The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อีบุ๊คพัฒนาการวรรณคดี_compressed

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ppmdsm2003, 2023-08-18 13:00:58

อีบุ๊คพัฒนาการวรรณคดี_compressed

อีบุ๊คพัฒนาการวรรณคดี_compressed

(รัรั รัรัชกาลที่ที่ ที่ที่ที่ที่๔ - ยุยุค ยุยุ การเปลี่ลี่ ลี่ลี่ ย ลี่ลี่ นแปลงการปกครอง พุพุ พุพุ ทธศัศัศัศั กราช ๒๔๗๕) พัพั พัพั ฒนาการวรรณกรรมไทยสมัมั มัมั ยกรุรุ รุรุ งรัรั รัรั ตนโกสิสิสิสิ นทร์ร์ ร์ร์


วรรณคดีและวรรณกรรม สมัยรัชกาลที่ ๔ วรรณคดีและวรรณกรรม สมัยรัชกาลที่ ๔


๑. บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามเดินดง ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อเรื่องโดยย่อ : หลังจากที่พระรามได้อภิเษกกับนางสีดาและเตรียมจะขึ้นครองราชย์ นางไกยเกศีรู้จึงรีบเข้าเฝ้าท้าวทศรถเพื่อทูลขอราชสมบัติให้กับพระพรต โอรสของตน และได้ขอให้พระรามออก เดินป่าเป็นเวลา ๑๔ ปี เพราะเชื่อฟังคำ ยุยงของนางกุดจีนาง กำ นัลของตนที่มีความอาฆาตแค้นต่อพระรามที่เคยประลองศรยิงใส่หลังค่อมของนาง ท้าวทศรถไม่อาจขัดได้เพราะรับปากนางไกยเกษีไว้ว่าจะยอมทำ ตามที่นางขอทุก ประการเป็นการตอบแทนความดีที่นางเคยเอาแขนสอดแทนเพลารถที่หักครั้นรบศึกกับ ยักษ์ปทูตทัณต์ พระรามจึงได้ออกเดินป่าตามคำ ขอ โดยมีพระลักษณ์และนางสีดาออก ตามเสด็จด้วย การเดินทาง ๑๔ ปีของระรามพบเจอไปด้วยอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งยังถูก ทศกรรณ์ลักพาตัวนางสีดาไป จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกับยักษ์ทศกัณฐ์ คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านวรรณศิลป์ - การเล่นคำ ซ้ำ ทำ ให้เกิดความไพเราะ ความงดงามของบทประพันธ์ยิ่งขึ้น - การใช้คำ สื่อถึงลักษณะของตัวละครได้ดี ๒. ด้านสังคม - สะท้อนถึงชีวิต ความเป็นอยู่และค่านิยม - สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ล้วนแล้วแต่มีกิเลศ รัก โลภ โกรธ หลง


๒. พระบรมราชาธิบายเรื่องต่าง ๆ และประเภทต่าง ๆ ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นประกาศและทรงอธิบายเกี่ยวกับข่าวในราชสำ นักประกาศต่าง ๆ ของทางราชการเรื่องที่พิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาทั้งสิ้น (สมพันธ์ เลขะพันธ์, ๒๕๔๕ : ๑๖๙) อีกทั้งยังพิพ์ประกาศเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำ ภาษา การปฏิบัติหน้าที่ ราชการ กฎหมาย ศาสนา สถานที่ คำ นำ หน้าชื่อ ตลอดจนความประพฤติของประชาชน ลักษณะส่วนใหญ่จะทรงประกาศต่อเมื่อเป็นเรื่องคดี ข้อเสียหาย ประกาศด้วยทรงพระวิตก กังวล บางฉบับเป็นพระราชวินิจฉัยฎีกาหรือคดีความและกำ หนดการต่าง ๆ ของบ้านเมือง คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านภาษา - การใช้คำ ที่รัดกุม ไม่ฟุ่มเฟือยเกินความจำ เป็นในการอธิบาย ๒. ด้านเนื้อหา - การแบ่งสัดส่วนของเรื่องได้ดี ประกาศเรื่องสำ คัญทุกฉบับจะมีส่วนของข้อความ ดังนี้ บอกศักราช เหตุที่ต้องออกประกาศ พระราชวินิจฉัยประกอบเหตุผล ข้อปฏิบัติ - การลำ ดับความให้ได้ใจความตามประสงค์ ถูกต้อง ชัดเจน และเรียบเรียงถ้อยคำ อย่าง ปราณีตบรรจง จนเกิดความไพเราะทางวรรณคดี เช่น ราชการงานโยธา สำ เร็จเด็ดขาด สินทรัพย์สั่งสิน แอบฝั่งหยั่งหยุด


๓. ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระนิพนธ์อยู่ ๕ กัณฑ์ ได้แก่ กัณฑ์ วนปเวสน์ จุลพน มหาพน สักบรรพ และฉกษัตริย์ เนื้อเรื่องโดยย่อ : ๑. กัณฑ์วนปเวสน์ กัณฑ์วนปเวสน์ ว่าด้วยเรื่อง พระเวสสันดรได้เดินทางมาถึงเมืองเจตรัฐ พระราชาได้ออกมาต้อนรับ และประสงค์จะมอบเมืองให้ปกครอง พระเวสสันดรทรงปฏิเสธ เพราะมีความประสงค์ที่จะบำ เพ็ญเพียรในป่า ตลอดระยะเวลา ๗ เดือน ที่ทั้ง ๔ พระองค์ได้ บำ เพ็ญเพียรในป่า พระราชาให้พรานเจตบุตรมาคอยดูแลเฝ้าอารักขา คุณค่าที่ได้รับ - ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต รวมถึงผลของการมีน้ำ ใจ มีมิตรแท้ที่ดี - การเล่นคำ ซ้ำ เล่นเสียง ทำ ให้เกิดความไพเราะ ๒. กัณฑ์จุลพน กัณฑ์จุลพน ว่าด้วยเรื่อง เฒ่าชูชกออกเดินทางไปเขาวงกตเพื่อขอชาลี และกัณหา ระหว่างทางได้พบพรานเจตบุตรผู้คอยดูแลเฝ้าอารักขา จึงได้ออกอุบายลวงให้ เชื่อว่าได้รับนำ สาสน์จากพระเจ้ากรุงสัญชัยมาส่งให้พระเวสสันดรเพื่อกลับวัง เพราะได้รับ การอภัยโทษแล้ว เมื่อพรานป่าได้ยินก็เชื่อคำ ลวงนั้น และได้บอกทางไป เขาวงกตอีกด้วย คุณค่าที่ได้รับ - ให้ข้อคิดในเชิงเนื้อหา เช่น การคิดไตร่ตรองให้รอบ ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่หวังผล ประโยชน์และอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าง่าย ๆ เป็นต้น


๓. กัณฑ์มหาพน กัณฑ์มหาพน ว่าด้วยเรื่อง เฒ่าชูชกเดินทางมาถึงกลางป่าใหญ่ พบ กับพระอัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงพระฤาษีให้หลงกลว่าเป็นกัลยาณมิตรของพระเวสสันดร จนได้พักค้างคืนที่อาศรม พอรุ่งเช้าพระฤาษีให้กินผลไม้ พร้อมบอกเส้นทาง และสภาพ แวดล้อมในป่าที่จะเดินทางไปอาศรมของพระเวสสันดร คุณค่าที่ได้รับ - ให้ข้อคิดในเชิงเนื้อหา เช่น ควรใช้สติในการดำ เนินชีวิตเพราะแม้แต่ผู้ปัญญายัง พลาดพลั้งได้ และก่อนจะเชื่อ หรือคบกับใครไม่ควรดูเพียงภายนอก ๔. กัณฑ์สักบรรพ กัณฑ์สักกบรรพ ว่าด้วยเรื่อง พระอินทร์เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระ นางมัทรีไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพระเวสสันดร พระโพธิญาณจักเป็นอันตราย จึงได้ แปลงเป็นพราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดย ห้ามประทานนางแก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้แก่พระเวสสันดร แล้ว จึงเสด็จกลับสู่สวรรค์ ๑. ให้ทรงได้รับอภัยโทษ ๒. ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้ ๓. ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา ๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น ๕. ให้ได้สืบสันติวงศ์ ๖. ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น ๗. ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า ๘. ให้ได้สำ เร็จพระโพธิญาณ แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะ ขึ้นฟ้าไปทันที


คุณค่าที่ได้รับ - ให้ข้อคิดในเชิงเนื้อหา เช่น การทำ ดีไม่หวังชื่อเสียงถึงแม้จะไม่มีผู้ใดเห็นก็ยังเป็นสิ่งที่ ดี ๕. กัณฑ์ฉกษัตริย์ กัณฑ์ฉกษัตริย์ ว่าด้วยเรื่อง พระเจ้ากรุงสัญชัย พร้อมด้วย พระนางผุสดีและจตุรงคเสนา เดินทางไปถึงเขาวงกต กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบ กันในกลางป่า โดยมิได้คาดฝัน ก็ทรงวิปโยคโศกศัลย์จนถึงวิสัญญีภาพสลบลง ฝน โบกขรพรรษบันดาลตกลงมาให้ทรงฟื้น แล้วพากันขอลุโทษ และทูลอาราธนาให้ลา ผนวช คุณค่าที่ได้รับ - ให้ข้อคิดในเชิงเนื้อหา เช่น “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” การให้อภัยถือ เป็นสิ่งประเสริฐ และการพรากจากกันย่อมมีวันได้กลับมาเจอ การช่วยเหลือกันด้วย น้ำ ใจ


