WORLD OF CURRICULUM TO IMPROVE
THE QUALITY OF LIFE
โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับการศึกษา
พัฒนาคุณภาพชีวิต W.C.L. MODEL
ผู้จัดทำ
นางสาวปวีณพร แก้วไทรอินทร์
์
นางสาวกรกนก บัวศิริ
ที่ปรึกษา
์
นายพรรษกฤช เกตุรัตน
(ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม)
โครงการ Innovation For Thai Education (IFTE)
นวัตกรรมเพื่อการศึกษา
เพื่อพัฒนาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี และสำนักงานศึกษาการภาค 3
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ปี 2564
การสร้างและพัฒนา นวัตกรรม ด้านการจัดการเรียนรู้
WORLD OF CURICULUM TO IMPROVE
THE QUALITY OF LIFE
โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิต W.C.L.
ผู้จัดทำ
นางสาวปวีณ์พร แก้วไทรอินทร์
นางสาวกรกนก บัวศิร ิ
ที่ปรึกษา
นายพรรษกฤช เกตุรัตน์
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัยธมวัดดอนตูม
โครงการ Innovation For Thai Education (IFTE)
นวัตกรรมเพื่อการศึกษา
เพื่อพัฒนาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และสำนักงานศึกษาการภาค 3
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ปี 2564
คำนำ
งานวิจัยฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในเรื่อง การกำหนดแนวทาง หรือทิศทาง
ด้านการศึกษาต่อ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของงานวิจัย
นี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง
จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน
จากการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน ในส่วนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (รายวิชาแนะ
แนว) พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ ยังไม่ทราบว่าตนเองชอบหรือถนัดในสิ่งใด และมีความสามารถในด้าน
ใด แล้วเลือกเรียนต่อแผนการเรียนใด ของการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ
แล้วแผนการเรียนนั้น สามารถต่อยอดในระดับอุดมศึกษาอย่างไร และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วนั้น
สามารถประกอบอาชีพใดได้งานวิจัยฉบับนี้ สามารถช่วยตอบโจทย์นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพโดย W.C.L. MODEL จะเปรียบเสมือนเข็มทิศ แนะแนวทางในการเลือกเส้นทางการ
ประกอบอาชีพของนักเรียน ให้บรรลุเป้าหมายตามความถนัดและความสามารถ อีกทั้งช่วยให้นักเรียน
ได้ค้นพบสิ่งที่ตนเองต้องการ และสามารถเลือกเส้นทางเดินที่ดีที่สุดให้กับตนเองได้ เมื่อเข็มทิศ
W.C.L. MODEL ได้นำพานักเรียนไปสู่จุดหมายนั้น นักเรียนของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม จะกลายเป็น
บุคคลที่มีคุณค่าทางสังคมมากยิ่งขึ้น เป็นผู้ที่มีสมรรถนะทางวิชาชีพ มีศักยภาพ และเป็นผู้ที่จัดอยู่ใน
กลุ่มตามความต้องการของสังคมและประเทศชาติต่อไป
ในนามคณะผู้จัดทำ ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
่
หวังเป็นอยางยิ่งวา ผู้ที่ได้สนใจศึกษางานวิจัยฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์และสามารถทำให้ผู้
่
ที่สนใจ W.C.L. MODEL นำไปต่อยอดหรือปรับใช้ ในการจัดการเรียนการสอนตามกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ เพื่อชี้นำ และผลักดัน นักเรียนของท่านให้บรรลุสู่เป้าหมายของชีวิตต่อไป
คณะผู้จัดทำ
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
14 มิถุยายน 2564
บทคัดย่อ
จากการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน ในส่วนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (รายวิชาแนะ
แนว) พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักตนเอง ว่าชอบหรือถนัดในสิ่งใด มีความสามารถในด้านไหน
จะเลือกเรียนต่อแผนการเรียนอะไร สายสามัญ หรือสายอาชีพ แล้วแผนการเรียนนั้น สามารถต่อยอด
ไปต่อในระดับอุดมศึกษาได้อย่างไร และเมื่อจบการศึกษามาแล้วจะสามารถประกอบอาชีพอะไรได้
การทำงานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อพัฒนาสื่อ และนวัตกรรม ในการจัดการเรียน
การสอนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับเป็นแนวทางในการเลือกแผนการเรียน การศึกษาต่อใน
ุ
ระดับอดมศึกษา และการประกอบอาชีพในอนาคต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยม
วัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมี จำนวน 92 คน โดยแบ่งการศึกษาแบ่ง
ออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์
ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ การนำเสนอข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับ
นวัตกรรมการเรียนรู้ โดย W.C.L. MODEL จะเปรียบเสมือนเข็มทิศ ที่คอยชี้แนะแนวทางในการเลือก
เส้นทางของนักเรียน ให้เป็นไปตามความถนัดและความสามารถ อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนได้ค้นพบสิ่งที่
ตนเองต้องการ และสามารถเลือกเส้นทางเดินที่ดีที่สุดของตนเองได้ โดยมีผลที่ได้จากการศึกษามีดังนี้
ผลการวิจัยในส่วนของด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ
ด้านการวิเคราะห์ลักษณะโดยทั่วไปของกลุ่มประชากร ในส่วนของ เพศ ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล
เกี่ยวกับเพศพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม จำนวน 92 คน เป็นเพศ
ชายจำนวน 53 คน คิดเป็นร้อยละ 53.0 และเป็นเพศหญิง จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 39.0
ผลการวิจัยในส่วนของด้านการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ
ผลการวิจัยในส่วนของด้านขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 100.00 เห็นด้วยมากที่สุด มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการความน่าสนใจของ
นักเรียน โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 5.00 อยู๋ในเกณฑ์มากที่สุดผลการวิจัยในส่วนของด้านช่องทางการติดต่อที่
สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บสำนักงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น โดยกลุ่มตัวอย่างร้อย
ละ 92.39 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 4.35 เห็นด้วยมาก อีกทั้งร้อยละ 0.00 เห็นด้วยปาน
กลาง และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการติดต่อหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยว
อาชีพที่นักเรียนสามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.82 อยู๋ในเกณฑ์มากที่สุด
ผลการวิจัยในส่วนของด้านระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 85.87 เห็น
ด้วยมากที่สุด ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ในขณะที่ร้อยละ 2.17 เห็นด้วยปานกลาง อีกทั้งร้อยละ
1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความ
เข้าใจให้กับนักเรียน เพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.82 อยู๋ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของ
ด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้อย่างชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
88.04 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยมาก และร้อยละ3.26 เห็นด้วยปานกลาง มีผลช่วย
เพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ เพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย
4.85 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการ
ให้บริการ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 82.61 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 11.96 เห็นด้วยมาก และร้อยละ
5.43 เห็นด้วยปานกลาง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ
เพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.77 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านป้าย
ประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.65 เห็นด้วยมาก
ที่สุด ในขณที่ร้อยละ 15.22 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 5.43 เห็นด้วย
น้อย มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความน่าสนใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.51
อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านจุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษามีความ
เหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 68.48 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ
ิ่
15.22 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยปานกลาง และ ร้อยละ 5.43 เห็นด้วยน้อย มีผลช่วยเพม
ประสิทธิภาพให้กับผู้เข้าชมงานได้ดีมากยิ่งมากยิ่งขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.47 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
ผลการวิจัยในส่วนของด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบายข้อมูลได้
ชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.74 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณที่ร้อยละ 2.18 เห็นด้วยมาก และร้อย
ิ่
ละ 1.09 เห็นด้วยปานกลาง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหาให้กับนักเรียนเพม
มากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.96 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านข้อมูลเป็นปัจจุบัน
ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วนตรงกับความต้องการ มีความน่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสม
ต่อการเรียนรู้ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.74 เห็นด้วยมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก มี
ผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหา ความเข้าใจ ความน่านสนใจให้กับนักเรียนเพิ่มมาก
ขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 100.00 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านความรวดเร็วในการใช้
งานง่าย และสะดวกในการค้นหาข้อมูล โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 81.52 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่
ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 6.52 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย มีผล
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความเข้าใจ ให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมี
ค่าเฉลี่ย 4.73 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านภาพ สี และขนาดตัวอักษร ตัวอักษร
อ่านง่าย ชัดเจน เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 86.95 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 11.96 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 1.09 เห็น
ด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านภาพ สี และขนาดตัวอักษร ตัวอักษร อ่านง่าย ชัดเจน เหมาะสม การ
ออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้
การจดจำเกี่ยวกับเนื้อหาความเข้าใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.86 อยู่ในเกณฑ์
มากที่สุด ผลการวิจัยในส่วนของด้านเนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยกลุ่มตัวอย่าง
ร้อยละ 95.65 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 1.09 เห็นด้วยปาน
กลาง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเลือกแผนการเรียนในในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ
ระดับอาชีวศึกษา และระดับดุมศึกษาให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.95 อยู่ในเกณฑ์
มากที่สุด
จากข้อเสนอแนะสามารถสรุปได้ว่านักเรียนที่ได้ทำการเก็บข้อมูลการนำเสนอข้อเสนอแนะ
และความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้ โดยนักเรียนมีความต้องอยากให้โรงเรียน นำผลงาน
ประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมชิ้นนี้ ออกไปเผยแพร่กับโรงเรียนอื่นๆ เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมวางแผน การ
เลือกแผนการเรียน หรือการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับ อาชีวศึกษา เป็น
ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้เรียน เพื่อวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในอนาคตต่อไป
คำสำคัญ : นวัตกรรม หลักสูตร แนะแนวการศึกษา ความคุ้มค่า มีมาตรฐาน สามารถเชื่อมโยงได้
สารบัญ
หน้า
บทคัดย่อ ก
สารบัญ ข
สารบัญตาราง ค
บทที่ 1 บทนำ
ที่มาและความสำคัญของปัญหา 1
วัตถุประสงค์ 2
ขอบเขตของการดำเนินงาน 2
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2
ประโยชน์ที่ได้รับ 3
นิยามศัพท์เฉพาะ 3
กิจกรรมดำเนินงาน 4
ระยะเวลาดำเนินงาน 6
งบประมาณ 7
บทที่ 2 แนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ึ
- แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการศกษา 8
- แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความสำคัญของนวัตกรรมทางการศึกษา 9
- แนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 18
- แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 21
ึ
- แนวทางการจัดกิจกรรมงานแนะแนวชั้นมัธยมศกษาปีที่ 1-6 21
ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
บทที่ 3 วิธีดำเนินงาน
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 27
ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย 27
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 29
การเก็บรวมรวมขอมูล 30
้
การวิเคราะห์ข้อมูล 31
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 31
บทที่ 4 ผลการวิจัยและอภิปรายผล
การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 34
การวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ 35
การนำเสนอข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมกาเรียนรู้ 47
