11. ความคดิ เห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนร.ู้ ............................................................................
มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรูส้ อดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชดั เจน.............................................................................................
สาระการเรยี นรมู้ ีความถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ................................................................
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้มีความชดั เจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน................................................................................................
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชนิ้ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรเู้ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ............................................................................
ส่อื และอุปกรณ์การเรยี นร.ู้ ................................................................................................
การวัดและการประเมินผลตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้........................................................
เสนอส่งแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้นั ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลังสอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอื่ ..................................................
(นางสาวฤทยั รตั น์ ขวัญเชือ้ )
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ลงชือ่ .................................................. ลงช่อื ..................................................
(นางอารยี า เพช็ รรตั น์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ
เห็นควรอนญุ าตใหใ้ ช้จดั การเรยี นการสอนได้
เห็นควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................
( นายอบั ดลรอศักด์ิ มณโี สะ๊ )
รองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารวิชาการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วฒุ ิ ยุนยุ้ )
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
รายวิชาชีววทิ ยาพื้นฐาน รหัส ว31104 เวลา
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 พนั ธกุ รรมและววิ ฒั นาการ 3
3
แผนที่ ชื่อแผนการจดั การเรียนรู้ 2
9 มัลติเปลิ แอลลีล 3
10 ยีนบนโครโมโซมเพศ 4
11 ยนี กับการควบคมุ ลักษณะทางพันธกุ รรม 5
12 การเปล่ียนแปลงพันธุกรรม 20
13 เทคโนโลยีทาง DNA
14 ววิ ฒั นาการและความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ
รวม
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 9
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31104 รายวิชา ชีววิทยาพืน้ ฐาน
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 พนั ธกุ รรมและวิวฒั นาการ เรอื่ ง มัลติเปลิ แอลลีล
เวลา 3 ชวั่ โมง ชือ่ ผ้สู อน นางสาววชิ ุดา พรหมคงบญุ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พนั ธกุ รรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธกุ รรมทมี่ ีผลต่อสิ่งมีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
สิ่งมชี ีวติ รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ตวั ชว้ี ัด ม.4/2 อธบิ ายหลกั การถ่ายทอดลักษณะท่ีถกู ควบคุมด้วยยีนที่อยู่บนโครโมโซมเพศและมัลติ
เปลิ แอลลีล
2. สาระสำคญั
การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมของส่งิ มชี วี ติ จะถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลกู หลานผ่านเซลล์สืบพันธ์ุ
ซึ่งมีการถ่ายทอดลักษณะหลายรูปแบบ เช่น การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมทางโครโมโซมร่างกาย การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมทางโครโมโซมเพศ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบมัลติเปิลแอลลีล
เป็นต้น
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
สามารถอธบิ ายหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในกรณีของมลั ตเิ ปลิ แอลลีลซง่ึ เป็น
สว่ นขยายของพันธศุ าสตร์เมนเดล
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ ร่วมกับผอู้ น่ื ได้
ด้านจิตพสิ ัย (A)
1. เขา้ เรยี นเป็นประจำ
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
3. มสี ่วนร่วมในการอภิปราย
3. สาระการเรียนรู้
ลักษณะบางลักษณะมีโอกาสพบในเพศชายและเพศหญิงไม่เท่ากัน เช่น ตาบอดสี และ ฮีโมฟีเลีย ซึ่ง
ควบคุมโดยยีนบนโครโมโซมเพศ บางลักษณะ มีการควบคุมโดยยีนแบบมัลติเปิลแอลลีล เช่น หมู่เลือดระบบ
ABO ซึง่ การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมดงั กล่าวจัดเปน็ ส่วนขยายของพนั ธุศาสตร์เมนเดล
4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มีวินัย
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มุง่ มนั่ ในการทำงาน
6. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและการแก้ปญั หา
7. ภาระงาน/ช้นิ งาน
- ชดุ ฝกึ ทกั ษะ ชุดที่ 1 มลั ตเิ ปิลแอลลีล
8. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ใชว้ ธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ
(1) ครูชีแ้ จงจดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ
(2) ตรวจสอบความรู้กอ่ นเรยี นของนักเรยี น โดยใช้คำถามดังน้ี
นวิ เคลยี สมีสารพันธุกรรมอยู่
เซลลส์ ืบพนั ธ์ุของมนุษยม์ ีออโตโซม 22 โครโมโซม และโครโมโซมเพศ 1
โครโมโซม
ในการศึกษาของเมนเดลทีผ่ สมพนั ธุต์ ้นถ่ัวดอกสีมว่ งพันธ์ุแทก้ ับต้นถว่ั ดอกสีขาว
พนั ธ์แุ ท้ได้ลูกท่ีมีดอกสีขาวท้งั หมด เม่อื นำลูกรุน่ นม้ี าผสมพันธุ์กนั จะได้ต้นทมี่ ดี อกสีขาวท้ังหมดเช่นเดียวกนั
ถา้ ทอดลูกเต๋า 1 ครงั้ โอกาสทจี่ ะได้เลข 3 หรือ 5 คอื 1 ใน 3
(3) ครูให้กรณีศึกษาของคู่สามีภรรยาที่เป็นพาหะของโรคทาลัสซีเมียซึ่งมาปรึกษาแพทย์
เกยี่ วกับโอกาสทจ่ี ะมีบุตรทเี่ ปน็ โรคทาลัสซเี มีย โดยกลา่ วถึงความสำคัญของโรคทาลัสซีเมยี ในประเทศไทยและ
ใชข้ อ้ มูลสถิติของผูเ้ ปน็ พาหะประกอบ
(4) นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงโอกาสของสามีภรรยาทีเ่ ป็นพาหะของโรคทาลัสซีเมยี จะมีลกู
เปน็ โรคทาลัสซเี มีย
(5) ครูยกตัวอย่างเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมหรือโรคทางพันธุกรรมที่สามารถพิจารณา
รูปแบบการถ่ายทอดได้ตามที่เมนเดลศึกษา เช่น ลักษณะเผือก (albinism) โรคซีสติกไฟโบรซิส(cystic
fibrosis) ลักษณะแคระแบบอะคอนโดรพลาเซีย (achondroplasia) โรคฮันทิงตัน(Huntington disease)
จากนั้นยกตัวอย่างลักษณะทางพันธุกรรมอื่น ๆ ที่มีรูปแบบการถ่ายทอดแตกต่างจากรูปแบบที่เมนเดลศึกษา
เชน่ ลักษณะหมูเ่ ลอื ดระบบ ABO เพอื่ นำเขา้ สูบ่ ทเรยี นเร่ืองสว่ นขยายของพันธศุ าสตร์เมนเดล
(6) ครทู บทวนเกยี่ วกับลักษณะทางพนั ธุกรรมว่าสามารถถา่ ยทอดจากร่นุ หนึง่ ไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
ได้โดยผ่านยนี ที่ถ่ายทอดไปกับเซลล์สบื พันธุ์ ซึ่งลูกจะได้รับแอลลีลหรือรูปแบบของยีนจากทั้งพ่อและ
แม่ รวมทัง้ ทบทวนคำศัพทท์ ่ีเก่ียวขอ้ ง เช่น ยีน แอลลลี จโี นไทป์ ฟโี นไทป์ ฮอมอไซกัส เฮเทอโรไซกสั
2) ขั้นสำรวจและคน้ หา
(1) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จํานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เพื่อวัดความรู้
พนื้ ฐานของนักเรยี น
(2) ครูชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ บทบาทของนักเรียนในระหว่างการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ เกณฑ์การวัดผลและ
ประเมินผล จากครูให้เขา้ ใจ
(3) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5–6 คน คละเพศและความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่ม ประกอบไป
ด้วยนักเรยี นเก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยพิจารณาจากผลการเรยี นของนักเรียนในภาคเรยี นทผ่ี ่านมา
(4) นักเรยี นอ่านคําแนะนาํ การใช้ชดุ ฝกึ ทักษะให้เข้าใจก่อนลงมือศึกษาชดุ ฝึกทกั ษะ
(5) นักเรยี นเร่ิมศกึ ษาเนอ้ื หาเร่ือง มลั ติเปลิ แอลลลี
(6) เมอื่ นักเรยี นได้ศึกษาเน้ือหาเรื่อง มลั ติเปิลแอลลีลแล้ว ให้นกั เรียนทำใบกิจกรรมเรื่อง มัล
ติเปลิ แอลลลี เพอ่ื ให้นกั เรยี นทราบพฒั นาการทางการเรยี นรูข้ องตนเอง
(7) หลังจากนักเรยี นปฏิบัติกิจกรรมการเรยี นรู้เสรจ็ สิน้ แล้วทกุ กจิ กรรม ให้ตวั แทนนักเรยี นแต่
ละกลุ่มมารับเฉลยใบกจิ กรรมเพอื่ นาํ ไปตรวจคําตอบและแก้ไขคาํ ตอบให้ถูกต้อง หลังจากนัน้ บนั ทึกคะแนนทไ่ี ด้
ลงในแบบบนั ทึกคะแนนแนบท้ายชุดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรยี น
(8) นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน จํานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เพื่อประเมิน
ความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองหลังจากเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม
มารบั เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน กระดาษคําตอบก่อนเรยี น เพ่อื นาํ ไปตรวจคาํ ตอบ บันทึกคะแนนท่ี
ไดล้ งในแบบบนั ทึกคะแนนแนบท้ายชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ของนักเรยี น
3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป
(1) ครสู ุม่ นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมาแสดงวิธที ำข้อคำถามในใบกจิ กรรม พรอ้ มอธิบายข้นั ตอน
วิธีคิดให้เพื่อนในห้องฟงั
(2) นักเรยี นและครรู ่วมกันอธิบายวิธคี ิดแบบทดสอบหลงั เรยี น
(3) นักเรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม
ตอ่ ไปนี้
– ถา้ แม่มีจีโนไทป์เป็น IAIB พ่อมจี โี นไทปเ์ ปน็ IBi จะมโี อกาสมลี ูกทีม่ เี ลือดหม่ใู ดบา้ ง
– ถา้ แม่มีเลอื ดหมู่ O และพ่อมเี ลอื ดหมู่ AB ลูกจะมีโอกาสมเี ลอื ดหม่ใู ดบ้าง
(4) นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมว่า ลักษณะมัลติเปิลแอลลีล นอกจากลักษณะหมู่เลือด ABO
แล้ว ยังมีลักษณะสีขนของกระต่ายควบคุมด้วยยีนหลายตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่น่าสนใจคือยีนตำแหน่ง c ซึ่ง
ประกอบด้วย 4 แอลลีล คือ c+ ควบคุมสีขนแบบ wild type มีลักษณะขนมีสีท้ังตัว cch ควบคุมสีขนแบบ
chinchilla มีลักษณะขนสีขาวทีโ่ คน แต่ที่ปลายเสน้ ขนมีสดี ำ ch ควบคุมสีขนแบบ Himalayan มีลกั ษณะขนสี
ขาวทั้งตัวแต่มีสีดำเฉพาะส่วนปลายของอวัยวะ คือ จมูก หู หาง และเท้า c ควบคุมสีขนแบบ albino มี
ลักษณะขนสีขาวทั้งตวั
5) ข้ันประเมิน
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยังไม่เขา้ ใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
(2) ด้านความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการทำกจิ กรรม ใบกิจกรรม และแบบทดสอบหลังเรียน
(3) ด้านทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกิจกรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตอื รือรน้ ในการเรยี น
9. สอื่ การเรียนรู้
9.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 ชดุ ฝึกทักษะ เรื่อง มลั ตเิ ปิลแอลลีล
10. การวัดผลประเมินผลและเกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวดั ผล เกณฑก์ าร
ประเมิน
ด้านความรู้ (K) - ชุดฝกึ ทักษะ
สามารถอธบิ ายหลกั การถ่ายทอดลักษณะทาง -ตรวจชุดฝกึ ทกั ษะ -ผ่านเกณฑร์ ้อย
พนั ธกุ รรมในกรณีของมัลติเปิลแอลลีล ซ่งึ ละ 60 ขึ้นไป
เปน็ ส่วนขยายของพนั ธุศาสตรเ์ มนเดล
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - แบบประเมินการ -ผ่านคณุ ภาพ
นักเรียนสามารถทำงานเป็นกลุ่มร่วมกับผู้อื่น -สงั เกตพฤตกิ รรม
ได้ ทำงานเป็นกลุ่ม ระดับพอใช้ขึ้นไป
ด้านจติ พสิ ยั (A) -สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ จติ พิสยั -ผ่านคณุ ภาพ
1. เข้าเรียนเปน็ ประจำ ระดับพอใช้ขน้ึ ไป
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
3. มีสว่ นรว่ มในการอภปิ ราย
11. ความคดิ เหน็ ของคณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
องค์ประกอบของแผนการจดั การเรียนรู้.............................................................................