๔. จดหมายเหตุราชทูตไทยไปอังกฤษ ผู้แต่ง : หม่อมราโชทัย (มรว.กระต่าย อิศรางกูร) เนื้อเรื่องโดยย่อ : กล่าวว่า จดหมายเหตุราชทูตไทยไปอังกฤษ เป็นบันทึกเรื่องราวและ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในการเป็นหัวหน้าคณะทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับอังกฤษ (สมัย พระนางเจ้าวิคตอเรีย) แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๑๔ ตอน ว่าด้วยการออกราชทูตไปในสถาน ที่ต่าง ๆ (จินดา ลาโพธิ์,๒๕๖๕ :๑๕๐) ได้แก่ ตอนที่ ๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากกรุงเทพ ฯ จนถึงเมืองสิงคโปร์ ตอนที่ ๒ ว่าด้วยราชทูตออกจากเมืองสิงคโปร์ไปถึงเมืองไกโร แว่นแคว้นอายฆุบโต ตอนที่ ๓ ว่าด้วยราชทูตออกจากไกโร ไปถึงเกาะมอลตา แลเมืองยิบรอลตา เมืองไว โคแลปอร์ดสมัท ตอนที่ ๔ ว่าด้วยราชทูตไปจากเมืองปอร์ดสมัท ถึงเมืองลอนดอน แลดูการเล่นต่าง ๆ ตอนที่ ๕ ว่าด้วยราชทูตนำ พระราชสาส์นขึ้นไปเฝ้ากวีน ตอนที่ ๖ ว่าด้วยพระนางเจ้าเชิญราชทูตไปเลี้ยงโต๊ะ ตอนที่ ๗ ว่าด้วยที่ว่าราชการ ชื่อปาลิเมนต์แลเมืองเบอมิงฮัม เมืองแมนเชสเตอ เมืองลิเวอปูล เมืองชิฟิลว์ ตอนที่ ๘ ว่าด้วยเฝ้ากวีนที่วังบักกิงฮัม แลดูการรำ เท้า การ ซ้อมทหาร แลการอาวาหเจ้าลูกเธอหญิงใหญ่ ตอนที่ ๙ ว่าด้วยกวีนให้เจ้าหญิงลูกเธอ ปรินเซสกับปรินซเฟรดดริกวิลเลียมลาไป เมืองปรูเซีย และราชทูตไปดูคุก ดูคลัง แลดูแม่น้ำ เทมส์ ตอนที่ ๑๐ ว่าด้วยกวีนตั้งขุนนาง แลราชทูตเข้าเฝ้าทูลลา ราชทูตไปดูที่ขังคนบ้า แลบริติชมิวเซียม ตอนที่ ๑๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากเมืองลอนดอน ไปถึงท่าโดเวอ แลว่าด้วยประเทศ เครดบริเตน


ตอนที่ ๑๒ ว่าด้วยผู้รับใช้ปรนิบัติราชทูตที่โฮเต็ล แลราชทูตออกจากลอนดอนจะ กลับมาเมืองไทย มาแวะที่เมืองฝรั่งเศส ตอนที่ ๑๓ ว่าด้วยราชทูตอยู่เมืองสุเอศ แล้วกลับมาถึงเมืองคาลี แลเมืองสิงคโปร์ จนถึงกรุงเทพฯ ตอนที่ ๑๔ ต่อจดหมายเหตุของหม่อมราโชทัย ว่าด้วยแขกเมืองที่มาส่งราชทูตเข้า เฝ้า คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านภาษา - การพรรณนาที่ละเอียดถี่ถ้วน ทำ ให้ผู้อ่านมองเห็นภาพ ๒. ด้านสังคม - สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่แตกต่าง


๕. นิราศลอนดอน ผู้แต่ง : หม่อมราโชทัย (มรว.กระต่าย อิศรางกูร) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อหาเกี่ยวกับคณะราชทูตไทยอัญเชิญพระราชสาส์น พร้อมทั้งเครื่อง ราชบรรณาการไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย ณ พระราชวังวินเซอร์ ซึ่งทำ ให้ ได้รับผลดีคือมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาใหม่ โดยที่ไทยได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น จากนั้นคณะ ราชทูตไทยได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำ และน้ำ ชาและได้พักค้างแรม ณ พระราชวัง วินเซอร์ ๑ คืน ต่อมาจึงได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำ คัญ เช่น โรงพยาบาล โรงงานทำ เหรียญ กษาปณ์ ป้อมศาสตราวุธแห่งลอนดอน คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านภาษา/วรรณศิลป์ - ใช้ภาษาที่แสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกแทรก ๒.ด้านสังคม - สะท้อนสภาพชีวิตและสังคมของอังกฤษกับไทย รวมถึงมุมมองค่านิยมที่ต่างกัน


๖. นิราศพระปฐม ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นการบันทึกการเดินทางไปไหว้พระปฐมเจดีย์โดยทางเรือผ่านวัด สุทัศน์ วัดราชบพิธ คลองหลอด คลองบางกอกน้อย บางหว้า วัดทอง วัดชีปะขาว บาง ระมาด คลองมหาสวัสดิ์ วัดชัยพฤกษ์ งิ้วราย คลองเจดีย์ จนถึงพระปฐมเจดีย์ คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านเนื้อหา - ใช้คำ และภาษาที่เข้าใจง่ายพร้อมสอดแทรกแนวคิดให้ผู้อ่านวิเคราะห์ ๒. ด้านสังคม/ศาสนา - สะท้อนธรรมชาติและความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต -สะท้อนวิถีวีวิตในสังคม


ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) เนื้อเรื่องโดยย่อ : หลวงจักรปาณีหรือมหาฤกษ์แต่งเมื่อเดินทางไปรับป้าซึ่งอยู่ที่แพหน้า วัดเชิงท่า ที่กรุงเก่า นิราศทวาราวดีไม่เน้นการรำ พันถึงความรักหรือการจากหญิงอัน เป็นที่รัก ส่วนใหญ่เป็นการรำ พันถึงบุคคลและเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับ ชีวิตของกวี ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของคนในสังคม ตลอดจนการแสดงตำ นาน ความเชื่อ ข้อคิด คติธรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เมื่อกวีทราบว่า หลานสาวที่อาศัยอยู่กับป้าไม่เอาใจใส่และเล่นการพนันผลาญทรัพย์สมบัติของป้าเกือบ หมดจึงเดินทางไปรับป้ามาอยู่ด้วยเพื่อตอบแทนพระคุณ คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านสังคม -ท้อนให้เห็นถึงสภาพชีวิต การเดินทาง ๗. นิราศทวาราวดี


ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) เนื้อเรื่องโดยย่อ : นิราศเรื่องนี้เมื่อคราวตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัวประพาสกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) ทางชลมารคเป็นการรำ พันถึงความรักและ การจากหญิงที่รัก แม้ว่าลักษณะหญิงที่มหาฤกษ์รำ พันถึงนั้นจะเป็นนางในจินตนาการ มากกว่าจะมีตัวตนจริง แต่มหาฤกษ์ก็สามารถเชื่อมโยงความรู้สึกที่มีต่อนางกับสถานที่ ที่เดินทางผ่านได้อย่างกลมกลืน การรำ พันถึงหญิงที่รักโดยเชื่อมโยงกับชื่อของต้นไม้ ปลา และนกชนิดต่าง ๆ ที่พบเห็นระหว่างทาง นอกจากนี้ยังสอดแทรกคติธรรมโดยเน้น ความเข้าใจในเรื่องไตรลักษณ์ คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านเนื้อหา - สะท้อนให้เห็นลักษณะของผู้แต่งเป็นคนช่างสังเกตสนใจธรรมชาติ ๒. ด้านสังคม/ศาสนา - สะท้อนการเดินทางและวิถีชีวิต - สะท้อนถึงความเป็นจริงของชีวิตเกิดสูญไปตามเวลา ๘. นิราศกรุงเก่า


ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นเรื่องที่ได้มาจากนิทานอาหรับราตรี แต่งเพื่อทูลถวายรัชกาลที่ ๕ มีทั้งสิ้น ๑๑ ตอน แต่สูญหายไปหลายตอน กรรมการราชบัณฑิตยสภาได้พยายามสืบหา แต่ก็ได้มาเพียง ๕ ตอนแรกดังนี้ ตอนที่ ๑ เริ่มเรื่องด้วยบทสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วเล่าเรื่องนิทราชาคริตตั้งแต่เริ่มไปจนถึงเมื่อกาหลิบวางยาอาบูหะซันแล้วพาเข้าไปใน วัง ตอนที่ ๒ เล่าเรื่องตั้งแต่อาบูหะซันเข้าไปอยู่ในวัง ได้ลงโทษและให้รางวัลผู้คนตาม ที่ตนต้องการไปจนถึงตอนที่อาบูหะซันเพลิดเพลินกับเหล่านางกำ นัล ตอนที่ ๓ กาหลิบวางยาอาบูหะซันแล้วพากลับไปส่งบ้าน ตอนที่ ๔ เล่าเรื่องตั้งแต่เมื่ออาบูหะซันฟื้นขึ้นที่บ้านของตน และไม่ยอมเชื่อว่าตน มิใช่กาหลิบ ได้เข้าทำ ร้ายมารดาจนถูกจับไปลงโทษ ไปจนถึงตอนที่อาบูหะซันสำ นึก ได้ ตอนที่ ๕ เล่าเรื่องต่อเมื่ออาบูหะซันพบกาหลิบอีกครั้ง ไปจนถึงตอนที่อาบูหะซัน ถูกวางยาแล้วพาเข้าไปในวังเป็นครั้งที่สอง คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านเนื้อหา - การลำ ดับเนื้อความตามเหตุการณ์ - การใช้คำ มีความสละสวย เกิดความไพเราะ ๙. เสภาเรื่องอาบูหะซัน


ผู้แต่ง : พระยาอิศรานุภาพ เนื้อเรื่องโดยย่อ : พระสุธนโอรสกษัตริย์เมืองอุดรปัญจา วันหนึ่งนายพรานใช้บ่วงของ พญานาคคล้องได้นางมโนราห์ธิดาท้าวอุทุมวงศ์มาถวายพระสุธนต่อมามีศึก พระสุธนจำ จากไกล พระมารดาของพระสุธนสุบินร้าย โหรพยากรณ์ให้นำ สัตว์ป่าและนางมโนราห์มา บูชาไฟจนทำ ให้นางมโนราห์หนีไป เมื่อพระสุธนทราบจึงเร่งตามหา พบเจออุปสรรค อันตรายต่าง ๆ ถึงวันที่ท้าวอุทุมวงศ์ทำ พิธีชำ ระกลิ่นตัวมนุษย์ให้นางมโนราห์ สุธนได้ ประลองศรและชี้ตัวนาง จึงได้อภิเษกแล้วกลับบ้านเมือง (จินดา ลาโพธิ์, ๒๕๖๕ : ๑๕๑) คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านการใช้ภาษา -การเล่นคำ ซ้ำ เช่น แคว้งแคว้งคระวีตาว ก็กระลึงกระหลับอาวุธหวะกระบานบา ก็พินาศเมือมรณ์ ๑๐. สุธนคำ ฉันท์


