เล่มที่ 1
คู่มือ
กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
เพื่ อพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอนปฐมวัย
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
คำนำ
คู่มือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์
การเรียนรขู้ องครูผู้สอนปฐมวัยในพ้ืนท่ีจงั หวัดยะลาเลม่ นี้ จดั ทำขน้ึ เพอ่ื เปน็ แนวทางปฏิบัติงานนิเทศ
ติดตามกิจกรรมการพัฒนานวัตกรรมท่ีสง่ ผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครผู ู้สอนปฐมวยั
ในจังหวดั ยะลา
ในการปฏิบัตงิ านได้จัดทำเอกสารเพือ่ ใชเ้ ปน็ คมู่ อื จำนวน 2 เลม่ ได้แก่
1. คู่มือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัด
ประสบการณ์การเรียนรูข้ องครูผู้สอนปฐมวยั
2. คู่มือการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครผู ้สู อนปฐมวยั
เอกสารคู่มือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เพ่อื พฒั นานวัตกรรมท่สี ่งผลต่อการจดั
ประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอนปฐมวัยเป็นการรวบรวมหลักการ แนวคิด เทคนิคและวิธีการ
นิเทศการศกึ ษา เพอื่ ใช้ในการดำเนนิ กิจกรรมตามปฏิทนิ การนเิ ทศ นำไปใช้ในกิจกรรมพฒั นาครูผสู้ อน
ปฐมวัยในเรื่องการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งจากการวิเคราะห์สภาพปัญหาความต้องการในการพัฒนา
ตนเองของครปู ฐมวัยพบว่า ครูมีความต้องการพฒั นานวัตกรรมเพือ่ นำไปจัดประสบการณ์กับผูเ้ รียน
ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และสง่ เสริมพัฒนาการทัง้ 4 ด้านของเดก็ ปฐมวยั ให้เปน็ ไปตามวัย
ขอขอบคุณทุกท่านทีม่ ีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้เอกสารเล่มนี้เสร็จสมบูรณ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
เอกสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนปฐมวัยและผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการ
พัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอนปฐมวัย สามารถนำไปใช้
ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทตี่ งั้ ไว้
โสภณิ สายออ๋ ง
ผจู้ ัดทำ
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE ก
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
สารบัญ
หนา้
คำนำ............................................................................................................................................. ก
สารบัญ.......................................................................................................................................... ข
สารบญั ภาพ................................................................................................................................... ค
คำชแี้ จง........................................................................................................................................ ง
กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE...................................................................................................... ฉ
ตอนที่ 1 การนเิ ทศการศกึ ษา ความสำคัญและความจำเป็นของการนิเทศ..................... 1
ตอนท่ี 2 ศึกษานิเทศกแ์ ละการนิเทศ............................................................................. 10
ตอนที่ 3 แนวทางการนิเทศการพัฒนานวัตกรรมทสี่ ง่ ผลตอ่ การจัดประสบการณ์.......... 19
การเรยี นรู้ของครผู ้สู อนปฐมวัยในพ้ืนทจ่ี ังหวัดยะลาโดยใช้กระบวนการ
นิเทศแบบ PIDRE
ตอนที่ 4 วธิ ีดำเนินการ.................................................................................................. 26
ตอนที่ 5 เครอ่ื งมอื ในการนิเทศ..................................................................................... 36
บรรณานกุ รม................................................................................................................................ 60
ประวัตผิ ูเ้ ขียน............................................................................................................................... 62
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE ข
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
สารบัญภาพ
หนา้
แผนภาพที่ 1................................................................................................................................. 20
แผนภาพที่ 2................................................................................................................................ 22
แผนภาพที่ 3................................................................................................................................ 23
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE ค
โสภิณ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
คำชี้แจง
การจัดการศึกษาปฐมวัยในปัจจุบันตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 มุ่ง
พัฒนาเด็กทกุ คนให้ไดร้ ับการพัฒนาดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา อยา่ งมคี ณุ ภาพ
และตอ่ เนอ่ื ง ไดร้ ับการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและเหมาะสมตามวัย มีทักษะชีวิต
และปฏิบัตติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และสำนึกความเปน็ ไทย โดย
ความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชนและทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องกบั การพัฒนาเด็ก
ครผู ู้สอนปฐมวัยจึงนบั เป็นบุคคลท่ีสำคญั ในการจัดประสบการณก์ ารเรียนรูใ้ หก้ บั เด็ก ซ่งึ เดก็ ปฐมวยั จะ
เรียนรู้ได้ดีจากการที่ครูผู้สอนปฐมวยั ใช้สื่อ นวัตกรรมที่เหมาะสม ครูผู้สอนปฐมวัยจงึ มีความจำเปน็
ที่จะต้องเรียนรูก้ ารจัดทำนวตั กรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาพัฒนาในการจัดประสบการณ์ใหม้ ีประสิทธภิ าพ
สิ่งสำคัญ ปร ะก าร ห นึ่ ง ที่ จะช ่ วย ให ้คร ูผ ู้ สอน ปฐม วั ย ส าม าร ถ ปฏิ บั ติงา นไ ด้ บร ร ลุเ ป้ า หม า ย ก ็ คื อ
การนิเทศการศึกษา
วัตถุประสงค์
1.เพ่ือเปน็ แนวทางในการนิเทศ กำกบั ติดตามการพฒั นานวตั กรรมทีส่ ง่ ผลต่อการจัด
ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ของครผู ู้สอนปฐมวยั
2.เพื่อให้ครูผู้สอนปฐมวัยมีความรู้ในการออกแบบนวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัด
ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ได้
คู่มือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เล่มนี้ผู้เขียนได้จัดทำขึ้น เพื่อใช้ในการนิเทศครูผู้สอน
ปฐมวัยให้มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์
การเรียนรขู้ องครูผสู้ อนปฐมวัย โดยความร่วมมอื ระหว่างผูน้ ิเทศและผูร้ ับการนิเทศ
เน้อื หาสาระ
คูม่ ือเล่มนี้นำเสนอเป็น 5 ตอน ประกอบด้วย
ตอนท่ี 1 การนิเทศการศกึ ษา ความสำคัญและความจำเป็นของการนเิ ทศ
ตอนท่ี 2 ศึกษานิเทศกแ์ ละการนเิ ทศ
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE ง
โสภณิ สายอ๋อง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ตอนท่ี 3 แนวทางการนิเทศการพัฒนานวตั กรรมทสี่ ง่ ผลต่อการจดั ประสบการณ์
การเรยี นรู้ของครูผูส้ อนปฐมวัยในพื้นทีจ่ งั หวดั ยะลาโดยใชก้ ระบวนการ
นเิ ทศแบบ PIDRE
ตอนที่ 4 วิธีดำเนนิ การ
ตอนที่ 5 เครอื่ งมอื ในการนิเทศ
ขอให้ผูน้ ิเทศซึ่งเป็นผ้ใู ช้คมู่ ือฉบบั นี้ ศกึ ษาทำความเข้าใจเพื่อนำสู่การปฏิบัติอยา่ งเปน็ รูปธรรม
เพื่อพฒั นางานให้บรรลุตามวตั ถุประสงค์ที่ตง้ั ไว้
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE จ
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
มีขน้ั ตอนดงั น้ี
ขน้ั ท่ี 1 วางแผนการนิเทศ (Planning-P)
เปน็ ขน้ั ตอนทผี่ ู้บรหิ าร ผูน้ เิ ทศ และผรู้ บั การนเิ ทศ จะทําการประชุมปรึกษาหารือ เพื่อให้
ได้มาซ่งึ ปัญหาและความตอ้ งการจำเปน็ ที่จะตอ้ งมกี ารนิเทศ รวมท้ังวางแผนถงึ ขน้ั ตอนการปฏิบัติ
เกีย่ วกบั การนเิ ทศทจ่ี ดั ขึ้นอีกดว้ ย
ข้ันท่ี 2 ให้ความรู้ก่อนการนเิ ทศ (informing-I)
เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้ ความเข้าใจถึงสิ่งที่จะดำเนินการว่าจะต้องอาศัยความรู้
ความสามารถอย่างไรบ้างจะมีขั้นตอน ในการดำเนินงานอย่างไร จะทำอย่างไรให้ได้ผลงาน
ทีม่ คี ุณภาพ ซง่ึ ขั้นตอนการนเิ ทศ ความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกับเทคนคิ วิธีสอนหรือนวัตกรรมใหม่ๆ
มีความจำเป็นรวมทัง้ งานนิเทศด้านต่างๆที่ยังไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่ถงึ ขั้นที่พอใจ ซึ่งจำเป็นต้อง
ทบทวนให้ความรู้ในการปฏิบัติงานท่ีถูกตอ้ ง
ขัน้ ที่ 3 การดำเนินการปฏบิ ตั ิการนิเทศ (Doing-D)
ประกอบด้วยการปฏิบัติงาน 3 ด้าน โดยบุคคล 3 กลุ่ม คือ การปฏิบัติงานของผู้รับ
การนเิ ทศ (ครู) การปฏบิ ตั งิ านของผนู้ เิ ทศ (ผู้นิเทศ) และการปฏิบัติงานของผสู้ นับสนุนการนิเทศ
(ผบู้ ริหาร)
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE ฉ
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ขนั้ ท่ี 4 การสร้างเสรมิ กำลงั ใจแก่ผู้ปฏิบตั งิ านนิเทศ (Reinforcing-R)
เป็นขั้นตอน การเสริมแรงของผู้บริหารเพ่ือให้ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและเกิดความ
พึงพอใจในการปฏิบัติงาน ขั้นนี้อาจดำเนินไปพร้อมๆ กับผู้รับการนิเทศกำลังปฏิบัติงานหรือ
ปฏบิ ตั งิ านไดเ้ สรจ็ สิ้นแลว้ ก็ได้
ข้ันที่ 5 การประเมนิ ผลการนิเทศ (Evaluating-E)
เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศทำการประเมินผล การดำเนินงานที่ผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่างไร
หลังจากการประเมินผลการนิเทศ หากพบว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอย่างใดอย่างหนึ่งท่ีทำให้การ
ดำเนนิ งานไมไ่ ด้ผล สมควรท่ีจะตอ้ งปรับปรุงแก้ไข ซึ่งการ ปรับปรงุ แกไ้ ข อาจจะทำได้โดยการให้
ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ปฏิบัติใหม่อีกครั้ง ในกรณีที่ผลงานที่ได้ยังไม่ถึงขั้นน่าพอใจ หรือให้
ดำเนินการปรับปรุงการดำเนนิ งานท้งั หมด ในกรณกี ารดำเนนิ งานไม่ได้ผล แตถ่ ้าประเมินผลแล้ว
ประสบผลสำเร็จตามทีต่ ้ังไว้ และต้องการจะดำเนินการนเิ ทศต่อไป ก็สามารถทำได้เลยไม่ตอ้ งให้
ความร้ใู นเรอื่ งทีป่ ฏบิ ตั อิ ีก การดำเนินการนเิ ทศตามกระบวนการ จะเปน็ ไปอย่างตอ่ เนื่องไมห่ ยุดย้ัง
จนกว่าจะบรรลุตามจุดประสงค์ทีว่ างไว้หรือสามารถพัฒนาผู้รับการนิเทศได้ตามทีต่ ้องการหาก
บรรลุผลสำเรจ็ ตามจุดหมายแล้วต้องการหยดุ กระบวนการทำงาน กถ็ ือว่าการนิเทศในเรื่องน้ันได้
สิ้นสุด ถ้าหากมีการเริ่มปฏิบัติเรือ่ งใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ต้องเริ่มตามกระบวนการดำเนินงาน
ตามขน้ั ตอนดังกล่าวตอ่ ไป
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE ช
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ตอนท่ี 1
การนเิ ทศการศึกษา ความสำคัญและความจำเป็นของการนิเทศ
การจัดการศึกษาปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็น
