The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สารานุกรมพืชในประเทศไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kuninobu.kento, 2020-09-04 01:10:38

สารานุกรมพืชในประเทศไทย

สารานุกรมพืชในประเทศไทย

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เต่ารา้ ง

พบท่คี าบสมทุ รมลายู สุมาตรา ชวา และบอร์เนียว ในไทยพบทางภาคใตท้ ี่
กระบี่ พงั งา นครศรธี รรมราช ปตั ตานี และนราธวิ าส ขนึ้ พาดเลอื้ ยตามต้นไมร้ ิม
ลำ� ธารในปา่ ดิบชืน้ ปา่ พรุ หรอื ป่าดบิ เขา ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร

สกุล Freycinetia Gaudich. มปี ระมาณ 180 ชนดิ ในไทยมี 5 ชนดิ และพบเปน็
ไมป้ ระดับ 1 ชนดิ คอื หวายฟลิ ปิ ปินส์ F. cumingiana Gaudich. ซึง่ บางครัง้
เข้าใจผิดวา่ เปน็ F. multiflora Merr. มีถนิ่ ก�ำ เนิดในฟิลปิ ปนิ ส์ ชอ่ื สกุลตัง้ ตาม
นักสำ�รวจชาวฝร่ังเศส Louis-Claude de Saulces de Freycinet (1779-1842)
เอกสารอ้างอิง
Stone, C.B. (1970). Materials for a monograph of Freycinetia Gaud. (Pandanaceae)

V. Singapore, Malaya and Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 25: 195-197.

เตยชะงด: กา้ นใบส้นั โอบรอบลำ� ต้น ขอบจักฟันเล่อื ย ชอ่ ดอกเพศเมียแบบชอ่ เชงิ ลดมกี าบ เรียงแบบช่อซ่รี ม่ กาบมี เตยทะเล: ลำ� ตน้ กง่ิ มักแตกแขนง ใบเรยี งเวียนหนาแนน่ ที่ปลายกง่ิ ขอบใบจกั เป็นหนาม โคนใบหนาเปน็ รอ่ ง ไรก้ ้าน
3 วง สสี ม้ หรืออมเหลอื ง ปลายจกั ฟนั เล่ือย ไมม่ ีวงกลีบรวม (ภาพซ้าย: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP); หวายฟลิ ปิ ปินส์: ผลกลุม่ ย่อยรูปไขก่ ลบั เปน็ เหลี่ยม แกแ่ ล้วแยก ผลยอ่ ยผนังชนั้ นอกสด สุกสแี ดงอมส้ม (ภาพ: บางเบดิ ชมุ พร - RP)
กาบเรียงซอ้ นเหล่ือมไม่บานออก (ภาพขวา: cultivated - RP)
เต้ามด
เตยทะเล
Debregeasia wallichiana (Wedd.) Wedd.
Pandanus odorifer (Forssk.) Kuntze วงศ์ Urticaceae
วงศ์ Pandanaceae
ชื่อพอ้ ง Missiessya wallichiana Wedd.
ชอื่ พอ้ ง Keura odorifera Forssk., Pandanus odoratissimus L. f.
ไม้พุ่ม สูงไดถ้ งึ 6 ม. แยกเพศรว่ มต้น กิง่ มีรอยแผลใบชัดเจน หูใบรูปใบหอก
ไมพ้ มุ่ หรอื ตน้ อาจสงู ไดถ้ ึง 10 ม. ล�ำต้นเส้นผ่านศนู ย์กลางโตไดถ้ งึ 20 ซม. ยาว 1-2 ซม. ปลายแยกเปน็ แฉก รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่ ทป่ี ลายกงิ่ รปู ไขก่ วา้ ง
แยกเพศตา่ งตน้ กง่ิ มักแตกแขนง มีรากคำ�้ ยัน ใบเรียงเวียนหนาแนน่ ท่ีปลายกิง่ หรือกลม ยาว 5-21 ซม. ขอบใบจักซฟี่ ัน เสน้ โคนใบ 3 เสน้ เส้นแขนงใบขา้ งละ
รปู แถบ สว่ นมากยาวไดเ้ กนิ 1 ม. แผน่ ใบหนา สนั ใบดา้ นลา่ งและขอบใบจกั เปน็ หนาม 5-8 เสน้ แผน่ ใบด้านล่างมีขนส้ันนมุ่ สขี าว กา้ นใบยาว 3-18 ซม. ช่อดอกแบบ
เรยี งหา่ ง ๆ หนามยาว 0.5-1 ซม. โคนใบหนาเปน็ ร่อง ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกคล้าย ช่อกระจกุ แนน่ แยกสองแฉก 3-7 ครง้ั ออกตามกิ่ง ยาว 3.5-8 ซม. ชอ่ กระจกุ
ชอ่ เชงิ ลดมกี าบ ไมม่ ีวงกลีบรวม ชอ่ ดอกเพศผ้แู ยกแขนง ยาว 30-60 ซม. เกสรเพศผู้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-5 มม. ใบประดบั เรียวยาวขนาดเลก็ มีขนส้นั น่มุ กลบี รวม
จ�ำนวนมาก ชอ่ ดอกเพศเมียคลา้ ยช่อกระจุกแนน่ กา้ นช่อยาวไดถ้ ึง 30 ซม. คารเ์ พล 5 กลบี ขนาดเล็ก รูปไขก่ วา้ ง เช่อื มติดกันประมาณกึ่งหนงึ่ ดอกเพศผกู้ ้านดอกสนั้
จ�ำนวนมาก แยกเป็นกล่มุ ยอ่ ย (phalanges) กลมุ่ ละ 4-11 อนั แต่ละคารเ์ พล รงั ไขเ่ ปน็ หมนั ดอกเพศเมยี รปู ไข่ ไร้กา้ น หุ้มรงั ไข่ ปลายคอดแยกเปน็ 4 กลีบต้ืน ๆ
มอี อวุลเม็ดเดยี ว ยอดเกสรเพศเมยี เป็นตมุ่ ไรก้ า้ น ผลกล่มุ รปู รี ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. บาง ก้านเกสรเพศเมียส้ัน ยอดเกสรคล้ายแปรง ผลคล้ายผลสดผนังช้ันในแข็ง
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางโตไดถ้ งึ 20 ซม. แตล่ ะกลมุ่ ยอ่ ยรปู ไขก่ ลบั เปน็ เหลยี่ ม แกแ่ ลว้ แยก ยาวประมาณ 1.5 มม. มีกลบี บางหมุ้
ยาว 3-8 ซม. โคนทเ่ี ชอื่ มติดกันเปน็ เสน้ ใย ผลย่อยผนังชัน้ ในแขง็ ผนงั ช้ันนอกสด
สกุ สีแดงอมส้ม มเี สน้ ใย ยอดเกสรเพศเมียตดิ ทน พบทอ่ี นิ เดยี ศรลี งั กา เนปาล ภฏู าน จนี ตอนใต้ บงั กลาเทศ พมา่ และกมั พชู า
ในไทยพบมากทางภาคเหนอื และยงั พบทเ่ี ลย นครนายก (เขาใหญ)่ และกาญจนบรุ ี
พบในเอเชียตามหมู่เกาะและชายฝั่งทะเล และเกาะฮาวาย ในไทยพบทาง ขน้ึ ตามท่โี ล่งในป่าดบิ เขาหรอื เขาหนิ ปนู ความสงู 800-1800 เมตร
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ คลา้ ยกับการะเกด P. tectorius Parkinson ex
Du Roi ซ่งึ ในไทยเข้าใจวา่ พบเฉพาะที่เปน็ ไม้ประดับ รวมทัง้ ตน้ ท่ใี บดา่ ง ลกั ษณะ สกลุ Debregeasia Gaudich. มีประมาณ 6 ชนดิ ส่วนใหญ่พบในเอเชยี ตะวนั ออก
ทแี่ ตกตา่ งกนั คอื เตยทะเลขอบใบมหี นามสขี าวขนาดใหญ่ กลมุ่ ผลยอ่ ยขอบมสี นั นนู ในไทยมี 3 ชนดิ ชอื่ สกุลต้งั ตามนักสำ�รวจทางทะเลชาวฝร่งั เศส Prosper Justin
ในผลสุก ทง้ั สองชนดิ ดอกมกี ล่นิ หอม ใบและดอกมสี รรพคณุ ชว่ ยย่อย de Bregeas ทส่ี ำ�รวจประเทศในแถบเอเชยี ตะวันออก ชว่ งปี ค.ศ. 1836-1837
เอกสารอา้ งอิง
สกุล Pandanus Parkinson มปี ระมาณ 650 ชนดิ พบในแอฟริกา เอเชยี และ Chen, J., I. Friis and C.M. Wilmot-Dear. (2003). Urticaceae (Debregeasia). In
ออสเตรเลีย ในไทยมีประมาณ 20 ชนิด และเปน็ ไมป้ ระดับ 2-3 ชนดิ ช่ือสกุล
มาจากภาษามาเลย์ “pandan หรือ pandang” ทใี่ ช้เรียกพวกเตย Flora of China Vol. 5: 185-186.

เอกสารอ้างอิง เตา้ มด: ใบเรียงเวยี นหนาแนน่ ท่ปี ลายกิง่ ขอบใบจกั ซ่ฟี ัน แผน่ ใบด้านลา่ งมีขนสีขาว ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แนน่
St. John, H. (1979). Revision of the genus Pandanus Stickman. Part 42. Pandanus แยกสองแฉก ออกตามกิ่ง (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - RP)
tectorius Parkins. ex Z and Pandanus odoratissimus L..f. Pacific Science 33(4):
395-401. เต่ารา้ ง, สกุล
Stone, B.C. (1983). Pandanaceae (Pandanus odoratissimus). Flore du Cambodge,
du Laos et du Vietnam. 20: 23-29. Caryota L.
Sun, K. and R.A. DeFilipps. (2010). Pandanaceae. In Flora of China Vol. 23: 128. วงศ์ Arecaceae

ปาลม์ ลำ� ตน้ เดยี่ วหรอื แตกกอ แยกเพศรว่ มตน้ มกั ตายหลงั จากออกดอกตดิ ผล
ลำ� ตน้ มรี อยวงกา้ นใบชดั เจน ใบประกอบแบบขนนก 2 ชน้ั ออกตามลำ� ตน้ และยอด
กาบเปน็ เสน้ ใยรา่ งแหโอบหมุ้ ลำ� ตน้ ตรงขา้ มกา้ นใบ ใบยอ่ ยสว่ นมากรปู สามเหลย่ี ม

181

เต่าร้าง สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ชอ่ ดอกออกจากยอดสูโ่ คนต้น แยกแขนง ใบประดบั 6-8 ใบ ดอกออกเป็นกระจกุ เต่ารา้ ง: ชอ่ ดอกแยกแขนง ผลสกุ สีมว่ งดำ� (ภาพผลอ่อน: ศรพี งั งา พงั งา, ภาพผลแก:่ cultivated; - RP)
3 ดอก มดี อกเพศเมยี ออกตรงกลาง ดอกเพศผดู้ า้ นขา้ ง 2 ดอก กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก
จำ� นวนอย่างละ 3 กลบี เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมีย เต่าร้างยกั ษ์: ปาล์มล�ำต้นเดี่ยว ใบประกอบยอ่ ยและช่อดอกหอ้ ยลง (ภาพซ้าย: เชยี งใหม่, ภาพขวา: น่าน; - RP)
ไรก้ า้ น ผลกลม มี 1-2 เมล็ด เปลือกนอกเรียบ ผนงั ชั้นกลางสดมีเกลด็ แหลม
(raphide) ท่ีมสี ารทำ� ใหผ้ ิวหนงั แสบคัน ผนังชน้ั ในแข็ง เต่ารา้ งยักษภ์ คู า: ปาล์มล�ำต้นเดย่ี วขนาดใหญ่ ป่องช่วงกลาง ใบประกอบแบบขนนก 2 ชนั้ แผก่ วา้ งคลา้ ยหางปลา
ชอ่ ดอกห้อยลง (ภาพ: ดอยภูคา นา่ น - RP)
สกลุ Caryota อยูภ่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Coryphoideae เผ่า Caryoteae มี 13 ชนดิ
พบทอี่ นิ เดยี จนี เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ และหมู่เกาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 4 ชนิด เตา่ ร้างศรสี ยาม
เปน็ พืชถน่ิ เดียว 1 ชนดิ คือ C. kiriwongensis Hodel ex Hodel พบท่เี ขาหลวง
จงั หวัดนครศรีธรรมราช คลา้ ยเต่ารา้ งยกั ษ์ภคู า แต่ช่อดอกสั้นกวา่ และเน้อื ในเมล็ด Arenga hookeriana (Becc.) Whitmore
ไม่เปน็ ช้นั ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรีก “karyotos” อนิ ทผาลมั หมายถึงปาล์มทม่ี ี
ผลคล้ายอินทผาลมั ช่อื พอ้ ง Didymosperma hookerianum Becc.

เตา่ รา้ ง ปาลม์ ขนาดเลก็ แตกกอ สงู ไดถ้ ึง 1.8 ม. ล�ำต้นเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 0.6-2 ซม.
ใบมี 5-10 ใบ เรยี งเวียน ส่วนมากเป็นใบเดย่ี ว บางคร้งั มใี บย่อยขนาดเลก็ แซม รูปรี
Caryota mitis Lour. ถงึ รปู ขอบขนาน ยาว 60-80 ซม. ขอบจักเปน็ แฉกแหลม ขา้ งละ 6-8 แฉก แผ่นใบ
ปาล์มแตกกอ สูงไดถ้ ึง 10 ม. ลำ� ตน้ เส้นผา่ นศูนยก์ ลางโตได้ถึง 20 ซม. ก้านใบ ด้านล่างมนี วลสเี งินอมเทา กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 50 ซม. กาบใบแฉกลกึ ขอบมีเสน้ ใย
หนาแน่น ช่อดอกแบบช่อเชิงลด มี 2-3 ช่อ ออกตามซอกใบใกล้โคน ยาว
ยาว 0.8-2 ม. แกนกลางใบประกอบยาว 2-2.8 ม. ใบประกอบย่อยขา้ งละ 10-23 ใบ 25-30 ซม. ชอ่ ชว่ งปลายสว่ นมากเปน็ ชอ่ ดอกเพศเมยี ชอ่ ดอกเพศผบู้ างครง้ั แตกแขนง
ใบประกอบย่อยชั้นที่สองข้างละ 10-20 ใบ ใบย่อยรูปสามเหล่ียมเรียวแหลม ผลรปู กลม เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 1-1.5 ซม. ผลแกส่ ีส้มอมแดง เปลยี่ นเปน็ สดี ำ�
ปลายจกั ยาว 20-30 ซม. บางครง้ั แฉกลกึ จรดโคน 2-3 แฉก คลา้ ยหางปลา ช่อดอก
โคง้ ลง ยาวได้ถงึ 85 ซม. แกนช่อยาว 20-65 ซม. ช่อย่อยจ�ำนวนมาก ดอกเพศผู้ พบที่คาบสมุทรมลายู และภาคใตข้ องไทย ขน้ึ ใตร้ ม่ เงาในป่าดิบช้ืน ความสงู
กลบี ดอกยาว 1.2-1.5 ซม. ดอกเพศเมยี กลบี ดอกยาว 4-5 มม. ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 100-600 เมตร เปน็ ไม้ประดบั
1-2 ซม. สุกสมี ่วงดำ� ส่วนมากมีเมลด็ เดยี ว เนือ้ ในเมลด็ เปน็ ชั้น
เต่าร้างหน,ู สกลุ
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทย
พบทุกภาค ข้นึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดิบช้ืน หรือปา่ เสื่อมโทรม และเป็นไม้ประดับ Arenga Labill. ex DC.
เปลือกผลทำ� ใหร้ ะคายเคือง เสน้ ใยกาบประคบแผลสดหา้ มเลือด วงศ์ Arecaceae

เต่ารา้ งยักษ์ ปาล์มล�ำต้นเดี่ยวหรือแตกกอ แยกเพศร่วมต้น ช่อดอกเพศผู้และเพศเมีย
ออกไม่พร้อมกัน หลังจากออกดอกติดผลแล้วตายหรือไม่ตาย ใบประกอบแบบ
Caryota maxima Blume ขนนก ใบย่อยเรียงระนาบเดียวหรือต่างทิศทาง กาบเป็นเส้นใยร่างแห ช่อดอก
ปาลม์ ลำ� ตน้ เดย่ี ว สงู ไดถ้ ึง 30 ม. ล�ำตน้ เส้นผ่านศนู ย์กลาง 25-45 ซม. กา้ นใบ ออกจากยอดสโู่ คนตน้ ในชนดิ ทอี่ อกดอกแลว้ ไมต่ าย ออกทโี่ คนในชนดิ ทอี่ อกดอก
แลว้ ตาย แยกแขนง มกั ห้อยลง ใบประดบั จำ� นวนมาก กลีบเลีย้ งและกลีบดอก
ยาว 10-50 ซม. แกนกลางใบประกอบยาว 2.5-5 ม. ใบประกอบย่อยข้างละ จ�ำนวนอย่างละ 3 กลีบ เกสรเพศผ้จู ำ� นวนมาก รงั ไขม่ ี 2-3 ชอ่ ง ไรก้ ้านเกสรเพศเมีย
15-27 ใบ ห้อยลง ใบประกอบยอ่ ยช้ันทส่ี องขา้ งละ 15-30 ใบ ใบยอ่ ยเรยี ว ยาวได้ถงึ ไมม่ ีทเี่ ปน็ หมันในดอกเพศผู้ ผลกลมหรอื รูปรกี ว้าง มี 1-3 เมลด็ เปลอื กนอกเรยี บ
35 ซม. ขอบจกั ลกึ ชอ่ ดอกมี 3-5 ชอ่ ห้อยลง กา้ นชอ่ ยาว 1-1.5 ม. แกนกลาง ผนงั ช้ันกลางสด มสี ารทำ� ใหผ้ วิ หนงั แสบคัน ผนงั ชน้ั ในคล้ายผนังชัน้ กลาง
ยาว 1.5-3 ม. ช่อยอ่ ยจ�ำนวนมาก แกนกลางยาว 1-2 ม. ดอกเพศผ้กู ลีบดอกยาว
1.2-1.5 มม. ดอกเพศเมยี กลบี ดอกยาว 6-8 มม. ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-2.5 ซม.
สุกสสี ม้ อมแดง ส่วนมากมเี มล็ดเดยี ว เนือ้ ในเมล็ดเปน็ ชน้ั

พบที่อนิ เดีย ภฏู าน พม่า จนี ตอนใต้ ลาว เวียดนาม คาบสมุทรมลายู ชวา
และสมุ าตรา ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา และ
ปา่ ดบิ ช้ืน มักพบตามพื้นทีป่ า่ เส่อื มโทรม ความสงู ถึงประมาณ 1800 เมตร

เต่าร้างยักษ์ภคู า

Caryota obtusa Griff.

ช่อื พอ้ ง Caryota gigas Hahn ex Hodel

ปาลม์ ล�ำตน้ เดี่ยวขนาดใหญ่ สงู ไดถ้ ึง 40 ม. โคนตน้ มรี ากพเิ ศษหนาแนน่
ลำ� ตน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 50-90 ซม. ชว่ งกลางปอ่ ง กา้ นใบยาว 0.5-2 ม. แกนกลาง
ใบประกอบยาว 4-6 ม. ใบแผก่ ว้างคล้ายหางปลา ใบประกอบยอ่ ยข้างละ 18-24 ใบ
ใบประกอบย่อยช้ันท่สี องขา้ งละ 20-27 ใบ ใบยอ่ ยปลายจักแหลม ยาว 20-35 ซม.
ชอ่ ดอกห้อยลง กา้ นช่อยาว 0.5-1 ม. แกนกลางยาว 2.5-4 ม. ช่อย่อยจำ� นวนมาก
ยาว 1.2-3 ม. ดอกเพศผ้กู ลีบดอกยาวประมาณ 1.5 ซม. ดอกเพศเมียกลีบดอก
ยาวประมาณ 8 มม. ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-3 ซม. สกุ สแี ดง สว่ นมากมี 2 เมลด็
เนื้อในเมลด็ เป็นชน้ั

พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ลาว เวยี ดนาม ในไทยพบทดี่ อยภคู า จงั หวดั นา่ น
ขนึ้ เปน็ กลมุ่ ใหญ่ และพบกระจายหา่ ง ๆ ทเี่ ชยี งราย พะเยา และอตุ รดติ ถ์ ขนึ้ ตาม
ทส่ี งู ชันในป่าดิบเขา ความสงู 1200-1600 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Pei, S., S. Chen, G. Lixiu, J. Dransfield and A. Henderson. (2010). Arecaceae.
In Flora of China Vol. 23: 150-151.
Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol.
11(3): 387-391.

182

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เต่าไห้

สกลุ Arenga อยภู่ ายใตว้ งศย์ อ่ ย Coryphoideae เผา่ Caryoteae มี 24 ชนดิ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมนี วล ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดแยกแขนง ชอ่ ดอกเพศผอู้ อกดา้ นขา้ ง
พบในเอเชยี และออสเตรเลยี ในไทยมี 5 ชนดิ แยกเปน็ สกุลยอ่ ย Didymosperma ยาว 40-50 ซม. ก้านช่อยาวไดถ้ ึง 30 ซม. ดอกเรียงเวยี นเป็นกระจุก แต่ละกระจกุ
ปาลม์ ขนาดเลก็ ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด สว่ นมากไมแ่ ยกแขนง มี 2 ชนดิ สว่ น มดี อกเพศผู้ 2 ดอก และดอกเพศเมยี ทเี่ ปน็ หมนั หนง่ึ ดอก ดอกเพศผยู้ าว 5-6 มม.
สกุลย่อย Arenga ปาล์มขนาดใหญ่ ช่อดอกแยกแขนง มี 3 ชนดิ คือ A. obtusifolia กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 3 กลบี กลบี เลย้ี งเชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน กลบี ดอก
Mart. พบทางภาคใต้ หายาก แตกกอหา่ ง ๆ ดอกออกจากโคนสปู่ ลายต้นแล้วตาย แยกกนั เกสรเพศผู้มี 11-16 อัน ชอ่ ดอกเพศเมียออกท่ยี อด ต้งั ข้ึน ยาวเท่า ๆ
อกี 2 ชนดิ คอื ต๋าว A. pinnata (Wurmb) Merr. มักพบปลกู เป็นไมผ้ ล และ รงั กบั ชอ่ ดอกเพศผู้ ดอกเพศเมียยาวประมาณ 3 มม. ไมม่ เี กสรเพศผ้ทู ี่เปน็ หมนั รังไข่มี
A. westerhoutii Griff. ลักษณะคลา้ ยกนั มาก ตา่ งกันทก่ี ารเรียงตัวของใบ ต๋าว 3 ชอ่ ง ผลรปู รี ยาว 1.5-1.7 ซม. ผลแกส่ ีแดง
เรียงต่างทิศทาง ส่วนรังกับเรียงในระนาบเดยี ว ซึ่งทัง้ สองชนดิ ผลมพี ิษ ช่อื สกลุ
มาจากภาษามาเลย์ “arenge” ท่ีเรียกพชื ในสกุลน้ี พบทอ่ี นิ เดยี บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ และพมา่ ในไทยพบกระจายทางภาคเหนอื
และภาคใตท้ ่ีระนอง พงั งา ภูเกต็ และตรัง ข้นึ ตามป่าดบิ แล้ง ป่าดิบชื้น และปา่ ดบิ เขา
เตา่ รา้ งหนู ความสูง 500-1200 เมตร

Arenga caudata (Lour.) H. E. Moore สกุล Wallichia Roxb. อยู่ภายใตว้ งศ์ย่อย Coryphoideae เผ่า Caryoteae มี 8 ชนดิ
พบที่อินเดยี บังกลาเทศ จนี ตอนใต้ พม่า และภมู ภิ าคอินโดจนี ในไทยมี 3 ชนิด
ชอ่ื พอ้ ง Borassus caudatum Lour. อกี 2 ชนิด คือ ปาลม์ นเรศวร W. disticha T. Anderson พบที่กาญจนบุรี ลำ�ต้นเดย่ี ว
ใบประกอบเรยี งสลับระนาบเดียว และ W. marianneae Hodel พืชถิ่นเดียว
ปาลม์ ขนาดเลก็ แตกกอ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ล�ำตน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางโตไดถ้ งึ 2 ซม. ของไทย พบทต่ี รงั แตกกอ ใบเรียวแคบ เกสรเพศผมู้ ี 16-19 อัน ช่อื สกลุ ตั้งตาม
ใบมีประมาณ 10 ใบ เรยี งเวยี น ใบประกอบแบบขนนก ก้านใบประกอบยาว นักพฤกษศาสตรช์ าวดตั ช์ Nathaniel Wallich (1786-1854)
30-60 ซม. ใบยอ่ ยเรียงห่าง ๆ มี 4-10 ใบ รปู สเ่ี หลย่ี มข้าวหลามตัด โคนเรียวแคบ
ยาว 20-80 ซม. ปลายจกั ไมเ่ ป็นระเบยี บ แผ่นใบด้านล่างมนี วลสีเงินอมเทา ช่อดอก เอกสารอา้ งองิ
แบบช่อเชิงลด มี 2-3 ชอ่ ออกตามซอกใบใกลโ้ คน ยาว 25-30 ซม. โค้งลง ช่วงปลาย Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol.
ส่วนมากเป็นช่อดอกเพศเมีย พบน้อยที่แตกแขนง ผลกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 11(3): 491-493.
1-1.5 ซม. ผลแก่สสี ม้ อมแดง

พบทพี่ มา่ ไหห่ นาน ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค
ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ เขาหนิ ปนู ทช่ี มุ่ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 700 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Pongsattayapipat, R. (2012). Arecaceae (Arenga). In Flora of Thailand Vol.
11(3): 333-337.

เต่าร้างหนู: ใบประกอบแบบขนนก ใบยอ่ ยเรียงสลบั ระนาบเดยี ว ปลายจักแหลมไมเ่ ป็นระเบียบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลด
แยกแขนง ช่อดอกเพศผู้ออกด้านขา้ ง ช่อดอกเพศเมยี ออกท่ียอด ตั้งขึน้ (ภาพ: แม่วงก์ กำ� แพงเพชร - SSi)

เต่าร้างศรสี ยาม: ใบเด่ียว ขอบใบจกั แหลมเป็นแฉก ทอ้ งใบมีนวล ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด โค้งลง ออกตามซอกใบ ปาล์มนเรศวร: ล�ำต้นเด่ียว ใบประกอบเรียงสลับระนาบเดียว ขอบกาบใบมีเส้นใยหนาแน่น (ภาพ: ทุ่งใหญน่ เรศวร
ใกล้โคน ผลแก่สสี ม้ อมแดง (ภาพ: cultivated; ภาพตน้ และผล - RP; ภาพช่อดอก - NP) กาญจนบุรี - RP)

เต่าร้างหนู: ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยเรียงห่าง ๆ รูปส่ีเหลี่ยมข้าวหลามตัด โคนเรียวแคบ ปลายจักไม่เป็น เตา่ ไห้
ระเบียบ ช่อผลโค้งลง (ภาพ: นครศรธี รรมราช - RP); รงั กับ: ใบเรียงในระนาบเดยี ว (ภาพ: ห้วยขาแขง้ อทุ ยั ธานี - SSi)
Ichnocarpus frutescens (L.) W. T. Aiton
เตา่ ร้างหนู วงศ์ Apocynaceae

Wallichia caryotoides Roxb. ชอ่ื พอ้ ง Apocynum frutescens L.
วงศ์ Arecaceae
ไม้เถา ก่ิงแกม่ ชี ่องอากาศ ใบเรยี งตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่
ปาลม์ ขนาดเลก็ แตกกอ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. แยกเพศรว่ มตน้ ลำ� ตน้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ยาว 2.5-12.5 ซม. แผ่นใบด้านล่างมีขนส้นั น่มุ กา้ นใบยาว 0.4-3 ซม. มักมตี อ่ ม
โตได้ถงึ 10 ซม. ใบมี 4-7 ใบ เรียงเวียน ใบประกอบแบบขนนก ก้านใบประกอบ ตามซอกใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ยาว 1.5-15 ซม. กา้ นดอกสนั้ กลบี เลยี้ ง
ยาว 0.8-1.5 ม. ขอบกาบใบมเี สน้ ใยหนาแนน่ ใบยอ่ ยมี 8-12 ใบ เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว 5 กลบี รูปสามเหลีย่ ม ยาวประมาณ 2 มม. มขี นสนั้ นมุ่ ดอกรูปแตร สีขาวหรือ
รปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก มกั จกั 2 พู ยาวไดถ้ งึ 50 ซม. ปลายจกั ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ อมเหลอื ง กลบี เวยี นทบั กนั ดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ยาว 2-4 มม. ดา้ นนอก
มขี น หนาแนน่ ท่ีปากหลอด กลบี 5 กลีบ ยาว 2.5-6 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ใต้
กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก ไมย่ นื่ พ้นปากหลอด กา้ นชอู บั เรณสู ้ัน จานฐานดอกจัก
เปน็ พูแยกกัน ยาวกว่ารงั ไข่ คาร์เพลแยกกนั มขี น เกสรเพศเมียยาว 1-2 มม.
ผลเป็นฝกั คู่ รปู แถบ กางออก ยาวได้กวา่ 15 ซม. เมล็ดจำ� นวนมาก รปู แถบ ยาว
2-2.5 มม. มขี นกระจุกยาว 1.8-3 ซม.

พบทอ่ี นิ เดยี ปากสี ถาน จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี นวิ กนิ ี
ฟิลปิ ปนิ ส์ และออสเตรเลยี ตอนบน ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ แทบทกุ สภาพปา่ ความสูง
ถงึ ประมาณ 850 เมตร สว่ นตา่ ง ๆ มีสรรพคณุ ด้านสมุนไพรหลายอย่าง

183

แตงโมปา่ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

สกุล Ichnocarpus R. Br. มี 8 ชนิด พบในเอเชีย และออสเตรเลีย ในไทยมี 4 ชนดิ แตงหนู, สกลุ
2 ชนิด เป็นพืชถนิ่ เดียวของไทย คอื I. fulvus Kerr พบทางภาคตะวันออกเฉยี งใต้
และ I. uliginosus Kerr พบทางภาคเหนือ ต่างกนั ท่ขี นาดของใบ กลบี ดอก และ Mukia Arn.
จานฐานดอก ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “ichno” รอยเท้า และ “karpos” ผล วงศ์ Cucurbitaceae
ตามลกั ษณะผลท่ีกางออก
เอกสารอา้ งองิ ไมเ้ ถาล้มลุก แยกเพศรว่ มตน้ มอื จับไมแ่ ยกแขนง ใบเรียงเวียน เรยี บหรอื
Li, B., A.J.M. Leeuwenberg and D.J. Middleton. (1995). Apocynaceae. In Flora จักเป็นพู ดอกเพศผู้ออกเป็นกระจุกตามข้อ ไม่มีใบประดับ ฐานดอกรูประฆัง
กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอย่างละ 5 กลบี เกสรเพศผู้ 3 อัน ตดิ เหนอื กลาง
of China Vol. 16: 185-186. หลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณสู น้ั จานฐานดอกแบนกลม ดอกเพศเมยี ออกเปน็ กระจกุ
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 113-118. 1-6 ดอก คล้ายดอกเพศผู้ ไรก้ ้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรแยกเป็น 3 พู หนา
ปลายแยก 2 แฉก จานฐานดอกเปน็ วง ผลสดมหี ลายเมลด็ เปลอื กบาง เมลด็ แบน
เต่าไห:้ ใบเรยี งตรงขา้ ม ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง หลอดกลีบดอกสนั้ กวา่ กลีบดอก ปากหลอดมีขนหนาแน่น
(ภาพ: นาแห้ว เลย - PK) สกุล Mukia มีประมาณ 9 ชนดิ พบในแอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย ในไทย
มี 3 ชนิด หลายชนดิ บางคร้ังถกู จัดใหอ้ ยภู่ ายใตส้ กลุ Cucumis ชอื่ สกลุ มาจาก
แตงโมปา่ ภาษามาลายาลมั ในอินเดีย “mucca-piri” หมายถึง มือจับมว้ นงอ

Gymnopetalum scabrum (Lour.) W. J. de Wilde & Duyfjes แตงหนู
วงศ์ Cucurbitaceae
Mukia gracilis (Kurz) W. J. de Wilde & Duyfjes
ชอ่ื พ้อง Trichosanthes scabra Lour.
ชื่อพ้อง Mukia maderaspatana (L.) M. Roem. var. gracilis Kurz
ไมเ้ ถาล้มลุก ยาวได้ถึง 5 ม. แยกเพศร่วมต้น มีขนหนาแนน่ ตามล�ำตน้ แผน่ ใบ
ด้านลา่ ง ฐานดอก และผล มีรากตามข้อ มอื จับแยก 2 แขนงใกลโ้ คน ใบประดับนอก ไมเ้ ถา มขี นแขง็ ยาว 1-5 มม. ตามล�ำตน้ กา้ นใบ และแผน่ ใบ ใบรปู ไขห่ รอื แกม
(probract) รปู ใบหอก ยาว 1-2.5 ซม. ใบรปู ไขก่ วา้ งหรอื เปน็ เหลย่ี ม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง รปู ขอบขนาน บางครง้ั คล้ายรปู เง่ียงใบหอก ยาว 5-12 ซม. ขอบเรียบหรอื จักซฟ่ี ัน
2-11 ซม. โคนรูปหัวใจ ขอบเรียบหรือจักฟันเลือ่ ย เส้นแขนงใบรูปฝ่ามือ 5 เสน้ ห่าง ๆ กา้ นยาว 3-7 ซม. ดอกเพศผมู้ ี 5-10 ดอก บางคร้งั มดี อกเพศเมยี ด้วย กา้ นดอก
กา้ นใบยาว 1-5 ซม. ช่อดอกเพศผู้ออกเด่ียว ๆ หรอื เป็นชอ่ กระจะ ใบประดบั ยาว ยาว 2-6 มม. ฐานดอกยาว 2-2.5 มม. กลบี เลย้ี งยาวประมาณ 1 มม. มีขนแขง็
1-2 ซม. จักเปน็ พู กา้ นดอกยาวได้ถึง 12 ซม. หรือยาว 1-2 ซม. ในดอกทอี่ อกเป็นช่อ ดอกสเี หลอื ง กลบี แยกเกอื บจรดโคน รูปรี ยาว 2-3 มม. อบั เรณยู าวประมาณ 1 มม.
ฐานดอกเรยี ว ยาว 1.5-3 ซม. กลีบเลยี้ ง 5 กลีบ รปู สามเหลี่ยมแคบ ยาว 4-8 มม. ดอกเพศเมียมี 1-5 ดอก หรอื มีดอกเพศผู้ปน กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม. รงั ไขม่ ีขน
ดอกสขี าว มี 5 กลีบ รปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 2 ซม. ขอบจักชายครยุ ปากหลอดกลีบ ปลายเกสรเพศเมียมขี น ผลเส้นผา่ นศูนย์กลาง 5-8 มม. มขี นกระจาย ก้านยาว
สีเหลอื ง เกสรเพศผู้ 3 อัน ตดิ ใตป้ ากหลอดกลีบดอก กา้ นชอู ับเรณแู ยกกัน ยาว 1-2 มม. มปี ระมาณ 5 เมลด็ รปู ไขก่ ลบั ยาว 5-6 มม. ผวิ เปน็ สนั มรี อยบมุ๋ กระจาย
ประมาณ 2 มม. อับเรณสู เี หลอื ง จานฐานดอกจกั 3 พู รูปแถบ ดอกเพศเมยี
ออกเดีย่ ว ๆ กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. ฐานดอกสนั้ รงั ไขม่ ีขนยาว ก้านเกสรเพศเมยี พบทพี่ มา่ ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และ
ยาว 0.7-1 ซม. ยอดเกสรมี 3 พู ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 2-4 ซม. สุกสีสม้ ภาคใต้ ขึน้ ตามป่าเบญจพรรณ และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร
กา้ นยาว 1-5 ซม. เมล็ดจำ� นวนมาก รปู ขอบขนาน ยาว 6-9 มม.
แตงหนู
พบทีอ่ ินเดยี ศรีลังกา จีนตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย ในไทย
พบทว่ั ทกุ ภาค ขน้ึ ตามท่ีโลง่ ขา้ งถนน ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร ผลมีพษิ Mukia javanica (Miq.) C. Jeffrey

สกุล Gymnopetalum Arn. มี 4 ชนิด พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมี 2 ชนดิ อกี ช่ือพ้อง Karivia javanica Miq.
ชนดิ คอื G. chinense (Lour.) Merr. แผน่ ใบเกล้ียง ผลรปู กระสวย มสี ัน ชื่อสกลุ
มาจากภาษากรีก “gymnos” เปลอื ย และ “petalon” กลบี ดอก ไม้เถา มขี นสากตามลำ� ต้น แผน่ ใบ กา้ นใบ และฐานดอก ใบรปู ไขก่ ว้าง คลา้ ยรปู
เอกสารอา้ งองิ สามเหลยี่ มหรอื เกอื บกลม เรยี บหรอื จกั ตน้ื ๆ 3-5 พู กวา้ ง 2-10 ซม. โคนรปู หวั ใจ
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of ขอบจักฟนั เล่ือยห่าง ๆ ดอกเพศผมู้ ี 3-6 ดอก กา้ นดอกยาว 1-4 มม. ฐานดอกยาว
1.5-3 มม. กลีบเลย้ี งยาว 1-1.5 มม. ดอกสีเหลือง กลบี รูปไข่ ยาว 1.5-2.5 มม.
Thailand Vol. 9(4): 442-447. อับเรณยู าว 1.5-2 มม. ดอกเพศเมียคล้ายดอกเพศผู้ มี 1-4 ดอก กา้ นดอกยาว
ประมาณ 1 มม. รงั ไขก่ ลม เกลย้ี งหรือมขี น ผลรปู รี ยาว 1-1.5 ซม. ก้านยาว 1-2 มม.
แตงโมปา่ : ดอกเพศเมียออกเดยี่ ว ๆ ฐานดอกสัน้ กลบี จกั ชายครุยส้ัน ๆ ผลสกุ สสี ม้ เมล็ดจำ� นวนมาก มี 8-18 เมล็ด รูปไข่กลบั ยาวประมาณ 5 มม. ขอบมีสัน ผวิ มตี มุ่
(ภาพดอกและผลออ่ น: ทงุ่ กลุ ารอ้ งไห้ ยโสธร, ภาพผลสกุ : บรุ รี มั ย์; - RP)
พบทอี่ นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทย
พบแทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นตามชายป่า ความสูงถงึ ประมาณ 1500 เมตร

แตงหนู

Mukia maderaspatana (L.) M. Roem.

ชอื่ พ้อง Cucumis maderaspatanus L.

ไมเ้ ถา มขี นสากหรอื ขนยาวตามลำ� ตน้ แผน่ ใบ และกา้ นใบ ใบรปู ไขก่ วา้ งคลา้ ย
รูปสามเหล่ียม หรอื เกอื บกลม เรยี บหรือจักตน้ื ๆ 3-5 พู กวา้ ง 2-10 ซม. โคนรปู
หวั ใจ ขอบจกั ฟันเล่ือยห่าง ๆ ดอกเพศผมู้ ี 2-20 ดอก บางครง้ั มดี อกเพศเมียปน
ในช่อดอกเพศผู้ กา้ นดอกยาว 2-7 มม. ฐานดอกยาว 1.5-4 มม. มขี น กลบี เลย้ี งยาว
1-1.5 มม. ดอกสีขาว กลีบรปู ไข่ ยาว 1.5-4 มม. อับเรณูยาว 1-2 มม. ดอกเพศเมีย
คลา้ ยดอกเพศผู้ มี 1-8 ดอก กา้ นดอกยาว 1-4 มม. รงั ไข่มขี นประปราย เกสรเพศเมยี
เกลี้ยง ผลกลม เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 0.5-1.5 ซม. กา้ นผลยาว 2-5 มม. มี 10-20 เมลด็
รปู ไข่กลบั ยาว 3-4 มม. ผิวมรี อยบุ๋ม และต่มุ กระจาย

พบทแ่ี อฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค โดยเฉพาะตามทโ่ี ลง่
ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
Thailand Vol. 9(4): 471-475.

184

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ถว้ ยทอง

แตงหนู: M. gracilis ใบคล้ายรูปเงี่ยงใบหอก ลำ� ตน้ มขี นแขง็ ยาว ช่อดอกเพศเมยี บางครัง้ มดี อกเพศผูป้ น ผลกลม โตงวะ
(ภาพ: แม่ฮ่องสอน - BD)
Ipomoea obscura (L.) Ker Gawl.
แตงหนู: M. javanica ใบคลา้ ยรูปสามเหลย่ี ม จกั ตืน้ 3-5 พู ผลรปู รี มี 1-4 ผล (ภาพ: นำ้� หนาว เพชรบรู ณ์ - PK) วงศ์ Convolvulaceae

ชื่อพอ้ ง Convolvulus obscurus L.

ไม้เถาล้มลกุ ยาวไดก้ วา่ 2 ม. ล�ำต้นมขี นส้นั นุ่ม ใบรูปรีกว้างหรือรูปหัวใจ
ยาว 2-8 ซม. แผ่นใบเกลี้ยงหรอื มขี นกระจาย กา้ นใบยาว 1.5-3.5 ซม. ชอ่ ดอก
แบบช่อกระจกุ ออกตามซอกใบ มี 1-3 ดอก กา้ นชอ่ ยาว 1-4 ซม. ใบประดบั รูป
ล่ิมแคบ ยาวประมาณ 1.5 มม. กา้ นดอกยาว 0.8-2 ซม. กลบี เลีย้ งรูปไข่ ยาว 3-4 มม.
มีขนดา้ นนอก ดอกรปู แตร ยาว 2-2.5 ซม. สขี าวหรอื อมเหลือง แถบกลางสีเขม้
โคนกลบี สีแดงอมม่วง กา้ นเกสรเพศผ้รู ูปเสน้ ดา้ ย ยาวไม่เท่ากัน ไม่ย่ืนพน้ ปาก
หลอดกลีบ รังไข่เกลี้ยง ผลรูปไข่ ยาว 6-8 มม. ปลายเป็นต่ิงแหลม เมล็ดรูป
สามเหล่ียมกลม ยาว 4-5 มม. มขี นสน้ั นมุ่ (ดูขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ท่ี ผกั บงุ้ , สกลุ )

พบที่แอฟริกา อินเดีย ศรีลังกา จนี พม่า ภมู ภิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย นวิ กนิ ี
ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามท่ีโล่ง ความสงู ระดบั ต�่ำ ๆ

เอกสารอา้ งองิ
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 419.

แตงหน:ู M. maderaspatana ใบคลา้ ยรปู สามเหล่ียม จกั 3-5 พู ลำ� ตน้ มีขนสากหรือขนยาว ผลกลม (ภาพ: ล�ำปาง - BD) โตงวะ: ไม้เถาล้มลุก ใบรูปหัวใจ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ มี 1-3 ดอก ดอกรปู แตร สขี าวหรอื อมเหลอื ง แถบกลางสเี ข้ม
โคนกลบี สแี ดงอมมว่ ง (ภาพ: พจิ ิตร - RP)
แตงหนู
ถว้ ยทอง
Scopellaria marginata (Blume) W. J. de Wilde & Duyfjes
วงศ์ Cucurbitaceae Solandra maxima (Moc. & Sessé ex Dunal) P. S. Green
วงศ์ Solanaceae
ชื่อพ้อง Bryonia marginata Blume, Zehneria marginata (Blume) Keraudren
ชอ่ื พอ้ ง Datura maxima Moc. & Sessé ex Dunal
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ แยกเพศรว่ มตน้ มอื จบั ไมแ่ ยกแขนง ลำ� ตน้ สาก ใบรปู สามเหลยี่ ม
รปู ไข่ หรอื รปู หวั ใจ เรยี บหรอื จกั 3-5 พู ยาว 4-16 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งสาก มขี นหยาบ ไมพ้ มุ่ รอเลอื้ ยหรอื องิ อาศยั ใบเรยี งเวยี น รปู รหี รอื รปู ไขก่ ลบั ยาวไดถ้ งึ 15 ซม.
ตามเส้นแขนงใบ ขอบเรียบหรอื จักซฟี่ นั หา่ ง ๆ ก้านใบยาว 1-5 ซม. มีขน ชอ่ ดอกเพศผู้ ก้านใบยาว 1-5 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ ตามปลายกง่ิ สีเขียวอมเหลอื ง ด้านในมี
แบบช่อกระจะ มี 1-3 ชอ่ ก้านชอ่ ยาว 1.5-6 ซม. มีไดถ้ ึง 25 ดอก มักมีดอกเพศเมีย ปน้ื สมี ว่ งน้�ำตาล หลอดกลบี เลยี้ งสน้ั กวา่ หลอดกลบี ดอก ยาว 5-8 ซม. ปลายแยก
ปนในช่อดอกเพศผู้ แกนชอ่ ยาว 0.5-2 ซม. ก้านดอกยาว 2-7 มม. ฐานดอกสน้ั 2-5 แฉกตน้ื ๆ ไมส่ มมาตร ดอกรูปถ้วยสอบ ยาว 16-24 ซม. ปลายแยกเปน็ 5 กลีบ
มขี นหยาบ ปากมีขน กลบี เลี้ยง 5 กลีบ ยาวประมาณ 1 มม. ก้านชูอบั เรณูยาวกว่า ตนื้ ๆ เรียงซอ้ นเหล่ือม ขอบจกั ชายครุย เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดเหนือโคนหลอดกลีบ
อบั เรณู ยาว 1-1.5 มม. จานฐานดอกกลมแบน ดอกเพศเมยี 1-2 ดอก คลา้ ย 8-10 ซม. จุดตดิ บนหลอดกลบี มีขน ไม่ย่นื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก อับเรณตู ิดท่ีฐาน
ดอกเพศผู้ กา้ นดอกยาว 0.5-3 ซม. จานฐานดอกเปน็ วง รังไข่มีขน เกสรเพศเมยี รูปขอบขนาน ยาว 0.9-1.3 ซม. มี 2 คารเ์ พล แต่ละคารเ์ พลมี 4 ช่อง บางส่วน
มี 3 พู จกั ชายครยุ ยาวประมาณ 2 มม. ผลสดมีหลายเมล็ด รปู รหี รือกลม ยาว อยใู่ ต้วงกลบี มตี อ่ มน�้ำต้อย ก้านเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรแยกเป็น 2 พู
1-1.5 ซม. สุกสแี ดง เมล็ดรปู ไข่ แบน ยาว 3-6 มม. ผวิ เปน็ ร่อง ผลสดมีหลายเมล็ด รูปกรวยกว้าง ยาว 4-5 ซม. ผนงั เหนยี ว

พบทพี่ มา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว สมุ าตรา ชวา มถี นิ่ กำ� เนดิ ในเมก็ ซโิ ก โคลมั เบยี และเวเนซเู อลา เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น
ฟิลิปปินส์ และซูลาเวซี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คล้ายกับ S. grandiflora Sw. ท่ีปากหลอดกลีบดอกแคบกวา่ หลอดกลีบเล้ยี ง
ขนึ้ ตามชายปา่ ความสูงถงึ ประมาณ 1500 เมตร ยาวกวา่ หลอดกลีบดอกท่ีเรยี วแคบ ส่วนต่าง ๆ มีพษิ

สกุล Scopellaria W. J. de Wilde & Duyfjes มีเพียง 2 ชนดิ ในไทยมชี นิดเดยี ว สกลุ Solandra Sw. มปี ระมาณ 10 ชนดิ มถี ิน่ กำ�เนดิ ในอเมรกิ ากลางและใต้
แยกเป็น var. penangense (C. B. Clarke) W. J. de Wilde & Duyfjes ใบไม่จัก ช่อื สกลุ ตง้ั ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน Daniel Carl Solander (1733-1782)
เป็นพู สว่ น S. diversifolia (Merr.) W. J. de Wilde & Duyfjes พบทีบ่ อรเ์ นยี ว
ชอ่ื สกลุ เปล่ยี นมาจากสกลุ Scopella ซ่ึงไปซ�ำ้ กับของวงศ์ Pucciniaceae ของเห็ดรา เอกสารอ้างอิง
Bernardello, L.M. and A.T. Hunziker. (1987). A synoptical revision of Solandra
เอกสารอ้างองิ (Solanaceae). Nordic Journal of Botany 7(6): 639-652.
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
Thailand Vol. 9(4): 492-495.

แตงหน:ู มือจับไมแ่ ยกแขนง ใบรูปสามเหล่ยี มยาว ไมจ่ กั เป็นพู ชอ่ ดอกเพศผู้แบบชอ่ กระจะ ก้านชอ่ ยาว เกสรเพศผู้ ถว้ ยทอง: หลอดกลีบเล้ียงสั้นกว่าหลอดกลบี ดอก กลบี ดอกด้านในมปี ื้นสมี ่วงน้ำ� ตาล (ภาพ: cultivated - RP)
3 อัน ผลสุกสีแดง (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบรุ ี - RP)
185

ถอบแถบ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ถอบแถบ ถว่ั นก

Connarus cochinchinensis (Baill.) Pierre Vigna adenantha (G. Mey.) Maréchal, Mascherpa & Stainier
วงศ์ Connaraceae
ชื่อพ้อง Phaseolus adenanthus G. Mey.
ชื่อพ้อง Tricholobus cochinchinensis Baill.
ไมเ้ ถา หูใบยาว 3-3.5 มม. หูใบยอ่ ยส้นั กวา่ เลก็ น้อย ติดทน กา้ นใบประกอบ
ไมเ้ ถาหรอื ไมต้ น้ รอเลอ้ื ย มขี นสนั้ นมุ่ ตามชอ่ ดอก กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก ยาว 3.5-12.5 ซม. ใบรูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 5.5-11 ซม. ปลายแหลม
ใบประกอบมี 5-7 ใบยอ่ ย รูปรหี รือรปู ไข่ ยาว 3-13 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลม มีติ่งหนาม ก้านใบย่อยยาว 3-4.5 มม. ช่อดอกยาว 9-22 ซม. ใบประดับยาว
เส้นแขนงใบขา้ งละ 5-7 เส้น ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ออกท่ีปลายกิง่ ยาวได้ถงึ 3.5-4.5 มม. ใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ กวา่ เลก็ นอ้ ย กลบี เลยี้ งสเี ขยี วปนนำ้� ตาลออ่ น
10 ซม. กา้ นดอกสัน้ กลบี เลี้ยง 5 กลีบ รปู ใบหอก ยาว 3-4 มม. ดอกสีครมี มี 5 กลีบ ดอกสีมว่ งอมขาว กลบี กลางยาว 2-2.5 ซม. กลบี ปีกรูปขอบขนาน ยาว 2.5-3 ซม.
รูปใบหอกหรือรปู แถบ ยาว 6-8 มม. มีต่อมกระจาย กลีบดา้ นในมีขนประปราย โคนรูปติ่งหู กา้ นกลบี ยาว 5-8 มม. กลบี คู่ล่างสขี าว รังไขเ่ กลย้ี ง ฝกั แบนรูปแถบ
เกสรเพศผูเ้ ช่ือมตดิ กนั ทโี่ คน อันยาว 5 อัน ติดตรงขา้ มกลบี เลยี้ ง อนั สั้น 5 อนั ยาว 9-14 ซม. เกล้ียง เมลด็ รูปไต สนี ำ�้ ตาลด�ำ ขนาดประมาณ 7 มม.
ตดิ ตรงขา้ มกลบี ดอก เปน็ หมนั กา้ นชอู บั เรณมู ขี นและตอ่ มกระจาย มคี ารเ์ พลเดยี ว
มขี นยาว ออวลุ มี 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรเบย้ี ว ผลแตกแนวเดยี ว พบกระจายทั่วไปในเขตร้อน ขึ้นเป็นวัชพืชตามชายป่า ที่โล่งใกล้แหล่งน�้ำ
รปู รี เบยี้ ว ยาว 2-3 ซม. ผวิ ดา้ นนอกเกลยี้ ง ดา้ นในมขี นสนั้ นมุ่ สว่ นมากมเี มลด็ เดยี ว ความสูงระดับตำ่� ๆ
มเี ยื่อหมุ้ สีเหลอื งอมสม้ จัก 2 พู ย่น
ถวั่ แป๋
พบท่ีภูมิภาคอินโดจนี และคาบสมุทรมลายู ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้
ภาคเหนอื ขน้ึ ตามชายป่า หรอื ชายทะเล ความสูงระดบั ตำ�่ ๆ Vigna umbellata (Thunb.) Ohwi & H. Ohashi

สกุล Connarus L. มปี ระมาณ 80 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในอเมริกา แอฟรกิ า และ ชือ่ พอ้ ง Dolichos umbellatus Thunb.
เอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทยมีประมาณ 6 ชนดิ ตา่ งจากสกุลอ่นื ๆ ท่มี คี าร์เพล
เดียว กลีบเลย้ี งไม่ขยายในผล คลา้ ยกบั สกุลคำ�รอก Ellipanthus ที่ชอ่ ดอกออก ไมเ้ ถา มขี นหนาแนน่ ตามลำ� ตน้ หใู บ แผน่ ใบ ชอ่ ดอก และกลบี เลย้ี ง หใู บแบบ
ตามซอกใบ ดอกไม่มีต่อม และใบประกอบมีใบเดยี ว ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรีก กน้ ปดิ รูปแถบ ยาว 1-2 ซม. หูใบย่อยยาว 5-7 มม. ตดิ ทน ก้านใบประกอบยาว
“konnaros” ต้นไม้ทมี่ ีหนามชนดิ หน่งึ 4-19 ซม. ใบยอ่ ยรูปไข่ รูปรี หรือเกือบกลม ยาว 5.2-12.7 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม
เอกสารอ้างอิง กา้ นใบยอ่ ยยาว 2.5-5 มม. ช่อดอกยาว 10-15.5 ซม. ก้านช่อยาว 8-11.5 ซม.
Vidal, J.E. (1972). Connaraceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 130. กลบี เลยี้ งสเี ขยี วหรอื อมมว่ ง ปลายแยกเปน็ แฉกยาว 3 แฉก สนั้ 2 แฉก ดอกสเี หลอื ง
กลีบกลางกวา้ ง 1.2-1.4 ซม. ยาวประมาณ 1 ซม. กลางกลีบเป็นสนั กลบี ปีกยาว
ถอบแถบ: ใบประกอบปลายค่ี ชอ่ ดอกและดอกมขี น กลบี ดอกมตี ่อม เกสรเพศผสู้ น้ั 5 อนั ยาว 5 อนั ผลแตกแนวเดียว 1-1.3 ซม. กลบี คู่ลา่ งยาว 1.5-1.8 ซม. เกสรเพศผยู้ าว 1.5-1.7 ซม. รงั ไขม่ ีขน
เมลด็ มีเยื่อหมุ้ สีเหลืองอมสม้ จกั 2 พู ย่น (ภาพ: อากาศอำ� นวย สกลนคร - PK) ประปราย ฝักรปู ทรงกระบอก ยาว 4.2-8 ซม. ชว่ งโคนคอดยาว 2-3 มม. เกล้ยี ง
กา้ นยาว 6-7 มม. มีขน เมลด็ สีนำ้� ตาลอมแดง รปู ไต ยาว 0.4-1 ซม.
ถ่ัวเขยี ว, สกลุ
พบทจี่ ีน ญ่ปี นุ่ เกาหลี และเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยพบแทบทกุ ภาค
Vigna Savi พบนอ้ ยทางภาคใต้ ข้ึนตามท่โี ลง่ ชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1600 เมตร ปลูก
วงศ์ Fabaceae เพอ่ื ใชฝ้ ักและเมล็ดเปน็ อาหาร

ไม้เถา หใู บติดทนหรอื ร่วงเรว็ ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย เรียงเวยี น มีหูใบย่อย ถั่วผี
ใบค่ขู ้างขนาดเลก็ กว่าใบปลายเล็กน้อย ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ
ใบประดับร่วงเร็ว กลบี เลย้ี งรปู ถ้วย ปลายแยก 4-5 แฉก ขนาดเล็ก ปลายแหลม Vigna luteola (Jacq.) Benth.
ดอกรปู ดอกถว่ั โคนคอดเปน็ กา้ นกลบี สน้ั ๆ โคนมรี ยางคเ์ ปน็ ตงิ่ 1-2 อนั กลบี กลาง
สว่ นมากรปู ไต ปลายเวา้ กลบี ปกี สว่ นมากรปู ไขก่ ลบั กลบี คลู่ า่ งรปู คลา้ ยเคยี วหมุ้ ชอื่ พ้อง Dolichos luteolus Jacq.
เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ มี 10 อนั เชื่อมติดกนั เป็นสองกลมุ่
กล่มุ หนึ่งมี 9 อนั อกี กลมุ่ หนง่ึ มี 1 อนั รงั ไขไ่ รก้ า้ น ก้านเกสรเพศเมียปลายหนา มขี น ไมเ้ ถา เกลย้ี งหรอื มีขนประปรายตามแผ่นใบ มีขนหนาแนน่ ตามกา้ นใบและ
ยอดเกสรเบ้ยี ว ฝักแหง้ แตกสองแนว ชอ่ ดอก หูใบยาว 2-3 มม. ร่วงเร็ว หใู บย่อยส้ันกว่า ตดิ ทน กา้ นใบประกอบยาว
2.2-7 ซม. ใบยอ่ ยรูปรี รูปไข่ หรอื รูปไขแ่ กมรูปใบหอก ยาว 3.8-9.3 ซม. ปลายมี
สกลุ Vigna อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Faboideae เผ่า Phaseoleae หลายชนดิ ยา้ ยมาจาก ต่งิ หนาม แผ่นใบทั้งสองด้านมขี นสั้นนุ่มประปราย กา้ นใบย่อยยาว 2-3 มม. ชอ่ ดอก
สกลุ Phaseolus และ Dolichos มี 100-150 ชนิด พบในเขตร้อน ในไทยมพี ืช ยาว 9-30 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 8-28 ซม. กลบี เลีย้ ง 4 กลีบ ยาว 1-1.5 มม. ดอกสเี หลือง
พืน้ เมอื ง 13-15 ชนิด เปน็ พชื ตา่ งถน่ิ ที่เปน็ พชื เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น ถั่วเขียว กลีบกลางกวา้ ง 1.5-2 ซม. ยาว 1.2-1.5 ซม. กลีบปีกยาว 1.2-1.4 ซม. กลบี คู่ลา่ ง
V. radiata (L.) R. Wilczek ถัว่ อะซูกิ V. angularis (Willd.) Ohwi & H. Ohashi และ ยาว 1-1.3 ซม. เกสรเพศผยู้ าว 1.1-1.5 ซม. รังไขม่ ีขน ฝักแบนรูปแถบ ยาว
ถวั่ ฝักยาว V. unguiculata (L.) Walp. subsp. sesquipedalis (L.) Verdc. เปน็ ต้น 4.5-5.5 ซม. มขี น ช่วงโคนคอดประมาณ 2 มม. ก้านผลยาว 5-6 มม. เมล็ดสีเขียว
ช่อื สกลุ ตัง้ ตามนักพฤกษศาสตรช์ าวอิตาลี Domenico Vigna (1577-1647) มีจดุ ประสนี �้ำตาลเขม้ เมลด็ แกส่ นี ำ�้ ตาลอมดำ� รปู ไต ยาว 4-5 มม.

เป็นวชั พชื ทั่วไปในอเมรกิ า แอฟริกา และเอเชีย ความสงู ระดบั ต�ำ่ ๆ

เอกสารอา้ งอิง
Thuân, N.V. (1979). Leguminosae-Phaseoleae. Flore du Cambodge, Laos et
du Vietnam. 17: 175-199.
Wu, D., and M. Thulin. (2010). Fabaceae (Vigna) In Flora of China Vol. 10:
255-259.

