ความรอ้ นใหพ้ อเหมาะไมใ่ หร้ อ้ นจนสลี ะลายหายไปและไมน่ อ้ ยเกนิ ไป
จนสีไมต่ ดิ ภาชนะ

{ เครือ่ งเบญจรงค์ (Benjarong Ware) }

เคร่ืองปั้นดนิ เผาที่เคลอื บและลงยาลวดลายดว้ ยสีต่างๆ
โดยมสี ีหลัก 5 สี ได้แก่ สีดำ สแี ดง สขี าว สเี หลือง และสเี ขียว

โถเขียนลายสบี นเคลือบ ราชวงศ์ชงิ
ซ่งึ ไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากศลิ ปะยุโรป

32 คูม่ อื พชิ ติ องค์ความรู้ “เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผา”

เขยี นสีใตเ้ คลอื บ
การเขยี นลวดลายกอ่ นแล้วจงึ นำไปเคลือบ ลวดลายจะเห็นชดั เจนขึ้น และมีชัน้ เคลอื บที่แขง็ เหมือนแกว้
คอยปอ้ งกันลายไวอ้ ีกชั้นหนึ่ง

จานเขยี นลายสีดำใต้เคลอื บ
ของสโุ ขทัย

สจี ากแร่ธาตุทีน่ ำมาเขียน
ลายน้นั จะติดอยู่บนภาชนะ
ด้วยอุณหภมู ิทไ่ี ม่เท่ากนั
การเขยี นลายดว้ ยสหี ลายสี
จงึ ต้องมีการเผาอบสีหลายรอบ

ความมหัศจรรยข์ องน้ำเคลอื บ

การเคลือบเป็นการตกแตง่ ผิวภาชนะด้วยน้ำเคลือบโดยการทา ชบุ จุม่ เท หรอื ราด เมือ่ นำภาชนะ
ไปเผาในความร้อนสูง ส่วนประกอบเหลา่ นจี้ ะเกดิ การหลอมละลายแล้วรวมเปน็ เนือ้ เดยี วกนั และเม่ือ
เย็นตวั ลงจะกลายเป็นชน้ั บางๆ เหมอื นแกว้ เคลือบอยูท่ ีผ่ ิวภาชนะ ซึ่งลกั ษณะของผวิ เคลือบมีท้งั แบบ
เคลอื บใส เคลอื บทึบ เคลอื บราน เคลือบสี เคลือบดา้ น
นำ้ เคลือบ (Glaze)
เป็นน้ำยาที่มีส่วนประกอบเช่นเดียวกับเนื้อดินที่ใช้ปั้นภาชนะ คือ ซิลิกา (silica) ซึ่งอยู่ในทราย
หินควอตซ์ และหนิ บางชนิดผสมกับอะลูมินา (alumina) ซงึ่ อยู่ในดนิ เหนียวและดนิ ขาว เม่อื นำ้ เคลือบ
ถกู ความร้อนสูงน้ำเคลือบจะปรับตัวใหมเ่ ปน็ ชั้นบางๆ เหมอื นแก้วเคลือบผวิ ภาชนะ
เคลอื บใส (Transparent Glaze)
การเคลือบภาชนะดนิ เผาให้มลี ักษณะใสเหมือนแกว้ สามารถเห็นผิวภาชนะใตเ้ คลอื บได้

33

เคลอื บราน (Crackle Glaze)
การเคลือบภาชนะดนิ เผาทท่ี ำใหเ้ กิดรอยแตกอยใู่ ต้ผวิ เคลอื บเพอ่ื ความสวยงาม

เครอ่ื งป้ันดินเผาเคลอื บราน สมัยราชวงศ์ซ่ง

เคลือบสี (Colour Glaze) การเคลือบภาชนะดนิ เผาโดยใชน้ ำ้ เคลือบท่ที ำใหเ้ กดิ สโี ดยการเติมออกไซด์
ของโลหะต่างๆ สีทไ่ี ด้ขึ้นอยู่กบั ปริมาณท่ใี ช้และชนดิ ของออกไซด์ รวมถึงการควบคมุ อณุ หภมู ิที่ใชใ้ นการ
เผาภาชนะ เชน่ แรโ่ คบอลต์ใหส้ ีนำ้ เงิน แรท่ องแดงใหส้ เี ขยี ว แร่เหลก็ ให้สีดำแร่แมงกานีสใหส้ นี ้ำตาล
แรพ่ ลวงให้สเี หลือง

โถเคลือบสามสี สมัยราชวงศถ์ งั

34 คมู่ ือพชิ ติ องค์ความรู้ “เคร่ืองปน้ั ดินเผา”

