การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัด สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต2 สาระนิพนธ์ ของ อภิวัฒน์ พูลทรัพย์ เสนอต่อบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชธานี วิทยาเขตอุดรธานี ตามหลักสูตรศึกษาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มีนาคม 2566 ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยราชธานี วิทยาเขตอุดรธานี
การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 สารนิพนธ์ ของ อภิวัฒน์ พูลทรัพย์ เสนอต่อมหาวิทยาลัยราชธานี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ปีการศึกษา 2565 ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยราชธานี RTU. 04331
การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 สารนิพนธ์ ของ อภิวัฒน์ พูลทรัพย์ เสนอต่อมหาวิทยาลัยราชธานี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ปีการศึกษา 2565 ลิขสิทธิ์เป็นของมหาวิทยาลัยราชธานี RTU. 04331
ชื่อเรื่อง การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ผู้วิจัย นายอภิวัฒน์ พูลทรัพย์ อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.อมรทิพย์ เจริญผล ปริญญา ศษ.ม. สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชธานี ปีที่พิมพ์ 2565 บทคัดย่อ วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาระดับปัญหาและแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 กลุ่ม ตัวอย่าง จำนวน 226 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายด้วยการจับฉลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็น แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าIOC ระหว่าง 0.67-1.00 และมีค่าความ เชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. การบริหารงานพัสดุของโรงเรียน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีการกระจายตัวน้อย ( = 4.32, S.D.= 0.47) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ดานการเก็บ การบันทึก และการเบิกจ่าย รองลงมา คือ ด้านการยืม ด้านการจำหน่ายพัสดุ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ด้านการ บำรุงรักษา และการตรวจสอบ 2. ปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี คือ การเก็บ การบันทึก และ การเบิกจ่ายแต่ละครั้งไม่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ การติดตามทวงพัสดุที่ให้ยืมผู้ยืมคืน ไม่ครบและไม่ตามกำหนด ไม่มีการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบำรุงรักษาพัสดุ ครุภัณฑ์กับ บุคลลากรในโรงเรียน และขาดการสนับสนุนส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานพัสดุได้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ เพื่อให้ทราบแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจำหน่ายพัสดุ 3. แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในเครือข่ายกุมภวาปี เห็นควรตรวจสอบ ครุภัณฑ์เป็นประจำและทำการซ่อมแซมบำรุงรักษาก่อนใช้งาน จัดระบบสารสนเทศทะเบียนคุมวัสดุ ครุภัณฑ์เป็นปัจจุบัน จัดหาสถานที่ในการจัดเก็บครุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพไม่สามารถใช้งานได้และ จำหน่ายในระยะเวลาที่กำหนด และให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านพัสดุได้รับการอบรมพัฒนาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบพัสดุ ก คำสำคัญ : การบริหารงานพัสดุ ผู้บริหารโรงเรียน
Research Title Parcel Management of kumphawapi network under the office of Udon Thani primary education area 2 Researcher Apiwat Poolsap Advisor Dr.Amornthip Chareonphon Degree M.Ed. (Education Administration) University Ratchathani University, Year 2022 ABSTRACT This research aims to explore the condition, Problems and guidelines for the development of school parcel management in the Kumphawapi network under the office of Udon Thani primary education area 2 Purposively selected, the samples consisted of 226 informants. The research instrument was a 5-level rating scale questionnaire whose reliability was 0.86. The statistics used for data analysis were frequency, percentage, mean, standard deviation, and content analysis. The results of the research found that 1. Conditions for the management of supplies. overall at a high level little dispersion ( = 4.32, S.D.= 0.47). The side with the most is storage, recording and disbursement follow by borrowing, selling supplies and the side with the least mean is maintenance and inspection. 2. Problems in parcel management of Kumphawapi network in descending order recording and disbursement is not strictly in compliance with the supplies regulations.Tracking and collecting parcels that borrowers are not fully returned and not on time There is no training to educate about the maintenance of supplies and equipment.And educational institute administrators lack support to promote training. 3. Guidelines for the development of school supplies management in the Kumphawapi network is should Check the equipment and repair it regularly. Maintenance before use registration control Provide a place to store equipment and Knowledge development training about procurement regulations. ข Keywords : Supply and procurement administration, administrator
กิตติกรรมประกาศ สารนิพนธ์ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ด้วยความกรุณาเมตตาอย่างสูงจากท่าน อาจารย์ ดร.อมรทิพย์ เจริญผล อาจารย์ที่ปรึกษาที่กรุณาให้ความคิด หลักการ คำแนะนำ พร้อมทั้ง เสนอแนวทางและตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องด้วยความเอาใจใส่ตลอดมา กระทั้งสารนิพนธ์ฉบับนี้ เสร็จสมบูรณ์ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณคณะกรรมการสอบสารนิพนธ์ ได้แก่ อาจารย์ ดร.สุรางคนา มัณยานนท์ ประธานกรรมการ และ พลตำรวจตรี ดร. กิจพิณิฐ อุสาโห กรรมการ ตลอดจนคณาจารย์บัณฑิต วิทยาลัย เจ้าหน้าที่ มหาวิทยาลัยราชธานี ทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการวิจัย และอำนวย ความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้งานวิจัยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้วิจัยขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณ นายณัฐชา ทัศนิยม ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนทมป่าข่า จ่าอากาศเอก ทฤษฎี สิงอุปโป ผู้อำนวยการโรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ และนางจิตต์รัตน์ ศรีนันท์ดอน ศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ที่กรุณาตรวจสอบ ความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม และพิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องในแบบสอบถาม ให้ข้อเสนอแนะ เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อผู้วิจัย และให้คำปรึกษา ตลอดจนเป็นกำลังใจในการวิจัยครั้งนี้ ขอขอบพระคุณผู้อำนวยการโรงเรียน และครูโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ทุกท่าน ที่ให้ความอนุเคราะห์ และให้ความร่วมมือใน การตอบแบบสอบถามด้วยดี คุณค่าและประโยชน์อันเกิดจากการวิจัยนี้ ขอมอบเพื่อพัฒนาการศึกษาและบูชาพระคุณบิดา มารดา บูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ ประสิทธิ์ประสาทวิชาด้วยความเมตตาให้กับผู้วิจัยดีเสมอมา จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ อภิวัฒน์ พูลทรัพย์ ค
สารบัญ บทที่ หน้า บทคัดย่อภาษาไทย …………………………………………………..…………………………………………..…… ก บทคัดย่อภาษาอังกฤษ …………………………………………………………………………………….…………. ข กิตติกรรมประกาศ .................................................................................................................... ค สารบัญ ................................................................................................................... .................. ง สารบัญตาราง .............................................................................................................. ............. ช สารบัญภาพ ............................................................................................................................. ฌ 1. บทนำ ................................................................................................................. 1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ........................................................ 1 คำถามการวิจัย .............................................................................................. 3 วัตถุประสงค์ของการวิจัย .............................................................................. 3 ขอบเขตของการการวิจัย ............................................................................. 3 นิยามศัพท์เฉพาะ .......................................................................................... 4 กรอบแนวคิดการวิจัย ................................................................................... 6 ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย ....................................................................... 7 2. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง .................................................................... 8 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุ .......................................... 8 ขอบข่ายการบริหารพัสดุ และกระบวนการบริหารงานพัสดุ ...................... 11 บริบทของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 4 ........ 21 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ..................................................................................... 27 3. วิธีการดำเนินการวิจัย ...................................................................................... 31 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ......................................................................... 31 ง
สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ............................................................................. 32 การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ............................................ 33 การเก็บรวบรวมข้อมูล ................................................................................ 34 การวิเคราะห์ข้อมูล ..................................................................................... 34 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ..................................................................................... 35 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล .................................................................................... 37 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ...................................... 37 ลำดับขั้นตอนการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ........................................... 37 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ............................................................................... 38 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ................................................................ 52 สรุปผลการวิจัย ......................................................................................... 52 อภิปรายผล ............................................................................................... 54 ข้อเสนอแนะ ............................................................................................. 59 บรรณานุกรม ....................................................................................................................... 60 ภาคผนวก ............................................................................................................................ 62 ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย .................................................................... 63 ภาคผนวก ข ผลการวิเคราะห์ค่าความเที่ยงตรงแบบสอบถาม (IOC) ..................... 72 ภาคผนวก ค ผลการวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นแบบสอบถาม .................................. 75 ภาคผนวก ง หนังสือขอความอนุเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ .............................................. 77 จ
สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า ภาคผนวก จ หนังสือขออความอนุเคราะห์เก็บรวบรวมข้อมูล ................................ 82 ประวัติย่อของผู้วิจัย ............................................................................................................ 84 ฉ
สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 แสดงจำนวนผู้บริหารโรงเรียนและครูที่ปฎิบัติงานจริงในโรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 .................................. 24 2 แสดงข้อมูลกลุ่มเครือข่ายกุมภวาปีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 2 .............................................................................................. 25 3 จำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ................................................................... 32 4 แสดงจำนวนและค่าร้อยละเกี่ยวกับข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม .. 38 5 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการบริหารงานพัสดุโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ในภาพรวม .......................................................................................... 39 6 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการบริหารงานพัสดุโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ในด้านการเก็บ การบันทึกและการเบิกจ่าย ......................................... 40 7 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการบริหารงานพัสดุโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ในด้านการยืม ..................................................................................... 41 8 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการบริหารงานพัสดุโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านด้านการบำรุงรักษา และการตรวจสอบ ......................................... 43 9 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการบริหารงานพัสดุโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการจำหน่ายพัสดุ ....................................................................... 44 10 แสดงค่าความถี่ของปัญหาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการเก็บ การบันทึก และการเบิกจ่าย ...……………....…………….………………. 46 11 แสดงค่าความถี่ของปัญหาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการยืม..… 46 ช
สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางที่ หน้า 12 แสดงค่าความถี่ของปัญหาของการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการบำรุงรักษาและการตรวจสอบ ………………………..………………………… 47 13 แสดงค่าความถี่ของปัญหาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการจำหน่ายพัสดุ ................................................................................…. 48 14 แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการเก็บ การบันทึกและการเบิกจ่าย ……………...............……………………. 49 15 แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการยืม ……..……....… 49 16 แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการบำรุงรักษา และการตรวจสอบ ……………………………………………………………………….…… 50 17 แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ด้านการจำหน่ายพัสดุ ….. 51 18 ผลการวิเคราะห์ความเที่ยงตรงของแบบสอบถาม ...................................... 73 19 ผลการวิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม ..................................... 76 20 ผลการประเมินแบบสอบถามของผู้เชี่ยวชาญ ........................................... 81 ซ
สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1 ภาพกรอบแนวคิดการวิจัย .................................................................................... 6 ฌ
1 บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา การประกาศใช้พระราชบัญญัติการจัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หมวด 13 การบริหารพัสดุ มาตรา 112 ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการควบคุม และดูแลพัสดุที่อยู่ใน ความครอบครอง ให้มีการใช้และการบริหารพัสดุที่เหมาะสม คุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน ของรัฐมากที่สุด และมาตรา 113 การดำเนินตามมาตรา 112 ซึ่งรวมถึงการเก็บ การบันทึก การเบิก จ่าย การยืม การตรวจสอบ การบำรุงรักษาและการจำหน่ายพัสดุ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรี กำหนด สำหรับแนวทางหลักของการจัดซื้อจัดจ้างที่ระบุไว้ในกฎหมาย มาตรามาตรา 8 การจัดซื้อจัด จ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ และ ต้องสอดคล้องกับหลักการ ดังต่อไปนี้ 1) คุ้มค่า โดยพัสดุที่จัดซื้อจัดจ้างต้องมีคุณภาพหรือคุณลักษณะ ที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ในการใช้งานของหน่วยงานของรัฐ มีราคาที่เหมาะสม และมีแผนการบริหาร พัสดุที่เหมาะสมและชัดเจน 2) โปร่งใส โดยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุต้องกระทำโดย เปิดเผย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมมีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียม กัน มีระยะเวลาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการยื่นข้อเสนอ มีหลักฐานการดำเนินงานชัดเจน และมี การเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุในทุกขั้นตอน 3) มีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล โดยต้องมีการวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุล่วงหน้าเพื่อให้การจัดซื้อจัด จ้าง และการบริหารพัสดุเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีกำหนดเวลาที่เหมาะสมโดยมีการประเมิน และ เปิดเผยผลสัมฤทธิ์ของการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ 4) ตรวจสอบได้โดยมีการเก็บข้อมูลการ จัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุอย่างเป็นระบบเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ (พระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560. หน้า, 13-48) ในการบริหารพัสดุตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ. 2560 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และ การบริหารพัสดุภาครัฐ การบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐให้ดำเนินการตาม หมวด 9 การบริหาร พัสดุ ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 การเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย ส่วนที่ 2 การยืม ส่วนที่ 3 การ บำรุงรักษา การตรวจสอบ ส่วนที่ 4 การจำหน่ายพัสดุ ชุติมา สรรพโส (2562, หน้า 49) ได้กล่าวถึง
2 ปัญหาในการบริหารงานพัสดุ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การจัดซื้อเกือบเป็นวิธีเดียวในการให้ได้มาซึ่ง พัสดุของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่มีหน่วยงานกลางในการจัดหาพัสดุ ไม่มีการสำรวจความสามารถของ ผู้ขายหรือตรวจสอบเทคนิคการผลิต ไม่รับผิดชอบในด้านการบำรุงรักษา เจ้าหน้าที่พัสดุขาดความรู้ ความเข้าใจ ในปรัชญาการบริการงานพัสดุ ทำให้การบริหารงานพัสดุไม่มีประสิทธิภาพ ธีรพงษ์ ภูธร (2555, หน้า 95) ได้กล่าวถึงปัญหาการบริหารงานพัสดุไว้ดังนี้ การตรวจสอบพัสดุประจำปีและการ จำหน่ายพัสดุนั้นมีหลายประเด็นซึ่งเกิดจากความบกพร่อง ความขาดแคลน ความล่าช้า ทำให้การ บริหารงานพัสดุไม่มีประสิทธิภาพสรุปได้10 ประเด็น ดังนี้ 1) ไม่มีการตรวจสอบพัสดุประจำปี 2) การ จัดเก็บเอกสาร บัญชีวัสดุ ทะเบียนครุภัณฑ์และหลักฐานการรับจ่ายพัสดุไม่เป็นระบบ ทำให้ยากต่อ การตรวจสอบ 3) คณะกรรมการตรวจสอบพัสดุประจำปี ไม่รายงานผลการตรวจสอบต่อผู้แต่งตั้ง 4) การรายงานผลล่าช้า หรือรายงานผลไม่ครบถ้วน 5) มีปัญหาในการปฏิบัติตามขั้นตอนการขอจำหน่าย ครุภัณฑ์ประจำปี 6) ไม่ได้ดำเนินการจำหน่ายพัสดุที่ชำรุดเสื่อมสภาพ หรือสูญหายหรือไม่จำเป็นต้อง ใช้ในราชการอีกต่อไป 7) ขาดความเข้าใจในการดำเนินการกับซากพัสดุที่จำหน่ายแล้ว 8) ไม่มีราคา กลางพัสดุที่จำหน่าย 9) ไม่มีคู่มือเกี่ยวกับการจำหน่ายพัสดุ 10) ไม่มีการจำหน่ายพัสดุออกจากบัญชี การบริหารงานพัสดุของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ปัจจุบันโรงเรียนในสังกัดสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ขาด บุคลากรตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัสดุไว้ปฏิบัติงานเป็นการเฉพาะโรงเรียนหลายแห่งต้องแต่งตั้งครูผู้สอนมา ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุ ทำให้เกิดอุปสรรคในการบริหารงานพัสดุ ครูที่ได้รับแต่งตั้งทำหน้าที่เกี่ยวกับ พัสดุยังขาดความรู้ ความเข้าใจในระบบงานพัสดุ จึงต้องเริ่มศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจกับงานที่ ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นภาระค่อนข้างหนักสำหรับครูที่ต้องสอนไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นพบว่าโรงเรียน มักประสบปัญหาการบริหารงานพัสดุ การติดต่อเอกสารและการขนส่งสินค้าในการจัดซื้อจัดจ้างไม่ สะดวกในเรื่องการคมนาคม การควบคุมการเบิกจ่ายพัสดุขาดความไม่รัดกุม ทำให้เกิดการสูญหาย และไม่มีการจัดเก็บพัสดุครุภัณฑ์ที่เป็นระเบียบ ซึ่งปัญหาข้อบกพร่องเหล่านี้ ทำให้การบริหารงาน พัสดุของโรงเรียนดำเนินไปอย่างขาดความมีประสิทธิภาพ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 2 ; กลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ งานบริหารงานพัสดุ. 2564, หน้า ออนไลน์ จากความสำคัญและปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาการบริหารงานพัสดุของ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 โดย ศึกษาจากผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้ปฏิบัติหน้าที่งานบริหารพัสดุ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับงานพัสดุ และเป็นผู้ที่ทราบปัญหาใน โรงเรียนเพื่อจะได้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ไปใช้ในการปรับปรุงการให้บริการและ พัฒนาการบริหารงานพัสดุให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป
3 คำถามวิจัย 1. การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 อยู่ในระดับใด 2. ปัญหาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 มีอะไรบ้าง 3. แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ควรเป็นอย่างไร วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาระดับการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 2. เพื่อศึกษาปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 3. เพื่อศึกษาแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ขอบเขตของการวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมุ่งศึกษาเรื่องปัญหาและแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 มีขอบเขตครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้ 1. ด้านเนื้อหา การวิจัยเรื่องปัญหาและแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่าย กุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 โดยมีขอบเขตการศึกษา ตามการบริหารงานพัสดุ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2560 ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2) ด้านการยืม
4 3) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 4) ด้านการจำหน่ายพัสดุ 2. ด้านประชากร กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างหน่วยที่ศึกษา คือ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 จำนวน 58 โรงเรียน 1) ประชากรผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารและครู โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 รวมจำนวน 529 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร จำนวน 59 คน ครู จำนวน 470 คน 2) กลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหาร และครูโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีใสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 จำนวน 529 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ ตาราง Kerjcie & Morgan. (1970, p. 608) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 226 คน จำแนกเป็น ผู้บริหาร จำนวน 25 คน ครู จำนวน 201 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่ายโดยการจับฉลาก (Simple Random Samphing) 3. ด้านตัวแปรที่ศึกษา การบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ประกอบด้วยภารกิจ 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2) ด้านการยืม 3) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 4) ด้านการจำหน่ายพัสดุ 4. ด้านพื้นที่ คือ โรงเรียนในเครือข่ายกุมภวาปีสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 จำนวน 58 แห่ง 5. ด้านเวลา ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย ตั้งแต่เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2565 ถึง ตุลาคม พ.ศ. 2565 รวมระยะเวลา 5 เดือน นิยามศัพท์เฉพาะ ผู้วิจัยได้กำหนดนิยามศัพท์เฉพาะไว้เพื่อให้เกิดความเข้าใจความหมายเฉพาะของคำที่ใช้ใน การวิจัย ดังนี้