ถวั่ นก: ดอกสีม่วงอมขาว กลีบคลู่ า่ งรปู คล้ายเคียวหมุ้ เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย ฝักแบน รปู แถบ เกลย้ี ง
(ภาพ: กรงุ เทพฯ - RM)

186

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ถว่ั เล

ถ่ัวแป:๋ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ ดอกสเี หลอื ง ฝักรูปทรงกระบอก ช่วงโคนคอด เกล้ียง (ภาพดอก: ตาก, ภาพผล: ถั่วลาย
เชยี งใหม่; - RM)
Centrosema pubescens Benth.
ถ่ัวผี: มขี นหนาแนน่ ทัว่ ไป กลีบกลางรูปไต ปลายเวา้ โคนคอด ฝกั แบน รปู แถบ (ภาพ: ทะเลนอ้ ย พทั ลงุ - RM) วงศ์ Fabaceae

ถ่วั ไมยรา ไมเ้ ถา ลำ� ตน้ มขี นยาว หใู บรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 2-3 มม. ใบประกอบ
มี 3 ใบยอ่ ย ก้านยาว 2.5-6 ซม. ใบยอ่ ยรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2.5-10 ซม.
Desmanthus virgatus (L.) Willd. ใบดา้ นขา้ งขนาดเลก็ กวา่ ใบปลาย เบยี้ วเลก็ นอ้ ย แผน่ ใบมขี นกระจายทงั้ สองดา้ น
วงศ์ Fabaceae กา้ นใบสน้ั ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะสน้ั ๆ มี 2-4 ดอก กา้ นชอ่ ยาว 2.5-7 ซม. ใบประดบั
รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 6-9 มม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู รี แนบตดิ กลบี เลยี้ ง ยาวกวา่
ช่อื พ้อง Mimosa virgata L. ใบประดับ กลีบเลยี้ งรูประฆงั ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รปู แถบขนาดเล็กไม่เท่ากนั
2 กลีบบนเช่ือมติดกนั ดอกสีขาว ชมพู หรอื อมม่วง กลีบกลางกลม ยาว 2-3 ซม.
ไมพ้ ่มุ หรอื รอเลื้อย สูงได้ถึง 3 ม. ลำ� ตน้ มี 7-8 เหลยี่ ม หใู บรูปลม่ิ แคบ ติดทน มีก้านกลบี สนั้ ๆ โคนมีขนยาว มเี ดอื ยส้ัน ๆ กลบี ปีกและกลีบคลู่ า่ งขนาดเล็ก
ใบประกอบ 2 ช้ัน ยาว 2.4-8 ซม. แกนมีขนส้ันนมุ่ กา้ นยาว 2.5-5 ซม. ปลายกา้ น กลีบปีกรูปเคียว ข้างหนง่ึ มีตงิ่ เกสรเพศผ้ตู ิด 2 กลุ่ม กลมุ่ หนึง่ มี 9 อัน อีกกลุ่มหนง่ึ
มีตอ่ มนนู 1 ต่อม ใบประกอบย่อยมี 1-7 คู่ ยาว 2.5-7 ซม. ใบยอ่ ยมี 10-25 คู่ มี 1 อัน รังไข่ไรก้ ้าน ก้านเกสรเพศเมียแบน ปลายมีขน ฝกั แบนรูปแถบ ยาว 7-13 ซม.
คทู่ โ่ี คนขนาดเลก็ หรอื ลดรปู รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 4-9 มม. ปลายมตี ง่ิ แหลม ปลายมีจะงอย แตกบดิ เวยี น มี 7-15 เมล็ด รปู รี ยาว 4-5 มม. มีข้วั
โคนตดั เบ้ยี ว แผน่ ใบด้านล่างมีนวล ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแนน่ ออกเด่ียว ๆ
ตามซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ กา้ นชอ่ ยาว 2-7.5 ซม. มที ง้ั ดอกสมบรู ณเ์ พศ ไมส่ มบรู ณเ์ พศ มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ข้ึนเป็นวัชพืชท่ัวไป อน่ึง ยังมี
หรอื เปน็ หมนั ดอกสมบรู ณเ์ พศอยปู่ ลายชอ่ ใบประดบั ขนาดเลก็ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ความสับสนกบั C. molle Mart. ex Benth. ซ่ึงใบประดบั และใบประดับย่อย
รูปไข่ ยาวประมาณ 2 มม. ดอกสขี าว มี 5 กลีบ รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 4 มม. ขนาดเลก็ กว่า
เกสรเพศผ้มู ี 5-10 อัน ยาว 0.8-1 ซม. รงั ไข่มกี ้านสัน้ ๆ เกล้ียง ในแตล่ ะชอ่ มีได้
ถงึ 10 ฝกั ตดิ เปน็ กระจกุ ตงั้ ขนึ้ หรอื แผก่ วา้ ง รปู แถบ ยาว 5-9 ซม. เมลด็ เปน็ เหลยี่ ม สกลุ Centrosema (DC.) Benth. อยู่ภายใตว้ งศ์ยอ่ ย Faboideae เผา่ Phaseoleae
แบน ยาว 2.4-3 มม. เกล้ยี งหรือมขี ุย ผิวมีลายตวั ยทู ั้ง 2 ดา้ น มปี ระมาณ 45 ชนดิ สว่ นมากพบในทวปี อเมริกา ในไทยมีชนิดเดยี ว ชื่อสกุลมา
จากภาษากรีก “kentron” เดอื ย และ “sema” กลบี กลาง หมายถึงกลบี กลางมเี ดือย
มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง น�ำเข้ามาปลูกในไทยเป็นพืช เอกสารอ้างองิ
อาหารสตั ว์ ขนึ้ เปน็ วชั พชื พบมากทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคกลางตอนลา่ ง Sa, S. and M.G. Gilbert. (2010). Fabaceae (Centrosema). In Flora of China Vol.

สกุล Desmanthus Willd. อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Mimosoideae มปี ระมาณ 24 ชนิด 10: 202.
ทั้งหมดพบเฉพาะในทวีปอเมรกิ า ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “desmos” มัด และ
“anthos” ดอก หมายถงึ ดอกท่ีออกเป็นมัด ถ่วั ลาย: ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย กลีบกลางขนาดใหญ่ (ภาพ: น�้ำตกขาอ่อน ประจวบครี ีขันธ์ - RP)
เอกสารอ้างองิ
Le Houérou, H.L. (2012). Desmanthus virgatus (L.) Willd. Food and Agriculture ถว่ั เล

Organization of the United Nations. http://www.fao.org/ag/AGP/AGPC/ Vigna marina (Burm.) Merr.
doc/Gbase/data/pf000151.htm วงศ์ Fabaceae

ถั่วไมยรา: หใู บรูปล่มิ แคบ ตดิ ทน ใบประกอบ 2 ชน้ั ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แน่น ออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบใกล้ ช่ือพ้อง Phaseolus marinus Burm.
ปลายก่ิง ฝกั ตดิ เป็นกระจุก ตั้งหรือแผ่กวา้ ง (ภาพ: ไทยประจัน ราชบรุ ี - MP)
ไมเ้ ถา เกลีย้ ง หูใบและหใู บย่อยตดิ ทน มขี นประปราย หใู บรปู ไข่ ยาว 3-4.5 มม.
หใู บยอ่ ยรปู รี ยาว 1.5-2 มม. กา้ นใบประกอบยาว 2.2-19 ซม. ใบยอ่ ยรปู สเ่ี หลยี่ ม
ข้าวหลามตดั ถึงรปู ไข่ ยาว 3.3-10.3 ซม. ก้านใบยอ่ ยยาว 3-6 มม. ชอ่ ดอกยาว
8-20 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 4.7-16 ซม. กลบี เลยี้ งมขี นประปราย ดอกสเี หลอื ง กลบี กลาง
กว้าง 1.2-1.6 ซม. ยาวประมาณ 1.2 ซม. กลางกลีบด้านในเปน็ สันแข็ง 2 สนั
กลีบปีกยาว 1-1.3 ซม. กลีบคลู่ ่างยาว 1-1.2 ซม. เกสรเพศผยู้ าว 1-1.5 ซม. รงั ไข่มี
ขนประปราย ฝกั คลา้ ยรปู ทรงกระบอก ยาว 4-6.6 ซม. แหง้ สดี ำ� เกลย้ี ง ชว่ งโคนคอด
ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นผลยาว 5-6 มม. มี 4-7 เมลด็ สนี ำ้� ตาลอมแดง รปู ไต ยาว
5-6 มม. (ดูข้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ ถัว่ เขียว, สกุล)

พบทั่วไปในเขตร้อน ในไทยพบตามชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้
และภาคใต้ ตามป่าชายหาด

เอกสารอา้ งองิ
Thuân, N.V. (1979). Leguminosae-Phaseoleae. Flore du Cambodge, Laos et
du Vietnam 17: 180.
Wu, D., and M. Thulin. (2010). Fabaceae (Vigna). In Flora of China Vol. 10: 256.

187

เถากระดึงชา้ ง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

พบที่พม่า ลาว เวียดนาม และภูมิภาคมาเลเซีย ในไทยพบทางภาคเหนือ
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ข้ึนตามชายป่าดิบช้ืน ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา
ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร

สกุล Iodes Blume มีประมาณ 19 ชนิด ในไทยมี 2 ชนิด อกี ชนดิ คือ I. vitiginea
(Hance) Hance กลีบดอกในดอกเพศผ้เู ชอ่ื มตดิ กันมากกว่ากง่ึ หน่งึ ชอ่ื สกลุ มาจาก
ภาษากรีก “ios” สนิม iodes หมายถงึ สนี ำ้�ตาลอมแดง
เอกสารอา้ งองิ
Peng, H. and R.A. Howard. (2008). Icacinaceae. In Flora of China Vol. 11:

511-512.
Sleumer, H. (1970). Icacinaceae. In Flora of Thailad Vol. 2(1): 85-87.

ถ่ัวเล: ถน่ิ ทอ่ี ย่ตู ามชายหาด ล�ำตน้ เกล้ียง ช่อดอกยาว ฝักรูปทรงกระบอก (ภาพดอก: สริ ินาถ ภเู ก็ต, ภาพถ่ินทอี่ ยู่ เถาคัน: ไมเ้ ถามมี อื จับ ใบเรยี งตรงขา้ ม ผลสุกสแี ดง (ภาพผลออ่ น: ตาก - PK; ภาพผลสกุ : ดอยตุง เชียงราย - RP)
และฝัก: อ่าวไข่ ระยอง; - RM)
เถาโคมกระดง่ิ
เถากระดงึ ช้าง
Stauntonia brunoniana (Decne.) Hemsl.
Argyreia lanceolata Choisy วงศ์ Lardizabalaceae
วงศ์ Convolvulaceae
ช่ือพ้อง Parvatia brunoniana Decne.
ไม้เถา ยาวได้ถึง 5 ม. ลำ� ต้นมขี นยาวสีเงิน ใบรปู รีถึงรูปใบหอก ยาว 6-17 ซม.
ปลายมน มีตงิ่ แหลม แผ่นใบดา้ นล่างมขี นกระจาย ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ช่อดอกสั้น ไม้เถาเนือ้ แข็ง แยกเพศตา่ งต้น เปลอื กเป็นคอร์ก ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย
สว่ นมากมี 1-3 ดอก ก้านดอกยาว 0.6-1 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ยาวไดถ้ งึ เรยี งเวียน ก้านยาว 3-8 ซม. ใบยอ่ ยรูปรีถงึ รปู ขอบขนาน ยาว 7-15 ซม. แผ่นใบ
1.2 ซม. รว่ งเรว็ มขี นหนาแนน่ กลบี เลยี้ ง 3 กลบี นอกรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ดา้ นบนเปน็ มนั วาว ดา้ นลา่ งมนี วล กา้ นใบยอ่ ยยาว 1-5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
ยาว 1.2-2 ซม. มีขนหยาบด้านนอก กลีบคู่ในกว้างกว่าเล็กน้อย ขยายในผล ออกเปน็ กระจกุ ตามซอกใบหรือกิง่ 2-5 ชอ่ ห้อยลง ก้านชอ่ สัน้ ใบประดับและ
ดอกรปู แตร สมี ่วงอมแดง ยาว 5-6.3 ซม. ปลายเรยี บหรือเปน็ ตงิ่ สน้ั ๆ เกสรเพศผู้ ใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ ตดิ ทน กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 6 กลบี
ยาวไม่เทา่ กนั ยาว 2.6-3.4 ซม. จานฐานดอกจัก 5 พู ตนื้ ๆ รงั ไข่เกลยี้ ง มี 2 ช่อง กลบี ดอกรปู ไข่ ขนาดเลก็ ยาวประมาณ 1.5 มม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาวประมาณ
เกสรเพศเมยี ยาว 3.6-4 ซม. ผลกลม เส้นผา่ นศูนย์กลาง 7-8 มม. เกลี้ยง เมลด็ ยาว 9 มม. กลบี เลยี้ งยาว 5-7 มม. เกสรเพศผู้ 6 อนั กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอด
3-4.5 มม. (ดขู ้อมูลเพิ่มเติมที่ เครอื พงุ หมู, สกุล) สนั้ ๆ ปลายแกนอบั เรณมู รี ยางคร์ ปู ลม่ิ แคบ ยาวกวา่ อบั เรณู เกสรเพศเมยี ทเ่ี ปน็ หมนั
รปู เสน้ ด้าย 3 อนั ดอกเพศเมีย กา้ นดอกยาว 1.5-2 ซม. กลีบเลีย้ งยาว 1-1.5 ซม.
พบทอี่ นิ เดยี พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ แทบทกุ ภาค เกสรเพศผเู้ ปน็ หมนั มรี ยางคร์ ปู เสน้ ดา้ ย มี 3 คารเ์ พล เกสรเพศเมยี ไรก้ า้ น ยอดเกสร
ยกเว้นภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเต็งรังผสมสนเขา รูปลิม่ แคบ ผลสด ออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นคู่ รปู ไขก่ ลับ ยาวประมาณ 3.5 ซม. มปี ุม่
ความสงู 100-800 เมตร รากหนา ทนไฟและความแห้งแล้ง เลก็ ๆ กระจาย เมล็ดขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก มีเย่อื หุม้

เอกสารอ้างองิ พบทอี่ นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ เวยี ดนามตอนบน และภาคเหนอื ของไทย ขนึ้ ตาม
Staples, G. and P. Traiperm. (2010). Convolvulaceae (Argyreia). In Flora of ปา่ ดิบแล้ง และป่าดิบเขา ความสงู 450-1700 เมตร
Thailand Vol. 10(3): 350-351.
สกลุ Stauntonia DC. มีประมาณ 25 ชนิด พบในอนิ เดยี พมา่ จีนตอนใต้ ญีป่ นุ่
เถากระดงึ ชา้ ง: ช่อดอกออกตามซอกใบ สน้ั มี 1-3 ดอก กลบี เล้ียงมีขนหยาบดา้ นนอก ดอกรปู แตร ปลายเรยี บ และเวียดนาม ในไทยมชี นิดเดียว ชือ่ สกุลตั้งตามนักธรรมชาตวิ ทิ ยาชาวอังกฤษ
หรอื เปน็ ติ่งสั้น ๆ (ภาพ: อุบลราชธานี - PK) Sir George Leonard Staunton (1737-1801)
เอกสารอ้างอิง
เถาคัน Chen, D. and T. Shimizu. (2001). Lardizabalaceae. In Flora of China Vol. 6:

Iodes cirrhosa Turcz. 447-448.
วงศ์ Icacinaceae Larsen, K. (2005). Lardizabalaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(1). 39-41.

ไม้เถาเน้ือแขง็ แยกเพศต่างต้น กง่ิ และชอ่ ดอกมีขนสนี ำ้� ตาลแดงหนาแน่น เถาโคมกระด่งิ : เปลือกเปน็ คอร์ก ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย ช่อดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลง กลบี เล้ียงมี 6 กลบี
มอื จับออกตามซอกใบ ปลายแยก 2 แฉก ใบเรียงตรงข้าม รปู ไข่ ยาว 5-18 ซม. ดอกเพศผู้กา้ นดอกส้ัน (ภาพ: ดอยสุเทพ เชยี งใหม่ - HB)
โคนกลมหรือเวา้ ต้นื แผน่ ใบมีขนสน้ั นมุ่ ด้านลา่ ง ก้านใบยาว 1-3.5 ซม. ช่อดอก
แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบ ยาว 2-12 ซม. กา้ นช่อยาว 1-4 ซม.
ดอกขนาดเลก็ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี แยกเกอื บจรดโคน ยาวประมาณ 2 มม. มขี นหยาบ
ดอกสีขาวหรอื เหลือง มี 5 กลีบ เชื่อมตดิ กันที่โคน กลีบรปู ใบหอก ยาว 2-3 มม.
เกสรเพศผู้ 5 อนั อบั เรณเู กอื บไรก้ า้ น ดอกเพศเมยี คลา้ ยดอกเพศผแู้ ตไ่ มม่ กี ลบี ดอก
และไมม่ ีเกสรเพศผ้ทู เ่ี ป็นหมัน รงั ไขร่ ูปทรงกระบอก มขี นหยาบ ไม่เจรญิ ในดอกเพศผู้
ผลผนังชั้นในแขง็ บมุ๋ เป็นรา่ งแห รปู รี เบ้ียวเลก็ นอ้ ย ยาว 1.2-2 ซม. ผนงั ช้นั นอกสด
ผวิ บาง มขี นสัน้ นุ่ม สกุ สีแดง

188

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย เถาพนั ดง

เถาตดหมา เถาพันดง

Xenostegia tridentata (L.) D. F. Austin & Staples Pothos macrocephalus Scort. ex Hook. f.
วงศ์ Convolvulaceae ไม้เถา ยาวไดถ้ ึง 15 ม. ใบรูปขอบขนานหรอื แกมรูปไข่ ยาว 3-18 ซม. ปลาย

ชื่อพ้อง Convolvulus tridentatus L., Ipomoea tridentata (L.) Roth, Merremia กลมหรอื ตัด มเี สน้ ขอบใน 2-4 เสน้ กา้ นใบยาวเท่า ๆ แผน่ ใบ มีปีกกว้าง ชอ่ ดอก
tridentata (L.) Hallier f. ออกเดี่ยว ๆ โคนชอ่ มีใบประดับยอ่ ยขนาดเล็ก มีเกลด็ หมุ้ ยอดเรียงซอ้ นเหลือ่ ม
ยาว 0.5-3.5 ซม. กา้ นช่อยาว 4-10 ซม. กาบสขี าวหรอื ครมี รปู ไข่โคง้ เว้า ยาว
ไมเ้ ถา ลำ� ตน้ เปน็ เหลยี่ มหรอื มปี กี แคบ ๆ ใบรปู ขอบขนานถงึ รปู แถบ ปลายแหลม 0.4-1.2 ซม. โคนรูปหัวใจหมุ้ ก้านชอ่ ปลายแหลมมีติง่ ผวิ คล้ายมีนวล ช่อดอก
ปลายมตี งิ่ สนั้ ๆ โคนจกั เปน็ พรู ปู ใบหอกโอบรอบลำ� ตน้ ขอบพจู กั ซฟี่ นั ชอ่ ดอก รปู รีกว้างเกอื บกลม หรือคลา้ ยกระบอง ยาว 1.2-1.8 ซม. มีก้านยาว 2.7-4 ซม.
แบบช่อกระจุก มี 1-3 ดอก ก้านช่อยาว 1-6 ซม. ใบประดบั รปู ลม่ิ แคบ กา้ นดอกยาว ดอกเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 1-2 มม. ผลยอ่ ยมี 1-5 ผล รปู รี ยาว 1-1.7 ซม. สกุ สีแดง
6-8 มม. กลีบเล้ียง 5 กลีบ กลีบรปู สามเหลยี่ มแคบ ปลายเรยี วแหลม ยาว 6-8 มม.
ขยายในผล ดอกรูปล�ำโพง สคี รีมหรืออมเหลือง บางครงั้ โคนกลบี ดา้ นในมีสมี ่วงอม พบทค่ี าบสมทุ รมลายู เกาะสมุ าตรา และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทยี่ ะลา และ
น�้ำตาลหรอื แดง ยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายจกั 5 แฉกตืน้ ๆ เกสรเพศผู้ 5 อนั นราธวิ าส ขน้ึ เกาะตน้ ไม้ในปา่ ดิบชื้น ความสงู 50-300 เมตร
ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี โคนกา้ นชอู บั เรณมู ขี น อบั เรณเู รยี บ รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง เกลย้ี ง
กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรจัก 2 พู ผลแห้งแตก รปู รีเกือบกลม เถาพนั ดง
ยาว 5-7 มม. เปลอื กบาง มี 1-4 เมลด็ รูปสามเหลี่ยม ยาว 3-4 มม.
Pothos neoroxburghii P. C. Boyce
พบทมี่ าดากสั การ์ แอฟริกา อนิ เดยี ศรลี งั กา บังกลาเทศ จีน พม่า ภูมภิ าคอินโดจีน ไม้เถาล้มลุก ยาวไดถ้ ึง 15 ม. กิง่ ท่ีมีดอกมกั แตกแขนง ใบรปู รีถึงรปู ใบหอก หรอื
และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นวิ กนิ ี และออสเตรเลยี ตอนบน ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ เปน็
วัชพชื ตามทีโ่ ลง่ ชายป่า หรอื ชายทะเล ความสงู ถึงประมาณ 500 เมตร ทั้งต้นมี แกมรปู ไข่ ยาว 2-10 ซม. ปลายมีติง่ เสน้ ขอบในข้างละ 2 เส้น ก้านใบยาว 2-20 ซม.
สรรพคณุ ลดไข้ เป็นยาระบาย ฆ่าพยาธิ มปี ีกกว้าง โคนกา้ นมีครบี ชอ่ ดอกจำ� นวนมาก ออกเดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ โคนมี
ใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ มีเกลด็ หมุ้ ยอดเรียงซ้อนเหลือ่ ม ยาว 0.3-1 ซม. กา้ นช่อ
สกุล Xenostegia D. F. Austin & Staples มีเพยี ง 2 ชนดิ พบในแอฟริกา เอเชยี ยาว 0.3-1.5 ซม. กาบสีม่วงอมน้�ำตาล รูปไข่ เว้า พบั งอกลับ ยาว 0.4-1 ซม. โคนตดั
ออสเตรเลีย และหม่เู กาะแปซฟิ ิก ในไทยมีชนิดเดียว ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก ปลายมีตง่ิ ตดิ ทน ชอ่ รูปไข่ กลม หรอื รูปกระบอง ยาว 0.9-1.2 ซม. สีขาวหรอื ครีม
“xenos” แปลก และสกลุ Calystegia หมายถงึ สกุลท่คี ล้ายกบั สกลุ Calystegia มีก้านยาว 1-1.5 ซม. ดอกเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1-2 มม. ผลย่อยมี 1-5 ผล รปู รี ยาว
(pollen แบบ pantoporate) แต่แตกต่างกนั ทก่ี ลีบเลย้ี ง (G. Staples, pers. comm.) 1-1.8 ซม. สุกสสี ้มอมแดง

เอกสารอ้างอิง พบทีอ่ ินเดยี พม่า และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉียงใต้
Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 300. และภาคใต้ ขนึ้ บนตน้ ไมห้ รอื กอ้ นหนิ ในปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 464-468. คลา้ ยกับตองงมุ P. chinensis (Raf.) Merr. ท่ีดอกออกน้อยกวา่ และกาบสเี ขยี ว

เอกสารอา้ งองิ
Boyce, P.C. (2012). Araceae (Pothos). In Flora of Thailand Vol. 11(2): 254-262.

เถาตดหมา: โคนใบจักเป็นพรู ปู ใบหอกโอบรอบลำ� ต้น ช่อดอกมี 1-3 ดอก โคนกลีบดอกดา้ นในมีสเี ข้มหรือไมม่ ี เถาพนั ดง: P. macrocephalus กา้ นช่อดอกยาว โคนกาบรูปหัวใจหุม้ กา้ นช่อ (ภาพ: ธารโต ยะลา - RP)
ผลแหง้ แตก เปลอื กบาง (ภาพซ้ายบน: นครศรีธรรมราช - RP; ภาพซา้ ยล่างและภาพขวา: แก่งกระจาน เพชรบรุ ี - PK) เถาพนั ดง: P. neoroxburghii ช่อดอกจำ� นวนมาก ออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ กาบสีม่วงอมนำ้� ตาล รปู ไข่ เวา้
พบั งอกลับ โคนตดั ปลายมตี ่ิง ผลสุกสสี ม้ อมแดง (ภาพซา้ ยบน: บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ - RP; ภาพขวาบนและ
เถาพันดง, สกุล ภาพซ้ายล่าง: คลองพนม สรุ าษฎรธ์ านี - PK; ภาพขวาล่าง: ทบั ปดุ พังงา - NP)

Pothos L.
วงศ์ Araceae

ไมเ้ ถาลม้ ลุก ลำ� ต้นแขง็ เล้ือยเกาะอิงอาศยั กิ่งด้านขา้ งมักมีกาบใบ ใบเรยี ง
สลบั ระนาบเดียว ก้านใบแบนหนา แผ่เป็นแผน่ ปลายกา้ นบวมหรอื มีตง่ิ เสน้ แขนงใบ
เรียงโค้งจรดปลายใบหรือแบบร่างแห ตัดกับเส้นขอบใน 2-4 เส้น (pothoid
venation) โคนเปน็ กาบยาว มีเส้นขอบใน ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกเด่ียว ๆ
หรอื หลายชอ่ แยกหรอื เชอื่ มตดิ กนั กาบตดิ ทน ชอ่ ดอกกลม รปู ไข่ หรอื รปู ทรงกระบอก
ดอกสมบรู ณ์เพศ กลีบรวม 4-6 กลีบ เกสรเพศผู้ 4-6 อัน อับเรณแู ตกตามยาว
ปลายแกนอับเรณมู ีรยางค์ รังไขม่ ี 3 ช่อง แต่ละชอ่ งมีออวุลเมด็ เดยี ว พลาเซนตา
รอบแกนรว่ มติดที่โคน ยอดเกสรเพศเมยี รปู จานหรือเป็นต่ิง ผลสด มี 1-3 เมล็ด
ผวิ เรยี บ

สกุล Pothos มปี ระมาณ 75 ชนิด พบทม่ี าดากสั การ์ เอเชีย ออสเตรเลีย และ
หม่เู กาะแปซฟิ กิ ในไทยมี 8 ชนิด ชอื่ิ สกุลมาจากภาษาสิงหล ในศรีลังกาทใี่ ช้
เรียกต้นตะเข็บ P. scandens L.

189

เถาไฟ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

เถาไฟ เถาวลั ย์แดง

Phanera integrifolia (Roxb.) Benth. Secamone villosa Blume
วงศ์ Fabaceae วงศ์ Apocynaceae

ช่อื พอ้ ง Bauhinia integrifolia Roxb. ชือ่ พ้อง Toxocarpus villosus (Blume) Decne.

ไม้เถาขนาดใหญ่ กง่ิ อ่อนมีขนสีน้�ำตาลแดง หูใบขนาดเล็ก ใบรปู ไขเ่ กือบกลม ไมเ้ ถา ยาวไดก้ วา่ 10 ม. นำ�้ ยางสขี าว มีขนส้นั นุ่มสนี ้�ำตาลแดงตามกิ่งอ่อน
ยาวได้ถึง 12 ซม. ปลายแยกเปน็ แฉกต้นื ๆ กา้ นใบยาว 1-5 ซม. ชอ่ ดอกแบบ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง และชอ่ ดอก ใบเรียงตรงขา้ ม รูปรกี วา้ งหรอื รูปขอบขนาน ยาว
ชอ่ เชงิ หลนั่ แยกแขนง กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 3 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยตดิ ใกลจ้ ดุ กงึ่ กลาง 4.5-12 ซม. ก้านใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ กา้ นช่อยาว 3-10 ซม.
ก้านดอก ตาดอกรูปรี ยาว 3-5 มม. ฐานดอกสัน้ กลีบเลี้ยงแยก 2-3 ส่วน ปลายกลีบ กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเลีย้ ง 5 กลบี รูปใบหอก ยาวประมาณ 3 มม.
พบั งอ ดอกสเี หลอื งอมสม้ กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาว 0.8-1.5 ซม. มขี นประปรายดา้ นนอก กลบี ดอก 5 กลีบ เรยี งทบั กนั ดา้ นซา้ ยในดอกตมู ดอกบานรปู กงลอ้ หลอดกลบี สนั้
เกสรเพศผู้ 3 อัน ยาวเท่า ๆ กลีบดอก เกสรเพศผู้ท่เี ปน็ หมนั 2 อัน รังไขม่ ขี นสี กลบี รปู ใบหอก ยาว 0.8-1 ซม. โคนด้านในมขี นยาว กะบังมี 5 พู ปลายรปู ลมิ่ แคบ
นำ�้ ตาลแดง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 5 มม. ฝกั รปู แถบ ยาว 15-20 ซม. เกลยี้ ง เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดท่ีโคนหลอดกลีบ แนบติดยอดเกสรเพศเมียเป็นเส้าเกสร
มี 5-8 เมลด็ (ดขู ้อมลู เพ่ิมเติมท่ี แสลงพัน, สกลุ ) กา้ นชูอบั เรณเู ชอื่ มติดกัน หมุ้ รังไข่ ปลายยอดเกสรเพศเมยี เป็นจะงอย ผลแห้ง
แตกแนวเดียว ตดิ ฝกั เดยี วหรอื เป็นคู่ กางออก รูปทรงกระบอก ยาว 8-18 ซม.
พบที่คาบสมุทรมลายู และภาคใต้ของไทย พบกระจายต้ังแต่จังหวัดระนอง เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.5-1 ซม. เมล็ดจ�ำนวนมาก แบน เรยี วยาวประมาณ 1 ซม.
แถบคอคอดกระลงไป ขึน้ ตามชายป่าดิบช้นื ความสูงถงึ ประมาณ 900 เมตร มจี ะงอย ปลายมขี นกระจุกยาวประมาณ 2 ซม.

เอกสารอ้างอิง พบที่จีนตอนใต้ ภมู ิภาคอินโดจีน และชวา ในไทยสว่ นมากพบทางภาคเหนือ
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ เบญจพรรณ ความสงู ถงึ
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 38-40. ประมาณ 700 เมตร

เถาไฟ: ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ หล่ันแยกแขนง ตาดอกรปู รี ฝกั เกล้ยี ง (ภาพช่อดอก: พทั ลงุ - RP; ภาพผล: ตรงั - SSi) สกลุ Secamone R. Br. ในทีน่ ้ไี ดร้ วมเอาสกลุ Toxocarpus ไว้ด้วย อย่ภู ายใต้
วงศย์ ่อย Secamonoideae ทำ�ให้มจี ำ�นวนกว่า 130 ชนิด พบในแอฟรกิ า โดยเฉพาะ
เถาย่านาง ในมาดากัสการ์ เอเชีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยมีรายงาน 6 ชนดิ ชือ่ สกลุ
มาจากภาษาอาหรับ “squamona” ท่ีใช้เรยี กชนดิ S. aegyptiaca W. T. Aiton
Tiliacora triandra (Colebr.) Diels เอกสารอ้างอิง
วงศ์ Menispermaceae Klackenberg, J. (2010). New species and combinations of Secamone (Apocy-

ชอื่ พ้อง Cocculus triandrus Colebr. naceae, Secamonoideae) from South East Asia. Blumea 55: 231-241.
Li, B., M.G. Gilbert and W.D. Stevens. (1995). Asclepiadaceae (Toxocarpus). In
ไมเ้ ถา มีหัวใตด้ ิน แยกเพศตา่ งต้น ล�ำต้นเหนยี ว ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรอื
แกมรูปไขก่ ลับ ยาว 5-17 ซม. เสน้ แขนงใบขา้ งละ 2-6 เสน้ คู่ล่างออกใกลโ้ คน Flora of China Vol. 16: 198.
กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม. ยน่ ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ชอ่ ดอกเพศผู้
ออกเป็นกระจกุ ช่อดอกเพศเมยี ออกเดยี่ ว ๆ ช่อยาว 2-8 ซม. ก้านช่อส้ัน ดอกเพศผู้ เถาวัลย์แดง: มีขนส้นั นุม่ สนี �้ำตาลแดงตามก่งิ อ่อน แผ่นใบดา้ นลา่ ง และชอ่ ดอก ใบเรยี งตรงขา้ ม ช่อดอกแบบชอ่ กระจุก
กลบี เล้ียงมี 6-12 กลบี วงในรูปรี ยาวประมาณ 2 มม. วงนอกขนาดเล็กกวา่ กลีบดอก ดอกรูปกงลอ้ มีขนยาวที่โคนดา้ นใน (ภาพ: แม่สอด ตาก - PK)
มี 3 หรอื 6 กลบี รูปลิ่ม ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน ยาวประมาณ 2 มม.
ดอกเพศเมยี คลา้ ยดอกเพศผู้ กลบี เลยี้ งดา้ นนอกมขี นประปราย กลบี ดอกมี 6 กลบี เถาวัลย์เปรยี ง
รปู ขอบขนาน ไมม่ เี กสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั มี 8-9 คารเ์ พล ตดิ บนกา้ นชเู กสรเพศเมยี
ยอดเกสรไร้กา้ น ผลผนังช้ันในแขง็ รูปรเี กอื บกลม ยาว 0.7-1 ซม. สุกสแี ดง กา้ นชู Derris scandens (Roxb.) Benth.
ยาว 3-4 มม. กา้ นผลยาว 2-3 มม. วงศ์ Fabaceae

พบทอี่ นิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบแทบทกุ ภาค ชอ่ื พ้อง Dalbergia scandens Roxb.
ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชนื้ ชายฝง่ั ทะเล และเขาหนิ ปนู ความสงู ไมเ่ กนิ 300 เมตร
ใบปรงุ เปน็ อาหารหลายชนดิ ทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื รากและใบใชถ้ อนพษิ ไมเ้ ถาเนอ้ื แขง็ กงิ่ มชี อ่ งอากาศ หใู บรปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ใบประกอบมใี บยอ่ ย
แก้ไข้ ใชเ้ ขา้ ยาเขยี ว บ�ำรงุ ธาตุ 9-13 ใบ ก้านใบยาว 2-5 ซม. มีหใู บย่อยขนาดเลก็ ใบรปู ขอบขนานหรือแกมรูป
ไขก่ ลับ ยาว 3-8 ซม. ใบปลายมีขนาดใหญก่ วา่ เล็กนอ้ ย โคนกา้ นใบพอง ยาว
สกลุ Tiliacora Colebr. มปี ระมาณ 25 ชนิด สว่ นใหญ่พบในแอฟริกา ในเอเชยี มี 1.5-5 มม. ช่อดอกคล้ายชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ยาว 5-28 ซม. ก้านชอ่ ยาว
2 ชนิด ออสเตรเลียมี 1 ชนดิ ในไทยมีชนดิ เดยี ว ชอ่ื สกุลเป็นช่อื พน้ื เมืองในอินเดีย 1.5-5 ซม. ดอกออกเป็นชอ่ กระจุกส้ัน ๆ โคนช่อคลา้ ยปมุ่ ยาว 2-6 มม. ใบประดบั
ทใ่ี ช้เรียก T. acuminata (Lam.) Miers หรอื ช่อื T. racemosa Colebr. ในปัจจบุ นั รูปสามเหล่ยี มขนาดเล็ก แตล่ ะช่อมี 5-10 ดอก ก้านดอกยาว 6-9 มม. มีขนคล้ายไหม
เอกสารอ้างอิง ใบประดับย่อยขนาดเล็ก กลีบเลี้ยงสีน้�ำตาลแดงหรืออมเขียว เช่ือมติดกัน
Forman, L.L. (1991). Menispermaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 345-346. ประมาณ 2 มม. กลบี บน 2 กลีบ กลบี ล่าง 3 กลบี แฉกตื้น ๆ ดอกสขี าวอมชมพู
ยาวเทา่ ๆ กัน มีก้านกลบี สนั้ ๆ กลีบกลางรปู ไขก่ ลับกวา้ ง ยาว 5-8 ซม. ปลายเว้า
เถายา่ นาง: ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกเพศเมยี ออกเด่ยี ว ๆ บนแกนช่อ ผลสุกสีแดง (ภาพ: cultivated - RP) กลบี ปีกรปู ใบหอก กลบี ค่ลู า่ งรปู เรอื เกสรเพศผู้ 10 อัน ติด 2 กล่มุ 9 อัน เชอื่ มตดิ กนั
ยาว 0.9-1.2 ซม. รงั ไขม่ ขี น ฝกั แบน รปู แถบ ยาว 4.5-9 ซม. ขอบบนเปน็ ปกี กวา้ ง
1-2 มม. เมล็ดแบน รปู รี ยาวประมาณ 7 มม.

190

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เถาหงอนไก่

พบที่อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย รปู ใบพาย ยาวประมาณ 5 มม. กลีบคู่นอกสัน้ กวา่ เลก็ นอ้ ย ปลายกลบี เป็นรอ่ งตนื้
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และนวิ กนิ ี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามชายปา่ ทโ่ี ลง่ ความสงู ถงึ ประมาณ มีต่ิงแหลมชอ้ี อก ดอกรปู ระฆัง สีเหลือง ยาว 0.6-1 ซม. มรี ้ิวระหว่างกลบี ดอก
750 เมตร เปลอื กมพี ษิ ใชเ้ บอื่ ปลา ตน้ และรากแกข้ อ้ เสอ่ื ม แกไ้ ข้ และขบั ปสั สาวะ เกสรเพศผยู้ าวไมเ่ ทา่ กนั สน้ั กวา่ กลบี ดอกเลก็ นอ้ ย รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลรปู กรวยกวา้ ง
หรือเกือบกลม ยาว 5-6 มม. ผิวย่นเล็กน้อย เมล็ดรปู สามเหลยี่ มมน เกลี้ยงหรอื
สกุล Derris Lour. อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Faboideae เผ่า Millettieae มปี ระมาณ มีขน (ดขู ้อมูลเพิ่มเติมที่ จิงจ้อเหลือง, สกลุ )
50 ชนิด พบในแอฟรกิ า เอเชีย ออสเตรเลยี และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยมี 16 ชนดิ
ชอื่ สกุลมาจากภาษากรกี “derris” แผ่นหนงั ตามลักษณะเปลอื กเมล็ด พบที่แอฟรกิ า ปากสี ถาน เนปาล อินเดีย ศรลี งั กา จีน พมา่ ภมู ภิ าคอินโดจนี
เอกสารอ้างอิง และมาเลเซยี ออสเตรเลีย และหมูเ่ กาะแปซิฟกิ ในไทยพบทุกภาค ข้ึนเปน็ วชั พืช
Sirichamorn, Y. (2013). Systematics and biogeography of Aganope, Brachypterum ความสงู ถงึ ประมาณ 800 เมตร ใบบดผสมขม้นิ และข้าวแกท้ อนซิลอักเสบ

and Derris (Fabaceae) in Asia. Naturalis Biodiversity Center, Sector Botany, เถาสะอึกใหญ่
Leiden, The Netherlands.
Merremia gemella (Burm. f.) Hallier f.
เถาวัลยเ์ ปรียง: ไม้เถาเนอื้ แข็ง ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ กระจะ ดอกออกเป็นช่อกระจุกส้ัน ๆ กลบี เลีย้ งสีนำ้� ตาลอมแดง ฝักแบน
รปู แถบ ขอบบนเปน็ ปกี แคบ ๆ (ภาพ: เพชรบุรี - WW) ชอ่ื พ้อง Convolvulus gemellus Burm. f.

เถาสองสลงึ ไมเ้ ถา มรี ากตามขอ้ ใบรปู ไข่ หรอื จกั 3 พู ยาว 2.5-6.5 ซม. โคนรปู หวั ใจกว้าง
แผน่ ใบบางครัง้ มีขนยาวประปราย กา้ นใบยาว 1.5-6 ซม. ช่อดอกคลา้ ยชอ่ ซีร่ ม่
Ipomoea pileata Roxb. แยกแขนงส้นั ๆ ยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเร็ว ก้านดอกยาว
วงศ์ Convolvulaceae 3-6 มม. กลีบเลีย้ งรูปไข่กลับเกอื บกลม ด้านนอกมขี น กลีบคู่นอกยาว 4-6 มม.
3 กลบี ในยาว 6-7 มม. ปลายกลีบเวา้ ตน้ื ขยายในผล ดอกรูประฆัง สีเหลอื ง ยาว
ไมเ้ ถา ยาว 1-2 ม. มขี นยาวหนาแนน่ ตามลำ� ตน้ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ใบประดบั 1.5-2 ซม. มรี ้ิวระหวา่ งกลบี ดอก เกสรเพศผยู้ าวเท่า ๆ กนั รงั ไขเ่ กลี้ยง ผลกลม แบน
ใบประดบั ยอ่ ย และกลบี เล้ียงด้านนอก ใบรูปหวั ใจ ยาว 2.5-9 ซม. กา้ นใบยาว เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 7 มม. ผวิ ยน่ เมล็ดรูปสามเหลยี่ มมน มีขนละเอียด (ดู
1.5-6 ซม. ชอ่ ดอกเป็นกระจกุ แนน่ ติดบนวงใบประดบั ก้านชอ่ ยาวได้ถึง 7 ซม. ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ที่ จงิ จ้อเหลอื ง, สกุล)
ใบประดบั รปู เรือ ยาว 2.5-5.5 ซม. ใบประดับยอ่ ยรปู ใบพายขนาดเลก็ ดอกบาน
ชว่ งเยน็ และกลางคนื กา้ นดอกสน้ั กลบี เลย้ี งตดิ ทน กลบี นอกรปู รแี กมรปู ใบพาย พบทพี่ มา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นวิ กนิ ี ออสเตรเลยี
ยาว 0.8-1 ซม. กลีบคใู่ นรูปใบหอก ดอกรปู แตร สมี ่วงหรือชมพู ยาว 2.5-3 ซม. และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคกลาง และภาคใตต้ อนลา่ ง ขนึ้
ปลายจกั ตน้ื ๆ มแี ถบขนยาว เกสรเพศผตู้ ดิ ประมาณกง่ึ กลางหลอดกลบี รงั ไขเ่ กลย้ี ง ตามชายปา่ ท่โี ล่ง ความสงู ถงึ ประมาณ 400 เมตร
เกสรเพศผแู้ ละเพศเมยี ไมย่ น่ื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
5-6 มม. เมล็ดยาว 3-4 มม. มีขนสัน้ นุ่ม (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมท่ผี กั บงุ้ , สกลุ ) เอกสารอ้างองิ
Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 293.
พบทแี่ อฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 435-437.
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามชายปา่ ทโ่ี ลง่ ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร
เถาสะอึก: ใบจกั 3 พู ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ ซี่ร่ม ออกสน้ั ๆ ปลายกลบี เลีย้ งเปน็ ร่อง เวา้ ตื้น มีติ่งแหลม ผลรปู รีกว้าง
เอกสารอา้ งองิ เกือบกลม กลบี เลย้ี งตดิ ทน (ภาพ: ปทุมธานี - RP)
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 422.

เถาสองสลงึ : ใบรปู หัวใจ ชอ่ ดอกเปน็ กระจกุ แนน่ ตดิ บนวงใบประดบั ใบประดบั และกลบี เลีย้ งมขี นยาวหนาแนน่ เถาสะอึกใหญ่: ใบรปู ไข่ โคนรูปหัวใจกวา้ ง ชอ่ ดอกคล้ายช่อซีร่ ม่ แยกแขนงสัน้ ๆ เกสรเพศผูย้ าวเท่า ๆ กัน
ดอกรปู แตร สีม่วงหรอื ชมพู ปลายจักต้ืน ๆ มแี ถบขนยาว โคนกลีบดอกมีสเี ข้มด้านใน (ภาพ: กาญจนบรุ ี - PK) (ภาพ: สระบรุ ี - PK)

เถาสะอกึ เถาหงอนไก่

Merremia hederacea (Burm. f.) Hallier f. Rourea mimosoides (Vahl) Planch.
วงศ์ Convolvulaceae วงศ์ Connaraceae

ช่อื พ้อง Evolvulus hederaceus Burm. f. ชอื่ พ้อง Connarus mimosoides Vahl

ไมเ้ ถา มรี ากตามขอ้ ใบรปู ไข่กว้าง คลา้ ยรูปหัวใจ จัก 3 พู ยาว 1.5-7.5 ซม. ไมเ้ ถาเน้ือแข็งหรือไม้พ่มุ รอเล้อื ย ใบประกอบปลายค่ี มีใบยอ่ ยได้ถึง 25 คู่
แผน่ ใบมีขนละเอียดกระจาย กา้ นใบยาว 0.5-5 ซม. ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ ซ่ีร่ม ออกสัน้ ๆ รปู รีถงึ รูปขอบขนาน ยาว 1-3 ซม. ปลายแหลม กลม หรอื เวา้ ตน้ื โคนกลม แผน่ ใบ
หรอื ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กา้ นดอกยาว 2-5 มม. กลบี เลยี้ ง เกลยี้ งหรอื มขี นดา้ นลา่ ง เสน้ ใบไมช่ ดั เจน เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง
ออกเป็นกระจุก 1-3 ช่อ ตามซอกใบ ยาวไดถ้ ึง 12 ซม. มีขนส้ันนุ่ม กลีบเล้ยี ง
5 กลบี รปู ไข่ ยาว 1.5-2 ซม. ขยายแนบตดิ ผล มีขนด้านนอก กลบี ดอก 5 กลีบ
รูปใบหอก ยาว 3-5 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไมเ่ ท่ากัน มี 5 คารเ์ พล เกสรเพศเมยี
มที ง้ั แบบสน้ั และแบบยาว ยอดเกสรจกั 2 พู ผลมกั ตดิ เพยี งผลเดยี ว รปู ขอบขนาน
โคง้ เลก็ นอ้ ย ยาวประมาณ 1.5 ซม. แตกด้านบน เมล็ดมเี ยื่อหมุ้

191

ทลายเขา สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พบทห่ี มเู่ กาะอนั ดามนั และนโิ คบาร์ พมา่ กมั พชู า เวยี ดนามตอนใต้ คาบสมทุ รมลายู ทองกวาว
ชวา สุมาตรา บอรเ์ นียว ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ภาคตะวันตกเฉยี งใต้
และภาคใต้ ขึน้ ตามชายป่าดบิ แล้ง และป่าดบิ ชืน้ ความสงู ถงึ ประมาณ 800 เมตร Butea monosperma (Lam.) Taub.
วงศ์ Fabaceae
สกุล Rourea Aubl. มี 60-70 ชนิด ในไทยมี 3 ชนิด อกี 2 ชนิด คอื R. minor
(Gaertn.) Alston และ R. prainiana Talbot ใบประกอบมใี บย่อยน้อยกวา่ 5 คู่ ชอื่ พ้อง Erythrina monosperma Lam.
ชอ่ื สกลุ เปน็ ภาษาพน้ื เมอื งในประเทศกายอานา
เอกสารอ้างองิ ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. แตกกงิ่ ตำ�่ หใู บและหใู บยอ่ ยขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบประกอบ
Vidal, J.E. (1972). Connaraceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 122-125. มี 3 ใบยอ่ ย ก้านใบยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบย่อยขนาดไมเ่ ท่ากนั ยาว 14-17 ซม.
ปลายกลมหรอื เวา้ ตนื้ ๆ โคนมกั เบย้ี ว ใบปลายรปู ไขก่ ลบั กวา้ งเกอื บกลม กา้ นยาว
เถาหงอนไก่: ใบประกอบมีใบย่อยจำ� นวนมาก ผลรปู ขอบขนาน โค้ง กลบี เลี้ยงทขี่ ยายแนบตดิ ผล (ภาพ: แมส่ อด ตาก - PK) ไดถ้ งึ 5 ซม. ใบขา้ งรปู ไข่ กา้ นยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงคลา้ ยชอ่ กระจกุ
ออกตามซอกใบหรือตามกิ่ง ยาวได้ถงึ 50 ซม. มขี นละเอยี ด ใบประดับขนาดเล็ก
ทลายเขา ร่วงเร็ว กลีบเลีย้ งรูปถ้วย ยาว 1-1.2 ซม. มขี นทง้ั สองดา้ น ปลายจักต้นื ๆ กลบี บน
2 กลีบ กลบี ลา่ ง 3 กลีบ ดอกโค้งงอ สีส้มหรือเหลือง ยาว 5-5.5 ซม. มขี นละเอียด
Antheroporum glaucum Z. Wei กลบี กลางรปู ไข่แกมรปู ขอบขนาน กลบี ปีกและกลีบค่ลู ่างรูปเคยี ว เชอื่ มตดิ กนั
วงศ์ Fabaceae กลีบค่ลู า่ งกวา้ งและยาวกว่ากลบี ปกี เล็กน้อย กา้ นชูอับเรณเู ชอ่ื มตดิ กัน 2 กลุ่ม
กลุ่มหน่ึงมี 9 อัน อีกกลุม่ หนึ่งมี 1 อัน รังไข่มขี นละเอยี ด กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้ เขา้
ไม้ตน้ สงู ไดถ้ ึง 20 ม. ไมม่ หี ูใบ ใบประกอบมใี บย่อย 1-3 คู่ ยาว 25-30 ซม. ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ฝกั รปู ขอบขนาน แบน ยาว 12-15 ซม. ปลายกลม กา้ นยาวประมาณ
กา้ นยาว 6-7 ซม. ใบย่อยเรียงตรงขา้ ม รปู รีหรือรูปขอบขนาน ยาว 12-22 ซม. 1.5 ซม. มเี มลด็ เดยี วอยู่ท่ีปลายผล แบน ยาว 3-3.5 มม.
ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง แผน่ ใบมนี วลดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม.
ใบแหง้ สีด�ำ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ มี 2-5 ชอ่ ยาว 7-10 ซม. มใี บประดบั หมุ้ ตา พบทอ่ี นิ เดยี ภฏู าน เนปาล ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และสมุ าตรา
ช่อดอก แต่ละกระจุกมี 1-2 ดอก ก้านดอกยาวประมาณ 3 มม. กลีบเลี้ยงรปู ถ้วย ในไทยพบแทบทุกภาค พบน้อยทางภาคใต้ ความสงู ถงึ ประมาณ 750 เมตร เปน็
ยาวประมาณ 5 มม. ปลายจกั ไม่ชดั เจน ดอกสีขาวหรอื อมมว่ ง ยาวประมาณ 7 มม. ไม้ประดบั ยางสีแดงมสี รรพคุณเปน็ ยาสมาน
กลบี กลางกลม กลบี ปกี เชอื่ มตดิ กลบี คลู่ า่ งบางสว่ น เกสรเพศผเู้ ชอื่ มตดิ กลมุ่ เดยี ว
อบั เรณมู รี เู ปดิ ทป่ี ลาย รงั ไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั ฝกั รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน สกุล Butea Roxb. ex Willd. อยูภ่ ายใต้วงศย์ อ่ ย Faboideae เผา่ Phaseoleae
ยาว 3-5.5 ซม. ปลายมจี ะงอย มี 1-2 เมลด็ กลมแบน ๆ มีขั้วเมลด็ มปี ระมาณ 4 ชนดิ ในไทยมี 2 ชนดิ อีกชนิดคอื ทองเครอื B. superba Roxb.
เป็นไมเ้ ถาเนอ้ื แข็ง มหี วั ใตด้ นิ ยางเป็นพิษ สว่ นมากพบทางภาคเหนือ ชอื่ สกลุ
พบที่จีนตอนใต้ พม่า ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉยี งใต้ ภาคตะวันตกเฉยี งใต้ ตงั้ ตามนักพฤกษศาสตรท์ ่เี ป็นขนุ นางชาวสกอตแลนด์ John Stuart, 3rd Earl of
และภาคใต้ตอนบน ข้นึ ตามป่าดิบแลง้ และป่าดบิ ชื้นทเ่ี ป็นเขาหินปูน ความสูงถึง Bute (1713-1792)
ประมาณ 300 เมตร เอกสารอา้ งอิง
Chen, D., Dianxiang Zhang and M. Thulin. (2010). Fabaceae (Butea). In Flora
สกุล Antheroporum Gagnep. อยู่ภายใตว้ งศย์ ่อย Faboideae เผ่า Millettieae มี
4-5 ชนิด พบทจ่ี นี ตอนใต้ พม่า และเวียดนาม ในไทยอาจมเี พยี งชนดิ เดียว ชอ่ื สกลุ of China Vol. 10: 222.
มาจากภาษากรีก “anthera” อบั เรณู และ “poros” รูเปิด ตามลักษณะของอบั เรณู
เอกสารอา้ งอิง ทองกวาว: ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนงคลา้ ยช่อกระจุก ดอกสสี ม้ หรอื เหลือง กลบี ปีกและกลบี คู่ลา่ งรูปเคียว ฝกั รูป
Wei, Z. and L. Pedley. (2010). Fabaceae (Antheroporum). In Flora of China Vol. ขอบขนาน มเี มลด็ เดียวอยทู่ ี่ปลายผล (ภาพ: cultivated; ภาพดอกสีสม้ - PK, ภาพดอกสเี หลอื ง - SSi, ภาพผล - RP)

10: 173. ทองบ้งึ

ทลายเขา: ใบประกอบมใี บย่อย 1-3 คู่ ปลายใบแหลมยาว ปลายฝกั มีจะงอย (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - MP) Koompassia malaccensis Maingay ex Benth.
วงศ์ Fabaceae

ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 60 ม. โคนมพี พู อนขนาดใหญ่ หใู บขนาดเลก็ รปู รกี วา้ ง
ใบประกอบ สว่ นมากมใี บยอ่ ย 5-9 ใบ เรยี งเกอื บตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน
ยาว 5-13 ซม. แผ่นใบด้านลา่ งมขี นสัน้ นมุ่ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงหนาแนน่
มขี นละเอยี ด ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กา้ นดอกยาว 1-2.5 มม.
กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ขนาดเลก็ ดา้ นนอกมขี น ดอกสขี าว มี 5 กลบี รปู รี ยาวประมาณ
2.5 มม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ยาวประมาณกึง่ หน่ึงของกลีบดอก อบั เรณูรูปหวั ใจ
รังไข่มีขนส้ันนุ่ม ไร้ก้าน ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเป็นตุ่ม ฝักรูปใบหอก
โคนบดิ ยาว 12-13 ซม. ขอบมีปกี บาง ๆ มเี มล็ดเดยี ว รูปขอบขนาน เบ้ยี ว แบน
ยาวประมาณ 3 ซม.

พบที่คาบสมุทรมลายู สุมาตรา และบอร์เนียว ในไทยพบทางภาคใต้ท่ีตรัง
ยะลา นราธิวาส ขนึ้ ตามป่าดิบช้นื และป่าพรุ ความสงู ถึงประมาณ 700 เมตร

192

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ทองพันดลุ

สกลุ Koompassia Maingay ex Benth. อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Caesalpinioideae ทองพันดลุ
มี 2 ชนดิ พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี และภาคใตต้ อนลา่ งของไทย อีกชนดิ คอื ยวน
K. excelsa (Becc.) Taub. ทส่ี งู ได้ถึง 80 เมตร ใบและฝกั ขนาดเลก็ กว่า รังไข่ Decaschistia parviflora Kurz
เกอื บเกลี้ยง เปลือกเรยี บกวา่ ชื่อสกุลมาจากชื่อพืน้ เมอื งในภาษามาเลย์ “kempas” วงศ์ Malvaceae
เอกสารอ้างอิง
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. ไม้พุ่มขนาดเลก็ สูงได้ถงึ 1 ม. มขี นรปู ดาวตามริ้วประดับ กลบี เลยี้ งและ
กลีบดอกด้านนอก ใบเรยี งเวียน รูปขอบขนานถึงรูปใบหอก ยาวไดถ้ งึ 12 ซม.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 83-85. ขอบเรยี บหรอื จักฟนั เล่อื ย แผ่นใบด้านบนมสี ะเก็ดรูปดาวกระจาย ด้านล่างมีขน
หนาแนน่ ก้านใบยาว 0.5-4 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบหรอื เปน็ ช่อกระจกุ สน้ั ๆ
ทองบ้ึง: ฝักรปู ใบหอก โคนบิด ขอบมปี กี บาง ๆ มเี มลด็ เดยี ว (ภาพซ้าย: ยะลา - MP); ยวน: ใบและฝักขนาดเลก็ ตามปลายกง่ิ รว้ิ ประดบั 10 กลบี รปู แถบ ยาว 3-5 มม. กลบี เลย้ี ง 5 กลบี รปู สามเหลยี่ ม
กวา่ ทองบ้งึ (ภาพขวา: นราธวิ าส - MP) ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกสีชมพหู รืออมแดง โคนสขี าว มี 5 กลีบ รปู ไขก่ ลับ ยาว
2-3.5 ซม. เกสรเพศผู้เชอ่ื มตดิ กันเป็นหลอด ยาว 5-8 มม. เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก
ทองประกายแสด ติดเหนือก่งึ กลางเส้าเกสรจรดปลาย อับเรณูรปู ตวั ยู สเี หลอื ง ก้านเกสรเพศเมยี
แยก 8-10 แฉก ยาวประมาณ 1.5 ซม. ยอดเกสรรปู โล่ สีแดง ผลแห้งแตก กลม
Byrsonima crassifolia (L.) Kunth เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. มขี นหนาแน่น แต่ละช่องมีเมลด็ เดยี ว รปู ไต
วงศ์ Malpighiaceae มีขนหนาแนน่

ชอ่ื พอ้ ง Malpighia crassifolia L. พบทภี่ ูมภิ าคอินโดจีน ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคเหนือตอนบน และ
ภาคใต้ ข้ึนตามชายป่า ที่โล่งในป่าโปรง่ ป่าเบญจพรรณ และปา่ ดบิ แล้ง ความสงู ถึง
ไมพ้ ุม่ หรือไม้ตน้ สว่ นมากสูง 5-10 ม. กงิ่ อ่อนมีขนหนาแนน่ ใบเรยี งตรงข้าม ประมาณ 300 เมตร
รปู รี รปู ไข่ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 5-17 ซม. แผน่ ใบมีขนด้านล่าง ก้านใบยาว
1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะแคบ ๆ ออกตามปลายกงิ่ ยาว 7-20 ซม. กลบี เลยี้ ง สกุล Decaschistia Wight & Arn. มี 10-16 ชนดิ พบในเอเชียและออสเตรเลีย
5 กลบี ติดทน ดา้ นนอกมตี ่อมขนาดใหญ่ 2 ตอ่ ม ดอกสเี หลือง เปล่ียนเปน็ สีส้ม ในไทยมี 3-4 ชนิด หวั ออี ๊กุ D. intermedia Craib ใบรปู แถบ ดอกสแี ดง พบทาง
หรอื แดง มี 5 กลบี คล้ายรูปปากเปดิ 4 กลบี ดา้ นขา้ งรปู ถ้วย มีกา้ นเรียวสั้น ๆ ภาคตะวันออกของไทยและกัมพชู า ฝ้ายผี D. siamensis Craib ดอกสีเหลือง พบ
ยาวประมาณ 8 มม. รวมก้าน กลีบบนขนาดเลก็ กว่าเลก็ น้อย กา้ นกลบี หนา เกสรเพศผู้ ทางภาคตะวันออก และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และอาจมี D. crotonifolia
10 อนั เชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน มขี นสนั้ นมุ่ กา้ นชอู บั เรณสู นั้ อบั เรณยู าวประมาณ 3 มม. Wight & Arn. ทม่ี ดี อกสเี หลือง ซ่งึ บางขอ้ มลู ระบุวา่ เปน็ ชนิดเดียวกับฝ้ายผี ชอ่ื สกลุ
เกสรเพศเมยี 3 อนั รปู ลม่ิ แคบ ยาวกว่าเกสรเพศผ้เู ล็กนอ้ ย ตดิ ทน ผลสดผนัง มาจากภาษากรีก “deka” สบิ และ “schistos” แยก ตามลกั ษณะรว้ิ ประดับแยก
ชั้นในแข็ง รปู รีกวา้ ง ยาวประมาณ 1 ซม. สกุ สเี หลอื ง ไพรนี มี 1-3 เมลด็ เป็น 10 กลีบ
เอกสารอา้ งองิ
มีถน่ิ ก�ำเนดิ ในอเมริกากลางและอเมรกิ าใต้ เปน็ ไม้ประดับ ผลใช้ท�ำเคร่ืองดื่ม Phuphathanaphong, L. (1999). Decaschistia (Malvaceae) in Thailand. Thai Forest
ของเมาหรอื ไอศกรีม ก่ิงสดมพี ิษใชเ้ บ่ือปลา
Bulletin (Botany) 27: 83-85.
สกลุ Byrsonima Rich. ex Kunth มปี ระมาณ 135 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น
ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “byrsa” ซอ่ น และ “nema” เส้นด้าย ตามลกั ษณะเปลอื ก ทองพนั ดลุ : ดอกสีชมพูหรอื อมแดง โคนสีขาว เกสรเพศผูเ้ ชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอด กา้ นเกสรเพศเมียเรยี วยาว ปลายแยก
ของพืชบางชนิด 10 แฉก (ภาพดอกสีแดง: อทุ ัยธานี - PK; ภาพดอกสีชมพู: บุรีรมั ย์ - RP)
เอกสารอา้ งองิ
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum

Press, Honolulu, Hawai`i.

