The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wichuda1345, 2022-03-21 02:28:33

การใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ครูวิชุดา

Keywords: วิจัยในชั้นเรียน,พันธุศาสตร์

รายงานวิจยั ในชั้นเรยี น

การใชช้ ดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทย์ปัญหาทางพันธศุ าสตร์ เรอ่ื ง การถา่ ยทอด
ลกั ษณะทางพันธกุ รรมทเ่ี ป็นสว่ นขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

นางสาววชิ ุดา พรหมคงบุญ
ตำแหน่งครู

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู จงั หวดั สตลู
สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสงขลา สตลู



ชอื่ เรอ่ื ง การใชช้ ดุ กิจกรรมแบบฝึกทกั ษะการแก้โจทยป์ ัญหาทางพนั ธุศาสตร์ เรื่อง การถา่ ยทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ผวู้ จิ ัย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
กลุม่ สาระฯ นางสาววชิ ุดา พรหมคงบุญ
ปกี ารศึกษา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2564

บทคัดย่อ

งานวจิ ัยคร้งั น้ีมวี ัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรม
แบบฝึกทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาทางพันธุศาสตร์ เรอื่ ง การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของ
เมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 2) เพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจของ
นักเรียนต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปที ่ี 4

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู
จังหวัดสตูล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 2 ห้องเรียน ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 และ
4/3 จำนวน 62 คน โดยสมุ่ แบบเจาะจง ใช้เวลาทดลองทั้งสิน้ 9 คาบ คาบละ 50 นาที เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการวิจัย
ประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล จำนวน 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 เด่นไม่สมบรู ณแ์ ละเด่นร่วมกัน ชุดท่ี
2 มัลติเปิลแอลลีลและพอลิยีน และชุดที่ 3 ยีนโครโมโซมเพศและยีนบนโครโมโซมเดียวกัน 2) แบบทดสอบวัด
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล 3) แบบประเมินความ
พึงพอใจต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุ
ศาสตร์เมนเดล วเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใช้ค่ารอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน

ผลการวจิ ัยพบว่า
1) นักเรียนระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 90.32 มีคะแนนการทดสอบเรื่อง การถ่ายทอด

ลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีเปน็ ส่วนขยายของเมนเดล ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 ข้นึ ไป
2) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์

เร่ือง การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมที่เปน็ สว่ นขยายของเมนเดล โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั ดีมาก



สารบัญ

หนา้

บทคดั ย่อ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ก
สารบัญ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข
สารบัญตาราง…………………………………………………………………………………………………….………………………… ค
บทท่ี 1 บทนำ……………………………………………………………….…………………………………………….………………… 1
1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา…………….…………………………………………………………………….. 1
วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย…………………………………..…………………………………………………………………… 1
สมมตฐิ านของงานวจิ ยั ………………………………………..……………………………………………….………………… 2
ขอบเขตของการวจิ ยั ……………………………………………..………………………………………………………………. 3
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ ก่ียวขอ้ ง……………….………………………………………………………………………… 3
เอกสารเกย่ี วกบั แบบฝึกทกั ษะ………………………………………………………………………………………………… 4
เอกสารทีเ่ กี่ยวข้องกับแบบประเมินความพึงพอใจ............................................................................... 5
งานวจิ ยั ท่เี กีย่ วข้อง………………………………………………………………………………………………………………… 6
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย………………………….………………………………………………………..………………………… 6
แบบแผนการวิจัย………………………………………………………………………………………………………………….. 6
ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง…………………………………………………………………………………………………….. 6
เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู …………………………………………………………………………………….. 7
ข้นั ตอนการสร้างและพฒั นาเคร่อื งมือ………………………………………………………………………………………. 9
การเกบ็ รวบรวมข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………. 10
การวิเคราะห์ข้อมลู ………………………………………………………………………………………………………………… 11
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ………………………………………………………….……………………………………………. 11
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล…………………………………………………………………………………………………………….. 15
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ……………………..…………………………………………….……………….. 15
สรุปผลการวิจัย……………………………………………………………………………………………………………………… 15
อภิปรายผล…………………………………………………………………………………………………………………………… 16
ขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………………………………………………………………………………. 17
บรรณานกุ รม……………………………………………………………………………………………………………………………….. 18
ภาคผนวก……………………………………………………………………………….…………………………………………….……… 19
ภาคผนวก ก แผนการจัดการเรยี นรู้...................................……………………………..………………………….. 36
ภาคผนวก ข ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หา………………………………………………………. 40
ภาคผนวก ค แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น.......................…………………………………………… 46
ภาคผนวก ง แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ………………………………………………….……………………………… 49
ภาคผนวก จ การตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือโดยผู้เชีย่ วชาญ.…………………….………………………………



สารบญั ตาราง

ตารางที่ หน้า

1 ผลการการศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นของนักเรยี นหลังใชช้ ดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปัญหาทางพันธศุ าสตร์ เร่ือง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการ
พัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 4………………………………………………..11

2 ผลการการศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียนตอ่ ชุดกิจกรรมแบบฝึกทกั ษะการแก้โจทย์ปญั หา
ทางพนั ธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่เี ปน็ ส่วนขยายของเมนเดล………….……13

1

บทท่ี 1
บทนำ

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทีจ่ ะชว่ ยใหผ้ เู้ รียน มีความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์ ควรจัดให้ผู้เรียนได้มีส่วน

รว่ ม ในกิจกรรมมากที่สุด โดยเฉพาะการลงมือปฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง การทีผ่ ู้เรียนจะมคี วามสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหา มีทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์และฝึกปฏิบัติใช้อยู่เสมอ
ครูผู้สอนจึงมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้ โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล ให้
ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง กิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เกิดประโยชน์กับผู้เรียนมากที่สุด เมื่อ
ผู้เรยี นไดล้ งมอื ปฏิบัตดิ ว้ ยตนเอง ดงั นนั้ ครผู สู้ อนควรจัดกิจกรรมให้มลี ักษณะต่างกนั ออกไป การใช้แบบฝึกทักษะ
การแก้โจทย์ปัญหา จัดว่าเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะขั้นพื้นฐาน สามารถ
นำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการแก้โจทย์ปัญหา ซึ่งการเรียนการสอนโดยใช้
กระบวนการดังกล่าวจะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะต่างๆ มีการเรียนอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ โดยผู้สอน
จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ จึงจะสามารถจัดการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตั้งไว้
(ชวพี ร คชสินธ์. 2560)

ผู้วิจัยได้รับมอบหมายจากโรงเรียนกำแพงวิทยาให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาชีววิทยา 1 สำหรับ
นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 พบวา่ นักเรยี นค่อยขา้ งจะมีปัญหาในหัวข้อการศกึ ษาพันธุศาสตรข์ องเมนเดล และ
การศึกษาส่วนขยายพันธุศาสตร์ของเมนเดล เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างซับซ้อนทำให้นักเรียนสับสนในการเรียน
เรื่อง ซึ่งผู้วิจัยพบว่านักเรียนยังไม่สามารถ วิเคราะห์กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้ ผู้วิจัยจึงมี
ความสนใจที่จะศึกษาค้นคว้า และใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การ
ถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมทเ่ี ปน็ สว่ นขยายของเมนเดล เพ่อื นำไปส่กู ารแก้ไขปัญหาดงั กล่าวและเพ่ือเป็นการ
พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนใหส้ งู ข้ึน และสามารถนำความรทู้ ่ีได้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์ใน
ระดับทีส่ งู ขึน้ ไปไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพและประสิทธิภาพตอ่ ไป

วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจัย
1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรยี นหลังใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ัญหา
ทางพันธุศาสตร์ เร่ือง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เปน็ สว่ นขยายของเมนเดล ในการ
พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4
2) เพื่อศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียนตอ่ การเรียนโดยใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปญั หาทางพันธุศาสตร์ เร่ือง การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีเปน็ สว่ นขยายของเมนเดล ใน
การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4

สมมติฐานของงานวจิ ัย
1) นักเรียนระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 รอ้ ยละ 80 มคี ะแนนการทดสอบเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง

พนั ธุกรรมทเ่ี ปน็ ส่วนขยายของเมนเดล ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป

2) นกั เรยี นระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 มีความพงึ พอใจตอ่ ชุดฝกึ ทักษะ มคี ่าเฉลย่ี อยใู่ นระดับ มาก

2

ขอบเขตของการวิจัย
ประชากร
ประชากรทีใ่ ชใ้ นการวิจยั ได้แก่ นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู

จงั หวัดสตลู ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 254 คน

กลุม่ ตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 และ 4/3 จำนวน 62 คน

ซ่ึงไดจ้ ากการส่มุ แบบเจาะจง

ตัวแปรท่ศี ึกษา
ตัวแปรตน้ ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การ

ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมท่ีเปน็ ส่วนขยายของเมนเดล
ตัวแปรตาม ได้แก่
1) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาชวี วทิ ยา 1
2) ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์

ปญั หาทางพนั ธศุ าสตร์ เร่ือง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเปน็ ส่วนขยายของเมนเดล

เนื้อหาทใี่ ช้ในการวจิ ัย การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมทีเ่ ปน็ สว่ นขยายของเมนเดล

ระยะเวลาที่ใช้ ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ใช้เวลา 9 ชั่วโมง

3

บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กย่ี วข้อง

การใช้ชุดฝึกทักษะเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้วิชาชีววิทยา
พนื้ ฐานของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ผูว้ จิ ยั ได้ศกึ ษาค้นควา้ เอกสารและงานวิจัยต่างๆ ดงั น้ี

1. เอกสารเกี่ยวกับแบบฝกึ ทกั ษะ
2. เอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ งกับแบบประเมนิ ความพึงพอใจ
3. งานวิจยั ท่เี กย่ี วข้อง

1. เอกสารเก่ยี วกบั แบบฝึกทักษะ
1.1 ความหมาย
แบบฝึกหรือแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกเสริมทักษะ เป็นสื่อการเรียนประเภทหนึ่งสำหรับให้นักเรียนฝึก

ปฏิบัติเพือ่ ให้เกดิ ความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะเพ่ิมข้ึน มผี ู้ใหค้ วามหมายของแบบฝึกทกั ษะหรือชุดการฝกึ ไว้ ดังนี้

กรรณิการ์ ภิรมย์รัตน์ (2553: 3) ให้ความหมายว่า แบบฝึกทักษะ หมายถึง สื่อการเรียนการ
สอนท่คี รูนำมาใช้กับนกั เรียนเพ่อื ฝึกใหน้ ักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจและเกิดทักษะต่อเน้ือหาวิชาท่ีทำการสอนจน
เกิดความชำนาญ และสามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้

ชวีพร คชสินธ์ (2560: 4) ให้ความหมายว่า แบบฝึกทักษะ หมายถึง สื่อการเรียนประเภทหนึ่ง
สำหรบั ใหน้ ักเรียน ปฏบิ ตั ิเพอื่ ใหเ้ กิดความรคู้ วามเขา้ ใจและมีทักษะเพ่มิ ขน้ึ

จากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับแบบฝึกทกั ษะดังกล่าว พอสรุปได้ว่า แบบฝึกทักษะเปน็ สื่อประเภท
หน่งึ ที่ให้นักเรียนได้ลงมอื ปฏิบัติเพ่ือให้เกิดทักษะ และความชำนาญมากยิง่ ขน้ึ

1.2 ลกั ษณะของแบบฝึกทักษะที่ดี
ในการสร้างแบบฝึกสำหรับเด็ก มอี งค์ประกอบหลายประการ ดังนี้
1. แบบฝกึ ทด่ี ีควรความชัดเจนท้ังคำสง่ั และวธิ ที ำ คำสัง่ หรือตวั อยา่ งแสดงวิธีทำ ทใี่ ช้

ไมค่ วรยากเกนิ ไป เพราะจะทำความเขา้ ใจยาก ควรปรบั ให้งา่ ยและเหมาะสมกบั ผู้ใช้ เพ่ือนกั เรียนสามารถเรยี น
ดว้ ยตนเองได้

2. ตรงกบั จุดประสงคท์ ี่ต้องการวดั
3. มีภาษาและรปู ภาพท่ดี งึ ดดู ความสนใจของนกั เรยี นและเหมาะสมกับวยั ของผ้เู รยี น
4. แบบฝกึ แตล่ ะเร่ืองไมค่ วรยาวมากจนเกินไป
5. แบบฝึกที่ดีควรแยกฝึกเป็นเรื่อง ๆ แต่ละเรื่องไม่ควรยาวเกินไป แต่ควรมีกิจกรรม
หลายแบบเพื่อเร้าความสนใจ และไมเ่ บ่ือในการทำและฝึกทกั ษะใดทักษะหนึ่งจนชำนาญ
6. ควรตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียน สร้างความสนุกสนาน
เพลดิ เพลนิ ขณะทำแบบฝกึ
7. แบบฝึกที่ดีควรมีทั้งแบบกำหนดคำตอบในแบบและให้ตอบโดยเสรี การเลือกใช้คำ
ข้อความ รูปภาพในแบบฝึก ควรเป็นสิ่งที่นักเรียนคุ้นเคยและตรงกับความสนใจของนักเรียน ก่อให้เกิดความ
เพลดิ เพลินและพอใจแก่ผู้ใช้ ซ่ึงตรงกบั หลกั การเรียนร้วู ่า นกั เรียนจะเรยี นได้เร็ว ในการกระทำทที่ ำให้เกิดความ
พงึ พอใจ
8. แบบฝึกทดี่ ีสามารถประเมินความก้าวหน้า และความรู้ของนกั เรียนได้

4

9. แบบฝกึ ที่ดคี วรเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ใหร้ ู้จักค้นคว้ารวบรวมสิ่งที่
พบเห็นบ่อย ๆ หรือที่ตัวเองเคยใช้ จะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่องนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น และรู้จักนำความรู้ไปใช้ใน
ชีวิตประจำวันได้อย่างถกู ต้อง มหี ลกั เกณฑ์และมองเห็นวา่ สงิ่ ที่ได้ฝกึ น้นั มีความหมายต่อเขาตลอดไป