้
บทที่ 5 สรุปผลการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมและขอเสนอแนะ
สรุปผลการศึกษา 49
ภาคผนวก
แบบประเมินความพึงพอใจ 56
ค่าดัชนีความสอดคล้อง IOC 58
QR CODE W.C.L. MODEL 59
คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานการสร้างและพัฒนานวัตกรรม 60
บรรณานุกรม 61
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ 4.1 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 35
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
ตารางที่ 4.2 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 36
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
จำแนกตามด้านกระบวนการ/ขั้นตอนการให้บริการความรู้
ตารางที่ 4.3 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 38
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านเจ้าหน้าที่ให้บริการความรู้
ตารางที่ 4.4 แสดงจำนวนและร้อยละ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 39
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านด้านสิ่งอำนวยความสะดวก
ตารางที่ 4.5 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 41
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ
ตารางที่ 4.6 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 43
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ตารางที่ 4.7 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 44
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ตารางที่ 4.8 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 45
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ตารางที่ 4.9 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 46
ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ตารางที่ 4.10 ตารางแสดงจำนวนสรุปข้อมูลแสดงจำนวนและร้อยละ 47
ข้อเสนอแนะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
(1)
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ที่มาและความสำคัญของปญหา
ั
ประเทศไทยกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ตามรัฐธรรมนูญ แห่ง
ั่
ราชอาณาจักรไทย เป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรก มีวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยมีความมนคง มั่งคั่ง
ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยเป็นสำคัญนั้น กอปรกับ
ึ
สำนักงานคณะกรรมการการศกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาเด็กและเยาวชน
ของประเทศ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพัฒนานวัตกรรม เพื่อนำมาจัดการศึกษาพัฒนาเด็ก และ
เยาวชนให้เป็นนักประดิษฐ์ นักคิดสร้างสรรค์ และนักพัฒนานวัตกรรม เพื่อรองรับการ
เปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0 หรือยุคปัญญาประดิษฐ์ และจากองค์การ
ทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลกต่อไปในอนาคต
การทำวิจัยการศึกษาในชั้นเรียนของผู้สอน กำหนดเป้าหมายที่สำคัญเพื่อแก้ปัญหาหรือ
พัฒนาผู้เรียนให้บรรลุตามพฤติกรรมการเรียนรู้ที่กำหนดทั้งในด้านพุทธิพิสัย ทักษะพิสัย และจิต
พิสัย ทั้งนี้การนำนวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการพัฒนาผู้เรียนถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่
ครูผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจและมีทักษะในการสร้างนวัตกรรมเพื่อนามาใช้สอนกับผู้เรียน
ซึ่งผู้สอนจะเลือกเครื่องมือการจัดการนวัตกรรมที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของผู้ที่เข้าเรียน และ
ขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้สร้างนวัตกรรมของผู้สอน ทั้งนี้เพื่อให้นวัตกรรมที่สร้างขึ้นส่งผล
ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ได้มากที่สุด ในบทนี้ผู้เขียนจะนำเสนอข้อมูลที่สำคัญของนวัตกรรม
ื่
ทางการศึกษาเพื่อให้ครูผู้สอนมีแนวทางในการนำความรู้ไปประยุกต์ในการสร้างนวัตกรรมเพอ
พัฒนาคุณภาพของผู้เรียนต่อไป
การสอนของครูในโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม ผู้สอนได้ดำเนินการยึดหลักสมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน (Competency) และการพัฒนาขีดความสามารถ (Capability) เพื่อให้ได้คุณภาพของตัว
ผู้สอนที่ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งปฏิบัติงานได้อย่างทรงความรู้ (Knowledge Worker) สามารถ
ปฏิบัติงานได้ดีและอยู่ภายใต้หลักการสอนที่ดีให้กับผู้เรียน พร้อมกับมีการบริหารจัดการงานใน
โรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพก้าวหน้าทันสมัยในยุคโลกาภิวัตน์ และทันต่อการเปลี่ยนแปลง
สามารถพัฒนางานในหน้าที่ได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
(2)
สาเหตุที่คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ เนื่องจากโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้าน
โป่งจังหวัดราชบุรี ได้รับรางวัลในหลายๆด้าน และอีกทั้งผลิตนักเรียนที่ดีในระดับชั้นมัธยมศึกษา
มาโดยตลอด พร้อมกับต้องการพัฒนาแนวการสอน และการเพิ่มประสิทธิภาพการสอนให้เป็นไป
ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน สามารถร่วมกนแก้ไขปัญหาให้
ั
นักเรียน พร้อมกับแก้ไขอุปสรรคในการสอนนักเรียนและช่วยกันปรับปรุงระบบงานการสอนใน
โรงเรียนให้ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป
อีกทั้ง จากการจัดการเรียนการสอนในรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชาแนะแนวนั้น
ครูผู้สอนวิชาแนะแนว ได้มีการพูดคุยในเรื่องของการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่งพบว่า
นักเรียนบางคน ไม่ทราบถึงแนวทางการศึกษาต่อ จากแผนการเรียนที่ตนเองกำลังศึกษาอยู่ และ
ไม่รู้ว่า ตนเองนั้นจะต้องศึกษาต่อในคณะใด และสาขาวิชาใด ในระดับอุดมศึกษา และสามารถ
ประกอบอาชีพใดได้บ้าง และเพื่อเป็นการไม่จำกัดความคิด ความสามารถของผู้เรียน คณะ
ผู้จัดทำจึงได้สร้างนวัตกรรม โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิต
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกเส้นทางการศึกษาต่อในดับ
ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา ที่เป็นไปตามความถนัด และ
ความสามารถของตนเอง เพื่อต่อยอดสู่การประกอบอาชีพที่ดีต่อไป
1.2 วัตถุประสงค์
1. เพอพัฒนาสื่อ และนวัตกรรม ในการจัดการเรียนการสอนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับ
ื่
เป็นแนวทางในการเลือกแผนการเรียน การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา และการประกอบอาชีพใน
อนาคต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
1.3 ขอบเขตของการดำเนินงาน
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรในการศึกษาครั้ง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ของโรงเรียนมัธยมวัด
ดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีจำนวน 312 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียน
มัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน
(3)
ประโยชน์ที่ได้รับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูมทุกคน มีวิธีการและแนวทางการ
เลือกแผนการเรียนตามความถนัดและความสามารถของตนเอง ซึ่งสอคคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20
ปี ที่สนับสนุนมีให้การพัฒนาศักายภาพของทรัพยากรมนุษย์ของประเทศต่อจากนี้ไปอีก 20 ปีข้างหน้า
ในรูปแบบการพัฒนาความรู้ความสามารถแบบใหม่และทันสมัยใหม่เหมาะสมสำหรับเด็กยุคใหม่มา
พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างมหาศาล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเด็กที่สนใจจะ
ประกอบอาชีพตามที่ตนเองสนใจ และพอใจ พร้อมกับมีความต้องการที่จะรับผิดชอบช่วยเหลือ
ครอบครัวของตนเอง และคนรอบข้าง ผู้วิจัยจึงได้เสนอแนะแนวทางกฎแห่งความสำเร็จ เพอให้
ื่
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม พร้อมกับผู้ที่ได้อ่านงานวิจัยฉบับนี้ได้รับ
ประโยชน์อย่างครบถ้วนเหมาะสมต่อไป
นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าใจด้านการจัดการรูปแบบ/แนวทางการพัฒนามีความชัดเจน
สำหรับการศึกษาในการดำเนินงานด้านข้อมูลสารสนเทศและงานวิชาการ พร้อมกับสามารถสะท้อนให้
เห็นถึงการปรับเปลี่ยน การพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการ บุคลากร เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ั
อีกทั้งยังสามารถนำรูปแบบไปพฒนาด้านการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งกระบวนการในการบริหารจัดการตามรูปแบบสอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนา
คุณภาพการศึกษา
นิยามศัพท์เฉพาะ
นวัตกรรม หมายถึง สิ่งที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจเป็น
เทคโนโลยี ความคิด หรือผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
หลักสูตร หมายถึง มวลประสบการณ์ทางการเรียนรู้ ที่กำหนดไว้ในรายวิชา กลุ่มวิชา เนื้อหาสาระ
รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอน จัดกิจกรรมให้แก่ผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
แนะแนวการศึกษา หมายถึง เป็นงานบริการที่มุ่งให้ความช่วยเหลือในด้านการพฒนาตนเอง
ั
โดยนำเอาความสามารถที่ตนเองมีอยู่มาใช้ในการพิจารณาอย่างมีเหตุผล สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วย
ตนเอง ตลอดจนรู้ถึงวิธีการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุขในชีวิต
WORLD OF CURICULUM TO IMPROVE THE QUALITY OF LIFE
(W.C.L. MODEL By W.D.T)
W. = Worth หมายถึง ความคุ้มค่า
C. = Classical หมายถึง มีมาตรฐาน
L. = Link หมายถึง สามารถเชื่อมโยงได้
(4)
1.4 กิจกรรมดำเนินงาน
ขั้นที่ 1 กำหนดสิ่งที่จะพัฒนา
เมื่อได้ศึกษาสภาพปัญหา วิเคราะห์รายละเอียด และสาเหตุของปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือ
พัฒนาแล้วนั้น ก็ตั้งเป้าหมายในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน นั่นคือ
กำหนดจุดประสงค์ของการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดในตัวผู้เรียนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ทุกคน
ขั้นที่ 2 กำหนดนวัตกรรม
เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ชัดเจนแล้ว ผู้จัดทำต้องศึกษาค้นคว้าตามหลักวิชาการ แนวคิด
ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการพัฒนานวัตกรรมโดยนำมาผสมผสานกับความรู้
ความคิด และประสบการณ์ ในการ กำหนดเป็นกรอบแนวคิดของกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วย
สื่อการเรียนรู้ หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เทคนิค วิธีการ กระบวนการ ฯลฯ ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่ใช้
แก้ปัญหาหรือพัฒนานวัตกรรมให้ได้ตามความต้องการ
ขั้นที่ 3 สร้างและพัฒนา
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า จะเลือกจัดทำนวัตกรรมชนิดใด ผู้วิจัยก็ได้ทำการศึกษา วิธีการจัดทำ
นวัตกรรมนั้นๆ อย่างละเอียด ว่ามีลักษณะองค์ประกอบอะไรบ้าง มีวิธีดำเนินการจัดทำอย่างไร มีการ
ตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นอย่างไร แล้วจึงจัดทำนวัตกรรมให้สมบูรณ์ตามแบบที่กำหนดไว้
ขั้นที่ 4 ทดลองใช้
เพื่อให้แน่ใจว่านวัตกรรมที่สร้างหรือพัฒนาขึ้น เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้
แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนได้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้จริง จากนั้นทดลองใช้นวัตกรรมเหล่านั้น
กับนักเรียนกลุ่มเล็กๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ก่อนนำไปใช้จริง แล้วตรวจสอบคุณภาพ ด้วยการ
ี
หาประสิทธิภาพของนวัตกรรม หลังจากนั้นปรับปรุงแก้ไขอกครั้งหนึ่งก่อนที่จะนำไปใช้กับผู้เรียนกลุ่ม
ตัวอย่าง (ทดลองใช้ด้วยระบบออนไลน์)
ขั้นที่ 5 ใช้ในสถานการณ์จริง
เมื่อดำเนินการสร้าง การทดลองใช้นวัตกรรม และปรับปรุงแก้ไขจนมั่นใจในคุณภาพของ
นวัตกรรมแล้ว ก็นำไปใช้จริง ซึ่งอาจเป็นการนำไปใช้ตามแผนการสอนปกติที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับ
ความประสงค์ของครู และสถานการณ์จริงของการจัดการเรียนการสอนที่เกิดขึ้น
(ทดลองใช้นวัตกรรมด้วยระบบออนไลน์ เนื่องจากมีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid-19)
(5)
ขั้นที่ 6 ประเมินผลการใช้
เมื่อสิ้นสุดกระบวนการ ทดลองใช้นวัตกรรมแล้ว ก็จัดการเก็บรวบรวมข้อมูลที่แสดงถึงผล
การใช้นวัตกรรมด้วยเทคนิควิธีต่างๆ ซึ่งจะแสดงถึงคุณภาพของนวัตกรรม และถ้าผลการใช้นวัตกรรม
สามารถแก้ปัญหา หรือพัฒนาผู้เรียนได้ตามที่วัตถุประสงค์กำหนด ก็รายงานผล ขยายผล และเผยแพร่
นวัตกรรมต่อไป
(6)
1.5 ระยะเวลาการดำเนินงาน
ระยะเวลาดำเนินงาน ปี 2564
ลำดับ กิจกรรม 29 30-31 1 2-30 3 4-21 24-28 31 1-11 14 15-22 24
มี.ค. มี.ค. เม.ย. เม.ย. พ.ค. พ.ค. พ.ค. พ.ค. มิ.ย. มิ.ย. มิ.ย. มิ.ย.
1 อบรมเชิงปฏิบัติการ
2 ประชุมชี้แจง คิดหัวข้อนวัตกรรม
ของโรงเรียน ออกคำสั่งและ
มอบหมายผู้รับผิดชอบงาน
3 เสนอหัวข้อการสร้างนวัตกรรม
มติที่ประชุม
4 ดำเนินการตามเสนอ
5 นำเสนอผู้บริหาร (ครั้งที่ 1)
6 ดำเนินการ (ต่อ) จัดทำ Model
้
7 ทดลองใช Model กับนักเรียน
8 นำเสนอผู้บริหาร (ครั้งที่ 2)
9 ประเมินผล สรุปผลการดำเนินการ
10 รายงานผลการดำเนินงาน
11 นำเสนอผลงานแก่คณะครูและ
นักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
12 จัดนิทรรศการ นำเสนอผลงาน ห้อง
ประชุมโรงเรียนธีรศาสตร์ จังหวัด
ราชบุรี
(7)
1.6 งบประมาณ
งบประมาณในการจัดทำ W.C.L. Model โดยมีรายการจัดซื้อดังนี้
ลำดับ รายการ ราคาต่อหน่วย จำนวน ราคารวม
(บาท) (บาท)
1 ลูกโลก 494 1 500
2 ป้ายอะคริลิกชนิดใส 70 7 490
ขนาด 5x7 นิ้ว
3 สายไฟ ขนาด 1.5 m. 50 7 350
4 หัว Adepter 50 1 50
5 ฐานสำหรับวางลูกโลก 100 1 100
ขนาด 10x10 cm.
