The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wichuda1345, 2022-04-10 04:24:30

การพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนกำแพงวิทยา

ครูมารีย๊ะ

1

รายงานวิจัยในชนั้ เรยี น

การพัฒนาทักษะการพูดสือ่ สารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรียนรูแ้ บบ Ippa model
ร่วมกับการใชเ้ วปไซต์ Live worksheets เรอ่ื ง Membeli belah (การซ้อื ขาย) ของ

นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา

นางมารียะ๊ แดงตี
ตำแหน่ง ครู

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ
โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จงั หวดั สตลู
สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษาสงขลา สตูล

2

ส่วนราชการ โรงเรียนกำแพงวทิ ยา บันทึกขอ้ ความ
ท่ี อำเภอละงู จงั หวดั สตลู
เร่ือง รายงานการวิจัยในช้ันเรยี น วนั ท่ี เดอื น พ.ศ. 2565

เรียน ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวิทยา

ตามท่ี ข้าพเจ้า นางมารียะ๊ แดงตี ตำแหน่ง ครู ได้ปฏิบัติการสอน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา
2564 จงึ ได้ดำเนินการวจิ ยั ในชั้นเรยี น เรือ่ งการพฒั นาทักษะการพดู สื่อสารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรยี นรู้
แบบ Ippa model รว่ มกบั การใชโ้ ปรแกรม Live worksheets เร่ือง Membeli belah (การซอื้ ขาย) ของนักเรยี น
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นกำแพงวิทยา
ตามข้อตกลงในการพฒั นางานทเี่ ป็นประเด็นทา้ ทายในการพัฒนาผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ของผเู้ รยี น

บัดน้ี ขา้ พเจา้ ได้ดำเนนิ การเสรจ็ สิ้นแล้ว จึงขอส่งวจิ ยั ในชั้นเรียน ประจำภาคเรียนท2ี่ ปีการศึกษา
2564 ดังกล่าว แนบมาพรอ้ มน้ี

จงึ เรียนมาเพื่อทราบ

ลงชือ่ .............................................ผู้รายงาน
(นางมารยี ๊ะ แดงตี)
ตำแหนง่ ครู

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของหวั หน้างานวิจยั และพัฒนาคุณภาพการศึกษา
....................................................................................................................................................... .......................
..............................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ................................................
(นางสาววิชดุ า พรหมคงบุญ)

หัวหน้างานวิจยั และพัฒนาคุณภาพการศึกษา

ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผ้ชู ่วยผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ
..................................................................................................................................... .........................................
......................................................................................................... .....................................................................

ลงชื่อ ................................................
(นายประดิษฐ์ รงั สรรค)์

ผชู้ ว่ ยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ

3

ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของรองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
...................................................................................................... ........................................................................
............................................................................................................. .................................................................

ลงชอ่ื ................................................
(นายอบั ดลรอศักด์ิ มณโี ส๊ะ)

รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ

ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผูอ้ ำนวยการ
..............................................................................................................................................................................
................................................................................. ...................................................... .......................................

ลงชื่อ ................................................
(นายสิรวฒุ ิ ยนุ ุย้ )

ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา



ชอื่ เรอ่ื ง การพฒั นาทกั ษะการพูดสื่อสารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรยี นรแู้ บบ Ippa model
ร่วมกบั การใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets เรือ่ ง Membeli belah (การซือ้ ขาย) ของ
ผวู้ จิ ัย นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นกำแพงวทิ ยา
กลมุ่ สาระฯ มารีย๊ะ แดงตี
ปกี ารศกึ ษา ภาษาตา่ งประเทศ
2564

บทคัดยอ่

การวิจัยครั้งนี้ศึกษาการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ
Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา จำนวน 1 ห้องเรยี น รวม 40 คน ซ่งึ ได้มาจากการเลือก
แบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้เวลาในการจัดกิจกรรมการทดลองการพูดภาษามลายู จำนวน 2
ชั่วโมง เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจยั ประกอบดว้ ย แผนการจัดการเรยี นรูภ้ าษามลายเู พื่อการสอื่ สารแบบ IPPA MODEL
ประโยคในการฝึกพูดการสื่อสารในเว็ปไซต์ Live worksheets แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัด
ความพงึ พอใจ ดำเนนิ การทดลองแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียววดั ผลก่อนและหลังการทดลอง (One group Pretest-
Posttest Design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบค่าทีชนิดกลุ่มตัวอย่าง
ไมเ่ ป็นอิสระต่อกัน (t-test dependent group)

ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษามลายูเพื่อการสื่อสารแบบ
IPPA MODEL หลังเรียนสูงกว่ากอ่ นเรียนอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ริ ะดับ .05 นักเรยี นมีคะแนนวดั ผลทักษะการพูด
ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนท้งั หมด และนักเรียนมคี วามพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้
กระบวนการเรยี นรู้แบบ IPPA MODEL ร่วมกบั การใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets ในระดับมากท่ีสดุ



สารบัญ

หน้า

บทคัดย่อ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ก

สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข

สารบญั ตาราง…………………………………………………………………………………………………….………………………… ค

บทท่ี 1 บทนำ……………………………………………………………….…………………………………………….………………… 1

ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา…………….…………………………………………………………………….. 1

วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั …………………………………..…………………………………………………………………… 1

สมมติฐานของงานวิจยั ………………………………………..……………………………………………….………………… 1

ขอบเขตของการวิจยั ……………………………………………..………………………………………………………………. 2

บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง……………….………………………………………………………………………… 3

เอกสารเกีย่ วกับการจัดกิจกรรม………………………………………………………………………………………………… 3

งานวิจยั ท่ีเกีย่ วข้อง………………………………………………………………………………………………………………… 12

บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนนิ การวิจยั ………………………….………………………………………………………..………………………… 13

รูปแบบการวจิ ัย…………………………………………………………………………………………………………………….. 13

ประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง…………………………………………………………………………………………………….. 13

เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู …………………………………………………………………………………….. 13

ขน้ั ตอนการสรา้ งและพัฒนาเครอื่ งมือ………………………………………………………………………………………. 14

การเก็บรวบรวมข้อมลู ……………………………………………………………………………………………………………. 16

การวเิ คราะห์ขอ้ มูล………………………………………………………………………………………………………………… 17

บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล………………………………………………………….……………………………………………. 20

ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล…………………………………………………………………………………………………………….. 20

บทท่ี 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ……………………..…………………………………………….……………….. 23

สรุปผลการวจิ ยั ……………………………………………………………………………………………………………………… 23

อภปิ รายผล…………………………………………………………………………………………………………………………… 25

ขอ้ เสนอแนะ…………………………………………………………………………………………………………………………. 26

บรรณานกุ รม……………………………………………………………………………………………………………………………….. 28

ภาคผนวก……………………………………………………………………………….…………………………………………….……… 29

ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญเปน็ ผู้ตรวจสอบเคร่ืองมือทใี่ ช้ในการวจิ ยั ……………..………………………….. 30

ภาคผนวก ข เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย.........…………………………………………………………………. 32

ภาคผนวก ค เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล....................................................…………… 42

ภาคผนวก ง ภาพแสดงการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 51



สารบญั ตาราง

ตารางท่ี หนา้

1. ตารางที่ 1 ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นภาษามลายู ก่อนเรยี นและหลงั เรียนของนักเรียน 20

ที่ไดร้ บั การจัดการเรียนการสอนภาษามลายูแบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets

เร่ือง Membeli belah

2 ผลการเปรียบเทียบทักษะการพูดสือ่ สารภาษามลายู ก่อนเรยี นและหลงั เรียนของนักเรยี น 21

ท่ไี ดร้ บั การจัดการเรยี นรู้แบบ Ippa model ร่วมกบั การใช้เวปไซต์ Live worksheets

เรอ่ื ง Membeli belah (การซ้อื ขาย)

3. ตารางท่ี 3 คา่ เฉล่ยี สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานและระดับความพงึ พอใจตอ่ การจดั กจิ กรรม 22

การเรยี นรภู้ าษามลายูแบบ แบบ Ippa model ร่วมกบั การใชเ้ วปไซต์ Live worksheets

เร่ือง Membeli belah (การซือ้ ขาย)

1

บทท่ี 1
บทนำ

ความเปน็ มาและความสำคัญของปญั หา
ทักษะการพูดเป็นกระบวนการสร้างและการกระจายความหมายโดยใช้ถ้อยคำและไม่ใช้ถ้อยคำ

เป็นสัญลักษณ์ในบริบทต่างๆ การพูดเป็นส่วนสำคญั ของการเรียนการสอนภาษาทีส่ อง แม้ว่าการพูดมีความสำคัญ
แต่เมื่อหลายปีก่อนการสอนทักษะพูดถูกประเมินค่าต่างๆและการสอนภาษานั้นเป็นเพียงการทำแบบฝึกหัดช้า ๆ
หรือการทอ่ งจำบทสนทนาเท่านนั้ อยา่ งไรก็ตามโลกปัจจบุ ันได้กำหนดเปา้ หมายของการสอนทักษะการพูดเป็นการ
พัฒนาการสื่อสารของนักเรียน เนื่องจากวิธีการสอนนั้นนักเรียนสามารถแสดงความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ ซึ่ง
เป็นการเรียนรูว้ ิธีการปฏิบัติตนตามกฎระเรยี บของสังคมและวัฒนธรรมที่เหมาะสม แต่กรณีของการติดต่อสื่อสาร
นั้นเน้นการสอนเพื่อให้นักเรียนภาษาที่สองได้มีวิธีที่ดีที่สุดในการพูด (Sasson. 2007 : Web site) นักเรียนส่วน
ใหญ่ถือเอาความสามารถในการพดู เปน็ เพียงเคร่ืองวัดความสำเร็จในแง่ความสามารถในการสนทนาโต้ตอบซึ่งเป็น
เป้าหมายของภาษา ดังนั้นถ้าผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะการพูดด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อฝึกพูดและสร้างความ
มั่นใจจะทำให้สามารถพูดสื่อสารได้ในชีวิตประจำวันและในสถานการณ์ต่างๆได้ผ่าน เกณฑ์ที่กำหนดในระดับมาก
ขนึ้ ไป ในระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2

จากการได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในรายวิชาภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร ระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ การซื้อขาย จากการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา พบว่า ผู้เรียนบางส่วน
ค่อนข้างจะมีปัญหาในการพูดสื่อสาร เนื่องจากผู้เรียนขาดการฝึกฝนบ่อยๆ ซ้ำๆ ในการทำกิจกรรมและไม่มีความ
มั่นใจในการพูด ผู้สอนจึงแก้ไขปัญหาโดยการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายูด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบ
Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) สามารถช่วยให้
ผู้เรียนได้รับการพัฒนาทักษะการพูดดีข้ึน และมีทักษะ ในการพูด ด้วยเหตุนี้ผู้สอนจึงจัดทำข้อตกลงในการพัฒนา
งานประเด็นท้าทาย โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบ Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live
worksheets เพื่อพัฒนาการพูดสื่อสารภาษามลายู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ในภาคเรียนที่ 2
ปกี ารศกึ ษา 2564

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อเปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าภาษามลายูเพ่ือการสื่อสาร ก่อนเรยี นและหลังเรียน

ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนแบบ Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live worksheets เรื่อง
Membeli belah (การซ้อื ขาย)

2. เพื่อพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) โดยใช้
กระบวนการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets มคี ะแนนจากการประเมินทักษะ
การพดู ส่ือสารภาษามลายู ผ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรยี นท้ังหมด

3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้
โปรแกรม Live worksheets

สมมติฐานของงานวจิ ัย
นกั เรียนทไ่ี ด้รบั การพัฒนาทักษะการพดู สื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย)

โดยใช้กระบวนการเรียนรแู้ บบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets มีทกั ษะการพดู สื่อสาร
ภาษามลายู หลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรยี น

2

ขอบเขตของการวิจัย
ประชากร
ประชากรที่ใชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู

จังหวัดสตูล ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 4 ห้อง รวม 160 คน
กลมุ่ ตวั อยา่ ง
กลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ นการวิจยั ได้แก่ นักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2 จำนวน 40 คน

เนอ้ื หาทีใ่ ชใ้ นการวิจัย
เนือ้ หารายวชิ าภาษามลายูเพ่ือการสื่อสาร2 เรอ่ื ง Membeli belah (การซื้อขาย)

ระยะเวลาทีใ่ ช้
ดำเนนิ การทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 2 สัปดาห์ ๆ ละ 1 คาบ

รวม 2 คาบ ๆ ละ 50 นาที

ตัวแปรทศี่ กึ ษา
ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบ Ippa model
ตวั แปรตาม ได้แก่
1. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
2. ทักษะการพูดส่อื สารภาษามลายู
3. ความพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรยี นรู้

ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั
1. เป็นแนวทางใหน้ กั เรียนเห็นความสำคัญและสนใจเรยี นวชิ าภาษามลายูมากขึ้น
2. เป็นแนวทางให้นักเรียนได้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายูโดยการจัดกิจกรรมการ

เรยี นร้แู บบ Ippa model
3. เปน็ แนวทางให้นกั เรียนได้พฒั นาทกั ษะการพูดภาษามลายูมากขึน้
4. เปน็ แนวทางในการปรับปรุงและพฒั นาการเรียนการสอนวิชาภาษามลายเู พอ่ื ให้นักเรียนมี

ความรู้ความเข้าใจมากข้ึน

3

บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง

การพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) โดยใช้กระบวนการ
เรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live worksheets ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัย
ตา่ งๆ ดังน้ี

1. เอกสารเก่ยี วกับชุดกิจกรรม
2. งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้อง

1. เอกสารเกย่ี วกับชดุ กจิ กรรม
1.1. กระบวนการเรียนรแู้ บบ Ippa model หมายถงึ
กระบวนการ การเตรยี มพร้อมก่อนเรียนดว้ ยความรู้สึก อารมณ์ท่ีสนุก - การนำเสนออธิบายสาระของการ

เรียนรู้ -ฝกึ ใชภ้ าษาจากท่ีเรียนมา – ประยุกตใ์ ช้ในสถานการณ์จริง เพือ่ พัฒนาทักษะการส่ือสารภาษามลายูโดยใช้
สถานการณเ์ ปน็ ฐานการเรียนรู้ ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ดังต่อไปน้ี

Introduction (I)
- นำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนเตรียมพร้อมที่จะเรียน ด้วยความรู้สึก อารมณ์ที่สนุกผ่อนคลายด้วยเกม
เพลง และดนตรที ่ีเช่ือมโยงวา่ จะเรยี นเก่ียวกับเรอื่ งอะไร ทำให้มจี ดุ หมายการเรียนชดั เจนยิ่งขึน้
Presentation (P)
- นำเสนอด้วยการให้ข้อมูลทางภาษาแก่นกั เรียน มีการนำเสนอคำศัพท์ เนื้อหา ประโยคสนทนาให้เข้าใจ
รปู แบบและความหมาย
Practice (P)
- นักเรียนฝึกใช้ภาษาที่เรียนมาแล้วในขั้นนำเสนอ โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนใช้ภาษาได้ถูกต้อง
คลอ่ งแคล่ว ฝกึ แบบทง้ั ช้นั กล่มุ คู่ หรอื รายบคุ คล แก้ไขขอ้ ผิดพลาดได้หลังจากการฝึก เพราะหากแก้ไขระหว่างฝึก
จะทำให้นกั เรียนขาดความม่นั ใจได้
Application (A)
- นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริง สถานการณ์จริง ด้วยการนำภาษาเชื่อมโยง
ระหว่างทฤษฎกี ับการปฏิบัติด้วยการให้นกั เรยี นนำคำหรือประโยคที่ฝึกมาแล้วมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆเพื่อให้เกิด
ความคลอ่ งแคล่ว
1.2 เวป็ ไซต์ Live worksheets หมายถึง