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรสู้ อดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลมุ ชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรียนร้มู ีความถูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ................................................................
จุดประสงค์การเรยี นรมู้ ีความชัดเจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น................................................................................................
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชนิ้ งาน........................................................................................................
กจิ กรรมการเรยี นร้เู น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั ............................................................................
สื่อและอปุ กรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................
การวัดและการประเมินผลตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้........................................................
เสนอสง่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามขั้นตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทึกหลงั สอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชื่อ..................................................
(นางสาวฤทัยรัตน์ ขวัญเช้อื )
หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงช่อื .................................................. ลงชอื่ ..................................................
(นางอารยี า เพช็ รรัตน์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้
12. ความคดิ เหน็ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ
เหน็ ควรอนุญาตใหใ้ ช้จัดการเรยี นการสอนได้
เห็นควรปรบั ปรุง คือ................................................................................................................
................................................................................................................................................ .....
( นายอับดลรอศักด์ิ มณโี ส๊ะ)
รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
13. ความคิดเห็นผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตให้ใชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
..................................................................................................................................................
( นายสริ วุฒิ ยนุ ยุ้ )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวิทยา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31104 รายวชิ า ชีววิทยาพ้ืนฐาน
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 พันธุกรรมและววิ ฒั นาการ เรื่อง ยนี บนโครโมโซมเพศ
เวลา 3 ชวั่ โมง ชือ่ ผสู้ อน นางสาววชิ ดุ า พรหมคงบุญ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพันธกุ รรมที่มผี ลต่อสิ่งมีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวฒั นาการของ
สิง่ มีชีวิต รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/2 อธบิ ายหลกั การถ่ายทอดลักษณะที่ถูกควบคุมด้วยยีนที่อยู่บนโครโมโซมเพศและมัลติ
เปลิ แอลลีล
2. สาระสำคญั
การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมของสง่ิ มชี วี ิตจะถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกหลานผ่านเซลล์สืบพันธ์ุ
ซึ่งมีการถ่ายทอดลักษณะหลายรูปแบบ เช่น การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมทางโครโมโซมร่างกาย การ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมทางโครโมโซมเพศ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบมัลติเปิลแอลลีล
เป็นต้น
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
สามารถอธิบายหลกั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในกรณีของยนี ท่ีอยู่บนโครโมโซมเพศ
ซ่งึ เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรยี นสามารถทำงานเป็นกล่มุ ร่วมกบั ผ้อู นื่ ได้
ด้านจติ พสิ ัย (A)
1. เขา้ เรียนเปน็ ประจำ
2. มคี วามกระตอื รือร้นในการเรยี น
3. มสี ่วนรว่ มในการอภปิ ราย
3. สาระการเรยี นรู้
ลักษณะทางพันธุกรรมเป็นลักษณะที่สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกและรุ่นต่อ ๆ ไปได้ ซึ่งการ
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมมีรูปแบบที่หลากหลาย บางกรณีมีรูปแบบที่แตกต่างจากกรณีที่เมนเดลศึกษา
เนอื่ งจากมจี ำานวนรปู แบบแอลลลี ของยีนที่แตกต่างไป หรอื เปน็ ยนี ที่อยู่บนโครโมโซมเพศ เป็นต้น
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มวี ินยั
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ญั หา
7. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
- ชุดฝึกทกั ษะ ชดุ ท่ี 2 ยนี บนโครโมโซมเพศ
8. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ใชว้ ธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ
(1) ครใู ช้ภาพข้อมูลร้อยละแยกตามเพศของบุคคลท่ีมีเลือดหมตู่ ่าง ๆ ในหมู่เลือดระบบ ABO
(ตาราง 4.3 ในหนังสือเรียน) และของบุคคลที่มีลักษณะตาบอดสี(ตาราง 4.4 ในหนังสือเรียน) และถามว่า
เพราะเหตุใดสดั ส่วนของเพศชายและเพศหญงิ ท่ีมีเลือดหมูต่ ่าง ๆ จงึ แตกตา่ งกับสัดส่วนในกรณีของลักษณะตา
บอดสี
(2) ครูทบทวนเรื่องโครโมโซมในมนุษย์รวมถึง ออโตโซม โครโมโซมเพศ และฮอมอโลกัส
โครโมโซมจากน้ันอธิบายกรณีของยีนทอ่ี ย่บู นโครโมโซม X ว่าในเพศชายจะมเี พยี งแอลลีลเดียว แต่ในเพศหญงิ
มี2 แอลลีล ซง่ึ ทำใหร้ ูปแบบการถา่ ยทอดลกั ษณะดังกล่าวแตกตา่ งจากกรณีท่ีเมนเดลศกึ ษา
2) ขั้นสำรวจและค้นหา
(1) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จํานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เพื่อวัดความรู้
พ้ืนฐานของนกั เรียน
(2) ครูชี้แจงเกี่ยวกับวิธีการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ บทบาทของนักเรียนในระหว่างการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ เวลาที่ใช้ เกณฑ์การวัดผลและ
ประเมินผล จากครูให้เขา้ ใจ
(3) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5–6 คน คละเพศและความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่ม ประกอบไป
ด้วยนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยพิจารณาจากผลการเรยี นของนักเรียนในภาคเรียนท่ผี ่านมา
(4) นกั เรียนอ่านคาํ แนะนําการใช้ชุดฝึกทักษะให้เข้าใจก่อนลงมือศึกษาชดุ ฝึกทกั ษะ
(5) นกั เรียนเรม่ิ ศึกษาเนอ้ื หาเรอื่ ง ยีนบนโครโมโซมเพศ
(6) เม่อื นักเรยี นได้ศึกษาเนื้อหาเร่ือง ยีนบนโครโมโซมเพศแลว้ ใหน้ กั เรียนทำใบกจิ กรรมเรื่อง
ยีนบนโครโมโซมเพศ เพือ่ ใหน้ ักเรยี นทราบพัฒนาการทางการเรียนรู้ของตนเอง
(7) หลงั จากนักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรยี นรู้เสรจ็ สิน้ แล้วทกุ กจิ กรรม ให้ตัวแทนนักเรียนแต่
ละกลุ่มมารบั เฉลยใบกิจกรรมเพอื่ นาํ ไปตรวจคําตอบและแก้ไขคาํ ตอบให้ถูกต้อง หลังจากนนั้ บันทกึ คะแนนท่ไี ด้
ลงในแบบบนั ทึกคะแนนแนบท้ายชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ของนกั เรยี น
(8) นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน จํานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เพื่อประเมิน
ความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองหลังจากเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม
มารบั เฉลยแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน กระดาษคําตอบก่อนเรยี น เพอื่ นําไปตรวจคาํ ตอบ บันทึกคะแนนท่ี
ไดล้ งในแบบบนั ทึกคะแนนแนบท้ายชุดกิจกรรมการเรียนรู้ของนกั เรียน
3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
(1) ครูสุ่มนักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมาแสดงวิธที ำข้อคำถามในใบกจิ กรรม พรอ้ มอธิบายขั้นตอน
วธิ ีคดิ ใหเ้ พอื่ นในหอ้ งฟงั
(2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อธิบายวธิ คี ดิ แบบทดสอบหลังเรียน
(3) นักเรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม
ตอ่ ไปน้ี
– ถา้ พ่อปกติ แมต่ าบอดสี ลกู จะมีฟโี นไทปอ์ ะไรไดบ้ า้ ง
– ถ้าพ่อและแม่ปกติ แต่พ่อของแม่เป็นโรคฮีโมฟิเลีย ลูกสาวของครอบครัวนี้เป็น
พาหะรอ้ ยละเท่าไร
(4) นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ผลจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
4) ข้ันขยายความรู้
(1) ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมว่า ความหลากหลายของรูปแบบการถ่ายทอดลักษณะทาง
พนั ธุกรรมท่ีได้ศึกษามา และใหข้ อ้ มูลว่ามีรปู แบบการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมแบบอ่ืน ๆ อีก ซ่ึงรวมถึง
กรณีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น ลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยยีนหลายยีน หรือลักษณะที่ได้รับ
อทิ ธพิ ลจากสภาพแวดลอ้ ม อย่างไรก็ตามหลักการพืน้ ฐาน คือ ลกั ษณะทางพันธกุ รรมสามารถถ่ายทอดไปยังลูก
หลานโดยผ่านยนี ในเซลล์สืบพนั ธุย์ งั คงเปน็ จริงเสมอ
5) ขัน้ ประเมนิ
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างที่ยงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพมิ่ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ
(2) ด้านความรู้ ครูตรวจสอบผลจากการทำกิจกรรม และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลัง
เรยี น
(3) ดา้ นทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกิจกรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตือรือรน้ ในการเรียน
9. สอื่ การเรยี นรู้
9.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 ชดุ ฝึกทักษะ เร่ือง ยีนบนโครโมโซมเพศ
10. การวัดผลประเมินผลและเกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื วัดผล เกณฑ์การ
ประเมิน
ด้านความรู้ (K) - ชดุ ฝกึ ทักษะ
สามารถอธิบายหลักการถ่ายทอดลักษณะทาง -ตรวจชุดฝึก -ผา่ นเกณฑร์ ้อย
พนั ธุกรรมในกรณีของยนี ที่อยู่บนโครโมโซมเพศ ทักษะ ละ 60 ข้ึนไป
ซ่ึงเป็นส่วนขยายของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล
-ผา่ นคุณภาพ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ระดับพอใช้ขึ้นไป
นักเรียนสามารถทำงานเปน็ กลุม่ รว่ มกับผ้อู ่ืนได้ -สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมินการ
-ผา่ นคณุ ภาพ
ทำงานเปน็ กลุ่ม ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
ดา้ นจิตพสิ ยั (A) -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ จิต
1. เขา้ เรียนเป็นประจำ พิสยั
2. มีความกระตอื รือรน้ ในการเรยี น
3. มีส่วนร่วมในการอภิปราย
11. ความคดิ เห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนรู้.............................................................................
มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นร้สู อดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชดั เจน.............................................................................................
สาระการเรียนรู้มีความถูกต้องตามหลกั วชิ าการ................................................................
จุดประสงค์การเรียนรู้มคี วามชดั เจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน................................................................................................
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชน้ิ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรู้เน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั ............................................................................
ส่อื และอุปกรณ์การเรยี นรู.้ ................................................................................................
การวดั และการประเมนิ ผลตามจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .......................................................
เสนอส่งแผนการจดั การเรียนรตู้ ามขน้ั ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทึกหลังสอน................................................................................................................ ..
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่ือ..................................................
(นางสาวฤทยั รัตน์ ขวัญเชือ้ )
หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงชื่อ.................................................. ลงชอ่ื ..................................................
(นางอารียา เพ็ชรรัตน์) (นางมารีเยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้
12. ความคดิ เหน็ รองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
เหน็ ควรอนญุ าตให้ใชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้
เห็นควรปรบั ปรุง คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................