10. แบบฝึกที่ดีควรตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนแต่ละคน มีความ
แตกต่างกนั ในหลาย ๆ ดา้ น เชน่ ความตอ้ งการ ความสนใจ ความพรอ้ ม ระดบั สตปิ ญั ญา และประสบการณ์ เปน็
ต้น ฉะนั้น การทำแบบฝึกแต่ละเรื่องควรจัดทำให้มากพอและมีทุกระดับตั้งแต่ ง่าย ปานกลาง จนถึงระดับ
ค่อนขา้ งยาก เพือ่ วา่ ท้ังนักเรียนเกง่ ปานกลาง และออ่ น จะไดเ้ ลือกทำได้ตามความสามารถ ทั้งน้ีเพื่อให้นักเรียน
ทกุ คนไดป้ ระสบความสำเร็จในการทำแบบฝกึ

11. แบบฝึกท่ีจัดทำเป็นรูปเล่ม นักเรยี นสามารถเกบ็ รักษาไว้เป็นแนวทางเพ่ือทบทวน
ดว้ ยตนเองต่อไป

12. การท่นี กั เรยี นไดท้ ำแบบฝึก ช่วยให้ครูมองเหน็ จุดเดน่ หรอื ปัญหาต่าง ๆ ของ
นักเรยี นไดช้ ดั เจน ซ่ึงจะชว่ ยใหค้ รูดำเนนิ การปรับปรงุ แก้ไขปัญหานน้ั ๆ ได้ทนั ท่วงที

1.3 หลักการสรา้ งแบบฝกึ ทักษะ
ต้องกระตุ้นให้นักเรียนเหน็ ความสำคัญของการฝกึ ทักษะ โดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะให้ผู้เรียนทำแบบ

ฝกึ ด้วยความตั้งใจท่จี ะพฒั นาตนเอง ทำดว้ ยความเขา้ ใจตามระดับความสามารถของตน กำหนดระยะเวลาส้ัน ๆ
ในการฝึก แต่บ่อยครั้ง ไม่ฝึกติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะผู้เรียนอาจเกิดความเบื่อหน่ายและเมื่อยล้าได้ มีการ
อธิบายสำหรับข้อท่ยี าก รวมทัง้ การใหฝ้ ึกปฏิบัตคิ วรจะมาหลงั การสอน เม่ือนักเรยี นเข้าใจดแี ลว้ โดยฝึกทำจากสงิ่
ที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก อีกทั้งครูต้องแนะนำอย่างใกล้ชิด เพราะถ้าพบข้อผิดพลาดแล้วครูจะได้แก้ไขก่อนที่จะติด
เป็นนิสัย ในการฝึก และแจ้งให้นักเรียนทราบว่าแบบฝึกทักษะจะเป็นการแสดงถึงความก้าวหน้าของนักเรียน
เพอ่ื ครูจะใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลอื ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพต่อไป

2. เอกสารท่ีเก่ียวข้องกบั แบบประเมินความพึงพอใจ
จารุชา เมฆะสุวรรณ์ (2555 อ้างถึงใน อริยาภรณ์ ขุนปักษี 2561 ) กล่าวว่า การวัดความพึงพอใจ

สามารถกระทำได้ หลายวิธี ได้แก่
1. การใช้แบบสอบถาม โดยผู้สอบถามจะออกแบบสอบถามเพือ่ ต้องการทราบความคดิ เห็น ซึ่งสามารถ

ทำได้ในลักษณะที่กาหนดคำตอบให้เลือกหรือตอบคาถามอิสระ คำถามดังกล่าวอาจถามความพึงพอใจในด้าน
ต่าง ๆ โดยท่ัวไปนิยมใช้วิธีจัดอันดับคุณภาพ 5 ระดับ และประเด็นวัดความพึงพอใจเป็ นทางบวก คะแนนจะ
เป็นดังน้ี ระดบั 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากทสี่ ดุ ระดับ 4 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจมาก ระดบั 3 หมายถงึ มี
ความพึงพอใจปานกลาง ระดบั 2 หมายถึง มีความพงึ พอใจนอ้ ย ระดับ 1 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยท่สี ุด

2. การสัมภาษณ์ เป็นวิธีวัดความพึงพอใจทางตรงทางหนึ่ง ซ่ึงต้องอาศัยเทคนิคและวิธีการที่ดีจึงจะทำ
ให้ได้ขอ้ มลู ท่เี ป็นจริง

3. การสังเกต เป็นวิธีการวัดความพึงพอใจโดยอาศัยสังเกตพฤติกรรมของบุคคลเป้าหมายไม่ว่าจะ
แสดงออกจากการพูด กิรยิ าท่าทาง วิธีนี้จะต้องอาศัยการกระทำอยางจริงจังและ การสังเกตอยางมีระเบียบแบบ
แผน

มาตราวดั ความพงึ พอใจตามวิธีของลเิ คิรต์
มาตราวัดความพึงพอใจตามวิธีของลิเคิร์ต (Likert’s Scale) เป็นตัวกาหนดช่วงความรู้สึกของคน 5
ระดับ เชน่ เหน็ ด้วยอยางยิ่ง เหน็ ดว้ ย ไมแ่ นใ่ จ ไมเ่ หน็ ดว้ ย และไม่เห็นด้วยอยางย่ิง เปน็ ตน้ ข้อความทบี่ รรลุลงใน
มาตรวัดประกอบด้วย ข้อความที่แสดงความรู้สึกต่อสิ่งหน่ึงสิง่ ใดท้ังในทางทีด่ ี (ทางบวก) และในทางที่ไม่ดี (ทาง

5

ลบ) และมีจำนวนพอ ๆ กันข้อความเหล่านีก้ ็อาจมีประมาณ 10-20 ข้อความ การกำหนดการสรา้ งมาตรวัดความ
พึงพอใจตามวิธขี องลเิ คิรต์ มขี ้ันตอน ดงั นี้

1. ตั้งจุดมุ่งหมายของการศึกษาว่าต้องการศึกษาความพึงพอใจของใครที่มีต่อสิ่งใดให้ความหมายของ
ความพึงพอใจต่อสิ่งที่จะศึกษานั้นให้แจ่มชัด เพื่อให้ทราบว่าสิ่งที่เป็น Psychological object นั้นประกอบด้วย
คณุ ลกั ษณะใดบา้ ง

2. สร้างข้อความให้ครอบคลุมคุณลักษณะที่สำคัญ ๆ ของสิ่งที่จะศึกษาให้ครบถ้วนทุกแง่มุม และต้อง
เป็นข้อความที่เป็นไปได้ทั้งทางบวกและทางลบมากพอต่อการที่เมื่อนำไปวิเคราะห์แล้ว เหลือจำนวนข้อความที่
ตอ้ งการ

3. ตรวจสอบข้อความที่สร้างขึ้นซึ่งทำได้โดยผู้สร้างข้อความเอง และนไปให้ผู้มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ
ตรวจสอบ โดยพิจารณาในเร่ืองของความครบถ้วนของคุณลักษณะของส่ิงที่ศึกษา และความเหมาะสมของภาษา
ที่ใช้ ตลอดจนลกั ษณะการตอบกบข้อความทส่ี ร้างว่าสอดคล้องกันหรือไม่เพยี งใด

4. ทำการทดลองข้ันตน้ ก่อนทจี่ ะไปใช้จริง โดยการนำข้อความท่ีได้รับการตรวจสอบแลว้ ไปทดลองใช้กับ
กลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่ง เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของข้อความและภาษาที่ใช้อีกครั้งหน่ึง และเพื่อตรวจสอบ
คุณภาพด้านอนื่ ๆ ไดแ้ ก่ ความเที่ยงตรง ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชือ่ มันของมาตราวัดเจตคตทิ ั้งชุดดว้ ย

5. กาหนดการใหค้ ะแนนการตอบของแต่ละตัวเลือก โดยทั่วไปนิยมใช้ คือ กำหนดคะแนนเป็น 4 3 2 1
0 (หรือ 0 1 2 4) ซึ่งการกาหนดแบบนี ้เรียกว่า Arbitary weighting method ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกมากในทาง
ปฏิบัติ

3. งานวิจยั ทเี่ กี่ยวข้อง
กาญจนา ข้าวจ้าว และสุธารทิพย์ เรืองประภาวุฒิ (2560) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการ

ถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม เพ่ือพฒั นาผลการเรยี นร้วู ชิ าชวี วิทยาของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน
เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ผลการศึกษาพบว่า 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาชีววิทยา เรื่องการ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนเตรยี มอุดมศกึ ษาพัฒนาการ นนทบุรี
ท่ีสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.25/80.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) คะแนนผลการเรียนรู้ของ
นักเรียหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุด
กจิ กรรมการเรียนรู้ ในระดับมาก ค่าเฉล่ียเท่ากับ 4.45

ชวีพร คชสินธ์ (2560) ศึกษาการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม โดยใช้แบบฝึกทักษะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยา
ประสาท) พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 และ ม.3/3 จานวน 57 คน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15
(เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2560 มผี ลการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังการ
พัฒนาสูงกว่ากอ่ นการพัฒนา และมคี ่าร้อยละความก้าวหน้าร้อยละ 13.50 คะแนน

ทรงพล หมน่ั ประสงค์ (2560) ศึกษาการใชช้ ดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หาทางพันธุศาสตร์
เรอื่ ง การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมในการพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6
โรงเรียนอามาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่ ผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทาง
พันธุศาสตร์ เรื่อง การถา่ ยทอดลักษณะ ทางพนั ธกุ รรม มปี ระสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 โดยมปี ระสิทธิภาพโดย
เฉลี่ย 91.13/89.85 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ของนักเรียนหลังได้รับ
การจัดการเรยี นรโู้ ดยใชช้ ุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หาทางพันธุศาสตรเ์ รื่อง การถ่ายทอดลักษณะ
ทางพนั ธุกรรม สูงกวา่ ก่อนจดั การเรียนรู้ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05

6

บทท่ี 3
วธิ ีดำเนนิ การวิจัย

การใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผูว้ ิจยั ไดม้ ีวธิ กี ารดำเนินการวจิ ยั ดงั น้ี

1. แบบแผนการวิจัย
2. ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง
3. เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู
4. ขนั้ ตอนการสรา้ งและพฒั นาเครือ่ งมือ
5. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
6. การวเิ คราะห์ข้อมูล

1. แบบแผนการวิจัย
การวจิ ยั ครง้ั นีเ้ ปน็ การวิจยั เชิงทดลอง

2. ประชากรและกล่มุ ตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรทใ่ี ช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ นกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู

จงั หวดั สตูล ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 254 คน

กลมุ่ ตวั อยา่ ง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 และ 4/3 จำนวน 62 คน

ซงึ่ ไดจ้ ากการสุ่มแบบเจาะจง

3. เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู
3.1 ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง

พนั ธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของเมนเดล ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 3 ชุด ประกอบด้วย ชุดท่ี 1 เด่นไม่สมบูรณ์
และเด่นร่วมกัน ชุดที่ 2 มัลติเปิลแอลลีลและพอลิยีน และชุดที่ 3 ยีนบนโครโมโซมเพศและยีนบนโครโมโซม
เดยี วกัน

3.2 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล
จำนวน 3 แผนการจัดการเรยี นรู้ แผนละ 3 ชัว่ โมง

3.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย
ของเมนเดล เปน็ ขอ้ สอบปรนยั จำนวน 30 ข้อ

3.4 แบบประเมินความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง ลักษณะทาง
พันธุกรรมท่เี ปน็ ส่วนขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล

7

4. ขน้ั ตอนการสรา้ งเครอ่ื งมอื
ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง

พนั ธุกรรมท่เี ป็นสว่ นขยายของเมนเดล
ผู้วิจัยสร้างชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด

ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่เี ป็นส่วนขยายของเมนเดล จำนวน 3 ชุด โดยมีขนั้ ตอนในการดำเนนิ การดังนี้
1) ขนั้ สรา้ ง
1.1) ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง

2560 หลักสตู รสถานศกึ ษา หลักการ แนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วกบั ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
1.2) วิเคราะห์เนื้อหา และกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ชีววิทยา เรื่อง การถ่ายทอด

ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล โดยเรียงเนอ้ื หาจากง่ายไปสูเ่ นื้อหาท่ียากตามลำดบั
1.3) พิจารณากำหนดกรอบผลการเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรม สื่อประกอบการสอน และ

การวดั ผลประเมนิ ผล
1.4) สร้างชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การ

ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล โดยให้สัมพันธ์กับเนื้อหา และร่วมกับแผนการ
จัดการเรียนรู้ จำนวน 9 ชั่วโมง จำนวน 3 ชุด ชุดที่ 1 เด่นไม่สมบูรณ์และเด่นร่วมกัน ชุดที่ 2 พอลิยีนและมัลติ
เปลิ แอลลลี และชุดที่ 3 ยนี บนโครโมโซมเพศและยีนบนโครโฒโซมเดยี วกนั

ซ่ึงในชดุ กจิ กรรมประกอบไปด้วย
(1) ช่อื กจิ กรรม
(2) คำนำ
(3) สารบัญ
(4) คำช้แี จงการใช้ชดุ กิจกรรม เพอ่ื บอกขน้ั ตอนการทำกิจกรรมต่างๆ ใหน้ ักเรยี นทราบ
(5) สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
(6) แบบทดสอบกอ่ นเรียน
(7) ใบความรเู้ ป็นส่งิ ทีบ่ อกเน้อื หาของบทเรียนทนี่ กั เรียนจะต้องศึกษา
(8) แบบฝึกทักษะ ให้นักเรียนทำจากหลังศึกษาใบความรู้ เพื่อตรวจสอบความรู้ที่
นกั เรียนไดร้ บั โดยให้ช่วยกนั ทำเป็นกลมุ่
(9) แบบทดสอบหลังเรยี น
2) ข้ันนำไปใช้
2.1) นำชุดแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ ไปใช้กับนักเรียนกลุ่ม
ตัวอย่าง นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/2 และ 4/3 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู จังหวดั สตลู ภาคเรยี นท่ี 2
ปีการศึกษา 2564

แผนการจัดการเรียนรู้
1) ขนั้ สร้าง
1.1 วิเคราะห์คำอธิบายรายวิชา และผลการเรียนรู้เพื่อนำมาเขียนเป็นจุดประสงค์

การเรยี นรู้
1.2 ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบใช้ชุดกิจกรรม

เพื่อเปน็ แนวทางในการสรา้ งแผนการจัดการเรยี นรู้
1.3 วิเคราะหส์ าระการเรียนรู้

8

1.4 วิเคราะห์กระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสมกับการจัดการเรียน
การสอนในกล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์