รวม 1,490
หนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทถ้วน
(8)
บทที่ 2
แนวคิดและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ื่
การศึกษาเพอพฒนาด้านการจัดการเรียนรู้ ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง
ั
จังหวัดราชบุรี ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้วสรุปเป็นความรู้ เพื่อประกอบการ
วิจัยในครั้งนี้ โดยประมวลเนื้อหาและสาระที่สำคัญไว้ในบทนี้ โดยมีดังต่อไปนี้
2.1 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษา
2.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความสำคัญของนวัตกรรมทางการศึกษา
2.3 แนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2.4 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง
2.5 แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี
2.1 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการศึกษา
นวัตกรรมทางการศึกษามีผู้ให้ความหมายหลายดังนี้
นวัตกรรมที่ใช้ในการวิจัยการเรียนการสอนในชั้นเรียน หมายถึง รูปแบบใหม่ๆ สื่อการ
เรียนการสอน เทคนิควิธี กิจกรรม หรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่ผู้สอนนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนหรือจัด
ประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพ นวัตกรรมที่นำมาใช้อาจเป็นนวัตกรรมที่
ผู้สอนคิดขึ้นใหม่ หรืออาจเป็นสิ่งที่มีผู้อื่นคิดค้นขึ้น หรือมีการใช้ทั่วไปในที่แห่งหนึ่งแล้วหากนำมา
ปรับปรุงแก้ไข และสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลในที่อีกแห่งหนึ่งก็ถือว่าเป็น
นวัตกรรม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 (2546: 565 -566) ให้ความหมายว่า
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกแตกต่างจากเดิม ซึ่งอาจจะเป็นความคิด วิธีการ หรืออุปกรณ์
เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ความหมายและลักษณะของนวัตกรรมว่า นวัตกรรม หมายถึง “ทำใหม่”
เปลี่ยนแปลงโดยนาสิ่งใหม่ๆ เข้ามา ถ้าเป็นทางการศึกษาก็เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาด้านการศึกษา
ทิศนา แขมมณี (2559: 418) ได้ให้ความหมายของนวัตกรรม หมายถึง แนวคิด แนวทาง
ระบบ รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ สื่อและ เทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่งได้รับการ
คิดค้นและจัดทำขึ้นใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ทางการศึกษา
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ (2544: 32) ได้ให้ความหมายของนวัตกรรม ไว้ดังนี้
นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่นำมาใช้
(9)
แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร พิสณุ ฟองศรี
(2551: 65-71) ได้กล่าวถึงความหมายและความสำคัญของนวัตกรรมทางการศึกษาไว้ดังนี้
นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่
นำมาใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2559: 81) ได้ให้ความหมายของนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ หมายถึง
รูปแบบ วิธีการ กระบวนการ เทคนิค สื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่ได้มีการศึกษาและพัฒนาขึ้นใหม่
เพื่อให้ครูนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยอาจเป็นสิ่งใหม่ที่ได้รับการ
ยอมรับและนำไปใช้บ้างแล้วแต่ยังไม่แพร่หลายหรือยังไม่ได้ใช้อย่างเป็นปกติ นวัตกรรมการจัดการ
เรียนรู้จึงอาจเป็นส่งใหม่ทั้งหมดหรือใหม่เพียงบางส่วนหรือเป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการเรียนรู้
จากความหมายของนวัตกรรมทางการศึกษาที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า
นวัตกรรมทางการศึกษา หมายถึง รูปแบบ หรือสื่อการสอน หรือวิธีการ ที่ครูพัฒนาขึ้นจากพื้นฐาน
ของนวัตกรรมเดิมที่ยังไม่เคยนำมาใช้พัฒนาผู้เรียนหรืออาจจะสร้างขึ้นมาใหม่ตามแนวคิด ทฤษฎี หรือ
หลักวิชาการเพื่อนำสิ่งที่สร้างขึ้นไปใช้แกปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนด
้
ตามจุดประสงค์ต่อไป
2.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความสำคัญของนวัตกรรมทางการศึกษา
ความสำคัญของนวัตกรรมทางการศึกษามีความหมาย ดังนี้
พิสณุ ฟองศรี (2551: 65) กล่าวถึงความสาคัญและประโยชน์ของนวัตกรรม ดังนี้
การนำนวัตกรรมทางการศึกษาไปใช้จัดการเรียนการสอน นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนได้รับการ
พัฒนาการเรียนรู้ตามที่กำหนดแล้ว ยังมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
1. นักเรียนเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
2. นักเรียนเข้าใจบทเรียนเป็นรูปธรรม
3. บรรยากาศในชั้นเรียนที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสอน
ื่
บรรยากาศที่ท้าทาย (Challenge) เป็นบรรยากาศที่ครูกระตุ้นให้กำลังใจนักเรียนเพอให้
ประสบผลสำเร็จในการทำงาน นักเรียนจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและพยายามทำงานให้สำเร็จ
บรรยากาศที่มีอิสระ (Freedom) เป็นบรรยากาศที่นักเรียนมีโอกาสได้คิด ได้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่มี
ความหมายและมีคุณค่า รวมถึงโอกาสที่จะทำผิดด้วย โดยปราศจากความกลัวและวิตกกังวล บรรยาการเช่นนี้จะ
ส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้เรียนจะปฏิบัติกิจกรรมด้วยความตั้งใจโดยไม่รู้สึกตึงเครียด
บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ (Respect) เป็นบรรยากาศที่ครูรู้สึกว่านักเรียนเป็น
บุคคลสำคัญ มีคุณค่า และสามารถเรียนได้ อันส่งผลให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและเกิด
ความยอมรับนับถือตนเอง
(10)
บรรยากาศที่มีความอบอุ่น (Warmth) เป็นบรรยากาศทางด้านจิตใจ ซึ่งมีผลต่อ
ความสำเร็จในการเรียน การที่ครูมีความเข้าใจนักเรียน เป็นมิตร ยอมรับให้ความช่วยเหลือ จะทำให้
นักเรียนเกิดความอบอุ่น สบายใจ รักครู รักโรงเรียน และรักการมาโรงเรียน
บรรยากาศแห่งการควบคุม (Control) การควบคุมในที่นี้ หมายถึง การฝึกให้นักเรียนมี
ระเบียบวินัย มิใช่การควบคุม ไม่ให้มีอิสระ ครูต้องมีเทคนิคในการปกครองชั้นเรียนและฝึกให้นักเรียน
รู้จักใช้สิทธิหน้าที่ของตนเองอย่างมีขอบเขต
บรรยากาศแห่งความสำเร็จ (Success) เป็นบรรยากาศที่ผู้เรียนเกิดความรู้สึกประสบ
ความสำเร็จในงานที่ทำ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น ผู้สอนจึงควรพูดถึงสิ่งที่ผู้เรียนประสบ
ความสำเร็จให้มากกว่าการพูดถึงความล้มเหลว เพราะการที่คนเราคำนึงถงแต่สิ่งที่ล้มเหลว เพราะการ
ึ
ที่คนเราคำนึงถึงแต่ความล้มเหลวจะมีผลทำให้ความคาดหวังต่ำ ซึ่งไม่ส่งเสริมให้การเรียนรู้ดีขึ้น
บรรยากาศทั้ง 6 ลักษณะนี้ มีผลต่อความสำเร็จของผู้สอนและความสำเร็จของผู้เรียนผู้สอนควรสร้าง
ให้เกิดในชั้นเรียนประเภทของบรรยากาศในชั้นเรียน
สุมน อมรวิวัฒน์ (2530 : 13) ได้สรุปผลการวิจัยเรื่องสภาพในปัจจุบันและปัญหาด้าน
การเรียนการสอนของครูประถมศึกษาไว้ สรุปได้ว่า บรรยากาศในชั้นเรียนต้องมีลักษณะทางกายภาพ
ที่อำนวยความสะดวกต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้สร้างความสนใจใฝ่รู้และศรัทธาต่อการเรียน
นอกจากนี้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มนักเรียนและระหว่างครูกับนักเรียน ความรักและศรัทธาที่ครูและ
นักเรียนมีต่อกัน การเรียนที่รื่นรมย์ปราศจากความกลัวและวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้าง
บรรยากาศการเรียนได้ดี
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2559: 83-85) ได้กล่าวถึงความสำคัญของนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ของครูผู้สอนและการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนี้
1. การใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยแก้ปัญหาในการจัดการเรียนรู้ของครู
1.1 ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการจัดการเรียนรู้ ปัญหาที่มักพบอยู่เสมอคือ ครูส่วนใหญ่ยังคงยึด
รูปแบบวิธีการสอนแบบบรรยาย โดยครูเป็นศูนย์กลางที่เน้นการพูดบรรยายถ่ายทอดเนื้อหาสระ
มากกว่าสอนในรูปแบบอื่น การสอนด้วยวิธีการแบบนี้ทาให้ผู้เรียนเป็น่าายรับรู้ (passive learner) ซึ่ง
จะมีผลให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่มีความสามารถในเชิงการคิด ประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานได้น้อย
(passive ability) มักเป็นคนประเภทบริโภคนิยม บรรยากาศของการสอนแบบบรรยายนอกจากจะ
ทำให้ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย ขาดความสนใจแล้ว ยังเป็นการปิดกั้นความคิดและสติปัญหาของ
ผู้เรียนให้อยู่ในขอบเขตจำกัดอีกด้วย แต่ถ้าครูผู้สอนได้ศึกษา ค้นหาวิธีการหรือนวัตกรรมจัดการ
เรียนรู้ที่เน้นผู้เป็นสำคัญ มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนมีบทบาทในการเรียนรู้มากขึ้น และ
ลงมือปฏิบัติมากขึ้น (active learner) ก็จะทำให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่สามารถคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์
(11)
ผลงานได้มากขึ้น (active ability) ดังนั้น การนำนวัตกรรมมาใช้ในการจัดการเรียนรู้จึงช่วยแก้ปัญหา
เรื่องวิธีการจัดการเรียนรู้
1.2 ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาซึ่งในบางรายวิชามีเนื้อหาสาระการเรียนรู้มากและบางวิชามีเนื้อหาเป็น
นามธรรม ยากแก่การเข้าใจ จึงจำเป็นจะต้องนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนรู้เช่น การใช้ชุดการเรียนการ
สอน บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) บทเรียนการ์ตูน การเรียนแบบร่วมมือ
1.3 ปัญหาเกี่ยวกับสื่อ อุปกรณ์การจัดการเรียนรู้ ในบางเนื้อหามีสื่อ อุปกรณ์การจัดการ
เรียนรู้เป็นจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ เพื่อทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจใน
เนื้อหาวิชาได้ง่ายขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาคิดค้นหาเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้และผลิตสื่อการ
จัดการเรียนรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้เพียงพอเหมาะสมกับสภาพของผู้เรียนจึงจะทำ
ให้การจัดการเรียนรู้บรรลุตามจุดประสงค์การเรียนรู้
2. การใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ ในกรณีที่ครูต้องการจะ
พัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จำเป็นที่ครูจะต้องแสวงหาหรือพัฒนานวัตกรรม
เพอนามาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน เช่น ใช้วิธีการ
ื่
จัดการเรียนรู้แบบโครงการเพื่อพัฒนาทักษะด้านความคิด วิเคราะห์ การพัฒนารูปแบบการจัดการ
เรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความรู้สามัคคี การใช้แหล่งเรียนรู้หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นสำหรับการเรียนรู้และ
สร้างความรักในท้องถิ่น
3. การใช้นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยที่ผู้เรียนมีความแตกต่างกันใน
หลายลักษณะ บางคนมีความสนใจในการเรียนและเรียนรู้ได้เร็ว ในขณะที่บางคนขาดแรงจูงใจในการ
เรียน จึงไม่ให้ความสนใจต่อการเรียนและเรียนรู้ได้ช้า ดังนั้น ครูผู้สอนจึงต้องพยายามศึกษาหาวิธีการ
หรือหลักการ การจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด
ของผู้เรียน ให้สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพซึ่งจะต้องใช้นวัตกรรมการจัดการ
เรียนรู้มาช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีและมีคุณภาพ
4. การใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน เป้าหมายสูงสุดของการจัดการ
เรียนรู้ คือ คุณภาพของผู้เรียนที่เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ แต่จากผลการประเมินมักจะพบว่า
คุณภาพของผู้เรียนยังไม่ได้มาตรฐาน แม้ว่าครูจะพยายามจัดการเรียนรู้อย่างตั้งใจแล้วก็ตาม ทำให้
ผู้บริหารการศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษาพยายามหาวิธีการหรือใช้นวัตกรรมมาช่วยในการบริหาร
จัดการศึกษาในรูปแบบต่างๆ เช่น การบริหารสถานศึกษาแบบเครือข่ายความร่วมมือ การบริหาร
สถานศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดโครงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพศึกษาโดยใช้รูปแบบต่างๆ
ในขณะที่ครูหรือนักวิชาการทางการศึกษาก็ได้ศึกษา ค้นคว้าหารูปแบบหรือนวัตกรรมการจัดการ
เรียนรู้เพื่อนามาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน เช่น ครูใช้สื่อการ
(12)
เรียนรู้หรือรูปแบบเทคนิควิธีในการจัดการเรียนรู้แบบต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้ได้
มาตรฐานการศึกษาที่กำหนดไว้
ความสำคัญต่อการนำมาแก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียน อีกทั้งยังเป็นสื่อการสอนและวิธีการ
สอนใหม่ๆ ที่ครูนำมาใช้พัฒนาผู้เรียนโดยเน้นที่ความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นความสามารถในการ
เรียนรู้ของผู้เรียนเป็นหลัก นวัตกรรมจะทาให้ผู้เรียนเข้าบทเรียนหรือเนื้อหามากขึ้น โดยสามารถ
พัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะ และด้านเจตคติของผู้เรียนทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนมีผลการเรียนรู้เป็นไปตาม
มาตรฐานที่หลักสูตรกำหนด
ประเภทของนวัตกรรมทางการศึกษา
มีการจำแนกประเภทนวัตกรรมทางการศึกษาไว้ดังนี้
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ (2544: 33) ได้แบ่งนวัตกรรมทางการศึกษา ดังนี้
1. แบ่งตามผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง ได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.1 นวัตกรรมสำหรับครู เช่น แผนการสอน คู่มือครู เอกสารประกอบการสอน ชุดการ
สอน หนังสืออ้างอิง เครื่องมือวัดผลแ ละอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ เป็นต้น
1.2 นวัตกรรมสาหรับนักเรียน เช่น บทเรียนสาเร็จรูป เอกสารประกอบการเรียน ชุดการ
ปฏิบัติ ใบงาน หนังสือเสริมประสบการณ์ ชุดเพลง ชุดเกม และการ์ตูน เป็นต้น
2. แบ่งตามลักษณะของนวัตกรรม ได้เป็น 2 ประเภท ได้แก ่
2.1 สื่อการเรียนการสอน เช่น บทเรียนสำเร็จรูป ชุดการสอน ชุดสื่อการสอน บทเรียน
โมดูล วีดิทัศน์ สไลด์ประกอบเสียง ภาพยนตร์ เพลง เกม การ์ตูน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ใบงาน แผ่น
โปร่งใส บัตรคา แผ่นพับ ภาพพลิก และแผ่นป้ายแม่เหล็ก เป็นต้น
2.2 เทคนิคและวิธีการ เช่น บทบาทสมมติ การสอนเป็นคณะ การสอนแบบศูนย์การเรียน
การเรียนเพื่อรอบรู้ การสอนแบบโครงการ การสอนเพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัย การสอนซ่อมเสริม
การเรียนตามความสามารถ การศึกษาเป็นรายบุคคล ทักษะการทำงานกลุ่ม และการสอนแบบ
แก้ปัญหา เป็นต้น
พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2559: 85) ได้แบ่งประเภทของนวัตกรรมหลายลักษณะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่
ใช้ในการแบ่งดังนี้
1. การแบ่งประเภทของนวัตกรรมตามขอบข่ายของการจัดการศึกษา แบ่งออกได้ 5
ประเภท คือ
1.1 นวัตกรรมทางด้านหลักสูตร เป็นการใช้วิธีใหม่ๆ ในการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้อง
กับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นและตอบสนองความต้องการของบุคคลให้มากขึ้น เช่น หลักสูตรบูรณา
การ หลักสูตรรายบุคคล หลักสูตรกิจกรรมและประสบการณ์ หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรท้องถิ่น
(13)
1.2 นวัตกรรมการเรียนการสอน เป็นการใช้วิธีการเชิงระบบในการปรับปรุงและคิดค้น
พัฒนาวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ๆ ที่สามารถพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
ของครูผู้สอนให้มีคุณภาพขึ้น เช่น การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดการเรียนรู้แบบ
ศูนย์การเรียน การใช้กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ และการจัดการเรียนรู้
ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต
1.3 นวัตกรรมสื่อการเรียนการสอน เป็นนวัตกรรมที่อาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครือข่าย และเทคโนโลยีโทรคมนาคมมาใช้ในการผลิตสื่อการเรียนการสอน
ื่
ใหม่ๆ ทั้งการเรียนด้วยตนเอง การเรียนเป็นกลุ่ม และการเรียนแบบมวลชน ตลอดจนสื่อที่ใช้เพอ
สนับสนุนการอบรมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมีเดีย
(multimedia) ชุดการสอน (instructional module) วีดิทัศน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ (interactive
video) การเรียนการสอนโดยใช้สื่อประสมกับผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อย
1.4 นวัตกรรมการประเมินผล เป็นนวัตกรรมที่ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการวิจัยทางการศึกษา การวิจัยสถาบัน
1.5 นวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษา เป็นการใช้นวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้
สารสนเทศมาช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารการศึกษาให้มีความรวดเร็วทันเหตุการณ์ ทันต่อการ
เปลี่ยนแปลงของโลก เช่น ระบบการจัดการฐานข้อมูลของหน่วยงานสถานศึกษา เกี่ยวกับฐานข้อมูล
นักเรียน นักศึกษา ฐานข้อมูลครู อาจารย์ และบุคลากรในสถานศึกษา ฐานข้อมูลด้านการเงิน บัญชี
พัสดุ และครุภัณฑ ์
2. การแบ่งประเภทของนวัตกรรมตามผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
2.1 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู เป็นรูปแบบหรือเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้แบบ
ต่างๆ และสื่ออุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ครูนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เช่น การจัดการ
เรียนรู้แบบร่วมมือ (cooperative learning) การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน (project-
based learning) การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นหลัก (problem-based learning)
2.2 นวัตกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เป็นสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้สำหรับเน้นให้ผู้เรียนใช้
เพื่อการเรียนรู้ของตนเอง เช่น ชุดการเรียนรู้ บทเรียนสำเร็จรูป บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุดกึ่ง
ปฏิบัติ ใบงาน แบบฝึกหัดหนังสือเสริมประสบการณ์ ชุดเพลง ชุดเกม
3. การแบ่งประเภทของนวัตกรรมตามลักษณะของนวัตกรรม แบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
3.1 ผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์ทางการศึกษา หรือสื่อการเรียนการสอน (product/invention)
เช่น บทเรียนสำเร็จรูป บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุดการสอนหนังสือเสริมประสบการณ์ ชุดสื่อ
ประสมวีดิทัศน์ สไลด์ประกอบเสียง เกม นิทานการ์ตูนเพลง ใบงาน
(14)
3.2 เทคนิควิธีการสอน รูปแบบหรือวิธีการจัดการเรียนรู้ (instructional/model) เช่น
ื
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมอ การจัดการเรียนรู้ แบบบูรณา
การ การจัดการเรียนรู้โดยใช้บทบาทสมมติ การจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน การจัดการเรียนรู้โดยใช้
เว็บช่วยสอน (web-based instruction) การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน เทคนิคการปรับพฤติกรรม
เทคนิคการจัดกิจกรรมพฒนา รูปแบบการพัฒนาทักษะ การทำงานกลุ่ม รูปแบบการสอนหรือรูปแบบ
ั
การจัดการเรียนรู้ที่นักวิจัยพัฒนาขึ้น
จากประเภทของนวัตกรรมทางการศึกษาที่กล่าวมา สามารถสรุปได้ว่านวัตกรรมทาง
การศึกษาจำแนกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1) นวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม เช่น ชุดการเรียนรู้ ชุด
การสอน ชุดเกม แบบฝึกทักษะ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน นิทาน ฯลฯ 2) นวัตกรรมที่เป็น
นามธรรม เช่น เทคนิค วิธีการสอน การจัดการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ การแสดงบทบาทสมมติ ฯลฯ ทั้งนี้
การเลือกใช้นวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในการวิจัยในชั้นเรียน ครูผู้สอนควรเลือกนวัตกรรมที่เหมาะสมกับ
บริบทพฤติกรรมที่จะแก้ปัญหา โดยสามารถเลือกใช้นวัตกรรมทั้งแบบเดี่ยวหรือแบบผสมก็ได้ขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการจัดกิจกรรมของครูผู้สอน
การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน (Working Achievement Motivation) หมายถึง
ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ให้มีคุณภาพ ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่ม
สร้างสรรค์ โดยมีการวางแผน กำหนดเป้าหมาย ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน และปรับปรุง
พัฒนาประสิทธิภาพและผลงานอย่างต่อเนื่อง
การบริการที่ดี (Service Mind) หมายถึง ความตั้งใจและความเต็มใจในการให้บริการ และการปรับปรุง
ระบบบริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ
การพัฒนาตนเอง (Self- Development) หมายถึง การศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ติดตาม
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิชาการและวิชาชีพ มีการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม
เพื่อพัฒนาตนเอง และพัฒนางาน
การทำงานเป็นทีม (Team Work) หมายถึง การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ สนับสนุน
เสริมแรงให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงาน การปรับตัวเข้ากับผู้อื่นหรือทีมงาน แสดงบทบาทการเป็นผู้นำ
หรือผู้ตามได้อย่างเหมาะสมในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อสร้างและดำรงสัมพันธภาพของสมาชิก
ตลอดจนเพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย
จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู (Teacher’s Ethics and Integrity) หมายถึง
ุ
การประพฤติปฏิบัติตนถูกต้องตามหลักคณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพครู เป็นแบบอย่างที่ดี
แก่ผู้เรียน และสังคม เพื่อสร้างความศรัทธาในวิชาชีพครู
สมรรถนะประจำสายงานของครู (Functional Competency) มีดังนี้
(15)
การบริหารหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ (Curriculum and Learning Management)
หมายถึง ความสามารถในการสร้างและพัฒนาหลักสูตรการออกแบบการเรียนรู้อย่างสอดคล้องและ
เป็นระบบ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้และพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี และการวัด
ประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
การพัฒนาผู้เรียน (Student Development) หมายถึง ความสามารถในการปลูกฝัง
คุณธรรมจริยธรรม การพฒนาทักษะชีวิต สุขภาพกาย และสุขภาพจิต ความเป็นประชาธิปไตย ความ
ั
ภูมิใจในความเป็นไทย การจัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
การบริหารจัดการชั้นเรียน (Classroom Management) หมายถึง การจัดบรรยากาศการ
เรียนรู้ การจัดทำขอมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียนประจำวิชา การกำกับดูแลชั้นเรียนราย
้
ชั้น/รายวิชา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุข และความปลอดภัยของผู้เรียน
การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน (Analysis & Synthesis &
Classroom Research) หมายถึง ความสามารถในการทำความเข้าใจ แยกประเด็นเป็นส่วนย่อย
รวบรวม ประมวลหาข้อสรุปอย่างมีระบบและนำไปใช้ในการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งสามารถ
วิเคราะห์องคกรหรืองานในภาพรวมและดำเนินการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนางานอย่างเป็นระบบ
์
ภาวะผู้นำครู (Teacher Leadership) หมายถึง คุณลักษณะและพฤติกรรมของครูที่แสดง
ถึงความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ส่วนบุคคล และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งภายในและภายนอก
ห้องเรียนโดยปราศจากการใช้อิทธิพลของผู้บริหารสถานศึกษา ก่อให้เกิดพลังแห่งการเรียนรู้เพอ
ื่
พัฒนาการจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ
การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมอกับชุมชนเพอการจัดการเรียนรู้ (Relationship &
ื่
ื
Collaborative – Building for Learning Management) หมายถึง การประสานความร่วมมือ สร้าง
ความสัมพันธ์ที่ดี และเครือข่ายกับผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้
การจัดการทรัพยากรแรงงาน และคุณภาพของคน ได้มีแนวคิดเรื่องสมรรถนะนี้มีพื้นฐาน
มาจากการมุ่งเสริมสร้างความสามารถให้ทรัพยากรบุคคล โดยมีความเชื่อว่าเมื่อพัฒนาคนให้มี
ความสามารถแล้ว คนจะใช้ความสามารถที่มีไปผลักดันให้บรรลุเป้าหมายได้
ดังนั้นการนำเอาเรื่องสมรรถนะมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงควรมุ่งพัฒนาบุคคลของใน
องค์กรเป็นสำคัญ
David ได้ให้ความหมายว่า สมรรถนะ คือ บุคลิกลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายในปัจเจกบุคคล
ซึ่งสามารถส่งเสริมให้บุคคลนั้นสร้างผลการทำงานที่ดีหรือตามเกณฑ์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในงานที่รับผิดชอบ
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมรรถนะ 2 องค์ประกอบของสมรรถนะ หลักตามแนวคิดของแมคเคิลแลนด์มี 5
ส่วน คือ 1. ความรู้ (Knowledge) คือ ความรู้เฉพาะในด้านที่ควรรู้ เป็นความรู้ที่มีสาระที่สำคัญ เช่น
(16)
ความรู้ด้านเครื่องบิน เป็นต้น 2. ทักษะ (Skill) คือ สิ่งที่ต้องทำให้ได้อย่างมีคุณภาพ เช่น ทักษะทาง
ออกแบบ ทักษะทางการให้ความรู้กับคนอื่นๆ เป็นต้น สิ่งที่เกิดมานั้นต้องมาจากพื้นฐานทางความรู้
และสามารถปฏิบัติได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว 3. ความคิดเห็นเกี่ยวกับตนเอง (Self – concept) คือ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเอง หรือสิ่งที่บุคคลเชื่อว่าเป็น เช่น ความมั่นใจ เป็นต้น
4.บุคลิกประจำตัวของตัวเอง (Traits) เป็นสิ่งที่กล่าวถึงบุคคลนั้น เช่น คนที่น่านับถือและไว้ใจได้หรือมี
ความเป็นผู้นำ เป็นต้น 5. เจตคติหรือแรงจูงใจ (Motives / attitude) เป็นแรงจูงใจที่ขับออกมาจาก