( นายอับดลรอศักดิ์ มณโี สะ๊ )
รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
13. ความคิดเห็นผู้อำนวยการโรงเรียน
อนุญาตใหใ้ ช้จัดการเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วุฒิ ยนุ ยุ้ )
ผู้อำนวยการโรงเรยี นกำแพงวิทยา
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 11
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว31104 รายวชิ า ชีววทิ ยาพืน้ ฐาน
ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 พันธุกรรมและววิ ัฒนาการ เร่ือง ยีนกับการควบคมุ ลักษณะทางพันธกุ รรม
เวลา 2 ชว่ั โมง ชื่อผู้สอน นางสาววิชุดา พรหมคงบุญ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลต่อสิง่ มีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ฒั นาการของ
สิ่งมีชวี ิต รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชว้ี ดั ม.4/1 อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างยนี การสงั เคราะหโ์ ปรตนี และลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
2. สาระสำคญั
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเกิดผ่านยีนซึ่งเป็นช่วงของ DNA ที่อยู่บนโครโมโซม โดยลำดับ
นิวคลีโอไทด์ของยีนกำหนดลักษณะโปรตีนที่สังเคราะห์ขึ้น แอลลีลรูปแบบต่างกันจะมีลำดับนิวคลีโอไทด์
ตา่ งกนั ทำใหไ้ ด้โปรตนี ท่ีมีสมบตั ติ า่ งกัน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
อธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งยีน การสังเคราะหโ์ ปรตนี และลักษณะทางพันธกุ รรม
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถทำงานเป็นกลุม่ รว่ มกับผู้อน่ื ได้
ด้านจติ พิสัย (A)
1. เข้าเรยี นเปน็ ประจำ
2. มีความกระตือรือร้นในการเรียน
3. มีส่วนรว่ มในการอภิปราย
3. สาระการเรียนรู้
ดีเอน็ เอ มโี ครงสร้างประกอบด้วยนวิ คลโี อไทดม์ าเรยี งต่อกัน โดยยีนเปน็ ช่วงของสายดีเอ็นเอที่มีลำดับ
นิวคลโี อไทด์ทก่ี ำหนดลักษณะของโปรตนี ทสี่ งั เคราะหข์ นึ้ ซง่ึ ส่งผลใหเ้ กดิ ลกั ษณะทางพันธุกรรมต่าง ๆ
4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มวี นิ ัย
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มุ่งมนั่ ในการทำงาน
6. ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแก้ปัญหา
7. ภาระงาน/ช้ินงาน
แบบจำลอง DNA
8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ขัน้ สร้างความสนใจ
(1) ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรียนทราบ
(2) ครทู บทวนกรณีศกึ ษาของสามีภรรยาที่เปน็ พาหะของโรคทาลัสซีเมยี และใชค้ ำถามนำว่า
แอลลลี ของยีนดังกลา่ วทำใหเ้ กดิ โรคได้อย่างไร
(3) นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายหาคำตอบเกี่ยวกบั คำถามตามความคดิ เหน็ ของแต่ละคน
2) ขั้นสำรวจและค้นหา
(1) ครูใช้กรณีของโรคทาลสั ซีเมียหรือลกั ษณะเผือก (รูป 4.8 ในหนังสือเรียน) ในการอธิบาย
ว่ายีนเป็นช่วงของ DNA ที่กำหนดลักษณะของโปรตีนที่สังเคราะห์ได้โดยโปรตีนจะส่งผลให้เกิดลักษณะทาง
พนั ธุกรรม
(2) ครใู ช้ภาพเพ่ือทบทวนโครงสรา้ งและองค์ประกอบของ DNA (รูป 4.9 ในหนังสือเรยี น)
และอธบิ ายเพมิ่ เติมเก่ียวกับชนิดของนิวคลีโอไทด์และการจับของนิวคลีโอไทด์ในสายพอลินิวคลโี อไทด์ที่มาเข้า
คู่กนั
(3) แบง่ นักเรยี นกลุ่มละ 5–6 คน สบื ค้นขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ เพ่อื ยกตัวอยา่ งลำดบั นิวคลีโอไทด์ของ
แอลลลี ต่างชนิดในกรณขี องยีนทคี่ วบคมุ ลกั ษณะทางพันธกุ รรมต่าง ๆ (รปู 4.10 ในหนงั สือเรยี น)
(4) นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรม การสร้างแบบจำลอง DNA อย่างง่าย ตามกิจกรรมใน
หนงั สอื เรียนหน้า 134
(5) นักเรียนและครรู ่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมลู ทไี่ ด้จากกิจกรรม
3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ
(1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลงานของกลมุ่ หน้าชนั้ เรยี น
(2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการกิจกรรม โดยได้ข้อสรุปว่า ลำดับ
ของนิวคลีโอไทดท์ ีแ่ ตกตา่ งกนั กำหนดลักษณะโปรตนี ท่ีแตกตา่ งกนั
4) ขน้ั ขยายความรู้
ครูให้นักเรียนเขียนแผนผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ยีน โปรตีน และลักษณะทางพันธุกรรมใน
กรณีของบคุ คลทมี่ เี ลอื ดหมู่ AB
5) ขนั้ ประเมนิ
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบา้ งที่ยังไม่เข้าใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ
(2) ดา้ นความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม และการนำเสนอ
(3) ดา้ นทักษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกจิ กรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตือรอื รน้ ในการเรียน
9. สื่อการเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
9.2 PowerPoint เรื่อง ยนี กับการควบคมุ ลักษณะทางพนั ธกุ รรม
9.3 อปุ กรณ์ทใี่ ชท้ ำโมเดล DNA
10. การวัดผลประเมนิ ผลและเกณฑ์การประเมิน
รายการวดั วิธีการวัด เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ าร
ประเมิน
ด้านความรู้ (K)
-ผา่ นเกณฑร์ ้อย
อธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ งยนี การสงั เคราะห์ -ตรวจคำตอบจาก -แบบประเมนิ การ ละ 60 ขน้ึ ไป
โปรตนี และลักษณะทางพนั ธุกรรม การตอบคำถาม จำลองดีเอ็นเอ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) -ผา่ นคณุ ภาพ
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ รว่ มกับผ้อู นื่ ได้ -สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ การ ระดบั พอใช้ขึ้นไป
ทำงานเปน็ กลุ่ม
ด้านจติ พิสยั (A) -สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินจติ พสิ ัย -ผ่านคณุ ภาพ
1. เขา้ เรียนเปน็ ประจำ ระดบั พอใช้ขึน้ ไป
2. มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรยี น
3. มสี ่วนรว่ มในการอภิปราย
11. ความคดิ เหน็ ของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้.............................................................................
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้สอดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคัญครอบคลุมชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรียนรูม้ ีความถูกต้องตามหลกั วิชาการ................................................................
จุดประสงคก์ ารเรียนรมู้ คี วามชัดเจนครอบคลมุ (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น................................................................................................
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชิ้นงาน........................................................................................................
กจิ กรรมการเรยี นร้เู น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ............................................................................
สือ่ และอปุ กรณ์การเรยี นร.ู้ ................................................................................................
การวดั และการประเมนิ ผลตามจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .......................................................
เสนอส่งแผนการจดั การเรียนรตู้ ามข้นั ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลงั สอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชือ่ ..................................................
(นางสาวฤทัยรัตน์ ขวัญเช้อื )
หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงช่ือ.................................................. ลงชื่อ..................................................
(นางอารยี า เพ็ชรรัตน์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
เห็นควรอนุญาตให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้
เหน็ ควรปรับปรุง คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................
( นายอับดลรอศักด์ิ มณีโส๊ะ)
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรยี น
อนญุ าตให้ใชจ้ ัดการเรียนการสอนได้
ควรปรบั ปรงุ คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วฒุ ิ ยนุ ยุ้ )
ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 12
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว31104 รายวิชา ชีววทิ ยาพน้ื ฐาน
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พันธุกรรมและววิ ฒั นาการ เรอื่ ง การเปล่ยี นแปลงพันธุกรรม
เวลา 3 ชวั่ โมง ช่ือผู้สอน นางสาววิชุดา พรหมคงบญุ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พันธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมที่มผี ลต่อสง่ิ มชี ีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
ส่งิ มชี ีวติ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/3 อธิบายผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงลำดับนิวคลีโอไทด์ในดีเอ็นเอต่อการแสดง
ลักษณะของสิ่งมีชีวิต
ม.4/4 สบื ค้นข้อมลู และยกตวั อยา่ งการนำมิวเทชันไปใช้ประโยชน์
2. สาระสำคัญ
การเปลย่ี นแปลงของลำดับนวิ คลโี อไทดจ์ ัดเปน็ มิวเทชนั ซ่ึงอาจเกิดในระดับยนี หรือในระดับโครโมโซม
มิวเทชันอาจก่อให้เกดิ ผลเสีย ผลดี หรือไม่ส่งผลใด ๆ ต่อสิ่งมีชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าการเปล่ียนแปลงดังกล่าวส่งผล
ให้โปรตีนที่สังเคราะห์ขึ้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่และอย่างไร มนุษย์ประยุกต์ใช้หลักการของการเกิดมิวเทชันใน
การชักนำใหไ้ ด้สง่ิ มีชีวติ ท่ีมลี ักษณะทแ่ี ตกตา่ งจากเดมิ โดยการใช้รังสีและสารเคมี
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
อธิบายและยกตัวอย่างมิวเทชันและผลของมิวเทชันต่อการแสดงลักษณะทางพันธุกรรมของ
สง่ิ มีชีวิต และยกตัวอยา่ งการนำมิวเทชนั ไปใช้ประโยชน์
ทักษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ รว่ มกับผ้อู น่ื ได้
ดา้ นจติ พสิ ยั (A)
1. เข้าเรยี นเปน็ ประจำ
2. มคี วามกระตอื รือร้นในการเรียน
3. มีสว่ นร่วมในการอภิปราย
3. สาระการเรียนรู้
• มิวเทชันที่เปลี่ยนแปลงลำดับนิวคลีโอไทด์ หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือจำนวนโครโมโซม อาจ
ส่งผลทำให้ลกั ษณะของส่งิ มชี วี ติ เปลย่ี นแปลงไปจากเดมิ ซึ่งอาจมผี ลดหี รือผลเสีย
• มนุษย์ใช้หลักการของการเกิดมิวเทชันในการชักนำใหไ้ ด้สิ่งมีชีวติ ที่มีลักษณะที่แตกต่างจากเดิมโดย
การใชร้ ังสแี ละสารเคมีตา่ ง ๆ
4. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มวี นิ ัย
5.2 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มุ่งมัน่ ในการทำงาน
6. ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
6.1 การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทนั ส่ือ
6.2 การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและการแก้ปัญหา
7. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
- ใบงาน การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธุกรรม
8. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ใช้วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้ันสรา้ งความสนใจ
(1) ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ
(2) ครนู ำเข้าสู่บทเรยี นโดยนำวีดิทัศน์และภาพเกยี่ วกบั การเกดิ มะเร็งและการป้องกนั เช่น
กรณีของมะเร็งผิวหนัง และใช้คำถามนำเกี่ยวกับการที่รังสีอัลตราไวโอเลตเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนัง
เพื่อนำเข้าสเู่ รอื่ งมวิ เทชนั
2) ขน้ั สำรวจและค้นหา
(1) แบ่งนักเรยี นกล่มุ ละ 5–6 คน สบื คน้ ข้อมลู เกยี่ วกับมิวเทชนั กบั การเกิดมะเร็ง และการนำ
มวิ เทชันไปใช้ประโยชน์
– สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ัง
รว่ มกนั อภปิ รายซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่ีตรงกนั
(2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้องของขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรม
3) ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป
(1) นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สง่ ตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรยี น
(2) ครูอธิบายและยกตัวอย่างมิวเทชันระดับยีน โดยใช้ตัวอย่างของมิวเทชันที่ทำให้เกิด
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ไี ดเ้ รยี นมา เชน่ แอลลีลที่ทำให้เกดิ ลกั ษณะเผือก และแอลลลี ท่ีทำให้เม็ดเลือดแดงของ
คนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิเคิลเซลล์ จากนั้นร่วมกันสรุปถึงผลของการเกิดมิวเทชัน โดยเขียนแผนภาพ
ประกอบ
(3) ครูยกตัวอย่างกรณีที่ยีนหรือส่วนของยีนเปลี่ยนแปลงไปที่เป็นผลจากมิวเทชันระดับ
โครโมโซม แลว้ ให้นกั เรียนสบื ค้นตวั อย่างเพิ่มเตมิ และร่วมกันอภปิ ราย
(4) ครอู ธิบายถึงการประยกุ ต์ใชห้ ลกั การของมวิ เทชนั เพ่ือสรา้ งสิ่งมชี ีวิตลักษณะใหม่
(5) นกั เรียนและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการกิจกรรม
4) ขนั้ ขยายความรู้
(1) ครูให้นักเรียนสืบค้นตัวอย่างเพิ่มเติมทั้งกรณีที่มิวเทชันทำให้เกิดโรค ก่อให้เกิดผลดี
หรอื ไมส่ ่งผลใด ๆ
(2) ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายถึงการนำความรูเ้ รอื่ งมวิ เทชนั ไปใช้ในการรักษาสุขภาพ
(3) นักเรียนทำใบงานเรื่อง การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรม
5) ขั้นประเมนิ
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจ
(2) ด้านความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม การอภิปราย และการนำเสนอ
(3) ด้านทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสังเกตการทำกิจกรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตือรอื รน้ ในการเรียน
9. สอ่ื การเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 PowerPoint เร่ือง การเปล่ยี นแปลงทางพันธกุ รรม
10. การวดั ผลประเมนิ ผลและเกณฑก์ ารประเมิน
รายการวดั วิธีการวัด เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑ์การ
ประเมิน
ด้านความรู้ (K)
อธิบายและยกตวั อย่างมิวเทชนั และผลของมวิ -ตรวจคำตอบจาก -ใบงาน -ผา่ นเกณฑร์ ้อย
เทชนั ต่อการแสดงลกั ษณะทางพันธกุ รรมของ ใบงาน ละ 60 ขนึ้ ไป
ส่งิ มชี ีวติ และยกตัวอย่างการนำมิวเทชันไปใช้
ประโยชน์ -ผ่านคณุ ภาพ
ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเป็นกลุ่มรว่ มกบั ผู้อน่ื ได้ -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินการ
ทำงานเป็นกลุ่ม
ดา้ นจติ พสิ ยั (A) -สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ จิตพสิ ยั -ผ่านคุณภาพ
1. เขา้ เรยี นเปน็ ประจำ ระดับพอใช้ข้ึนไป
2. มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรียน
3. มสี ่วนรว่ มในการอภิปราย
11. ความคดิ เห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นร้.ู ............................................................................