ผู้แต่ง : พระยาอิศรานุภาพ เนื้อเรื่องโดยย่อ : กล่าวถึงท้าวปรันตปะมีมเหสีโฉมงาม เมื่อทรงครรภ์ครบสิบเดือนถูก หัสดินโฉบไปไว้กลางป่า คลอดกุมาร(อุเทนกุมาร)ในรุ่งเช้าและฤๅษีอัลกัปนำ ไปเลี้ยง สอน การใช้ธนูศิลป์ มนต์บังคับช้าง ต่อมาท้าวปรันตปะสิ้นชีพ อุเทนกุมารอ่านมนต์ ดีดพิณ เรียกโขลงช้างแล้วเดินทางไปโกสัมพี แสดงพระธำ มรงค์แก่ชาวเมือง จึงได้รับเชิญขึ้นเสวย ราชย์ ได้นางสามาวดีเป็นชายา คุณค่าที่ได้รับ -ทำ นองแต่งเลียนฉันท์โบราณได้แนบเนียน ๑๑. อุเทนคำ ฉันท์


ผู้แต่ง : พระองค์เจ้าอิศรญาณ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นการรวบรวมคำ สอน ข้อคิดและภาษิตเก่า ๆ มาแต่งไว้ในรูปแบบ กลอนเพลงยาว เนื้อหาเกี่ยวกับเปรียบเทียบความจริงในชีวิตมนุษย์แง่มุมต่าง ๆ เป็น สุภาษิตสอนใจที่ทรงคุณค่า ทั้งสะท้อนชีวิตและความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ที่ลึกซึ้งเฉียบคม อย่างยิ่งของผู้ทรงนิพนธ์ด้วย คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านเนื้อหา - เนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงคิดเตือนใจ สะท้อนทั้งการกระทำ ความเป็นไปในทางโลก และทางธรรม ๑๒. อิศรญาณภาษิต


วรรณคดีและวรรณกรรม รัชกาลที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม รัชกาลที่ ๕


๑. พระราชพิธีสิบสองเดือน ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เนื้อเรื่องโดยย่อ : อธิบายเกี่ยวกับพระราชพิธีต่าง ๆ ที่มีในพระราชกำ หนดกฎมนเทียร บาลตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยชี้แจงตำ ราเดิมก่อน แล้วจึงทรงชี้แจงถึงการแก้ไข จนถึงยกเลิกหรือยังคงมีอยู่ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ : เป็นแบบอย่างทั้งการเขียนความเรียง วรรณคดีสโมสรยกย่องให้ เป็น ยอดของความเรียงเชิงอธิบาย ๒.ไกลบ้าน ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นพระราชหัตถเลขาที่พระราชทานแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า นิภานภดล ในคราวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๐ มีทั้งหมด ๔๓ ฉบับ เนื้อความเป็นการบรรยายสภาพการเดินทาง ภูมิประเทศ วัฒนธรรมประเพณีของบ้าน เมืองที่เสด็จผ่าน โดยมีการวินิจฉัยประกอบ คุณค่าที่ได้รับ ๑. ด้านความรู้ ให้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียม ประเพณีของ บ้านเมืองต่าง ๆ ใน ยุโรป ๒. คุณค่าทางด้านภาษาและวรรณคดี เป็นหนังสือความเรียงร้อยแก้วที่แต่งดี คืออ่าน ง่าย สำ นวนโวหารไพเราะ


๓. ลิลิตนิทราชาคริต ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องกล่าวถึงอาบูหะซันชายหนุ่มผู้ซึ่งมีฐานะดี แต่มีคติในการ ดำ เนินชีวิตที่ต่างจากคนอื่นๆ จนทำ ให้ชีวิตของเขาประสบกับความเดือดร้อนและมีฐานะ ยากจนลง ดังนั้นอาบูจึงเปลี่ยนแนวการดำ เนินชีวิตใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นวิธีที่แปลก โดย เฉพาะการเลือกคบเพื่อน และเมื่อเขาได้เป็นเพื่อนกับพระเจ้ากาหลิบซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ ปลอมตัวเป็นคนสามัญธรรมดา ชีวิตของอาบูก็เปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง เรื่องราวดำ เนิน ไปด้วยความสนุกสนาน ตื่นเต้น และด้วยสำ นวนโวหารที่ไพเราะสละสลวยทำ ให้ลิลิต นิทราชาคริตเป็นวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องจากผู้อ่านอีกเรื่องหนึ่ง คุณค่าที่ได้รับ ในด้านการให้ข้อคิด คติสอนใจหลายประการ ทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับ ประเพณี วัฒนธรรมของอิสลาม และแทรกความเชื่อในธรรมเนียมไทย


๔. เงาะป่า ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องเป็นนิยายรักของหนุ่มสาวเงาะ เรื่องมีอยู่ว่า ลำ หับกับฮเนา หมั้นกันตามความต้องการของพ่อแม่ แต่คนังผู้เป็นน้องชายของลำ หับพอใจซมพลาผู้มี นิสัยกล้าหาญ มีความสามารถในการใช้อาวุธ คนังออกอุบายให้ลำ หับมาเก็บดอกไม้ในป่า เพื่อพบกับซมพลา ขณะเก็บดอกไม้ถูกงูรัดแขนตกใจจึงสลบไป ซมพลาได้เข้ามาช่วย แก้ไขลำ หับจนฟื้น และบอกรักนาง ลำ หับรู้สึกเห็นใจซมพลา เมื่อถึงกำ หนดแต่งงานของ ลำ หับกับฮเนา ซมพลาได้ออกอุบายพาลำ หับหนีไปอยู่ในถ้ำ ฮเนากับพวกตามมาพบ ขณะซมพลาออกมาหาอาหาร จึงเกิดต่อสู้กัน ซมพลาถูกพี่ชายของฮเนาฆ่าตาย ลำ หับ ตามมาพบเหตุการณ์เข้าจึงฆ่าตัวตายตาม ฮเนาเห็นใจในความรักของหนุ่มสาว และ เสียใจที่ตนเป็นต้นเหตุจึงฆ่าตัวตายตามด้วย คุณค่าที่ได้รับ เป็นวรรณคดีสัญลักษณ์แห่งรัชสมัย เพราะมีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ ประการแรก บท ละครเรื่องนี้เกิดขึ้นในรัชสมัยที่ความเหลื่อมล้ำ แห่งความเป็นมนุษย์ได้ถูกขจัดไปจาก สังคมไทยด้วยพระราชบัญญัติเลิกไพร่ทาส ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ประการที่สอง บทละครเรื่องนี้มีลักษณะผสมผสานระหว่างลักษณะรูปแบบของ วรรณคดีแบบเก่าของไทยและเนื้อหาของวรรณคดีแบบใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวัน ตก ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะสังคมในรัชกาลที่ 5 ประการที่สาม บทละครเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของเงาะซาไก จึง นับว่าเป็นวรรณคดีเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยเรื่องแรกที่แต่งขึ้นโดยพระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรง เป็นผู้บุกเบิกและผู้นําทางด้านมานุษยวิทยาและชาติพันธุ์วิทยา และประการสุดท้าย บท ละครเรื่องนี้มีแก่นเรื่องหรือแนวคิดสําคัญเกี่ยวกับ “ความรัก” ซึ่งสอดคล้องกับพระราช สมัญญา “สมเด็จพระปิยมหาราช” ในพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระราชนิพนธ์


๕. ฉันท์เรื่องอนุสาวรีย์แห่งความรัก ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องเป็นนิยายรักของหนุ่มสาวเงาะ เรื่องมีอยู่ว่า ลำ หับกับฮเนา หมั้นกันตามความต้องการของพ่อแม่ แต่คนังผู้เป็นน้องชายของลำ หับพอใจซมพลาผู้มี นิสัยกล้าหาญ มีความสามารถในการใช้อาวุธ คนังออกอุบายให้ลำ หับมาเก็บดอกไม้ในป่า เพื่อพบกับซมพลา ขณะเก็บดอกไม้ถูกงูรัดแขนตกใจจึงสลบไป ซมพลาได้เข้ามาช่วย แก้ไขลำ หับจนฟื้น และบอกรักนาง ลำ หับรู้สึกเห็นใจซมพลา เมื่อถึงกำ หนดแต่งงานของ ลำ หับกับฮเนา ซมพลาได้ออกอุบายพาลำ หับหนีไปอยู่ในถ้ำ ฮเนากับพวกตามมาพบ ขณะซมพลาออกมาหาอาหาร จึงเกิดต่อสู้กัน ซมพลาถูกพี่ชายของฮเนาฆ่าตาย ลำ หับ ตามมาพบเหตุการณ์เข้าจึงฆ่าตัวตายตาม ฮเนาเห็นใจในความรักของหนุ่มสาว และ เสียใจที่ตนเป็นต้นเหตุจึงฆ่าตัวตายตามด้วย คุณค่าที่ได้รับ แสดงความอาลัยรักอย่างที่สุดของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี


๖. รุไบยาต ผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เนื้อเรื่องโดยย่อ : รุไบยาตของโอมาร์ คัยยาม ( อังกฤษ : Rubaiyat of Omar Khayyam ) เป็นบทกวี ภาษาเปอร์เซีย ที่เรียกว่า รุไบยาต แต่งโดย โอมาร์ คัยยาม (Omar Khayyam, ค.ศ. ๑๐๔๘ – ค.ศ. ๑๑๓๑) กวีและนักปราชญ์ชาว เปอร์เซีย (อิหร่าน) เป็นบทกวีที่มีลีลาอันไพเราะ เปรียบเปรยศาสนาของผู้นับถือในยุคสมัยนั้น และเชิญชวนมนุษย์ทั้งหลายให้รีบหาความสนุกสบายต่าง ๆ ในโลก ด้วยการเสพสุขจาก รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส นอกจากจะเป็นบทกวีที่มีความไพเราะแล้ว ยังแสดง คุณค่าทางปรัชญาชีวิตอันลึกซึ้ง คุณค่าที่ได้รับ เป็นบทกวีที่มีลีลาอันไพเราะ เปรียบเปรยศาสนาของผู้นับถือในยุคสมัยนั้น และเชิญ ชวนมนุษย์ทั้งหลายให้รีบหาความสนุกสบายต่าง ๆ ในโลก ด้วยการเสพสุขจากรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส นอกจากจะเป็นบทกวีที่มีความไพเราะแล้ว ยังแสดงคุณค่าทาง ปรัชญาชีวิตอันลึกซึ้ง


๗. ลิลิตตำ นานพระแท่นมนังคศิลาบาต ผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เนื้อเรื่องโดยย่อ : กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงแต่งเรื่องนี้จากหนังสือเรื่องเที่ยว เมืองเหนือ ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองเหนือครั้ง ยังเป็นสมเด็จพระยุพราช แบ่งเป็น ๓ ภาคคือ ภาคที่ ๑ เป็นโคลงลิลิตดั้น เริ่มสร้าง เป็นพระแท่นทบอนุศาสน์ของสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ภาคที่ ๒ เป็นโคลงลิลิต สุภาพ ให้เชิญลงมาเป็นพระแท่นประทับรัชกาลที่ ๔ กรุงรัตนโกสินทร์ ภาคที่ ๓ เป็น โคลงลิลิตสินธุมาลี โปรดให้เชิญขึ้นประดิษฐานในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระ รัตนสิงหาสน์ บรมราชาภิเษกสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังมีปฐมภาค ที่กล่าวถึงกรุงสุโขทัย เป็นการกล่าวชมเมือง ประวัติการอพยพจากจีนลงใต้มาสู่แคว้น เหนือ ราชประวัติกรุงสุโขทัย วงศ์พระร่วง พระคุณสมบัติพระเจ้ารามคำ แหง การสร้าง พระแท่นมนังคศิลาบาต อนุวงศ์และอวสานวงศ์สมเด็จพระร่วงเจ้าด้วย


ผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ เนื้อเรื่องโดยย่อ : บันทึกการเดินทางไปนครวัดเมืองเขมร เริ่มต้นด้วยกลอนนำ แล้ว ตามด้วยร้องแก้ว เนื้อความกล่าวว่า ได้ทรงทราบว่าประเทศเขมรมีปราสาทหินใหญ่โต มีผู้ทูลเชิญไปทอดพระเนตรหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาส จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เดือน พฤศจิกายน จึงได้มีโอกาสเสด็จ จากนนั้นกล่าวถึงคณะผู้ตามเสด็จ ทรงพรรณนาถึงการ เดินทางโดยเรือไปขึ้นบกที่ตำ บลแก๊ป เมืองกำ ปอดของเขมร ต่อจากนั้นเสด็จไป พนมเปญ เที่ยวชมเมือง คุณค่าที่ได้รับ เป็นหนังสือดีที่มีเกร็ดประวัติศาสตร์และโบราณคดีหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งยังบันทึก เหตุการณ์ต่าง ๆ ของไทยในอดีต ผู้ที่ได้อ่านนอกจากจะได้ความเพลิดเพลินอย่างอ่าน หนังสือนำ เที่ยวแล้ว ยังได้ความรู้หลากหลาย ตามรสนิยมของปราชญ์ผู้ทรงพระนิพนธ์ ที่ล้วนแต่บันทึกและเล่าเรื่องความรู้เผยแพร่แก่สาธารณชน ๘. นิราศนครวัด


๙. พงศาวดารไทยรบพม่า ผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับไทยรบกับพม่ารวม ๔๔ ครั้ง โดย ทรงค้นคว้าจากพงศาวดารพม่าและไทย จดหมายเหตุโบราณ และจดหมายเหตุต่าง ประเทศ ๑๐. วชิรญาณสุภาษิต ผู้แต่ง : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ เนื้อเรื่องโดยย่อ : หนังสือวชิรญาณสุภาษิต เริ่มต้นด้วยการอัญเชิญพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อจะเสด็จสวรรคตมา ลงไว้ในตอนต้น แล้วจึงถึงอารัมภพจน์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นจึงนำ สุภาษิตต่าง ๆ ของกรรมการหอพระสมุดวชิรญาณ มาลงพิมพ์ไว้ตามลำ ดับ คือ โคลงสุภาษิตบทพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำ นวน ๓ บท ต่อด้วยบทสุภาษิตของกรรมการหอพระสมุด นอกจากนี้เป็นบทสุภาษิตของเจ้า นายฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ขุนนางไทย ขุนนางต่างชาติ


๑๑. ก.ศ.ร.กุหลาบ ประวัติ : เป็นนักเขียนร่วมสมัยกับเทียนวรรณ เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่ง เกล้าเจ้าอยู่หัว และเติบโตขึ้นในช่วงเวลาที่อิทธิพลของอารยธรรมตะวันตกเริ่มแพร่สะพัด เข้ามาในสังคมไทย เคยเดินทางไปต่างประเทศ มีความรู้ภาษาตะวันตก ก.ศ.ร. กุหลาบ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นผู้ที่ชอบดัดแปลง หรือปลอมประวัติศาสตร์ จนคำ ว่า กุ กลาย เป็นคำ ที่ยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ในความหมายว่า การแต่งสรรปั้นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง อักษรย่อ ก.ศ.ร. เป็นคำ ที่ย่อมาจากฉายาตอนบวชสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปร มานุชิตชิโนรส ผู้ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ประทานฉายาให้ว่า เกศะโร ผลงานส่วนใหญ่มี เนื้อหาเกี่ยวกับพงศาวดารและประวัติบุคคลสำ คัญ ด้วยความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ แก่ผู้ไม่ค่อยมีโอกาสในการศึกษา โดยเขียนในลักษณะบทความ ลงพิมพ์ในหนังสือสยาม ประเภท ซึ่งเขาเป็นผู้จัดพิมพ์ขึ้น เมื่ออายุได้ ๖๓ ปี ข้อมูลอาจขัดแย้งหรือคาดเคลื่อน จากที่เคยมีผู้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ (หลายท่านจึงไม่ค่อยเชื่อถือ)


๑๒. โคลงกลอนของครูเทพ ผู้แต่ง : เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เนื้อเรื่องโดยย่อ : "เป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์ทั่วๆ ไปของสังคม ของชาติ และของ โลก ส่วนมากเกี่ยวกับการศึกษา เศรษฐกิจและการเมืองตามเหตุการณ์ในสมัยนั้นๆ เช่น เรือรบพระร่วง ราชสดุดี-ดอนเจดีย์ สงครามโลกศตวรรษที่ ๒๕ การบินเยี่ยมอินเดีย ความมีความจนของประเทศ อั้งยี่ เกร็ดเรื่องภาษี เพลงกราวกีฬา แม้เมฆดำ ยังแรขอบ น้ำ เงิน โคลงกลอนของครูเทพ มีคุณค่าตรงที่แสดงความนึกคิด และปรัชญาเกี่ยวกับ ปัญหาต่างๆ รอบด้าน แต่ขาดรสแห่งความสะเทือนใจและความไพเราะ อันเป็น คุณสมบัติสำ คัญของวรรณคดี นอกจากนี้บทนิพนธ์ของครูเทพแทบทุกเรื่องต้องมีคำ อรรถ คือ อธิบายประกอบ คุณค่าที่ได้รับ เป็นผลงานทรงคุณค่าด้านการศึกษา" กล่าวถึงคุณค่าเด่น ๆ ด้านการศึกษา


๑๓. ความพยาบาท ผู้แต่ง : พระยาสุรินทราชา (แม่วัน) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นนวนิยายที่แปลมาจากเรื่อง Vendetta ของ แมรี่ คอเรลลี่ (Marie Corelli) นับว่าเป็นนวนิยายแปลเรื่องแรกของไทย เนื้อเรื่องกล่าวถึง ฟาโอบี โรมานี ชาวเมืองเนเปิลส์ เป็นบุตรของขุนนางร่ำ รวย เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี บิดาถึงแก่ กรรม มรดกทั้งหมดจึงตกแก่เขาแต่เพียงผู้เดียว เขาเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ วัน หนึ่งฟาบีโอได้พบกับนีนนา สาวรูปงามในสำ นักนางชี ฟาบีโอเกิดความพอใจและได้ แต่งงานกัน ต่อมานีนนากับกีโดที่เป็นเพื่อนสนิทเกิดลอบรักกันโดยที่ฟาบีโอไม่ระแวง สงสัย คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าที่แสดงให้เห็นสภาพชีวิต การแสดงสภาพชีวิตในแง่ของความเชื่อ จะเห็นจาก เนื้อเรื่องบางตอนจะเป็นการสะท้อนถึงการปฏิบัติตามความเชื่อต่าง ๆ


๑๔. เรื่องสนุกนิ์นึก ผู้แต่ง : กรมหลวงพิชิตปรีชากร เนื้อเรื่องโดยย่อ : มีเนื้อหาเป็นบทสนทนาถกของพระใน วัดบวรนิเวศ ๔ รูป ถกเถียงถึงการที่พระรูป หนึ่งจะสึกออกไปแต่งงาน แต่ตีพิมพ์ได้ตอนเดียวก็ต้องยุติไป เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหากระทบกระเทียบต่อ ศาสนาในสมัยนั้น และเป็นการเขียนแนวใหม่ที่คนในยุคนั้นยังไม่รู้จักดีพอ โดยเฉพาะ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งทรงปกครองวัดบวรนิเวศ ทรงเข้าพระทัยว่า กรมหลวงพิชิตปรีชากรเอาเรื่องจริงมาเขียนประจานให้ร้ายวัดบวร นิเวศ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงน้อยพระทัยโทมนัส เดือดร้อนมากมาย จน รัชกาลที่ ๕ ต้องทรงไกล่เกลี่ยแก้ไขด้วยพระองค์ เรื่องจึงระงับ ลงได้ และกรมหลวงพิชิตปรีชากรก็ไม่กล้าทรงแต่งเรื่องสนุกนิ์นึกต่อไป คุณค่าที่ได้รับ เรื่องนี้นับว่าเป็นการเริ่มต้นของวรรณกรรมไทยที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกในยุคแรก แม้ว่ารูปแบบการเขียนยังเป็นแบบเก่า คือเล่าติดต่อกันไปเหมือน สามก๊ก และ ราชาธิราช ไม่มีการใช้เครื่องหมายคำ พูด หรือการขึ้นบรรทัดใหม่เมื่อมีบทสนทนา ฯลฯ อย่างวิธีการเขียนนิยายปัจจุบัน แต่แนวคิดนั้นได้รับแนวตะวันตก คือ แนวสัจนิยม (realism) มาอย่างเห็นได้ชัด


