The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายวิชาเคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว31102 ชั้นมัยธมศึกษาปีที่ 4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Namesupharat Chalaewdee, 2022-10-20 05:45:14

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 3 เรื่อง พันธะเคมี

รายวิชาเคมีพื้นฐาน รหัสวิชา ว31102 ชั้นมัยธมศึกษาปีที่ 4

47

48

49

50

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4
เวลา 21 ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 3 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 พันธะเคมี
เร่ือง การเกิดพนั ธะโคเวเลนตแ์ ละการเรียกชอ่ื พันธะโคเวเลนต์ ผู้สอน นางสาวสภุ ารัตน์ เฉลยี วดี
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

สาระเคมี
1. เขา้ ใจโครงสรา้ งอะตอม การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พนั ธะเคมแี ละสมบตั ิของสาร

แกส๊ และสมบัติของแกส๊ ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมท้งั การนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์

ผลการเรียนรู้
14. อธบิ ายการเกดิ พนั ธะโคเวเลนตแ์ บบพันธะเดยี่ ว พันธะคู่ และพันธะสาม ดว้ ยโครงสร้างลิวอิส
15. เขยี นสูตรและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์

สาระสำคัญ
พันธะโคเวเลนต์เป็นพนั ธะเคมีชนิดหนึง่ ท่ีเกดิ จากอะตอมของอโลหะมีการนำอิเล็กตรอนมาใช้รว่ มกนั แล้ว

เกิดแรงดึงดดู ระหวา่ งอิเล็กตรอนกบั โปรตอนที่อยู่ในนิวเคลยี สของทง้ั สองอะตอม ซง่ึ สารประกอบโคเวเลนต์อาจ
เกดิ จากอะตอมของอโลหะชนิดเดยี วกัน หรอื ตา่ งชนิดกันกไ็ ด้

สาระการเรยี นรู้
พนั ธะโคเวเลนต์เป็นการยดึ เหนีย่ วที่เกดิ ขนึ้ ภายใน โมเลกุลจากการใช้เวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอนร่วมกนั ของธาตุ

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธาตุอโลหะ โดยทั่วไป จะเป็นไปตามกฎออกเตต สารที่ยึดเหนี่ยวกันด้วย พันธะโคเวเลนต์เรียกว่า
สารโคเวเลนต์พันธะ โคเวเลนต์เกิดได้ทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่และ พันธะสาม ซึ่งสามารถเขียนแสดงได้ด้วย
โครงสร้างลิวอิส โดยแสดงอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะด้วยจุดหรือเส้นและแสดงอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวของ แต่ละ
อะตอมดว้ ยจุด

สูตรโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์โดยท่ัวไป เขียนแสดงดว้ ยสัญลกั ษณ์ของธาตเุ รียงลำดับ ตามคา่ อิเล็กโทรเน
กาติวิตีจากน้อยไปมาก โดยมีตวั เลขแสดงจำนวนอะตอมของธาตุ ที่มีมากกว่า ๑ อะตอมในโมเลกลุ การเรียกชื่อ
สารโคเวเลนต์ทำได้โดยเรียกชื่อ ธาตุที่อยู่หน้าก่อน แล้วตามด้วยชื่อธาตุที่อยู่ถัดมา โดยมีคำนำหน้าระบุจำนวน
อะตอมของธาตทุ ่เี ปน็ องค์ประกอบ

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายการเกดิ พันธะเดย่ี ว พันธะคู่ พันธะสาม และพนั ธะโคออร์ดิเนตเวเลนตไ์ ด้ (K)
2. เขียนสูตรโมเลกุลและเรยี กชอ่ื สารโคเวเลนตไ์ ด้ (P)
3. มคี วามใฝร่ ู้ มุ่งมั่นในการทำงาน และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นได้ (A)

51

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ

กิจกรรมการเรียนรู้
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ข้ันกระตุ้นความสนใจ (Engagement)

1. นักเรียนทบทวนพนั ธะไอออนกิ โดยนกั เรียนตอบคำถาม
- พันธะไอออนิกเกดิ จากแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างธาตทุ ม่ี สี มบตั อิ ย่างไร
- การทธี่ าตมุ ีการใชอ้ ิเล็กตรอนรว่ มกันเปน็ พันธะไอออนิกหรือไม่

2. นักเรยี นจัดกลุ่มธาตุทคี่ รูกำหนดให้ โดยแบง่ เป็นกลมุ่ สารประกอบไอออนกิ และกลมุ่ ทไ่ี ม่ใช่
สารประกอบไอออนกิ เชน่ LiCl, KI, CaSO4, MgCl2, Cl2, O2, CO2, C2H2, NH3 แล้วถามนักเรียนตอ่ ว่า กลมุ่ ท่ไี ม่ใช่
สารประกอบไออนกิ นกั เรยี นคิดวา่ น่าจะเปน็ สารประกอบอะไร แลว้ ทำพนั ธะอะไร

3. ครชู ีแ้ จงจุดประสงคใ์ นการเรยี นวนั นี้ (พนั ธะโคเวเลนต์)
ขัน้ สำรวจค้นหา (Exploration)

1. ครูเปดิ วดี ิทศั นเ์ ร่อื ง พนั ธะโคเวเลนต์ จาก YouTube ใหน้ กั เรยี นดู พรอ้ มตงั้ คำถามใหน้ ักเรียนรว่ มกนั
อภปิ ราย ดงั นี้

1.1 การเกดิ พนั ธะโคเวเลนต์
จากน้ัน ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ อธบิ ายการเกดิ พันธะโคเวเลนต์ โดยใชก้ ราฟความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพลังงานศักย์
กบั ระยะหา่ งระหวา่ งนิวเคลยี สของอะตอม ดังภาพ

1.2 การเกดิ พนั ธะเด่ยี ว พันธะคู่ พนั ธะสามโดยใช้โครงสรา้ งแบบลวิ อสี
2. ครใู หน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 6 กลมุ่ แล้วใหศ้ ึกษาแบบจำลองการเกิดพนั ธะโคเวเลนตท์ จ่ี ดั ทำขึ้น
โดยครูเปน็ คนกำหนดธาตหุ รือโมเลกลุ ทสี่ รา้ งพันธะโคเวเลนต์กัน เช่น F2, N2, O2, S2, Cl2 เปน็ ต้น

52

3. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ศกึ ษาหลักการเขียนสูตรโมเลกุลและการเรียกช่อื สารโคเวเลนต์โดยสตู ร

โมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์แสดงสัญลกั ษณ์ของธาตเุ รยี งลำดับตามค่าอิเลก็ โทรเนกาตวิ ติ ีจากน้อยไปมาก