5 1. โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี หมายถึง สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนในระดับชั้น อนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 มีจำนวน 9 ตำบล ได้แก่ เมืองกุมภวา ท่าลี่สีออ แชแล เวียงคำ หนองหว้า ห้วยเกิ้ง-ปะโค เสอเพลอผาสุก เชียงแหว พันดอน 2. การบริหารงานพัสดุในโรงเรียน หมายถึง การบริหารงานในการดำเนินงานเกี่ยวกับพัสดุ เพื่อสนับสนุนและสนองความต้องการในการปฏิบัติงานให้ดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา ตามขั้นตอนการบริหารงานพัสดุ 3.การเก็บ การบันทึก และการเบิกจ่าย หมายถึง การลงบัญชีหรือทะเบียนเพื่อควบคุมพัสดุ แล้วแต่กรณี แยกเป็นชนิด และแสดงรายการโดยให้มีหลักฐานการรับเข้าบัญชีหรือทะเบียนไว้ ประกอบรายการ พร้อมกับเก็บรักษาพัสดุให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดภัย และให้ครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามบัญชีหรือทะเบียน รวมถึงการเบิกจ่ายพัสดุจากหน่วยพัสดุของโรงเรียนให้หัวหน้างานที่ต้องใช้ พัสดุนั้นเป็นผู้เบิกจ่ายพัสดุที่มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยพัสดุที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมพัสดุ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหน่วยงานของโรงเรียนเป็นหัวหน้าหน่วยพัสดุ เป็นผู้สั่งจ่ายพัสดุ ผู้จ่ายพัสดุต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบเบิกและเอกสารประกอบ (ถ้ามี) แล้วลงบัญชีหรือ ทะเบียน ทุกครั้งที่มีการจ่าย และเก็บใบเบิกจ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วย 4. การยืม หมายถึง การให้ยืม หรือนำพัสดุไปใช้ในกิจการ ซึ่งมิใช่เพื่อประโยชน์ของทาง ราชการ ผู้ยืมทำหลักฐานการยืมเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงเหตุผล และกำหนดวันส่งคืน 5. ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ หมายถึง การดูแลรักษาไม่ให้พัสดุเสื่อมสภาพ ให้อยู่ใน สภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา โดยให้มีการจัดทำแผนการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม และระยะเวลาใน การซ่อมบำรุงด้วย และดำเนินการตรวจสอบพัสดุภายในเดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปีงบประมาณของทุกปี และตรวจนับพัสดุประเภทที่คงเหลืออยู่ มีการรายงานพัสดุที่ ชำรุด เสื่อมสภาพหรือสูญไป จำเป็นต้อง ใช้ในโรงเรียน 6. การจำหน่ายพัสดุ หมายถึง การจำหน่ายพัสดุเกิดขึ้นภายหลังจากการตรวจสอบแล้ว พัสดุ ใดหมดความจำเป็นหรือหากใช้ในโรงเรียนจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก เจ้าหน้าที่เสนอ เพื่อพิจารณาสั่ง ให้ดำเนินการตามวิธีการอย่างหนึ่ง ขายแลกเปลี่ยน โอน แปรสภาพการจำหน่ายเป็นสูญ การลงจ่าย ออกจากบัญชีหรือทะเบียน 7. ปัญหาการบริหารงานพัสดุ หมายถึง อุปสรรคหรือข้อขัดข้องผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับ การบริหารงานพัสดุประสบอยู่ในการบริหารงานพัสดุในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 8. แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุ หมายถึง กระบวนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆเกี่ยวกับ การบริหารงานพัสดุด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย ด้านการยืม ด้านการบำรุงรักษา
6 การตรวจสอบ และด้านการจำหน่ายพัสดุ 9. ผู้บริหาร หมายถึง ผู้อำนวยการหรือรองผู้อำนวยการรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 10. ครู หมายถึง ข้าราชการครู พนักงานราชการ (ตำแหน่งครู) ครูอัตราจ้างในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 กรอบแนวคิดในการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมุ่งศึกษาบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ซึ่งผู้วิจัยได้ศึกษาการบริหารงานพัสดุ 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2) ด้านการยืม 3) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 4) ด้านการจำหน่ายพัสดุ ซึ่งนำขอบข่ายงานบริหารงานบุคคลของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ (2560, หน้า 13-48) มากำหนดเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยครั้งนี้ สามารถอธิบายได้ ตามภาพดังนี้ ภาพประกอบที่ 1 กรอบแนวคิดในการวิจัย บริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 1) ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2) ด้านการยืม 3) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 4) ด้านการจำหน่ายพัสดุ แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
7 ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัย 1. ผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 นำ ข้อมูลไปใช้ในการวางแผนพัฒนาและปรับปรุงการบริหารงานพัสดุโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ให้เหมาะสมต่อไป 2. ผู้บริหารโรงเรียน นำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการพิจารณากำหนดนโยบายและแนว ทางการส่งเสริมการบริหารงานพัสดุในโรงเรียนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
8 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน นำไปสู่ กรอบแนวคิดในการวิจัย และเป็นข้อมูลประกอบการอภิปรายผลการวิจัย โดยนำเสนอตามลำดับ ดังนี้ 1. ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุ 2. ขอบข่ายการบริหารพัสดุ และกระบวนการบริหารงานพัสดุ 2.1 ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2.2 ด้านการยืม 2.3 ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 2.4 ด้านการจำหน่ายพัสดุ 3. บริบทสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 4. ขอบข่ายในการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน 5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุ สำหรับทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับพัสดุและการพัสดุ มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมาย ไว้และผู้วิจัยได้รวบรวมและนำมาเสนอโดยสังเขป ดังนี้ ตามพระราชบัญญัติ การจัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ได้นิยามคำ ว่าการจัดซื้อจัดจ้าง หมายความว่า การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุโดยการซื้อจ้าง เช่า แลกเปลี่ยน หรือ โดยนิติกรรมอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 1.1 ความหมายของพัสดุ พระราชบัญญัติ การจัดซื้อ จัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ (2560, หน้า 13) ได้ให้ ความหมายไว้ดังนี้ พัสดุ หมายความว่า สินค้า งานบริการ งานก่อสร้าง งานจ้างที่ปรึกษา และงานจ้างออกแบบ หรือควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งการดำเนินการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
9 1.2 ความหมายของการบริหารงานพัสดุ นักวิชาการและหน่วยงาน ได้กล่าวความหมายของการบริหารพัสดุไว้ดังนี้ วันทนีย์ แสนภักดีและคณะ (2553, หน้า 18-20) กล่าวว่า งานพัสดุเป็นงานที่ต้องมีการ กระทำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การบริหารงานพัสดุอย่างมีประสิทธิภาพควรมีขั้นตอนในการปฏิบัติ 6 ขั้นตอนโดยเริ่มจาก 1) การวางแผนงานพัสดุ 2) การจัดองค์การงานพัสดุ 3) การจัดหาพัสดุ 4) การควบคุมพัสดุ 5) การเก็บรักษาพัสดุและ 6) การจำหน่ายพัสดุตามลำดับ ดังนี้ 1.2.1. การวางแผนงานพัสดุการวางแผนงานพัสดุเป็นการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ว่าสำนักงานต้องการใช้พัสดุประเภทใดจำนวนเท่าใด เวลาใด และการคาดการณ์นั้น จะถูกต้องได้ ผู้บริหารสำนักงานควรดำเนินการสำรวจความต้องการและการจัดลำดับ ความสำคัญของพัสดุ 1.2.2 การจัดองค์การงานพัสดุงานพัสดุเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหา ควบคุมและบำรุงรักษาเครื่องมือเครื่องใช้เป็นงานหนึ่งของสำนักงานที่มีความซับช้อนค่อนข้างมาก จึงต้องมีการจัดองศ์การเพื่อให้การดำเนินงานด้านพัสดุเป็นไปด้วยความถูกต้องเรียบร้อยการจัด องค์การพัสดุมีลักษณะเหมือน กับการจัดองค์การอื่น ๆ คือ มีการจำแนกความสัมพันธ์ของงานและ หน้าที่ตำแหน่งต่าง ๆ หรือที่เรียกว่าจัดโครงสร้างองค์การลักษณะงานพัสดุจะถูกจำแนกและจัด หมวดหมู่ไว้ได้แก่งานด้านเอกสาร งานบัญชีงานเก็บรักษาพัสดุ และงานซ่อมบำรุง 1.2.3 การจัดหาพัสดุการจัดหาหรือการจัดซื้อ (Procurement) หมายถึง กระบวนการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุที่ต้องการ (Acquisition) เป็นการซื้อพัสดุทุกชนิดทั้งที่มา ทำการติดตั้งทดลอง และบริการที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ โดยมีคุณสมบัติ มีจำนวนที่ถูกต้องและนำส่งไปยัง สถานที่ที่ถูกต้องการจัดหาเริ่มตันด้วยการกำหนดความต้องการและจบลงด้วยการได้มาซึ่งความ ต้องการการจัดหาจะต้องเกี่ยวข้องกับระเบียบ กฎและคำสั่ง หน่วยงานการประมาณหรือรู้ถึงความ ต้องการ 1.2.4 การควบคุมพัสดุ การควบคุมพัสดุเป็นการจัดให้มีพัสดุอย่างเพียงพอต่อ การสนับสนุนการปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นการกำกับดูแลไม่ให้กิจการมีพัสดุมากเกินความ จำเป็นในที่จะกล่าวถึงการควบคุมพัสดุทางบัญชีคือ การลงบัญชีจำนวนพัสดุแต่ละครั้งที่มีการรับและ จ่ายพัสดุจะต้องระบุราคาพัสดุคงคลังเป็นจำนวนมูลค่าเท่าใด นอกจากนี้การควบคุมพัสดุทางบัญชี ต้องสมบูรณ์ และแสดงสถิติจำนวนพัสดุที่จ่ายให้กับส่วนงานต่าง ๆ รวมทั้งจำนวนที่ไม่สามารถจ่ายได้ (ค้างจ่าย) ให้กับผู้ใช้หน่วยงาน 1.2.5 การเก็บรักษาพัสดุ หมายถึง การนำพัสดุไปเก็บรักษาในคลังพัสดุเพื่อรอ การนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต เพื่อให้การเก็บรักษาพัสดุเป็นไปด้วยความเรียบร้อยควรยึดถือแนว ปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานเก็บรักษาพัสดุและหน้าที่ของคลังพัสดุในการเก็บรักษาพัสดุ
10 1.2.6 การจำหน่ายพัสดุ หมายถึง การปฏิบัติการในการจัดพัสดุต่าง ๆ โดยเฉพาะ ครุภัณฑ์ที่เกินความต้องการหรือที่เหลือใช้ออกไปจากระบบการควบคุมและเก็บรักษาโดยให้เจ้าหน้าที่ พัสดุรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับ เพื่อพิจารณาสั่งการอย่างได้อย่างหนึ่งลงมา ลาวัลย์ นนทะสี (2554, หน้า 15) กล่าวไว้ว่า การบริหางานพัสดุ หมายถึง กระบวนการและ ขั้นตอนที่องค์กรต้องปฏิบัติเกี่ยวกับพัสดุที่สำคัญคือ ขั้นตอนการได้มาของพัสดุประกอบด้วย การวางแผนการจัดทำโครงการ การกำหนดความต้องการ ขั้นตอนการจัดหาพัสดุ ประกอบด้วย การจัดซื้อจัดจ้าง และขั้นตอนการควบคุมและการจำหน่ายพัสดุ ประกอบด้วย การยืม การเก็บรักษา การเบิกจ่ายการตรวจสอบพัสดุประจำปีการบำรุงรักษาและการจำหน่าย โดยกระบวนการและขั้นตอน ต่าง ๆ ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้ที่ปฏิบัติงานพัสดุต้องจัดสรรพัสดุให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ทันเวลา ประหยัดและคุ้มค่า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ สูงสุด ธีรพงษ์ ภูธร (2555, หน้า 20) กล่าวไว้ว่า การบริหารงานพัสดุนั้นได้เริ่มเข้ามามีบทบาทใน ระบบโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศแถบยุโรปตะวันตกในยุคเริ่มต้นโดยหัวหนคนงานหรือผู้ควบคุม โรงงานในแต่ละโรงงานมีหน้าที่เป็นผู้จัดการฝ่ายพัสดุโดยปริยาย จากนั้นจึงได้พัฒนาระบบการบริหาร ที่มีระบบมากขึ้น ในประเทศไทยมีกระบวนการบริหารพัสดุภาครัฐที่จัดทำเป็นระเบียบหรือแนวทาง ปฏิบัติสำหรับกระทรวง ทบวง กรม และจังหวัด โดยอาศัยกฎหมายซึ่งกำหนดไว้เพื่อให้หน่วยงานของ รัฐยึดเป็นแนวปฏิบัตินั่นคือ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไข เพิ่มเติม ซึ่งได้พัฒนาปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยตลอดมา ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือในการบริหารงาน พัสดุของระบบราชการไทย วิศรุต อุดมลาภ (2557, หน้า 20) กล่าวไว้ว่า การบริหารงานพัสดุ หมายถึง การนำทักษะใน การบริหารมาใช้ในการจัดการพัสดุให้ดำเนินการไปด้วยความถูกต้องเรียบร้อยและรวดเร็ว ตามกฎ ระเบียบ คำสั่ง และมติคณะรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนและสนองความต้องภารในการปฏิบัติงานให้ ดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ขององค์การ สุทธีรา นัยติ๊บ (2558, หน้า 26) กล่าวไว้ว่า การบริหารงานพัสดุ หมายถึง การดำเนินการ หรือการบริหารงานด้านงานพัสดุอย่างมีประสิทธิผลละประสิทธิภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุที่หน่วยงาน หรือองค์กรต้องการ โดยบุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านงานพัสดุต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ และ ความเชี่ยวชาญทางด้านงานพัสดุเป็นอย่างดี รัชฎาพร มณเทียร (2559, หน้า 34) ได้กล่าวถึงความสำคัญการบริหารงานพัสดุว่า ทุกองค์กร มีความจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากพัสดุและสินทรัพย์ตังนั้น องค์กรต่าง ๆ ต้องให้ความสนใจในการ บริหารพัสดุและสินทรัพย์เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากพัสดุและสินทรัพย์ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า ประหยัดเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินงานขององศ์กรและเป็นการป้องกันปัญหาที่เกิดจาก