เคลือบขุ่น (Opaque Glaze) หรือเคลือบดา้ น เป็นการเคลอื บภาชนะดินเผาให้มีลกั ษณะทึบแสง
เคลอื บข้ีเถ้าพืช (Ash Glaze) จัดเปน็ นำ้ เคลอื บชนดิ เกา่ แกท่ ่สี ุดท่มี นุษย์คิดคน้ ขึน้ เปน็ การนำขเี้ ถา้
ของพชื มาเปน็ วตั ถดุ ิบหลกั ในการทำนำ้ เคลอื บ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทไ่ี ดจ้ ะมสี เี ขยี วจนถงึ สนี ำ้ ตาล และมกั มี
ผิวราน
เครื่องป้ันดินเผาเคลือบข้ีเถ้าที่มีสีเขียวของไทยซ่ึงเป็นสินค้าส่งออกและมีชื่อเสียงไปทั่วโลกส่วนใหญ่
ผลติ ท่ศี รสี ัชนาลัยเป็นท่ีรู้จกั ในชื่อ “เครอื่ งสังคโลก” หรือ เซลาดอน (Celadon)

จานเคลือบสเี ขยี วเซลาดอน ของศรีสัชนาลัย

{ เซลาดอน }

เชื่อว่าเป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส เป็นชื่อของคนเลี้ยงแกะที่สวมเสื้อคลุม
สีเขียวอมเทาในละครท่ีได้รบั ความนิยมในช่วงเดยี วกบั ท่ีเครอื่ งเคลอื บสเี ขียวจาก
ประเทศจีนเขา้ ไปยังทวปี ยโุ รปในศตวรรษท่ี 18 (ช่วงพทุ ธศตวรรษที่ 23)

{ ข้อดขี องการเคลือบ }

นอกจากเหตุผลเรื่องความสวยงามแล้ว การเคลือบผวิ ทำใหภ้ าชนะไม่ดดู ซึมนำ้
มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น และยังทำความสะอาดภาชนะได้สะดวกกว่า
ผวิ ดินทมี่ ลี ักษณะหยาบอกี ดว้ ย

35

ประเภทของเครือ่ งป้นั ดนิ เผาแบ่งตามการเคลอื บ
ลกั ษณะของการเคลอื บตลอดจนการเขยี นลายยังสามารถนำมาใชเ้ รียกประเภทเครือ่ งปั้นดนิ เผาไดด้ ้วย
เช่น เครื่องปั้นดินเผาประเภทไม่เคลือบ ประเภทเคลือบใส เคลือบสีน้ำตาล เคลือบสีขาวขุ่น
เคลือบสเี ขยี วขุ่น เคลือบสองสี ประเภทลายสีดำ ลายคราม ลายสีแดง ลายสีเขียวบนเคลือบ
และลายสีบนเคลอื บ
เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาประเภทไมเ่ คลอื บ จะตกแตง่ ดว้ ยการขดู ขดี ขุดสลกั หรือปัน้ แปะ แลว้ นำไปเผา

เครือ่ งเคลอื บสองสี ของศรีสัชนาลยั

คนทีเนื้อดนิ ไม่เคลือบ ของศรีสชั นาลัย

เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาประเภทเคลอื บสองสี เปน็ การทาเคลอื บทม่ี สี ว่ นผสมของแรด่ บี กุ ซง่ึ จะใหส้ ขี าว กบั นำ้ เคลอื บ
ทม่ี สี ว่ นผสมของแร่เหล็กซึง่ จะให้สีน้ำตาลตกแต่งในลวดลายทข่ี ดู ขีดไวบ้ นชน้ิ งาน หรอื นำมาทาตกแต่ง
เฉพาะส่วน เชน่ ตวั ขอบปาก หรือไหล่ ใหม้ สี ีแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจน
เครื่องปั้นดินเผาประเภทลายคราม เป็นการเขียนลายด้วยสีน้ำเงินที่ได้จากแร่โคบอลต์ ก่อนจะนำ
ภาชนะไปเคลือบและเผา มักพบในเคร่ืองปั้นดนิ เผาจนี เวยี ดนาม และญ่ปี นุ่

36 คู่มือพชิ ิตองค์ความรู้ “เครื่องป้นั ดินเผา”

โถลายคราม สมัยเอวย๋ี น ซ่งึ มีราคาสูงทสี่ ดุ ในโลก
มูลคา่ ถงึ 855 ลา้ นบาท ในการประมลู เมอ่ื พ.ศ. 2548

