The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

งานวิจัยในชั้นเรียน 66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by niramonchaiwong9, 2023-09-10 04:01:43

งานวิจัยในชั้นเรียน 66

งานวิจัยในชั้นเรียน 66

การแก้ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและผลสัมฤทธ์ิท่ีดีขึน้ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ นิรมล ไชยวงค์ โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงใหม่ เขต 3 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สิงหาคม 2566


ก กิตติกรรมประกาศ การศึกษาวิจัยครั้งนี ้ส าเร็จได้ด้วยความกรุณานายวสันต์ หมื่นสอน ผู้อ านวยการโรงเรียน สันติวนา ที่กรุณาให้ค าปรึกษา แนวความคิด ข้อเสนอแนะ ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ผู้วิจัย รู้สึกซาบซึ ้งในความกรุณา จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี ้ ขอกราบขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญ ที่กรุณาตรวจสอบ ให้ค าแนะน าการสร้างเครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัยครั้งนี ้ ตลอดจนที่ให้ความร่วมมือ ตลอดจนอ านวยความสะดวกต่างๆ ด้วยดีและ ขอขอบคุณนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปี ที่ 5 ทุกคน ที่ให้ความร่วมมือในการท างานวิจัยนี ้เป็ น อย่างดีจนวิจัยนี ้ประสบผลส าเร็จได้ด้วยดี ขอกราบขอบพระคุณนายดวงจันทร์ ไชยวงค์ และนางนิตยา ไชยวงค์ บิดาและมารดาที่ คอยเป็นก าลังใจ ที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนทุนทรัพย์ด้านต่างๆ และทุกคนที่ได้มีส่วนช่วยเหลือ จนท างานวิจัยส าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี ้ นิรมล ไชยวงค์ สิงหาคม 2566


ข ชื่อหัวข้อวิจัย การแก้ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ผ้เูรียนมีความรู้ความเข้าใจและผลสมัฤทธิ์ที่ดีขนึ้ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ศึกษาวจิัย นางสาวนิรมล ไชยวงค์ ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี ้มีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและผลสมัฤทธิ์ที่ดีขึน้ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่และเพื่อสร้างชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต รวมทั้งเพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้นเพื่อเป็นแนวทางส าหรับสถานศึกษา ไปปรับใช้ให้เกิดความเหมาะสม จากนั้นด าเนินการเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาและ สร้างชุดกิจกรรม ประกอบด้วยชุดกิจกรรมและแบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน ประเมิน คุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ และขั้นตอนที่ 2 น าชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้นไปทดลองสอนกับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5โรงเรียนสันติวนาจ านวน 14 คน ผลการวิจัย พบว่า ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ที่สร้างขึ ้น ความคิดเห็นโดยภาพรวมของผู้เชี่ยวชาญต่อชุดกิจกรรม เท่ากับ 4.38ซึ่งอยู่ในระดับดีมาก ชุด กิจกรรมที่สร้างขึ ้นมีประสิทธิภาพ 91.43/87.86 ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 80/80 และนักเรียนที่เรียน ด้วยชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้นมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ ้น


ค สารบัญ เรื่อง หน้า กิตติกรรมประกาศ ก บทคัดย่อ ข สารบัญ ค สารบัญตาราง จ บทที่ 1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญของปัญหาการวิจัย 1 1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 2 1.3 ขอบเขตของการวิจัย 3 1.4 ข้อตกลงเบื ้องต้น 3 1.5 สมมติฐานของการวิจัย 3 1.6 ตัวแปรที่ศึกษา 3 1.7 ประโยชน์ของการวิจัย 3 1.8 นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย 4 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย 2.1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 5 2.1.2 ชุดกิจกรรม 7 2.1.3 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม 12 2.1.4 ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน 13 2.1.5 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 15 2.1.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 17 2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 18 บทที่ 3 วิธีการด าเนินงานวิจัย 3.1 กลุ่มตัวอย่าง 21 3.2 สถานที่ทดลองวิจัย 21 3.3 ประเภทและแบบการวิจัย 21 3.4 เครื่องมือและการรวบรวมข้อมูล 21 3.5 ระยะเวลาในการด าเนินการวิจัย 21


ง สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า 3.6 งบประมาณค่าใช้จ่ายในการวิจัยการ 22 3.7 ขั้นตอนการด าเนินการวิจัย 22 3.8 การวิเคราะห์ข้อมูล 23 บทที่ 4 ผลการวิจัย 4.1 ผลการสร้างชุดกิจกรรม 24 4.2 ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม 25 4.3 ผลการเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน 25 4.4 ผลการเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนกับเกณฑ์ 26 บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย 5.1 สรุปผลการวิจัย 27 5.2 อภิปรายผลการวิจัย 27 5.3 ข้อเสนอแนะการวิจัย 28 เอกสารอ้างอิง 29 ภาคผนวก ภาคผนวก ก -แผนการสอน 31 -ชุดกิจกรรม 38 ภาคผนวก ข - ผลการหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรม 72 - ผลการหาค่าเฉลี่ย 74 - ผลการหาค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน 77 - ผลการหาค่า t – test 78 ภาคผนวก ค -แบบประเมินชุดกิจกรรม 81 -แบบประเมินแบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ 83 ประวัติผู้วิจัย 84


จ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 4.1 ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชุดกิจกรรม 24 4.2 การประเมินประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม 25 4.3 การเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนและก่อนเรียน 25 4.4 การเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนและก่อนเรียน 26


บทที่ 1 บทน า 1.1 ที่มาและความส าคัญของปัญหาการวิจัย กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในโรงเรียนน าร่องและโรงเรียนเครือข่ายมาจนถึงปัจจุบัน ได้มีการติดตามและประเมินผล การใช้หลักสูตรพบว่า ปัญหาและความไม่ชัดเจนของหลักสูตรหลายประการทั้งในส่วนของเอกสาร หลักสูตร กระบวนการน าหลักสูตรสู่การปฏิบัติ และผลผลิตที่เกิดจากการใช้หลักสูตร ได้แก่ ปัญหา ความสับสนของผู้ปฏิบัติในระดับสถานศึกษาในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาส่วน ใหญ่ก าหนดสาระและผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มาก ท าให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดและ ประเมินผลไม่สะท้อนมาตรฐาน ส่งผลต่อปัญหาการจัดท าเอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการ เทียบโอนผลการเรียน รวมทั้งปัญหาคุณภาพของผู้เรียนในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถและ คุณลักษณะที่พึงประสงค์อันยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากเกิดการทบทวนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551เพื่อน าไปสู่การ พัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ที่มี ความเหมาะสมชัดเจน ทั้งเป้ าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพ โดยได้มีการก าหนด วิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี ้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นทิศทางในการจัดท าหลักสูตร นอกจากนั้นได้ก าหนดโครงสร้างเวลา เรียนขั้นต ่าของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปี ไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิ ดโอกาสให้ สถานศึกษาเพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น ปรับกระบวนการวัดและประเมินผล เกณฑ์การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้อง กับมาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์มีบทบาทส าคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตประจ าวัน ตลอดจน เทคโนโลยี ที่ได้ใช้เพื่ออ านวยความสะดวกในชีวิตล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสาน กับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็น เหตุเป็ นผล คิดสร้ างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มี ความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจ ดังนั้นทุกคนจึงจ าเป็ นต้องได้รับ การพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์(กระทรวงศึกษาธิการ, 2551)


2 การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถ ของตนเองได้เต็มศักยภาพและมีความสมดุลทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจและสังคม เยาวชนไทยตั้งแต่ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษามีผลการเรียนรู้ด้ านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นองค์ความรู้พื ้นฐานที่ส าคัญมากต่อการด ารงชีวิตอยู่ในระดับต ่า กว่าเกณฑ์ ซึ่งต้องได้รับการปรับปรุง ปัญหาและสาเหตุที่ส าคัญคือ กระบวนการเรียนการสอนของ ครู ปละการบวนการเรียนรู้ ของนักเรียนยังไม่เอื ้ออ านวยให้การพัฒนาคนไปสู่เป้ าหมายตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ก าหนดไว้ ผู้วิจัยจึงเห็นความส าคัญของการแก้ปัญหาและการเรียนรู้เพื่อให้ได้ผลสมัฤทธิ์ทางการ เรียนสูงขึ ้นหรือการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งขึ ้นอยู่กับครูซึ่งต้องมีการ เตรียมการสอน วางแผนที่ดี จัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม แนวทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการจัด กิจกรรมการเรียนการสอน คือ การน าเอาสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับนักเรียนได้เข้ามาช่วย เป็นเครื่องมือสื่อการสอนหรือช่องทางที่จะท าให้การสอนของครูถึงผู้เรียนและท าให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ นอกจากการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งฝึ กให้เด็กเกิดทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื ้นฐานได้ ต้องมีการเสริมสร้างให้เกิดความรู้ความเข้าใจได้ง่าย และสิ่งที่จะน ามาเป็นส่วนเสริมนั้นต้องเป็นที่น่าสนใจของผู้เรียน ซึ่งก่อให้เกิดแนวคิดที่จะสร้างชุด กิจกรรมที่สามารถน าเสนอเรื่องราวต่อเนื่องและดึงดูดความสนใจของผู้เรียนในวัยนี ้ได้ดีก่อให้เกิด ทักษะทางวิทยาศาสตร์ด้วยความคิดอย่างเป็นระเบียบ ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษาเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียนของการเรียนโดยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 เพื่อเป็ นแนวทางในการพัฒนาการเรียน การสอนต่อไป 1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1.2.1 เพื่อสร้างชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 1.2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 1.2.3 เพื่อเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนและหลงัเรียนของนักเรียนที่เรียน ด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 1.2.4 เพื่อเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตกับเกณฑ์ที่ก าหนดไว้(ร้อยละ 80)


3 1.3 ขอบเขตของการวิจัย ในการท าวิจัยได้ก าหนดขอบเขตดังนี ้ การวิจัยเป็นการศึกษาผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ซึ่งศึกษาตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) และหา ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยทดลองใช้กับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 1.4 ข้อตกลงเบื้องต้น ในการท าวิจัยได้ก าหนดข้อตกลงเบื ้องต้นดังนี ้ การวิจัยเน้นการศึกษาผลสมัฤทธิ์ทางการ เรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์แก่โรงเรียน สันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 1.5 สมมติฐานการวิจัย ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 มี ประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ตามเกณฑ์80/80เป็นแนวทางประกอบการจัดการเรียน การสอนได้และนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 มีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ ้น 1.6 ตัวแปรที่ศึกษา 1.6.1 ตัวแปรอิสระ คือ ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 1.6.2 ตวัแปรตาม คือ ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ ้น 1.6.3 ตัวแปรควบคุม คือ สถานที่ เวลาและการสอนโดยใช้ชุดกิจกรรม 1.7 ประโยชน์ของการวิจัย 1.7.1 งานวิจัยนี ้เป็นการศกึษาผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของนกัเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5เพื่อใช้เป็นแนวทางส าหรับ การเรียนการสอนที่ส่งผลให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.7.2 งานวิจัยนี ้เป็นแนวทางแก่ผู้สอนที่สนใจในการพัฒนาชุดกิจกรรมส าหรับใช้เป็ นสื่อ ประกอบการสอนในวิชาอื่นๆ และเป็นแบบอย่างในการวิจัยแก่ผู้ที่สนใจต่อไป