ภายใน ซึ่งส่งผลให้บุคคลแสดงพฤติกรรมที่มุ่งไปสู่เป้าหมายหรือมุ่งสู่ความสำเร็จ เป็นต้น
เดชา เดชะวัฒนไพศาล กล่าวว่า “ขีดความสามารถ” หมายถึง ทักษะ ความรู้และ
ความสามารถหรือพฤติกรรม (Skills,Knowledge and Attributes) ของบุคลากรที่จำเป็นในการ
ปฏิบัติงานใดงานหนึ่ง กล่าวคือ ในการทำงานอย่างหนึ่ง เราต้องรู้อะไร เมื่อมีความรู้หรือข้อมูลแล้ว
เราต้องรู้ว่าจะทำงานนั้น และเราควรมีพฤติกรรมหรือคุณลักษณะเฉพาะ
ดุจดาว ดวงเด่น กล่าวว่า “ขีดความสามารถ” เป็นคุณสมบัติด้านความรู้ทักษะและ
ทัศนคติของบุคคลที่เป็นผลทำให้เกิดความสามารถในการปฏิบัติงานหรือกระทำสิ่งต่างๆ ได้
ความสามารถของบุคคลเป็นสิ่งที่สังเกตได้เนื่องจากบุคคลที่มีความสามารถจะต้องแสดงออกถึง
ความสามารถทางด้านพฤติกรรม
ปิยสุดา ขันติยะวรา กล่าวว่า “ขีดความสามารถ” คุณลักษณะเฉพาะของบุคคล ได้แก่
ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะซึ่งเป็นพฤติกรรมหรือการกระทำที่บุคคลจะต้องมีเพื่อให้สามารถ
ปฏิบัติงานที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จตามมาตรฐานและเป้าหมายหรือ
สูงกว่ามาตรฐานและเป้าหมายของงานที่องค์กรกำหนดไว้
ดนัย เทียนพุฒ กล่าวว่า “ขีดความสามารถ” หมายถึง คุณลักษณะของคนที่มีอยู่ในตัว
ซึ่งเรียกว่าแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (Achievement Motivation) ได้ผลักดันด้วยความสัมพันธ์อย่างเป็น
เหตุเป็นผลกับประสิทธิภาพของงาน หรือผลงานที่มีคุณค่าสูงสุด หรือ หมายถึง ความรู้ทักษะ ทัศนคติ
ที่แสดงออกในเชิงพฤติกรรมของบุคคล (Skilled Behavior) ที่เป็นคุณค่าสูงสุดของผลงาน
(Superior Performance)
ขั้นตอนการสร้างนวัตกรรมการทางการศึกษา
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ (2544 : 39 – 41) กล่าวถึงขั้นตอนการสร้างนวัตกรรมไว้
6 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 กำหนดสิ่งที่จะพัฒนา สภาพปัญหา วิเคราะห์รายละเอียด
ขั้นที่ 2 กำหนดนวัตกรรม
(17)
เมื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ไว้ชัดเจนแล้ว ครูต้องศึกษาค้นคว้าตามหลักวิชาการ
แนวคิดทฤษฎีและผลงานที่วิจัยที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ในการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน โดย
นำมาผสมผสานกับความรู้ ความคิด และประสบการณ์ของตน กำหนดเป็นกรอบแนวคิดของ
กระบวนการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วย สื่อการสอน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เทคนิค วิธีการ กระบวนการ
ฯลฯ ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่ใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนให้ได้ตามความต้องการ
ขั้นที่ 3 สร้างและพัฒนา
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะเลือกจัดทำนวัตกรรมชนิดใด ครูผู้สอนควรศึกษาวิธีการจัดทำนวัตกรรมนั้น ๆ
อย่างละเอียด มีลักษณะองค์ประกอบอะไรบ้าง มีวิธีดำเนินการจัดทำอย่างไร มีการตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้น
หรือไม่อย่างไร แล้วจึงจัดทำนวัตกรรมให้สมบูรณ์ตามข้อกำหนด ขั้นที่ 4 ทดลองใช้
เพื่อให้แน่ใจว่านวัตกรรมที่สร้างหรือพัฒนาขึ้น เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสามารถ
ใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนได้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้จริง ถ้าทำได้ครูอาจทำการทดลองใช้
นวัตกรรมเหล่านั้นกับนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ก่อน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ก่อนนำไปใช้จริง
นอกจากนั้นนวัตกรรมบางประเภท เช่น บทเรียนสำเร็จรูปและชุดการสอน จะมีรูปแบบของการ
ทดลองใช้ก่อน 1 คน เมื่อพบข้อบกพร่องก็ปรับปรุงแก้ไข หลังจากนั้นให้ทดลองกับผู้เรียนกลุ่มหนึ่ง
่
ประมาณ 9 -10 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้เรียนออน ปานกลาง และเก่ง แล้วตรวจสอบคุณภาพ ด้วยการ
หาประสิทธิผลของนวัตกรรมเป็นต้น หลังจากนั้นอาจปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่งก่อนที่นำไปใช้กับ
ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ในสภาพการณ์จริง
ขั้นที่ 5 ใช้ในสถานการณ์จริง
เมื่อครูดำเนินการสร้าง ทดลองใช้นวัตกรรม และปรับปรุงแก้ไขจนมั่นใจในคุณภาพของ
นวัตกรรมแล้วก็นำไปใช้จริง ซึ่งอาจเป็นการนำไปใช้ตามแผนการสอนปกติที่กำหนดไว้ หรือจัดทำเป็น
2.3 แนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีการศึกษา ได้แก่แนวคิดพนฐานในการจัดกิจกรรมการ
ื้
เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ พอจะสรุปได้ 4 ประการ คือ
1. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Different) การจัดการศึกษาของไทยได้ให้
ความสำคัญในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลเอาไว้ อย่างชัดเจนซึ่งจะเห็นได้จากแผนการศึกษาของ
ชาติ ให้มุ่งจัดการศึกษาตามความถนัดความสนใจ และความสามารถ ของแต่ละคนเป็นเกณฑ์ ตัวอย่าง
ที่เห็นได้ชัดเจนได้แก่ การจัดระบบห้องเรียนโดยใช้อายุเป็นเกณฑ์บ้าง ใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์บ้าง
นวัตกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ เช่น การเรียนแบบไม่แบ่งชั้น (Non-Graded
School) แบบเรียนส าเร็จรูป (Programmed Text Book) เครื่องสอน (Teaching Machine) การ
(18)
สอนเป็น คณะ (Team Teaching) การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School) เครื่อง
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction)
2. ความพร้อม (Readiness) เดิมทีเดียวเชื่อกันว่า เด็กจะเริ่มเรียนได้ก็ต้องมีความพร้อม
ซึ่งเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันการวิจัยทางด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ชี้ให้เห็นว่าความ
พร้อมในการเรียนเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ถ้าหากสามารถจัดบทเรียน ให้พอเหมาะกับระดับความสามารถ
ของเด็กแต่ละคน วิชาที่เคยเชื่อกันว่ายาก และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กเล็กก็สามารถน ามาให้ศึกษาได้
นวัตกรรมที่ตอบสนองแนวความคิดพื้นฐานนี้ได้แก่ ศูนย์การเรียนการจัดโรงเรียนในโรงเรียน
ิ
นวัตกรรมที่สนองแนวความคดพื้นฐานด้านนี้ เช่น ศูนย์การเรียน (Learning Center) การจัดโรงเรียน
ในโรงเรียน (School within School) การปรับปรุงการสอนสามชั้น (Instructional Development in 3 Phases)
3. การใช้เวลาเพื่อการศึกษาแต่เดิมมาการจัดเวลาเพื่อการสอน หรือตารางสอนมักจะ
จัดโดยอาศัยความสะดวกเป็นเกณฑ์ เช่น ถือหน่วยเวลาเป็นชั่วโมง เท่ากันทุกวิชา ทุกวันนอกจากนั้นก็
ยังจัดเวลาเรียนเอาไว้แน่นอนเป็นภาคเรียน เป็นปีในปัจจุบันได้มีความคิดในการจัดเป็นหน่วยเวลา
สอนให้สัมพันธ์กับลักษณะของแต่ ละวิชาซึ่งจะใช้เวลาไม่เท่ากันบางวิชาอาจใช้ช่วงสั้นๆ แต่สอน
บ่อยครั้ง การเรียนก็ไม่จ ากัดอยู่แต่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น นวัตกรรมที่สนองแนวความคิดพื้นฐาน
ด้านนี้ เช่น การจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น (Flexible Scheduling) มหาวิทยาลัยเปิด (Open
University) แบบเรียนสำเร็จรูป (Programmed Text Book) การเรียนทางไปรษณีย์
๔. ประสิทธิภาพในการเรียนการขยายตัวทางวิชาการ และการเปลี่ยนแปลงของสังคม
ทำให้มีสิ่งต่างๆ ที่คนจะต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก แต่การจัดระบบการศึกษาในปัจจุบันยังไม่มี
ประสิทธิภาพเพียงพอจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านปัจจัย
เกี่ยวกับตัวผู้เรียน และปัจจัยภายนอก นวัตกรรมในด้านนี้ที่เกิดขึ้น เช่น การเรียนทางโทรทัศน์การ
เรียนทางไปรษณีย์ การเรียนการสอนทางไกล การเรียนทางเว็บไซต์ การเรียนผ่านเครือข่าย แบบเรียน
สำเร็จรูป
ตัวอย่างนวัตกรรมการสอนแบบใหม่ๆ
เสิร์ชเอ็นจิ้น (search engine) หรือ โปรแกรมค้นหา คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล
โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์
แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย
เสิร์ชเอ็นจิ้นส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดง
รายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา
ตัวอย่าง
Google https://www.google.co.th
Bing http://www.bing.com
(19)
Yahoo https://www.yahoo.com
Ask http://www.ask.com
ห้องเรียนออนไลน์ Quipper School https://school.quipper.com/th/index.html
ควิปเปอร์สคูล คือ ฟรี -แพลตฟอร์มออนไลน์ สำหรับคุณครูและ นักเรียน ควิปเปอร์สคูล
ประกอบด้วยสองส่วนด้วยกัน คือ สำหรับครูผู้สอน และสำหรับนักเรียน เป็นที่ที่ครูจัดการห้องเรียน
ออนไลน์และยังสามารถติดตาม ตรวจสอบผลการเรียนของนักเรียนได้ สามารถเลือกจากบทเรียนและ
แบบฝึกหัดหลายพันหัวข้อครอบคลุมหลักสูตร เพื่อส่งเป็นการบ้านให้นักเรียนทั้งชั้นหรือกลุ่มย่อยใน
ชั้นเรียนได้ ครูสามารถสามารถแก้ไขจากบทเรียนที่มีอยู่หรือสร้างเนื้อหาและแบบทดสอบขึ้นมาใหม่
ทั้งหมดด้วยตัวเองได้สามารถดูและดาวน์โหลดผลวิเคราะห์คะแนนของนักเรียน อัตราการส่งการบ้าน
การบ้านที่ทำเสร็จไปแล้ว จุดแข็งและจุดอ่อนของนักเรียน ครูทำงานกับชั้นเรียนของเขาหรือสามารถ
ทำงานร่วมกันระหว่างครู (สองคนหรือมากกว่านั้น) ในชั้นเรียน หรือโรงเรียนเดียวกันได้ Google
Classroom https://classroom.google.com/
Classroom เปิดให้บริการสำหรับทุกคนที่ใช้ Google Apps for Education ซึ่งเป็นชุด
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ให้บริการฟรี ประกอบด้วย Gmail, เอกสาร และไดรฟ ์
Classroom ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ครูสามารถสร้างและเก็บงานได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลือง
กระดาษ มีคุณลักษณะที่ช่วยประหยัดเวลา เช่น สามารถทำสำเนาของ Google เอกสารสำหรับ
นักเรียนแต่ละคนได้โดยอัตโนมัติ โดยระบบจะสร้างโฟลเดอร์ของไดรฟ์สำหรับแต่ละงานและนักเรียน
แต่ละคนเพื่อช่วยจัดระเบียบให้ทุกคน นักเรียนสามารถติดตามว่ามีอะไรครบกำหนดบ้างในหน้างาน
และเริ่มทำงานได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ครูสามารถดูได้อย่างรวดเร็วว่าใครทำงานเสร็จหรือไม่
เสร็จบ้าง ตลอดจนสามารถแสดงความคิดเห็นและให้คะแนนโดยตรงได้แบบเรียลไทม์ใน Classroom
การอาชีวศึกษา หมายความว่า กระบวนการศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพ
ระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี (พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษาพ.ศ. ๒๕๕๑)
“การฝึกอบรมวิชาชีพ” หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้และการฝึกทักษะอาชีพระยะสั้น
หรือระยะยาว ทั้งในและนอกสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือสถาบันการอาชีวศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเป็น
โครงการหรือสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะภายใต้หลักสูตรที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด
“สถาบัน” หมายความว่า สถาบันการอาชีวศึกษาของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการจัดการ
อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพตามพระราชบัญญัตินี้
ื
“สถานประกอบการ” หมายความว่า สถานประกอบการที่ร่วมมอกับสถานศึกษาอาชีวศึกษา
หรือสถาบันการอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพื่อจัดการอาชีวศึกษา
และการฝึกอบรมวิชาชีพ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด
(20)
“มาตรฐานการอาชีวศึกษา” หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพ
และมาตรฐานในการจัดการอาชีวศึกษาที่พึงประสงค์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการส่งเสริม การกำกับดูแล
การตรวจสอบการประเมินผล และการประกันคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษา
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนเพื่อพัฒนาการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพ
“คณะกรรมการการอาชีวศึกษา” หมายความว่า คณะกรรมการการอาชีวศึกษาตามกฎหมายว่าด้วย
ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษาพ.ศ. 2551)
การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพต้องเป็นการจัดการศึกษาในด้านวิชาชีพ
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติเพื่อผลิตและ
พัฒนากำลังคนในด้านวิชาชีพระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และระดับเทคโนโลยี รวมทั้งเป็นการยกระดับ
การศึกษาวิชาชีพให้สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยนำความรู้ในทาง
ทฤษฎีอันเป็นสากลและภูมิปัญญาไทยมาพฒนาผู้รับการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในทางปฏิบัติ
ั
และมีสมรรถนะจนสามารถนำไปประกอบอาชีพในลักษณะผู้ปฏิบัติหรือประกอบอาชีพโดยอิสระได้
การจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพตามมาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 ให้จัดตาม