11 การบริหารพัสดุและสินทรัพย์ที่บกพร่องซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ขององศ์กร ต่อไปได้ สันติ แสวงทรัพย์ (2559, หน้า 23) กล่าวไว้ว่า การบริหาร หมายถึง ในหลักการบริหาร องค์การการบริหารงานพัสดุเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการบริหารงานของทุกองค์การ และเป็นกลไก ที่จะขับเคลื่อนกระบวนการต่าง ๆ ในองค์การให้ขับเคลื่อนกระบวนการต่าง ๆ ให้ดำเนินไปอย่างมี ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ตั้งไวโดยกระบวนการบริหาร งานพัสดุจะเริ่มต้นจาก การกำหนดความต้องการหรือ การวางแผนการจัดทำงบประมาณการจัดหาพัสดุ อดิศักดิ์ ศรีนา (2560, หน้า 15) กล่าวไว้ว่า การบริหารงานพัสดุหมายถึงการที่ผู้บริหารใช้ ศาสตร์และศิลปะในการบริหารงานมาใช้ในการดำเนินงานเกี่ยวกับพัสดุเพื่อสนับสนุนและสนอง ความต้องการในการปฏิบัติงานให้ดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ขององค์การ ตามขั้นตอนการบริหารงาน พัสดุ 3 ด้าน ได้แก่ การควบคุม การเก็บรักษาและการจำหน่ายพัสดุ สรุป การบริหารงานพัสดุคือการนำทักษะความรู้ในการบริหาร เพื่อให้การดำเนินงานพัสดุมี ความถูกต้องตามกฎหมาย ตามหลักการบริหารงาน โดยตามหลักการคุ้มค่า คือ โดยพัสดุที่จัดซื้อจัด จ้างต้องมีคุณภาพเหมาะสมและชัดเจน โปร่งใส คือโดยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุต้อง กระทำโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และมีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัด จ้าง และการบริหารพัสดุในทุกขั้นตอน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ โดยต้องมีการวางแผน การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุล่วงหน้าเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุเป็นไป อย่างต่อเนื่องและ ตรวจสอบได้ คือ มีการเก็บข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุอย่างเป็น ระบบเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ขอบข่ายการบริหารพัสดุและกระบวนการบริหารงานพัสดุ ตามพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หมวด 6 การจัดซื้อ จัดจ้างมาตรา 54 บทบัญญัติในหมวดนี้ให้ใช้บังคับกับการจัดซื้อ จัดจ้างพัสดุ ยกเว้นงานจ้างที่ปรึกษา และงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง 2.1 มาตรา 55 การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุอาจกระทำได้โดยวิธี ดังต่อไปนี้ 2.1.1 วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป ได้แก่ การที่หน่วยงานของรัฐเชิญชวน ผู้ประกอบการทั่วไปที่มี คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่หน่วยงานของรัฐกำหนดให้เข้ายื่นข้อเสนอ
12 2.1.2 วิธีคัดเลือก ได้แก่ การที่หน่วยงานของรัฐเชิญชวนเฉพาะผู้ประกอบการที่มี คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่หน่วยงานของรัฐกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสามรายให้เข้ายื่นข้อเสนอ เว้น แต่ในงานนั้น มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดน้อยกว่าสามราย 2.1.3 วิธีเฉพาะเจาะจง ได้แก่ การที่หน่วยงานของรัฐเชิญชวนผู้ประกอบการที่มี คุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่หน่วยงานของรัฐกำหนดรายใดรายหนึ่ง ให้เข้ายื่นข้อเสนอ หรือให้เข้ามา เจรจาต่อรองราคา รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุกับผู้ประกอบการโดยตรงในวงเงินเล็กน้อยตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง ที่ออกตามความในมาตรา 96 วรรคสอง 2.2 มาตรา 56 การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุให้หน่วยงานของรัฐเลือกใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป ก่อนเว้นแต่ 2.2.1 กรณีดังต่อไปนี้ ให้ใช้วิธีคัดเลือก ก. ใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอหรือข้อเสนอนั้น ไม่ได้รับ การคัดเลือก ข. พัสดุที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้างมีคุณลักษณะเฉพาะเป็นพิเศษหรือซับซ้อน หรือต้องผลิต จำหน่าย ก่อสร้าง หรือให้บริการโดยผู้ประกอบการที่มีฝีมือโดยเฉพาะ หรือมี ความชำนาญเป็นพิเศษ หรือมีทักษะสูง และผู้ประกอบการนั้นมีจำนวนจำกัด ค. มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้พัสดุนั้นอันเนื่องมาจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ อาจคาดหมายได้ ซึ่งหากใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปจะทำให้ไม่ทันต่อความต้องการใช้พัสดุ ง. เป็นพัสดุที่โดยลักษณะของการใช้งาน หรือมีข้อจำกัดทางเทคนิคที่จำเป็น ต้องระบุยี่ห้อ เป็นการเฉพาะ จ. เป็นพัสดุที่จำเป็นต้องซื้อโดยตรงจากต่างประเทศหรือดำเนินการโดยผ่าน องค์การ ระหว่างประเทศ ฉ. เป็นพัสดุที่ใช้ในราชการลับ หรือเป็นงานที่ต้องปกปิดเป็นความลับของ หน่วยงานของรัฐ หรือที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ช. เป็นงานจ้างซ่อมพัสดุที่จำเป็นต้องถอดตรวจ ให้ทราบความชำรุด เสียหายเสียก่อนจึงจะประมาณค่าซ่อมได้ เช่น งานจ้างซ่อมเครื่องจักร เครื่องมือ กลเครื่องยนต์ เครื่อง ไฟฟ้า หรือเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ซ. กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 2.2.2 กรณีดังต่อไปนี้ ให้ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ก. ใช้ทั้งวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้วแต่ ไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอ หรือข้อเสนอนั้นไม่ได้รับการคัดเลือก ข. การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่มีการผลิต จำหน่าย ก่อสร้างหรือ ให้บริการทั่วไป
13 และมีวงเงินในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งหนึ่ง ไม่เกินวงเงินตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ค. การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่มีผู้ประกอบการซึ่งมีคุณสมบัติโดยตรงเพียง รายเดียวหรือการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุจากผู้ประกอบการซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือตัวแทนผู้ให้บริการ โดยชอบด้วยกฎหมายเพียงรายเดียวในประเทศไทยและไม่มีพัสดุอื่นที่จะใช้ทดแทนได้ ง. มีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดอุบัติภัยหรือภัย ธรรมชาติ หรือเกิดโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธี ประกาศเชิญชวนทั่วไป หรือวิธีคัดเลือกอาจก่อให้เกิดความล่าช้า และอาจทำให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรง จ. พัสดุที่จะทำการจัดซื้อจัดจ้างเป็นพัสดุที่เกี่ยวพันกับพัสดุที่ได้ทำการ จัดซื้อ จัดจ้างไว้ก่อนแล้ว และมีความจำเป็นต้องทำการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์หรือ ต่อเนื่องในการใช้พัสดุนั้น โดยมูลค่าของพัสดุที่ทำการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มเติมจะต้องไม่สูงกว่าพัสดุที่ได้ ทำการจัดซื้อจัดจ้างไว้ก่อนแล้ว ฉ. เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาดโดยหน่วยงานของรัฐ องค์การระหว่าง ประเทศหรือหน่วยงานของต่างประเทศ ช. เป็นพัสดุที่เป็นที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง ซ. กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 2.3 มาตรา 57 รายละเอียดของวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุในหมวดนี้ ด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรี กำหนด 2.4 มาตรา 58 เพื่อประโยชน์ของภาครัฐโดยรวม หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งแห่งใดอาจทำ การจัดซื้อ จัดจ้างพัสดุให้กับหน่วยงานของรัฐแห่งอื่น ๆ ก็ได้ตามกรอบข้อตกลงระหว่างหน่วยงานของ รัฐผู้ทำการจัดซื้อ จัดจ้างกับคู่สัญญาการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและ วัตถุประสงค์ในการใช้งานเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 2.5 มาตรา 59 เพื่อประโยชน์ในการจัดทำร่างขอบเขตของงานหรือรายละเอียดของพัสดุ ที่จะทำการจัดซื้อจัดจ้างและร่างเอกสารเชิญชวน ก่อนทำการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุด้วยวิธีประกาศเชิญ ชวน ทั่วไป หน่วยงานของรัฐอาจจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นร่างขอบเขตของงานหรือรายละเอียด ของพัสดุที่จะทำการจัดซื้อจัดจ้างและร่างเอกสารเชิญชวนจากผู้ประกอบการก่อนก็ได้หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็นร่างขอบเขตของงานหรือรายละเอียดของพัสดุที่จะทำ การจัดซื้อจัดจ้างและร่างเอกสารเชิญชวนเพื่อนำไปใช้เป็นเอกสารเชิญชวนให้เป็นไปตามระเบียบที่ รัฐมนตรีกำหนด
14 2.6 มาตรา 60 ก่อนดำเนินการจัดจ้างงานก่อสร้างตามวิธีการตามมาตรา 54 หน่วยงานของ รัฐ ต้องจัดให้มีแบบรูปรายการงานก่อสร้างซึ่งหน่วยงานของรัฐจะดำเนินการจัดทำเอง หรือดำเนินการ จัดจ้าง ตามหมวด 8 งานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง ก็ได้ในกรณีที่ต้องมีการจ้างออกแบบ รวมก่อสร้างซึ่งไม่อาจจัดให้มีแบบรูปรายการงานก่อสร้าง ตามวรรคหนึ่งได้ ให้ได้รับยกเว้น ไม่ต้อง ดำเนินการตามวรรคหนึ่งโดยกรณีใดที่จะจ้างออกแบบรวมก่อสร้าง ต้องพิจารณาความเหมาะสมของ โครงการ และวงเงินด้วย ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการจ้างออกแบบรวมก่อสร้าง ให้เป็นไปตามระเบียบ ที่รัฐมนตรีกำหนด 2.7 มาตรา 61 ในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุแต่ละครั้ง ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งผู้รับผิดชอบการจัดซื้อ จัดจ้างนั้น ซึ่งจะกระทำโดยคณะกรรมการการจัดซื้อจัดจ้างหรือ เจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่ง ก็ได้ องค์ประกอบและองค์ประชุมซึ่งกระทำโดยคณะกรรมการ และหน้าที่ของผู้รับผิดชอบการจัดซื้อ จัด จ้างตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดค่าตอบแทนผู้รับผิดชอบการจัดซื้อจัดจ้าง ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด 2.8 มาตรา 62 การจัดซื้อจัดจ้างตามวิธีการตามมาตรา 54 (1) ให้หน่วยงานของรัฐจัดทำ ประกาศ และเอกสารเชิญชวนให้ทราบเป็นการทั่วไปว่าหน่วยงานของรัฐจะดำเนินการในการจัดซื้อจัด จ้างพัสดุใด วัน เวลา สถานที่ยื่นข้อเสนอ และเงื่อนไขอื่น ๆ ประกาศและเอกสารเชิญชวนตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่าย สารสนเทศ ของกรมบัญชีกลางและของหน่วยงานของรัฐตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนด และให้ ปิดประกาศ โดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น ในการนี้หน่วยงานของรัฐจะ เผยแพร่ประกาศ และเอกสารเชิญชวนดังกล่าวโดยวิธีการอื่นด้วยก็ได้ หลักเกณฑ์ วิธีการ และรายละเอียดการจัดทำประกาศและเอกสารเชิญชวนรวมทั้งระยะเวลา การประกาศเชิญชวน ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างตามวิธีการตามมาตรา 55 (2) หรือ (3) ให้หน่วยงานของรัฐจัดทำหนังสอื เชิญชวน ให้ผู้ประกอบการเข้ายื่นข้อเสนอ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 2.9 มาตรา 63 ภายใต้บังคับมาตรา 62 ให้หน่วยงานของรัฐประกาศรายละเอียดข้อมูลราคา กลาง และการคำนวณราคากลางในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางตามวิธีการที่ กรมบัญชีกลางกำหนด 2.10 มาตรา 64 ภายใต้บังคับมาตรา 51 และมาตรา 52 ผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอในการจัดซื้อ จัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ อย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ 2.10.1 มีความสามารถตามกฎหมาย 2.10.2 ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย 2.10.3 ไม่อยู่ระหว่างเลิกกิจการ