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรสู้ อดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรยี นรมู้ ีความถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ................................................................
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้มคี วามชัดเจนครอบคลมุ (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น................................................................................................
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ช้นิ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรียนร้เู น้นผูเ้ รียนเปน็ สำคญั ............................................................................
ส่อื และอุปกรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................
การวัดและการประเมนิ ผลตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้........................................................
เสนอส่งแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้ันตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลังสอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงช่อื ..................................................
(นางสาวฤทยั รัตน์ ขวัญเช้ือ)
หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงชือ่ .................................................. ลงชอ่ื ..................................................
(นางอารยี า เพ็ชรรัตน์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
เห็นควรอนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
เห็นควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
......................................................................................................................................................
( นายอับดลรอศักดิ์ มณโี ส๊ะ)
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
..................................................................................................................................................
( นายสริ วฒุ ิ ยนุ ยุ้ )
ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย รหัสวิชา ว31104 รายวชิ า ชวี วทิ ยาพื้นฐาน
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 พันธุกรรมและววิ ฒั นาการ เรอื่ ง เทคโนโลยีทาง DNA
เวลา 4 ชว่ั โมง ชอ่ื ผสู้ อน นางสาววชิ ุดา พรหมคงบุญ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมที่มีผลต่อสงิ่ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของ
ส่งิ มชี วี ิต รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชีว้ ดั ม.4/5 สืบคน้ ข้อมูล และอภปิ รายผลของเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอทมี่ ีต่อมนุษย์และส่งิ แวดล้อม
2. สาระสำคัญ
มนุษย์นำความรู้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาประยุกต์ใช้ในหลายด้าน ทั้งด้านการแพทย์และเภสัชกรรม
ด้านการเกษตร ด้านนิติวิทยาศาสตร์ และด้านอุตสาหกรรม ซึ่งการใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอดังกล่า วต้อง
คำนึงถงึ ความปลอดภัยทางชวี ภาพ ชวี จรยิ ธรรม และผลกระทบทางด้านสงั คมดว้ ย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
สืบคน้ ข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในด้านการแพทย์
และเภสัชกรรม ด้านการเกษตร และด้านนิติวทิ ยาศาสตร์พรอ้ มทง้ั อภิปรายเกยี่ วกับความปลอดภยั ทางชวี ภาพ
ชวี จรยิ ธรรม และผลกระทบต่อมนษุ ย์และสง่ิ แวดลอ้ มของการนำ เทคโนโลยที างดีเอ็นเอไปใช้
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
ทักษะการโตว้ าที
ดา้ นจิตพิสยั (A)
1. เข้าเรยี นเปน็ ประจำ
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
3. มีสว่ นร่วมในการอภปิ ราย
3. สาระการเรียนรู้
• มนุษย์นำความรู้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมาประยุกต์ใช้ทางด้านการแพทย์ และเภสัชกรรม เช่น การ
สร้างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม เพื่อผลิตยาและวัคซีน ด้านการเกษตร เช่น พืชดัดแปรพันธุกรรมที่ต้านทาน
โรคหรือแมลง สัตว์ดัดแปรพันธุกรรมที่มีลักษณะตามที่ต้องการ และด้านนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจลาย
พิมพด์ เี อ็นเอ เพอื่ หาความสัมพนั ธท์ างสายเลอื ด หรอื เพอื่ หาผกู้ ระทำผิด
• การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในด้านต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม
และผลกระทบทางดา้ นสังคม
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1) ความสามารถในการสื่อสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มีวนิ ยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
6.1 การส่ือสารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทนั สอื่
6.2 การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและการแกป้ ัญหา
7. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
- กจิ กรรมโตว้ าที
8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ใช้วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ขั้นสร้างความสนใจ
(1) ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นร้ใู ห้นักเรียนทราบ
(2) ครูนำเข้าบทเรียนโดยใช้ตัวอย่างข่าวเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอใน
ชีวิตประจำวัน เช่น การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ผลไม้ดัดแปรพันธุกรรม จากนั้นใช้คำถามกระตุ้น
ดังน้ี “เร่อื งดังกล่าวใชป้ ระโยชน์จากความร้ทู างพนั ธุศาสตร์และเทคโนโลยีทเี่ ก่ยี วข้องอยา่ งไร”
(3) นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเหน็ ของแตล่ ะคน
2) ขน้ั สำรวจและค้นหา
(1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 4–5 คน ทำกิจกรรม 4.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ให้
นักเรียนจับฉลากเลือกฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายค้านและจับฉลากเลือกประเด็นโต้วาทีที่ 1 (ประเทศไทยควรมี
กฎหมายควบคุมการติดฉลากอาหารที่มีสง่ิ มีชวี ิตดัดแปรพันธุกรรมปนอย่หู รือไม่) และประเดน็ โต้วาทีที่ 2 ควร
นำยุงลายดัดแปรพันธุกรรมมาใช้ควบคุมการระบาดของโรคไข้เลือดออกในประเทศไทยหรือไม่ กำหนดเวลา
สำหรับการโตว้ าทโี ดยรวมกลุ่มละประมาณ 10 นาที โดยใหส้ ลับฝา่ ยสนับสนุนและฝา่ ยคา้ น
(2) ครูชแ้ี จงและสนบั สนุนให้นักเรียนพจิ ารณาประเดน็ จากหลายมุมมองและเปิดใจในการรับ
ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ืน่ ทีอ่ าจแตกต่างไป
3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ
(1) ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายถึงขอ้ สนบั สนนุ และข้อคัดคา้ นของแต่ละฝ่าย และร่วมกัน
สรุปประเด็นและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม และผลกระทบต่อมนุษย์และ
สงิ่ แวดล้อม ท่ีเกยี่ วข้องกับการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยที างดเี อ็นเอในด้านต่าง ๆ
(2) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่บวกับพันธุวิศวกรรม และยกตัวอย่างเพิ่มเติมกรณีการนำเทคโนโลยี
ทางดีเอ็นเอไปใช้ในด้านต่าง ๆ ทั้งการแพทย์และเภสัชกรรม การเกษตร นิติวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม โดย
เน้นถงึ จุดประสงค์ในการประยุกต์ใช้ เชน่ การสร้างพืชบที ี (ฝ้าย ข้าวโพด มนั ฝร่ัง ฯลฯ) เพอ่ื ลดการทำลายของ
แมลงศัตรูพชื การตรวจหาแอลลีลท่ีเป็นโรคเพ่ือวินิจฉัยโรคทาลสั ซเี มียของบุตรในครรภ์ การทำลายพิมพ์ดีเอ็น
เอเพือ่ ระบุผูก้ ระทำผิด
(3) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการกจิ กรรม
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครใู ห้นักเรยี นสบื ค้นข้อมลู เกี่ยวกบั กฎหมายและข้อบังคับเก่ียวกบั การระบุข้อมูลในฉลาก
ในประเทศอื่นเป็นอย่างไร มผี ลกระทบอะไรเกิดขน้ึ บ้างจากการประกาศใช้
5) ขั้นประเมนิ
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างทีย่ งั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ
(2) ด้านความรู้ ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม และการโตว้ าที
(3) ด้านทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสังเกตการทำกิจกรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตือรอื ร้นในการเรยี น
9. ส่อื การเรยี นรู้
9.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 PowerPoint เร่ือง เทคโนโลยที างดีเอน็ เอ
10. การวดั ผลประเมนิ ผลและเกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวดั ผล เกณฑ์การ
ประเมนิ
ด้านความรู้ (K) -ผ่านเกณฑร์ ้อย
ละ 60 ขึ้นไป
นักเรียนสามารถอธิบาย และยกตัวอย่างการ -สงั เกตพฤติกรรม -แบบประเมนิ การ
-ผา่ นเกณฑร์ ้อย
ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในด้าน โต้วาที ละ 60 ขนึ้ ไป
การแพทยแ์ ละเภสชั กรรม ด้านการเกษตร และ
ด้านนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมทงั้ อภิปรายเก่ยี วกับ
ความปลอดภัย ทางชีวภาพชีวจริยธรรม และ
ผลกระทบตอ่ มนุษยแ์ ละส่ิงแวดล้อมของการนำ
เทคโนโลยที างดเี อ็นเอไปใชไ้ ด้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
ทกั ษะการโต้วาที -สังเกตพฤติกรรม -แบบประเมนิ การ
โตว้ าที
ด้านจิตพสิ ยั (A) -สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินจติ พิสยั -ผ่านคุณภาพ
1. เขา้ เรียนเป็นประจำ ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
3. มสี ่วนร่วมในการอภปิ ราย
11. ความคิดเห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรู้.............................................................................
มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้สอดคล้อง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรียนร้มู ีความถูกต้องตามหลกั วชิ าการ................................................................
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้มีความชดั เจนครอบคลมุ (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน................................................................................................
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชน้ิ งาน........................................................................................................
กจิ กรรมการเรยี นรเู้ น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ............................................................................
ส่อื และอุปกรณ์การเรยี นร.ู้ ................................................................................................