หลักสูตรที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษากำหนด ดังต่อไปนี้
(1) ประกาศนียบัตรวิชาชีพ
(2) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
(3) ปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาอาจกำ
หนดหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อความรู้ หรือทักษะในการประกอบอาชีพหรือการศึกษาต่อ ซึ่งจัดขึ้นเป็น
โครงการหรือสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะได้
2.2 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับหลักสูตรแกนกลาง
กระทรวงศึกษาการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ให้เป็นหลักสูตร
แกนกลางของประเทศโดยได้กำหนดจุดมุ่งหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมาย และกรอบที่
ช่วยกำหนดทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญามีคุณชีวิตที่ดีและมีขีด
ความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2544) พร้อมกันนี้ได้ปรับ
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 โดยมี
รายละเอียดการกำหนดหลักสูตรแกนกลาง ตามมาตรฐานการเรียนการพัฒนาให้เกิดสมดุลต้อง
คำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมองและพหุปัญญา จึงต้องกำหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ ดังต่อไปนี้ 1 ภาษาไทย 2 คณิตศาตร์ 3 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 สังคมศึกษา ศาสนา
และวัฒนธรรม 5 สุขศึกษาและพลศึกษา 6 ศิลปะ 7 การงานอาชีพ 8 ภาษาต่างประเทศ
(21)
2.5 แนวทางการจัดกิจกรรมงานแนะแนวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี
ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับการพัฒนาให้บรรลุตามวิสัยทัศน์
ั่
“ประเทศไทยมีความมนคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง” และเป้าหมายการพัฒนาประเทศข้างต้น จึงจําเป็นต้องกําหนดยุทธศาสตร์การ
พัฒนาประเทศระยะยาว ที่จะทําให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตย มีภูมิคุ้มกันต่อ
การเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศในทุกมิติทุกรูปแบบและทุกระดับ ภาค
เกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการของประเทศได้รับการพัฒนายกระดับไปสู่การใช้
เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนากลไกที่สําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ใหม่ที่จะสร้างและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ เพื่อยกระดับฐานรายได้ของประชาชนใน
ภาพรวมและกระจายผลประโยชน์ไปสู่ภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม คนไทยได้รับการพัฒนาให้
เป็นคนดีเก่ง มีวินัย คํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม และมีศักยภาพในการคิดวิเคราะห์สามารถ “รู้รับ
ปรับใช้” เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน ระบบสวัสดิการ และ
กระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีใครถูกทิ้ง ไว้ข้างหลัง การพัฒนาประเทศในช่วง
ระยะเวลาของยุทธศาสตร์ชาติจะมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาความมั่นคง เศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรูปแบบ “ประชารัฐ” โดยประกอบด้วย
๖ ยุทธศาสตร์ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างความสามารถใน
การแข่งขัน ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ยุทธศาสตร์ชาติ
ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการสร้างการเติบโตบน
คุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุล และพัฒนาระบบการ
บริหารจัดการภาครัฐ โดยแต่ละยุทธศาสตร์มีเป้าหมายและประเด็นการพัฒนาประเทศไปทิศทาง
เดียวกัน แต่สำหรับการพัฒนาแนวคิดงานแนะแนว โดยจะนำเอาแนวคิดไปยึดกับแนวของการวาง
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
มีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติบนพื้นฐานแนวคิด
3 ประการ ได้แก่ (1) “ต่อยอดอดีต” โดยมองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์วัฒนธรรม
ประเพณีวิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิง
เปรียบเทียบของประเทศ ในด้านอื่นๆ นํามาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้
สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่ (2) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่าน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้าง
พื้นฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนา
(22)
อุตสาหกรรมและบริการอนาคตและ (3) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของ
ผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้ง
การส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐให้ประเทศไทยสามารถสร้างฐานรายได้และการจ้างงานใหม่
ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี
รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเหลื่อมล้ำของคนในประเทศได้ในคราวเดียวกัน
4.3 ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์มีเป้าหมาย การ
พัฒนาที่สําคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดีเก่ง และมีคุณภาพโดยคนไทยมี
ความพร้อมทั้งกายใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้าน และมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัยมีจิต
สาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารีมีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็น
พลเมืองดีของชาติมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสาร ภาษาอังกฤษ
และภาษาที่สาม และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่อง
ตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่ โดยมี
สัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง เป็นต้นต่อไปนั้น
อุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ข้อมูลและ
ปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม และบริการ
ื่
ั
ั
ครอบคลุมระบบอตโนมัติและหุ่นยนต์อเล็กทรอนิกส์อจฉริยะ และอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง เพอยกระดับ
ิ
ประสิทธิภาพของภาคเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ สร้างแพลตฟอร์ม สําหรับเศรษฐกิจในอนาคต และเพม
ิ่
คุณภาพชีวิตให้กับประชาชน โดยการสร้างอุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์
เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศไทย และส่งเสริมการลงทุนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนไทย และบริษัท
ชั้นนําของโลกในอุตสาหกรรมเหล่านี้เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการวิจัยและพัฒนา การ
สร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่ประชาชน และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูลและ
ปัญญาประดิษฐ์สําหรับภาคการผลิตและบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างนวัตกรรม และดําเนิน
ธุรกิจใหม่ๆ การผลักดันให้ผู้ประกอบการได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมในระดับสากลและ
สร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเพื่อขยายธุรกิจไทยในอุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูล
ปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะให้ครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่
มูลค่าระดับโลกการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของผู้ประกอบการที่สามารถนําไปใช้
ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาต่างๆ และ
สนับสนุนการใช้ข้อมูลเปิดที่ ไม่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการศึกษา การวิจัยและ
พัฒนา และการต่อยอดทางธุรกิจ พร้อมทั้งการสร้างและพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะความรู้เพื่อรองรับ
(23)
การเติบโตของอุตสาหกรรมและ บริการดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์รวมทั้งอุตสาหกรรมและ
บริการที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ และสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจากทั่วโลกให้มาทํางาน
ในไทย ตลอดจนให้ความ ช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและ
รวดเร็วของเทคโนโลยี
ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการพฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
ั
4.1 การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรม มุ่งเน้นให้สถาบันทางสังคมร่วมปลูกฝังค่านิยม
วัฒนธรรมที่พึงประสงค์โดยบูรณาการร่วมระหว่าง “ครอบครัว ชุมชน ศาสนา การศึกษา และสื่อ” ใน
การหล่อหลอมคนไทยให้มีคุณธรรม จริยธรรม ในลักษณะที่เป็น ‘วิถี’ การดําเนินชีวิต
การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมผ่านการเลี้ยงดูในครอบครัว โดยส่งเสริมให้ครอบครัวมี
ความอบอุ่น ดําเนินชีวิตโดยยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม มัธยัสถ์อดออม ซื่อสัตย์และแนวปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง มีการจัดกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะดังกล่าว รวมทั้งการพัฒนาพ่อแม่ให้
เป็นแบบอย่างที่ดีในการดําเนินชีวิต
การบูรณาการเรื่องความซื่อสัตย์วินัย คุณธรรม จริยธรรม ในการจัดการเรียนการสอนใน
สถานศึกษา โดยให้สถานศึกษาสอดแทรกการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และการมีจิตสาธารณะเข้า
ไปในทุกสาระวิชาและในทุกกิจกรรม รวมทั้งปรับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา
ให้เอื้อต่อการมีคุณธรรม จริยธรรม และจิตสาธารณะ รวมถึงการรักษาขนบธรรมเนียมและประเพณี
อันดีงาม
การสร้างความเข้มแข็งในสถาบันทางศาสนา เพื่อเผยแผ่หลักคําสอนที่ดีงามให้แก่ประชาชน
โดยพัฒนา ผู้เผยแผ่ศาสนาให้ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างตาม คําสอนที่ถูกต้องของแต่ละศาสนา
รวมทั้งมีการเผยแผ่หลักธรรมคําสอนทางศาสนาที่สอดคล้องกับการดําเนินชีวิตที่เข้าใจง่าย และ
สามารถนําไปปฏิบัติได้จริง
การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน โดยการพัฒนาผู้นําชุมชนให้เป็น
ต้นแบบของการมีคุณธรรมจริยธรรม การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในการจัดกิจกรรม
สาธารณประโยชน์การจัดระเบียบสังคม และการนําเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทํากิจกรรมรวมถึง
การลงโทษผู้ละเมิดบรรทัดฐานที่ดีทางสังคม
การสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมที่พึงประสงค์จากภาคธุรกิจ โดยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจมีการ
บริหารจัดการอย่างมีธรรมาภิบาล พัฒนาสร้างความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมของคนทุกคน ในบริษัท
ทั้งพนักงานและลูกค้า ปรับเปลี่ยนทัศนคติการคํานวณผลตอบแทนให้คํานึงถึงต้นทุนทางสังคมส่งเสริม
ื่
การจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการประกอบธุรกิจเพอสังคม
การใช้สื่อและสื่อสารมวลชนในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมของคนในสังคม โดยส่งเสริม
ให้สื่อและสื่อสารมวลชนปฏิบัติตามจรรยาบรรณสื่ออย่างเคร่งครัด การจัดเวลาและพื้นที่ออกอากาศ
(24)
ให้แก่สื่อสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาที่มีผู้ชมมากที่สุด รวมทั้งการส่งเสริมการใช้สื่อออนไลน์และเครือข่าย
สังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์นําเสนอตัวอย่างของการมีคุณธรรม จริยธรรมและการมีจิตสาธารณะ
เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์
การส่งเสริมให้คนไทยมีจิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยสร้างความ
ตระหนักให้ประชาชนรู้จักหน้าที่ของตนเอง การตรงต่อเวลา การยอมรับความหลากหลายเห็นคุณค่า
และความสําคัญในการประกอบสัมมาอาชีพหรือมีงานทํา เน้นการพึ่งพาตนเอง และมีความรับผิดชอบ
ต่อสังคมและต่อผู้อื่น และเป็นพลเมืองที่ดีและส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมการทํางานเพื่อส่วนรวม
สนับสนุน ส่งเสริม เป้าหมายของประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ
การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัยตั้งแต่
ช่วงการตั้งครรภ์ปฐมวัย วัยเด็ก วัยรุ่น วัยเรียน วัยผู้ใหญ่ วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ เพื่อสร้าง
ทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพ มีทักษะความรู้เป็นคนดีมีวินัย เรียนรู้ได้ด้วยตนเองในทุกช่วงวัย มีความ
รอบรู้ทางการเงิน มีความสามารถในการวางแผนชีวิตและการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมในแต่ละ
ช่วงวัย และความสามารถในการดํารงชีวิตอย่างมีคุณค่า รวมถึงการพัฒนาและปรับทัศนคติ
ให้คนทุกช่วงวัยที่เคยกระทําผิดได้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสงบสุขและเป็นกําลังสําคัญในการ
พัฒนาประเทศ