ทองประกายแสด: ช่อดอกแบบชอ่ กระจะแคบ ๆ ออกตามปลายกิ่ง กลบี เลย้ี งด้านนอกมีตอ่ มขนาดใหญ่ 2 ตอ่ ม ฝ้ายผี: ใบมขี นหนาแน่น ริว้ ประดบั 10 อัน ดอกสีเหลือง (ภาพซา้ ย: อบุ ลราชธานี - RP; ภาพขวาบน: บึงกาฬ - PK,
ดอกสีเหลอื งเปลีย่ นเปน็ สสี ้มหรอื แดง กลีบดอกคล้ายรปู ปากเปิด มีกา้ นกลีบ กลีบรูปถว้ ย (ภาพ: cultivated - RP) ซง่ึ อาจเปน็ ชนิด D. crotonifolia); หวั อีอุ๊ก: ใบรปู แถบ ดอกสีแดง (ภาพขวาลา่ ง: อุบลราชธานี - RP)

193

ทองแมว สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ทองแมว สกลุ Erythrina L. มปี ระมาณ 100 ชนดิ ในไทยมี 4 ชนิด และมหี ลายชนดิ ท่นี ำ�เขา้
มาปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั เช่น มโนรมย์ E. corallodendron L. และสราญรมย์
Gmelina elliptica Sm. E. crista-galli L. เปน็ ตน้ ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรีก “erythros” สแี ดง ตามสีของดอก
วงศ์ Lamiaceae เอกสารอา้ งองิ
Sa, R. and M.G. Gilbert. (2010). Fabaceae (Erythrina). In Flora of China Vol.
ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอื้ ย มกั มหี นามตามลำ� ตน้ และกง่ิ มขี นสน้ั นมุ่ หนาแนน่ ตามกงิ่
ก้านใบ แผ่นใบด้านล่าง ชอ่ ดอก กลบี เล้ียง และกลีบดอก ใบรปู รหี รือรปู ไข่ หรือจกั 10: 238-239.
ตืน้ ๆ ดา้ นลา่ งมกั มเี กล็ดรปู โล่และต่อมกระจาย เสน้ แขนงใบขา้ งละ 3-4 เส้น ก้านใบ
ยาว 0.5-3 ซม. ชอ่ ดอกออกตามปลายกิ่ง ใบประดับรปู รีถึงรูปใบหอก ยาว 1-2 ซม. ทองหลางลาย: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ ดอกเรียงหนาแน่น กลบี เล้ียงแยกจรดโคนดา้ นเดยี ว กลีบปกี และกลีบคลู่ ่างส้ัน
ร่วงเร็วหรือค่อนข้างติดทน กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ยาว 3-5 มม. จักตื้น ๆ มีต่อม ฝักรปู ทรงกระบอก คอดตามเมล็ด (ภาพดอก: นครสวรรค์ - PK; ภาพผล: cultivated - RP)
กระจาย ดอกสีเหลอื ง สมมาตรดา้ นข้าง หลอดกลบี ดอกยาว 1-1.5 ซม. ปลายแยก
เปน็ 4 กลีบ ปลายพบั งอกลับ กลบี ลา่ ง 3 กลบี กลีบกลางรปู สามเหลีย่ มกวา้ ง ยาว ทองอุไร
0.5-1.3 ซม. กลีบข้างเล็กกวา่ กลบี บน 1 กลบี ยาวกวา่ กลบี ข้างเล็กน้อย เกสรเพศผู้
ตดิ ใกลป้ ากหลอดกลบี 2 คยู่ าวไมเ่ ทา่ กัน ค่ลู า่ งยาวประมาณ 1.5 ซม. คู่บนยาว Tecoma stans (L.) Juss. ex Kunth
1-1.8 ซม. รังไขเ่ กล้ียง ก้านเกสรเพศเมียยาว 2-2.5 ซม. ผลผนงั ช้นั ในแขง็ กลมหรือ วงศ์ Bignoniaceae
รปู ไขก่ วา้ ง ยาว 1-2 ซม. สว่ นมากมเี มลด็ เดยี วทเ่ี จรญิ (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี ซอ้ , สกลุ )
ช่อื พ้อง Bignonia stans L.
พบทห่ี มเู่ กาะอนั ดามนั และนโิ คบาร์ พมา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี
และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยสว่ นมากพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามชาย ไมพ้ ุ่ม ไม่มีหใู บ ใบประกอบเรียงตรงขา้ มสลับตัง้ ฉาก กา้ นใบยาว 3-6 ซม.
ปา่ ดิบชน้ื และปา่ ชายหาด ความสูงระดับตำ�่ ๆ คล้ายกับคางแมว G. asiatica L. ใบยอ่ ยมี 2-4 คู่ รปู ขอบขนานหรือรปู ใบหอก ยาว 2.5-15 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย
ตา่ งกนั ทคี่ างแมวแผน่ ใบดา้ นลา่ งเกลยี้ งหรอื มขี นประปรายตามเสน้ แขนงใบ ใบบด กา้ นใบสนั้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามปลายกง่ิ ยาว 5-12 ซม. กลบี เลย้ี งรปู กรวย
ประคบแกป้ วดหัว บวมอกั เสบ ผลใช้ประคบแผล ยาว 5-8 มม. มี 5 กลีบรูปสามเหลย่ี ม ยาว 2-3 มม. ดอกสเี หลือง รปู แตร ยาว
3.5-6 ซม. โคนหลอดกลบี แคบ ดา้ นในมขี นสนั้ โคนมตี อ่ ม มี 5 กลบี เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม
เอกสารอา้ งองิ รปู ค่อนขา้ งกลม ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คูย่ าวไม่เทา่ กนั ไม่ยน่ื พน้ ปาก
de Kok, R. (2012). A revision of the genus Gmelina (Lamiaceae). Kew Bulletin หลอดกลบี ก้านชูอบั เรณยู าวประมาณ 2 ซม. อบั เรณแู ยกกัน กางออก มขี นส้นั
มเี กสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 1 อนั รงั ไขม่ ปี มุ่ กระจาย กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1.8-2 ซม.
67(3): 306-308. ยอดเกสรเพศเมยี แยกเปน็ แผน่ บาง 2 แฉก ผลแหง้ แตกเปน็ 2 ซกี รปู แถบ แบน ยาว
12-16 ซม. ปลายเรยี วแหลม ผวิ มชี อ่ งอากาศ เมลด็ จำ� นวนมาก แบน รปู รี ยาวประมาณ
ทองแมว: ก่งิ และแผน่ ใบมขี นส้ันนุม่ ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนงออกตามปลายก่งิ ใบประดับรปู รีถึงรูปใบหอก คอ่ นข้าง 1 ซม. ขอบมปี ีกบางใสประมาณ 1 ซม.
ตดิ ทน กลีบดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง เกสรเพศผู้ 2 คู่ยาวไมเ่ ทา่ กัน ผลรปู ไขก่ วา้ ง (ภาพ: สิงหนคร สงขลา - RP)
มถี ิ่นก�ำเนิดในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ ไม้ประดับท่วั ไปในเขตร้อน
คางแมว: แผ่นใบค่อนข้างเกลย้ี ง ใบมักจกั ตืน้ ๆ รปู สามเหลย่ี ม (ภาพ: ทา่ อเุ ทน นครพนม - RP)
สกลุ Tecoma Juss. มปี ระมาณ 14 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตร้อนและแอฟรกิ า
ทองหลางลาย ในไทยพบเป็นไม้ประดับ 2 ชนดิ อกี ชนดิ คือ พวงแสดตน้ T. capensis (Thunb.)
Lindl. เกสรเพศผู้ยื่นพน้ หลอดกลีบดอก ปลายอับเรณูเชื่อมติดกัน โคนกางออก
Erythrina variegata L. มที ั้งดอกสีสม้ และสีเหลอื ง ชอ่ื สกลุ มาจากภาษาเม็กซิโก “texomachit” ที่เรยี ก
วงศ์ Fabaceae พืชที่มีดอกรูปแตร
เอกสารอ้างอิง
ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 20 ม. ล�ำตน้ มหี นาม หใู บรปู ใบหอก ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. รว่ งเรว็ Nasir, Y.J., E. Nasir and S.L. Ali. (1979). Tecoma Juss. (Bignoniaceae). Flora
ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย เรยี งเวยี น กา้ นใบยาว 10-15 ซม. ใบย่อยรูปไข่กวา้ งหรอื
สีเ่ หลย่ี มข้าวหลามตดั ยาว 4-25 ซม. กว้างไดถ้ งึ 30 ซม. โคนมตี ่อม 1 คู่ เสน้ โคนใบ of West Pakistan 131: 14-15.
3 เสน้ แผน่ ใบมกั มลี ายดา่ งตามเสน้ กลางใบและเสน้ แขนงใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ออกที่ปลายก่ิง ยาว 10-15 ซม. ก้านยาว 7-10 ซม. ดอกหนาแนน่ ใบประดับร่วงเรว็
กา้ นดอกหนา ยาว 0.3-1 ซม. กลีบเลย้ี งแยกจรดโคนด้านเดยี ว ยาว 2-3 ซม. Press, Honolulu, Hawai`i.
ดอกสแี ดง กลบี กลางรปู ขอบขนาน ยาว 5-6 ซม. มกี า้ นสน้ั กลบี ปกี และกลบี คลู่ า่ ง
ยาวเท่า ๆ กัน สน้ั กว่ากลบี กลาง กลบี คูล่ ่างแยกกัน กา้ นชอู บั เรณเู ช่ือมตดิ กัน 2 กลมุ่ ทองอุไร: ใบประกอบเรียงตรงข้ามสลับตัง้ ฉาก ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามปลายก่ิง เกสรเพศผู้ไม่ยน่ื พ้นปาก
กลมุ่ หนึง่ มี 9 อัน อกี กลุ่มหน่ึงมี 1 อนั ยาว 4-6 ซม. รังไข่มขี นละเอียด ฝกั รูปทรง หลอดกลีบดอก ผลแหง้ แตกเปน็ 2 ซีก มีชอ่ งอากาศกระจาย (ภาพ: cultivated - MP)
กระบอก ยาว 10-45 ซม. คอดตามเมล็ด เมลด็ สีแดงสด มี 2-10 เมล็ด
พวงแสดตน้ : ดอกสีสม้ หรือเหลือง รูปแตร เกสรเพศผู้ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอก (ภาพ: cultivated - RP)
พบที่อินเดีย ศรลี ังกา จีนตอนใต้ ญ่ปี นุ่ พม่า ภมู ิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ความสงู ถงึ ประมาณ
1200 เมตร ตน้ ใบด่างนิยมปลกู เปน็ ไมป้ ระดบั สว่ นต่าง ๆ มีพิษ แตม่ สี รรพคณุ
ด้านสมนุ ไพรหลายอยา่ ง

194

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ท่อมหมหู นาม

ท่อมหม,ู สกุล ทอ่ มหมหู นาม

Rennellia Korth. Rennellia microcephala (Ridl.) K. M. Wong
วงศ์ Rubiaceae
ชอ่ื พอ้ ง Myrioneuron microcephalum Ridl.
ไม้พมุ่ หรือไมต้ ้นขนาดเลก็ หใู บร่วมรูปสามเหลย่ี ม ปลายแยก 2 แฉก มกั รว่ งเร็ว
ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก เรยี งหนาแนน่ ชว่ งปลายกง่ิ ดอกออกเปน็ กระจกุ เรยี งเปน็ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 4 ม. หใู บยาว 3-4 ซม. ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว
ชอ่ คลา้ ยชอ่ เชงิ ลด ชอ่ กระจะ หรอื ชอ่ ซร่ี ม่ ออกตามปลายกง่ิ ใบประดบั ขนาดเลก็ 5-13 ซม. ก้านใบยาว 0.4-1.2 ซม. ช่อดอกออกเปน็ กระจุกแน่นคล้ายชอ่ ซ่รี ม่
กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 4-5 กลบี กลบี เลยี้ งรปู ถว้ ย ดอกรปู ดอกเขม็ กา้ นชอ่ เกอื บไรก้ า้ น แตล่ ะชอ่ กระจกุ มี 2-5 ดอก กลบี เลย้ี งรปู ลมิ่ แคบ คลา้ ยหนาม
สีขาวหรอื อมม่วง เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดใกลจ้ ดุ กึง่ กลางหลอดกลีบดอกในดอกที่ ยาว 6-8 มม. ขยายเลก็ นอ้ ยในผล หลอดกลีบดอกยาว 1.2-2 ซม. กลีบยาว
ก้านเกสรเพศเมียยาว ติดใกล้ปากหลอดกลีบดอกในดอกที่ก้านเกสรเพศเมียส้ัน 0.8-1.2 ซม. อับเรณูยาวประมาณ 3 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 มม.
กา้ นชอู บั เรณูสั้น รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง เชอ่ื มตดิ กันเปน็ กระจุกแนน่ อย่ใู ตว้ งกลีบ แตล่ ะช่อง ผลรวมเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. สว่ นมากมไี พรีนเดียว
มอี อวลุ เมด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี มแี บบยาวและแบบสน้ั ยอดเกสรเพศเมยี แยก
2 แฉก ผลแบบผนงั ชนั้ ในแขง็ สว่ นมากตดิ ผลเดยี ว เชอื่ มตดิ กนั เปน็ กระจกุ แนน่ พบทค่ี าบสมทุ รมลายตู อนบน และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทย่ี ะลา และนราธวิ าส
ข้ึนตามท่ลี าดชนั หรอื สนั เขาในป่าดบิ ชืน้ ความสงู 100-600 เมตร
สกลุ Rennellia มี 5-6 ชนิด พบท่ีพม่าตอนล่าง คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และ
บอร์เนยี ว ในไทยมี 4 ชนดิ ช่อื สกุลต้ังตามนกั ธรณวี ิทยาชาวองั กฤษ James เอกสารอา้ งองิ
Rennell (1742-1830) Johansson, J.T. (1989). Revision of the genus Rennellia Korth. (Rubiaceae-
Rubioideae). Blumea 34: 3-19.
ท่อมหมเู ขา Wong, K.M. (1989). Rubiaceae. In Tree Flora Malaya 4: 404-405.

Rennellia speciosa (Wall. ex Kurz) Hook. f. ท่อมหมูเขา: ชอ่ ดอกคลา้ ยช่อกระจะ กา้ นดอกสนั้ กลีบดอก 4 กลบี ผลเช่อื มตดิ กันเป็นกระจุกกลม (ภาพดอก:
ทงุ่ ระยะ-นาสกั ระนอง, ภาพผล: เขาชอ่ ง ตรัง; - RP)
ชือ่ พอ้ ง Morinda speciosa Wall. ex Kurz
ทอ่ มหมชู อ่ : ชอ่ ดอกคล้ายช่อกระจะหรอื ชอ่ แยกแขนง ช่อย่อยแบบช่อกระจกุ แต่ละกระจุกมี 2-6 ดอก หลอดกลบี ยาว
ไม้พุ่มหรือไมต้ ้น สูงได้ถึง 7 ม. หใู บยาว 3.5-7 มม. ใบรูปรหี รอื รูปไข่กลบั ยาว กลีบดอกสน้ั (ภาพ: แวง้ นราธิวาส - MP)
8-22 ซม. ก้านใบยาว 0.5-3 ซม. ช่อดอกคลา้ ยชอ่ กระจะ มชี อ่ กระจกุ ย่อย 4-12 ช่อ
แกนช่อยาว 1-5 ซม. ก้านชอ่ สนั้ แตล่ ะช่อกระจุกมี 2-9 ดอก ก้านช่อย่อยยาว ทอ่ มหมูชอ่ ยาว: ชอ่ ดอกคล้ายช่อเชิงลด ชอ่ กระจุกไร้กา้ น กลบี ดอก 5 กลบี ผลเช่ือมตดิ กันเปน็ กระจกุ กลม
3-7 มม. ขยายในผล กลีบเลีย้ งยาวประมาณ 5 มม. หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-2.5 ซม. (ภาพ: แว้ง นราธิวาส - MP)
กลีบยาว 0.7-1.2 ซม. อบั เรณยู าว 3-4 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี แบบยาว ยาวเทา่ ๆ
หลอดกลบี ดอก แบบส้ัน ยาว 5-6 มม. ผลรวมเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 1-2 ซม. สุกสมี ่วงด�ำ ทอ่ มหมหู นาม: ช่อดอกออกเป็นกระจุกแนน่ คล้ายช่อซ่ีรม่ ก้านช่อเกือบไร้ก้าน แต่ละช่อกระจุกมี 2-5 ดอก กลบี เลยี้ ง
มี 1-4 ไพรีน รปู ลิ่มแคบ ตดิ ทน (ภาพ: ยะลา - RP)

พบทพี่ มา่ ตอนลา่ ง คาบสมทุ รมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทาง
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ เี่ กาะชา้ ง จงั หวดั ตราด และภาคใตต้ งั้ แตช่ มุ พรลงไป ขนึ้ ตาม
ป่าดบิ ช้นื ความสูงถึงประมาณ 300 เมตร

ท่อมหมชู ่อ

Rennellia morindiformis (Korth.) Ridl.

ชอื่ พอ้ ง Tribrachya morindiformis Korth.

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 8 ม. หใู บยาว 3-8 มม. ใบรปู รี รปู ไข่ หรอื รปู ขอบขนาน
ยาว 10-25 ซม. กา้ นใบยาว 1-3.5 ซม. ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ กระจะหรอื ชอ่ แยกแขนง
กา้ นชอ่ ยาว 1-4 ซม. แกนชอ่ ยาว 1.5-7.5 ซม. ขยายในผล ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ กระจกุ
เรยี ง 2-13 ชอ่ กา้ นชอ่ ยาว 0.5-1 ซม. แตล่ ะกระจกุ มี 2-6 ดอก กลบี เลยี้ งยาวประมาณ
1.5 มม. ปลายแยกเปน็ แฉกต้ืน ๆ หลอดกลบี ดอกยาว 1.7-2 ซม. กลบี ยาว 1-1.5 ซม.
อบั เรณยู าว 4-5 มม. ก้านเกสรเพศเมียแบบยาว ยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบ ผลรวม
เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. สกุ สีม่วง แต่ละผลมีไพรีนเดียว

พบทคี่ าบสมุทรมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคใต้ทีร่ ะนอง นราธิวาส
ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชืน้ ความสงู 300-600 เมตร

ทอ่ มหมชู อ่ ยาว

Rennellia elliptica Korth.

ชอ่ื พอ้ ง Rennellia elongata (King & Gamble) Ridl., R. speciosa (Wall. ex
Kurz) Hook. f. var. elongata King & Gamble

ไม้พุ่ม สูงไดถ้ งึ 2 ม. หูใบสว่ นมากยาว 0.5-1.ซม. ใบรปู รี รปู ขอบขนาน หรือแกม
รปู ไขก่ ลบั ยาว 10-40 ซม. กา้ นใบยาว 1-6 ซม. ช่อดอกคล้ายช่อเชงิ ลด ยาว 14-20 ซม.
รวมกา้ นชอ่ ชอ่ กระจกุ มไี ดถ้ งึ เกอื บ 40 ชอ่ ไรก้ า้ นชอ่ หรอื มกี า้ นสนั้ มาก แตล่ ะกระจกุ
ส่วนมากมี 3 ดอก กลบี เล้ียงยาว 1-2 มม. ปลายแยกเป็นแฉกตน้ื ๆ หลอดกลบี ดอก
ยาว 1.5-3 ซม. กลบี ยาว 0.8-1.5 ซม. อบั เรณูยาว 4-6 มม. กา้ นเกสรเพศเมีย
แบบยาว ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี ดอก แบบสนั้ ยาว 3-6 มม. ผลรวมเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
1.5-2 ซม. สุกสมี ่วงดำ� ไพรนี มี 3 หรอื มากกวา่

พบท่พี ม่าตอนลา่ ง คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นียว และภาคใตต้ อนลา่ ง
ของไทยที่นราธิวาส ขน้ึ ตามป่าดิบชืน้ ความสงู ประมาณ 100 เมตร

195

ทะลอก สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ทะลอก ทังใบขนภูววั : มีขนยาวสนี ้�ำตาลแดงหนาแนน่ ชอ่ ดอกแบบช่อซร่ี ม่ ออกเปน็ กระจุกตามซอกใบ ใบประดบั มี 2 คู่
หลอดกลบี ขยายอวบหนาในผล (ภาพ: ภูวัว บงึ กาฬ; ภาพดอก - NS; ภาพผล - PK)
Vatica philastreana Pierre
วงศ์ Dipterocarpaceae ทงั หลังขาว

ชอ่ื พอ้ ง Diospyros addita H. R. Fletcher, Vatica thorelii Pierre Kerriodoxa elegans J. Dransf.
วงศ์ Arecaceae
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. มขี นละเอยี ดตามกง่ิ ออ่ น หใู บ ชอ่ ดอก กลบี เลยี้ งดา้ นนอก
ใบรูปขอบขนาน ยาว 6-13 ซม. เส้นแขนงใบย่อยแบบขั้นบันได ก้านใบยาว ปาล์มลำ� ตน้ เด่ียว แยกเพศตา่ งตน้ สูง 1-4 ม. หรอื อาจสงู ได้ถงึ 10 ม. ลำ� ต้น
0.7-1.2 ซม. ชอ่ ดอกยาว 4-9 ซม. ตาดอกรปู ใบหอก ยาว 1-1.3 ซม. กลีบเล้ียงรูปไข่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 18-25 ซม. ใบรปู ฝา่ มอื เรยี งหนาแนน่ ทยี่ อด เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ยาวประมาณ 2 มม. ขยายในผล กลบี ดอกรปู ใบหอก ยาวประมาณ 1.5 ซม. ยาวได้ถึง 2 ม. กาบใบยาว 45-60 ซม. แผน่ ใบพบั จบี มไี ดถ้ งึ กวา่ 100 จีบ แฉกลึก
เกสรเพศผู้ 15 อัน เรยี ง 3 วง แกนอับเรณูเปน็ ต่งิ รังไขม่ ีขน ก้านเกสรเพศเมยี นอ้ ยกว่ากงึ่ หน่งึ แผน่ ใบด้านลา่ งมนี วล ก้านใบยาว 1.5-3 ม. ขอบคม โคนกา้ น
ยาวกว่ารังไขเ่ ล็กน้อย ผลรูปรเี กอื บกลม ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายมีตง่ิ แหลม ไมม่ เี สน้ ใย ชอ่ ดอกออกทซ่ี อกใบ แยกแขนงจ�ำนวนมาก ชอ่ ดอกเพศผโู้ คง้ ลง แกนชอ่
แตกเปน็ 3 ซีก กลีบเล้ียงหนา พบั งอกลบั โคนแนบติดผล ยาว 1-1.2 ซม. ก้านผล ยาว 15-20 ซม. กา้ นช่อยาวได้ถงึ 30 ซม. ช่อแขนงยาว 10-15 ซม. แขนงย่อย
ยาวประมาณ 1 ซม. (ดูขอ้ มูลเพมิ่ เติมท่ี พันจำ� , สกลุ ) จำ� นวนมาก ดอกยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน เช่ือมติดกันที่โคน ไมม่ ี
เกสรเพศเมียทเี่ ป็นหมนั ชอ่ ดอกเพศเมยี ตัง้ ตรง แกนช่อยาว 35-40 ซม. ก้านชอ่
พบในภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคตะวนั ออกทอี่ บุ ลราชธานี ยาวได้ถงึ 30 ซม. ชอ่ แขนงยาวไดถ้ ึง 12 ซม. ดอกยาว 5-6 มม. มีเกสรเพศผทู้ ่ีเป็นหมัน
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ส่ี ระแกว้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ความสงู 100-200 เมตร มี 6 อนั ผลเส้นผ่านศนู ย์กลาง 3.5-5 ซม. สกุ สีสม้ ผวิ มีตุ่ม เน้อื สขี าวนุ่ม มี 1-2 เมลด็
เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 2.5-3 ซม.
เอกสารอา้ งอิง
Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคใต้ทีเ่ ขาพระแทว จังหวัดภเู กต็ และเขาสก
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 57. จังหวัดสรุ าษฎร์ธานี ข้ึนตามท่ีลาดชนั และหุบเขาใกล้ลำ� ธาร ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ

ทะลอก: ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง กลีบดอกบิดเวียน ผลเกือบกลม กลบี เลย้ี งหนา โคนแนบตดิ ผล พบั งอกลบั สกุล Kerriodoxa J. Dransf. อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Coryphoideae มชี นิดเดยี ว
(ภาพ: ดงฟา้ หว่ น อบุ ลราชธานี - RP) ช่อื สกุลต้งั ตามนายแพทยช์ าวไอริช Arthur Francis George Kerr (1877-1942)
ผบู้ ุกเบิกการส�ำ รวจและเกบ็ ตวั อย่างพรรณไม้ในไทย และผูก้ อ่ ต้ังหอพรรณไม้
ทังใบขนภวู ัว แหง่ แรกของไทย หรือพพิ ธิ ภณั ฑพ์ ชื สิรนิ ธร (BK) ในปัจจุบนั
เอกสารอ้างอิง
Litsea phuwuaensis Ngerns. Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(3):
วงศ์ Lauraceae
422-425.
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. แยกเพศตา่ งตน้ มขี นยาวสนี �้ำตาลแดงหนาแนน่ ตาม Dransfield, J. (1983). Kerriodoxa, a new Coryphoid palm genus from Thailand.
กง่ิ ออ่ น แผน่ ใบ ใบประดบั และดอก ใบเรยี งเวยี น รปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก หรอื
แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 7-25 ซม. ปลายแหลมยาวหรือยาวคล้ายหาง แผ่นใบดา้ นล่าง Principes. Vol. 27(1): 3-11.
มนี วล ก้านใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ ซ่ีร่มออกเปน็ กระจุกตามซอกใบ
หรอื ก่ิง ก้านชอ่ สน้ั ชอ่ ออ่ นมีใบประดบั หุ้ม 2 คู่ เรยี งตรงข้ามสลับตง้ั ฉาก รปู ไข่ ทังหลังขาว: ปาล์มลำ� ตน้ เด่ียว ใบรูปฝ่ามอื แผ่นใบพับเป็นจบี แฉกลกึ แผ่นใบดา้ นล่างมนี วล ชอ่ ผลตง้ั ขนึ้
ยาว 3.5-5 มม. ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี คลา้ ยกนั กลบี รวม 4-6 กลบี รปู ขอบขนาน (ภาพ: เขาพระแทว ภเู ก็ต - RP)
หรือรปู ใบหอก ยาว 2-2.5 มม. ก้านดอกยาว 1-2 มม. เกสรเพศผู้ 6-8 อนั เรียง 2 วง
เปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี กา้ นชอู บั เรณยู าว 1.5-2.5 มม. มขี นยาว วงนอกยาวกวา่ วงใน ทบั ทิม
วงในมีตอ่ ม 2 ต่อมที่โคน อับเรณมู ี 4 ชอ่ ง รังไขเ่ กลีย้ ง กา้ นเกสรเพศเมียยาว
1-2 มม. ผลรปู ไข่ ยาว 0.8-1 ซม. ปลายมีติ่งแหลม หลอดกลบี ทีข่ ยายอวบหนา Punica granatum L.
ยาว 0.8-1.2 ซม. กา้ นชอ่ ผลยาวประมาณ 5 มม. วงศ์ Lythraceae

พชื ถิ่นเดยี วของไทย พบท่ภี วู วั จังหวดั บงึ กาฬ และภลู ังกา จงั หวัดนครพนม ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 5 ม. หรอื มากกวา่ กง่ิ มกั ลดรปู เปน็ หนาม ใบเรยี งเกอื บ
ขน้ึ ใต้รม่ เงาหรือริมล�ำธารในป่าดบิ แลง้ ความสงู 150-200 เมตร ตรงข้ามหรอื รอบขอ้ รูปรีถงึ รูปใบหอก หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 2-10 ซม. ดอกออก
เป็นกระจุก 1-5 ดอก ตามปลายก่งิ หรอื ซอกใบ เกอื บไร้กา้ น ฐานดอกรูปกรวยหนา
สกุล Litsea Lam. อยู่ภายใต้เผ่า Cinnamomeae มีเกือบ 400 ชนดิ พบใน
อเมรกิ าเหนือและอเมริกากลาง เอเชยี เขตรอ้ นและก่ึงเขตร้อน ออสเตรเลยี
และหมู่เกาะแปซฟิ กิ ในไทยมี 35 ชนดิ ลักษณะทวั่ ไปคล้ายสกุล Lindera ท่ี
อับเรณูมี 2 ชอ่ ง และ Neolitsea ท่อี บั เรณูมี 4 ชอ่ ง แต่สว่ นต่าง ๆ ของดอก
มีจ�ำ นวนสอง (dimerous) ซ่งึ มจี ำ�นวนสาม (trimerous) ในสกุล Litsea และ
Lindera ช่อื สกลุ มาจากภาษาจนี “litse” หมายถึงผลคลา้ ยผลพลมั ขนาดเลก็
เอกสารอา้ งองิ
Ngernsaengsaruay, C. (2004). A new species of Litsea (Lauraceae) from Thailand.

Thai Forest Bulletin (Botany) 32: 110-114.
Ngernsaengsaruay, C., D.J. Middleton and K. Chayamarit. (2011). A revision of

the genus Litsea Lam. (Lauraceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany)
39: 40-119.

196

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ทุ้งฟา้

หุ้มรังไข่ ยาว 2-3.5 ซม. กลีบเล้ียงหนา มี 5-8 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ ท้ิงทองหู
1 ซม. ดอกสีส้ม กลีบรูปไข่กลบั กว้าง ยาว 1.5-3 ซม. เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก รังไข่
ใตว้ งกลบี มหี ลายชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี บดิ ผลสดกลม ผนงั หนา เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง Aeschynanthus radicans Jack
5-12 ซม. กลบี เลี้ยงติดทน เมล็ดจำ� นวนมาก เยื่อหมุ้ สดฉำ่� ใสหรอื ชมพูอมแดง วงศ์ Gesneriaceae

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในเอเชยี กลาง และเอเชยี ตะวนั ตกเฉยี งใต้ มหี ลากสายพนั ธ์ุ เปลอื ก ไมเ้ ลอื้ ยองิ อาศยั มขี นตามกงิ่ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นดอก กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก
แก้โรคท้องร่วงและถ่ายพยาธิ แต่ควรใช้อย่างระวังเน่ืองจากมีพิษ เป็นดอกไม้ ดา้ นนอก ใบเรยี งตรงข้าม รูปรีกว้าง ยาว 1-5 ซม. ก้านใบยาว 1-5 มม. ชอ่ ดอก มี
ประจ�ำชาติของสเปน เรยี กวา่ ‘Granada’ 1-3 ดอก ก้านชอ่ สัน้ ใบประดบั รูปไข่ ยาว 5-6 มม. กา้ นดอกยาว 0.7-1.4 ซม.
กลบี เลย้ี งเชอื่ มตดิ กัน 1.3-2 ซม. กลีบรปู สามเหลีย่ ม ยาว 2-8 มม. ดอกสแี ดงสด
สกุล Punica L. เดมิ อยภู่ ายใตว้ งศ์ Punicaceae มี 2 ชนิด ชนดิ P. protopunica ด้านในสีเหลืองแซม หลอดกลีบดอกยาว 4.7-5.8 ซม. กลีบคบู่ นยาว 0.6-1 ซม.
Balf. f. เปน็ พชื ถนิ่ เดยี วของเกาะ Socotra ของโซมาลี ชือ่ สกุลอาจมาจากภาษา แฉกลึก กลีบลา่ งยาว 0.7-1 ซม. เกสรเพศผู้คู่หน้ายาว 2.2-2.4 ซม. รังไขม่ ีขนสั้นนุ่ม
ละติน “puniceus” สีแดงมว่ งของเมล็ด หรอื “malum panicum” หมายถึง หนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 0.6-1.5 ซม. มีขนและตอ่ ม ฝกั เรียวยาว 19-35 ซม.
แอปเปิลของชาว Carthaginian เมืองโบราณในกรีก ช่ือสามัญ Pomegranate เมลด็ ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. รยางค์ยาว 6-8 มม. (ดขู อ้ มลู เพ่ิมเติมท่ี วา่ นไกแ่ ดง, สกุล)
เป็นภาษาฝรงั่ เศส หมายถึงผลไมข้ นาดใหญ่แบบแอปเปลิ ส่วนค�ำ ระบชุ นดิ
“granatum” แปลว่ามีเมลด็ จ�ำ นวนมาก พบทคี่ าบสมทุ รมลายู ชวา สมุ าตรา และบอรเ์ นยี ว ในไทยพบทางภาคใต้ ขนึ้ ตาม
คบไมใ้ นปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู 100-900 เมตร คลา้ ยกบั ไกแ่ ดงยา่ น A. pulcher (Blume)
เอกสารอา้ งองิ G. Don ทแ่ี ผ่นใบดา้ นลา่ งเกลี้ยง และรังไขม่ ีป่มุ กระจายแตไ่ ม่มขี นส้นั น่มุ
de Wilde, W.J.J.O., B.E.E. Duyfjes and P. Phonsena. (2014). Lythraceae. In
Flora of Thailand Vol. 11(4): 583-586. เอกสารอา้ งองิ
Middleton, D.J. (2007). A revision of Aeschynanthus (Gesneriaceae) in Thailand.
Edinburgh Journal of Botany 64(3): 414-418.

ทบั ทมิ : ดอกออกเป็นกระจุก ฐานดอกและกลีบเล้ยี งหนา มหี ลากสายพนั ธุ์รวมถงึ พนั ธแุ์ คระ (ภาพ: cultivated - NP) ท้งิ ทองหู: ไม้เล้อื ยอิงอาศยั ใบเรียงตรงข้าม กลีบเลย้ี งเชือ่ มติดกนั เปน็ หลอด กลบี ดอกด้านในมีสเี หลอื งแซม
ฝกั เรียวยาว (ภาพ: เขาช่อง ตรงั - SSi)
ทา้ วแสนปม
ทุ้งฟ้า
Diospyros cauliflora Blume
วงศ์ Ebenaceae Alstonia macrophylla Wall. ex G. Don
วงศ์ Apocynaceae
ไมต้ ้น สงู ได้ถึง 10 ม. ใบรปู รีหรอื รูปขอบขนาน ยาว 11-15 ซม. เส้นแขนงใบ
ขา้ งละ 8-12 เส้น ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ดอกออกตามก่งิ ลำ� ตน้ หรือโคนต้น ไม้ต้น สูงได้ถงึ 30 ม. กง่ิ มีขนส้นั นมุ่ ประปราย ใบเรยี งเป็นวงรอบ 3-4 ใบ
ดอกเพศผอู้ อกเปน็ ช่อกระจกุ สนั้ ๆ กา้ นดอกยาว 2-5 มม. มีขน กลีบเลี้ยงรปู ถ้วย รปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 5.5-28 ซม. กา้ นใบยาว 0.5-2.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
ยาวประมาณ 2 มม. ปลายแฉกลึกประมาณสองในสาม ดอกรปู คนโท ยาว 2-3 มม. ชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกทป่ี ลายก่งิ ยาว 3.5-12 ซม. ดอกสีครีม ก้านดอกยาว
กลีบแฉกลกึ ประมาณหนึง่ สว่ นสี่ ด้านนอกมขี นยาว เกสรเพศผู้ 16-20 อนั มีขน 2-5 มม. กลีบเลี้ยงรูปไข่ ยาว 1-2 มม. มีขนส้นั น่มุ กลบี ดอกเรียงซ้อนทับด้านขวา
สั้นนมุ่ รงั ไขท่ ี่ไมเ่ จรญิ มีขนยาว ดอกเพศเมียออกเด่ียว ๆ หรือเป็นช่อกระจกุ สั้น ๆ ในตาดอก หลอดกลบี ยาวประมาณ 5 มม. ปากหลอดมขี นสนั้ นมุ่ กลบี รปู ขอบขนาน
รงั ไขม่ ี 6 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมขี นยาว เกสรเพศผ้ทู ี่เปน็ หมนั มี 8-10 อนั ยาว 4-7 มม. เกสรเพศผตู้ ดิ เหนอื ก่ึงกลางของหลอดกลบี จานฐานดอกไมม่ หี รอื
ผลรปู รหี รอื รูปไข่ ยาว 1.5-3 ซม. ปลายเปน็ ตง่ิ แหลม กลีบเล้ียงแฉกลึกจรดโคน เปน็ วงสน้ั ๆ คารเ์ พลเกลี้ยง เกสรเพศเมียยาวประมาณ 2.5 มม. ผลยาว 22-40 ซม.
มขี นสั้นนมุ่ ขอบกลีบเปน็ คลน่ื กา้ นผลยาว 3-5 มม. เมล็ดมีเอนโดสเปริ ์มเรยี บ เมล็ดรปู ขอบขนาน ปลายแหลมทั้งสองดา้ น ยาว 4-8 มม. ขนครุยยาวประมาณ 1 ซม.
(ดูข้อมูลเพิ่มเติมท่ี มะเกลือ, สกุล) (ดขู ้อมลู เพ่ิมเตมิ ที่ ตนี เป็ด, สกลุ )

พบทอ่ี นิ เดีย พมา่ กัมพชู า เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู สุมาตรา ในไทยทางภาคใต้ พบทจี่ ีน พมา่ เวยี ดนาม กมั พูชา ภูมภิ าคมาเลเซีย และนวิ กินี ในไทยพบทาง
ข้ึนตามป่าดิบช้ืน ความสูงถงึ ประมาณ 800 เมตร ภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร เปลอื กและใบมสี รรพคณุ
หลายอย่าง เปน็ ยาปฏิชวี นะและต้านอนมุ ูลอสิ ระ
เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 332. เอกสารอา้ งอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 44.

ทา้ วแสนปม: ดอกเป็นกระจุกหนาแนน่ ตามโคนตน้ กลบี เลย้ี งรปู ถ้วย ดอกรูปคนโท ดอกเพศเมยี ออกเด่ียว ๆ หรอื ทุ้งฟ้า: ใบเรยี งเปน็ วงรอบ 3-4 ใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ผลเปน็ ฝักคู่ เรียวยาว (ภาพดอก: น�้ำตกวิภาวดี
เป็นช่อกระจกุ สั้น ๆ ปลายผลมตี ิง่ (ภาพ: ยะลา - RP) สรุ าษฎรธ์ านี - RP; ภาพผล: นำ�้ ตกทรายขาว ยะลา - DM)

197

เทพธาโร สารานุกรมพืชในประเทศไทย

เทพธาโร, สกลุ พบทอ่ี นิ เดยี กมั พชู า คาบสมทุ รมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทาง
ภาคใตต้ อนล่างที่ปตั ตานี ยะลา นราธวิ าส ข้ึนตามทล่ี าดชันในป่าดบิ ชนื้ ความสูง
Ceropegia L. ถึงประมาณ 600 เมตร
วงศ์ Apocynaceae
เอกสารอา้ งองิ
ไม้ลม้ ลุกหรือไม้เถา บางครงั้ อวบนำ้� ส่วนต่าง ๆ สว่ นมากมยี างใส มหี ัวใตด้ นิ Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 364-366.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ สน้ั ๆ คลา้ ยชอ่ ซรี่ ม่ หรอื ชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ใบเรยี ง
ตรงขา้ ม กลบี เลย้ี ง 5 กลีบ แฉกลึก มตี ่อมที่โคน กลีบดอกเชือ่ มตดิ กัน โคนเป็น เทพพนม: ผลมีขนสั้นนุ่ม กลบี เล้ียงขยายใหญ่ในผล แยกจรดโคน ก้านผลยาว (ภาพ: แว้ง นราธิวาส - RP)
กระเปาะ เรียวคอดแคบ ปลายบานออก แยกเป็น 5 กลบี ปลายมักเช่อื มติดกนั
เกสรเพศผู้ 5 อนั เชอื่ มตดิ กันท่โี คน แนบติดเสา้ เกสรเพศเมยี (gynostegium) เทพี
กะบังเรียง 2 ช้ัน ชั้นนอกจักเปน็ 5 พู เชือ่ มตดิ กันรปู ถว้ ย บางครงั้ พแู ยก 2 แฉก
กะบังวงในเรยี วแคบ 5 อัน รงั ไขเ่ หนือวงกลบี มี 2 คาร์เพล ก้านเกสรเพศเมยี Caesalpinia crista L.
เชือ่ มตดิ กนั ผลเปน็ ฝักคู่ เมลด็ จำ� นวนมาก วงศ์ Fabaceae

สกุล Ceropegia อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย Asclepioideae มีประมาณ 170 ชนิด สว่ นมาก ไมเ้ ถาเนื้อแข็ง ยาวไดถ้ งึ 10 ม. กิง่ มหี นามโค้ง หูใบรปู ลม่ิ ขนาดเลก็ รว่ งเร็ว
พบในแอฟริกา ในไทยมมี ากกวา่ 10 ชนิด ช่ือสกุลมาจากภาษากรีก “keros” เป็นไข ใบประกอบยอ่ ยมี 2-4 คู่ แกนกลางยาว 10-20 ซม. ใบยอ่ ยมี 2-6 คู่ รปู ไขห่ รอื
และ “pege” แหล่งกำ�เนิด ตามลักษณะของดอกหรือตน้ ทม่ี ีไข รูปขอบขนาน ยาว 2-6 ซม. กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ
แยกแขนง ยาว 10-20 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ ร่วงเร็ว กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม.
เทพธาโร ปลายมขี อ้ ตอ่ กลบี เลย้ี งรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม. กลีบล่างรูปหมวก
ดอกสเี หลอื ง กลบี บนและกลบี ลา่ งรปู ไข่ ยาวประมาณ 1 ซม. มกี า้ นสน้ั กลบี กลาง
Ceropegia arnottiana Wight ส้ันกวา่ มรี ิ้วสแี ดง โคนเว้า มีขน รงั ไข่มีกา้ นส้ัน ๆ มขี น ผลรปู รเี บีย้ วหรือคลา้ ย
ไมเ้ ถา หวั ใตด้ นิ กลม ๆ ขนาดเลก็ ใบรปู แถบ ยาว 5-15 ซม. เสน้ แขนงใบไมช่ ดั เจน สเ่ี หลย่ี มคางหมู ยาว 3-7 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม ผวิ เปน็ รา่ งแห สว่ นมากมเี มลด็ เดยี ว
รูปคลา้ ยไต แบน ยาว 1-1.2 ซม. (ดูข้อมลู เพมิ่ เตมิ ที่ หนามข้ีแรด, สกุล)
กา้ นใบส้นั มากหรือไร้กา้ น ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก บานทลี ะดอก กา้ นดอกยาว 0.5-1.2 ซม.
กลบี เล้ยี งรปู แถบ ยาวประมาณ 5 มม. กลบี ดอกยาว 4-7 ซม. หลอดกลบี ดอก พบที่อินเดีย ศรีลังกา พม่า จีนตอนใต้ ไต้หวัน ญ่ีปุ่น กัมพูชา เวียดนาม
สเี ขยี วออ่ น มปี น้ื และจดุ ประสนี ำ�้ ตาลกระจาย กลบี ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี ปลายกลบี ภมู ภิ าคมาเลเซยี และออสเตรเลยี ในไทยสว่ นมากพบทางภาคใต้ ขน้ึ ตามชายทะเล
ครง่ึ บนสแี ดงอมมว่ ง ดา้ นในมขี นยาวห่างๆ จรดโคนกลบี ดา้ นใน ผลเปน็ ฝักยาว หรอื ปา่ โกงกาง พบนอ้ ยทางภาคเหนอื สว่ นตา่ ง ๆ มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง
ประมาณ 15 ซม. เมล็ดแบน กระจกุ ขน ยาว 3.5-4 ซม.
เอกสารอา้ งอิง
พบทอ่ี นิ เดีย พม่า ลาว และกัมพชู า ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขึน้ ตาม Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1972). Leguminosae-Caesalpinioideae.
ป่าเตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดิบแล้ง ความสูง 200-900 เมตร In Flora of Thailand Vol. 4(1): 70.

เอกสารอา้ งอิง
Albers, F. and U. Meve (eds.). (2004). Illustrated handbook of succulent plants:
Asclepiadaceae, Springer-Verlag Berlin Heidelberg.

เทพธาโร: ใบรูปแถบ ดอกออกตามซอกใบ โคนกลบี ดอกเปน็ กระเปาะ ปลายบานออกและเชือ่ มติดกัน มขี น เทพี: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง กง่ิ มีหนาม กลีบกลางขนาดเลก็ มีรว้ิ สีแดง เกสรเพศผู้ 10 อนั ยาวไมเ่ ท่ากนั
(ภาพ: สวนผึ้ง ราชบุรี - PK) ฝักเบ้ียว ปลายมตี ิง่ แหลม (ภาพดอก: สตูล - NP; ภาพผล: ทงุ่ ทะเล กระบี่ - RP)

เทพพนม เท้ายายมอ่ ม

Diospyros latisepala Ridl. Tacca leontopetaloides (L.) Kuntze
วงศ์ Ebenaceae วงศ์ Dioscoreaceae

ไม้ตน้ สูงได้ถงึ 25 ม. ใบรปู ขอบขนาน ยาว 11-26 ซม. เสน้ แขนงใบขา้ งละ ช่ือพ้อง Leontice leontopetaloides L.
6-10 เส้น กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกเพศผอู้ อกเป็นชอ่ กระจุกส้ัน ๆ ตามซอกใบ
กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1.2 ซม. กลบี เลย้ี งยาว 4-8 มม. กลบี แยกจรดโคน ดอกรปู หลอด ไมล้ ้มลกุ หัวมีแปง้ ใบรูปฝ่ามือ กว้างไดถ้ ึง 120 ซม. ยาวได้ถึง 70 ซม. มี 3 แฉก
ยาว 0.7-1 ซม. กลบี แยกเกอื บจรดโคน ดา้ นนอกมีขน เกสรเพศผู้ 4-8 อนั ไมม่ รี งั ไข่ แฉกจกั เปน็ พู ก้านใบยาว 20-170 ซม. รวมกาบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซีร่ ม่ มี 1-2 ชอ่
ทเ่ี ป็นหมนั ดอกเพศเมยี ออกเด่ยี ว ๆ ก้านดอกยาว 2-8 มม. ดอกรปู คนโท กลีบแฉกลึก ยาวได้ถงึ 2 ม. ดอกหนาแน่น ใบประดับ 4-12 ใบ เรียง 2 วง รปู ไข่ รูปขอบขนาน หรือ
น้อยกวา่ กง่ึ หนงึ่ รังไขม่ ี 4 ชอ่ ง รังไขแ่ ละกา้ นเกสรเพศเมยี มีขนสาก เกสรเพศผู้ รปู ใบหอก ยาว 2.5-10 ซม. ใบประดับยอ่ ยรปู เสน้ ดา้ ย ยาว 10-25 ซม. ติดทน
ทีเ่ ป็นหมันมี 4-5 อนั ผลรูปรีหรอื เกือบกลม ยาว 3-4 ซม. มีขนสน้ั นมุ่ กลีบเลี้ยง
แยกจรดโคน ขยายในผล ยาว 2-3 ซม. กา้ นผลยาวได้ถงึ 10 ซม. เอนโดสเปิรม์ เรยี บ
(ดเู พ่ิมเตมิ ท่ี มะเกลือ, สกุล)

198

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เทยี นเชียงดาว

ดอกสีเขียวอมเหลอื ง กลบี รวม 6 กลบี เรยี ง 2 วง วงนอกรูปรถี ึงรูปใบหอก ยาว เทียน, สกลุ
4-7 มม. วงในรูปไข่หรือแกมรปู ขอบขนาน ยาว 5-8 มม. เกสรเพศผู้ 6 อนั ปลาย
มีแผ่นคลา้ ยตะขอแนบตดิ อับเรณู ก้านเกสรเพศเมียส้นั ผลรูปรีกว้าง เป็นสัน หอ้ ยลง Impatiens L.
เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 2-3 ซม. (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมที่ ว่านคา้ งคาว, สกุล) วงศ์ Balsaminaceae

พบทแ่ี อฟรกิ า เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ลำ� ตน้ สว่ นมากอวบนำ�้ ใบเรยี งเวยี น เรยี งตรงขา้ ม หรอื เรยี ง
พบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ข้ึนตามชายป่าดิบแล้ง และป่าดิบช้ืน รอบขอ้ ไมม่ หี ใู บหรอื มตี อ่ มคลา้ ยหใู บ ขอบสว่ นมากจกั ฟนั เลอื่ ย ปลายจกั มกั มตี อ่ ม
ความสูงระดบั ต่�ำ ๆ ปา่ ชายหาด หัวใต้ดนิ ใชท้ ำ� แปง้ เท้ายายมอ่ ม เป็นติง่ ดอกสมมาตรดา้ นข้าง ออกเดี่ยว ๆ เป็นคู่ เป็นกระจกุ หรือเปน็ ช่อคล้าย
ช่อกระจะหรอื ชอ่ ซี่รม่ ส่วนมากออกตามซอกใบ ใบประดับขนาดเลก็ สว่ นมากตดิ ท่ี
เอกสารอ้างองิ โคนกา้ นดอก กลีบเล้ยี ง (lateral sepals) มี 2 หรือ 4 กลบี คู่ในมกั มขี นาดเลก็
Phengklai, C. (1993). Taccaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 5-7. หรือลดรปู กลบี ปาก (lower sepal) รปู เรือ รปู กรวย หรือเปน็ ถุง มกั มเี ดอื ยเรียบ
หรือจัก 2 พู กลีบดอก 5 กลบี กลีบกลาง (upper petal) บานออกหรือเปน็ คมุ่
เท้ายายม่อม: ใบประดับรปู ใบหอก ใบประดับยอ่ ยรปู เสน้ ดา้ ย ติดทน ผลเปน็ สนั (ภาพซา้ ย: หาดในยาง ตรัง - RP; มักมสี นั ดา้ นบน กลบี ขา้ งหรือกลบี ปกี (lateral united petals) เชอ่ื มตดิ กนั
ภาพขวา: ตะรุเตา สตลู - PK) หรือแยกเป็นกลบี คู่นอก (basal wings) และกลีบคูใ่ น (distal wings) เกสรเพศผู้
5 อัน ก้านชูอับเรณูเช่ือมติดกัน อับเรณูติดกันเป็นวงคล้ายหมวก มีรังไข่และ
เท้ายายมอ่ มหลวง ยอดเกสรเพศเมียล้อมรอบ อับเรณมู ี 2 ชอ่ ง รงั ไข่มี 4-5 ช่อง พลาเซนตารอบ
แกนร่วม ออวลุ จ�ำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมยี ส้ัน ยอดเกสร 1-5 อนั ผลแหง้ แตก
Melochia umbellata (Houtt.) Stapf รูปกระบองหรอื รูปกระสวย บางครง้ั เตง่ กลาง เมลด็ ขนาดเล็ก
วงศ์ Malvaceae
สกลุ Impatiens เป็นหนึง่ ในสองสกลุ ของวงศ์ อีกสกุลคือ Hydrocera กลบี ปีกแยกกนั
ชื่อพอ้ ง Visenia umbellata Houtt. ผลแบบผลสดมหี ลายเมล็ด ในไทยพบทัง้ 2 สกุล สกลุ Impatiens มปี ระมาณ
1000 ชนิด สว่ นมากพบในแอฟรกิ า และเอเชยี ในไทยมมี ากกว่า 80 ชนิด และมี
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. กง่ิ ออ่ นมขี นรปู ดาวหนาแนน่ หใู บรปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน หลายชนดิ นำ�เขา้ มาเป็นไม้ประดับ เช่น เทยี นดอก I. balsamina L. เทียนนวิ กินี
รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวียน รปู หวั ใจ ยาว 10-24 ซม. เสน้ โคนใบ 5 เสน้ ขอบจักฟันเลือ่ ย I. hawkeri W. Bull เทยี นซลี อน I. repens Moon ex Wight และเทียนฝร่งั I.
กา้ นใบยาว 5-15 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง กา้ นชอ่ ยาว 2-15 ซม. ชอ่ ดอกยอ่ ย walleriana Hook. f. เปน็ ต้น ชอื่ สกุลมาจากภาษาละตนิ “impatient” หมายถึง
แบบช่อซ่รี ่ม ดอกสีชมพหู รอื ขาว กา้ นดอกยาว 3-4 มม. กลบี เลย้ี งรปู ถ้วย แยก การแตกของผลอย่างรวดเรว็
เปน็ 5 แฉก รูปสามเหลยี่ มแคบ มีขนท้ังสองดา้ น กลบี ดอก 5 กลบี แยกจรดโคน
รูปขอบขนานหรือรปู ใบหอก ยาว 5-6 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน โคนเชอ่ื มตดิ กนั เทยี นเขาปูน
ก้านชอู ับเรณูส้นั รงั ไข่มี 5 สนั มีขน ก้านเกสรเพศเมยี 5 อนั แยกกนั รปู เสน้ ดา้ ย
ยอดเกสรแหลม ผลแห้งแตก รปู รี ยาว 1-1.5 ซม. มี 5 สนั สว่ นมากมี 1 เมลด็ ใน Impatiens jiewhoei Triboun & Suksathan
แต่ละชอ่ ง ยาว 6-7 มม. รวมปีก ไมล้ ้มลกุ สงู ได้ถงึ 70 ซม. ใบเรียงเวยี น รูปไข่หรอื แกมรูปขอบขนาน มตี ่อมคู่

พบทอ่ี นิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี นวิ กนี ี และออสเตรเลยี ทโี่ คนใบ กา้ นใบยาว 1-7.5 ซม. ดอกสมี ว่ ง ออกเดี่ยวๆ หรอื เปน็ คู่ ก้านดอกยาว
0.5-1.5 ซม. กลบี เลย้ี ง 4 กลบี คนู่ อกรปู ไข่ ยาว 0.5-1 ซม. ปลายมีตงิ่ แหลม ค่ใู น
สกุล Melochia L. เดมิ อยู่ภายใตว้ งศ์ Sterculiaceae ปัจจบุ นั อย่วู งศย์ อ่ ย Byttner- ยาวประมาณ 3 มม. กลีบปากเปน็ ถุง มรี ว้ิ สีน�้ำตาลแดง กวา้ งประมาณ 1.5 ซม.
ioideae มี 50-60 ชนดิ ในไทยมี 2 ชนิด อกี ชนดิ คือ เส็งเล็ก M. corchorifolia L. ลกึ ประมาณ 1.8 ซม. เดอื ยโคง้ งอ ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี ดอกกลบี กลางคลา้ ย
เปน็ ไม้พมุ่ เตี้ย ใบรูปไขถ่ งึ รูปแถบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแน่น ชอ่ื สกลุ อาจมาจาก รูปหวั ใจ ยาวประมาณ 2 ซม. พับงอ ปลายกลบี เว้าต้นื กลีบปกี ปลายกลบี เว้าตน้ื
ภาษากรกี “meli” น�ำ้ ผึง้ และ “echo” ถอื หมายถงึ ดอกไม้ทีใ่ ห้น�ำ้ หวาน คนู่ อกรปู ไข่ ยาวประมาณ 2.3 ซม. โคนมปี น้ื สเี หลอื ง กลบี คใู่ นรปู ไข่ ยาวประมาณ
เอกสารอ้างอิง 1 ซม. พับงอ ผลรปู กระบอง ยาว 1.5-2.5 ซม.
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 590-595.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีกาญจนบุรี ข้ึนตามเขา
หนิ ปนู ความสงู ประมาณ 100 เมตร คำ� ระบชุ นดิ ตงั้ ตาม Tan Jiew-Hoe ประธาน
Vol. 12: 320. สมาคมการจดั สวนของสงิ คโปร์

เทา้ ยายมอ่ มหลวง: ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ช่อยอ่ ยแบบชอ่ ซร่ี ่ม ก้านเกสรเพศเมีย 5 อนั ผลมี 5 สัน (ภาพซ้ายบน: เทียนคำ�
เขาบรรทดั พัทลงุ , ภาพขวา: ชุมพร; - RP); เส็งเลก็ : ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น (ภาพซ้ายลา่ ง: นครนายก - RP)
Impatiens longiloba Craib
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 3-11 ซม. ขอบ

จักมนถ่ี มีตอ่ มคใู่ กลโ้ คน กา้ นใบยาวได้ถงึ 3 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ก้านชอ่
ยาว 3-5 ซม. มี 2-4 ดอกในแต่ละชอ่ ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรูปเรือ
ยาวประมาณ 4 มม. รว่ งเรว็ ดอกสเี หลอื ง กลบี เลย้ี ง 4 กลบี คนู่ อกรปู ไข่ ยาวประมาณ
6 มม. ปลายมตี ิ่ง คู่ในรูปล่ิม ยาวประมาณ 4 มม. กลีบปากเปน็ ถุงสีแดงอมเหลือง
ปากกลบี เบ้ียว กว้างประมาณ 8 มม. ยาวประมาณ 3 ซม. เรยี วยาวเป็นเดือยชขี้ ึ้น
กลบี ดอกกลบี กลางรปู ไข่ ยาว 1-1.3 ซม. ปลายกลบี กลม กลบี ปกี แฉกลกึ ยาวประมาณ
2.5 ซม. คนู่ อกรปู แถบ ยาวประมาณ 4 เทา่ ของคใู่ น ผลรปู กระสวย ยาวประมาณ
2.5 ซม. เมล็ดมีตุม่

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบเฉพาะทางภาคเหนอื ทเี่ ชยี งใหม่ และเชยี งราย ขนึ้ ตาม
ป่าดิบเขา ความสูง 2000-2500 เมตร

เทียนเชยี งดาว

Impatiens chiangdaoensis T. Shimizu
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-50 ซม. มขี นหยาบตามแผน่ ใบดา้ นบน กา้ นดอก ใบประดบั

กลบี เลยี้ ง กลบี ดอก และผล ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งตรงขา้ มตามโคนตน้ รปู ไขก่ ลบั
แกมรปู ใบหอก ขอบจกั มนห่าง ๆ มตี อ่ มคู่ใกล้โคน ขอบใบมขี นครุย กา้ นใบยาว

199

เทยี นซีลอน สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ได้ถงึ 1 ซม. ดอกสมี ว่ ง ออกเด่ียว ๆ กา้ นดอกยาว 3-5 ซม. กลีบเลี้ยง 2 กลีบ รูปแถบ รูปรี ยาวประมาณ 2 มม. กลีบปากเปน็ ถุง ปากกว้างประมาณ 1.5 ซม. ยาวได้ถงึ
หรอื รูปใบหอก ยาว 3-5 มม. กลบี ปากรูปกรวย กวา้ ง 6-8 มม. ลกึ 5-7 มม. ปลายมี 2.5 ซม. เดือยพับงอ ยาวประมาณ 8 มม. ปลายเดอื ยจักเป็นพตู ืน้ ๆ กลีบดอก
รยางค์แขง็ เดอื ยโคง้ ยาว 2-3 ซม. กลีบดอกกลบี กลางรปู หัวใจ กวา้ ง 1.2-1.4 ซม. กลบี กลางรปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ 1 ซม. พบั งอกลบั ปลายมตี งิ่ แหลม กลบี ปกี บดิ เบย้ี ว
สนั ดา้ นบนเปน็ ปกี แคบ ๆ ปลายมรี ยางค์ กลบี ปกี แฉกลกึ คใู่ นรปู ขอบขนาน ยาว ค่นู อกรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 2 ซม. เช่ือมตดิ กันเกินกง่ึ หนึ่ง ปลายจกั เป็นพู
ประมาณ 1 ซม. ปลายกลบี เวา้ ตน้ื คนู่ อกยาวกวา่ เลก็ นอ้ ย ผลเตง่ กลาง ยาวประมาณ คใู่ นรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 0.7-1.3 ซม. ปลายเวา้ ตน้ื มตี ง่ิ แหลม ผลรปู กระบอง ยาวประมาณ
1.5 ซม. เมลด็ มีขนละเอยี ด 1.5 ซม.