Liveworksheets คอื เวบ็ ไซตท์ ใ่ี หค้ รูหรือบุคคลที่สนใจสามารถสรา้ งใบงานแบบฝึกหดั ออนไลน์
และให้นักเรียนเข้ามา ท าใบงานออนไลน์ได้โดย ไม่ต้องพิมพ์เป็นกระดาษออกมา อีกทั้งยัง สามารถตรวจคะแนน
หรือส่งค า ตอบให้ครูผ่านทางอีเมลและยังมีความสามารถอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างรูปแบบใบงานใน Live
worksheets เชน่

- แบบให้นกั เรยี นเตมิ คำตอบเอง
- แบบโยงหรอื จบั คคู่ ำตอบ
- แบบเลือกตอบ จรงิ /เทจ็
- แบบลากคำตอบมาเติม

- แบบทำเครื่องหมาย ✓
- แบบเลือกคำตอบจากตวั เลือก

4

- แบบ Speaking
Liveworksheets มขี ้อดี ดังนี้
1. ระบบตรวจคำตอบใหท้ นั ที นักเรยี นรู้ผลทนั ที สะดวกต่อการเก็บคะแนน
2. สามารถออกแบบใหน้ ่ารัก ดงึ ดูดความสนใจ ใช้ canva ออกแบบได้
3. ใบงานมีความหลากหลาย ไม่จำเจ
4. สามารถนำใบงานของครทู า่ นอ่นื มาปรบั แก้ได

1.3 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

1.3.1 ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น

นักการศกึ ษาได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นไว้ ดังน้ี

ไพศาล หวังพานิช (2526: 89) ให้ความหมายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่า เป็นคุณลักษณะและ

ความสามารถของบุคคลอนั เกิดจากการเรียนการสอนเป็นการเปล่ยี นแปลงพฤติกรรม

ภพ เลาหไพบูลย์ (2542: 295) ให้ความหมายผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนว่า คือพฤติกรรมท่ี

แสดงออกถึงความสามารถในการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้จากที่ไม่เคยกระทำได้หรือกระทำได้น้อยก่อนที่จะมีการ

เรยี นรซู้ ่ึงเปน็ พฤติกรรมท่สี ามารถวัดได้ นิยม ศรี

ยะพันธ์ุ (2541: 34) ให้ความหมายของ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นว่า เป็นความสำเร็จ หรือความสามารถของบุคคล

เป็นการเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรม และประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เี่ กิดจากการเรยี นการสอน

สุรีพันธุ์ พันธุ์ธรรม (2553: 79) ให้ความหมายผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนว่า เป็นความรู้ความเขา้ ใจ

สมรรถภาพของผู้เรียนทั้งด้านความรู้ และทักษะที่เกิดขึ้นจากการได้รับการสอนและความสามารถของนักเรียนที่

บรรลุตามจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ นบทเรยี นวดั โดยใชเ้ ครอื่ งมือวัดผลสมั ฤทธ์ิ

พัชรินทร์ ชูกลิ่น (2554: 44) ให้ความหมายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่า เป็นความสามารถในการ

เรียนร้ดู า้ นสติปัญญาของผู้เรียนซงึ่ สามารถวดั ได้จากพฤตกิ รรมทเี่ กิดขึ้นกับผ้เู รยี นหลงั จากการเรียนรู้

จากความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นข้างต้น สรปุ ไดว้ า่ ความสามารถของแต่ละบุคคลที่ได้

จากการสังเกต การเก็บขอ้ มลู การวางแผน การวเิ คราะห์ การฝกึ ฝนจนเกดิ ความชำนาญและสามารถวัดได้โดยการ

ใช้เครือ่ งมือในการประเมนิ

1.3.2 ความหมายแบบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นความสามารถทางสมองด้านต่าง ๆ ที่นักเรียนได้รับประสบการณ์ท้ัง
ทางตรงและทางอ้อมจากการเรียนรู้ ซึ่งมีนักวัดผลการศกึ ษาหลายท่าน ได้ให้ความหมายของสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
ไวด้ ังนี้
สมนึก ภัททิยธานี (2537: 45) ได้กล่าวว่า แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบทดสอบที่ใช้
วัดสมรรถภาพของสมองในดา้ นต่างๆ ทน่ี ักเรียนไดร้ บั จากการเรยี นรู้
เยาวดี วิบูลยศ์ รี (2540: 28) ได้กล่าวว่า แบบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบทดสอบทีใ่ ช้วดั
ความร้เู ชิงวชิ าการ เนน้ การวดั ความสามารถจากการเรียนร้ใู นอดีต หรือในสภาพปจั จุบนั
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2545 : 96) กล่าวว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง
แบบทดสอบที่ใช้วดั ความรู้ ทักษะ และความสามารถทางวิชาการที่นักเรียนได้เรียนรูม้ าแล้วว่าบรรลุผลสำเร็จตาม
จุดประสงคท์ ี่กำหนดไวเ้ พยี งใด

5

นสั รินทร์ บือซา (2558: 20) ไดก้ ล่าววา่ แบบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียน หมายถึง แบบทดสอบท่ี
ใชว้ ัดความรู้ ความสามารถทไ่ี ด้จากการเรียนรู้ เพอ่ื วดั ความรหู้ รอื ความสามารถนนั้ บรรลตุ ามจดุ ประสงคก์ ารเรียนท่ี
มุ่งหวงั ไวห้ รือไม่

จากความหมายของแบบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน สามารถสรปุ ได้วา่ แบบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการ
เรียน หมายถึง แบบทดสอบทใ่ี ช้วดั ความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้ของผูเ้ รียนผ่านกระบวนการสอนในรปู แบบต่าง ๆ ว่า
บรรลุตามจุดประสงคก์ ารเรยี นท่ีกำหนดไว้หรอื ไม่

1.3.3 การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น
การกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ ท่ีต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ได้มี
นักวชิ าการกล่าวไวด้ ังน้ี
Bloom (1956 อา้ งถึงใน ภพ เลาหไพบลู ย์, 2542: 329) ได้กล่าวถงึ ลำดบั ข้นั ของทใ่ี ช้ในการเขียน
วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมดา้ นพุทธพสิ ัยไว้ 6 ขนั้ ดังนี้ คือ

1. ความรู้ความจำ หมายถึง การระลึกหรือท่องจำความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนมาแล้วโดยตรงใน
ขั้นนี้รวมถึง การระลึกถึงข้อมูล ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไปจนถึงกฎเกณฑ์ ทฤษฎีจากตำรา ดังนั้น ขั้นความรู้ความจำจึง
จดั ไดว้ ่าเป็นข้นั ต่ำสุด

2. ความเข้าใจ หมายถึง ความสามารถจับใจความสำคัญของเนื้อหาที่ได้เรียนหรืออาจแปล
ความจากตัวเลข การสรุป การย่อความต่าง ๆ การเรียนรู้ในขั้นนี้ถือว่าเป็นขั้นที่สูงกว่าการท่องจำตามปกติอีกขั้น
หนึง่

3. การนำไปใช้ หมายถึง ความสามารถที่จะนำความรู้ที่นักเรียนได้เรียนมาแล้วไปใช้ใน
สถานการณ์ใหม่ ดังนั้น ในขั้นนี้จึงรวมถึงความสามารถในการเอากฎ มโนทัศน์หลักสำคัญ วิธีการนำไปใช้ การ
เรยี นรูใ้ นข้ันน้ี ถือวา่ นักเรียนจะต้องมีความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอยา่ งดีเสียก่อนจึงจะนำความรู้ไปใช้ได้ ดังนั้น จึงจัด
อนั ดับให้สงู กวา่ ความเข้าใจ

4. การวิเคราะห์ หมายถึง ความสามารถทจี่ ะแยกแยะเน้ือหาวชิ า ลงไปเป็นองค์ประกอบย่อย
ๆ เหล่านนั้ เพ่อื ทจ่ี ะได้มองเหน็ หรือเข้าใจความเกีย่ วโยงตา่ ง ๆ ในข้นั นจี้ ึงรวมถึงการแยกแยะหาส่วนประกอบย่อย
ๆ หาความสมั พนั ธ์ระหว่างส่วนย่อย ๆ เหลา่ นนั้ ตลอดจนหลักสำคญั ต่าง ๆ ทเี่ ข้ามาเกี่ยวขอ้ ง การเรียนรู้ในขั้นนี้ถือ
วา่ สงู กว่าการนำเอาไปใชแ้ ละตอ้ งเข้าใจท้งั เนือ้ หาและโครงสร้างของบทเรียน

5. การสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถที่จะนำเอาส่วนย่อย ๆ มาประกอบกันเป็นสิ่งใหม่
การสังเคราะห์จึงเกี่ยวกับการวางแผน การออกแบบการทดลอง การตั้งสมมติฐานการแก้ปัญหาที่ยาก การเรียนรู้
ในระดับนี้เป็นการเน้นพฤติกรรมที่สร้างสรรค์ ในอันที่จะสร้างแนวคิดหรือแบบแผนใหม่ ๆ ขึ้นมา ดังนั้น การ
สงั เคราะหเ์ ปน็ สิ่งท่สี งู กว่าการวิเคราะห์อกี ขัน้ หนงึ่

6. การประเมินค่า หมายถึง ความสามารถที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับคุณค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
คำพูด นวนิยาย บทกวี หรือรายงานการวิจัย การตัดสินใจดังกล่าว จะต้องวางแผนอยู่บนเกณฑ์ที่แน่นอน เกณฑ์
ดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งที่นักเรียนคิดขึ้นมาเอง หรือนำมาจากที่อื่นก็ได้การเรียนรู้ในขั้นนี้ถือว่าเป็นการเรียนรู้
ขั้นสงู สุดของความรคู้ วามจำ
จากการกำหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่พึงประสงค์ข้างต้น สรุปได้ว่า การเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม
ด้านพุทธพิสัยมี 6 ขั้น ดังนี้ ความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการ
ประเมินคา่

6

1.4 ทักษะการสื่อสารทางภาษา
1.4.1 ความหมายของทกั ษะการสอื่ สาร
นกั การศึกษาได้กล่าวถงึ ความหมายของทักษะการส่ือสารไวห้ ลายท่าน ดงั น้ี
กอ่ เกยี รติ พานชิ กลุ (2537: 103) กลา่ วว่า การส่ือสาร หมายถึง การติดตอ่ การแลกเปลีย่ นขา่ วสารจากจุด

หน่ึงไปยงั อีกจดุ หนง่ึ
กองวจิ ยั ทางการศกึ ษา กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2542: 56) กล่าววา่ ทกั ษะการส่ือสาร

หมายถึง ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนเพื่อส่งและรับข่าวสารข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ สรุปความ ขยาย
ความและจัดระบบข้อมูล ตลอดจนประยุกต์ใช้ข่าวสารโดยเลือกวิธีหรือเครื่องมือในการสื่อสารได้เหมาะสมกับ
สถานการณ์

กิดานันท์ มลิทอง (2543: 21) กล่าวว่า การสื่อสาร หมายถึง การถ่ายทอดเรื่องราว การ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแสดงออกของความคิดและความรู้สึก การทำข้อความต่าง ๆ โดยอาศัยเครื่องนำไป
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งให้ไปถึงอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องการจนทำให้เกิดการรับรู้ความหมายของ
เรื่องราวตา่ ง ๆ นนั้ รว่ มกนั ตลอดต้นเกิดการตอบสนองรว่ มกนั

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2546: 2) ได้กล่าวไว้ว่า การสื่อสารเป็นการติดต่อแลกเปลี่ยน
ถ่ายทอดข่าวสาร จากจุดหนึ่งไปยังอกี จุดหนง่ึ โดยใชร้ ะบบสญั ลกั ษณท์ ีม่ กี ารรับรคู้ วามหมายรว่ มกนั

ทิวาวรรณ จิตตะภาค (2548: 16) ได้กล่าวไว้ว่า ทักษะการสื่อสารเป็นกระบวนการถ่ายทอด
ข้อมลู ขา่ วสารโดยผ่านเคร่อื งมือในการสื่อสารดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ

ชฎาภรณ์ ครองยุติ (2548: 11) ได้กล่าวไว้ว่า การสื่อสาร หมายถึง ความหมายในการถ่ายทอด
เรื่องราวต่าง ๆ จากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร โดยอาศัยเครื่องนำไปโดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้อง
กากำหนดเรื่องราวนนั้ รว่ มกนั

ปริญญา สองสีดา (2550: 59) ได้กล่าวว่า การสื่อสารเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากในชีวิตประ
วันของเราไม่ว่าจะเป็นด้านการพูด การอ่าน การเขียน และถ้าผู้วิจัยรู้จักการนำทักษะการสื่อสารมาเชื่อมโยง
กับเนื้อหาที่เรียนและวิธีสอนก็จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้กระบวนการกลุ่มเพ่ือ
สง่ เสรมิ ทักษะการส่อื สาร การเรียนรแู้ บบร่วมมือเพื่อส่งเสริมทกั ษะการสอ่ื สาร เป็นตน้

เนตรนภางค์ สัญศรเี มอื ง (2554: 11) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ ทักษะการสอื่ สารเป็นความสามารถในการฟัง พูด
อา่ น และเขียน เพ่อื สง่ และรับข่าวสารได้เหมาะสมกบั สถานการณ์

จิรวัฒน์ เพชรรัตน์และอัมพร ทองใบ (2555: 90) กล่าวว่า การติดต่อกันระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย
เพื่อสื่อเรื่องราวให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งอาจจะเป็นการสื่อสารระหว่างบุคคลหรอื กลุม่ บุคคลทั้งเจาะจงและไม่เจาะจงก็
ได้ ในการส่อื สารจะตอ้ งประกอบไปดว้ ยผสู้ ่งสาร สาร ผูร้ บั สาร ส่ือและวิธีการส่ือ

Reddi (2009: 38) กล่าวว่า การสื่อสารเป็นกระบวนการถ่ายทอดข้อมูลและความเข้าใจจากคน
คนหนึ่งไปสู่อีกคนหน่งึ เป็นกระบวนการของการใหค้ วามคดิ และการทำใหค้ นอื่นเขา้ ใจตนเอง

จากความหมายของทักษะการสื่อสาร สรุปได้ว่า เป็นความสามารถในด้านการฟัง พูด อ่าน และ
เขยี น โดยมผี ้รู บั สารและผู้ส่งสาร เพ่อื ส่งและรับขา่ วสารข้อมลู จากการวิเคราะห์

1.4.2 ความสำคัญของการสื่อสาร
นักการศึกษาได้กล่าวถงึ ความสำคัญของการส่ือสารไว้ ดังนี้
บญุ ศรี ปราบณศักดิ์ และศิริพร จิรวฒั นก์ ุล (2538: 13) ไดเ้ สนอทรรศนะเกยี่ วกบั ความสำคัญของ
การสือ่ สารดงั น้ี การส่อื สารมคี วามสำคัญต่อการพฒั นาคุณภาพชีวติ ซึง่ หมายถึงระดบั สภาพการดำรงชพี ของมนุษย์
ตามองค์ประกอบแห่งชีวิต ได้แก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคมความคิดและจิตใจ สถาบันทางสังคมที่มีผลกระทบต่อ