หลักสูตรปัจจุบันมุ่งพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญาอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและ
เหมาะสมตามวัย มีทักษะชวี ติ และปฏิบัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปน็ คนดี มีวินัย
และสำนกึ ความเป็นไทยโดยความร่วมมือระหวา่ งสถานศกึ ษา พอ่ แม่ ครอบครัว ชมุ ชนและทุกฝ่ายที่
เกี่ยวขอ้ ง
ซึ่งผู้ท่ีมีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาปฐมวัยให้บรรลุผลดังกล่าวคือ ครูผู้สอนปฐมวยั
โดยเฉพาะบทบาทหนา้ ทกี่ ารจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ให้เดก็ ได้เรียนรอู้ ย่างมคี วามสขุ และเหมาะสม
ตามวัย ครูต้องจัดหาสื่อนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กตามมาตรฐาน
สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ.2562 เบญจา แสงมะลิ(อ้างใน เย่ียมลักษณ์ อุดาการ, 2542)
ไดก้ ล่าวถึงบทบาทของครูผดู้ แู ลเด็กไวว้ า่ ครจู ะต้องมีบทบาทเป็น 9 นัก คือ
1. นกั รัก ครูผู้ดแู ลเด็กจะตอ้ งเป็นคนทร่ี ักเด็กและทำตัวให้เดก็ รกั
2. นักเลน่ ครูผู้ดแู ลเดก็ จะต้องเป็นคนท่สี ามารถเล่นกับเด็กได้
3. นักร้อง ครูผู้ดูแลเด็กจะต้องเป็นคนที่สามารถร้องเพลงเด็กได้ และสามารถเลือก
เพลงท่ีเหมาะสมกบั เด็ก
4. นกั รำ ครผู ดู้ ูแลเดก็ ต้องมีความสามารถในการเคลื่อนไหวและการทำทา่ ทาง ประกอบ
จังหวะตา่ งๆ
5. นกั เล่า ครผู ้ดู ูแลเด็กต้องเปน็ นกั เล่านทิ าน หรอื เรอื่ งราวต่างๆ
6. นกั คดิ ครูผู้ดูแลเดก็ ต้องเป็นคนที่คดิ เก่ง ในเรอ่ื งของการคดิ กิจกรรม คดิ ประดิษฐ์ สื่อ
ของเล่น คิดหาทางส่งเสริม กระตนุ้ พฒั นาการเด็ก เป็นต้น
7. นักทำ ครทู ีด่ ตี อ้ งเปน็ ผทู้ ข่ี ยันในการทำงาน ทำส่ืออปุ กรณ์ต่างๆ
8. นักฝัน เด็กปฐมวัยเปน็ วยั ท่ีช่างเพ้อฝันจนิ ตนาการ ดังนน้ั ครจู ะต้องเป็นคนที่ช่างฝัน
จินตนาการรว่ มกบั เดก็ ดว้ ย
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 1
โสภิณ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
9. นักแต่ง ครูปฐมวัยจะต้องเป็นผู้ที่สามารถแต่งนิทาน เรื่องราวต่างๆที่เหมาะสมกับ
เด็ก ตกแต่งหอ้ งเรียนสถานท่ี แต่งเพลง และการร้จู กั แต่งตวั
จากบทบาทหน้าท่ขี องครูปฐมวัยดังกล่าวโดยเฉพาะข้อท่ี 6 นักคดิ ครผู ้ดู ูแลเด็กตอ้ งเปน็ คน
ที่คิดเก่ง ในเรื่องของการคดิ กิจกรรม คิดประดิษฐ์ สื่อของเล่น คิดหาทางส่งเสริม กระตุน้ พัฒนาการ
เด็ก เป็นต้น และข้อ 7 นักทำ ครูที่ดีต้องเป็นผู้ที่ขยันในการทำงาน ทำสื่ออุปกรณ์ต่างๆ ในการ
จัดประสบการณ์การเรยี นรูใ้ หก้ ับเดก็ นับวา่ เปน็ หนา้ ท่ี ท่สี ำคัญของครูปฐมวัยในการจัดประสบการณ์
การเรยี นรู้ให้เดก็ ไดเ้ รยี นรู้อย่างมคี วามสุขและเหมาะสมตามวยั แต่กน็ ับไดว้ ่าเป็นภาระของครูปฐมวัย
ในการคิด จัดทำสื่อ นวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อเร้าความสนใจเด็ก
ให้เกิดการเรยี นรู้ ดงั นนั้ การนเิ ทศ เพ่ือให้ความรู้ในการพฒั นานวัตกรรมใหก้ บั ครูสอนปฐมวัยจึงนับได้
วา่ เป็นสิ่งสำคัญ เป็นอยา่ งย่งิ ในการให้ความชว่ ยเหลอื ให้คำแนะนำครูผูส้ อนปฐมวยั ตามความหมาย
ของคำว่าการนเิ ทศ
การนิเทศมาจากภาษาอังกฤษคำว่า Supervision ความหมายตามรูปศัพท์ คอื การให้ความ
ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ และการปรับปรุง ปริยาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548 : 15-16) กล่าวถึง
ความหมายของการนเิ ทศวา่ หมายถงึ กระบวนการจดั บริหารการศึกษาเพอื่ ช้ีแนะใหค้ วามชว่ ยเหลือ
กับการจัดการศึกษา เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนของครูและเพ่ิมคุณภาพของนักเรียนให้เป็นไป
ตามเป้าหมาย
แอกการ์วาล์ (Aggarwal, 1967: 486 อ้างถงึ ใน เอกวิทย์ แกว้ ประดษิ ฐ์, 2548: 320-321)
กลา่ ววา่ การนเิ ทศ (Supervision) คอื การพัฒนาหรืองอกงาม การให้บรกิ ารทางเทคนิค
จากผู้เช่ียวชาญ การรว่ มมอื และประสานงานซึ่งมีความหมายโดยสรปุ ดังนี้
S การสนบั สนุน (Support), การมีสว่ นรว่ ม (Share), การบริการ(Service)
U คอื ความสามคั คี (Unity), ความเขา้ ใจ (Understanding),
การยกฐานะ(Upgrading)
P คือ การวางแผน (Planning), การเลื่อนขน้ั (Promotion),
การแก้ปญั หา (Problem-solving)
E คือ การศึกษาหาความรู้ (Education), การประเมนิ ผล (Evaluation),
การทดลอง (Experiment)
R คอื การวิจยั (Research), การรายงาน (Report), การบันทกึ (Record)
V คือ การเยี่ยมเยยี น (Visiting), การรู้คุณคา่ (Value), การมีคุณธรรม(Virtue)
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 2
โสภิณ สายอ๋อง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
I คือ การปรับปรุง (Improvement), การใหข้ า่ วสาร (Information), การอบรม
(In-service Training)
S คือ การปรับตนเอง (Self-adjustment), ความมนั่ ใจตนเอง
(Self-confidence), การรับผิดชอบตนเอง (Self-responsibility)
I คอื นวัตกรรม (Innovation), ความฉลาดรอบรู้ (Intelligence),
ความสนใจ(Interest)
O คือ การสงั เกต (Observation), การจัดรูปงาน (Organization),
การต้งั จดุ ประสงค์ (Objective)
N คือ ความตอ้ งการ (Needs), การประนีประนอม (Negotiation),
ความจำเปน็ (Necessity)
สงัด อทุ รานันท์ (2530 : 6) ได้ให้ความหมายว่า เป็นกระบวนการทำงานรว่ มกันระหว่าง
ผู้นเิ ทศและผูร้ บั การนเิ ทศหรือบุคลากรทางการศึกษาอนื่ ๆ เพอื่ ให้ไดม้ าซง่ึ สมั ฤทธผิ์ ลสูงสุดในการเรยี น
ของนกั เรยี น
กติ ิมา ปรดี ีดลิ ก (2532 : 262) ให้ความหมายว่า เป็นกระบวนการชแี้ นะ แนะนำและให้
ความร่วมมอื ตอ่ กิจกรรมของครใู นการปรบั ปรงุ การเรยี นการสอน เพ่ือให้บรรลผุ ลตามจุดหมายท่ี
วางไว้
สาย ภานุรัตน์ (อา้ งถึงใน สำนักงานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแห่งชาติ. 2532 : 4)
ใหค้ วามหมายวา่ เปน็ ความพยายามหนึ่งในหลายๆ อย่างที่จะช่วยสง่ เสรมิ การศึกษาให้มีคณุ ภาพ
ในด้านการเรยี นการสอน
วไลรัตน์ บุญสวัสด์ิ (2538 : 3) ใหค้ วามหมายวา่ เป็นกระบวนการทำงานและความร่วมมอื
ระหวา่ งผนู้ ิเทศกับผ้รู บั การนเิ ทศ เพอื่ ประสทิ ธภิ าพอนั สูงสุดในการเรียนของนกั เรียน
ชารี มณีศรี (2542 : 22) กล่าวถึงความหมายของการนิเทศการศึกษาว่า หมายถึง
กระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้น การร่วมมือกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องโดยใช้
หลกั ประชาธปิ ไตยในการนิเทศดังน้ัน การนเิ ทศการศึกษาเป็นกระบวนการกลไกและเคร่ืองมือสำคัญ
ในการพัฒนาการจดั การเรียนการสอน สนับสนุนให้การดำเนนิ งานเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสมและ
มีประสิทธิภาพเป็นกระบวนการที่จะทำให้เกิดการปรับปรุงการเรียนการสอนของครูร่วมกับบุคคล
ที่เกี่ยวข้องมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องเริ่มจากการศกึ ษาข้อมูล การวางแผน
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 3
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
การปฏิบัติตามแผนและการประเมนิ ผล กระบวนการดังกล่าวเป็นกระบวนการร่วมกันเพือ่ แก้ปญั หา
หรือพัฒนาการเรยี นการสอนใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสูงสุด
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548 : 15) ให้ความหมายว่าการนิเทศ หมายถึง กระบวนการ
จัดบริหารการศึกษาเพื่อชี้แนะให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือกับครูและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
กบั การจัดการศกึ ษาเพอ่ื ปรับปรุงการเรียนการสอนของครแู ละเพมิ่ คุณภาพของนกั เรยี นใหเ้ ป็นไปตาม
เปา้ หมายของการศึกษา
สุภาภรณ์ กิตติรัชดานนท์ (2551 : 11) กล่าวว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึง
กระบวนการในการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์และ
เปา้ หมายของการศกึ ษาที่กำหนดไว้
สรุปได้ว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึงกระบวนการพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้น
โดยเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่าง ผู้นิเทศและผู้รบั การนิเทศ เพื่อให้บรรลุผลตามจุดหมาย
ที่วางไว้
จดุ มงุ่ หมายของการนเิ ทศการศกึ ษา
จดุ มงุ่ หมายหลกั ท่ีสำคัญในการนเิ ทศการสอน คือ การเปลยี่ นแปลงปรบั เปล่ียนพฤติกรรม
ของผู้รับการนิเทศ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปเพื่อปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนในโรงเรีย น
ซึง่ จุดมุ่งหมายการนิเทศ ได้มีนักการศึกษาและผู้ทรงคณุ วุฒิหลายท่านกล่าวไว้ดังน้ี
วลัยรัตน์ บุญสวัสดิ์ (2538 : 9) ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาไว้ดังน้ี
การนเิ ทศการศึกษานนั้ มีจุดม่งุ หมายทจี่ ะพัฒนาคน พัฒนาครู ช่วยเหลอื ครูใหม้ คี วามรู้ความสามารถ
ในการพัฒนางานด้านหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน การประสานงาน และความร่วมมือเพื่อให้
เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังจะสร้างความมั่นใจในอาชีพครู
สร้างสรรค์ กำลังใจให้แก่ครเู พือ่ จะได้ร่วมมือกันพฒั นานักเรียนให้เกิดพัฒนาการตามความมุ่งหมาย
การศกึ ษา
ชัด บุญญา (2546 : 46) ได้กล่าวถึงการนิเทศการศึกษาว่าการนิเทศการศึกษา
มีจุดมงุ่ หมาย เพอ่ื สนับสนนุ สง่ เสรมิ กระตุน้ ให้ครแู ละผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการจัดการศึกษาทุกฝ่าย
เป็นรายบุคคล หรือหลายคนร่วมมือร่วมใจกันปฏิรูปวิธีการจัดการเรียนการสอน วิธีการบริหาร
จดั การศกึ ษาท่มี งุ่ สู่ความสำเร็จตามมาตรฐานใดๆ ของโรงเรียนและของบุคลากรของโรงเรียนให้สูงข้ึน
และรักษาไว้ได้ อย่างต่อเน่ืองด้วยความเต็มใจ
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 4
โสภิณ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548) กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการนิเทศภายในโรงเรียน
ว่าเป็นการมุ่งปรบั ปรุง และพฒั นาการเรยี นการสอนในโรงเรียน ดงั นี้
1. เพื่อพฒั นาวชิ าชีพครู โดยการนเิ ทศการสอนให้ข้อมูลแก่ครูในด้านการสอน เพื่อครู
จะไดใ้ ชเ้ ป็นแนวทางในการปรับปรงุ การสอนของตน ช่วยให้ครูได้พฒั นาความสามารถในการสอน
ส่งเสริม และพัฒนาวิชาชีพการสอนของครู
2. เพือ่ พฒั นาคณุ ภาพของนักเรียน ปรับปรุงคณุ ภาพการเรยี นการสอนในโรงเรยี น เพ่ือ
คุณภาพของนกั เรียน สง่ เสรมิ ประสทิ ธิภาพงานวิชาการในโรงเรียน สร้างขวญั และกำลงั ใจแก่บุคลากร
ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การนเิ ทศการสอน สรา้ งความสมั พันธ์ทดี่ รี ะหว่างบคุ คลที่เกีย่ วข้องในการทำงานร่วมกนั
กรองทอง จริ เดชากลุ (2550 : 3) กล่าวถึง จดุ มงุ่ หมายของการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
ดังน้ี
1. จดุ มุง่ หมายท่ัวไป
1.1 เพอ่ื ให้ผู้บริหาร และคณะกรรมการการนิเทศของสถานศกึ ษามีความรู้ ความเข้าใจ
และปฏบิ ัติการนเิ ทศภายในโรงเรยี นได้
1.2 เพอ่ื พัฒนาความสามารถของครู
1.3 เพื่อช่วยเหลอื และจัดสรรเครือ่ งมือ สอ่ื การเรียนรู้ ตลอดจนชว่ ยเหลอื และ
ปรับปรุงวิธจี ัดการเรียนรู้
1.4 เพอื่ ให้ครเู กดิ ความเจรญิ งอกงามทางวิชาชีพ
2. จุดมงุ่ หมายเฉพาะ เพือ่ ให้ครสู ามารถพัฒนาพฤตกิ รรมการปฏิบัตงิ านในเร่อื งตอ่ ไปน้ี
2.1 เพ่อื ให้สถานศึกษามแี ผนการนเิ ทศภายในโรงเรยี น
2.2 เพ่อื เนน้ ใหม้ กี ารวเิ คราะห์ ปรับปรุงหลกั สูตรสถานศกึ ษา และในกลุ่มสาระ
การเรียนรู้ ที่ไดร้ ับมอบหมาย