15 2.10.4 ไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ระหว่างถูกระงับการยื่นข้อเสนอหรือทำสัญญา กับหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา 106 วรรคสาม 2.10.5 ไม่เป็นบุคคลซึ่งถูกแจ้งเวียนช่อื ให้เป็นผู้ทิ้งงานของหน่วยงานของรัฐตาม มาตรา 109 2.10.6 คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามอื่นตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศ กำหนด ในราชกิจจานุเบกษาให้หน่วยงานของรัฐกำหนดเป็นเงื่อนไขในประกาศและเอกสารเชิญชวน ว่าผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ต้องแสดงหลักฐานถึงขีดความสามารถและความพร้อมที่ตนมีอยู่ในวันยื่น ข้อเสนอด้วย 2.11 มาตรา 65 ในการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอโดยวิธีตามมาตรา 55 (1) หรือ (2) ให้ หน่วยงานของรัฐดำเนินการโดยพิจารณาถึงประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐ และวัตถุประสงค์ของ การใช้งานเป็นสำคัญ โดยให้คำนึงถึงเกณฑ์ราคาและพิจารณาเกณฑ์อื่น ประกอบด้วย ดังต่อไปนี้ 2.11.1 ต้นทุนของพัสดุนั้นตลอดอายุการใช้งาน 2.11.2 มาตรฐานของสินค้าหรือบริการ 2.11.3 บริการหลังการขาย 2.11.4 พัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน 2.11.5 การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ 2.11.6 ข้อเสนอด้านเทคนิคหรือข้อเสนออื่น ในกรณีที่กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอ ด้านเทคนิค หรือข้อเสนออื่นก่อนตามวรรคหก 2.11.7 เกณฑ์อื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง พัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือ สนับสนุนตาม ให้รัฐมนตรีออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอตาม วรรคหนึ่งซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนดให้หน่วยงานของรัฐเลือกใช้เกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งหรือหลายเกณฑ์ก็ได้ ประกอบกับเกณฑ์ราคา และต้องกำหนดน้ำหนักของแต่ละเกณฑ์ให้ชัดเจน แต่หากหน่วยงานของรัฐ ไม่อาจเลือกใช้เกณฑ์อื่นประกอบและจำเป็นต้องใช้เกณฑ์เดียวในการพิจารณาคัดเลือกให้ใช้เกณฑ์ ราคา รวมทั้งการให้คะแนนพร้อมด้วยเหตุผลของการให้คะแนนในแต่ละเกณฑ์ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่ สามารถออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอของพัสดุทุกประเภทได้ จะกำหนดกรณีตัวอย่างของพัสดุประเภทหนึ่งประเภทใดเพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาคัดเลือก ข้อเสนอของพัสดุอื่น ๆ ก็ได้ เมื่อพิจารณาข้อเสนอประกอบกับเกณฑ์ที่หน่วยงานของรัฐใช้ในการพิจารณาแล้ว การพิจารณา เลือกข้อเสนอให้จัดเรียงลำดับตามคะแนน ข้อเสนอใดที่มีคะแนนสูงสุดให้หน่วยงานของ รัฐเลือกข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอรายนั้นและให้บันทึกผลการพิจารณาดังกล่าวด้วยให้หน่วยงานของ รัฐประกาศเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกและน้ำหนักของแต่ละเกณฑ์ไว้ในประกาศเชิญชวนหรือ
16 หนังสือเชิญชวน แล้วแต่กรณี ด้วยในกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่มีลักษณะที่จะต้องคำนึงถึง เทคโนโลยีของพัสดุหรือคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอหรือกรณีอื่นที่ทำให้มีปัญหาในการพิจารณา คัดเลือกข้อเสนอตามวรรคหนึ่ง หน่วยงานของรัฐอาจกำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคหรือ ข้อเสนออื่นก่อนการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอตามวรรคหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 2.12 มาตรา 66 ให้หน่วยงานของรัฐประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการ คัดเลือก และเหตุผลสนับสนุนในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง และของหน่วยงาน ของรัฐตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนดและให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของ หน่วยงานของรัฐนั้น การลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจะกระทำได้ต่อเมื่อล่วงพ้นระยะเวลาอุทธรณ์และไม่มีผู้ใด อุทธรณ์ตามมาตรา 117หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ เมื่อหน่วยงานของรัฐได้รับแจ้งจากคณะกรรมการ พิจารณา อุทธรณ์ให้ทำการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้เว้นแต่การจัดซื้อจัดจ้างที่มี ความจำเป็นเร่งด่วนตามมาตรา 56 (1) (ค) หรือการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงหรือการจัดซื้อ จัดจ้างที่มีวงเงินเล็กน้อยตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 96 วรรคสอง 2.13 มาตรา 67 ก่อนลงนามในสัญญา หน่วยงานของรัฐอาจประกาศยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้ในกรณี ดังต่อไปนี้ 2.13.1 หน่วยงานของรัฐนั้นไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณที่จะใช้ในการจัดซื้อ จัดจ้าง หรือเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอที่จะทำการจัดซื้อจัดจ้างนั้นต่อไป 2.13.2 มีการกระทำที่เข้าลักษณะอื่นที่ข้อเสนอที่ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือที่ได้รับ การคัดเลือก มีผลประโยชน์ร่วมกันหรือมีส่วนได้เสียกับผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นหรือขัดขวางการแข่งขัน อย่างเป็นธรรม หรือสมยอมกันกับผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นหรือเจ้าหน้าที่ในการเสนอราคาหรือส่อว่า กระทำการทุจริตอื่นใดในการเสนอราคา ทั้งนี้ตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด 2.13.3 การทำการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของ รัฐหรือกระทบ ต่อประโยชน์สาธารณะ 2.13.4 กรณีอื่นในทำนองเดียวกับ (1) (2) หรือ (3) ทั้งนี้ตามที่กำหนดใน กฎกระทรวง การยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างตามวรรคหนึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของหน่วยงานของรัฐผู้ยื่น ข้อเสนอ ในการจัดซื้อจัดจ้างที่ถกยกเลิกนั้นจะเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐไม่ได้ เมื่อมีการยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างให้หน่วยงานของรัฐแจ้งให้ผู้ประกอบการซึ่งมารับหรือซื้อ เอกสาร เชิญชวนทุกรายทราบถึงเหตุผลที่ต้องยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนั้น ในกรณีที่มีหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ยื่นข้อเสนอตั้งแต่สองรายขึ้นไปมิให้ถือว่าหน่วยงานของรัฐ นั้น มีผลประโยชน์ร่วมกันหรือมีส่วนได้เสียกับหน่วยงานของรัฐอื่นตาม (2)
17 ประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง และของ หน่วยงานของรัฐตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกำหนดและให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิด ประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น ในการนี้หน่วยงานของรัฐจะเผยแพร่ประกาศดังกล่าวโดยวิธีการอื่น ด้วยก็ได้ มาตรา 68 รายละเอียดวิธีการและขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในหมวดนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด หมวด 13 การบริหารพัสดุ มาตรา 112 ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการควบคุมและดูแลพัสดุที่อยู่ใน ความครอบครอง ให้มีการใช้และการบริหารพัสดุที่เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน ของรัฐมากที่สุด มาตรา 113 การดำเนินการตามมาตรา 112 ซึ่งรวมถึงการเก็บการบันทึก การเบิกจ่าย การยืม การตรวจสอบ การบำรุงรักษา และการจำหน่ายพัสดุให้เป็นไปตามระเบียบ ที่รัฐมนตรีกำหนด สรุป การบริหารพัสดุตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 นำมาเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัย แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่ายส่วน ด้านการยืม ส่วนการบำรุงรักษาการตรวจสอบ และด้านการจำหน่าย พัสดุ (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560, หน้า 13-48) 2.1 ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย การบริหารพัสดุในหมวดนี้ ไม่ใช้บังคับกับงานบริการ งานก่อสร้างงานจ้างที่ปรึกษา และงาน จ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง 1) การเก็บและการบันทึกการลงบัญชีหรือทะเบียนเพื่อควบคุมพัสดุ แล้วแต่กรณี แยกเป็นชนิด และแสดงรายการ โดยให้มีหลักฐานการรับเข้าบัญชีหรือทะเบียนไว้ประกอบรายการ ด้วย เก็บรักษาพัสดุให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดภัย และให้ครบถ้วนถูกต้องตรงตามบัญชีหรือ ทะเบียน เก็บรักษาพัสดุให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดภัย และให้ครบถ้วนถูกต้องตรงตามบัญชีหรือ ทะเบียน 2) การเบิกจ่ายพัสดุการเบิกพัสดุจากหน่วยพัสดุของโรงเรียนให้หัวหน้างานที่ต้องใช้ พัสดุนั้นเป็นผู้เบิก 3) การจ่ายพัสดุการเบิกจ่ายพัสดุที่มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยพัสดุที่มีหน้าที่ เกี่ยวข้องกับการควบคุมพัสดุหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหน่วยงานของโรงเรียนเป็นหัวหน้า หน่วยพัสดุเป็นผู้สั่งจ่าย
18 พัสดุผู้จ่ายพัสดุต้องตรวจสอบความถูกต้องของใบเบิกและเอกสารประกอบ (ถ้ามี) แล้วลงบัญชีหรือ ทะเบียนทุกครั้งที่มีการจ่าย และเก็บใบเบิกจ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วย 2.2 ด้านการยืม การให้ยืมหรือนำพัสดุไปใช้ในกิจการ ซึ่งมิใช่เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ผู้ยืมทำหลักฐาน การยืมเป็นลายลักษณ์อักษร แสดงเหตุผล และกำหนดวันส่งคืน การยืมพัสดุประเภทใช้คงรูป ให้ผู้ยืมทำหลักฐานการยืมเป็นลายลักษณ์อักษรแสดงเหตุผล และกำหนดวันส่งคืน โดยมีหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 2.2.1 การยืมระหว่างหน่วยงานของรัฐ จะต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าหน่วยงานของ รัฐผู้ให้ยืม 2.2.2 การให้บุคคลยืมใช้ภายในสถานที่ของหน่วยงานของรัฐเดียวกันจะต้องได้รับ อนุมัติจากหัวหน้าหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบพัสดุนั้น แต่ถ้ายืมไปใช้นอกสถานที่ของหน่วยงานของรัฐ ต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ ผู้ยืมพัสดุประเภทใช้คงรูปจะต้องนำพัสดุนั้นมาส่งคืนให้ในสภาพที่ใช้การได้เรียบร้อย หาก เกิดชำรุดเสียหาย หรือใช้การไม่ได้ หรือสูญหายไป ให้ผู้ยืมจัดการแก้ไขซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม โดย เสียค่าใช้จ่ายของตนเองหรือชดใช้เป็นพัสดุประเภท ชนิด ขนาด ลักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกัน หรือชดใช้เป็นเงินตามราคาที่เป็นอยู่ในขณะยืม โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1) ราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวง การคลังกำหนด 2) ราชการส่วนท้องถิ่น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร หรือเมืองพัทยาแล้วแต่กรณีกำหนด 3) หน่วยงานของรัฐอื่น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานของรัฐนั้นกำหนด การยืมพัสดุประเภทใช้สิ้นเปลืองระหว่างหน่วยงานของรัฐให้กระทำได้เฉพาะเมื่อหน่วยงานของรัฐผู้ยืม มีความจำเป็นต้องใช้พัสดุนั้นเป็นการรีบด่วนจะดำเนินการจัดหาได้ไม่ทันการและหน่วยงานของรัฐผู้ ให้ยืมมีพัสดุนั้น ๆ พอที่จะให้ยืมได้โดยไม่เป็นการเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐของตน และมีหลักฐาน การยืมเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ โดยปกติหน่วยงานของรัฐผู้ยืมจะต้องจัดหาพัสดุเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันส่งคืนให้หน่วยงานของรัฐผู้ให้ยืม เมื่อครบกำหนดยืม ให้ผู้ให้ยืมหรือผู้รับหน้าที่แทนมีหน้าที่ติดตามทวงพัสดุที่ให้ยืมไปคืน ภายใน 7 วัน นับแต่วันครบกำหนด 2.3 ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 1) การบำรุงรักษาการดูแลรักษาไม่ให้พัสดุเสื่อมสภาพโดยมอบหมายผู้ควบคุมดูแล พัสดุที่อยู่ในความรอบครองให้อยู่ใน
19 สภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา โดยให้มีการจัดทำแผนการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม และ ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงด้วย 2) การตรวจสอบการดำเนินการตรวจสอบพัสดุต้องดำเนินการภายในเดือนสุดท้าย ก่อนสิ้นปีงบประมาณของทุกปี หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ แต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบพัสดุ และ ตรวจนับพัสดุประเภทที่คงเหลืออยู่ มีการรายงานพัสดุที่ชำรุด เสื่อมสภาพ หรือสูญไป หรือไม่ จำเป็นต้องใช้ในโรงเรียน 2.4 ด้านการจำหน่ายพัสดุ การจำหน่ายพัสดุเกิดขึ้นภายหลังจากการตรวจสอบแล้ว พัสดุใดหมดความจำเป็นหรือหากใช้ ในโรงเรียนจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก เจ้าหน้าที่เสนอ เพื่อพิจารณาสั่งให้ดำเนินการตามวิธีการอย่าง หนึ่ง ขายแลกเปลี่ยน โอน แปรสภาพ การจำหน่ายเป็นสูญ การลงจ่ายออกจากบัญชีหรือทะเบียนเพื่อ พิจารณาสั่งให้ดำเนินการตามวิธีการอย่างหนึ่ง อย่างใด ดังต่อไปนี้ 2.4.1 ขาย ให้ดำเนินการโดยวิธีทอดตลาดก่อน แต่ถ้าขายโดยวิธีทอดตลาดแล้วไม่ได้ ผลดี ให้นำวิธีที่กำหนดเกี่ยวกับการซื้อ มาใช้โดยอนุโลม เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ก. การขายพัสดุครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาซื้อหรือ ได้มารวมกันไม่เกิน 500,000 บาท จะขายโดยวิธีเฉพาะเจาะจง โดยการเจรจาตกลงราคากันโดยไม่ต้องทอดตลาดก่อนก็ได้ ข. การขายให้แก่หน่วยงานของรัฐ หรือองค์การสถานสาธารณกุศล ตาม มาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร ให้ขายโดยวิธีเฉพาะเจาะจงโดยการเจรจาตกลงราคากัน ค. การขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่แท็บเล็ต ให้แก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐมอบให้ไว้ใช้งานในหน้าที่ เมื่อบุคคลดังกล่าวพ้นจากหน้าที่หรืออุปกรณ์ดังกล่าวพ้น ระยะเวลาการใช้งานแล้ว ให้ขายให้แก่บุคคลดังกล่าวโดยวิธีเฉพาะเจาะจง โดยการเจรจาตกลงราคา กันการขายโดยวิธีทอดตลาดให้ถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยให้ผู้ที่ได้รับ มอบหมายทำการประเมินราคาทรัพย์สินก่อนการประกาศขายทอดตลาด กรณีที่เป็นพัสดุที่มีการ จำหน่ายเป็นการทั่วไปให้พิจารณาราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด หรือราคาท้องถิ่นของสภาพ ปัจจุบันของพัสดุนั้นณ เวลาที่จะทำการขาย และควรมีการเปรียบเทียบราคาตามความเหมาะสม กรณี ที่เป็นพัสดุที่ไม่มีการจำหน่ายทั่วไป ให้พิจารณาราคาตามลักษณะ ประเภท ชนิดของพัสดุและอายุการ ใช้งาน รวมทั้งสภาพและสถานที่ตั้งของพัสดุด้วย ทั้งนี้ ให้เสนอหัวหน้าหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ ความเห็นชอบราคาประเมินดังกล่าว โดยคำนึงถึงประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐด้วยหน่วยงานของรัฐ จะจ้างผู้ประกอบการที่ให้บริการขายทอดตลาดเป็นผู้ดำเนินการก็ได้ 2.4.2 แลกเปลี่ยน ให้ดำเนินการตามวิธีการแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ 2.4.3 โอน ให้โอนแก่หน่วยงานของรัฐ หรือองค์การสถานสาธารณกุศลตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ให้มีหลักฐานการส่งมอบไว้ต่อกันด้วย