7

คุณภาพชีวิต ได้แก่ ครอบครัว เศรษฐกิจ สาธารณสขุ นนั ทนาการ วฒั นธรรม การปกครอง การศึกษา และศาสนา
สังคมโลกโดยองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ได้พยายามเผยแพรแ่ นวคิดเพอื่ ให้ทุก ๆ ประเทศเหน็ ความสำคัญของ
การยกระดับคณุ ภาพชีวิตใหไ้ ดม้ าตรฐาน

วัชรี ขันเชื้อ (2545: 39) กล่าวถึงความสำคัญของการสื่อสาร จะพบว่า การสื่อสารนั้นมี
ความสำคัญต่อชีวิตของคนเราเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม ในชีวิตประจำวันด้านอุตสาหกรรมและธุรกิจ
ดา้ นการปกครองและด้านการเมืองระหว่างประเทศ และเช่นเดยี วกนั ในด้านการเรียนการสอนถ้าเราต้องการจะให้
เกิดประสิทธิภาพเราจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารให้ตรงกัน เพื่อที่จะให้ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ
และสามารถทำงานร่วมกันได้โดยมีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และผู้รับสารก็ต้องมีการสะท้อนกลับแนวคิด
มายงั ผ้สู ่งสารดว้ ย

ปริญญา สองสีดา (2550: 35) ได้กลา่ วว่า การส่ือสารนัน้ จำเปน็ สำหรับมนุษยท์ ุกคนเพราะมนษุ ย์
ทุกคนต้องสื่อสารกันตลอดเวลา เช่น พูด เขียน ซึง่ การสอื่ สารเหล่านจ้ี ะชว่ ยธำรงสังคมให้อย่รู ่วมกนั อย่างเปน็ ปกติ
สุข

U.S. Department of Labor, Office of Disability Employment Policy (2012: 17)
กล่าวถงึ ความสำคัญของการสอ่ื สาร ไวว้ า่ ทักษะการสื่อสารมีความสำคัญต่อทุกคน เน่ืองจากเป็นวิธีที่เราส่งและรับ
ข้อมลู ถ่ายทอดความคิดของเรากับผู้คนรอบตวั เรา ทักษะการสื่อสารเปน็ สิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเอง การ
ตดั สนิ ใจด้วยตนเอง และเป็นทักษะท่ีสำคญั สำหรบั ความสำเรจ็ ตลอดชวี ติ

จากความสำคัญของการส่ือสารข้างต้น จะพบวา่ การสอื่ สารนน้ั จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคนเพราะ
มนุษย์ทุกคนต้องสื่อสารกันตลอดเวลา เช่น การพูด การเขียน การฟัง และการอ่านซึ่งการสื่อสารที่ดีจะทำให้เกิด
ประสทิ ธิภาพของการส่งสารมากที่สุด

1.4.3 รูปแบบของการสอ่ื สาร
นักการศึกษาไดก้ ล่าวถึงรูปแบบของการสอื่ สารไวด้ ังน้ี
กดิ านนั ท์ มลทิ อง (2543: 22) ได้แบง่ รปู แบบของการส่ือสาร เปน็ 2 รปู แบบ

1. การสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) คือการส่งข่าวสารหรือการสื่อสาร
ไปยังผรู้ ับแต่เพียงฝา่ ยเดยี ว โดยท่ีผู้รับไม่สามารถมีการตอบสนองทนั ที (Immediate Response) กับผสู้ ง่ แต่อาจจะ
มีผลป้อนกลับไปยังผู้ส่งในภายหลัง การสื่อสารรูปแบบนี้จึงเป็นการที่ผู้ส่งและผู้รับไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน
ทันที จึงมักเป็นการสื่อสารโดยใช้สื่อมวลชน เช่น ฟังวิทยุ ชมโทรทัศน์ อ่านหนังสือพิมพ์ รวมถึงการติดต่อสื่อสาร
ดว้ ยการส่งอเี มล์หรอื สง่ SMS เหล่านี้ เปน็ ตน้

2. การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) คือการสื่อสารที่ผู้รับมีการ
ตอบสนองและส่งผลป้อนกลับทันที (Immediate-Feedback) ส่งกลับมายังผู้ส่ง โดยที่ผู้ส่งและผู้รับอาจจะอยู่ต่อ
หน้ากันหรืออาจอยู่กันคนละสถานที่กไ็ ด้ แต่ทั้งสองฝา่ ยจะสามารถมีการเจรจาหรอื การโต้ตอบกันไปมาโดยท่ีต่าง
ฝ่ายต่างผลัดกันทำหน้าท่ีเป็นท้ังผู้ส่งและผู้รับในเวลาเดียวกัน เช่น การประชุมทางไกลด้วยวีดิทศั น์ เปน็ ต้น

จากรูปแบบของการสื่อสารข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า แบ่งรูปแบบของการสื่อสารเป็น2 รูปแบบ
ได้แก่ การสื่อสารทางเดียวเป็นการส่งข่าวสารหรือการสื่อสารไปยังผู้รับแต่เพียงฝ่ายเดียวและการสื่อสารสองทาง
เปน็ การส่อื สารทีผ่ ้รู ับมกี ารตอบสนองและสง่ ผลป้อนกลบั ทันที

1.4.4 ประเภทของการส่ือสาร
นกั การศึกษาไดก้ ลา่ วถงึ ประเภทของการสื่อสารไว้ ดงั น้ี
กิดานันท์ มลิทอง (2543: 23) แบง่ ประเภทของการสื่อสารไว้ 4 ประเภท ดงั น้ี

8

1. การสื่อสารในตนเอง (Intrapersonal or Self-Communication) เป็นการสื่อสาร
ภายในตนเอง หมายถงึ บุคคลผู้น้นั เป็นทงั้ ผสู้ ่งและผู้รบั ในขณะเดียวกัน เช่น การเขยี นและการอ่านหนังสอื เปน็ ต้น

2. การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal communication) เป็นการสื่อสาร
ระหวา่ งคน 2 คน เชน่ การสนทนา หรือการโต้ตอบจดหมายระหว่างกัน เป็นตน้

3. การสื่อสารแบบกลุ่มชน (Group Communication) เป็นการสื่อสารระหวา่ งบุคคลกบั
กลุ่มชนซึ่งประกอบด้วยคนจำนวนมาก เชน่ การสอนในห้องเรยี นระหวา่ งครูเพียงคนเดยี วกับนักเรียนทั้งห้อง หรือ
ระหว่างกล่มุ ชนกับบุคคล เชน่ กลุ่มชนมารว่ มกันฟงั คำปราศรยั หาเสียงของผูส้ มคั รรับเลอื กตั้ง เปน็ ต้น

4. การส่ือสารมวลชน (Mass Communication) เป็นการส่อื สารโดยใช้สอื่ มวลชนประเภท
วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ รวมถึงสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ เป็นต้น เพื่อ
การติดต่อไปยังผู้รับสารจำนวนมากซึ่งเปน็ มวลชนหรือกลุ่มคนให้ได้รับข้อมูลข่าวสารเดียวกันในเวลาพร้อม ๆ กัน
หรือไลเ่ ลี่ยกนั

จากประเภทของการสื่อสารข้างตน้ สรปุ ได้วา่ สามารถแบง่ ประเภทของการส่ือสารไว้ 4 ประเภท
คือ การส่ือสารในตนเอง การส่ือสารระหว่างบุคคล การสื่อสารแบบกลุ่มชน และการสื่อสารมวลชน

1.4.5 กระบวนการในการสื่อสาร
กระบวนการในการสื่อสาร เป็นกระบวนการที่ใช้ถ่ายทอดข่าวสารจากท่ีหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดย
การใช้สื่อเพื่อถ่ายทอดข่าวสาร ความคิด ความรู้สึก จากบุคคลหนึ่ง ซึ่งจากการรวบรวมแนวคิดของนักการศึกษา
หลายทา่ น ดังนี้
กองวจิ ยั ทางการศกึ ษา กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ (2542: 60) ระบถุ งึ กระบวนการในการ
สอ่ื สารวา่ เก่ยี วข้องกบั องค์ประกอบต่าง ๆ คือ ผูส้ ่งสาร สาร กระบวนการส่งสาร ผู้รบั สาร และการประเมินผลการ
สื่อสาร โดยมีองคป์ ระกอบท่เี ก่ียวข้องกับสง่ิ ต่าง ๆ ดังน้ีคือ

1. ผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารจะต้องเป็นผู้ที่มีสมรรถภาพในด้านที่สำคัญ ๆ คือ สมรรถภาพทาง
ภาษา สมรรถภาพในการสร้างบรรยากาศเพ่ือส่งเสรมิ การสื่อสาร และสมรรถภาพในการเลือกกลวธิ ใี นการนำเสนอ
ใหเ้ หมาะสมกบั ผู้รบั สาร

2. สาร สารที่จะนำเสนอหรือสื่อให้ผู้รับสารอาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ สารที่เป็น
ขอ้ มูล สารทเี่ ปน็ ความร้คู วามคิด และสารทเี่ ป็นความบันเทิง

3. วิธีการ ในการส่งสารนั้น แม้ผู้รับสารจะมีความสามารถในการรับสารดีแค่ไหนก็ตาม
หากวธิ ีการในการส่งสารไมด่ ี ก็ย่อมจะลดผลแหง่ การส่อื สารนนั้ ลงไปได้มาก

4. ผู้รับสาร ในการสื่อสารผู้รับสารที่มีคุณภาพควรมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือมีสมรรถภาพ
ทางภาษา มีความพร้อมในการรับสาร การวัดและประเมินผลการสื่อสาร ในการประเมินผลการสื่อสารผู้
ประเมินควรคำนงึ ถงึ ประเด็นในการประเมนิ 2 ประเด็น คอื

5.1 การวัดและประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิในการส่ือสาร
5.2 การวดั และประเมินกระบวนการในการส่อื สาร

9

กระบวนการในการส่อื สารดังกล่าว อาจเขยี นได้เปน็ กรอบแนวคิดดังภาพประกอบ 3 ดังนี้

ภาพประกอบ 3 กระบวนการในการสื่อสาร

ผู้ส่งสาร สาร ผูร้ บั สาร การวดั และประเมินผล

- สมรรถภาพทางภาษา - ขอ้ มูล สมรรถภาพทางภาษา - การวดั และประเมนิ
- สมรรถภาพในการสร้าง - ความรู้ ความคดิ - ความพรอ้ มในการรบั ผลสัมฤทธิ์ของผูร้ ับสาร
บรรยากาศเพือ่ สง่ เสรมิ การ - ความบนั เทงิ สาร
ส่อื สาร - อารมณ์ - การวดั และประเมนิ ผล
- สมรรถภาพในการเลอื ก สาร - ทศั นคติ กระบวนการสอื่ สาร
กลวิธีในการนำเสนอให้ - ความตอ้ งการ
เหมาะสมกบั ผู้สงสาร กระบวนการเรียน - ประสบการณเ์ ดิม
การสอนเพอื่ ฝึกทกั ษะ
การสื่อสาร คณุ สมบตั ใิ นการรบั สาร

การสะทอ้ นผลยอ้ นกลับ

ท่ีมา : กองวจิ ยั ทางการศึกษา กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร (2542: 60)

1.4.6 รปู แบบการพัฒนาทักษะการสื่อสาร
ในการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการสอ่ื สาร กองวจิ ยั ทางการศกึ ษา กรมวิชาการกระทรวงศกึ ษาธิการ
(2542: 62-63) อธิบายว่ามีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน คือ ขั้นเตรียมคุณสมบัติและขั้นการนำคุณสมบัติที่ดีในการ
ส่ือสารไปใช้ในการเรียนการสอน

1. ขั้นเตรียมคุณสมบัติ เป็นขั้นที่ครูกำหนดคุณสมบัติ ในการเรียนของนักเรียนว่า คืออะไร
และกำหนดวธิ ีการฝึกคุณลกั ษณะนนั้ ๆ แลว้ ใหน้ ักเรียนไดฝ้ กึ ปฏิบตั ิเพอ่ื ใหเ้ กิดคุณลักษณะตามท่ีกำหนด

2. ขั้นการนำคุณสมบัติที่ดีในการสื่อสารไปใช้ในการเรียนการสอน เป็นขั้นที่ครูจะต้องสอน
เน้อื หาตามหลกั สูตร โดยใชค้ ณุ ลักษณะทีด่ ใี นการส่อื สารของนักเรียน เพ่ือนำไปสู่ความสัมฤทธ์ิผลทางการเรียนของ
นักเรียน ซึ่งมีขั้นตอนในการสอน 4 ขั้นตอน คือ ขั้นนำ ขั้นสอน ขั้นสรุปและขัน้ วัดและประเมินผล ดังรายละเอียด
ตามภาพประกอบ 4 ซงึ่ แสดงขน้ั ตอนของรูปแบบการสอนเพ่อื ฝึกทกั ษะการสือ่ สาร

จากรูปแบบการพัฒนาทักษะการสื่อสารสรุปได้ว่า ควรมีการเตรียมคุณสมบัติและขั้นการนำ
คุณสมบตั ทิ ่ีดีในการสื่อสารไปใช้ในการเรียนการสอน โดยครูจะต้องสอนเน้ือหาตามหลักสตู รโดยใช้คุณลักษณะท่ีดี
ในการส่อื สารของนกั เรียน

10

ภาพประกอบ 4 แสดงองค์ประกอบทเ่ี กีย่ วข้องกบั การรับรขู้ ่าวสาร มดี ังนี้
องค์ประกอบทีเ่ กี่ยวกบั การรับรูส้ าร

องคป์ ระกอบทีเ่ กย่ี วกบั การรับรูส้ าร ช่องทางการรบั ร้สู าร ลกั ษณะและสภาพ
ของบุคคลขณะรับร้สู าร

ตัวสาร ภาษาพูด ความใส่ใจ
สภภาษาษาาร ประสบการณ์
ตา-ประสาทตา เดิม
ชอ่ งทางการสื่อเสขาียรน ความไวตอ่ การรสู้ กึ
ห-ู ประสาทรับ
ความรู้ เสียง ความตอ้ งการ

บคุ คลท่สี ง่ สาร เทคนิค

การถา่ ยทอด

บุคลกิ ภาพ

ทม่ี า : กองวิจัยทางการศกึ ษา กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร (2542: 62-63)

1.5. ความพึงพอใจตอ่ การจดั การเรยี นรู้
1.5.1 ความหมายของความพึงพอใจ Good (1973: 161) ความพึงพอใจ หมายถึง สภาพหรอื ระดบั ความ

พึงพอใจท่ี เปน็ ผลมาจากความสนใจและเจตคติของบคุ คลที่มีตอ่ งาน
ธรี พงศ์ แกน่ อินทร์ (2545: 36) ได้ให้ความหมายความพึงพอใจต่อการเรียนการ สอนวา่ เปน็

ความรู้สกึ พึงพอใจต่อการปฏิบตั ิของนักศึกษาในระหว่างการเรยี นการสอน การปฏิบตั ิของ ผสู้ อน และสภาพ
โดยทว่ั ไปของบรรยากาศห้องเรยี น