วรรณคดีและวรรณกรรม สมัยรัชกาลที่ ๖ วรรณคดีและวรรณกรรม สมัยรัชกาลที่ ๖


๑. ลิลิตนารายณ์สิบปาง ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องตอนต้นกล่าวถึงการกำ เนิดโลกและจักรวาล การกำ เนิด เทพเจ้าของพราหมณ์ ตอนท้ายเป็นเรื่องการอวตารของพระนารายณ์ทั้งสิบปางแต่มีการ เรียงลำ ดับปางต่างกันในแต่ละสำ นวน อวตารทั้งสิบปางตามฉบับโรงพิมพ์หลวงได้แก่ ปางที่ ๑ วราหาวตาร อวตารเป็นหมูป่าเพื่อปราบหิรันตยักษ์ ปางที่ ๒ กัจฉปาวตาร อวตารเป็นเต่าเพื่อปราบอสูรปลา ปางที่ ๓ มัจฉาวตาร อวตารเป็นปลาเพื่อปราบอสูรหอยสังข์ ปางที่ ๔ มหิงสาวตาร อวตารเป็นกระบือเผือกเพื่อสังหารอสูรควาย ปางที่ ๕ สมณาวตาร อวตารเป็นสมณะเพื่อขอศิวลึงค์จากอสูรตริบุรัม ปางที่ ๖ สิงหาวตาร อวตารเป็นนรสิงห์ เพื่อปราบหิรันตปกาสูร ปางที่ ๗ ขุชชาวตาร อวตารเป็นพราหมณ์เพื่อลวงขอที่ดินจากอสูร ตาวัน ปางที่ ๘ กฤษณาวตาร อวตารเป็นพระกฤษณะ ปางที่ ๙ อัปสราวตาร อวตารเป็นนางอัปสรเพื่อลวงนนทุก ปางที่ ๑๐ รามาวตาร อวตารเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าด้านความเชื่อว่า นารายณ์อวตารเป็นแนวคิดความเชื่อที่ผสมผสานระหว่าง ศาสนาพุทธกับศาสนาพราหมณ์ อ้างอิงจากเนื้อหาในไตรภูมิพระร่วง เพื่อแสดงให้เห็น ถึงความเป็นสมมติเทพของพระมหากษัตริย์ และเป็นความหมายสำ คัญในฉากบังเพลิง ครั้งนี้


๒. ลิลิตพายัพ ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อหาของเรื่องมีลักษณะเป็นบันทึกรายวัน มีการระบุวันเวลาชัดเจน เริ่มเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ โดยพระองค์ไปทรงเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯปากน้ำ โพ เริ่มเรื่องจาก สถานีรถไฟสามเสน เพื่อไปเปิดทางรถไฟที่ สถานีบ้านภาชี จากนั้นจึงตามเสด็จประพาส ลพบุรี และ นครสวรรค์ พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้แยกเดินทางต่อไปยัง มณฑลพายัพ โดยเรือจักรกล ผ่าน เมือง พิจิตร พิษณุโลก และ อุตรดิตถ์ จากนั้นจึงขึ้นบกเดินทางถึง แพร่ ลำ ปาง ขากลับพระนครโดยเรือจักรกลทาง แม่น้ำ ปิง ผ่าน ตาก กำ แพงเพชร ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และจึงได้ขึ้นรถไฟเสด็จกลับยัง กรุงเทพมหานคร ถึงเมื่อสิ้นเดือนมกราคมในปีถัดมา คุณค่าที่ได้รับ ลิิลิตพายัพ เป็นการ “ปราบเงี้ยวด้วยการเขียน” ทั้งยังแสดงให้เห็นการจัดการกับ “ความแตกต่างทางวัฒนธรรม” ของเจ้านายสยาม ลิลิตพายัพ แสดงให้เห็นความสำ คัญ ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชในฐานะศูนย์กลางของการแสดงความจงรักภักดีของ พายัพที่มีต่อสยามและนับเป็นการแสดงให้เห็นฐานอำ นาจอันมั่นคงมากขึ้นของกษัตริย์ สยามด้วย


๓. พระนลคำ หลวง ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นวรรณกรรมคำ หลวงเล่มสุดท้าย (เล่มที่ ๔ ) นับว่าเป็นแบบอย่างในการแต่งคำ ประพันธ์ประเภท โคลง ฉันท์กาพย์ กลอน และร่าย เนื้อเรื่องเริ่มด้วยบทไหว้ครู บอกจุดมุ่งหมายในการแต่ง แล้วเริ่มเรื่องตั้งแต่พระฤาษี พฤหัสวะเล่าเรื่องพระนลให้ปาณฑปทั้งห้าฟังว่า พระนลได้ใช้หงส์ทองเป็นสื่อรักกับนาง ทมยันตี พระธิดาของท้าวภีมะ แห่งกรุงวิทรรภ์ ซึ่งจัดพิธีเลือกคู่ให้นางแต่นางเลือกพระ นล ทำ ให้กลีและทวาบรผิดหวัง จึงกลั่นแกล้งจนพระนลหลงใหลการเล่นพนันสกาจน เสียเมือง ต้องเสด็จออกจากเมืองพร้อมนางทมยันตี กลียังตามรังควาน เข้าสิงพระนล ให้ทอดทิ้งนางไว้ในป่า แต่ในที่สุดพระนลได้กลับไปท้าพนันสกา และสามารถเล่นชนะ จึง ได้กลับมาครองชีวิตกับนางทมยันตีอย่างมีความสุข คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าด้านความรู้ เป็นเรื่องที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ ประเพณี ความเชื่อถือ ตลอดจน ความเป็นอยู่ของชาวอินเดียสมัยโบราณที่นับถือศาสนาพราหมณ์ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ ชาวฮินดูในปัจจุบัน


๔. มัทนะพาธา ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องเป็นการแสดงให้เห็นถึงตำ นานดอกกุหลาบ เนื้อเรื่องแบ่ง ออกเป็นสองภาค ภาคสวรรค์ กล่าวถึงสุเทษณ์เทพบุตรหลงรักนางฟ้ามัทนา แต่นางไม่ รักตอบจึงถูกสาปลงไปเป็นดอกกุพชกะ (กุหลาบ) ในหิมวัน โดยมีเงื่อนไขว่า กลาง เดือนให้กลับเป็นหญิง เมื่อเกิดความรักกับชายใดจึงจะได้เป็นหญิงตลอดไป ภาคพื้นดิน กล่าวถึงฤษีกาละทรรศิน นำ ดอกกุหลาบมัทนาไปปลูกไว้ใกล้อาศรม พอถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ นางมัทนาก็ได้รับใช้ฤาษี วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ในวันหนึ่งท้าวชัยเสนกษัติริย์แห่งหัสดินบุรี ได้เสร็จมาล่าสัตว์และได้พบกับนาง ทั้งสองเกิดความรักต่อกัน คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เรื่องมัทนะพาธาเป็นหนังสือที่แต่งดี ใช้คำ ฉันท์เป็นบทละครพูด ซึ่งแปลกและแต่งได้ยาก มีการเลือกใช้คำ เหมาะสมกับเนื้อความและบทบาทของตัว ละคร รวมทั้งการพรรรณนาให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมภารตะโบราณและเข้ากับ เนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี จึงได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสร ว่าเป็นยอดแห่งบท ละครพูดคำ ฉันท์ มีการใช้ภาษาที่สละสลวย ตอนใดที่ต้องการดำ เนินเรื่องอย่างรวดเร็ว ก็ใช้ร้อยแก้ว ตอนใดที่ต้องการจังหวะเสียงและความคล้องจองก็ใช้กาพย์ หรือตอนใดที่ เน้นอารมณ์มากก็มักใช้ฉันท์ มีการใช้ศิลปะการประพันธ์ที่ไพเราะ แสดงกวีโวหารและมี การเล่นคำ เล่นอักษรอย่างแพรวพราว คุณค่าด้านสังคม สะท้อนแง่คิดให้คนในสังคมได้เข้าใจพุทธวัจนะ “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ว่า เมื่อมีความรัก ต้องรักอย่างมีสติ ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ มิใช่รักอย่างลุ่มหลง จะเกิดความทุกข์ได้


๕. หัวใจนักรบ ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นละครพูด ซึ่งแก่นของเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปลุกใจให้คนไทย รักชาติ โดยแสดงให้เห็นถึงผลของความประพฤติของตัวละครที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ของประเทศ คุณค่าที่ได้รับ เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของบท ละครพูด เป็นบทละครที่มีคุณค่ามากเรื่องหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่ หัว ทรงชี้ให้ผู้อ่านเห็นความสำ คัญของการมีหัวใจนักรบ คือพยายามให้ผู้อ่านตระหนัก ถึงหน้าที่ และการยอมเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของคน ไทยทุกคน จึงมีแก่นเรื่องที่มีคุณค่าเสริมความมีคุณธรรมแก่ผู้อ่าน คุณค่าด้านศิลปะการประพันธ์ ดำ เนินเรื่องด้วยบทสนทนา บรรยายฉากเหตุการณ์ อารมณ์ตัวละครอย่างชัดเจน ด้วยภาษาโบราณที่เข้าใจง่าย มีคติคำ สอนว่า การปลุก จิตสำ นึกความรักชาติ ทำ ให้เห็นความสำ คัญของทหาร และชี้ให้เห็นว่าคนเราสามารถ กลับตัวเป็นคนดีได้


