The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 62040140102, 2023-01-28 20:23:57

วิจัย เทอม 2

วิจัย เทอม 2

40 2.3.8 นำแบบทดสอบที่ได้ไปวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการทดลองภาคสนามต่อไป จากขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์สรุปได้ ดังภาพที่ 5 ภาพที่ 5 ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ศึกษาทฤษฎีวิธีสร้าง เทคนิคการเขียนข้อสอบแบบเลือกตอบ คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) สร้างตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหาสาระวิชาคณิตศาสตร์ สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปสามเหลี่ยม แบบปรนัยชนิดเลือกตอบมี 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ นำแบบทดสอบที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน นำผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามของแบบทดสอบกับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยหาค่า IOC ซึ่งจะต้องมีค่าได้เท่ากับ 1.00 ทุกข้อ ) นำแบบทดสอบที่ได้ไปวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ไปทดลองใช้กับนักเรียน แล้วนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าความยากง่าย (p) และหาค่าอำนาจจำแนก (r) เป็นรายข้อ ซึ่งค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.24 - 0.80 และมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.23 ขึ้นไป นำข้อสอบที่คัดเลือกแล้วไปทดสอบเพื่อหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับตั้งแต่0.89 ขึ้นไป นำแบบทดสอบที่ได้ไปวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง


41 การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองในภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ ดังนี้ 1. ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจำนวน 17 แผน โดยให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ให้นักเรียนทำการทดสอบหลังเรียน (Post - test) โดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชุดเดิมกับการทำการทดสอบก่อนเรียนไป ทดสอบนักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์ผลการทำแบบฝึกทักษะและแบบทดสอบ เพื่อหาประสิทธิภาพของ กระบวนการ (E1) จากคะแนนปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะรวมกับคะแนนทดสอบหลังเรียนในแบบฝึก ทักษะแต่ละชุด หาประสิทธิของผลลัพธ์ (E2) จากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน โดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ แล้วนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 70/70 โดยใช้สูตร E1 /E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) 2. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยการหาคะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานและร้อยละ 3. วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและเกณฑ์ โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบ วัดผลฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพื่อคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for One Sample) 4. วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบ วัดผลฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample)


42 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยเลือกใช้สถิติ ดังนี้ 1. สถิติที่ใช้หาคุณภาพของเครื่องมือ 1.1 การหาคุณภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1.1.1 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับเนื้อหา (บุญชม ศรีสะอาด. 2543: 102) IOC = ∑ R N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับเนื้อหา ของ ข้อสอบ ∑ R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 1.1.2 ค่าดัชนีประสิทธิ ผลของ แบ บฝึกทักทักษะคณิ ต ศา สตร ์ (The Effectiveness Idex: E.I. กูดแมน เฟรทเชอร์และสไนเดอร์ เผชิญ กิจระการ,ม.ป.ป. : 1.3 ; อ้างอิง จาก Goodman, Fretcher and Schmider. 1980 : 30 - 34) ดัชนีประสิทธิผล= ผลรวมของคะแนนทดสอบหลังเรียน-ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อน เรียน (จำนวนนักเรียน)(คะแนนเต็ม) – ผลรวมของคะแนนทดสอบ ก่อนเรียน 1.2 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 70/70 โดยใช้สูตร E1/E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) E1 = [∑ x] N A ×100 E2 = [∑ Y] N B ×100


43 เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของการฝึกปฏิบัติและ/หรือประกอบกิจกรรมการ เรียน E2 แทน ประสิทธิภาพของการทำแบบทดสอบหลังเรียนและ/หรือ การประกอบ กิจกรรมหลังเรียน ∑ x แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการปฏิบัติและ/หรือการประกอบ กิจกรรม หลังเรียน ∑ Y แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการทดสอบหลังเรียนและ/หรือการ ประกอบกิจกรรมหลังเรียน N แทน จำนวนผู้เรียน A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกทักษะ B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน 2. สถิติพื้นฐาน 2.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 2.2 ค่าเฉลี่ย ( ) 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ซึ่งในการคำนวณหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คำนวณผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางสังคมศาสตร์ 3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ SPSS for Windows 3.1 สถิติที่ใช้ทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน คือ การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Samples)


44 บทที่4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของ กระบวนการและผลลัพธ์ของแบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้ แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและ หลังเรียน ซึ่งผู้วิจัยขอนำเสนอผลการวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย และผลการศึกษาดัง รายละเอียดต่อไปนี้ ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/E2 ) ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตอนที่ 3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดย ใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ตอนที่ 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดย ใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง ก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อความสะดวกและให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ ข้อมูลจึงกำหนดให้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนความหมาย ดังนี้ x̅แทน ค่าเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน N แทน จำนวนสมาชิกของกลุ่มตัวอย่าง E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ t แทน ค่าทดสอบที ** แทน มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01