1.5 วเิ คราะห์กระบวนการประเมนิ ผล โดยเลือกใช้วธิ ีการวัดและประเมินผลตามสภาพ
จริงที่หลากหลาย และให้ครอบคลุมพฤติกรรมทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการและคุณธรรม จริยธรรม และ
คา่ นยิ ม หรือ KAP นอกจากนยี้ งั สอดคล้องกับสาระการเรียนร้แู ละจดุ ประสงค์การเรียนรู้

1.6. สร้างแผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 4 เรือ่ ง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 3 แผน ใช้เวลาสอน 9 ชั่วโมง ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้
ประกอบด้วย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ สาระการเรียนรู้ ชิ้นงาน กระบวนการ
กจิ กรรมการเรียนรู้ สือ่ อุปกรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ และการวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้

แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นทีเ่ รียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ัญหาทางพันธุ

ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 โดยมีขั้นตอนการสร้างดังน้ี
1) ขน้ั สร้าง
1.1) ศึกษาเนื้อหาเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมน

เดล และกำหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1.2) สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยครอบคลุมเนื้อหา และ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เรอ่ื ง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมที่เปน็ สว่ นขยายของเมนเดล แบบปรนัย จำนวน
30 ข้อ

2) ขนั้ พัฒนา
2.1) เสนอแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตอ่ ผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อ

หาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามรายข้อกับวัตถุประสงค์หรือจุดประสงค์ที่ต้องการวัด โดยพิจารณาว่า
ขอ้ สอบแตล่ ะข้อมคี วามสอดคล้องกบั จุดประสงค์หรือไม่ (IOC)
โดยกำหนดคะแนนความเห็นดังน้ี

+1 แนใ่ จว่า ข้อสอบสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้
0 ไมแ่ น่ใจว่า ข้อสอบสอดคล้องกบั จุดประสงค์การเรยี นรู้
-1 แน่ใจว่า ข้อสอบไมส่ อดคล้องกบั จดุ ประสงคการเรยี นรู้
แล้วบันทึกผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละข้อ ถ้าดัชนีที่คำนวณได้มากกว่า
หรือเท่ากับ 0.5 แสดงว่าข้อสอบข้อน้ันเป็นตัวแทนของจุดประสงค์นั้น ส่วนข้อที่ได้ดัชนีน้อยกว่า 0.5 นำมา
ปรับปรงุ แก้ไข
2.2) เมื่อปรับปรุงแก้ไขและคัดเลือกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแล้ว
จากนน้ั จัดทำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนฉบบั สมบรู ณ์
3) ขนั้ นำไปใช้
3.1) นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เพื่อเก็บ
รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลตอ่ ไป

9

แบบประเมินความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง ลักษณะทาง
พนั ธกุ รรมที่เปน็ ส่วนขยายของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล

1) ขน้ั สร้าง
1.1) ผู้วิจัยศึกษาทฤษฎี ตำรา เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจที่มี

ตอ่ ชุดกจิ กรรมเพือ่ นำมาสรา้ งแบบสอบถาม
1.2) ผู้วิจัยสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมแบบฝึก

ทักษะการแก้โจทย์ปญั หา เรื่อง ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธศุ าสตร์เมนเดลซึ่งมีลักษณะของ
คำถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ตามแนวทฤษฎีของลิเคิร์ท ซึ่งมี 5 ระดับ
กำหนดค่าน้ำหนักของความพงึ พอใจไว้ ดงั น้ี

5 หมายถึง มคี วามพึงพอใจมากทีส่ ดุ
4 หมายถึง มคี วามพึงพอใจมาก
3 หมายถึง มคี วามพึงพอใจปานกลาง
2 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจนอ้ ย
1 หมายถึง มคี วามพึงพอใจน้อยท่สี ุด
ใช้เกณฑใ์ นการแปลความหมาย ดังนี้
4.50 –5.00 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยใู นระดบั มากทส่ี ุด ่
3.50 –4.49 หมายถึง มีความพึงพอใจอยใู นระดับมาก
2.50 –3.49 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจอยูในระดบั ปานกลาง ่
1.50 –2.49 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยูในระดบั นอ้ ย ่
1.00 –1.49 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจอยูในระดับนอ้ ยท่สี ดุ
2) ข้ันนำไปใช้
2.1) นำแบบประเมินความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา
เรื่อง ลกั ษณะทางพันธุกรรมทเ่ี ป็นสว่ นขยายของพนั ธุศาสตร์เมนเดลใช้กับนักเรียนกลุม่ ตัวอย่างชั้นมัธยมศึกษาปี
ที่ 4 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวัดสตูล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เพื่อเก็บรวบรวมและ
วเิ คราะหข์ อ้ มูลตอ่ ไป

5. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
1) ปฐมนิเทศนักเรียนก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการเรียนโดยชุด

กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วน
ขยายของเมนเดล ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ใหเ้ ข้าใจถงึ บทบาทของนกั เรยี นจะได้ปฏบิ ัติตนไดถ้ ูกต้อง

2) นำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เร่อื ง การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทเี่ ป็นส่วนขยาย
ของเมนเดล แบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ ไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แล้วเก็บ
รวบรวมขอ้ มูลไว้

3) ดำเนนิ การทดลองใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทักษะการแก้โจทยป์ ญั หาทางพนั ธุศาสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอด
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 จำนวน 3 ชดุ ทีผ่ ู้วิจยั ได้สรา้ งข้ึน โดยใช้
เวลาสอน 9 ช่ัวโมง

4) เก็บรวบรวมข้อมูลชุดกิจกรรม โดยประเมินทักษะการคิดคำนวณ และทักษะการแกปัญหา ประเมิน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ด้านการทำงานร่วมกัน ด้านความรอบคอบ และด้านความรับผิดชอบ ซ่ึงดำเนินการ
ประเมนิ ระหวา่ งเรยี น โดยครเู ป็นผปู้ ระเมิน จากนน้ั นำผลทไี่ ด้มาวิเคราะห์และสรุปบันทึกขอ้ มูลข้อบกพรอ่ งที่ควร
ปรบั ปรุงแก้ไขเพือ่ นำไปใช้ในครั้งต่อไป

10

5) หลังจากดำเนินการทดลองสอนเสร็จเรยี บร้อยแล้ว ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการ
เรียน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ฉบับเดียวกับก่อนเรียน เพื่อนำ
คะแนนทไี่ ด้ไปวิเคราะห์ผล แล้วเกบ็ รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ผล สรปุ ผลและแปรผลต่อไป

6. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ผู้วิจยั ดำเนนิ การดังนี้
1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากที่ได้รับการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้

โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดลของนักเรียน
หลังเรียนโดยเทยี บกบั เกณฑก์ ารผา่ นรอ้ ยละ 60 ขนึ้

สถติ ิทใ่ี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมลู ใชส้ ูตร
1. สถติ พิ ื้นฐานดังนี้
1.1 คำนวณหาคา่ เฉลีย่ (Arithmetic mean)

X = x

N

เมือ่ X แทน คะแนนเฉล่ยี
 x แทน ผลรวมของคะแนนดิบ
N แทน จำนวนขอ้ มลู

1.2 คำนวณหาคา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใชส้ ูตร

S.D = N  x2 − ( x)2
N (N −1)

เมื่อ S.D แทน ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน

 x2 แทน ผลรวมท้ังหมดของคะแนนแต่ละตวั ยกกำลังสอง

(  x ) 2 แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมดยกกำลงั สอง

N แทน จำนวนขอ้ มูล

2. สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิคราะห์หาคุณภาพเคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการเก็บรวบรวมขอม้ ลู
2.1 การหาความเท่ียวตรง (Validity) ของแบบทดสอบวดผั ลสมั ฤทธ์ทางการเรียน

เพือ่ ประเมนิ ความสอดคลอง้ ระหวา่ งข้อสอบกับจุดประสงค์ท่ีกำหนดโดยใช้สูตรดัชนีค่าความสอดคล้อง IOC โดย
ใชส้ ูตร ดังนี้

IOC = R

N

เมือ่ IOC แทน ดชั นคี วามสอดคล้องระหว่างขอ้ สอบกบั จดุ ประสงค์
R แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเหน็ ของผเู้ ชย่ี วชาญ
N แทน จำนวนผเู้ ชีย่ วชาญ

11

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

งานวิจัยเรื่อง การใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุด
กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วน
ขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) ศึกษาความพึง
พอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ซงึ่ ผู้วิจยั นำเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ดังต่อไปน้ี

ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
ผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา

ทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ดังในตาราง

ตารางที่ 1 ผลการการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนา
ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4

ลำดับที่ เลขประจำตัว คะแนนเต็ม 30คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ สรุปผลการประเมิน
ผา่ น ไมผ่ ่าน
1 16985 24 80 ✓
2 17109 18 60 ✓
3 17215 18 60 ✓
4 18567 18 60 ✓
5 18584 18 60 ✓
6 18585 18 60 ✓
7 16994 18 60 ✓
8 17002 18 60 ✓
9 17018 18 60 ✓
10 17020 18 60 ✓
11 17033 21 70 ✓
12 17038 18 60 ✓
13 17039 18 60 ✓
14 17044 18 60 ✓
15 17049 18 60 ✓
16 17056 19 63 ✓

ลำดับท่ี เลขประจำตัว คะแนนเต็ม 30คะแนน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12

17 17060 19 63 สรปุ ผลการประเมิน
18 17095 18 60 ผ่าน ไม่ผ่าน
19 17127 19 63 ✓
20 17135 18 60 ✓
21 17137 20 67 ✓
22 17157 18 60 ✓
23 17160 19 63 ✓
24 17171 18 60 ✓
25 17172 18 60 ✓
26 17247 19 63 ✓
27 18113 18 60 ✓
28 18569 18 60 ✓
29 18578 18 60 ✓
30 18579 18 60 ✓
31 18602 18 60 ✓
32 18603 6 20 ✓
33 18615 18 60 ✓
34 17028 13 43
35 17114 18 60 ✓
36 17257 13 43 ✓
37 17428 18 60
38 18608 18 60 ✓
39 16991 18 60 ✓
40 17019 21 70
41 17036 8 27 ✓
42 17037 19 63 ✓
43 17058 17 57 ✓
44 17076 18 60 ✓
45 17079 18 60 ✓
46 17081 18 60
47 17093 18 60 ✓
48 17121 18 60 ✓
49 17130 18 60
50 17132 18 60 ✓
51 17155 18 60 ✓
52 17162 18 60 ✓
53 17163 8 27 ✓









ลำดับที่ เลขประจำตัว คะแนนเต็ม 30คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ 13

54 17169 18 60 สรุปผลการประเมิน
55 17233 19 63 ผ่าน ไมผ่ ่าน
56 17251 18 60 ✓
57 17343 19 63 ✓
58 17352 22 73 ✓
59 18571 18 60 ✓
60 18572 19 63 ✓
61 18589 19 63 ✓
62 18590 18 60 ✓
รวม ✓
รอ้ ยละ ✓
56 6
90.32 9.68

จากตารางที่ 1 พบว่า นักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 รอ้ ยละ 90.32 มคี ะแนนการทดสอบเร่อื ง การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีเป็นส่วนขยายของเมนเดล ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 ขึน้ ไป

ตารางท่ี 2 ผลการการศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรียนต่อชดุ กจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปญั หาทางพันธุ
ศาสตร์ เรอ่ื ง การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีเปน็ สว่ นขยายของเมนเดล

ลำดับที่ รายการ ̅ S.D. ระดับ
4.63 0.49 ดีมาก
1 ครชู ้ีแจงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจ ดีมาก
2 ครูจัดแบ่งกลุ่มนกั เรยี นโดยคละความสามารถและเพศชาย-หญงิ อยา่ ง 4.54 0.50
4.65 0.48 ดีมาก
เหมาะสม 4.60 0.50 ดีมาก
3 ครใู ห้คำปรึกษา แนะนะ ดูแลนักเรยี นในการเรยี นรู้อยา่ งทั่วถงึ ดมี าก
4 ความยากง่ายของเนือ้ หาเหมาะสมกับความสามารถของนักเรยี น 4.52 0.58
5 เนอ้ื หา ภาษา รปู แบบตรงกับความสนใจ และความตอ้ งการของ 4.60 0.50 ดีมาก
4.54 0.50 ดีมาก
นักเรยี น 4.54 0.54 ดมี าก
6 เนอ้ื หาเรียงลำดบั จากง่ายไปสู่ยาก 4.46 0.61
7 การจดั เนอ้ื หาเหมาะสมกบั เวลา 4.52 0.58 ดี
8 นกั เรียนมีสว่ นรว่ มในการทำกิจกรรมรว่ มกัน 4.48 0.58 ดีมาก
9 นักเรียนได้อธิบายความรู้ให้กับสมาชกิ อืน่ ๆ ในกลุ่มฟัง 4.60 0.57
10 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมไปตามลำดบั ข้นั ตอน 4.62 0.53 ดี
11 มีการประเมนิ ผลสมั ฤทธใ์ิ นการเรยี นรู้ 4.56 0.44 ดีมาก
12 นักเรยี นทราบผลการเรียนรู้ของตนเอง ดีมาก
13 การประเมนิ ผลครอบคลมุ เนื้อหาทีเ่ รยี น ดมี าก

รวม

14

จากตารางที่ 2 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทาง
พันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ ดี
มาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อครูให้คำปรึกษา แนะนะ ดูแลนักเรียนในการ
เรียนรู้อย่างทั่วถึง (x̅ = 4.65) มากที่สุด รองลงมา นักเรียนมีความพึงพอใจต่อครูชี้แจงการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรูใ้ ห้เข้าใจ (x̅ = 4.63) และการประเมินผลครอบคลมุ เน้อื หาที่เรียน (x̅ = 4.62) ตามลำดับ

15

บทท่ี 5
สรปุ ผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

การวิจัยเรื่องการใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรมแบบฝกึ
ทกั ษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธศุ าสตร์ เร่อื ง การถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมทเ่ี ป็นส่วนขยายของเมนเดล
ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนตอ่
การเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ผลการวิจยั สรุปได้ ดงั น้ี

5.1 สรปุ ผล

ตอนที่ 1 การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้
โจทย์ปัญหาทางพันธศุ าสตร์