- การเรยี กชอื่ สารโคเวเลนตใ์ ห้เรียกธาตุตามลำดบั จากซา้ ยไปขวา ถา้ มสี ารโคเวเลนต์

ที่เกิดจากธาตุองค์ประกอบเดยี วกนั มากกวา่ ๑ ชนดิ ตอ้ งระบุจำนวนอะตอมธาตุองค์ประกอบด้วยคำระบุจำนวน

ในภาษากรีก

อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)

1. ครูนำนักเรยี นอภิปรายและสรุปเกย่ี วกบั การเกิดพันธะโคเวเลนต์ และ โดยตงั้ คำถาม ดงั น้ี

ครยู กตัวอยา่ งสารประกอบโคเวเลนต์มา 1 ชนิด ยกตัวอย่างเช่น BeF2 แล้วส่มุ นักเรียนตอบคำถาม
ตอ่ ไปน้ี

1) สารประกอบชนิดนเ้ี ปน็ สารประกอบโคเวเลนต์หรอื ไม่ เพราเหตุใด

(แนวตอบ : BeF2 เปน็ สารประกอบโคเวเลนต์ เนอ่ื งจากเป็นสารประกอบที่เกดิ จาก Be และ F
นำอเิ ลก็ ตรอนมาใช้รว่ มกนั )

2) จงเขียนสตู รโครงสรา้ งของสารประกอบนี้

(แนวตอบ : ))

3) โครงสร้างของสารประกอบน้เี ป็นไปตามกฎออกเตตหรือไม่

(แนวตอบ : ไมเ่ ปน็ ไปตามกฎออกเตต เพราะ Be มีเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเทา่ กับ 4 ซึ่งไม่ครบ 8)

และครูอธิบายเพ่มิ เติมเกีย่ วการเกดิ พันธะโคออรด์ เิ นตโคเวเลนต์ (Coordinate covalent bond) และ

เรโซแนนซ์ โดยใช้ส่อื ICT ประเภท PowerPoint เร่ือง พันธะโคเวเลนต์

2. ครูอธิบายเพ่ิมเติม การเขียนสูตรและการอา่ นช่อื สารประกอบโคเวเลนต์ โดยใช้สื่อ ICT ประเภท

PowerPoint เร่ือง พนั ธะโคเวเลนต์ โดยการให้ความรเู้ ก่ยี วกับ หลักการเขยี นสูตรของสารประกอบโคเวเลนต์ และ

การอา่ นชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์

โดยสรุปหลักการในการเขยี นสูตรโมเลกุลของสารประกอบโคเวเลนต์ ดงั นี้

• เขียนสัญลักษณ์ของธาตุที่มีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตี (EN) ต่ำก่อน (H เขียนไว้หลังธาตุหมู่ 3A 4A

และ 5A)

• เขียนอิเลก็ ตรอนทต่ี อ้ งใช้ในการสร้างพันธะบนสัญลกั ษณข์ องธาตุนนั้ ๆ

• นำตวั เลขด้านบนของธาตุมาไขว้ไว้ดา้ นลา่ งของธาตทุ ีเ่ กดิ พันธะ

ตัวอยา่ งเช่น

53

หลักการในการเรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ ดังนี้
• ให้อา่ นจำนวนอะตอมของธาตตุ ัวแรกเป็นภาษากรกี (ถา้ อะตอมเท่ากบั 1 ไมต่ อ้ งอ่าน)
• อา่ นช่ือธาตุตวั แรก
• อา่ นจำนวนอะตอมของธาตุท่ี 2 เปน็ ภาษากรกี
• อา่ นชือ่ ธาตทุ ่ี 2 แล้วเปลย่ี นท้ายเสยี งเป็นไ-ด์ (-ide)

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
1. ครใู หนักเรยี นแบงกลุมออกเปน็ 6 กลุม เขยี นแสดงการเกิดพนั ธะโคเวเลนต สตู รโครงสรางแบบ

จุด สตู รโครงสรางแบบเสนของสารประกอบโคเวเลนตและเรียกชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ที่กาํ หนดให ดังนี้
กลุมที่ 1 BeCl2 PCl5 PH3
กลุมที่ 2 BeH2 AsF5 SF4
กลุมท่ี 3 HgCl2 CH4 NH3
กลุมที่ 4 BF3 CCl4 H2O
กลุมที่ 5 BCl3 SF6 SiH4
จากนนั้ ใหตัวแทนนักเรยี นแตละกลุมออกมาอธบิ ายเกี่ยวกับสารประกอบโคเวเลนตท่กี ลุมไดรับ

มอบหมายให
2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ท่ี 15 เร่ือง การเขยี นสูตรและการเรยี กชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์

ขัน้ ประเมนิ ผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลโดยการสงั เกตการตอบคำถาม และการรว่ มกนั ทำผลงาน
2. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด
3. ครวู ดั และประเมินผลจากชิน้ งานท่นี ักเรยี นไดส้ ร้างข้นึ จากข้ันขยายความเข้าใจ

ส่อื /อปุ กรณ์/แหลง่ การเรยี นรู้
1. PowerPoint เรอ่ื ง พนั ธะโคเวเลนต์

2. แบบฝึกหัดท่ี 15 เรอ่ื ง การเขียนสูตรและการเรยี กชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์

3. วดี ทิ ัศนเ์ รือ่ ง พนั ธะโคเวเลนต์

54

การวดั และการประเมนิ ผล หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมอื วัด
รายการวดั และประเมิน

1. อธบิ ายการเกิดพนั ธะเด่ยี ว 1. คำตอบของนกั เรียน 1. การถามคำถามใน 1. แบบสงั เกตการตอบ
พนั ธะคู่ พนั ธะสาม และพนั ธะ 2. แบบฝึกหดั ท่ี 15 เรอ่ื ง หอ้ งเรียน คำถาม
โคออร์ดเิ นตเวเลนต์ได้ (K) การเขยี นสตู รและการ 2. ตรวจแบบฝกึ หัดท่ี 15 2. แบบประเมิน
เรียกช่อื สารประกอบโคเว เรอ่ื ง การเขยี นสตู รและ แบบฝกึ หัด/ใบงาน/
เลนต์ การเรยี กชอ่ื สารประกอบ ชิ้นงาน
โคเวเลนต์
2. เขยี นสูตรโมเลกุลและเรียกชอ่ื 1. คำตอบของนกั เรยี น 1. การถามคำถามใน 1. แบบสังเกตการตอบ
สารโคเวเลนตไ์ ด้ (P) หอ้ งเรียน คำถาม
2. ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 15 2. แบบประเมิน
2. แบบฝกึ หัดที่ 15 เร่ือง เรอ่ื ง การเขียนสตู รและ แบบฝกึ หดั /ใบงาน/
การเขยี นสูตรและการ การเรียกชือ่ สารประกอบ ชน้ิ งาน
เรียกชื่อสารประกอบโคเว โคเวเลนต์
เลนต์ 1. สงั เกตพฤตกิ รรมของ 1. แบบประเมนิ
3. มีความใฝ่รู้ ม่งุ ม่นั ในการ 1. แบบประเมนิ นักเรยี น คณุ ลักษณะทพ่ี งึ
ทำงาน และทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นได้ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ประสงค์
(A)