45 ตอนที่1 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 ผลปรากฏดังตาราง ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพด้านกระบวนการของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากคะแนนการฝึกปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะ แต่ละชุดรวมกัน รวมกับคะแนนการทำแบบทดสอบหลังเรียน ดังแสดงผลการวิเคราะห์ในตารางที่ 2 ตารางที่ 2 คะแนนก่อนเรียน คะแนนระหว่างเรียน และคะแนนหลังเรียนของนักเรียน เลขที่ คะแนน ก่อน เรียน (20) คะแนนที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะในแต่ละ กิจกรรมการเรียนรู้ รวมคะแนน กระบวนการ ระหว่างเรียน (60) คะแนน หลังเรียน (20) ชุดที่ 1 ชุดที่ 2 ชุดที่ 3 ชุดที่ 4 ชุดที่ 5 ชุดที่ 6 (10) (10) (10) (10) (10) (10) 1 4 10 9 9 10 9 8 55 15 2 7 10 9 9 9 8 8 53 13 3 6 10 10 9 10 9 7 55 16 4 7 10 10 10 10 9 10 59 18 5 4 8 9 8 9 8 7 49 13 6 6 10 9 8 9 10 9 55 16 7 8 10 9 10 10 10 10 59 16 8 6 9 9 9 10 9 7 53 14 9 6 9 9 10 10 9 10 57 18 10 7 9 9 10 9 10 10 57 19 11 6 9 8 10 9 8 9 53 18 12 8 10 10 10 9 8 7 54 19 13 7 9 8 9 9 8 6 49 15 14 6 9 9 8 9 8 7 50 15 15 4 9 9 9 9 9 6 51 14 รวม 92 141 136 138 141 132 121 809 239 X 6.13 9.40 9.07 9.20 9.40 8.80 8.07 53.93 15.93 S.D. 1.30 0.63 0.59 0.77 0.51 0.77 1.49 3.26 2.05 ร้อยละ 30.67 94.00 90.70 92.00 94.00 88.00 80.70 89.88 79.65 ประสิทธิภาพกระบวนการ (E1 ) = 89.88 ประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2 ) = 79.65


46 จากตารางที่ 2 พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้คะแนนเฉลี่ยจากการปฏิบัติกิจกรรม ฝึกทักษะและการทำแบบทดสอบหลังเรียนของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ แต่ละชุดรวมกัน (E1 ) คิดเป็นร้อยละ 89.88 และทำคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เท่ากับ 15.93 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 79.65 แสดงว่า แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 โดยมีค่า E1/E2 เท่ากับ 89.88/79.65 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดังแสดงผลการ วิเคราะห์ในตารางที่ 3 ตารางที่ 3 คะแนนที่ได้ร้อยละ คะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม คนที่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 1 4 20 15 75 2 7 35 13 65 3 6 30 16 80 4 7 35 18 90 5 4 20 13 65 6 6 30 16 80 7 8 40 16 80 8 6 30 14 70 9 6 30 18 90 10 7 35 19 95 11 6 30 18 90 12 8 40 19 95 13 7 35 15 75


47 คนที่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 14 6 30 15 75 15 4 20 14 70 คะแนนเฉลี่ย 6.13 30.67 15.93 79.67 S.D. 1.30 2.05 จากตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.13 คิดเป็นร้อยละ 30.67 และคะแนนเฉลี่ย หลังเรียนเท่ากับ 15.93 คิดเป็นร้อยละ 79.67 ตอนที่ 3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบ ฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างหลังเรียน กับเกณฑ์ร้อยละ 70 ดังแสดงผลการวิเคราะห์ในตารางที่ 4 ตารางที่ 4 การศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่าง หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 การทดสอบ คะแนนเฉลี่ย S.D. ร้อยละ t เกณฑ์ (70 %) 14 - 70 3.65** หลังเรียน 15.93 2.05 79.67 **มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 4 พบว่าข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมี คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 79.67 เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยการ ทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไม่น้อยกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01


48 ตอนที่ 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบ ฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน ดังแสดงผลการวิเคราะห์ในตารางที่ 5 ตารางที่ 5 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ระหว่างก่อน เรียนและหลังเรียน การทดสอบ คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ t - test ก่อนเรียน 6.13 1.30 30.67 21.313** หลังเรียน 15.93 2.05 79.67 ** มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.13 คิดเป็นร้อยละ 30.67 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คิดเป็นร้อยละ 79.67 เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent Sample) ผลปรากฏว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .01


49 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการรายงานผลการสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยได้นำเสนอวัตถุประสงค์ของการวิจัย สมมติฐานการวิจัย สรุปผลการวิจัย วิธีดำเนินการวิจัย การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ของแบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน สมมติฐานการวิจัย 1. ประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ (E1 /E2 ) ของแบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70/70 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน สรุปผลการวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้สามารถสรุปผลได้ดังนี้ 1. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 89.88/79.65 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 2. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 79.65 เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70