การวดั และการประเมินผลตามจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .......................................................
เสนอส่งแผนการจดั การเรียนรตู้ ามข้นั ตอนระบบงาน.........................................................
บันทกึ หลังสอน................................................................................................................ ..
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชือ่ ..................................................
(นางสาวฤทยั รัตน์ ขวญั เชอื้ )
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงชือ่ .................................................. ลงชื่อ..................................................
(นางอารียา เพ็ชรรัตน์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้
12. ความคดิ เห็นรองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ
เหน็ ควรอนุญาตให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้
เห็นควรปรับปรงุ คอื ................................................................................................................
.................................................................................................. ...................................................
( นายอับดลรอศักด์ิ มณีโสะ๊ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วฒุ ิ ยุนยุ้ )
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 14
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31104 รายวิชา ชวี วิทยาพืน้ ฐาน
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 พนั ธุกรรมและววิ ฒั นาการ เรอื่ ง วิวัฒนาการและความหลากหลายของส่งิ มีชวี ติ
เวลา 5 ชวั่ โมง ช่อื ผสู้ อน นางสาววชิ ดุ า พรหมคงบุญ
1. มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร
พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ
สิง่ มีชวี ติ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/6 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจาก
ววิ ัฒนาการ
2. สาระสำคญั
มิวเทชันและการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรสิ่งมีชีวิต
หนง่ึ ๆ โดยธรรมชาติจะมกี ารคัดเลือกสมาชิกในประชากรที่มีลักษณะท่ีเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในขณะน้ัน ทำ
ให้ลักษณะดังกล่าวสามารถถา่ ยทอดไปยังรุ่นตอ่ ๆ ไปได้ การคัดเลือกโดยธรรมชาติดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นต่อเน่ืองเปน็
ระยะเวลานานหลายชั่วรุ่น จนนำไปสู่ความแตกต่างกันของประชากรในปัจจุบันกับในรุ่นบรรพบุรุษ และนำไปสู่
ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ติ ในปัจจบุ ัน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. ระบสุ าเหตทุ ที่ ำให้เกดิ ความหลากหลายทางพนั ธุกรรมของสิง่ มีชวี ิต
2. อธิบายเกยี่ วกบั ทฤษฎกี ารคัดเลือกโดยธรรมชาตขิ องชาลส์ ดาร์วนิ
3. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งความหลากหลายของสิง่ มชี ีวิตซึง่ เป็นผลมาจากววิ ฒั นาการ
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเป็นกลมุ่ ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้
ด้านจิตพิสยั (A)
1. เขา้ เรียนเป็นประจำ
2. มีความกระตอื รือรน้ ในการเรียน
3. มสี ว่ นร่วมในการอภิปราย
3. สาระการเรียนรู้
• สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันมีลักษณะที่ปรากฏให้เห็นแตกต่างกันซึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายของ
ลักษณะทางพันธุกรรม ซงึ่ เกดิ จากมวิ เทชันรว่ มกับการคดั เลือกโดยธรรมชาติ
• ผลจากกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ทำใหส้ ง่ิ มีชวี ิตท่ีมลี ักษณะเหมาะสมในการดำรงชวี ิต สามารถ
ปรบั ตัวให้อยู่รอดได้ในส่งิ แวดล้อมนั้น ๆ
• กระบวนการคดั เลือกโดยธรรมชาตเิ ปน็ หลักการ ทสี่ ำคัญอย่างหน่ึงที่ทำใหเ้ กิดวิวัฒนาการของส่ิงมชี ีวิต
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มีวินยั
5.2 ใฝ่เรียนรู้
5.3 ม่งุ มั่นในการทำงาน
6. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
6.1 การสอ่ื สารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทันสอ่ื
7. ภาระงาน/ชิ้นงาน
- กจิ กรรมการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
- แบบฝกึ หัดทา้ ยบท
8. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ใชว้ ธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ขั้นสร้างความสนใจ
(1) ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นักเรียนทราบ
(2) ครูใช้ภาพนำของหัวข้อ 4.5 ในหนังสือเรียน ซึ่งเป็นภาพลักษณะของหอยทากต้นไม้ เพื่อ
นำเข้าสู่บทเรียนเรื่องวิวัฒนาการและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โดยให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับกรณีของหอย
มรกตวา่ “เพราะเหตุใดหอยมรกตท่ีเกาะตาชัยจึงพบเฉพาะที่มเี ปลอื กเวยี นซ้ายเทา่ นั้น”
(2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคดิ เห็นของแตล่ ะคน
(3) ครูเชื่อมโยงจากความรู้ที่ได้ศึกษาก่อนหน้าเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอมา
ประยุกต์ใช้ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต โดยอาจให้นักเรียนยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่มี
ลกั ษณะทางพันธุกรรมใหมท่ เ่ี กิดจากมนษุ ย์เปน็ ผู้กระทำ ซง่ึ นักเรยี นได้ศกึ ษามาแลว้ ข้างต้น เช่น
- ตน้ ยาสบู ทด่ี ัดแปรพนั ธกุ รรมทม่ี ยี นี ทีส่ งั เคราะหโ์ ปรตนี เรอื งแสงของหง่ิ ห้อย
- แบคทเี รียท่ดี ัดแปรพันธกุ รรมทมี่ ียนี ผลิตอนิ ซูลินของมนษุ ย์
- ข้าวสีทองทีด่ ัดแปรพันธกุ รรมที่มียีนสร้างวติ ามินเอท่ีไดจ้ ากต้นแดฟโฟดิล (daffodil)
- แซลมอนดดั แปรพันธกุ รรมทเี่ จรญิ เตบิ โตเพิม่ ขนาดได้เร็วกวา่ แซลมอลในธรรมชาติ
(4) ครูชี้ให้เห็นว่าการทำให้สิ่งมีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมอาจจะส่งผลให้
ส่ิงมชี วี ติ มลี ักษณะใหม่ ทำให้เกดิ ความหลากหลายทางพันธุกรรมขึน้ และครอู ธิบายเพิ่มเติมว่าในธรรมชาติก็มีการ
เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมเกิดขึ้นได้เองเช่นกัน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความหลากหลายทางพันธุกรรม
ของส่ิงมีชวี ิต
(5) ครูตั้งประเด็นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ความหลากหลายทางพันธุกรรมจะส่งผลต่อ
ความหลากหลายและวิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ิตได้อยา่ งไร
(6) นักเรียนรว่ มกันอภิปรายหาคำตอบเกีย่ วกบั คำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน
2) ขั้นสำรวจและคน้ หา
(1) ครูใช้ภาพที่แสดงความหลากหลายทางพันธกุ รรมของสิ่งมชี ีวติ สปีชสี ต์ ่าง ๆ ท่ีพบในธรรมชาติ
และตง้ั ประเดน็ ให้นกั เรยี นร่วมกนั อภิปราย ดังนี้
- สงิ่ มีชีวิตแตล่ ะสปชี ีส์ในแตล่ ะภาพมีความคลา้ ยกนั และมคี วามแตกต่างกันอยา่ งไร
(ส่งิ มชี วี ิตแต่ละสปีชสี ม์ ีลักษณะเฉพาะของตนเอง แต่สมาชกิ ในประชากรแต่ละสปีชสี ย์ งั
มีลกั ษณะท่ปี รากฏท่ีแตกตา่ งกัน)
(2) คำถามเพอื่ ให้นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายตอ่ ไป ดังนี้
- ความหลากหลายทางพนั ธุกรรมของสง่ิ มีชวี ติ ในสปีชีสเ์ ดยี วกนั ในธรรมชาตเิ กดิ ขึ้น
ไดอ้ ยา่ งไร (สาเหตหุ นึง่ ของความหลากหลายทางพนั ธุกรรมมาจากการเกดิ มวิ เทชัน โดยครเู น้นให้นกั เรยี นเห็น
ว่าลกั ษณะทเ่ี ปลย่ี นแปลงไปน้ีจะสามารถถ่ายทอดต่อไปไดห้ ากมวิ เทชนั เกิดข้ึนในเซลล์สืบพนั ธุ์)
(3) ครใู ช้ประเด็นคำถามตา่ ง ๆ ในหนังสือเรยี น เพอื่ ให้นักเรียนอภปิ รายและเชอื่ มโยงเข้าสูเ่ รอ่ื ง
การคัดเลือกโดยธรรมชาติดังน้ี
- การที่เสือโคร่งขาวเบงกอลมีสขี นที่แตกต่างไปจากเสือโคร่งเบงกอลทั่วไป ดังรูป 4.21
จะสง่ ผลตอ่ การดำรงชีวิตในธรรมชาตหิ รือไม่ อย่างไร (สขี นของเสือโครง่ ขาวเบงกอลอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตใน
ธรรมชาติได้เนื่องจากอาจทำให้เสือโคร่งขาวเบงกอลพรางตัวในธรรมชาติได้ไม่ดีเท่ากับเสอื โคร่งเบงกอลทั่วไป ซ่ึง
ส่งผลตอ่ การหลบซ่อนตวั จากศตั รูหรอื การดักซุ่มเพ่ือลา่ เหยื่อ)
- ลักษณะที่แตกต่างกันของม้าในอดีตและม้าในปัจจุบัน ดังรูป 4.23 ส่งผลต่อการ
ดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมแต่ละยุคสมัยหรือไม่ อย่างไร (ม้าในแต่ละยุคสมัยมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งน่าจะ
ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของม้า เช่น ม้าในอดีตมีขนาดตัวเล็ก มีฟันที่เหมาะสำหรับการกินใบไม้ตามพุ่มไม้และมี
ลักษณะนิ้วเท้าหลายนิ้วซึ่งเหมาะสำหรับการเดินบนพื้นดินที่อ่อนนุ่มในป่า ขณะที่ม้าในปัจจุบันมีขนาดตัวใหญ่ มี
ฟันที่เหมาะกับการกินหญ้าที่เหนียวกว่าใบไม้และมีนิ้วเท้าเพียงนิ้วเดียวที่มีกีบขนาดใหญ่ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งได้
อยา่ งรวดเร็วในทุ่งหญา้ )
(4) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5–6 คน ทำกิจกรรมการคัดเลือกโดยธรรมชาติ โดยการค้นสืบข้อมูล
และนำเสนอตัวอย่างความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ ท่ีเป็นผลมาจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติที่บันทึกไว้โดยชาลส์
ดารว์ นิ หรือตวั อย่างอน่ื ๆ
3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ
(1) นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น
(2) ครอู ธิบายเพม่ิ เติมเกยี่ วกบั ทฤษฎกี ารคัดเลือกโดยธรรมชาตขิ องชาลส์ ดาร์วิน
(3) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม
ตอ่ ไปนี้
- เพราะเหตุใดมิวเทชัน และการสบื พันธ์ุแบบอาศัยเพศของสิ่งมีชวี ติ จึงมีความสำคัญต่อ
การคัดเลอื กโดยธรรมชาติ
- จากคำกล่าวที่ว่า “แมลงที่ได้รับสารฆ่าแมลงทำให้เกิดความต้านทานต่อสารฆ่าแมลง
มากยิ่งขึ้น” นักเรยี นเห็นดว้ ยกับคำกลา่ วน้ีหรือไม่ ใหเ้ หตผุ ลประกอบ
(4) นกั เรียนและครูรว่ มสรุปจากการกิจกรรม โดยไดข้ อ้ สรุปว่า การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมมี
สาเหตหุ นึ่งมาจากมวิ เทชนั อาจส่งผลให้เกดิ ววิ ัฒนาการทำใหเ้ กดิ ความหลากหลายของส่ิงมชี ีวิต
4) ข้นั ขยายความรู้
(1) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่านอกจากมิวเทชันแล้วความหลากหลายทางพันธุกรรมยังเป็นผลมา
จากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศด้วย โดยอาจให้นักเรียนสังเกตลักษณะของพี่น้องในครอบครัวของนักเรียนหรือใช้
รูป 4.22 ลกู สุนัขท่เี กดิ จากพ่อและแม่เดยี วกัน หรอื ลกั ษณะลกู สงิ่ มชี วี ติ ชนิดอ่นื ๆ ที่เกดิ จากพอ่ และแม่เดียวกันซ่ึง
นกั เรียนอาจเคยเลย้ี ง
(2) นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
(3) นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน
5) ข้ันประเมนิ
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบตั ิกจิ กรรม มีจุดใดบ้างที่
ยังไม่เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ
(2) ด้านความรู้ ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม และการทำกิจกรรม
(3) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกจิ กรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตอื รือรน้ ในการเรยี น
9. สือ่ การเรยี นรู้
9.1 หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
9.2 PowerPoint เรื่อง ววิ ฒั นาการและความหลากหลายของส่ิงมชี ีวิต
10. การวดั ผลประเมนิ ผลและเกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด วธิ ีการวัด เคร่ืองมอื วดั ผล เกณฑ์การ
ประเมนิ
ด้านความรู้ (K) -ผ่านเกณฑร์ ้อย
ละ 60 ข้นึ ไป
1. ระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดความหลากหลายทาง - ตรวจสอบความถูก -กจิ กรรมการคัดเลือก
-ผา่ นคุณภาพ
พันธุกรรมของส่งิ มีชวี ิต ตอ้ งของกิจกรรมการ โดยธรรมชาติ ระดับพอใช้ขนึ้ ไป
2. อธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีการคัดเลือกโดย คัดเลอื กโดยธรรมชาติ -แบบฝึกหดั ทา้ ยบท
ธรรมชาตขิ องชาลส์ ดาร์วิน -ตรวจคำตอบจาก
3. อธิบายและยกตวั อยา่ งความหลากหลายของ แบบฝึกหัดทา้ ยบท
ส่ิงมีชีวติ ซ่งึ เป็นผลมาจากวิวฒั นาการ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ การ
ทำงานเป็นกลุ่ม
ด้านจิตพสิ ัย (A) -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินจติ พสิ ยั -ผ่านคุณภาพ
1. เข้าเรียนเปน็ ประจำ ระดบั พอใช้ข้นึ ไป
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน
3. มสี ว่ นรว่ มในการอภิปราย
11. ความคดิ เห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
องค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นร.ู้ ............................................................................