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบเฉพาะทางภาคเหนอื ทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ พชื ถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคเหนอื ทอี่ ำ� เภอเชยี งดาว จังหวดั เชยี งใหม่ ข้นึ ใต้
ขึน้ ตามหินปูนทีโ่ ล่ง ความสูง 1000-2000 เมตร รม่ เงาตามเขาหนิ ปนู ความสงู ประมาณ 850 เมตร คำ� ระบชุ นดิ ตง้ั ตามชอื่ คณุ ดารณี
ดโี รจนวงศ์ ผสู้ นบั สนุนในการศึกษาพืชวงศเ์ ทยี นแกผ่ คู้ น้ พบ
เทียนซลี อน
เอกสารอา้ งอิง
Impatiens repens Moon ex Wight Shimizu, T. (1970). Contribution to the Flora of Southeast Asia. II. Impatiens of
ไมล้ ม้ ลกุ เกาะเลอ้ื ยหรอื ทอดนอน ลำ� ตน้ สนี ำ�้ ตาลแดง มรี ากตามขอ้ ใบเรยี งเวยี น Thailand and Malaya. Southeast Asian Studies 8: 187-217.
________. (1991). New species of the Thai Impateins (1). Journal of Japanese
รปู คล้ายไตหรอื เกอื บกลม กวา้ ง 1-1.7 ซม. ยาว 0.7-1.2 ซม. ปลายมน มีติง่ สัน้ ๆ Botany 66(3): 166-171
แผ่นใบมีขนประปรายด้านบน ขอบจกั มนตน้ื ๆ เสน้ แขนงใบข้างละ 2-3 เส้น Suksathan, P. and P. Triboun. (2009). Ten new species of Impatiens (Balsami-
กา้ นใบยาว 1-2 ซม. ดอกสีเหลือง ออกเด่ียว ๆ กา้ นดอกยาว 2-4 ซม. กลีบเลย้ี ง naceae) from Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 61(1): 159-184.
2 กลบี รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 3.5-5 มม. มขี นตามเสน้ กลางกลบี กลบี ปาก
รปู เรอื ยาว 1.5-1.7 ซม. ด้านนอกมีขน โคนดา้ นในมจี ุดสีนำ้� ตาลแดง เดอื ยม้วนเขา้ เทยี นเขาปนู : กลบี ปากโคนมรี ิ้วสีน�้ำตาลแดง เดอื ยโค้งงอ ปลายมีสเี ขม้ ปลายกลบี ปีกเวา้ ตนื้ โคนกลบี คนู่ อกมีป้นื สีเหลือง
ยาว 7-8 มม. กลบี ดอกกลีบกลางรูปคมุ่ กว้างและยาว 1-1.4 ซม. ปลายแฉกต้ืน ๆ (ภาพ: สลกั พระ กาญจนบรุ ี - PK)
สันกลบี มขี นกระจาย กลบี ปกี ยาว 2-2.3 ซม. คนู่ อกรปู ขอบขนาน ยาว 1.1-1.2 ซม.
ขอบในเว้าต้ืน คูใ่ นรูปไข่ ยาว 1.6-1.7 ซม. ผลรูปกระสวย มขี นสั้นนุ่ม เทยี นคำ� : ขอบใบจักมนถี่ ช่อดอกแบบช่อกระจะ กลีบปากเบย้ี ว เรียวยาวเป็นเดือยชข้ี น้ึ กลบี ปกี คู่นอกยาวประมาณ
4 เท่า ของค่ใู น (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่; ภาพซ้ายและภาพขวาล่าง - RP, ภาพขวาบน - NK)
มีถน่ิ ก�ำเนิดในศรีลังกา ขนึ้ ตามภเู ขาสงู เป็นไมป้ ระดบั ทงั้ ในเอเชยี และยโุ รป
เทยี นเชียงดาว: มขี นหยาบตามแผน่ ใบดา้ นบน กา้ นดอก ใบประดับ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก และผล
เทียนดอย กลบี ดอกกลีบกลางรปู หวั ใจ กลีบปีกแฉกลึก (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่; ภาพซา้ ย - PR, ภาพขวา - SSi)

Impatiens violiflora Hook. f. เทียนซีลอน: ใบรูปคล้ายไต ขอบจักมนหา่ ง ๆ ปลายมีติ่งสั้น ๆ แผ่นใบมีขนด้านบน กา้ นใบยาว ดอกออกเดี่ยว ๆ
ไมล้ ้มลกุ สงู ได้ถงึ 50 ซม. ใบเรยี งเวยี น รูปรีถงึ รูปใบหอก หรอื แกมรูปไข่ ยาว กลีบปากมขี นหนาแน่น เดอื ยม้วนงอ (ภาพ: cultivated - RP)

ไดถ้ ึง 8 ซม. มีต่อมจนจรดก้านใบ แผ่นใบสว่ นมากมขี นด้านบน ก้านใบยาวไดถ้ งึ
4 ซม. ดอกสีมว่ งอมชมพู ออกเด่ยี ว ๆ หรือเปน็ คู่ ก้านดอกยาว 1-3.5 ซม. มีขน
กลีบเลีย้ ง 2 กลบี รูปไข่ ยาว 1-3 มม. กลบี ปากรูปลำ� โพง กว้าง 5-6 มม. ลึกเท่า ๆ กนั
ดา้ นนอกมขี นประปราย เดอื ยโคง้ เลก็ นอ้ ย เรยี ว ยาว 2.5-4 ซม. กลบี ดอกกลบี กลาง
รปู หวั ใจกว้าง ยาว 1-1.2 ซม. สนั บนเปน็ ปกี ปลายมีเขา มีขนประปราย กลบี ปกี
แฉกลกึ ยาว 1.5-1.8 ซม. ดา้ นในมปี น้ื สขี าวและจดุ สเี หลอื ง คใู่ นขนาดใหญก่ วา่ หรอื
เทา่ ๆ คนู่ อก ผลเตง่ กลาง มขี นหนาแนน่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมลด็ มขี นบดิ เวยี น

พบทพี่ มา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
ข้นึ ตามปา่ ดบิ แล้ง และป่าดบิ เขา ความสงู 700-2000 เมตร

เทียนดอยตุง

Impatiens doitungensis Triboun & Sonsupab
ไม้ลม้ ลุก สงู 10-20 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไข่หรือแกมรปู ขอบขนาน ยาว 2-5 ซม.

แผน่ ใบดา้ นลา่ งสเี ขยี วนวล ขอบจกั ทโ่ี คนมตี ง่ิ แหลมตง้ั ขนึ้ มตี อ่ มยาว 2 ตอ่ มทโี่ คน
ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ดอกสชี มพู ออกเดีย่ ว ๆ หรือคู่ ก้านดอกยาว 1-4 ซม. กลบี เล้ยี ง
4 กลีบ คนู่ อกรปู ไข่กว้าง ยาวประมาณ 7 มม. ปลายมตี ิ่งแหลม คูใ่ นคลา้ ยเกลด็
ยาวประมาณ 2 มม. กลีบปากเป็นถุง ดา้ นในมีจุดสนี ำ�้ ตาลแดง ปากกว้างประมาณ
2 ซม. เบย้ี วเล็กน้อย ยาวประมาณ 2.5 ซม. เดอื ยพับงอกลับ ยาว 1-1.3 ซม.
กลีบดอกกลีบกลางรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 1.4 ซม. พับงอกลับ ปลายเว้าตื้น
กลบี ปกี ปลายมีต่ิงแหลม คู่นอกรปู ไขก่ ลับแกมรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2 ซม.
คูใ่ นรูปไข่ ยาว 1-1.2 ซม. เช่อื มติดกนั เกินกึ่งหนึง่ มปี ืน้ สีเหลืองดา้ นใน ผลรปู
กระบอง ยาวประมาณ 1.5 ซม.

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทดี่ อยตงุ จงั หวดั เชยี งราย ขนึ้ ใตร้ ม่ เงา
ตามเขาหนิ ปูนในปา่ ดิบเขา ความสงู ประมาณ 1300 เมตร

เทียนดารณี

Impatiens daraneenae Suksathan & Triboun
ไม้ล้มลุก สงู ได้ถงึ 50 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไข่ ยาวได้ถงึ 6.5 ซม. โคนมีตอ่ มคู่

ก้านใบยาวไดถ้ ึง 4 ซม. ดอกสีมว่ งอ่อน ออกเดี่ยว ๆ หรอื เปน็ กระจกุ 2-3 ดอก กา้ นดอก
ยาวได้ถงึ 1.5 ซม. กลีบเลีย้ งค่นู อกรปู ไขก่ วา้ ง เบ้ยี วเล็กนอ้ ย ยาวประมาณ 5 มม. คใู่ น

200

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เทยี นธารา

สกุล Abroma Jacq. เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Sterculiaceae ปจั จบุ ันอย่วู งศย์ ่อย
Byttnerioideae มชี นิดเดียว ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “broma” อาหาร และ
“a” ไม่ หมายถงึ พืชท่ีไมใ่ ช่อาหาร
เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 542-544.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China

Vol. 12: 322.

เทียนดอย: เดอื ยโคง้ เลก็ น้อย เรยี วยาว กลีบดอกกลบี กลางรปู หวั ใจกว้าง กลบี ปีกคู่ในขนาดเท่า ๆ คู่นอก โคนด้านใน
มปี ื้นขาว มจี ดุ สีเหลอื ง ผลเตง่ กลาง มีขนหนาแนน่ (ภาพ: ภกู ระดึง เลย - PK)

เทียนดอยตุง: ท้องใบมีสเี ขียวนวล กลีบปากด้านในมลี ายจดุ สีนำ�้ ตาลแดง กลบี ดอกกลีบกลางพับงอกลับประมาณ เทยี นดำ� : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ดอกห้อยลง กลีบดอกรูปใบพาย เรียงตรงข้ามกลีบเลี้ยง ผลต้ัง รปู กรวย
กง่ึ หนง่ึ กลีบปกี คนู่ อกเรยี วยาว เชอื่ มตดิ เกนิ กง่ึ หนง่ึ เดอื ยพบั งอกลับ (ภาพ: ดอยตงุ เชียงราย - SSi) ปลายตดั มีสันเป็นปกี กา้ นผลยาว (ภาพ: ถ้ำ� พรรณรา นครศรีธรรมราช - RP)

เทยี นดารณี: ถน่ิ ท่อี ยูต่ ามเขาหินปูน กลบี ปกี บดิ เบ้ยี ว เดอื ยพบั งอกลับ กลีบปีกค่นู อกเชอื่ มตดิ กนั เกินกง่ึ หนึ่ง เทยี นใต้
(ภาพ: เมอื งคลอง-เชยี งดาว เชียงใหม่ - PK)
Impatiens platypetala Lindl.
เทียนด�ำ วงศ์ Balsaminaceae

Abroma augusta (L.) L. f. ชือ่ พ้อง Impatiens betongensis Craib
วงศ์ Malvaceae
ไม้ล้มลุก สงู 30-50 ซม. มเี หงา้ ล�ำต้นเกลีย้ ง หใู บเปน็ ต่อม ใบเรยี งตรงข้าม
ชือ่ พอ้ ง Theobroma augustum L. หรือเรียงรอบขอ้ รปู ขอบขนานถึงรูปใบหอก ยาวไดถ้ งึ 12 ซม. ขอบจกั ต้นื หา่ ง ๆ
แผน่ ใบมีขนยาวประปรายดา้ นล่าง มนี วล กา้ นใบยาว 0.5-4 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ
ไมพ้ มุ่ สูง 1-5 ม. มีขนรปู ดาวตามกิ่ง แผ่นใบ กลบี เลย้ี ง และผล หใู บรูปแถบ ยาว สีมว่ ง ก้านดอกยาว 3-7 ซม. กลบี เลี้ยง 2 กลีบ เป็นต่งิ แหลม ยาว 8-9 มม. กลีบปาก
0.5-1 ซม. รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น รปู หัวใจหรือคลา้ ยฝ่ามอื 3-5 แฉก กวา้ ง 4-18 ซม. รปู เรอื เดอื ยยาว 2-4 ซม. กลบี ดอกกลบี กลางรปู ไขก่ ลบั กวา้ ง ยาวประมาณ 1.5 ซม.
ยาว 8-22 ซม. โคนเบย้ี วเลก็ น้อย ขอบจกั ฟนั เลอื่ ยตนื้ ๆ หรอื เรียบ เสน้ โคนใบ ปลายเวา้ ตน้ื เสน้ กลางกลบี เปน็ สนั ปกี มขี น กลบี ปกี แยกกนั ยาว 2-2.5 ซม. คนู่ อก
ข้างละ 1-3 เสน้ ก้านใบยาวได้ถึง 18 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ยาว มักยาวกว่าคู่ในเล็กน้อย ปลายกลีบจัก 2 พู โคนกลีบสีเข้ม ผลเต่งกลาง ยาว
5-10 ซม. ออกตรงขา้ มใบหรอื ปลายกิ่ง มี 1-5 ดอก ห้อยลง กลีบเล้ยี ง 5 กลีบ 1.5-2 ซม. เมลด็ มีขนยาว (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ เทียน, สกุล)
แยกจรดโคน รูปขอบขนาน ยาว 1.5-1.8 ซม. ตดิ ทน ดอกสีม่วงอมแดง มี 5 กลบี
เรียงตรงขา้ มกลีบเลยี้ ง รปู ใบพาย ยาว 2-2.5 ซม. โคนเรียวแคบเป็นกา้ นสน้ั ๆ พบทคี่ าบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว สมุ าตรา และชวา ในไทยพบทางภาคใตท้ รี่ ะนอง
แนบตดิ เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั เกสรเพศผู้ 15 อนั กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั อบั เรณู สรุ าษฎร์ธานี ยะลา ปตั ตานี ขึ้นตามริมล�ำธารในปา่ ดบิ ชนื้ และบนเขาหินปูน ความสงู
แยกเปน็ 5 กลมุ่ ติดระหวา่ งเกสรเพศผทู้ ่เี ปน็ หมันทม่ี ี 5 อนั ติดหนั ออก เกสรเพศผู้ 200-500 เมตร คลา้ ยเทยี นปา่ I. griffithii Hook. f. & Thomson var. sarcantha
ทเ่ี ปน็ หมนั ขอบมขี นครยุ รงั ไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมยี รปู กระสวย จกั 5 พู ผลแหง้ แตก (Hook. f. ex Ridl.) T. Shimizu แตเ่ ทียนปา่ ช่วงโคนลำ� ต้นทอดเล้ือย ลำ� ต้นและใบ
รปู กรวย ปลายตัด ต้ังขึน้ กวา้ งยาว 4-6 ซม. สงู 2.5-3 ซม. มี 5 สันเปน็ ปีก ก้านผล มีขนยาว กา้ นใบเกือบไรก้ า้ นหรือมกี า้ นสนั้ ๆ
ยาวได้ถงึ 4 ซม. เมล็ดจำ� นวนมาก สดี �ำ ขนาดประมาณ 2 มม.
เทียนทุ่ง
พบที่อนิ เดีย จีน เวียดนาม ภมู ิภาคมาเลเซยี ฟิลิปปนิ ส์ ออสเตรเลีย และ
หมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ตาม Impatiens masonii Hook. f.
ทโี่ ลง่ รมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ
500 เมตร เปลอื กใช้ทำ� เชอื ก รากและใบใชข้ ับระดู ขับปัสสาวะ มีสรรพคณุ ลด ชือพ้อง Impatiens pseudochinensis T. Shimizu
นำ้� ตาลในเลือด และรักษาโรคฝีหนอง
ไม้ล้มลุก สงู 30-50 ซม. มหี ูใบเป็นตอ่ ม ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปแถบ ยาว 3-15 ซม.
โคนตดั หรอื รปู หวั ใจ ไรก้ า้ น ขอบจกั ซฟี่ นั หา่ ง ๆ แผน่ ใบมนี วลดา้ นลา่ ง ดอกสชี มพู
ออกเดย่ี ว ๆ หรอื เปน็ คู่ ก้านดอกยาว 3-5 ซม. เกลี้ยง กลบี เล้ยี ง 2 กลบี รูปไข่ ยาว
0.7-1 ซม. กลีบปากกว้าง 1-1.5 ซม. ลกึ ประมาณ 1 ซม. เดอื ยโค้งยาว 2.5-3.5 ซม.
กลบี ดอกกลบี กลางรปู หวั ใจ ยาว 1.2-1.8 ซม. ปลายเวา้ ตนื้ กลบี ปกี ยาว 2.5-3.5 ซม.
คู่นอกรปู ไข่กลับ ยาว 2-2.5 ซม. คู่ในรูปรกี วา้ ง ยาว 1.2-1.5 ซม. ปลายเว้าตน้ื
ผลเตง่ กลาง เกล้ยี ง (ดขู อ้ มูลเพม่ิ เตมิ ที่ เทียน, สกุล)

พบที่พม่าตอนบน ในไทยพบทางภาคเหนือท่ีเชียงใหม่ ล�ำพูน เพชรบูรณ์
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทภี่ กู ระดงึ จงั หวดั เลย และภเู ขยี ว จงั หวดั ชยั ภมู ิ ขน้ึ ตาม
ทุ่งหญ้าในป่าเต็งรังหรือป่าสนเขา ความสูง 800-1300 เมตร คล้ายหญ้าเทียน
I. chinensis L. แตก่ ้านดอกเกลย้ี ง กลีบเลีย้ งรูปไข่ และกลีบปกี ค่ใู นใหญ่กว่า

เทียนธารา

Impatiens mengtszeana Hook. f.
ไม้ล้มลกุ หรอื ทอดเล้ือย มีรากตามขอ้ สงู ได้ถงึ 60 ซม. ใบเรียงเวยี น รปู ไข่กลบั

หรือรปู ใบหอก ยาว 3.5-8 ซม. กา้ นใบยาวได้ถึง 2.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ
กา้ นชอ่ ยาว 3-5 ซม. มี 1-2 ดอกในแตล่ ะชอ่ ใบประดบั ยอ่ ยรปู ใบหอก ยาวประมาณ

201

เทยี นนกแก้ว สารานุกรมพืชในประเทศไทย

7 มม. กา้ นดอกยาว 1-2.5 ซม. ดอกสเี หลอื ง กลบี เลยี้ ง 2 กลบี รปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ เทยี นทุ่ง: ใบเรยี งตรงขา้ ม โคนใบรปู หัวใจ แผ่นใบด้านล่างมีนวล ไรก้ า้ น ดอกออกเดีย่ ว ๆ หรอื เป็นคู่ กลบี ดอก
1 ซม. ปลายมีติ่ง กลีบปากรูปล�ำโพง กว้างประมาณ 1.8 ซม. ลกึ ประมาณ 1.5 ซม. กลบี กลางรูปหวั ใจ ปลายเวา้ ตืน้ กลบี ปีกคู่ในมขี นาดใหญก่ วา่ หญ้าเทียน (ภาพ: ภูกระดึง เลย - PK)
เดอื ยมว้ นงอเข้า ยาว 1.5-2 ซม. กลีบดอกกลบี กลางรปู รกี ว้าง ยาว 1.3-1.6 ซม.
ปลายกลบี คลา้ ยรปู หวั ใจ กลบี ปกี แฉกลกึ คนู่ อกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1.5 ซม. เทียนธารา: ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ มี 1-2 ดอก กลีบปีกคนู่ อกรปู ขอบขนาน กลบี คู่ในรปู รกี ว้าง กลบี ปากรปู ลำ� โพง
มีตง่ิ ทโ่ี คน คูใ่ นรปู รีกว้าง ยาวเทา่ ๆ คนู่ อก ผลรูปกระบอง ยาว 1-1.5 ซม. (ดูขอ้ มูล เดอื ยมว้ นงอ (ภาพ: ดอยสุเทพ เชยี งใหม่ - SSi)
เพิ่มเตมิ ท่ี เทยี น, สกลุ )
เทียนนกแก้ว: ดอกหอ้ ยลง เดอื ยคล้ายตะขอ กลีบปกี คู่นอกยาวเปน็ สองเท่าของกลีบคู่ใน ด้านในมแี ถบสนี ำ้� ตาลแดง
พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทด่ี อยสเุ ทพ และดอยอนิ ทนนท์ ผลรูปกระบอง (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - PK)
จังหวัดเชยี งใหม่ ข้ึนริมล�ำธารในป่าดิบเขา ความสูง 800-1500 เมตร
เทยี นนกอัคค:ี ช่อดอกแบบช่อกระจะ ดอกจ�ำนวนมาก กลีบปากเบย้ี ว มีรว้ิ สีน้�ำตาลแดง เดอื ยโคง้ งอ กลีบเลี้ยงค่ใู น
เทียนนกแก้ว ยาวกวา่ ค่นู อก กลบี ปกี มสี ีเหลอื งหรือแดงแตม้ เปน็ รวิ้ (ภาพ: ดอยภูคา นา่ น - SSi)

Impatiens psittacina Hook. f. เทยี นนา
ไมล้ ้มลกุ สงู ไดถ้ ึง 30 ซม. ใบเรยี งเวียน รูปไข่กลบั แกมรปู ใบหอก ปลายยาว
Hydrocera triflora (L.) Wight & Arn.
คล้ายหาง มีต่อมคูท่ โี่ คน ก้านใบยาวไดถ้ ึง 7 ซม. ดอกออกเดย่ี ว ๆ หรือเป็นคู่ วงศ์ Balsaminaceae
กา้ นดอกยาว 2.5-4 ซม. ใบประดบั มีขนหยาบ ดอกสมี ว่ งออ่ น ห้อยลง กลบี เลย้ี ง
2 กลบี รปู รกี วา้ ง ยาวประมาณ 1 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม กลบี ปากรปู กรวย กวา้ งประมาณ ช่อื พอ้ ง Impatiens triflora L.
1.8 ซม. ลึกประมาณ 2.5 ซม. เดือยคล้ายตะขอ ยาวประมาณ 5 มม. โคนแนบตดิ
กลีบปาก กลีบดอกกลีบกลางรปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 1.6-1.8 ซม. ปลายเว้าตน้ื ไมล้ ม้ ลกุ ขน้ึ ในนำ้� หรอื บนบก สงู ได้ถึง 1.5 ม. ล�ำตน้ เป็นเหลยี่ ม อวบน�้ำ สว่ นท่ี
แกนกลางกลีบมตี ง่ิ แหลม มปี กี ดา้ นลา่ ง กลบี ปกี แยกกัน คูน่ อกรูปขอบขนาน ด้านใน อยใู่ ตน้ ำ้� มลี กั ษณะคลา้ ยฟองนำ�้ สขี าว ใบเรยี งเวยี น รปู รถี งึ รปู แถบ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย
มีแถบสีน�ำ้ ตาลแดง ยาวประมาณสองเทา่ ของคใู่ น คู่ในรูปกลม ผลรปู กระบอง ไร้ก้านหรอื ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ก้านช่อยาว
ยาวประมาณ 2.5 ซม. เมล็ดมีตุม่ ละเอียด (ดูขอ้ มลู เพิม่ เติมที่ เทยี น, สกลุ ) 0.5-1.5 ซม. แต่ละชอ่ มี 3-5 ดอก หอ้ ยลง ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว 0.5-1 ซม.
ร่วงเรว็ ก้านดอกยาว 1-3 ซม. ดอกสชี มพอู อ่ น มีสีแดงหรือม่วงแซม กลบี เลีย้ ง
พบท่ีพม่าตอนบน และภาคเหนือของไทยที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ดา้ นขา้ ง 4 กลบี คใู่ นรปู ขอบขนาน ยาว 1-1.5 ซม. คนู่ อกรปู ใบหอกกลบั กลบี เลยี้ ง
ข้ึนตามหนิ ปนู ที่โล่ง ความสงู 1000-2000 เมตร กลบี ปากรูปเรอื ยาว 1.5-2 ซม. เดือยโค้ง ยาว 6-8 มม. กลีบดอก 5 กลบี แยกกัน
กลบี กลางรูปไขก่ ลบั ยาว 1.5-2 ซม. กลีบข้างคูน่ อกรูปขอบขนาน ยาว 2-2.5 ซม.
เทยี นนกอัคคี คใู่ นรปู ไขก่ ลบั ยาว 1.3-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั เชอื่ มตดิ กนั บางสว่ น ยาวประมาณ
1 ซม. รงั ไข่ 5 ชอ่ งตดิ กนั แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว ผลคลา้ ยผลสดมหี ลายเมลด็
Impatiens clavigera Hook. f. มี 5 เหลย่ี ม กวา้ ง 7-8 มม. ยาว 0.8-1 ซม. ผลแก่สีแดง เปล่ียนเป็นสดี �ำ
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 60 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไข่ แกมรปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก

ยาว 5-18 ซม. ขอบจกั มน กา้ นใบยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ กา้ นช่อยาว
2-10 ซม. ก้านดอกยาว 1-2 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยยาว 3-4 มม. รว่ งเร็ว ดอกสีขาวข่นุ
มรี ้ิวสนี �้ำตาลแดง กลบี เลี้ยง 4 กลบี คู่นอกรปู ไข่ เบีย้ ว ยาว 0.8-1.2 ซม. ปลาย
แหลมยาว คใู่ นรปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 1.7 ซม. กลบี ปากเปน็ ถงุ เบย้ี ว กวา้ งประมาณ
2 ซม. ยาว 2-2.5 ซม. เดือยยาวประมาณ 1 ซม. โคง้ งอ กลีบดอกกลีบกลางรูปไขก่ ลับ
ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายมน มีต่งิ แหลม กลางกลีบเป็นสนั กลีบปีกยาว 2-2.5 ซม.
คใู่ นรปู กลม คนู่ อกรปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั ยาวกวา่ คใู่ น มสี เี หลอื งหรอื แดง
แตม้ เปน็ รว้ิ ผลรปู กระบอง ยาวประมาณ 1.5 ซม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ เทยี น, สกลุ )

พบทจ่ี นี ตอนใต้ เวยี ดนามตอนบน ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเ่ี ชยี งใหม่ เชยี งราย
นา่ น ขนึ้ ตามปา่ ดิบเขา ความสงู 1200-1500 เมตร อนึง่ ชื่อไทยตั้งจากช่ือภาษาจนี
‘bang feng xian hua’ ทหี่ มายถงึ นกฟีนิกส์หรือนกอคั คี

เอกสารอา้ งอิง
Chen, Y., S. Akiyama and T. Shimizu. (2007). Balsaminaceae. In Flora of China
Vol. 12: 63, 92.
Shimizu, T. (1970). Contribution to the Flora of Southeast Asia II. Impatiens of
Thailand and Malaya. Southeast Asian Studies 8: 187-217.

เทียนใต:้ ล�ำต้นเกล้ยี ง ใบเรยี งเวยี นรอบขอ้ 3-5 ใบ รูปใบหอก ขอบจักตนื้ ห่าง ๆ กา้ นดอกยาว ดอกออกเด่ยี ว ๆ
กลบี ปีกแยกกนั ผลเต่งกลาง (ภาพ: บนั นงั สตา ยะลา - MP)

202

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย เทยี นแพงพวย

พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา ไหห่ นาน ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค เทียนผาไทย
ขนึ้ เปน็ วชั พชื ตามทุ่งนา ท่โี ลง่ ทช่ี ้นื แฉะ ความสงู ไม่เกนิ 100 เมตร
Impatiens nalampoonii T. Shimizu
สกุล Hydrocera Blume ex Wight & Arn. มเี พียงชนิดเดยี ว พบเฉพาะในเอเชยี ไมล้ ม้ ลุก สงู 30-40 ซม. ใบเรียงเวยี น รปู ไข่หรือรูปใบหอก มตี ่อมคูท่ โี่ คน ก้านใบ
เขตรอ้ น ลกั ษณะทั่วไปคล้ายกบั สกุลเทยี น Impatiens แตด่ อกสกลุ เทียน มีกลบี
ดอกกลีบขา้ งเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ กลีบปีก และผลแบบผลแห้งแตก ยาวได้ถึง 4 ซม. ดอกสมี ว่ ง หอ้ ยลง ออกเดี่ยว ๆ หรือเปน็ คู่ ก้านดอกยาว 1-2 ซม.
เอกสารอ้างอิง กลบี เลี้ยง 2 กลีบ รปู รีกว้าง ยาวประมาณ 8 มม. ปลายมตี ง่ิ กลีบปากเป็นถุง
Chen, Y., S. Akiyama and H. Ohba. (2007). Balsaminaceae. In Flora of China กวา้ งประมาณ 2.3 ซม. ลกึ ประมาณ 2 ซม. ดา้ นในมปี น้ื สเี หลอื ง เดอื ยคลา้ ยตะขอ
สน้ั ๆ มว้ นงอ กลีบดอกกลีบกลางรูปไข่ ยาวประมาณ 1.7 ซม. ปลายกลีบเว้าตน้ื
Vol. 12: 113. โคนดา้ นนอกแกนกลางเป็นสนั ปกี กลีบปกี เชื่อมตดิ กัน แฉกลึกประมาณ 7 มม.
Grey-Wilson, C. (1980). Hydrocera triflora, its floral morphology and relationship ค่นู อกคลา้ ยครึ่งวงกลม ยาวประมาณ 2.5 ซม. คูใ่ นรูปไข่ ยาวประมาณ 1.8 ซม.
ผลรปู กระสวย เตง่ กลาง ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมล็ดมีตมุ่ ละเอียด (ดขู อ้ มลู เพ่มิ เติม
with Impatiens. Kew Bulletin 35: 213-219. ที่ เทยี น, สกลุ )

เทยี นนา: ถน่ิ ท่ีอยเู่ ป็นกล่มุ ใหญต่ ามท่ชี ืน้ แฉะ ลำ� ตน้ เปน็ เหลยี่ ม ช่อดอกสน้ั ออกตามซอกใบ มี 3-5 ดอก ผลคล้ายผล พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ทล่ี ำ� ปาง ภาคกลางทส่ี ระบรุ ี
สดมหี ลายเมล็ด รูป 5 เหลี่ยม (ภาพดอกและถิ่นทอี่ ยู่: นครนายก, ภาพผล: หนองทุ่งทอง สุราษฎรธ์ านี; - RP) และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู ความสงู 100-800 เมตร
ค�ำระบุชนดิ ต้งั ตามช่ือนายอนนั ต์ ณ ลำ� พนู ผูร้ ่วมสำ� รวจพืชวงศ์เทียน
เทยี นป่า
เทยี นพระบาท
Impatiens griffithii Hook. f. & Thomson var. sarcantha (Hook. f. ex
Ridl.) T. Shimizu Impatiens charanii T. Shimizu
ไมล้ ม้ ลุก สงู ได้ถงึ 60 ซม. ใบเรียงเวยี น รปู รหี รือรปู ขอบขนาน ยาว 3-22 ซม.
วงศ์ Balsaminaceae
มีต่อมค่ทู โ่ี คน กา้ นใบยาวได้ถงึ 3 ซม. ดอกสีมว่ งอมชมพู ออกเดีย่ ว ๆ หรือเปน็ คู่
ชอ่ื พ้อง Impatiens sarcantha Hook. f. ex Ridl. ก้านดอกยาวไดถ้ งึ 3 ซม. มีขนสั้น กลบี เลยี้ ง 4 กลีบ คู่นอกติดกันคล้ายถงุ มีขน
ประปราย คใู่ นรูปแถบสน้ั ๆ กลีบปากเปน็ ถุง กว้างยาวประมาณ 8 มม. เดอื ยสน้ั
ไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 40 ซม. มีขนหยาบหนาแน่นหรือประปรายตามล�ำต้น จกั 2 พู กลีบดอกกลบี กลางรูปรี ยาวประมาณ 1.3 ซม. ดา้ นบนมีติ่งคลา้ ยเขา
แผน่ ใบ และกา้ นดอก หใู บมตี อ่ ม ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื รอบขอ้ 3-5 ใบ รปู ใบหอก กลีบปกี แฉกลึก ค่ใู นกลม ยาวประมาณ 1.2 ซม. คู่นอกรูปขอบขนาน ยาวประมาณ
หรอื แกมรปู ไข่ ขอบจกั ซฟี่ นั หา่ ง ๆ แผน่ ใบดา้ นล่างมีนวล ก้านใบสนั้ ดอกออกเดีย่ ว ๆ 2.5 ซม. ปลายเวา้ ตืน้ ด้านในมปี ้ืนสเี หลอื งและจุดสีสม้ แดง โคนมเี ขาแหลม 1 คู่
สมี ่วงอมชมพู กา้ นดอกยาว 3-7 ซม. กลบี เล้ยี ง 2 กลบี รปู ไขแ่ กมรูปขอบขนาน ยาว ผลยาวประมาณ 1.5 ซม. เปน็ รอ่ งตามยาว มีขน (ดูขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ที่ เทยี น, สกุล)
ประมาณ 8 มม. กลบี ปากรูปเรอื กว้าง 7-9 มม. ลึก 1-2 มม. เดือยยาว 3-3.5 ซม.
โค้งเล็กนอ้ ย กลีบดอกกลบี กลางรูปไข่กลับกวา้ ง ยาว 1.2-1.6 ซม. เส้นกลางเปน็ พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคกลางทพี่ ระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบรุ ี ขนึ้ ใตร้ ม่ เงา
ปกี แคบ กลบี ปกี แฉกลกึ ยาว 1.5-2 ซม. คนู่ อกใหญก่ วา่ คใู่ นเลก็ นอ้ ย ผลเตง่ กลาง บนเขาหนิ ปนู ความสงู 100-300 เมตร คำ� ระบชุ นดิ ตงั้ ตามชอ่ื นายจรญั ฉ. เจรญิ ผล
ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมล็ดมขี นยาว (ดูขอ้ มลู เพมิ่ เติมที่ เทียน, สกลุ ) อดีตหัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์พุแค จงั หวัดสระบรุ ี ผ้รู ว่ มสำ� รวจพืชวงศ์เทยี น

พบทค่ี าบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ตี่ ราด (เขากวบ) เทยี นพงั งา
และภาคใตท้ ีร่ ะนอง พงั งา กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรังสงขลา ขึน้ ตามทีช่ น้ื แฉะ
ในป่าดิบชืน้ หรือทีโ่ ล่งในป่าดิบเขา ความสงู ถึงประมาณ 1200 เมตร คล้ายเทียนใต้ Impatiens macrosepala Hook. f.
I. platypetala Lindl. ล�ำต้นและใบส่วนมากเกลยี้ ง ส่วน var. griffithii พบที่ ไมล้ ม้ ลุก สงู 20-50 ซม. ใบเรยี งเวยี น รูปรถี งึ รปู ขอบขนาน ยาว 5-17 ซม. มี
คาบสมุทรมลายู ใบเรยี วแคบกวา่
ตอ่ มคทู่ โี่ คน ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง โคนมกั เบย้ี ว แผน่ ใบมขี นกระจาย
เทยี นปีกผีเสอื้ ท้งั สองด้าน กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 10 ซม. ดอกสขี าว ออกเด่ยี ว ๆ หรือเปน็ คู่ กา้ นดอก
ยาวไดถ้ ึง 1.5 ซม. มีขน กลีบเล้ยี ง 4 กลบี คูน่ อกรปู ไข่เชือ่ มตดิ กัน ยาว 1-1.2 ซม.
Impatiens patula Craib ปลายมตี งิ่ แหลม คใู่ นรปู แถบ ยาวประมาณ 3 มม. กลบี ปากเปน็ ถงุ กวา้ งประมาณ
ไม้ล้มลุก สูง 10-40 ซม. ใบเรียงเวียน รปู ใบหอก ยาวได้ถึง 8 ซม. มีต่อมคู่ 1 ซม. ลึกประมาณ 5 มม. เดือยส้ัน จกั 2 พู กลบี ดอกกลีบกลางรูปไข่กลบั ยาว
ประมาณ 8 มม. ดา้ นบนเปน็ สันปีก ปลายมเี ขาสั้น ๆ กลบี ปีกยาว 1.4-1.8 ซม.
ใกล้โคน แผ่นใบมขี นส้ันนุ่มท้งั สองด้าน ด้านบนมีครยุ กา้ นใบยาวได้ถึง 3 ซม. คนู่ อกรปู ขอบขนาน ปลายเวา้ ตน้ื ดา้ นในมปี น้ื สเี หลอื งและจดุ สสี ม้ แดง โคนเปน็ สนั
ดอกออกเดี่ยว ๆ สชี มพอู มม่วง กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 2.5 ซม. มีขนยาว กลบี เลีย้ งคู่ขา้ ง คลา้ ยเขา คู่ในรปู รกี วา้ ง ผลเต่งกลาง ยาว 2-3 ซม. เมลด็ มตี ุ่ม (ดูขอ้ มูลเพิ่มเติมท่ี
รปู แถบหรอื รูปใบหอก ยาว 3-3.5 มม. ด้านนอกมีขนหยาบ กลบี ปากรูปกรวย เทยี น, สกุล)
กวา้ งและลกึ ประมาณ 5 มม. มขี นละเอยี ด เดอื ยตรงหรอื โคง้ เลก็ นอ้ ย ยาว 2-3 ซม.
กลบี ดอกกลบี กลางรปู หวั ใจ ยาวประมาณ 7 มม. เสน้ กลางกลบี มขี นหยาบ ปลาย พบทคี่ าบสมทุ รมลายู และภาคใตข้ องไทยทพ่ี งั งา กระบ่ี นครศรธี รรมราช และ
มสี นั เปน็ เขา กลบี ปกี แยกกนั ยาวประมาณ 1.4 ซม. คใู่ นยาวกวา่ คนู่ อก กางออก ตรัง ขน้ึ บนเขาหนิ ปนู ในปา่ ดิบชืน้ ความสงู ถงึ ประมาณ 150 เมตร
คลา้ ยปกี ผเี สอื้ ผลเต่งกลาง มขี นหยาบ (ดขู ้อมูลเพิม่ เติมท่ี เทียน, สกลุ )
เทียนแพงพวย
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบหนาแนน่ ทางภาคเหนอื ทด่ี อยหวั หมด จงั หวดั ตาก และ
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี ขนึ้ ตามหนิ ปนู ทโี่ ลง่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร Impatiens spectabilis Triboun & Suksathan
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 40 ซม. มรี ากตามขอ้ ใกลโ้ คน ใบเรยี งเวยี น รปู ไขถ่ งึ รปู ใบหอก

ยาว 5-11 ซม. ขอบใบจกั ฟนั เลอื่ ยตนื้ หา่ ง ๆ โคนมตี อ่ มครู่ ปู กระบอง กา้ นใบยาว
1-3.5 ซม. ดอกสชี มพอู มมว่ ง ออกเด่ยี ว ๆ หรอื เป็นคู่ ก้านดอกยาวได้ถึง 3 ซม.
กลีบเล้ยี ง 4 กลบี ค่นู อกรูปไข่ ยาว 0.6-1 ซม. ค่ใู นลดรูปคล้ายเกลด็ กลีบปาก
รปู กรวยตนื้ ๆ กวา้ งประมาณ 1.4 ซม. ลกึ ประมาณ 6 มม. เดอื ยเรยี วโคง้ ยาวประมาณ
4.5 ซม. กลีบดอกกลบี กลางรปู หัวใจ ยาวประมาณ 1.3 ซม. กลบี ปีกแฉกลึก
ขนาดเท่า ๆ กัน รูปไข่กลบั ยาว 1.7-2.3 ซม. ปลายมตี งิ่ โคนชดิ กัน ผลเตง่ กลาง
(ดูขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ท่ี เทยี น, สกลุ )

พบทพี่ มา่ ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู
ความสงู 100-200 เมตร

203

เทยี นภูหลวง สารานุกรมพืชในประเทศไทย

เทยี นภูหลวง เทยี นปกี ผเี สอื้ : ใบเรยี งเวยี น เดอื ยโคง้ เล็กน้อย กลีบดอกกลีบกลางรปู หวั ใจ กลีบปีกแยกกนั กางออกคลา้ ยรูปผีเส้อื
(ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - RP)
Impatiens phuluangensis T. Shimizu
ไม้ลม้ ลกุ สูง 50-60 ซม. ใบเรียงเวยี น รูปใบหอกหรอื รปู ไข่ แผน่ ใบดา้ นบน เทียนผาไทย: ดอกห้อยลง กลีบเลีย้ งคู่ขา้ งรูปรีกวา้ ง ปลายมตี ่ิง กลีบปากเปน็ ถงุ ด้านในสีเหลอื ง เดือยสัน้ ม้วนงอ
กลีบปีกเช่อื มตดิ กัน กลีบดอกกลบี กลางรูปไข่ ปลายกลีบเว้า คนู่ อกคลา้ ยครึ่งวงกลม ยาวกวา่ คใู่ น (ภาพ: ลำ� ปาง - PK)
มขี นสน้ั นมุ่ มขี นหยาบตามเสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 3.5 ซม. ดอก
สชี มพอู มมว่ งสด ออกเด่ยี ว ๆ หรือเปน็ กระจุก 2-3 ดอก ก้านดอกยาว 5-6 ซม. เทยี นพระบาท: กลีบดอกกลบี กลางรูปรี ด้านบนมีติ่งคล้ายเขา กลีบปีกแฉกลกึ คใู่ นกลม คูน่ อกรูปขอบขนาน
ใบประดบั มขี นครยุ กลบี เลย้ี ง 2 กลบี รปู แถบหรอื รปู ใบหอก ยาว 6-8 มม. มขี นหยาบ ปลายเว้าต้นื ดา้ นในมีปืน้ สีเหลอื งและจดุ สสี ม้ แดง โคนมีเขาแหลม 1 คู่ (ภาพ: พระพทุ ธบาท สระบุรี - RP)
กลีบปากรปู เรือ กวา้ งประมาณ 1 ซม. ปลายมรี ยางค์แข็ง เดอื ยรปู เส้นด้าย ยาว 4-5 ซม.
กลบี ดอกกลีบปากรูปหวั ใจ กวา้ งไดถ้ งึ 2.5 ซม. ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. เสน้ กลางกลบี มี เทยี นพังงา: กลบี ปากเปน็ ถุงกว้าง เดอื ยส้ัน จัก 2 พู กลบี ดอกกลีบกลางดา้ นบนเป็นสนั ปกี ปลายมเี ขาสน้ั ๆ
ขนหยาบ ปลายเปน็ เขาแคบ ๆ ยาวประมาณ 4 มม. กลบี ปกี คนู่ อกรปู ขอบขนาน กลบี ปกี คู่นอกรูปขอบขนาน ด้านในมปี ้ืนสีเหลอื งและจุดสีส้มแดง โคนเปน็ สันคลา้ ยเขา ผลเตง่ กลาง (ภาพ: กระบ่ี - PK)
ยาวประมาณ 1.4 ซม. ปลายเวา้ ตนื้ โคนมสี เี หลอื งแตม้ คใู่ นคลา้ ยรปู หวั ใจ ขนาด
ใหญก่ วา่ คู่นอก ผลเต่งกลาง มขี นหยาบ เมล็ดมขี นละเอียด (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เติมที่
เทยี น, สกลุ )

พชื ถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคเหนือท่ีภูหินรอ่ งกล้า จงั หวัดพิษณุโลก และ
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทภ่ี หู ลวง จงั หวดั เลย ขนึ้ ตามแผน่ หนิ ทชี่ น้ื แฉะ ความสงู
1300-1500 เมตร

เทียนเมืองกาญจน์

Impatiens kanburiensis T. Shimizu
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. มขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ตามกงิ่ ออ่ น กา้ นใบ และกลบี เลย้ี ง

ดา้ นนอก ใบรูปรแี กมรปู ขอบขนาน ยาวได้ถงึ 4.5 ซม. มีตอ่ มคูท่ ี่โคนขอบใบ ก้าน
ใบยาว 1-2 ซม. ดอกสีขาวอมม่วง ออกเดย่ี ว ๆ กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลบี เล้ียง
4 กลบี คใู่ นขนาดเลก็ คนู่ อกเชอื่ มตดิ กนั เปน็ กระเปาะ ปลายแยก 2 แฉกตนื้ ๆ ปลาย
มีตง่ิ แหลม กลบี ปากเป็นถุง กว้างประมาณ 8 มม. ดา้ นในมจี ดุ สีน�้ำตาลอมเหลือง
โคนมปี น้ื สเี หลอื ง เดือยส้นั ๆ 1 คู่ กลบี ดอกกลบี กลางรูปไขก่ ลบั ยาวประมาณ 1 ซม.
ปลายมตี งิ่ แหลม กลบี ปีกยาวประมาณ 2 ซม. คู่นอกยาวประมาณ 1.2 ซม. ปลายเวา้ ต้นื
ที่โคนมเี ขา ผลเตง่ กลาง เมลด็ มีขนสน้ั นมุ่ (ดขู อ้ มูลเพ่ิมเตมิ ที่ เทยี น, สกลุ )

พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ขึ้นตามเขา
หินปูน ความสูง 100-350 เมตร

เทยี นรัศมี

Impatiens radiata Hook. f.
ไมล้ ม้ ลกุ สูงไดถ้ งึ 80 ซม. ใบเรยี งเวยี น รูปขอบขนานถึงรปู ใบหอก หรือแกมรูปไข่

ยาว 6-14 ซม. ขอบจกั มนลึกถ่ี กา้ นใบยาว 0.5-2.5 ซม. มีตอ่ มคูท่ ี่โคน ชอ่ ดอกแบบ
ช่อกระจะ เรยี งออกเปน็ รัศมีเกือบเปน็ วงรอบ กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ปลายใบ
ประดบั มีต่อม กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. ใบประดับย่อยคล้ายใบประดบั ดอกสขี าวอม
ชมพู กลีบเลี้ยง 2 กลีบ ขนาดเล็ก ปลายมตี ่ิง กลบี ปากเปน็ ถงุ โคนเรยี ว ยาว 6-7 มม.
เดือยยาวไดถ้ งึ 2 ซม. กลีบดอกกลีบปากรปู ค่มุ ปลายมีจะงอย กลบี ปีกแยกกัน
ยาว 1-1.4 ซม. คนู่ อกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม. คใู่ นรปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ
3 มม. ผลรูปแถบ เกล้ยี ง ยาวประมาณ 2 ซม. (ดขู ้อมูลเพ่มิ เติมที่ เทยี น, สกุล)

พบทอี่ ินเดยี ภูฏาน เนปาล จนี ตอนใต้ และพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือท่ี
ดอยอนิ ทนนท์ จงั หวดั เชยี งใหม่ ขน้ึ ใตร้ ม่ เงาในปา่ ดบิ เขาทมี่ คี วามชมุ่ ชน้ื สงู ความสงู
2400-2500 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Chen, Y., S. Akiyama & T. Shimizu. (2007). Balsaminaceae. In Flora of China
Vol. 12: 76.
Shimizu, T. (1970). Contribution to the Flora of Southeast Asia II. Impatiens of
Thailand and Malaya. Southeast Asian Studies 8: 187-217.
________. (1991). New species of the Thai Impatiens (1). Journal of Japanese
Botany 66(3): 166-171.

เทียนปา่ : ใบเรียงตรงข้ามหรือเวียนรอบขอ้ มีขนยาว กลบี ปากตื้น เดอื ยเรียวยาว โคง้ กลีบปีกแฉกลกึ เทยี นแพงพวย: กลีบดอกกลีบกลางรูปหวั ใจ กลบี ปกี ขนาดเท่า ๆ กัน (ภาพซา้ ย: กาญจนบุรี - RP); เทยี นภูหลวง:
(ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - RP) กลบี เลีย้ งมีขน กลีบดอกกลบี ปากรปู หัวใจ กลีบปีกคใู่ นขนาดใหญ่กว่าคู่นอก (ภาพขวา: พษิ ณโุ ลก - PK)

204

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย เทียนสุขสถาน

เทียนเมืองกาญจน:์ กลบี เลี้ยงคนู่ อกเชื่อมติดกนั เป็นกระเปาะ ปลายแยก 2 แฉก เดือยส้ัน มี 1 คู่ กลีบดอกกลีบกลาง เทยี นสว่าง
ปลายมีตง่ิ แหลม กลีบปีกคูน่ อกปลายกลบี เวา้ โคนมเี ขา (ภาพ: กาญจนบรุ ;ี ภาพซา้ ย - RP, ภาพขวา - SSi)
Impatiens putii Craib
เทยี นรศั มี: ชอ่ ดอกเรยี งออกเป็นรศั มี กลบี เลี้ยงคขู่ ้างขนาดเล็ก กลีบดอกกลบี ปากรูปคุ่ม เดอื ยเรยี วยาว กลบี ปีกคใู่ น วงศ์ Balsaminaceae
ขนาดเลก็ คนู่ อกรูปขอบขนาน ผลรูปแถบ เกลย้ี ง (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่; ภาพซ้าย - NK, ภาพขวา - RP)
ไม้ลม้ ลกุ สงู ได้ถึง 60 ซม. ใบเรียงเวยี น แผ่นใบอวบน�้ำ รูปไขก่ วา้ ง ยาว 3-6 ซม.
เทียนเล ขอบจกั ซฟ่ี นั หา่ ง ๆ บางครง้ั มตี อ่ ม 1 คู่ ใกลโ้ คนใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 5 ซม.
ดอกสมี ว่ งออ่ น ๆ ออกเดย่ี ว ๆ ใบประดบั รปู เสน้ ดา้ ยตดิ ใตก้ ง่ึ กลางขอ้ กา้ นดอก
Pemphis acidula J. R. Forst. & G. Forst. กา้ นดอกยาว 2-5 ซม. กลบี เลีย้ ง 4 กลบี คูน่ อกรูปรี ยาวประมาณ 1 ซม. คู่ในฝอ่
วงศ์ Lythraceae กลบี ปากรปู แตร กวา้ งประมาณ 2 ซม. เดอื ยยาว 0.8-1 ซม. โคง้ งอ กลบี ดอกกลบี กลาง
รูปหัวใจ กวา้ งประมาณ 3 ซม. ยาวประมาณ 2.5 ซม. โคนเป็นสนั คล้ายปกี กลีบปีก
ไม้พุม่ สูงไดถ้ งึ 5 ม. ลำ� ตน้ มกั บดิ งอจากแรงลมและคล่นื กง่ิ เป็นเหลีย่ ม มี เชือ่ มติดกัน แฉกลกึ ยาวประมาณ 2.5 ซม. คู่นอกใหญ่กวา่ กลีบคู่ใน มปี ื้นเหลืองท่ีโคน
ขนสน้ั นุ่มตามก่งิ แผน่ ใบท้ังสองดา้ น ก้านใบ และกลบี เล้ยี ง ใบเรยี งตรงขา้ ม ผลยาว 1.5-1.7 ซม. เมลด็ ผวิ เปน็ รา่ งแห มขี นบดิ เวยี น (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ เทยี น, สกลุ )
สลับต้งั ฉาก อวบนำ้� รปู ขอบขนานถึงรูปใบหอก ยาว 0.5-3 ซม. ก้านใบยาว 1-2 มม.
ดอกออกเด่ยี ว ๆ หรือเปน็ คตู่ ามซอกใบ ใบประดับมี 1 คู่ ขนาดเล็ก กา้ นดอกยาว พืชถน่ิ เดียวของไทย พบทางภาคใต้ท่ปี ระจวบคีรีขนั ธ์ และชมุ พร ขึ้นตาม
0.5-1.5 ซม. กลีบเลี้ยงเปน็ หลอด ยาว 4-6 มม. มสี ันต้นื ๆ 12 สัน ปลายแยกเปน็ แฉก เขาหินปนู เตี้ย ๆ ใกล้ชายทะเล ความสงู ไม่เกนิ 100 เมตร
รปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ 6 แฉก ระหวา่ งแฉกมรี วิ้ ประดบั ขนาดเลก็ ดอกสขี าวหรอื
อมสชี มพู มี 6 กลบี รูปรกี ว้างหรอื รปู ขอบขนาน ยาว 5-8 มม. มีก้านสัน้ ๆ เกสรเพศผู้ เทยี นสันตสิ ุข
12 อนั ดอกทกี่ ้านเกสรเพศเมยี สั้น 6 อันยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี ในดอกท่กี ้าน
เกสรเพศเมยี ยาวไมย่ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี รงั ไขก่ ลมมรี วิ้ กา้ นเกสรเพศเมยี 1 อนั Impatiens santisukii T. Shimizu
ตดิ ทน ยอดเกสรรูปโล่ ผลแหง้ แตก รปู ไข่ ยาว 6-9 มม. มีฝาเปิดดา้ นบน กา้ นผลยาว ไมล้ ้มลกุ สงู ได้ถึง 50 ซม. ใบเรียงเวียน รปู ไขห่ รอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 1.5-6 ซม.
0.5-1 ซม. เมลด็ จำ� นวนมาก ปลายมผี นงั หนา
มีตอ่ มจรดกา้ นใบ แผ่นใบมีขนยาวดา้ นบน กา้ นใบยาว 1-3 ซม. ดอกสีม่วง
พบทแี่ อฟรกิ า ศรลี งั กา อนิ เดยี จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ญปี่ นุ่ พมา่ ภมู ภิ าคมาเลเซยี ออกเดีย่ ว ๆ หรือเป็นคู่ กา้ นดอกยาวไดถ้ ึง 2.5 ซม. มีขนหนาแนน่ กลีบเลยี้ ง 2 กลีบ
ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ยาวประมาณ 1 มม. มีขน กลบี ปากเป็นถงุ กวา้ งและยาว 5-6 มม. ดา้ นนอกมขี น
และภาคใต้ ขน้ึ ตามโขดหนิ รมิ ชายฝง่ั ทะเล และหมเู่ กาะ ทงั้ ตน้ ใชป้ ระคบกระดกู แตก หนาแน่น เดอื ยยาว 1-1.5 ซม. โค้งเลก็ น้อย กลีบดอกกลีบกลางรูปหวั ใจ ยาว 0.8-1 ซม.
หรืออมั พาต เสน้ กลางกลบี เปน็ สนั ปลายคลา้ ยเขา มขี นหนาแนน่ กลบี ปกี แฉกลกึ ยาว 1-1.2 ซม.
มีปื้นสีขาวด้านใน กลีบคู่นอกยาวกว่ากลีบคู่ใน ผลเต่งกลาง มีขนหนาแน่น
สกุล Pemphis J. R. Forst. & G. Forst. มเี พยี งชนดิ เดียว ช่ือสกลุ มาจากภาษา ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมลด็ มีตมุ่ กระจาย (ดูข้อมลู เพ่มิ เติมท่ี เทียน, สกุล)
กรีก “pemphidos” ถุง พอง ตามลกั ษณะรังไข่หรือผล
เอกสารอ้างองิ พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคเหนือท่ีเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ข้ึนริม
de Wilde, W.J.J.O., B.E.E. Duyfjes and P. Phonsena. (2014). Lythraceae. In ล�ำธารในปา่ ดบิ เขา ความสงู 900-1600 เมตร คล้ายเทยี นดอย I. violiflora Hook. f.
กลีบปีกคูน่ อกยาวกวา่ คู่ใน ไม่มีจุดสเี หลอื งกลางปนื้ ขาว
Flora of Thailand Vol. 11(4): 581-583.
เทยี นสิรินธร
เทียนเล: ล�ำต้นมกั บิดงอจากแรงลมและคลื่น ใบอวบนำ�้ ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื เป็นคู่ตามซอกใบ มี 6 กลบี ผลแห้งแตก
มีฝาเปดิ ด้านบน เกสรเพศเมียติดทน (ภาพ: บ้านถ้�ำธง ชุมพร - RP) Impatiens sirindhorniae Triboun & Suksathan
ไม้ล้มลุก สูงไดถ้ งึ 50 ซม. ลำ� ต้นเกาะเลอ้ื ย มักหอ้ ยลง มีนวล ใบเรยี งเวียน

รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 3-4 ซม. ขอบจกั หา่ ง ๆ มตี อ่ มทโ่ี คนเหนอื กา้ นใบ แผน่ ใบหนา
ก้านใบยาว 2-7.5 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ หรอื เปน็ คู่ กา้ นดอกยาว 3-6.5 ซม. กลบี เลีย้ ง
4 กลบี คูน่ อกรูปไข่ ยาว 6-7 มม. คใู่ นกลม ขนาดประมาณ 2 มม. กลบี ปากเป็นถุง
โคง้ เรยี วยาวเปน็ เดอื ย ยาวไดถ้ งึ 6 ซม. ดอกสชี มพอู มมว่ ง ปลายกลบี มตี งิ่ แหลม
กลีบกลางรูปไขก่ ลับ กว้างประมาณ 2.5 ซม. โคนมีเขาขนาดเลก็ 1 คู่ กลบี ปีก
เชอื่ มตดิ กนั คนู่ อกแฉกลกึ เกนิ กง่ึ หนงึ่ คลา้ ยรปู หวั ใจ ยาวประมาณ 2 ซม. กวา้ งประมาณ
2.5 ซม. ค่ใู นรปู ไขก่ ลบั ยาวเทา่ ๆ คู่นอก ผลเตง่ กลาง รูปขอบขนาน (ดูข้อมูล
เพมิ่ เติมท่ี เทียน, สกุล)

พืชถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ ก่ี ระบ่ี และสุราษฎรธ์ านี ขน้ึ บนเขาหนิ ปนู
ความสูง 20-150 เมตร ค�ำระบุชนิดตั้งเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงพระราชทานช่อื ไทยวา่ ‘ชมพูสริ ิน’

เทียนสขุ สถาน

Impatiens suksathanii Ruchis. & Triboun
ไม้ล้มลุก สูงได้ถงึ 50 ซม. เกลย้ี ง ใบเรียงเวียน รูปใบหอกหรือรปู แถบ ยาว

5-9 ซม. ขอบจักมน ขอบใบชว่ งใกลโ้ คนมีต่อม แผน่ ใบหนา ไร้ก้านหรือยาวไดถ้ ึง
3 ม.ม. ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก เรยี งหนาแนน่ ช่วงปลายก่ิง กา้ นชอ่ สั้นมาก กา้ นดอก
ยาว 0.9-1.2 ซม. ดอกสีชมพอู มน้�ำตาล กลีบเลีย้ ง 4 กลีบ คู่นอกรูปไข่ ยาว 2-3 มม.
คใู่ นลดรปู ขนาดเลก็ กลบี ปากเปน็ ถงุ กวา้ ง 2.5-4 มม. ยาว 5-5.5 มม. มรี ว้ิ รา่ งแห
สนี ำ�้ ตาลอมมว่ ง เดือยโคง้ ยาว 3-5 มม. กลีบกลางรปู ไขก่ ลับ ยาวประมาณ 5 มม.
พบั งอกลับ กลีบปีกเชื่อมตดิ กนั คู่นอกรปู ไขก่ ลับ ยาว 5-6 มม. แฉกตืน้ ๆ คู่ใน
รปู สามเหลยี่ มกวา้ ง กวา้ งประมาณ 5 มม. ยาวประมาณ 1 มม. ผลรปู กระบอง
เกล้ยี ง ยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู ้อมลู เพิ่มเตมิ ท่ี เทยี น, สกลุ )

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ทก่ี าญจนบรุ ี ขน้ึ บนเขาหนิ ปนู
ความสูง 100-400 เมตร ค�ำระบุชนิดตั้งตามชื่อ ดร.ปิยเกษตร สุขสถาน
นกั พฤกษศาสตรข์ ององคก์ ารสวนพฤกษศาสตร์ ผรู้ ว่ มศกึ ษาพชื วงศเ์ ทยี นของไทย

205

เทียนหนิ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

เอกสารอ้างอิง ตดิ เหนอื จดุ กง่ึ กลางหลอดกลบี กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 4 มม. อบั เรณมู ขี นเครา
Ruchisansakun, S., P. Triboun and T. Jenjitikul. (2014). A new species of Impatiens เกสรเพศผูท้ ่เี ป็นหมัน 3 อัน จานฐานดอกรูปทรงกระบอกกว้าง ยาว 1-1.5 มม.
(Balsaminaceae) from southwestern Thailand. Phytotaxa 174(4): 237-241. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 0.7-1.8 ซม. รังไข่เกลยี้ ง ผลรูปแถบ ยาว 2-2.5 ซม.
Shimizu, T. (2000). New species of Thai Impatiens (Balsaminaceae) 2. Bulletin (ดูขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ ที่ ดอกกระด่งิ , สกลุ )
of the National Science Museum. Tokyo, Series B (Botany) 29: 39.
Suksathan, P. and P. Triboun. (2009). Ten new species of Impatiens (Balsami- พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ สี่ รุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช และกระบี่
naceae) from Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 61(1): 174. ขนึ้ บนโขดหนิ ตามสันเขาในปา่ ดบิ ชื้น ความสงู 900-1200 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Nangngam, P. and J.F. Maxwell. (2013). Didymocarpus (Gesneriaceae) in
Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 65(2): 213-214.