37

เปดิ เตา เผาเครื่องปน้ั

หลงั จากนำดนิ มาขนึ้ รปู และตกแต่งแล้วข้นั ตอนต่อไปคอื การเผาเพื่อให้เกดิ ความคงทนแขง็ แรงสำหรับ
การเผาภาชนะเครอ่ื งปนั้ ดินเผานน้ั แบ่งออกเปน็ การเผาดบิ (Biscuit firing) หรอื การนำภาชนะท่ี
ตากแหง้ แล้วมาเผาเพียง 1 คร้งั เพ่ือนำไปใชง้ านหรอื นำไปตกแตง่ เพม่ิ เติมกบั การเผาเคลือบ (Gloss
Firing) หรอื การนำภาชนะทผ่ี า่ นการเผาดบิ แลว้ มาชบุ นำ้ เคลอื บกอ่ นนำกลบั ไปเผาอกี ครง้ั หนง่ึ โดยสว่ นใหญ่
เครอื่ งป้นั ดนิ เผาโบราณในประเทศไทยจะเป็นการเผาเคลอื บเพยี งคร้งั เดียว ในขณะที่เคร่อื งป้นั ดินเผา
ของจีนซ่ึงนิยมเขียนสใี ต้เคลือบหรือบนเคลือบจะผ่านกระบวนการเผาทั้งสองครงั้

เตาเผาเครอื่ งปน้ั ดินเผา

{ ทำไมตอ้ งเผาเคลือบ 2 ครง้ั ? }

แมว้ า่ การเผาเคลือบเพียงคร้งั เดยี วจะประหยดั เชือ้ เพลิง แตห่ ากภาชนะมตี ำหนจิ ะ
มคี วามเสียหายและสิ้นเปลอื งเวลา ในขณะทก่ี ารเผาสองครั้ง ทำให้เราสามารถคัด
แยกภาชนะทส่ี มบรู ณไ์ ดต้ ้งั แตข่ ั้นตอนการเผาดบิ ชว่ ยลดการส้นิ เปลืองวสั ดทุ จี่ ะใช้
ในข้นั ตอนตอ่ ไป แต่ตอ้ งใชเ้ ชือ้ เพลิงมากข้ึน

38 ค่มู ือพิชิตองคค์ วามรู้ “เครอื่ งป้ันดนิ เผา”

เตาเผา
การผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาในระยะเริ่มแรกยังไม่มีการสร้างเตาเผา
แต่เปน็ การผลิตแบบงา่ ยๆ โดยใช้วธิ ีสุมไฟเผากลางแจ้ง หรอื ที่เรยี กวา่
เตาแบบสมุ โดยนำภาชนะทต่ี ากแหง้ แล้วไปวางเรยี งกนั แลว้ นำเชอ้ื เพลงิ
อย่างกิ่งไม้ ใบไม้ หรือมูลสัตว์แห้งมาสุมบนภาชนะ แล้วจุดไฟเผา
วธิ กี ารเผาแบบนคี้ วามรอ้ นจะกระจาย ทำให้สน้ิ เปลืองเช้อื เพลงิ มาก และ
เนื่องจากความร้อนที่ได้ไม่สูงมาก คืออุณหภูมิประมาณ 600-800
องศาเซลเซยี ส จงึ ทำให้เนือ้ ภาชนะไมส่ กุ สมบูรณ์ นอกจากนคี้ วามรอ้ น
ทไ่ี มส่ มำ่ เสมอยงั มผี ลใหส้ ขี องภาชนะไมส่ มำ่ เสมอ รวมถงึ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา
ยงั จะมรี อยเลอะสดี ำจากเขมา่ ไฟอีกด้วย

เตาแบบสุม

39

เตาเผาแบบความรอ้ นไหลผ่าน
เพอื่ ให้ไดเ้ ตาเผาทเี่ ก็บความรอ้ นสูง จงึ มีการคดิ ค้นและสร้างเตาท่ีความรอ้ นสามารถไหลผ่านได้ ซง่ึ ใน
ประเทศไทยพบเตาลักษณะนี้ 2 แบบ คือ เตาท่ใี ห้ความร้อนไหลผา่ นในแนวดง่ิ และเตาทใ่ี หค้ วามรอ้ น
ไหลผา่ นในแนวเฉียงขึ้น
เตาชนิดความร้อนไหลผ่านแนวดิ่ง (Up Draught Kiln) เป็นเตาขนาดเล็กมีทั้งแบบทรงกลมและ
ทรงสี่เหลี่ยม ลักษณะของเตาจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือด้านล่างเป็นส่วนที่ใส่เชื้อเพลิงและด้านบน
เปน็ สว่ นทใ่ี สภ่ าชนะทจ่ี ะเผา สองสว่ นนถ้ี กู คน่ั ดว้ ยแผน่ ดนิ เหนยี วเจาะรกู ลมเลก็ ๆ คลา้ ยรงั ผง้ึ ทเ่ี รยี กวา่ ตะกรบั
(เตานี้จึงมชี ่ือเรียกอีกอย่างวา่ เตาตะกรับ) ความร้อนจากการเผาไหมด้ า้ นล่างจะไหลผา่ นรเู ลก็ ๆ ของ
ตะกรบั ขน้ึ มาดา้ นบน แต่ความร้อนภายในเตาจะไม่สงู มาก จึงใชเ้ ผาภาชนะชนิดเนือ้ ดนิ หรือใชเ้ ผาดิบ
เพอ่ื ไล่ความชน้ื แทนการตากใหแ้ หง้