2.3 เพือ่ ใหค้ รจู ดั การเรียนการสอนตามแนวปฏริ ูปการเรียนรทู้ เี่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั
การบูรณาการ เน้นทักษะกระบวนการคิด ฯลฯ
2.4 เพอื่ ปรบั ปรงุ และพัฒนากระบวนการ วธิ จี ดั การเรยี นรู้ของครู
2.5 เพ่ือใหม้ กี ารจัดกจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรู้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
2.6 เพื่อพัฒนาการใช้สือ่ และแหล่งเรียนรู้
2.7 เพ่อื ใหม้ กี ารวดั และประเมินผลตามสภาพจรงิ และปรบั ปรุงกระบวนการวดั และ
ประเมินผลใหม้ ปี ระสิทธิภาพสูงข้นึ
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 5
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
วัชรา เล่าเรียนดี (2550) กล่าวถึง จุดมุ่งหมายการนิเทศ คือ การปรับปรุงกระบวนการ
สอนและกระบวนการเรียนรูแ้ ละส่งเสริมพัฒนาความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพครูที่ส่งผลโดยตรงต่อ
การเรยี นรขู้ องผ้เู รยี นโดยอาศัยการนิเทศช่วยเหลือแนะนำให้ความรูแ้ ละการฝึกปฏิบตั ิด้านการพัฒนา
หลักสตู รเทคนคิ วิธีการเรียนการสอนใหม่ๆการใช้และการสร้างสือ่ นวัตกรรมดา้ นการสอนและการทำ
วิจัยในช้นั เรียนเพื่อให้ครูสามารถปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนหรืองานในวิชาชีพของ
ตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ งมปี ระสิทธิภาพและเกิดประสทิ ธิผลสงู สุดตามเป้าหมาย
กาญจน์ เรือ่ งมนตรี และพรินธร นามวรรณ (2554 : 57) ได้กลา่ วถึงจุดม่งุ หมายของ
การนเิ ทศการศกึ ษา ดงั น้ี
1. เพื่อช่วยให้ครูคน้ หาและรวู้ ิธีการทำงานดว้ ยตนเอง
2. เพ่อื ช่วยใหค้ รูรจู้ ักแยกแยะ วิเคราะห์ปัญหาของตนเองโดยชว่ ยใหค้ รูรูว้ ่าอะไรทเี่ ป็น
ปญั หา ท่กี ำลงั เผชญิ อยแู่ ละจะแก้ปัญหานัน้ อยา่ งไร
3. เพอื่ ช่วยให้ครรู ู้สึกม่ันคงในอาชพี และมคี วามเช่ือมนั่ ในความสามารถของตน
4. เพอื่ ช่วยให้ครคู ุ้นเคยกับแหล่งวทิ ยบริการและนำไปใชใ้ นการเรยี นการสอนได้
5. ช่วยเผยแพรใ่ ห้ชมุ ชนเข้าใจถงึ แผนการศึกษาของโรงเรยี นและใหก้ ารสนับสนนุ
โรงเรยี น
6. ชว่ ยให้ครูเข้าใจถงึ ปรชั ญาและความต้องการทางการศกึ ษา
เมื่อพิจารณาจุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษาแล้วสามารถสรุปได้ว่า การนิเทศ
การศกึ ษา มจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ พัฒนาคุณภาพการศึกษา ซ่งึ เกดิ ได้จากความรว่ มมือของบุคลากรภายใน
โรงเรียนโดย มงุ่ เน้นไปท่ีการพัฒนาครูใหม้ ีความรู้ความสามารถในการจัดกระบวนการเรียนการสอน
ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพอนั ส่งผลดตี ่อผ้เู รียนในด้านการเรยี น หรอื ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนทส่ี ูงข้ึน
ชารี มณศี รี (2542 : 47 : 48)กลา่ วถึงประเภทของการนเิ ทศการศกึ ษา โดยแยกตาม
วิธีการปฏิบตั ิงานดงั นี้
1. การนิเทศเพื่อแก้ไข (Correction) จะต้องช่วยแก้ไขข้อบกพร่องทั้งเล็กน้อยจนถึง
ข้อบกพรอ่ งมาก โดยใชเ้ ทคนิควิธีอย่างเป็นกันเอง
2. การนิเทศเพื่อการป้องกัน (Prevention) ช่วยกำหนดรู้ปัญหาต่างๆ เพราะงาน
การศกึ ษาตอ้ งเก่ยี วขอ้ งกบั คนจำนวนมาก ซึง่ อาจเน่ืองมาจากสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ หรอื เกดิ จากตัวครู
ให้ได้ร้จู ักตวั เองและยอมรับในปัญหา
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 6
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
3. การนเิ ทศเพอื่ ก่อ (Construction) มุ่งถงึ จดุ ที่เจริญเตบิ โตได้ในอนาคต หากจดุ ใดท่ีมี
ปญั หาไมม่ ีทางเตบิ โตในอนาคตไดต้ ้องหาทางแก้ไข
4. การนิเทศเพอ่ื การสร้างสรรค์ (Creation) การใชค้ วามรู้สติปญั ญาให้เป็นประโยชน์
โดยการรวบรวมผลงานของครูท่ีเปน็ งานสรา้ งสรรคม์ าจัดเป็นระเบียบ หมวดหมู่
การนิเทศมีลักษณะเป็นพลวัตร (Dynamic) ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศจะต้องมีการ
เปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหว เพื่อความก้าวหน้าอยู่เสมอ ลักษณะงานนิเทศ เป็นงานพัฒนาองค์กรเพ่ือ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ในองค์การให้ดีขึ้น และให้เหมาะสมกับ
วตั ถุประสงคข์ องการนิเทศท่ตี งั้ ไว้
การนเิ ทศจึงเป็นท้งั ศาสตร์และศิลป์ เป็นศาสตรเ์ พราะเป็นกระบวนการแสวงหาความจริง
ความรู้และคุณค่าต่างๆ ท่ีเกย่ี วกบั การศกึ ษา เป็นศลิ ป์เพราะตอ้ งอาศัยเทคนิควิธีสร้างมนุษย์สัมพันธ์
ในการทำงานร่วมกับผอู้ นื่ การตดิ ต่อประสานงาน การจงู ใจเพื่อพัฒนา การเปลยี่ นแปลงไปสู่เป้าหมาย
ของการจัดการศึกษามุ่งท่ีจะปรับปรงุ พฤตกิ รรมครู ให้พัฒนาการสอนที่ส่วนตอ่ พฤติกรรมของผู้เรียน
(ปรียาพร วงศ์อนตุ รโรจน,์ 2548. 16)
สาย ภานุรัตน์ (2517, 25) บิดาแห่งการนิเทศการศึกษาของไทย ได้เสนอแนะเทคนิค
การนิเทศการศึกษา ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเทคนิคการนิเทศหลากหลาย
รูปแบบในปัจจบุ ันไว้
1. เทคนคิ เสนอแนะ
1.1 ใช้แทนการออกคำส่งั บงั คับ
1.2 ใชแ้ นะทราบความจำเป็น
2. เทคนคิ การสาธิต
2.1 ลงมือทำเองเปน็ ตวั อยา่ ง
2.2 ส่งปญั หาใหแ้ ก้รว่ มกัน
3. เทคนคิ กัยวกิ ัย
3.1 ปลอ่ ยให้แสดงออกมาใหห้ มดแลว้ จึงเติมท่ีขาดให้
3.2 ส่งปญั หาทำใหโ้ ตก้ ัน
4. เทคนคิ ชวนพาที
4.1 สนทนาหลักการและวชิ าการ
4.2 ใหส้ ่ิงท่ยี ังขาด
4.3 ชวนให้พดู ชวนใหค้ ดิ ชวนให้ทำงาน
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 7
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
5. เทคนคิ แพร่พมิ พ์
5.1 เสนอสิ่งทคี่ วรสนใจ
5.2 แนะวิธแี ก้ปัญหาแลว้ เผยแพรว่ ธิ กี าร
6. เทคนคิ ปลูกมหานยิ ม
6.1 ชว่ ยทุกขย์ ากเปน็ การสว่ นตวั
6.2 มีจิตมงุ่ ทเี่ ดก็ นกั เรียน
7. เทคนิคป้อนขนมนมเนย
7.1 ปอ้ นปญั หาง่ายๆที่ความสามารถท่ีจะพอไดก้ ่อนแล้วคอ่ ยขยายข้นึ เป็นลำดบั
7.2 ช่วยหาทางแก้ปญั หาจนเป็นทน่ี า่ พอใจ
สุรชัย ชินโย (2542:9) กล่าวถึงความจำเป็นในการนิเทศว่า การนิเทศการสอนอย่างเปน็
ระบบ ต่อเนื่องและมีคุณภาพ ส่งผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู รวมทั้งผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี น เชิงสรา้ งสรรค์ของนกั เรียน
สิทธิพร นิยมศรีสมศักดิ์ (2546 : 19) กล่าวถึงความสำคัญและความจำเป็นในการนิเทศ
การศึกษาว่า คือการช่วยเหลือบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะครูผู้สอนให้ปฏิบัติงานอย่างมี
ความสุข และมีประสิทธิผล ปัจจุบันการนิเทศการศึกษามคี วามจำเป็นเพราะเหตุปัจจัยทางดา้ นการ
เปลีย่ นแปลง ของสิ่งแวดล้อมทางการศกึ ษา และการยอมรับศาสตรก์ ารนิเทศการศึกษาระดบั สากลว่า
มีความจำเป็นต่อการจัดการศึกษาหรอื การจัดการเรยี นการสอนตามหลกั วชิ าชีพครู
การนิเทศการศึกษา จึงเป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ
เพอ่ื ให้ได้มาซึ่งสัมฤทธิ์ผลสูงสุดในการเรียนของนกั เรียน การนเิ ทศการศกึ ษาจะประสบผลสำเร็จด้วยดี
ผนู้ ิเทศควรเลอื กใชเ้ ทคนคิ วิธีนิเทศท่เี หมาะสมกับวตั ถุประสงค์ของการปฏิบตั งิ าน เพ่ือให้ได้ผลคุ้มค่า
ท่สี ุด (ไพโรจน์ กลิน่ กกุ ลาบ, 2542. 63)
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2548 : 47-52) กล่าวถึงการเปล่ียนแปลงท่ีเกดิ ข้นึ ในโรงเรยี น
จากการนเิ ทศมี 2 ระดับ คอื
1. การเปลย่ี นแปลงระดับโรงเรยี นเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานการ
วางแผน การตงั้ โครงการต่างๆ ในโรงเรียน
2. การเปลย่ี นแปลงระดับบุคคลเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรมการทำงานของบุคคล
โดยเฉพาะครูได้แก่ การปรับปรุงการสอน การนำนวตั กรรมมาใช้ในการสอน
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 8
โสภิณ สายอ๋อง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
นอกจากนัน้ ไดก้ ล่าวถึง ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงหน้าท่ขี องผู้นิเทศวา่ ต้องพยายาม
ติดตามการทํางานและปรับปรุงการเรียนการสอนให้ทันต่อเหตุการณ์ และการเปลี่ยนแปลง โดย
คำนึงถึงสิ่งที่มผี ลตอ่ การนเิ ทศ ดงั นี้
1. นโยบายและความม่งุ หมายของโรงเรยี นเปลย่ี นแปลงไป เพอื่ ปรบั โครงสรา้ งและ
ความมุ่งหมายของสถานศกึ ษา จำเปน็ ตอ้ งนเิ ทศเพื่อสรา้ งความเขา้ ใจ
2. การนำวทิ ยาการใหมๆ่ ใชใ้ นโรงเรียน
3. การสอนของครูล้มเหลว นักเรยี นมีปญั หาไม่เขา้ ใจ
4. ความรบั ผิดชอบไมเ่ ป็นไปตามความสามารถของครู การแบ่งงานครูแตล่ ะคน
ไม่เหมาะสม
5. การเปล่ียนแปลงเกย่ี วกบั หลักสูตรตอ้ งการพัฒนาหลกั สตู รให้เหมาะสมกับสภาพ
ปจั จุบนั
6. การเปลยี่ นแปลงตัวครูในงานท่ีรับผดิ ชอบจําเปน็ ต้องทาํ ความเข้าใจเกีย่ วกับ
การเรียนการสอน
7. การวดั และประเมินผล เพื่อทราบถึงผลการสอนและปรบั ปรุงการสอนของครู
กลา่ วโดยสรุปการนิเทศการศกึ ษามีความสำคัญและความจำเป็นตอ่ การพัฒนาการศึกษา
เป็นกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศอย่างเป็นระบบเพ่ือปรับปรุง
กระบวนการจดั การเรยี นการสอนให้ทันต่อเหตุการณแ์ ละการเปลีย่ นแปลงส่งผลถงึ คณุ ภาพของผเู้ รียน
มกี ารพัฒนาดขี ้นึ
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 9
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ตอนท่ี 2
ศึกษานิเทศกแ์ ละการนิเทศ
ศกึ ษานิเทศก์ ตามความหมายของพจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน หมายถงึ ผู้ชแ้ี จง
แนะนำทางการศึกษาแก่ครู อาจารยใ์ นโรงเรยี นหรอื วทิ ยาลยั
ชารี มณีศรี (2542 : 39 ได้อธิบายความหมาย SUPERVISORS (ศึกษานิเทศก์ไว้ดังน้ี)
1. S = Sharing ศกึ ษานิเทศก์จะต้องรจู้ ักปรับขยายแนวคดิ ในการทำงาน
รว่ มกับคนอน่ื ได้
2. U = Urge จะตอ้ งกระตนุ้ ให้ครูไดพ้ ยายามทดลองวิธีการใหม่ๆ ทาง
การศกึ ษา
3. P = Promote ส่งเสริมใหม้ คี วามสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ งนักเรยี น ครู และครูใหญ่
4. E = Experience มีประสบการณใ์ นการใช้เทคนิควิธีการตา่ งๆ ปรับปรุงวสั ดุ
การเรียนการสอน สง่ เสริมใหค้ รูจัดทำวสั ดอุ ปุ กรณ์การเรยี น
การสอน
5. R = Relate พยายามประยุกต์หลกั วชิ าการแกป้ ัญหาใหเ้ ข้ากับสถานการณ์
แกป้ ญั หาเยี่ยงผ้มู ีศาสตร์และมศี ิลป์
6. V = View job งานนเิ ทศเปน็ งานทใ่ี หค้ วามช่วยเหลอื บรกิ าร ฉะน้นั
ศกึ ษานเิ ทศก์ ควรเปิดโอกาสให้ครไู ด้รับบรกิ าร
7. I = Initiate activities รเิ ริ่มกจิ กรรมตา่ งๆ ปรับปรุงการเรียนการสอนให้ดีขึน้
8. S = Seek to work ทำงานโดยอาศยั ความรว่ มมอื วางแผนงานร่วมกบั ผู้อื่น
โดยอาศยั หลักพน้ื ฐานมนุษย์สมั พนั ธ์เป็นสำคญั
9. O = Orient ideas มคี วามเข้าใจผอู้ ่นื เข้าใจผ้รู ่วมงาน
10. R = Review past effort ทบทวนการปฏบิ ัติงานทีผ่ ่านมาแลว้ ประเมนิ ผลงาน
วา่ ดี เลว อยา่ งไร มีขอ้ บกพร่อง ปญั หาอุปสรรค
อยา่ งไร โดยการประเมนิ แผนงานทว่ี างไวเ้ ปน็ หลกั
11. S = Study ศึกษานิเทศกต์ อ้ งทำงานกบั บคุ คลทุกหมูเ่ หลา่
บทบาท ผู้นำทางวิชาการและศกึ ษาค้นคว้าปรับปรงุ
สภาพการเรียนการสอนท่ัวไป ศึกษานิเทศก์จงึ ควร
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 10
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
หมน่ั ศึกษา คน้ คว้า ฝึกอบรม ทันสมยั ทนั ตอ่ ความ
เปลี่ยนแปลงอยเู่ สมอ
กลา่ วโดยสรุป ศกึ ษานเิ ทศก์ คอื ผู้ทำหน้าท่ีแนะนำ ชีแ้ นะแนวทางใหค้ รูและผู้บรหิ ารเกดิ
ความรู้ ในการจัดการเรยี นการสอน และการบริหารจัดการในโรงเรยี นไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