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ัด/ผลการเรยี นร้สู อดคล้อง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลมุ ชดั เจน.............................................................................................
สาระการเรียนรมู้ ีความถูกต้องตามหลักวชิ าการ................................................................
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรมู้ คี วามชดั เจนครอบคลมุ (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น................................................................................................
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ช้นิ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรู้เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ............................................................................
ส่อื และอปุ กรณ์การเรียนร.ู้ ................................................................................................
การวัดและการประเมนิ ผลตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้........................................................
เสนอส่งแผนการจัดการเรียนร้ตู ามขนั้ ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลงั สอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
.................................................................................................................................................................. ..........
......................................................................................................................... ...........................................................
......................................................................................... ...........................................................................................
ลงช่อื ..................................................
(นางสาวฤทัยรัตน์ ขวญั เชอื้ )
หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงช่อื .................................................. ลงชื่อ..................................................
(นางอารียา เพช็ รรัตน์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
12. ความคดิ เหน็ รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ
เห็นควรอนญุ าตใหใ้ ชจ้ ัดการเรยี นการสอนได้
เหน็ ควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
......................................................................................................................................................
( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณีโส๊ะ)
รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วฒุ ิ ยุนยุ้ )
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
รายวชิ าชีววิทยาพน้ื ฐาน รหัส ว31104 เวลา
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 ส่งิ มชี ีวติ ในสง่ิ แวดลอ้ ม 2
2
แผนท่ี ช่อื แผนการจัดการเรยี นรู้ 2
15 ไบโอม 3
16 การเปลีย่ นแปลงแทนท่ี 9
17 การเปลย่ี นแปลงขนาดของประชากร
18 มนุษยก์ ับทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม
รวม
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 15
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31104 รายวิชา ชีววทิ ยาพน้ื ฐาน
ปกี ารศกึ ษา 2565
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 ส่ิงมีชวี ิตในส่ิงแวดล้อม เรอื่ ง ไบโอม
ช่ือผู้สอน นางสาววชิ ดุ า พรหมคงบญุ
1. มาตรฐาน มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต
กับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม รวมทั้งนำความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/1 สืบค้นข้อมูลและอธิบายความสัมพันธ์ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับความ
หลากหลายของไบโอม และยกตวั อยา่ งไบโอมชนดิ ตา่ ง ๆ
2. สาระสำคญั
โลกแต่ละบริเวณมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็นหลายเขตตามสภาพภูมิอากาศ
ทำใหม้ ีระบบนเิ วศทหี่ ลากหลาย และเกดิ เปน็ ความหลากหลายของไบโอม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. ระบุและเปรียบเทียบองค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพที่เป็น
ลักษณะเฉพาะของไบโอมชนิดต่าง ๆ
2. สืบค้นข้อมูล อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสภาพทางภูมิศาสตร์และความหลากหลาย
ของไบโอม และยกตวั อยา่ งไบโอมชนิดต่าง ๆ
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กลมุ่ ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้
ด้านจติ พสิ ยั (A)
1. เข้าเรยี นเปน็ ประจำ
2. มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรียน
3. มสี ่วนร่วมในการอภิปราย
3. สาระการเรยี นรู้
• บริเวณของโลกแต่ละบริเวณมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็นหลายเขตตาม
สภาพภูมิอากาศและปรมิ าณนำ้ ฝน ทำให้มรี ะบบนเิ วศทีห่ ลากหลายซึง่ ส่งผลให้เกิดความหลากหลายของไบโอม
4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 มวี ินัย
5.2 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มุ่งม่นั ในการทำงาน
6. ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21
6.1 การสือ่ สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันส่ือ
6.2 การคิดอย่างมวี ิจารณญาณและการแกป้ ัญหา
7. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
- ใบงานเร่อื ง ไบโอม
8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ
(1) นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 5 เรื่องส่งิ มีชวี ติ ในสิง่ แวดล้อม
(2) ครูแจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรูใ้ หน้ กั เรยี นทราบ
(3) ตรวจสอบความรู้ก่อนเรียนของนักเรียน โดยใช้คำถามดังนี้
1. ระบบนเิ วศประกอบด้วยองคป์ ระกอบทางกายภาพและองคป์ ระกอบทาง
ชีวภาพ
2. ระบบบนิเวศที่แตกต่างกันมีองค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบทาง
ชวี ภาพที่แตกตา่ งกัน
3. กลุ่มสิ่งมีชีวิต (community) ที่อาศัยอยู่ร่วมกันในแหล่งที่อยู่เดียวกันใน
ชว่ งเวลาเดยี วกนั เรยี กวา่ ประชากร
4. ส่ิงมีชีวิตในระบบนเิ วศมคี วามสัมพันธก์ บั สงิ่ มชี ีวติ อน่ื ๆ ท่อี ยูร่ ่วมกนั
5. องค์ประกอบทางกายภาพสง่ ผลตอ่ ชนดิ ของสิง่ มีชีวติ ในระบบนิเวศ
(2) ครูให้นักเรียนดูภาพต้นกระบองเพชรในทะเลทราย จากนั้นรวมกันอภิปราย โดยใช้
คำถามตอ่ ไปนี้
- ต้นกระบองเพชรที่เห็นในภาพมีลักษณะและรูปแบบการดำรงชีวิตที่สัมพันธ์กับ
สภาพแวดล้อมและส่งิ มชี วี ติ อื่น ๆ ในแหลง่ ทอ่ี ยู่อย่างไร
- ในบริเวณอื่น ๆ ของโลกที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนและแตกต่างจากในภาพ
ส่ิงมชี ีวติ ในบริเวณดังกลา่ วจะมลี ักษณะอย่างไร
(3) จากนั้นให้นักเรียนทบทวนโดยร่วมกันอภิปรายความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและ
สภาพแวดล้อมของแหล่งท่ีอยู่เพื่อให้ได้ข้อสรปุ ว่า ส่งิ มีชวี ิตจะมีความสมั พันธ์กับองค์ประกอบทางกายภาพและ
องค์ประกอบทางชวี ภาพในบริเวณแหลง่ ทอ่ี ยู่
(4) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับความหมายของระบบนิเวศ จากนั้นให้นักเรียนศึกษารูป
5.1 ในหนังสือเรียน ซึ่งแสดงลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบริเวณต่าง ๆ ของโลกน้ัน
แล้วตอบคำถามในหนงั สือเรยี น
- อูฐและตน้ โกงกางมีลกั ษณะท่เี หมาะสมกับการดำ รงชีวติ ในระบบนเิ วศที่อาศัยอยู่
อย่างไร (ต้นโกงกางมีรากค้ำ (prop root) ทำ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในดินเลนซึ่งมีน้ำขึ้นน้ำลงได้ อูฐมีขนสี
อ่อนทสี่ ามารถสะทอ้ นรงั สีจากดวงอาทิตย์ทำให้ผิวหนังไม่ได้รบั รงั สีมากเกนิ ไป มีโหนกทภ่ี ายในสะสมไขมันซง่ึ
เป็นแหลง่ พลงั งานชว่ ยให้สามารถดำรงชีวติ ในทะเลทรายที่ขาดแคลนอาหารได้)
2) ขั้นสำรวจและค้นหา
(1) ครใู หข้ ้อมูลเก่ียวกับสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของบริเวณต่าง ๆ บนโลก เพื่อแสดง
ให้เห็นว่ามีทั้งบริเวณที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศคล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน ซึ่งบริเวณที่มีสภาพ
ภูมิอากาศและภูมปิ ระเทศคลา้ ยคลงึ กันจะพบระบบนเิ วศแบบเดียวกนั
(2) แบ่งนกั เรยี นกลมุ่ ละ 5–6 คน สบื ค้นขอ้ มลู เกย่ี วกับไบโอมบนบกชนดิ ตา่ ง ๆ และบรเิ วณท่ี
พบจากแหล่งตา่ ง ๆ และในหนังสอื เรยี น
(3) นกั เรียนทำกจิ กรรม 5.1 ระบุชนิดของไบโอม
(4) นกั เรียนและครูร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มูลที่ได้จากกิจกรรม
3) ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ
(1) ครูให้ข้อมูลแก่นักเรยี นว่าการจำแนกไบโอมมกั จะใช้ชนิดพืชเดน่ ที่พบในไบโอมนนั้ ๆ
ในการระบุชนดิ ของไบโอม ซ่งึ ระบบนิเวศแหล่งนำ้ จะไม่ใชล้ ักษณะดงั กล่าวจงึ ไม่นิยมจำแนกไบโอมในนำ้ แตจ่ ะ
จำแนกเปน็ ระบบนเิ วศแหลง่ น้ำ
(2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม
ต่อไปนี้
- เพราะเหตใุ ดในบริเวณเส้นละตจิ ูดเดียวกันและอยู่ในเขตภูมิอากาศเดียวกันจึงอาจ
มีไบโอมท่หี ลากหลาย
(3) นกั เรยี นและครูร่วมสรปุ จากการกิจกรรม
4) ขัน้ ขยายความรู้
ครูให้นกั เรียนสืบค้นข้อมูลจากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ เก่ยี วกับลกั ษณะของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
จากนั้นกำหนดสถานการณ์สมมุติและเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนออกแบบแพ็คเกจทัวร์ในรูปแบบการ
ท่องเท่ียวเชิงนิเวศและนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ การออกบธู การทำ สปอตโฆษณา เพื่อให้นกั เรยี นในห้อง
ร่วมกันเลือกแพ็คเกจทัวร์ที่คดิ ว่าน่าสนใจที่สุด ซึ่งครูยกตัวอย่างแหล่งข้อมูล เช่น เว็บไซต์หนังสือหรือเอกสาร
เสรมิ เพื่อให้นักเรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู
5) ขน้ั ประเมิน
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างท่ียังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรยี นเข้าใจ
(2) ด้านความรู้ ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การอภิปราย การนำเสนอ และใบ
กิจกรรม
(3) ดา้ นทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสังเกตการทำกจิ กรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตือรอื ร้นในการเรยี น
9. ส่อื การเรียนรู้
9.1 หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 PowerPoint เรื่อง ไบโอม
10. การวัดผลประเมนิ ผลและเกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด วิธกี ารวดั เครอ่ื งมือวัดผล เกณฑ์การ
ประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K) -ผ่านเกณฑร์ ้อย
1. ระบุและเปรียบเทียบองค์ประกอบทาง -ตรวจคำตอบจาก -ใบกิจกรรม 5.1 ละ 60 ข้นึ ไป
กายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพที่เป็น ใบกจิ กรรม
ลักษณะเฉพาะของไบโอมชนดิ ตา่ ง ๆ -ผ่านคณุ ภาพ
2. สืบค้นข้อมูล และอธิบายความสัมพันธ์ ระดบั พอใช้ขึน้ ไป
ระหว่างสภาพทางภูมิศาสตร์และความ
หลากหลายของไบโอม และยกตัวอย่างไบโอม
ชนิดต่าง ๆ
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถทำงานเปน็ กล่มุ รว่ มกับผอู้ นื่ ได้ -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ การ
ทำงานเป็นกลุ่ม
ด้านจิตพิสยั (A) -สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินจิตพิสยั -ผา่ นคณุ ภาพ
1. เข้าเรยี นเป็นประจำ ระดบั พอใช้ขึ้นไป
2. มีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3. มีสว่ นร่วมในการอภิปราย
11. ความคิดเห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้.............................................................................
มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้สอดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคัญครอบคลุมชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรียนรู้มีความถูกตอ้ งตามหลกั วชิ าการ................................................................
จุดประสงค์การเรยี นรมู้ คี วามชัดเจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น................................................................................................
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชน้ิ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรยี นรเู้ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ............................................................................
ส่อื และอปุ กรณ์การเรียนร้.ู ................................................................................................
การวัดและการประเมินผลตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้........................................................
เสนอสง่ แผนการจดั การเรียนรู้ตามขัน้ ตอนระบบงาน.........................................................
บันทึกหลงั สอน................................................................................................................ ..
ภาคผนวก..................................................................................................................... ......
............................................................................................................................. .........................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอ่ื ..................................................
(นางสาวฤทยั รัตน์ ขวัญเช้ือ)
หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงช่อื .................................................. ลงช่ือ..................................................
(นางอารียา เพช็ รรัตน์) (นางมารีเยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ
เหน็ ควรอนุญาตให้ใช้จัดการเรยี นการสอนได้
เหน็ ควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณโี ส๊ะ)
รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ
13. ความคดิ เห็นผู้อำนวยการโรงเรียน
อนุญาตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรบั ปรุง คือ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสิรวุฒิ ยนุ ุ้ย )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นกำแพงวิทยา
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 16
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31104 รายวิชา ชวี วทิ ยาพ้ืนฐาน
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 สงิ่ มีชีวิตในสงิ่ แวดลอ้ ม เรือ่ ง การเปลี่ยนแปลงแทนที่ เวลา 2 ชัว่ โมง
ชอ่ื ผู้สอน นางสาววชิ ุดา พรหมคงบญุ
1. มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตวั ช้ีวดั ม.4/2 สบื คน้ ข้อมลู อภปิ รายสาเหตุ และยกตัวอยา่ งการเปล่ยี นแปลงแทนท่ีของระบบนเิ วศ
2. สาระสำคญั
การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และเกิดจากการกระทำของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงแทนที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้น
อย่างช้า ๆ เป็นเวลานาน ซึ่งเป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบทาง
ชีวภาพ สง่ ผลให้ระบบนเิ วศเปล่ียนแปลงไปสู่สมดลุ จนเกิดสงั คมสมบูรณ์ได้
จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุและยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงแทนที่ที่เกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาตแิ ละที่เกดิ จากการกระทำของมนษุ ย์
ทกั ษะกระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถทำงานเปน็ กลุ่มรว่ มกับผอู้ ื่นได้
ด้านจติ พิสยั (A)
1. เขา้ เรยี นเปน็ ประจำ
2. มคี วามกระตอื รือร้นในการเรียน
3. มสี ่วนรว่ มในการอภปิ ราย
3. สาระการเรียนรู้
• การเปลี่ยนแปลงของระบบนเิ วศเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
และเกิดจากการกระทำของมนุษย์
• การเปล่ียนแปลงแทนท่ีเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มสิ่งมีชีวติ ท่ีเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นเวลานาน ซ่ึง
เป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบ ทางกายภาพและทางชีวภาพ ส่งผลให้ระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง
ไปส่สู มดุลจนเกิดสงั คมสมบูรณ์ได้
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
5.1 มีวินยั
5.2 ใฝเ่ รียนรู้
5.3 มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
6. ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
6.1 การส่อื สารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันสอ่ื
6.2 การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและการแก้ปัญหา
7. ภาระงาน/ชิ้นงาน
- ใบงานเรื่อง การเปลี่ยนแปลงแทนที่
8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ใช้วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5E)
1) ข้นั สรา้ งความสนใจ
(1) ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
(2) ครใู ห้นกั เรียนดภู าพเหตุการณท์ รี่ ะบบนิเวศถูกรบกวนซ่งึ นำไปสู่การเปลย่ี นแปลงแทนที่
ทางนิเวศวทิ ยา และให้นักเรยี นร่วมกันอภิปรายโดยครใู ชค้ ำถามนำในการอภปิ ราย ดงั น้ี
- จากภาพเป็นเหตุการณท์ ี่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาตหิ รอื มีสาเหตุจากมนุษย์
- หลังจากเหตุการณใ์ นภาพ องค์ประกอบทางกายภาพและองคป์ ระกอบทางชีวภาพ
ในบรเิ วณน้ันจะเปน็ อย่างไร
(3) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน โดย
ควรได้ข้อสรปุ ว่าระบบนิเวศอาจถูกรบกวนได้ตลอดเวลา ทั้งที่เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาตแิ ละจากการกระทำของ
มนุษย์ ซึ่งการรบกวนที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อองค์ประกอบทางกายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพในระบบ
นิเวศน้ัน
2) ขั้นสำรวจและคน้ หา
(1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5–6 คน นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแทนที่ทาง
นิเวศวทิ ยา
(2) สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลท่ีสบื ค้นไดม้ ารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชกิ ในกลุม่ ฟัง
(3) นกั เรียนทำใบงาน เร่อื ง การเปลย่ี นแปลงแทนท่ี
(4) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของข้อมูลทไี่ ดจ้ ากกิจกรรม
3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
(1) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเก่ยี วกบั องคป์ ระกอบของระบบนเิ วศ ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างองคป์ ระกอบ
ทางกายภาพและองค์ประกอบทางชวี ภาพในการเปลยี่ นแปลงแทนท่ีทางนเิ วศวิทยา
(2) นักเรยี นและครรู ่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม
ต่อไปน้ี
- การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในบริเวณที่ถูกทิ้งร้างหลังจากการทำไร่เลื่อนลอย และในบริเวณท่ี
เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเหมือนหรอื แตกต่างกันอย่างไร
(3) นักเรียนและครูร่วมสรุปจากการกิจกรรม โดยได้ข้อสรุปว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมี
ความสามารถในการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ในขณะเดียวกันการดำรงชีวิตของ
สิ่งมชี วี ิตจะทำให้สภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นเปล่ียนไปจนเหมาะกบั การดำรงชีวิตของสง่ิ มีชวี ิตกลุ่มอื่น ๆ มาก
ข้ึน ซงึ่ นำไปสู่การเปลย่ี นแปลงแทนท่ีของสงิ่ มชี ีวติ ในระบบนิเวศ
4) ข้นั ขยายความรู้
ครูใหน้ ักเรียนยกตวั อยา่ งการเปล่ยี นแปลงแทนทท่ี ีม่ สี าเหตมุ าจากการกระทำของมนุษย์
5) ข้นั ประเมิน
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างท่ียังไมเ่ ข้าใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจ
(2) ด้านความรู้ ครูตรวจสอบผลจากการตอบคำถาม การอภิปราย การนำเสนอ และใบงาน
(3) ดา้ นทักษะกระบวนการ ครตู รวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกจิ กรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตอื รอื ร้นในการเรียน
9. ส่ือการเรียนรู้
9.1 หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 PowerPoint เร่ือง การเปลย่ี นแปลงแทนท่ี
10. การวดั ผลประเมนิ ผลและเกณฑก์ ารประเมิน
รายการวัด วธิ ีการวัด เครือ่ งมือวัดผล เกณฑ์การ
ประเมนิ
ด้านความรู้ (K)
สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุและยกตัวอย่าง -ตรวจคำตอบจาก -ใบงาน -ผา่ นเกณฑร์ ้อย
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ที่เกิดขึ้นเองตาม ใบงาน ละ 60 ขนึ้ ไป
ธรรมชาตแิ ละที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
-ผ่านคุณภาพ
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ระดับพอใช้ขนึ้ ไป
นักเรยี นสามารถทำงานเป็นกลมุ่ รว่ มกบั ผูอ้ น่ื ได้ -สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ การ
ทำงานเปน็ กลุ่ม
ด้านจติ พิสยั (A) -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินจิตพสิ ยั -ผา่ นคุณภาพ
1. เขา้ เรยี นเปน็ ประจำ ระดับพอใช้ข้นึ ไป
2. มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรียน
3. มสี ่วนร่วมในการอภปิ ราย
11. ความคดิ เห็นของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
องคป์ ระกอบของแผนการจัดการเรียนร.ู้ ............................................................................
มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรูส้ อดคลอ้ ง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชดั เจน.............................................................................................
สาระการเรยี นรมู้ ีความถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ................................................................
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้มีความชดั เจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน................................................................................................
คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ชนิ้ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรียนรเู้ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ............................................................................
ส่อื และอุปกรณ์การเรยี นร.ู้ ................................................................................................
การวัดและการประเมินผลตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้........................................................
เสนอส่งแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้นั ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลังสอน..................................................................................................................
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................... ....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ลงชอื่ ..................................................
(นางสาวฤทยั รตั น์ ขวัญเชือ้ )
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ลงชือ่ .................................................. ลงช่อื ..................................................
(นางอารยี า เพช็ รรตั น์) (นางมารเี ยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ
เห็นควรอนญุ าตใหใ้ ช้จดั การเรยี นการสอนได้
เห็นควรปรับปรงุ คือ................................................................................................................
...................................................................................................................... ................................