เทยี นสว่าง: แผน่ ใบหนา กลบี ปากรปู แตร เดือยโคง้ งอ กลบี ดอกกลีบกลางรปู หวั ใจ กลีบปีกค่นู อกใหญก่ วา่ คู่ใน
มีป้ืนสเี หลอื งทโี่ คน (ภาพ: บางเบิด ชุมพร - RP)

เทียนสันตสิ ุข: ใบมีขนหนาแนน่ ดา้ นบน กลีบปากเปน็ ถุง เดือยโค้งยาว กลบี ดอกกลีบกลางรปู หวั ใจ กลีบปกี มปี น้ื สีขาว เทียนหิน: ใบเรียงตรงข้าม ขอบจกั ฟนั เลื่อย 2 ชนั้ โคนใบเบ้ียว ดอกออกเปน็ ช่อกระจุกซ้อน มีขนต่อมกระจาย
ดา้ นใน ผลมขี นหนาแน่น (ภาพ: แมก่ �ำปอง เชียงใหม่ - RP) กลบี ดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง หลอดกลบี แคบ ผลรูปแถบ (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - MP)

เทยี นสิรนิ ธร: ลำ� ตน้ เกาะเลอ้ื ย มกั ห้อยลง แผน่ ใบหนา กลีบปากเปน็ ถุงโค้งเรียวยาวเป็นเดือย กลบี ดอกกลบี กลาง โทงเทง
รปู ไขก่ ลับ กลีบปีกคูใ่ นยาวเท่า ๆ คู่นอก (ภาพ: เขาสก สุราษฎรธ์ านี - PK)
Physalis angulata L.
วงศ์ Solanaceae

ไมล้ ้มลุก สงู 30-100 ซม. ก่งิ เปน็ เหลี่ยม ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่
ยาว 3-6 ซม. ขอบเรียบหรอื จกั ซฟ่ี นั ห่าง ๆ คลา้ ยเปน็ พตู น้ื ๆ กา้ นใบยาว 1-3 ซม.
ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลบี เล้ยี งยาว 4-5 มม.
แยกเปน็ 5 แฉกลกึ ประมาณกงึ่ หนงึ่ มขี นกระจาย ดอกรปู ระฆงั บานคลา้ ยกงลอ้
สีเหลืองอ่อนหรืออมสีขาว โคนด้านในมีจุดสีน�้ำตาลเรียงเป็นวง มีขนยาว
หลอดกลีบดอกยาว 4-8 มม. ปลายแยกเปน็ 5 แฉกตืน้ ๆ รูปสามเหล่ียมกว้าง
เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ที่โคนหลอดกลบี ดอก ก้านเกสรเพศผ้หู นา ยาว 3-4 มม.
รงั ไข่เกลี้ยง พลาเซนตารอบแกนร่วม ก้านเกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้
ยอดเกสรจัก 2 พู ผลรปู รีเกอื บกลม ยาว 1-1.2 ซม. กลีบเล้ยี งบาง ขยายหมุ้ จนมดิ
มี 10 สัน ผวิ เป็นเส้นรา่ งแห เมล็ดจ�ำนวนมาก

เป็นวชั พืชท่ัวไปในเขตรอ้ น ความสูงถงึ ประมาณ 1500 เมตร

สกุล Physalis L. มปี ระมาณ 75 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในอเมรกิ า ในไทยพบเป็น
วชั พชื 2 ชนิด อกี ชนดิ คือ หญ้าตอ้ มต๊อก P. minima L. กา้ นดอกส้นั ดอกและผล
ขนาดเลก็ กว่า และมที ่ีนำ�เขา้ มาปลูกเป็นไม้ผล ได้แก่ กูสเบอรี่ P. peruviana L.
ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรีก “physa” ถุง ตามลักษณะผล

เอกสารอ้างองิ
Zhang, Z.Y., A. Lu and W.G. D’Arcy. (1994). Solanaceae. In Flora of China
Vol. 17: 311-312.

เทยี นสขุ สถาน: ใบเรียงเวียน รูปแถบ ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก เรียงหนาแนน่ ชว่ งปลายกิง่ กา้ นชอ่ ส้ัน ก้านดอกยาว โทงเทง: กง่ิ เปน็ เหลยี่ ม ดอกรปู ระฆัง มขี น บานคลา้ ยกงลอ้ กลบี เล้ยี งบาง ขยายหุ้มจนมิด มี 10 สัน ผวิ เป็นเส้น
กลบี ดอกกลบี กลางพบั งอกลบั กลีบปกี เชื่อมตดิ กนั (ภาพ: ทองผาภมู ิ กาญจนบุรี - PK) ร่างแห (ภาพซ้าย: พิษณุโลก - RP); หญ้าตอ้ มต๊อก: กา้ นดอกส้ัน ดอกและผลขนาดเล็กกว่า (ภาพขวา: ตาก - RP)

เทียนหิน

Didymocarpus ovatus Barnett
วงศ์ Gesneriaceae

ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. มขี นหยาบหนาแนน่ ตามลำ� ตน้ แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น
และกา้ นใบ มขี นตอ่ มตามชอ่ ดอก ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ไข่ ยาว 5-15 ซม. โคนเบยี้ ว
กา้ นใบยาว 1.5-9 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบใกลย้ อด กา้ นชอ่ ยาว 6-9 ซม. ใบประดบั
รปู ไขก่ ว้าง ยาวประมาณ 4 มม. กา้ นดอกยาว 3-5 มม. กลีบเลย้ี งแยกจรดโคน
เกลยี้ ง รปู ใบหอก ยาว 4-4.5 มม. ดอกรปู ดอกเขม็ สมี ว่ งอมนำ้� ตาลแดง หลอดกลบี
สขี าวเรียวแคบ ยาว 1.5-2 ซม. ปลายบานออกเล็กน้อย กลบี บนกลม จักตืน้ ๆ
กลบี ล่างแผก่ วา้ ง กวา้ งประมาณ 6 มม. ยาวประมาณ 4 มม. เกสรเพศผู้ 2 อนั

206

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ไทรหิน

ไทร, สกลุ หรอื อยใู่ กลช้ อ่ งเปิด กลีบรวม 3-5 กลบี เกสรเพศผู้ 1 อนั ยอดเกสรเพศเมีย
สว่ นมากมี 1 อัน ในไทยมปี ระมาณ 45 ชนิด เชน่ ไทร F. annulata Blume
Ficus L. นิโครธ F. benghalensis L. ไทรยอ้ ย F. benjamina L. มะดอ่ื หิน F. orthoneura H.
วงศ์ Moraceae Lév. & Vaniot โพศรมี หาโพธิ F. religiosa L. และโพข้นี ก F. rumphii Blume

ไม้ต้น ไมพ้ ุ่ม หรือไม้เถา ขึ้นบนดินหรือกึ่งองิ อาศัย แยกเพศรว่ มตน้ หรอื ต่างต้น ไทรใบขน
ส่วนต่างๆ มีน้�ำยางขาวหรือใส หูใบหุ้มตา ก่ิงมีรอยแผลหูใบเป็นวงรอบข้อ
ใบส่วนมากเรยี งเวียนหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดียว แผน่ ใบด้านล่างมักมีต่อมไขตาม Ficus fulva Reinw. ex Blume
โคนเสน้ ใบใกลโ้ คนใบ หรอื มผี ลกึ ซสิ โทลทิ (cystoliths) ดอกขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ไม้ตน้ สูงได้ถงึ 20 ม. ก่งิ มีขนหยาบหรอื ขนยาว หูใบยาว 0.8-3.2 ซม. รว่ งเร็ว
เรยี งแน่นอยู่ภายในฐานรองดอกท่ีโอบหุม้ ดอกไวภ้ ายใน เรยี กว่า syconium
หรือ fig มีชอ่ งเปิด มักมใี บประดับท่ีโคน ดอกเพศผู้ กลีบรวม 2-6 กลีบ แยก มีขน ใบรปู รี รปู ไขก่ ลบั รูปขอบขนาน หรอื เกอื บกลม ยาว 6-35 ซม. ใบออ่ นบางคร้ัง
หรือติดกัน หรือไมม่ กี ลีบรวม เกสรเพศผู้ 1-5 อัน ดอกเพศเมยี กา้ นยาว กลีบรวม รปู ฝา่ มอื 3-7 แฉก ขอบใบจักซ่ฟี นั แผน่ ใบมขี นท้ังสองดา้ น เสน้ แขนงใบย่อย
3-5 กลบี แยกหรอื ตดิ กนั ยอดเกสรเพศเมยี 1-2 อนั ดอกทเ่ี ปน็ หมนั เปน็ ปม หรอื แบบขนั้ บนั ได กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 30 ซม. ในใบออ่ น ดอกอยภู่ ายในฐานดอกทขี่ ยาย
gall flower ก้านเกสรเพศเมียสัน้ เปน็ ทีอ่ ยขู่ องตอ่ ไทร (wasp) บางชนดิ มดี อก ออกเป็นคู่ตามกิ่งท่ีใบร่วง รูปกลมหรือรูปรี มีขนหนาแน่น เส้นผ่านศูนย์กลาง
แบบไม่มเี พศหรือ neuter flower คอื ไมม่ ที ง้ั เกสรเพศผูแ้ ละเกสรเพศเมีย ซึง่ มี 1.2-2.5 ซม. สุกสีเหลืองหรือส้ม ไร้ก้านหรือก้านยาว 2-5 มม. ช่องเปิดกว้าง
ความสมั พนั ธก์ บั แมลงแบบพง่ึ พากนั ผลขนาดเลก็ คลา้ ยแบบผนงั ชนั้ ในแขง็ หรอื ประมาณ 4 มม. มขี นดา้ นใน ใบประดับขนาดใหญ่ (สกุลย่อย Ficus)
ผลแหง้ เมล็ดลอ่ น เมล็ดมีเอนโดสเปิรม์
พบท่หี มเู่ กาะนิโคบาร์ ของอนิ เดยี พมา่ คาบสมุทรมลายู บอรเ์ นียว สมุ าตรา
สกลุ Ficus มีมากกว่า 800 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในเขตร้อน ในไทยมีประมาณ และชวา ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้
115 ชนิด เป็นพชื ตา่ งถนิ่ 7-8 ชนดิ หลายชนดิ ผลสกุ กินได้ และมสี รรพคุณด้าน ปา่ ดบิ ช้นื และป่าดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1800 เมตร
สมุนไพรหลายอยา่ ง ช่ือสกุลมาจากภาษาละตินท่ีใชเ้ รียกชนิด F. carica L. แบ่ง
เปน็ 6 สกุลย่อย ไทรย้อย
1. Ficus แยกเพศตา่ งต้น figs มักออกเป็นคตู่ ามซอกใบหรือตามกิง่ ท่ใี บหลดุ รว่ ง
ใบประดบั ทีโ่ คน 3 ใบ ดอกเพศผู้อยูใ่ กลช้ อ่ งเปดิ หรอื กระจายทวั่ ไป กลีบรวม Ficus benjamina L.
3-5 กลบี แยกกัน เกสรเพศผู้ 1-4 อัน ดอกเพศเมียกา้ นเกสรเพศเมยี ยาวไมเ่ ท่ากนั ไมต้ ้น ก่งึ อาศัยหรอื ข้ึนบนพืน้ ดนิ สงู ได้ถึง 35 ม. หใู บยาว 0.5-2.8 ซม. รว่ งเร็ว
ยอดเกสรเพศเมียแตกแขนงหรอื เรยี บ ในไทยมีประมาณ 20 ชนดิ เช่น ไทรใบขน
F. fulva Reinw. ex Blume มะนอดนำ้� F. hirta Vahl และเดือ่ นำ้� F. ischnopoda ใบรปู รถี งึ หรอื รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 2-14 ซม. แผน่ ใบหนา เกลย้ี ง
Miq. เสน้ แขนงใบยอ่ ยเรยี งขนานกนั มตี อ่ มไขทโ่ี คนเสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม.
2. Pharmacosycea แยกเพศรว่ มตน้ แผน่ ใบมีผลกึ ซสิ โทลิท figs ออกเป็นคู่ ดอกอยภู่ ายในฐานดอกทขี่ ยายออกเดยี่ ว ๆ หรอื เปน็ คตู่ ามซอกใบ รปู กลม รปู ไขก่ ลบั
ออกเดย่ี ว ๆ หรอื เป็นกระจุก สว่ นมากออกตามซอกใบ มีก้านหรือกา้ นผลเทียม หรอื รปู รี เกลีย้ งหรือมีขนประปราย เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 0.5-1.8 ซม. สุกสเี หลือง
ใบประดับท่โี คนสว่ นมากมี 3 ใบ ช่องเปดิ มี 3-5 ใบ กลีบรวม 2-6 กลบี เกสรเพศผู้ อมสม้ แดงเขม้ หรอื ม่วง ไรก้ า้ น ช่องเปดิ กวา้ ง 1-2 มม. มขี นประปรายดา้ นใน
1-3 อนั มีที่เปน็ หมัน ในไทยมี 5 ชนิด เชน่ มะเดื่อกวาง F. callosa Willd. ใบประดบั ด้านบนขนาดเลก็ เรยี งซอ้ นเหลื่อม (สกุลยอ่ ย Urostigma)
3. Sycidium แยกเพศตา่ งตน้ แผน่ ใบมีผลกึ ซสิ โทลิท figs มปี ุม่ หรือจุดโปร่งแสง
ออกเดีย่ วๆ หรือเป็นคู่ ตามซอกใบ ก่งิ หรอื ล�ำ ตน้ ใบประดบั 1-3 ใบ ส่วนมากมี พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี
ใบประดบั ดา้ นข้าง ช่องเปดิ ขนาดเล็กหรอื มีใบประดบั ที่ปลายช้ขี นึ้ ดอกเพศผู้ ฟิลิปปนิ ส์ และออสเตรเลีย ในไทยพบทกุ ภาค ขึน้ ตามป่าดบิ แล้ง ป่าดิบชืน้ และ
อยใู่ กล้ชอ่ งเปิด กลีบรวม 3-6 กลีบ เกสรเพศผมู้ ักมี 1 อนั มีดอกเพศผทู้ ่ีเปน็ หมนั ป่าดบิ เขา หรอื เขาหินปนู ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร เปน็ ไม้ประดบั ใหร้ ่มเงา
ดอกเพศเมยี กลบี รวม 3-6 กลบี แยกกัน ในไทยมี 15 ชนดิ เช่น ไทรหนิ F.
anastomosans Wall. ex Kurz มะนอดนำ้� F. heterophylla L. f. และมะเด่ือหิน ไทรยอ้ ยใบทู่
F. montana Burm. f.
4. Sycomorus แยกเพศต่างต้นหรอื รว่ มต้น มกั มตี ่อมไขตามขอ้ ก่ิง figs เกล้ียง Ficus microcarpa L. f.
มปี ุ่มหรือเปน็ สนั ออกเป็นคหู่ รอื ออกเด่ียวๆ ตามซอกใบ ตามกิง่ หรอื เป็นช่อ ไมต้ น้ บางครั้งรอเล้ือย กึง่ อาศยั หรอื ขึ้นบนพนื้ ดนิ สูงได้ถึง 30 ม. หใู บยาว
ตามล�ำ ตน้ หรอื ไหล ใบประดบั 3-7 ใบ ส่วนมากมีใบประดับดา้ นข้าง ชอ่ งเปดิ มี
ใบประดับมากกว่า 3 ใบ ดอกเพศผูเ้ รยี งอย่ใู กลช้ ่องเปดิ สว่ นมากมีใบประดบั ยอ่ ย 0.5-1.5 ซม. ร่วงเรว็ ใบรปู รี รปู ขอบขนาน หรือรูปไขก่ ลับเกอื บกลม ยาว 2-14 ซม.
2 ใบ วงกลบี รวม 2-3 กลีบ เกสรเพศผูส้ ว่ นมากมี 2 อนั ดอกเพศเมยี วงกลบี รวม ขอบใบหนาชว่ งโคน แผน่ ใบหนา เสน้ โคนใบ 1 คู่ เหน็ ชดั เจน เสน้ แขนงใบยอ่ ย
3-6 กลบี เชือ่ มตดิ กนั แยกกนั หรือลดรปู ยอดเกสรเพศเมีย 1 อนั ในไทยมี เรยี งขนานกนั มตี อ่ มไขทโ่ี คนเสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 0.5-3 ซม. ดอกอยภู่ ายใน
ประมาณ 16 ชนดิ เชน่ เดอื่ หว้า F. auriculata Lour. มะเดอื่ อทุ มุ พร F. racemosa L. ฐานดอกทข่ี ยายออกเดีย่ ว ๆ หรือเปน็ คูต่ ามซอกใบ รปู กลม เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง
จงิ้ เขา F. schwarzii Koord. และเด่อื ปล้องหิน F. semicordata Buch.-Ham. ex Sm. 0.5-1 ซม. สุกสชี มพหู รอื ม่วงอมดำ� ไร้กา้ น ช่องเปิดกว้าง 1.5-2 มม. มีขนดา้ นใน
5. Synoecia ไม้เถา มรี ากเกาะ ส้นั ๆ ตามข้อ แยกเพศต่างตน้ ใบที่โคนรูปร่าง ใบประดบั ดา้ นบน 3 อัน เรียงซ้อนเหลอ่ื ม กลบี รวมด้านในสแี ดง ขอบสีขาว
และขนาดต่างจากใบที่ออกตามเถาท่มี ี figs ตดิ อยู่ ปลายใบคล้ายรูปหยดน�ำ้ (สกลุ ยอ่ ย Urostigma)
figs ออกตามกงิ่ ลำ�ต้น หรอื ตามไหล ออกเป็นคู่ เป็นกระจุก หรือออกเดีย่ ว ๆ
ใบประดับทีโ่ คน 3 ใบ สว่ นมากไมม่ ใี บประดับด้านขา้ ง ช่องเปดิ ขนาดเลก็ บมุ๋ พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี เนปาล ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ ญปี่ นุ่ ไตห้ วนั พมา่ ภมู ภิ าค
เลก็ นอ้ ย อาจมขี นแข็งด้านใน เกสรเพศผู้ 1-2 อัน กลีบรวมมไี ดถ้ งึ 7 กลีบ หรอื ไมม่ ี อนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และออสเตรเลยี ในไทยทว่ั ทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้
สแี ดงเขม้ รังไขส่ ว่ นมากมีก้าน มดี อกทไ่ี มม่ เี พศในชอ่ ดอกเพศเมยี ในไทยมี 14 ชนดิ ป่าดิบช้นื และป่าเบญจพรรณ ป่าเส่อื มโทรมชายทะเล หรอื เขาหินปนู ความสูง
เช่น ตีนตุ๊กแก F. pumila L. และเด่ือเถาใบใหญ่ F. punctata Thunb. ถึงประมาณ 1100 เมตร
6. Urostigma ส่วนใหญ่เปน็ ไมก้ ่งึ อิงอาศยั มรี ากอากาศ แยกเพศรว่ มต้น แผน่ ใบ
ด้านลา่ งมีตอ่ มไขทโี่ คนเส้นกลางใบ 1 ต่อม figs เกลี้ยง ออกเป็นคหู่ รือออกเด่ียวๆ ไทรหิน
ตามซอกใบหรือตามกงิ่ ใบประดบั ท่ีโคน 2-3 ใบ ไมม่ ใี บประดบั ด้านขา้ ง ชอ่ งเปิด
มีใบประดบั 2-5 ใบ ปดิ ด้านบน ดอกเพศผูเ้ รียงกระจายระหว่างดอกเพศเมีย Ficus anastomosans Wall. ex Kurz
ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอื้ ย กง่ิ มขี นละเอยี ดหนาแนน่ หใู บยาว 2-3 มม. รว่ งเรว็ ใบเรยี ง

สลับระนาบเดยี ว รปู รี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาว 2-10 ซม. ขอบจกั มนหรือเป็นพู
แผน่ ใบมขี นละเอยี ดหรอื ขนหยาบทง้ั สองดา้ น เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั ใกลข้ อบใบ
มีตอ่ มไขตามซอกเส้นใบ ก้านใบยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ดอกอยู่ภายในฐานดอกท่ขี ยาย
ออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ สเี หลอื งเปลยี่ นเปน็ สชี มพอู มแดง รปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
4-5 มม. มีขนละเอียดหรือขนหยาบ ปลายมีต่ิงรูปกรวยเป็นขอบ ก้านช่อยาว
1-2 มม. ใบประดบั 3 ใบ ยาวประมาณ 1 มม. รเู ปดิ กวา้ งประมาณ 1 มม. ขอบหนา
มีขนกระจาย กลบี รวมสีชมพู (สกลุ ยอ่ ย Sycidium)

207

ธนนไชย สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พบทพี่ มา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเ่ี ชยี งใหม่ ตาก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ยาวประมาณ 3 มม. รงั ไขม่ ีขนหนาแน่น ผลแบบผนงั ชน้ั ในแข็ง กลมหรอื คลา้ ย
ที่เลย และภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เกาะตามหินปูน รปู หวั ใจ แบนดา้ นขา้ ง กวา้ งประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 1.5 ซม. ผลแกส่ ชี มพู
ความสงู ถึงประมาณ 900 เมตร เปลี่ยนเป็นดำ� มเี มล็ดเดียว แข็ง

เอกสารอา้ งองิ พบทภ่ี มู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae in ขึน้ ตามป่าเต็งรังโปร่ง ๆ ความสูง 50-300 เมตร
Flora of Thailand Vol. 10(4): 475-675.
เอกสารอ้างอิง
Chayamarit, K. (2010). Anacardiaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 274-276.

ไทรใบขน: แผน่ ใบมขี นทั้งสองดา้ น เส้นแขนงใบย่อยแบบข้ันบันได figs มีขนหนาแน่น ไรก้ ้านหรือมกี ้านส้นั ๆ ธนนไชย: ใบเรียงเวยี นหนาแนน่ ตามปลายกิ่ง ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ผลรปู กลม แบนด้านขา้ ง ผลแก่สชี มพู
ช่องเปิดมใี บประดบั ขนาดใหญ่ (ภาพ: ถนนตาก-แมส่ อด - RP) (ภาพ: ประจวบครี ขี นั ธ;์ ภาพซ้ายและขวาบน - PK, ภาพขวาลา่ ง - RP)

ไทรยอ้ ย: แผ่นใบหนา เกลย้ี ง เสน้ แขนงใบเรยี งขนานกนั figs ออกเดยี่ ว ๆ หรอื เปน็ คู่ ไรก้ ้าน (ภาพ: cultivated - RP) ธปู ฤาษี

ไทรยอ้ ยใบท่:ู แผน่ ใบหนา เสน้ โคนใบ 1 คู่ figs ออกเด่ยี ว ๆ หรอื เปน็ คู่ แกส่ ชี มพู (ภาพ: ถำ�้ พระขยางค์ ระนอง - RP) Typha angustifolia L.
วงศ์ Typhaceae
ไทรหิน: ขอบใบจกั มน เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั ใกลข้ อบใบ figs ออกเดี่ยวๆ สเี หลอื ง แกส่ ชี มพอู มแดง รเู ปดิ ขอบหนา
มีขนกระจาย (ภาพ: พบพระ ตาก - RP) ไมล้ ม้ ลุก สูง 1.5-3 ม. มีเหง้าแตกแขนง ล�ำต้นแข็ง ใบออกจากโคนล�ำต้น
มกี าบใบ เรยี งเวียนในระนาบเดียวกนั รูปแถบ ยาว 50-120 ซม. แผน่ ใบเวา้
ธนนไชย ใกลเ้ สน้ กลางใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด รปู ทรงกระบอก ชว่ งดอกเพศผยู้ าว 8-40 ซม.
เสน้ ผ่านศนู ย์กลางช่อ 2-7 มม. ใบประดับ 1-3 ใบ รว่ งเร็ว ชว่ งดอกเพศเมียยาว
Buchanania siamensis Miq. 5-30 ซม. เส้นผ่านศนู ย์กลางช่อ 0.6-2 ซม. แยกออกจากส่วนดอกเพศผ้ดู ว้ ย
วงศ์ Anacardiaceae กา้ นชอ่ ดอกทเ่ี ปน็ หมนั ยาว 2.5-7 ซม. ดอกขนาดเลก็ ไมม่ กี ลบี ดอกและกลบี เลย้ี ง
เกสรเพศผูส้ ว่ นมากมี 3 อัน มขี นล้อมรอบ ก้านชูอบั เรณูส้ัน อับเรณยู าว 1.5-2 มม.
ไมต้ ้น สูง 5-10 ม. มีขนส้ันนมุ่ สีนำ�้ ตาลตามกงิ่ อ่อน แผ่นใบด้านลา่ ง ก้านใบ ดอกเพศเมยี มใี บประดบั ยอ่ ยรปู เสน้ ดา้ ย รงั ไขร่ ปู กระสวย กา้ นเรยี ว ยาวประมาณ
และชอ่ ดอก ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่ ตามปลายกง่ิ รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ใบพาย ยาว 5 มม. มีขนยาว ติดทน อันที่เป็นหมันไร้ก้าน ก้านเกสรเพศเมียเป็นหลอดยาว
4-8 ซม. ปลายมนหรอื เวา้ ตนื้ ๆ แผ่นใบหนา ก้านใบยาว 1-5 มม. ใบออ่ นสีนำ้� ตาลแดง 1-1.5 มม. มขี นส้ัน ยอดเกสรรปู แถบ ผลขนาดเลก็ รูปรี ห้อยลง มีร้ิว
ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกตามซอกใบ ดอกขนาดเล็ก สีขาวหรอื อมเหลือง ยาว
3-5 มม. กา้ นดอกยาว 1.5-3 มม. ใบประดบั รปู ไข่ ยาวประมาณ 1 มม. กลีบเล้ยี ง 5 กลีบ พบในเขตรอ้ นและเขตอบอนุ่ ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามหนองนำ้� หรอื ทะเลสาบ
รปู รกี ว้าง กวา้ งประมาณ 2.5 มม. กลบี ดอก 5 กลีบ รูปขอบขนาน ยาว 3-5 มม. ใบใชส้ านเสอ่ื หรอื ตะกร้า ชอ่ ดอกแห้งใช้ประดบั ในจีนอับเรณูและลำ� ต้นใชร้ ักษา
เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม จานฐานดอกรูปถว้ ย จกั 10 พู เกสรเพศผู้ 10 อัน กา้ นชอู ับเรณู โรคทางเดนิ ปัสสาวะ สว่ นของลำ� ต้นชว่ ยเพิม่ น�ำ้ นมในสตรหี ลงั คลอด

สกลุ Typha L. เป็นสกุลเดยี วของวงศ์ อย่ภู ายใต้อนั ดบั Poales มปี ระมาณ 16 ชนดิ
ในไทยมชี นิดเดยี ว ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี “typhos” ที่ชน้ื แฉะ ตามลักษณะ
ถิ่นที่อยู่
เอกสารอ้างอิง
Simpson, D.A. (2008). Typhaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(2): 176-178.
Wee, Y.C. and H. Keng. (1990). An illustrated dictionary of Chinese medicinal

herbs. Times Edition Pte Ltd., Time Centre, Singapore.

ธูปฤๅษ:ี ถนิ่ ที่อยู่ ข้ึนหนาแนน่ ตามหนองนำ้� ทีเ่ ปดิ โลง่ ช่อดอกเพศผอู้ ยู่ชว่ งบนชอ่ ชอ่ ดอกเพศเมยี แยกออกจากส่วน
ดอกเพศผดู้ ้วยกา้ นชอ่ ดอกทีเ่ ปน็ หมนั ขนยาวตดิ ทน (ภาพ: บุรรี ัมย์; ภาพซา้ ย - PK, ภาพกลางและภาพขวา - RP)

208

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย นนทรี

นกกระจบิ พบทพ่ี มา่ และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้
ข้นึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และป่าดิบช้ืน ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร
Aristolochia dinghoui F. González & Poncy
วงศ์ Aristolochiaceae นกนอน

ไม้ลม้ ลุก โคนแข็งเป็นเนือ้ ไม้ ตั้งตรงหรอื หอ้ ยลง มีขนสัน้ นมุ่ ตามลำ� ตน้ แผ่นใบ Cleistanthus tomentosus Hance
ท้ังสองด้าน และกา้ นใบ ใบรูปไข่ รูปขอบขนานถึงรูปใบหอก ยาว 6-12 ซม. โคนรปู ไม้พุม่ สูงได้ถึง 5 ม. มขี นหยาบตามกง่ิ ออ่ น ขนสั้นนุม่ ตามใบประดับ ก้านใบ
หวั ใจ กา้ นใบยาว 3-6 มม. ชอ่ ดอกยาว 1-2 ซม. ใบประดบั รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน
ยาว 2-3 มม. กา้ นดอกยาว 2-3 มม. ดอกสนี ้�ำตาลอมแดง กระเปาะกลมหรือรปู ไข่ และแผน่ ใบดา้ นลา่ ง หใู บรูปสามเหล่ียมแคบ ยาว 3-6 มม. ใบรูปขอบขนาน ยาว
ยาว 4-5 มม. หลอดกลีบงอเลก็ นอ้ ย ยาวประมาณ 8 มม. ปลายบาน ยาว 1.2-1.5 ซม. 5-15.5 ซม. กา้ นใบยาว 5-7 มม. ดอกออกเป็นกระจกุ สเี ขียวอ่อน ไรก้ า้ นหรอื มีกา้ น
เส้าเกสร ยาวประมาณ 2 มม. ยอดเกสรเพศเมยี รูปกรวย จกั 6 พู ผลรูปไข่ มี 6 สัน สัน้ ๆ ใบประดับรูปไข่ ยาว 1-2 มม. กลบี เลย้ี งรปู ขอบขนาน ยาว 2-4.5 มม. ใน
ยาว 1.2-1.6 ซม. กา้ นยาว 6-8 มม. เมล็ดรปู หัวใจ ยาวประมาณ 2 มม. ผิวมีตุ่ม ดอกเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 8 มม. กลบี ดอกบาง รปู พดั ยาวประมาณ 1 มม. มตี ง่ิ แหลม
(ดขู ้อมลู เพม่ิ เตมิ ที่ กระเชา้ สีดา, สกลุ ) จานฐานดอกเรยี บหรอื จกั มน เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1 มม. เกสรเพศเมยี ทเ่ี ปน็ หมนั
รปู สามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 0.5 มม. ผลแหง้ แตก มี 3 พู เส้นผ่านศูนย์กลาง
พืชถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ปี่ ระจวบครี ขี ันธ์ ข้ึนตาม ประมาณ 9 มม. ก้านผลยาวประมาณ 5 มม.
เขาหินปูนท่ีแห้งแล้ง ความสูงถึงประมาณ 300 เมตร เคยวิเคราะห์ว่าเป็นชนิด
A. harmandiana Pierre ex Lecomte ซ่ึงพบเฉพาะในภมู ิภาคอนิ โดจนี พบทจ่ี นี ตอนใต้ กมั พชู า และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคตะวันออก และ
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 400 เมตร
เอกสารอา้ งอิง
González, F. and O. Poncy. (1999). A new species of Aristolochia (Aristolo- เอกสารอา้ งองิ
chiaceae). Brittonia 51: 452-456. Li, B. and S. Dressler. (2008). Euphorbiaceae (Cleistanthus). In Flora of China
Phuphathanaphong, L. (1987). Aristolochiaceae (Aristolochia harmandiana Vol. 11: 172-173.
Pierre ex Lecomte). In Flora of Thailand Vol. 5(1): 10. Roisungnern, K. and K. Chayamarit. (2005). Euphorbiaceae (Cleistanthus). In
Flora of Thailand Vol. 8(1): 167-182.

นกกระจบิ : ถิน่ ทอ่ี ยู่ข้ึนเป็นกอตามหนิ ปูน ตัง้ ข้ึนหรอื หอ้ ยลง ชอ่ ดอกออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ ผลแห้งแตกโคนกา้ น นกนอน: C. helferi ดอกออกเป็นกระจกุ ไร้กา้ น กง่ิ อ่อนและก้านใบมีขนหยาบ ผลจกั 3 พู (ภาพซ้ายและภาพขวาบน:
และปลายผลติดกันคลา้ ยกระเชา้ (ภาพ: สามรอ้ ยยอด ประจวบครี ขี นั ธ์ - RP) ศรพี งั งา พงั งา - RP); นกนอน: C. tomentosus ก้านผลยาว (ภาพขวาลา่ ง: น้ำ� ตกพลิว้ จนั ทบุรี - NP)

นกนอน, สกุล นนทร,ี สกุล

Cleistanthus Hook. f. ex Planch. Peltophorum (Vogel) Benth.
วงศ์ Phyllanthaceae วงศ์ Fabaceae

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ แยกเพศรว่ มตน้ หรอื ตา่ งตน้ ใบเรยี งเวยี นหรอื เกอื บตรงขา้ ม ไมต้ น้ ใบประกอบ 2 ชนั้ ใบประกอบยอ่ ยและใบยอ่ ยเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบ
ดอกออกเปน็ กระจกุ หรอื เปน็ ชอ่ สนั้ ๆ ตามซอกใบ หรอื ตามกงิ่ ใบประดบั ขนาดเลก็ ชอ่ กระจะหรอื ชอ่ แยกแขนง มใี บประดบั แตไ่ มม่ ใี บประดบั ยอ่ ย ฐานดอกสน้ั กลบี เลยี้ ง
มหี ลายใบ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกสว่ นมากมี 5 กลบี ดอกเพศผคู้ ลา้ ยดอกเพศเมยี มี 5 กลบี เรยี งซ้อนเหลือ่ ม ดอกสเี หลอื ง มี 5 กลีบ ขนาดเทา่ ๆ กัน มีก้านกลบี สนั้ ๆ
กลบี ดอกขนาดเลก็ กวา่ กลบี เลย้ี ง จานฐานดอกเปน็ วง เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู บั เรณู เกสรเพศผู้ 10 อนั แยกกนั กา้ นชอู บั เรณมู กี ระจกุ ขนยาวทโี่ คน รงั ไขไ่ รก้ า้ นหรอื
เชอื่ มตดิ กันประมาณกึง่ หนงึ่ เกสรเพศเมยี เปน็ หมนั ในดอกเพศผู้ เรียวยาว รงั ไข่มี มีก้านสัน้ ๆ ก้านเกสรเพศเมยี รปู เส้นด้าย ยอดเกสรรปู โล่ ฝกั รปู ขอบขนานหรอื
3 ชอ่ ง ก้านชอู บั เรณสู นั้ ยอดเกสรเพศเมียมี 3 แฉก ปลายแฉกจกั 2 พู ผลแหง้ แตก รปู ใบหอก แบน ขอบบางคลา้ ยมปี กี มี 1-8 เมล็ด
รูปกลม ๆ มี 3 พู แกนกลางตดิ ทน มี 1-2 เมลด็ ในแต่ละซกี รูปไขแ่ กมสามเหลย่ี ม
สกลุ Peltophorum อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Caesalpinioideae เคยอยภู่ ายใตส้ กุล
สกุล Cleistanthus เคยอยภู่ ายใตว้ งศ์ Euphorbiaceae มีประมาณ 140 ชนิด Caesalpinia sect. Peltophorum Vogel มี 12-15 ชนดิ สว่ นใหญ่พบในอเมริกา
พบในแอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย ในไทยมี 15 ชนิด ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก และแอฟรกิ า ในไทยมี 2 ชนดิ ชอื่ สกุลมาจากภาษากรกี “pelte” คมุ้ และ “phoros”
“kleistos” ใกล้ และ “anthos” ดอก หมายถงึ ดอกออกใกล้กันเป็นกระจกุ ทรี่ องรบั ตามลักษณะยอดเกสรเพศเมยี แผก่ ว้าง

นกนอน นนทรี

Cleistanthus helferi Hook. f. Peltophorum pterocarpum (DC.) Backer ex K. Heyne
ไมพ้ มุ่ หรือไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 10 ม. มีขนหยาบตามกิ่งออ่ น ก้านใบ เสน้ แขนงใบ
ชือ่ พอ้ ง Inga pterocarpa DC.
และเส้นกลางใบ มีขนส้นั น่มุ ตามใบประดับ กลีบเล้ียงดา้ นนอก รงั ไข่ และผล
หูใบรปู สามเหลย่ี มแคบ ยาว 5-6 มม. ขอบมีขน ใบรปู ขอบขนานหรือแกมรปู ไข่ ไมต้ ้นผลดั ใบ สูงไดถ้ ึง 25 ม. มีขนสีนำ้� ตาลแดงตามกิง่ อ่อน ชอ่ ดอก และ
ยาว 2-17 ซม. โคนใบมน กา้ นใบยาว 3-5 มม. ดอกออกเป็นกระจุก 1-6 ดอก กลีบเลยี้ งด้านนอก หใู บยาว 1-2 มม. ใบประกอบยาว 25-30 ซม. ใบประกอบย่อย
สเี ขียวอ่อน ไรก้ า้ น ใบประดับรปู ไข่ ยาว 3-4 มม. กลีบเลีย้ งรูปรี ยาว 0.4-1 ซม. มี 4-13 คู่ ใบย่อยมี 10-22 คู่ รปู ขอบขนานแกมรูปไข่ ยาว 1.2-1.8 ซม. ปลายกลม
กลีบดอกบาง จักลกึ 2-3 พู ยาวประมาณ 1.5 มม. ขอบจกั จานฐานดอกจกั เปน็ พู เวา้ ตนื้ โคนเบย้ี ว แผน่ ใบมขี นสน้ั นมุ่ ดา้ นลา่ ง ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงออก
เกสรเพศผ้ยู าวประมาณ 2.5 มม. ผลแห้งแตก มี 3 พู เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1-1.5 ซม. ท่ปี ลายกง่ิ ยาว 20-40 ซม. ใบประดบั ยาว 5-8 มม. ร่วงเรว็ กา้ นดอกยาว 5-7 มม.

209

นนทรีปา่ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ตาดอกกลม กลบี เล้ียงรูปรี ยาว 5-8 มม. กลบี ดอกรูปไข่กลบั โคนและก้านกลบี มขี น 3 ซม. มีขนละเอียด ผลยาว 6-37 ซม. เมลด็ ปลายด้านหนึ่งมขี นจ�ำนวนมาก ยาว
กา้ นชูอบั เรณยู าว 1.2-1.5 ซม. รงั ไขม่ ีก้านสนั้ ๆ มีขน ฝกั รปู ใบหอก ปลายแหลม โคน 1-2.5 ซม. อกี ดา้ นหนงึ่ มี 1 เส้น ยาว 1-1.8 ซม. (ดูข้อมลู เพ่ิมเตมิ ที่ วา่ นไกแ่ ดง, สกลุ )
เรียวแคบ ยาวไดถ้ ึง 12 ซม. ขอบมปี กี กว้าง 4-5 มม. มี 1-4 เมลด็ เรยี งตามยาว
พบทพ่ี ม่า และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ และภาคใต้
พบทก่ี มั พชู า เวยี ดนามตอนใต้ และภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบตามชายฝง่ั ทะเล ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 900 เมตร ดอกสเี ขยี วอมเหลอื ง
และปา่ โปรง่ หลงั ป่าโกงกาง เปน็ ไมป้ ระดบั ในอนิ โดนีเซียเปลือกใชย้ อ้ มผา้ บาตกิ คลา้ ยกบั A. fecundus P. Woods ทดี่ อกขนาดเล็กกว่า และเกสรเพศผู้ไม่ยน่ื
พ้นปากหลอดกลีบดอก
นนทรีปา่
เอกสารอ้างอิง
Peltophorum dasyrhachis (Miq.) Kurz Middleton, D.J. (2007). A revision of Aeschynanthus (Gesneriaceae) in Thailand.
Edinburgh Journal of Botany 64(3): 397-400.
ชื่อพ้อง Caesalpinia dasyrhachis Miq.
นมเมยี หนิ : ลำ� ต้นห้อยลง ใบเรยี งตรงข้าม มปี นื้ ตามเส้นแขนงใบ ชอ่ ดอกไรก้ ้าน มี 1-3 ดอก กลีบเลยี้ งแยกจรดโคน
ไม้ตน้ ผลัดใบ สูงได้ถงึ 30 ม. มีขนสีนำ�้ ตาลแดงตามกงิ่ อ่อน แกนชอ่ หูใบยาว เกสรเพศผยู้ น่ื พ้นปากหลอดกลีบดอก (ภาพซา้ ยและภาพขวาบน: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - PK; ภาพขวาลา่ ง: ยะลา - MP)
ไดถ้ งึ 1 ซม. แยกสองแฉก แต่ละแฉกแยกแบบขนนก ใบประกอบยาว 15-40 ซม.
ใบประกอบยอ่ ยมี 5-9 คู่ ใบย่อยมี 6-16 คู่ รูปขอบขนาน ยาว 1-2.5 ซม. ปลาย นมแมว
เวา้ ต้นื แผ่นใบมขี นส้ันนุ่มด้านลา่ ง ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ
ใกลป้ ลายก่งิ ยาว 15-30 ซม. ใบประดบั รูปล่ิมแคบ ยาว 7-9 มม. ติดทน ก้านดอก Uvaria siamensis (Scheff.) L. L. Zhou, Y. C. F. Su & R. M. K. Saunders
ยาว 2-4 ซม. ตาดอกรปู ไข่ กลีบเลย้ี งรปู รี ยาวประมาณ 1 ซม. ดา้ นนอกมขี น วงศ์ Annonaceae
กลีบดอกรูปไขก่ ลับ โคนมีขนจรดก้านกลบี ดา้ นบน กา้ นชูอับเรณูยาว 1-1.5 ซม.
รงั ไข่ไร้กา้ น มีขนละเอียด ฝักรปู ใบหอก ปลายและโคนแหลม ยาว 10-15 ซม. ชอื่ พอ้ ง Rauwenhoffia siamensis Scheff., Melodorum siamense (Scheff.) Bân
ขอบมปี ีกกว้าง 4-5 มม. มี 4-8 เมลด็ เรยี งตามขวาง
ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอ้ื ย มขี นกระจกุ สน้ั นมุ่ สนี ำ้� ตาลแดงตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง
พบที่ภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู และสุมาตรา ในไทยส่วนมากพบ และเสน้ กลางใบดา้ นบน มขี นสน้ั นมุ่ ตามกา้ นใบ กา้ นดอก กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก
ทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ขน้ึ ตามป่าดิบแลง้ และปา่ ดิบช้ืน ด้านนอก ใบรูปรีถงึ รูปใบหอก ยาว 9-15 ซม. ก้านใบยาว 3-5 มม. ชอ่ ดอกออก
ความสูงระดับต�่ำ ๆ เป็นไม้ประดับและไม้สวนป่า แยกเป็น var. tonkinense ตรงขา้ มใบ มี 1-3 ดอก กา้ นช่อสัน้ ก้านดอกยาวประมาณ 8 มม. ใบประดบั รปู ไข่
(Pierre) K. Larsen & S. S. Larsen ช่อดอกและกา้ นดอกส้ันกวา่ มี 3-4 เมลด็ ยาว 2-5 มม. ร่วงเร็ว กลีบเล้ยี งหนา รูปไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 3 มม. ดอกสีเหลอื งนวล
พบทไ่ี หห่ นาน และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ซง่ึ ใน Flora of China มสี ถานะภาพเปน็ ชนดิ กลีบรูปไข่ ยาวประมาณ 8 มม. วงในแคบกว่าเล็กน้อย โคนคอดเรียว เกล้ียง
เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.5 มม. มปี ระมาณ 10 คารเ์ พล มขี นกระจกุ คลา้ ยเกลด็
เอกสารอ้างองิ ผลยอ่ ยมี 2-10 ผล รปู รกี วา้ ง ยาว 1-2 ซม. สว่ นมากมี 2-4 เมลด็ แบน ยาวประมาณ
Chen, D., D. Zhang and D. Hou. (2010). Fabaceae (Peltophorum tonkinense). 7 มม. (ดูขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ ท่ี กล้วยพงั พอน, สกุล)
In Flora of China Vol. 10: 39-40.
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. พบทีพ่ ม่า ภูมิภาคอินโดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทุกภาค ขนึ้ กระจาย
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 53-56. ตามชายป่าดบิ แล้ง ป่าดิบชืน้ และปา่ โปร่ง ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร

นนทรี: ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกทีป่ ลายก่ิง ฝกั รูปใบหอก ปลายแหลม โคนเรียวแคบ (ภาพ: cultivated - RP) นมแมวป่า

นนทรปี ่า: หใู บยาว แยกสองแฉก แต่ละแฉกแยกแบบขนนก ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกิง่ Uvaria cherrevensis (Pierre ex Finet & Gagnep.) L. L. Zhou, Y. C. F.
ใบประดับรปู ลิ่มแคบ ติดทน เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน รงั ไขม่ ีขนละเอยี ด (ภาพ: ภูววั บงึ กาฬ - SSi) Su & R. M. K. Saunders

นมเมยี หนิ ช่อื พ้อง Ellipeia cherrevensis Pierre ex Finet & Gagnep.

Aeschynanthus longicaulis Wall. ex R. Br. ไม้พุม่ สงู ได้ถึง 1 ม. มขี นส้นั นมุ่ สนี ำ้� ตาลแดงตามกง่ิ อ่อน แผ่นใบ ก้านใบ
วงศ์ Gesneriaceae กา้ นดอก กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก ใบรปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว
12-15 ซม. ก้านใบยาว 0.8-1 ซม. ช่อดอกออกตรงข้ามใบ มีดอกเดียว ก้านช่อส้นั
ไม้องิ อาศยั ลำ� ต้นหอ้ ยลง ใบรูปรหี รือรปู ใบหอก ยาว 6.5-12 ซม. แผ่นใบมี กา้ นดอกยาว 8-1.2 ซม. ใบประดับรูปรี ยาว 0.8-1.5 ซม. ร่วงเรว็ กลบี เลีย้ งหนา
ปน้ื สอี อ่ นตามเสน้ แขนงใบ สมี ว่ งดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาว 0.2-1.4 ซม. ชอ่ ดอกออก รปู ไขก่ ว้าง ยาว 5-6 มม. กว้างประมาณ 8 มม. ดอกสีเหลอื งนวล กลีบรปู ไข่ ยาว
ตามยอด ไร้กา้ น มี 1-3 ดอก ก้านดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลบี เลี้ยงแยกจรดโคน รูป 1.2-1.4 ซม. วงในแคบกวา่ เลก็ นอ้ ย โคนคอดเรียว เกลยี้ ง มีตอ่ ม 2 ต่อม เกสรเพศผู้
ใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 0.8-1.8 ซม. ด้านในมีขน ดอกสเี หลอื งอมเขียว ด้านใน ยาวประมาณ 2 มม. มี 25-30 คารเ์ พล มขี นส้ันนุ่ม ผลยอ่ ยมี 5-20 ผล รูปรีกว้าง
มปี น้ื สนี ำ�้ ตาลอมแดงหรอื มว่ ง หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 2 ซม. มขี นเปน็ กระจกุ ใต้ ยาวประมาณ 1 ซม. สุกสีแดง มีเมลด็ เดียว
จดุ ก่งึ กลางด้านใน กลบี บนรปู ไข่ ยาว 2.5-4 มม. แฉกลกึ กลบี ค่ขู า้ งรปู รีกว้าง
ยาว 2-4 มม. กลบี ลา่ งรปู ไข่ ยาวกวา่ กลบี ขา้ งเลก็ นอ้ ย มขี นครยุ กา้ นชูอบั เรณยู าว พบทบ่ี งั กลาเทศ พม่า ภูมภิ าคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคใต้
2.3-2.7 ซม. ทเี่ ปน็ หมนั 1 อนั รงั ไขเ่ กลย้ี ง มกี า้ นสนั้ ๆ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ ข้นึ ตามปา่ ดิบแล้ง และป่าเต็งรัง ความสงู ถึงประมาณ 800 เมตร

เอMกeสaาdcรeoอ,n้าCtiงn.อVe.nิงt(2al0A00si)a. .APshyDs.teTmheastiics,reTvriinsiitoynCooflltehgee,UUvanriivaerLs.itgyroouf pDu(Abnlinn,oInrealcaenade.) in

210

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย นวลชมพู

นมแมว: มขี นกระจุกสัน้ นุ่มสีนำ้� ตาลแดงตามกง่ิ อ่อน ชอ่ ดอกออกตรงข้ามใบ มี 1-3 ดอก กลีบเลี้ยงหนา ดอกสี นมววั
เหลืองนวล กลบี ดอกวงในแคบกวา่ เลก็ นอ้ ย เกลีย้ ง ผลรูปรีกว้าง (ภาพ: สุรนิ ทร์ - PK)
Uvaria dulcis Dunal
วงศ์ Annonaceae

ชอ่ื พอ้ ง Anomianthus dulcis (Dunal) J. Sinclair

ไมพ้ มุ่ มไี หลหรอื ไมเ้ ถาเนอื้ แขง็ อาจยาวไดถ้ งึ 30 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามกงิ่ ออ่ น
เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้านใบ กลีบเล้ียงและกลีบดอก ใบรูปรี รูปขอบขนาน
หรอื แกมรปู ไข่กลับ ยาว 10-14 ซม. ก้านใบยาว 3.5-5 มม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ
หรือปลายกง่ิ มหี น่ึงหรอื หลายดอก กา้ นช่อยาว 0.5-1 ซม. ก้านดอกยาว 1-2.5 ซม.
ใบประดับรูปไข่กว้าง ยาว 2-3 มม. ร่วงเร็ว กลบี เลยี้ งรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 3-3.5 มม.
ดอกสีครีมอมชมพู กลีบรูปไข่กลับ ยาว 2-2.2 ซม. วงในขนาดเท่า ๆ หรือเลก็ กว่า
วงนอกเลก็ นอ้ ย โคนดา้ นในเกลย้ี ง มตี อ่ ม 2 ตอ่ ม เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.5 มม.
มีประมาณ 25 คารเ์ พล มีขนส้ันนุม่ ผลย่อยมี 10-15 ผล รปู รี ยาว 1-1.5 ซม.
สกุ สแี ดง มี 1-8 เมลด็ (ดขู อ้ มลู เพ่ิมเติมที่ กลว้ ยพงั พอน, สกุล)

พบทีพ่ มา่ ภูมภิ าคอินโดจีน ชวา หมเู่ กาะซนุ ดานอ้ ยและโมลกุ กะ ในไทยพบ
แทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึน้ ตามปา่ เบญจพรรณ และป่าดบิ แล้ง ความสงู ถึง
ประมาณ 700 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Meade, C.V. (2000). A systematic revision of the Uvaria L. group (Annonaceae) in
continental Asia. PhD. Thesis, Trinity College, University of Dublin, Ireland.

นมแมวปา่ : มขี นสนั้ นมุ่ สีน�ำ้ ตาลแดงตามกิง่ อ่อน ก้านใบ และกา้ นดอก ชอ่ ดอกออกตรงขา้ มใบ มีดอกเดียว กลบี เลย้ี งหนา นมววั : ช่อดอกออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ มหี น่ึงหรือหลายดอก ก้านดอกยาว กลบี ดอก 6 กลีบ เรียง 2 วง
รูปไข่กว้าง ดอกสีเหลืองนวล กลีบวงในแคบกว่าเลก็ นอ้ ย ผลย่อยจ�ำนวนมาก (ภาพ: อ�ำนาจเจริญ - PK) ขนาดเท่า ๆ กนั โคนด้านในของกลีบวงในเกลี้ยง มตี อ่ ม 2 ตอ่ ม ผลกลมุ่ มขี นสนั้ นมุ่ สุกสแี ดง (ภาพดอก: แมส่ อด ตาก - PK;
ภาพผล: ลี้ ลำ� พูน - RP)
นมโมลี
นวลชมพู
Hoya fusca Wall.
วงศ์ Apocynaceae Rhodoleia championii Hook. f.
วงศ์ Hamamelidaceae
ไม้เถาเกาะเลือ้ ย ยาว 2-3 ม. มีรากตามข้อ ใบเรยี งตรงข้าม รูปขอบขนานถงึ
รูปใบหอก ยาว 10-18 ซม. ปลายยาวคล้ายหาง แผ่นใบหนา เสน้ แขนงใบเรยี ง ไม้ต้น สงู ไดถ้ งึ 40 ม. ล�ำต้นและกิ่งมชี ่องอากาศ ใบเรยี งเวยี น รูปไข่ ยาว 4-12 ซม.
จรดกนั ใกล้ขอบใบ ก้านใบยาว 1.5-2.5 ซม. ชอ่ ดอกคลา้ ยช่อซ่ีร่ม ออกตามปลายกิ่ง เสน้ แขนงใบเรียงจรดกนั แผ่นใบด้านลา่ งมีนวล กา้ นใบสแี ดง ยาว 0.8-4 ซม.
หรือซอกใบ กา้ นชอ่ ยาว 1.5-3 ซม. ก้านดอกยาว 2-2.5 ซม. กลบี เลยี้ ง 5 กลีบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกตามซอกใบ หอ้ ยลง ลอ้ มรอบดว้ ยวงใบประดบั
รปู รี ยาว 1.5-2 มม. ปลายมน ดอกสเี หลอื งปนนำ้� ตาล มี 5 กลบี รปู ไข่ มขี นละเอยี ด ใบประดบั รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 0.3-1.5 ซม. วงนอกใหญก่ วา่
ดา้ นใน ดอกบานเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. กะบงั จัก 5 พู ต้นื ๆ แนบตดิ วงใน ดา้ นนอกมีขนสั้นหนานุ่มสนี ำ้� ตาล กลบี เลย้ี งไมพ่ ัฒนา ดอกสแี ดงอมชมพู
เสา้ เกสรด้านบน ดา้ นในมีหางโคง้ ยาวเทา่ ๆ ยอดอับเรณู เกสรเพศผู้ 5 อนั เช่อื มติดกัน กลบี ดอกมเี ฉพาะดอกทอ่ี ยวู่ งนอก แตล่ ะดอกยอ่ ยมี 1-4 กลบี ใน หรอื ไมม่ ี รปู ใบพาย
ปลายอับเรณูแนบติดยอดเกสรเพศเมยี ผลแตกแนวเดยี ว รปู แถบ ยาว 13-20 ซม. ยาว 1.2-1.8 ซม. เกสรเพศผู้ 6-11 อนั ก้านชูอบั เรณู ยาว 1-1.5 ซม. อบั เรณูมี 4 พู
เมลด็ เรียว ยาวประมาณ 5 มม. ปลายมีกระจกุ ขน ยาวประมาณ 3 ซม. รงั ไขต่ ดิ กง่ึ ใตว้ งกลบี เกลยี้ ง เกสรเพศเมยี 2 อนั ผลแหง้ แตกเปน็ กระจกุ แนน่ กลม
เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-2.5 ซม. เมล็ดรูปรี ยาว 3-5 มม. เมล็ดทีส่ มบูรณ์มปี กี แคบ ๆ
พบที่อินเดยี เนปาล ภฏู าน จนี พมา่ และภูมิภาคอนิ โดจีน ในไทยพบทาง
ภาคเหนือท่ีเชยี งใหม่ นา่ น และภาคกลางที่เขาใหญ่ จังหวัดนครนายก ข้นึ ตามคบไม้ พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบทาง
ในปา่ ดิบเขาหรือบนเขาหนิ ปูน ความสงู 1000-2000 เมตร ภาคตะวนั ตกเฉียงใตท้ ่ีแก่งกระจาน จงั หวัดเพชรบรุ ี และภาคใตท้ นี่ ราธิวาส ขึ้น
ตามพนื้ ทีท่ ดแทนในป่าดิบช้ืน และปา่ ดิบแล้ง ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร
สกลุ Hoya R. Br. เคยอย่ภู ายใตว้ งศ์ Asclepiadaceae ปัจจุบันอยู่ภายใต้
วงศ์ย่อย Asclepiadoideae มมี ากกว่า 100 ชนดิ ในไทยมมี ากกว่า 35 ชนดิ
และเปน็ ไมป้ ระดับอีกหลายชนิด ชอื่ สกลุ ตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวองั กฤษ
Thomas Hoy (1750-1822)
เอกสารอ้างองิ
Li, B., M.G. Gilbert and W.D. Stevens. (1995). Asclepiadaceae. In Flora of

China Vol. 16: 228, 231.

นมโมล:ี ใบเรียงตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน ปลายยาวคลา้ ยหาง แผน่ ใบหนา ชอ่ ดอกคล้ายช่อซีร่ ม่ (ภาพ: ดอยภูคา นา่ น - RP)

211

นาคราช สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

สกลุ Rhodoleia Champ. ex Hook. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Exbucklandoideae พบทพ่ี ม่า ภูมภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ข้ึนตามโขดหิน
ร่วมกบั สกุล Exbucklandia มปี ระมาณ 10 ชนดิ ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก หรอิื ตน้ ไมท้ มี่ มี อสเกาะ ในปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชน้ื และปา่ ดบิ เขา ความสงู 800-1400
“rhodo” สีแดง และ “leios” เรียบ ตามลักษณะของกลบี ดอก เมตร สว่ น var. trichomanoides เกลด็ เรยี วแคบจากโคน ปลายแหลมยาว เกลย้ี ง
เอกสารอา้ งองิ หรือมขี นสนั้ ๆ ตามขอบ ใบยอ่ ยจกั ลกึ เกนิ กึง่ หน่ึง ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทาง
Suddee, S. and D.J. Middleton. (2003). Rhodoleia (Hamamelidaceae), a new ภาคเหนอื และภาคใต้ เหงา้ ใชเ้ ป็นยาถา่ ยพยาธิ

generic record for Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 31: 132-135. เอกสารอ้างองิ
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Davalliaceae. In Flora of Thailand Vol. 3(2):
157-164.
Xing, F., W. Faguo and H.P. Nooteboom. (2013). Davalliaceae. In Flora of
China Vol. 2-3: 752-754.