บทบาทหนา้ ท่ขี องศกึ ษานิเทศก์
แฮรสิ (Harris อา้ งถึงใน อญั ชลี ธรรมะวิธกี ุล ออนไลน์) ได้แบ่งหน้าที่ของ ศกึ ษานิเทศก์
ไวด้ ังน้ี
1. หนา้ ทท่ี างการสอน (Teaching Function) เป็นหนา้ ทห่ี ลกั ศึกษานเิ ทศก์จะต้อง
ทำงานทเ่ี กี่ยวกบั การสอนโดยตรง นั่นคือช่วยเหลอื แนะนำเกี่ยวกับวิธีการสอนท่ดี ีให้กับครู ตลอดถงึ
การวดั และประเมินผลดว้ ย
2. หน้าท่ีจดั บริการ (Special Service Function) เป็นการชว่ ยเหลอื แนะนำ
เก่ยี วกับการบรกิ ารใหแ้ กน่ ักเรยี นโดยตรง ได้แก่ หน่วยสุขภาพพลานามยั การแนะแนว บรกิ าร
จติ บำบัด และสันทนาการ เป็นต้น
3. หน้าทจี่ ัดอำนวยการ (Management Function) เป็นการช่วยเหลอื ในเร่อื งการจดั
ดำเนนิ งานในดา้ นธุรการทั่วไปเก่ียวขอ้ งกับคณะบคุ คล เป็นการเกย่ี วพนั โดยทางอ้อมการกบั การเรยี น
การสอน
4. หน้าที่การนิเทศ (Supervision Function) เปน็ งานเกีย่ วกบั การนเิ ทศการติดตอ่
ประสานงานเป็นงานที่เก่ยี วข้องโดยตรงกบั การเรยี นการสอน ศึกษานิเทศก์จะทำงานรว่ มกับครู
5. หนา้ ทีบ่ รหิ ารงานทว่ั ไป (General Administration Function)เป็นหนา้ ท่เี ก่ยี วกับ
งานบริหารในโรงเรียนทวั่ ๆ ไป ทศ่ี กึ ษานิเทศกจ์ ะชว่ ยเหลอื โรงเรยี นได้
วไลรตั น์ บุญสวสั ด์ิ (2538 อ้างถงึ ใน วัชรา เล่าเรยี นด,ี 2553) ไดก้ ลา่ วถึง
ภาระหนา้ ท่ีของศกึ ษานิเทศกว์ า่ มดี งั นี้
1. ชว่ ยเหลอื ครใู นการพฒั นาและปรับปรุงตนเอง
2. สง่ เสรมิ ใหม้ ีการปรับปรุงหลกั สตู ร
3. ชว่ ยเหลือครูในการปรบั ปรุงการสอนของตนให้ดขี ึ้น
4. เปิดโอกาสให้ผู้เช่ยี วชาญในสาขาวิชา ซึง่ มอี ยูใ่ นโรงเรยี นไดช้ ว่ ยเหลอื เพื่อนครู
5. สง่ เสรมิ ให้คณะครมู ีความสนใจในอุปกรณก์ ารสอน
6. ช่วยเหลอื ครใู นการทำความเข้าใจเกยี่ วกบั ผู้เรยี นให้ดีขึ้น
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 11
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
7. ช่วยเหลอื ครูในการประเมินผลผเู้ รียน
8. สง่ เสริม ยัว่ ยุใหค้ รูร้จู กั ประเมินผลโครงการการปฏิบตั ิงาน
และความกา้ วหน้าของตน
9. ชว่ ยให้ครูประสบผลสำเร็จและมีความรู้สกึ ม่ันคง
อาคม จันทสนุ ทร ไดส้ รปุ บทบาทและหน้าที่ของผนู้ เิ ทศการศึกษาไวเ้ ป็น
2 ประเดน็ คอื
1. บทบาทในฐานะที่ปรกึ ษาหรอื ผู้ชว่ ยคิดของผ้บู ริหารการศกึ ษา หมายถึงเป็นผู้ช่วย
ในการวางแผนดำเนินการต่างๆ รวมทัง้ ช่วยเหลือในการตัดสนิ ใจของผบู้ รหิ าร
2. บทบาทในฐานะที่เป็นผู้ทำให้สถานการณ์การเรียนการสอนที่ครูจัดอยู่เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นิเทศการศกึ ษาในบทบาทนี้จะพยายามมีกิจกรรมใหค้ รูไดเ้ รียนรู้ และปฏิบัติ
ในด้านการเรยี นการสอนให้บังเกดิ ผลดยี ง่ิ ข้นึ เหมือนเป็นครขู องครู
ศึกษานิเทศก์ มีหน้าทค่ี วามรับผิดชอบกว้างขวาง ครอบคลมุ งานวิชาการและงานบริหาร
ซึ่งแยกออกจากกันยาก ความสำเร็จของงานขึ้นอยู่กับความรู้และทักษะหลายประการ เช่น
การวางแผน การจัดองค์กร การกำกับดูแล การควบคุมและการวิจัยเชิงปฏิบัติ เป็นต้นกิจกรรมใน
การนิเทศการศึกษา มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางที่ดีขึน้ ในกระบวนการทำงานร่วมกันกับครูและ
บุคลากรการศึกษา เพื่อให้ได้มาซึ่งสัมฤทธิ์ผลสูงสุดในการเรียนของนกั เรยี น (ไพโรจน์ กลิ่นกุหลาบ,
ม.ป.ป. : 63)
กระบวนการนิเทศ
นักการศกึ ษาหลายท่าน เสนอ กระบวนการนเิ ทศไว้ ดังน้ี
สงัด อทุ รานันท์ (2530 : 84-88) ไดเ้ สนอกระบวนการนิเทศการสอนไว้ 5 ข้นั ตอน
(PIDRE) คอื
1. การวางแผนการนิเทศ (P - Panning)
2. การใหค้ วามรู้ในสิ่งทจ่ี ะทำตามแผน (Informing - I)
3. การปฏิบตั ิตาม แผน โดยผู้รับการนเิ ทศเปน็ ผดู้ ำเนินการ (D - Doing)
4. การส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ด้านขวญั และกำลงั ใจ ในการปฏิบตั งิ าน
(R - Reinforcing)
5. การติดตามและประเมนิ ผลการปฏิบัติงาน (E-Evaluating)
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 12
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
วชั รา เลา่ เรยี น (2553 : 27-28) ไดน้ ำเสนอกระบวนการนเิ ทศการสอนไว้ 7 ขั้นตอน คอื
1. การวางแผนรว่ มกนั ระหว่างผนู้ เิ ทศและผรู้ บั การนเิ ทศ ครู หรือคณะครู
2. การเลือกประเด็นหรอื เรอื่ งท่ี สนใจจะปรับปรงุ และพัฒนา
3. การนำเสนอโครงการพัฒนาและข้ันตอนการปฏบิ ตั ิให้ผู้บริหารโรงเรียนได้รบั
ทราบเพ่อื อนมุ ัตกิ ารดำเนินการ
4. การใหค้ วามรหู้ รอื การแสวงหาความรจู้ ากเอกสารต่างๆ และการฝกึ อบรม
เชงิ ปฏิบัติการการจัดการเรยี นการก่อน
5. การจัดทำแผนการนเิ ทศกำหนดวนั เวลาทจี่ ะนิเทศ
6. การดำเนินการ ตามแผน
7. การสรุปผล ประเมินผลการปรับปรงุ และพฒั นาแลว้ รายงานผลสำเรจ็
แฮริส (Harris. 1985 : 13-15 อา้ งใน วชั รา เล่าเรยี นดี. 2553 : 20) ไดเ้ สนอ
กระบวนการนเิ ทศการสอนในโรงเรยี นไวว้ ่ามี 6 ขัน้ ตอน คือ
1. การประเมินเบื้องต้น (Assessing) เป็นการศึกษาข้อมูลเบ้ืองต้นเพื่อจะพิจารณา
ความจำเปน็ ในการเปลี่ยน
2. จัดลำดับความสำคัญ (Prioritizing) เป็นกระบวนการในการกำหนดเป้าหมาย
วัตถุประสงค์ และกิจกรรมตามลำดบั ความสำคญั
3. การออกแบบ (Designing) เป็นกระบวนการในการวางแผนหรือหรือโครงงาน
ของระบบเพือ่ กอ่ ให้เกดิ การเปลยี่ นแปลง
4. จัดสรรทรัพยากร (Allocating resources) เป็นกระบวนการในการจัดสรร
ทรพั ยากรและใชท้ รัพยากร รวมท้งั ทรพั ยากรบคุ คลใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุด
5. การประสานงาน (Coordinating) เป็นกระบวนการในการสร้างความสัมพันธ์
ระหว่างบุคคล เวลา วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความเหมาะสมเพื่อให้
สามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
6. การอำนวยการหรือการสง่ั การ (Directing) เป็นกระบวนการในการสนับสนุนการ
จดั กิจกรรมตา่ งๆ ใหส้ อดคล้องเหมาะสมกบั การเปลี่ยนแปลงทีป่ ระสบผลสำเรจ็
วัชรา เล่าเรียนดี (2550 : 28) ได้กล่าวโดยสรุปว่า กระบวนการนิเทศ ภายในโรงเรียน
จะต้อง ประกอบดว้ ย การวางแผนร่วมกัน การจัดทำโครงการตามประเด็นปญั หาและความสนใจที่จะ
พัฒนาการดำเนนิ งานตามแผน การตดิ ตามผลหรอื แนะนำ และการตรวจสอบประเมินผลการนิเทศ
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 13
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ดังจะเห็นได้ว่า การประเมนิ ผลการนิเทศภายในโรงเรียนของนักการศึกษาทีก่ ล่าวแล้วข้างต้น จะไม่
มุ่งเน้นการประเมินผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนโดยตรง ให้ความสำคัญต่อผลการนิเทศ ที่เกิดขึ้นกับครู
เป็นสำคัญ แต่ในการนิเทศการสอนในโรงเรียนที่เป็นการนิเทศที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุง
และพฒั นาการเรยี นการสอนในช้นั เรยี นน้นั มีความซับซอ้ นมากกวา่ เพราะสงั เคราะหก์ ารสอนของครู
และการเรียนของนักเรียน มีการสังเกตการณ์ทุนในชน้ั เรยี นเพ่ือมุ่งปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพ
การสอนของครู และผลการเรยี นของนักเรียนเป็นสำคัญด้วย จึงควรต้องมกี ารประเมินผลการเรียนรู้
ของนักเรียน เพราะตัวบ่งชี้หนึ่งของสมรรถภาพการสอนของครูที่มีการพัฒนาขึ้น จากการร่วม
โครงการนิเทศการสอนของครู ซึ่งก็คือการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถ
ควบคุมตัวแปรต่างๆ ไดม้ ากเทา่ ที่ควร การมกี ารนเิ ทศการสอนอย่างสม่ำเสมอ และโดยความร่วมมือ
ของคณะครูหลายฝ่ายน่าจะยืนยันได้ว่า การนิเทศการสอนในชั้นเรียนในโรงเรียน นอกจากจะช่วย
ส่งเสริมสมรรถภาพการจดั การเรยี นการสอนของครูแล้ว ยงั พัฒนาผลการเรยี นร้ขู องนกั เรียนได้อกี ดว้ ย
กิจกรรมการนิเทศ
กิจกรรมตา่ งๆที่ใชใ้ นการนเิ ทศการศกึ ษาเปน็ เครื่องมอื สำคัญในการพัฒนาการปฏิบัติงาน
ของครูช่วยใหก้ ารดำเนนิ การนิเทศบรรลุวัตถปุ ระสงค์ โดยสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษา
แหง่ ชาติ (2534) ได้เสนอแนะวธิ ีการนเิ ทศภายในโรงเรยี น มี 16 กจิ กรรม ดังน้ี
1. การประชุมก่อนเปิดเรยี น หมายถึงการนดั หมายในโรงเรยี น หรอื บคุ คลทเี่ กยี่ วข้อง
ในโรงเรียนมาร่วมประชุมปรึกษาหารือ และ ส่ังการ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปฏิบตั ิงาน
ร่วมกันเพื่อเตรยี มการด้านต่างๆ และปรับความคิดเห็นของบุคลากรให้ได้ข้อสรุป ในการปฏิบัติงาน
เป็นแนวทางเดยี วกัน ซง่ึ สามารถทำการสอนไดท้ ันทใี นวนั เปดิ เรียน
2. การปฐมนิเทศ ภายถึง การแนะนำครูใหม่ให้รู้จักหน่วยงาน สถาบัน นโยบาย
วัตถุประสงค์ และแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน เพ่ือให้ครูใหม่ได้รู้จักคุ้นเคยและสามารถ
ปรบั ตวั ให้เข้ากับสภาพแวดลอ้ มได้
3. การให้คำปรึกษาแนะนำ หมายถึง การให้คำปรึกษาแนะนำเป็นการพบปะกัน
ระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ ซึ่งอาจกระทำได้หลายวิธี เช่น เทคนิคการนิเทศแบบโค้ ชช่ิง
(Coaching Techniques) ซึ่งเป็นการพัฒนาบุคลากรอย่างมีแบบแผนโดยกระทำ ณ จุดปฏิบัติงาน
เพอื่ ช่วยให้ ผู้ปฏิบตั ิงานก้าวหนา้ ไปถงึ จดุ นัดหมายปลายทางได้
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 14
โสภิณ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
4. การอบรม หมายถึง การให้ครูได้เข้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในวิชาชีพเพื่อเปน็
การกระตุ้น ให้ครูมีความตื่นตัวทางวิชาการและนำความรู้ความสามารถที่ได้จากการอบรมไป
พฒั นาการจดั การเรียนการสอน การอบรมอาจทำให้ 2 ลักษณะ ดงั น้ี
4.1 จัดอบรมครูภายในโรงเรียน โดยเชิญบุคคลภายนอกมาเป็นวิทยากร หรือให้
ครูในโรงเรยี นที่มีความรู้ความสามารถในเฉพาะเรื่องเปน็ วิทยากร
4.2 สง่ ครไู ปรับการอบรมทางวชิ าการที่หน่วยงานหรอื สถาบนั ตา่ งๆ จัดขึน้
5. การประชุมปฏิบัติการ หมายถึง การประชุมที่เน้นให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีความรู้
ความเข้าใจทั้งทางด้านทฤษฎีและด้านปฏิบัติ มีทักษะในการปฏิบัตงิ านและสามารถนำไปใช้พัฒนา
งานใหม้ ีคุณภาพขนึ้
6. การสัมมนา หมายถึง การประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องที่น่าสนใจ
รว่ มกัน เพ่อื สรปุ ข้อคดิ เห็น และหาแนวทางในการปฏบิ ัติงานรว่ มกนั
7. การระดมความคิด หมายถงึ การประชุมเพอ่ื รบั ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ปัญหา
และข้อมูลใหม่ๆ จากสมาชิกของที่ประชุม เพื่อค้นปัญหา ข้อเสนอแนะ และความคิดริเริ่มต่างๆ
ในการพัฒนางาน
8. การสาธิตการสอน หมายถึง กิจกรรมที่มุ่งให้ผู้ดูได้เห็นการดำเนินการที่คล้าย
สถานการณจ์ ริง โดยการนำคณะครไู ปชมการสาธติ การสอนในหรอื นอกโรงเรยี น ท้ังนี้เพือ่
8.1 ให้ผดู้ กู ารสาธติ การสอนนำไปปรับปรุงการเรยี นการสอน และพัฒนาตน
8.2 เป็นการเสริมแรงให้กับผู้สาธิตการสอน ถ้าหากผู้สาธิตการสอนเป็นครูใน
โรงเรียนเดียวกับผู้ดู ผู้สาธิตการสอนจะต้องปรบั ปรุงการเรยี นการสอนและตนเองใหม้ ากเพื่อมาเปน็
ผู้สาธติ การสอน
8.3 สร้างขวัญกำลังใจแกผ่ ูส้ าธิตการสอนโรงเรียนเดยี วกันโดยยกย่องชมเชย
9. การศึกษาเอกสารทางวิชาการ หมายถึง การมอบหมายเอกสารให้ผรู้ ับการนิเทศ
ไปศึกษา ค้นคว้าเรื่องใดเร่ืองหนึ่ง หรือตอนใดตอนหนึง่ แล้วนำความรู้นัน้ มาถ่ายทอดให้แก่คณะครู
เพอ่ื ให้ผรู้ ับการนิเทศมีโอกาสไดศ้ กึ ษาหาความรู้ ความเข้าใจดว้ ยตนเอง
10. การสนทนาทางวิชาการ หมายถึง การประชุมครูหรือกลุ่มผู้สนใจในเรื่องราว
ข่าวสารเดียวกัน โดยกำหนดให้มีผูส้ นทนาคนหนึ่งนำสนทนาในเรื่องที่กลุ่มสนใจ เพื่อเพิ่มพนู ความรู้