50 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนโดยใช้ แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ได้คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.13 คิดเป็น ร้อยละ 30.67 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คิดเป็นร้อยละ 79.65 เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่าคะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง อำเภอ หนองหาน จังหวัดอุดรธานี 1.2 กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 15 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ที่ได้ มาจาการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Random Sampling) 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 17 แผน แผนละ 1-2 ชั่วโมง รวม 20 ชั่วโมง 2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 2.3 แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 เล่ม 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ ดังนี้ 3.1 ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3.2 ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจำนวน 17 แผน โดยให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบ ฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6


51 3.3 เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ให้นักเรียนทำการทดสอบหลังเรียน (Post - test) โดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชุดเดิมกับการทำการทดสอบก่อนเรียนไป ทดสอบนักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัย ดำเนินการโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ (SPSS for Window) ตามขั้นตอนดังนี้ 4.1 วิเคราะห์ผลการทำแบบฝึกทักษะและแบบทดสอบ เพื่อหาประสิทธิภาพของ กระบวนการ (E1) จากคะแนนปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะรวมกับคะแนนทดสอบหลังเรียนในแบบฝึก ทักษะแต่ละชุด หาประสิทธิของผลลัพธ์ (E2) จากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน โดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ แล้วนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 70/70 โดยใช้สูตร E1 /E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) 4.2 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยการหาคะแนนเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ 4.3 วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและเกณฑ์โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบ วัดผลฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพื่อคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for One Sample) 4.4 วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนำข้อมูลจากคะแนน สอบวัดผลฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample) อภิปรายผล การสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 1. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 89.88/79.65 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการปฏิบัติ กิจกรรมฝึกทักษะและทดสอบย่อยของแบบฝึกทักษะทั้ง 6 ชุด คิดเป็นร้อยละ 89.88 และ คะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 79.65 ตามลำดับ ซึ่งมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้


52 1.1 แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ทั้ง 6 ชุด ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นได้ผ่านกระบวนการสร้าง ตามลำดับขั้นตอนอย่างเป็นระบบและวิธีการที่เหมาะสม กล่าวคือ ผู้วิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์ เรียบเรียง เนื้อหา ศึกษาเทคนิควิธีการในการสร้างแบบฝึกทักษะ การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้การกำหนด จุดประสงค์หรือผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และดำเนินการสร้างแบบฝึกทักษะที่มีความเหมาะสม กับวัย และความสามารถของนักเรียน คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มีกิจกรรมที่เริ่มจากง่าย ไปหายากโดยผ่านกระบวนการตรวจสอบ แก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้แบบฝึกทักษะ ที่มีความเหมาะสมจนสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ ปราณีจิณฤทธิ์(2552 : 32) ได้กล่าวว่า หลักการสร้างแบบฝึกผู้สร้างต้องคำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคล แบบฝึกที่สร้างต้องมีหลาย ๆ รูปแบบ สร้างจากง่ายไปหายาก มีความถูกต้อง ในการสร้างแบบฝึกมีการสอดแทรกทักษะวิชาอื่นเข้าไปด้วย ควรจัดทำแบบฝึกไว้ล่วงหน้า เพราะแบบฝึกควรทำหลังจากผู้เรียนได้เรียนบทเรียนในเรื่องนั้น ๆ จบลงทันทีและสอดคล้องกับ แนวคิดของนิตยา กิจโร (2553 : 40) ได้สรุปหลักการสร้างแบบฝึกไว้ดังนี้1) ก่อนสร้างแบบฝึก จำเป็นต้องกำหนดโครงร่างไว้ก่อนว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร แบบฝึกเกี่ยวกับเรื่องอะไร 2) ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3) เขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 4) แจ้งวัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรมย่อย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้เรียน 5) กำหนดอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละ กิจกรรม 6) กำหนดเวลาและขั้นตอนให้เหมาะสม 7) การประเมินผลอย่างไร 1.2 แบบฝึกทักษะแต่ละชุดมีสีสันสวยงาม น่าสนใจ ในแต่ละกิจกรรมนักเรียนสามารถเติม คำตอบลงในแบบฝึกทักษะอย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเขียนโจทย์หรือวาดรูป ในแต่ละ กิจกรรมมีคำชี้แจงสั้น ๆ เป็นภาษาง่าย ๆ มีตัวอย่างประกอบ ช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย เนื้อเรื่องมี ความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และที่สำคัญครูจะทำการตรวจให้คะแนนและแจ้งผลให้นักเรียน ทราบทันทีเพื่อเป็นการเสริมแรงและให้กำลังใจ ช่วยให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจและสนใจที่จะทำ แบบฝึกทักษะชุดต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ สำลีรักสุทธี(2553 : 31 - 32) ได้กล่าวถึง ลักษณะของแบบฝึกทักษะที่ดีมีดังนี้1) มีคำสั่งชัดเจน เข้าใจ เหมาะสมกับวัยเด็ก 2) มีตัวอย่าง ประกอบ ตัวอย่างที่ดีควรให้ผู้เรียนเกิดความคิดหลาย ๆ แนวคิด 3) มีตัวอย่างประกอบเพื่อดึงดูด ความสนใจและสื่อความหมาย 4) มีเนื้อที่สำหรับเขียน เว้นให้มีขนาดเหมาะสมกับคำที่นักเรียน ต้องการเขียน 5) การวางรูปแบบที่ดีจะทำให้เกิดความเรียบร้อย สวยงามและประหยัด 6) ควรบันทึก วิธีการสอนที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของแบบฝึกไว้ในคู่มือ 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 79.65 เมื่อนำมาเปรียบเทียบ โดยการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์