เกณฑก์ ารประเมินผล จุดประสงค์ (K) สมรรถนะสำคญั (P) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
รายการ
ผ่านเกณฑ์ 70% ขึ้นไป ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

55

56

แบบฝกึ หัดท่ี 15

เรอื่ ง การเขยี นสูตรและการเรยี กชื่อสารประกอบโคเวเลนต์

1. ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ สตู รโครงสรา้ ง สตู รโครงสรา้ ง
ชื่อสาร สตู รโมเลกลุ อะตอมองค์ประกอบ แบบจดุ แบบเส้น

คลอรนี

คารบ์ อนไดออกไซด์

น้ำ

ไฮโดรเจนไซยาไนด์

เอทานอล

มเี ทน

กรดคารบ์ อนิก

โบรอนไตรคลอไรด์

กรดแอซตี ิก

57

2. จงเขยี นสตู รโมเลกุลของสารประกอบโคเวเลนต์ท่เี กิดจากการรวมกนั ของธาตตุ อ่ ไปนี้
1) C กบั F = ………………………………..………………………………..
2) C กับ Cl = ………………………………..………………………………..
3) N กับ F = ………………………………..………………………………..
4) C กับ S = ………………………………..………………………………..
5) N กับ O = ………………………………..………………………………..
6) S กบั Cl = ………………………………..………………………………..
7) C กบั O = ………………………………..………………………………..
8) F กบั F = ………………………………..………………………………..

3. จงอ่านชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปน้ี

1) CO = ………………………………..………………………………..

2) N2O4 = ………………………………..………………………………..

3) P4O10 = ………………………………..………………………………..

4) Cl2O7 = ………………………………..………………………………..

5) NO = ………………………………..………………………………..

6) N2O = ………………………………..………………………………..

7) N2O5 = ………………………………..………………………………..

8) CCl4 = ………………………………..………………………………..

9) OF2 = ………………………………..………………………………..

10) PCl3 = ………………………………..………………………………..

58

แบบฝึกหัดท่ี 15 เฉลย

เร่ือง การเขยี นสูตรและการเรยี กช่อื สารประกอบโคเวเลนต์

1. ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี สตู รโครงสรา้ ง สตู รโครงสรา้ ง
ชอื่ สาร สูตรโมเลกลุ อะตอมองค์ประกอบ แบบจดุ แบบเส้น

คลอรีน Cl2 Cl 2 อะตอม
คาร์บอนไดออกไซด์ CO2
น้ำ H2O C 1 อะตอม
O 2 อะตอม
ไฮโดรเจนไซยาไนด์ HCN H 2 อะตอม
O 1 อะตอม
เอทานอล C2H5OH H 1 อะตอม
C 1 อะตอม
มเี ทน CH4 N 1 อะตอม
C 2 อะตอม
กรดคารบ์ อนิก H2CO3 H 6 อะตอม
O 1 อะตอม
โบรอนไตรคลอไรด์ BCl3
C 1 อะตอม
กรดแอซตี ิก CH3COOH H 4 อะตอม

C 1 อะตอม
H 2 อะตอม
O 3 อะตอม
B 1อะตอม
Cl 3 อะตอม
C 2 อะตอม
H 4 อะตอม
O 2 อะตอม

59

2. จงเขยี นสูตรโมเลกุลของสารประกอบโคเวเลนตท์ ่ีเกดิ จากการรวมกันของธาตตุ อ่ ไปน้ี
1) C กบั F = CF4
2) C กับ Cl = CCl4
3) N กับ F = NF3
4) C กับ S = CS2
5) N กับ O = N2O3
6) S กบั Cl = SCl2
7) C กบั O = CO2
8) F กับ F = F2

3. จงอา่ นช่ือสารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปนี้

1) CO = คารบ์ อนมอนออกไซด์

2) N2O4 = ไดไนโตรเจนเตตระออกไซด์

3) P4O10 = เตตระฟอสฟอรสั เดคะออกไซด์

4) Cl2O7 = ไดคลอรนี เฮปตะออกไซด์

5) NO = ไนโตรเจนมอนออกไซด์

6) N2O = ไดไนโตรเจนมอนออกไซด์

7) N2O5 = ไดไนโตรเจนเพนตะออกไซด์

8) CCl4 = คารบ์ อนเตตระคลอไรด์

9) OF2 = ออกซิเจนไดฟลูออไรด์

10) PCl3 = ฟอสฟอรัสไตรคลอไรด์

60

61

62

63

64

65

66

67

68

แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 18 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
เวลา 21 ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 3 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 พันธะเคมี
เร่ือง ความยาวพันธะและพลงั งานพนั ธะของสารโคเวเลนต์ ผ้สู อน นางสาวสภุ ารัตน์ เฉลียวดี
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

สาระเคมี
1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ พันธะเคมีและสมบัติของสาร

แก๊สและสมบตั ขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัตขิ องสารประกอบอินทรียแ์ ละพอลเิ มอร์ รวมท้ังการนำความร้ไู ปใช้
ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
16. วิเคราะหแ์ ละเปรียบเทียบความยาวพนั ธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ รวมท้ังคำนวณ

พลงั งานทีเ่ กีย่ วข้องกับปฏิกริ ิยาของสารโคเวเลนตจ์ ากพลังงานพันธะ

สาระสำคัญ
ความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะในสารโคเวเลนตข์ นึ้ กบั ชนิดของอะตอมค่รู ว่ มพนั ธะและชนิดของ

พันธะ โดยพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสามมีความยาวพันธะและพลังงานพันธะแตกต่างกัน พลังงาน
พันธะนำมาใช้ในการคำนวณพลังงานของปฏิกิริยาซึ่งได้จากผลต่างของพลังงานพันธะรวมของสารตั้งต้น
กบั ผลติ ภณั ฑ์

สาระการเรียนรู้
ความยาวพันธะและพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ขึ้นกับชนิดของอะตอมคู่ร่วมพันธะ และชนิดของ