๖. ท้าวแสนปน ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เจ้าเมือง ไตรตรึงษ์ มีพระธิดาผู้ทรงสิริโฉม ใกล้เมืองไตรตรึงษ์มี ชายที่มีรูปร่างน่าเกลียดมีปุ่มปมขึ้นเต็มตัว ชาวบ้านจึงเรียกเขาว่า แสนปม มีอาชีพ ปลูกผัก วันหนึ่งเทวดาดลใจให้พระธิดานึกอยากเสวยมะเขือ นางข้าหลวงพบมะเขือใน สวนของแสนปมจึงซื้อไปถวายพระราชธิดาแต่ไม่นานก็เกิดตั้งครรภ์ขึ้น ท้าวไตรตรึงษ์ รู้สึกอับอายขายหน้าตรัสถามพระราชธิดาว่าใครเป็นพ่อของเด็กแต่พระราชธิดาก็ไม่ยอม บอก ครั้งพระกุมารเติบใหญ่พอรู้ความ ท้าวไตรตรึงษ์จึงประกาศให้ขุนนางและเหล่า ราษฎรทั้งหลายนำ ของกินเข้ามาในวัง หากพระกุมารยอมกินของผู้ใดผู้นั้นจะได้เป็นเขย หลวง บรรดาชายหนุ่มก็พากันมาเสี่ยงทายแต่พระราชโอรสไม่คลานไปหาใคร เจ้าเมือง ได้ให้เสนาตามแสนปมที่ไม่ได้เข้าเสี่ยงทาย โดยได้ถือก้อนข้าวเย็นมา ๑ ก้อน เมื่อมาถึง จึงอธิษฐาน และยื่นก้อนข้าวเย็นให้ พระราชโอรสก็คลานเข้ามาหา ท้าวไตรตรึงษ์ทรง กริ้ว จึงขับไล่ทั้งคู่ออกจากวัง คุณค่าที่ได้รับ ท้าวแสนปม เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ทำ ให้เกิดความภูมิใจในท้อง ที่ได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประเภท รายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา


เนื้อเรื่องโดยย่อ : เรื่องนี้เกิดขึ้น ณ เมืองเวโรนา ได้มี ๒ ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลคาปุ เล็ตและมอนตาคิวซึ่งไม่ถูกกันมาช้านาน เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อโรเมโอแห่งตระกูลมอนตาคิวได้ แอบแฝงกายเข้าไปในงานเลี้ยงของตระกูลคาปุเล็ตและได้พบกับจูเลียต เพียงทั้งคู่สบตา กันทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน แต่กลับมีอุปสรรคเพราะความบาดหมางกันของทั้ง ๒ ตระกูล โรเมโอกับจูเลียตจึงได้จัดการแต่งงานกันอย่างลับ ๆ วันหนึ่งเมอร์คิวชิโอ เพื่อนรักของโร เมโอเกิดการทะเลาะกับญาติของจูเลียตและญาติของจูเลียตก็ได้ฆ่าเพื่อนรักของโรเมโอ ตาย โรเมโอโกรธมากจึงได้พลั้งมือฆ่าญาติของจูเลียตตาย โรเมโอจึงได้รับคำ ตัดสินให้ เนรเทศออกนอกเมืองตลอดกาล ฝ่ายจูเลียตต้องแต่งงานโดยที่จูเลียตไม่ต้องการ จูเลีย ตจึงพยายามหาทางที่จะหลีกหนีงานแต่งงาน เมื่อจูเลียตได้รู้เรื่องยาวิเศษที่ทำ ให้หลับ เหมือนตายจากบาทหลวงที่ทำ พิธีแต่งงานให้ทั้งคู่จึงกินเข้าไป จากนั้นบาทหลวงก็ส่งม้า เร็วส่งสารถึงแผนการดังกล่าวแก่โรมิโอ แต่โรเมโอสวนกับคนส่งสาร โรเมโอมาถึงเข้าใจ ว่าจูเลียตตายจริง ๆ จึงเสียใจมากจึงดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย โรเมโอสิ้นใจเพียงครู่เดียวจู เลียตก็ฟื้นขึ้นมา พอจูเลียตเห็นดังนั้นจึงใช้กริชของโรเมโอฆ่าตัวตายตามโรเมโอไป บิดา มารดาและญาติทั้งสองตระกูลเสียใจมาก จึงเลิกวิวาทบาดหมางกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา ๗. ละครพูดโรเมโอและจูเลียต ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) คุณค่าที่ได้รับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระบรมราชาธิบายไว้อย่างชัดเจน ว่า “ในการประพนธ์คำ กลอนภาษาไทยในเรื่องลครนี้ ฃ้าพเจ้าตั้งใจให้ใกล้สำ นวนโวหาร เดิมของเชกสเปียร์” ทั้งยังตั้งพระราชหฤทัยให้ผู้รู้ได้สอบทานบทพระราชนิพนธ์กับบท ประพันธ์เดิมของเชคสเปียร์ด้วย จนอาจกล่าวได้ว่าทรงพยายามจะรักษาทั้ง “เรื่องราว” และ “ลีลา” ของสำ นวนทรงแปลให้เป็นไปตามต้นฉบับเดิมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากผู้มีความรู้ด้านวรรณคดีและภาษาอังกฤษได้มีโอกาสอ่าน จะพบว่าพระองค์ทรง ถ่ายทอด “รสวรรณคดี” ทั้งความรัก ความสุข และความโศกออกมาได้อย่างงดงามไม่ ผิดเพี้ยนจากสำ นวนเดิม


๘. บ่อเกิดรามเกียรติ์ ผู้แต่ง : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๖) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เพื่ออธิบายเกี่ยวกับที่มาของเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งทรงค้นพบว่า รามเกียรติ์ของไทยได้มาจาก รามายณะ ฉบับองคนิยายที่ำ ด้จากเบงกอล วิษณุปุราณะ และหนุมานนาฏกะ จัดเป็นวรรณกรรมประเภทสารคดี คุณค่าที่ได้รับ เป็นหนังสือที่ให้ความรู้เป็นอันมากแก่นักศึกษาวรรณคดีพากษ์สังสกฤต ซึ่งเป็นส่วน สำ คัญในวรรณคดีของเรา ที่นักศึกษาวรรณคดีได้รับความรู้ต่าง ๆ ออกไปกว้างขวาง


ผู้แต่ง : พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อเรื่องกล่าวถึงพญากมลมิตร ซึ่งเป็นใหญ่ในหมู่คนธรรพ์ ได้นางอนุ ศยินีนางฟ้ารูปงามเป็นคู่ครองตามพรของพระอิศวร กมลมิตรคุยโอ้อวดกับเพื่อน คนธรรพ์ถึงความงามของภรรยาว่า อาจยั่วตบะของฤาษีตนหนึ่งได้ จึงถูกฤษีสาปให้ลง มาเกิดในโลกมนุษย์ จะพ้นคำ สาปได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายหนึ่งสามารถฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ อนุศ ยินีเกิดเป็นธิดากษัตริย์เมืองอินทิราลัยนามว่า กนกเรขา เมื่อเจริญวัยนางไม่พอใจชายใด แต่พระบิดารบเร้าให้มีคู่ครอง ในที่สุดนางรับจะอภิเษกกับชายที่มาจากกนกนครตามที่ นิมิตฝัน พระบิดาจึงป่าวประกาศว่า ชายใดเคยเห็นกนกนครจะยกพระธิดาให้ คุณค่าที่ได้รับ ๑.คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เนื่องจากวรรณกรรมเรื่องนี้ เดิมมีเค้าเดิมในหนังสือ สันสกฤตชื่อ กถาสริตสาคร ซึ่งเป็นสมุดรวบรวมนิทานไว้มาก ผู้แต่งหรือผู้แปลจึงใช้คำ ศัพท์ที่หลากหลาย แปลกและยาก เพราะเป็นศัพท์ชั้นสูง เพื่อให้เกิดความไพเราะ ตรง ตามฉันทลักษณ์ จึงยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจบทประพันธ์หากไม่ได้ศึกษาคำ ศัพท์มาก่อน ๙. กนกนคร


๑๐. นิทานเวตาล ผู้แต่ง : พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) เนื้อเรื่องโดยย่อ : พระวิกรมาทิตย์ หรือพระวิกรมเสน กษัตริย์ในตำ นานของ อินเดีย โบราณ ได้รับปากกับ โยคี ชื่อ "ศานติศีล" จะไปนำ ตัวเวตาล อมนุษย์ที่มีลักษณะคล้ายศพ มนุษย์ผสมค้างคาว ซึ่งห้อยหัวอยู่กับต้น อโศก มาให้แก่ฤๅษีเพื่อใช้ในพิธีบูชา เจ้าแม่กาลี โดยมีพระธรรมธวัชผู้เป็นโอรสติดตามไปด้วย เมื่อพระองค์จับตัวเวตาลได้แล้ว เวตาลก็จะ พยายามยั่วให้พระวิกรมาทิตย์ตรัสออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เสมอ โดยการการเล่านิทาน อุทาหรณ์ต่าง ๆ แล้วให้พระวิกรมาทิตย์ตัดสินเรื่องราวในนิทานเหล่านั้น ด้วยขัตติยะมานะ ของกษัตริย์ทำ ให้พระวิกรมาทิตย์อดไม่ได้ที่จะตรัสพระราชวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องราวในนิทาน อยู่เสมอ ผลก็คือเวตาลได้ลอยกลับไปอยู่ที่ต้นอโศกอันเป็นที่อยู่ของตน ทำ ให้พระวิกรมา ทิตย์จำ ต้องกลับไปจับเอาเวตาลกลับมาใหม่ทุกครั้ง เป็นเช่นนี้อยู่ถึง 24 ครั้ง ในครั้งที่ 25 พระธรรมธวัชได้สะกิดเตือนมิให้พระวิกรมาทิตย์ตรัสคำ ใด ๆ ออกมา พระวิกรมาทิตย์ก็ ระงับใจไม่เอื้อนพระโอษฐ์ตรัสพระกระแสใด ๆ ออกมา เวตาลจึงยอมให้พระองค์พาตนไปให้ โยคีศานติศีลนั้นได้ คุณค่าที่ได้รับ ๑. คุณค่าทางวรรณศิลป์ การใช้สำ นวนภาษา ใช้คำ ง่ายๆ มีการอธิบายอย่างชัดเจน แฝงข้อคิดและคำ คมที่น่า สนใจ ๒. คุณค่าด้านเนื้อหา เนื้อหาของนิทานสอนคติในการดำ รงชีวิต เป็นนิทานคติธรรมที่ยังแฝงไว้ซึ่งความตลก ขบขัน คำ ถามที่เป็นปริศนาชวนให้คิดของเวตาลช่วยเพิ่มสติปัญญาและไหวพริบของผู้อ่าน