4 1.7.3 ผู้เรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต มี ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ ้น เกิดการเรียนรู้ คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น 1.8 นิยามศัพท์เฉพาะที่ใช้ในการวิจัย 1.8.1 ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน คือ คะแนนที่ได้จากความรู้ความสามารถของนักเรียนใน การเรียนการสอน เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต หรือประสบการณ์ที่นักเรียน ได้รับจากการเรียนการสอน ที่สามารถมีผลคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 1.8.2ชุดกิจกรรม คือ แบบเรียนที่ผู้สอนจัดท าขึ ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ในแต่ละสาระการเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ในแต่ละบทเรียน โดยเริ่มจากเนื ้อหาสาระที่ ง่ายๆ ไปสู่เนื ้อหาที่ยากขึ ้นไปตามล าดับ 1.8.3 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม คือ การหาค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม (E1 /E2 ) โดย E1 ค่าร้อยละเฉลี่ยคะแนนชุดกิจกรรม (ผลการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างเรียน) และ E2 ค่าร้อยละเฉลี่ยคะแนนทดสอบหลังเรียน (ผลคะแนนของแบบทดสอบหลังเรียนจากการใช้สื่อและ กิจกรรมการเรียนต่างๆ) 1.8.4 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต คือ บทเรียนที่มีเนื ้อหาเกี่ยวกับผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้สลายสารอินทรีย์ห่วงโซ่อาหาร กลุ่มสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและ กัน ได้แก่ ภาวะการล่าเหยื่อ ภาวะปรสิต ภาวะพึ่งพากัน ภาวะอิงอาศัย ภาวะได้ประโยชน์ซึ่งกัน และกัน ภาวะแข่งขัน ภาวะเป็นกลาง ภาวะต่อต้าน เป็นต้น


บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการด าเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้ท าการศึกษา ค้นคว้า และทบทวนเอกสาร ผลงานวิจัยที่ เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการก าหนดปัญหา จุดมุ่งหมาย สมมติฐานและวิธีการด าเนินการวิจัย ผู้วิจัย ได้สรุปประเด็นที่ส าคัญๆ ได้ดังนี ้ 2.1 เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย 2.1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้พืน้ฐาน พุทธศักราช 2551(ฉบับปรับปรุง) เป้ าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมาก ที่สุด เพื่อให้ได้ทั้งกระบวนการและความรู้ จากวิธีการสังเกต การส ารวจตรวจสอบ การทดลอง แล้ว น าผลที่ได้มาจัดระบบเป็นหลักการ แนวคิด และองค์ความรู้การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ จึงมีเป้ าหมายที่ส าคัญ ดังนี ้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพื ้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจ ากัดใน การศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทักษะที่ส าคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี 4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวล มนุษย์ และสภาพแวดล้อมในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5. เพื่อน าความรู้ ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคมและการด ารงชีวิต 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ ทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ 7. เพื่อให้เป็ นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์


6 เรียนรู้อะไรในวทิยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการ เชื่อมโยงความรู้ กับกระบวนการ มีทักษะส าคัญในการค้นคว้าและสร้ างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ เรียนรู้ ทุกขั้นตอน มีการท ากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับ ระดับชั้น โดยก าหนดสาระส าคัญ ดังนี ้ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้ เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของ สิ่งมีชีวิต การด ารงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ การด ารงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทาง ชีวภาพ และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของ สาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้ เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้ าอากาศ และผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการด ารงชีวิต ใน สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้ างสรรค์ด้วยกระบวนการ ออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยค านึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม วิทยาการค านวณ เรียนรู้ เกี่ยวกับการคิดเชิงค านวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา เป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ การ ถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและ ผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์


7 ตัวชีว้ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ตัวชี้วัด 1. บรรยายโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการด ารงชีวิต ซึ่ง เป็นผลจากการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ 2. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อการด ารงชีวิต 3. เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคใน โซ่อาหาร 4. ตระหนักในคุณค่าของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการด ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต โดยมีส่วน ร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สาระการเรียนรู้แกนกลาง สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์มีโครงสร้างและลักษณะที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่ อยู่ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ด ารงชีวิตและอยู่รอดได้ในแต่ละแหล่งที่อยู่ เช่น ผักตบชวามีช่องอากาศในก้านใบ ช่วยให้ลอยน ้าได้ ต้นโกงกางที่ขึ ้นอยู่ในป่ าชายเลนมีรากค ้า จุนท าให้ล าต้น ไม่ล้ม ปลามีครีบช่วยในการเคลื่อนที่ในน ้า ในแหล่งที่อยู่หนึ่งๆ สิ่งมีชีวิตจะมีความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกันและสัมพันธ์กับ สิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อการด ารงชีวิต เช่น ความสัมพันธ์กัน ด้านการกินกันเป็ นอาหาร เป็ น แหล่งที่อยู่อาศัย หลบภัยและเลี ้ยงดูลูกอ่อน ใช้อากาศในการหายใจ สิ่งมีชีวิตมีการกินกันเป็ นอาหาร โดยกินต่อกันเป็ นทอดๆ ในรูปแบบของโซ่ อาหาร ท าให้สามารถระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค 2.1.2 ชุดกิจกรรม ความหมายของชุดกิจกรรม สุวิทย์ มูลค า และอรทัย มูลค า (2550) ได้ให้ความหมายชุดกิจกรรม ว่าเป็ น กระบวนการเรียนรู้จากชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสื่อการสอนที่เป็ นลักษณะของสื่อประสม เป็ น การใช้สื่อตั้งแต่สองชนิดขึ ้นไปร่วมกัน เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้ที่ต้องการ โดยอาจจัดตั้งส าหรับ หน่วยการเรียนตามหัวข้อเนื ้อหาและประสบการณ์ของแต่ละหน่วยที่ต้องการให้นักเรียนได้เรียนรู้ อาจจัดเอาไว้เป็นชุดๆ บรรจุในกล่อง ซองหรือกระเป๋ า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละชุดประกอบด้วย เนื ้อหาสาระ บัตรค าสั่ง ใบงาน วัสดุอุปกรณ์ เอกสาร ใบความรู้เครื่องมือหรือ สื่อที่จ าเป็ นส าหรับ จัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งแบบประเมินผลการเรียนรู้


8 วรวิทย์ นิเทศศิลป์ (2551) ได้ให้ความหมายชุดกิจกรรม ว่าเป็ นระบบการผลิต และน าสื่อประสมที่สอดคล้องมาใช้กับวิชาหรือหน่วยหรือหัวเรื่องเพื่อช่วยให้ การเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมการเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ ้น กฤษมันต์วัฒนาณรงค์ (2554) ได้ให้ความหมายชุดกิจกรรม ว่าเป็ นสื่อและ วิธีการสอน ที่น ามาใช้ส าหรับการสอนของผู้สอนและใช้ส าหรับการเรียนของผู้เรียน ประกอบด้วย สื่อการสอนทั้งในรูปของวัสดุอุปกรณ์และเทคนิควิธีการต่างๆ ซึ่งมีกระบวนการพัฒนาอย่างเป็ น ระบบบนฐานของทฤษฎีการเรียนรู้และมีการตรวจสอบประสิทธิภาพก่อนน าไปใช้และใช้ได้ผลดีใน ศูนย์การเรียน ดวน (Duane, 2003) ได้ ให้ ความหมายชุดกิจกรรม ว่าเป็ นชุดของวัสดุ ประกอบการเรียนรู้เป็นรายบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผ้เูรียนสัมฤทธิ์ผลทางการเรียนตามเป้าหมาย ผู้เรียน จะเรียนไปตามอัตราความสามารถและความต้องการของตนเอง ราวน์ทรี(Rowntree, 2007) ได้ให้ความหมายชุดกิจกรรม ว่าเป็ นชุดของสื่อ ประสม ที่รวบรวม เนื ้อหาไว้เป็นหัวข้ออย่างชัดเจน ส าหรับการเรียนเป็ นรายบุคคลหรือ การเรียน เป็นกลุ่ม พร้อมทั้งมีค าแนะน าในการเรียนให้กับผู้เรียน จากความหมายชุดกิจกรรมดังกล่าว สรุปได้ว่า ชุดกิจกรรม เป็นสื่อที่ใช้ในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้โดยครูเป็นผู้สร้างขึ ้นประกอบด้วย ค าชี ้แจง จุดประสงค์การเรียนรู้เนื ้อหา เวลา ที่ใช้สอน สื่อ อุปกรณ์กิจกรรมการเรียนการสอนอย่างหลากหลาย และการวัดผลประเมินผล ซึ่ง ผู้สร้างได้รวบรวมและจัดอย่างเป็นระบบไว้เป็นกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนศึกษาและปฏิบัติกิจกรรม ด้วย ตนเองเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถและความสนใจ มีครูเป็นที่ปรึกษาให้ค าแนะน า ช่วยเหลือเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาจนบรรลุตามเป้ าหมายที่ก าหนด ประเภทของชุดกิจกรรม สุวิทย์มูลค าและอรทัย มูลค า(2550) ได้แบ่งชุดกิจกรรมเป็น 3 ประเภท ดังนี ้ 1. ชุดการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบค าบรรยายของครูเป็ นชุดการ สอนส าหรับนักเรียนกลุ่มใหญ่ หรือเป็นการสอนที่มุ่งเน้นการปูพื ้นฐานให้ทุกคนรับรู้และเข้าใจใน เวลาเดียวกัน ในการขยายเนื ้อหาสาระให้ชัดเจนยิ่งขึ ้น ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนี ้ลดเวลาในการ อธิบายของครูผู้สอนให้พูดน้อยลง เพิ่มเวลาให้นักเรียนได้ปฏิบัติมากขึ ้นโดยใช้สื่อที่อยู่ในชุด กิจกรรมเรียนรู้การน าเสนอเนื ้อหาต่างๆ สิ่งส าคัญคือสื่อที่น ามาใช้จะต้องให้นักเรียนได้เห็นชัดเจน ทุกคนและมีโอกาสได้ใช้ครบทุกคนหรือทุกกลุ่ม


9 2. ชุดการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกิจกรรมกลุ่ม หรือชุดการสอน ส าหรับการ เรียนเป็นกลุ่มย่อย เป็นชุดการสอนต่างๆ ที่บรรจุไว้ในชุดการสอนแต่ละชุด มุ่งที่จะฝึ ก ทักษะใน เนื ้อหาวิชาที่เรียนโดยให้นักเรียนมีโอกาสท างานร่วมกัน ชุดการสอนชนิดนี ้มักใช้ในการ สอนแบบกิจกรรมกลุ่ม 3. ชุดการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายบุคคล เป็ นชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ เรียนด้วย ตนเองเป็นรายบุคคล คือนักเรียนจะต้องศึกษาหาความรู้ตามความต้องการและความ สนใจของตนเอง อาจจะเรียนที่โรงเรียนหรือเรียนที่บ้านก็ได้จุดประสงค์หลักคือมุ่งท าความเข้าใจ กับเนื ้อหาวิชาเพิ่มเติม และนักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนด้วยตนเองได้ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2551) ได้แบ่งชุดกิจกรรมเป็น 4 ประเภท ดังนี ้ 1. ชุดการเรียนการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบค าบรรยาย เป็นชุดการ เรียน การสอนที่มุ่งช่วยขยายเนื ้อหาสาระการสอนแบบบรรยายให้ชัดเจนขึ ้น ช่วยให้ผู้สอนพูด น้อยลงและให้สื่อการสอนท าหน้าที่แทนชุดการสอนแบบบรรยายนี ้นิยมใช้กับการฝึกอบรมและการ สอนในระดับอุดมศึกษาที่ยังถือว่าการสอนแบบบรรยายยังมีบทบาทส าคัญในการถ่ายทอดความรู้ แก่นักเรียน 2. ชุดการเรียนการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มกิจกรรม เป็ นชุดการ เรียนการสอนที่มุ่งให้นักเรียนได้ประกอบกิจกรรมกลุ่มเช่นในการสอนแบบศูนย์การเรียนการสอน แบบกลุ่มสัมพันธ์ 3. ชุดการเรียนการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้รายบุคคล เป็นชุดการเรียนการ สอนที่มุ่งให้นักเรียนสามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองตามความแตกต่างระหว่างบุคคล อาจเป็น การเรียนในโรงเรียนหรือที่บ้านก็ได้เพื่อให้นักเรียนก้าวไปข้างหน้าตามความสามารถ ความสนใจ และความพร้อม ชุดการเรียนการสอนรายบุคคลอาจออกมาในรูปของหน่วยการสอนย่อย 4. ชุดการเรียนการสอนหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทางไกล เป็ นชุดการเรียนการ สอนที่ผู้สอน กับนักเรียนอยู่ต่างถิ่นต่างเวลากัน มุ่งสอนให้นักเรียนศึกษาได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้อง มาเข้าชั้นเรียน ประกอบด้วยสื่อประเภทสิ่งพิมพ์รายการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ภาพยนตร์ และการสอนเสริมตามศูนย์การศึกษา จากประเภทของชุดกิจกรรมข้างต้น สรุปได้ว่า ชุดกิจกรรม จ าแนกตามลักษณะ การใช้งาน ได้ประเภท 3 ประเภท คือ ชุดกิจกรรมประกอบการบรรยาย ชุดกิจกรรมกลุ่ม และชุด กิจกรรม รายบุคคล