พันธะ โดยพนั ธะเดยี่ ว พันธะคู่ และพนั ธะสาม มคี วามยาวพนั ธะและพลงั งานพันธะแตกตา่ งกัน นอกจากน้โี มเลกลุ
โคเวเลนต์ บางชนดิ มีคา่ ความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะ แตกต่างจากของพนั ธะเดยี่ ว พันธะคแู่ ละพันธะสาม ซ่งึ
สารเหลา่ นี้สามารถเขยี นโครงสรา้ งลวิ อสิ ทเ่ี หมาะสมได้มากกว่า ๑ โครงสร้าง ท่ีเรยี กว่า โครงสร้าง
เรโซแนนซ์

พลังงานพันธะนำมาใช้ในการคำนวณพลังงาน ของปฏิกิริยาซึ่งได้จากผลต่างของพลังงานพันธะรวมของ
สารต้งั ตน้ กบั ผลติ ภัณฑ์

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทียบความยาวพันธะและพลงั งานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ (K)
2. คำนวณพลังงานทเี่ กี่ยวข้องกับปฏกิ ริ ยิ าของสารโคเวเลนตจ์ ากพลังงานพันธะ (P)
3. มคี วามใฝร่ ู้ มงุ่ มั่นในการทำงาน และทำงานรว่ มกับผ้อู นื่ ได้ (A)

69

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ

กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)

1. นกั เรยี นดูภาพกราฟแสดงการเปลยี่ นแปลงพลังงานในการเกดิ โมเลกุลแกส๊ ไฮโดรเจน

2. นักเรียนอภปิ รายรว่ มกนั เพอื่ ให้ได้ข้อสรุปว่า ความยาวพนั ธะเปน็ ระยะห่างระหว่างนวิ เคลียสทที่ ำให้
พลังงานศักยร์ วมตำ่ ที่สดุ

3. นกั เรียนตอบคำถาม
- ความยาวพนั ธะชนดิ เดยี วกันระหวา่ งอะตอมค่เู ดยี วกันเทา่ กันหรอื ไม่ (นักเรยี นตอบตาม

ความเขา้ ใจ)
4. ครชู แ้ี จงจุดประสงคใ์ นการเรียนวนั นี้ (ความยาวพันธะและพลงั งานพนั ธะของสารโคเวเลนต์)

ขนั้ สำรวจค้นหา (Exploration)
1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกับเนอ้ื หาในใบความรู้ เร่อื ง ธาตกุ มั มนั ตรังสี โดยใชค้ ำถาม ดังนี้
1.1 ความยาวพนั ธะ คอื อะไร
(แนวตอบ : ความยาวพนั ธะ คือ ระยะหา่ งระหว่างนิวเคลยี สของธาตุ 2 อะตอมที่

สร้างพันธะเป็นโมเลกลุ กัน)
1.2 พลังงานพันธะ คอื อะไร

(แนวตอบ : พลังงานพนั ธะ คือ พลังงานที่ใช้ในการแยกอะตอมทยี่ ึดเหนี่ยวกนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์)
1.3 นักเรียนคิดว่าพลงั งานที่ใช้ในการสลายพันธะหวา่ ง C – C ในอีเทน (C2H6) และพลงั งานทใ่ี ช้ใน

การสลายพันธะระหวา่ ง C = C ในอที นี (C2H4) จะมีคา่ เท่ากันหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ไม่เท่ากัน เนื่องจากพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะต่างชนิดกันจะมีค่าไม่เท่ากัน โดยพันธะคู่

จะใช้พลังงานในการสลายพนั ธะสงู กวา่ พันธะเดย่ี ว)

70

1.4 นักเรียนคิดว่าพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะหว่าง C – H ในโมเลกุล CH4 และพลังงานที่ใช้ใน
การสลายพนั ธะระหวา่ ง C – H ในโมเลกลุ CH3 จะมีคา่ เท่ากันหรอื ไม่ อยา่ งไร

(แนวตอบ : ไม่เท่ากัน เนื่องจากพลังงานในการสลายพันธะระหว่าง C – H จะมีค่าแตกต่างกันไปใน
โมเลกุลของสารทีต่ า่ งกัน)

3. ครใู ห้นักเรียนจับคูก่ บั เพือ่ นที่น่ังข้างกนั แลว้ ร่วมกันศึกษาและฝึกทำตวั อย่างการคำนวณ

พลงั งานทีเ่ กี่ยวข้องกบั พลังงานพนั ธะ ครตู ้ังโจทย์การคำนวณพลังงานที่เกี่ยวข้องกับพลงั งานพนั ธะให้

นกั เรียนทำลงในสมดุ บันทึกของนักเรียน เช่น

โจทย์ จงคำนวณหาพลงั งานในการสงั เคราะห์ HCl 1 โมล จาก H2 และ Cl2 (กำหนดให้ พลังงาน

พันธะของ H – H เท่ากบั 436 kJ/mol พลงั งานพนั ธะของ Cl – Cl เทา่ กบั 243 kJ/mol และพลงั งานพนั ธะ

ของ H – Cl เท่ากบั 431 kJ/mol)

(แนวตอบ: ขั้นที่ 1 เขียนสมการเคมีของปฏิกิริยา

H2 + Cl2 2HCl

ข้ันที่ 2 สงั เกตพนั ธะที่มใี นโครงสร้างของสารในปฏิกริ ิยาเคมี

สารต้ังต้น ประกอบด้วย H – H 1 พนั ธะ คดิ เป็นพลงั งาน 436 kJ/mol

Cl – Cl 1 พันธะ คิดเปน็ พลังงาน 243 kJ/mol

รวมคิดเปน็ พลงั งาน 679 kJ/mol

ผลติ ภัณฑ์ ประกอบด้วย H – Cl 2 พันธะ คดิ เปน็ พลังงาน 2 × 431 kJ/mol

รวมคิดเป็นพลงั งาน 862 kJ/mol

ข้ันที่ 3 เปรียบเทียบและหาผลตา่ งของพลังงาน

∆ H = 679 - 862 kJ = -183 kJ

จากสมการ จะเห็นว่าการสังเคราะห์ HCl 2 โมล จาก H2 และ Cl2 มีการคาย
พลงั งาน 183 กิโลจูล แตใ่ นโจทย์ถามเพียงแค่ 1 โมลของ HCl แสดงว่า จะมีการคายพลงั งานเพียง 91.5

กิโลจูล)

3. ครูส่มุ ตวั แทนนักเรยี น 2 คน ออกมาแสดงวธิ ีทำโจทย์ แลว้ ใหเ้ พอ่ื นนกั เรยี นคนอ่ืนตรวจสอบว่าคำตอบ