สว่ นตา่ งๆ ของเตาชนิดความรอ้ นไหลผา่ นแนวเฉยี งขึ้น
ประกอบด้วยหอ้ งบรรจุเชอื้ เพลิง และปล่องไฟ

40 คู่มอื พชิ ติ องค์ความรู้ “เครือ่ งปัน้ ดนิ เผา”

เตาชนดิ ความรอ้ นไหลผา่ นแนวเฉยี งขน้ึ (Cross Draught Kiln) ลกั ษณะของเตาจะแบง่ เปน็
3 ส่วน โดยที่ระดับพื้นเตาจะค่อยๆ ลาดเอียงสูงขึ้น ด้านหน้าเป็นส่วนที่ใส่เชื้อเพลิง
ตรงกลางเป็นหอ้ งสำหรับใสภ่ าชนะ และดา้ นหลงั เป็นปล่องไฟระบายอากาศและควนั ไฟ
ความร้อนจากการเผาไหม้ดา้ นหน้าจะไหลผา่ นภาชนะ แล้วออกไปทางปล่องไฟด้านหลัง
ท่ีอย่ใู นระดับสงู ทสี่ ดุ โดยอาจจะมผี นงั หรอื คนั กนั ไฟ ค่นั ระหวา่ งสว่ นท่ใี สเ่ ช้อื เพลงิ กับ
ส่วนทว่ี างภาชนะดว้ ยก็ได้ เตาชนดิ นี้จะให้ความร้อนสูง ใช้สำหรบั เผาภาชนะชนิดเนือ้ หนิ ทัง้
แบบเคลือบและไม่เคลือบ

เตาแบบความรอ้ นไหลผ่านแนวเฉียงข้นึ

เตาศรสี ชั นาลัย

41

สร้างเตาเผาท่ีไหนดีทสี่ ุด

การเลอื กสถานทส่ี ร้างเตาจะต้องมปี จั จยั ท่เี หมาะสม 3 ประการ คอื ใกลแ้ หล่งท่ีมีดนิ เหนียวสำหรับปั้น
ซ่ึงมักเปน็ ดินเหนียวรมิ น้ำ มตี ้นไมท้ ี่เป็นเชื้อเพลิงในการเผา และอยู่ในเส้นทางคมนาคมขนสง่ ดงั นน้ั จึง
พบว่าในบางทำเลทมี่ ีความเหมาะสมจะมีการสรา้ งเตาเผาข้ึนซ้ำๆ ในบริเวณเดมิ

{ เตาเผาที่เกา่ แก่ }

บ้านเกาะน้อย ในอำเภอศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มีการค้นพบร่องรอย
การสรา้ งเตาซอ้ นทบั กนั อยถู่ งึ 9 ชน้ั บนเนนิ ดนิ เดยี วกนั โดยเตาชน้ั ลา่ งสดุ
เปน็ เตาท่สี ร้างขึ้นเม่ือประมาณพุทธศตวรรษท่ี 16-17

วธิ กี ารสรา้ งเตา
ไมว่ า่ จะเปน็ เตาชนดิ ความรอ้ นไหลผา่ นแนวดง่ิ หรอื ความรอ้ นไหลผา่ นแนวเฉยี งรปู แบบการสรา้ งเตาเผา
จะมี 3 ลกั ษณะ คอื เตาขุด เตาดนิ กอ่ และเตาอิฐ
เตาขุดหรือเตาอุโมงค์ เป็นเตาที่พัฒนาจากเตาแบบสุม วิธีการคือขุดดินให้เป็นโพรงลึกหรือกรณีที่มี
แหล่งผลิตอยู่ใกล้แม่น้ำอาจใช้วิธีการขุดเข้าไปในตลิ่งของแม่น้ำ แต่วิธีนี้จะต้องสร้างเตาใหม่ทุกปี
เนอื่ งจากน้ำจะทว่ มตลง่ิ ในฤดูน้ำ ทำใหเ้ ตาพงั เสยี หาย

เตาความร้อนไหลผ่าน
แนวเฉยี งข้ึนแบบขุด

เตาความรอ้ นไหลผ่าน
แนวดิง่ แบบขดุ

42 คู่มือพิชิตองค์ความรู้ “เครอื่ งป้นั ดินเผา”