นวลชมพู: แผ่นใบมนี วลดา้ นลา่ ง ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกตดิ กนั เปน็ ชอ่ กระจกุ แนน่ ลอ้ มรอบดว้ ยวงใบประดบั นาคราช: เฟนิ อิงอาศยั ใบประกอบหลายช้นั ใบย่อยจกั เป็นพู กลมุ่ อับสปอร์ติดที่ปลายเสน้ แขนงใบใกล้ขอบใบ
กลีบดอกมเี ฉพาะดอกทอี่ ย่วู งนอกสดุ (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบรุ ี - PK) มเี ย่ือคลุมรปู ถ้วย (ภาพซ้าย: อ่าวลึก กระบ่ี - DM; ภาพขวา: ภูจองนายอย อบุ ลราชธานี - TP)

นาคราช, สกลุ นาคราชเกลด็ น�้ำตาล: ใบประกอบรูปสามเหลยี่ มมน กา้ นใบประกอบย่อยแต่ละช้ันมกี ้านสน้ั ๆ ช่วงโคน ช่วงปลาย
ไร้กา้ น ใบย่อยขอบเว้าหรอื จกั ตื้น ๆ (ภาพ: ภูหินร่องกลา้ พษิ ณุโลก - PK)
Davallia Sm.
วงศ์ Davalliaceae นางแย้ม, สกุล

เฟนิ องิ อาศยั หรอื ขน้ึ บนพนื้ ดนิ เหงา้ ทอดเลอ้ื ย เกลด็ รปู โลส่ เี ขม้ ใบประกอบ Clerodendrum L.
2-4 ชัน้ เรียงห่าง ๆ ใบมแี บบเดยี วหรือสองแบบ แผน่ ใบรปู สามเหล่ยี ม หนา วงศ์ Lamiaceae
เกลย้ี ง ก้านใบยาว บางครัง้ มปี กี แคบ ๆ ใบประกอบยอ่ ยช่วงโคนขนาดใหญก่ วา่
ชว่ งปลาย ขอบใบยอ่ ยจกั มนหรอื จกั เปน็ พู เสน้ แขนงใบแตกเปน็ งา่ ม ไมเ่ ชอ่ื มตดิ กนั ไมพ้ ุ่ม ไม้ต้น หรือไมเ้ ถา กิง่ มักเป็นส่ีเหลยี่ ม ไมม่ ีหูใบ ใบเรยี งตรงขา้ มสลับ
กลมุ่ อบั สปอรต์ ดิ ทปี่ ลายเสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง รปู กลม มเี ยอื่ คลมุ หนั ออกตามยาว ตงั้ ฉากหรอื เรยี งรอบขอ้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ บางครงั้ แยกแขนงแบบชอ่ เชงิ หลน่ั
ติดทโี่ คนและด้านข้าง เซลล์ผนงั หนา สปอรม์ รี อยเช่อื มเดียว หรอื ช่อกระจกุ แนน่ ออกตามปลายกิง่ มีใบประดับและใบประดับย่อย กลีบเล้ยี ง
5 กลบี โคนเชื่อมติดกัน ตดิ ทน กลีบดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง หลอดกลบี เรยี วยาว
สกลุ Davallia มีประมาณ 40 ชนดิ พบตามหมูเ่ กาะในมหาสมุทรแอตแลนติก ส่วนมากมี 5 กลีบ ขนาดไมเ่ ท่ากัน เกสรเพศผสู้ องคยู่ าวไมเ่ ท่ากนั ตดิ ภายใน
แอฟรกิ า เอเชีย ออสเตรเลยี และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยมี 11 ชนิด ชอ่ื สกลุ ตง้ั หลอดกลบี ดอกระหวา่ งกลบี ดอก ยน่ื พน้ หลอดกลบี อบั เรณมู ี 2 ชอ่ ง แตกตามยาว
ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวเี ดน Edmund Davall (1763-1798) รังไขม่ ี 4 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวุลเมด็ เดียว กา้ นเกสรเพศเมยี เรียวยาว ยอดเกสร
จกั 2 พู ผลผนังช้ันในแขง็ มี 2-4 ไพรีน แต่ละไพรีนมเี มลด็ เดียว
นาคราช
สกุล Clerodendrum เดิมอย่ภู ายใต้วงศ์ Verbenaceae ปัจจุบันอยูว่ งศย์ อ่ ย
Davallia denticulata (Burm. f.) Mett. ex Kuhn Ajugoideae มปี ระมาณ 150 ชนิด สว่ นมากพบในแอฟรกิ าและเอเชีย ในไทยมี
ประมาณ 30 ชนิด หลายชนดิ เป็นไม้ประดับ บางชนิดยา้ ยไปอยสู่ กลุ Rotheca
ชือ่ พอ้ ง Adiantum denticulatum Burm. f. ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรีก “kleros” โอกาสหรอื โชคชะตา และ “dendron” ตน้ ไม้
หมายถึงต้นไมแ้ หง่ โอกาสท่หี ลายชนิดมสี รรพคณุ ดา้ นสมุนไพร
เฟนิ องิ อาศยั เหงา้ หนา เกลด็ เรยี วยาว ใบประกอบยาว 60-90 ซม. กวา้ งประมาณ
50 ซม. ปลายเรียวแหลม ก้านใบแขง็ ยาว 30-50 ซม. ใบประกอบย่อยยาว 8-45 ซม. นางแย้ม
ใบประกอบย่อยทสี่ ามยาวไดถ้ ึง 20 ซม. กา้ นส้นั หรือไรก้ ้านชว่ งปลายใบ ใบยอ่ ย
รปู ขอบขนาน ยาว 2-3 ซม. ปลายแหลมมน กลม หรอื ตัด โคนเบย้ี ว ขอบจักเป็นพู Clerodendrum chinense (Osbeck) Mabb.
กว้างประมาณ 4 มม. มีเสน้ ใบแซม กล่มุ อับสปอร์ติดทปี่ ลายเสน้ แขนงใบใกล้ขอบใบ
มีเย่ือคลุมรูปถว้ ย ยาวประมาณ 0.7 มม. ชื่อพ้อง Cryptanthus chinensis Osbeck

พบทแ่ี อฟริกา มาดากัสการ์ อนิ เดีย ศรีลงั กา ไห่หนาน พม่า ภมู ิภาคอินโดจีน ไม้พมุ่ สูงไดถ้ ึง 2 ม. กงิ่ มีช่องอากาศ มีขนสัน้ นมุ่ ตามกง่ิ แผ่นใบดา้ นลา่ ง และ
และมาเลเซยี ออสเตรเลีย และหม่เู กาะแปซฟิ ิก ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามต้นไม้ กา้ นใบ ใบรปู ไข่กวา้ งหรือรูปหัวใจ ยาว 10-30 ซม. ปลายแหลมยาว โคนตัดหรอื
และโขดหนิ ในป่าดิบแล้ง ปา่ ดบิ ช้นื และป่าพรุ ความสงู ถึงประมาณ 500 เมตร เวา้ ต้นื ขอบจกั ซีฟ่ นั แผ่นใบด้านบนสาก มีต่อมหลายต่อมใกลโ้ คน ก้านใบยาว
3-20 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงแบบชอ่ เชงิ หลนั่ กา้ นชอ่ สนั้ ใบประดบั
นาคราชเกลด็ นำ้�ตาล รปู ใบหอก ยาว 1.5-3 ซม. มตี อ่ มและขนสนั้ นมุ่ กลบี เลยี้ งรปู สามเหลย่ี มแคบ ยาว
1.5-1.7 ซม. สมี ่วงแกมเขียว ดอกสขี าวอมชมพูหรอื อมม่วง บางครัง้ ซ้อนกัน
Davallia trichomanoides Blume var. lorrainii (Hance) Holttum หลายกลบี หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลบี รปู รหี รอื รปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ
1.5 ซม. เกสรเพศผอู้ นั ยาว ยาวประมาณ 3 ซม. ผลมกี ลบี เลย้ี งหมุ้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ช่อื พอ้ ง Davallia lorrainii Hance 0.8-1 ซม. มี 2-4 พู สุกสีนำ�้ เงนิ ดำ�

เฟนิ องิ อาศยั เหงา้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-5 มม. เกลด็ คอดเหนอื โคนเรยี วยาว
คลา้ ยหาง ขอบมขี นยาว ใบประกอบรปู สามเหลย่ี มมน เรยี วแคบ ยาว 10-35 ซม.
ก้านใบยาวไดถ้ งึ 10 ซม. ก้านใบประกอบยอ่ ยแตล่ ะชั้นมีก้านสน้ั ๆ ช่วงโคน ช่วง
ปลายไร้ก้าน ใบประกอบย่อยยาวได้ถงึ 19 ซม. แตส่ ว่ นมากยาวประมาณ 10 ซม.
ใบประกอบย่อยที่สามยาว 2-7 ซม. ใบย่อยยาว 0.5-2.5 ซม. ปลายแหลมมน
ขอบเวา้ หรอื จักตื้น ๆ ไมม่ ีเส้นใบแซม เนอ้ื ใบแข็ง กลุ่มอบั สปอรต์ ิดที่ปลายเส้น
แขนงใบ เยื่อคลมุ รปู ถว้ ย ยาวประมาณ 2 มม.

212

สารานุกรมพืชในประเทศไทย นางแยม้ ปา่

พบท่ีอินเดยี พมา่ จีนตอนใต้ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนือ และ พบทอ่ี ินเดีย ศรลี งั กา พม่า ลาว เวียดนาม และภูมภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบ
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเี่ ลย ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ทุกภาค ข้นึ ตามป่าเบญจพรรณ ปา่ เต็งรงั ป่าดิบแล้ง หรอื เขาหินปนู ความสูงถงึ
ความสงู ถงึ ประมาณ 1500 เมตร สว่ น var. chinense มถี น่ิ กำ� เนดิ ในจนี เปน็ ไมป้ ระดบั ประมาณ 1100 เมตร ใบและรากใชร้ กั ษาผมรว่ ง แก้ไอ โรคหอบ ขับปสั สาวะ
มีกลีบซอ้ น มกั ไม่ตดิ ผล อาจกลายพนั ธุ์มาจาก var. simplex (Moldenke) S. L.
Chen ทมี่ กี ลบี ดอก 5-6 กลบี หลอดกลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เอกสารอ้างอิง
ลำ� ตน้ และใบมีขนส้ันนมุ่ หนาแนน่ Chen, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae (Clerodendrum). In Flora of
China Vol. 17: 39.
นางแย้มจนี Leeratiwong, C. and P. Chantaranothai. (2001). Clerodendrum subscaposum
Hemsl. (Lamiaceae), a new record for Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany)
Clerodendrum bungei Steud. 29: 25-28.
ไม้พมุ่ สงู 1-2 ม. กิง่ มชี อ่ งอากาศกระจาย ใบรูปไข่กว้าง ยาว 8-20 ซม. แผ่นใบ Leeratiwong, C., P. Chantaranothai and A. Paton. (2011). A synopsis of the
genus Clerodendrum L. (Lamiaceae) in Thailand. Tropical Natural History
และกา้ นใบมขี นสน้ั นมุ่ ดา้ นลา่ งมตี อ่ มใกลโ้ คน ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย กา้ นใบยาว 4-17 ซม. 11(2): 177-211.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ใบประดบั รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ยาวประมาณ 3 ซม. Ridley, H.N. (1923, reprinted 1967). Verbenaceae. Flora of the Malay Peninsula
ใบประดบั ย่อยสั้นกวา่ ประมาณกึง่ หน่งึ รว่ งเร็ว หลอดกลบี เลย้ี งยาว 2-6 มม. มี Vol. 2: 624-625.
ขนสน้ั นมุ่ และตอ่ มรปู โลก่ ระจาย กลบี รปู สามเหลยี่ ม ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ดอกสชี มพู
อมแดงหรือมว่ ง หลอดกลบี ดอกยาว 2-3 ซม. กลีบรปู ไขก่ ลับ ยาว 5-8 มม. นางแยม้ : var. chinense กลบี ดอกซ้อน หลอดกลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียส้ัน (ภาพซา้ ย: cultivated - SSi);
ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.6-1.2 ซม. สุกสีม่วงอมดำ� นางแยม้ : var. simplex กลบี ดอกไมซ่ ้อน หลอดกลีบ เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียยาวกว่า (ภาพ: ดอยภคู า น่าน - RP)

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในจนี และเวยี ดนาม เปน็ ไมป้ ระดบั ใบมสี รรพคณุ ฆา่ พยาธิ แกอ้ กั เสบ นางแย้มจนี : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแน่น ดอกสีชมพอู มแดงหรอื ม่วง (ภาพ: cultivated - RP)
ขบั ลม แยกเป็น var. megacalyx C. Y. Wu ex S. L. Chen กลีบเลย้ี งยาวกว่า
นางแย้มช่อหอ้ ย: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแน่น ออกตามซอกใบ หอ้ ยลง กลบี เลีย้ งรูปสามเหลี่ยมแคบ ปลายแฉกสแี ดง
นางแยม้ ช่อหอ้ ย ตดิ ทน (ภาพ: แว้ง นราธวิ าส - MT)

Clerodendrum deflexum Wall. นางแย้มดอย: ใบรูปหัวใจกว้าง ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงตรงข้ามสลับตั้งฉาก แต่ละชอ่ กระจกุ มี 3-5 ดอก
ไมพ้ ุ่ม สงู ได้ถึง 1.5 ม. มีขนสน้ั นมุ่ ตามกงิ่ แผ่นใบด้านล่าง ใบรปู ไข่กลับหรอื มขี นตอ่ มตามชอ่ ดอก ก้านดอก และกลบี ดอกด้านนอก (ภาพ: ดอยตงุ เชียงราย - PK)

รูปใบหอก ยาว 15-40 ซม. ปลายแหลมยาวหรือยาวคล้ายหาง ก้านใบยาว นางแย้มปา่ : โคนใบกลมหรือรปู หวั ใจ ขอบใบจักซฟี่ ัน กลีบเลย้ี งขยายในผล ติดทนสแี ดง (ภาพดอก: เลย - MT;
2.5-6 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกตามซอกใบ ห้อยลง ก้านช่อยาว ภาพผล: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - SSi)
2.5-7.5 ซม. ใบประดับและใบประดับยอ่ ยสีแดง ก้านดอกส้ัน กลบี เลี้ยงเชอื่ มติด
ประมาณ 2 มม. กลีบรปู สามเหลี่ยมแคบ ยาว 5-8 มม. ปลายแฉกสแี ดง ตดิ ทน
ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-2 ซม. กลบี ดอกรปู ใบหอก ยาว 6-7 มม.
เกสรเพศผยู้ น่ื เลยพน้ ปากหลอดกลบี ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. เกลยี้ ง

พบท่คี าบสมทุ รมลายู ชวา บอร์เนยี ว และภาคใต้ตอนลา่ งของไทยที่ปัตตานี
ยะลา และนราธิวาส ขึ้นตามปา่ ดิบชนื้ ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ

นางแย้มดอย

Clerodendrum subscaposum Hemsl.
ไม้ลม้ ลกุ สูง 30-100 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ ตามกิ่งอ่อน และแผน่ ใบดา้ นล่าง มีขน

ต่อมตามช่อดอก ก้านดอก และกลบี ดอกด้านนอก ใบรูปหวั ใจกวา้ ง บางครง้ั มี
3-5 แฉก ยาว 5-13 ซม. ขอบจกั ฟันเล่ือย แผ่นใบมีเกลด็ รปู โล่ประปรายท้ังสองดา้ น
ก้านใบยาว 3.5-10 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนงตรงข้ามสลับตัง้ ฉาก
ยาว 15-30 ซม. แต่ละช่อกระจุกมี 3-5 ดอก ใบประดับรปู ไข่ ยาว 0.5-2 ซม. ร่วงเรว็
ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบขนาดเลก็ กา้ นดอกยาว 1-1.7 ซม. มขี นยาว หลอดกลบี เลย้ี ง
ยาวประมาณ 2 มม. ปลายแยกเป็นแฉกตื้น ๆ มีเกล็ดรูปโล่ ดอกสีม่วงอ่อน
หลอดกลีบดอกยาว 5-7 มม. กลีบดอกยาว 3-5 มม. กลบี ปากกวา้ งกว่ากลบี ดา้ นข้าง
เลก็ นอ้ ย เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.5 ซม. อนั สนั้ ยาวประมาณ 1 ซม. รงั ไขม่ ตี อ่ ม
หนาแน่น กา้ นเกสรเพศเมยี โค้งลงตามเกสรเพศผู้ ยาว 1.5-1.7 ซม.

พบทอี่ นิ เดยี จนี ตอนใต้ เวยี ดนามตอนบน และภาคเหนอื ของไทยทด่ี อยเชยี งดาว
จังหวัดเชียงใหม่ และดอยตุง จังหวัดเชียงราย ขึ้นใต้ร่มเงาบนหินปูน ความสูง
1000-1800 เมตร

นางแย้มปา่

Clerodendrum infortunatum L.
ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 4 ม. ตามข้อไม่มีแถบขน ใบรูปไข่กว้างหรือรูปหัวใจ ยาว

6-25 ซม. โคนกลมหรอื รปู หวั ใจ ขอบจกั ซฟี่ นั แผน่ ใบมขี นสนั้ นมุ่ ดา้ นลา่ งไมม่ ี
ต่อมรูปโล่ ก้านใบยาว 1.5-15 ซม. ช่อดอกตั้งตรง ยาวได้ถงึ 60 ซม. กลบี เลยี้ ง
ยาว 1-1.5 ซม. ไมม่ ตี อ่ มขน ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-2 ซม. ปากหลอด
มีขนส้ันนุ่มและมีปื้นสีชมพูอมม่วง กลีบดอกยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ยาว
2.5-4 ซม. ผลเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1-1.2 ซม. สุกสีด�ำ กลีบเลย้ี งขยายในผล ตดิ ทน
สีแดง ยาว 2-2.5 ซม.

213

นางอวั้ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

นางอั้ว, สกลุ พบท่ีพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
ขึ้นตามท่งุ หญา้ และทโี่ ล่งตามชายปา่ ความสงู 1000-1500 เมตร มคี วามผันแปรสงู
Pecteilis Raf. และอาจจะเป็นชนดิ เดียวกับ E. darae Hul ซึง่ ระบุวา่ พบทีไ่ ทยและกมั พูชา มี
วงศ์ Orchidaceae หลายลักษณะคาบเกี่ยวกัน

กลว้ ยไมด้ ินมีหวั โคนใบแผเ่ ปน็ กาบ มี 2-14 ใบ โคนเปน็ กาบ ไรก้ า้ น ชอ่ ดอก เอกสารอา้ งองิ
แบบชอ่ กระจะ ใบประดบั รปู เรอื ขนาดเลก็ กวา่ ใบ ดอกพลกิ กลบั กลบี เลย้ี ง 3 กลบี Hul, S. (2010). Two new species of Gentianaceae from Indo-china. Edinburgh
แยกกนั กลบี ปากเชอ่ื มตดิ เสา้ เกสรแคบ ๆ เรยี บ จกั 3 พู หรอื คลา้ ยรปู พดั มเี ดอื ย Journal of Botany 67(1): 155-158.
1 อัน เส้าเกสรแบนห้มุ เกสรเพศเมีย ปลายแยก 2 พู เรยี งชดิ กนั ปลายจงอยแผ่กว้าง Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand. Vol. 5(1): 80-81.
มีตอ่ มเหนยี ว 2 ตอ่ ม โคนย่ืนออก กลุ่มเรณู 2 กลมุ่ รงั ไข่เกล้ยี ง
นางอวั้ ดอย: ใบเรียงตรงขา้ ม กลีบเลี้ยงมคี รบี เป็นปีก ดอกสีชมพูหรอื สขี าวอมม่วง มี 4- 5 กลีบ อบั เรณูมรี เู ปดิ ทปี่ ลาย
สกุล Pecteilis อย่ใู นวงศย์ ่อย Orchidoideae เผ่า Orchideae มปี ระมาณ 7 ชนิด (ภาพ: แม่เมย ตาก - RP)
พบเฉพาะในเอเชยี เขตร้อน และญปี่ นุ่ ในไทยมี 3 ชนิด อกี 2 ชนดิ คือ P. henryi
Schltr. นางอ้ัวสาครกิ P. hawkesiana (King & Pantl.) C. S. Kumar ชอื่ สกุลมาจาก นางอ้ัวลาย
ภาษาละตนิ “pectinis” หวี ตามลักษณะกลีบปากจักชายครุยลึกในบางชนดิ
Hemipilia calophylla E. C. Parish & Rchb. f.
นางอ้ัว วงศ์ Orchidaceae

Pecteilis susannae (L.) Raf. กลว้ ยไมด้ นิ มหี วั ลำ� ตน้ มลี ายและจดุ สมี ว่ งอมเขยี ว สว่ นมากมใี บเดยี ว รปู ไขห่ รอื
แกมรปู ขอบขนาน ยาว 4-18 ซม. โคนโอบลำ� ตน้ ไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นสน้ั ๆ แผน่ ใบมลี าย
ช่อื พอ้ ง Orchis susannae L. และจุดสมี ว่ งอมเขียว ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ยาว 8-30 ซม. แกนกลางช่อยาว
1.5-12 ซม. ใบประดับรูปสามเหล่ยี มแคบ ยาว 0.6-1.3 ซม. ดอกสมี ว่ งอมชมพู
กล้วยไม้ดิน สูงได้ถึง 1.5 ม. หัวใต้ดินขนาดใหญ่ ใบเรียงเวียนรอบล�ำต้น ปลายกลบี สเี ขม้ กลีบเล้ยี งรูปเรือ กลีบรปู ไข่ ปลายมน กลีบบนยาวประมาณ 5 มม.
6-10 ใบ รปู รถี งึ รูปใบหอก หรือแกมรปู ไขก่ ลับ ยาว 4-18 ซม. แกนชอ่ ยาวไดถ้ ึง เสน้ กลบี 1 เสน้ กลบี ข้างเบยี้ ว ยาวกว่าเลก็ นอ้ ย เสน้ กลบี 3 เส้น กลบี ดอกติด
20 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 20-50 ซม. มี 2-10 ดอก ใบประดับคล้ายใบ ยาว 3.5-8.5 ซม. กลบี เลีย้ งบน รปู ไขเ่ บย้ี ว ยาวเท่า ๆ กนั ปลายกลีบกลม เส้นกลบี 3 เสน้ หลังกลีบ
ดอกสเี ขยี วอมขาวหรอื อมเหลือง กลบี เลี้ยงบนรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 2-3 ซม. กลบี ค่ขู า้ ง มปี ุม่ เล็ก ๆ กระจาย กลบี ปากรปู รกี วา้ ง ยาว 7-9 มม. ปลายตดั มนหรอื เวา้ เลก็ น้อย
แคบและยาวกว่าเล็กน้อย กลบี ดอกรปู ใบหอก ยาว 0.7-1.3 ซม. กลบี ปากแยก ขอบเปน็ คลน่ื เดอื ยสนั้ ยาว 4.5-6 มม. เสา้ เกสรยาวประมาณ 2.5 มม. มตี อ่ มเหนยี ว
3 พู พูข้างกางออก รูปพดั ยาว 2-3.5 ซม. ขอบจกั ชายครุยลึก พูกลางรูปใบหอก 2 ต่อม แผ่นหมุ้ ตดิ ไม่ไหว อบั เรณู 2 กลุ่ม ยอดเกสรเพศเมยี รูปพัด รังไขร่ วม
ถงึ รปู แถบ ยาว 3-4.5 ซม. เดอื ยโคง้ ยาว 7-15.5 ซม. เสา้ เกสรยาว 1-1.3 ซม. กา้ นดอกยาวได้ถงึ 1.5 ซม. ผลแห้งแตก เรยี วแคบ ยาวประมาณ 1.2 ซม.
รังไข่รวมก้านดอกยาว 2.5-6 ซม.
พบทจี่ ีนตอนใต้ พมา่ เวียดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวันตกเฉียงใต้
พบทอ่ี ินเดีย เนปาล พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ิภาคอนิ โดจนี คาบสมุทรมลายู ชวา ขนึ้ ใต้รม่ เงาตามเขาหินปนู ความสูง 700-1700 เมตร
ตมิ อร์ ซูลาเวซี และโมลุกกะ ในไทยพบทุกภาค ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ ชายป่าดิบแล้ง
ป่าดบิ ช้นื ปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดิบเขา ความสงู ถึงประมาณ 1100 เมตร สกุล Hemipilia Lindl. อยูภ่ ายใตว้ งศย์ ่อย Orchidoideae เผ่า Orchideae มี
ประมาณ 10 ชนดิ พบท่เี นปาล อินเดยี ภูฏาน พมา่ จีนตอนใต้ ไตห้ วัน และ
เอกสารอา้ งอิง เวียดนาม ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “hemi” ครึ่ง และ “pilos”
Pedersen, H.Æ. (2011). Orchidaceae (Pecteilis). In Flora of Thailand Vol. 12(1): หมวก ตามลกั ษณะกลุ่มอบั เรณมู แี ผ่นหุ้ม
216-221. เอกสารอา้ งองิ
Pedersen, H.Æ. (2011). Orchidaceae (Hemipilia). In Flora of Thailand Vol. 12(1):
นางอว้ั : ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ใบประดบั คลา้ ยใบขนาดเลก็ กวา่ ใบ กลบี ปากแยก 3 พู พูขา้ งกางออก ขอบจกั
ชายครยุ ลกึ พกู ลางรปู ใบหอกถงึ รปู แถบ เดอื ยโคง้ ยาว (ภาพ: ทองผาภูมิ กาญจนบรุ ี - PK) 150-151.

นางอั้วดอย นางอั้วลาย: โคนใบโอบล�ำต้น เกอื บไร้ก้าน แผน่ ใบมีลายและจุดสมี ว่ งอมเขียว ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ดอกสมี ่วงอม
ชมพู กลีบปากมีเดือยตรง (ภาพ: อมุ้ ผาง ตาก - PK)
Exacum sutaepense Hosseus ex Craib
วงศ์ Gentianaceae

ไมล้ ม้ ลกุ สงู 5-15 ซม. ลำ� ตน้ เปน็ เหลยี่ มเลก็ นอ้ ย ใบรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน
ยาว 0.7-1.5 ซม. เส้นโคนใบ 3-5 เส้น กา้ นใบเกือบไร้กา้ น ชอ่ ดอกออกส้นั ๆ กา้ นดอก
ยาว 0.2-7 มม. กลบี เลย้ี ง 4-5 กลบี แยกเกือบจรดโคน รปู ใบหอก ยาว 4-5 มม.
มีครีบเป็นปีก กว้าง 1-1.5 มม. ติดทน ดอกสชี มพูหรือสีขาวอมมว่ ง มี 4-5 กลีบ
หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 4 มม. กลบี รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 6 มม.
กา้ นชอู บั เรณสู ัน้ อับเรณยู าวประมาณ 2.5 มม. มรี ูเปดิ ที่ปลาย ก้านเกสรเพศเมยี ส้นั
ยอดเกสรจกั 2 พู ผลรปู รกี ว้าง ยาวประมาณ 3 มม. เมลด็ ขนาดเล็ก จ�ำนวนมาก
(ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ที่ หญา้ เหลยี่ ม, สกุล)

214

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย น�้ำเต้าผี

นางอัว้ สาครกิ น�ำ้ ใจใคร:่ ชอ่ ดอกออกสัน้ ๆ ตามซอกใบ กลีบดอก 2 กลีบแฉกลึกประมาณก่ึงหน่ึง พับงอกลับ ดคู ลา้ ยมี 5 กลบี
เกสรเพศผูท้ ี่สมบรู ณ์ 3 อัน เกสรเพศผูท้ ่เี ปน็ หมัน 5 อัน ผลมีกลีบเลย้ี งท่ีขยายหุ้ม (ภาพ: บา้ นถำ�้ ธง ชุมพร - RP)
Pecteilis hawkesiana (King & Pantl.) C. S. Kumar
วงศ์ Orchidaceae นำ้�ดบั ไฟ

ช่อื พอ้ ง Habenaria hawkesiana King & Pantl., Pecteilis sagarikii Seidenf. Microchirita involucrata (Craib) Yin Z. Wang
วงศ์ Gesneriaceae
กลว้ ยไม้ดนิ หวั ใตด้ นิ รปู ไข่ เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. ใบเรยี งเวียน
ทโ่ี คนมี 2-6 ใบ รูปรีหรอื รปู ไข่ ยาว 3-15 ซม. ปลายใบมีตง่ิ แหลม แกนช่อดอก ชอ่ื พ้อง Chirita involucrata Craib
ยาว 2-17 ซม. ก้านชอ่ ยาว 6-9 ซม. มไี ด้ถงึ 17 ดอก ใบประดับยาว 1-6.5 ซม.
ดอกสขี าวหรอื เขยี วออ่ น กลบี เลยี้ งบนรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 1.5-2.5 ซม. กลบี คขู่ า้ ง ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 45 ซม. มขี นและขนตอ่ มหนาแนน่ ตามกง่ิ แผน่ ใบ ชอ่ ดอก
รปู ขอบขนาน บิดเล็กน้อย ยาวเท่า ๆ กลบี บน กลีบดอกรูปขอบขนาน ยาว ก้านดอก กลีบเลีย้ งทงั้ สองดา้ น และกลีบดอกดา้ นนอก ใบรูปรีหรอื รปู ไข่ ยาว
1.7-2 ซม. กลีบปากรปู ไขแ่ กมรปู สามเหลี่ยม ยาว 1.8-2.5 ซม. มสี เี หลืองแต้ม 4-9 ซม. ปลายแหลม โคนมนหรอื เว้าตน้ื มกั เบย้ี ว เสน้ แขนงใบข้างละ 6-8 เส้น
ด้านใน เดอื ยรูปกระบอง ยาว 3.5-4.5 ซม. เสา้ เกสรยาว 0.7-1 ซม. รงั ไข่รวม กา้ นใบยาว 1-5 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ไมเ่ ช่อื มตดิ ก้านใบ มี 1-6 ดอก ก้านชอ่
กา้ นดอกยาว 1.4-2.8 ซม. (ดูข้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ นางอว้ั , สกลุ ) ยาว 2-10 ซม. ใบประดับคลา้ ยใบ เรียงตรงขา้ ม ไม่เชอ่ื มตดิ กัน รูปรหี รอื รูปไข่
ยาว 2-5 ซม. ก้านดอกสว่ นมากยาว 1-3 ซม. กลีบเลย้ี งรปู ใบหอก ยาว 7-8 มม.
พบท่พี ม่า ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ยกเว้นภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ดอกรปู แตร สมี ว่ งเขม้ โคนสีอ่อนหรือขาว ยาวประมาณ 2 ซม. ปากหลอดกลีบ
ข้นึ ตามป่าดบิ แล้ง ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร ดอกกว้างประมาณ 7 มม. กา้ นชูอับเรณูหนา ยาวประมาณ 4.5 มม. อบั เรณมู ขี น
สน้ั นมุ่ รงั ไขเ่ กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 5 มม. มขี นตอ่ มหนาแนน่ ฝกั เกลย้ี ง
เอกสารอา้ งองิ รปู แถบ ปลายโคง้ ยาว 3.5-6 ซม. (ดขู อ้ มูลเพ่มิ เติมท่ี หยาดเนตร, สกุล)
Pedersen, H.Æ. (2011). Orchidaceae (Pecteilis). In Flora of Thailand Vol. 12(1): 217.
พบทคี่ าบสมทุ รมลายู ในไทยพบกระจายทางภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามหนิ ปนู หรอื ดนิ ทชี่ มุ่ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ
700 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Wood, D. (1974). A revision of Chirita (Gesneriaceae). Notes from the Royal
Botanic Garden Edinburgh Vol. 33(1): 199-200.

นางอ้ัวสาครกิ : ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ใบประดบั รปู เรอื กลบี ปากรูปไขแ่ กมรูปสามเหลยี่ ม มีสีเหลืองแต้มดา้ นใน น้�ำดบั ไฟ: มีขนและขนตอ่ มท่วั ไป ใบประดับคลา้ ยใบ เรียงตรงข้าม ไมเ่ ช่ือมตดิ กนั กา้ นชอ่ และกา้ นดอกยาว ฝกั เกลี้ยง
เดอื ยรปู กระบอง (ภาพซ้าย: มุกดาหาร - RP; ภาพขวา: cultivated - OP) (ภาพ: ธารโต ยะลา - MP)

นำ้�ใจใคร่ น้ำ�เต้าผี

Olax scandens Roxb. Alsomitra macrocarpa (Blume) M. Roem.
วงศ์ Olacaceae วงศ์ Cucurbitaceae

ช่ือพ้อง Olax psittacorum (Lam.) Vahl ช่อื พ้อง Zanonia macrocarpa Blume

ไมพ้ มุ่ รอเลอ้ื ย ลำ� ตน้ มกั มหี นามสน้ั ๆ กง่ิ ออ่ นมขี น ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ไมเ้ ถาขนาดใหญ่ แยกเพศตา่ งต้น ยาวได้ถึง 50 ม. มือจับยาว 6-10 ซม. ปลาย
รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 2-9.5 ซม. แผน่ ใบสว่ นมากมขี นสนั้ นมุ่ ทงั้ สองดา้ น แยก 2 แฉก ใบเรียงเวยี น รูปไข่หรอื รปู รี ยาว 8-16 ซม. โคนกลมหรอื เว้าตน้ื ๆ
กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะหรือแยกแขนงสน้ั ๆ ตามซอกใบ มี เส้นโคนใบ 3-5 เส้น กา้ นใบยาว 2-4 ซม. ใบอ่อนขนาดเลก็ ช่อดอกเพศผแู้ บบ
1-3 ช่อ ยาว 0.5-3.5 ซม. ใบประดับขนาดเล็ก ร่วงเรว็ กา้ นดอกยาว 1-2 มม. ชอ่ แยกแขนง ยาว 5-15 ซม. ก้านช่อยาว 1-2 ซม. กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม.
กลบี เลย้ี งเชอื่ มกนั ทโ่ี คน ปลายแยก 4-5 แฉกไมช่ ดั เจน ยาวประมาณ 1 มม. ขยาย กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี รปู รี กลบี เลยี้ งยาวประมาณ 5 มม.
ในผล กลบี ดอก 3 กลีบ สขี าวครมี รปู ใบหอกหรือรปู แถบ ยาวเกือบ 1 ซม. 2 กลีบ กลบี ดอกยาว 6-8 มม. ปลายกลีบมปี ุ่มกระจาย กลางดอกมักมีรยางค์ส้ัน ๆ 3 อัน
หรอื ท้ัง 3 กลีบแฉกลึกประมาณก่งึ หนึ่ง พบั งอกลบั ดูคลา้ ยมี 5 หรือ 6 กลีบ เกสรเพศผู้ 3 อนั ติดบนขอบฐานดอก กา้ นชอู บั เรณูยาว 2-2.5 มม. ถุงอบั เรณู
เกสรเพศผทู้ ส่ี มบรู ณ์ 3 อนั เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั 5 อนั อบั เรณแู ฉกลกึ รงั ไขเ่ กลยี้ ง มขี นปมุ่ ชอ่ ดอกเพศเมียลดรูปคลา้ ยชอ่ กระจะสัน้ ๆ มี 5-10 ดอก ดอกใหญ่กวา่
กา้ นเกสรเพศเมยี รูปทรงกระบอกสัน้ หรอื ยาว 5-6 มม. ยอดเกสรเพศเมียจกั 3 พู ดอกเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย รังไขใ่ ตว้ งกลีบประมาณสามส่วนส่ี กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อัน ส้ัน ๆ
ไมช่ ดั เจน ผลสดผนงั ชน้ั ในแขง็ รปู รกี วา้ งเกอื บกลม ยาว 1-1.5 ซม. สกุ สเี หลอื งหรอื ยอดเกสรยาว 3-4 มม. ปลายแฉกลกึ 2 แฉก ผลแหง้ แตก กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
อมสม้ กลีบเลย้ี งหมุ้ เกินกึ่งหนง่ึ 20-30 ซม. ปลายมฝี าเปดิ 3 ฝา ขา้ งในมชี นั้ ฟองน�้ำนมุ่ เมลด็ เรยี งหนาแนน่ แบน
ยาว 2.5-3 ซม. มปี กี บางทั้งสองขา้ งคล้ายปีกผเี สอ้ื กวา้ ง 10-12 ซม.
พบทมี่ าดากสั การ์ อนิ เดยี รวมหมเู่ กาะอนั ดามนั และนโิ คบาร์ ศรลี งั กา บงั กลาเทศ
พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี นวิ กนิ ี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และนวิ กนิ ี ในไทยพบทางภาคใตท้ คี่ ลองพนม
ขนึ้ ตามชายปา่ ทโี่ ลง่ ใกลช้ ายฝง่ั ทะเล ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ ชนดิ O. psittacorum จงั หวดั สุราษฎร์ธานี ข้ึนตามเขาหนิ ปูน ในป่าดบิ ช้นื ความสงู ประมาณ 100 เมตร
(Lam.) Vahl เป็นชือ่ พอ้ งตาม Catalogue of Life (October 2015) เปลือกและราก
แก้ปวดเมือ่ ยตามร่างกาย แกไ้ ข้ ผลแก้ตาอักเสบ

สกลุ Olax L. มปี ระมาณ 40 ชนิด ในไทยมี 3 ชนดิ ชอื่ สกลุ มาจากภาษาละตนิ
“olax” หรือ “olacis” กลน่ิ หมายถึงพืชบางชนิดในสกลุ น้มี กี ลิน่

เอกสารอ้างองิ
Sleumer, H. (1984). Olacaceae. In Flora Malesiana Vol. 10: 6-9.

215

นำ้� เต้าพระฤๅษี สารานุกรมพืชในประเทศไทย

สกุล Alsomitra (Blume) M. Roem. มีชนดิ เดียว ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “alsos”
ถงุ และ “mitra” หมวกของบชิ อป หมายถึงลกั ษณะของผลทม่ี ีฝาปิดคล้ายหมวก
เอกสารอ้างองิ
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of Thailand

Vol. 9(4): 416-419.

น้ำ� เตา้ ผ:ี ไมเ้ ถาขนาดใหญ่ เกาะเล้ือยตามหน้าผาบนเขาหินปูน ใบออ่ นขนาดเลก็ ผลแหง้ แตก กลม เมล็ดแบน มีปกี บาง น�้ำเตา้ ลม: N. thorelii หมอ้ บนเรียวยาว ขอบปากหม้อเรียบ (ภาพ: ตะก่วั ป่า พังงา - MP)
ท้งั สองขา้ งคล้ายปกี ผีเสือ้ (ภาพ: คลองพนม สุราษฎร์ธานี - PK)
นำ้�นมราชสหี ์, สกลุ
น�้ำ เตา้ พระฤาษี
Euphorbia L.
Nepenthes smilesii Hemsl. วงศ์ Euphorbiaceae
วงศ์ Nepenthaceae
ไมล้ ้มลกุ ไมพ้ มุ่ หรือไมต้ น้ แยกเพศร่วมต้นหรอื ตา่ งต้น ลำ� ต้นมกั อวบนำ�้
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวได้ถึง 3 ม. ลำ� ตน้ มีครีบเชอื่ มโคนใบ ใบรูปแถบ ยาว 18-40 ซม. และมีหนาม นำ�้ ยางสีขาว มีพิษ หูใบขนาดเลก็ ใบเรยี งเวียน เรียงตรงข้าม หรอื
โคนสอบเรียวโอบลำ� ตน้ เสน้ ใบเรยี งขนานกนั ขา้ งละ 2-3 เส้น แผ่นใบมขี นสั้น เวยี นรอบขอ้ บางครง้ั ลดรูป ช่อดอกรูปถ้วย (cyathia) สมมาตรตามรศั มี ออกเดี่ยว ๆ
ประปราย หมอ้ ลา่ งรูปคนโท สูง 6-15 ซม. ดา้ นนอกสีแดงมีลายสเี ขม้ มขี นส้นั น่มุ หรอื เปน็ กระจกุ แยกสอง หรอื ชอ่ ซรี่ ม่ ชอ่ ดอกตดิ บนวงใบประดบั มตี อ่ ม 1-5 ตอ่ ม
ดา้ นในสเี ขยี วนวล มกั มลี ายจดุ สแี ดงมว่ งเขม้ สนั ครบี กวา้ งไดถ้ งึ 1.2 ซม. ปากหมอ้ ปลายมักมรี ยางค์เป็นแผน่ สีสดใส ดอกเพศเมยี มดี อกเดียวอยู่ปลายช่อ ดอกเพศผู้
รปู ไข่กวา้ ง ยาว 3.5-4 ซม. ขอบหนา 3-7 มม. สแี ดงเข้มหรอื เหลอื งออ่ น ฝาหม้อ มหี ลายดอกอยดู่ า้ นขา้ งแบบชอ่ กระจกุ ดา้ นเดยี ว ไมม่ กี ลบี ดอก กลบี เลยี้ งลดรปู
เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 2.5-5 ซม. ใต้ฝามตี ่อมจ�ำนวนมาก สายหม้อยาว 10-27 ซม. หรอื ไมม่ ี ไมม่ จี านฐานดอก เกสรเพศผลู้ ดรปู เหลอื อนั เดยี ว รงั ไข่ 2-3 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ ง
หมอ้ บนรูปไข่กลับแกมรูปทรงกระบอก สงู 12-24 ซม. ด้านนอกสเี ขยี วอ่อน มี มอี อวุลเมด็ เดยี ว ก้านเกสรเพศเมีย 3 อนั โคนเชอ่ื มติดกนั ปลายแยก 2 แฉก
ขนสน้ั ประปราย ช่อดอกยาว 70-120 ซม. ก้านชอ่ ยาว 60-100 ซม. มีขนสัน้ นมุ่ ผลแห้งแตก มี 2-3 เมล็ด
ใบประดบั ยอ่ ยรูปใบหอก ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นดอกยาว 3-8 มม. กลีบรวม
รปู ไข่ ยาว 2.5-4 มม. สีเหลอื งอมเขียว เปล่ียนเป็นสีแดงเขม้ เสา้ เกสรเพศผ้ยู าว สกลุ Euphorbia อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Euphorbioideae แยกเป็นหลายสกุลย่อย
3-4 มม. (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ที่ หม้อขา้ วหมอ้ แกงลงิ , สกุล) ตามลกั ษณะอวบน�ำ้ หรือไม่ มหี รือไมม่ ีหนาม การเรยี งของใบ และจ�ำ นวนรยางค์
บนชอ่ ดอก มกี วา่ 2420 ชนดิ ในไทยมีประมาณ 20 ชนดิ หลายชนิดเปน็ วชั พืช
พบทลี่ าว ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ และมหี ลายชนดิ ที่เปน็ ไม้ประดบั ชื่อสกลุ อาจต้งั ตาม Euphorbus นกั วิทยาศาสตร์
ในปา่ สน ปา่ เตง็ รงั ตามลานหินทราย ความสูง 200-1300 เมตร ลกั ษณะทั่วไป ชาวกรกี โบราณ หรอื มาจากภาษากรกี “eu” ดี และ “phorbe” อาหาร หรืออาจ
คลา้ ยกบั กลุม่ นำ้� เต้าลม (N. thorelii Lecomte, N. andamana M. Catal., N. เป็นภาษาละตนิ “euphorbia” ทใ่ี ช้เรียกพืชสกลุ น้ใี นแอฟริกา
kampotiana Lecomte, N. kerrii M. Catal. & Kruetr., N. suratensis M.
Catal., N. kongkandana Jebb & Cheek) ซง่ึ ชอื่ วทิ ยาศาสตรเ์ หลา่ นย้ี งั ไมช่ ดั เจน นำ้�นมราชสหี ์
หม้อบนเรียวยาว ส่วนกว้างสุดอยู่ที่ปากหม้อ ขอบปากหม้อเรียบหรือเป็นคล่ืน
เลก็ น้อย และกา้ นชูอับเรณูสนั้ พบทก่ี ัมพูชา และเวียดนาม ในไทยพบทางภาค Euphorbia hirta L.
ตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. ลำ� ตน้ มสี เี ขยี วอมแดงหรอื นำ�้ ตาล มขี นหยาบยาว

เอกสารอา้ งอิง หูใบรูปสามเหลี่ยม ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน เบ้ียว ยาว
Catalano, M. (2010). Nepenthes della Thailandia: Diario di viaggio. Prague. 1.2-4 ซม. ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย แผ่นใบมขี นกระจายทั้งสองด้าน เส้นโคนใบขา้ งละ
1 เสน้ ก้านใบยาว 1-3 มม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ 1-6 ชอ่ ก้านชอ่ ยาว 0.5-1.5 ซม.
น�ำ้ เต้าพระฤๅษ:ี หม้อบนรูปไข่กลบั แกมรูปทรงกระบอก ดา้ นนอกไม่มลี าย ปากหม้อและฝาหม้อมกั มีสีเดยี วกบั ตวั หมอ้ ดอกเรยี งแนน่ แบบชอ่ กระจกุ ซอ้ น ใบประดบั รปู แถบ ยาว 0.5-1 มม. วงใบประดบั
หมอ้ ล่างรปู คนโท ด้านนอกสีแดงมีลายสีเขม้ (ภาพซา้ ย หม้อบน: พนมดงรัก ศรสี ะเกษ - MP; ภาพขวา หม้อลา่ ง: ภูกระดึง รปู ถ้วยสงู ประมาณ 0.8 มม. มีตอ่ มสชี มพู 4 ต่อม ยาวประมาณ 0.1 มม. ปลายมี
เลย - SSi) รยางคย์ าว 0.2-0.3 มม. กา้ นชอู บั เรณสู น้ั ตดิ บนกา้ นดอก รงั ไขม่ กี า้ น เกสรเพศเมยี
ยาวประมาณ 0.3 มม. ผลจกั 3 พู ยาวประมาณ 1 มม. มขี นสนั้ นมุ่ กา้ นผลยาวประมาณ
0.5 มม. เมลด็ รปู รเี ปน็ เหลย่ี ม ยาวประมาณ 0.7 มม. สนี ำ้� ตาลแดง เรียบ

เป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกากลาง ข้ึน
ตามชายปา่ ท่ีรกร้าง ทอ้ งนา ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร

นำ้�นมราชสีห์เลก็

Euphorbia thymifolia L.
ไมล้ ้มลกุ ทอดเลือ้ ยแผเ่ ป็นวงหรอื ตัง้ ตรง สูงไดถ้ งึ 15 ซม. ลำ� ตน้ สีชมพูอม

นำ�้ ตาลแดง มขี นราบเอนกระจาย หใู บรูปแถบ ใบเรยี งตรงขา้ ม รูปรี ยาว 4-9 มม.
กง่ิ ดา้ นขา้ งใบขนาดเลก็ โคนเบยี้ ว ขา้ งหนง่ึ เปน็ ตงิ่ คลา้ ยรปู หวั ใจ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย
หา่ ง ๆ แผน่ ใบมขี นกระจาย เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เส้น เส้นแขนงใบไม่ชดั เจน ก้านใบ
ยาวประมาณ 1 มม. ชอ่ ดอกสน้ั ไรก้ า้ น ชอ่ ยอ่ ย 1-3 ชอ่ สชี มพอู มแดง ใบประดบั
รูปแถบขนาดเลก็ ก้านช่อยาวประมาณ 1 มม. มีขนกระจาย วงใบประดบั รูปถ้วย
สูงประมาณ 0.8 มม. มีตอ่ มสชี มพู 4 ตอ่ ม ขนาดประมาณ 0.1 มม. มกี ้านสนั้ ๆ
ปลายมรี ยางคย์ าวประมาณ 0.2 มม. กา้ นชอู บั เรณตู ดิ บนกา้ นดอก รงั ไขเ่ กอื บไรก้ า้ น
เกสรเพศเมียยาวประมาณ 0.6 มม. ผลจกั 3 พู ยาวประมาณ 1 มม. มีขนสัน้ นุม่
ก้านผลยาว 0.3-0.4 มม. เมล็ดรูปรเี ป็นเหลยี่ ม ยาวประมาณ 0.8 มม. สีเหลือง
อมนำ�้ ตาล ผวิ มีรอ่ งตืน้ ๆ

216

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย นิมมานรดี

เป็นวชั พืชในเอเชยี และแอฟรกิ า ไมท่ ราบถ่ินกำ� เนิด ขนึ้ ตามชายป่า ท่ีรกร้าง พบทอ่ี นิ เดยี บังกลาเทศ พม่า กัมพชู า คาบสมทุ รมลายู บอร์เนียว ฟลิ ิปปนิ ส์
ท้องนา และพื้นท่ีโล่ง ความสูงถงึ ประมาณ 800 เมตร ทัง้ ต้นมสี รรพคุณฆ่าพยาธิ และภาคใต้ของไทยตามชายฝัง่ ทะเลอันดามนั ที่ระนอง กระบี่ ข้ึนตามปา่ โกงกาง
แกท้ ้องรว่ ง รักษาแผลสด
เอกสารอา้ งอิง
เอกสารอา้ งอิง Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 11-14.
Esser, H.-J. (2005). Euphorbiaceae (Euphorbia). In Flora of Thailand Vol. 8(1):
263-292.
Ma, J.S. and M.G. Gilbert. (2008). Euphorbiaceae (Euphorbia). In Flora of
China Vol. 11: 288, 293, 296.

น้ำ� นมราชสหี :์ ใบเรยี งตรงขา้ ม เบี้ยว ขอบจักฟันเล่ือย เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เส้น ดอกรูปถว้ ยติดบนวงใบประดับ น�้ำนอง: ใบรปู ใบหอก ใบออ่ นสนี ำ้� ตาลแดง ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง มเี กลด็ รปู โล่สีนำ�้ ตาลกระจาย ดอกสชี มพูออ่ น
ดอกเรียงแนน่ แบบชอ่ กระจุกซ้อน ผลจกั 3 พู (ภาพซา้ ยและภาพขวาบน: กรุงเทพฯ, ภาพขวาล่าง: ตาก; - RP) พับงอกลบั เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ผลจัก 2 พู (ภาพ: ถำ�้ พระขยางค์ ระนอง - RP)

น้�ำนมราชสีหเ์ ล็ก: ล�ำต้นทอดเลื้อยแผ่เปน็ วง มขี นยาว ใบเรยี งตรงข้าม โคนเบย้ี ว ชอ่ ดอกออกส้นั ๆ มชี ่อย่อย 1-3 ชอ่ นิมมานรดี
(ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)
Pinalia amica (Rchb. f.) Kuntze
น�ำ้ นอง, สกุล วงศ์ Orchidaceae

Brownlowia Roxb. ชื่อพอ้ ง Eria amica Rchb. f.
วงศ์ Malvaceae
กลว้ ยไมอ้ งิ อาศยั ลำ� ลกู กลว้ ยรปู ทรงกระบอก ยาว 3.5-14 ซม. ใบรปู ขอบขนาน
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ กง่ิ ออ่ นมเี กลด็ รปู โลแ่ ละขนรปู ดาว ใบเรยี งเวยี น ขอบเรยี บ ถงึ รปู แถบ ยาว 10-20 ซม. กา้ นใบสนั้ หรอื ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบหรือปลายก่งิ กลบี เลย้ี งและกลีบดอก ออกตรงข้ามใบ ยาว 7-12 ซม. มขี นส้นั น่มุ หนาแน่น ก้านชอ่ ยาวประมาณ 2 ซม.
จ�ำนวนอยา่ งละ 5 กลีบ กลบี เล้ียงเชอื่ มตดิ กนั ทโ่ี คน กลบี ดอกแยกจรดโคน เกสรเพศผู้ ใบประดบั รปู ขอบขนาน ยาว 0.8-1.3 ซม. มี 6-12 ดอก ก้านดอกยาว 1.5-2 ซม.
จำ� นวนมาก แยกกนั หรอื เชอื่ มตดิ กนั 5 มดั อบั เรณตู ดิ ทโี่ คน เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั รวมรังไข่ ดอกสขี าวอมเขียวปนเหลืองออ่ น มีเสน้ กลบี สีนำ้� ตาลแดง กลีบเล้ยี ง
มี 5 อัน รังไข่มี 5 ช่อง แต่ละชอ่ งมอี อวุล 2 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมียรปู ลม่ิ แคบ ยอดเกสร 3 กลบี มีขนสีนำ�้ ตาล กลีบบนรปู ใบหอก ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี ข้างรปู ไข่ ยาว
ขนาดเล็ก ผลแหง้ ไมแ่ ตก จัก 2 พู เทา่ ๆ กลบี บน กลบี ดอกรปู ไขก่ ลบั แกมรปู ใบหอก ยาว 8-9 มม. กลบี ปากรปู ไขก่ ลบั
ยาวประมาณ 8 มม. ปลายแยกเปน็ 3 พู รูปไข่ ยาว 3-4 มม. สีเหลอื งเขม้ โคนกลีบ
สกลุ Brownlowia เดมิ อยภู่ ายใตว้ งศ์ Tiliaceae ปัจจุบันอยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย ดา้ นในสนี ำ�้ ตาลแดงเขม้ มคี รบี หนาทโ่ี คน เสา้ เกสรยาวประมาณ 4 มม. โคนยาว
Brownlowioideae มปี ระมาณ 25 ชนิด พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมปี ระมาณ 4 ประมาณ 3 มม. ผลแห้งแตก รปู ทรงกระบอก ยาวประมาณ 3 ซม. มีขนสีน�ำ้ ตาลแดง
ชนดิ ชื่อสกลุ ตง้ั เป็นเกยี รติแก่ท่านผูห้ ญงิ Brownlow ชาวองั กฤษ บตุ รสาวของ หนาแน่น
Sir Abraham Hume ผ้สู นับสนนุ งานพฤกษศาสตรช์ ว่ งศตวรรษที่ 19
พบทอ่ี นิ เดยี เนปาล ภฏู าน พมา่ จนี ตอนใต้ ไตห้ วัน และภูมิภาคอนิ โดจนี ใน
น้�ำ นอง ไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ขึ้น
ตามคบไมใ้ นป่าดบิ เขา ความสงู 1000-2000 เมตร เป็นหนึง่ ในพรรณไม้ท่สี มเดจ็
Brownlowia tersa (L.) Kosterm. พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินนี าถ พระราชทานชือ่ ไทย

ชื่อพ้อง Glabraria tersa L. สกลุ Pinalia Lindl. อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Epidendroideae เผา่ Podochileae มี
ประมาณ 160 ชนิด พบในเอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซฟิ กิ ในไทยมี
ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 10 ม. แตกก่ิงหนาแน่น มีเกล็ดรูปโล่สีน้�ำตาล มากกวา่ 25 ชนิด รวมทีย่ า้ ยมาจากสกุล Eria
กระจายตามกงิ่ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก และผล ใบรปู ใบหอก ยาว 10-21 ซม. เอกสารอ้างอิง
ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนมนหรอื กลม เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั ใกลข้ อบใบ Chen, X., Y.B. Luo and J.J. Wood. (2009). Orchidaceae (Pinalia). In Flora of
กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ใบอ่อนสนี ำ้� ตาลแดง ชอ่ ดอกยาว 3-7 ซม. ก้านดอกยาว
2-3 มม. กลบี เลยี้ งรปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ปลายแยกเปน็ 3-5 แฉก ยาวประมาณ China Vol. 25: 357.
ก่ึงหน่ึงของกลีบดอก ด้านนอกมีขนส้ันนุ่ม ดอกสีชมพูอ่อน กลีบรูปขอบขนาน Seidenfaden, G. (1982). Orchid Genera in Thailand X. Trichotosia Bl. and Eria
ยาว 4-5 มม. พับงอกลับ เกสรเพศผแู้ ยกกนั ยาวเท่า ๆ กลีบดอก เกลย้ี ง อบั เรณู
สีเหลอื ง รังไข่มขี นสั้นนุม่ เกสรเพศเมียยาวกว่าเกสรเพศผู้เล็กน้อย ผลจัก 2 พู รปู รี Lindl. (Eria amica). Opera Botanica 62: 115-119.
ยาว 1.5-2 ซม.
นิมมานรดี: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตรงข้ามใบ กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกสีขาวอมเขียวปนเหลืองอ่อน มเี สน้ กลีบ
สีน้�ำตาลแดง กลบี ปากปลายแยก 3 พู สเี หลืองเข้ม โคนกลบี ด้านในสนี ำ�้ ตาลแดงเข้ม (ภาพ: ภูหลวง เลย - MT)

217

นอี อน สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

นอี อน เนา่ ใน: ปลายใบแหลมยาว ขอบจกั ฟันเลื่อย ผลสีแดงสด (ภาพ: แม่สอด-อมุ้ ผาง ตาก - PK)

Leucophyllum frutescens (Berland.) I. M. Johnst. เนียมตน้ ปกี
วงศ์ Scrophulariaceae
Salomonia longiciliata Kurz
ช่ือพ้อง Terania frutescens Berland. ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 30 ซม. บางครง้ั แตกกง่ิ ลำ� ตน้ มรี วิ้ เปน็ เหลยี่ มหรอื มี 3 ปกี

ไม้พุ่ม ก่ิงมีขนส้ันนุ่ม ใบเรียงเวียนหรือเกือบตรงข้าม รูปไข่กลับกว้างหรือ เกลี้ยง ใบรูปไข่ รูปไข่กลับ หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 0.6-1.5 ซม. ใบท่โี คน
แกมรูปขอบขนาน ยาว 1-3.5 ซม. แผ่นใบมีขนสน้ั นุ่ม ดา้ นลา่ งสเี ทาเงิน ด้านบน สว่ นมากกลม ปลายและโคนแหลมหรอื กลม ขอบมขี นครยุ ไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นยาว
สเี ขยี วออ่ น กา้ นใบยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ มดี อกเดยี ว ไมม่ ี ประมาณ 1 มม. ช่อดอกยาว 1-6 ซม. ใบประดับยาว 0.9-1.4 มม. ดอกสชี มพู
ใบประดับ กลบี เล้ียงรูประฆัง มี 5 กลีบ แฉกลึกเกินกง่ึ หน่งึ รปู ขอบขนานหรือ อมมว่ ง กลีบเลย้ี งยาว 0.8-1.7 มม. กลบี ดอกยาว 1.8-2.5 มม. ผลยาว 1.5-2 มม.
รปู ใบหอก ยาว 3-5 มม. ดอกรูประฆงั สีชมพูอมมว่ ง หลอดกลีบดอกไมช่ ัดเจน ผวิ ชว่ งลา่ งมรี ยางคค์ ลา้ ยหนาม และมขี นประปราย ขอบมแี ถบขนคลา้ ยหนาม
ยาว 1.8-2.6 ซม. กลบี รูปปากเปดิ มีขนสัน้ นมุ่ กลบี บน 2 กลบี กลีบลา่ ง 3 กลบี 5-9 อัน ยาว 0.2-0.9 มม.
ดา้ นในมจี ุดสีน้ำ� ตาลกระจาย เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ใกลโ้ คนหลอดกลีบดอก รงั ไขม่ ี
2 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมยี จกั 2 พู ผลแหง้ แตก พบทพี่ มา่ กัมพชู า เวียดนาม บอร์เนยี ว และฟลิ ิปปนิ ส์ ในไทยพบกระจายห่าง ๆ
ทกุ ภาค ข้ึนตามชายปา่ ท่งุ หญ้าที่ชนื้ แฉะ ความสงู ถึงประมาณ 1300 เมตร
มีถ่ินก�ำเนิดในอเมริกาเหนือ และเม็กซิโก เป็นไม้ประดับทั่วไป ใบและก่ิงใช้
รักษาโรคตับอักเสบ โดยการแช่อาบ เนยี มไทย

สกุล Leucophyllum Humb. & Bonpl. มีประมาณ 15 ชนดิ พบในอเมรกิ าและ Salomonia thailandica H. Koyama
เม็กซิโก ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “leukos” สีขาว และ “phyllon” ใบ ตามลกั ษณะ ไมล้ ้มลุก สูงไดถ้ ึง 30 ซม. บางครง้ั แตกกง่ิ ลำ� ต้นมีริว้ เป็นเหลีย่ ม เกล้ียง ใบรูปรี
แผน่ ใบมีสีขาว
เอกสารอ้างองิ ถงึ รูปใบหอก ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมมน ไร้กา้ น ชอ่ ดอกยาว
Henrickson, J. and G.L. Nesom. (2012). Leucophyllum (Scrophulariaceae). Flora ได้ถึง 10 ซม. ใบประดับยาว 0.7-1.2 มม. กลบี เลย้ี งยาว 0.6-1 มม. ดอกสีชมพู
อมมว่ ง กลบี ดอกยาว 2.5-3.5 มม. ผลยาว 2-2.2 มม. ผวิ ชว่ งลา่ งมรี ยางคค์ ลา้ ยหนาม
of North America. http://floranorthamerica.org/ และขนประปราย ขอบมแี ถบขนคล้ายหนาม 5-8 อัน ยาว 1.3-2 มม.