ถูกต้องหรือไม่ หากยังไมถ่ ูกตอ้ ง ใหช้ ่วยกันเฉลยจนไดค้ ำตอบทีถ่ กู ตอ้ ง โดยครูคอยให้คำแนะนำจนนกั เรียนทุกคน

มคี วามเขา้ ใจท่ถี ูกตอ้ งตรงกัน

ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation

1. ครูตง้ั คำถามให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเรือ่ ง พลงั งานพันธะและความยาวพันธะ เช่น

1.1 กำหนดพลังงานพันธะระหว่างอะตอมของ C กบั C เปน็ 347 614 และ 839 กโิ ลจลู

ตามลำดับจงระบชุ นิดของพันธะและเปรียบเทียบความพนั ธะ

(แนวตอบ : พลังงานพันธะ (kJ) 347 614 839

ชนิดของพันธะ พันธะเด่ียว พันธะคู่ พนั ธะสาม

ความยาวพนั ธะ ยาว สั้น)

71

1.2 จงเปรียบเทียบพลงั งานพนั ธะและความยาวพนั ธะระหว่างอะตอมของไนโตรเจนใน N2 N2H2
และ N2H4

(แนวตอบ : พลงั งานพนั ธะระหว่างอะตอมของไนโตรเจนของ N2 > N2H2 > N2H4
ความยาวพันธะระหว่างอะตอมของไนโตรเจนของ N2 < N2H2 < N2H4)

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
1. ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝกึ หัดท่ี 16 เรอ่ื ง ความยาวและพลังงานพันธะ

ข้ันประเมินผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม และการร่วมกันทำผลงาน
2. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ หัด
3. ครวู ดั และประเมินผลจากชน้ิ งานทนี่ ักเรยี นไดส้ รา้ งข้นึ จากขัน้ ขยายความเข้าใจ

สอ่ื /อปุ กรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
1. PowerPoint เร่อื ง พนั ธะโคเวเลนต์

2. แบบฝกึ หดั ท่ี 16 เรือ่ ง ความยาวและพลงั งานพนั ธะ

การวดั และการประเมนิ ผล หลักฐานการเรียนรู้ วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื วดั
รายการวัดและประเมิน

1. วเิ คราะหแ์ ละเปรยี บเทยี บ 1. คำตอบของนกั เรยี น 1. การถามคำถามใน 1. แบบสังเกตการตอบ
ความยาวพนั ธะและพลงั งาน ห้องเรยี น คำถาม
พนั ธะในสารโคเวเลนต์ (K) 2. แบบฝกึ หัดท่ี 16 เรอ่ื ง 2. ตรวจแบบฝกึ หัดที่ 16 2. แบบประเมนิ
ความยาวและพลังงาน เรอื่ ง ความยาวและ
พันธะ แบบฝกึ หัด/ใบงาน/
พลงั งานพนั ธะ
2. คำนวณพลังงานทีเ่ กยี่ วข้องกับ 1. คำตอบของนกั เรียน ช้นิ งาน
ปฏกิ ิริยาของสารโคเวเลนตจ์ าก 1. การถามคำถามใน
พลังงานพนั ธะ (P) 2. แบบฝกึ หดั ท่ี 16 เรื่อง ห้องเรยี น 1. แบบสังเกตการตอบ
ความยาวและพลังงาน 2. ตรวจแบบฝกึ หดั ที่ 16 คำถาม
พนั ธะ เรอ่ื ง ความยาวและ 2. แบบประเมนิ

3. มคี วามใฝร่ ู้ มงุ่ ม่นั ในการ 1. แบบประเมิน พลังงานพนั ธะ แบบฝกึ หดั /ใบงาน/
ทำงาน และทำงานรว่ มกบั ผูอ้ นื่ ได้ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
(A) 1. สงั เกตพฤติกรรมของ ชน้ิ งาน
นกั เรยี น
1. แบบประเมนิ
คุณลักษณะทพี่ ึง
ประสงค์

72

เกณฑ์การประเมินผล จดุ ประสงค์ (K) สมรรถนะสำคัญ (P) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
รายการ ผ่านเกณฑ์ 70% ขึ้นไป ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

เกณฑ์การประเมินผล

73

74

แบบฝึกหัดท่ี 16

เร่ือง พลังงานพันธะและความยาวพนั ธะ

คำช้ีแจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ระบุสูตรโครงสร้างแบบเส้น ชนิดพันธะ ความยาวพันธะ และพลังงานพันธะของฟอสฟอรัสกับฟอสฟอรัสใน

โมเลกลุ โคเวเลนต์ต่อไปน้ี
P2 P2H2 P2H4

สตู รโครงสร้าง

ชนิดพนั ธะ ……………………………. ……………………………. …………………………….
ความยาวพนั ธะ ……………………………. ……………………………. …………………………….
พลังงานพันธะ ……………………………. ……………………………. …………………………….

2. จงคำนวณพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะของสารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปนี้จำนวน 1 โมล (ดูตารางค่า
พลังงานพนั ธะเฉล่ยี ระหว่างอะตอมคู่ต่าง ๆ จากหนงั สอื เรียน เคมี เล่ม 1 หนา้ 115)
1) NOCl

2) SCl2

75

3. จงคำนวณพลังงานท่ีเกี่ยวข้องในปฏิกิริยาตอ่ ไปนี้ พร้อมระบวุ ่าเปน็ ปฏิกิรยิ าดดู หรือคายพลังงาน (ดูตารางค่า

พลงั งานพันธะเฉลยี่ ระหวา่ งอะตอมคู่ตา่ ง ๆ จากหนังสือเรียน เคมี เล่ม 1 หน้า 115)

1) C2H4 + 3O2 2CO2 + 2H2O

2) 6CO2 + 6H2O C6H12O6 + 6O2

76

แบบฝกึ หัดท่ี 16 เฉลย

เร่อื ง พลังงานพันธะและความยาวพันธะ

คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี
1. ระบุสูตรโครงสร้างแบบเส้น ชนิดพันธะ ความยาวพันธะ และพลังงานพันธะของฟอสฟอรัสกับฟอสฟอรัสใน

โมเลกุลโคเวเลนต์ต่อไปน้ี

P2 P2H2 P2H4

สตู รโครงสรา้ ง PP PP H–P–P–H

ชนดิ พนั ธะ พนั ธะสาม พันธะคู่ พนั ธะเดย่ี ว
ความยาวพนั ธะ นอ้ ยทส่ี ดุ ปานกลาง มากทส่ี ุด
พลังงานพนั ธะ มากทีส่ ดุ ปานกลาง นอ้ ยทีส่ ุด