10 องค์ประกอบของชุดกิจกรรม นักการศึกษาได้เสนอองค์ประกอบของชุดกิจกรรมไว้ดังนี ้ กฤษมันต์วัฒนาณรงค์ (2554) ได้แบ่งองค์ประกอบของชุดกิจกรรม ดังนี ้ 1. องค์ประกอบด้านการจัดการ ประกอบด้วยคู่มือครูและแบบฝึ กปฏิบัติส าหรับ ครูผู้ใช้ชุดการสอน และผู้เรียนที่เรียน เป็นการจัดเตรียมการเรียนการสอนของผู้สอนและผู้เรียน มี ค าสั่งหรือ การมอบงาน เพื่อก าหนดแนวทางการเรียนให้กับนักเรียนและการสอนของผู้สอน 2. องค์ประกอบด้านเนื ้อหา เป็นเนื ้อหาสาระที่ถูกออกแบบให้อยู่ในรูปของสื่อการ สอนและ กิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งแบบกลุ่มและรายบุคคล ซึ่งก าหนดไว้ให้ผู้เรียนสามารถ บรรลุผลได้ตาม วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 3. องค์ประกอบด้านการประเมินผล เป็ นการประเมินกระบวนการ โดยวัดจาก แบบฝึกหัด รายงานการค้นคว้า จากใบงาน ใบประลอง และจากการทดลอง ในส่วนที่เป็ นผลลัพธ์ ของการเรียน โดยวัดจากแบบทดสอบผลสมัฤทธิ์หลงัจากการเรียนด้วยชดุการสอน วรวิทย์นิเทศศิลป์ (2551) ได้แบ่งองค์ประกอบของชุดกิจกรรม ดังนี ้ 1. มีรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการใช้ชุดการสอนสิ่งที่จะต้องเตรียมตลอดจน กระบวนการของการเรียนการสอน 2. คู่มือการเรียนส าหรับนักเรียนประกอบด้วยค าแนะน าในการเรียน ค าสั่ง กิจกรรมที่ผู้เรียนต้องปฏิบัติตลอดจนการเรียนการสอน 3. เนื ้อหาและสื่อการสอนแบบประสมกิจกรรมการเรียนการสอนวัตถุประสงค์ ทั่วไปและวัตถุประสงค์ของเนื ้อหาในแต่ละตอน 4. นักเรียนเป็นผู้กระท ากิจกรรมด้วยตนเองและเรียนได้ตามความสามารถความ สนใจหรือ ความต้องการของตนเอง 5. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนครูและคุณภาพการเรียนรู้ได้ 6. ให้ความสะดวกแก่ครูผู้สอนและช่วยให้ครูมีความมั่นใจในการสอนของตนเอง จากองค์ประกอบของชุดกิจกรรมข้างต้น พอสรุปได้ว่า องค์ประกอบของชุด กิจกรรมส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกันมีองค์ประกอบหลักที่ส าคัญ คือ ชื่อกิจกรรม ค าชี ้แจง จุดประสงค์ของกิจกรรม เวลาที่ใช้แบบทดสอบก่อนเรียน วัสดุอุปกรณ์เนื ้อหากิจกรรมค าถามท้าย กิจกรรม ค าเฉลยท้ายกิจกรรม และความรู้เพิ่มเติมส าหรับครู ประโยชน์ของชุดกิจกรรม นักวิชาการและนักการศึกษาได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุดกิจกรรมไว้ดังนี ้ สุมาลีโชติชุ่ม (2546) กล่าวถึงประโยชน์ของชุดกิจกรรม ดังนี ้


11 1. เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความสามารถตามความต้องการของตน ช่วยให้ทุก คนประสบความส าเร็จในการเรียนรู้ได้ทั้งสิ ้นตามอัตราการเรียนรู้ของผู้เรียน 2. ฝึ กการตัดสินใจ การแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองและท าให้ผู้เรียนมีความ รับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม 3. ช่วยให้ผู้สอนสามารถถ่ายทอดเนื ้อหาและประสบการณ์ที่ซับซ้อนและมี ลักษณะ เป็นนามธรรมสูง ซึ่งไม่สามารถถ่ายทอดด้วยการบรรยายได้ 4. ท าให้การเรียนรู้เป็นอิสระจากอารมณ์และบุคลิกของครูผู้สอน 5. ช่วยสร้างความพร้อมและความมั่นใจให้กับผู้เรียน 6. เร้าความสนใจของผู้เรียนไม่ท าให้เกิดความเบื่อหน่ายในการเรียน 7. ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดการพัฒนาในทุกๆ ด้าน บุญเกื ้อ ควรหาเวช (2546) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุดกิจกรรม ดังนี ้ 1. ส่งเสริมการเรียนแบบรายบุคคล ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัด ความ สนใจ ตามเวลาและโอกาสที่เหมาะสมของแต่ละคน 2. ช่วยขจัดปัญหาการขาดแคลนครูเพราะชุดการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนเรียนได้ด้วย ตนเอง หรือต้องการความช่วยเหลือจากผู้สอนเพียงเล็กน้อย 3. ช่วยในการศึกษานอกระบบโรงเรียน เพราะผู้เรียนสามารถน าเอาชุดกิจกรรมไป ใช้ได้ทุกสถานที่และทุกเวลา 4. ช่วยลดภาระงาน สร้างความพร้อม และความมั่นใจให้แก่ครูเพราะชุดกิจกรรม ผลิตไว้เป็นหมวดหมู่สามารถน าไปใช้ได้ทันที 5. เป็นประโยชน์ในการสอนแบบศูนย์การเรียน 6. ช่วยให้ครูสามารถวัดผลผู้เรียนได้ตรงตามเป้ าหมาย 7. เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ฝึกการตัดสินใจแสวงหาความรู้ด้วย ตนเอง และ มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม 8. ช่วยให้ผู้เรียนจ านวนมากได้รับรู้แนวคิดกันอย่างมีประสิทธิภาพ 9. ช่วยฝึกให้ผู้เรียนรู้จักเคารพนับถือ ความคิดเห็นของผู้อื่น จากประโยชน์ของชุดกิจกรรมดังกล่าว พอสรุปได้ว่า ชุดกิจกรรมสามารถช่วยครูที่ ขาด ความช านาญในเรื่องที่สอน โดยนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ฝึ กให้นักเรียนมีความ รับผิดชอบ ต่อตนเองและส่วนร่วม มีความเชื่อมั่นในตนเอง นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถ ความถนัดและ ความสนใจ


12 2.1.3 ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม ความหมายของประสิทธิภาพ โดยทั่วไปนิยมน าเสนอในรูป E1 /E2 เป็นสัญลักษณ์ที่น ามาเสนอเพื่อการสื่อสารให้ ทราบถึง ประสิทธิภาพของ นวัตกรรมดังกล่าวว่ามีผลเป็ นเช่นใด โดยที่ (E1 ) ตัวแรกแสดง ประสิทธิภาพของกระบวนการซึ่งอยู่ในรูปค่าเฉลี่ย ร้อยละของคะแนนจากแบบฝึกทั้งหมด ส่วน (E2 ) แสดงประสิทธิภาพของผลโดยรวมซึ่งอยู่ในรูปค่าเฉลี่ย ร้อยละของแบบทดสอบหลังการใช้ นวัตกรรม นักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมาย ดังนี ้ ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2551) ได้ให้ความหมายของประสิทธิภาพ ว่าเป็ นการ ประเมินสื่อการเรียนการสอน พิจารณาหาประสิทธิภาพและคุณภาพของสื่อการเรียนการสอน ดังนั้น การประเมินสื่อจึงเริ่มด้วยการก าหนดปัญหา หรือค าถามเช่นเดียวกับการวิจัย ด้วยเหตุนี ้ การประเมินสื่อจึงเป็นการวิจัยอีกแบบหนึ่งที่เรียกกว่า การวิจัยประเมิน ชัยยงค์ พรหมวงศ์(2556) ได้ให้ความหมายของประสิทธิภาพ ว่าเป็ นสภาวะหรือ คุณภาพของสมรรถนะในการด าเนินงานเพื่อให้งานมีความส าเร็จโดยใช้เวลา ความพยายามและ ค่าใช้จ่ายคุ้มค่าที่สุดตามจุดมุ่งหมายที่ก าหนดไว้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ โดยก าหนดเป็ นอัตราส่วนหรือ ร้อยละระหว่างปัจจัยน าเข้า กระบวนการและผลลัพธ์ จากความหมายของประสิทธิภาพดังกล่าว พอสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพ หมายถึง คุณภาพสื่อ การเรียนการสอนหรือนวัตกรรม ซึ่งน าไปจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ท าให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ ระดับที่พึงพอใจ ประสิทธิภาพมาจากผลลัพธ์การค านวณประสิทธิภาพของ กระบวนการ (E1 ) เป็น ตัวเลขตัวแรก และประสิทธิภาพของผลโดยรวม (E2 ) เป็นตัวเลขตัวหลัง ถ้า ตัวเลขเข้าใกล้ร้ อยมาก เท่าไรยิ่งถือว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ ้น ดังนั้น ความหมายของ ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน คือ คุณภาพเอกสารประกอบการเรียน ซึ่งน าไปจัด กิจกรรมการเรียนการสอนท าให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ระดับที่พึงพอใจ การก าหนดเกณฑ์การหาประสิทธิภาพ นักวิชาการได้เสนอแนวทางการก าหนดเกณฑ์การหาประสิทธิภาพไว้ดังนี ้ เผชิญ กิจระการ (2551) ได้ก าหนดเกณฑ์การหาประสิทธิภาพกระท าได้โดยการ ประเมินพฤติกรรมของผู้เรียน 2 ประเภท คือ พฤติกรรมต่อเนื่อง (กระบวนการ) และพฤติกรรมขั้น สุดท้าย (ผลลัพธ์) โดยก าหนดค่าประสิทธิภาพ ดังนี ้ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์