( นายอบั ดลรอศักดิ์ มณโี ส๊ะ)
รองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารวิชาการ
13. ความคิดเหน็ ผู้อำนวยการโรงเรียน
อนญุ าตใหใ้ ชจ้ ดั การเรียนการสอนได้
ควรปรับปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วฒุ ิ ยุนยุ้ )
ผอู้ ำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 17
กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว31104 รายวิชา ชวี วิทยาพนื้ ฐาน
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 สง่ิ มีชีวิตในสง่ิ แวดลอ้ ม เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงขนาดของประชากร
เวลา 2 ชว่ั โมง ชื่อผู้สอน นางสาววิชดุ า พรหมคงบุญ
1. มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวติ
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม รวมท้ังนำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/3 สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่างเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงขององค์ประกอบทาง
กายภาพและทางชวี ภาพที่มีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงขนาดของประชากรสงิ่ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ
2. สาระสำคัญ
การเปล่ยี นแปลงขององคป์ ระกอบในระบบนิเวศทั้งองคป์ ระกอบทางกายภาพและองค์ประกอบ
ทางชีวภาพมผี ลต่อการเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากร
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (K)
สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางกายภาพและ
องค์ประกอบทางชีวภาพท่มี ผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงขนาดของประชากรสิง่ มชี วี ติ ในระบบนิเวศ
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเป็นกลุ่มรว่ มกับผู้อ่ืนได้
ดา้ นจติ พิสยั (A)
1. เขา้ เรยี นเป็นประจำ
2. มคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี น
3. มีส่วนร่วมในการอภิปราย
3. สาระการเรียนรู้
• การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบในระบบนิเวศ ทั้งทางกายภาพและทางชีวภาพมีผลต่อการ
เปล่ียนแปลงขนาดของประชากร
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มีวนิ ยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน
6. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
6.1 การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสอ่ื
6.2 การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและการแก้ปัญหา
7. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
- ใบงานเรอื่ ง การเปลยี่ นแปลงขนาดของประชากร
8. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E)
1) ขั้นสรา้ งความสนใจ
(1) ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
(2) ครทู บทวนความรู้เดิมเกย่ี วกับความหมายของประชากร จากน้ันทดสอบความเขา้ ใจ
เก่ยี วกบั ความหมายของประชากร โดยใช้คำถามดังนี้
- ประชากรปา่ ไมข้ องไทย ปี 2541 ถูกลักลอบตัดจำนวนมาก
- ประชากรบ้านจดั สรรในกรุงเทพมหานคร ปี 2531 มีอัตราการเพ่มิ สูงสดุ
- ประชากรตน้ ยางพาราของอำเภอควนโดน จงั หวัดสตลู เมือ่ ปี พ.ศ. 2551
- ประชากรยงุ เพ่ิมขึน้ ทุกวนั
- ประชากรนกั เรียน ในโรงเรยี นกำแพงวิทยา จังหวัดสตลู
2) ขัน้ สำรวจและค้นหา
(1) แบง่ นกั เรียนกลมุ่ ละ 5–6 คน นกั เรียนสืบคน้ ขอ้ มูลเกย่ี วกบั การเปล่ียนแปลงองคป์ ระกอบ
ทางกายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรสิ่งมีชีวิตในระบบ
นิเวศ
(2) สมาชิกกลมุ่ นำข้อมลู ทสี่ บื คน้ ไดม้ ารายงานใหเ้ พื่อน ๆ สมาชกิ ในกลุ่มฟงั
(3) นกั เรยี นทำใบงาน เรื่อง การเปล่ียนแปลงขนาดของประชากร
(4) นักเรียนและครูรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูลที่ไดจ้ ากกิจกรรม
3) ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ
(1) ครูอธิบายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกับขนาดประชากร การแพร่กระจายของประชากร
(2) ครูนำข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรของสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการ
เปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบทางกายภาพหรือองค์ประกอบทางชีวภาพในระบบนิเวศ มาให้นักเรียนร่วมกัน
อภิปรายถึงสาเหตุที่ทำให้ขนาดของประชากรสิ่งมีชีวิตในข่าวเปลี่ยนแปลงไป และระบุองค์ประกอบทาง
กายภาพหรอื องคป์ ระกอบทางชวี ภาพท่สี ่งผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรของสง่ิ มชี ีวติ
(3) นักเรยี นและครูรว่ มสรปุ จากการกิจกรรม โดยไดข้ อ้ สรปุ ว่าการเปล่ียนแปลงองค์ประกอบ
ทางกายภาพและองคป์ ระกอบทางชีวภาพมีผลต่อการเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากส่งิ มีชวี ติ ในระบบนเิ วศ
4) ขนั้ ขยายความรู้
ให้นักเรียนสังเกตกราฟแสดงประชากรพารามีเซียม พร้อมช่วยกันอภิปรายว่าทำไมถึงเป็น
เช่นน้นั
5) ข้ันประเมิน
(1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด
ใดบ้างทยี่ งั ไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ
(2) ด้านความรู้ ครตู รวจสอบผลจากการตอบคำถาม การอภิปราย และใบงาน
(3) ดา้ นทักษะกระบวนการ ครูตรวจสอบผลจากการสงั เกตการทำกจิ กรรม
(4) ด้านจิตพิสัย ครูตรวจสอบผลจากการสังเกตการเข้าชั้นเรียน การตอบคำถาม และความ
กระตอื รอื ร้นในการเรียน
9. สื่อการเรยี นรู้
9.1 หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
9.2 PowerPoint เร่ือง องค์ประกอบของระบบนิเวศ
10. การวดั ผลประเมินผลและเกณฑก์ ารประเมนิ
รายการวดั วิธกี ารวดั เครอ่ื งมอื วัดผล เกณฑก์ าร
ประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K) -ผ่านเกณฑร์ ้อย
สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการ -ตรวจคำตอบจาก -ใบงาน ละ 60 ขึ้นไป
เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางกายภาพและ ใบงาน
องค์ประกอบทางชีวภาพที่มีผลต่อการ -ผ่านคุณภาพ
เปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรสิ่งมีชีวิตใน ระดบั พอใช้ขึ้นไป
ระบบนเิ วศ
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถทำงานเปน็ กล่มุ รว่ มกบั ผูอ้ น่ื ได้ -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ การ
ทำงานเปน็ กลุ่ม
ด้านจติ พิสัย (A) -สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ จิตพสิ ยั -ผ่านคุณภาพ
1. เข้าเรียนเป็นประจำ ระดบั พอใช้ขึ้นไป
2. มีความกระตอื รือร้นในการเรยี น
3. มสี ว่ นร่วมในการอภปิ ราย
11. ความคิดเหน็ ของคณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้
องค์ประกอบของแผนการจดั การเรียนรู.้ ............................................................................
มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นร้สู อดคล้อง.......................................................
สาระสำคญั ครอบคลุมชัดเจน.............................................................................................
สาระการเรยี นร้มู ีความถูกต้องตามหลักวชิ าการ................................................................
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้มคี วามชดั เจนครอบคลุม (K/P/A).....................................................
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน................................................................................................
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์.................................................................................................
ระบุภาระงาน/ช้นิ งาน........................................................................................................
กิจกรรมการเรยี นร้เู น้นผู้เรียนเป็นสำคญั ............................................................................
สอ่ื และอุปกรณ์การเรียนรู้.................................................................................................
การวัดและการประเมนิ ผลตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .......................................................
เสนอสง่ แผนการจัดการเรียนรตู้ ามขัน้ ตอนระบบงาน.........................................................
บนั ทกึ หลงั สอน................................................................................................................ ..
ภาคผนวก...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
.............................................................................................................................. ................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ..................................................
(นางสาวฤทัยรตั น์ ขวัญเชือ้ )
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ลงช่อื .................................................. ลงช่อื ..................................................
(นางอารียา เพช็ รรตั น์) (นางมารีเยาะห์ โอมณี)
คณะกรรมการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ คณะกรรมการตรวจแผนการจดั การเรียนรู้
12. ความคิดเห็นรองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
เห็นควรอนญุ าตใหใ้ ช้จัดการเรียนการสอนได้
เหน็ ควรปรบั ปรุง คอื ................................................................................................................
................................................................................................ .....................................................
( นายอับดลรอศักด์ิ มณีโสะ๊ )
รองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ
13. ความคดิ เห็นผู้อำนวยการโรงเรยี น
อนญุ าตให้ใชจ้ ดั การเรยี นการสอนได้
ควรปรบั ปรุง คอื ................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................
( นายสริ วุฒิ ยนุ ุย้ )
ผู้อำนวยการโรงเรียนกำแพงวิทยา
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 18
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว31104 รายวิชา ชวี วทิ ยาพื้นฐาน
ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 สง่ิ มีชวี ติ ในสงิ่ แวดลอ้ ม เร่ือง มนษุ ย์กบั ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม
เวลา 3 ชว่ั โมง ช่ือผู้สอน นางสาววิชุดา พรหมคงบญุ
1. มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต
และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง
แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดล้อม แนวทางในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้งั นำความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตัวชี้วัด ม.4/4 สืบค้นข้อมูลและอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดลอ้ มพร้อมทงั้ นำเสนอแนวทางในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาสง่ิ แวดล้อม
2. สาระสำคัญ
ประชากรมนุษยม์ ีการเพิ่มขน้ึ อย่างรวดเรว็ มกี ารใชท้ รัพยากรธรรมชาตโิ ดยปราศจากความระมัดระวัง
และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาที่
เกดิ กับทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม บางปญั หาสง่ ผลกระทบในระดับท้องถนิ่ ระดับประเทศ หรือระดับ
โลก การลดปริมาณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การกำจัดของเสียที่เป็นสาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม และการ
วางแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ดี เป็นแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และลดปัญหา
ส่ิงแวดล้อม เพอื่ ใหเ้ กิดการใชป้ ระโยชนท์ ี่ยัง่ ยืน
จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ นความรู้ (K)
1. อธิบายเก่ียวกบั การใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตขิ องมนษุ ย์
2. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอภิปรายสาเหตุของปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดล้อมในระดับประเทศและระดบั โลก และผลกระทบท่เี กดิ กับมนุษย์และสิง่ แวดลอ้ ม
3. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และนำเสนอแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อม
ทกั ษะกระบวนการ (P)
1. นกั เรยี นสามารถทำงานเป็นกลุม่ ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้
2. ทกั ษะการนำเสนอ
ดา้ นจิตพสิ ัย (A)
1. เข้าเรียนเป็นประจำ
2. มีความกระตือรือร้นในการเรียน
3. มสี ว่ นรว่ มในการอภปิ ราย
3. สาระการเรียนรู้
• มนุษย์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยปราศจากความระมัดระวัง และมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อ
ช่วยอำนวยความสะดวกตา่ ง ๆ แกม่ นษุ ยส์ ่งผลต่อการเปลยี่ นแปลงทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
• ปญั หาท่ีเกดิ กบั ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม บางปัญหาสง่ ผลกระทบในระดบั ท้องถน่ิ
บางปัญหากส็ ่งผลกระทบในระดบั ประเทศและบางปญั หาสง่ ผลกระทบในระดับโลก
• การลดปรมิ าณการใช้ทรัพยากรธรรมชาติการกำจดั ของเสียทเ่ี ป็นสาเหตขุ องปัญหาสิ่งแวดล้อม และ
การวางแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ดี เป็นตัวอย่างของแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ
การลดปญั หาสิ่งแวดล้อม ทเ่ี กดิ ขน้ึ เพ่อื ใหเ้ กดิ การใช้ประโยชน์ที่ย่ังยืน
4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 มีวินยั
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
6. ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
6.1 การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสือ่
6.2 การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและการแก้ปัญหา
7. ภาระงาน/ชิน้ งาน
- PowerPoint รายงานปญั หาทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
8. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
1) ขั้นสรา้ งความสนใจ
(1) ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นักเรียนทราบ
(2) ครนู ำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนความรเู้ ดมิ เกี่ยวกบั การเปลยี่ นแปลงองค์ประกอบทาง
กายภาพและองค์ประกอบทางชีวภาพส่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงขนาดของประชากรของสิ่งมชี วี ติ ในระบบนิเวศ
จากนน้ั ให้นกั เรยี นศกึ ษารปู 5.17 และนำเขา้ สู่การอภิปรายโดยครใู ช้คำถามนำ ดงั นี้
- การเพ่มิ ข้นึ อยา่ งรวดเรว็ ของประชากรมนษุ ยจ์ ะส่งผลต่อองค์ประกอบในระบบนิเวศ
หรอื ไม่ อย่างไร
(2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายหาคำตอบเกี่ยวกบั คำถามตามความคิดเหน็ ของแต่ละคน
(3) ครูใช้ภาพและข้อมูลข่าวเกี่ยวกับปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ และให้นักเรียนเชื่อมโยงกบั
เรื่องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มากขึ้นของมนุษย์กับปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
ส่ิงแวดล้อม