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ร้อยละ 90.32 มีคะแนนการทดสอบเรื่อง การถ่ายทอด
ลกั ษณะทางพันธุกรรมท่เี ป็นส่วนขยายของเมนเดล ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 ขึ้นไป ซึ่งเปน็ ไปตามสมมติฐานทต่ี ้ังไว้

ตอนท่ี 2 ศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนโดยใช้ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปญั หาทางพนั ธศุ าสตร์

ความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์
เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมทเ่ี ป็นสว่ นขยายของเมนเดล โดยภาพรวมอยใู่ นระดับ ดีมาก

5.2 อภปิ รายผลการทดลอง

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โดยใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึก
ทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาทางพนั ธุศาสตร์ เรื่อง การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล
ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 พบว่า นักเรียนร้อยละ 90.32 มีคะแนน
การทดสอบเรอ่ื ง การถา่ ยทอลกั ษณะทางพันธุกรรมทีเ่ ป็นสว่ นขยายของเมนเดล ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 ขึน้ ไป ซ่ึง
เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ กล่าวคือการใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
ผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพราะชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล เน้นการทำงานเป็นกลุ่ม แบบร่วมมือกัน ช่วยเหลือ
ซึ่งกันและกัน ช่วยกันคิดแก้ปัญหา ทำให้นักเรียนเกิดความสามัคคี มีความตั้งใจเรียน เอาใจใส่ต่อการเรียน
รวมทั้งช่วยกันอธิบายเนื้อหาเมื่อมีสมาชิกในกลุ่มไม่เข้าใจ ให้กระจ่างในเนื้อหามากขึ้น โดยมีครูเป็นผู้คอยให้
คำแนะนำ ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับหลักการของ วันเพ็ญ จันทร์เจริญ

16

(2542: 120-128 อ้างถึงใน ประภาศิริ ปราโมย์ 2561: 163) ได้กล่าวว่า การเรียนแบบร่วมมือ ทำให้ทุกคนมี

โอกาสคิด พูดแสดงออก แสดงความคิดเห็น มีความช่วยเหลือกัน ทำให้เกิดการระดมความคิด สิ่งเหล่านี้ล้วน

สง่ เสริมผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสงู ข้นึ

นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่า สอดคล้องกับการวิจัยของกาญจนา ข้าวจ้าว และสุธารทิพย์ เรืองประภา
วุฒิ (2560) พฒั นาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เพื่อพัฒนาผลการเรียนรู้วิชา
ชีววิทยาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ผลการศึกษาพบว่า
1) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ชิ าชวี วิทยา เร่ืองการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.25/80.10 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์
มาตรฐาน 80/80 2) คะแนนผลการเรียนร้ขู องนักเรียหลงั เรียนสงู กว่าก่อนเรียน อย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ิท่ีระดับ
.01 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.45 สอดคล้องกับ
งานวิจัยของชวีพร คชสินธ์ (2560) ศึกษาการพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม โดยใช้แบบฝึกทักษะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยา
ประสาท) พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 และ ม.3/3 จานวน 57 คน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15
(เวยี งเกา่ แสนภวู ิทยาประสาท) ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2560 มีผลการพฒั นาทักษะทางวิทยาศาสตร์หลังการ
พัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนา และมีค่าร้อยละความก้าวหน้าร้อยละ 13.50 คะแนน และสอดคล้องกับงานวิจัย
ของทรงพล หมั่นประสงค์ (2560) ศกึ ษาการใชช้ ุดกิจกรรมแบบฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาทางพันธุศาสตร์เร่ือง
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
โรงเรียนอามาตย์พานิชนุกูล จังหวัดกระบี่ ผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทาง
พันธศุ าสตร์ เรอื่ ง การถ่ายทอดลักษณะ ทางพนั ธุกรรม มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 โดยมีประสทิ ธภิ าพโดย
เฉลี่ย 91.13/89.85 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ของนักเรียนหลังได้รับ
การจัดการเรยี นรู้โดยใชช้ ุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะ
ทางพนั ธุกรรม สูงกวา่ ก่อนจัดการเรียนรู้ อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ .05 ซ่งึ จากผลการวิจัยที่กล่าวมาแสดง
ให้เห็นว่า ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทาง
พนั ธุกรรม เป็นส่ือการเรียนรูท้ ่ีชว่ ยพฒั นาผลการเรียนรู้ของนักเรยี นในวิชาชวี วทิ ยาพน้ื ฐานใหเ้ พิ่มสงู ขน้ึ ทั้งนี้อาจ
เป็นผลมาจากการร่วมมือกนั ช่วยเหลือซึง่ กันและกันในการเรียน เพ่ือเป็นการกระต้นุ ความสนใจ ช่วยพัฒนาการ
คิดและแก้ปัญหาทา ให้นักเรียนเกิดความเข้าใจเนื้อหาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นนักเรียนที่ได้เรียนโดยใช้ชุดกิจกรรม
แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจึงมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนรทู้ สี่ ูงขึ้น

5.3 ข้อเสนอแนะ
จากการศึกษาการใช้ชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางพันธุศาสตร์ เรื่อง การถ่ายทอด

ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของเมนเดล ในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 มขี อ้ เสนอแนะ ดังน้ี

1. ควรศึกษาวิจัยโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้กับวิธกี ารสอนแบบอื่น ๆ เพื่อครูสามารถวิเคราะห์ข้อมูล
และเลอื กวิธีการสอนทเ่ี หมาะสมกับเน้อื หาแต่ละเรื่องให้มากทสี่ ดุ

2. ควรนำชุดกิจกรรมไปพัฒนาสร้างสรรค์เป็นสื่อการเรียนรู้รูปแบบอื่น ๆ เช่น บทเรียนสาเร็จรูป หรือ
หนังสอื การต์ ูนวิทยาศาสตร์ หรือนิทานวิทยาศาสตร์ต่อไป

3. ควรมีการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กับเนื้อหาสาระวิทยาชีวภาพและกลุ่มสาระอื่น ๆ เพื่อพัฒนา
ทกั ษะการเรียนรู้ และเพือ่ ใหน้ ักเรยี นเกิดความสนใจในการเรยี นมากขึ้น

17

บรรณานกุ รม

กรรณิการ์ ภิรมย์รัตน. (2553). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้ภูมิศาสตร์ เรื่อง ทวีป
ยุโรปก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ส ว น ส ุ น ั น ท า โ ด ย ใ ช ้ แ บ บ ฝ ึ ก เ ส ร ิ ม ท ั ก ษ ะ . ส ื บ ค ้ น เ ม ื ่ อ 23 ก ร ก ฏ า ค ม 2562, จ า ก
http://www.ssruir.ssru. ac.th/bitstream/ssruir/382/1/139.53.pdf

กาญจนา ข้าวจ้าว และสุธารทพิ ย์ เรอื งประภาวุฒ.ิ (2560). การพฒั นาชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ืองการ
ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม เพื่อพัฒนาผลการเรียนรูว้ ชิ าชวี วิทยาของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่
4 โรงเรียนเตรียมอดุ มศกึ ษาพัฒนาการ นนทบรุ ี. สบื ค้นเมอื่ 23 กรกฏาคม 2562 , จาก
https://research.pcru.ac.th/researchV2/images/conference/2015/ncpcru2/files/55.pdf

ชวีพร คชสินธ์. (2560). การพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ เรื่องการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โดยใช้
แบบฝึกทักษะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท).
เ ช ี ย ง ร า ย . ส ื บ ค ้ น เ ม ื ่ อ 23 ก ร ก ฏ า ค ม 2562, จ า ก http://rpg1 5 . ac.th/Echecking/id-
plan/uploads//4820180327100006.pdf

ทรงพล หม่ันประสงค.์ (2560). การใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทักษะการแก้โจทยป์ ญั หาทางพันธศุ าสตร์ เร่อื ง การ
ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมในการพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี
6 โรงเรียนอามาตย์พานิชนกุ ูล จังหวดั กระบี่. สบื คน้ เม่อื 22 กรกฏาคม 2562, จาก
https://clmramis.files.wordpress.com/2018/06/.pdf

ประภาศิริ ปราโมทย์. (2561). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบ
รว่ มมือ ควบคู่กับเกม เพื่อส่งเสริมผลการเรียนรู้และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทางคณิตศาสตร์
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5. เชียงใหม่ : วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิต
วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่

อริยาภรณ์ ขนุ ปกั ษ.ี (2561). การพฒั นาชุดกิจกรรมวชิ าวทิ ยาศาสตร์โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบรว่ มมอื
เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์
2564, จาก http://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Ariyaporn.Khu.pdf

18

ภาคผนวก

19

ภาคผนวก ก

แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 13

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31251 รายวชิ า ชวี วิทยา 1

ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เรอื่ ง เดน่ ไม่สมบรู ณ์และเด่นร่วมกัน เวลา 3 ชว่ั โมง

ชอื่ ผ้สู อน นางสาววชิ ดุ า พรหมคงบุญ

1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของสาร

พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ
หลากหลายของส่งิ มีชวี ติ และอนกุ รมวิธาน รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้
16. สบื คน้ ข้อมลู วิเคราะห์ อธบิ าย และสรุปเกีย่ วกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยาย
ของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล

2. สาระสำคญั
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล

เรียกลักษณะเหล่านี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น ความเด่นไม่สมบูรณ์
ความเดน่ ร่วม มลั ติเพลิ แอลลีล ลกั ษณะควบคุมดว้ ยยีนหลายคู่ การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมเพศ

จุดประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
1. สืบคน้ ขอ้ มลู วิเคราะห์ และอธบิ ายการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมทเ่ี ป็นความเด่นไมส่ มบรู ณ์ และ
ความเด่นรว่ ม
2. นำความรู้ไปใช้ในการหาโอกาสเกิดลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์
เมนเดล
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรยี นสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ รว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้
ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1 มีวินัย
2 ใฝเ่ รยี นรู้
3 มุ่งมั่นในการทำงาน
3. สาระการเรยี นรู้
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล
เรยี กลักษณะเหล่านีว้ า่ ลักษณะทางพนั ธกุ รรมทีเ่ ป็นส่วนขยายของพันธุศาสตรเ์ มนเดล เชน่ การข่มไม่สมบรู ณ์ การ
ข่มร่วมกัน มลั ติเปิลแอลลีล ยีนบนโครโมโซมเพศ และพอลิยนี

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

5. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มวี ินัย
5.2 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มุ่งม่นั ในการทำงาน

6. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและการแก้ปัญหา

7. ภาระงาน/ชิน้ งาน
- ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทกั ษะการแก้โจทย์ปญั หาชดุ ที่ 1 เร่ือง ความเด่นไม่สมบูรณแ์ ละความเดน่ รว่ มกนั

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชว้ ธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1) ขั้นสรา้ งความสนใจ
1.1 ครชู ้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
1.2 ครใู หน้ กั เรยี นพิจารณารปู ใน PowerPoint ซึ่งแสดงต้นลิน้ มงั กรที่มีดอกสีแดงผสมกับต้นท่ีมี

ดอกสีขาว และได้รุน่ ลกู ทม่ี ดี อกสีชมพู โดยครูอาจใชค้ ำถามใหน้ ักเรียนอภิปราย ดังนี้
- การถ่ายทอดลักษณะสีดอกของต้นลิ้นมงั กรเป็นไปตามผลการทดลองของเมนเดลหรอื

ไม่ อยา่ งไร (การถ่ายทอดลักษณะสดี อกของตน้ ลิ้นมังกรไม่เป็นไปตามผลการทดลองของเมนเดล คอื ลกั ษณะสีดอก
ลิ้นมังกรมี 3 ลักษณะ คือ แดง ขาว และชมพู ซึ่งแตกต่างจากลักษณะของถั่วลันเตาที่เมนเดลนำเสนอที่มี 2
ลกั ษณะ เช่น ลกั ษณะสีกลีบดอกถว่ั ลนั เตา มี 2 ลักษณะ คือ กลีบดอกสมี ว่ งและกลบี ดอกสขี าว)

- ถ้าการถ่ายทอดลักษณะสีดอกของต้นลิ้นมังกรเป็นไปตามผลการทดลองของเมนเดล
รุ่น F1 จะมีลักษณะอย่างไร (รุ่น F1 ที่ได้จะมีดอกสีแดงทั้งหมดถ้าแอลลีลเด่นควบคุมดอกสีแดงหรือดอกสีขาว
ทัง้ หมดถ้าแอลลลี เด่นควบคุมดอกสขี าว ซึง่ รุ่นลูกจะมีลักษณะสดี อกเหมือนพ่อหรือแม่เสมอ)

2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา
2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 3 คน คละเพศและความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่มประกอบไป

ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยพิจารณาจากผลการเรียนของนักเรียนในภาคเรียนท่ีผ่านมา ให้นักเรียน
แต่ละกลุ่มแบง่ หน้าท่ีรบั ผดิ ชอบกนั

2.2 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมารบั ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาชุดที่ 1
เร่ือง เด่นไม่สมบรู ณแ์ ละเด่นร่วมกนั คนละ 1 ชดุ จากครู

2.3 นักเรียนฟังคําชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทักษะการแก้โจทยป์ ัญหา บทบาท
ของนักเรียนในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ เวลาที่ใช้
เกณฑก์ ารวัดผลและประเมนิ ผล จากครูใหเ้ ขา้ ใจ

2.4 นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนจํานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที เพื่อประเมินความรู้เดิม
หลงั จากนน้ั ส่งกระดาษคําตอบคนื ครู ครูตรวจคำตอบแลว้ แจ้งคะแนนใหน้ ักเรียนทราบ

2.5 ก่อนลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนศึกษาคําชี้แจงของแต่ละกิจกรรมให้เข้าใจ
หากนักเรยี นยงั ไมเ่ ข้าใจให้นักเรยี นขอคําแนะนาํ จากครทู นั ทเี พื่อใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ

2.6 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยความตั้งใจ ให้ความร่วมมือในการทํางานกลุ่ม ร่วม
แสดงความคิดเหน็ และมีความรับผิดชอบต่องานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

2.7 หลงั จากนักเรยี นปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรเู้ สร็จสิ้นแล้วทุกกิจกรรม ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละ
กลุ่มมารับเฉลยใบกจิ กรรมเพือ่ นําไปตรวจคาํ ตอบและแก้ไขคาํ ตอบให้ถูกตอ้ ง หลังจากนั้นบันทึกคะแนนท่ีได้ลงใน
แบบบนั ทกึ คะแนนแนบทา้ ยชุดกิจกรรมการเรียนรขู้ องนักเรียน