13 E1 คือ การประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง หมายถึง การประเมินผลต่อเนื่องซึ่ง ประกอบกิจกรรมกลุ่มและรายงานบุคคลหลายๆ พฤติกรรม เรียกว่า กระบวนการของผู้เรียนที่ สังเกตจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม (รายงานของกลุ่ม) ได้แก่ งานที่มอบหมาย และกิจกรรมอื่น ใดที่ผู้สอนก าหนดไว้ E2 คือ การประเมินพฤติกรรมขั้นสุดท้าย หมายถึง การประเมินผลลัพธ์ของผู้เรียน โดยพิจารณาการสอบหลังเรียน และการสอบไล่ ประสิทธิภาพของสื่อการเรียนการสอนจะก าหนดเป็ นเกณฑ์ที่ผู้ศึกษาคาดหมาย ว่าผู้เรียนจะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็ นที่น่าพอใจ โดยก าหนดให้เป็นร้อยละของผลเฉลี่ยของคะแนน การท างานและการประกอบกิจกรรมของผู้เรียนทั้งหมด ต่อร้ อยละของผลการทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์หลังเรียนของผู้เรียนทัง้หมด นัน้คือ E1 /E2 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ตัวอย่าง 80/80 หมายถึง เมื่อเรียนจากสื่อการเรียนการสอนนั้นแล้วผู้เรียนจะ สามารถปฏิบัติแบบฝึกหัด กิจกรรม หรืองานที่ได้รับมอบหมาย ทั้งในรูปแบบรายบุคคลและราย กลุ่ม ได้ผลเฉลี่ย ร้อยละ 80 และท าข้อสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนได้ผลเฉลี่ยร้อยละ 80 จากการก าหนดเกณฑ์การหาประสิทธิภาพดังกล่าว พอสรุปได้ว่า การที่จะก าหนด เกณฑ์E1 /E2 ให้มีค่าเท่าใดนั้นผู้ศึกษาเป็นผู้พิจารณาตามความพอใจหรือตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา ก าหนด โดยปกติเนื ้อหาเป็ นความรู้ความจ ามักจะตั้งไว้ 80/80, 85/85 หรือ 90/90 ส่วนเนื ้อหาที่ เป็นทักษะ หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตั้งไว้ต ่ากว่านี ้ คือ 75/75 เป็นต้น 2.1.4 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ศิริชัย กาญจนวาสี(2552) ให้ความหมายผลสมัฤทธิ์ว่าเป็ นผลการเรียนรู้ตาม แผนที่ก าหนดไว้อันเกิดจากกระบวนการเรียนการสอน ในช่วงระยะเวลาใด เวลาหนึ่ง ที่ผ่านมา แบบสอบผลสมัฤทธิ์จึงเป็นแบบสอบที่ใช้วดัผลการเรียนรู้ที่เกิดขนึ้จากกิจกรรมการเรียน การสอน ที่ผู้สอนได้จัดขึ ้นเพื่อการเรียนรู้นั้นสิ่งที่มุ่งวัดจึงเป็ นสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ภายใต้สถานการณ์ ที่ ก าหนดซึ่งอาจเป็นความรู้หรือทักษะบางอย่าง (ส่วนใหญ่จะเน้นทักษะทางสมองหรือความคิด)อัน บ่งบอกถึงสถานภาพของการเรียนรู้ที่ผ่านมา หรือสภาพการเรียนรู้ที่บุคคลนั้นได้รับ กูด (Good, 1973) กล่าวว่า ให้ความหมายผลสมัฤทธิ์ว่าเป็ นการท าให้ส าเร็จ หรือประสิทธิภาพทางด้านการกระท าในทักษะที่ก าหนดให้หรือในด้านความรู้ส่วนผลสมัฤทธิ์ ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถในการเข้าถึงความรู้การพัฒนาทักษะในการ เรียนโดยอาศัย


14 ความพยายามจ านวนหนึ่งและแสดงออกในรูปความส าเร็จซึ่งสามารถสังเกตและวัดได้ ด้วย เครื่องมือทางจิตวิทยาหรือแบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนทวั่ไป จากความหมายของผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนดงักล่าว พอสรุปได้ว่า ผลสมัฤทธิ์ ทางการเรียน หมายถึง ผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์เรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดขึ ้น จากการเรียนการสอน รวมถึงผลที่เกิดขึ ้นจากการค้นคว้า การอบรม การสั่งสอน หรือประสบการณ์ ต่างๆ ที่ท าให้เกิดคุณลักษณะหรือความสามารถของบุคคลที่พัฒนางอกงามขึ ้น การพัฒนาทักษะ ในการเรียน โดยอาศัยความพยายามจ านวนหนึ่งและแสดงออกในรูปของความส าเร็จ ประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ภัทรา นิคมานนท์(2543) ได้จ าแนกประเภทของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนตามรูปแบบค าถามและวิธีการตอบไว้ 2 ประเภท ได้แก่ 1. แบบทดสอบแบบเขียนตอบ แบบทดสอบประเภทนี ้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้สอบ ได้ตอบ โดยการเขียน อาจให้เขียนตอบยาวๆ แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ ผู้สอบมีความรู้ใน เนื ้อหานั้นมากน้อยเพียงไรก็เขียนออกมาให้หมดในเวลาที่ก าหนดให้หรือเขียนตอบสั้นๆ เฉพาะค า หรือข้อความที่เป็นค าตอบ เช่น ให้เติมค า หรือข้อความในช่องว่าง เป็นต้น แบบทดสอบประเภทนี ้ เหมาะส าหรับวัดความสามารถหลายๆ ด้านในแต่ละข้อ เช่น วัดความสามารถในด้านความคิดเห็น ความสามารถในการเขียน เป็นต้น 2. แบบทดสอบแบบเลือกตอบ เป็ นแบบทดสอบที่ถามให้ผู้สอบตอบในขอบเขต จ ากัดค าตอบแต่ละข้อวัดความสามารถเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเรื่องเดียว ผู้สอบไม่มีโอกาส แสดงความคิดเห็นได้อย่างกว้างขวางเหมือนแบบทดสอบเขียนตอบ การตอบท าได้ง่ายๆ โดย กากบาท แบบทดสอบแบบถูกผิด แบบจับคู่ และแบบเลือกตอบหลายตัวเลือก อนุวัติ คูณแก้ว (2555) ได้แบ่งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบ่ง ออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. แบบทดสอบมาตรฐาน เป็ นแบบทดสอบที่สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ใน เนื ้อหาและมีทักษะการสร้างแบบทดสอบ มีการวิเคราะห์หาคุณภาพของแบบทดสอบ มีค าชี ้แจง เกี่ยวกับการด าเนินการสอบ การให้คะแนน การแปลผล มีความเป็ นปรนัย มีความเที่ยงตรง และ ความเชื่อมั่น 2. แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ ้นเอง เป็ นแบบทดสอบที่ครูสร้างขึ ้นเอง เพื่อใช้ในการ ทดสอบ นักเรียนในชั้นเรียน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 2.1.แบบทดสอบปรนัย ได้แก่


15 2.1.1. แบบถูก-ผิด 2.1.2. แบบจับคู่ 2.1.3. แบบเติมค าให้สมบูรณ์ หรือแบบค าตอบสั้น 2.1.4. แบบเลือกตอบ 2.2.แบบอัตนัย ได้แก่ 2.2.1. แบบจ ากัดค าตอบ 2.2.2. แบบไม่จ ากัดความตอบ หรือตอบอย่างเสรี จากประเภทของแบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนดงักล่าว พอสรุปได้ว่า แบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน แบ่งได้2 ประเภท คือ แบบทดสอบมาตรฐาน ซึ่งสร้างจาก ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื ้อหาและด้านวัดผลการศึกษามีการหาคุณภาพเป็นอย่างดี ส่วนอีกประเภทหนึ่ง คือ แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ ้นเอง เพื่อใช้ในการทดสอบในชั้นเรียน โดยครูสามารถเลือกรูปแบบที่ เหมาะสมกับเนื ้อหาสาระ และช่วงวัยของผู้เรียน 2.1.5 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ในระบบนิเวศมีบทบาทหน้าที่ต่างกัน และมีความสัมพันธ์ กันในลักษณะต่างๆ เช่น มดกินซากแมลงที่ตาย จิ ้งจกกินแมลงเป็ นอาหาร วัวกินหญ้ า และ ต้นหญ้าเจริญเติบโตได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตเมื่อ พิจารณาจากลักษณะการอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศจะพบว่ามีทั้งความสัมพันธ์แบบพึ่งพากัน การ เป็ นศัตรู ไม่พึ่งพา ไม่เป็ นศัตรู สิ่งมีชีวิตหนึ่งได้ประโยชน์ แต่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งเสียประโยชน์ หรือพบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งได้ประโยชน์แต่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ 1. ผู้ผลิต เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารได้เองตามธรรมชาติ ได้แก่ พืชสีเขียว ส่วนต้น หม้อข้าวหม้อแกงลิง ต้นกาบหอยแครง ต้นสาหร่ายข้าวเหนียวสามารถดักจับแมลงและย่อยแมลง ได้ แต่จัดเป็นผู้ผลิตเนื่องจากสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ 2. ผู้บริโภค เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองไม่ได้ ต้องกินสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็ นอาหาร ได้แก่ สัตว์ต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี ้ 2.1. ผู้บริโภคพืช เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย 2.2. ผู้บริโภคสัตว์ เช่น เสือ สิงโต งู เหยี่ยว 2.3. ผู้บริโภคทั้งพืชและสัตว์เช่น คน สุนัข ไก่ 2.4 ผู้บริโภคซากพืชซากสัตว์ เช่น ไส้เดือนดิน กิ ้งกือ ปลวก นกแร้ง


16 3. ผู้สลายสารอินทรีย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ท าหน้าที่ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ให้เป็ น สารอนินทรีย์ ได้แก่ เห็ด รา และ แบคทีเรียชนิดต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปทั้งในน ้า อากาศ และดิน กลุ่มสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศมีความสัมพันธ์ซึ่งกันแลกัน จ าแนกได้ดังนี ้ 1. ภาวะการล่าเหยื่อ เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ฝ่ ายหนึ่งเป็ นผู้ล่า มี ความแข็งแรง ส่วนอีกฝ่ ายหนึ่งถูกผู้ล่ากินเป็นอาหารเรียกว่า “เหยื่อ” มีความสัมพันธ์แบบ +,- เช่น แมวจับหนู นกกินหนอน เหยี่ยวล่าไก่หรือกระต่ายเป็นอาหาร สิงโตล่าละมั่งเป็นอาหาร 2. ภาวะปรสิต เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไป อาศัยอยู่กับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง โดยผู้อาศัยได้ประโยชน์ และผู้ถูกอาศัยเสียประโยชน์ มี ความสัมพันธ์แบบ +, - เช่น เห็บกับสุนัข ต้นกาฝากบนต้นมะม่วงหรือต้นไม้อื่นๆ 3. ภาวะพึ่งพากัน เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยได้ประโยชน์ทั้งสอง ฝ่ ายและเมื่อแยกออกจากกันจะไม่สามารถด ารงชีวิตอยู่ได้ มีความสัมพันธ์แบบ +, + เช่น แบคทีเรียไรโซเบียมที่อาศัยอยู่ในปมรากพืชตระกูลถั่ว แบคทีเรียได้รับพลังงานจากการสลายของ สารอาหารที่อยู่ในรากพืช ส่วนแบคทีเรียไรโซเบียมสามารถตรึงแก๊สไนโตรเจนในอากาศแล้ว เปลี่ยนเป็ นสารประกอบไนเตรต ซึ่งเป็ นปุ๋ ยของพืชตระกูลถั่วได้ รากับสาหร่ายสีเขียวอยู่รวมกัน เรียกว่า “ไลเคน” โดยสาหร่ายสีเขียวสร้างอาหารได้เอง แต่ต้องอาศัยความชื ้นจากรา ส่วนราได้รับ อาหารจากสาหร่ายสีเขียว 4. ภาวะอิงอาศัย เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ในลักษณะที่ฝ่ ายหนึ่งได้ ประโยชน์ ส่วนอีกฝ่ ายไม่ได้ประโยชน์และไม่เสียประโยชน์ มีความสัมพันธ์แบบ +, 0 เช่น เฟิ นเกาะ บนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้เกาะบนต้นไม้ใหญ่ 5. ภาวะได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด ซึ่งต่าง ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ าย แต่สามารถแยกออกจากกันได้โดยด าเนินชีวิตตามปกติ มีความสัมพันธ์ แบบ +, + เช่นดอกไม้กับแมลง ควายกับนกเอี ้ยง มดด ากับเพลี ้ย 6. ภาวะแข่งขัน เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสองฝ่ ายต้องการปัจจัยในการ ด ารงชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน แต่ปัจจัยนั้นมีน้อยจึงต้องแข่งขันกัน เช่นการแย่งอาหารของ จระเข้ การแข่งขันด้านความสูงของต้นไม้เพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์ 7. ภาวะเป็นกลาง เป็นการด ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสองฝ่ ายไม่มีผลประโยชน์ ซึ่งกันและกัน เช่นนกกับกระต่ายในทุ่งหญ้า 8. ภาวะต่อต้าน เป็นการด ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่ฝ่ ายหนึ่งมีอิทธิพลต่ออีก ฝ่ ายหนึ่งเช่น ราเพนิซิลเลียมจะหลั่งสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย


17 2.1.6 สถิติที่ใช้ในการวเิคราะห์ข้อมูล การหาค่าดัชนีความสอดคล้อง(ณัฏฐพงษ์ เจริญพิทย์,2542) N ΣR IC … (2.1) เมื่อ ΣR = ผลรวมของคะแนนความคิดเห็น N = จ านวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด IC = ดัชนีความสอดคล้อง การหาประสิทธิภาพของแบบเรียนส าเร็จรูป(เสาวนีย์ สิกขาบัณฑิต, 2528) โดยการหาค่า E1 /E2 ตามสูตรดังนี ้ 10 0 nT 1 E Ai … (2.2) เมื่อ ΣAi = คะแนนรวมระหว่างเรียนทั้งหมด n = จ านวนนักเรียนทั้งหมด T = คะแนนเต็มระหว่างเรียน 10 0 nQ 2 E Bi … (2.3) เมื่อ ΣBi = คะแนนรวมจากการท าแบบทดสอบหลังเรียน n = จ านวนนักเรียนทั้งหมด Q = คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน ค่าเฉลี่ยเลขคณิต(ล้วน สายยศ;และอังคณา สายยศ,2538:73) ค านวณจากสูตร N ΣX X … (2.4) เมื่อ ΣX = ผลรวมของคะแนนทั้งหมด N = จ านวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง X = คะแนนเฉลี่ย


18 2.2 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยในประเทศ ธันว์ กัณหดิลก (2542 : บทคดัย่อ) ได้เปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์และความคงทนทานการ เรียนกลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต โดยใช้สไลด์เทปภาพการ์ตูนที่เรียบเรียงเนื ้อหาแบบตัวละคร ที่เป็นตัวเด็ก ผู้ใหญ่ และสัตว์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็ น นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนประชานิเวศน์ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2541 จ านวน 135 คน ได้มาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย แบ่งเป็ น 3 กลุ่มทดลอง ดังนี ้1. กลุ่มที่ 1 จ านวน 45 คน เรียน จากสไลด์เทปภาพการ์ตูนที่เรียบเรียงเนื ้อหามีตัวละครที่เป็นเด็ก 2. กลุ่มที่ 2 จ านวน 45 คน เรียน จากสไลด์เทปภาพการ์ตูนที่เรียบเรียงเนื ้อหามีตัวละครที่เป็ นผู้ใหญ่ 3. กลุ่มที่ 3 จ านวน 45 คน เรียนจากสไลด์เทปภาพการ์ตูนที่เรียบเรียงเนื ้อหามีตัวละครที่เป็ นสัตว์ผลการวิจัยพบว่า ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนทางการเรียนรู้ระหวา่งที่สอนด้วยสไลด์เทปการ์ตนูที่เรียบ เรียงเนื ้อหา แบบมีตัวละครที่เป็นสัตว์สูงกว่ากลุ่มที่สอนสไลด์เทปการ์ตูนที่เรียบเรียงเนื ้อหา แบบมี ตัวละครที่เป็นสัตว์สูงกว่ากลุ่มที่สอนสไลด์เทปการ์ตูนที่เรียบเรียงแบบมีตัวละครที่เป็ นผู้ใหญ่และ ตัวละครที่เป็นเด็กอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ลักขณา กิจเฮง (2542 :บทคัดย่อ) ได้เปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์และความสนใจในการอ่าน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 ที่ได้รับการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษาโดยหนังสือเรียนที่ ภาพประกอบเป็ นภาพเหมือนกับภาพการ์ตูน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัย เป็ นนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปี ที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2541 โรงเรียนศาลคู้ ส านักงานเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จ านวน 60 คน โดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย แบ่งเป็ นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่ม ควบคุม 30 คน ผลจากการวิจัยพบว่า ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจในการอ่านของ นักเรียนที่เรียนด้วยการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษาโดยหนังสือเรียนที่ใช้ภาพเหมือนกับสื่อ หนังสือที่ใช้ภาพการ์ตูนแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 พรมหากิฤษณพงศ์ วิวาห์สุข (2542: บทคัดย่อ) ได้วิจัยเพื่อพัฒนาหนังสือภาพประกอบ ค าบรรยาย เรื่อง วันส าคัญทางพระพุทะศาสนา วิชาพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 เปรียบความคงทนและวัดเจตคติทางการเรียนของนักเรียน ประชากรกลุ่มตัวอย่างเป็ นนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนสามัคคีวิทยา ในสังกัดเมืองมหาสารคาม จ านวน 1 ห้องเรียน นักเรียน จ านวน 26 คน ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2541 ได้มาโดยการเลือกเจาะจง (Purposive Sampling) ผลการวิจัยพบว่า หนังสือภาพประกอบค าบรรยายมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์และผลที่ ได้จากการใช้หนังสือภาพประกอบค าบรรยายดังกล่าวประกอบการเรียนการสอน หลังสอนปรากฏ วา่ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนของนักเรียนชัน้ประถมศึกษาปีที่ 2 ดีกว่า


19 นักเรียนและนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือภาพประกอบค าบรรยายมีเจตคติต่อการเรียนรู้เรื่องวัน ส าคัญทางพระพุทธศาสนา โดยภาพรวมและจ าแนกเป็นหลายด้านอยู่ในระดับดี สมนึก สุวรรณมูล (2542 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาหนังสือประกอบภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง ประชากรศึกษา กลุ่มสร้ างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรียนบ้านดง ส านักงานการศึกษาอ าเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ปี การศึกษา 2541 จ านวนนักเรียน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบ หนงัสือการ์ตนูและแบบทดสอบผลสมัฤทธิ์ผลการศกึษาพบวา่หนังสือ ประกอบภาพการ์ตูน เรื่อง ประชากรศึกษา กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 มีประสิทธิภาพ 88.15/85.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 85/85 และนักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือประกอบ ภาพการ์ตูนมีความคงทนต่อการเรียนร้อยละ 1.89 บรรยง อาจกล้า (2543 : บทคดัย่อ) ศึกษาค้นคว้าเพื่อเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการ เรียนและพฤติกรรมการประหยัดและการตรงต่อเวลาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4 ระหว่าง การสอนด้วยหนังสือการ์ตูนสีและการสอนตามคู่มือครู กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาค้นคว้าครั้งนี ้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2542 โรงเรียนดงสวรรค์วิทยา ส านักงาน ประถมศึกษาจังหวัดหนองบัวล าภู จ านวน 2 ห้องเรียน ห้องเรียนละ 25 คน ได้มาโดยการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผลการศึกษาค้นพบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยหนังสือการ์ตูนมี ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนที่เรียนตามคมู่ือครูอย่างมีนยัส าคญัทางสถิติที่ระดบั 0.05 พระประสงค์ หัสรินทร์ (2543 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาหนังสือประกอบภาพการ์ตูนวิชา พระพุทธศาสนา เรื่อง ฆราวาสธรรม และเบญจธรรม ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ผลการศึกษาพบว่า หนังสือนิทานประกอบภาพการ์ตูนวิชาพระพุทธศาสนา เรื่อง ฆราวาสธรรม และเบญจธรรม ชั้น ประถมศึกษาปี ที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์คือ 83.20/83.20 วารีย์ บุญลือ (2550: บทคัดย่อ) การพัฒนาบทปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่อง การปลูกพืช แบบไฮโดรพอนิกส์ ส าหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 3 ซึ่งเป็ นชั้นมัธยมศึกษาชั้นปี ที่ 1 โรงเรียนจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยปทุมธานี จ านวน 30 คน พบว่า บทปฏิบัติการวิทยาศาสตร์มีประสิทธิภาพ 84.38/80.50 นักเรียนที่เรียนด้วยบทปฏิบัติการวิทยาศาสตร์มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หลังการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ทักษะปฏิบัติการวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับดีมาก ความตระหนัก เกี่ยวกับปัญหาการตกค้างของสารเคมีก าจัดศัตรูพืชในสิ่งแวดล้อมหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อัมพร กรุดวงษ์ (2548: บทคัดย่อ) ศึกษาเกี่ยวกับบทปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่อง พลังงานความร้อน ส าหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 4 โดยใช้กับกลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 4 จ านวน 30 คน พบว่านักเรียนผลการเรียนรู้ทางด้านทักษะปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ระดับดีมาก


20 จากการศึกษางานวิจัยในประเทศ สรุปได้ว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนโดยใช้แบบเรียน ส าเร็จรูปภาพการ์ตูนสามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นความสนใจของนักเรียนในการเรียนรู้ที่ สง่ผลให้ผลสมัฤทธิ์สงูขนึ้ วิจัยต่างประเทศ ฮันเตอร์ (Hunter. 1997 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาผลทางยุทธศาสตร์การสอนและรูปแบบการ คิดที่มีผลต่อการแปลความหมายของการ์ตูนในบทบรรณาธิการ โดยเลือกหนังสือการ์ตูนใน บรรณาธิการ 25 เรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องมีค าอธิบายจ านวน 100-200 ค า ยุทธศาสตร์การสอนใช้วีการ วิเคราะห์แบบกระจาย (The Parse Analysis Treatment) ซึ่งประกอบด้วยแบบที่ 1 น าการ์ตูน ทั้งหมดมาน าเสนอให้นักเรียนดู พร้อมกับข้อความอธิบายที่มีทั้งหมด แบบที่ 2 ไม่ให้นักเรียนเห็น การ์ตูนทั้งหมดแต่เห็นข้อความอธิบาย จากนั้นมีการอภิปราย ในแต่ละส่วนของการ์ตูนให้เห็น ต่อมาจึงเพิ่มส่วนอื่นเพิ่มมาเรื่อยๆ จนกระทั่งภาพทั้งหมดปรากฏขึ ้นและท าให้เห็นภาพค าอธิบาย ทั้งหมด ผลจากการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า ยุทธวิธีทั้งสองไม่มีผลท าให้นักเรียนมีการแปล ความหมายของการ์ตูนในบรรณาธิการได้ดีแตกต่างกัน โอเกลสบี (Oglesby. 1998 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการวิเคราะห์เนื ้อหาของข้อความที่ เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่พบในการ์ตูนช่วงเช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นรายการของเด็กๆ ทางโทรทัศน์ โดย ศึกษาจากการ์ตูนส าหรับเด็กจ านวน 133 เรื่อง ที่ออกอากาศในช่วงเช้าวันเสาร์เป็ นเวลา 3 ครั้ง ต่อเนื่องกันในเดือนมีนาคม 1977 โดยไม่อัดเป็ นวิดีโอไว้ ในการวิเคราะห์ข้อความที่เกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อมนั้นเน้นในด้านความถี่ของข้อความที่ปรากฏ การจัดประเภทของสิ่งที่น ามาเสนอและ บริบทเชิงบวกหรือเชิงลบของข้อความที่น ามาเสนอ นอกจากนี ้ข้อความต่างๆ จะถูกวิเคราะห์ตาม เกณฑ์ 4 ข้อ คือ การจัดสภาพแวดล้ อมตามธรรมชาติ ประเด็นปัญหาทางสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมกลางแจ้งและลักษณะของสัตว์ป่ า ผลการศึกษาพบว่า การ์ตูนเป็ นแหล่งข้อมูล สารสนเทศที่ท าให้เกิดความตระหนักเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่น าเสนอ มีส่วนท าให้เกิดภาพลักษณ์ที่ เป็นเชิงลบ จากการศึกษางานวิจัยต่างประเทศ สรุปได้ว่า นักเรียนที่ได้รับการเรียนโดยใช้แบบเรียน ส าเร็จรูปภาพการ์ตูน สามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นความสนใจของนักเรียนในการเรียนรู้ สง่ผลให้ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนสมัฤทธิ์ผล