ความเขา้ ใจแนวทางการปฏบิ ัตงิ าน เทคนคิ การสอนแก่ครใู นโรงเรยี น และพฒั นาบุคลากรในโรงเรยี น
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 15
โสภณิ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
11. การเยี่ยมนเิ ทศช้นั เรียน หมายถงึ การท่ผี ู้นิเทศพบและสังเกตการทำงานของครู
ในชั้นเรียน เพื่อร่วมกนั พัฒนาการทำงานให้มีคุณภาพ โดยมีการสำรวจความต้องการของครู ศึกษา
ปญั หาของครู ประเมินผลการสอนของครู กระตุ้นให้ครูปรบั ปรุงการสอน ใหค้ ำปรึกษาแนะนำแก่ครู
12. การศึกษาดูงาน หมายถึง การพาบุคลากรในโรงเรียนไปศกึ ษาค้นควา้ ทีเ่ พมิ่ พูน
ประสบการณใ์ นสถานท่ีต่างๆ เพื่อใหบ้ ุคลากรไดพ้ ัฒนาตนเองและพัฒนางานให้มีคณุ ภาพ
13. การสังเกตการสอน หมายถึง การจัดบคุ คลท่มี ีความรู้ความเข้าใจดา้ นการเรียน
การสอนมาสงั เกตพฤตกิ รรมการสอนของครูในขณะทำการสอน เพือ่ ให้ครูสามารถพฒั นาหรือปรับปรุง
การสอน ให้มปี ระสิทธภิ าพโดยใช้ขอ้ มูลย้อนกลับจากการสังเกตของผูน้ ิเทศ
14. การวจิ ยั เชงิ ปฏิบัตกิ าร หมายถึง การปฏบิ ตั งิ านร่วมกนั ระหวา่ งครูและผู้บริหาร
โรงเรียน เพื่อแก้ไขปรับปรุงการเรียนการสอน หรือปัญหาต่างๆ ในห้องเรียน โดยการศึกษาคน้ คว้า
อย่างเป็นระบบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อศึกษาคน้ คว้าสาเหตุของปัญหา วิธีการแก้ไข
ปัญหา และ พัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสทิ ธภิ าพ
15. การเขยี นเอกสารหรอื บทความทางวชิ าการ หมายถงึ การทผี่ นู้ ิเทศหาวิธกี ารเพอ่ื
สนับสนุนครใู ห้เขียนหนงั สืออา่ นประกอบ หนังสืออ่านเพิ่มเตมิ เอกสาร บทความทางวชิ าการที่เปน็
เครือ่ งมอื พัฒนาการเรยี นการสอน เพอื่ ให้ครูใชค้ วามรู้ ความสามารถในการพฒั นาการเรียนการสอน
ซึ่งจะส่งผลใหค้ รูมีความก้าวหน้าในวชิ าชพี ดว้ ย
16. การจัดนิทรรศการ หมายถึง การนำความรู้ ข่าวสาร ผลงาน มาจัดแสดง
เพอ่ื นำเสนอเป็น ความรู้หรอื ประชาสัมพันธ์ การดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ กัน เพ่ือให้คณะครูผู้ชม
นทิ รรศการ มคี วามรู้ ความเข้าใจในดา้ นการทำ การใช้สือ่ ตา่ งๆ ในรูปแบบกระบวนการ เทคนิควธิ ีการ
ต่างๆ ตลอดจนกระต้นุ ใหค้ ณะครูเกดิ การพัฒนาตนเอง
แฮริส (Harris, 1985 : 13-15 อ้างถึงใน วัชรา เลา่ เรยี นดี, 2553 : 13-15) ได้เสนอ
กิจกรรมการนเิ ทศ 23 กิจกรรม ดงั นี้
1. การบรรยาย (Lecturing) เป็นกิจกรรมที่เน้นการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ
ของผู้นเิ ทศ ไปสู่ผู้รับการนเิ ทศ ใช้เพยี งการพูดและการฟงั เทา่ น้ัน
2. การบรรยายโดยใช้สื่อประกอบ (Visualized lecturing) เป็นการบรรยายท่ีใช้ส่ือ
เข้ามาชว่ ย เช่น สไลด์ แผนภมู ิ แผนภาพ ฯลฯ ซ่งึ จะช่วยให้ผฟู้ ังมคี วามสนใจมากยิ่งขนึ้
3. การบรรยายเป็นกลุ่ม (Panel presenting) เป็นกิจกรรมการให้ข้อมูลเป็นกล่มุ
ที่มีจดุ เน้นที่การให้ข้อมลู ตามแนวความคิดหรือแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ซงึ่ กันและกัน
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 16
โสภิณ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
4. การให้ดูภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ (Viewing film and television) เป็นการใช้
เครือ่ งมือท่สี ่ือทางสายตา ไดแ้ ก่ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ วิดีโอเทป เพ่ือทำใหผ้ ้รู ับการนิเทศได้รับความรู้
และเกิด ความสนใจมากข้ึน
5. การฟังคำบรรยายจากเทป วิทยุ และเครื่องบันทึกเสียง (Listening to Tape,
Radio Recordings) กิจกรรมนีเ้ ปน็ การใช้เครอื่ งบนั ทกึ เพอ่ื นำเสนอแนวความคิดของบุคคลหนึ่งไปสู่
ผู้ฟงั คนอ่ืน
6. การจัดนทิ รรศการเก่ียวกับวัสดุและเคร่ืองมือต่างๆ (Exhibiting Materials and
Equipment) เปน็ กิจกรรมทช่ี ่วยในการฝึกอบรมหรือเป็นกิจกรรมสำหรบั งานพฒั นาส่ือตา่ งๆ
7. การสงั เกตในชั้นเรยี น (Observing in Classroom) เปน็ กิจกรรมทที่ ำการสังเกต
การ ปฏิบัติงานในสถานการณ์จริงของบุคลากร เพื่อวิเคราะห์สภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร
ซ่งึ จะช่วยให้ทราบจุดเด่นหรอื จดุ บกพรอ่ งของบคุ ลากร เพื่อใชใ้ นการประเมินผลการปฏบิ ัติงานและใช้
ในการพัฒนาบุคลากร
8. การสาธิต (Demonstrating) เป็นกิจกรรมการให้ความรู้ที่มุ่งให้ผู้อื่นเห็น
กระบวนการ และวธิ ีการดำเนินการ
9. การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interviewing) เป็นกิจกรรม
สมั ภาษณ์ท่กี ำหนดจดุ ประสงค์ชดั เจนเพ่ือใหไ้ ด้ข้อมลู ต่าง ๆ ตามต้องการ
10. การสมั ภาษณ์เฉพาะเรือ่ ง (Focused Interviewing) เปน็ กิจกรรมการสมั ภาษณ์
แบบก่งึ โครงสร้าง โดยจะทำการสัมภาษณ์เฉพาะโรงเรียนทผ่ี ู้ตอบมีความสามารถจะตอบได้เทา่ นัน้
11. การสัมภาษณ์แบบไม่ชี้นำ (Non-directive Interview) เป็นการพูดคุยและ
อภิปรายหรือการแสดงแนวความคดิ ของบุคคลที่สนทนาด้วยด้วย ลักษณะการของการสัมภาษณ์จะ
สนใจกับปัญหา และความสนใจของผู้รบั การสัมภาษณ์
12. การอภิปราย (Discussing) เป็นกิจกรรมที่ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศปฏิบัติ
ร่วมกนั ซง่ึ เหมาะสมกบั กลุ่มขนาดเลก็ มกั ใช้รว่ มกบั กจิ กรรมอืน่ ๆ
13. การอ่าน (Reading) เป็นกิจกรรมที่ใช้มากกิจกรรมหนึ่ง สามารถใช้ได้กับคน
จำนวนมากเช่น การอ่านขอ้ ความจากวารสาร มักใชร้ ว่ มกบั กจิ กรรมอน่ื
14. การวิเคราะห์ข้อมูลและการคิดคำนวณ ( Analyzing and Calculating)
เป็นกิจกรรมที่ใช้ในการติดตามประเมินผล การวิจัยเชิงปฏิบัติการและการควบคุมประสิทธิภาพ
การสอน
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 17
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
15. การระดมสมอง (Brainstorming) เป็นกิจกรรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสนอ
แนวความคิด วิธีการแก้ปัญหาหรอื ใชข้ ้อแนะนำต่างๆ โดยให้สมาชิกแต่ละคนแสดงความคิดโดยเสรี
ไมม่ กี ารวิเคราะห์ หรอื วพิ ากษ์วิจารณ์แตอ่ ย่างใด
16. การบันทึกวีดีโอและการถ่ายภาพ (Videotaping and Photographing)
วีดโี อเทปเป็นเครื่องมือท่ีแสดงใหเ้ หน็ รายละเอยี ดทง้ั ภาพและเสียง ส่วนการถ่ายภาพมีประโยชน์มาก
ในการจดั นทิ รรศการ กจิ กรรมน้ีมีประโยชนใ์ นการประเมินผลงานและการประชาสมั พันธ์
17. การจัดทำเครื่องมือและแบบทดสอบ (Instrumenting and testing) กิจกรรม
นี้เกยี่ วขอ้ งกับการใชแ้ บบทดสอบและแบบประเมนิ ต่างๆ
18. การประชุมกลุ่มย่อย (Buzz Session) เป็นกิจกรรมการประชุมกลุ่มเพ่ือ
อภิปรายในหัวขอ้ เร่อื งท่ีเฉพาะเจาะจง มุ่งเนน้ การปฏสิ มั พันธภ์ ายในกลุ่มมากท่สี ดุ
19. การจัดทัศนศึกษา (Field Trip) กิจกรรมนี้เป็นการเดินทางไปสถานที่แห่งอืน่
เพือ่ ศึกษาดูงานท่สี มั พันธ์กบั งานทีต่ นปฏิบตั ิ
20. การเย่ียมเยยี น (Intervisiting) เป็นกจิ กรรมท่บี คุ คลหน่งึ ไปเย่ยี มและสงั เกต
การทำงานของอกี บุคคลหน่งึ
21. การแสดงบทบาทสมมติ (Role-playing) เป็นกิจกรรมที่สะท้อนให้เห็น
ความร้สู กึ นกึ คิด ของบคุ คล กำหนดสถานการณ์ขึน้ แลว้ ใหผ้ ู้ทำกิจกรรมตอบสนองหรอื ปฏิบตั ิตนเองไป
ตามธรรมชาตทิ ่ี ควรจะเปน็
22. การเขียน (Writing) เป็นกิจกรรมที่ใช้เป็นสื่อกลางในการนิเทศเกือบทุกชนิด
เชน่ การเขยี นโครงการนิเทศ การบันทึกข้อมูล การเขยี นรายงาน การเขียนบันทึก ฯลฯ
23. การปฏิบัติตามคำแนะนำ (Guided Practice) เป็นกจิ กรรมทเ่ี นน้ การปฏิบัติใน
ขณะท่ปี ฏบิ ัตมิ กี ารคอยดูแลชว่ ยเหลอื มกั ใช้กับรายบุคคลหรือกลุ่มขนาดเล็ก
กล่าวโดยสรุป ศึกษานิเทศก์ถอื เป็นผูม้ ีบทบาทสำคัญในการพัฒนาครู ผู้บริหาร เพื่อมงุ่
ผลสมั ฤทธไิ์ ปถงึ ผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ภาพ โดยศกึ ษานเิ ทศก์ตอ้ งเลอื กใชเ้ ทคนคิ กระบวนการนเิ ทศ กจิ กรรม
การนิเทศที่เหมาะสมกับผนู้ ิเทศเองและผู้รับการนิเทศ เพอื่ ผลลัพธใ์ นการนิเทศ ได้บรรลุวัตถุประสงค์
ของการนเิ ทศตามที่ตงั้ ไว้
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 18
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ตอนท่ี 3
แนวทางการนิเทศการพัฒนานวัตกรรมทส่ี ่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครูผสู้ อนปฐมวยั ในพน้ื ท่จี งั หวัดยะลาโดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
จากการได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการนิเทศ ความหมาย กระบวนการการนิเทศรูปแบบ
ต่างๆจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าการนิเทศ มีความสำคัญในการชี้แนะแนวทาง ช่วยเหลือ ครู
ผบู้ รหิ ารในการพัฒนานกั เรียน โรงเรยี นใหม้ ีประสิทธิภาพ ทัง้ นใ้ี นการนิเทศจะประสบผลสำเร็จได้ต้อง
มีกระบวนการนิเทศท่ีดแี ละเหมาะสมกับเรื่องท่ตี ้องการนิเทศ ซ่ึงผู้ศึกษาได้นำการกระบวนการนิเทศ
แบบ PIDRE ของ สงดั อุทรานนั ท์ มาใชใ้ นการพฒั นานวตั กรรมท่สี ง่ ผลต่อการจดั ประสบการณ์
การเรียนรู้ของครปู ฐมวยั ดงั น้ี
กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
สงัด อุทรานนั ท์ (2530 : 84-88 อ้างใน วัชรา เล่าเรยี นดี, 2550 : 21-22) ได้เสนอ
กระบวนการนิเทศ ที่เห็นวา่ สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย 5 ข้ันตอน ซึง่ เรยี กกันว่า “PIDRE” คือ
ขน้ั ท่ี 1 วางแผนการนิเทศ (Planning-P)
ขน้ั ท่ี 2 ให้ความรู้กอ่ นการนิเทศ (informing-I)
ขน้ั ที่ 3 การดำเนนิ การปฏบิ ัติการนเิ ทศ (Doing-D)
ขนั้ ท่ี 4 การสร้างเสรมิ กำลังใจแกผ่ ู้ปฏบิ ตั งิ านนเิ ทศ (Reinforcing-R)
ขนั้ ที่ 5 การประเมนิ ผลการนเิ ทศ (Evaluating-E)
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 19
โสภิณ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
แผนภาพที่ 1 กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 20
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
จากรูปแบบกระบวนการนิเทศ มรี ายละเอียดในการดำเนนิ การอย่างเป็นข้ันตอนและ
ต่อเนื่องกัน ดงั นี้ คือ
ขั้นท่ี 1 วางแผนการนิเทศ (Planning-P) เป็นข้นั ตอนท่ีผู้บริหาร ผนู้ ิเทศ และผู้รับ
การนิเทศ จะทําการประชุมปรกึ ษาหารือ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจำเป็นที่จะต้องมี
การนิเทศ รวมทง้ั วางแผนถงึ ข้นั ตอนการปฏิบตั ิเก่ยี วกับการนเิ ทศทีจ่ ัดขึ้นอีกดว้ ย
ขั้นที่ 2 ให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (informing-I) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้
ความเข้าใจถงึ ส่ิงที่จะดำเนินการว่าจะต้องอาศัยความร้คู วามสามารถอย่างไรบา้ งจะมขี นั้ ตอน ในการ
ดำเนินงานอย่างไร จะทำอย่างไรให้ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ ซึ่งขั้นตอนการนิเทศ ความรู้ ความเข้าใจ
เกี่ยวกับเทคนิควิธีสอนหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มีความจำเป็นรวมทั้งงานนิเทศด้านต่างๆที่ยังไม่ได้ผล
หรอื ได้ผลไม่ถึงขัน้ ทพ่ี อใจ ซ่ึงจำเป็นต้องทบทวนให้ความรู้ในการปฏบิ ตั ิงานท่ีถกู ต้อง
ขั้นท่ี 3 การดำเนินการปฏิบัตกิ ารนิเทศ (Doing-D) ประกอบด้วยการปฏิบัติงาน 3
ดา้ น โดยบุคคล 3 กลุ่ม คือ การปฏิบตั ิงานของผู้รบั การนิเทศ (ครู) การปฏิบัติงานของผ้นู เิ ทศ
(ผูน้ เิ ทศ) และการปฏบิ ตั ิงานของผ้สู นบั สนนุ การนเิ ทศ (ผูบ้ ริหาร)
ข้นั ที่ 4 การสร้างเสริมกำลงั ใจแกผ่ ูป้ ฏิบตั ิงานนิเทศ (Reinforcing-R) เป็นข้ันตอน
การเสรมิ แรงของผู้บริหารเพือ่ ให้ผรู้ ับการนิเทศมีความม่นั ใจและเกดิ ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