20 2.4.4 แปรสภาพหรือทำลาย ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่หน่วยงานของรัฐกำหนด ดำเนินการตามวรรคหนึ่ง โดยปกติให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับถัดจากวันที่หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ สั่งการเงินที่ได้จากการจำหน่ายพัสดุ ให้ถือปฏิบัติตามวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องทาง การเงินของหน่วยงานของรัฐนั้น หรือข้อตกลงในส่วนที่ใช้เงินกู้หรือเงินช่วยเหลือ แล้วแต่กรณี 2.4.4.1) การจำหน่ายเป็นสูญ ในกรณีที่พัสดุสูญไปโดยไม่ปรากฏตัวผู้รับผิดหรือมีตัวผู้รับผิดแต่ไม่สามารถ ชดใช้ได้หรือมีตัวพัสดุอยู่แต่ไม่สมควรดำเนินการ ให้จำหน่ายพัสดุนั้นเป็นสูญ ตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 1) ถ้าพัสดุนั้นมีราคาซื้อ หรือได้มารวมกันไม่เกิน 1,000,000 บาท ให้ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ 2) ถ้าพัสดุนั้นมีราคาซื้อ หรือได้มารวมกันเกิน 1,000,000 บาท ให้ ดำเนินการดังนี้ ก. ราชการส่วนกลาง และราชการส่วนภูมิภาค ให้อยู่ในอำนาจของ กระทรวงการคลังเป็นผู้อนุมัติ ข. ราชการส่วนท้องถิ่น ให้อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้ว่า ราชการกรุงเทพมหานครหรือนายกเมืองพัทยา แล้วแต่กรณี เป็นผู้อนุมัติ ค. หน่วยงานของรัฐอื่นผู้ใดจะเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติให้เป็นไปตามที่ หน่วยงานของรัฐนั้นกำหนดรัฐวิสาหกิจใดมีความจำเป็นจะกำหนดวงเงินการจำหน่ายพัสดุเป็นสูญตาม วรรคหนึ่งแตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้เสนอต่อคณะกรรมการวินิจฉัยเพื่อขอ ความเห็นชอบ และเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้รายงานสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบด้วย 2.4.4.2) การลงจ่ายออกจากบัญชีหรือทะเบียน เมื่อได้ดำเนินการแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ลงจ่ายพัสดุนั้น ออกจากบัญชีหรือ ทะเบียนทันทีแล้วแจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันลงจ่ายพัสดุนั้น สำหรับพัสดุที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย ให้แจ้งนายทะเบียนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ด้วย ในกรณีที่พัสดุของหน่วยงานของรัฐเกิดชำรุด เสื่อมสภาพหรือสูญไป หรือไม่จำเป็นต้องใช้ใน ราชการต่อไป ก่อนมีการตรวจสอบ และได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ หรือระเบียบนี้ โดยอนุโลม แล้วแต่กรณีเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าไม่มีระเบียบอื่นใดกำหนดไว้เป็น การเฉพาะให้ดำเนินการโดยอนุโลม (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการ บริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 หน้า, 13-48)
21 บริบทของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 3.1 สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานสำคัญ ภาพรวมของจังหวัดจังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเป็น ศูนย์ปฏิบัติการ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางพื้นที่ลุ่มน้ำ โขง เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นบ้านเดื่อหมากแข้งซึ่งมีมานานร่วมสมัยกับเมืองเวียงจันทร์ อาณาจักรล้านช้าง มีแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศและของโลก มีสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันอุดรธานีเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทั้งอากาศและทางถนนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็น ศูนย์กลางหน่วยงานราชการและด้านเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภูมิภาคลุ่ม น้ำโขง รวมทั้งมีศูนย์ประชุมและวัฒนธรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนด้วย 3.2 คำขวัญประจำจังหวัด กรมหลวงประจักษ์สร้างเมือง ลือเลื่องแห่งธรรมะ อารยธรรมบ้านเชียงมรดกโลกห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด ธรรมชาติเนรมิตทะเลบัวแดง ดอกไม้ประจำจังหวัด คือ ดอกทองกวาว 3.3 สภาพภูมิศาสตร์และภูมิประเทศ สภาพภูมิประเทศของจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยภูเขา ที่สูง ที่ราบลุ่ม และพื้นที่ลูกคลื่น แบ่งออกได้ 2 บริเวณ คือ 3.3.1 บริเวณที่สูงจากทิศตะวันตกและทิศใต้ สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ภูเขาบางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นถึงลอนลึก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร สภาพภูมิประเทศลักษณะนี้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอน้ำโสม อำเภอหนองวัวซอ อำเภอโนนสะอาด อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอและด้านตะวันตกของอำเภอกุดจับและอำเภอบ้านผือ บางส่วนเป็น พื้นลูกคลื่น ลอนตื้นสลับพื้นที่นา มีที่ราบลุ่ม อยู่บริเวณริมแม่น้ำ เช่น แม่น้ำโมง ลำปาว เป็นต้น 3.3.2 บริเวณพื้นที่ลูกคลื่นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออก สภาพภูมิ ประเทศส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นมีที่ดอนสลับที่นา บางส่วนเป็นเนินเขาเตี้ยมีความสูงจาก ระดับน้ำทะเล เฉลี่ยน้อยกว่า 200 เมตร สภาพภูมิประทศลักษณะนี้ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณ อำเภอ บ้านผือ อำเภอกุดจับ อำเภอเมือง อำเภอกุมกวาปี อำเภอหนองแสง อำเภอไชยวาน อำเภอเพ็ญ อำเภอทุ่งฝน อำเภอสร้างคอม และอำเภอบ้านดุง นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ราบลุ่มริเวณแม่น้ำต่างๆ เช่น หัวยน้ำสวย ห้วยหลวง ลำน้ำเพ็ญ ห้ว ดาน ห้วยไพจานใหญ่ และแม่น้ำสงคราม ที่ราบลุ่มบริเวณใหญ่ในเขตอำเภอกุมภวาปี ซึ่งเป็นเหล่ง กำเนิดของลำน้ำปาวจังหวัดอุดรธานีตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยห่างจาก กรุงเทพมหานคร 564 กิโลเมตรมีเนื้อที่ประมาณ 11,730.302 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ
22 7,331.439 ไร่ มีอานาติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดหนองคาย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดสกลนคร ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดเลย และจังหวัดหนองบัวลำภู ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดกาฬสินธุ์ 3.4 ด้านการปกครอง การปกครอง แบ่งออกเป็น 20 อำเภอ 156 ตำบล 1,880 หมู่บ้าน 101 ชุมชน 1 องค์การ บริหารส่วนจังหวัด 1 เทศบาลนคร 3 เทศบาลเมือง 44 เทศบาลตำบล 132 องค์การบริหารส่วนตำบล 3.5 ด้านเศรษฐกิจ จังหวัดอุดรธานี มีย่านการค้าที่สำคัญภายในเขตจังหวัด ดังนี้ 3.5.1 ย่านถนนทองใหญ่ - ถนนประจักษ์ศิลปาคม เป็นศูนย์กลางการคมนาคม สำคัญของจังหวัดอุดรธานีเป็นที่ตั้งของสถานีขนส่งผู้โดยสารอุดรธานีแห่งที่ ๑ และสถานีรถไฟ อุดรธานี ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญมีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร หลายประเภทอยู่ด้วยกัน และยังเป็นจุดนัดพบปะสังสรรค์ของชาวอุดร 3.5.2 ย่านถนนนิตโย - ถนนโพศรี มีห้างสรรพสินค้าโรงแรม ร้านค้าต่าง ๆ รวมทั้ง ตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ 3.5.3 ย่านวงเวียนห้าแยกน้ำพุ ย่านธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าที่สำคัญของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 3.5.4 ย่านวงเวียนหอนาฬิกา ผ่านการค้าสำคัญของเมืองอุดรธานีมาตั้งแต่อดีตที่ เชื่อมไปยังย่านอื่น ๆ ของตัวเมือง 3.5.6 ย่านถนนมิตรภาพ (ช่วงเลี่ยงเมือง อุดรธานี - หนองคาย) ย่านธุรกิจแห่งใหม่ที่ เกิดจากการขยายตัวของเมืองไปยังชานเมือง เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อไปยังจังหวัดข้างเคียง และ ประเทศเพื่อนบ้านมีห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และ เครื่องเรือน และค้าส่งค้าปลีกสินค้าแฟชั่น 3.6 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ประกอบด้วย ดังนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 ตั้งอยู่เลขที่ 505 หมู่ที่ 9 ตำบล กุมภวาปี อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่รับผิดชอบ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอกุมภวาปี อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอโนนสะอาด อำเภอหนองแสง และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม 3.7 ลักษณะภูมิประเทศ อำเภอกุมภวาปี ภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาเขาสูงยาว ทอดยาว ทำให้มีอากาศที่เย็น
23 สบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาว เชียงรายยังคงมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และ ดอกไม้เหมืองหนาวที่งดงาม 3.8 วิสัยทัศน์ บริหารจัดการเป็นเลิศ สถานศึกษาได้มาตรฐาน นักเรียนมีคุณภาพ สู่สังคมอนาคตที่ยั่งยืน 3.9 พันธกิจ 3.9.1 ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลัก ของชาติและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.9.2 พัฒนาศักยภาพและคุณภาพผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรและ คุณลักษณะในศตวรรษที่ 21 3.9.3 ส่งเสริม สนับสนุนผู้เรียนให้มีความสามารถความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อ สร้างขีดความสามารถ ในการแข่งขัน 3.9.4 ส่งเสริม สนับสนุนให้ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับบริการทางการศึกษาอย่าง ทั่วถึงและเท่าเทียม 3.9.5 ส่งเสริม สนับสนุนผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาให้ได้รับการพัฒนา เป็นมืออาชีพ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 3.9.6 ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.9.7 ส่งเสริม พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาทุกระดับ และจัดการศึกษาโดย ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) เพื่อพัฒนามุ่งสู่ศตวรรษที่ 21 3.10 เป้าประสงค์ 3.10.1. ผู้เรียนมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง มีหลักคิดที่ ถูกต้องและเป็นพลเมือง ดีของชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม มีค่านิยมที่พึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น ซื่อสัตย์ สุจริต มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรมอย่าง มีคุณภาพ 3.10.2 ผู้เรียน เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ คิดริเริ่มและสร้างสรรค์สื่อ นวัตกรรม มีความรู้ มีทักษะ มีสมรรถนะตามหลักสูตร และคุณลักษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 มีสุขภาวะ ที่เหมาะสมตามวัย มีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ การเป็นพลเมือง พลโลกที่ดี (Global Citizen) พร้อมก้าวสู่มาตรฐานสากล
24 3.12 ข้อมูลผู้บริหารโรงเรียนและครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี เขต 2 สามารถแสดงข้อมูลตาม ตารางที่ 1-2 ดังนี้ ตารางที่ 1 จำนวนผู้บริหารโรงเรียนและครูที่ปฎิบัติงานจริงในโรงเรียน ที่ อำเภอ จำนวนผู้บริหารและครูที่ปฎิบัติงานจริงในในโรงเรียน ผอ.โรงเรียน รอง.ผอ. โรงเรียน ครู รวม 1 กุมภวาปี 58 1 470 529 2 โนนสะอาด 30 1 236 267 3 ศรีธาตุ 29 1 243 273 4 วังสามหมอ 25 1 280 307 5 หนองแสง 13 1 168 183 6 ประจักษ์ศิลปาคม 12 1 127 139 รวม 167 7 1,524 1,698 ที่มา : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2. (2564, หน้า 6-7) แผนปฎิบัติการ ประจำปี 2564 (อุดรธานี : กลุ่มบริหารงานบุคคล สพป.อุดรธานี เขต 2 ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564)