นีออน: แผน่ ใบมขี นส้ันนมุ่ ด้านล่างสเี ทาเงนิ ช่อดอกออกสนั้ ๆ ตามซอกใบ มีดอกเดยี ว ดอกรูประฆัง หลอดกลบี พบทกี่ มั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตาม
ไม่ชัดเจน กลีบรูปปากเปิด กลีบบน 2 กลีบ กลีบลา่ ง 3 กลบี ด้านในมีจุดสนี ำ้� ตาลกระจาย (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP) ทุ่งหญ้าท่ีเปน็ หินทราย ความสูง 150-500 เมตร

เน่าใน เนียมนกเขา, สกลุ

Ilex micrococca Maxim. Salomonia Lour.
วงศ์ Aquifoliaceae วงศ์ Polygalaceae

ไมต้ น้ สงู 10-20 ม. แยกเพศต่างตน้ ก่ิงมีชอ่ งอากาศ หูใบรปู สามเหลีย่ มขนาดเลก็ ไมล้ ม้ ลกุ รากมกี ลน่ิ หอม กงิ่ เปน็ เหลย่ี มหรอื มปี กี ใบเรยี งเวยี น ชอ่ ดอกแบบ
ใบเรยี งเวียน รูปไขห่ รือแกมรูปขอบขนาน ยาว 7-13 ซม. ปลายแหลมยาว ขอบจกั ชอ่ เชิงลด กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ ขนาดเท่า ๆ กนั เช่อื มติดกนั ท่โี คน ติดทน กลบี ดอก 3 กลีบ
ฟนั เลอ่ื ยหรอื เกอื บเรยี บ กา้ นใบยาว 1.5-3.2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ขนาดไมเ่ ทา่ กนั กลบี บน 2 กลบี เชอ่ื มตดิ กลบี ลา่ งประมาณกง่ึ หนงึ่ กลบี ลา่ งรปู เรอื
แตล่ ะช่อแยกแขนงมี 3-4 ชอ่ ยอ่ ย ก้านชอ่ ยาวประมาณ 1 ซม. ก้านดอกยาว 2-3 ซม. หุ้มเกสรเพศผ้แู ละเพศเมีย เกสรเพศผมู้ ี 4-6 อัน เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ แผ่นหุ้มยอด
ใบประดบั ยอ่ ยรปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ดอกเพศผกู้ ลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวน เกสรเพศเมีย รงั ไข่ 2 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียโคง้ ผลแหง้ แตก ขอบมแี นวขน 2 แนว
อยา่ งละ 5-6 กลบี กลบี เลยี้ งรปู จาน แฉกตน้ื ๆ กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ ผิวเกล้ยี ง เป็นรา่ งแห มีขนหรอื รยางค์คล้ายหนาม แตล่ ะช่องมเี มลด็ เดียว ไม่มีเย่อื หุ้ม
1.5 มม. โคนเชอื่ มตดิ กัน เกสรเพศผู้ 5-6 อัน ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก รังไข่เปน็ หมัน
ดอกเพศเมยี กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 6-8 กลบี กลบี เลย้ี งแฉกลกึ สกลุ Salomonia คล้ายกบั สกุล Polygala กลีบเลยี้ งขนาดไม่เท่ากนั คใู่ นไมข่ ยาย
ติดทน กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผูท้ เี่ ป็นหมันยาว เปน็ แผน่ คลา้ ยกลีบดอก มี 5 ชนิด พบทอ่ี นิ เดีย จนี ตอนใต้ พม่า ภูมภิ าคอนิ โดจีน
ประมาณกึ่งหนึง่ ของกลบี ดอก รงั ไข่เกล้ยี ง ยอดเกสรเพศเมียรูปจาน ติดทน ผล และมาเลเซีย ถงึ ออสเตรเลยี ในไทยพบทั้ง 5 ชนิด ชนิด S. kradungensis H.
ผนังชั้นในแข็ง กลม เสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 3 มม. สแี ดงสด มี 6-8 ไพรนี Koyama คล้ายกบั เนยี มนกเขา แต่ใบไรก้ ้าน และผลมีผิวเป็นรยางค์คล้ายหนาม
พบทล่ี าว และภูกระดึง จงั หวัดเลย ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรีก “salos” อารมณ์
พบทจ่ี นี ตอนใต้ ไตห้ วนั ไห่หนาน เวียดนาม และญี่ปนุ่ ในไทยพบเฉพาะทาง ทไี่ ม่ม่ันคง และ “monos” เดี่ยว ๆ อาจหมายถึงกลิ่นหอมของราก หรือต้งั ตาม
ภาคเหนอื ท่เี ชียงใหม่ เชียงราย ตาก ภาคตะวนั ตกเฉียงใตท้ ี่แกง่ กระจาน จงั หวัด Salomon (Solomon) กษัตรยิ ข์ องอสิ ราเอล ช่วง 937-973 ปกี ่อนคริสตศ์ ักราช
เพชรบรุ ี และภาคใตท้ ่พี งั งา ขึน้ ตามชายปา่ ดิบชื้น ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ความสูง
500-1700 เมตร เนียมนกเขา

สกุล Ilex L. มี 500-600 ชนดิ พบในเขตรอ้ น และเขตอบอนุ่ ในไทยมปี ระมาณ Salomonia cantoniensis Lour.
16 ชนดิ ชอ่ื สกลุ เป็นภาษาละตินท่ใี ช้เรยี ก Ilex aquifolium L. หรอื holly ท่ีผลมสี ี ไมล้ ้มลุก สงู ได้ถงึ 30 ซม. แตกกง่ิ จ�ำนวนมาก ลำ� ต้นมี 3 ปกี เกลีย้ ง ใบรูป
แดง และยงั หมายถงึ Quercus ilex L. หลายชนดิ มสี รรพคณุ ด้านสมนุ ไพร
เอกสารอ้างอิง สามเหล่ยี มกว้าง โคนตัดหรอื รปู หัวใจ ยาว 1-2.5 ซม. ปลายมีติ่งแหลม ก้านใบยาว
Chen, S.K., H. Ma, Y. Feng, G. Barriera and P. Loizeau. (2008). Aquifoliaceae. 1-3 มม. ช่อดอกยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบประดบั ยาว 0.6-1 มม. ดอกส่วนมากสชี มพู
อมมว่ ง กลบี เลย้ี งยาว 0.4-0.6 มม. กลีบดอกยาว 1.8-2.5 มม. ผลยาว 1.5-2.2 มม.
In Flora of China Vol. 11: 434. ผวิ มรี า่ งแห บางครงั้ มขี นประปราย ขอบมแี ถบขนคลา้ ยหนาม 4-14 อนั ตรงหรอื
เป็นตะขอ ยาว 0.1-0.7 มม.
218

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย โนรีเกาะช้าง

พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ โนรา
ในไทยพบทุกภาค ขึน้ ตามท่โี ล่ง ชายปา่ ความสูงถงึ ประมาณ 1200 เมตร ทัง้ ตน้ มี
สรรพคุณแกป้ วดเมือ่ ยตามร่างกายจากสภาวะตกเลือด Hiptage benghalensis (L.) Kurz

เนียมรากหอม ชอ่ื พ้อง Banisteria benghalensis L.

Salomonia ciliata (L.) DC. ไม้เถาหรอื ไม้พ่มุ รอเล้อื ย ใบรปู รีถึงรูปใบหอก หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-18 ซม.
ปลายใบสว่ นมากแหลมยาว แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสนั้ นมุ่ กา้ นใบยาว 0.3-1.3 ซม.
ชอื่ พอ้ ง Polygala ciliata L. ชอ่ ดอกยาว 4-30 ซม. ก้านชอ่ สั้นหรอื ยาวไดถ้ งึ 4 ซม. กา้ นดอกยาว 0.8-2 ซม.
ขยายในผล มขี อ้ ประมาณกงึ่ กลางกา้ นดอก กลบี เลย้ี งรปู ไข่ ยาวประมาณ 2.5 มม.
ไมล้ ม้ ลุก สูงได้ถึง 30 ซม. บางครง้ั แตกกง่ิ ลำ� ตน้ เป็นเหล่ยี ม เกลยี้ งหรือมี มี 1 กลีบทมี่ ีตอ่ ม ต่อมยาว 2-4 มม. เรียวจรดกา้ นดอก ดอกสีขาวมีป้ืนสเี หลือง
ขนประปราย ใบรูปไข่ รูปขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก ใบช่วงลา่ งบางครง้ั กลม ดา้ นใน กลบี รปู ขอบขนานหรอื กลม ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 6-8 มม. เกสรเพศผอู้ นั ยาว
ยาว 0.4-1.2 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว มตี ง่ิ แหลม ขอบมีขนครยุ โคนกลม ยาวประมาณ 1.2 ซม. อันสน้ั ยาว 3-6 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 ซม.
หรอื แหลม ไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นยาวประมาณ 0.5 มม. ชอ่ ดอกยาว 1-8 ซม. ใบประดบั ผลมขี นสนั้ คลา้ ยไหม ปกี กลางรปู ขอบขนาน ยาว 3-6 ซม. ปกี ขา้ งยาว 1.5-3 ซม.
ยาว 0.8-1.4 มม. ดอกสชี มพูหรือขาว กลีบเลย้ี งยาว 0.8-1.4 มม. กลบี ดอกยาว มีสันนูนหรือมีปีกดา้ นหลังสั้น ๆ ยาว 5-8 มม.
1.8-2.3 มม. ผลยาว 1.5-2 มม. ผวิ เกลย้ี งหรอื มขี นประปราย ขอบมแี ถบขนคลา้ ย
หนาม 5-9 อัน ยาว 0.3-0.7 มม. พบทอี่ นิ เดยี พมา่ จนี ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตาม
ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา และปา่ ดบิ ชนื้ ใกลช้ ายฝง่ั ทะเล หรอื เขาหนิ ปนู
พบทศี่ รีลงั กา อินเดยี พม่า จนี ตอนใต้ ญป่ี ่นุ ภูมิภาคอินโดจนี และมาเลเซีย ความสูงถึงประมาณ 2000 เมตร เคยแยกเป็น subsp. candicans (Hook. f.)
นิวกีนี และออสเตรเลีย ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามชายปา่ ที่โลง่ ทีช่ ้ืนแฉะ ความสูงถงึ Sirirugsa เป็นไม้ต้น แผ่นใบด้านล่างมีขนหนาแน่น ปัจจุบันมีสถานะเป็น H.
ประมาณ 1300 เมตร candicans Hook. f. ใบและดอกแกไ้ ข้ แกร้ อ้ นใน อาการอกั เสบ และโรคผวิ หนงั

เอกสารอ้างอิง โนร,ี สกลุ
Chen, S.K., H. Ma and J.A.N. Parnell. (2008). Polygalacece. In Flora of China
Vol. 11: 158 Hiptage Gaertn.
Pendry, C.A. (2001). Polygalaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 520-524. วงศ์ Malpighiaceae

เนียมตน้ ปีก: ลำ� ต้นมีริ้ว ขอบใบมขี นครุย ไรก้ ้านหรอื ก้านสั้น ผลขอบมแี ถบขนคลา้ ยหนาม 5-9 อัน (ภาพซ้าย: ไม้เถาเน้อื แข็ง ไม้พมุ่ หรือไม้ตน้ หใู บขนาดเล็ก ใบเรียงตรงขา้ ม โคนใบสว่ น
มกุ ดาหาร - PK); เนียมไทย: ใบรปู รถี ึงรูปใบหอก ปลายแหลมยาว ไร้กา้ น ขอบผลมแี ถบขนคลา้ ยหนาม 5-8 อนั มากมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม แผน่ ใบดา้ นลา่ งมักมตี ่อมกระจาย เส้นแขนงใบเรียงจรดกนั
(ภาพขวา: ผาแต้ม อุบลราชธานี - PK) ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ย
ขนาดเลก็ กลบี เลย้ี ง 5 กลีบ เรยี งซ้อนเหล่อื ม มีตอ่ มขนาดใหญ่ 1 หรอื 2 ตอ่ ม
เนียมนกเขา: ลำ� ต้นแตกกง่ิ มี 3 ปีก เกลยี้ ง ใบรปู สามเหล่ยี มกวา้ ง โคนตัด ผลขอบมีแถบขนคล้ายหนาม 4-14 อนั บางครงั้ ไม่ชดั เจน กลีบดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง มี 5 กลีบ มีก้านกลีบสัน้ ๆ ขอบ
(ภาพซ้าย: นครพนม, ภาพขวา: ตาก; - PK) จักชายครุย ดา้ นนอกมีขนส้นั นมุ่ เกสรเพศผู้ 10 อนั เชื่อมตดิ กันท่ีโคน ยาวไม่
เท่ากนั อันยาวทส่ี ุด 1 อัน รังไขจ่ กั 3 พู มรี ยางค์ 3-5 อนั มีขนปกคลุม กา้ นเกสร
เนียมรากหอม: ลำ� ต้นเป็นเหลีย่ ม เกล้ยี งหรือมขี นประปราย ใบรูปไข่ รูปขอบขนาน หรอื รปู ใบหอก ขอบมีขนครุย เพศเมยี โคง้ งอ ผลแยกแล้วแตก มี 1-3 ซีก แตล่ ะซกี มีปีก 3 ปีก
ดอกบางครงั้ มสี ขี าว (ภาพ: แมเ่ มย ตาก - RP)
สกลุ Hiptage อยูภ่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Malpighioideae มีประมาณ 30 ชนดิ ส่วน
มากพบในเอเชยี เขตร้อน ในไทยมปี ระมาณ 10 ชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี
“hiptamai” บิน ตามลกั ษณะของผลท่มี ปี ีก

โนรี

Hiptage lucida Pierre
ไมเ้ ถา กงิ่ มชี อ่ งอากาศ ตามขอ้ มขี นสขี าวกระจาย ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน

ยาว 5.5-12 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลม กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ชอ่ ดอก
ยาวไดถ้ ึง 15 ซม. กา้ นช่อยาวประมาณ 2 ซม. ก้านดอกยาว 1-2.2 ซม. เปน็ ข้อ
ประมาณใต้จุดกึง่ กลาง กลีบเลย้ี งรูปไข่ ยาวประมาณ 2.5 มม. ด้านนอกมตี อ่ ม
ขนาดเลก็ ไม่ชดั เจน ดอกสีชมพอู มขาว กลบี รปู ไขก่ ลับกวา้ ง เกสรเพศผูอ้ นั ยาว
ยาว 8-9 มม. อนั สั้นยาว 3-5 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 ซม. ตดิ ทน
ผลเกล้ียงหรือมขี นประปราย ปีกกลางรูปขอบขนาน ยาว 3-4.5 ซม. ปลายมน
หรอื เว้าต้นื ปกี ข้างยาว 1.5-2.2 ซม.

พบทเ่ี วยี ดนามตอนใต้ และกมั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตาม
ปา่ ดิบแลง้ ใกลช้ ายฝ่ังทะเล ความสูงไมเ่ กนิ 100 เมตร หรือพบเป็นไม้ประดับ

โนรเี กาะชา้ ง

Hiptage monopteryx Sirirugsa
ไมเ้ ถา ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 6.5-13 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลม

กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ชอ่ ดอกยาว 2-5 ซม. มขี นสนี ้�ำตาล ผลสนี ำ้� ตาล ปกี กลาง
รปู ขอบขนาน ยาว 3-4 ซม. ปลายแยกเปน็ 2 แฉก ไมเ่ ท่ากนั ปลายมน ปกี ขา้ ง
ยาวประมาณ 5 มม. ปีกดา้ นบนขนาดเล็กเปน็ สนั กา้ นผลยาว 1.2-1.5 ซม. มีตงิ่
ตรงจดุ กึง่ กลาง

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉียงใตท้ เ่ี กาะช้าง จงั หวดั ตราด
และเขาสอยดาว จังหวดั จันทบุรี ขน้ึ ตามรมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ ชืน้ ความสงู ระดับตำ�่ ๆ

219

โนรเี ขา สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

โนรีเขา โนรปี นั หย:ี ไมเ้ ถาเนือ้ แข็ง ช่อดอกออกส้ัน ๆ ตามปลายกิง่ กลีบเลย้ี งมีต่อมขนาดใหญ่ 1 ต่อม (ภาพ: ถ�้ำเสือ กระบี่ - RP)

Hiptage condita Craib บลูลปิ
ไมพ้ มุ่ รอเลอ้ื ย กงิ่ มชี อ่ งอากาศหนาแนน่ มขี นสนี ำ�้ ตาลหนาแนน่ ตามตาดา้ นขา้ ง
Sclerochiton harveyanus Nees
ชอ่ ดอก และผล ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 5-9.5 ซม. ปลายและโคนแหลม วงศ์ Acanthaceae
ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกยาว 5-15 ซม. ก้านดอกยาว 1.2-1.5 ซม. มขี อ้
ใกลจ้ ดุ กงึ่ กลาง กลบี เลย้ี งมตี อ่ มขนาดเลก็ เหน็ ไมช่ ดั เจน กลบี กลม ยาวประมาณ ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอื้ ย สงู ไดถ้ ึง 3 ม. กิง่ อ่อนมีขนละเอียด ใบเรียงตรงขา้ ม บางครั้ง
2 มม. ดอกสีขาวอมชมพู กลีบรูปรี ปลายมน ยาวประมาณ 1 ซม. โคนตดั หรือรูป ขนาดไมเ่ ทา่ กัน รปู รี ยาว 1.5-7 ซม. มกั มขี นครยุ ตามเส้นกลางใบทง้ั สองด้าน
ตงิ่ หู เกสรเพศผอู้ นั ยาว ยาวประมาณ 1 ซม. อนั สน้ั ยาว 4-5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ขอบเรียบหรอื จกั ซฟ่ี นั กา้ นใบยาว 0.8-1.5 ซม. ดอกเรียงเป็นกระจุกหนาแนน่
ยาวประมาณ 1 ซม. ผลสมี ว่ งอมแดง โคนเขยี ว ปกี กลางรปู ขอบขนาน โคนเรยี วสอบ ทป่ี ลายกงิ่ หรอื กงิ่ ดา้ นขา้ ง กา้ นดอกสน้ั ใบประดบั ยอ่ ย 2 อนั รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน
ปลายปกี มน ยาวประมาณ 3.5 ซม. ปกี ขา้ งยาวประมาณ 2 ซม. ปกี ดา้ นบนขนาด ยาว 4-6 มม. ขอบบาง มีขน กลบี เลี้ยง 5 กลบี แยกจรดโคน รูปขอบขนาน ยาว
เล็กเปน็ สนั ยาว 5-8 มม. สูง 1-2 มม. 0.6-1 ซม. ขอบบาง ดอกสีม่วง หลอดกลีบดอกยาว 6-8 มม. มีแถบขนใกลจ้ ุดที่
เกสรเพศผตู้ ดิ กลบี บานแผอ่ อกดา้ นขา้ งดา้ นเดยี ว ยาว 1.3-1.8 ซม. ปลายแยกเปน็
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ และดอยตงุ จงั หวดั 5 กลบี ยาว 5-6 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั กา้ นชอู บั เรณยู าว 8-9 มม. กลางอับเรณู
เชียงราย ขน้ึ ตามยอดเขาหินปูน ความสูง 500-1800 เมตร มีขนเครา ผลแหง้ แตก ยาว 1-1.4 ซม. ไร้กา้ น มี 4 เมลด็ ผิวมีเกล็ดจกั ซ่ีหวี

โนรีปนั หยี มีถ่ินก�ำเนิดในแอฟริกาแถบประเทศโมซัมบิก ซิมบับเว สวาซิแลนด์ และ
แอฟรกิ าใต้ เปน็ ไม้ประดับทัว่ ไปในเขตรอ้ น แตกพมุ่ หนาแน่น
Hiptage detergens Craib
ไมเ้ ถาเนอื้ แขง็ มขี นแบนราบตามกงิ่ กา้ นใบ และชอ่ ดอก ใบรปู รี รปู ขอบขนาน สกุล Sclerochiton Harv. มปี ระมาณ 20 ชนิด พบเฉพาะในแอฟริกา ช่ือสกุลมา
จากภาษากรกี “skleros” แหง้ และ “chiton” หมุ้ ตามลกั ษณะผล
หรือแกมรูปไข่ ยาว 3-5 ซม. แผน่ ใบมขี นตามเสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 3-7 มม.
ช่อดอกออกตามปลายกิง่ ยาว 2-3 ซม. กา้ นดอกยาว 0.5-1 ซม. มีขอ้ ประมาณ เอกสารอา้ งองิ
จดุ ก่งึ กลาง กลีบเล้ยี งมีตอ่ มขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 2 มม. กลีบรปู ขอบขนาน Vollesen, K. (1991). A revision of the African genus Sclerochiton (Acanthaceae:
ยาวประมาณ 2 มม. กลบี ดอกรูปไขก่ ว้าง ยาวประมาณ 6 มม. ขอบจักมนหรือ Acantheae). Kew Bulletin 46(1): 12-13.
จกั ฟนั เลือ่ ย เกสรเพศผู้อนั ยาว ยาว 7-9 มม. อนั ส้นั ยาว 3-5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี
ยาว 6-8 มม. มขี น ในผลปีกกลางรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายปกี กลม จกั มน
ยาว 1-1.4 ซม. ปกี ขา้ ง 2 ปกี ยาว 0.5-1 ซม. มีสนั เล็ก ๆ

พืชถ่นิ เดียวของไทย พบทางภาคใต้ทีก่ ระบ่ี พังงา ขึ้นตามเขาหนิ ปนู ความสงู ถึง
ประมาณ 200 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Chen, S.K. and M. Funston. (2008). Malpighiaceae. In Flora of China Vol. 11:
135-136
Sirirugsa, P. (1991). Malpighiaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 273-285.

โนรา: กลีบเลี้ยง 1 กลบี มตี ่อมขนาดใหญ่ เรยี วจรดกา้ นดอก ดอกสีขาวมปี ้ืนสเี หลืองด้านใน ผลมีขนสัน้ คลา้ ยไหม
ปีกดา้ นหลงั ส้นั (ภาพ: สโุ ขทัย - SSi)

โนร:ี ดอกสชี มพอู มขาว กลีบรปู ไขก่ ลบั กวา้ ง กลีบเลยี้ งมีต่อมไม่ชัดเจน กา้ นดอกมขี ้อ ปีกกลางรปู ขอบขนาน ปลายมน บลูลิป: ดอกเรียงเป็นกระจกุ หนาแน่น กลีบบานแผอ่ อกดา้ นขา้ งด้านเดยี ว ปลายแยกเป็น 5 กลบี เกสรเพศผู้ 4 อัน
หรอื เวา้ ต้ืน (ภาพ: cultivated - RP) กลางอับเรณูมีขนเครา (ภาพ: cultivated - RP)

โนรเี กาะชา้ ง: ปกี กลางรปู ขอบขนาน ปลายแยกเปน็ 2 แฉกไมเ่ ทา่ กัน ปีกข้างขนาดเล็ก (ภาพซา้ ย: เกาะชา้ ง ตราด - RP); บอนเต่า
โนรเี ขา: ช่อดอกยาว ก้านดอกมขี ้อใกล้จดุ ก่ึงกลาง กลีบเลีย้ งมีตอ่ มไม่ชัดเจน (ภาพขวา: ดอยตุง เชยี งราย - RP)
Hapaline benthamiana Schott
วงศ์ Araceae

ไม้ลม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 30 ซม. หวั ใตด้ ินรปู รี ยาว 0.5-1.2 ซม. เหง้าเรยี ว ยาว
2-6.5 ซม. มเี กล็ดหนาแนน่ น�้ำยางใส มี 1-5 ใบ รูปเง่ยี งลกู ศร ยาว 5.5-17 ซม.
ปลายเรียวแหลม แผน่ ใบบางครัง้ มีรอยดา่ ง ก้านใบยาว 4-30 ซม. ช่อดอกแบบ
ชอ่ เชงิ ลดมกี าบ 1-3 ชอ่ ก้านช่อยาว 9-17 ซม. กาบยาว 4-8.7 ซม. โคนโอบหุ้มกา้ น
ยาว 1.5-3.3 ซม. แผน่ กาบรูปรี ยาว 2.5-6.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 3-6 ซม. ชว่ งไมม่ ีดอก
ยาว 2.8-5.5 ซม. ดอกเพศเมยี อยดู่ ้านล่าง มีประมาณ 7 ดอก เรยี งเปน็ แถวบน
แกนชว่ งกาบลา่ ง ช่วงดอกเพศผูอ้ ยู่ชว่ งบน อับเรณเู รยี งชดิ กนั ยาว 0.5-1.1 ซม.
ปลายมีรยางค์ มอี ับเรณูท่เี ป็นหมนั ช่อผลมีกาบชว่ งล่างห้มุ ผลเรยี งเป็นแถว
เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 4-6 มม. มกี าบหมุ้ ผลแก่สขี าว ยอดเกสรเพศเมียติดทน

220

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย บอนเปรี้ยว

พบทพี่ มา่ ลาว และเวยี ดนาม ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ สว่ นมาก บอนเต่าก้นปิด: ออกดอกก่อนผลใิ บใหม่ ใบแบบกน้ ปิด กาบรปู เรือ ช่อดอกสน้ั กวา่ กาบ กาบรปู เรอื ปลายอับเรณเู ชือ่ ม
ขนึ้ ตามเขาหินปูน ความสงู ถึงประมาณ 1200 เมตร ติดกนั ดอกเพศเมียอยู่ด้านล่าง ยอดเกสรเพศเมียสเี หลือง มี 4-6 แฉก ผลมี 4-6 เหลี่ยม (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - PK)

สกลุ Hapaline Schott มี 8 ชนิด พบที่พม่า จนี ตอนใต้ ภูมิภาคอนิ โดจีน บอนแบว้
คาบสมุทรมลายู และบอรเ์ นยี ว ในไทยมี 4 ชนิด คล้ายสกลุ Typhonium ทไ่ี มม่ ี
น�้ำ ยางใส ชว่ งดอกเพศเมยี รปู กรวย ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “hapalos” อ่อนโยน Typhonium roxburghii Schott
อาจหมายถึงลกั ษณะวสิ ยั ของพืชทม่ี ีขนาดเล็ก ดูอ่อนโยน วงศ์ Araceae
เอกสารอา้ งอิง
Boyce, P.C. and D. Sookchaloem. (2012). Araceae (Hapaline). In Flora of ไมล้ ้มลกุ สูง 10-40 ซม. มหี วั ใต้ดนิ กลม ใบรปู สามเหลย่ี มคล้ายไตหรอื แยก
3 พู ยาว 5-17 ซม. กา้ นใบยาว 10-35 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกหลัง
Thailand Vol. 11(2): 237-240. ผลใิ บ มกี ลิน่ เหม็น ก้านช่อยาว 2-9 ซม. กาบยาว 8-18 ซม. กาบลา่ งรปู ไข่ ยาว
2-3.5 ซม. ดา้ นในสมี ว่ งอมนำ�้ ตาลแดง ดา้ นนอกสนี ำ�้ ตาลอมเขยี ว โคนบดิ มว้ น
บอนเตา่ : ใบรูปเงย่ี งลูกศร บางคร้ังมรี อยด่าง กา้ นใบและกา้ นช่อดอกยาว ผลเรยี งเปน็ แถว มกี าบหมุ้ ผลแกส่ ีขาว โอบรอบชอ่ ปลายกาบคอดเรยี วยาว บดิ เวยี นเลก็ นอ้ ย ยาว 6-15 ซม. ชอ่ ดอกยาว
(ภาพ: ล�ำปาง - RP) เทา่ ๆ กาบล่าง ชว่ งดอกเพศผยู้ าว 0.7-1.2 ซม. ดอกเพศผจู้ ำ� นวนมาก เกสรเพศผู้
2-3 อนั สเี หลอื งครมี อบั เรณไู รก้ า้ น ชอ่ งเปดิ ทปี่ ลาย ปลายชอ่ เปน็ รยางคร์ ปู กรวย
บอนเตา่ ก้นปิด สมี ว่ งอมน้�ำตาลเข้ม ยาว 12-15 ซม. โคนเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 3-4 มม. ช่วงดอกเพศเมยี
ยาวประมาณ 5 มม. รังไขส่ ขี าวครมี ยอดเกสรเพศเมยี สีม่วง ชว่ งทเี่ ป็นหมนั ยาว
Ariopsis protanthera N. E. Br. 1.5-2.2 ซม. เกสรเพศผู้ที่เป็นหมนั หนาแน่น โค้งลง สีครมี หรอื เหลืองออ่ น ยาว
วงศ์ Araceae ประมาณ 8-9 มม. ชอ่ ผลมโี คนกาบหมุ้ ชอ่ แก่กาบเปดิ ออก ผลสดมเี มล็ดเดียว
รูปรหี รอื รปู ไข่ ผลแก่สีขาว
ไมล้ ม้ ลกุ ขนาดเลก็ ลำ� ตน้ กลมคลา้ ยหวั ใตด้ นิ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 2 ซม.
นำ�้ ยางสีขาว มีใบเดยี วแบบกน้ ปดิ รูปหัวใจแกมรูปไข่ ยาว 5-10 ซม. แผ่นใบ พบทอ่ี นิ เดีย ศรีลังกา บงั กลาเทศ พม่า จนี ตอนใต้ ไต้หวนั ญี่ป่นุ ภมู ิภาคอินโดจนี
ดา้ นลา่ งมนี วล ก้านใบยาว 6-14 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลดมีกาบ 1-3 ช่อ ก้านช่อ และมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ นิวกินี ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามท่ีโล่งหรือเขาหินปูน
ยาว 4-5 ซม. กาบรูปเรือ สเี หลืองครีมอมชมพู ยาว 2-2.5 ซม. ชอ่ ดอกส้นั กวา่ กาบ ความสงู ระดับต่�ำ ๆ
ชว่ งดอกเพศผสู้ มี ว่ งอมชมพู รปู ทรงกระบอก ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกเรยี งหนาแนน่
อบั เรณรู ปู โล่ กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั ปลายอบั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ดอกเพศเมยี อยู่ สกลุ Typhonium Schott มีประมาณ 100 ชนิด พบในเอเชียเขตรอ้ นและกงึ่ เขตร้อน
ดา้ นลา่ งแนบตดิ กาบ ยาวประมาณ 5 มม. รงั ไขร่ ปู สเ่ี หลยี่ มคางหมู ยาวประมาณ นิวกนิ ี และออสเตรเลีย ในไทยมี 32 ชนิด ในจ�ำ นวนนี้เปน็ พืชถน่ิ เดียวถงึ 24 ชนดิ
3 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั มาก ยอดเกสรสเี หลือง มี 4-6 แฉก บานออก ตดิ ทน หรอื กวา่ รอ้ ยละ 75 ซง่ึ บางชนดิ อาจถกู ย้ายไปอย่ใู นสกุล Sauromatum ชื่อสกลุ
ผลมี 4-6 เหลี่ยม ยาวประมาณ 5 มม. มาจากภาษากรีก “typhonios” หมายถึงพชื ทมี่ กี ลิน่ หอมคล้ายลาเวนเดอร์
เอกสารอ้างอิง
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทตี่ าก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื Hetterscheid, W.L.A. and D. Sookchaloem. (2012). Araceae (Typhonium). In
ท่บี งึ กาฬ ข้ึนตามหนิ ปูนหรอื หนิ ทรายใต้รม่ เงาในป่าเบญจพรรณ และปา่ ดิบแล้ง
ความสงู ไมเ่ กนิ 300 เมตร Flora of Thailand Vol. 11(2): 314-315.

สกุล Ariopsis Nimmo มี 2 ชนิด A. peltata Nimmo พบทอ่ี ินเดีย ช่อื สกลุ มา บอนแบว้ : ใบรูปสามเหลี่ยม ปลายกาบคอดเรียวยาว บิดเวียนเลก็ นอ้ ย ช่อผลมีโคนกาบหุ้ม (ภาพ: สระบรุ ี - RP)
จากภาษากรกี “aris” หรือ “aron” สกุล Arum และ “opsis” คล้าย หมายถงึ
คลา้ ยพชื ในสกุล Arum ส่วนคำ�ระบชุ นดิ “protanthera” มาจากลักษณะการ บอนเปรย้ี ว
ออกดอกก่อนผลใิ บใหม่ (proteranthus)
เอกสารอา้ งองิ Remusatia pumila (D. Don) H. Li & A. Hay
Boyce, P.C. (2009). Ariopsis (Araceae: Colocasieae) a new generic record for วงศ์ Araceae

Thailand & preliminary observations on trans-Himalayan biogeography in ชื่อพ้อง Caladium pumilum D. Don, Remusatia garrettii Gagnep.
Araceae. Thai Forest Bulletin (Botany) 37: 9-14.
________. (2012). Araceae (Ariopsis). In Flora of Thailand Vol. 11(2): 198-199. ไมล้ ม้ ลกุ องิ อาศยั หรอื ขนึ้ บนดนิ สงู ไดถ้ งึ 25 ซม. หวั ใตด้ นิ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
1-2.5 ซม. มไี หลหน่อยอ่ ย สว่ นมากแยกแขนง หน่อยอ่ ยมเี กล็ดหุม้ และขนแข็ง
รปู ตะขอ ใบมี 3-4 ใบ รูปไข่หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 8-23 ซม. โคนใบแบบก้นปิด
รูปหัวใจต้นื ๆ แผ่นใบบางครง้ั มลี ายสีม่วง เสน้ โคนใบขา้ งละ 4-5 เสน้ กา้ นใบยาว
15-40 ซม. โคนมีกาบ ชอ่ ดอกสว่ นมากมชี ่อเดยี ว ออกพรอ้ มผลิใบ กา้ นช่อยาว
6-10 ซม. คอดเวา้ 2 ครง้ั หลอดกาบยาว 1-1.5 ซม. ปากบานออก กาบยาว
13-21 ซม. กาบลา่ งกลม ๆ ยาว 1.5-2.5 ซม. เปดิ ออกชว่ งเกสรเพศผู้ ปลายเรยี วแหลม

221

บัวคำ� สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ยาว 11-21 ซม. เปิดออกช่วงส้นั ๆ ชอ่ ดอกส้ันกว่ากาบมาก ยาว 2-2.5 ซม. บวั แฉก
ชว่ งดอกเพศผรู้ ปู กระบอง ยาวประมาณ 1 ซม. สเี หลอื งครมี เปลย่ี นเปน็ สมี ว่ งอมเทา
ชว่ งของดอกเพศเมยี ยาว 5-8 มม. เกสรเพศผทู้ ีเ่ ป็นหมันเรียงเปน็ วง ยาว 4-5 มม. Dipteris conjugata Reinw.
ผลกลุม่ ทรงรี มีกาบหุ้ม ผลยอ่ ยสกุ สีแดง เมล็ดมเี ยอ่ื หุ้มหนา วงศ์ Dipteridaceae

พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน เนปาล จนี ตอนใต้ และพมา่ ในไทยพบมากทางภาคเหนอื เฟนิ ขนึ้ บนดนิ มเี หงา้ ทอดเลอ้ื ย เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. มขี นยาว
ทเี่ ชยี งราย เชยี งใหม่ ลำ� ปาง ตาก ขนึ้ ตามโขดหนิ หรอื บนดนิ ทเี่ ปน็ หนิ ปนู ในปา่ ดบิ เขา คลา้ ยเกล็ดหนาแน่น ยาว 4-5 มม. ใบเดีย่ วเรยี งหา่ ง ๆ กว้างไดถ้ ึง 70 ซม. ยาวไดถ้ งึ
ความสูงถงึ ประมาณ 2200 เมตร 50 ซม. แยก 2 แฉกเกอื บจรดโคนเท่า ๆ กนั รปู พดั แตล่ ะแฉกจักลึกเกินกึง่
หนง่ึ ประมาณ 4 แฉกยอ่ ยไมเ่ ทา่ กนั แตล่ ะแฉกยอ่ ยจกั ลกึ ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ 1-3 แฉก
สกลุ Remusatia Schott มี 4 ชนิด พบในแอฟรกิ า มาดากัสการ์ เอเชีย และ ปลายแฉกเรยี วแหลมคลา้ ยหาง เสน้ แขนงใบแตกเปน็ งา่ มหลายครงั้ เสน้ แขนงใบ
ออสเตรเลีย ในไทยมี 2 ชนดิ อกี ชนดิ คอื ว่านสุบิน R. vivipara (Roxb.) Schott ยอ่ ยเรยี งจรดกัน แผน่ ใบด้านลา่ งมนี วล ก้านใบยาวไดถ้ ึง 2 ม. ดา้ นบนเป็นร่อง
ช่อดอกคอดครั้งเดยี ว ไหลหน่อยอ่ ยไม่แยกแขนง การกระจายกว้างกวา่ ชอื่ สกุล ตามรอ่ งมขี นสนั้ คลา้ ยเกลด็ หนาแนน่ โคนมขี นแขง็ สนี ำ�้ ตาลดำ� กลมุ่ อบั สปอรร์ ปู กลม
ตง้ั ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวฝรั่งเศส Jean-Pierre Abel-Rémusat (1788-1832) เรียงกระจายทว่ั แผ่นใบดา้ นล่าง ไม่มเี ยื่อห้มุ มีเส้นแทรกรปู กระบอง

เอกสารอ้างองิ พบทไี่ หห่ นาน ไตห้ วนั ญปี่ นุ่ กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี และออสเตรเลยี
Boyce, P.C. and D. Sookchaloem. (2012). Araceae (Remusatia). In Flora of ในไทยพบทางภาคใต้ต้ังแต่สรุ าษฎร์ธานีลงไป ขึน้ ตามทีโ่ ล่งในปา่ ดบิ เขา ความสูง
Thailand Vol. 11(2): 264-267. มากกว่า 1000 เมตร

สกลุ Dipteris Reinw. มี 8 ชนดิ พบในเอเชยี และออสเตรเลยี ในไทยมชี นดิ เดียว
ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “di” สอง และ “pteris” เฟิน หมายถึงเฟนิ ทใ่ี บแยก
เป็นสองส่วน เปน็ 1 ใน 2 สกลุ ของเฟินวงศ์ Dipteridaceae

เอกสารอา้ งอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Xianchun, Z., M. Kato and H.P. Nooteboom. (2013). Dipteridaceae. In Flora of
China Vol. 2-3: 116.

บอนเปรีย้ ว: ไมล้ ้มลกุ อิงอาศัยหรอื ขึ้นบนพนื้ ดนิ ออกดอกพรอ้ มใบ แผ่นใบมีลายสีม่วง มไี หลหนอ่ ย่อย กาบชอ่ บัวแฉก: ใบแยก 2 แฉกเกอื บจรดโคน รปู พดั แต่ละแฉกลึกเกินกึง่ หน่งึ แฉกย่อยจักไมเ่ ปน็ ระเบียบ เสน้ แขนงใบแตก
คอดเวา้ 2 ครง้ั ช่วงดอกเพศผู้รปู กระบอง สีม่วงอมเทา (ภาพ: แมอ่ อน เชยี งใหม่ - RP) เป็นง่ามหลายคร้งั แผน่ ใบดา้ นล่างมีนวล กลุ่มอับสปอร์เรยี งกระจายทว่ั แผน่ ใบ (ภาพ: เขาเหมน นครศรธี รรมราช - RP)

บวั คำ� บวั แฉกใบเลก็

Hypericum henryi H. Lév. & Vaniot subsp. hancockii N. Robson Cheiropleuria bicuspis (Blume) C. Presl
วงศ์ Hypericaceae วงศ์ Dipteridaceae

ไมพ้ มุ่ เตย้ี แตกกอ กงิ่ ออ่ นเปน็ เหลยี่ มหรอื มรี วิ้ ใบรปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก ชือ่ พ้อง Polypodium bicuspe Blume
ยาว 1-4 ซม. แผ่นใบดา้ นล่างมีนวล เสน้ แขนงใบข้างละ 2-4 เส้น ไม่มเี สน้ ขอบใน
กา้ นใบสนั้ มากหรอื ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกมี 1-7 ดอก ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กา้ นดอก เฟนิ ข้นึ บนดินหรืออิงอาศัย เหง้าทอดเล้อื ย เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 0.6-1 ซม. มี
ยาว 4-7 มม. ดอกบานเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 2-5 ซม. ตาดอกรูปไขก่ ว้าง กลบี เล้ยี ง ขนนุ่มหลายเซลลห์ นาแน่น ยาวประมาณ 5 มม. ไม่มเี กล็ด ใบเดยี่ วเรียงหา่ งกนั
ขนาดไมเ่ ทา่ กนั ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟี่ นั รปู รถี งึ รปู ขอบขนาน ยาว 4-9 มม. มตี อ่ ม ใบไม่สรา้ งสปอร์เรยี งหา่ ง ๆ รูปไข่ กว้างไดถ้ ึง 12 ซม. ยาวได้ถึง 30 ซม. สว่ นมาก
กระจาย ดอกสเี หลอื ง กลีบรูปไข่กลบั ยาว 1-2.5 ซม. ขอบมีเสน้ ต่อม เกสรเพศผู้ แยก 2 แฉก ลึกไดถ้ งึ 8 ซม. ปลายแฉกเรยี วแหลมคลา้ ยหาง เส้นแขนงใบแตก
เชอื่ มตดิ กนั 5 มดั ๆ ละ 30-60 อนั ยาว 0.5-1.3 ซม. รงั ไขร่ ปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ เป็นงา่ มหลายครัง้ เสน้ แขนงใบย่อยเรียงจรดกัน แผ่นใบด้านล่างสีอ่อน กา้ นใบ
3.5 มม. กวา้ งประมาณ 7 มม. พลาเซนตารอบแกนร่วม กา้ นเกสรเพศเมยี แยก ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. โคนมขี น ใบสรา้ งสปอร์เรียวแคบ รูปแถบ กวา้ งประมาณ 1.5 ซม.
5 แฉก โคง้ ออก ผลรปู ไข่หรอื รปู รกี ว้างเกือบกลม ปลายแหลม ยาว 1-1.4 ซม. ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ปลายและโคนเรยี วแหลม มเี สน้ แขนงใบ 3 เสน้ กลมุ่ อบั สปอร์
(ดูขอ้ มลู เพิ่มเตมิ ที่ บวั ทอง, สกุล) เรียงกระจายท่ัวแผ่นใบดา้ นลา่ ง มเี สน้ แทรกรูปกระบอง

พบทพี่ มา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนามตอนบน และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคเหนอื พบทจี่ นี ตอนใต้ ไตห้ วนั ญป่ี นุ่ เวยี ดนาม และภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบทาง
ที่เชียงใหม่ เชยี งราย ขึ้นตามปา่ ดบิ เขาบนเขาหนิ ปนู ความสงู 1300-2200 เมตร ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือทเ่ี ลย และทางภาคใต้ท่นี ครศรีธรรมราช ยะลา ขึน้ ตาม
สว่ น subsp. henryi และ subsp. uraloides (Rehder) N. Robson พบเฉพาะ ป่าดิบเขา ความสงู 1000-1800 เมตร
ที่จีน และพมา่
สกลุ Cheiropleuria C. Presl เคยอยภู่ ายใต้วงศ์ Cheiropleuriaceae มี 3 ชนดิ
เอกสารอ้างองิ พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมีชนดิ เดยี ว ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “cheir” มือ
Li, X.W. and N.K.B. Robson. (2007). Clusiaceae (Hypericum). In Flora of China. และ “pleura” หรือ “pleuron” ดา้ นข้าง หมายถงึ ใบท่ีคลา้ ยมอื
Vol. 13: 12-13.
เอกสารอา้ งองิ
บวั ค�ำ: ไม้พ่มุ เต้ยี แตกกอ ขนึ้ บนหนิ ปนู ใบเรียงตรงข้าม ก้านใบสั้นมากหรอื ไร้กา้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ กลบี ดอก Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
5 กลีบ เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก (ภาพ: ดอยตงุ เชยี งราย - MB) Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Xianchun, Z., M. Kato and H.P. Nooteboom. (2013). Dipteridaceae. In Flora of
China Vol. 2-3: 117.

222

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย บัวบา

บวั แฉกใบเลก็ : ใบไมส่ รา้ งสปอร์สว่ นมากแยก 2 แฉก ใบสรา้ งสปอรร์ ูปแถบ กลุ่มอับสปอรเ์ รียงกระจายทัว่ แผน่ ใบ พบน�ำ เขา้ มาเป็นไม้ประดบั 1 ชนดิ คือ เหลืองมงคล H. calycinum L. พชื แถบ
ดา้ นล่าง (ภาพ: เขาหลวง นครศรธี รรมราช - SSa) ทะเลเมดิเตอร์เรเนยี น ชือ่ สกุลอาจมาจากภาษากรกี “hyper” เหนอื และ “eikon”
ลกั ษณะภาพท่ีปรากฏบนกลีบดอก ซึ่งเช่ือวา่ สามารถปกปอ้ งจากวญิ ญาณชัว่ รา้ ย
บัวตอง
บวั ทอง
Tithonia diversifolia (Hemsl.) A. Gray
วงศ์ Asteraceae Hypericum hookerianum Wight & Arn.
ไม้พมุ่ สูงไดถ้ ึง 2 ม. ใบเรียงตรงข้าม รปู ไข่ รปู ขอบขนาน หรือรปู ใบหอก ยาว
ช่ือพอ้ ง Mirasolia diversifolia Hemsl.
2-7 ซม. เส้นแขนงใบขา้ งละ 2-4 เสน้ เส้นขอบในมีหรือไมม่ ี กา้ นใบยาว 1-4 มม.
ไมล้ ม้ ลุกหรือไม้พุม่ สูงไดถ้ ึง 2.5 ม. ลำ� ต้นมรี ิว้ ใบเรียงเวียน รูปไขห่ รือแกม ชอ่ ดอกมี 1-5 ดอก กา้ นดอกยาว 0.3-1.5 ซม. กลบี เลย้ี งรปู รกี วา้ ง หรอื รปู ใบพาย ยาว
รปู ใบหอก มกั แยกเปน็ 3 หรือ 5 แฉก ยาว 5-15 ซม. ขอบจักฟันเล่ือย แผน่ ใบ 0.5-1 ซม. ขอบสว่ นมากเรยี บ มแี ถบตอ่ มกระจาย ดอกรปู ถว้ ย เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ด้านบนมีขนคาย ด้านล่างมขี นละเอียดหรอื ขนยาวและต่อมกระจาย ก้านใบยาว 3-6 ซม. กลีบดอกรปู ไข่กลับหรอื เกอื บกลม ยาว 1.5-3 ซม. เกสรเพศผูม้ ี 5 มดั
2-6 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกเดย่ี วหรอื แยกแขนง กา้ นช่อยาว 7-25 ซม. มดั ละ 60-80 อนั ยาว 0.5-1 ซม. พลาเซนตารอบแกนร่วม เกสรเพศเมียแยก
ช่อดอกเส้นผา่ นศูนย์กลาง 6-14 ซม. วงใบประดับเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.5-2 ซม. 5 แฉก กา้ นเกสรยาว 2-7 มม. ปลายโค้ง ผลรปู ไขห่ รือรปู โคน ยาว 1-1.7 ซม.
วงใบประดับย่อย 16-28 อัน เรียงซอ้ นเหลอ่ื ม 3-4 วง รูปขอบขนาน วงนอก
ยาว 0.6-1 ซม. วงในยาว 1-2 ซม. มขี นละเอียด ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว 1-1.3 ซม. พบที่บังกลาเทศ ภูฏาน อนิ เดีย เนปาล พม่า และเวยี ดนามตอนบน ในไทย
ดอกวงนอกมี 7-14 ดอก สเี หลอื ง เปน็ ดอกเพศเมีย รปู ใบหอก ยาว 4.5-6 ซม. พบทางภาคเหนือท่ดี อยอนิ ทนนท์ จงั หวดั เชียงใหม่ ขึน้ ตามชายปา่ ดิบเขา ความสงู
ดอกวงในจำ� นวนมากสมบรู ณเ์ พศ กลบี ดอกยาวประมาณ 1 ซม. ปลายแยก 5 แฉก 1600-2500 เมตร อนึ่ง H. siamense N. Robson ใบมเี ส้นขอบในชดั เจน พบท่ี
ผลแหง้ เมล็ดลอ่ น รปู ขอบขนาน ยาว 4-6 มม. มี 4 สนั ต้นื ๆ มีรยางค์แขง็ เป็น ดอยเชียงดาว จงั หวัดเชยี งใหม่ อาจเป็นชนิดเดียวกับบัวทอง
เกลด็ 2 อนั เชือ่ มติดกนั
เอกสารอ้างองิ
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในเมก็ ซโิ ก เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเอเชยี เขตรอ้ น แผก่ ระจายอยา่ ง Li, X.W. and N. Robson. (2007). Clusiaceae (Hypericum). In Flora of China
รวดเรว็ กลายเปน็ วชั พชื ในหลายพน้ื ที่ มสี รรพคณุ แกไ้ ขม้ าลาเรยี แกป้ วดกลา้ มเนอื้ Vol. 13: 2, 10.

สกุล Tithonia Desf. ex Juss. อยภู่ ายใต้เผ่า Heliantheae มีประมาณ 11 ชนดิ บัวทอง: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ สัน้ ๆ ดอกรปู ถว้ ย เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก มี 5 มดั เกสรเพศเมยี แยกเปน็ 5 แฉก
มถี นิ่ ก�ำ เนิดในอเมรกิ าและเมก็ ซิโก ในไทยพบเปน็ ไมป้ ระดับ 2 ชนดิ อกี ชนิดคอื ตดิ ทน (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชียงใหม;่ ภาพดอก - RP, ภาพผล - SSi)
ทานตะวันเมก็ ซโิ ก T. rotundifolia (Mill.) S. F. Blake ดอกสสี ้มขนาดใหญ่ ชอื่ สกุล
ตัง้ ตาม Tithonus หนุ่มนอ้ ยท่ีเทพเจา้ Aurora หรือเทพเจา้ แหง่ รุ่งอรุณหลงรัก

เอกสารอ้างองิ
Chen, Y. and D.J. Nicholas Hind. (2011). Asteraceae (Tithonia). In Flora of
China Vol. 20-21: 874.

บวั ตอง: ใบเรียงเวยี น มกั แยกเปน็ 3 หรือ 5 แฉก ขอบจกั ฟันเล่อื ย ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แน่น ดอกวงนอกมี 7-14 ดอก เหลืองมงคล: พืชแถบทะเลเมดิเตอรเ์ รเนยี น (ภาพ: cultivated - RP)
ดอกวงในจ�ำนวนมาก (ภาพ: ดอยมเู ซอ ตาก - RP)
บัวบา
บวั ทอง, สกุล
Nymphoides indica (L.) Kuntze
Hypericum L. วงศ์ Menyanthaceae
วงศ์ Hypericaceae
ชอ่ื พอ้ ง Menyanthes indica L.
ไมล้ ม้ ลกุ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื เรยี งรอบขอ้ แผน่ ใบมกั มตี อ่ ม
กระจาย บางครงั้ มเี สน้ ขอบใน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ดอกสมบรู ณเ์ พศ ใบประดบั ไม้น้�ำล้มลุก เหง้าลอยน�้ำ มีไหลคล้ายก้านใบ ใบรูปไข่กว้างหรือรูปหัวใจ
ขนาดเล็ก กลีบเลยี้ งสว่ นมากมี 5 กลีบ ดอกสีเหลือง มี 4-5 กลบี เกสรเพศผู้ ยาว 3-18 ซม. เสน้ แขนงใบรปู ฝา่ มอื เหน็ ไมช่ ดั เจน แผน่ ใบดา้ นลา่ งมตี อ่ มหนาแนน่
เชอื่ มตดิ กนั เปน็ 3-5 มดั หรอื แยกกนั อบั เรณแู ตกตามยาว แกนอบั เรณมู กั มตี อ่ ม กา้ นใบยาว 1-2 ซม. ดอกออกตามขอ้ รปู กงลอ้ สขี าว โคนกลบี ดา้ นในมสี เี หลอื ง
รงั ไข่ 3-5 ชอ่ ง พลาเซนตารอบแกนรว่ ม หรอื มชี อ่ งเดยี วพลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ ก้านดอกยาว 3-5 ซม. กลบี เลี้ยง 5-8 กลบี แยกจรดโคน รปู ขอบขนานหรือรปู ใบหอก
กา้ นเกสรเพศเมยี 2-5 อนั แยกหรอื เช่อื มตดิ กนั ติดทน ยอดเกสรเปน็ ตุม่ ผล ยาว 3-6 มม. ปลายมน กลบี ดอก 5-8 กลีบ รปู ไข่ รูปขอบขนาน หรอื รูปใบหอก
แห้งแตกตามแนวประสาน เมลด็ จำ� นวนมาก ขนาดเลก็ ยาว 0.7-1.2 ซม. มีขนยาวเป็นชายครยุ หนาแนน่ เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ภายใน
หลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณรู ปู แถบ ยาวประมาณ 1.5 มม. มตี อ่ มนำ้� ตอ้ ย 5 ตอ่ ม
สกุล Hypericum เดิมอยูภ่ ายใตว้ งศ์ Clusiaceae มี 370-460 ชนิด พบท้ังในเขตรอ้ น ท่โี คนรังไข่ ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก ผลรูปรี ยาว 3-5 ซม. เมลด็ กลม เย่ือหุ้ม
และเขตอบอนุ่ ยกเวน้ ในแถบทะเลทรายและขวั้ โลก ในไทยมีประมาณ 5 ชนิด เมล็ดเรียบ

223

บวั ผุด สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

พบท่ีอินเดีย ศรลี งั กา พม่า จีนตอนใต้ ญีป่ ุ่น เกาหลี ภมู ภิ าคอนิ โดจีนและ เอกสารอ้างองิ
มาเลเซยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทวั่ ทกุ ภาค ขน้ึ ตามหนองนำ้� Bänziger, H. (1991). Stench and fragrance: unique pollination lure of Thailand’s
ที่โล่ง และนาข้าว largest flower, Rafflesia kerrii Meijer. Natural History Bulletin of Siam
Society 39: 19-52.
สกลุ Nymphoides Ség. บางคร้งั อยู่ภายใต้วงศ์ Gentianaceae มีประมาณ 40 ชนิด Meijer, M. (1984). New species of Rafflesia (Rafflesiaceae). Blumea 30: 212-213.
พบทัง้ ในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในไทยมี 7-8 ชนดิ ช่อื สกุลหมายถงึ คล้ายกับสกลุ Meijer, M. and S. Elliott. (1990). Taxonomy, ecology and conservation of
Nymphaea วงศ์ Nymphaeaceae Rafflesia kerrii Meijer in Southern Thailand. Natural History Bulletin of Siam
เอกสารอา้ งองิ Society 38: 117-133.
Ho, T.N. and R. Ornduff. (1995). Menyanthaceae. In Flora of China Vol. 10:

140-141.

บัวบา: ไมน้ ้ำ� เหง้าลอยน�้ำ ไหลคลา้ ยกา้ นใบ เส้นแขนงใบรปู ฝ่ามอื เห็นไมช่ ดั เจน ดอกออกตามข้อ รปู กงลอ้ สีขาว บัวผุด: พืชลม้ ลุกเบียนรากไม้เถา Tetrastigma sp. ดอกบานขนาดใหญ่ กลบี รวม มี 5-6 กลีบ (ภาพซ้าย: ระนอง,
โคนกลีบด้านในมสี ีเหลอื ง กลีบดอก 5-8 กลีบ มขี นยาวเปน็ ชายครยุ หนาแนน่ (ภาพ: บรุ รี มั ย์ - RP) ภาพขวา: สุราษฎรธ์ านี; - HB)

บวั ผุด บวั เผอ่ื น, สกุล

Rafflesia kerrii Meijer Nymphaea L.
วงศ์ Rafflesiaceae วงศ์ Nymphaeaceae

พืชล้มลุกเบียนราก ไม่มีคลอโรฟิลล์ ดอกและล�ำต้นออกมาจากหัวใต้ดิน มี ไมน้ ้ำ� ลม้ ลกุ มีเหงา้ ใบออกจากเหง้า เรียงเวียน ลอยเหนอื ผวิ น�้ำ เส้นแขนงใบ
เนอ้ื เยอื่ แขง็ หนาของรากพชื อาศยั รปู ถว้ ยรองรบั ตาดอก ดอกมเี พศเดยี ว ฐานดอก รปู ฝา่ มอื ปลายกลม โคนเวา้ ลกึ ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟี่ นั กา้ นใบและกา้ นดอกกลม ผวิ เรยี บ
กวา้ ง 8-9 ซม. ใบประดับ 15 อนั เรยี ง 5 วง วงละ 3 อนั สีแดงเข้มอมนำ้� ตาล ยาวได้ ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว กลบี เลย้ี ง 4 กลบี ตดิ ทโ่ี คนรงั ไข่ กลบี ดอก
ถงึ 18 ซม. กวา้ งประมาณ 14 ซม. มรี ว้ิ เปน็ เสน้ ตามยาว ตาดอกเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 8 กลีบหรือจ�ำนวนมาก ตดิ บนรังไข่ เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก สั้นกวา่ กลบี เลยี้ ง
16-25 ซม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาว 50-70 ซม. มกี ลนิ่ เหมน็ เพอื่ ลอ่ แมลง และกลบี ดอก ตดิ บนรงั ไข่ คารเ์ พลจำ� นวนมาก เช่อื มติดกนั บางสว่ นหรอื ทง้ั หมด
กลีบรวม (perigone lobes) โคนเชื่อมตดิ กันรูปถว้ ย เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 8-14 ซม. รงั ไข่มหี ลายช่อง พลาเซนตาทวั่ ผนัง ออวุลจำ� นวนมาก ไรก้ า้ นเกสรเพศเมยี หรอื
มี 5-6 กลบี เรียงซ้อนเหลื่อม รูปรีกว้าง กวา้ งไดถ้ ึง 24 ซม. ด้านในเป็นแอง่ แผน่ กลบี เปล่ียนรูปเป็นรยางค์ ยอดเกสรแยกเป็นแฉกบนจานรูปถ้วย ผลคล้ายผลสดมี
มตี ุ่มหดู สีแดงออ่ นกระจายด้านบน กะบังลม (diaphragm) เส้นผา่ นศนู ยก์ ลาง หลายเมล็ด แห้งแตกไม่เปน็ ระเบียบ เมลด็ มีเยือ่ หุม้
ประมาณ 30 ซม. แผ่นกะบังกวา้ งประมาณ 6 ซม. มวี งตมุ่ หดู ประมาณ 5 วง ช่องเปดิ
เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. ดา้ นล่างมจี ดุ สขี าวบนกา้ นชูสีแดงเรยี ง 7-9 วง สกลุ Nymphaea มปี ระมาณ 50 ชนดิ พบในเขตรอ้ นและเขตอบอุ่น ในไทยมี
กวา้ งประมาณ 7 มม. มเี กลด็ บางสนี ำ้� ตาล (ramenta) ยาว 0.5-1 ซม. ปลายบวม พืชพืน้ เมอื ง 2 ชนดิ อกี ชนิดคอื บัวสาย หรอื จงกลนี N. pubescens Willd. และ
หรอื เปน็ แอ่ง จานฐานดอกเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 17-18 ซม. ขอบมีรอยเชื่อม กว้าง พบเปน็ ไม้ประดบั หลายชนดิ หลากสายพันธุ์ เชน่ สทุ ธาสิโนบล N. capensis
2.5-3.5 ซม. เส้าเกสรเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 6.5-7 ซม. มีปมุ่ (process) 27-44 อนั Thunb. var. zanzibariensis Casp. และประภสั โรบล N. mexicana Zucc.
สีน�้ำตาลอมเหลอื ง ยาวประมาณ 3.5 ซม. จานฐานดอกและเส้าเกสรมไี ข ในดอกเพศผู้ เป็นตน้ ชอื่ สกุลมาจากภาษากรกี “nymphaia” เทพเจ้าแห่งนำ�้ พุหรือพรายน้�ำ
โคนมขี นแขง็ ยาว 3-4 มม. อบั เรณตู ดิ อยใู่ นโพรงใตร้ ะหวา่ งวงขอบจานฐานดอก
บนและลา่ ง ชอ่ งกวา้ งประมาณ 1 ซม. มแี นวสันลกึ มขี นครุยยาวประมาณ 1.5 ซม. บัวเผอ่ื น
อบั เรณู มี 26-31 อัน สีขาว รปู ไข่ ยาว 9 มม. ดอกเพศเมียคล้ายดอกเพศผู้ ไม่มี
อบั เรณแู ละโพรงตดิ อบั เรณู รังไข่ติดทีฐ่ านเสา้ เกสร เสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ Nymphaea nouchali Burm. f.
หน่งึ ในสามของตาดอก ผลสด เมล็ดขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ไม้น�้ำล้มลุก เหง้าไม่แตกแขนง ใบรูปกลมแกมรูปไข่ กว้าง 8-18 ซม. ยาว

พืชถิ่นเดียวของไทย พบกระจายห่าง ๆ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีกุยบุรี 10-25 ซม. ขอบจกั มนหรอื เรยี บ แผน่ ใบดา้ นลา่ งสเี ขยี วออ่ นหรอื สมี ว่ งอมสนี ำ�้ ตาล
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคใตท้ ่ีชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภเู กต็ และอาจพบ เสน้ แขนงใบออกจากโคน 10-15 เส้น กา้ นใบยาวได้ถึง 1 ม. ตดิ แผ่นใบทโ่ี คน ดอกตมู
ตามชายแดนไทยมาเลเซยี ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชนื้ หรอื เขาหนิ ปนู ความสงู 200-1600 เมตร รปู กรวยแหลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-3 ซม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 8-15 ซม.
ขนึ้ เบียนรากพืชในสกุล Tetrastigma หลายชนดิ ดอกตมู กนิ ได้ และมีความเชื่อว่า บานชว่ งเชา้ ก้านดอกคลา้ ยก้านใบ กลีบเล้ียงรูปขอบขนาน ยาว 3-8 ซม. ตดิ ทน
มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง บำ� รุงก�ำลงั กลบี ดอกจำ� นวนมาก เรยี งซอ้ นกนั หลายวง สขี าว อมชมพู หรอื มว่ ง รปู ขอบขนาน
ยาว 3-5 ซม. ปลายแหลม ปลายแกนอบั เรณมู รี ยางค์ มกั มเี กสรเพศผคู้ ลา้ ยกลบี ดอก
สกุล Rafflesia R. Br. ex Gray มี 19-22 ชนิด พบในภูมภิ าคมาเลเซียและภาคใต้ ทเ่ี ป็นหมัน ผลเส้นผ่านศนู ย์กลาง 1.5-4.5 ซม.
ของไทย ชนดิ R. arnoldii R. Br. เปน็ พชื ดอกทม่ี ดี อกขนาดใหญ่ท่สี ดุ ในโลก
เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 80-100 ซม. พบท่เี กาะสมุ าตรา ช่อื สกลุ ตง้ั ตามนักธรรมชาติ พบในเอเชยี เขตรอ้ น และออสเตรเลยี ขน้ึ ตามขอบบงึ หรอื ทงุ่ นา แยกเปน็ ดอกเลก็
วิทยาชาวองั กฤษ Sir Thomas Stamford Bingley Raffles (1781-1826) ผ้กู อ่ ต้งั สขี าวหรอื อมชมพอู อ่ น ปลายกลบี สมี ว่ งออ่ น เรยี กวา่ บวั เผอ่ื น สว่ นดอกขนาดใหญ่
ประเทศสิงคโปร์ สีมว่ งคราม เรียกว่า บัวผนั มชี อ่ื ทางการคา้ วา่ นโิ ลบล

เอกสารอ้างอิง
สชุ าดา ศรเี พ็ญ. (2542). พรรณไม้น้ำ�ในประเทศไทย. อมรนิ ทรพ์ ร้ินต้ิงแอนด์พับลชิ ชิ่ง.
กรุงเทพมหานคร.
Fu, D., J.H. Wiersema and D. Padgett. (2001). Nymphaeaceae. Flora of China
Vol. 6: 116.