ข้นั นี้อาจดำเนนิ ไปพรอ้ มๆ กบั ผ้รู ับการนิเทศกำลงั ปฏบิ ัตงิ านหรือปฏิบตั ิงานไดเ้ สรจ็ ส้ินแล้วกไ็ ด้
ขั้นท่ี 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating-E) เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศทำการ
ประเมินผล การดำเนินงานที่ผา่ นไปแล้ววา่ เปน็ อยา่ งไร หลังจากการประเมินผลการนเิ ทศ หากพบว่ามี
ปัญหาหรืออุปสรรคอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทำให้การดำเนินงานไม่ได้ผล สมควรที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข
ซึ่งการ ปรับปรุงแก้ไข อาจจะทำได้โดยการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ปฏิบัติใหม่อีกครั้ง ในกรณีที่
ผลงานที่ได้ยังไม่ถึงขั้นน่าพอใจ หรือให้ดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมด ในกรณีการ
ดำเนินงานไมไ่ ดผ้ ล แตถ่ ้าประเมนิ ผลแลว้ ประสบผลสำเร็จตามที่ต้ังไว้ และต้องการจะดำเนนิ การนเิ ทศ
ต่อไป ก็สามารถทำได้เลยไม่ต้องให้ความรู้ในเรื่องที่ปฏิบตั ิอกี การดำเนินการนิเทศตามกระบวนการ
จะเป็นไปอย่างตอ่ เน่อื งไมห่ ยดุ ย้ังจนกว่าจะบรรลุตามจดุ ประสงคท์ ่ีวางไว้หรือสามารถพัฒนาผู้รับการ
นเิ ทศไดต้ ามทต่ี ้องการหากบรรลุผลสำเร็จตามจุดหมายแล้วต้องการหยุดกระบวนการทำงาน ก็ถือว่า
การนิเทศในเรื่องนั้นได้สิ้นสุด ถ้าหากมีการเริ่มปฏิบัติเรื่องใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ต้องเริ่มตาม
กระบวนการดำเนนิ งานตามข้นั ตอนดังกลา่ วต่อไป ดังภาพต่อไปน้ี
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 21
โสภิณ สายอ๋อง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
แผนภาพที่ 2 แสดงความตอ่ เนอ่ื งของกระบวนการนิเทศการศกึ ษาในเร่อื งต่างๆ
ดังนัน้ วางแผนการทำงาน ให้ความรู้ในส่ิงที่ทำ หลังจากนั้นจึงลงมือปฏบิ ัติงานโดยมีการ
นิเทศควบคู่ไปดว้ ย ขณะเดียวกันผู้บริหารจะต้องสร้างขวญั และกำลังใจระหว่างการทำงานและหลงั
การทำงานผา่ นไปแล้ว และในขนั้ สดุ ทา้ ยก็ทำการประเมินผล ทำในลักษณะเช่นน้ี จนกระท่งั บรรลุผล
ตามเปา้ หมายทีว่ างไว้ หากบรรลผุ ลแล้วต้องการจะหยดุ กถ็ ือว่าการนเิ ทศส้นิ สดุ ลงแลว้ ดังนเ้ี ป็นต้น
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 22
โสภณิ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ขั้นตอนการนำกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE ของ สงัด อุทรานันท์ มาใช้
ในการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูปฐมวัย ดังแผนภาพ
ด้านลา่ งน้ี
แผนภาพท่ี 3 ข้ันตอนกระบวนการนิเทศการพฒั นานวัตกรรมที่สง่ ผลตอ่ การจัดประสบการณ์
การเรยี นรู้ของครูผสู้ อนปฐมวัยด้วยกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 23
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
จากรูปแบบกระบวนการนิเทศการพัฒนานวัตกรรมเพ่ือพัฒนาการจัดประสบการณ์การ
เรียนรู้ของครผู ู้สอนปฐมวัยดว้ ยกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE มีรายละเอยี ดในการดำเนินการอย่าง
เป็นขั้นตอนและต่อเนื่องดงั น้ี คือ
ขั้นท่ี 1 วางแผนการนเิ ทศ (Planning-P) เปน็ ขนั้ ตอนทผี่ บู้ ริหาร ผู้นิเทศ และผู้รับ
การนิเทศ จะทําการประชุมปรกึ ษาหารือ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความตอ้ งการจำเป็นท่ีจะต้องมี
การนิเทศ รวมทงั้ วางแผนถงึ ข้ันตอนการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับการนเิ ทศท่ีจดั ข้ึนอีกดว้ ย
1.1 วิเคราะหส์ ภาพปัญหาการจัดการศึกษาปฐมวัยในจงั หวัดยะลา โดยศึกษาจาก
รายงานการประเมินตนเอง (SAR) และผลการประเมนิ มาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวัยแห่งชาติ
1.2 ศึกษาความต้องการความจำเป็นที่ตอ้ งรับการนิเทศของครูผู้สอนปฐมวัยใน
จังหวัดยะลา จากผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและผลการประเมินความพึงพอใจในโครงการ
ขบั เคล่ือนการพัฒนาการจดั การศกึ ษาปฐมวัยในระดับจังหวดั ยะลา
ขั้นที่ 2 ให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (informing-I) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้
ความเข้าใจถึงส่ิงที่จะดำเนนิ การว่าจะตอ้ งอาศัยความรคู้ วามสามารถอย่างไรบ้างจะมีขั้นตอน ในการ
ดำเนินงานอย่างไร จะทำอย่างไรให้ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ ซึ่งขั้นตอนการนิเทศ ความรู้ ความเข้าใจ
เกี่ยวกับเทคนิควิธีสอนหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มีความจำเป็นรวมทั้งงานนิเทศด้านต่างๆที่ยังไม่ได้ผล
หรอื ไดผ้ ลไมถ่ งึ ขัน้ ทพี่ อใจ ซงึ่ จำเป็นต้องทบทวนใหค้ วามรู้ในการปฏบิ ัตงิ านทถ่ี กู ตอ้ ง
2.1 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการ
จดั ประสบการณ์การเรียนร้ขู องครูปฐมวยั
2.2 จัดทำคู่มืออบรมการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์
การเรยี นรขู้ องครูปฐมวยั มาใช้ในการอบรม
2.3 ทดสอบความรู้ ความเข้าใจ ก่อนและหลังการพฒั นา
2.4 ผู้เข้าร่วมการพัฒนา นำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปจัดทำนวัตกรรม
เพอ่ื นำไปใชใ้ นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง
ขั้นท่ี 3 การดำเนินการปฏิบัติการนิเทศ (Doing-D) ประกอบด้วยการปฏิบัติงาน
3 ดา้ น โดยบุคคล 3 กลมุ่ คือ การปฏบิ ัตงิ านของผู้รับการนิเทศ (ครู) การปฏิบัตงิ านของผู้นเิ ทศ
(ผนู้ เิ ทศ) และการปฏบิ ัติงานของผสู้ นับสนนุ การนิเทศ (ผบู้ ริหาร)
3.1 ผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงาน นำนวัตกรรมไปใช้ในการจัดประสบการณ์
การเรยี นรู้กับผ้เู รียนตามความรู้ทีไ่ ด้รับมาจากการอบรม
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 24
โสภณิ สายอ๋อง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
3.2 ผูน้ ิเทศ ดำเนินการนิเทศตามปฏทิ นิ ท่ีกำหนด โดยผู้ใหก้ ารนิเทศจะดำเนนิ การ
นิเทศทางไกล นิเทศออนไลน์ เยี่ยมนิเทศชน้ั เรียน เปน็ ต้น
ขนั้ ท่ี 4 การสรา้ งเสริมกำลังใจแกผ่ ้ปู ฏิบตั ิงานนเิ ทศ (Reinforcing-R) เป็นข้ันตอน
การเสริมแรงของผู้บรหิ าร เพือ่ ใหผ้ รู้ ับการนเิ ทศมีความมนั่ ใจและเกิดความพงึ พอใจในการปฏิบัติงาน
ข้ันน้อี าจดำเนินไปพร้อมๆ กับผรู้ ับการนเิ ทศกำลังปฏิบัตงิ านหรือปฏบิ ตั ิงานได้เสร็จสน้ิ แลว้ ก็ได้
ผ้นู เิ ทศดำเนนิ การคัดเลือกนวัตกรรมทีเ่ ปน็ แบบอยา่ งเพอ่ื มอบเกียรตบิ ัตรเชดิ ชูเกียรติ
เป็นการยกย่องสรา้ งเสริมกำลังใจ และกล่าวยกย่องชื่นชมใหก้ ำลงั ใจผู้รบั การนิเทศตลอดระยะเวลา
ที่ผรู้ บั การนเิ ทศลงมือปฏิบัติงานจดั ทำนวัตกรรมเพ่อื พัฒนาการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ตามความ
เหมาะสม
ขั้นที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating-E) เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศทำการ
ประเมินผล การดำเนินงานที่ผา่ นไปแลว้ ว่าเปน็ อย่างไร หลงั จากการประเมนิ ผลการนเิ ทศ หากพบว่ามี
ปัญหาหรืออุปสรรคอย่างใดอย่างหนึ่งทีท่ ำให้การดำเนินงานไม่ไดผ้ ล สมควรท่ีจะต้องปรับปรุงแก้ไข
ซึ่งการ ปรับปรุงแก้ไข อาจจะทำได้โดยการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ปฏิบัติใหม่อีกครั้ง ในกรณีที่
ผลงานท่ีได้ยังไม่ถึงขั้นน่าพอใจ หรือให้ดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมด ในกรณีการ
ดำเนินงานไม่ได้ผล แตถ่ า้ ประเมินผลแลว้ ประสบผลสำเร็จตามทตี่ ั้งไว้ และต้องการจะดำเนนิ การนเิ ทศ
ต่อไป ก็สามารถทำได้เลยไม่ต้องให้ความรู้ในเร่ืองทีป่ ฏิบัติอีก การดำเนินการนิเทศตามกระบวนการ
จะเป็นไปอยา่ งตอ่ เนือ่ งไม่หยุดย้งั จนกว่าจะบรรลตุ ามจุดประสงค์ท่วี างไวห้ รือสามารถพัฒนาผู้รับการ
นเิ ทศได้ตามท่ตี อ้ งการหากบรรลุผลสำเร็จตามจุดหมายแล้วตอ้ งการหยดุ กระบวนการทำงาน ก็ถือว่า
การนิเทศในเรื่องนั้นได้สิ้นสุด ถ้าหากมีการเริ่มปฏิบัติเรื่องใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ต้องเริ่มตาม
กระบวนการดำเนนิ งานตามขั้นตอนดงั กล่าวต่อไป
ผู้นิเทศดำเนินการ ประเมินการนิเทศว่าประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้หรือไม่
นำนวัตกรรมที่ได้รับการคัดเลือกเป็นแบบอย่างมาเผยแพร่ผลงาน และปรับปรุงพัฒนางาน
ทไ่ี ม่บรรลผุ ลตอ่ ไป
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 25
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ตอนท่ี 4
วิธีดำเนนิ การ
การนิเทศ การพฒั นานวตั กรรมทีส่ ่งผลตอ่ การจัดประสบการณ์การเรียนรขู้ องครผู สู้ อน
ปฐมวัยในพืน้ ท่ีจงั หวดั ยะลาโดยใช้กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
จดุ ประสงค์
1. เพ่อื เปน็ แนวทางในการนิเทศ กำกับติดตามการพฒั นานวตั กรรมทส่ี ง่ ผลตอ่
การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอนปฐมวยั
2. เพือ่ ใหค้ รูผู้สอนปฐมวัยมคี วามรู้ในการออกแบบนวัตกรรมทส่ี ่งผลตอ่ การจดั
ประสบการณ์การเรยี นรไู้ ด้
ความสำคญั และความจำเป็น
การนิเทศโดยการใช้กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE เพื่อพฒั นานวตั กรรมครูผู้สอนปฐมวัย
ที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอนปฐมวัยในจังหวัดยะลา ซึ่งผู้นิเทศได้เลือก
นำมาใช้ เนื่องจากพจิ ารณาแล้ววา่ เป็นกระบวนการนิเทศที่เหมาะสมกบั ประเด็นที่ต้องการนิเทศ ใน
การพฒั นาครูผ้สู อนปฐมวัยใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจ เรอื่ งการพัฒนานวัตกรรมท่ีส่งผลตอ่ การ จัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ และสามารถพัฒนาผู้รับการนิเทศให้บรรลุวัตถุประสงค์การนเิ ทศไดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ
จากการวิเคราะหส์ ภาพปญั หาความจำเป็นและความต้องการรับการนิเทศจากครูผ้สู อน
ปฐมวัยจังหวัดยะลา จากรายงานการประเมินตนเอง (SAR) และผลการประเมินความพึงพอใจใน
โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยในระดับจังหวัดยะลา พบว่า ครูปฐมวัย
ในจังหวัดยะลา มีความต้องการพัฒนาในเรื่องการจัดทำนวัตกรรมในการนำไปจัดประสบการณ์
การเรียนรู้กับผู้เรียน เนื่องจากเด็กปฐมวัยเป็นเด็กที่มีความสนใจและสมาธิในการเรียนส้ัน
โดยหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละ
กจิ กรรมให้เหมาะสมกับวยั ของเดก็ ในแต่ละวัยแต่ยดื หยนุ่ ได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็ก
เช่น วยั 3-4 ปี มีความสนใจประมาณ 8-12 นาที วัย 4-5 ปี มคี วามสนใจประมาณ 12-15 นาที วยั
5-6 ปี มคี วามสนใจประมาณ 15-20 นาที ครูปฐมวัยจึงตอ้ งจดั ทำนวัตกรรมทมี่ ีความแปลกใหม่และ
เร้าความสนใจในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อยู่เสมอ จึงทำให้ครูปฐมวัยมีความต้องการที่จะ
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 26
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
เรียนรกู้ ารทำนวัตกรรมด้านต่างๆ ทง้ั ด้านส่อื เทคโนโลยีและรูปแบบนวัตกรรมต่างๆที่น่าสนใจในยุค
ปัจจุบัน ผู้นิเทศจึงได้จัดทำคู่มือนิเทศการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครูผู้สอนปฐมวยั ในพื้นทีจ่ ังหวัดยะลา โดยใช้กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เพื่อเป็นแนวทางใน
การพัฒนาครูผู้สอนปฐมวัยให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัด
ประสบการณก์ ารเรียนรู้นำไปใชก้ ับผู้เรยี นเพอื่ สง่ เสริมพัฒนาการทั้ง 4 ดา้ นคอื ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์