เตาดนิ กอ่ เปน็ เตาท่สี รา้ งบนดิน หรือเนินดิน โดยนำไมไ้ ผ่มาขน้ึ โครง จากนน้ั จึงนำดินเหนยี วมาพอกทับ
แลว้ สุมไฟไล่ความช้นื เพ่ือให้โครงสร้างเตาแข็งตัวและยดึ เกาะกันดี
เตาอฐิ เป็นเตาขนาดใหญ่ นยิ มสร้างบนเนนิ ดนิ โดยใชอ้ ฐิ กอ่ เป็นโครงสรา้ ง เตาประเภทนส้ี ามารถใช้
อุณหภมู ิในการเผาไดส้ ูงมาก

เตาประทนุ ศรีสัชนาลยั

43

จดั ระเบยี บกอ่ นเผา

ในการเรยี งภาชนะในเตาเผาน้ันเพ่อื ให้ประหยดั เนอ้ื ทีใ่ นการวาง ทำให้เครอื่ งป้นั ดินเผาไดร้ ับความรอ้ น
ทว่ั ถงึ และปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ ครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาไมเ่ ลอะทรายทพ่ี น้ื เตาจำเปน็ ตอ้ งมตี วั ชว่ ยในการจดั วาง เรยี กวา่
ตัวรองเผา ซึ่งจะทำหน้าที่คั่นภาชนะแต่ละชิ้นที่จะนำมาวางเรียงซ้อนกันในเตาตัวรองเผาทำจาก
ดนิ ทนไฟเนือ้ หยาบ มที ้ังแบบรปู ร่างแบนๆ ท่มี ีปมุ่ ขา แบบที่เปน็ ทรงกระบอก และแบบที่เป็นเมด็ ทรงรี

ภาพจำลองการจดั วางเผาโดยใชต้ ัวรองเผาทรงแบนและทรงกระบอกรว่ มกนั

{ อุปกรณป์ ้องกันดำ } กลอ่ งดินท่ีภายในบรรจเุ หยือกน้ำ
สมยั ราชวงศซ์ ง่ ของจนี
ในกระบวนการเผาอาจจะมเี ขมา่ ไฟและขเ้ี ถา้ ทป่ี ลวิ เขา้ ไป
เลอะภาชนะได้ จึงมีการคิดค้นอุปกรณ์ป้องกันเรียกว่า ภาพเขยี นแสดงการผลิตเครื่องปนั้ ดนิ เผา
กล่องดิน หีบดิน หรือจ๊อ วัสดุนี้ทำจากดินทนไฟ ในสสุ านของอียปิ ต์ อายุประมาณ 4,000 ปี
เนอ้ื หยาบมหี นา้ ตาเหมอื นกระบอกเตย้ี ๆสำหรบั ใสภ่ าชนะ
ทจี่ ะเผาไวข้ า้ งใน ดา้ นหนงึ่ จะเจาะรูไว้ให้ความรอ้ นเข้า
และมฝี าคนั่ แต่ละใบเพอ่ื ใหส้ ามารถวางซอ้ นกนั ได้

{ วิธีการจดั วาง }

ภายในเตาเผาจะใชต้ วั รองเผาหรอื หนิ กรวดรองบนพน้ื ทราย
เปน็ ฐานกอ่ นแลว้ จงึ วางภาชนะซอ้ นลงไป อาจจะวางซอ้ น
บนฐานแค่ใบเดียว หรือจะใช้วิธีวางซ้อนแบบประกบ
ปากเผา หรอื ใช้ตวั รองเผาแบบแบน หรือแบบเม็ดทรงรี
คัน่ ระหว่างภาชนะแต่ละใบแล้ววางซ้อนกันขน้ึ ไปก็ได้

44 คมู่ ือพชิ ติ องค์ความรู้ “เคร่อื งป้นั ดนิ เผา”

เรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์ผ่านเครอ่ื งป้นั ดินเผา

เครอื่ งป้นั ดนิ เผายคุ แรก
เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาเกดิ ขน้ึ หลงั จากทม่ี นษุ ยร์ จู้ กั ใชไ้ ฟแลว้ และในยคุ แรกน่าจะเป็นการผลิตเพือ่ ใชย้ งั ชีพ โดย
ใช้ในการหุงตม้ และกกั เกบ็ อาหารแทนวสั ดทุ ห่ี าไดต้ ามธรรมชาติ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผารนุ่ แรกทค่ี น้ พบในพน้ื ท่ี
ต่างๆ ทั่วโลกจะมีลักษณะเหมือนกันคือเป็นชนิดเนื้อดินที่เนื้อค่อนข้างหยาบ ผ่านการเผาที่อุณหภูมิ
ไมส่ งู มากและนา่ จะเปน็ การเผากลางแจง้