๑๑. สามกรุง ผู้แต่ง : พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเริ่มตั้งแต่สมัยกรุง ศรีอยุธยา จับเอาตอนที่ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า ซึ่งเป็นตอนปลายของกรุงศรีอยุธยา จากนั้นก็มาที่กรุงธนบุรี เชิดชูพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี ในการที่ทรงกอบกู้เอกราชให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ อิสรภาพได้ คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าทางวรรณกรรม ๑.คุณค่าทางจินตนาการ สร้างความรู้สึกนึกคิดที่ลึกซึ้ง ๒.คุณค่าทางอารมณ์ ก่อให้เกิดความสะเทือนใจ ความอ่อนไหว ความบันเทิง ๓.มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เพื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนภาพในอดีตของแต่ละสังคม ๔.คุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นเรื่องเฉพาะของแต่ละสังคม หากมีอุดมคติเป็นสากล สามารถที่จะถือเป็นแบบแผนของทุกสังคม ๕.มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ทางเสาวรจนีย์ เรื่องการชมความงามของสรวงสวรรค์ ใน วรรคทองของวรรณกรรม


๑๒. พระนลคำ ฉันท์ ผู้แต่ง : พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) เนื้อเรื่องโดยย่อ : กล่าวถึง พระนล พระมหากษัตริย์เมืองนิษัท มีนางทมยันตี แห่ง แคว้นวิทรรภ เป็นมเหสี กลี เข้าสิงพระนลทำ ให้ลุ่มหลงการพนัน และแพ้พนันสกา ท้าวบุษกรพระอนุชาจนเสียทรัพย์สินและบ้านเมืองทั้งหมด ทำ ให้พระนลและนางทม ยันตีต้องออกจากบ้านเมือง เดินป่าและได้รับความทุกข์ยากลำ บาก ต่อมากลีแกล้งให้ทั้ง สองพลัดพรากจากกัน นางทมยันตีต้องเดินทางติดตามหาพระนลด้วยความอดทน ฝ่าย พระนลได้ช่วยพญานาค ๆ พ่นพิษทำ ให้พระนลกลายเป็นวาทุกคนอัปลักษณ์ แต่มีฤทธิ์ ทำ ให้กลีไม่สามารถสิงพระองค์ได้ พระนลเรียนวิชาสกากับท้าวฤตุบรรณ และเมื่อผ่าน ความลำ บากและอุปสรรคต่าง ๆ พระนลกลับเมืองท้าเล่นสกาได้บ้านเมืองคืนมา พระ นลและนางทมยันตีพบกันและกลับมาครองเมืองอย่างมีความสุขดังเดิม คุณค่าที่ได้รับ เนื้อเรื่องสนุกสนาน มีตัวละครที่มีบุคลิกภาพโดดเด่นดัง เช่น นางทมยันตีซึ่งเป็นสตรี ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาเเละคุณธรรม เรื่องมีแนวคิดอันทรงคุณค่าที่ผู้อ่านสามารถนำ ไป เป็นแนวทางในการดำ เนินชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นผู้นำ คือเมื่อต้องเผชิญกับ อุปสรรคปัญหาต่าง ๆ จะต้องไม่ท้อถ้อยหรือสิ้นหวังที่จะต่อสู้และขจัดปัญหานั้น ๆ พระนลคำ ฉันท์เป็นวรรณคดีที่ท้าทายความสามารถทางอักษรศาสตร์เเละความ ประณีตลึกซึ้งทางอารมณ์ด้านวรรณศิลป์ของผู้อ่านอย่างยิ่ง คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนผู้ รักวรรณคดีอันเป็น "อาภรณ์แห่งภาษา" ควรอ่านควรศึกษาเพื่อจะได้อนุรักษ์วรรณคดี เรื่องนี้ไว้เป็นมรดกของแผ่นดิน


๑๓. จดหมายจางวางหร่ำ ผู้แต่ง : พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เนื้อหาของจดหมาย เขียนเป็น ร้อยแก้ว เล่าถึงเศรษฐีเมือง ฉะเชิงเทราเขียนถึงนายสนธิ์ บุตรชาย รูปแบบของจดหมายที่ปรากฏนั้น เป็นการเขียน ไปเพียงฝ่ายเดียวของจางวางหร่ำ ไม่มีจดหมายตอบ แต่ถึงกระนั้นในแต่ละฉบับ ผู้อ่าน ทราบว่า จางวางหร่ำ ได้รับจดหมายจากนายสนธิ์เช่นกัน จดหมายฉบับที่ ๑-๔ เขียนถึง นายสนธิ์ขณะที่นายสนธิ์เรียนอยู่ที่ ประเทศอังกฤษ จดหมายฉบับที่ ๕-๗ เขียนถึงนาย สนธิ์เมื่อนายสนธิ์กลับมายังกรุงเทพฯ แล้ว จดหมายแต่ละฉบับ มีเนื้อหามุ่งอบรมสั่ง สอนนายสนธิ์ในเรื่องต่าง ๆ ผู้อ่านสามารถเห็นความคิดหลักในการสอนของจางวางหร่ำ ได้จากคำ ขึ้นต้นที่เป็นการสรุปเรื่องราวในจดหมายแต่ละฉบับ ทั้งนี้ยังมีการแทรกอารมณ์ ขันอยู่ในเรื่อง คุณค่าที่ได้รับ จดหมายจางวางหร่ำ เป็นวรรณกรรมที่อ่านเพลิน ประเทืองอารมณ์ แต่ในขณะ เดียวกันก็ประเทืองปัญญาผู้อ่านด้วย เพราะประกอบด้วยข้อคิดคำ คมต่าง ๆ ที่แยบยล ลึกซึ้ง คำ สอนที่ปรากฎยังคงทันสมัยอยู่ นำ มาใช้ได้ตราบเท่าทุกวันนี้


๑๔. อิลราชคำ ฉันท์ ผู้แต่ง : พระยาศรีสุนทรโวหาร (ผัน สาลักษณ์) เนื้อเรื่องโดยย่อ : กล่าวถึงท้าวอิลราชออกล่าสัตว์ และเผอิญได้ล่วงล้ำ เข้าไปในเขตของ พระอิศวร ซึ่งขณะนั้นกำ ลังพักผ่อนอิริยาบถ โดยแปลงกายเป็นสตรีมาหยอกเย้าพระอุมา ด้วยอำ นาจพระเวท จึงทำ ให้ท้าวอิลราชเข้าไปทูลขอขมาที่ล่วงล้ำ พระอิศวรไม่ยอมยก โทษให้แต่กลับถูกสาปให้เป็นสตรีตลอดไป พระอุมาทรงเมตตาให้ลดโทษ โดยให้เป็นหญิง หนึ่งเดือนแล้วกลับเป็นชายหนึ่งเดือน ขณะเป็นหญิงชื่อนางอิลลา และได้อยู่กินกับพระ พุธดาบส มีบุตรชื่อ บุรรพ พระพุธหาวิธีแก้ไขคำ สาปด้วยพิธีอัศวเมธ เมื่อกลับบ้านเมือง ได้ ท้าวอิลราชได้ทำ พลีกรรมบวงสรวง คุณค่าที่ได้รับ ด้านสำ นวนโวหาร อิลราชคำ ฉันท์มีความไพเราะตามแบบฉบับฉันท์สำ นวนเก่า การใช้ถ้อยคำ สละสลวยบทอุปมาอุปไมยมีความคมคาย คุณค่าของหนังสือ เป็นหนังสือที่มีคุณค่าเล่มหนึ่งที่แต่งเลียนแบบฉันท์ของเก่าทุก ประการและเป็นแบบอย่างของหนังสือคำ ฉันท์ในสมัยต่อมา หนังสือเรื่องอิลราชคำ ฉันท์นี้ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดเป็นหนังสืออ่านกวีนิพนธ์และแบบเรียนวรรณคดีไทยชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะเป็นหนังสือดีมีคุณค่า มีอรรถรส ให้ข้อคิดและคติสอนใจ สมควรจะใช้เป็นตำ ราเรียนสำ หรับนักเรียนตลอดจนบุคคลทั่วไปที่สนใจในวรรณคดีกวี นิพนธ์ไทยได้ศึกษาเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งในสุนทรียภาพของวรรณศิลป์ ทำ ให้เกิดความ บันดาลใจในการธำ รงรักษา และจรรโลงเอกลักษณ์ของไทยทางด้านวรรณคดีกวีนิพนธ์ อันเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติให้ยั่งยืนสืบต่อไป