2. จงคำนวณพลังงานที่ใช้ในการสลายพันธะของสารประกอบโคเวเลนต์ต่อไปนี้จำนวน 1 โมล (ดูตารางค่า
พลงั งานพนั ธะเฉลีย่ ระหว่างอะตอมคู่ต่าง ๆ จากหนังสอื เรยี น เคมี เลม่ 1 หนา้ 115)
1) NOCl

การสลาย NOCl ตอ้ งสลาย N = O 1 โมลพันธะ และ N – Cl 1 โมลพันธะ
คดิ เปน็ พลังงาน = 607 + 200 kJ/mol

= 807 kJ/mol

2) SCl2

การสลาย SCl2 ต้องสลาย S – Cl 2 โมลพันธะ
คิดเป็นพลงั งาน = 2 × 271 kJ/mol

= 542 kJ/mol

77

3. จงคำนวณพลงั งานที่เกี่ยวขอ้ งในปฏกิ ริ ิยาต่อไปน้ี พร้อมระบวุ ่าเป็นปฏิกิริยาดูดหรือคายพลังงาน (ดูตารางค่า

พลงั งานพนั ธะเฉล่ยี ระหวา่ งอะตอมคู่ต่าง ๆ จากหนังสือเรียน เคมี เล่ม 1 หนา้ 115)

1) C2H4 + 3O2 2CO2 + 2H2O

พลังงานการสลายพันธะ = (C = C) + 4(C – H) + 3(O = O)
= 614 + 4(413) + 3(498) kJ/mol
= 614 + 1,652 + 1,494 kJ/mol
= 3,760 kJ/mol

พลังงานการสรา้ งพนั ธะ = 4(C = O) + 4(O – H)
= 4(799) + 4(467) kJ/mol
= 3,196 + 1,868 kJ/mol
= 5,064 kJ/mol

พลงั งานในการสรา้ งพนั ธะมีค่ามากกว่า จึงเปน็ ปฏิกริ ิยาคายพลงั งาน เทา่ กบั 5,064 – 3,760 =
1,304 kJ/mol

2) 6CO2 + 6H2O C6H12O6 + 6O2

พลงั งานการสลายพันธะ = 12(C = O) + 12(O – H)
= 12(799) + 12(467) kJ/mol
= 9,588 + 5,604 kJ/mol
= 15,192 kJ/mol

พลังงานการสรา้ งพันธะ = 7(C – H) + (C = O) + 5(C – O) + 5(O – H) + 5(C – C) + 6(O= O)
= 7(413) + 745 + 5(358) + 5(467) + 5(347) + 6(498) kJ/mol
= 2,891 + 745 + 1,790 + 2,335 + 1,735 + 2,988 kJ/mol
= 12,484 kJ/mol

พลงั งานในการสลายพนั ธะมีคา่ มากกวา่ จงึ เปน็ ปฏกิ ริ ิยาดูดพลังงาน เทา่ กบั 15,192 – 12,484 =
2,708 kJ/mol

78

79

80

81

82

83

84

85

86

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 19 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
เวลา 21 ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 3 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 พันธะเคมี
เร่อื ง รปู รา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์และสภาพข้วั ผสู้ อน นางสาวสุภารตั น์ เฉลียวดี
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

สาระเคมี

1. เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ขิ องธาตุ พนั ธะเคมีและสมบตั ขิ องสาร
แก๊สและสมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรยี ์และพอลิเมอร์ รวมทัง้ การนำความร้ไู ปใช้
ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
17. คาดคะเนรปู รา่ งโมเลกลุ โคเวเลนตโ์ ดยใชท้ ฤษฎีการผลักระหวา่ งคอู่ ิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ และระบุ

สภาพข้ัวของโมเลกลุ โคเวเลนต์

สาระสำคัญ
รปู รา่ งของโมเลกลุ โคเวเลนต์อาจพิจารณาโดยใชท้ ฤษฎกี ารผลกั ระหวา่ งคู่อเิ ลก็ ตรอนในวงเวเลนซ(์ VSEPR)

ซึ่งขน้ึ อยู่กบั จำนวนพันธะและจำนวน อเิ ล็กตรอนคู่โดดเดยี่ วรอบอะตอมกลาง

สาระการเรียนรู้
รูปรา่ งของโมเลกุลโคเวเลนต์อาจพจิ ารณาโดยใชท้ ฤษฎีการผลกั ระหว่างคอู่ ิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ (VSEPR)

ซงึ่ ขน้ึ อยกู่ ับจำนวนพันธะและจำนวนอิเล็กตรอนคู่โดดเดย่ี วรอบอะตอมกลาง โมเลกุลโคเวเลนต์ มที ้งั โมเลกุลมขี ว้ั
และไม่มขี ั้ว สภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนตเ์ ปน็ ผลรวมปริมาณเวกเตอรส์ ภาพขัว้ ของแต่ละพนั ธะตามรูปรา่ ง
โมเลกุล

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. คาดคะเนรปู รา่ งโมเลกุลโคเวเลนตโ์ ดยใช้ทฤษฎกี ารผลกั ระหว่างคอู่ ิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ (K)
2. เขียนแสดงทศิ ทางข้ัวพันธะและทิศทางขั้วของโมเลกุล รวมทง้ั ระบุสภาพขั้วของโมเลกลุ โคเวเลนต์ (P)
3. มคี วามใฝ่รู้ ม่งุ ม่ันในการทำงาน และทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นได้ (A)

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ

87

กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ขัน้ กระตุน้ ความสนใจ (Engagement)

1. ครูถามคำถามกระตุน้ ความสนใจของนักเรยี น ดังน้ี
1) นักเรยี นคดิ วา่ โมเลกลุ โคเวเลนต์แต่ละชนิดจะมีรปู รา่ งเหมอื นกนั หรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : พิจารณาคำตอบของนักเรยี น โดยอยใู่ นดลุ ยพินจิ ของครผู ้สู อน โดยมีแนวตอบ คอื

ไมเ่ หมอื นกัน เนือ่ งจากการจดั เรยี งอะตอมต่าง ๆ ในโมเลกุลโคเวเลนตแ์ ต่ละชนิดจะมีลกั ษณะและตำแหน่งที่
แนน่ อน ทำให้โมเลกุลโคเวเลนต์มรี ูปรา่ งแตกตา่ งกนั ออกไป)