แหลง่ กำเนดิ เครือ่ งปั้นดินเผาทเี่ กา่ แก่ทส่ี ดุ ในโลก

หลักฐานทางโบราณคดีพบว่าเครื่องปั้นดินเผาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่พบในขณะนี้มาจาก 3 แหล่งใน
ทวีปเอเชีย คือ บรเิ วณมณฑลกว่างซี และมณฑลเหอหนานทางตอนใตข้ องประเทศจนี ท่รี าบลุ่มแม่น้ำ
เอมวั ร์ ประเทศรสั เซีย และเครอื่ งปั้นดินเผาของวฒั นธรรมโจมอนในหม่เู กาะญป่ี ุ่น ซึ่งท้ัง 3 แหลง่ นี้
มเี ครือ่ งปน้ั ดนิ เผาท่ีเกา่ แกร่ ว่ มสมยั กันมีอายมุ ากกวา่ 15,000 ปี

แหล่งโบราณคดสี มัยกอ่ นประวตั ิศาสตร์ท่พี บเครอื่ งปั้นดนิ เผาแห่งแรกของโลก

45

เครื่องปน้ั ดนิ เผารอบโลก

มีการพบหลกั ฐานวา่ มีเครื่องปัน้ ดนิ เผาโบราณ กระจายอยใู่ นพ้นื ที่ต่างๆ ท่วั โลก
จีน
เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาในประเทศจนี มคี วามเก่าแก่และมีวิวัฒนาการด้านการผลติ ยาวนานกวา่ ทอี่ ่ืนๆ ในโลก
โดยจีนเป็นชาติที่คิดค้นทั้งการใช้ดินเหนียวสีขาว เตาเผา การตกแต่งลวดลาย และวิธีการเคลือบ
ที่ช่างชาวจีนรู้จกั วธิ ีการมาตั้งแต่ 3,000-4,000 ปมี าแลว้
เคร่อื งปั้นดนิ เผาของจีนจัดเป็นของคณุ ภาพดีมชี อื่ เสยี ง เป็นสนิ ค้าทไี่ ดร้ บั ความนยิ มในหลายประเทศ
และได้กลายเป็นตน้ แบบให้กบั เครอื่ งปัน้ ดนิ เผาของประเทศในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใตด้ ว้ ย

แหล่งผลติ เคร่ืองป้นั ดนิ เผาในบรเิ วณมณฑลกวา่ งซี และมณฑลเหอหนาน
มกี ารคน้ พบแหลง่ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทเ่ี กา่ แกท่ ส่ี ดุ ในประเทศจนี เมอ่ื ปี พ.ศ.2530 โดยนกั โบราณคดชี าวจนี
ไดพ้ บชน้ิ สว่ นเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาจำนวนมากเนอื้ คอ่ นขา้ งหยาบและใชว้ ธิ กี ารเผาทยี่ งั ไมม่ คี ณุ ภาพมากนกั
ใชก้ ารตกแตง่ ดว้ ยลายเชอื กทาบ ลายขดู ขดี เปน็ เสน้ และลายจดุ เปน็ เสน้ ในแนวนอน สำหรบั เครอ่ื งปน้ั
ดนิ เผาทค่ี น้ พบในถำ้ ยวซ้ี าน หยาน มณฑลเหอหนาน มีอายปุ ระมาณ 15,400-18,300 ปี

{ หยางเส้าและหลงซาน แหลง่ เครือ่ งปั้นดนิ เผาเก่าแก่ }

กอ่ นทจ่ี ะมกี ารคน้ พบแหลง่ โบราณคดที างตอนใตข้ องประเทศจนี บรเิ วณมณฑลกวา่ งซแี ละเหอหนาน หลกั ฐาน
ทางโบราณคดีท่ีเก่าแก่ท่ีสุดท่ีเคยมีการค้นพบคือเคร่ืองป้ันดินเผาของวัฒนธรรมหยางเส้าและหลงซาน
ซง่ึ กำหนดอายไุ ดป้ ระมาณ 7,000 ปมี าแลว้