2.8 นักเรียนทําแบบทดสอบหลงั เรียน จํานวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที
3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ

3.1 ครูสุ่มนักเรียนออกมาเพื่อเฉลยกิจกรรม โดยแสดงวิธีทำและอธิบายให้เพื่อน เข้าใจว่าแบบ
ฝกึ ในแต่ละขอ้ มแี นวคิด หรอื วิธคี ิดอย่างไร

3.2 นักเรยี นสง่ ชดุ กจิ กรรมแบบฝึกทกั ษะการแก้โจทยป์ ัญหาคนื เพื่อใหครนู าํ ไปบันทึกคะแนน
3.3 ครูตงั้ คำถามเพอื่ ร่วมอภิปรายกบั นักเรียน ดังน้ี

- ลักษณะสีดอกของต้นลิ้นมังกรถูกควบคุมด้วยแอลลีลกี่รูปแบบแต่ละแอลลีลควบคุม
ลักษณะสดี อกของตน้ ลิ้นมงั กรอยา่ งไร

- ดอกสชี มพใู นรุ่น F1 เกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร
- รูปแบบการถา่ ยทอดลักษณะสีดอกของตน้ ล้นิ มังกรเรยี กวา่ อะไร
- ลักษณะหมู่เลือดระบบ MN ถูกควบคุมด้วยแอลลีลกี่รูปแบบ ควบคุมลักษณะอย่างไร
บ้าง
- หมเู่ ลอื ดระบบ MN มจี ีโนไทปแ์ ละฟโี นไทปก์ แ่ี บบ อะไรบ้าง
3.4 นกั เรียนร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกับความเด่นไม่สมบูรณ์พรอ้ มยกตวั อย่าง ลงสมดุ
(ความเดน่ ไมส่ มบูรณ์เป็นการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่แอลลลี หน่ึงไม่สามารถข่มอีกแอล
ลลี หนง่ึ ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ทำให้สิ่งมชี วี ติ ที่เปน็ เฮเทอโรไซกสั แสดงฟีโนไทป์ท่ีอยรู่ ะหวา่ งฟโี นไทป์ของสิ่งมีชีวิตท่ีเป็นฮ
อมอไซกัส เช่น สีดอกของลิ้นมงั กร การสร้างตัวรบั LDL)
3.5 นักเรียนรว่ มกนั สรุปเก่ียวกบั ความเดน่ ร่วมกัน พร้อมยกตัวอย่าง ลงสมดุ
(ความเด่นร่วมเป็นการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่แอลลีลทั้งสองแอลลลี บนคู่ ฮอมอโลกัส
โครโมโซมสามารถแสดงออกได้เท่าๆ กัน ทำให้สิ่งมีชีวิตที่เป็นเฮเทอโรไซกัสแสดงฟีโนไทป์ของทั้งสองแอลลีล
ร่วมกนั เชน่ ระบบหมู่เลือด ABO, MN)
3.6 ครูแจง้ คะแนนสอบหลงั เรยี นให้นกั เรียนทราบ
4) ขน้ั ขยายความรู้
ครูเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนเข้าใจว่า จากที่นักเรียนได้ศึกษารูปแบบการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธกุ รรมแบบตา่ งๆ ทั้งความเด่นสมบรู ณ์ ความเดน่ ไม่สมบูรณ์ และความเดน่ รว่ ม จะเหน็ ได้ว่าการระบุว่าลักษณะ
ใดเป็นลักษณะเด่นนั้น พิจารณาจากฟีโนไทป์ แต่เมื่อพิจารณาในระดับโมเลกลุ จะเห็นได้ว่าแอลลีลหนึง่ ไม่ไดย้ บั ยง้ั
การแสดงออกของอีกแอลลลี แต่มลี ำดับนิวคลีโอไทปท์ ่ีแตกตา่ งกันและมโี ปรตนี ทเ่ี ก่ียวข้องแตกตา่ งกัน ยกตัวอย่าง
เชน่ โรคโลหติ จางแบบซิกเกิลเซลล์ บคุ คลท่ีจโี นไทป์เป็นฮอมอไซกัสรีเซสสีฟจะมีอาการโลหิตจาง ส่วนบุคคลที่มีจี
โนไทป์เป็นเฮทเทอโรไซกัสทัว่ ไปจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเป็นเวลานานจะแสดงอาการ
เมื่อพิจารณาลักษณะของเซลล์เม็ดเลอื ดแดงจะพบวา่ บุคคลที่มีจีโนไทป์เป็นเฮเทอโรไซกัส มีการแสดงออกของทั้ง
สองแอลลีล โดยพบทง้ั เซลล์เม็ดเลอื ดแดงรูปเคียวและรปู ร่างปกติ

5) ขั้นประเมิน
5.1 ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหวั ข้อท่ีเรยี นมาและการปฏิบัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ี

ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
5.2 นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใด และไดม้ ีการ

แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง
5.3 ดา้ นความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำกจิ กรรม และแบบทดสอบ
5.4 ด้านทักษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูล การทำ

กจิ กรรม การสือ่ สาร และการทำงานเปน็ กลุ่ม
5.5 ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม การอภิปราย

และความกระตือรอื ร้นในการเรียน

9. สอื่ การเรยี นรู้
9.1 หนังสอื เรียนรายวิชาชวี วทิ ยา เล่ม 2
9.2 ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ัญหาชดุ ท่ี 1 เรื่อง เด่นไม่สมบรู ณ์และเดน่ ร่วมกนั
9.3 PowerPoint เร่ือง ส่วนขยายของเมนเดล

10. การวดั ผลประเมินผลและเกณฑ์การประเมิน

รายการวดั วิธีวัดผล เครือ่ งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมิน

ดา้ นความรู้ (K)

1. สบื ค้นขอ้ มลู วิเคราะห์ อภิปราย และ -ตรวจใบกจิ กรรม -กจิ กรรมที่ 1 เร่ือง ความ ผ่านร้อยละ 60 ขนึ้

อธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ี -ตรวจ เด่นไม่สมบรู ณ์ ไป

เป็นความเดน่ ไม่สมบรู ณ์ และความเด่นร่วม แบบทดสอบ - กจิ กรรมท่ี 2 เรอื่ ง

2. นำความรไู้ ปใชใ้ นการหาโอกาสเกดิ ความเด่นร่วมกัน

ลักษณะทีถ่ ่ายทอดทางพนั ธกุ รรมทีเ่ ปน็ สว่ น - แบบทดสอบหลังเรียน

ขยายของพันธศุ าสตร์เมนเดล

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)

นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กล่มุ รว่ มกบั ผ้อู ื่น - สังเกตพฤติกรรม -แบบสังเกตพฤติกรรม -ผ่านคณุ ภาพระดบั

ได้ การทำงานเปน็ กลุ่ม พอใช้ขนึ้ ไป

ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) -สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ -ผ่านคณุ ภาพระดบั
1 มีวนิ ัย คุณลักษณะอันพงึ พอใช้ข้ึนไป
2 ใฝเ่ รยี นรู้ ประสงค์
3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

11. ความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................ ...........................................................

ลงช่อื
(นายหมู่สา ผดิ ไรงาม)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ความคิดเหน็ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ
 องค์ประกอบของแผนการจดั การเรียนรู้.................................................................................................
 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรูส้ อดคลอ้ ง...........................................................................
 สาระสำคญั ครอบคลุมชัดเจน.................................................................................................................
 สาระการเรยี นรมู้ ีความถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ....................................................................................
 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้มีความชัดเจนครอบคลุม 3 ดา้ น.........................................................................
 สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น....................................................................................................................
 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค.์ ....................................................................................................................
 ระบุภาระงาน/ช้นิ งาน............................................................................................................................
 กิจกรรมการเรียนรูเ้ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ................................................................................................
 สื่อและอปุ กรณ์การเรียนร.ู้ .....................................................................................................................
 การวัดและการประเมินตามจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ ...............................................................................
 เสนอสง่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนระบบงาน............................................................................
 บนั ทึกหลงั สอน......................................................................................................................................

ลงชอ่ื
(นายอบั ดลรอศักดิ์ มณีโส๊ะ)

รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ

13. ความคดิ เหน็ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
 อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรยี นการสอนได้
 ควรปรบั ปรงุ คอื
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ
(นายสิรวุฒิ ยนุ ยุ้ )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวทิ ยา

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 14

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31251 รายวชิ า ชีววทิ ยา 1

ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เร่ือง มลั ติเปลิ แอลลีลและพอลิยนี เวลา 3 ช่วั โมง

ช่อื ผ้สู อน นางสาววิชดุ า พรหมคงบญุ

1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของสาร

พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวติ
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ
หลากหลายของสง่ิ มีชีวิต และอนุกรมวธิ าน รวมท้งั นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
16. สบื คน้ ขอ้ มลู วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเก่ียวกบั การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย
ของพนั ธศุ าสตรเ์ มนเดล
17. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และเปรยี บเทียบลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทีม่ ีการแปรผนั ไม่ต่อเนื่องและลักษณะ
ทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันต่อเน่อื ง

2. สาระสำคัญ
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล

เรียกลักษณะเหล่านี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น ความเด่นไม่สมบูรณ์
ความเด่นร่วม มัลตเิ พิลแอลลีล ลักษณะควบคมุ ดว้ ยยนี หลายคู่ การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมเพศ

จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. สบื ค้นข้อมลู วิเคราะห์ และอธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นมัลตเิ ปิลแอลลีล และพอ
ลิยีน
2. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลกั ษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและลกั ษณะ
ทางพนั ธกุ รรมที่มีการแปรผนั ตอ่ เน่ือง
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ ร่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้
ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1 มวี นิ ัย
2 ใฝเ่ รียนรู้
3 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน

3. สาระการเรียนรู้
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล

เรียกลกั ษณะเหลา่ น้ีวา่ ลักษณะทางพันธุกรรมทีเ่ ป็นสว่ นขยายของพนั ธุศาสตร์เมนเดล เช่น การข่มไม่สมบูรณ์ การ
ข่มรว่ มกัน มัลตเิ ปิลแอลลีล ยนี บนโครโมโซมเพศ และพอลยิ ีน

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด

5. ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มีวนิ ยั
5.2 ใฝ่เรียนรู้
5.3 มุ่งมัน่ ในการทำงาน

6. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและการแก้ปัญหา

7. ภาระงาน/ช้นิ งาน
- ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทย์ปญั หาชุดท่ี 2 เรื่อง มัลติเปิลแอลลีลและพอลิยีน

8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ใชว้ ธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูชแี้ จงจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรยี นทราบ
1.2 ครตู ้ังคำถามกับนกั เรยี นในประเด็นเพอ่ื ให้นกั เรยี นอภิปรายร่วมกนั ดงั ต่อไปน้ี
- แอลลีล คอื อะไร
- ลกั ษณะทุกลักษณะของส่งิ มีชวี ติ มียีนควบคมุ เพียงสองแอลลีลเทา่ นน้ั หรือไม่

2) ข้นั สำรวจและคน้ หา
2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 3 คน คละเพศและความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่มประกอบไป

ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยพิจารณาจากผลการเรียนของนักเรียนในภาคเรียนที่ผ่านมา ให้นักเรียน
แต่ละกลมุ่ แบ่งหน้าท่รี บั ผิดชอบกนั

2.2 นักเรยี นแต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนออกมารับชุดกิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาชุดท่ี 2
เรอ่ื ง มลั ติเปิลแอลลีลและพอลยิ ีน คนละ 1 ชดุ จากครู

2.3 นักเรียนฟังคําชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหา บทบาท
ของนักเรียนในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ เวลาที่ใช้
เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมนิ ผล จากครใู หเ้ ขา้ ใจ

2.4 นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนจํานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที เพื่อประเมินความรู้เดิม
หลงั จากนัน้ สง่ กระดาษคําตอบคืนครู ครตู รวจคำตอบแลว้ แจง้ คะแนนใหน้ ักเรียนทราบ

2.5 ก่อนลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนศึกษาคําชี้แจงของแต่ละกิจกรรมให้เข้าใจ
หากนักเรยี นยังไม่เขา้ ใจใหน้ ักเรยี นขอคาํ แนะนําจากครูทันทีเพ่ือให้เกดิ ความเข้าใจมากยิง่ ขนึ้

2.6 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยความตั้งใจ ให้ความร่วมมือในการทํางานกลุ่ม ร่วม
แสดงความคิดเหน็ และมคี วามรับผิดชอบตอ่ งานที่ได้รับมอบหมาย

2.7 หลังจากนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรยี นรู้เสรจ็ ส้ินแลว้ ทกุ กจิ กรรม ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละ
กลุ่มมารับเฉลยใบกจิ กรรมเพือ่ นําไปตรวจคําตอบและแก้ไขคาํ ตอบให้ถกู ตอ้ ง หลังจากนั้นบันทึกคะแนนที่ได้ลงใน
แบบบนั ทกึ คะแนนแนบทา้ ยชุดกจิ กรรมการเรียนรขู้ องนักเรียน

2.8 นกั เรยี นทําแบบทดสอบหลงั เรยี น จํานวน 10 ขอ้ โดยใช้เวลา 10 นาที
3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ

3.1 ครูสุ่มนักเรียนออกมาเพื่อเฉลยกิจกรรม โดยแสดงวิธีทำและอธิบายให้เพื่อน เข้าใจว่าแบบ
ฝึกในแตล่ ะขอ้ มแี นวคิด หรอื วิธคี ิดอย่างไร

3.2 นักเรยี นสง่ ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ัญหาคืนเพื่อใหครูนําไปบนั ทึกคะแนน
3.3 ครูตัง้ คำถามเพ่ือรว่ มอภปิ รายกับนกั เรียน ดังน้ี