และจติ ใจ ด้านสังคม และดา้ นสติปัญญา ของเดก็ ปฐมวยั ให้มพี ฒั นาการสมวยั บรรลุตามจุดหมายของ
หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560
ภาพความสำเรจ็
1. มีกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE เพื่อพฒั นานวัตกรรมทสี่ ง่ ผลตอ่ การจัด
ประสบการณ์การเรยี นรู้ของครผู ูส้ อนปฐมวัย ไดอ้ ย่างเหมาะสมทำให้เกดิ ผลสำเรจ็
2. ครูผสู้ อนปฐมวยั มกี ารออกแบบนวัตกรรมเพือ่ พฒั นาการจัดประสบการณ์
การเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
3. ได้นวัตกรรมทสี่ ามารถเป็นแบบอย่าง เผยแพร่เพอื่ เป็นประโยชน์กับสถานศึกษา
อน่ื ๆ ได้
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 27
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
กระบวนการนิเทศ การพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครูผู้สอนปฐมวัยในพื้นที่จังหวัดยะลา ดว้ ยกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
มีรายละเอยี ดในการดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอนและต่อเน่ืองดงั นี้ คอื
ขั้นท่ี 1 วางแผนการนิเทศ (Planning-P) เปน็ ขนั้ ตอนทผ่ี ู้บริหาร ผนู้ ิเทศ และผู้รับ
การนิเทศ จะทําการประชุมปรึกษาหารือ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจำเป็นที่จะต้อง
มกี ารนิเทศ รวมท้ังวางแผนถึงข้นั ตอนการปฏิบตั เิ กยี่ วกบั การนเิ ทศท่ีจดั ข้ึนอีกด้วย
1.1 วิเคราะห์สภาพปญั หาการจัดการศกึ ษาปฐมวัยในจงั หวัดยะลา โดยศึกษาจาก
รายงานการประเมนิ ตนเอง (SAR) และผลการประเมินมาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั แหง่ ชาติ
1.2 ศึกษาความต้องการความจำเป็นที่ตอ้ งรับการนิเทศของครูผู้สอนปฐมวัยใน
จังหวัดยะลา จากผลการวิเคราะห์สภาพปัญหาและผลการประเมินความพึงพอใจในโครงการ
ขบั เคลื่อนการพัฒนาการจัดการศกึ ษาปฐมวัยในระดบั จงั หวดั ยะลา และคัดเลือกครผู ู้สอนท่ีจะพฒั นา
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 28
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ขั้นที่ 2 ให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (informing-I) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้
ความเขา้ ใจถงึ ส่ิงที่จะดำเนินการวา่ จะตอ้ งอาศัยความรูค้ วามสามารถอย่างไรบา้ งจะมีขนั้ ตอน ในการ
ดำเนินงานอย่างไร จะทำอย่างไรให้ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ ซึ่งขั้นตอนการนิเทศ ความรู้ ความเข้าใจ
เกี่ยวกับเทคนิควิธีสอนหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มีความจำเป็นรวมทั้งงานนิเทศด้านต่างๆที่ยังไม่ได้ผล
หรอื ได้ผลไม่ถงึ ขัน้ ที่พอใจ ซึง่ จำเป็นต้องทบทวนใหค้ วามรู้ในการปฏบิ ัติงานทีถ่ ูกตอ้ ง
2.1 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการ
จัดประสบการณก์ ารเรียนรขู้ องครปู ฐมวัย
2.2 จัดทำคู่มือพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครูปฐมวยั มาใชใ้ นการอบรม
2.3 ทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจ ก่อนและหลงั การพฒั นา
2.4 ผู้เข้าร่วมการพัฒนา นำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปจัดทำนวัตกรรม
เพอ่ื นำไปใชใ้ นการจัดประสบการณก์ ารเรียนรขู้ องตนเอง
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 29
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ขั้นท่ี 3 การดำเนินการปฏิบัติการนิเทศ (Doing-D) ประกอบด้วยการปฏิบัติงาน
3 ด้าน โดยบุคคล 3 กลมุ่ คอื การปฏิบัติงานของผรู้ ับการนเิ ทศ (ครู) การปฏบิ ัติงานของผู้นิเทศ
(ผนู้ เิ ทศ) และการปฏบิ ตั ิงานของผสู้ นบั สนุนการนเิ ทศ (ผ้บู ริหาร)
3.1 ผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงาน นำนวัตกรรมไปใช้ในการจัดประสบการณ์
การเรียนรู้กับผเู้ รียนตามความรู้ท่ีไดร้ บั มาจากการอบรม
3.2 ผนู้ เิ ทศ ดำเนินการนิเทศตามปฏิทนิ ทก่ี ำหนด ใหค้ ำปรึกษา แนะนำ ปรับปรุง
นวัตกรรม วิธีการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ ร่วมกับผู้นิเทศ โดยผู้ให้การนิเทศจะดำเนินการนิเทศ
โดยใชว้ ธิ ีการ ดังน้ี
3.2.1 นเิ ทศทางไกล
3.2.2 นเิ ทศออนไลน์ ผา่ นโปรแกรม Google Meet
3.3.3 เยยี่ มนเิ ทศชน้ั เรยี น
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 30
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ข้ันที่ 4 การสรา้ งเสรมิ กำลงั ใจแก่ผ้ปู ฏิบัติงานนเิ ทศ (Reinforcing-R) เปน็ ข้ันตอน
การเสรมิ แรงของผู้บริหารเพื่อให้ผรู้ ับการนิเทศมีความม่ันใจและเกิดความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน
ขัน้ นดี้ ำเนนิ ไปพรอ้ มๆ กับผรู้ บั การนเิ ทศกำลงั ปฏบิ ัตงิ านหรือปฏิบตั งิ านไดเ้ สร็จสิ้นแลว้ กไ็ ด้
ผนู้ ิเทศดำเนินการคดั เลือกนวัตกรรมท่ีเป็นแบบอย่างเพอ่ื มอบเกียรติบตั รเชิดชูเกียรติ
เป็นการยกยอ่ งสรา้ งเสรมิ กำลงั ใจ และกล่าวยกยอ่ งชื่นชมให้กำลงั ใจผู้รับการนิเทศตลอดระยะเวลาที่
ผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงานจัดทำนวัตกรรม ที่ส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ตามความเหมาะสม โดยมีขนั้ ตอนการดำเนินงาน ดงั น้ี
4.1 แต่งตง้ั คณะกรรมการคัดเลอื กนวัตกรรมที่มคี วามสมบรู ณ์เป็นแบบอย่างได้
4.2 จัดประชมุ คดั เลอื กนวตั กรรมเพ่ือมอบเกียรติบตั รเชิดชเู กียรตเิ ปน็ การยกย่อง
สร้างเสริมกำลงั ใจ
4.3 มอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรตินวัตกรรมของครูผู้สอนปฐมวัยที่ได้รับการ
คดั เลือกเป็นนวัตกรรมการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ดเี ดน่ ระดบั จังหวัดยะลา
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 31
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ขั้นที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating-E) เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศทำการ
ประเมนิ ผล การดำเนนิ งานท่ีผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่างไร หลงั จากการประเมินผลการนิเทศ หากพบว่า
มีปัญหาหรอื อปุ สรรคอย่างใดอยา่ งหนึง่ ท่ีทำใหก้ ารดำเนนิ งานไมไ่ ด้ผล สมควรที่จะตอ้ งปรบั ปรุงแก้ไข
ซึ่งการ ปรับปรุงแก้ไข อาจจะทำได้โดยการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ปฏิบัติใหม่อีกครั้ง ในกรณี
ที่ผลงานที่ได้ยังไม่ถึงขั้นน่าพอใจ หรือให้ดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมด ในกรณีการ
ดำเนนิ งานไม่ได้ผล แตถ่ ้าประเมนิ ผลแลว้ ประสบผลสำเร็จตามทต่ี งั้ ไว้ และต้องการจะดำเนนิ การนเิ ทศ
ต่อไป ก็สามารถทำได้เลยไม่ต้องให้ความรู้ในเร่ืองที่ปฏิบตั ิอกี การดำเนนิ การนิเทศตามกระบวนการ
จะเปน็ ไปอยา่ งต่อเน่อื งไม่หยดุ ย้ังจนกว่าจะบรรลตุ ามจดุ ประสงค์ที่วางไว้หรอื สามารถพัฒนาผู้รับการ
นเิ ทศได้ตามท่ีต้องการหากบรรลุผลสำเร็จตามจุดหมายแล้วตอ้ งการหยุดกระบวนการทำงาน ก็ถือว่า
การนิเทศในเรื่องนั้นได้สิ้นสุด ถ้าหากมีการเริ่มปฏิบัติเรื่องใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ต้องเริ่มตาม
กระบวนการดำเนินงานตามข้นั ตอนดงั กลา่ วต่อไป
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 32
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ผู้นิเทศดำเนินการ ประเมินการนิเทศว่าประสบผลสำเร็จตามท่ีตั้งไว้หรือไม่
นำนวัตกรรมที่ได้รับการคัดเลือกเป็นแบบอย่างมาเผยแพร่ผลงาน และปรับปรุงพัฒนางาน
ทไ่ี ม่บรรลผุ ลตอ่ ไป มีกระบวนการดำเนนิ งาน ดงั นี้
5.1 ผู้นเิ ทศและผูร้ ับการนเิ ทศ วิเคราะห์ข้อมลู และประเมินผลรว่ มกัน
5.2 นำนวัตกรรมท่ีได้รับการคัดเลือกเป็นแบบอย่างมาเผยแพร่ผลงาน ผ่านทาง
Website ปฐมวัยจงั หวัดยะลา
5.3 เสนอแนะแนวทางปรับปรุงแก้ไขงานทไี่ ม่บรรลผุ ล
คมู่ อื กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 33
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ปฏทิ ินการนิเทศ การพฒั นานวตั กรรมทส่ี ง่ ผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครูผสู้ อนปฐมวัยในพ้นื ท่ีจังหวัดยะลาโดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
วัน เดือน ปี กจิ กรรมดำเนินงาน
พฤษภาคม 2563 วิเคราะห์สภาพปัญหาการจัดการศึกษาปฐมวัยในจังหวัดยะลา
โดยศึกษาจากรายงานการประเมินตนเอง (SAR) และผลการ
ประเมนิ มาตรฐานสถานพัฒนาเดก็ ปฐมวยั แหง่ ชาติ
ศึกษาความต้องการความจำเป็นทีต่ ้องรับการนิเทศของครผู ู้สอน
ปฐมวัยในจังหวัดยะลา จากผลการวิเคราะห์สภาพปญั หาและผล
การประเมินความพึงพอใจในโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาการ
จัดการศกึ ษาปฐมวัยในระดบั จงั หวัดยะลา
มิถุนายน 2563 ศกึ ษาข้อมูลพ้นื ฐานของครปู ฐมวยั และคดั เลอื กครูผู้สอน
ท่จี ะพฒั นา
กรกฎาคม 2563 จัดทำนวัตกรรม โดยจดั ทำนวัตกรรม คู่มอื กระบวนการนิเทศแบบ
PIDRE เพื่อพฒั นานวัตกรรมท่ีส่งผลต่อการจัดประสบการณ์
การเรยี นรู้ของครผู สู้ อนปฐมวยั
พฤศจิกายน - ธันวาคม 2563 ใหผ้ ู้เชยี่ วชาญตรวจสอบคุณภาพของเครอ่ื งมอื และนำไปทดลอง
กับโรงเรยี นในจังหวดั ยะลา จำนวน 30 โรง เพือ่ หาคุณภาพของ
เครอ่ื งมือ
มกราคม – เมษายน หาคุณภาพเครอ่ื งมอื ปรบั ปรุงเพม่ิ เตมิ เนอ้ื หาใหม้ ีความถูกตอ้ ง
2564 สมบูรณ์ เพือ่ นำไปพฒั นาครผู ูส้ อนในกลมุ่ เปา้ หมาย
พฤษภาคม 2564 จัดอบรมเชงิ ปฏิบัติการให้ความรใู้ นการพฒั นานวัตกรรม
ท่ีสง่ ผลตอ่ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรูข้ องครปู ฐมวัย
- ทดสอบความรู้ความเข้าใจ ก่อนและหลังการพัฒนา
จำนวน 30 ข้อ
มถิ ุนายน – ธนั วาคม ผู้รับการนิเทศลงมือปฏิบัติงาน จัดทำนวัตกรรมที่ส่งผลต่อ
2564 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้นำไปใช้กับผู้เรียนตามความรู้
ท่ไี ด้รับมาจากการอบรม
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 34
โสภณิ สายอ๋อง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
วนั เดอื น ปี กจิ กรรมดำเนินงาน
กรกฎาคม – มกราคม ผู้นิเทศ ดำเนินการนิเทศตามปฏิทินที่กำหนด โดยผู้ให้การนิเทศ
จะดำเนินการนิเทศ ดังนี้ นิเทศทางไกล นิเทศออนไลน์ เยี่ยม
2565 นเิ ทศชัน้ เรยี น
ผู้นิเทศดำเนินการคัดเลือกนวัตกรรมที่เป็นแบบอย่าง เพื่อมอบ
กมุ ภาพนั ธ์ 2565 เกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ เป็นการยกย่องสร้างเสริมกำลังใจ และ
กล่าวยกย่องชื่นชมให้กำลังใจผู้รับการนิเทศตลอดระยะเวลาที่
ผู้รับการนิเทศลงมอื ปฏิบัตงิ านจัดทำนวตั กรรมเพื่อพัฒนาการจัด
ประสบการณ์การเรียนรตู้ ามความเหมาะสม
ผู้นิเทศดำเนนิ การ ประเมินการนเิ ทศว่าประสบผลสำเร็จตามที่ต้ัง
ไวห้ รือไม่ นำนวตั กรรมท่ไี ด้รับการคดั เลอื กมาเผยแพร่ผลงาน และ
ปรับปรงุ พัฒนางานที่ไมบ่ รรลุผลต่อไป
คมู่ อื กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 35
โสภณิ สายอ๋อง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ตอนท่ี 5
เคร่ืองมอื ในการนเิ ทศ
การนิเทศ การพัฒนานวัตกรรมท่ีส่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ของครผู ู้สอนปฐมวยั ในพ้นื ทีจ่ งั หวัดยะลาโดยใชก้ ระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
ผนู้ ิเทศใชส้ อ่ื /เครอื่ งมือในการนเิ ทศ ดงั ต่อไปนี้
1. คู่มือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE เพ่ือพัฒนานวัตกรรมท่ีส่งผลต่อการ
จดั ประสบการณ์การเรียนรขู้ องครูผู้สอนปฐมวัย