53 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อ 2 ที่ว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยมมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 อาจเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ช่วยในการฝึกเสริมทักษะทำให้จดจำเนื้อหาได้คงทนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียน สามารถ นำมาแก้ปัญหาเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มได้ดี ผู้เรียนสามารถนำมาทบทวนเนื้อได้ด้วยตนเอง ทำให้ ผู้เรียนทราบความก้าวหน้าของตนเป็นเครื่องมือที่ครูผู้สอนใช้ประเมินผลการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีว่า นักเรียนเข้าใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ สุจิตรา แทนมืด และสมภพ แซ่ลี้ (2564) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และระหว่างหลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 60 และเพื่อศึกษาความพึง พอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความรู้ เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความรู้ เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง หลังเรียนโดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 60 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และความพึงพอใจการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยการจัดการ เรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค TAI อยู่ในระดับมากที่สุด 3. นักเรียนที่เรียนด้วยการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.13 คิดเป็นร้อยละ 30.67 และ คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 15.93 คิดเป็นร้อยละ 79.67 เมื่อนำมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อ 3 ที่ว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แสดงให้เห็นว่าการใช้แบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนเกิดการพัฒนาการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชาได้ดีขึ้นทั้งนี้ อาจเนื่องมาจาก แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือวัดความก้าวหน้าและประเมินตนเองแก่นักเรียนได้ หลังจากที่เรียนจบบทเรียนในแต่ละครั้ง ครูสามารถมองเห็นจุดเด่นจุดบกพร่อง ของนักเรียนได้ อย่างชัดเจน นักเรียนได้ทราบผลความก้าวหน้าของตนเองทันที ซึ่งการให้แบบฝึกที่เหมาะสม กับความสามารถทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียน มีเหตุผลแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้เกิดความมั่นใจในตนเอง มีการแก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ ส่งผลให้นักเรียนประสบ ความสำเร็จทางการเรียนคือ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ รุจิภา สายสุข (2560) ได้ศึกษาการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง


54 ค่ากลางของข้อมูล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโพธิสารพิทยากร ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้ศึกษา ค้นคว้าสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.62/78.21 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อแบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลโดย ภาพรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก (x̅= 3.78 ) ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสำหรับการนำผลการวิจัยไปใช้ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ดังนี้ 1.1 ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครูต้องพยายามให้นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเองทุกคน เพื่อให้นักเรียนได้เกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียน มีความมั่นใจในตนเอง รักความก้าวหน้า รู้จักค้นคว้า แก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีทักษะ การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น 1.2 ครูควรแจ้งผลการปฏิบัติกิจกรรม เช่น ตรวจแบบทดสอบหลังเรียนทันทีที่เสร็จ กิจกรรม พร้อมเฉลยและอธิบายเพิ่มเติมในโจทย์ที่มีความยุ่งยากเพื่อให้นักเรียนได้ตรวจสอบ การเรียนรู้ของตนเองและเกิดการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น 1.3 ในการทำแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ไม่ควรกำหนดเวลาให้นักเรียนทำให้เสร็จ ภายในเวลาที่กำหนด อาจจะฝึกทักษะนอกเวลา เช่น การทำการบ้านเสริมนอกเวลาเรียนก็ได้ 1.4 ครูควรเตรียมแผนการจัดการเรียนรู้และคำถามนำหลาย ๆ รูปแบบที่กระตุ้น ให้นักเรียนได้เกิดความสนใจในการเรียนรู้ และอยากรู้อยากเห็น และปฏิบัติกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ในการวิจัยครั้งต่อไป ผู้วิจัยขอเสนอแนะประเด็นที่ควรนำมาศึกษาดังนี้ 2.1 ควรเปรียบเทียบวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะกับวิธีการสอนแบบอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง 2.2 ควรเปรียบเทียบวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะในรายวิชาอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบ ความแตกต่าง 2.3 ควรมีการศึกษาตัวแปร หรือปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ เช่น เจตคติความคงทนในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น