25 ตารางที่ 2 แสดงข้อมูลกลุ่มเครือข่ายกุมภวาปีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ลำดับที่ ตำบล โรงเรียน (แห่ง) ผู้บริหาร (คน) ครู (คน) รวม (คน) 1 ท่าลี่ 6 6 50 56 2 หนองหว้า 7 7 52 59 3 เมืองกุมภวา 6 6 48 54 4 เสอเพลอ-ผาสุก 5 5 74 79 5 เชียงแหว 6 6 42 48 6 แชแล 6 6 38 44 7 เวียงคำ 8 8 33 41 8 ห้วยเกิ้ง-ปะโค 6 7 78 85 9 พันดอน 8 8 55 63 รวม 58 59 470 529 ที่มา : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2. (2564, หน้า 6-7) แผนปฎิบัติการ ประจำปี 2564 (อุดรธานี : กลุ่มบริหารงานบุคคล สพป.อุดรธานี เขต 2 ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564) 3.13 ขอบข่ายในการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน ตามกฎกระทรวงซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจการบริหารและการจัด การศึกษา พ.ศ. 2550 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5และมาตรา 39 วรรคสองแห่งระราชบัญญัติ การศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้ งานด้านวิชาการ ด้าน บริหารงานงบประมาณ ด้านบริหารงานบุคคล ด้านบริหารงานทั่วไป ซึ่งการบริหารงานพัสดุอยู่ในการ บริหารงานงบประมาณซึ่งมีขอบข่ายหน้าที่ 22 ดังนี้ 1. การจัดทำแผนงบประมาณและคำขอตั้งงบประมาณเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วแต่กรณี
26 2. การจัดทำแผนปฏิบัติการใช้จ่ายเงินตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐานโดยตรง 3. การอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 4. การขอโอนและการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณ 5. การรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ 6. การตรวจสอบติดตามและรายงานการใช้งบประมาณ 7. การตรวจสอบติดตามและรายงานการใช้ผลผลิตจากงบประมาณ 8. การระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา 9. การปฏิบัติงานอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับกองทุนเพื่อการศึกษา 10. การบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการศึกษา 11. การวางแผนพัสดุ 12. การกำหนดรูปแบบรายการ หรือคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์หรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้ เงินงบประมาณเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการหรือเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานแล้วแต่ กรณี 13. การพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการจัดทำและจัดหาพัสดุ 14. การจัดหาพัสดุ 15. การควบคุมดูแล บำรุงรักษาและจำหน่ายพัสดุ 16. การจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สิน 17. การเบิกเงินจากคลัง 18. การรับเงิน การเก็บรักษาเงิน และการจ่ายเงิน 19. การนำเงินส่งคลัง 20. การจัดทำบัญชีการเงิน 21. การจัดทำรายงานทางการเงินและงบการเงิน 22. การจัดทำหรือจัดหาแบบพิมพ์บัญชี ทะเบียน และรายงาน สรุปได้ว่า จากขอบข่ายในการบริหารงานงบประมาณในโรงเรียนดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า การบริหารงานพัสดุซึ่งเป็นหน้าที่และงานรับผิดชอบของการบริงานพัสดุของโรงเรียนและให้ถือปฏิบัติ ตามตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2560 โดยต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า ความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ
27 วิจัยที่เกี่ยวข้อง จุฑามาศ เสมามอญ (2558, หน้า 66-75) ได้วิจัยเรื่องปัญหาและแนวทางการพัฒนางานพัสดุ ของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สหวิทยาเขตระยอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 พบว่า 1. ปัญหางานพัสดุของครูในโรงเรียนมัธยมศึกษา สหวิทยาเขตระยองสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมสึกษา เขด 18 โดยรวมและรายด้านทุกด้าน อยู่ในระดับปานกลาง เรียงลำดับตามค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการบำรุงรักษาพัสดุ ด้านการจัดหาพัสดุ ด้านการ จำหน่ายพัสดุ และด้านการควบคุมพัสดุ 2. เปรียบเทียบปัญหางานพัสดุ โดยจำแนกตามประสบการณ์ โดยรวมและรายด้านการบำรุงรักษาพัสดุ และด้านการจำหน่ายพัสดุ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านการขัดหาพัสดุ และด้านการควบคุมพัสดุ แดกต่างกันอย่าง ไม่มีนัยสำคัญ ทางสถิติ 3.เปรียบเทียบปัญหางานพัสดุ โดยจำเนกตามตำแหน่ง โดยรวมและรายด้าน การจัดหาพัสดุ ด้านการควบคุมพัสดุ และด้านการจำหน่ายพัสดุ แดกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ.05 ยกเว้น ด้านการบำรุงรักษาพัสดุ แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 4. เปรียบเทียบ ปัญหางานพัสดุ โดยจำแนกตามขนาดโรงเรียนโดยรวมและรายด้าน การจัดทำพัสดุ ด้านการบำรุงรัก นำพัสดุ และด้านการจำหน่ายพัสดุ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้น ด้าน การควบคุมพัสดุ แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 0.5 แนวทางการพัฒนางานพัสดุ ด้าน การจัดทำพัสดุควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดอบรมให้มีความรู้เกี่ยวกับการจัดทำพัสดุเป็นประจำทุก ปี ด้านการควบคุมพัสดุ ควรกำหนดช่วงเวลาสำหรับการเบิกง่าย และมีการตราจสอบปริมาณ คุณภาพ พัสดุอย่างสม่ำเสมอด้านการบำรุงรักษาพัสดุ ควรตั้งงบประมาณซ่อมแซมบำรุงรักษาพัสดุให้เพียงพอ ให้ใช้การได้ดลอดอายุการใช้งาน ด้านการจำหน่ายพัสดุ ควรจัดอบรมสัมมนาแก่เช้าหน้าที่พัสดุที่ ปฏิบัติงานการจำหน่ายพัสดุให้มีความรู้ ควรเข้าใจและปฏิบัติงานเป็นมาตรฐานเดียวกันเป็นประจำทุก ปี สุภารัตน์ อ่ำชุ่ม (2559, หน้า 55-61) ได้วิจัยเรื่องปัญหาการบริหารงานพัสดุของสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พบว่า ปัญหาการบริหารงานพัสดุสำนักงาน คณะกรรมการราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาราย ด้านพบว่า ด้านการควบคุมพัสดุมีปัญหามากที่สุด เรื่องขาดสถานที่ในการจัดเก็บพัสดุที่เสื่อมสภาพรอ จำหน่ายซึ่งแนวทางแก้ไขคือจัดหาสถานที่ในการจัดเก็บครุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพไม่สามารถใช้งานได้และ จำหน่ายออกในระยะเวลาที่กำหนดและควรจัดทำคู่มือและตารางกำหนดการปฏิบัติงานด้านพัสดุใน แต่ละเอง เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านพัสดุมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รองลงมา คือ ด้านการจัดหาพัสดุ มี ปัญหาเรื่องพัสดุและครุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และตรงกับความต้องการของผู้ใช้มักมีรคาสูงกว่าเกณฑ์มา
28 ตฐานที่ทางราชการกำหนดแนวทางแก้ไข คือควรจัดทำแบบสำรวจความต้องการวัสดุครุภัณฑ์ของ หน่วยงานภายใน และพิจารณาขอตั้งงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุครุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับ ราคาในท้องตลาดปัจจุบัน โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนรวมในการวางแผนการใช้งบประมาณ และด้านการ จำหน่ายพัสดุ มีปัญหาเรื่องผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการกำหนดราคากลาง และคณะกรรมการขายทอดตลาดไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบและวิธีปฏิบัติในบทบาท หน้าที่ของตน แนวทางแก้ไขคือ จัดฝึกอบรมพัฒนาให้บุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านพัสดุมีความเข้าใจ เกี่ยวกับระเบียบพัสดุอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รัชดาพร บุญตา (2561, หน้า 61-68) ได้วิจัยเรื่องปัญหาและแนวทางการบริหารงานพัสดุ ของโรงเรียนมัธยมศึกษาในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตพนมสารคาม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 6 พบว่า 1) ปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง เรียงลำดับปัญหาจากมากไป หาน้อยได้แก่ ด้านการจัดหาพัสดุ ด้านการควบคุมพัสดุ ด้านการบำรุงรักษาพัสดุ และด้านการจำน่าย พัสดุ 2) เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนมัธยมศึกษาในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขต พนมสารคาม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 จำแนกตามตำแหน่งการปฏิบัติ หน้าที่งานพัสดุ โดยรวมและด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนด้านการจัดหา พัสดุ แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 3) เปรียบเทียบปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียน มัธยมศึกษาในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตพนมสารคาม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 จำแนกตามประสบการณ์ โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) แนวทางการพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 6 ได้เสนอไว้ 4 ด้าน ดังนี้ ด้านการจัดหาพัสดุ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาเขต 6 ควรจัดทำคู่มือ แบบฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้สถานศึกษา ปฏิบัติงานเป็นแนวทางเดียวกัน ด้านการควบคุมพัสดุ ควรมีการกำหนดขั้นตอนการเบิก-จ่ายโดยพิมพ์ เอกสารพร้อมคำอธิบายให้ชัดเจน ด้านการบำรุงรักษาพัสดุ ควรตั้งงบประมาณซ่อมแซมบำรุงรักษา พัสดุให้เพียงพอเพื่อให้ใช้การได้ตลอดอายุการใช้งาน และด้านการจำหน่ายพัสดุ ควรสำรวจสภาพ ครุภัณฑ์อย่างจริงจังเพื่อดำเนินการจำหน่ายออกจากบัญชี ชุติมา สรรพโส (2562, หน้า 203-210) ได้วิจัยเรื่องสภาพและปัญหาการดำเนินงานพัสดุผ่าน ระบบสารสนเทศของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ พบว่า 1) สภาพการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาบึงกาฬ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุ โดยรวมอยู่ในระดับมากส่วนปัญหาปฏิบัติงาน พัสดุผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียนโดยรวมอยู่ใน ระดับน้อย 2) สภาพและปัญหาการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียน สังกัดสำนักงาน
29 เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุ และเจ้าหน้าที่พัสดุจำแนกตามเพศ โดยรวมไม่แตกต่างกัน 3) สภาพและปัญหาการดำเนินงานพัสดุ ผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตาม ความคิดเห็นของผู้บริหาร โรงเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุจำแนกตามสถานภาพ การดำรงตำแหน่ง โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4) สภาพและปัญหาการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบ สารสนเทศของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตามความคิดเห็นของ ผู้บริหาร โรงเรียน หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุจำแนกตามประสบการณ์การทำงาน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 5) สภาพการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้า เจ้าหน้าที่พัสดุและเจ้าหน้าที่พัสดุจำแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนปัญหาการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบสารสนเทศของโรงเรียนโดยรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 6) แนวทางการพัฒนาการดำเนินงานพัสดุผ่านระบบ สารสนเทศของ โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ นำเสนอแนวทาง พัฒนา 2 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการจัดหาพัสดุ ดำเนินการโดยอบรมเชิงปฏิบัติการ ศึกษาดูงาน และ จัดทำคู่มือประกอบการดำเนินงาน และด้านการควบคุมพัสดุดำเนินการโดย แต่งตั้ง คณะกรรมการ จัดทำระบบสารสนเทศทะเบียนควบคุมวัสดุ ครุภัณฑ์เป็นปัจจุบัน และจัดหาสถานที่จัดเก็บพัสดุให้ เหมาะสม สุวัช มูลเมืองแสน (2563, หน้า 114-116) ได้วิจัยเรื่องสภาพปัญหาและแนวทางการบริหาร งานพัสดุในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดเขตตรวจราชการที่ 11 พบว่า 1) สภาพการบริหารงานพัสดุใน โรงเรียน สังกัดเขตตรวจราชการที่ 11 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ พัสดุโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน และครู โดยรวมอยู่ในระดับมาก ส่วนปัญหาโดยรวมอยู่ในระดับ น้อย 2) ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน และครูมีความ คิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนความคิดเห็นต่อปัญหาการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.05 3) ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน และครู จำแนกตามขนาดโรงเรียน มีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน โดยรวมไม่ แตกต่างกัน ส่วนความคิดเห็นต่อปัญหาการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน โดยรวมไม่แตกต่างกัน 4) ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุโรงเรียน และครูจำแนกตาม ประสบการณ์ปฏิบัติงาน มีความคิดเห็นต่อสภาพการบริหารงานพัสดุในโรงเรียนโดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ส่วนความคิดเห็นต่อปัญหาการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน โดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 5) แนวทางการบริหารงานพัสดุในโรงเรียน