วัฒนธรรมหยางเส้าและหลงซาน เคร่อื งปั้นดนิ เผาลายสี
วัฒนธรรมหยางเสา้
แหลง่ ผลติ เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาในยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรข์ องจนี บรเิ วณ ลกั ษณะของเครื่องปั้นดนิ เผา
เหนอื แมน่ ำ้ หวงเหอและแมน่ ำ้ ฉางเจยี ง (แมน่ ำ้ แยงซี) วฒั นธรรมหลงซาน
วัฒนธรรมหยางเส้า เป็นวัฒนธรรมสมัยหินใหม่ตอนกลางหรือ
ประมาณ 3,600 - 7,000 ปีมาแลว้ เอกลักษณ์ของเครอ่ื งป้ันดนิ เผา
ใ น ยุ ค นั้ น คื อ เ ค รื่ อ ง ปั้ น ดิ น เ ผ า ล า ย สี ที่ มั ก ต ก แ ต่ ง ด้ ว ย ล า ย
เรขาคณิต พืช นก สัตว์ และใบหน้ามนุษย์โดยนิยมใช้สีดำหรือ
ม่วงเข้ม นอกจากนี้ยังมีการพิมพ์ลายหรือขูดสลักลายคล้ายลาย
จักสาน และลายเชอื กทาบ
วฒั นธรรมหลงซาน เปน็ วัฒนธรรมสมยั หนิ ใหมต่ อนปลาย หรือ
ประมาณ 3,500-4,600 ปกี ่อน เอกลกั ษณข์ องเครื่องปน้ั ดินเผา
ในยุคน้ีคอื มเี นอื้ ดนิ สดี ำละเอยี ด ขัดมัน คุณภาพดี เนื้อบางและ
แขง็ แรง เครอื่ งปน้ั ดินเผาทไ่ี ด้รับความนิยมคือ หมอ้ สามขา

46 คู่มือพชิ ิตองค์ความรู้ “เครอ่ื งป้นั ดินเผา”

เมอ่ื พดู ถึงเครอื่ งปนั้ ดินเผาของจีน เรามกั จะเรยี กชือ่ ตามราชวงศต์ า่ งๆ ที่ปกครองจีนในชว่ งทีม่ ีการผลิต
เครือ่ งปน้ั ดนิ เผาน้นั ๆ เช่น ราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ถงั ราชวงศ์ซง่ ราชวงศเ์ ยวีย๋ น ราชวงศ์หมิง ราชวงศช์ งิ
สมยั ราชวงศฉ์ ิน (764-749 ปีกอ่ นพทุ ธศกั ราช) มีการทำเครอื่ งปั้นดนิ เผาเปน็ ประติมากรรมรูปทหาร
และม้าศึกขนาดเทา่ ของจรงิ (Terracotta Warriors) จำนวนกว่า 6,000 รปู หรือที่เรยี กว่าสุสานทหาร
ของจกั รพรรดจิ์ ๋ินซี

รปู ป้ันนายทหารในท่านั่ง
ทแี่ สดงรายละเอียดเครือ่ งแตง่ กาย
และใบหน้าไดเ้ หมือนจริง

สมยั ราชวงศถ์ งั (พ.ศ. 1161-1450) ยคุ สมยั ทจ่ี นี มคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมาก เครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาทม่ี ชี อ่ื เสยี ง
ในสมัยนไ้ี ดร้ ับอิทธิพลศิลปะจากต่างชาตทิ ั้งรปู ทรงและลวดลาย การตกแตง่ ด้วยเครอ่ื งถ้วยสามสดี ว้ ย
สารโคบอลตส์ นี ำ้ เงนิ จากเปอรเ์ ซยี แสดงถงึ การตดิ ตอ่ ระหวา่ งจนี กบั ตะวนั ออกกลางซง่ึ ขณะนนั้ จนี ยงั ไมม่ กี าร
ค้นพบสารโคบอลต์

เครื่องเคลอื บถังสามสี

47

สมัยราชวงศซ์ ง่ (พ.ศ. 1503-1822) เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของเครือ่ งป้นั ดินเผาจีน โดยมีการผลิต
เครือ่ งปั้นดนิ เผาจำนวนมากจนต้องแยกเตาเผาเป็น 2 แบบ คือเตาหลวงที่ผลิตของลักษณะพิเศษ
มรี าคาสำหรับชนชน้ั สูง กับเตาเอกชนท่ีผลิตเครือ่ งป้นั ดนิ เผาสำหรับชาวบ้านทวั่ ไป ในยุคน้ีมกี ารผลิต
เปน็ สนิ คา้ สง่ ออกดว้ ย ทม่ี ชี อ่ื เสยี งคอื เครอ่ื งเคลอื บสขี าวแบบชงิ ไป๋ หรอื ทช่ี าวตะวนั ตกเรยี กวา่ ‘หยง่ิ ชงิ ’

เครือ่ งเคลอื บสขี าวแบบชิงไป๋

สมยั ราชวงศ์หมงิ (พ.ศ.1911-2187) การคา้ ขายทางทะเลเฟื่องฟูมากในยคุ น้ี และเปน็ ยคุ ที่จีนส่ง
เครื่องป้ันดินเผาชนดิ เคร่อื งเคลือบสเี ขียว เครอ่ื งลายคราม และเครอ่ื งเคลือบสอี น่ื ๆ เปน็ สินคา้ ออกไป
ยงั ประเทศในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้