55 เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด. _______________. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการ เรียนรู้ คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑.กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงาน. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. ชุลีพร แจ่มถนอม. (2542). การสร้างแบบทดสอบที่ใช้ในการฝึกการคิดคำนวณเคมี เรื่อง สมบัติ ของก๊าซ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. สารนิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. ชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2559). ชุดการสอนระดับประถมศึกษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัย- ธรรมาธิราช ดวงมาลา จาริชานนท์. (2551). การพัฒนาแผนการจัดกจิกรรมการเรียนรู้การอ่านเพื่อฝึกการคิด วิเคราะห์ด้วยแบบฝึกทักษะสำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1. วิทยานิพนธ์กศ.ม. (การบริหารการศึกษา). มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. เทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย. (2020). 4. การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบ SSCS เพื่อส่งสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ภาคตัดกรวย สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการวิทยาลัยสันตพล. 6(1), 30-38 ทัศนีย์ บุตรอุดม . (2552). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง สมการและการแก้ สมการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะ. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. นิตยา กิจโร. (2553). การศึกษาผลการฝึกทักษะการตั้งคำถามของนักเรียนในการสอนวิชา วิทยาศาสตร์ที่ทีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความคิด สร้างสรรค์ทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. บุญชม ศรีสะอาด. (2546). การวิจัยสำหรับครู. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น จัดพิมพ์.


56 ปนัดดา ด้วงนาค. (2562). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบ เสาะหาความรู้(5E) เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. 4(8), 31-42. ปราณีจณิ ฤทธิ์. (2552). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์และเจตคติทางหาร เรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเคหะประชาสามัคคี จังหวัด นครราชสีมา. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต(สาขาวิชาศึกษาศาสตร์). บัณฑิต วิทยาลัยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ประภาพร ถิ่นอ่อง. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การแยกตัวประกอบ ของพหุนามดีกรีสอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑิต (สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา).บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร. ปาริชาติ สุพรรณกลาง. (2550). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการ อินทิเกรตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเรียน เป็นรายบุคคลและ เป็นกลุ่มย่อย. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา. พินิจ จันทร์ซ้าย. (2546). การสร้างหนังสือและแบบฝึกทักษะประกอบการเรียนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง บุญผะเหวดร้อยเอ็ด แบบมุ่งประสบการณ์ภาษา. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ไพบูลย์ มูลดี. (2546). การพัฒนาแผนการเรียนรู้และแบบฝึกทักษะการเขียนสะกดคำที่ไม่ตรงตาม มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่2. วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต (สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. รุจิภา สายสุข. (2560). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลาง ของข้อมูล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโพธิสารพิทยากร. วิทยานิพนธ์ปริญญา ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง. วิมล เหล่าแคน. (2552). ผลการเรียนรู้ภาษาไทยเรืองการสร้างคําตามหลักเกณฑ์ทางภาษาด้วย การจัดกจิกรรมตามแนวคิดโดยใช้สมองเป็นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3. วิทยานิพนธ์กศ.ม. (การบริหารการศึกษา). มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาสารคาม.


57 วราภรณ์ ระบาเลิศ. (2552). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องตัวประกอบของจำนวนนับ โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้ แบบซิปปา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สุจิตรา แทนมืด, สมภพ แซ่ลี้. (2564). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ โดยการ จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนจริง ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. ครุศาสตร์สาร มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา. 15(1), 87-96. สำนักการทดสอบแห่งชาติ. (2565). ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลการทดสอบ O-NET ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำแนกตามสาระการเรียนรู้. จาก https://catalog.niets.or.th/dataset/it-16-17 สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอน การสร้างแบบฝึก. ชัยนาท : ชมรมพัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. สุพรรณ สิงหนุวัฒนะ, ดร.ธนิน กระแสร์ และผู้ช่วย ศาสตราจารย์. สมพร ตอยยีบี. (2554). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเซนต์เทเรซา หนองจอก กรุงเทพฯ. ปริญญานิพนธ์ การศึกษา มหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. สมหมาย ศุภพินิ. (2551). การพัฒนาแบบฝึกทักษะกลุ่มสาระการเรียนรู้คณติศาสตร์เรื่องร้อยละ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ค.ม. (หลกัสูตรและการสอน). อุบลราชธานี: บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. สำลี รักสุทธี (2553). คู่มือการจัดทำสื่อนวัตกรรมและแผนฯ ประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี : เพิ่มทรัพย์การพิมพ์. สลาย ปลั่งกลาง. (2552). ผลการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่ม ร่วมมือเทคนิค TAI เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 20 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและ การสอน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. อุษณีย์ เสือจันทร์. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง วิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร.


58 Amornchewin, R. (2018). The development of sql language skills in data definition and data manipulation languages using exercises with Quizizz for students' learning engagement. Indonesian Journal of Informatics Education, 2(2), 85-90. Chen, I-Chun. (2003). “Mainstream teacher practices and accommodations in prereading instruction for English learners,” Dissertation Abstract International. 64-06A. Lowray, Eleanor Blodwyn Lane. (1978) “The Effects fo Four Drill and Practics Unit on the Decoding Performances of Student With Specfic Learning Disabilities.” Dissertation Abstracts International, 39,2, (August 1978), 817-A McLaughlin, D. (1992). The Catholic school: Paradoxes and challenges. Strathfield: N.S.W.St Paul.