2) นกั เรียนคิดวา่ รปู รา่ งของโมเลกุลโคเวเลนต์ขึ้นอยกู่ ับปัจจยั ใดบ้าง
(แนวตอบ : พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยอยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน โดยมแี นวตอบ คอื
ความยาวพันธะ และมุมพันธะซงึ่ เกดิ จากแรงผลกั ของอิเล็กตรอนคโู่ ดดเดย่ี ว)
4. ครูช้แี จงจดุ ประสงคใ์ นการเรียนวันน้ี (รปู รา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์)
ขั้นสำรวจคน้ หา (Exploration)
1. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 6 กลมุ่ แลว้ ให้ศึกษาแบบจำลองรูปรา่ งโมเลกุลพันธะโคเวเลนต์ จาก
เวบ็ ไซค์ PhET University of Colorado. ดังภาพ โดยจะมีรปู รา่ งเปน็ สามมติ ิ ซ่งึ จะบอกทั้งชนิดของรปู ร่าง
โมเลกลุ มมุ ระหว่างพันธะ รูปทรงเรขาคณติ ของโมเลกลุ รปู ทรงเรขาคณติ ของอเิ ลก็ ตรอน ให้ศึกษาว่าแตล่ ะ
โมเลกลุ มรี ูปร่างโมเลกุลเป็นอะไรบา้ ง ทำมุมเทา่ ไหร่ รูปทรงเรขาคณติ ของโมเลกุลกบั รปู ทรงเรขาคณิตของ
อิเล็กตรอนตา่ งกันอย่างไร แลว้ บันทกึ ลงสมุด

ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation
1. จากนั้นครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ รปู รา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ โดยให้นกั เรยี นใช้ปากกาทำเป็นรูปรา่ ง

โมเลกลุ โดยเริ่มจาก
1.1 โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ่อี ะตอมกลางไม่มีอเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดยเดย่ี วกอ่ น
1.2 โมเลกุลโคเวเลนตท์ อี่ ะตอมกลางท่มี อี เิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเด่ยี ว

88

1.3 นกั เรยี นระบุรปู ร่างของโมเลกุลโคเวเลนตต์ อ่ ไปนี้ CO2 NO3- OF2 ClO4- PCl3 และ BrF5

(แนวตอบ: CO2 = เส้นตรง NO3−= สามเหลย่ี มแบนราบ

OF2 = มมุ งอ ClO4− = ทรงสห่ี นา้

PCl3 = พรี ะมดิ ฐานสามเหลยี่ ม BrF3 = ตัวท)ี

2. ครูอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีการผลักระหว่างคู่อิเล็กตรอนในวงเวเลนซ์ (VSEPR theory) เพื่อเชื่อมโยง

ไปส่กู ารคาดคะเนรปู รา่ งโมเลกุล ซ่ึงมีหลกั การว่า อเิ ล็กตรอนคโู่ ดดเด่ยี วอยใู่ กล้นวิ เคลียสมากกว่าอิเล็กตรอนคู่ร่วม

พันธะ ดังนนั้ แรงผลกั ระหวา่ งอเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเด่ียวด้วยกันจึงมคี ่ามากกวา่ แรงผลักระหว่างอิเล็กตรอนคู่ร่วมพันธะ
กับอเิ ลก็ ตรอนค่โู ดดเดี่ยว และมากกวา่ แรงผลักระหวา่ งอเิ ล็กตรอนครู่ ว่ มพนั ธะด้วยกนั

3. ครูอธิบายเพมิ่ เติมใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั สภาพขวั้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์ โดยใช้สือ่ ICT ประเภท

PowerPoint เร่อื ง พันธะโคเวเลนต์ โดยการใหค้ วามรดู้ ังน้ี

3.1 สภาพขว้ั ของพันธะโคเวเลนต์

3.2 สภาพขว้ั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์

2. ครูตงั้ คำถามให้นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับความมีขัว้ ในโมเลกุลของนำ้ โดยนกั เรียนควรอธิบาย

ได้ว่า พันธะ O – H ทั้งสองเป็นพันธะมีขั้วที่มีอำนาจไฟฟ้าเท่ากัน แต่อะตอมของ O มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว 2 คู่
ทำใหโ้ มเลกลุ ของนำ้ มรี ูปรา่ งเป็นมมุ งอ ทำให้อำนาจไฟฟ้าของพนั ธะหักลา้ งกันไมห่ มด นำ้ จึงเป็นโมเลกุลโคเวเลนต์
มขี ั้ว โดยด้าน O แสดงอำนาจไฟฟา้ คอ่ นข้างลบ สว่ นด้าน H แสดงอำนาจไฟฟา้ ค่อนขา้ งบวก

1. ครตู งั้ คำถามให้นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเรอ่ื ง สภาพขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ เช่น

1) เขียนสภาพขัว้ ของพนั ธะโดยใชส้ ญั ลักษณ์ + และ − แสดงสภาพขว้ั ค่อนข้างเปน็ บวก และ
สภาพข้ัวค่อนข้างเปน็ ลบ ตามลำดับ ของพันธะต่อไปนี้

C–H O–S H–S N–O

B – Cl H – Br C – Cl H – Si
(แนวตอบ: δ− δ+
δ− δ+ δ+ δ− δ+ δ−
C–H
O–S H–S N–O

δ+ δ− δ+ δ− δ+ δ− δ− δ+

B – Cl H – Br C – Cl H – Si)

2) สารโคเวเลนต์ที่กำหนดให้ต่อไปนี้ F2 HCl CH4 H2S CH3Cl SF6 CO2 และ NH3 เป็นโมเลกุล
มีขว้ั หรอื ไมม่ ีขัว้
(แนวตอบ: F2 CH4 SF6 และ CO2 เป็นโมเลกุลไมม่ ขี ้ัว HCl H2S CH3Cl และ NH3 เปน็ โมเลกลุ

มขี ้วั )
ขนั้ ขยายความเข้าใจ (Elaboration)

1. ครูให้นกั เรียนทำแบบฝึกหัดท่ี 17 เร่อื ง รปู ร่าง มมุ ระหวา่ งสภาพข้วั ของพนั ธะและสภาพข้ัวของโมเลกุล
โคเวเลนต์

89

ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation)
1. ครูประเมนิ ผลโดยการสังเกตการตอบคำถาม และการรว่ มกันทำผลงาน
2. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกหัด
3. ครวู ดั และประเมินผลจากชิน้ งานท่ีนกั เรียนไดส้ รา้ งขึ้นจากขั้นขยายความเขา้ ใจ

ส่ือ/อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้
1. PowerPoint เรอ่ื ง พนั ธะโคเวเลนต์
2. แบบฝึกหดั ท่ี 17 เรื่อง รูปรา่ ง มมุ ระหว่างสภาพขั้วของพนั ธะและสภาพขว้ั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์
3. เว็บไซค์ PhET University of Colorado.