บทที่ 3 วิธีด าเนินการวิจัย 3.1 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความ เข้าใจและผลสมัฤทธิ์ที่ดีขึ ้น ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชย ปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 3.2 สถานที่ทดลองวิจัย โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 3.3 ประเภทและแบบการวิจัย 3.3.1 วิธีวิจัย: การวิจัยเชิงทดลอง 3.3.2 แหล่งข้อมูล: หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 3.3.3 ระดับการวิจัย: ประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5) 3.4 เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวิจัย 3.4.1 แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 3.4.2 ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 3.4.3 แบบทดสอบ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 3.4.4 แบบทดสอบวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน 3.5 ระยะเวลาในการด าเนินการวิจัย การแก้ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้ การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ผ้เูรียนมีความรู้ความเข้าใจและผลสมัฤทธิ์ที่ดีขึน้ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้วิจัยใช้ระยะเวลาในการวิจัยตั้งแต่ มิถุนายน 2566– สิงหาคม 2566


22 3.6 งบประมาณค่าใช้จ่ายในการวิจัย ค่าใช้จ่ายในการการวิจัยประกอบด้วย ค่าครุภัณฑ์ ค่าเอกสารความรู้ ค่าพิมพ์รายงานและ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการวิจัยประมาณ 500 บาท 3.7 ขั้นตอนการด าเนินการวิจัย ผู้วิจัยได้ด าเนินการศึกษาค้นคว้าวิจัย การแก้ ปัญหาผู้เรียนในการเรียนรู้เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุกและชุดกิจกรรม เพื่อให้ ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึน้ชัน้ประถมศึกษาปีที่5 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการจังหวัดเชียงใหม่ ดังนี ้ ขั้นที่ 1 ก าหนดปัญหาและวัตถุประสงค์ของการวิจัย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ใน สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ขั้นที่ 2 ศึกษาและท าความเข้าใจหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐานพุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ขั้นที่ 3 ส ารวจการเรียนการสอนและปัญหาที่เกิดขึ ้นกับการเรียนวิทยาศาสตร์ ที่เกี่ยวกับ การใช้สื่อการสอนจากผู้สอนและผู้เรียนวิทยาศาสตร์โดยใช้การสังเกตหรือแบบส ารวจ ขั้นที่ 4 รวบรวมเนื ้อหาจากหนังสือเรียนและคู่มือครูวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ขั้นที่ 5วิเคราะห์เนื ้อหาที่รวบรวม แล้วน ามาเปรียบเทียบดูความสอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560 ขั้นที่ 6เลือกเนื ้อหาที่จะน ามาทดลองในครั้งนี ้และวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ตามหลักสูตรประถมศึกษา ขั้นที่ 7 สร้างแผนการจัดการเรียนรู้ โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องอย่างเป็ น เรื่องราว โดยใช้ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ขั้นที่ 8 น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างเสร็จแล้ว เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้พิจารณา ตรวจสอบความถูกต้อง และแนะแนวทางการแก้ไขข้อบกพร่อง ขั้นที่ 9 ปรับปรุง แก้ไข แผนการจัดการเรียนรู้ ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ขั้นที่ 10 น าชุดกิจกรรมไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่าง และรวบรวบ วิเคราะห์ สรุปผลการ ใช้ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ขั้นที่ 11 วิเคราะห์ผลการใช้ชุดกิจกรรมทั้งหมด ขั้นที่ 12 สรุปผลการวิจัย อภิปรายผลการวิจัย และเสนอแนะ ขั้นที่ 13 น าเสนอข้อมูลการวิจัยแบบฉบับสมบูรณ์


23 3.8 การวเิคราะห์ข้อมูล ขั้นสร้างชุดกิจกรรม 1. ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 ปรับปรุง พ.ศ.2560 2. ศึกษารวบรวมข้อมูล วิเคราะห์กิจกรรมการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้อง 3. ก าหนดจุดประสงค์ของชุดกิจกรรม 4. สร้างชุดกิจกรรมและแบบทดสอบ ขั้นวิธีหาคุณภาพเครื่องมือ 1. น าชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ และน าชุดกิจกรรมมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะเพื่อให้มีความสมบูรณ์เหมาะสมยิ่งขึ ้น 2. หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม โดยทดลองใช้สอนกับนักเรียน ขั้นการสร้างแบบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวทิยาศาสตร์ 1. ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับแนวการวัดผลและการประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ 2. ศึกษาแนวทางการให้คะแนนและการวดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ 3. น าแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเสนอต่อ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะ ขัน้การจัดกระทา ข้อมูลและการวเิคราะห์ข้อมูล 1. ผู้วิจัยน าคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติเพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ 2. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลนี ้ คือ การหาดัชนีความสอดคล้อง การหาประสิทธิภาพ ของชุดกิจกรรมค่าเฉลี่ยเลขคณิต และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน


บทที่ 4 ผลการวิจัย 4.1 ผลการสร้างชุดกิจกรรม การสร้างชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5ได้ศึกษาข้อมูลและสร้างชุดกิจกรรม ซึ่งประกอบไปด้วย 4ชุดกิจกรรม ดังนี ้ ชุดกิจกรรมที่ 1 ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ ชุดกิจกรรมที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชุดกิจกรรมที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบโซ่อาหาร ชุดกิจกรรมที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบสายใยอาหาร ตารางที่ 4.1แสดงค่าเฉลี่ยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชุดกิจกรรม รายการประเมิน ชุดกิจกรรม ค่าเฉลี่ย ระดับ การ ประเมิน 1 2 3 4 1.ชุดกิจกรรม 4.46 4.36 4.43 4.43 4.42 ดีมาก 2.แบบทดสอบ 4.30 4.25 4.40 4.30 4.31 ดีมาก 3. ภาพรวม 4.40 4.32 4.42 4.38 4.38 ดีมาก ผลการประเมินคุณภาพชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 โดยผู้เชี่ยวชาญ ได้ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นโดยภาพรวมคุณภาพของชุด กิจกรรม เท่ากับ 4.38 ซึ่งผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก ผู้เชี่ยวชาญมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงชุดกิจกรรม โดยสรุปดังนี ้ 1. ควรปรับปรุงเนื ้อหาครอบคลุม 2. ปรับปรุงแบบทดสอบให้สอดคล้องกับชุดกิจกรรม ผู้วิจัยน าผลการประเมินคุณภาพชุดกิจกรรมและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุง แก้ไขตามค าแนะน าทุกประการ ก่อนที่จะไปหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมกับนักเรียนกลุ่ม ตัวอย่าง


25 4.2 ผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม ผู้วิจัยน าชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ไปทดลองใช้กับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่จ านวน 14 คน เพื่อหาประสิทธิภาพชุดกิจกรรมตามเกณฑ์ 80/80 ตารางที่ 4.2แสดงการประเมินประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม รายการประเมิน คะแนน เต็ม คะแนน เฉลี่ย ร้อยละ ชุดกิจกรรมที่ 1 5 4.39 90.56 ชุดกิจกรรมที่ 2 5 4.54 91.39 ชุดกิจกรรมที่ 3 5 4.68 95.83 ชุดกิจกรรมที่ 4 5 4.68 92.22 คะแนนเฉลี่ยชุดกิจกรรม(E1 ) 91.43 คะแนนเฉลี่ยแบบทดสอบหลังเรียน(E2 ) 87.86 ประสิทธิภาพชุดกิจกรรม E1 /E2 91.43/87.86 พบว่า ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต มีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.43/87.86 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย 4.3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หลังเรียนและก่อนเรียนของนักเรียน ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรม ตารางที่ 4.3แสดงการเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนและก่อนเรียน การประเมิน n X S.D. df t ก่อนเรียน 14 13.21 2.78 13 18.73 หลังเรียน 26.36 2.47 01t 30 = 2.46 จากตารางวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ค่า t-test ที่ได้จากการค านวณเท่ากับ 18.73 สูงกว่าค่า t-testวิกฤตซึ่งเท่ากับ 2.46 ดงันนั้จึงสรุปได้วา่ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรม หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01


26 4.4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หลังเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรม กับเกณฑ์ (ร้อยละ 80) ตารางที่ 4.4แสดงการเปรียบเทียบผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนกับเกณฑ์ (ร้อยละ 80) n X S.D. µ0 df t 14 26.36 2.47 14 13 18.73 01t 30 = 2.46 จากตารางวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ค่า t-test ที่ได้จากการค านวณเท่ากับ 18.73 สูงกว่าค่า t-testวิกฤตซึ่งเท่ากับ 2.46 ดงันนั้จึงสรุปได้วา่ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของนกัเรียนหลงัเรียน เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ของนักเรียนที่เรียนด้วยชุด กิจกรรมสูงกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ 80 อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01


บทที่ 5 สรุปผลการวิจัย 5.1 สรุปผลการวิจัย การสร้างชุดกิจกรรม 1. ผู้วิจัยได้สร้ างชุดกิจกรรมและแบบทดสอบเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่5ซึ่งประกอบไปด้วย 4ชุดกิจกรรม ดังนี ้ ชุดกิจกรรมที่ 1 ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ ชุดกิจกรรมที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชุดกิจกรรมที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบโซ่อาหาร ชุดกิจกรรมที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบสายใยอาหาร 2. ผู้วิจัยได้น าชุดกิจกรรมและแบบทดสอบ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพ พบว่า ชุดกิจกรรมมีคุณภาพ 4.38 เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินช่วงของค่าเฉลี่ยรายข้อ พบว่า ผลการประเมินชุด กิจกรรมอยู่ในระดับดีมาก ผู้วิจัยปรับแก้ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญก่อนน าไปทดลองใช้กับ กลุ่มตัวอย่าง การน าชุดกิจกรรมไปทดลองใช้สอน ผู้วิจัยน าชุดกิจกรรมที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ทดลองใช้สอนกับกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 14 คน โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 91.43/87.86 ตามเกณฑ์ 80/80 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย สรุปผลการวิจัย 1. ชุดกิจกรรมมีประสิทธิภาพเท่ากับ 91.43/87.86เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย 2. ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญต่อชุดกิจกรรมเท่ากับ 4.38อยู่ในระดับดีมาก 3. นกัเรียนมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขนึ้ 5.2 อภิปรายผลการวิจัย ขั้นสร้างชุดกิจกรรม ผู้วิจัยน าผลการศึกษาเอกสารมาสร้างชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5จ านวน 2 บทเรียน ผลการประเมินชุดกิจกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญ


28 ความคิดเห็นโดยภาพรวมเท่ากับ 4.38ซึ่งผลการใช้เป็นไปตามทฤษฎีและหลักการวิทยาศาสตร์ที่ ได้ศึกษาค้นคว้า โดยค านึงถึงความเหมาะสมทางด้านเนื ้อหาสาระ อุปกรณ์ และระยะเวลาที่ เหมาะสมกับนักเรียน ได้ผ่านการทดสอบแล้วซึ่งมีความสอดคล้องอยู่ในระดับดีมาก นักเรียนได้ ปฏิบัติการทดลองด้วยตนเองมีความสอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร สถานศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ขั้นน าชุดกิจกรรมที่สร้างขึ้นไปทดลองสอน ผู้วิจัยได้น าชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้น ทดลองใช้สอนกับกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 14 คน พบว่า หลังเรียนด้วยชุดกิจกรรม พบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน หลัง เรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และมีคะแนนเฉลี่ยแบบทดสอบ วดัผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเทา่กบั 87.86ซึ่งอยู่ในระดับดีมาก ซึ่งชุดกิจกรรมที่สร้างขึ ้น เป็นการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ท าให้นักเรียนได้รับความรู้และ ทักษะปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้น ประถมศึกษาปี ที่5 จึงมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่ก าหนดไว้ตามสมมติฐานการวิจัย 5.3 ข้อเสนอแนะการวิจัย 1. ครูผู้สอนในเนื ้อหาเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 สามารถน าสื่อการสอนชุดกิจกรรมนี ้ไปใช้ในการสอนได้และควรมีการสร้ างชุดกิจกรรมใน ระดับชั้นต่างๆ และในเนื ้อหาวิชาอื่นๆ 2. นักเรียนสามารถเรียนรู้ท าความเข้าใจการเรียนโดยใช้สื่อการสอนแบบชุดกิจกรรม โดย ไม่จ าเป็นต้องแยกผู้เรียนออกเป็นกลุ่มเก่ง กลุ่มอ่อน ชุดกิจกรรมนีไ้ม่มีผลกับผ้เูรียนที่มีผลสมัฤทธิ์ ทางการเรียนที่ตา่งกนัทกุคนสามารถเรียนรู้ได้โดยมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนที่สงูขนึ้ 3. การหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมควรใช้แบบทดสอบเดียวกันในการทดสอบ และหา ค่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรม (E1 /E2 ) โดย E1 ค่าร้อยละเฉลี่ยคะแนนชุดกิจกรรม (ผลการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ ในระหว่างเรียน) และ E2 ค่าร้อยละเฉลี่ยคะแนนทดสอบหลังเรียน (ผลคะแนนของ แบบทดสอบหลังเรียนจากการใช้สื่อและกิจกรรมการเรียนต่างๆ)


29 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้พืน้ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ชม ภูมิภาค. (2524). จติวทิยาการเรียนรู้ท่ีใช้ในบทเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เจเนอรัลบุ๊คส์ เซนเตอร์. ณัฏฐพงษ์ เจริญพิทย์. (2542). ทางเลือกในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทาวิทยาศาสตร์ แนวคิดและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: ดวงกมลการพิมพ์. ทองพูล บุญอึ่ง. (2534). แบบเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช. ธันว์ ร่วมรักษ์. (2541). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิและความคงทนทางการเรียนกลุ่มสร้าง เสริมประสบการณ์ชีวิตโดยใช้สไลด์เทปภาพการ์ตูนท่ีเรียบเรียงเนือ้หาแบบตัว ละครท่ีเป็นเด็ก ผู้ใหญ่และสัตว์ของนักเรียนชัน้ประถมศึกษาปีท่ี4. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. ธีรชัย ปูรณโชติ. (2539). การสร้างแบบเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: ดวงกมลการพิมพ์. บรรยง อาจกล้า. (2543). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและพฤติกรรมการ ประหยัดและการตรงต่อเวลาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4 ระหว่างการสอน ด้วยหนังสือการ์ตูนสีและการสอนด้วยคู่มือครู. รายงานการศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. บุญชม ศรีสะอาด. (2541). พัฒนาหลักสูตรและการสอน. มหาสารคาม: ภาควิชาการศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บุญปลูก สิทธิไทย. (2534). บทเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเจเนอรัลบุ๊คส์ เซนเตอร์. บุญเกือ ควรหาเวช. (2530). จิตวิทยาการเรียนรู้ของธอร์นไดค์. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เจเนอรัลบุ๊คส์ เซนเตอร์. ปรีชา เนาว์เย็นผล. (2520). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สื่อการสอนทางวิทยาศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: ดวงกมลการพิมพ์. เปรื่อง กุมุท. (2516). การสอนโดยใช้บทเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช. พระประสงค์ หัสรินทร์. (2543). การพัฒนาหนังสือประกอบภาพการ์ตูนวชิาพระพุทธศาสนา เรื่อง ฆราวาสธรรม และเบญจธรรม ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.


30 เอกสารอ้างอิง (ต่อ) พระมหากฤษณพงศ์ วิวาห์สุข. (2542). การพัฒนาหนังสือภาพประกอบค าบรรยาย เรื่อง วันส าคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 2 . วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ล้วน สายยศ; และอังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ภาควิชาวัดผลและวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ลักขณา กิจเฮง. (2542). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิและความสนใจในการอ่านของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 กรุงเทพมหานคร: โรงเรียนศาลคู้ วารีย์ บุญลือ. (2550). การพัฒนาบทปฏิบัติการเร่ืองการปลูกพืชแบบไฮโดรพอนิกส์สา หรับ นักเรียนช่วงชั้นที่ 3. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพมหานคร: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สมนึก สุวรรณมูล. (2542). การพัฒนาบทเรียนส าเร็จรูปประกอบภาพการ์ตูน เร่ือง ประชากรศึกษากลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5. รายงาน การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ, สถาบัน. (2547). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืนฐานและเพิ่มเติมฟิ สิกส์ เล่ม ้ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. สันทัด ภิบาลสุข;และพิมพ์ใจ ภิบาลสุข. (2525). ความหมาย ลักษณะของบทเรียนส าเร็จรูป. กรุงเทพมหานคร: ดวงกมลการพิมพ์. เสาวนีย์ สิกขาบัณฑิต. (2528). เทคโนโลยีทางการศึกษา. กรุงเทพมหานคร :ภาควิชาครุศาสตร์ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. อัมพร กรุดวงษ์. (2548). การพัฒนาบทปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เรื่อง พลังงานความร้อน ส าหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 4 จังหวัดนครปฐม. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (วิทยาศาสตร์ศึกษา). กรุงเทพมหานคร: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.


ภาคผนวก ก - แผนการสอน - ชุดกิจกรรม


32 แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ภาคเรียนที่ 1/2566 หน่วยการเรียนรู้1 ชีวิตและสิ่งแวดล้อม เวลา 12 ชั่วโมง เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวนิรมล ไชยวงค์ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบ นิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.1 ป.5/2 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อประโยชน์ต่อการด ารงชีวิต ว 1.1 ป.5/3 เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคใน โซ่อาหาร สาระส าคัญ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ได้แก่ 1. ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ าย แยกจากกันได้ 2. ภาวะพึ่งพากัน คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ าย แต่ไม่สามารถแยกจากกันได้ 3. ภาวะอิงอาศัย คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ฝ่ ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ ายไม่ได้หรือไม่เสียประโยชน์ 4. ภาวะล่าเหยื่อ คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ฝ่ ายหนึ่งคือผู้ล่า (ได้) อีกฝ่ ายคือเหยื่อ (เสีย)


33 5. ภาวะปรสิต คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน โดยฝ่ ายผู้อาศัยได้ประโยชน์ ส่วนฝ่ ายผู้ถูกอาศัยเสีย ประโยชน์ โซ่อาหาร หมายถึง กินต่อกันเป็นทอดๆ ของสิ่งมีชีวิต หลักการเขียนโซ่อาหาร นิยมให้ผู้ถูก กินอยู่ทางซ้ายมือ และผู้กินอยู่ทางขวามือ ปลายหัวลูกศรชี ้ไปทางผู้กิน สายใยอาหาร หมายถึง ความสัมพันธ์ของโซ่อาหารหลายๆ โซ่อาหารในธรรมชาติโซ่อาหาร จะสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนในรูปสายใยอาหาร ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้(K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 2. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของโซ่อาหารได้ 3. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของสายใยอาหารได้ ด้านทักษะ/กระบวนการ(P) 1. นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมอย่างรวมพลัง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจได้ 2. นักเรียนสามารถน าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ด้านคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์(A) 1. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 2. นักเรียนท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ สาระการเรียนรู้ 1. รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 2. โซ่อาหาร 3. สายใยอาหาร


34 กระบวนการจัดการเรียนรู้: ใช้กระบวนการอภิปรายกลุ่ม กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี1 ขั้นที่ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย 2. ขั้นก าหนดประเด็นการอภิปราย 3. ขั้นการบรรยายหรืออภิปราย 4. ขั้นสรุปการอภิปราย 5. ขั้นสรุปบทเรียน 6. ขั้นการประเมินการเรียน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม 2. ครูน าเข้าสู่บทเรียนโดยสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับ สิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น ผีเสื ้อกับดอกไม้ แล้วกระตุ้นนักเรียนให้ เกิดความสงสัยและต้องการหา ค าตอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รวบรวมค าตอบ ของนักเรียนแล้วร่วมกันอภิปราย โดยใช้ประเด็นต่อไปนี ้ 2.1 สิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตมีความสัมพันธ์กันอย่างไร 2.2 นักเรียนเคยพบในชีวิตประจ าวัน มีอะไรบ้าง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาชุดกิจกรรมและปฏิบัติ กิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ตามขั้นตอน ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มน าเสนอผลการท า กิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ อภิปรายผลการท า กิจกรรม ร่วมกันตอบค าถามหลังท ากิจกรรม สรุปผลการท า กิจกรรมและสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็ นความรู้ ร่วมกันเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ออกแบบและ เขียนเป็นแผนภาพความคิด 5. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกันเกี่ยวกับ ค ว า ม สัม พัน ธ์ ร ะ ห ว่า ง สิ่ ง มี ชี วิ ต กับ สิ่ ง มี ชี วิ ต ดัง นี ้ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และประโยชน์ที่ ได้รับ หรือการเสียประโยชน์ของสิ่งมีชีวิต ครูสรุปเชื่อมโยง เนื ้อหาในบทเรียนกับการอภิปรายให้นักเรียน 6. ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันประเมินจากการอภิปราย และปฏิบัติกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตของแต่ละกลุ่มและการตรวจผลงานหรือใบงาน