30 มัธยม นำเสนอแนวทางพัฒนา 2 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ ผู้ที่ปฏิบัติ หน้าที่ ต้องศึกษาระเบียบ ข้อบังคับ หากพบพัสดุที่ชำรุดเสียหาย ให้ดำเนินการซ่อมบำรุงให้กลับมาอยู่ ในสภาพที่พร้อมใช้งาน อยู่ตลอดเวลา แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพัสดุอย่างเคร่งครัดมีการจัด อบรม คู่มือแบบแผนในการตรวจสอบพัสดุที่แน่นอน และ 2) ด้านการจำหน่ายพัสดุ ควรมีการอบรม เชิงปฏิบัติการ ศึกษาดูงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำคู่มือประกอบการปฏิบัติงานพัสดุให้ความรู้ ความเข้าใจในด้านการจำหน่ายพัสดุและปฏิบัติตามขั้นตอนการจำหน่ายพัสดุอย่างเคร่งครัด มีการ แต่งตั้งคณะกรรมการในการจำหน่ายพัสดุที่ชัดเจน มีการจัดอบรมเพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการ ปฏิบัติงาน มีการจัดทำคู่มือในการจำหน่ายพัสดุเพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งการนิเทศ กำกับ ติดตามจากฝ่ายบริหารโรงเรียนในด้านการจำหน่าย จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่ากฎระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศหรือแนวปฏิบัติที่ได้มีการกำหนดเป็นทิศทางใน การปฏิบัติ แต่ก็ยังมีปัญหาที่พบในการปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ หากบุคลากรที่ทำหน้าที่ด้านงานพัสดุต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญและความเชี่ยวชาญทางด้าน งานพัสดุจะทำให้การดำเนินงานได้สำเร็จด้วยดี ผู้รับผิดชอบต้องมีความรู้ความเข้าใจเพื่อให้การปฏิบัติ ประสิทธิภาพ สามารถสรุปขอบเขตการศึกษาตามการบริหารงานพัสดุ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2560 ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย 2) ด้านการยืม 3) ด้านการบำรุงรักษา การตรวจสอบ 4) ด้านการจำหน่ายพัสดุ
31 บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัญหาและแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุ ของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 มีรายละเอียดการวิจัย ดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3. การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การวิเคราะห์ข้อมูล 6. สถิตที่ใช้ในการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรและกลุ่มตัวอย่างหน่วยที่ศึกษา คือ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 จำนวน 58 โรงเรียน 1) ประชากรผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารและครู โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 รวมจำนวน 529 คน จำแนกเป็นผู้บริหาร จำนวน 59 คน ครู จำนวน 470 คน 2) กลุ่มตัวอย่างผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหาร และครูโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีใสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานีเขต 2 จำนวน 529 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ ตาราง Kerjcie & Morgan. (1970,p.608) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 226 คน จำแนกเป็น ผู้บริหาร จำนวน 25 คน ครู จำนวน 201 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่ายโดยการจับฉลาก (Simple Random Samphing) ปรากฏตามตารางที่ 2 ดังนี้
32 ตารางที่ 3 จำนวนประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประเภทประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร (คน) กลุ่มตัวอย่าง (คน) ผู้บริหาร 59 25 ครู 470 201 รวม 529 226 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามที่สร้างขึ้นจากการศึกษา เอกสาร งานวิจัย และแนวคิดที่เกี่ยวกับการบริหารงานพัสดุ ซึ่งมีจำนวน 4 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นสำรวจรายการ (Checklist) มีจำนวน 3 ข้อ ตอนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับระดับการบริหารงานพัสดุ มี 4 ด้าน ซึ่งคำถามจะเป็น สถานการณ์ทั่วไปและสถานการณ์ในโรงเรียนให้ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้ปฏิบัติที่งานบริหารพัสดุ เลือกตอบตามความคิดเห็นของตนเองตามลักษณะในข้อคำถามโดยมีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ของ บุญชม ศรีสะอาด (2554, หน้า 121) จำนวน 40 ข้อ จำแนกเป็นรายด้าน ดังนี้ 1. ด้านการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย จำนวน 10 ข้อ 2. ด้านการยืม จำนวน 10 ข้อ 3. ด้านการบำรุงรักษา และตรวจสอบ จำนวน 10 ข้อ 4. ด้านจำหน่ายพัสดุจำนวน 10 ข้อ ตอนที่ 3 แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่าย กุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ตอนที่ 4 แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
33 การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 1. ศึกษาค้นคว้าทฤษฎี และหลักการต่าง ๆ จากเอกสารงานวิจัยเพื่อหาแนวทางในการสร้าง แบบสอบถาม 2. สร้างแบบสอบถามโดยพัฒนามาจากแบบสอบถามของ รัชดาพร บุญตา (2561, หน้า 61- 68) ที่ได้ศึกษาปัญหาและแนวทางการบริหารงานพัสดุในโรงเรียนมัธยมศึกษาในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยา เขตพนมสารคาม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 เพื่อเป็นแนวทางในการ พัฒนาเครื่องมือให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย 3. นำแบบสอบถามที่พัฒนาเสร็จไปให้อาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำ และตรวจสอบ เนื้อหา ภาษาที่ใช้ในแบบสอบถาม 4. นำแบบสอบถามให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ตรวจสอบสำนวน ภาษา ความครอบคลุม เนื้อหา ความเหมาะสมของแบบสอบถาม พิจารณาความเที่ยงตรงเนื้อหา (Content validity) ปรับปรุงแก้ไข ภาษา และคำถามให้ชัดเจนเข้าใจง่ายสำหรับแบบสอบถาม นำมาหาค่าความเที่ยงตรง โดยใช้สูตรดัชนี ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ (IOC) เมื่อ แทนที่ IOC แทน ดัชนีค่าความสอดคล้อง R แทน คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ ∑ R แทน ผลรวมคะแนนของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิเคราะห์ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามอยู่ในระหว่าง 0.67-1.00 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ มีรายนามต่อไปนี้ 1) นายณัฐชา ทัศนิยม ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนทมป่าข่า 2) จ่าอากาศเอกทฤษฎี สิงอุปโป ผู้อำนวยการโรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ 3) นางจิตต์รัตน์ ศรีนันท์ดอน ศึกษานิเทศก์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 5. นำแบบสอบถามที่ได้แก้ไขปรับปรุงเนื้อหาและภาษาไปทดลอง (try-out) เพื่อหา ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ตามวิธีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (Alpha-coefficienent) ของครอนบาค (Cronbach) กับผู้บริหารและครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.86 6. ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถาม และเสนออาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบก่อนนำไปใช้ในการวิจัย
34 7. จัดพิมพ์แบบสอบถามฉบับจริง นำไปเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูล ดังต่อไปนี้ 1. ผู้วิจัยหนังสือขอความอนุเคราะห์เก็บรวบรวมข้อมูลจากสำนักบัณฑิตวิทยาลัย สาขาวิชา การบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชธานี 2. ส่งหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลถึงผู้บริหารโรงเรียนเครือข่าย กุมภวาปีสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 เพื่อขอความร่วมมือในการ แจกแบบสอบถาม 3. ผู้วิจัยเป็นผู้แจกจำนวน 226 ฉบับและติดตามรับแบบสอบถามคืนด้วยตนเอง 4. เมื่อได้รับแบบสอบถามกลับคืน 219 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 96.90 ผู้วิจัยนำไปดำเนินการ ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามแล้วนำไปดำเนินการวิเคราะห์หาค่าทางสถิติต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลปัญหา และแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่าย กุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา และนำแบบสอบถามไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างแล้วนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์หาค่าทางสถิติต่าง ๆ ดังนี้ 1. รวบรวม ตรวจสอบความถูกต้องแบบสอบถามที่ได้รับคืน มีความถูกต้อง สมบูรณ์ทั้งหมด 219 ฉบับ 2. แบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นแบบสำรวจรายการ (Checklist) วิเคราะห์โดยการหาค่าความถี่และร้อยละ 3. แบบสอบถามตามสภาพการบริหารงานพัสดุ มี 4 ด้าน ซึ่งคำถามจะเป็นสถานการณ์ทั่วไป และสถานการณ์ในสถานศึกษาให้ผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้ปฏิบัติที่งานบริหารพัสดุ เลือกตอบตาม ความคิดเห็นของตนเองตามลักษณะในข้อคำถาม โดยมีคำตอบให้เลือก 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ของบุญชม ศรีสะอาด (2554, หน้า 121) มีเกณฑ์ในการให้คะแนน ดังนี้ 5 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับมากที่สุด
35 4 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับมาก 3 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับปานกลาง 2 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับน้อย 1 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับน้อยที่สุด 4. วิเคราะห์แบบสอบถามรายข้อโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป แปลผลตามแนวคิด ของ (เบสท์และคาห์น) ต่อไปนี้ ค่าเฉลี่ย 4.51 - 5.00 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.51 - 4.50 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 2.51 - 3.50 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 - 2.50 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 - 1.50 หมายถึง การบริหารงานพัสดุอยู่ในระดับน้อยที่สุด 5. วิเคราะห์แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงานด้านพัสดุของโรงเรียน เครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 วิเคราะห์โดย การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ แล้วนำเสนอในรูปของ ตาราง 6. วิเคราะห์แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาการบริหารงานด้านพัสดุของ โรงเรียนในเครือข่ายกุมภวาปี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 วิเคราะห์โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ แล้วนำเสนอ ในรูปของตาราง สถิติที่ใช้ในการวิจัย ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้วิจัยได้ใช้สถิติดังต่อไปนี้ 1. ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ใช้การวิเคราะห์โดยหาค่าความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ (Percentage) 2. สภาพการบริหารงานพัสดุใช้การวิเคราะห์โดยสถิติการหาค่าเฉลี่ย ( ) และ ค่าส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 3. ปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 วิเคราะห์โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ
36 4. แนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุโรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 วิเคราะห์โดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ
37 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัญหาและแนวทางพัฒนาการบริหารงานพัสดุ โรงเรียนเครือข่ายกุมภวาปีในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 ผู้วิจัย นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับดังนี้ 1. สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 2. ลำดับขั้นตอนการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล แทน ค่าเฉลี่ย S.D แทน ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ลำดับขั้นตอนการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ ได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ซึ่งจะ เสนอในรูปของตารางประกอบความเรียงตามลำดับดังนี้ ตอนที่ 1 การวิเคราะห์สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยการแจกแจงความถี่และร้อยละ ตอนที่ 2 การวิเคราะห์ระดับการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนในเครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 โดยการหาค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ตอนที่ 3 วิเคราะห์แบบสอบถามปลายเปิดเกี่ยวกับปัญหาการบริหารงานพัสดุของโรงเรียนใน เครือข่ายกุมภวาปี ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2 วิเคราะห์โดย การวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) หาค่าความถี่และหาค่าร้อยละ แล้วนำเสนอในรูปของ