การวดั และการประเมินผล หลกั ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครือ่ งมอื วดั
รายการวัดและประเมนิ

1. คาดคะเนรูปรา่ งโมเลกลุ 1. คำตอบของนักเรียน 1. การถามคำถามใน 1. แบบสงั เกตการตอบ

โคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎีการผลัก 2. แบบฝกึ หัดท่ี 17 เรือ่ ง หอ้ งเรยี น คำถาม

ระหวา่ งคอู่ ิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซ์ รปู ร่าง มมุ ระหว่างสภาพ 2. ตรวจแบบฝกึ หัดที่ 17 2. แบบประเมนิ

(K) ขวั้ ของพนั ธะและสภาพขั้ว เรือ่ ง รูปรา่ ง มุมระหว่าง แบบฝึกหัด/ใบงาน/

ของโมเลกุลโคเวเลนต์ สภาพขวั้ ของพันธะและ ช้นิ งาน

สภาพข้วั ของโมเลกุลโคเว

เลนต์

2. เขียนแสดงทิศทางขว้ั พนั ธะ 1. คำตอบของนักเรยี น 1. การถามคำถามใน 1. แบบสงั เกตการตอบ

และทิศทางขว้ั ของโมเลกุล 2. แบบฝกึ หัดท่ี 17 เรื่อง หอ้ งเรยี น คำถาม

รวมท้ังระบุสภาพขั้วของโมเลกุล รปู ร่าง มมุ ระหวา่ งสภาพ 2. แบบฝึกหดั ท่ี 17 เร่ือง 2. แบบประเมนิ

โคเวเลนต์ (P) ข้ัวของพนั ธะและสภาพขั้ว รปู รา่ ง มุมระหว่างสภาพ แบบฝึกหดั /ใบงาน/

ของโมเลกุลโคเวเลนต์ ขว้ั ของพนั ธะและสภาพขัว้ ชนิ้ งาน

ของโมเลกลุ โคเวเลนต์

3. มีความใฝร่ ู้ มงุ่ ม่ันในการ 1. แบบประเมนิ 1. สังเกตพฤตกิ รรมของ 1. แบบประเมนิ

ทำงาน และทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นได้ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ นกั เรยี น คณุ ลกั ษณะที่พงึ

(A) ประสงค์

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล จุดประสงค์ (K) สมรรถนะสำคัญ (P) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
รายการ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

เกณฑ์การประเมนิ ผล ผ่านเกณฑ์ 70% ข้ึนไป

90

91

แบบฝกึ หดั ที่ 17

เร่ือง รปู ร่าง มมุ ระหวา่ งสภาพขว้ั ของพนั ธะและสภาพขว้ั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์

1. ให้นักเรยี นเติมคำตอบลงในตารางให้ถูกต้อง

โมเลกลุ โคเว จำนวนคู่อิเลก็ ตรอน ชื่อรปู ร่างของโมเลกลุ มมุ ระหวา่ งพนั ธะ
เลนต์ ทส่ี ร้างพันธะ โดดเดี่ยว ในโมเลกุล

HCN ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….

COH2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
SnCl2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
CHCl3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
NCl3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
SCl2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
PF5 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
TeCl4 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
BrF3 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
XeF2 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
TeF6 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
BrF5 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….
XeF4 ………………….. ………………….. …………………..…………………………. ………………………….

92

2. จงระบุสภาพขั้วของพนั ธะและสภาพข้ัวของโมเลกุลของสารโคเวเลนต์ตอ่ ไปน้ี

สารโคเวเลนต์ สภาพขั้วของพนั ธะ สภาพขัว้ ของโมเลกลุ
ไม่มีขั้ว มขี ้วั ไม่มีขวั้ มขี วั้

H2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

HCN …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

BF3 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

Cl2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

CCl4 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

SO2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

CH3Cl …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

C3H8 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

HCl …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

P4 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

PCl3 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

CS2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

BeH2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

OF2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

O3 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

CH2O …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

H2SO4 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

PH5 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

CH2Cl2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

N2 …………………………… …………………………… …………………………… ……………………………

เฉลย 93

แบบฝกึ หดั ท่ี 17

เรือ่ ง รปู ร่าง มุมระหวา่ งสภาพข้วั ของพนั ธะและสภาพข้วั ของโมเลกลุ โคเวเลนต์

1. ใหน้ กั เรียนเตมิ คำตอบลงในตารางให้ถูกต้อง

โมเลกลุ โคเวเลนต์ จำนวนค่อู เิ ล็กตรอน ชอ่ื รปู ร่างของโมเลกุล มุมระหวา่ งพนั ธะ
ทส่ี ร้างพันธะ โดดเดย่ี ว ในโมเลกุล
HCN เส้นตรง 180๐
COH2 20 สามเหล่ยี มแบนราบ 120๐
SnCl2 30 < 120๐
CHCl3 21 มมุ งอ 109.5๐
NCl3 40 ทรงสห่ี นา้ < 109.5๐
SCl2 31 พรี ะมิดฐานสามเหลี่ยม < 109.5๐
PF5 22
TeCl4 50 มุมงอ 90๐ และ 120๐
BrF3 41 พรี ะมดิ คฐู่ านสามเหลยี่ ม 90๐ และ <120๐
XeF2 32 ทรงสีห่ นา้ บิดเบี้ยว หรือมา้ กระดก 90๐ และ 180๐
TeF6 23
BrF5 60 ตัวที 180๐
XeF4 51 เสน้ ตรง 90๐
42 ทรงแปดหนา้ 90๐
พีระมิดฐานสเี่ หลี่ยม 90๐
สเี่ หลยี่ มแบนราบ

94

2. จงระบุสภาพขว้ั ของพนั ธะและสภาพข้วั ของโมเลกลุ ของสารโคเวเลนตต์ อ่ ไปน้ี

สารโคเวเลนต์ สภาพขว้ั ของพันธะ สภาพขั้วของโมเลกุล
ไมม่ ขี ้วั มีขั้ว ไมม่ ีข้ัว มขี ้วั

H2 ✓ ✓

HCN ✓ ✓

BF3 ✓ ✓

Cl2 ✓ ✓

CCl4 ✓ ✓

SO2 ✓ ✓
CH3Cl ✓ ✓

C3H8 ✓ ✓

HCl ✓ ✓

P4 ✓ ✓

PCl3 ✓ ✓

CS2 ✓ ✓

BeH2 ✓ ✓

OF2 ✓ ✓

O3 ✓ ✓

CH2O ✓ ✓

H2SO4 ✓ ✓

PH5 ✓ ✓

CH2Cl2 ✓ ✓

N2 ✓ ✓

95

96


Click to View FlipBook Version