35 กระบวนการจัดการเรียนรู้: ใช้กระบวนการอภิปรายกลุ่ม กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี2 ขั้นที่ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย 2. ขั้นก าหนดประเด็นการอภิปราย 3. ขั้นการบรรยายหรืออภิปราย 4. ขั้นสรุปการอภิปราย 5. ขั้นสรุปบทเรียน 6. ขั้นการประเมินการเรียน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม 2. ครูน าเข้าสู่บทเรียนโดยสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการกิน กันของสิ่งมีชีวิตเมื่อเขียนเป็ นโซ่อาหารมีลักษณะอย่างไร ร่วมกันสังเกตภาพกระต่าย งู และเหยี่ยว แล้วตอบค าถาม แล้วกระตุ้นนักเรียนให้ เกิดความสงสัยและต้องการหา ค าตอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รวบรวมค าตอบ ของนักเรียนแล้วร่วมกันอภิปราย โดยใช้ประเด็นต่อไปนี ้ 2.1 สัตว์อะไรบ้างที่ถูกกิน 2.2 สัตว์อะไรบ้างที่กินสัตว์เป็นอาหาร 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาชุดกิจกรรมและปฏิบัติ กิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตใน รูปของโซ่อาหาร ตามขั้นตอน ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม น าเสนอผลการท ากิจกรรมหน้าชั้นเรียน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ อภิปรายผลการท า กิจกรรม ร่วมกันตอบค าถามหลังท ากิจกรรม สรุปผลการท า กิจกรรมและสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็ นความรู้ ร่วมกันเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของโซ่ อาหารออกแบบและเขียนเป็นแผนภาพความคิด 5. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกันเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของโซ่ อาหาร คือ กินต่อกันเป็นทอดๆ ของสิ่งมีชีวิต นิยมให้ผู้ถูกกิน อยู่ทางซ้ายมือ และผู้กินอยู่ทางขวามือ ครูสรุปเชื่อมโยง เนื ้อหาในบทเรียนกับการอภิปรายให้นักเรียน 6. ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันประเมินจากการอภิปราย และปฏิบัติกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตของแต่ละกลุ่มและการตรวจผลงานหรือใบงาน


36 กระบวนการจัดการเรียนรู้: ใช้กระบวนการอภิปรายกลุ่ม กิจกรรมการเรียนรู้ท่ี3 ขั้นที่ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย 2. ขั้นก าหนดประเด็นการอภิปราย 3. ขั้นการบรรยายหรืออภิปราย 4. ขั้นสรุปการอภิปราย 5. ขั้นสรุปบทเรียน 6. ขั้นการประเมินการเรียน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม 2. ครูน าเข้าสู่บทเรียนโดยสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสายใย อาหารของสิ่งมีชีวิตมีลักษณะอย่างไร แล้วตอบค าถาม แล้ว กระตุ้นนักเรียนให้เกิดความสงสัยและต้องการหาค าตอบ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์รวบรวมค าตอบของ นักเรียนแล้วร่วมกันอภิปราย โดยใช้ประเด็นต่อไปนี ้ 2.1 สายใยอาหารของสิ่งมีชีวิตมีลักษณะอย่างไร 2.2 โซ่อาหารและสายใยอาหารแตกต่างกันอย่างไร 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาชุดกิจกรรมและปฏิบัติ กิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตใน รูปของสายใบอาหาร ตามขั้นตอน ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม น าเสนอผลการท ากิจกรรมหน้าชั้นเรียน 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ อภิปรายผลการท า กิจกรรม ร่วมกันตอบค าถามหลังท ากิจกรรม สรุปผลการท า กิจกรรมและสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็ นความรู้ ร่วมกันเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของสายใย อาหารออกแบบและเขียนเป็นแผนภาพความคิด 5. นักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกันเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของสายใย อาหาร คือ ความสัมพันธ์ของโซ่อาหารหลายๆ โซ่อาหารใน ธรรมชาติโซ่อาหารจะสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อนในรูปสายใย อาหาร ครูสรุปเชื่อมโยงเนื ้อหาในบทเรียนกับการอภิปรายให้ นักเรียน 6. ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันประเมินจากการอภิปราย และปฏิบัติกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตของแต่ละกลุ่มและการตรวจผลงานหรือใบงาน


37 สื่อการเรียนการสอน 1. ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 2. หนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 การวัดผลและการประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักฐาน วิธีวัด เครื่องมือวัด ด้านความรู้(K) 1. นักเรียนสามารถอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต 2. นักเรียนสามารถอธิบาย ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตในรูปของโซ่อาหารได้ 3. นักเรียนสามารถอธิบาย ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตในรูปของสายใยอาหาร ได้ คะแนน -แบบทดสอบ - ผลงาน ตรวจ -แบบทดสอบ - ผลงาน แบบทดสอบ ผลงาน ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. นักเรียนสามารถปฏิบัติ กิจกรรมอย่างรวมพลัง ด้วยความ มุ่งมั่นและตั้งใจได้ 2. นักเรียนสามารถน าความรู้ไป ใช้ในชีวิตประจ าวันได้ คะแนน - รวบรวมข้อมูล - น าเสนอผลงาน การน าเนอผลงาน ผลงาน ด้านคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1. นักเรียนมีความสนใจใฝ่ รู้หรือ อยากรู้อยากเห็น 2. นักเรียนท างานร่วมกับผู้อื่น อย่างสร้างสรรค์ คะแนน - การท างานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม สังเกต - การท างานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม แบบประเมิน


38


38 ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร ์ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 นางสาวนิรมล ไชยวงค์ ตา แหน่ง ครู โรงเรียนสันติวนา อ าเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


39 ค าน า ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5จัดท าขึ ้นจาก ประสบการณ์และการศึกษาสภาพปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่ง ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนต ่า นักเรียนส่วนใหญ่ขาดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การท างานไม่เป็ น ระบบและขาดพฤติกรรมการท างานกลุ่มที่ดีชุดกิจกรรมนี ้เป็ นชุดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ มุ่งเน้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้นักเรียนได้เรียนรู้และท ากิจกรรมเพื่อพัฒนาผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน ทั้ง ด้านความรู้ มีพฤติกรรมการท างานกลุ่มที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเกิดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ที่ดี โดยใช้แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนและชุมชน เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนใจ มีความสุขและสนุกในการเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นรูปธรรม สามารถแก้ปัญหานักเรียนที่เรียนรู้ช้า โดยให้นักเรียน ท างานเป็นกลุ่ม นักเรียนได้ช่วยเหลือกันส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้กับ นักเรียน ผู้จัดท าขอขอบพระคุณท่านผู้อ านวยการโรงเรียนสันติวนา ผู้เชี่ยวชาญและคณะครูทุกท่านที่ให้ ค าแนะน าจนท าให้ชุดกิจกรรมส าเร็จลุล่วงไปด้วยดี หวังเป็ นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมชุดนี ้จะเป็ นประโยชน์ ต่อคุณครูและนักเรียนที่น าไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี นิรมล ไชยวงค์


40 สารบัญ เรื่อง หน้า ค าชี ้แจงในการใช้ชุดกิจกรรมส าหรับครู 1 ค าชี ้แจงในการใช้ชุดกิจกรรมส าหรับนักเรียน 1 สาระส าคัญ 2 สาระการเรียนรู้ 2 จุดประสงค์การเรียนรู้ 2 ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ 3 ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 5 ใบกิจกรรมที่ 3เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบโซ่อาหาร 6 ใบกิจกรรมที่ 4เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบสายใยอาหาร 8 ใบความรู้ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 10 ใบความรู้ เรื่อง โซ่อาหารและสายใยอาหาร 14 แนวค าตอบในแต่ละกิจกรรม 17 แบบทดสอบ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 24 เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 29 บรรณานุกรม 30


41 ค าชี้แจงในการใช้ชุดกิจกรรม ส าหรับครู 1. ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ประกอบด้วย ชุดกิจกรรมทั้งหมด 4 ชุด ดังนี ้ ชุดกิจกรรมที่ 1 ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ ชุดกิจกรรมที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชุดกิจกรรมที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบโซ่อาหาร ชุดกิจกรรมที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบสายใยอาหาร 2. ครูควรศึกษาค าแนะน าในการใช้ชุดกิจกรรมให้เข้าใจก่อนจัดกิจกรรม 3. ครูต้องชี ้แจงขั้นตอนการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจทุกคน 4. ถ้านักเรียนศึกษาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ยังไม่เข้าใจ ครูควรแนะน าเพิ่มเติม อาจให้นักเรียนได้ ปฏิบัติกิจกรรมทั้งในและนอกเวลาเรียน จะท าให้ผู้เรียนมีทักษะและมีความรู้ ความเข้าใจมาก ยิ่งขึ ้น ค าชี้แจงในการใช้ชุดกิจกรรม ส าหรับนักเรียน 1. ชุดกิจกรรม เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ประกอบด้วยชุดกิจกรรมทั้งหมด 4 ชุด ดังนี ้ ชุดกิจกรรมที่ 1 ความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในแหล่งที่อยู่ต่างๆ ชุดกิจกรรมที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ชุดกิจกรรมที่ 3 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบโซ่อาหาร ชุดกิจกรรมที่ 4 ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปแบบสายใยอาหาร 2. ชุดกิจกรรมนี ้จัดท าขึ ้นเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุด มีความรอบรู้ เกิดทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมีพฤติกรรมการท างานกลุ่มที่ดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 3. นักเรียนต้องเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุดตามล าดับขั้นตอนกิจกรรม โดยมีค าแนะน า ดังนี ้ 3.1 อ่านท าความเข้าใจการใช้ชุดกิจกรรมให้เข้าใจ 3.2 สนใจตนเอง สร้างความรู้สึกที่ดีแก่ตนเองว่าเราเป็นผู้มีความสามารถ 3.3 ร่วมกันศึกษา วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ด้วยความรอบคอบ 3.4 ใช้เวลาท ากิจกรรมอย่างคุ้มค่า


42 สาระส าคัญ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต ได้แก่ 1. ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ าย แยกจากกันได้ 2. ภาวะพึ่งพากัน คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ าย ไม่สามารถแยกจากกันได้ 3. ภาวะอิงอาศัย คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ฝ่ ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ ายไม่ได้หรือไม่เสียประโยชน์ 4. ภาวะล่าเหยื่อ คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน ฝ่ ายหนึ่งคือผู้ล่า (ได้) อีกฝ่ ายคือเหยื่อ (เสีย) 5. ภาวะปรสิต คือ สิ่งมีชีวิต 2 ชนิดอยู่ร่วมกัน โดยฝ่ ายผู้อาศัยได้ประโยชน์ ส่วนฝ่ ายผู้ถูกอาศัยเสียประโยชน์ โซ่อาหาร หมายถึง กินต่อกันเป็นทอดๆ ของสิ่งมีชีวิต หลักการเขียนโซ่อาหาร นิยมให้ผู้ถูกกินอยู่ทางซ้าย มือ และผู้กินอยู่ทางขวามือ ปลายหัวลูกศรชี ้ไปทางผู้กิน สายใยอาหาร หมายถึง ความสัมพันธ์ของโซ่อาหารหลายๆ โซ่อาหารในธรรมชาติโซ่อาหารจะสัมพันธ์กัน อย่างซับซ้อนในรูปสายใยอาหาร สาระการเรียนรู้ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 2. โซ่อาหาร 3. สายใยอาหาร จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต 2. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของโซ่อาหารได้ 3. นักเรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในรูปของสายใยอาหารได้ 4. นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมอย่างรวมพลัง ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจได้ 5. นักเรียนสามารถน าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ 6. นักเรียนมีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 7. นักเรียนท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์


43 กิจกรรมที่ 1 ความสัมพันธ์ของกลุ่มส่ิงมีชีวติในแหล่งท่ีอยู่ต่างๆ วิธีปฏิบัติกิจกรรม 1. นักเรียนส ารวจพื ้นที่ต่างๆ ในบริเวณโรงเรียน ดังนี ้ - สวนบริเวณอาคารม่วงเทพรัตน์ โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2 - ต้นไม้ใหญ่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนบ้านร่มเกล้า 2 2. นักเรียนส ารวจพื ้นที่อย่างระมัดระวังอย่ารบกวนและท าอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในพื ้นที่ที่ส ารวจ 3. บันทึกผลการส ารวจลงในแบบบันทึกผลการส ารวจ บันทึกผลการส ารวจ สิ่งมีชีวิตที่ส ารวจพบ ลักษณะความสัมพันธ์ สวนบริเวณอาคารม่วงเทพรัตน์ ต้นไม้ใหญ่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ สรุปผลการส ารวจ .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version