59 ภาคผนวก


60 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย


61 รายนามผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบเครื่องมือ ผลการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 1. ชื่อ- สกุล นางกรรณิกา ฐานันดร โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ 2. ชื่อ- สกุล นางจุฬาวรรณ อย่างสวย โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ 3. ชื่อ- สกุล นายพิบูลย์ถานสีมี โรงเรียนบ้านเม็กดงเรือง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 3 ตำแหน่ง ครูชำนาญการ


62 ภาคผนวก ข แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปสามเหลี่ยม - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการ จัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปสามเหลี่ยม


63 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปสามเหลี่ยม คำชี้แจงขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ บทที่ 6 เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใส่ เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการ นำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 1. นักเรียน สามารถบอก ชนิดและ สมบัติของรูป สามเหลี่ยมได้ 1. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ก. รูปสามเหลี่ยมมุมแหลม จะมีมุมแหลมอย่าง น้อย 2 มุม ข. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมฉาก 2 มุม เป็นรูปสามเหลี่ยม มุมฉาก ค. รูปสามเหลี่ยมทุกรูปจะมีมุมแหลมอย่างน้อย 2 มุม ง. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมขนาด 30°, 60° และ 90° เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมแหลม 2. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านยาวเท่ากันสองด้าน คือรูป สามเหลี่ยมชนิดใด ก. รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ข. รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ค. รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า ง. รูปสามเหลี่ยมมุมแหลม 3. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านทั้งสามยาวเท่ากัน คือรูปสามเหลี่ยม ชนิดใด ก. รูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า ข. รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ค. รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ง. รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก 4. รูปสามเหลี่ยมที่มุม 3 มุม มีขนาด 32 องศา 20 องศา และ 128 องศา เป็นรูปสามเหลี่ยมชนิดใด ก. สามเหลี่ยมมุมป้าน ข. สามเหลี่ยมมุมฉาก ค. สามเหลี่ยมมุมแหลม ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค


64 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 5. รูปสามเหลี่ยมในข้อใดเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมป้าน ก. ข. ค. ง. 6. จากรูปส่วนประกอบของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากต่อไปนี้ ข้อ ใดกล่าวได้ถูกต้อง ก. a คือ ความยาวของฐาน b คือ ความยาวของส่วนสูง ข. a คือ ขนาดของมุมที่ฐาน b คือ ความยาวของส่วนสูง ค. a คือ ความยาวของฐาน b คือ ขนาดของมุมยอด ง. a คือ ขนาดของมุมที่ฐาน b คือ ขนาดของมุมยอด 7. จากรูป BÂC มีขนาดเท่าใด ก. 30° ข. 31° ค. 32° ง. 33° 2. นักเรียน สามารถสร้าง รูปสามเหลี่ยม ตาม ข้อกำหนดได้ 8. ถ้ากำหนดให้∆ABC ที่มีด้าน AB̅ยาว 4 เซนติเมตร ด้าน AC̅ยาว 6 เซนติเมตร และมุม BÂC มีขนาด 45° จะ สามารถสร้างรูปสามเหลี่ยมได้ตามข้อใด ก. ข. ค. ง. a b 58° B A C


65 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 3. นักเรียน สามารถหา ความยาวรอบ รูปของรูป สามเหลี่ยมได้ 9. สามเหลี่ยมมีความยาวด้าน 8 เซนติเมตร 12 เซนติเมตร และ 10 เซนติเมตร มีความยาวรอบรูปเท่าใด ก. 16 เซนติเมตร ข. 18 เซนติเมตร ค. 20 เซนติเมตร ง. 30 เซนติเมตร 10.ความยาวรอบรูปของ ABC เป็นกี่เซนติเมตร ก. 9.3 เซนติเมตร ข. 9.5 เซนติเมตร ค. 9.7 เซนติเมตร ง. 9.9 เซนติเมตร 11.จากรูป PQR มีความยาวรอบรูปเท่าใด ก. 14 เซนติเมตร ข. 15 เซนติเมตร ค. 14.4 เซนติเมตร ง. 14.6 เซนติเมตร 12.จากรูป มีความยาวรอบรูปกี่เซนติเมตร ก. 13 เซนติเมตร ข. 13.2 เซนติเมตร ค. 14 เซนติเมตร ง. 14.2 เซนติเมตร P R Q 3.9 ซม. 3.9 ซม. C A B 5.2 ซม. 4 ซม.