เคร่อื งลายครามและลายสแี ดง สมัยราชวงศ์หมิง

48 คู่มอื พิชิตองคค์ วามรู้ “เครื่องป้ันดนิ เผา”

รัสเซยี
บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเอมัวร์ (Amur) ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ นักโบราณคดีชาวรัสเซียได้ขุดพบ
เคร่อื งปัน้ ดินเผาอายปุ ระมาณ 16,000 ปี เปน็ เคร่อื งปั้นดนิ เผารูปทรงกรวย กน้ แบน ตกแต่งผวิ ดว้ ย
ลายเซาะรอ่ ง มเี ศษใยพืชผสมในเนอ้ื ดนิ และยังพบรอยเขม่าบรเิ วณด้านล่างของภาชนะดว้ ย ซงึ่ คาดวา่
เปน็ เขมา่ ไฟท่ีเกดิ จากการใชภ้ าชนะทำอาหาร
ญ่ปี ุ่น
เคร่ืองปั้นดินเผาของญ่ีปุ่นที่มีอายุเก่าแก่ท่ีสุดคือเครื่องป้ันดินเผาลายเชือกทาบของวัฒนธรรมโจมอน
(Jomon) เมอ่ื ประมาณ 16,000 ปกี อ่ น ถดั มาคอื เครือ่ งปัน้ ดินเผาของวฒั นธรรมยะโยอิ (Yayoi)
ท่มี คี วามเก่าแก่ประมาณ 2,300 ปกี ่อน ตอ่ มาภายหลงั ญ่ปี ่นุ ไดร้ บั อิทธิพลประเทศจนี และเกาหลี ทำให้
มีการผลิตเคร่ืองป้ันดนิ เผาชนดิ เน้อื หนิ ลายครามและแบบที่เขียนลายสีบนเคลอื บด้วย

เศษเคร่อื งปนั้ ดนิ เผาจากแหลง่ โบราณคดี เครื่องปน้ั ดินเผา
ลุ่มแม่นำ้ เอมัวร์ในรสั เซยี วฒั นธรรมโจมอน

{ เครือ่ งปัน้ ดนิ เผาญ่ีปนุ่ ในไทย }

ประเทศไทยพบคร่ืองป้ันดินเผาญ่ีปุ่นในแหล่งโบราณคดีด้วย
เน่อื งจากอาณาจักรสยามได้มีการติดต่อกับประเทศญ่ปี ่นุ ในช่วง
พทุ ธศตวรรษท่ี 22 และมชี าวญป่ี นุ่ มาตง้ั ถน่ิ ฐานในกรงุ ศรอี ยธุ ยา
เปน็ จำนวนมาก ทำใหม้ กี ารนำเครอ่ื งลายครามและเครอ่ื งลายสี
บนเคลือบเข้ามาใช้ในหมู่ชาวญ่ปี นุ่ สมัยนั้น

49

อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
เมโสโปเตเมยี (Mesopotemia) ตง้ั อยบู่ รเิ วณเอเชยี ตะวนั ตก เมอ่ื ประมาณ 7,000 ปีกอ่ น
เคร่ืองปน้ั ดนิ เผารนุ่ แรกท่ีพบเป็นวตั ถุดนิ เผา เชน่ ประตมิ ากรรม ตราประทบั แผ่นจารึก
รูปอักษรลิ่ม หรือบ้านที่สร้างด้วยดิน ก่อนจะพัฒนาไปเป็นเครื่องปั้นดินเผาเนื้อหยาบ
ที่ข้ึนรปู ดว้ ยมอื เผาในอณุ หภมู ิตำ่ และไม่มีการตกแตง่ ลวดลาย

แผ่นจารกึ อกั ษรรูปลิม่

อียปิ ต์
ชาวอียิปต์ที่อยู่อาศัยบริเวณริมฝ่ังแม่น้ำไนล์รู้จักการเคลือบลกู ปดั และเครอ่ื งประดบั ดนิ เผา
สฟี า้ สด หรอื สฟี า้ นำ้ ทะเล มาตง้ั แต่ 5,500 ปีกอ่ น นอกจากเครื่องประดับแลว้ ชาวอียปิ ต์
ยังผลิตภาชนะเครือ่ งปน้ั ดินเผาเพื่อใชเ้ กบ็ รกั ษาอวัยวะของมัมมอี่ ีกดว้ ย

ตุ๊กตาดนิ เผา
เคลอื บสฟี า้ น้ำทะเล
รปู ฮิปโปโปเตมัส
อายปุ ระมาณ 3,000 ปี

50 คมู่ ือพชิ ิตองคค์ วามรู้ “เคร่อื งปั้นดินเผา”


Click to View FlipBook Version