วมิ ลสิทธิ์ หรยางกรู (2546: 35) ไดใ้ ห้ความหมายความพึงพอใจว่าเปน็ การให้ คา่ ความรู้สึกของ
คนทส่ี มั ผสั กับโลกทัศนเ์ กี่ยวกับการจดั การสภาพแวดล้อม โดยค่าความรสู้ ึกของคน จะมีความแตกตา่ งกนั เช่น
ความรสู้ กึ ด-ี เลว สนใจ-ไม่สนใจ พอใจ-ไมพ่ อใจ

ศุภิสรา โททอง (2547: 47) ความพึงพอใจ หมายถึง ความรสู้ กึ นึกคิด ชอบ พอใจหรอื มีเจตคติที่
ดตี ่อการทางานหรือการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมในเชิงบวก

สรุปความหมายความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ว่าเป็นความพอใจของ ผู้เรียนที่แสดงออกถึง
ความรู้สึกต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ร่วมกับการใช้ผังกราฟิกกราฟิก หลังจากที่ได้รับการ
จดั การเรยี นรู้ไปแลว้ ซง่ึ จะขน้ึ อย่กู ับแต่ละบุคคลไดร้ บั ตามทต่ี นเองคาดหวังไวม้ าก นอ้ ยเพยี งใด

11

1.5.2 แนวคิดทฤษฏีท่ีเกย่ี วข้องกับความพึงพอใจ
ทฤษฎกี ารเรียนรู้ของ Maslow
เชื่อว่ามนุษย์ทกุ คนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลาดับขั้น คือ ขั้นความต้องการทาง

ร่างกาย (physical need) ข้นั ความตอ้ งการความม่ันคงปลอดภยั (safety need) ข้ันความตอ้ งการความรัก (love
need) ขั้นความต้องการยอมรับและการยกย่องจากสังคม (esteem need) และขั้นความต้องการที่จะพัฒนา
ศกั ยภาพของตนเอย่างเต็มที่ (self-actualization) หากความตอ้ งการข้นั พนื้ ฐานได้รับการตอบสนองอย่างพอเพียง
สาหรบั ตนในแต่ละขั้น มนษุ ย์จะสามารถพฒั นาตนไปสขู่ น้ั ท่สี งู ขึน้

Maslow เป็นนักจิตวิทยากลุ่มมนุษยนิยม ซึ่งนักจิตวิทยากลุ่มนี้เชื่อ ว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์
เกดิ มาดีและพร้อมที่จะทาส่ิงดี ถา้ ความตอ้ งการของมนุษย์ได้รบั การ ตอบสนองอย่างเพียงพอ Maslow เป็นผู้หนึ่ง
ที่ได้ศึกษาค้นคว้าถึงความต้องการของมนุษย์ โดยมองเห็นว่ามนุษย์ทุกคนล้วนแต่มีความต้องการท่ีจะสนองความ
ต้องการให้กบั ตนเองทั้งสิ้น ซึ่ง ความต้องการมนุษย์ มีมากมายหลายอยา่ งด้วยกัน เขาได้นาความต้องการเหล่าน้ัน
มาจดั เรียงเปน็ ลำดับจากข้นั ต่ำไปข้ันสงู สดุ เปน็ 5 ขั้น ดว้ ยกนั

1. ความตอ้ งการด้านร่างกาย (physical need) เป็นความตอ้ งการขัน้ พนื้ ฐาน
ได้แก่ ความต้องการอาหาร น้าดื่ม อากาศ การพักผ่อน ความต้องการทางเพศ ความต้องการ
ความอบอุ่น ต้องการขจัดความเจ็บป่วย และต้องการรักษาความสมดุลของร่างกาย ทุกคนต้องการสิ่งเหล่านี้
เหมือนกัน อาจแตกต่างกันเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเพศ วัย และสถานการณ์ ฯลฯ ความต้องการปัจจัย 4
ดงั กลา่ วข้างตน้ หากเพยี งพอแล้ว มนษุ ยจ์ ะพัฒนาในขั้นต่อไป
2. ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (safety need) เมื่อได้รับความพึงพอใจ ทางด้านร่างกาย
แล้ว มนุษย์จะพัฒนาไปสู่ขั้นที่สองคือ ความรู้สึกมั่นคงปลอดภยั สิ่งที่แสดงถึงความ ต้องการขั้นนี้คือ การที่มนุษย์
ชอบอยู่อยา่ งสงบ มีระเบยี บวินัย ไม่รกุ รานผู้อ่นื ความต้องการระดับนี้ อาจแยกย่อยได้ดงั น้ี

2.1) ความมนั่ คงในครอบครวั การมบี า้ นแข็งแรงปลอดภยั มคี วามรัก ใครป่ รองดองกัน
ในครอบครวั

2.2) ความมนั่ คงปลอดภัยในอาชีพ มรี ายได้ยตุ ธิ รรม ไมถ่ ูกไลอ่ อก งานไมเ่ ส่ียงอันตราย
ผู้บังคบั บญั ชาดมี ีความยุติธรรม ฯลฯ

2.3) มหี ลักประกนั ชวี ติ เช่น มผี ูด้ แู ลเอาใจใส่ยามชรา ยามเจ็บไข้
3. ความตอ้ งการความรักและความเปน็ เจา้ ของ (love need)

3.1) ความต้องการมเี พื่อน
3.2) ความต้องการการยอมรับจากกลุ่ม
3.3) ตอ้ งการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม
3.4) ตอ้ งการรกั คนอ่นื และได้รบั ความรักจากคนอื่น
3.5) ตอ้ งการความรู้สึกวา่ สงั คมเป็นของตน
4. ความตอ้ งการเกียรตยิ ศชื่อเสยี ง และความภาคภูมิใจ (esteem need) ไดแ้ ก่
4.1) ตอ้ งการยอมรับความคดิ เหน็ หรือข้อเสนอ
4.2) ตอ้ งการเกียรติยศชือ่ เสียงจากสงั คม
4.3) ต้องการนับถือตนเอง มีความมั่นใจตนเอง ไมต่ ้องพ่ึงผ้อู ่ืน
4.4) ต้องการได้รบั การยกย่องนับถือจากผอู้ น่ื
4.5) ต้องการความมัน่ ใจในตนเอง และรู้สึกตนเองมีคุณคา่
5. ความตอ้ งการตระหนักในตนเอง (self-actualization need) ได้แก่
5.1) ตอ้ งการรู้จกั ตนเอง ยอมรับตนเอง เปดิ ใจรับฟงั คาวจิ ารณ์

12

5.2) ต้องการรจู้ กั แก้ไขตนเองในสว่ นที่ยังบกพร่อง
5.3) ต้องการพฒั นาตนเอง พรอ้ มที่จะรบั ฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น เกย่ี วกบั ตนเอง
5.4) ตอ้ งการค้นพบความจริง พรอ้ มท่จี ะเปิดเผยตนเองโดยไม่มี การปกป้อง
5.5) ต้องการเป็นตวั ของตวั เอง ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง
แนวคิดตามทฤษฏีของMaslow จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาบุคคลให้เป็นผู้มี คุณธรรม
จริยธรรม บุคคลที่พัฒนาถึงขั้นตระหนักในตนเอง (self-actualization) เป็นบุคคลที่มี จริยธรรม มีวินัยในตนเอง
และมีบุคลิกภาพประชาธิปไตย การพัฒนาจากขั้นต้นไปสู่ขั้นต่อ ๆ ไปนั้น ต้องอาศัยความ “พอ” ของบุคคล ซ่ึง
ความพอนี้ นอกจากจะขึ้นกับสภาพทางกายแล้ว ยังขึ้นอยู่กับ ความรู้สึกพอดีด้วย จึงมิได้หมายความว่าทุกคน
จะตอ้ งไดร้ บั การสนองตอบความตอ้ งการพ้นื ฐาน เท่า ๆ กัน แตเ่ ปน็ ไปตามลาดับข้นั เหมือน ๆ กัน

งานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง
อนันตกานต์ ภูถำ้ แกว้ (2559 : 61) ได้พฒั นาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี

ที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 3P ประกอบแบบฝึกทักษะกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
จำนวน 20 คน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2558 โรงเรียนโสกเชอื ก(คุรุราษฎร์อำนวย) ผลการศกึ ษาพบว่า

1. การจัดการเรียนรู้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษแบบ 3P ประกอบแบบฝึกทักษะของนกัเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่6 มีประสิทธิภาพ (E1 / E2) เท่ากับ 82.38 / 81.11 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด (70 / 70)
2. นักเรียนทีร่ ียนโดยใช้การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษแบบ 3P ประกอบแบบฝึกทักษะมี
ทกั ษะการเขยี นภาษาอังกฤษหลงั เรียนสูงขึน้ กว่าก่อนเรียนอย่างมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดบั .05

3. นักเรียนมีความพึงพอใจการจัดการเรียนรู้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษแบบ 3P ประกอบแบบฝึก
ทักษะโดยรวมอยู่ในระดับมากทส่ี ุด (X= 4.88, S.D. = 0.06)

นนั ทิยา ประจันทรเ์ สน (2561 : 49) ไดศ้ ึกษาผลผลการอ่านโดยใช้ผังกราฟิกทมี่ ีต้อความเขา้ ใจในการอ่าน
ภาษาองั กฤษของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 จำนวน 50 คน ภาคเยนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2559 ผลการศกึ ษาพบวา่

นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจในการอ่านภาษาอังกฤษสงู ขึ้นหลงั ได้รบั การอ่านภาษาอังกฤษหลงั การทดลองสูงกว่า
กอ่ นการทดลองอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิที่ระดับ .05 เปน็ ไปตามสมมตฐิ านของงานวิจยั

13

บทท่ี 3
วธิ ีดำเนนิ การวิจัย

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ IPPA MODEL ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live
worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) เพื่อพัฒนาทักษะการพูดเพื่อการสื่อสารภาษามลายู ของ
นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ผ้วู ิจยั ไดม้ ีวิธีการดำเนนิ การวจิ ยั ดงั น้ี

1. ประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง
2. เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมลู
3. ขน้ั ตอนการสรา้ งและพัฒนาเคร่ืองมือ
4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล
5. การวเิ คราะห์ข้อมูล

1. ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง
ประชากร
ประชากรท่ใี ช้ในการวจิ ัย ได้แก่ นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา อำเภอละงู

จังหวดั สตูล ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้อง รวม 40 คน

กลุ่มตวั อย่าง
กลุม่ ตัวอยา่ งที่ใช้ในการวจิ ัย ไดแ้ ก่ นกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2/2 จำนวน 40 คน โดยใช้วิธีการ

เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

2. เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model จำนวน 1

แผน 2 ช่วั โมง
2.2 เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ประกอบดว้ ย
2.2.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร กลุ่มสาระการ

เรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม เรอื่ ง การซอ้ื ขาย ช้นั มธั ยมศึกาษาปีที่ 2 ชนดิ ปรนัย 4 ตัวเลือก
จำนวน 10 ข้อ

2.2.2 เว็ปไซต์ Live worksheets ประโยคการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah
(การซ้ือขาย)

2.3.3 แบบวดั ทกั ษะการพูดสื่อสาร เรอ่ื ง การซื้อขาย (Membeli belah)
2.4.4 แบบวัดความพึงพอใจการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model รว่ มกบั การใช้เว็ปไซต์
Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5
ระดบั ของลเิ คิรท์ (Likert Scale) จำนวน 20 ข้อ

14

3. ขัน้ ตอนการสรา้ งเคร่อื งมอื
1) แผนการจดั การเรียนรู้มขี ้ันตอนการสรา้ ง ดังนี้
1.1 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี หลักการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ

Ippa model มที ้งั หมด 4 ขนั้ ตอน ดังน้ี
กระบวนการ การเตรียมพร้อมก่อนเรียนด้วยความรู้สึก อารมณ์ที่สนุก - การนำเสนอ

อธิบายสาระของการเรียนรู้ -ฝึกใช้ภาษาจากที่เรียนมา – ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง เพื่อพัฒนาทักษะการ
สื่อสารภาษามลายูโดยใชส้ ถานการณ์เป็นฐานการเรยี นรู้ ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ดังตอ่ ไปนี้

1) Introduction (I)
- ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนเตรียมพร้อมที่จะเรียน ด้วยความรู้สึก

อารมณ์ที่สนุกผ่อนคลายด้วยเกม เพลง และดนตรีที่เชื่อมโยงว่าจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร ทำให้มีจุดหมา ยการ
เรยี นชัดเจนย่งิ ขน้ึ

2) Presentation (P)
- ขั้นนำเสนอด้วยการให้ข้อมูลทางภาษาแก่นักเรียน มีการนำเสนอคำศัพท์

เนือ้ หา ประโยคสนทนาใหเ้ ข้าใจรูปแบบและความหมาย
3) Practice (P)
- ขั้นฝึกใช้ภาษาที่เรียนมาแล้วในขั้นนำเสนอ โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนใช้

ภาษาไดถ้ กู ตอ้ ง คล่องแคล่ว ฝกึ แบบทั้งชน้ั กลุ่ม คู่ หรือรายบุคคล แกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดไดห้ ลังจากการฝึก เพราะหาก
แก้ไขระหว่างฝึกจะทำใหน้ ักเรยี นขาดความมั่นใจได้

4) Application (A)
- นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริง สถานการณ์จริง ด้วย

การนำภาษาเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติด้วยการให้นักเรียนนำคำหรือประโยคที่ฝึกมาแล้วมาใช้ใน
สถานการณ์ต่างๆเพื่อใหเ้ กดิ ความคลอ่ งแคล่ว

1.2 ศกึ ษาและทำความเขา้ ใจหลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศฉบับปรับปรงุ (พ.ศ.
2564) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) ผลการเรียนรู้
ชว่ งชน้ั ที่ 3 (ม.1-ม.3) หน่วยที่ 7 เรื่อง การซอื้ ขาย (Membeli belah) คำอธบิ ายรายวิชา เน้อื หาและผลการ
เรียนรู้ทก่ี ำหนดไว้ในหลักสูตร และเนือ้ หาจากหนงั สือภาษามลายูและเอกสารอน่ื ๆ เพมิ่ เติม

1.3 สร้างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model 4 ขั้น ด้วยกิจกรรมการพูดภาษามลายู
เรื่อง การซื้อขายด้วย Application Live worksheets จำนวน 1 แผน เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งแผนการจัดการเรียนรู้
ประกอบด้วย จุดประสงค์การเรยี นการสอน เน้อื หาวชิ า กจิ กรรมการเรียนการสอน สื่อการสอน การประเมนิ ผล

1.4 ศกึ ษาการทำชดุ ฝึกกิจกรรมการพดู ด้วย Application Live worksheets เร่ือง การซื้อขาย
(Membeli belah) ท่ผี วู้ จิ ยั สรา้ งขน้ึ โดยใหส้ ัมพนั ธ์กับเนื้อหา และรว่ มกับแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง
เป็นแผ่นงานแบบโต้ตอบในเรื่องของการฝึกหัดการพูดที่นักเรียนต้องทำด้วยไมโครโฟน แล้วสามารถตรวจสอบ
คะแนนการพูดของตนเองได้หากนักเรียนฝึกพูดประโยคการซื้อขายแล้วไม่ผ่านนักเ รียนสามารถทบทวนประโยค
แล้วฝกึ พูดใหมไ่ ด้

1.5 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญการสอนวิชาภาษามลายูจำนวน 3
ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบองค์ประกอบภายในแผนการจัดการเรียนรู้ตามแบบประเมินที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดย
ประเมินแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั

เกณฑ์คณุ ภาพของแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยมเี กณฑ์การประเมนิ ดังน้ี
5 หมายถึง มีความเหมาะสม มากที่สุด

15

4 หมายถึง มีความเหมาะสม มาก
3 หมายถงึ มีความเหมาะสม ปานกลาง
2 หมายถึง มีความเหมาะสม นอ้ ย
1 หมายถึง มีความเหมาะสม น้อยทีส่ ดุ
จากน้ันนำความคิดเหน็ ของผเู้ ช่ยี วชาญมาหาคา่ เฉล่ยี (X) และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) และแปล
ความหมายโดยใชเ้ กณฑ์ ดังน้ี
ค่าเฉล่ยี 4.51-5.00 หมายถึง แผนการจดั การเรยี นรู้มคี วามเหมาะสมมากที่สุด
คา่ เฉลีย่ 3.51-4.50 หมายถงึ แผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมมาก
คา่ เฉลีย่ 2.51-3.50 หมายถงึ แผนการจดั การเรียนรู้มคี วามเหมาะสมปานกลาง
คา่ เฉล่ีย 1.51-2.50 หมายถงึ แผนการจัดการเรยี นรู้มคี วามเหมาะสมน้อย
คา่ เฉลี่ย 1.00-1.50 หมายถึง แผนการจดั การเรยี นรู้มคี วามเหมาะสมน้อยท่ีสุด
คา่ เฉล่ียคะแนนประเมนิ ของผู้เชยี่ วชาญมีคา่ ต้ังแต่ 3.51 ขึน้ ไป และมีค่าเบย่ี งเบน
มาตรฐานไม่เกิน 1.00 แสดงว่าองคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนรมู้ คี วามเหมาะสม
สอดคลอ้ งกนั (วิเชียร เกตสุ ิงห์, 2538: 8-11)
1.6 นำแผนการจดั การเรียนรู้ไปใช้กับกลุ่มตวั อยา่ ง
2 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น มีขัน้ ตอนการสร้างดังนี้
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนภาษามลายู เร่ือง การซอ้ื ขาย (Membeli belah) แบบทดสอบ
แบบปรนัย ชนดิ เลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ

2.1 ศกึ ษาทฤษฏี วธิ กี ารสร้าง เทคนิคการเขยี นข้อสอบแบบเลอื กตอบ โดยจะต้องศึกษา
เน้ือหาแบบเรยี นภาษามลายู เรือ่ งการซื้อขาย (Membeli belah)

2.2 สรา้ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นภาษามลายู จำนวน 10 ขอ้
2.3 นำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนภาษามลายูทส่ี รา้ งข้นึ เสนอต่อผูเ้ ชยี่ วชาญ 3
ท่าน เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องระหวา่ งข้อคำถามกบั เน้ือหา/จุดประสงค์ (item objective congruence:
IOC) โดยผลพจิ ารณาอาจใหค้ ะแนนดงั นี้
+1 หมายถงึ แนใ่ จว่าข้อคำถามวดั ไดต้ รงเนื้อหา/นิยาม/จดุ ประสงค์
0 หมายถงึ ไม่แนใ่ จวา่ ข้อคำถามวัดไดต้ รงเน้ือหา/นยิ าม/จุดประสงค์
-1 หมายถงึ แน่ใจว่าข้อคำถามวัดไมต่ รงเน้ือหา/นิยาม/จุดประสงค์
2.4 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายูที่ได้ไปทดลองครั้งที่ 1 กับ
นักเรียนที่เคยเรียนเนื้อหาเรื่อง การซื้อขาย (Membeli belah) โดยผู้วิจัยทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี
2/2 โรงเรียนกำแพงวิทยา
2.4.2.5 นำแบบทดสอบที่ได้ไปใช้สอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายู เรื่อง การ
ซือ้ ขาย (Membeli belah) กับกลมุ่ ตัวอย่าง

3) แบบวัดทักษะการพูด ในการสร้างแบบทดสอบวัดทักษะการพูดทางการเรียนรู้ภาษามลายู
ดำเนนิ การสรา้ งตามข้นั ตอน ดงั น้ี

3.1 ศึกษาเอกสารทเี่ ก่ียวขอ้ งกับการวดั ผลประเมนิ ผล วธิ กี ารสร้างแบบวัดอตั นยั จากเอกสาร
และงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวข้อง

3.2 สร้างแบบทดสอบวัดทักษะการพูด จำนวน 3 ขอ้ โดยวดั ทักษะการพูดส่ือสาร เป็นแบบ
วัดอัตนัยโดยการกำหนดสถานการณ์ แล้วให้กลุ่มเป้าหมายมานำเสนอในลักษณะของการพูด เกี่ยวกับเนื้อหาเรือ่ ง

16

การซื้อขาย โดยพิจารณาความถูกต้อง ความเหมาะสม สมบูรณ์ ชัดเจนเป็นเกณฑ์ สำหรับวัดก่อนและหลังการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ Ippa model

3.3 นำแบบวดั ทักษะในการพูดสื่อสารทางภาษามลายูทีป่ รับปรุงแก้ไขแล้วไปให้ผู้เชี่ยวชาญ
ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด้านความตรงเชิงเนื้อหา โดยตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับนิยามท่ี
ต้องการวัด (Index of Consistency: IC) ครอบคลุมข้อคำถามและความชัดเจนของภาษาจากนั้นคัดเลือก
แบบทดสอบทค่ี ำนวณได้ 1.00

3.4 นำแบบวัดทักษะการพูดส่อื สารภาษามลายูท่ไี ด้ไปใชป้ ระเมนิ ทักษะการพูดสื่อสาร เรือ่ ง
การซอ้ื ขาย (Membeli belah) กับกลมุ่ ตวั อยา่ ง

4) สร้างแบบวัดความพงึ พอใจ มีข้นั ตอน ดังน้ี
แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model 4 ขั้น โดยใช้
แบบประเมินทักษะการพูด เรื่อง การซื้อขาย (Membeli belah) ร่วมกับ Application live worksheets เป็น
แบบมาตราส่วนการประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ของลิเคิร์ท (Likert Scale) จำนวน 20 ข้อ มีลำดับ
ข้ันตอนดังน้ี
3.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับความพึงพอใจต่อการจัดการเรยี นรู้เพื่อหากรอบวัดความพงึ
พอใจใหค้ รอบคลุมดา้ นกระบวนการจดั การเรยี นรู้ และขน้ั ตอนการจดั การเรียนรู้
3.2 สร้างแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model 4 ขนั้ โดยใช้
แบบประเมินทักษะการพูด เรื่อง การซื้อขาย (Membeli belah) ร่วมกับ Application live worksheets โดยให้
ครอบคลุมด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วย บทบาทผู้สอน ด้านบทบาทผู้เรียน ด้านวิธีการจัดการ
เรียนรู้ ด้านการวัดและประเมินผล และด้านประโยชน์ที่ได้รับ โดยแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model 4 ขั้น โดยใช้ Application live worksheets ในการฝึกประโยคในการพูด
สื่อสารเรื่องการซื้อขาย เป็นแบบมาตราสว่ นการประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ ของลิเคิร์ท (Likert Scale)
จำนวน 30 ข้อ แยกเป็นรายด้าน คือบทบาทผู้สอน บทบาทผู้เรียน วิธีการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล
และประโยชนท์ ่ผี เู้ รยี นไดร้ ับ โดยมเี กณฑก์ ารให้คะแนน ดงั นี้
พึงพอใจมาก ใหค้ ะแนน 4 คะแนน
พึงพอใจปานกลาง ให้คะแนน 3 คะแนน
พงึ พอใจน้อย ใหค้ ะแนน 2 คะแนน
พึงพอใจน้อยทสี่ ดุ ให้คะแนน 1 คะแนน
3.3 นำคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญมาหาความสอดคล้องระหวา่ งข้อคำถามกับองค์ประกอบการจัดการเรียนรู้
และหาค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ทั้งฉบับ โดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟา
(Coefficient Alpha) ของ ครอนบคั (Cronbach)
3.4 จัดทำแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model 4 ขั้น โดยใช้ Application live
worksheets ในการฝึกประโยคในการพูดสื่อสาร เรื่องการซื้อขาย ร่วมกับการใช้ผังกราฟิก ฉบับสมบูรณ์ จำนวน
20 ข้อ เพอ่ื ใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากกล่มุ ที่ศึกษาในการวจิ ัยตอ่ ไป

4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
ในการวิจัยครั้งน้ี ผวู้ จิ ัยได้ทดลองและเก็บข้อมลู ในภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 2 ช่วั โมง โดย

ดำเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลดังน้ี
4.1 ผวู้ ิจยั วิเคราะห์ปัญหาการจัดการเรียนรู้ วชิ าภาษามลายูเพ่ือการส่ือสาร เร่ือง การซ้อื ขาย (Membeli

belah) จากการที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในรายวิชาภาษามลายูเพื่อการสือ่ สาร ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

17

หน่วยการเรียนรู้ การซื้อขาย จากการจัดการเรียนการสอนที่ผ่านมา พบว่า ผู้เรียนบางสว่ นค่อนข้างจะมีปัญหาใน
การพูดสอ่ื สาร เนือ่ งจากผเู้ รยี นขาดการฝึกฝนบ่อยๆ ซ้ำๆ ในการทำกิจกรรมและไมม่ คี วามมั่นใจในการพูด

4.2 ช้ีแจงวตั ถุประสงค์ของการวิจัยใหน้ ักเรียนกลมุ่ ท่ีศกึ ษาทราบและอธิบายถึงบทบาทหน้าที่ของนักเรียน
และผู้วิจัย

4.3 ทำการทดสอบก่อนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นภาษามลายู เรื่อง
การซ้อื ขาย (Membeli belah)

4.4 ดำเนนิ การจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง การซอ้ื ขาย (Membeli belah) โดยจดั การเรยี นร้ตู ามแผนการจัดการ
เรียนรูท้ เ่ี ตรยี มไว้

4.5 นำข้อมูลที่ได้จากการวัดทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายูของนักเรียนมาทำการวิเคราะห์เพื่อนำ
ขอ้ เสนอแนะไปเปน็ แนวทางในการพฒั นากจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้มีคุณภาพยิ่งข้นึ

4.6 เมื่อเสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แล้วทำการทดสอบหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวชิ าภาษามลายู เรอ่ื ง การซื้อขาย (Membeli belah)

4.7 ตรวจผลการประเมนิ แล้วนำคะแนนท่ไี ด้ไปวเิ คราะห์ด้วยวธิ กี ารทางสถิติโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
4.8 นำข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ ประมวลผล และเรียบเรียง
นำเสนอในรูปความเรยี ง

5. การวิเคราะหข์ ้อมูล
5.1 วเิ คราะห์คณุ ภาพเคร่ืองมือ
1. หาคา่ ดัชนคี วามเทยี่ งตรงเชิงเน้ือหาของแบบวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวิชาภาษามลายู ซ่ึง

ดจู ากคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ งระหว่างขอ้ คำถามกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม โดยใชว้ ิธหี าคา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง
(IOC)

2. หาค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง (IC) ระหวา่ งข้อสอบกบั ข้นั ตอนในการคดิ วิเคราะห์
3. หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IC) ของแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้และหาค่า
ความเชื่อม่ันของแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยการวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา
ของครอนบัค
5.2 วิเคราะห์ขอ้ มลู
1. ทดสอบความแตกตา่ งของคะแนนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาภาษามลายูระหว่างก่อน
และหลงั การจดั การเรียนร้โู ดยใชก้ ารทดสอบทีชนิดกลุ่มตวั อย่างไม่เปน็ อิสระต่อกนั (t-test dependent)
2. การวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายูและการคิดวิเคราะห์ต่อการจัดกิจกรรม
การเรยี นรโู้ ดยคะแนนแตล่ ะข้อเทา่ กบั 1 คะแนน ถา้ นักเรียนตอบถกู ได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน
3. ทดสอบความแตกต่างของคะแนนของผลทักษะการพูดภาษามลายู ระหว่างก่อนและหลัง
การจัดการเรยี นรู้โดยใชก้ ารทดสอบทชี นิดกลุ่มตัวอยา่ งไม่เปน็ อสิ ระต่อกัน (t-test dependent)
4. การวิเคราะห์ผลการวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยวิธีการหาค่าเฉลี่ย (Mean)
คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ของคะแนนจากแบบวดั ความพึงพอใจต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
แบบ Ippa model 4 ขั้น โดยใช้ Application Live Worksheets เรื่อง การซื้อขาย แปลผลค่าเฉลี่ยของคะแนน
ความพงึ พอใจ ดงั นี้
คา่ เฉล่ยี 4.51-5.00 หมายถงึ แผนการจดั การเรียนรู้มคี วามเหมาะสมมากท่ีสดุ
ค่าเฉลีย่ 3.51-4.50 หมายถงึ แผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมมาก

18

ค่าเฉลีย่ 2.51-3.50 หมายถึง แผนการจดั การเรียนรู้มคี วามเหมาะสมปานกลาง
คา่ เฉลีย่ 1.51-2.50 หมายถงึ แผนการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมน้อย
ค่าเฉลย่ี 1.00-1.50 หมายถึง แผนการจดั การเรียนรู้มีความเหมาะสมน้อยท่สี ดุ

5.3 สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ใช้สตู ร
1. สถติ พิ ้ืนฐานดงั น้ี
1.1 คำนวณหาค่าเฉลีย่ (Arithmetic mean)

X = x

N

เมื่อ X แทน คะแนนเฉลย่ี
 x แทน ผลรวมของคะแนนดิบ
N แทน จำนวนข้อมูล

1.2 คำนวณหาค่าส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใชส้ ูตร

S.D = N  x2 − ( x)2
N (N −1)

เมอ่ื S.D แทน สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน

 x2 แทน ผลรวมทั้งหมดของคะแนนแตล่ ะตัวยกกำลงั สอง

(x)2 แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมดยกกำลงั สอง

N แทน จำนวนขอ้ มลู

2. สถิตทิ ี่ใชใ้ นการตรวจสอบคุณภาพเครือ่ งมือ
2.1 ค่าความเที่ยวตรง (Validity) ของแบบประเมินทักษะการพูด กลุ่มสาระการเรียนรู้

ภาษาตา่ งประเทศ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ เรือ่ ง การซอื้ ขาย ได้จากสตู ร (ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี,2556:108)
IOC = R

N

เม่อื IOC แทน ดชั นีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจดุ ประสงค์
R แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
N แทน จำนวนผูเ้ ช่ียวชาญ

2.2 ค่าความเที่ยง (Reliability) ของแบบวัดความพึงพอใจ ความสอดคล้องภายใน โดยใช้

วิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. 2538:

200)

 =  k k 1  1 − S2St 2i 
 −  

เมอื่  แทน ความเที่ยงของแบบสอบถาม

k แทน จำนวนขอ้ คำถาม

19

S2i แทน ผลรวมของความแปรปรวนของคะแนนแตล่ ะข้อ
s2t แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวมทั้งฉบับ