- แอลลลี ที่ควบคมุ หมูเ่ ลอื ดระบบ ABO มีกร่ี ปู แบบ อะไรบา้ ง
- ตำแหน่งของแอลลีล IA IB และ i อยู่บนโลคัสเดียวกันหรือไม่ มีลำดับนิวคลีโอไทด์
เหมือนกันหรอื ไม่
- เลือดแต่ละหม่เู ลือดถูกควบคุมด้วยแอลลีลก่ีแอลลีล และหมู่เลือดระบบ ABO
มีจโี นไทปก์ ่ีแบบ
- ลักษณะหมู่เลือดระบบ MN ถูกควบคุมด้วยแอลลีลกี่รูปแบบ ควบคุมลักษณะอย่างไร
บ้าง
- ฟโี นไทปข์ องหม่เู ลือดระบบ ABO มีก่แี บบ อะไรบา้ ง
- การแสดงออกของยนี ในหมูเ่ ลือดระบบ ABO เป็นอย่างไร
- ลักษณะสีของเมล็ดข้าวสาลีควบคุมด้วยยีนกี่โลคัส มีลักษณะใดเป็นลักษณะเด่นและ
ลกั ษณะใดเป็นลกั ษณะด้อย
- รุ่น F1 มเี มลด็ สีอะไร
- รุ่น F1 ผสมกันเองจะไดร้ ่นุ F2 ท่มี ีสีของเมล็ดข้าวสาลีแตกต่างกันอยา่ งไรบ้าง
- เปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการแปรผันไม่ต่อเนื่องและลักษณะทาง
พนั ธกุ รรมทม่ี ีการแปรผนั ต่อเนือ่ ง
3.4 นกั เรียนร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกบั มัลตเิ ปิลแอลลลี พรอ้ มยกตวั อย่าง ลงสมดุ
(คนที่มีเลือดหมู่ O จีโนไทป์ ii จะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้รูปแบบเดียว ได้แก่ i และคนที่เลือดหมู่
AB จีโนไทป์ IAIB จะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ IA และ IB เมื่อเซลล์สืบพันธุ์แต่ละรูปแบบมารวมกัน
จะทำให้ลูกมีโอกาสมเี ลือดหมู่ A และ B การถ่ายทอดลักษณะหมู่เลือดระบบ ABO ให้ผลแตกต่างจากการทดลอง
ของเมนเดล เนือ่ งจากเป็นลกั ษณะท่คี วบคุมด้วยยนี 3 แอลลีลใน 1 โลคสั บน ฮอมอโลกัสโครโมโซม)
3.5 นักเรยี นร่วมกันสรุปเก่ยี วกบั พอลิยนี พร้อมยกตวั อยา่ ง ลงสมุด
(ลักษณะทางพันธุกรรมลักษณะหนึ่งควบคุมด้วยยีนหลายโลคัส แอลลีลเด่นแต่ละคู่แสดงผลต่อ
ลกั ษณะเทา่ ๆ กัน เชน่ R1R1 แสดงลักษณะเด่นเทา่ ๆ กับ R2R2 หรอื R3R3)
3.6 ครูแจง้ คะแนนสอบหลังเรียนใหน้ กั เรยี นทราบ

4) ขั้นขยายความรู้
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลือดหมู่โอบอมเบย์ (O-Bombay หรือ hh-antigen blood group)

ประชากรทั้งโลกจะพบคนที่มีเลือดหมู่โอบอมเบย์ประมาณ 4 คนใน 1 แสนคน คนที่มีเลือดหมู่นี้จะไม่สามารถรับ
เลอื ดจากหมู่ O ปกติได้ ต้องรับเลือดจากหม่โู อบอมเบย์เท่านั้น เลือดหมู่ O และ O-Bombay มลี กั ษณะที่แตกต่าง
กันท่ีชนดิ ของแอนตเิ จน H ซึ่งเปน็ แอนติเจนทพ่ี บทเ่ี ยื่อห้มุ เซลล์เม็ดเลอื ดแดง และเป็นสารต้นกำเนดิ ของแอนติเจน
A และแอนติเจน B โดยที่เอนไซม์ transferase A จะเปลี่ยนแอนติเจน H ให้เป็นแอนติเจน A และเอนไซม์
transferase B จะเปลี่ยนแอนติเจน H ให้เป็นแอนติเจน B คนที่มีเลือดหมู่ O ที่เยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงจะมีแต่
แอนติเจน H เพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแอนติเจน A หรือแอนติเจน B ได้ เนื่องจากไม่มีเอนไซม์
transferase A หรือเอนไซม์ transferase B และที่เยื่อหุ้มของเซลล์เม็ดเลือดแดงของเลือดหมู่ O-Bombay ไม่มี
แอนติเจน H สง่ ผลให้ไม่มีแอนติเจน A และ แอนตเิ จน B

5) ขน้ั ประเมิน
5.1 ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อท่ีเรยี นมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรม มีจุดใดบ้างท่ี

ยังไม่เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ
5.2 นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรอื อุปสรรคใด และได้มีการ

แก้ไขอย่างไรบา้ ง
5.3 ดา้ นความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำกจิ กรรม และแบบทดสอบ
5.4 ด้านทักษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูล การทำ

กจิ กรรม การสอื่ สาร และการทำงานเปน็ กลุ่ม
5.5 ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม การอภิปราย

และความกระตอื รือร้นในการเรยี น

9. สื่อการเรยี นรู้
9.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาชีววทิ ยา เลม่ 2
9.2 ชดุ กิจกรรมแบบฝึกทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หาชดุ ที่ 2 เรื่อง มลั ตเิ ปลิ แอลลลี และพอลิยนี
9.3 PowerPoint เรื่อง ส่วนขยายของเมนเดล

10. การวดั ผลประเมินผลและเกณฑก์ ารประเมนิ

รายการวดั วธิ ีวดั ผล เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมิน

ด้านความรู้ (K)

1. สืบค้นข้อมลู วิเคราะห์ และอธิบายการ -ตรวจใบกจิ กรรม -กิจกรรมท่ี 1 เรื่อง มลั ติ ผ่านรอ้ ยละ 60 ข้นึ

ถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีเป็นมัลติ -ตรวจ เปลิ แอลลลี ไป

เปิลแอลลลี และพอลิยีน แบบทดสอบ - กจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง พอลิ

2. สืบค้นขอ้ มลู วิเคราะห์ และเปรียบเทยี บ ยีน

ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการแปรผันไม่ - แบบทดสอบหลังเรยี น

ต่อเนือ่ งและลักษณะทางพันธุกรรมทีม่ ีการ

แปรผันต่อเนือ่ ง

รายการวดั วิธีวดั ผล เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) - สังเกตพฤติกรรม -แบบสงั เกตพฤติกรรม -ผา่ นคณุ ภาพระดับ
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลุ่มรว่ มกับผอู้ น่ื การทำงานเปน็ กลุ่ม พอใช้ข้นึ ไป
ได้

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) -สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ -ผ่านคุณภาพระดบั
1 มวี ินัย คุณลักษณะอนั พึง พอใช้ขนึ้ ไป
2 ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์
3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

11. ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................ ...........................................................

ลงช่ือ
(นายหมสู่ า ผดิ ไรงาม)

หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ความคดิ เห็นรองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
 องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู.้ ................................................................................................
 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้สอดคล้อง...........................................................................
 สาระสำคัญครอบคลมุ ชดั เจน.................................................................................................................
 สาระการเรียนรู้มีความถูกต้องตามหลักวชิ าการ....................................................................................
 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้มีความชดั เจนครอบคลุม 3 ดา้ น.........................................................................
 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน....................................................................................................................
 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค.์ ....................................................................................................................
 ระบภุ าระงาน/ช้นิ งาน............................................................................................................................
 กิจกรรมการเรียนร้เู น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ................................................................................................
 ส่ือและอปุ กรณ์การเรยี นรู้......................................................................................................................
 การวัดและการประเมนิ ตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้................................................................................
 เสนอสง่ แผนการจัดการเรียนรูต้ ามขนั้ ตอนระบบงาน............................................................................
 บันทึกหลงั สอน......................................................................................................................................

ลงชือ่
(นายอับดลรอศักดิ์ มณีโส๊ะ)

รองผู้อำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ

13. ความคิดเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
 อนุญาตใหใ้ ช้จดั การเรียนการสอนได้
 ควรปรับปรงุ คือ
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................

ลงชอ่ื
(นายสริ วุฒิ ยุนยุ้ )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวทิ ยา

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 15

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31251 รายวชิ า ชีววิทยา 1

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม เร่ือง ยนี บนโครโมโซมเพศและยนี บนโครโมโซมเดยี วกัน

เวลา 3 ชั่วโมง ชื่อผสู้ อน นางสาววิชดุ า พรหมคงบุญ

1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบัติและหน้าที่ของสาร

พันธุกรรม การเกิดมิวเทชัน เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ หลักฐาน ข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวติ
ภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกิดสปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ กำเนิดของสิ่งมีชีวิต ความ
หลากหลายของสงิ่ มชี ีวิต และอนุกรมวิธาน รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
16. สืบคน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย
ของพันธศุ าสตร์เมนเดล
18. อธิบายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมด้วยยีนบน
ออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศ

2. สาระสำคัญ
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล

เรียกลักษณะเหล่านี้ว่า ลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล เช่น ความเด่นไม่สมบูรณ์
ความเดน่ ร่วม มลั ตเิ พิลแอลลลี ลักษณะควบคุมด้วยยีนหลายคู่ การถา่ ยทอดยีนบนโครโมโซมเพศ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1. สืบคน้ ขอ้ มูล วเิ คราะห์ และอธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีเป็นมัลติเปลิ แอลลีล และพอ
ลิยนี
2. อธบิ ายการถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม และยกตัวอยา่ งลักษณะทางพันธุกรรมท่ีถกู ควบคมุ ด้วยยีนบนออ
โตโซมและยีนบนโครโมโซมเพศ
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถทำงานเปน็ กล่มุ รว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1 มีวินยั
2 ใฝเ่ รยี นรู้
3 มุ่งมัน่ ในการทำงาน

3. สาระการเรยี นรู้
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมบางลักษณะให้อัตราส่วนที่แตกต่างจากผลการศึกษาของเมนเดล

เรยี กลักษณะเหล่านว้ี ่า ลกั ษณะทางพันธุกรรมทเี่ ป็นส่วนขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล เช่น การขม่ ไมส่ มบรู ณ์ การ
ข่มร่วมกัน มัลติเปลิ แอลลลี ยนี บนโครโมโซมเพศ และพอลยิ ีน

4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด

5. ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มีวินัย
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

6. ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา

7. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
- ชดุ กจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาชุดท่ี 3 เร่ือง ยีนบนโครโมโซมเพศและยีนบนโครโมโซม

เดยี วกนั

8. กิจกรรมการเรียนรู้ ใชว้ ิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้ันสรา้ งความสนใจ
1.1 ครูชี้แจงจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ
1.2 ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับออโตโซมและโครโมโซมเพศ ครูตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การ

อภปิ รายว่า การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซมเพศแตกต่างจากการถ่ายทอดยนี ท่ีอยบู่ นออโตโซมอยา่ งไร
1.3 ครตู ัง้ คำถามว่า ยนี ทคี่ วบคมุ ลักษณะต่างๆ ของสงิ่ มชี วี ติ แตล่ ะชนิดมจี ำนวนมาก ยีนท่ีอยู่บน

โครโมโซมเดยี วกนั จะมหี ลักการการถา่ ยทอดเหมอื นกับการทดลองของเมนเดลหรือไม่
2) ข้ันสำรวจและคน้ หา
2.1 แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มละ 3 คน คละเพศและความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่มประกอบไป

ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยพิจารณาจากผลการเรียนของนักเรียนในภาคเรียนที่ผ่านมา ให้นักเรียน
แตล่ ะกลุ่มแบ่งหน้าทร่ี บั ผดิ ชอบกนั

2.2 นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมารบั ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาชุดที่ 3
เรอื่ ง ยีนบนโครโมโซมเพศและยีนบนโครโมโซมเดียวกัน คนละ 1 ชดุ จากครู

2.3 นักเรียนฟังคําชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการใช้ชดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทักษะการแก้โจทยป์ ัญหา บทบาท
ของนักเรียนในระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ เวลาที่ใช้
เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล จากครใู หเ้ ข้าใจ

2.4 นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียนจํานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที เพื่อประเมินความรู้เดิม
หลังจากนัน้ สง่ กระดาษคําตอบคนื ครู ครตู รวจคำตอบแลว้ แจง้ คะแนนใหน้ กั เรยี นทราบ

2.5 ก่อนลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนศึกษาคําชี้แจงของแต่ละกิจกรรมให้เข้าใจ
หากนักเรยี นยงั ไม่เขา้ ใจใหน้ ักเรียนขอคาํ แนะนาํ จากครูทันทีเพื่อใหเ้ กิดความเข้าใจมากยิง่ ขึน้

2.6 นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยความตั้งใจ ให้ความร่วมมือในการทํางานกลุ่ม ร่วม
แสดงความคดิ เหน็ และมีความรับผดิ ชอบตอ่ งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

2.7 หลังจากนกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้เสร็จสิน้ แล้วทกุ กจิ กรรม ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละ
กลุ่มมารับเฉลยใบกิจกรรมเพื่อนําไปตรวจคาํ ตอบและแก้ไขคาํ ตอบให้ถูกต้อง หลังจากนัน้ บันทึกคะแนนท่ีได้ลงใน
แบบบนั ทึกคะแนนแนบทา้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ของนกั เรยี น

2.8 นกั เรยี นทําแบบทดสอบหลังเรียน จํานวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 10 นาที
3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป

3.1 ครูสุ่มนักเรียนออกมาเพื่อเฉลยกิจกรรม โดยแสดงวิธีทำและอธิบายให้เพื่อน เข้าใจว่าแบบ
ฝึกในแต่ละข้อมีแนวคดิ หรอื วธิ คี ิดอยา่ งไร

3.2 นกั เรียนสง่ ชุดกจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปญั หาคนื เพื่อใหครนู ําไปบันทึกคะแนน
3.3 ครูตงั้ คำถามเพ่ือร่วมอภปิ รายกับนกั เรียน ดงั น้ี

- จากผลการทดลองการถ่ายทอดลักษณะสีตาของแมลงหว่ี ทราบหรือไม่ว่าลักษณะใด
เป็นลักษณะเด่นและลกั ษณะใดเปน็ ลกั ษณะดอ้ ย (ตาสแี ดงเป็นลกั ษณะเดน่ ตาสขี าวเป็นลักษณะดอ้ ย)

- แมลงหว่ีเพศเมียจะมีโอกาสมตี าสขี าวได้หรือไม่ อยา่ งไร (เพศเมียจะมโี อกาสมีตาสีขาว
ได้ เมื่อมยี ีนควบคมุ ตาสีขาวบนโครโมโซม X ทไ่ี ดร้ ับมาจากพ่อและแม่)