66 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 4. นักเรียน สามารถหา พื้นที่ของรูป สามเหลี่ยมได้ 13.จากรูป DEF มีพื้นที่เท่าใด ก. 44 ตารางเซนติเมตร ข. 55 ตารางเซนติเมตร ค. 66 ตารางเซนติเมตร ง. 88 ตารางเซนติเมตร 14. บริเวณส่วนที่ระบายสีมีพื้นที่กี่ตารางหน่วย ก. 3 ตารางหน่วย ข. 4 ตารางหน่วย ค. 6 ตารางหน่วย ง. 8 ตารางหน่วย 15. บริเวณส่วนที่ระบายสีมีพื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร ก. 18 ตารางเซนติเมตร ข. 31 ตารางเซนติเมตร ค. 62 ตารางเซนติเมตร ง. 70 ตารางเซนติเมตร 5. นักเรียน สามารถแสดง วิธีหาคำตอบ ของโจทย์ ปัญหา เกี่ยวกับความ ยาวรอบรูป 16. ตัดกระดาษรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า วัดความยาวรอบรูปได้ 72 เซนติเมตร อยากทราบว่ากระดาษนี้มีความยาวแต่ละด้าน เป็นเท่าใด ก. 22 เซนติเมตร ข. 24 เซนติเมตร ค. 26 เซนติเมตร ง. 28 เซนติเมตร A D B C 4 3 2 G F H 5 ซม. 12.4 ซม. F D E 11 ม. 5.5 ม. 8 ม.


67 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ของรูป สามเหลี่ยมได้ 17. อ้นใช้ลวดหนามล้อมที่ดินให้เป็นรูปสามเหลี่ยมที่วัดความ ยาวด้านได้ 15 เมตร 8 เมตร และ 12 เมตร อ้นต้องใช้ลวดหนามทั้งหมดกี่เมตร ก. 23 เมตร ข. 35 เมตร ค. 45 เมตร ง. 50 เมตร 18. แม่ต้องการติดริบบิ้นลูกไม้รอบขอบผ้ารูปสามเหลี่ยมที่วัด ความยาวด้านได้28 เซนติเมตร 32 เซนติเมตร และ 35 เซนติเมตร ถ้าแม่มีริบบิ้นลูกไม้ยาว 1 เมตร จะนำมาติดขอบผ้า รูปสามเหลี่ยมได้พอหรือไม่ อย่างไร ก. พอ เพราะใช้ไปทั้งหมด 85 เซนติเมตร เหลือริบบิ้นอยู่ 15 เซนติเมตร ข. ไม่พอ เพราะใช้ไปทั้งหมด 100 เซนติเมตร ไม่เหลือ ริบบิ้น ค. พอ เพราะใช้ไปทั้งหมด 95 เซนติเมตร เหลือริบบิ้นอยู่ 5 เซนติเมตร ง. ไม่พอ เพราะใช้ไปทั้งหมด 105 เซนติเมตร 19. เอกเดินรอบสนามรูปสามเหลี่ยมระยะทาง 125 เมตร ความยาวสนามด้านหนึ่งเป็น 34 เมตร อีกด้านยาว 48 เมตร ด้านที่เหลือยาวเท่าไร ก. 40 เมตร ข. 43 เมตร ค. 45 เมตร ง. 48 เมตร 6. นักเรียน สามารถแสดง วิธีหาคำตอบ ของโจทย์ 20. ปิ่นตัดผ้าเพื่อทำธงรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วที่มีฐานยาว 30 เซนติเมตร สูง 27 เซนติเมตรผ้าที่ใช้ทำธงคิดเป็นพื้นที่เท่าใด ก. 810 ตารางเซนติเมตร ข. 405 ตารางเซนติเมตร ค. 30 ตารางเซนติเมตร ง. 27 ตารางเซนติเมตร


68 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ปัญหา เกี่ยวกับพื้นที่ ของรูป สามเหลี่ยมได้ 21. ช่างพ่นสีลงบนด้านทั้งสองของแผ่นป้ายรูปสามเหลี่ยมแผ่น หนึ่งซึ่งมีฐานยาว 80 เซนติเมตร สูง 65 เซนติเมตร ต้องพ่นสี เป็นพื้นที่เท่าใด ก. 5,000 ตารางเซนติเมตร ข. 5,100 ตารางเซนติเมตร ค. 5,200 ตารางเซนติเมตร ง. 5,300 ตารางเซนติเมตร 22. แก้วมีกระดาษรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ด้านประกอบมุมฉาก ยาว 14 เซนติเมตร และ 20 เซนติเมตร กระดาษของแก้วมี พื้นที่เท่าไร ก. 100 ตารางเซนติเมตร ข. 140 ตารางเซนติเมตร ค. 200 ตารางเซนติเมตร ง. 280 ตารางเซนติเมตร 23. เล็กปลูกต้นไม้ในสวนรูปสามเหลี่ยม ฐานยาว 14 เมตร สูง 9 เมตร เล็กปลูกต้นไม้พื้นที่เท่าใด ก. 63 ตารางเมตร ข. 84 ตารางเมตร ค. 108 ตารางเมตร ง. 126 ตารางเมตร 7. นักเรียน สามารถแก้ โจทย์ปัญหา โดยใช้ความรู้ เกี่ยวกับพื้นที่ และความยาว รอบรูป 24. ปุ้มนำสติกเกอร์สีเขียวรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าที่มีความยาว รอบรูป 24 เซนติเมตร และสูง 7 เซนติเมตร มาติดบนแผ่น พลาสติกใสจำนวน 2 รูป สติกเกอร์สีเขียวรูปสามเหลี่ยมด้าน เท่าที่ติดบนแผ่นพลาสติกใสของปุ้มมีพื้นที่เท่าใด ก. 52 ตารางเซนติเมตร ข. 54 ตารางเซนติเมตร ค. 56 ตารางเซนติเมตร ง. 58 ตารางเซนติเมตร 80 ซม. 65 ซม.