3. สถิติทีใ่ ชท้ ดสอบสมมติฐาน
3.1 สถติ ิท่ใี ช้ในการเปรียบเทียบผลทักษะการพดู ของนักเรยี นจากการประเมินก่อนเรียน และ
หลังเรียนโดยการจัดกิจกรรมภาษามลายูแบบ Ippa model โดยใช้ Application Live Worksheets ฝึกทักษะ
การพูด โดยใชส้ ถติ ทิ ดสอบ t-test แบบ Dependent Sample วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใชส้ ตู ร

t= D โดย df = n -1
nD2 − (D)2
n−1

เมอ่ื t แทน ค่าสถิตทิ ีใ่ ชเ้ ปรยี บเทียบค่าทีเพื่อทราบความมนี ัยสำคัญ

D แทน ค่าผลตา่ งระหว่างคู่คะแนน

n แทน จำนวนคู่ของกลุม่ ตวั อยา่ ง

20

บทที่ 4
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ
Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) ของนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ซ่ึงผูว้ ิจัยนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู ดงั นี้

ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
1. ผลการเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวชิ าภาษามลายเู พ่ือการส่ือสาร เรือ่ ง Membeli belah

(การซอ้ื ขาย) ระหวา่ งกอ่ นและหลังทไี่ ด้รับการจัดการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model ร่วมกบั การใช้เวป
ไซต์ Live worksheets เร่ือง Membeli belah (การซื้อขาย) วชิ าภาษามลายู

ผูว้ จิ ัยไดน้ ำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภาษามลายู เรือ่ ง Membeli belah (การซ้ือขาย)
กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model ร่วมกับการใช้
เวปไซต์ Live worksheets เรือ่ ง Membeli belah (การซือ้ ขาย) ดงั ในตารางที่ 1

ตารางที่ 1 ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นภาษามลายู ก่อนเรียนและหลงั เรยี นของนักเรียนท่ีได้รบั

การจดั การเรียนการสอนภาษามลายูแบบ Ippa Model ร่วมกบั การใช้เวปไซต์ Live worksheets เร่ือง Membeli

belah

การทดสอบ N คะแนนเต็ม X̅ S.D. t-test p-value

ก่อนเรยี น 40 10 3.00 1.04

15.59* .0000

หลงั เรยี น 40 10 7.50 1.52

** มีนยั สำคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดับ .05

จากตารางที่ 1 แสดงใหเ้ หน็ วา่ คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาภาษามลายูของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมแบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์

Live worksheets เรื่อง Membeli belah ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.00 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.04

หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.50 ส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.52 และเมื่อทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธ์ิ

ทางการเรียนภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ภาษามลายู

แบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ภาษามลายเู พื่อการสอ่ื สารหลงั การจัดการเรยี นรู้สูงกวา่ ก่อนการจัดการเรยี นรู้อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถิติทีร่ ะดับ .05

2. ผลการเปรียบเทยี บทักษะการพูดสอื่ สารภาษามลายูก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนทไ่ี ด้รับการ
จัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah
(การซ้ือขาย)

ผู้วิจัยได้นำแบบวัดทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู ไปใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ก่อนและหลัง
การจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah
(การซอื้ ขาย) จากนัน้ นำแบบวดั มาตรวจให้คะแนนและทำการวิเคราะห์ผล ไดผ้ ลการวเิ คราะหด์ งั ในตารางท่ี 2

21

ตารางที่ 2 ผลการเปรียบเทียบทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียน ที่ได้รับการ
จดั การเรยี นรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใชเ้ วปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซอ้ื ขาย)

การทดสอบ N คะแนนเตม็ ̅X S.D. t-test p-value
ก่อนเรยี น 40 20 5.78 1.78 20.20* .0000

หลงั เรียน 40 20 15.63 2.01

** มีนัยสำคัญทางสถติ ิท่ีระดับ .05

จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า หลังได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้
เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีทักษะการพูด
สื่อสารทางภาษามลายู มีคะแนนเฉลี่ยทักษะการพูดสื่อสารทางภาษามลายูก่อนการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa
Model เท่ากับ 5.78 คะแนนเต็ม 20 คะแนน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.78 และคะแนนเฉลี่ยทักษะการพูดสื่อสาร
ทางภาษามลายูหลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบ Ippa Model เท่ากบั 15.63 คะแนน คะแนนเตม็ 20 คะแนน
ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.01 เมื่อทดสอบความแตกต่างทักษะการพูดสื่อสารทางภาษามลายูก่อนและหลังการ
จัดการเรียนรู้แบบ Ippa Model พบว่า ทักษะการพูดสื่อสารทางภาษามลายูแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิ
ทีร่ ะดับ .05

3. ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์
Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซ้อื ขาย)

ผู้วิจัยได้ใช้แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์
Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) มีทั้งหมด 5 ด้าน โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ค่าทาง
สถิติ ผลปรากฏดังตารางที่ 3

22

ตารางท่ี 3 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานและระดับความพึงพอใจต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ

แบบ Ippa model รว่ มกบั การใชเ้ วปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซ้ือขาย)

ขอ้ กจิ กรรม คา่ เฉลย่ี S.D. ผลการ
ประเมิน

1 ครแู จง้ ผลการเรียนรู้ใหน้ ักเรยี นทราบอยา่ งชดั เจน 4.38 0.70 มากทส่ี ดุ

2 ครูจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ นุกและน่าสนใจ 4.10 0.93 มาก

3 เนอ้ื หาสาระท่สี อนทันสมยั เสมอ 4.40 0.74 มากท่ีสดุ

4 ครูใช้ส่อื ประกอบการเรียนการสอนทเี่ หมาะสมและหลากหลาย 4.23 0.86 มากทีส่ ดุ

5 ครใู ชค้ ำถามกระตุ้นความคิด ซักถามนักเรียนบ่อย ๆ 4.35 0.62 มากทส่ี ดุ

6 ครูประยุกตส์ าระทีส่ อนเขา้ กับเหตกุ ารณป์ จั จุบัน/สภาพแวดลอ้ ม 4.15 0.77 มาก

7 ครสู ่งเสริมนกั เรียนไดฝ้ ึกปฏิบตั จิ รงิ มีการจัดการและการแกป้ ัญหา 4.25 0.63 มากที่สดุ

8 ครูให้นักเรยี นฝกึ กระบวนการคิด คิดวิเคราะห์ คดิ สรา้ งสรรค์ 4.38 0.67 มากท่สี ดุ

9 ครสู ง่ เสรมิ ให้นกั เรียนทำงานร่วมกนั ทัง้ เปน็ กลมุ่ และรายบุคคล 4.13 0.85 มาก

ข้อ กจิ กรรม คา่ เฉลี่ย S.D. ผลการ
10 ครูให้นักเรียนแสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนร้ตู ่าง ๆ ประเมิน

4.20 0.82 มาก

11 ครมู กี ารเสรมิ แรงใหน้ กั เรียนที่รว่ มกจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.28 0.88 มากทส่ี ดุ

12 ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามปัญหา 4.65 0.58 มากทส่ี ุด

13 ครูคอยกระตุ้นให้นักเรียนต่นื ตัวในการเรยี นเสมอ 4.40 0.71 มากท่สี ุด

14 ครูสอดแทรกคุณธรรมและค่านยิ มทีด่ ีงามในวิชาทีส่ อน 4.33 0.69 มากที่สุด

15 ครยู อมรบั ความคิดเห็นของนักเรียนทีต่ า่ งไปจากครู 4.55 0.64 มากที่สดุ

16 นกั เรียนมสี ่วนรว่ มในการวัดและประเมนิ ผลการเรียน 4.35 0.70 มากทสี่ ดุ

17 ครูมกี ารประเมนิ ผลการเรยี นด้วยวิธกี ารทหี่ ลากหมายและยุติธรรม 4.40 0.74 มากทีส่ ดุ

18 ครูมคี วามตั้งใจในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน 4.50 0.72 มากทส่ี ดุ

19 บุคลกิ ภาพ การแตง่ กาย และการพดู จาของครูเหมาะสม 4.58 0.68 มากทส่ี ุด

20 ครูเขา้ สอนและออกชนั้ เรียนตรงตามเวลา 4.50 0.68 มากทส่ี ุด

ระดบั ความพึงพอใจทัง้ หมดของนักเรียนเฉลี่ยท้ังหมด 4.35 0.09 มากท่สี ุด

จากตารางที่ 3 แสดงให้เห็นว่านักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa model
ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) มีค่าเฉลี่ยรวมความพึงพอใจต่อ
การจดั กจิ กรรมการเรยี นรมู้ ีค่าเทา่ กบั 4.35 อยู่ในระดับมากท่ีสุด

23

บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

การวิจัยครั้งนี้เป็นรูปแบบการวิจัยเบื้องต้น (Pre - experimental design) เพื่อพัฒนาทักษะการพูดสื่อสาร
ภาษามลายู โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกบั การใช้เวปไซต์ Live worksheets เร่ือง Membeli
belah (การซอ้ื ขาย) ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนกำแพงวทิ ยา สรุปได้ ดงั น้ี

วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย
1.เพื่อเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร กอ่ นเรียนและหลังเรียน

ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนการสอนแบบ Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live worksheets เรื่อง
Membeli belah (การซ้ือขาย)

2. เพื่อพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) โดยใช้
กระบวนการเรียนร้แู บบ Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์ Live worksheets มคี ะแนนจากการประเมินทักษะ
การพดู สอ่ื สารภาษามลายู ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 60 ของจำนวนนกั เรียนทง้ั หมด

3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้
โปรแกรม Live worksheets

สมมติฐานของงานวจิ ัย
นกั เรียนท่ีได้รบั การพัฒนาทักษะการพดู ส่ือสารภาษามลายู เรือ่ ง Membeli belah (การซือ้ ขาย)

โดยใช้กระบวนการเรยี นรู้แบบ Ippa model ร่วมกบั การใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets มีทักษะการพดู ส่ือสาร
ภาษามลายู หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ขอบเขตของการวจิ ัย

ประชากร
ประชากรท่ีใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู

จงั หวดั สตลู ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 4 ห้อง รวม 160 คน
กลุม่ ตัวอยา่ ง
กลุ่มตวั อย่างท่ใี ชใ้ นการวิจยั ได้แก่ นกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2/2 จำนวน 40 คน

เนือ้ หาท่ีใช้ในการวิจัย
เน้อื หารายวิชาภาษามลายเู พื่อการสื่อสาร2 เร่ือง Membeli belah (การซ้ือขาย)

ระยะเวลาท่ใี ช้
ดำเนนิ การทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 2 สปั ดาห์ ๆ ละ 1 คาบ

รวม 2 คาบ ๆ ละ 50 นาที

เครอื่ งมอื ทีใ่ ช้ในการวจิ ยั
1 เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model จำนวน 1

แผน 2 ชั่วโมง
2 เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ประกอบดว้ ย

24

2.1 แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าภาษามลายเู พื่อการสือ่ สาร กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ภาษาต่างประเทศ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่อง การซื้อขาย ชั้นมัธยมศึกาษาปีที่ 2 ชนิด ปรนัย 4 ตัวเลือก
จำนวน 10 ขอ้

2.2 เว็ปไซต์ Live worksheets ประโยคการพดู ส่อื สารภาษามลายู เร่ือง Membeli belah (การ
ซอ้ื ขาย)

2.3 แบบวดั ทักษะการพูดสอ่ื สาร เร่อื ง การซ้อื ขาย (Membeli belah)
2.4 แบบวัดความพึงพอใจการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์
Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5
ระดับ ของลิเคริ ์ท (Likert Scale) จำนวน 20 ขอ้

การวเิ คราะหข์ อ้ มลู
ผู้วิจัยนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแต่ละประเภทมาทำการวิเคราะห์ทาง

สถติ ิโดยดำเนนิ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ดงั นี้
1. วเิ คราะห์ขอ้ มลู เพอ่ื ศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ สาระ

การเรยี นร้เู พ่มิ เติม เร่ือง Membeli belah (การซื้อขาย) ดังน้ี
1.1 หาค่าเฉลี่ย ( x ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของคะแนนจากแบบทดสอบวัด

ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนภาษามลายู เร่อื ง Membeli belah (การซือ้ ขาย)
1.2 ทดสอบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายู เรื่อง

Membeli belah (การซื้อขาย) ระหว่างก่อนกับหลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สถิติการทดสอบที ชนิดกลุ่มตัวอย่าง
ไม่เปน็ อิสระตอ่ กัน (t-test dependent group)

2. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาผลการทดสอบความแตกต่างของคะแนนของผลทักษะการพูดภาษา
มลายู ระหว่างก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้การทดสอบทีชนิดกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test
dependent group)

3. วเิ คราะห์ข้อมูลของแบบวดั ความพึงพอใจต่อการจดั การเรียนรดู้ ังน้ี
3.1 วเิ คราะห์ผลการวดั ความพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรียนร้โู ดยวธิ ีการ หาคา่ เฉล่ีย

(̅X ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของคะแนนจากแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้วิชาภาษามลายู โดย
การจดั การเรยี นรู้แบบ3P ร่วมกบั การใช้ผังกราฟิกแปลผลคา่ เฉลย่ี ของคะแนนความพึงพอใจ

สรุปผลการวจิ ัย
1. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร แบบ Ippa model ร่วมกับการ

ใช้เว็ปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนศุงกว่า
กอ่ นเรียนอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05

2. นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซ้ือ
ขาย) โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์ Live worksheets มีคะแนนจากการ
ประเมินทกั ษะการพูดสอื่ สารภาษามลายู ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของจำนวนนักเรยี นทงั้ หมด

25

3. นักเรียนที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้โปรแกรม Live
worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในระดับ
มากทสี่ ดุ

อภปิ รายผลการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้พัฒนาทักษะการพูดสื่อสารภาษามลายู เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) โดย

ใชก้ ระบวนการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์ Live worksheets ผวู้ จิ ัยจะนำเสนอการอภิปราย
ตามหวั ขอ้ ดงั นี้

จากตารางที่ 1 แสดงใหเ้ หน็ ว่าคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นวิชาภาษามลายูของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมแบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์
Live worksheets เรื่อง Membeli belah ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.00 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.04
หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.50 ส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.52 และเมื่อทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรียนภาษามลายูเพื่อการสื่อสาร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ภาษามลายู
แบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ภาษามลายเู พือ่ การสื่อสารหลงั การจัดการเรียนรู้สงู กวา่ ก่อนการจัดการเรียนรู้อย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05

1. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ภาษามลายูแบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live
worksheets เรื่อง Membeli belah มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายูเพื่อการสื่อสารหลังเรียนสูงกว่าก่อน
เรยี นอยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถิติที่ระดบั .05

จากผลการวิจัยพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาทักษะการพูดสื่อสาร
ภาษามลายู เรือ่ ง Membeli belah (การซื้อขาย) โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เว็ป
ไซต์ Live worksheets มคี ะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนภาษามลายูเพื่อการสื่อสารก่อนเรียนเฉล่ีย 3.00 คะแนน
จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน และคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษามลายูเพื่อการสื่อสารหลังการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ แบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย)
เฉลี่ยเท่ากับ 7.50 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน และนักเรียนมีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี
นัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05 เนื่องจากการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ Ippa Model ร่วมกับการใช้เว็ปไซต์ Live
worksheets เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นจากแนวคิดทฤษฎีการ
เรียนรู้แนวสื่อสาร (Communicative Approach เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และวิธีการสอน
ภาษาท่ีร้จู กั กันดีอย่างกว้างขวางท่ัวโลก คอื วิธกี ารสอนรปู แบบ Ippa Model เป็นวธิ กี ารสอนภาษาตามลำดับข้ัน
ไดแ้ ก่ ข้นั ท่ี 1 Introduction (I) ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยใหผ้ ู้เรียนเตรยี มพร้อมท่ีจะเรียน ดว้ ยความรู้สึก อารมณ์ที่
สนุกผ่อนคลายด้วยเกม เพลง และดนตรีที่เชือ่ มโยงว่าจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร ทำให้มีจุดหมายการเรียนชัดเจน
ยิง่ ขึ้น ขัน้ ท่ี 2 Presentation (P) ขน้ั นำเสนอดว้ ยการให้ข้อมลู ทางภาษาแก่นักเรยี น มกี ารนำเสนอคำศัพท์ เนื้อหา
ประโยคสนทนาให้เข้าใจรปู แบบและความหมาย ข้นั ที่ 3 Practice (P) ขัน้ ฝึกใชภ้ าษาที่เรยี นมาแล้วในข้ันนำเสนอ
โดยมีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนใช้ภาษาได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว ฝึกแบบทั้งชั้น กลุ่ม คู่ หรือรายบุคคล แก้ไข
ข้อผิดพลาดได้หลังจากการฝึก เพราะหากแก้ไขระหว่างฝึกจะทำให้นักเรียนขาดความมั่นใจได้ และขั้นที่ 4
Application (A) นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันหรือชีวิตจริง สถานการณ์จริง ด้วยการนำภาษา
เชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับการปฏิบัติด้วยการให้นักเรียนนำคำหรือประโยคที่ฝึกมาแล้วมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆ
เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว ดังนั้น เป้าหมายของการสอนภาษา คือ ให้ผู้เรียนภาษาสามารถสื่อสารได้อย่าง
เหมาะสมในบริบทต่าง ๆ ทางสงั คม (Social Context) หรือสถานการณ์สื่อสารในชวี ิตจรงิ ที่มีความแตกต่างและ

26

หลากหลาย (ธนกร สุวรรณพฤฒิ, 2558) เมื่อตระหนักถึงปัญหาที่ผู้เรียนไม่สามารถใช้ภาษาสื่อสารได้ แม้จะมี
ความรู้หลักภาษาและโครงสร้างทางภาษาเป็นอย่างดี แต่ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารหรือใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับ
บริบทหรอื สถานการณ์นนั้ ๆ หลกั สูตรการเรยี นการสอนภาษาจึงมเี ป้าหมายของการสอนให้ผู้เรียนสามารถส่ือสาร
ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การใช้ภาษาตามหัวเรื่องและหน้าที่ภาษา (Notional-Functional Language) ซ่ึง
เป็นหลักสูตรเน้นความจำเปน็ ต้องใช้ภาษาของ ผู้เรียนในสถานการณ์ชีวิตจริง การจัดกิจกรรมตามความสนใจของ
ผู้เรียน และการใช้ภาษาของผู้เรียนมีลักษณะใกล้เคียงกับสถานการณ์สื่อสารที่เกิดขึ้นจริง ( Authenticity) เพื่อ
เตรียมความพร้อมแก่ผู้เรียนในการใช้ภาษานอกชั้นเรียน และฝึกใช้ภาษาสื่อความหมายโดยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน
จนกระทั่งสามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว ถูกต้อง และเหมาะสมกับบริบท (Savignon, 1991)ทั้งนี้ยังมีผัง
กราฟิกซึ่งเป็นตัวช่วยให้นักเรียนสามารถมองภาพรวมของ เนื้อหาเรื่องเคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมด
โดยผูส้ อนใหอ้ สิ ระแก่นักเรยี นที่จะสรา้ งสรรค์ ผลงาน ออกแบบผลงานเพื่อให้ได้มาซึ่งความเขา้ ใจ จดจำให้ง่ายท่ีสุด
เนื่องจากเนื้อหาในบทเรียนน้ี โดยส่วนใหญ่เน้นการจดจำเป็นหลัก ผู้เรียนจะมีความเข้าใจในเนื้อหาสาระที่เรียน
และจดจาสิ่งที่เรยี นรู้ ได้ดี นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้การใช้ผงั กราฟิกในการเรียนรูต้ ่าง ๆ ซึ่งผู้เรียนสามารถนาไปใช้
ในการ เรียนรู้เนื้อหาสาระอื่น ๆ ไดอ้ กี มาก (ทศิ นา แขมมณ,ี 2557: 236)

ด้วยเหตุนี้ผลการวจิ ยั สรปุ ได้ว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการ
ใช้เวป็ ไซต์ Live worksheets มีผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นภาษามลายูเพื่อการส่อื สารหลังเรยี นสูงกวา่ ก่อนเรียนอย่าง
มนี ยั สำคัญทรี่ ะดับ .05 ซึ่งเปน็ ไปตามสมมติฐานทต่ี ้งั ไว้

2. นักเรยี นทไ่ี ด้รับการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ Ippa model รว่ มกบั การใช้เวปไซต์ Live worksheets
เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีทักษะการพูดสื่อสารทางภาษามลายูผ่าน
เกณฑ์จำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 87.5 และนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 12.5 สรุปได้
วา่ นกั เรยี นมคี ะแนนทักษะการพดู สือ่ สารภาษามลายูผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ของจำนวนนักเรียนท้งั หมด

3. นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live worksheets เรื่อง
Membeli belah (การซื้อขาย) มีความพงึ พอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรูอ้ ยู่ในระดบั มากทส่ี ุด

ขอ้ เสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำผลวจิ ัยไปใช้
1.1 ควรส่งเสริมให้นักเรียนสามารถบูรณาการร่วมกับภาษาจีน และญี่ปุ่น หรือศาสตร์สาขา

ที่เกีย่ วขอ้ งเพือ่ ที่นกั เรียนนำเอาความรู้ที่ศกึ ษาไปประยุกต์ใช้ร่วมกนั
1.2 ครูผู้สอน จะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องแผนการจัดการเรียนรู้ ให้มีความสอดคล้องกับ

เนื้อหาและการจัดกิจกรรมทีม่ ีความหลากหลายให้มากขึ้น การวางแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ของนกั เรียนใน
แต่ละคาบ สถานที่จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ สภาพแวดล้อม รวมถึง หนังสืออ่านเพ่ิมเติม ใบความรู้ และวัสดุอุปกรณ์
ทจี่ ำเปน็ ต้องใช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เพอ่ื ให้ การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพสงู สุด

1.3 ครูผูส้ อนควรชแี้ จงกอ่ นการจดั การเรียนรู้ เพอ่ื ให้นกั เรียนเข้าใจรูปแบบและ วัตถุประสงค์ของ
การจัดการเรยี นรู้ เพ่ือใหก้ ารดาเนนิ การจัดการเรยี นรู้สามารถพฒั นาและสง่ เสริม นักเรียนไดเ้ ต็มตามศักยภาพ

2. ข้อเสนอแนะในการวิจยั คร้ังตอ่ ไป
2.1 ควรมีการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live

worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) กับตัวแปร อื่น ๆ เช่น ความสามารถในการแก้ปัญหา การคิด
อย่างมวี ิจารณญาณ เปน็ ต้น

27

2.2 ควรมีการศึกษาผลการจัดการเรียนรู้แบบ Ippa model ร่วมกับการใช้เวปไซต์ Live
worksheets เรื่อง Membeli belah (การซื้อขาย) กับการสอนในสาระภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาจีน ญี่ปุ่น
ภาษาองั กฤษ เปน็ ต้น

2.3 ควรมกี ารศึกษาเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งทางด้านระดับชัน้ เรียน เพศ ใน การจัดการเรียนรู้

28

บรรณานุกรม

ซาการียา อาแว 2561 การเรียนการสอนโดยใชท้ ฤษฎี IPPA MODEL (วิทยานิพนธ์การบรหิ ารการศึกษา,
มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์).

ทิศนา แขมมณี. 2555. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ทีมีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งท่ี
5. กรุงเทพฯ :สำนักพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ธีรพงศ์ แก่นอินทร์. (2545). ผลของวิธีสอนแบบโครงการต่อเจตคติ ความพึงพอใจ คุณลักษณะอื่น และระดับผล
การเรียนของนักศึกษาระดับปริญญาตรี. วารสารสงขลานครินทร์ ฉบับ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์,
8(1), 33-45.

ศศเิ ทพ ปติ ิพรเทพนิ . (2558). วทิ ยาศาสตรก์ บั การสื่อสาร กรงุ เทพฯ: สำนกั พิมพ์ แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ศุภโชค แก้วสง่า. (2550). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยการให้มโนทัศน์ล่วงหน้า และการใช้ผัง

กราฟิกต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนวัดสระแก้ว
จังหวัดอ่างทอง. (วิทยานพิ นธ์ครุศาสตรมหาบัณฑติ , มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั จนั ทรเกษม).
สคุ นธ์ สิทธพานนท์. (2558). การจัดการเรยี นรู้ของครูยคุ ใหม่ เพ่อื พัฒนาทักษะผเู้ รยี น ในศตวรรษที่ 21.
กรงุ เทพฯ: ห้างหนุ้ สว่ นจากดั 9119 เทคนิคพรนิ้ ตงิ้ .
สทุ ธิพงศ์ กนั วะนา. (2558). ผลการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเป็นฐานร่วมกับการเรยี นแบบรว่ มมือ ที่มีต่อความ
พงึ พอใจ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ และผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น วชิ าสุข ศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่
2. (วทิ ยานิพนธ์ครศุ าสตรมหาบณั ฑิต, มหาวทิ ทยาราชภัฏ สกลนคร).
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน . 2551. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551.
กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุม สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
อนันตกานต์ ภถู ้ำแกว้ . (2559). การพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษของนกั เรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีท6่ี โดยใช้
การจัดการเรยี นรู้แบบ 3P ประกอบแบบฝึกทกั ษะ. โรงเรียนโสกเชือก.จงั หวัดมหาสารคาม. (วทิ ยานิพนธ์
ครศุ าสตรมหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม).

29

ภาคผนวก

30

ภาคผนวก ก

รายช่อื ผเู้ ชยี่ วชาญเปน็ ผตู้ รวจสอบเครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัย

31

รายช่ือผเู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบเคร่อื งมือการวิจัย

1. นางปาลติ า อาดลุ เบบ
ครชู ำนาญการพเิ ศษ
ครูผสู้ อนวชิ าภาษาภาษาอังกฤษ โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จงั หวดั สตูล

2. นางนรศิ รา หยมี ะเหร็บ
ครชู ำนาญการพิเศษ
ครูผู้สอนวชิ าอังกฤษ โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวดั สตูล

2. นางสาจติ ร ทพิ ย์รองพล
ครคู รูชำนาญการพเิ ศษ
ครูผู้สอนวิชาองั กฤษ โรงเรียนกำแพงวิทยา อำเภอละงู จังหวัดสตลู

32

ภาคผนวก ข

เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ Ippa Model
รว่ มกบั การใช้เวปไซต์ Live worksheets เรือ่ ง Membeli belah (การซ้ือขาย)

ของนักเรยี นชั้นมธยมศกึ ษาปที ่ี 2
1. แผนการจดั การเรยี นรู้
2. ประโยคฝึกทกั ษะการพดู สือ่ สาร เว็ปไซต์ Live Worksheets

33

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 7

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ รหสั วิชา ม22222 วชิ า ภาษามลายูสือ่ สาร .
ปีการศึกษา 2564 .
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ช่ัวโมง

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 7 เรอ่ื ง Membeli belah .

ชื่อผสู้ อน นางมารยี ะ๊ แดงตี

1. ผลการเรยี นรู้
7 . สนทนาการซ้อื ขายด้วยสกุลเงินของมาเลเซียได้

2. สาระสำคญั
การเรียนรู้คำศัพทเ์ ก่ียวกบั การซ้อื ขาย การออกเสียงคำศัพท์ วลี และประโยค ทำใหผ้ ูเ้ รยี น

สามารถพูดและเขียนเก่ียวกบั การซื้อขายได้ ซ่งึ เปน็ การเรียนรูภ้ าษามลายูเพ่ือนำไปใชส้ อ่ื สารในชวี ิตประจำวัน

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (K,P,A)

1. ร้แู ละเข้าใจเก่ยี วกบั การซอ้ื ขายได้ (K)

2. อ่านคำศัพท์ ประโยค การซ้อื ขายได้ (P)

3. พดู สนทนาซอ้ื ขายดว้ ยภาษามลายไู ด้ (p)

4. วนิ ยั ใฝ่เรยี นรูแ้ ละมุง่ มัน่ ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้
1. kosa kata คำศัพท์
2. Ayat-Ayat ประโยค
3. Perbualan บทสนทนา

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน

34

6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรียน
2. Aktiviti-Aktiviti 1
3. Aktiviti-Aktiviti 2
4. พดู ส่อื สารการซ้ือขายดว้ ยภาษามลายู

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ (วธิ สี อนแบบ Ippa model)
วธิ สี อนแบบ IPPA MODEL
ชวั่ โมงที่ 1
ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรยี น
Introduction (I)
1. ครกู ล่าวทักทายนักเรียนดว้ ยคำวา่ Selamat pagi
2. ครูกระตุ้นสมองเพ่อื ใหน้ ักเรยี นมีความพร้อมในการเรียนดว้ ยการบอกให้นกั เรียนจบั อวยั วะของตนเอง

โดยครูส่งั ด้วยภาษามลายู
3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนดว้ ยโปรแกรม Liveworksheets
(https://www.liveworksheets.com/3-nu800156gj)

ขนั้ สอน
Presentation (P)

4. ครูถามนักเรยี นว่านกั เรียนเคยซ้ือขายด้วยภาษามลายูบ้างไหม ถา้ ซื้อนกั เรียนซื้อที่ไหนกันมาบ้าง
5. ครนู ำเสนอ Kosa kata dan Ayat-Ayat คำศพั ทแ์ ละประโยคการซ้ือขายด้วย Canva งานนำเสนอ

เรอื่ ง membeli belah อา่ นใหน้ ักเรียนฟังและให้นักเรียนอ่านตามพร้อมกนั
Practice (P)
6. นักเรยี นฝกึ พดู Ayat- Ayat การซือ้ ขายเปน็ รายบคุ คล
7. ครคู อยฟังและให้คำแนะนำนักเรยี นท่ีพูดยงั ไมค่ ล่องตามประโยคทก่ี ำหนด
8. นกั เรยี นทำกิจกรรม Aktiviti-Aktiviti 1 ใน Liveworksheets

(https://www.liveworksheets.com/3-vx800113tm) ตามกิจกรรมทีก่ ำหนด

ขน้ั สรปุ
Application (A)
9. นกั เรียนจับคูพ่ ูดสื่อสารกนั ดว้ ย Ayat การซื้อขายส้นั ๆ โดยเลือกส่งิ ของ เช่น buku หนังสอื pen
ปากกา pensil ดินสอ หรอื อะไรกไ็ ด้ท่ีสนใจ เช่น นกั เรยี นยกตวั อย่าง หนังสือ

A: Selamat dating, anda sila masuk. Anda mahu lihat yang mana?
B: Saya sedang mencari sebuah buku.
A: Ini buku yang mencari tak.
B: Ya, sebuah buku ini berapa harga?
A: Sebuah buku ini harga RM. 180

35

ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น
Introduction (I)
1. ครกู ลา่ วทักทายนักเรยี นด้วยคำว่า Selamat pagi
2. ครกู ระตุ้นสมองเพือ่ ใหน้ กั เรียนมีความพรอ้ มในการเรียนดว้ ยการบอกให้นักเรียนจับอวัยวะของ
ตนเองโดยครูส่ังดว้ ยภาษามลายู
3. ทบทวนบทเรยี นการเร่ืองซ้ือขาย

ขน้ั สอน
ข้นั สอน

Presentation (P)
4. ครูถามนักเรียนว่านกั เรียนไดเ้ รียน Ayat – Ayat การซ้อื ขายมาแลว้ เม่อื คาบท่แี ล้ว นกั เรียนอ่าน

และศึกษา เรื่อง Di Pusat membeli-belah ด้วย Canva งานนำเสนอ อ่านใหน้ ักเรียนฟงั และให้
นักเรยี นอา่ นตามและสรุปความหมายของเน้ือเรื่อง โดยครอู ธิบายคำนาม คำลักษณะนาม จำนวน สี ท่ี
ประกฎในเนอ้ื เร่ือง เพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ได้

Di Pusat membeli-belah

Di Pusat membeli-belah ini mempunyai pakaian alat persekolahan seperti
baju,seluar,kasut,tudung, pen,buku,pembaris dan pensil. di pusat ini juga ada jenis buah-buahan,
sayur-sayuran dan minuman lain-lain lagi. seperti oren, ikan, lobak merah jus oren jus strawberi
dan lain-lain lagi. Oleh itu di pusat ini berada pelbagai-bagai barangan berwarna-warni merah putih
kuning dan di sini juga ada banyak size baju kanak-kanak dan remaja juga banyak harganya.