224

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย บัวหลวง

บัวเผ่ือน: ใบเรียงเวียน กลบี เล้ียงยาวกวา่ กลีบดอก ดอกสขี าวหรือม่วง กลบี ดอกเรยี งซ้อนกนั หลายวง ปลายแกน บวั สาย: แผน่ ใบลอยบนผิวน�้ำ ขอบจกั แหลม ดอกบานชพู ้นน�ำ้ (ภาพ: cultivated - RP)
อับเรณมู ีรยางค์ (ภาพ: cultivated - MP)
บวั หลวง
บัวสวรรค์
Nelumbo nucifera Gaertn.
Gustavia superba (Kunth) O. Berg วงศ์ Nelumbonaceae
วงศ์ Lecythidaceae
ไมน้ ำ�้ ลม้ ลกุ มรี ากสะสมอาหาร เหงา้ แยกแขนง (ไหลบัว) ใบแตกตามขอ้
ชอ่ื พ้อง Pirigara superba Kunth ใบแก่อยเู่ หนอื ผิวน�้ำ กลม เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 25-90 ซม. ขอบเรียบ ผิวใบดา้ นบน
มไี ขเคลอื บ เสน้ แขนงใบออกจากโคน 25-30 เสน้ กา้ นใบกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่ ทปี่ ลายกงิ่ รปู ใบหอกแกมรปู ไขก่ ลบั 1-1.5 ซม. ยาว 1-2 ม. ดา้ นในมีเส้นใยสขี าว ดา้ นนอกมีตมุ่ กระจายหรอื เกลย้ี ง
อาจยาวได้ถึง 1 ม. ขอบจักฟนั เลอ่ื ย กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 11 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ หลัน่ ปลายก้านใบติดกบั แผ่นใบแบบกน้ ปิดท่กี ลางใบ ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ
สั้น ๆ ออกตามซอกใบ กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 8 ซม. กลีบเลย้ี งรูปถ้วยแบนขอบเรียบ ดอกตมู รปู ไข่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5-8 ซม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 17-30 ซม.
กวา้ งประมาณ 2.5 ซม. กลบี ดอกสีขาวอมมว่ งอ่อน มี 6-8 กลบี รูปใบพาย ยาว ดอกบานชว่ งกลางวนั สขี าวหรอื ชมพู กา้ นดอกยาวกวา่ กา้ นใบ กลบี รวมจำ� นวนมาก
ไมเ่ ท่ากัน ยาวไดถ้ งึ 7 ซม. เกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมาก โคนเชื่อมตดิ กันประมาณ วงนอกลดรปู รปู รหี รอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 5-10 ซม. ฐานดอกรปู ลกู ขา่ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
หนึ่งในสาม โค้งเข้า ยาวประมาณ 4 ซม. รงั ไข่ใตว้ งกลีบ ก้านเกสรเพศเมยี สนั้ 5-10 ซม. สีเขียวอ่อน เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก ติดท่โี คนฐานดอก อบั เรณูสเี หลือง
ผลแหง้ แตกแบบมีฝาปิด (pyxidia) กลม ปลายแบน กว้าง 7-10 ซม. ยาวไดถ้ งึ รูปแถบ ยาว 1-2 ซม. แกนอับเรณูปลายมีรยางคร์ ูปกระบอง ยาวได้ถึง 7 มม. อนั ท่ี
8 ซม. ผวิ มชี อ่ งอากาศกระจาย เมล็ดรูปรา่ งไมแ่ น่นอน ยาวประมาณ 6 ซม. เปน็ หมนั คลา้ ยกลบี ดอก รงั ไขจ่ ำ� นวนมากฝงั ในฐานดอก มชี อ่ งเดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี
ส้นั ยอดเกสรเพศเมียเปน็ ตุ่ม สีเหลือง ผลกลมุ่ ผลย่อยคลา้ ยผลแบบเปลอื กแขง็
มถี น่ิ กำ� เนดิ ในแถบประเทศคอสตารกิ า โคลมั เบยี และปานามา เปน็ ไมป้ ระดบั แหง้ ไมแ่ ตก รูปไข่หรือแกมรปู ขอบขนาน ยาว 1-2 ซม.
ทว่ั ไปในเขตรอ้ น
พบในเอเชยี เขตรอ้ น และออสเตรเลยี ขน้ึ ตามแหลง่ นำ้� ทโี่ ลง่ ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ
สกลุ Gustavia L. อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Lecythidoideae มีประมาณ 40 ชนิด พบ มหี ลากสายพนั ธ์ุ เรยี กชอ่ื ตา่ งกนั ไปตามลกั ษณะและสขี องดอก เชน่ บณุ ฑรกิ ดอกสขี าว
เฉพาะในทวีปอเมรกิ า ในไทยพบเปน็ ไม้ประดับ อีกชนดิ คอื G. gracillima Miers กลบี ดอกลา พบมากทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื สตั ตบษุ ย์ ดอกสขี าว กลบี ดอกซอ้ น
ใบเรียวแคบ กวา้ งไมเ่ กิน 3.5 ซม. ชือ่ สกุลตงั้ ตาม Gustav ที่ 3 กษตั ริยข์ อง ปทุม ดอกสีชมพู ดอกตูมปลายเรียวแหลม กลีบดอกลา พบมากทางภาคกลาง
สวีเดน ท่ปี กครองสวเี ดนช่วงปี ค.ศ. 1771-1792 และภาคใต้ สัตตบงกช ดอกสีชมพู ดอกตมู รปู ไขก่ วา้ ง ปลายแหลม กลีบดอกลา
เอกสารอ้างอิง เปน็ ต้น ปลูกเป็นไม้ประดบั หรอื ไม้ตัดดอก ฝัก เมล็ด รากบัว และไหลบวั กนิ ได้
Croat, T.B. (1978). Gustavia superba. In Flora of Barro Colorado Island by นำ�้ คน้ั จากใบแก้บิด ทอ้ งเสีย ฆา่ พยาธิ

Smithsonian Institution. http://biogeodb.stri.si.edu/bioinformatics/croat/ สกลุ Nelumbo Adans. เป็นสกุลเดียวของวงศ์ มี 2 ชนิด N. lutea (Willd.) Pers.
specie/Gustavia superba,e,n พบในอเมรกิ าเหนอื ชอื่ สกุลมาจากภาษาสงิ หล “nelumbu” ท่ใี ช้เรียกบวั หลวง
ในศรลี ังกา
บัวสวรรค์: ใบเรียงเวยี นหนาแนน่ ทีป่ ลายกิง่ รูปใบหอกแกมรูปไข่กลบั กลีบดอกมี 6-8 กลีบ ยาวไมเ่ ทา่ กนั เกสรเพศผู้ เอกสารอา้ งอิง
จำ� นวนมาก โคนเชือ่ มติดกัน โค้งเขา้ ผลแห้งแตกแบบมีฝาปิด ผิวมีชอ่ งอากาศ (ภาพ: cultivated - RP) สุชาดา ศรเี พ็ญ. 2542. พรรณไม้นำ้�ในประเทศไทย. อมรินทร์พริน้ ติ้งแอนด์พบั ลิชช่งิ .

บัวสาย กรุงเทพมหานคร.
Fu, D. and J.H. Wiersema. (2001). Nelumbonaceae. In Flora of China Vol. 6: 114.
Nymphaea pubescens Willd.
วงศ์ Nymphaeaceae บวั หลวง: หลากสายพนั ธ์ุ ท้ังดอกสีชมพู ขาว หรอื ดอกซ้อน (ภาพซ้าย ปทุม: บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์, ภาพขวาบน
สัตตบงกช: cultivated, ภาพขวาล่าง สตั ตบุษย์: cultivated; - MP)
ชอื่ พ้อง Nymphaea lotus L. var. pubescens (Willd.) Hook. f. & Thomson, N. rubra
Roxb. ex Salisb.

ไมน้ ำ�้ ลม้ ลกุ เหงา้ มกี า้ นใบแหง้ หมุ้ หนาแนน่ ใบรปู รกี วา้ งหรอื กลม ยาว 14-28 ซม.
ขอบจกั แหลม แผ่นใบด้านลา่ งมักมสี มี ่วงอมแดง มขี นหนาแน่น ดา้ นบนมีขน
ประปราย กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 1 ม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5-20 ซม. บานตอน
กลางคืน ชพู น้ น�้ำ กลีบเลี้ยงรปู ขอบขนานยาว 3.5-8 ซม. ติดทน เส้นกลีบ 5-7 เสน้
ดอกสขี าว ชมพู แดง หรอื สมี ว่ งมลี ายสแี ดง สว่ นมากมี 12-14 กลบี รปู ขอบขนาน
หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 4-9 ซม. ปลายแกนอบั เรณไู มม่ รี ยางค์ ปลายคารเ์ พลมรี ยางค์
รูปเสน้ ดา้ ย ผลรูปรกี ว้าง ยาว 3.5-5 ซม. (ดูข้อมูลเพมิ่ เติมท่ี บัวเผอ่ื น, สกุล)

พบทปี่ ากีสถาน อนิ เดยี บงั กลาเทศ ศรีลังกา จีนตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจนี
และมาเลเซยี ฟลิ ิปปนิ ส์ นวิ กนิ ี และออสเตรเลยี กา้ นหรอื สายบวั ใช้ปรุงอาหาร

เอกสารอ้างองิ
Fu, D., J.H. Wiersema and D. Padgett. (2001). Nymphaeaceae. In Flora of
China Vol. 6: 117.

225

บานช่นื สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

บานชน่ื บานเช้าสเี หลือง

Zinnia violacea Cav. Turnera ulmifolia L.
วงศ์ Asteraceae ไม้ลม้ ลุก สงู ไดถ้ ึง 1.5 ม. ใบเรยี งหนาแน่นทป่ี ลายกิง่ รปู ไข่ รปู ขอบขนาน

ชอ่ื พอ้ ง Crassina elegans (Jacq.) Kuntze, Zinnia elegans Jacq. หรือรูปใบหอก ยาว 3-12 ซม. ก้านใบมีต่อม 2 ต่อมชดั เจน ก้านดอกติดก้านใบ
บางส่วน ใบประดบั รูปใบหอก ขอบจกั มีต่อม 2 ต่อม กลบี เลยี้ งมขี นหนาแน่น
ไมล้ ม้ ลกุ สูง 0.15-2 ม. ล�ำตน้ มีขนหยาบหรือสาก ใบเรยี งตรงข้าม รูปไข่ หลอดกลบี ยาว 5-8 มม. กลีบรูปใบหอก ยาว 0.8-2 ซม. ดอกสเี หลือง มีกา้ นส้ัน ๆ
หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 6-12 ซม. มขี นสากหรอื เกลย้ี ง ไรก้ า้ นหรอื เกือบไรก้ ้าน กลีบดอกรปู ไขก่ ลับกว้างหรอื กลม ยาว 2-3 ซม. ผลรูปรกี ว้าง ยาว 0.6-1 ซม.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ บานออก กา้ นชอ่ โดดยาวไดถ้ งึ 10 ซม. วงใบประดบั แนบติดก้านใบ เย่ือห้มุ เมล็ดสีขาว
คล้ายรูปครงึ่ วงกลม เรยี ง 3 วง รปู ไขก่ ลบั บาง ปลายมน ขอบจกั กาบสเี ข้ม
ปลายกาบจกั ชายครุย ดอกวงนอก มี 8-20 ดอก หรอื เปน็ จำ� นวนมากในชนดิ ที่ มีถิ่นก�ำเนิดในแถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส ในอเมริกากลาง จนถึงอาร์เจนตินา
ปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ ดอกสว่ นมากมสี แี ดง หรอื สอี น่ื ๆ ตามสายพนั ธ์ุ กลบี รปู ใบพาย ยาว เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ขน้ึ เปน็ วชั พชื ใบมสี รรพคณุ บรรเทาอาการอกั เสบ ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ
1-3.5 ซม. ดอกวงในจ�ำนวนมากสีเหลือง หรอื ไมม่ ีในตน้ ทปี่ รบั ปรงุ พันธุ์ ดอกยาว
7-9 มม. กลบี ยาว 1-2.5 มม. ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ น ยาว 6-10 มม. ผลจากดอกวงนอก เอกสารอา้ งอิง
เปน็ เหลี่ยม ผลจากดอกวงในแบน มีขนครยุ สนั้ ๆ ไม่มีแพปพสั Backer, C.A. (1951). Turneraceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 235-238.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
มถี ิน่ ก�ำเนดิ ในเมก็ ซโิ ก มมี ากกวา่ 100 สายพันธทุ์ ีเ่ ป็นไม้ประดบั Press, Honolulu, Hawai`i.

สกุล Zinnia L. มปี ระมาณ 20 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตร้อน โดยเฉพาะเม็กซโิ ก
ชือ่ สกุลตง้ั ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวเยอรมัน Johann Gottfried Zinn (1727-1759)

เอกสารอา้ งองิ
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

บานเชา้ : ขอบใบจกั ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามซอกใบ ดอกสคี รมี โคนด้านในมีปน้ื สมี ่วงด�ำ (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)

บานช่ืน: ใบเรยี งตรงขา้ ม ก้านใบสน้ั มากหรือไร้ก้าน ดอกวงนอกกลบี ดอกสีแดงอมชมพู ดอกวงในสเี หลือง มีหลากสี บานเช้าสเี หลือง: ยอดเกสรเพศเมียรูปแปรง ใบประดับตดิ ทน ผลแหง้ แตก แนบตดิ กา้ นใบ (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP)
และดอกซอ้ นในชนิดทีป่ รบั ปรงุ พันธ์ุ (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)
บานดึก
บานเชา้ , สกุล
Ipomoea alba L.
Turnera L. วงศ์ Convolvulaceae
วงศ์ Passifloraceae
ไม้เถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ ึง 10 ม. ลำ� ตน้ มกั มหี นาม ใบรปู ไขก่ ว้าง ยาว 10-20 ซม.
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ใบเรยี งเวยี น โคนใบมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม แผน่ ใบดา้ นลา่ งมตี อ่ ม เปน็ เหลี่ยมหรอื จกั 3 พู ตน้ื ๆ โคนรูปหวั ใจ กา้ นใบยาว 5-20 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
หนาแนน่ ขอบใบจกั ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบแนบตดิ กา้ นใบ มใี บประดบั ช่อกระจุก มี 1 หรอื หลายดอก ก้านช่อสนั้ หรอื ยาวไดถ้ งึ 24 ซม. ใบประดับขนาดเลก็
2 ใบ ติดทน กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจ�ำนวนอย่างละ 5 กลบี กลีบดอกบดิ เวียน รว่ งเรว็ กา้ นดอกยาว 7-15 ซม. ดอกบานเตม็ ทตี่ อนกลางคนื มกี ลน่ิ หอม กลบี เลยี้ ง
เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ บนหลอดกลบี เล้ียง รังไขเ่ หนอื วงกลีบ พลาเซนตาตามแนว ขนาดไม่เท่ากัน ติดทน รูปรหี รือรปู ไข่ กลีบนอก 3 กลบี ยาว 0.5-1.2 ซม. ปลายมี
ตะเขบ็ กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อัน ยอดเกสรคลา้ ยแปรง ผลแห้งแตกเป็น 3 ส่วน รยางคแ์ ขง็ กลบี ค่ใู น ยาว 0.7-1.5 ซม. ดอกรูปล�ำโพง สขี าว มแี ถบสเี ขียวออ่ น
เกอื บจรดโคน เมลด็ จ�ำนวนมาก ผิวเปน็ รา่ งแห มีเย่อื หุ้มดา้ นเดียว หลอดกลีบดอกเรียว ยาว 7-12 ซม. เส้นผ่านศูนยก์ ลางหลอดประมาณ 5 มม.
ปลายบานออกจักตน้ื ๆ เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางเทา่ ๆ ความยาวหลอดกลบี ดอก เกสรเพศผู้
สกลุ Turnera เดิมอยูภ่ ายใตว้ งศ์ Turneraceae ปจั จุบนั อยู่วงศ์ยอ่ ย Turneroideae ตดิ ดา้ นบนหลอดกลบี ยนื่ พน้ ปากหลอดกลบี รงั ไขเ่ กลยี้ ง ผลรปู ไข่ ยาว 2.5-3 ซม.
มี 143 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตรอ้ นและแอฟริกา ในไทยพบเปน็ ไม้ประดบั 2 ชนิด ปลายมีตงิ่ แหลม เมล็ดรปู รี ยาวประมาณ 1 ซม. (ดูขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ที่ ผกั บงุ้ , สกลุ )
ช่ือสกลุ ตัง้ ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวองั กฤษ William Turner (1508-1568) บดิ า
ดา้ นพฤกษศาสตรข์ องสหราชอาณาจกั ร มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเหนอื และอเมรกิ าใต้ ขนึ้ เปน็ วชั พชื ในเอเชยี เขตรอ้ น และ
หมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคใต้
บานเช้า ข้นึ ตามชายปา่ ความสงู ถึงประมาณ 800 เมตร ดอกออ่ นใชป้ รงุ อาหาร

Turnera subulata Sm. เอกสารอา้ งอิง
ไมล้ ม้ ลุก สูง 30-80 ซม. ใบรูปรี รปู ไข่ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาวได้ถึง 9 ซม. Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 406-407.

โคนรูปล่ิม กา้ นใบ 0.5-1 ซม. ใบประดับรปู เสน้ ดา้ ย ขอบเรยี บ กลีบเล้ียงมขี น บานดึก: ดอกรูปลำ� โพง หลอดกลบี เรยี วยาว ดอกบานเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางเท่า ๆ ความยาวหลอดกลีบดอก เกสรเพศผู้
และตอ่ มหนาแนน่ หลอดกลบี เล้ยี งยาว 5-8 มม. กลีบเรยี วแหลม ยาว 1-1.5 ซม. ยื่นพน้ ปากหลอดกลีบดอก (ภาพ: cultivated - TJ)
ดอกสคี รมี โคนดา้ นในมปี น้ื สมี ว่ งดำ� กลบี ดอกรปู ไขก่ ลบั หรอื กลม ยาว 2-3.5 ซม.
ก้านกลีบยาว 3-4 ซม. ผลรูปรี ผวิ เป็นตมุ่ ละเอียด

มถี ิน่ ก�ำเนิดในอเมรกิ าเขตร้อน เปน็ ไม้ประดบั บางครง้ั ขึน้ เปน็ วชั พชื

226

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย บานบรุ ีหอม

บานบ่าย, สกุล สกลุ Allamanda มปี ระมาณ 14 ชนดิ พบเฉพาะในอเมรกิ าเขตรอ้ น ในไทย
พบเปน็ ไม้ประดับ 3 ชนิด ช่อื สกุลต้งั ตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวสิ Frederich
Operculina Silva Manso Allamand (1736-1803)
วงศ์ Convolvulaceae
บานบุรมี ่วง
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ใบเรยี งเวยี น เรยี บหรอื รปู ฝา่ มอื ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตาม
ซอกใบ ใบประดับคลา้ ยใบ ร่วงเรว็ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขยายในผล ดอกรูปแตร Allamanda blanchetii A. DC.
สขี าวหรอื เหลอื ง ปลายแยกเปน็ แฉกตน้ื ๆ 5 แฉก ปลายแฉกจกั ดคู ลา้ ยมี 10 กลบี ไมพ้ มุ่ หรอื รอเลอ้ื ย สงู ไดถ้ งึ 1.5 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามกง่ิ ออ่ น แผน่ ใบทง้ั สองดา้ น
กลางกลบี เปน็ แถบ เกลี้ยงหรอื มขี น เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดท่โี คนหลอดกลบี กา้ นชูอบั เรณู
บดิ เวยี น เรณไู มม่ ีเปน็ หนาม จานฐานดอกเป็นวง รงั ไข่ 2 ชอ่ ง มีออวลุ 4 เมด็ ก้านใบ ช่อดอก ก้านดอก และกลบี เลี้ยง ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 4-12 ซม.
กา้ นเกสรเพศเมียรปู เสน้ ดา้ ย ยอดเกสรมี 2 พู กลม ผลแหง้ แตกตามขวาง ฝาผนงั มขี นยาวตามเสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบสน้ั มากหรอื ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกสว่ นมากออกตาม
เช่อื มตดิ กนั ครงึ่ บนบางใสคล้ายฝา สว่ นมากมี 4 เมล็ด ปลายก่ิง ก้านดอกหนา ยาว 0.7-1 ซม. กลบี เลี้ยงรปู รี ยาว 1.5-2 ซม. ดอกสีม่วง
ยาว 6-9 ซม. หลอดกลีบชว่ งล่างยาวประมาณ 1.5 ซม. ชว่ งปลายท่บี านออกยาว
สกลุ Operculina มปี ระมาณ 15 ชนดิ พบทว่ั ไปในเขตรอ้ น ในไทยมี 3 ชนิด อกี 5-6.5 ซม.
2 ชนดิ คอื จงิ จอ้ เหลย่ี ม O. turpethum (L.) Silva Manso ดอกสขี าว แถบกลางกลบี เกลยี้ ง
และจิงจ้อตลับ O. riedeliana (Oliv.) Ooststr. กลบี เล้ยี งกลม ส่วนมากพบทางภาคใต้ มีถิน่ กำ� เนิดท่บี ราซิล เป็นไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น บางครง้ั ดอกมสี ขี าว
ชอ่ื สกุลมาจากภาษาละติน “operculum” ฝา ตามลกั ษณะของผล
เอกสารอ้างองิ
บานบา่ ย Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 70-72.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Operculina petaloidea (Choisy) Ooststr. Press, Honolulu, Hawai`i.

ช่อื พ้อง Ipomoea petaloidea Choisy บานบรุ ีมว่ ง: กา้ นใบส้ันมากหรอื ไรก้ า้ น มขี นสนั้ นุ่มทวั่ ไป ใบเรยี งรอบข้อ 3-5 ใบ ดอกสีม่วง (ภาพ: cultivated - RP)

ไม้เถาล้มลุก ลำ� ตน้ เปน็ ร้วิ มีขนละเอียดใกลข้ อ้ ใบทโี่ คนรปู ไข่ ใบบนก่งิ รูป บานบุรีหอม
ขอบขนานถงึ รูปแถบ ยาว 5-18 ซม. โคนใบกลมหรอื เวา้ ต้นื กา้ นใบมสี นั หรอื ปีก
แคบ ๆ ยาว 1.5-2.5 ซม. ก้านชอ่ ดอกยาว 1-2 ซม. มี 1-9 ดอก ใบประดับรปู ใบหอก Odontadenia macrantha (Roem. & Schult.) Markgr.
ยาว 0.7-2 ซม. รว่ งเรว็ ก้านดอกหนา ยาว 1-1.8 ซม. กลีบเลยี้ งรูปรี คนู่ อกยาว วงศ์ Apocynaceae
1.3-1.5 ซม. ปลายเป็นต่ิงแหลม 3 กลีบในกว้างกว่าเล็กน้อย ดอกสีครีมหรือ
เหลืองอ่อน ยาว 3.5-4 ซม. มีแถบขนกลางกลีบด้านนอก ก้านเกสรเพศผู้ยาว ชือ่ พอ้ ง Odontadenia speciosa Benth., Echites macranthus Roem. & Schult.
1.4-1.8 ซม. มตี ่อมทโ่ี คน ก้านเกสรเพศเมยี ยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ผลแหง้ แตก
เปน็ กระเปาะไมช่ ดั เจน เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. รูปไข่ สีดำ� ยาว 5-6 มม. ไมเ้ ถา ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รือรูปขอบขนาน ยาว 7-35 ซม. ก้านใบยาว 1-3 ซม.
ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ซ้อน กา้ นชอ่ ยาว 1.8-11 ซม. ใบประดบั รูปสามเหลย่ี ม
พบทอี่ นิ เดยี พมา่ กมั พชู า และเวยี ดนาม ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ขนาดเลก็ ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นดอกยาว 0.8-2.7 ซม. กลีบเลย้ี งรูปไข่ ยาว 3-7 มม.
และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามชายปา่ หรอื รมิ ลำ� ธาร ความสงู 200-1200 เมตร มเี กล็ดตอ่ มดา้ นใน ดอกรปู แตร สีครมี อมเหลอื ง มปี ืน้ สีส้มออ่ นแซม กล่นิ หอมแรง
ยาว 3-6 ซม. หลอดกลีบดอกช่วงโคนยาว 0.4-1 ซม. ช่วงบนยาว 0.8-1.6 ซม. มี
เอกสารอ้างอิง 5 กลีบ รูปไขก่ ลบั เบี้ยว ยาว 2-4.5 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดใกลโ้ คนหลอดกลบี ดอก
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 451-453. ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี รงั ไขเ่ กลยี้ ง ผลเปน็ ฝกั คู่ รปู ทรงกระบอก กวา้ งไดถ้ งึ 6 ซม.
ยาว 20-26 ซม. เมลด็ จำ� นวนมาก รปู กระสวย ยาว 3-4 ซม. ขนกระจกุ จ�ำนวนมาก
บานบา่ ย: ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ กลบี เลี้ยงขนาดไม่เทา่ กัน ดอกรปู แตร ปลายแยกเปน็ แฉกตื้น ๆ ปลายแฉกจักดคู ลา้ ย ยาว 5.5-7 ซม.
มี 10 กลีบ แถบดา้ นนอกมีขนยาว ผลมีกระเปาะไมช่ ัดเจน (ภาพดอก: กาญจนบุรี - TP; ภาพดอกตมู และผล: ตาก - RP)
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลางและอเมรกิ าใตแ้ ถบประเทศบราซลิ ยางขาวมพี ษิ
บานบุรี, สกุล ทำ� ใหผ้ ิวหนงั ปวดแสบปวดรอ้ นได้

Allamanda L. สกุล Odontadenia Benth. มปี ระมาณ 20 ชนดิ พบเฉพาะในอเมรกิ ากลางและ
วงศ์ Apocynaceae บราซิล ในไทยพบเป็นไมป้ ระดบั ชนดิ เดียว คลา้ ยกับสกุล Mandevilla ซึง่ ใน
ไทยพบเปน็ ไม้ประดับ 2-3 ชนิด เช่น อมรเบกิ ฟ้า Mandevilla × amabilis (hort.
ไม้พุม่ หรือไมเ้ ถา ใบเรียงเวียนรอบขอ้ 3-5 ใบ มีต่อมตามซอกใบ เสน้ แขนงใบ Backhouse) Dress ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี “odontos” แหลม และ “aden”
เรยี งจรดกนั เปน็ เสน้ ขอบใน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบหรอื ปลายกงิ่ ต่อม หมายถงึ ลกั ษณะยอดเกสรเพศเมยี
ใบประดบั รปู สามเหลย่ี มขนาดเลก็ กลีบเลี้ยง 5 กลบี โคนดา้ นในมเี กล็ดหรอื ไม่มี เอกสารอา้ งอิง
กลบี ดอก 5 กลีบ เรยี งซอ้ นทับด้านซา้ ยในตาดอก ดอกบานรูปแตร โคนเรยี วแคบ Morales, J.F. (1999). A synopsis of the genus Odontadenia (Apocynaceae). Bulletin
รูปทรงกระบอก เกสรเพศผูต้ ิดภายในหลอดกลบี ช่วงบานออก กา้ นชูอบั เรณูสนั้
อบั เรณูแนบติดยอดเกสรเพศเมยี โคนเว้ารูปเงี่ยงลูกศร จานฐานดอกเป็นวงหรอื du Jardin Botanique National de Belgique 67: 392-395.
จกั มน รงั ไขเ่ ชื่อมตดิ กันเปน็ ช่องเดยี ว กา้ นเกสรเพศเมียรูปเส้นดา้ ย ยอดเกสรมี
รอยตอ่ ผลแหง้ แตกมหี นาม มหี ลายเมลด็ รูปไข่ มีปีกบาง ๆ บานบุรีหอม: ดอกสคี รีมอมเหลอื ง (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); อมรเบกิ ฟา้ : ดอกสชี มพู (ภาพขวา: cultivated - RP)

227

บานบรุ เี หลอื ง สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

บานบุรเี หลอื ง 3 มม. ใบประดับยอ่ ยยาวเท่า ๆ กลบี รวม ด้านบนเป็นสนั แคบ ๆ ช่วงโคน ดอกสขี าว
กลบี รูปใบหอก 3 กลีบนอกมขี นทีโ่ คน กลีบคูใ่ นมขี นด้านบน เกสรเพศผู้เชอื่ มติดกนั
Allamanda schottii Pohl สน้ั กวา่ หรอื เทา่ ๆ กลบี รวม อบั เรณเู กอื บไรก้ า้ น กา้ นเกสรเพศเมยี สนั้ ผลรปู กลม
วงศ์ Apocynaceae เมลด็ กลม เว้า แบน ๆ

ไมพ้ มุ่ หรือรอเลอ้ื ย ก่งิ อ่อนมีขนส้ันนุม่ ใบรปู รี รูปไขก่ ลบั หรือแกมรปู ขอบ มีถ่ินก�ำเนิดในอเมริกาเขตร้อน ขึ้นเป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อน ท้ังต้นมี
ขนาน ยาว 3.7-8 ซม. ปลายแหลม แผน่ ใบด้านลา่ งมขี นยาวตามเสน้ แขนงใบ สรรพคุณควบคุมภาวะเจรญิ พันธ์ุ
ก้านใบยาว 2-3 มม. ชอ่ ดอกยาว 5-11 ซม. มขี นสั้นนุ่ม ก้านดอกยาว 3-6 มม.
กลบี เลย้ี งรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 6-7 มม. มเี กลด็ ทโ่ี คนดา้ นใน ดอกสเี หลอื ง เอกสารอ้างองิ
หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 4 ซม. ชว่ งโคนสนั้ กว่าช่วงกวา้ ง กลบี รูปรีกวา้ ง Larsen, K. (1992). Amaranthaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(4): 408-409.
ยาว 1-1.6 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ รอบ ๆ เกสรเพศผู้ ผลมหี นามยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู อ้ มลู
เพิม่ เตมิ ที่ บานบรุ ี, สกุล) บานไมร่ ู้โรย: ใบเรยี งตรงขา้ ม ลำ� ต้นเป็นเหลีย่ ม ช่อดอกแบบช่อกระจุกแนน่ กลม ๆ (ภาพ: cultivated - RP)

มถี นิ่ กำ� เนดิ ในบราซลิ เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น คลา้ ยกบั บานบรุ เี หลอื ง ชนดิ
A. cathartica L. ท่ีเป็นไมพ้ ุ่มเตย้ี ดอกใหญก่ วา่ หลอดกลีบดอกชว่ งโคนยาวเทา่ ๆ
ชว่ งกวา้ ง โคนกลบี เลยี้ งดา้ นในไมม่ เี กลด็ มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใตแ้ ละทะเลแครบิ เบยี น

เอกสารอ้างอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 70-72.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

บานบรุ ีเหลือง: A. schottii หลอดกลบี ดอกชว่ งโคนส้นั กว่าชว่ งกวา้ ง (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); บานบุรเี หลอื ง: บานไม่รู้โรยปา่ : ตน้ ทอดนอน มีขนยาวตามกิ่งและใบ ช่อดอกแบบช่อเชิงลดรูปขอบขนาน (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP)
A. cathartica หลอดกลบี ดอกช่วงโคนยาวเท่า ๆ ชว่ งกวา้ ง (ภาพขวา: cultivated - RP)
บานเย็น
บานไมร่ ู้โรย, สกลุ
Mirabilis jalapa L.
Gomphrena L. วงศ์ Nyctaginaceae
วงศ์ Amaranthaceae
ไม้ลม้ ลกุ สงู 1-1.5 ม. มีเหง้า ลำ� ตน้ โป่งพองตามข้อ ใบเรยี งเวียน รปู ไข่หรอื
ไมล้ ม้ ลุก ใบเรยี งตรงขา้ ม ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แน่นหรอื ช่อเชิงลดส้นั ๆ รูปสามเหลี่ยม ยาว 5-15 ซม. โคนตดั หรือรูปหัวใจ ก้านใบยาว 1-4 ซม. ช่อดอกแบบ
ใบประดับติดทน ใบประดับย่อย 2 ใบ กลบี รวม 5 กลบี แยกหรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน ชอ่ กระจกุ ออกทป่ี ลายกงิ่ มี 4-5 ดอก กลบี ประดบั รปู ระฆงั คลา้ ยกลบี เลย้ี ง ไมข่ ยาย
ด้านบนเป็นสัน เกสรเพศผู้ 5 อัน ก้านชูอับเรณูเช่ือมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง ในผล ยาว 1-1.5 ซม. มี 5 แฉก ก้านดอกยาว 1-2 มม. ดอกรปู ดอกเขม็ สีชมพู ม่วง
ปลายก้านจกั ลึกเป็นพู อบั เรณูติดระหวา่ งจัก มี 2-3 คารเ์ พล รังไข่มีช่องเดียว ขาว เหลือง หรือด่าง บานช่วงบา่ ยถงึ เชา้ หลอดกลบี ดอกยาว 3-6 ซม. กลีบรูปรี
ออวุลมเี ม็ดเดยี ว ยอดเกสรเพศเมยี แยกเป็น 2 แฉก ผลเปน็ กระเปาะ แห้งไม่แตก ยาว 2.5-3 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดที่โคนหลอดกลีบดอก ย่ืนพ้นปากหลอดกลีบดอก
ประมาณ 1 ซม. ก้านชูอับเรณูสีเดียวกับกลบี รวม ก้านเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ
สกลุ Gomphrena มีประมาณ 100 ชนดิ สว่ นใหญ่พบในอเมรกิ า ในไทยพบเป็น เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเปน็ ต่มุ ผลคล้ายผลแหง้ เมล็ดลอ่ น กลม ๆ ขนาด 5-9 มม.
ไม้ประดบั ชนิดเดียว อีกชนดิ เปน็ วัชพชื ชอ่ื สกลุ เป็นภาษาละติน “gomphus” หรือ เป็นสัน มีเมล็ดเดียว กลม ขนาดประมาณ 7 มม.
ภาษากรกี “gomphos” ตะปหู รือเขม็ หมายถงึ ลกั ษณะของใบประดบั แหลมคม
มถี ิ่นก�ำเนิดในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ ไม้ประดับท่ัวไปหรอื ขน้ึ เปน็ วชั พืช ทั้งต้น
บานไม่รู้โรย มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง รากและเมลด็ มพี ิษ

Gomphrena globosa L. สกลุ Mirabilis L. มี 50-60 ชนิด ส่วนใหญพ่ บในอเมรกิ า ในไทยพบเปน็ ไมป้ ระดับ
ไม้ลม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 50 ซม. ล�ำต้นเป็นเหลยี่ ม กง่ิ อ่อนมขี นยาว ใบรปู รีหรอื ชนิดเดยี ว ชือ่ สกลุ เปน็ ภาษาละตนิ หมายถึง นา่ อัศจรรย์
เอกสารอา้ งอิง
รปู ขอบขนาน ยาว 3-7 ซม. โคนเรยี วสอบ แผ่นใบมีขนทง้ั สองดา้ น ก้านใบยาว Larsen, K. (1991). Nyctaginaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 370-371.
0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-2.5 ซม. สขี าว ชมพู Lu, D. and M. Gilbert. (2003). Nyctaginaceae. In Flora of China Vol. 5: 432.
หรอื มว่ ง สว่ นมากออกทย่ี อด 1-3 ชอ่ วงใบประดบั ยาว 0.5-2 ซม. ใบประดบั ยาว
ประมาณ 3 มม. ใบประดบั ย่อยยาว 0.7-1.2 ซม. ดา้ นบนจกั ฟนั เลอ่ื ยเป็นสัน บานเยน็ : ดอกมีหลายสี ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ ออกท่ีปลายก่งิ กลีบประดับคลา้ ยกลบี เลย้ี ง (ภาพ: cultivated - RP)
จากโคนจรดปลาย ดอกสเี ขยี วอมเหลือง กลีบเรยี วแคบ ยาว 5-8 มม. ตดิ ทน
เกสรเพศผู้เชื่อมติดกัน 4-8 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ส้ันกว่าหลอดเกสรเพศผู้ ผลรูปไข่
ยาวประมาณ 2 มม. มใี บประดบั และกลบี รวมหุม้ เมล็ดกลมรปู ก้นหอย

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ขน้ึ เปน็ วชั พชื ใบมสี รรพคณุ
ขับปสั สาวะ แก้ความดนั โลหติ สงู

บานไมร่ ูโ้ รยปา่

Gomphrena celosioides Mart.
ไมล้ ม้ ลกุ ทอดนอน มขี นยาวตามกง่ิ และแผน่ ใบทง้ั สองดา้ น ใบรปู ใบหอกกลบั

ยาว 2-3 ซม. กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดสน้ั ๆ รปู ขอบขนาน
ยาว 2-3 ซม. สีขาว วงใบประดบั คลา้ ยใบ ใบประดับเรยี งตรงข้าม ยาวประมาณ

228

สารานุกรมพืชในประเทศไทย บุกคางคก

บ้าบน บุก

Entada reticulata Gagnep. Amorphophallus albispathus Hett.
วงศ์ Fabaceae ไมล้ ม้ ลกุ หวั ใตด้ นิ รปู กรวยแคบ มกั แยกแขนง มี 1-2 ใบ ใบประกอบแยกแขนง

ไมเ้ ถา ใบประกอบ 2 ชน้ั เรยี งเวยี น กา้ นใบประกอบยาว 1-1.5 ซม. แกนกลาง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาวไดถ้ งึ 90 ซม. ใบยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 20-35 ซม.
ใบประกอบยาว 1.5-3 ซม. มขี นละเอยี ด ใบประกอบย่อยมี 2 คู่ ปลายมีมอื เกาะ ปลายแหลมยาว โคนเปน็ ครบี เรยี วจรดแกนกลางใบ กา้ นใบยาว 10-55 ซม. กา้ นชอ่ ดอก
ใบยอ่ ยเรยี งตรงขา้ ม 8-19 คู่ รปู ขอบขนาน ยาว 0.5-1.5 ซม. ปลายเวา้ ตน้ื มตี งิ่ หนาม ยาวได้ถึง 40 ซม. กาบรปู ไขแ่ กมสามเหลี่ยม รูปคล้ายเรือ ตง้ั ขึน้ สคี รมี มีจดุ สเี ขียวเทา
แผน่ ใบมขี นกำ� มะหยที่ งั้ สองดา้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ยาว 5-12 ซม. มขี นละเอยี ด และริ้วสีม่วงอ่อน ๆ โคนด้านในมีปุ่มคล้ายขนกระจาย กาบยาว 6-14 ซม.
กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม. กลบี เลยี้ งรปู ถว้ ย สเี ขยี วหรอื สนี ำ้� ตาลแดง ยาวประมาณ ปลายแหลมยาว โคนมว้ นเขา้ ชอ่ ดอกสน้ั กวา่ กาบเลก็ นอ้ ย ยาว 5-13 ซม. ไรก้ า้ น
1 มม. ปลายแยกเปน็ 5 กลีบรูปสามเหลยี่ มตนื้ ๆ กลบี ดอก 5 กลีบ รปู ใบหอกกลับ ชว่ งดอกเพศผยู้ าว 1.5-6.5 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 2-4 อนั กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั หนา
ยาว 3-4 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน ก้านชอู ับเรณูยาวประมาณ 5 มม. ยาว 2-3 มม. ในดอกช่วงล่าง อับเรณรู ูปครงึ่ วงกลม ขนาดประมาณ 1 มม. ปลายชอ่
รงั ไขเ่ กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 มม. ฝักแบน คอดตามเมล็ด ยาว เปน็ รยางคเ์ รยี วแคบ ยาว 2-8 ซม. ชว่ งดอกเพศเมยี ยาว 1-2.3 ซม. รงั ไขเ่ ปน็ เหลยี่ ม
4.5-13 ซม. เปลือกหนา มี 4-9 เมลด็ แบน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 8 มม. กวา้ ง 3-4 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ยอดเกสรจกั 3-4 พู แบน
ช่อผลยาวประมาณ 6 ซม. ผลย่อยรูปไข่ ยาว 1.5-2 ซม. สุกสแี ดง
พบในภูมิภาคอนิ โดจีน และภาคตะวนั ออกของไทยทอ่ี บุ ลราชธานี ขึ้นตามที่
โลง่ บนหนิ ทรายในปา่ เตง็ รงั และปา่ ดบิ แลง้ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคกลางที่สระบุรี ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และ
500 เมตร ภาคใต้ท่นี ครศรีธรรมราช พังงา ขึ้นตามเขาหินปูน ความสงู ระดับต�่ำ ๆ

สกลุ Entada Adans.อย่ภู ายใต้วงศ์ย่อย Mimosoideae เผ่า Mimoseae มีประมาณ บุกคนโท
30 ชนิด พบในแอฟรกิ า มาดากสั การ์ และเอเชยี เขตรอ้ น ในไทยมี 4 ชนิด ชื่อ
สกลุ อาจมาจากภาษา Malabar ทางตอนใต้ของอนิ เดีย หรอื อาจมาจากภาษา Amorphophallus muelleri Blume
โปรตเุ กส “dentado” จกั ซีฟ่ นั ตามลกั ษณะหนามตามล�ำ ตน้ ในบางชนดิ ไมล้ ม้ ลกุ หวั ใตด้ นิ กลม แบน ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางโตไดถ้ งึ 28 ซม. ใบประกอบ
เอกสารอ้างอิง
Chuakul, W. and I. Nielsen. (1998). Entada reticulata Gagnep. (Leguminosae- แยกแขนง เส้นผา่ นศูนย์กลาง 0.75-2 ม. ระหว่างกา้ นใบที่แยกแขนงมหี วั ยอ่ ย
แกนใบประกอบมีปกี ใบย่อยรูปรถี งึ รปู ใบหอก ยาว 10-40 ซม. ปลายแหลมยาว
Mimosoideae), newly recorded for Thailand. Thai Forest Bullettin (Botany) โคนเปน็ ครบี กา้ นใบยาว 0.4-1.8 ม. กา้ นชอ่ ยาว 30-60 ซม. กาบหนา รปู สามเหลย่ี ม
26: 18-24. กวา้ ง สีเขียวอมชมพู อมเหลือง หรือสีมว่ งอมน้�ำตาล มีจดุ สีขาวกระจาย โคนดา้ นใน
Nielsen, I.C. (1985). Leguminosae-Mimosoideae. In Flora of Thailand Vol. 4(2): เกลีย้ งหรือมปี ุ่มเลก็ ๆ กระจาย กาบยาว 7.5-32 ซม. ปลายแหลมยาว โคนม้วนเข้า
141-145. ขอบพบั งอ ช่อดอกยาวกวา่ กาบ ยาว 8-40 ซม. ไร้ก้านหรือมีกา้ นสนั้ ๆ ช่วงดอกเพศผู้
ยาว 2-9 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 3-5 อนั กา้ นชอู บั เรณขู นาดเทา่ ๆ กนั ปลายชอ่ เปน็ รยางค์
บา้ บน: ใบประกอบ 2 ช้นั ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลด กลบี เล้ยี งรปู ถว้ ย สเี ขียวหรอื สนี ำ�้ ตาลแดง เกสรเพศผู้ 10 อนั แยกกนั รปู กระสวย ยาว 3-22 ซม. ชว่ งดอกเพศเมยี ยาว 1.5-10 ซม. รงั ไขแ่ บน กว้าง
ฝกั แบน คอดตามเมลด็ เปลือกหนา (ภาพ: ผาแต้ม อุบลราชธาน;ี ภาพซา้ ยบน - NP; ภาพซา้ ยล่าง - PK; ภาพขวา - RP) 3-3.5 มม. มกี า้ นสนั้ ๆ กา้ นเกสรเพศเมยี ส้นั ยอดเกสรกลมหรือเป็นเหล่ียม แบน
มีร่องตื้น ๆ ช่อผลรปู ทรงกระบอก ผลย่อยรูปไข่ ยาว 1.2-1.8 ซม. สุกสแี ดง
บุก, สกุล
พบท่ีหมู่เกาะอนั ดามนั ของอินเดยี พมา่ ชวา และตมิ อร์ ในไทยพบทางภาค
Amorphophallus Blume เหนอื ทเ่ี ชยี งใหม่ ตาก และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ
วงศ์ Araceae ความสงู ระดับต�ำ่ ๆ

ไมล้ ม้ ลกุ มีระยะพกั ตวั หรอื ไม่ทง้ิ ใบ ล�ำต้นใตด้ ินเปน็ หวั ขนาดใหญ่ รปู ทรง บุกคางคก
กระบอกหรอื รปู กรวย ใบสว่ นมากมใี บเดยี ว สว่ นมากจกั ลกึ ชนั้ เดยี วหรอื สองชน้ั
หรือแตกสองแขนง กา้ นใบยาว ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลดมีกาบ ส่วนมากออกเดยี่ ว ๆ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson
โคนมเี กลด็ ประดบั (cataphylls) ชว่ งออกดอกมักทง้ิ ใบ ก้านช่อดอกคลา้ ยกา้ นใบ
ชอ่ ดอกสน้ั หรอื ยาวกวา่ กาบ ชว่ งดอกเพศผรู้ ปู ทรงกระบอกหรอื รปู กรวย อยตู่ ดิ ชว่ ง ชือ่ พอ้ ง Dracontium paeoniifolium Dennst.
ดอกเพศเมยี หรอื มดี อกทเ่ี ปน็ หมนั คน่ั เกสรเพศผู้ 1-6 อนั แกนอบั เรณหู นา อบั เรณู
มรี เู ปดิ ทปี่ ลายหรอื ดา้ นขา้ ง รงั ไขเ่ รยี งหนาแนน่ มี 1-4 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว ไมล้ ม้ ลกุ หวั ใตด้ นิ กลม แบน ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางโตไดถ้ งึ 50 ซม. ใบประกอบ
ปลายช่อเปน็ รยางค์ สว่ นมากเรยี วยาว ท่โี คนหรอื ท้ังชอ่ มเี กสรเพศผ้ทู ีเ่ ปน็ หมัน แยกแขนง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.3-3 ม. แกนใบประกอบมปี กี ใบยอ่ ยรปู รี ถงึ รปู ใบหอก
หนาแนน่ ผลสด รูปรีหรอื กลม เมล็ดรูปรี เปลอื กบาง หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 3-35 ซม. ปลายแหลมยาว กา้ นใบยาว 0.3-2 ม. มตี มุ่ กระจาย
กา้ นชอ่ ยาว 3-20 ซม. กาบรปู ระฆงั กวา้ ง สเี ขยี วอมแดงถงึ นำ้� ตาลเขม้ มจี ดุ สอี อ่ น
สกลุ Amorphophallus อยู่ภายใตว้ งศ์ยอ่ ย Aroideae เผ่า Thomsonieae มี กระจาย โคนดา้ นในมตี ุม่ หนาแนน่ กาบยาว 10-45 ซม. กวา้ ง 15-60 ซม. ขอบย่น
ประมาณ 200 ชนิด พบในแอฟรกิ า เอเชียเขตร้อน กึ่งเขตร้อน ออสเตรเลยี โคนมว้ นเขา้ ชอ่ ดอกส้ันหรอื ยาวกวา่ กาบ ยาว 7-70 ซม. ไรก้ ้าน ชว่ งดอกเพศผู้
และหมู่เกาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 58 ชนิด รวมถึงชนดิ ทอ่ี าจแยกเปน็ สกลุ ชว่ งโคนยาว 2.5-15 ซม. ช่วงปลายยาว 1-20 ซม. เกสรเพศผมู้ ี 4-6 อัน ยาว 4-6 มม
Pseudodracontium ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี “amorphos” รูปรา่ งผิดปกติ และ ปลายชอ่ เป็นรยางคร์ ปู ไข่ กลม หรอื รูปพรี ะมดิ ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. ช่วงดอกเพศเมีย
“phallos” อวัยวะเพศชาย ตามลกั ษณะรปู ร่างช่อดอก ยาว 3-25 ซม. รงั ไขก่ ลม แบน กว้าง 3-5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.3-1.5 ซม.
ยอดเกสรรปู ไขแ่ กมสามเหลย่ี ม แบน ยาว 4-7 มม. จกั 2-3 พู ชอ่ ผลรปู ทรงกระบอก
ยาว 10-50 ซม. ก้านช่อขยายยาว 0.2-1 ม. ผลย่อยรูปรี ยาว 1.5-2 ซม. สุกสีแดง

พบทม่ี าดากสั การ์ อนิ เดยี จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ออสเตรเลยี
และหมูเ่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามปา่ เบญจพรรณ ป่าดบิ แลง้ และ
ชายป่าดิบชื้น ความสูงถึงประมาณ 700 เมตร ท้ังต้นมีสรรพคุณด้านสมุนไพร
หลายอย่าง ใช้เลี้ยงสัตว์ หัวใต้ดินมีแป้งใช้ปรุงอาหาร หัวและใบอาจท�ำให้เกิด
อาการคนั เป็นผน่ื แดง

เอกสารอ้างอิง
Hetterscheid, W.L.A. (2012). Araceae (Amorphophallus). In Flora of Thailand
Vol. 11(2): 130-186.
Li, H. and W.L.A. Hetterscheid. (2010). Araceae (Amorphophallus). In Flora of
China Vol. 23: 23, 30.

229

บุกฤๅษี สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

บกุ : ใบประกอบแยกแขนง โคนเป็นครีบเรยี วจรดแกนกลางใบ กาบรูปไขแ่ กมสามเหลี่ยม รูปคลา้ ยเรือ ปลายแหลมยาว บุกฤๅษ:ี ใบรูปฝ่ามอื 5-7 แฉก ใบประดับคลา้ ยใบ 2 คู่ เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ดอกสเี ขยี วอมมว่ ง ไมม่ ีกลบี ประดับ
โคนม้วนเขา้ ปลายช่อเปน็ รยางคเ์ รยี วแคบ (ภาพ: สระบรุ ี - RP) รูปเสน้ ดา้ ย ผลสุกสีแดง (ภาพตน้ และดอก: ท่งุ คา่ ย ตรัง - AM; ภาพผลออ่ น: กระบ่ี - RP; ภาพผลสกุ : นครศรธี รรมราช - RP)

บกุ คนโท: ก้านชอ่ สน้ั กาบหนารปู สามเหล่ียมกว้าง มีจุดสขี าวกระจาย ปลายช่อเปน็ รยางค์รปู กระสวย (ภาพ: บุนนาค
ท่าสองยาง ตาก - RP)
Mesua ferrea L.
บกุ คางคก: หวั ใตด้ ินกลม แบน ๆ กาบรูประฆงั กว้าง ขอบย่น ปลายชอ่ เปน็ รยางค์รปู ไข่ หรือรปู พีระมดิ ช่อผลรปู วงศ์ Calophyllaceae
ทรงกระบอก ก้านชอ่ ขยายยาว (ภาพช่อดอก: กาญจนบุร,ี ภาพช่อผล: ทุ่งตะโก ชมุ พร; - RP)
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. เรอื นยอดเปน็ พมุ่ รปู เจดยี ์ เปลอื กบาง นำ�้ ยางมกี ลน่ิ หอม
บุกฤาษี ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 4-12 ซม. ปลายใบแหลมยาวหรือยาว
คลา้ ยหาง แผน่ ใบดา้ นลา่ งมนี วล กา้ นใบยาว 5-8 มม. เสน้ แขนงใบยอ่ ยจำ� นวนมาก
Tacca palmata Blume เรียงขนานเบ้ยี ว ๆ ใบอ่อนสนี ำ้� ตาลแดง มักห้อยลง ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ
วงศ์ Dioscoreaceae กา้ นดอกยาว 3-5 มม. กลบี เล้ียง 4 กลบี เรยี งซอ้ นเหลือ่ ม กลม ๆ คนู่ อกขนาด
ใหญก่ วา่ ค่ใู นเลก็ น้อย ขอบบาง ขยายในผล ดอกสขี าว มี 4 กลบี รปู ไข่กลับ
ไม้ล้มลุก มีเหง้า ใบรูปฝ่ามือ มี 5-7 แฉก แฉกรูปไข่กลับหรือรูปใบหอก ยาว 3-3.5 ซม. เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก กา้ นชอู บั เรณยู าว 1.5-2 ซม. รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง
ปลายแหลม ยาว 10-20 ซม. โคนเรียวสอบจรดกา้ นใบ ก้านใบยาว 50-60 ซม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1-1.5 ซม. ยอดเกสรเบย้ี ว ติดทน ผลรปู ไข่ ยาวประมาณ
ชอ่ ดอกมี 1-2 ช่อ ยาว 50-60 ซม. แต่ละชอ่ มไี ดถ้ ึง 30 ดอก ใบประดับมี 2 คู่ 3 ซม. มรี อยยน่ ตามยาว แตกเป็น 2 ซีก ก้านยาว 0.8-1.2 ซม. มี 1-4 เมลด็ เบยี้ ว
เรยี งตรงข้ามสลับต้งั ฉาก คู่นอกรปู ไข่ ยาว 3-5 มม. คใู่ นรูปไข่กวา้ งหรอื รปู หัวใจ
ยาว 2-6 ซม. ไม่มกี ลบี ประดบั รปู เสน้ ด้าย ดอกสีเขียวอมม่วงอ่อน ๆ กลีบรวม 6 กลบี พบท่อี นิ เดีย ศรลี ังกา บังกลาเทศ พมา่ กมั พชู า เวียดนาม คาบสมทุ รมลายู
เรยี ง 2 วง วงนอกรปู ไข่ ยาว 2-6 มม. วงในรปู รี ยาว 3-5 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน บอรเ์ นียว ชวา และฟลิ ปิ ปินส์ ใบและดอกใช้ประคบแก้พษิ งแู ละแมงปอ่ ง ดอกมี
ปลายแผเ่ ปน็ แผน่ กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั ยอดเกสรแยกเปน็ 3 แฉก ผลสดมหี ลายเมลด็ สรรพคณุ ดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง เมลด็ ให้น�้ำมันหอมระเหย
รปู กลม ๆ เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 1 ซม. สกุ สีแดง เมลด็ คล้ายรปู พรี ะมิด ยาว 3-5
มม. (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ที่ ว่านคา้ งคาว, สกลุ ) สกุล Mesua L. เดมิ อย่ภู ายใตว้ งศ์ Clusiaceae มี 5 ชนิด ในไทยมี 3 ชนิด ชื่อ
สกุลต้งั ตามนักพฤกษศาสตรช์ าวอาหรบั Joannes Mesue (777-857)
พบที่ภมู ิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ฟิลปิ ปนิ ส์ และนิวกนิ ี ในไทยพบกระจาย เอกสารอ้างอิง
ทางภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขน้ึ ใต้รม่ เงาในป่าดิบแลง้ และป่าดิบชนื้ Li, X.W., J. Li and P. Stevens. (2007). Clusiaceae (Mesua). In Flora of China
ความสงู ถงึ ประมาณ 300 เมตร มสี รรพคณุ เปน็ ยาสมานและบรรเทาอาการปวดทอ้ ง
ท้องเสยี บดิ Vol. 13: 38.

เอกสารอ้างองิ บุนนาค: ใบเรยี งตรงขา้ ม หอ้ ยลง ดอกออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก (ภาพ: เลย - MT)
Phengklai, C. (1993). Taccaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 7-9.
บุษบง

Boesenbergia pulcherrima (Wall.) Kuntze
วงศ์ Zingiberaceae

ชอ่ื พอ้ ง Gastrochilus pulcherrimus Wall.

ไมล้ ม้ ลกุ สูงไดถ้ ึง 40 ซม. เหง้าหนา แยกแขนง ด้านในสีขาวหรืออมเหลอื ง
กาบใบยาวไดถ้ ึง 18 ซม. มีร้วิ ละเอยี ด ลน้ิ กาบยาวประมาณ 1.5 ซม. ใบรูปรี ยาว
ไดถ้ ึง 25 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งบางคร้ังมีป้นื สีมว่ งอมแดง เกอื บไรก้ ้าน ชอ่ ดอก
ออกตามซอกกาบท่ียอด ช่อยาวไดถ้ ึง 13 ซม. ก้านช่อยาวประมาณ 1 ซม. มไี ดถ้ งึ
15 ดอก ใบประดับเรียงสองแถวดา้ นเดียว รูปรี ยาวประมาณ 5 ซม. ดอกสขี าว
หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 3 ซม. กลบี รปู รี ยาว 1-1.8 ซม. กลบี ปากเปน็ ถงุ

230


Click to View FlipBook Version