๑๕.นิราศวัดรวก ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก) เนื้อเรื่องโดยย่อ : โคลงนิราศวัดรวกพรรณนาการเดินทางจากวัดรวก อำ เภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปยังพระพุทธบาท สระบุรี การเรียกชื่อนิราศเรื่องนี้ต่างจาก นิราศทั่วไปคือมิได้เรียกตามสถานที่จุดหมายปลายทาง การเริ่มเรื่องมิได้เริ่มตั้งแต่ตอนออก เดินทาง กวีเริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูรำ ลึกคุณพระศรีรัตนตรัย พร้อมถวายราชสักการะและ ถวายพระพรพระมหากษัตริย์ (รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) แล้วจึง พรรณนาการเดินทางทางเกวียน จากวัดรวก ผ่านสระประโคน ศาลาบ้านไร่ ศาลายับ บ่อ โศก ดงโอบ ศาลาเจ้าเณร ศาลาสิบบาท หนองคนที ทุ่งมรกต เขาตกซึ่งมีศาลเจ้า ศักดิ์สิทธิ์ สระยอ สระสามเส้น ตำ หนักท้ายพิกุล และพระพุทธบาท คุณค่าที่ได้รับ คุณค่าด้านการประพันธ์ที่มีความโดดเด่นของนิราศเรื่องนี้แตกต่างจากนิราศทั่วไป ตรงที่ ไม่ได้เริ่มพรรนาการเดินทางตั้งแต่เคหะสถานที่กวีอาศัยอยู่ แต่กลับเริ่มต้นเมื่อเดินทางมา ถึงวัดรวกแล้ว และกวีนิพนธ์ส่วนใหญ่มักจะนำ ชื่อสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทางมาตั้ง เป็นชื่อหนังสือนิราศ แต่หลวงธรรมภิมณฑ์ใช้ชื่อสถานที่ที่เริ่มต้นการพรรนาการเดินทาง เป็นชื่อนิราศ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับนิราศไปพระบาทเรื่องอื่น ๆ ซึ่งมักเดินทางในเวลา กลางวัน ทำ ให้ผู้อ่านโคลงนิราศวัดรวกได้รับอรรถรสที่ต่างไปจากเดิม เช่น การพรรนาถึง บางโขมด ซึ่งเป็นจุดพักการเดินทางใหญ่ สุนทรภู่ก็ได้เขียนบรรยายไว้ในนิราศพระบาทถึง ความคึกคักงดงามในสภาพแวดล้อม


๑๖.เพชรมงกุฏคำ ฉันท์ ผู้แต่ง : หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก) เนื้อเรื่องโดยย่อ : พระเพชรมงกุฎโอรสท้าวรัตนราชกับนางประภา มีพี่เลี้ยงเฉลียวฉลาดชื่อ พุฒศรี วันหนึ่งขณะประพาสป่าพระเพชรมงกุฎขี่ม้าไล่ตามกวางทองโดยมีพุฒศรีตามเสด็จ ทั้งสองพลัดหลงกับไพร่พล เดินทางไปจนถึงเมืองกรรณนคร นางประทุมวดีธิดาท้าวทันต ราชแห่งเมืองกรรณนคร มาสรงน้ำ กับเหล่าสนม ได้พบพระเพชรมงกุฎต่างก็หลงรักกัน นาง ประทุมวดีแสดงปริศนาแกว่งดอกบัวเหนือเศียร 7 รอบแล้วเอามาทัดกรรณ เอามาขบและ จุมพิต ก่อนจะจากไป พุฒศรีไขปริศนาว่า นางชื่อประทุมวดี อยู่ที่ปราสาท 7 ชั้นในเมือง กรรณนคร เป็นธิดาท้าวทันตราช และนางมีความพิสมัยพระเพชรมงกุฎ ทั้งสองปลอมเป็น พราหมณ์เดินทางไปถึงอุทยาน อาศัยอยู่กับยายเฒ่าเฝ้าอุทยาน พระเพชรมงกุฎช่วยยาย เฒ่าร้อยดอกไม้ไปถวายนางประทุมวดี นางรู้ความนัยจึงทำ ปริศนาตอบกลับมา ในที่สุดพระ เพชรมงกุฎก็ขึ้นไปหานางบนปราสาทและอยู่ร่วมกับนาง ฝ่ายนางประทุมวดีกลัวว่าพุฒศรี จะพาพระเพชรมงกุฎกลับเมือง จึงคิดกำ จัดโดยให้อาหารเจือยาพิษแต่พุฒศรีก็รู้ทัน จึงทำ อุบายตอบให้ผู้คนเข้าใจว่านางเป็นยักขินี นางจึงถูกพระบิดาขับไล่ออกจากเมือง พระเพชร มงกุฎกับพุฒศรีก็ทำ อุบายพานางประทุมวดีกลับไปเมืองของตนได้ คุณค่าที่ได้รับ ๑. คุณค่าทางอักษรศาสตร์ เป็นกวีนิพนธ์ที่มีความงดงามไม่น้อย ใช้ถ้อยคำ สำ นวนนิ่ม นวลเรียบง่าย มีลักษณะเป็นของตนเองด้วย ๒. คุณค่าทางคติธรรมคำ สอน ได้แสดงให้เห็นความรักระหว่างพ่อแม่ลูกที่มีต่อกัน ซึ่ง แสดงลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวตามแบบอย่างไทย ๆ ได้เป็นอย่างดี


๑๗.แบบเรียนสยามไวยากรณ์ (หลักภาษาไทย) ผู้แต่ง : พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เนื้อเรื่องโดยย่อ : เป็นตำ ราที่ว่าด้วยหลักไวยากรณ์ของภาษาไทยแบ่งเป็น 4 ภาค คือ อักขรวิธี วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ และฉันทลักษณ์ คุณค่าที่ได้รับ มีคุณค่าด้านการใช้ไวยากรณ์ ที่ใช้เป็นแบบเรียนสอนกุลบุตร สามารถยึดเป็นหลักเกณฑ์ ตามแบบแผนได้ จึงมีระบบการในการใช้อักษรมากขึ้น และมีการยึดหนังสือสยามไวยากรณ์ เป็นต้นแบบในการเรียนการสอนของรุ่นหลัง ๆ


๑๘.สามัคคีเภทคำ ฉันท์ หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันทำ กิจที่พึง ทำ ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ (อันขัดต่อหลักการเดิม) ไม่ล้มล้างสิ่งที่บัญญัติไว้ (ตามหลักการเดิม) ถือปฏิบัติมั่นตามวัชชีธรรม (หลักการ) ตามที่วางไว้เดิม ท่านเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่ในชนชาววัชชี เคารพนับถือท่านเหล่านั้น เห็นถ้อยคำ ของ ท่านว่าเป็นสิ่งอันควรรับฟัง บรรดากุลสตรีกุลกุมารีทั้งหลาย ให้อยู่ดีโดยมิถูกข่มเหง หรือฉุดคร่าขืนใจ เคารพสักการบูชาเจดีย์ (ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุ ตลอดถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ) ของวัชชี (ประจำ ชาติ) ทั้งหลาย ทั้งภายในและภายนอก ไม่ปล่อยให้ธรรมิกพลี ที่เคยให้เคยทำ แก่เจดีย์เหล่านั้นเสื่อมทรามไป จัดให้ความอารักขา คุ้มครอง ป้องกัน อันชอบธรรม แก่พระอรหันต์ทั้งหลาย ตั้งใจว่าขอพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมิได้มาพึงมาสู่แว่นแคว้น ที่มาแล้วพึงอยู่ใน แว่นแคว้นโดยผาสุก ผู้แต่ง : นายชิต บุรทัต เนื้อเรื่องโดยย่อ : พระเจ้าอชาตศัตรูแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ทรงมีวัสสการ พราหมณ์ผู้ฉลาดหลักแหลมเป็นที่ปรึกษา มีพระประสงค์จะขยายอาณาจักรไปยังแคว้น วัชชีของเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าแคว้นนี้ได้ถูกปกครองโดยยึดมั่นในอปริหา นิยธรรม (ธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม) ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.


อปริหานิยธรรม 7 ประการนี้ พระพุทธเจ้าตรัสแสดงแก่เจ้าวัชชีทั้งหลายผู้ ปกครองรัฐโดยระบอบสามัคคีธรรม เมื่อชาววัชชียังปฏิบัติตามหลักธรรมนี้ จะเอาชนะ ด้วยการรบไม่ได้ นอกจากจะใช้การเกลี้ยกล่อมหรือยุแยงให้แตกสามัคคี ด้วยเหตุนั้น วัสสการพราหมณ์ปุโรหิตผู้เป็นที่ปรึกษาจึงอาสาเป็นไส้ศึกเพื่อทำ ให้แคว้นวัชชีแตก ความสามัคคี โดยออกอุบายกราบทูลทัดทานการไปตีแคว้นวัชชีให้พระเจ้าอชาตศัตรู แกล้งกริ้ว สั่งให้ลงโทษววัสสการและขับไล่ออกจากเมือง เมื่อทางแคว้นวัชชีทราบเรื่อง ก็ให้วัสสการมาเข้าเฝ้าเพราะเห็นว่าเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถอย่างมาก จึงจะ ให้รับใช้ในราชสำ นัก ทั้งพิจารณาคดีความและสั่งสอนพระโอรส วัสสการก็ได้ทำ ตาม หน้าที่อย่างสุดความสามารถจนได้รับความไว้วางใจ หลังจากนั้นจึงได้เริ่มสร้างความ แคลงใจให้แก่พระโอรส จนนำ ความไปกราบทูลพระบิดาต่างก็ทรงเชื่อถือพระโอรสของ พระองค์ ทำ ให้เกิดความขุ่นเคืองกันทั่วในหมู่กษัตริย์ลิจฉวี เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี ความสามัคคีก็ถูกทำ ลายสิ้น วัสสการพราหมณ์ทดสอบด้วยการตีกลองนัดประชุม ปรากฏว่าไม่มีกษัตริย์ลิจฉวี มาเข้าร่วมประชุมสักพระองค์ เมื่อมั่นใจว่าแผนการสำ เร็จ จึงลอบส่งข่าวไปยังพระเจ้า อชาตศัตรู ให้ยกทัพมาตีแคว้นวัชชี เมื่อกองทัพแคว้นมคธมาถึงเมืองเวสาลี ชาวเมือง ตื่นตระหนก แต่เพราะความทิฐิ ทำ ให้ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดออกมาป้องกันเมือง วัส สการพราหมณ์จึงเปิดประตูเมืองให้กองทัพมคธเข้ามายึดได้อย่างง่ายดาย คุณค่าที่ได้รับ เป็นนิทานสุภาษิตสอนใจให้เห็นโทษของการแตกความสามัคคี ที่ไที่ ม่ไม่ด้มีด้ มีผลกระทบ ต่อบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีผลถึงสังคมส่วนรวมด้วย นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นความ สำ คัญของการใช้สติปัญญาให้เกิดผล โดยไม่ต้องใช้กำ ลังอีกด้วย


Click to View FlipBook Version