- เมื่อผสมสลับลักษณะระหวา่ งเพศเมียและเพศผู้ โดยผสมแมลงหว่ีเพศเมียตาสีขาวกบั
เพศผ้ตู าสีแดง ผลท่ีไดจ้ ะแตกตา่ งจากแมลงหว่ีเพศเมียตาสแี ดงพนั ธ์แุ ทผ้ สมกับเพศผู้ตาสีขาวหรือไม่

(แตกต่างโดยในรุ่น F1 จะไดแ้ มลงหวี่เพศเมยี ตาสีแดง และเพศผตู้ าสีขาว เมอ่ื นำารุ่น F1
มาผสมกันจะได้รุ่น F2 ทมี่ ีเพศเมียตาสแี ดง เพศเมยี ตาสขี าว เพศผูต้ าสีแดง และเพศผูต้ าสีขาว)

- แมลงหวี่ตัวสีน้ำตาลปีกปกติรุ่น F1 ที่เป็นเฮเทอโรไซกัสสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้กี่ชนิด
อะไรบา้ ง (โครโมโซมเป็นแหล่งรวมของยนี ดังนั้นแต่ละโครโมโซมซ่ึงมยี ีนจำานวนมาก และจากการผสมพันธ์ุแมลง
หวี่ตัวสีน้ำตาลปีกปกติที่มีจีโนไทป์ที่เป็นเฮเทอโรไซกัสในรุ่นพ่อแม่จะสร้างเซลล์สืบพันธุ์ได้ 2 แบบ คือ b+ vg+
และ b vg)

3.4 นกั เรยี นร่วมกนั สรุปเกีย่ วกับยนี บนโครโมโซมเดยี วกนั พร้อมยกตัวอยา่ ง ลงสมดุ
(การถา่ ยทอดลักษณะที่ควบคุมด้วยยนี บนออโตโซม จะปรากฏทง้ั สองเพศได้เทา่ ๆ กัน ส่วนการ
ถา่ ยทอดลักษณะทค่ี วบคุมดว้ ยยนี บนโครโมโซม X จะปรากฏลักษณะในเพศหนึง่ มากกวา่ อกี เพศหนงึ่ แล้วแตว่ ่ายีน
บนโครโมโซม X เป็นแอลลีลเด่นหรือแอลลีลด้อย ถ้าเป็นแอลลีลเด่นจะปรากฏลักษณะในเพศหญิงมากกว่าเพศ
ชาย เช่น ลักษณะฟันเป็นสีน้ำตาล ถ้าเป็นแอลลีลด้อยจะปรากฏลักษณะในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง เช่น
ลักษณะตาบอดสี ฮโี มฟิเลีย โรคกลา้ มเนอ้ื แขนขาลีบ เปน็ ตน้ )
3.5 นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกบั ยนี บนโครโมโซมเพศ พรอ้ มยกตัวอย่าง ลงสมดุ
(ยีนบนโครโมโซมเดียวกันจะถ่ายทอดไปด้วยกัน แต่การเกิดครอสซิงโอเวอร์ที่มีการแลกเปลี่ยน
ชิ้นส่วนของโครมาทิดจะมีผลทำใหย้ ีนบนโครโมโซมเดยี วกันที่เคยถ่ายทอดไปด้วยกนั บางส่วนจะต้องแยกออกจาก
กนั และเกิดรีคอมบิเนชนั (recombination) ไปปรากฏในเซลลส์ บื พนั ธุ์เดยี วกนั ไดเ้ ม่อื เกิดการผสมพันธุจ์ งึ ก่อให้เกิด
ลกั ษณะที่มคี วามแปรผัน ซึ่งมีความสำคญั ต่อววิ ัฒนาการ)
3.6 ครแู จ้งคะแนนสอบหลังเรยี นใหน้ ักเรยี นทราบ

4) ขั้นขยายความรู้
ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนว่า การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซมเพศ เรียกว่ายีนที่เกี่ยวเนื่องกับ

เพศ หากยีนมีตำแหน่งบนโครโมโซม X เรียกว่ายีนบนโครโมโซม X (X-linked gene) ถ้ายีนมีตำแหน่งบน
โครโมโซม Y เรยี กวา่ ยีนบนโครโมโซม Y (Y-linked gene)

5) ข้ันประเมิน
5.1 ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างท่ี

ยังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเข้าใจ
5.2 นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใด และไดม้ ีการ

แก้ไขอย่างไรบา้ ง
5.3 ดา้ นความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม การทำกจิ กรรม และแบบทดสอบ
5.4 ด้านทักษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการทำกิจกรรมสืบค้นข้อมูล การทำ

กจิ กรรม การสื่อสาร และการทำงานเปน็ กลุ่ม
5.5 ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม การอภิปราย

และความกระตอื รือรน้ ในการเรียน

9. ส่ือการเรียนรู้
9.1 หนงั สอื เรียนรายวิชาชีววทิ ยา เล่ม 2
9.2 ชดุ กจิ กรรมแบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ัญหาชดุ ที่ 3 เร่ือง ยีนบนโครโมโซมเดยี วกันและยนี บน

โครโมโซมเพศ
9.3 PowerPoint เร่ือง ส่วนขยายของเมนเดล

10. การวดั ผลประเมินผลและเกณฑก์ ารประเมิน

รายการวดั วิธวี ัดผล เคร่ืองมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ
ผา่ นรอ้ ยละ 60 ขนึ้
ดา้ นความรู้ (K) ไป

1. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอธิบายการ -ตรวจใบกิจกรรม -กิจกรรมที่ 1 เร่ือง ยนี -ผา่ นคุณภาพระดับ
พอใช้ขึน้ ไป
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นมัลติ -ตรวจ บนโครโมโซมเดียวกนั

เปลิ แอลลลี และพอลยิ ีน แบบทดสอบ - กจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง ยนี

2. อธิบายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และ บนโครโมโซมเพศ

ยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูก - แบบทดสอบหลังเรยี น

ควบคุมด้วยยีนบนออโตโซมและยีนบน

โครโมโซมเพศ

ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)

นักเรยี นสามารถทำงานเปน็ กลุ่มรว่ มกับผู้อนื่ - สงั เกตพฤติกรรม -แบบสังเกตพฤติกรรม

ได้ การทำงานเปน็ กลุ่ม

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) -สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมิน -ผ่านคุณภาพระดับ
1 มีวนิ ัย คุณลักษณะอนั พงึ พอใช้ขึ้นไป
2 ใฝเ่ รียนรู้ ประสงค์
3 ม่งุ มนั่ ในการทำงาน

รายการวัด วิธวี ัดผล เครือ่ งมือวดั ผล เกณฑ์การประเมนิ
-สงั เกตพฤตกิ รรม
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น - แบบประเมินสมรรถนะ -ผา่ นคุณภาพระดบั
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร -สงั เกตพฤตกิ รรม สำคญั ของผูเ้ รียน พอใช้ขึน้ ไป
2. ความสามารถในการคดิ
- แบบประเมินทักษะ -ผา่ นคุณภาพระดบั
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 แห่งศตวรรษที่ 21 พอใช้ขึ้นไป
การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแก้ปัญหา

11. ความคดิ เหน็ ของหวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
............................................................................................................................. .......................................................
........................................................................................................................ ...........................................................

ลงชอื่
(นายหมู่สา ผดิ ไรงาม)

หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

12. ความคดิ เห็นรองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
 องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู.้ ................................................................................................
 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้สอดคล้อง...........................................................................
 สาระสำคัญครอบคลมุ ชดั เจน.................................................................................................................
 สาระการเรียนรู้มีความถูกต้องตามหลักวชิ าการ....................................................................................
 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้มีความชดั เจนครอบคลุม 3 ดา้ น.........................................................................
 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน....................................................................................................................
 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค.์ ....................................................................................................................
 ระบภุ าระงาน/ช้นิ งาน............................................................................................................................
 กิจกรรมการเรียนร้เู น้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ................................................................................................
 ส่ือและอปุ กรณ์การเรยี นรู้......................................................................................................................
 การวัดและการประเมนิ ตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้................................................................................
 เสนอสง่ แผนการจัดการเรียนรูต้ ามขนั้ ตอนระบบงาน............................................................................
 บันทึกหลงั สอน................................................................................................................ ......................

ลงชือ่
(นายอบั ดลรอศักด์ิ มณีโส๊ะ)

รองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวชิ าการ

13. ความคิดเห็นผอู้ ำนวยการโรงเรียน
 อนุญาตใหใ้ ช้จดั การเรียนการสอนได้
 ควรปรับปรงุ คือ
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................

ลงชอ่ื
(นายสิรวุฒิ ยุน้ยุ )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวทิ ยา

ภาคผนวก ข

ชดุ กิจกรรมแบบฝกึ ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หา







ภาคผนวก ค

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นโดยใช้แบบฝกึ ทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาทางพนั ธุศาสตร์
รายวิชาชีววิทยา 1 หน่วยที่ 4 การถ่ายทอดลักษะทางพนั ธกุ รรม
ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ

คําช้ีแจง
1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลือก จํานวน 30 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน
2. ให้นกั เรยี นเลอื กคําตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพียงข้อเดียว โดยทาํ เครอ่ื งหมาย X ลงในกระดาษคําตอบ
3. ใช้เวลาทําแบบทดสอบ 50 นาที

1. จากการผสมต้นพืชดอกสีแดงใบกว้างกับต้นพืชสีขาวใบแคบ พบว่าเกิดต้นพืชดอกสีชมพูใบกว้างปานกลาง

เหตุผลในข้อใดถูกตอ้ งที่สดุ

ก. ดอกสีแดงเปน็ ลักษณะเด่นสมบรู ณ์ และใบกว้างแสดงลักษณะเด่นสมบรู ณ์

ข. ดอกสีแดงเปน็ ลักษณะเดน่ ไมส่ มบูรณ์ และใบกว้างเปน็ ลักษณะเดน่ ไมส่ มบูรณ์

ค. ดอกสแี ดงเปน็ ลกั ษณะเด่นร่วม และใบกวา้ งเป็นลักษณะเด่นรว่ ม

ง. ดอกสแี ดงเปน็ ลักษณะเด่นไม่สมบรู ณ์ และใบกว้างเปน็ ลักษณะเด่นรวม

2. ในการผสมพันธ์ุตน้ ลิ้นมังกรพันธแุ์ ท้ลักษณะใบกว้างกับพนั ธ์แุ ทล้ ักษณะใบแคบ ถา้ การถา่ ยทอดลักษณะของ

ใบลน้ิ มังกรเปน็ ลกั ษณะเด่นไมส่ มบูรณ์ จงหาอัตราสว่ นของฟโี นไทปใ์ นรนุ่ F2

ก. ลักษณะใบกว้าง : ลกั ษณะใบแคบ 3 : 1

ข. ลักษณะใบกว้าง : ใบปานกลาง : ใบแคบ 2 : 1 : 2

ค. ลักษณะใบกว้าง : ใบปานกลาง : ใบแคบ 1 : 2 : 1

ง. ลกั ษณะใบกว้าง : ใบปานกลาง : ใบแคบ 1 : 1 : 1

3. ในการผสมพันธุ์ระหวา่ งวัวพนั ธ์แุ ท้ท่ีมขี นสแี ดงเพศผู้กบั วัวพันธ์แุ ท้ที่มีขนสีขาวเพศเมยี จะไดล้ กู รุ่น F1 ทม่ี ีขน

สีน้ำตาลทัง้ หมด เม่ือให้รุ่น F1 ผสมกันเอง จงหาอตั ราสว่ นของรนุ่ F2 ทม่ี ีสขี นเหมือนพ่อและเหมือนแม่

ก. มลี ักษณะขนสีแดงเหมือนพ่อ 1/2 และมลี ักษณะขนสีขาวเหมือนแม่ 1/2

ข. มีลกั ษณะขนสีแดงเหมือนพ่อ 3/4 และมลี ักษณะขนสีขาวเหมือนแม่ 1/4

ค. มลี กั ษณะขนสีแดงเหมือนพอ่ 1/4 และมีลักษณะขนสีขาวเหมอื นแม่ 3/4

ง. มลี ักษณะขนสแี ดงเหมอื นพอ่ 1/4 และมลี ักษณะขนสีขาวเหมือนแม่ 1/4

4. เม่อื ทำการผสมดอกชบาสสี ้มกับดอกสสี ม้ ได้ตน้ ลูกรนุ่ ที่ 1 เปน็ ดอกสแี ดง : สีส้ม : สีเหลอื ง =1 : 2 : 1 ถ้านำ

ตน้ ลูกท่มี ีดอกสีแดงไปผสมกบั ต้นลูกที่มดี อกสีส้มตน้ พชื ที่ได้จะมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร

ก. ดอกสสี ้ม : ดอกสีแดง = 1:1 ข. ดอกสีส้ม : ดอกสีแดง = 3:1

ค. ดอกสีส้ม : ดอกสีเหลือง = 3:1 ง. ดอกสสี ้มท้ังหมด

5. ลกั ษณะเสน้ ผมในมนษุ ย์มีจีโนไทป์ 3 รูปแบบ ดังนี้ จโี นไทป์ HCHC แสดงลกั ษณะผมหยกิ HSHS แสดง
ลักษณะผมเหยยี ดตรง และ HCHS แสดงลักษณะผมเป็นลอนหรือหยักศก ถ้าพ่อมีผมหยิกและแม่มผี มหยักศก

ลูกที่เกิดมาจะมจี โี นไทป์อย่างไรบา้ ง

ก. HCHS ข. HCHS และ HSHS
ค. HCHC และ HCHS ง. HCHS HCHC และ HSHS

6. ถ้าผสมดอกบานเยน็ สีแดงกบั สีขาวได้ลูกผสมทเี่ ปน็ สีชมพหู มด ถา้ ผสมดอกบานเย็นสีชมพกู ับสีแดงควรจะได้

ฟีโนไทป์กี่แบบ

ก. 1 แบบ ข. 2 แบบ ค. 3 แบบ ง. 4 แบบ

7. ในต้นบานเย็นดอกสีแดงเป็นลักษณะการข่มไม่สมบูรณ์ต่อดอกสีขาว เมื่อผสมกันจะได้ลูกผสมดอกสีชมพู

และลักษณะใบกว้างเป็นลักษณะการข่มไมส่ มบรู ณ์ต่อลักษณะใบแคบ ซึ่งเมอ่ื ผสมกันจะได้ลูกผสมใบกว้างปาน