Practice (P)
5. นกั เรียนฝึกทำกจิ กรรม Aktiviti-Aktiviti 2 ใน Liveworksheets
(https://www.liveworksheets.com/3-ne800274yd) ตามกจิ กรรมทีก่ ำหนดจนเกดิ ความชำนาญ
6. นักเรียนฝกึ พดู ประโยคซ้ือขาย ดังน้ี

A: Selamat datang, anda sila masuk, anda mahu lihat yang mana?
B: Saya sedang mencari sepasang kasut.
A: Anda pakai size berapa?
B: Saya Pakai siza 36.
A: Anda mahu kasut warna apa?
B: Saya mahu kasut warna kuning.
B: Sepasang kasut ini berapa harga?
A: Sepasang kasut ini RM.750
B: Saya setuju dengan sepasang kasut ini, Ini wang
A: Terimakasih, sila datang lagi.

36

ขั้นสรุป
Application (A)

7. นักเรยี นจบั คู่พดู สือ่ สารการซื้อขายด้วยประโยคทถ่ี ูกต้องตามโครงสร้าง
8. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น ดว้ ยเวป็ ไซต์ Liveworksheets

(https://www.liveworksheets.com/3-nu800156gj)

8. ส่อื การเรียนรู้/แหลง่ เรยี นรู้
1. คำศัพท์/ประโยค ดว้ ย Canva
2. ประโยคฝกึ การสนทนา ด้วย Liveworksheets
3. Latih tubi ด้วย Liveworksheets

9. การวัดผลการประเมินผลการเรียนรู้

การประเมนิ ผล(ด้าน) วิธกี ารวดั เครอื่ งมอื การวัด เกณฑก์ ารประเมนิ
(จุดประสงค์การเรยี นรู้) - แบบทดสอบ
1. รู้และเขา้ ใจเก่ยี วกบั การซอ้ื - สังเกตจากการทำ - นักเรยี นผ่านเกณฑ์
ขายได้ (K) แบบทดสอบ เร่ือง - แบบประเมนิ การทำ การทดสอบร้อยละ 70
การซื้อขาย กจิ กรรม
2. อา่ นคำศัพท์ ประโยค การซ้อื - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์
ขายได้ (P) - สังเกตจากการทำ การทำกิจกรรมได้
กจิ กรรม ที่ 1 อา่ น ถูกต้องร้อยละ 70
คำศัพท์

3. พดู สนทนาซื้อขายดว้ ยภาษา - สังเกตจากการทำ - แบบประเมินการทำ - นกั เรียนผ่านเกณฑ์
มลายไู ด้ (p) กจิ กรรม ท่ี 2 พูด กจิ กรรม การสนทนาได้ถูกต้อง
ประโยค รอ้ ยละ 60

- สงั เกตการสนทนา - แบบประเมนิ การ
การซื้อขาย สนทนา

4. วินยั ใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งมน่ั ใน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมิน - นักเรยี นผา่ นเกณฑ์
การทำงาน (A) คุณลักษณะอนั พงึ
คณุ ลกั ษณะอันพึง ประสงคร์ ะดับ 2

ประสงค์

37

10. ความคิดเห็นของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้……………………………………………….………………………………..
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................ ...........................................................

ลงชอื่
(นางปาลิตา อาดลุ เบบ)

หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ
11. ความคดิ เห็นรองผู้อำนวยการฝา่ ยบรหิ ารวชิ าการ

 องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู.้ ........................................................................................
 มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั /ผลการเรียนรู้สอดคล้อง...................................................................
 สาระสำคญั ครอบคลมุ ชัดเจน.........................................................................................................
 สาระการเรียนรมู้ ีความถูกต้องตามหลักวชิ าการ.............................................................................
 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้มคี วามชดั เจนครอบคลุม 3 ดา้ น..................................................................
 สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน.............................................................................................................
 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์..............................................................................................................
 ระบุภาระงาน/ชิน้ งาน.....................................................................................................................
 กิจกรรมการเรียนรเู้ น้นผเู้ รียนเป็นสำคัญ........................................................................................
 สือ่ และอปุ กรณ์การเรยี นรู้..............................................................................................................
 การวัดและการประเมินตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้.........................................................................
 บันทกึ หลังสอน................................................................................................................ ...............
 เสนอสง่ แผนการจดั การเรียนรตู้ ามขั้นตอนระบบงาน.................................................................

ลงช่ือ
( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณโี ส๊ะ)

รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวชิ าการ
12. ความคดิ เห็นผ้อู ำนวยการโรงเรียน

 อนุญาตให้ใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
 ควรปรบั ปรุง คือ
............................................................................................................................. .........................................
.................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. .........................................

ลงชื่อ
( นายสริ วฒุ ิ ยุนุย้ )

ผ้อู ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา

38

13. บนั ทกึ หลงั การจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ ผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 7
13.1ผลการจัดการเรียนรู(้ ตามจดุ ประสงค์การเรียนร้)ู
จดั การเรยี นการสอนแบบออนไลน์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2/4
1. ดา้ นความรู้ (K) ร้แู ละเข้าใจเก่ยี วกับการซื้อขายได้ (K)
- นักเรยี นทำแบบทดสอบผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 80
2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) อา่ นคำศัพท์ประโยคการซ้ือขายและพูดสนทนาซ้อื ขายด้วยภาษามลายูได้
- นักเรยี นทำกิจกรรมการอ่านและการพดู ไดผ้ ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ 60
3. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
- นกั เรียนมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่นั ในการทำงานโดยรวมผา่ นเกณฑ์ระดบั ดี
13.2. แนวทางแกป้ ัญหานักเรยี นท่ไี ม่ผ่านตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้หรอื จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- นกั เรยี นทอ่ี า่ นและพดู คำศัพท์และประโยคทม่ี ีคะแนนไมผ่ ่านเกณฑ์ ใหม้ าฝึกและเรยี นซ่อมเสริม

ลงช่ือ………………………………………
(นางมารีย๊ะ แดงต)ี
ครูผู้สอน

วนั ท่ี 25 เดอื น กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565

39

ประโยคการพูกสนทนาการเรอ่ื ง Membeli belah (ซอื้ ขาย)
เว็ปไซต์ Live worksheets

การตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมือที่ใชใ้ นงานวิจัย

ผลการตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือ
1. ชดุ กิจกรรม

- ดชั นีค้ วามสอดคล้องของชุดกิจกรรม
2. แผนการจดั การเรยี นรู้

- ดัชนคี วามสอดคล้องของแผนการจัดการเรยี นรู้
3. ขอ้ สอบวดั ผลการเรยี นรู้

3.1 ดัชนคี วามสอดคล้องของข้อสอบวดั ผลการเรยี นรู้
3.2 ผลการวเิ คราะห์ความยาก (p) และค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบวัดผลการเรยี นรู้

40

41

42

ภาคผนวก ค

เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล

1. แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดการเรยี นรู้
2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าภาษามลายูเพื่อการส่ือสาร
3. แบบวดั ทักษะการพูดเพื่อการสอ่ื สาร
4. ค่าความเหมาะสมของการประเมินของแผนการจัดการเรยี นรู้
5. ค่าดชั นคี วามสอดคลอ้ ง IOC ระหว่างขอ้ สอบกับจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ของแบบทดสอบวดั ผล

สัมฤทธ์ิทางการเรียน
6. คะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรยี นและหลังเรยี นของนักเรียน
7. คะแนนวดั ทักษะการพดู สื่อสารภาษามลายูก่อนเรยี นและหลงั เรยี นของนักเรียน

43

สรุปผลประเมินความพึงพอใจของนกั เรยี นท่ีมีต่อการจดั การเรยี นรขู้ องครูผู้สอน
รายวชิ าภาษามลายูเพือ่ การสื่อสาร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/2

ตารางท่ี 1 ค่าเฉล่ยี ความพึงพอใจความพึงพอใจของนักเรยี นท่ีมีต่อการจดั การเรียนรู้

ข้อ กจิ กรรม ค่าเฉล่ยี S.D. ระดับ

1 ครแู จ้งผลการเรยี นรู้ใหน้ ักเรียนทราบอยา่ งชัดเจน 4.38 0.70 มากทส่ี ุด

2 ครจู ัดกจิ กรรมการเรยี นรสู้ นุกและนา่ สนใจ 4.10 0.93 มาก

3 เนอ้ื หาสาระทสี่ อนทันสมัยเสมอ 4.40 0.74 มากที่สุด

4 ครใู ชส้ อื่ ประกอบการเรยี นการสอนท่ีเหมาะสมและ 4.23 0.86 มากทส่ี ุด
หลากหลาย

5 ครูใช้คำถามกระตนุ้ ความคดิ ซักถามนักเรยี นบ่อย ๆ 4.35 0.62 มากทส่ี ุด

6 ครปู ระยุกต์สาระทส่ี อนเขา้ กับเหตุการณป์ ัจจุบนั / 4.15 0.77 มาก
สภาพแวดล้อม

7 ครสู ง่ เสรมิ นกั เรียนไดฝ้ ึกปฏบิ ตั จิ รงิ มีการจดั การและการแก้ปญั หา 4.25 0.63 มากทส่ี ุด

8 ครใู ห้นักเรียนฝึกกระบวนการคิด คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ 4.38 0.67 มากทส่ี ุด

9 ครูส่งเสริมใหน้ ักเรียนทำงานร่วมกนั ทง้ั เปน็ กลุ่มและรายบุคคล 4.13 0.85 มาก

10 ครูใหน้ กั เรียนแสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรูต้ ่าง ๆ 4.20 0.82 มาก

11 ครมู กี ารเสรมิ แรงให้นกั เรยี นที่ร่วมกจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.28 0.88 มากที่สุด

12 ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามปัญหา 4.65 0.58 มากที่สุด

13 ครคู อยกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นต่ืนตัวในการเรยี นเสมอ 4.40 0.71 มากที่สุด

14 ครูสอดแทรกคุณธรรมและค่านยิ มที่ดีงามในวชิ าทสี่ อน 4.33 0.69 มากทส่ี ุด

15 ครูยอมรับความคดิ เหน็ ของนักเรียนทีต่ ่างไปจากครู 4.55 0.64 มากทส่ี ุด

16 นกั เรยี นมสี ่วนร่วมในการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น 4.35 0.70 มากทส่ี ุด

17 ครมู ีการประเมนิ ผลการเรยี นด้วยวิธกี ารท่ีหลากหมายและยุตธิ รรม 4.40 0.74 มากทีส่ ุด

18 ครูมคี วามต้ังใจในการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.50 0.72 มากที่สุด

19 บุคลิกภาพ การแตง่ กาย และการพดู จาของครูเหมาะสม 4.58 0.68 มากที่สุด

20 ครูเข้าสอนและออกชน้ั เรียนตรงตามเวลา 4.50 0.68 มากทสี่ ุด

ระดบั ความพึงพอใจทั้งหมดของนักเรยี นเฉล่ียทงั้ หมด 4.35 0.09 มากทส่ี ดุ

หมายเหตุ กำหนดเกณฑ์ในการพจิ ารณาระดบั ความพงึ พอใจไดด้ งั น้ี
คา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง 4.21-5.00 หมายถึง มีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ
คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 3.41-4.20 หมายถงึ มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดบั มาก
ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 2.61-3.40 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั ปานกลาง
คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 1.81-2.60 หมายถึง มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั น้อย
ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 1.00-1.80 หมายถงึ มีความพงึ พอใจอยูใ่ นระดบั น้อยทีส่ ุด

44

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เรือ่ ง Membeli belah
คำช้แี จง

1. แบบทดสอบฉบับนเี้ ป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ข้อ
2. จงเลือกขอ้ ที่ถูกท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดยี วแล้วทำเครอ่ื งหมายกากบาทลงในกระดาษคำตอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1. 6. คุณตอ้ งการซื้ออะไร จะพูดเปน็ ภาษามลายูอย่างไร
a. Anda mahu beli apa?
berapakah bilangan wang ini? b. Anda mahu apa?
c. Mahu beli apa?
a. dua ringgit b. dua ratus ringgit d. Beli apa?

c. dua puluh ringgit d. dua ribu ringgit 7. ฉันตอ้ งการซือ้ ปากกา 2 ด้าม จะพูดเปน็ ภาษา
มลายูอย่างไร
Soalan 2-4 Lengkapkan perbualan di bawah a. Saya mahu beli kerusi dua batang.
b. Saya mahu beli pen dua batang.
ini dengan memilih ayat dalam c. Saya mahu beli dua batang pen.
d. Saya mahu beli tiga batang pen.
a,b,c,dan d
8. ปากกานี้ราคาเท่าไหร่ จะพูดเปน็ ภาษามลายู
a. wang b. seluar อย่างไร
a. Pen ini ?
c. baju d. beli b. Pen ini berapa?
c. Berapa harga?
A: Selamat datang, Encik mahu…. (2)..... apa? d. Pen ini berapa harga?
B: Saya mahu beli ……(3)……
B: Seluar ini harga berapa? 9. ปากกาน้ีราคา 25 บาท จะบอกเปน็ ภาษามลายูใน
A: Seluar ini harganya RM 100 ขอ้ ใดถกู ต้อง
B: Boleh kurang sedikit? a. Pen ini ?
A: Boleh, Bagaimana dengan RM80? b. Pen ini berapa dua puluh lima.
B: Ok, Inilah ……(4)…….. saya. c. Berapa harga?
A: Ok, Terimakasih cik,lain kali datang lagi. d. Pen ini berapa harga?

5. รา้ นสหกรณ์โรงเรียน ตรงกับขอ้ ใดท่ถี ูกต้อง

a. kedai buku b. pusat membeli belah

c. pasar d. kedai koperasi sekolah

10. ลดอีกหนอ่ ยได้ไหม จะพูดเป็นภาษามลายูอย่างไร
a. Boleh kurang sedikit?
b. Seluar ini harganya RM 100
c. Saya mahu beli apa?
d. dua ratus ringgit


Click to View FlipBook Version