2. ค่มู ือการพัฒนานวัตกรรมท่สี ่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของครูผู้สอน
ปฐมวัยโดยใช้กระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE
3. แบบทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลต่อการ
จัดประสบการณ์การเรียนรขู้ องครูผสู้ อนปฐมวยั กอ่ นและหลงั การอบรมเชิงปฏิบัติการ
4. แบบประเมนิ คุณภาพของนวตั กรรมทส่ี ่งผลต่อการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
ของครูผู้สอนปฐมวยั โดยใชก้ ระบวนการนิเทศแบบ PIDRE
5. แบบสอบถามความพึงพอใจของครูผสู้ อนปฐมวยั ท่ีมีตอ่ กระบวนการนิเทศ
แบบ PIDRE เพ่อื พฒั นานวัตกรรมที่สง่ ผลต่อการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 36
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศึกษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
ฉบับที่ 1 สำหรับครูครูผูส้ อน
แบบทดสอบวดั ความรคู้ วามเข้าใจ การพฒั นานวัตกรรมท่สี ่งผลต่อ
การจัดประสบการณ์การเรียนรขู้ องครผู ้สู อนปฐมวัย กอ่ นการพัฒนา
คำชีแ้ จง 1. จำนวนแบบทดสอบมี 30 ขอ้ คะแนนเตม็ 30 คะแนน ใชเ้ วลา 30 นาที
2. ให้เลอื กคำตอบทีถ่ กู ตอ้ งที่สุด แล้วทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ขอ้ ใดคอื ความหมายของ “นวัตกรรม” ที่ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ
ก. การกระทำที่ใชแ้ นวคดิ หรือวิธปี ฏิบตั ใิ หมๆ่ เพือ่ แก้ปัญหาและพฒั นางาน
ข. การกระทำที่ไมเ่ คยมีมากอ่ น
ค. การกระทำท่ีร้อื ฟนื้ มาจากของเดมิ
ง. การกระทำทีเ่ อาแบบอย่างมาจากที่อน่ื
2. ข้อใดคือความหมายของ นวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัยทถี่ ูกต้องท่ีสดุ
ก. วสั ดุ อุปกรณเ์ ครอื่ งมอื สง่ิ ประดษิ ฐ์ และวิธีการใหม่ๆ ที่ประยกุ ตม์ าจากพน้ื ฐานของ
แนวคดิ และทฤษฎี ทแี่ พรห่ ลาย ซ่งึ ส่ิงต่างๆดงั กล่าวตอ้ งสนองตอ่ ธรรมชาตแิ ละพฒั นาการ
ของเด็กปฐมวัย
ข. วัสดุ อปุ กรณเ์ คร่ืองมือ สิง่ ประดิษฐ์ และวธิ ีการใหม่ๆ ที่ประยกุ ต์มาจากพืน้ ฐานของ
แนวคิดและทฤษฎี ทไี่ มแ่ พร่หลาย ซึง่ ส่งิ ตา่ งๆดงั กล่าวตอ้ งสนองต่อธรรมชาตแิ ละ
พัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั
ค. วสั ดุ อปุ กรณเ์ ครอื่ งมือ สงิ่ ประดษิ ฐ์ และวธิ กี ารใหม่ๆ ที่ประยกุ ต์มาจากพ้นื ฐานของ
แนวคิดและทฤษฎี ทยี่ ังไม่แพร่หลายยงั ไมเ่ ปน็ ส่วนหนึ่งของงานปกติ ซึง่ ส่ิงตา่ งๆดังกล่าว
ตอ้ งสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการของเดก็ ปฐมวยั
ง. วสั ดุ อปุ กรณเ์ ครื่องมอื สิ่งประดษิ ฐ์ และวธิ ีการใหมๆ่ ทปี่ ระยุกตม์ าจากพ้นื ฐานของ
แนวคดิ และทฤษฎที ่แี พร่หลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ของงานปกติ ซึ่งสงิ่ ตา่ งๆดังกล่าวต้อง
สนองต่อธรรมชาติและพฒั นาการของเด็กปฐมวยั
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 37
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนกั งำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
3. ขอ้ ใดไม่ใชป่ ระเภทของนวตั กรรมการศกึ ษา
ก. นวัตกรรมประเภทหลักสตู ร
ข. นวตั กรรมประเภทการคมนาคม
ค. นวตั กรรมประเภทการประเมินผล
ง. นวัตกรรมประเภทสือ่ การสอน
4. ข้อใดเปน็ สาเหตุของการเกิดนวตั กรรมการศกึ ษาข้ึน
ก. การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ข. การเพิม่ ปริมาณของผ้เู รยี น
ค. การเรยี นรู้ของผู้เรียนมแี นวโนม้ ในการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองมากข้ึน
ง. ถกู ทกุ ข้อ
5. นวตั กรรมการศกึ ษาทจี่ ำแนกตามการใช้งานมกี ่ีประเภท
ก. 4 ประเภท
ข. 5 ประเภท
ค. 6 ประเภท
ง. 7 ประเภท
6. พ้นื ฐานของนวัตกรรมทางการศกึ ษาขอ้ ใดสำคญั
ก. การศกึ ษาตามความถนดั และความสนใจของผเู้ รยี น
ข. มคี วามพรอ้ มดา้ นการเรยี นเป็นส่ิงสรา้ งขึ้น
ค. จดั บทเรียนให้เหมาะกบั ระดับความสามารถของเดก็
ง. ศูนย์การเรียนรู้ แบบสำเร็จรปู
7. ทำไมต้องนำนวตั กรรมการศึกษามาใชแ้ ทนวิธีการเดมิ
ก. เพื่อใหก้ ารจดั การศกึ ษามปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้
ข. เพ่ือลดการสอนของครูจะไดไ้ ปทำงานด้านอ่นื
ค. วิธีการเดมิ ไมเ่ ปน็ ท่ยี อมรบั
ง. เพอ่ื ครูจะได้มีผลงาน
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 38
โสภณิ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
8. เปา้ หมายของการใชน้ วตั กรรมทางการศึกษา ตวั เลือกใดไมเ่ กีย่ วขอ้ ง
ก. เพ่อื ทำใหก้ ารเรียนรบู้ รรลเุ ปา้ หมายทางการศกึ ษาที่วางไว้
ข. เพอื่ แก้ปัญหาการเรยี นรทู้ ีเ่ กิดขึ้น
ค. เพอื่ ลดภาระงานของครผู ู้สอน
ง. เพ่อื ใหก้ ารจัดการศกึ ษามีประสทิ ธภิ าพบรรลุเปา้ หมายได้ดขี ึ้น
9. หนงั สอื นิทานมเี สยี งจดั เป็นนวัตกรรมทางการศกึ ษาประเภทใด
ก. นวตั กรรมประเภทหลักสตู ร
ข. นวตั กรรมประเภทสือ่ การเรยี นการสอน
ค. นวตั กรรมประเภทการจัดการเรียนการสอน
ง. นวัตกรรมประเภทการประเมินผล
10. ขอ้ ใดเป็นการเรยี งลำดบั ขั้นการยอมรบั นวตั กรรมของครผู สู้ อนเมอ่ื มกี ารนำนวตั กรรมมา
ประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนได้ถูกต้อง
ก. ขัน้ เริ่มตน้ ขัน้ นำมาใช้งาน ขน้ั จัดสรรอย่างเหมาะสม ขนั้ ปรับใหเ้ หมาะสม
ขั้นประดษิ ฐกรรม
ข. ขนั้ เรม่ิ ตน้ ขั้นนำมาใชง้ าน ขน้ั จัดสรรอยา่ งเหมาะสม ข้นั ประดษิ ฐกรรม
ขัน้ ปรับให้เหมาะสม
ค. ขน้ั เร่มิ ต้น ขนั้ นำมาใชง้ าน ปรบั ให้เหมาะสม ขน้ั จัดสรรอย่างเหมาะสม
ขน้ั ประดษิ ฐกรรม
ง. ขนั้ เรม่ิ ตน้ ขัน้ ปรับให้เหมาะสม ขั้นประดิษฐกรรม ขน้ั จดั สรรอยา่ งเหมาะสม
ขนั้ นำมาใชง้ าน
11. ข้อใดคอื ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งนวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวยั กับสื่อและเทคโนโลยี
ทางการศกึ ษาปฐมวยั
ก. สื่อและเทคโนโลยที างการศึกษาปฐมวยั เปน็ จดุ เร่ิมตน้ ของนวตั กรรมทางการศึกษาปฐมวัย
ข. นวตั กรรมทางการศึกษาปฐมวยั กบั สือ่ และเทคโนโลยีทางการศกึ ษาปฐมวยั ไม่มี
ความสมั พันธ์กนั
ค. สอื่ และเทคโนโลยที างการศกึ ษาปฐมวัยเมอื่ ไดเ้ ผยแพรจ่ นเปน็ ท่ยี อมรบั อยา่ งกว้างขวาง
จะกลายเป็นนวตั กรรมทางการศึกษาปฐมวัย
ง. นวัตกรรมทางการศึกษาปฐมวัยเปน็ จุดเริม่ ต้นของส่อื และเทคโนโลยที างการศกึ ษาปฐมวัย
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 39
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
เมอื่ ไดเ้ ผยแพรจ่ นเปน็ ท่ยี อมรบั อยา่ งกวา้ งขวางจะกลายเป็นสอื่ และเทคโนโลยี
ทางการศกึ ษา
12. ขอบขา่ ยนวตั กรรมของ Seel and Richey Seels ไดก้ ำหนดขอบขา่ ยไวก้ ี่ประการ
ก. 2 ประการ
ข. 3 ประการ
ค. 4 ประการ
ง. 5 ประการ
13. ขอบข่ายนวัตกรรมของ Seel and Richey Seels ขอ้ ใดลำดบั ไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น
ก. การพัฒนา การออกแบบ การใช้ การจดั การ
ข. การพฒั นา การออกแบบ การจดั การ การใช้
ค. การออกแบบ การพฒั นา การจดั การ การใช้ การประเมิน
ง. การออกแบบ การพฒั นา การใช้ การจัดการ การประเมนิ
14. ประเภทของนวัตกรรม ส่อื และเทคโนโลยีทางการศึกษาปฐมวัยมีกี่ประเภท
ก. 2 ประเภท
ข. 3 ประเภท
ค. 4 ประเภท
ง. 5 ประเภท
15. แกนกระดาษทิชชูจดั เปน็ นวัตกรรม ส่ือและเทคโนโลยีทางการศกึ ษาปฐมวัยประเภทใด
ก. ประเภทวัสดุ
ข. ประเภทอปุ กรณ์
ค. ประเภทตามลักษณะ
ง. ประเภทวิธกี าร
16. คอมพิวเตอร์พกพาจดั เปน็ นวตั กรรม ส่อื และเทคโนโลยีทางการศกึ ษาปฐมวัยประเภทใด
ก. ประเภทวสั ดุ
ข. ประเภทอปุ กรณ์
ค. ประเภทตามลักษณะ
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 40
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศึกษำธิกำรจงั หวดั ยะลำ
ง. ประเภทวิธกี าร
17. การสอนแบบโครงการจัดเปน็ นวัตกรรม สือ่ และเทคโนโลยที างการศึกษาปฐมวยั ประเภทใด
ก. ประเภทวัสดุ
ข. ประเภทอุปกรณ์
ค. ประเภทตามลกั ษณะ
ง. ประเภทวิธกี าร
18. ในการพฒั นานวัตกรรม สอ่ื และเทคโนโลยที างการศกึ ษาปฐมวัยดว้ ยกระบวนการวิจยั และพฒั นา
มกี ีร่ ะยะและก่ขี ้ันตอน
ก. 2 ระยะ 4 ขน้ั ตอน
ข. 2 ระยะ 5 ขนั้ ตอน
ค. 3 ระยะ 4 ขนั้ ตอน
ง. 3 ระยะ 5 ขัน้ ตอน
19. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งทีส่ ดุ ในการพฒั นานวัตกรรม สือ่ และเทคโนโลยที างการศึกษาปฐมวยั ดว้ ยวธิ รี ะบบ
มกี ระบวนการพฒั นากี่ข้นั ตอน ประกอบด้วยขน้ั ตอนอะไร
ก. 4 ข้ันตอน ประกอบดว้ ย การวิเคราะหป์ ัญหาและความตอ้ งการ การสรา้ ง การนำไปใช้
การประเมินและปรบั ปรุง
ข. 5 ขน้ั ตอน ประกอบด้วย การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ การสร้าง การนำไปใช้
การประเมนิ และปรับปรุง การเผยแพร่
ค. 6 ขั้นตอน ประกอบดว้ ย การวิเคราะหป์ ัญหาและความต้องการ การออกแบบ
การสร้าง การนำไปใช้ การประเมนิ และปรับปรุง การเผยแพร่
จ. 7 ขัน้ ตอน ประกอบดว้ ย การวเิ คราะหป์ ัญหาและความต้องการ การออกแบบ
การสรา้ ง การนำไปใช้ การพฒั นา การประเมนิ และปรบั ปรงุ การเผยแพร่
20. ข้อใดคือรูปแบบการเผยแพรน่ วัตกรรมทางการศึกษาของสำลี ทองธิว
ก. รปู แบบการเผยแพร่ท่ีองิ การใช้อำนาจสนบั สนนุ จากเบือ้ งสงู
ข. รปู แบบการเผยแพร่แบบใช้มนษุ ยสัมพันธ์
ค. รูปแบบการเผยแพรถ่ ึงตวั ผู้ใชโ้ ดยตรง
ง. ถูกทุกข้อ
คมู่ ือกระบวนการนเิ ทศแบบ PIDRE 41
โสภิณ สายออ๋ ง
สำนักงำนศกึ ษำธิกำรจงั หวัดยะลำ
21. ข้ันตอนการเผยแพร่ดังต่อไปน้ี ขัน้ ศึกษาปญั หาในชมุ ชน/ข้ันแสวงหาวธิ กี ารแกป้ ัญหาและเลอื ก
วิธีแกป้ ัญหา /ข้ันการทำใหน้ วัตกรรม สอื่ เทคโนโลยเี ป็นท่ยี อมรับของผใู้ ช้/ข้นั การสรา้ งกล่มุ บ้าน/
ขั้นการยำ้ การยอมรบั และใช้นวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยใี นชวี ิตอยา่ งสมบูรณ์ เปน็ รูปแบบการ
เผยแพรแ่ บบใด
ก. รปู แบบการเผยแพร่แบบผสมผสาน
ข. รปู แบบการเผยแพร่ถงึ ตวั ผู้ใช้โดยตรง
ค. รปู แบบการเผยแพรแ่ บบใช้มนษุ ยสัมพันธ์
ง. รปู แบบการเผยแพร่ท่ีอิงการใช้อำนาจสนับสนนุ จากเบอื้ งสูง
22. หลกั ในการเลือกนวตั กรรมข้อใดไมถ่ ูกตอ้ ง
ก. เลอื กให้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์
ข. เลือกตามใจครูผสู้ อน
ค. เลอื กใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของเด็ก
ง. เลอื กทเ่ี หมาะสมกบั สภาพแวดล้อม
23. การใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และวธิ กี ารของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรู้อย่าง
มคี วามสุข ได้แสดงออกทางอารมณ์ อย่างเหมาะสม เปน็ การใชว้ ัตกรรม สอ่ื และเทคโนโลยี
เพอ่ื พัฒนาเด็กปฐมวยั ในด้านใด
ก. เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ดา้ นร่างกาย
ข. เพ่ือพฒั นาเด็กปฐมวัยด้านอารมณ-์ จติ ใจ
ค. เพื่อพฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านสังคม
ง. เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ด้านสติปัญญา
24. การใช้วัสดุ อุปกรณ์ และวิธกี ารของครูในการจัดกจิ กรรมการเรียนรกู้ ับเด็กปฐมวยั เพ่อื ใหเ้ ด็กได้
ใชภ้ าษาเพอ่ื การสือ่ สาร เป็นการใชว้ ัตกรรม ส่ือและเทคโนโลยี เพื่อพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ในด้านใด
ก. เพอ่ื พัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นร่างกาย
ข. เพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวัยดา้ นอารมณ-์ จิตใจ
ค. เพือ่ พัฒนาเดก็ ปฐมวยั ด้านสงั คม
ง. เพ่อื พัฒนาเด็กปฐมวัยดา้ นสติปัญญา
คมู่ ือกระบวนการนิเทศแบบ PIDRE 42
โสภณิ สายออ๋ ง