กลาง ถ้าผสมกันระหว่างดอกสีแดงใบกว้างกับดอกสีขาวใบแคบแล้ว ให้ลูกรุ่น F1 ผสมกันเองจะไดลูกผสมรุ่น

F2 ท่มี ี ลักษณะดอกสชี มพูใบกว้างปานกลางเปน็ เท่าใด

ก. ร้อยละ 12.50 ข. ร้อยละ 25 ค. ร้อยละ 50 ง. รอ้ ยละ 62.50

8. ข้อใดกล่าวถงึ ลกั ษณะของการขม่ ร่วมกัน

ก. พอ่ แม่หมเู่ ลอื ด A และ B มลี ูกชายหมู่เลอื ด AB

ข. ผสมถัว่ ต้นสูงและต้นเตยี้ พบว่า ลกู ท่เี กดิ มามีลกั ษณะสูงทั้งหมด

ค. ดอกชบาสีแดงและสขี าวผสมกนั ไดล้ ูกรนุ่ ที่ 1 ดอกสชี มพูทั้งหมด

ง. ผสมหนสู ีขาวและหนูสีดำพบว่า ได้ลูกหนูมสี ีขาวและสีดำในอตั ราสว่ น 1 : 1

9. ลกั ษณะทางพันธุกรรมในข้อใดท่ีเปน็ การแสดงออกของยีนท่นี อกเหนือกฎของเมนเดล

ก. ตาบอดสี สขี องผิว มลี ักยิม้

ข. ผมหยกิ ผิวเผอื ก โรคฮโี มฟิเลยี

ค. โรคธาลัสซเี มยี ผวิ เผอื ก ตาสองชัน้

ง. หมูเ่ ลือด AB ผมหยิก สขี องดอกชบา

10. ผหู้ ญิงคนหนง่ึ มหี มูเ่ ลือด MN ใหก้ ำเนดิ บตุ รหมูเ่ ลือด M มผี ชู้ าย 3 คน ที่อยู่ในขา่ ยตอ้ งสงสัยว่าจะเป็นบดิ า

ของเด็ก โดยนาย ก. มหี มู่เลือด M นาย ข. มหี ม่เู ลอื ด MN นาย ค. มีหมเู่ ลอื ด N ผชู้ ายในข้อใดทนี่ ่าจะเป็นบิดา

ของเด็กคนน้นั ได้

ก. นาย ก. และ นาย ข. ข. นาย ก. และ นาย ค.

ค. นาย ข. และ นาย ค. ง. นาย ก. นาย ข. และ นาย ค.

11. การตรวจหมเู่ ลือดไมอ่ าจพสิ ูจน์ได้วา่ ทารกเป็นลูกของสามีท่กี ำลังจะฟ้องหย่าฐานภรรยามีชู้ ยกเว้นข้อใดท่ี

สามารถพสิ จู น์ไดว้ า่ ทารกไมใ่ ช่ลูกของสามแี นน่ อน

ก. สามีภรรยาต่างมเี ลอื ดกลมุ่ AB ชู้มเี ลือดกลุ่ม O

ข. สามภี รรยาตา่ งมีเลือดกลุ่ม O ชู้มเี ลือดกลุ่มอะไรกไ็ ด้ยกเว้นกลุม่ AB

ค. สามีภรรยาต่างมีเลอื ดกลุ่ม A ชู้มเี ลอื ดกลุ่ม B

ง. สามภี รรยาตา่ งมีเลอื ดกลุ่ม O ชู้มีเลอื ดกลุ่ม AB

12. ถ้าแมม่ เี ลอื ดหมู่ B คลอดลูกแฝดมีหมู่เลอื ดเป็น O และ A พ่อควรจะมหี ม่เู ลือดเปน็ หมู่ใด

ก. หมู่เลือด O ข. หมูเ่ ลอื ด B

ค. หมู่เลอื ด A ง. หมเู่ ลอื ด A หรอื O

13. หมู่เลอื ดแบบต่างๆในคนเปน็ ตัวอย่างทแ่ี สดงถงึ อะไร

ก. ความแปรผันไม่ตอ่ เน่ือง ข. ความแปรผันตอ่ เน่ือง

ค. ขอ้ ดขี อง heterozygous ง. การคัดเลือกแบบ disruptive

14. คสู่ ามภี รรยาทีม่ ีฟีโนไทป์ในขอ้ ใดจะไมม่ ีโอกาสมลี กู เป็นหมู่เลอื ด O

ก. A x O ข. A x B ค. B x O ง. AB x O

15. พ่อและแม่เป็น heterozygous สำหรับหมู่เลอื ด A และหมู่เลือด B ตามลำดับโอกาสท่ีสามภี รรยาคู่นี้จะมี

ลูกคนแรกเป็นชายและมหี มู่เลือด O คือรอ้ ยละเท่าใด

ก. ร้อยละ 0 ข. รอ้ ยละ 12.50 ค. ร้อยละ 25 ง. รอ้ ยละ 75

16. ยีนในตำแหน่งเดียวกันของโครโมโซมหนึ่งมี 3 แอลลีล ซึ่ง 2 แอลลีลแสดงสมบัติเด่นเท่ากัน ส่วนอีกแอล

ลีลหนึ่งมีสมบตั ดิ อ้ ย ฟีโนไทป์ ทีเ่ กิดจากยีนเหล่านี้มไี ด้กแี่ บบ

ก. 2 แบบ ข. 3 แบบ ค. 4 แบบ ง. 6 แบบ

17. เมื่อผสมต้นถ่ัวพันธุ์แท้ท่ีมีน้ำหนักเมล็ด 60 กรัม กับ 40 กรัม จะได้รุ่น F1 มีน้ำหนัก 50 กรัมท้ังหมด และ

เมื่อผสมรุ่น F1 กันเอง จะได้รุ่น F2 ที่มีน้ำหนัก เมล็ด 60 : 55 : 50 : 45 : 40 กรัม ในอัตราส่วน 1: 4 : 6 : 4 :

1 ตามลำดบั คำตอบขอ้ ใดอธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะน้ำหนกั เมลด็ ถกู ต้องท่ีสดุ

ก. ควบคมุ โดยยีนข่มไม่สมบูรณ์

ข. ควบคมุ โดยยีนมากว่า 1 คู่

ค. ควบคมุ โดยยนี ขม่ ไมส่ มบูรณ์และส่งิ แวดล้อม

ง. ควบคมุ โดยอทิ ธิพลทอี่ ยู่นอกเหนือกฎของเมนเดล

18. ลักษณะสขี องดอกชบาควบคุมโดยยีนแบบมัลติเปลิ แอลลีลโดยมีสีแดงเป็นลักษณะเด่น (A) สเี หลือง (a1) สี

ชมพู (a2) และสีขาว (a) เป็นลักษณะด้อย การข่มกันของยีนท้ัง 4 แอลลีลน้ีเป็นไปอย่างมีลำดับ A a1 a2 และ

a ถ้าตอ้ งการดอกชบาสีเหลอื งและสีชมพูในรุ่นลกู จะต้องผสมดอกชบาที่มจี โี นไทป์เป็นอย่างไร

ก. Aa2 x a1a2 ข. Aa1 x a1a1

ค. AA x a1a2 ง. a1a1 x a2a2
19. กำหนดให้แอลลีล c ควบคุมขนสีขาว ch ควบคุมสีฮิมาลายนั cch ควบคมุ สเี งินเทา และ c+ ควบคมุ น้ำตาล

รุ่น P กระตา่ ยสีเงินเทา x สฮี ิมาลายนั

รุ่น F1 2 สีเทาเงิน : 1 สีฮิมาลายัน : 1 สีขาว
สีเงินเทา (F1) x น้ำตาล

รุ่น F2 นำ้ ตาลทกุ ตวั

จงเรยี งลำดับของแอลลลี จากลักษณะเด่นไปหาลักษณะด้อย

ก. cch → c+ → c → ch

ข. ch → c+ → cch → c

ค. c+→ cch → ch → c

ง. c → cch → c+ → c

20. ยนี W W’ และ w เป็นมัลตเิ ปิลแอลลีลในแมลงหวี่ โดยที่ W ควบคุมลักษณะตาสีแดง W’ ควบคุม

ลักษณะตาสีสม้ และ w ควบคุมลักษณะตาสีขาว ถ้าแมลงหว่ีเพศผู้ตาสีสม้ ผสมกับแมลงหวี่เพศเมยี ที่มจี โี นไทป์

Ww ลูกจะมีตาสีสม้ : แดง : ขาว ในอัตราส่วนเท่าใด

ก. 1 : 2 : 1 ข. 1 : 1 : 1

ค. 2 : 1 : 1 ง. 1 : 1 : 2

21. ครอบครัวตระกูลหนึ่งไม่มีประวัตัการแต่งงานในหมู่เครือญาติ แต่พบผู้ชายส่วนมากเป็นโรคกรรมพันธุ์

เก่ียวกบั กล้ามเนอ้ื ลีบผิดปกติ ทั้งในรนุ่ ลกู หลาน และเหลน สมมตฐิ านท่ดี ีทีส่ ุดเก่ียวกับแบบพันธุประวัตินี้ควร

เปน็ อยา่ งไร

ก. โรคนี้ควบคุมโดยยีนดอ้ ยทม่ี อี ยู่ในประชากร

ข. ลักษณะนี้ถ่ายทอดโดยยีนด้อยทอี่ ยู่ในโครโมโซม Y

ค. โรคนคี้ วบคมุ โดยยีนเดน่ ทอ่ี ยู่บนโครโมโซม X

ง. ลักษณะนี้ถา่ ยทอดโดยยีนด้อยทเ่ี กยี่ วกบั เพศ

22. สามีภรรยาลักษณะปกติ ให้กำเนิดคู่แฝดชายหญิงคู่หน่ึง แฝดชายมีอาการตาบอดสี โอกาสที่แฝดหญิงจะ

เป็นตาบอดสีร้อยละเทา่ ใด

ก. ร้อยละ 0 ข. ร้อยละ 25 ค. รอ้ ยละ 50 ง. รอ้ ยละ 80

23. ลักษณะฮีโมฟิเลียควบคุมโดยยีนด้อย (h) บนโครโมโซมเพศ ส่วนลักษณะถนัดขวาควบคุมโดยยีนเด่น (R)

บนโครโมโซมร่างกายจากการแต่งงานระหว่างชายปกติถนัดซ้ายกับหญิงปกติถนัดขวา แต่มีบิดาถนัดซ้ายและ

เป็นโรคฮีโมฟิเลยี ด้วย โอกาสทบ่ี ตุ รเพศใดจะเป็นโรคฮิโมฟิเลียและถนัดขวาอัตราสว่ นเทา่ ใด

ก. ชาย 1/8 ข. หญิง 1/8 ค. ชาย 1/4 ง. หญิง1/4

24. หญิงปกติมีพ่อตาบอดสี แม่มีอาการพร่องเอนไซม์ A ซึ่งควบคุมด้วยยีนด้อยบนโครโมโซม X หญิงคนน้ี

แต่งงานกับชายลักษณะปกติ โอกาสที่จะมีลูกชายตาบอดสีและพร่องเอนไซม์ร้อยละเท่าใด (ถ้าไม่มีการ

แลกเปลี่ยนระหว่างยีนทง้ั ค)ู่

ก. รอ้ ยละ 0 ข. รอ้ ยละ 25 ค. รอ้ ยละ 40 ง. ร้อยละ 50

25. สามี ภรรยา ทั้งคู่มีตาปกติสีน้ำตาล มลี ูกชายคนแรกตาบอดสีสีฟ้า จโี นไทป์ ของสามภี รรยาคู่น้ีแสดงในข้อ

ใด

ก. BbXCXc x BbXCy ข. BbXCXC x BbXCy

ค. BBXCXc x BbXCy ง. BbXCXc x BBXCy

26. พอ่ แมค่ หู่ น่ึงมลี กู สาวและลูกชายตาปกติ ตอ่ มาลกู สาวไปแต่งงานกับชายคนหนึ่งมลี กู ชายสองคน คนหน่ึง

ตาบอดสี อกี คนหน่ึงตาปกติ จีโนไทป์ ของลกู สาวและสามีน่าจะเปน็ แบบใด (C = ตาปกติ c = ตาบอดส)ี

ก. XcY XCXC ข. XCY XCXc ค. XcY XcXc ง. XCY XCXC

27. บคุ คลใดจากภาพมโี อกาสเป็น homozygous และ heterozygous ตามลำดบั

ก. I – 1, I – 2 ข. II – 1, II – 2
ค. III – 2, III – 3 ง. III– 4, III – 5

28. ยนี C และ D ควบคมุ ลักษณะตัวสเี หลืองและปีกยาวในแมลงหวี่ โดยขม่ ยีน c และ d ทีค่ วบคุมลักษณะตัว

สดี ำและปกี สั้นตามลำดับ เมอ่ื ผสมพันธร์ุ ะหว่างแมลงหวี่จีโนไทป์ CcDd x ccdd ได้ลกู ตวั สีเหลอื งปีกยาว และ

ตัวสดี ำ ปีกสั้นอยา่ งละประมาณร้อยละ 50 แตไ่ ม่พบลักษณะอ่นื เลยเป็นเพราะเหตุใด

ก. เกดิ มวิ เทชันในยีน C หรอื D

ข. ยีนสองคู่นอ้ี ยู่ในโครโมโซมเดียวกัน

ค. เกดิ ครอสซิงโอเวอร์ทำให้ยีนจบั กลุม่ กนั ใหม่

ง. ยีนสองคู่นม้ี กี ารจัดกลุ่มกันตามกฎขอ้ ทส่ี องของเมนเดล

29. ลิงคย์ นี ในแมลงหว่ีตัวผูเ้ ป็นลงิ คย์ ีนประเภทสมบรู ณ์ ถ้ายนี A และ B เปน็ ลิงคย์ ีน แมลงหวตี่ วั เมยี และแมลง

หวตี่ ัวผทู้ มี่ ีจีโนไทป์ เป็น AaBb จะสรา้ งเซลล์สืบพนั ธไ์ุ ด้อย่างละกีช่ นิดตามลำดบั

ก. 4 และ 2 ข. 2 และ 4 ค. 4 และ 4 ง. 2 และ 2

30. ยนี บนโครโมโซมเดียวกันจะมีโอกาสถูกแยกออกจากกันไดโ้ ดย

ก. ยนี มิวเทชัน ข. การไขว้กันของโครโมโซม

ค. การเลือกกลุ่มอย่างอสิ ระของยีน ง. ตามกฎแหง่ การแยกของเมนเดล


Click to View FlipBook Version