69 จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ของรูป สามเหลี่ยมได้ 25. ถ้าขุนต้องการทำป้ายเตือนซึ่งมีบริเวณสีเหลืองเป็นรูป สามเหลี่ยมด้านเท่าที่มีความยาวรอบรูป 66 เซนติเมตร และสูง 19 เซนติเมตร ดังรูป บริเวณสีเหลืองมีพื้นที่เท่าใด ก. 130 ตารางเซนติเมตร ข. 250 ตารางเซนติเมตร ค. 209 ตารางเซนติเมตร ง. 619 ตารางเซนติเมตร ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


70 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปสามเหลี่ยม คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่าน พร้อม เขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ เหมาะสม +1 ไม่แน่ใจ 0 ไม่เหมาะสม -1 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนและสัมพันธ์กัน 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความสามารถผู้เรียน 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับระดับชั้น 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและจุดประสงค์ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถ ผู้เรียน 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกิจกรรม 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และ เจตคติ ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


71 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปสามเหลี่ยม คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียน ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอ 5 4 3 2 1 แนะ 1. เนื้อหาแบบฝึกทักษะมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 2. แบบฝึกทักษะมีการฝึกกระบวนการคิดและการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 3. เนื้อหาในแบบฝึกทักษะมีความสอดคล้องกันทุกขั้นตอน 4. เนื้อหาแบบฝึกทักษะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้จากง่ายไปหายาก 5. แบบฝึกทักษะมีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน 6. ภาษาที่ใช้ในการทำแบบฝึกมีการใช้สำนวนภาษาได้ถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจ ง่าย 7. การพิมพ์แบบฝึกทักษะถูกต้องตามหลักเกณฑ์ มีภาพประกอบ รูปเล่มสวยงาม เหมาะกับการนำไปใช้ 8. แบบฝึกทักษะสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวก ประหยัด และคุ้มค่า 9. ใบความรู้หลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน 10. วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกิจกรรม หมายเหตุ 5 หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 2 หมายถึง เหมาะสมน้อย 4 หมายถึง เหมาะสมมาก 1 หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด 3 หมายถึง เหมาะสมปานกลาง ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


72 ภาคผนวก ค ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนี ความสอดคล้องของแผนการ จัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญการประเมินความเหมาะสมของแบบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม


73 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง ทศนิยม ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 22 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 23 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้


74 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง เศษส่วน (ต่อ) ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 24 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 25 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ หมายเหตุการแปลผลค่า IOC ใช้เกณฑ์ ดังนี้ IOC < 0.5 หมายถึง ข้อสอบไม่สอดคล้องกับเนื้อหา ควรตัดข้อสอบข้อนั้นทิ้งไป IOC > 0.5 หมายถึง ข้อสอบข้อนั้นสอดคล้องกับเนื้อหา สามารถใช้ข้อสอบข้อนั้นได้


75 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การทดสอบก่อนเรียน ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


76 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง รูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


77 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การจำแนกชนิดของรูปสามเหลี่ยมโดยพิจารณาจากขนาดของมุม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


78 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การจำแนกชนิดของรูปสามเหลี่ยมโดยพิจารณาจากความยาว ของด้าน ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


79 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ฐาน มุมที่ฐาน มุมยอด และด้านประกอบ มุมยอดของ รูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


80 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง ส่วนสูงของรูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


81 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง มุมภายในของรูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


82 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง การสร้างรูปสามเหลี่ยม (เมื่อกำหนดความยาวของด้าน 3 ด้าน) ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


83 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง การสร้างรูปสามเหลี่ยม (เมื่อกำหนดความยาวของด้าน 2 ด้าน และขนาดของมุม 1 มุม) ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


84 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง การสร้างรูปสามเหลี่ยม (เมื่อกำหนดความยาวของด้าน 1 ด้าน และขนาดของมุม 2 มุม) ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


85 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 เรื่อง ความยาวรอบรูปของรูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


86 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 เรื่อง พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม (1) ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


87 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 เรื่อง พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม (2) ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


88 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของ รูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


89 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


Click to View FlipBook Version