ช่วงการตั้งครรภ์/ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อมให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ส่งเสริม
อนามัยแม่และเด็กตั้งแต่เร่ิมตั้งครรภ์ส่งเสริมการเกิดอย่างมีคุณภาพ สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การส่งเสริมการให้สารอาหารที่จําเป็นต่อสมองเด็ก และให้มีการลงทุนเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มี
พัฒนาการที่สมวัยในทุกด้าน
ช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น ปลูกฝังความเป็นคนดีมีวินัย พัฒนาทักษะความสามารถการเรียนรู้ที่สอด
รับกับทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ ความสามารถใน
การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาหรืออาชญากรรมต่างๆ มีความคิดสร้างสรรค์
มีความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น มีความยืดหยุ่นทางความคิด รวมถึงทักษะด้านภาษา ศิลปะ
และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีและได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ สอดคล้องกับ
ความสามารถ ความถนัดและความสนใจ รวมถึงการวางพื้นฐานการเรียนรู้เพื่อการวางแผนชีวิตและ
วางแผนทางการเงินที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยและนําไปปฏิบัติได้ตลอดจนการพัฒนาทักษะการ
เรียนรู้ที่เชื่อมต่อกับโลกการทํางาน รวมถึงทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศมี
ทักษะชีวิต สามารถอยู่ร่วมและทํางานกับผู้อื่นได้ภายใต้สังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรม
ช่วงวัยแรงงาน ยกระดับศักยภาพ ทักษะ และสมรรถนะแรงงานอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับ
ความสามารถเฉพาะบุคคล และความต้องการของตลาดแรงงาน มีการทํางานตามหลักการทํางานทีมี
่
คุณค่าเพื่อสร้างประสิทธิภาพเพิ่มให้กับประเทศ มีวัฒนธรรมการทํางานที่พึงประสงค์มีความรู้ความ
(25)
เข้าใจและมีทักษะทางการเงินเพื่อให้สามารถบริหารจัดการการเงินของตนเองและครอบครัวมีการ
วางแผนทางการเงินและมีการออม การรับผิดชอบของพ่อแม่ต่อครอบครัว มีการพัฒนาระบบการ
เรียนรู้และการอํานวยความสะดวกด้านความรู้เพอพัฒนาความรู้แรงงานฝีมือ ความชํานาญพิเศษ การ
ื่
เป็นผู้ประกอบการใหม่ และการพัฒนาต่อยอดความรู้ในการสร้างสรรค์งานใหม่ๆ รวมทั้ง มาตรการ
ขยายอายุการทํางาน
ช่วงวัยผู้สูงอายุส่งเสริม ให้ผู้สูงอายุเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ส่งเสริมให้มีการทํางาน
หลังเกษียณ ผ่านการเสริมทักษะการดํารงชีวิต ทักษะอาชีพในการหารายได้มีงานทําที่เหมาะสมกับ
ศักยภาพ มีการสร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพ การป้องกันโรคให้แก่ผู้สูงอายุ พร้อมกับจัด
สภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุและหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจําเป็นพื้นฐาน
ในการดํารงชีวิต การมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในสังคม
ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยมุ่งเน้นผู้เรียน
ให้มีทักษะการเรียนรู้และมีใจใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา มีการออกแบบระบบการเรียนรู้ใหม่การเปลี่ยน
บทบาทครูการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษา และการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การสร้างความตื่นตัวให้คนไทยตระหนักถึงบทบาท ความรับผิดชอบ และการวางตําแหน่งของประเทศ
ไทยในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์และประชาคมโลก การวางพื้นฐานระบบรองรับการเรียนรู้โดยใช้ดิจิทัล
แพลตฟอร์ม และการสร้างระบบการศึกษาเพื่อเป็นเลิศทางวิชาการระดับนานาชาติ
การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสําหรับศตวรรษที่ 21 โดย
ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ในทุกระดับชั้นอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษาที่
มุ่งเน้นการใช้ฐานความรู้และระบบคิดในลักษณะสหวิทยาการ อาทิ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการ
ตั้งคําถาม ความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีความรู้ทางวิศวกรรมศาสตร์ และการคิด
เพื่อหาทางแก้ปัญหา ความรู้และทักษะทางศิลปะ และความรู้ด้านคณิตศาสตร์และระบบคิด ของ
เหตุผลและการหาความสัมพันธ์การพัฒนาระบบการเรียนรู้เชิงบูรณาการที่เน้นการลงมือปฏิบัติ มีการ
สะท้อนความคิด/ทบทวนไตร่ตรอง การสร้างผู้เรียนให้สามารถกํากับการเรียนรู้ของตนได้ การหล่อ
หลอมทักษะการเรียนรู้และความคดสร้างสรรค์ที่ผู้เรียนสามารถนําองค์ความรู้ไปใช้ในการสร้างรายได้
ิ
หลายช่องทาง รวมทั้งการเรียนรู้ด้านวิชาชีพและทักษะชีวิต
การเปลี่ยนโฉมบทบาท ‘ครู’ ให้เป็นครูยุคใหม่ โดยปรับบทบาทจาก “ครูสอน” เป็น “โค้ช”
หรือ “ผู้อํานวยการการเรียนรู้” ทําหน้าที่กระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจ แนะนําวิธีเรียนรู้และวิธีจัด
ระเบียบการสร้างความรู้ออกแบบกิจกรรมและสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียน และมีบทบาทเป็น
นักวิจัยพัฒนากระบวนการเรียนรู้เพื่อผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน รวมทั้งปรับระบบการผลิตและพัฒนาครู
ั
ตั้งแต่การดึงดูด คัดสรร ผู้มีความสามารถสูงให้เข้ามาเป็นครูคุณภาพ มีระบบการพฒนาศักยภาพและ
สมรรถนะครูอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั้งเงินเดือน เส้นทางสายอาชีพ การสนับสนุนสื่อการสอนและ
(26)
สร้างเครือข่ายพัฒนาครูให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน รวมถึงการพัฒนาครูที่มีความเชี่ยวชาญ
ด้านการสอนมาเป็นผู้สร้างครูรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบ และวัดผลงานจากการพัฒนาผู้เรียนโดยตรง
การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภทจัดให้มีมาตรฐาน
ของโรงเรียนในทุกระดับ จัดโครงสร้างการจัดการการศึกษาเพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์และ
ให้เอื้อต่อการเข้าถึงการศึกษาอย่างเสมอภาค ทั่วถึง และใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การ
ยกระดับสถาบันการศึกษาในสาขาที่มีความเชี่ยวชาญสู่ความเป็นเลิศ ปฏิรูปการคลังด้านการศึกษา
เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการศึกษาโดยการจัดสรรงบประมาณตรงสู่ผู้เรียน ส่งเสริม
การมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการจัดการศึกษา พัฒนาระบบประกันคุณภาพการศึกษาโดยแยกออก
จากระบบการประเมินและการรับรองคุณภาพที่เน้นผลลัพธ์ที่ตัวผู้เรียน รวมทั้งมีการปฏิรูประบบการ
สอบที่นําไปสู่การวัดผลในเชิงทักษะที่จําเป็นสําหรับศตวรรษที่ 21 มากกว่าการวัดระดับความรู้
ตลอดจนมีการวิจัยและใช้เทคโนโลยีในการสร้างและจัดการความรู้ในการจัดการเรียนการสอน การ
จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพที่สอดคล้องกับบริบทพื้น
การพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเน้นการจัดระบบการศึกษาและระบบฝึกอบรมบน
ฐานสมรรถนะที่มีคุณภาพสูงและยืดหยุ่นผ่านการพัฒนากลไกต่างๆ อาทิ การพัฒนาการศึกษา
ออนไลน์แบบเปิด การพัฒนาระบบการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะการรู้ดิจิทัล การมีระบบเทียบโอน
ประสบการณ์ระบบธนาคารหน่วยกิต มาตรการจูงใจให้คนเข้าสู่การยกระดับทักษะ การให้สถาน
ประกอบการเพมผลิตภาพแรงงานผ่านการพัฒนาความสามารถทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบ
ิ่
คุณวุฒิวิชาชีพ นอกจากนี้ต้องพัฒนาระบบการเรียนรู้ในชุมชนให้เข้าถึงความรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
ปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต รวมถึงการเรียนรู้และ
ทบทวนทักษะพื้นฐาน ได้แก่ การอ่านออก-เขียนได้-คิดเลขเป็น โดยระดมทรัพยากรจากภาคเอกชน
และภาคประชาสังคม การพัฒนาทัศนคติและแรงบันดาลใจที่อยากเรียนรู้การสร้างนิสัยใฝ่เรียนรู้และ
ให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว รวมทั้งนําความรู้ไปพัฒนาต่อยอดหรือประยุกต์ใช้ในการ
ดําเนินชีวิตได้
การวางพื้นฐานระบบรองรับการเรียนรู้โดยใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยเน้นการพัฒนาทักษะ
ดิจิทัล ทักษะการคัดกรองความรู้องค์ความรู้การใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับคุณค่า ของครูไปพร้อมกัน
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพที่ประชาชนสามารถเข้าถึงทรัพยากร และใช้ประโยชน์จากระบบ
การเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านเทคโนโลยีการเรียนรู้สมัยใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทรัพยากรมนุษย์เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสําคัญในการยกระดับการพัฒนาประเทศในทุกมิติไปสู่
เป้าหมายการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่ขับเคลื่อนโดยภูมิปัญญาและนวัตกรรมในอีก 20 ปีข้างหน้า
ดังนั้น จึงจําเป็นต้องมีการวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศอย่างเป็นระบบโดย
จําเป็นต้องมุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ดีเก่ง
(27)
และมีคุณภาพพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปข้างหน้าได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่ง “คนไทยใน
อนาคตจะต้องมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วง
วัยมีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารีมีวินัย รักษาศีลธรรม
และเป็นพลเมืองดีของชาติมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสาร
ภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่าง
ต่อเนื่องตลอดชีวิตสู่การเป็นคนไทย ที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่
และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง” ดังนั้น เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติและในทุก
ช่วงวัยสามารถได้รับการพัฒนาและยกระดับ ได้เต็มศักยภาพและเหมาะสม ยุทธศาสตร์ชาติด้านการ
พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ จึงได้กําหนดประเด็นยุทธศาสตร์ที่เน้นทั้งการแก้ไข
ปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในปัจจุบัน และการเสริมสร้างและยกระดับการพัฒนา ที่ให้
ความสําคัญที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของการพัฒนา ทุนมนุษย์และปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาทรัพยากร มนุษย์อย่างครอบคลุม ประกอบด้วย การพัฒนา
ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต ควบคู่กับการปฏิรูปที่สําคัญ ทั้งในส่วนของการปรับเปลี่ยนค่านิยมและ
วัฒนธรรม เพื่อให้คนมีความดีอยู่ใน วิถีการดําเนินชีวิตและมีจิตสํานึกร่วมในการสร้างสังคมที่น่าอยู่
และมีการปฏิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉม ในทุกระดับตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยการพัฒนาระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 มีการออกแบบระบบ
ั
การเรียนรู้ใหม่ การเปลี่ยนบทบาทครูการเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษา และการพฒนา
ั
ระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อพฒนาผู้เรียนให้สามารถกํากับการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตนเองได้อย่าง
ต่อเนื่องแม้จะออกจากระบบการศึกษาแล้ว รวมถึงความตระหนักถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่
หลากหลายตลอดจนพัฒนาและรักษากลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษของพหุปัญญาแต่ละประเภท และ
การปฏิรูประบบเสริมสร้างความรอบรู้และจิตสํานึกทางสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพในการ
จัดการสุขภาวะที่ดีได้ด้วยตนเอง พร้อมกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เออต่อการพฒนาและเสริมสร้าง
ื้
ั
ศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ทั้งการเสริมสร้างครอบครัวที่เข้มแข็งอบอุ่นซึ่งเป็นการวางรากฐานการส่ง
ต่อเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพสู่การพัฒนาในช่วงอายุถัดไป โดยการส่งเสริมการเกิดที่มีคุณภาพ การ
สร้างครอบครัวที่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ การส่งเสริมบทบาทในการมีส่วนร่วมพัฒนาคน การพัฒนา
ระบบฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลด้านการพฒนา
ั
ทรัพยากรมนุษย์ระหว่างกระทรวง/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการเสริมสร้างศักยภาพการกีฬาในการ
สร้างคุณค่าทางสังคมและพัฒนาประเทศ ในการใช้กิจกรรมนันทนาการและกีฬาเป็นเครื่องมือในการ
เสริมสร้างสุขภาวะของประชาชนอย่างครบวงจรและมีคุณภาพมาตรฐานรวมถึงการพัฒนาทักษะด้าน
กีฬาสู่ความเป็นเลิศและกีฬาเพื่อการอาชีพ
(28)
การพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศให้มีศักยภาพและมีความพร้อมในการดำเนินชีวิตใน
ศตวรรษที่ 21 เพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงมั่งคั่งอย่าง
ยั่งยืน เป็นเป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลมุ่งพัฒนากำลังคนที่ตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศ และสร้างขีด
ความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้นำวิทยาศาสตร์ การวิจัย และ
นวัตกรรม มาใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ ชุมชนและสังคม และบูรณาการ
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาใช้ในเชิงพาณิชย์ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และภาค
บริการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนให้ความสำคัญแก่การพัฒนานวัตกรรมเชิงสังคม และ
นวัตกรรมในเชิงพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาและสร้างโอกาสไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทุนมนุษย์ทั้งในด้าน
ุ
วิชาการและวิชาชีพชั้นสูง เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับโลกยุคดิจิตอล และการขับเคลื่อนอตสาหกรรม
4.0 สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นกระทรวงใหม่ที่เป็นการ
ควบรวมหน่วยงานด้านการอุดมศึกษา และ ด้านวิจัยและพัฒนา ที่เกิดการควบรวมของ
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย โดยรัฐบาลเล็งเห็นถึง
ความสำคัญในการส่งเสริมและกำกับดูแลสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงพัฒนา
กำลังคนให้มีทักษะสอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศ รวมถึงการกำกับดูแลการและการพัฒนา
นวัตกรรมด้วย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่จัดตั้งขึ้น ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา
เฉพาะหน้าหรือตอบโจทย์ในปัจจุบัน แต่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
มีบทบาทหลักในการวางรากฐานของประเทศสู่อนาคต โดยเชื่อว่า นโยบายและทิศทางในการพัฒนา
ประชาชนให้มีความพร้อมรับมือกับโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเปิดโอกาสที่เท่าเทียมในการเรียนรู้ตลอด
ชีวิตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความสุขของคนไทย
ทุกคน เป็นภารกิจสำคัญและท้าทายที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศ ด้วยการพัฒนาตาม
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน สร้างความเข้มแข็ง
ให้กับประเทศ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สู่ความเป็น Thailand 4.0 สร้างความเชื่อมั่นและ
สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว
ในขณะที่อีกโจทย์ท้าทายหนึ่ง ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
กับ การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย เพื่อเร่งสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการพัฒนาคนของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งจะต้องสอดประสานการทำงาน
ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนา เพื่อเป็น future changer คือการเป็นตัวหลักในการเตรียมพร้อมคน
ไทยในศตวรรษที่ 21 เป็นกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและเป็นเฟือง
(29)
สำคัญในการปรับเปลี่ยนสู่ประเทศฐานนวัตกรรม ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจ
ไปพร้อมๆ กับการเติมเต็มศักยภาพ ทั้งของสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัยและพัฒนาต่างๆ ในการ
สร้างการเปลี่ยนแปลง ที่สามารถตอบโจทย์ประเทศและประชาชนได้ โดยกรอบโยบายที่วางไว้เป็น 4
มิติ คือ มิติที่ 1 สร้างและพัฒนาคนไทยในศตวรรษที่ 21 มิติที่ 2 สร้างและพัฒนาองค์ความรู้ มิติที่ 3
สร้างและพัฒนานวัตกรรม และมิติที่ 4 ปฏิรูปการอุดมศึกษา
นโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563 – 2570
เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาระบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้
สอดคล้องและบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ที่สอดคล้องกับ
ทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และนโยบายของรัฐบาล โดยมีวิสัยทัศน์เพื่อ “เตรียมคนไทย
แห่งศตวรรษที่ 21 พัฒนาเศรษฐกิจที่กระจายโอกาสอย่างทั่วถึง สังคมที่มั่นคง และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
โดยสร้างความเข้มแข็งทางนวัตกรรมระดับแนวหน้าในสากล นำพาประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนา
แล้ว” การจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ฉบับนี้ คำนึงถึงบริบทของการปฏิรูปประเทศในปัจจุบัน การ
ุ
จัดตั้งกระทรวงการอดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นกระทรวงใหม่ และบริบทโลกที่มี
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงออกแบบให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการ
ดำเนินงานในลักษณะแพลตฟอร์ม (Platform) ความร่วมมือ ตามเป้าประสงค์ของการพัฒนาใน 4
ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้ 2) การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้า
ทายของสังคม 3) การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และ 4) การวิจัย
และสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โดยดำเนินงานควบคู่ไปกับการ
ปฏิรูประบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ยุทธศาสตร์การดำเนินงานในแต่
ละแพลตฟอร์ม ได้กำหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ (Objectives and Key Results: OKR)
และชุดโปรแกรมภายใต้แพลตฟอร์ม เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบแผนด้านการอุดมศึกษา และ
แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศต่อไป
27
บทที่ 3
วิธีดำเนินงาน
การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสื่อ และนวัตกรรม ในการจัดการเรียนการ
สอนของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับเป็นแนวทางในการเลือกแผนการเรียน การศึกษาต่อใน
ระดับอุดมศึกษา และการประกอบอาชีพในอนาคต เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เรียนใน
ศตวรรษที่ 21 ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3. ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
้
5. การวิเคราะห์ขอมูล
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอ
บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีจำนวน 312 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมวัด
ดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน
ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย
ขั้นที่ 1 กำหนดสิ่งที่จะพัฒนา
เมื่อได้ศึกษาสภาพปัญหา วิเคราะห์รายละเอียด และสาเหตุของปัญหาที่ต้องการแก้ไขหรือ
พัฒนาแล้ว ก็ตั้งเป้าหมายในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน นั่นคือ
กำหนดจุดประสงค์ของการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดในตัวผู้เรียนอาจจะทั้งโรงเรียน ทั้งห้อง กลุ่มย่อย
หรือรายบุคคล
ขั้นที่ 2 กำหนดนวัตกรรม
เมื่อกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ไว้ชัดเจนแล้ว ครูต้องศึกษาค้นคว้าตามหลักวิชาการ
แนวคิดทฤษฎีและผลงานที่วิจัยที่เกี่ยวข้องกับจุดประสงค์ในการพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียน โดย
28
นำมาผสมผสานกับความรู้ ความคิด และประสบการณ์ของตน กำหนดเป็นกรอบแนวคิดของ
กระบวนการเรียนรู้ ซึ่งประกอบด้วย สื่อการสอน หรือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เทคนิค วิธีการ กระบวนการ
ฯลฯ ที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่ใช้แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนให้ได้ตามความต้องการ
ขั้นที่ 3 สร้างและพัฒนา
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะเลือกจัดทำนวัตกรรมชนิดใด ศึกษาวิธีการจัดทำนวัตกรรมนั้นๆ อย่าง
ละเอียด มีลักษณะองค์ประกอบอะไรบ้าง มีวิธีดำเนินการจัดทำอย่างไร มีการตรวจสอบคุณภาพ
เบื้องต้นอย่างไร แล้วจึงจัดทำนวัตกรรมให้สมบูรณ์ตามข้อกำหนด
ขั้นที่ 4 ทดลองใช้
เพื่อให้แน่ใจว่านวัตกรรมที่สร้างหรือพัฒนาขึ้น เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้
แก้ปัญหาหรือพัฒนาผู้เรียนได้ตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้จริง ทดลองใช้นวัตกรรมเหล่านั้นกับ
นักเรียนกลุ่มเล็กๆก่อน เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ก่อนนำไปใช้จริง แล้วตรวจสอบคุณภาพ ด้วย
การหาประสิทธิผลของนวัตกรรม หลังจากนั้นอาจปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะนำไปใช้กับ
ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ในสภาพการณ์จริง
ขั้นที่ 5 ใช้ในสถานการณ์จริง
เมื่อดำเนินการสร้าง ทดลองใช้นวัตกรรม และปรับปรุงแก้ไขจนมั่นใจในคุณภาพของ
นวัตกรรมแล้วก็นำไปใช้จริง ซึ่งอาจเป็นการนำไปใช้ตามแผนการสอนปกติที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับ
ความประสงค์ของครู และสถานการณ์จริงของการจัดการเรียนการสอนที่เกิดขึ้น
ขั้นที่ 6 ประเมินผลการใช้
เมื่อสิ้นสุดกระบวนการใช้นวัตกรรมแล้ว จัดการเก็บรวบรวมข้อมูลที่แสดงถึงผลการใช้
นวัตกรรมด้วยเทคนิควิธีต่างๆ ซึ่งจะแสดงถึงคุณภาพของนวัตกรรม และถ้าผลการใช้นวัตกรรม
สามารถลดสภาพปัญหา หรือแก้ปัญหา หรือพัฒนาผู้เรียน ได้ตามที่กำหนด ก็รายงานผล ขยายผล
และเผยแพร่นวัตกรรมต่อไป
Google Drive ส ำหรบเข้ำศกษำข้อมูล นวัตกรรม W.C.L. Model
ึ
ั
29
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูล
การสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ
การสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ และหาประสิทธิภาพของเครื่องมือมีขั้นตอนดังนี้
1. ศึกษาค้นคว้าเอกสาร งานวิจัย และแนวคิดเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องผลกระทบของนวัตกรรม
ของโรงเรียน
ึ
2. กำหนดกรอบและขอบเขตของแบบประเมินความพงพอใจ โดยให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และ
สมมติฐานของงานวิจัยโดยเรียงลำดับตามลักษณะของคำถามตามแนวคิดของงานวิจัย
3. การสุ่มตัวอย่างเพื่อสัมภาษณ์กลุ่มประชากรเพื่อให้ได้คำตอบในการนำมาเป็นแนวทางใน
การตั้งคำถาม และการปรับปรุงคำถามในแบบประเมินความพึงพอใจให้ถูกต้อง
4. สร้างแบบประเมินความพึงพอใจ ตามกรอบและขอบเขตที่ได้ตั้งไว้โดยมีแนวทางการตั้ง
คำถามตามที่่ได้สรุปจากข้อที่ 3
5. นำแบบประเมินความพึงพอใจ ไปปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านที่
เกี่ยวข้องกับการวิจัย ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ 1.นาง
สมคิด จ้อยสำเภา ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ 2. นางสาวสิรินทร์ โพธิโสโนทัย ผู้ช่วย
ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล 3. นางวันดี เดชอัมพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มบริการงบประมาณ
(งานกิจการนักเรียน) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและข้อคำถาม ในแต่ละข้อให้เป็นไปตาม
จุดประสงค์ของงานวิจัยโดยการหาค่าความเที่ยงตรงของแบบประเมินความพึงพอใจ หรือค่าความ
สอดคลอ้งระหว่างข้อคำถามวัตถุประสงค์ หรือเนื้อหา (Index of Item Objective Congruence:
IOC) ซึ่งในการตรวจสอบมีการให้เกณฑ์ในการตรวจพิจารณาข้อคำถามดังนี้ (Rovinelli, R. J.,
&Hambleton, R.K. 1977)
ให้คะแนน +1 ถ้าแน่ใจว่าข้อคำถามวัดได้ตรงตามวัตถุประสงค์
ให้คะแนน 0 ถ้าไม่แน่ใจว่าข้อคำถามวัดได้ตรงตามวัตถุประสงค์
ให้คะแนน -1 ถ้าแน่ใจว่าข้อคำถามวัดได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์
ในการพิจารณาค่าความเที่ยงตรงมีหลักการดังนี้
1. ข้อคำถามที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 –1.00 มีค่าความเที่ยงตรง ใช้ได้
2. ข้อคำถามที่มีค่า IOC ต่ำกว่า 0.50 ต้องปรับปรุง ยังใช้ไม่ได้
6. นำแบบประเมินความพึงพอใจ ที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ ใช้กับ
ประชากรที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างเป้าหมายจำนวน 10 คน เพื่อทดสอบความน่าเชื่อถือ (Reliability) ของ
แบบประเมินความพึงพอใจ เฉพาะในส่วนที่เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) ซึ่งเป็น
การวัดความสอดคล้องภายใน (Measure of Internal Consistency) โดยจะพิจารณาข้อคำถาม
ทั้งหมดในเครื่องมือนั้นวัดในเรื่องเดียวกันหรือไม่ โดยใช้วิธีหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค
30
(Cornbach’ alpha coefficient) ทั้งนี้ผลที่ได้จากการทดสอบแบบประเมินความพึงพอใจมีค่า
สัมประสิทธิ์เอลฟ่า (α) ไม่ต่ำกว่า 0.70 ขึ้นไป (Hair et al., 2006) จึงเป็นแบบประเมินความพึงพอใจ
ที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งหากอยู่ในระดับนี้ส่วนใหญ่จะพบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอย่างมีนัยสำคัญ
ึ
7. สร้างแบบประเมินความพงพอใจ ฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้จริงในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมาย
การเผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะและแนะนำทักษะให้กับผู้เรียน
การนำเสนอการสอนหรือแนะนำการสอนโดยสอนผ่านคลิปวิดีโอ ข้อมูลการสอนแนะแนว
ประกอบการนำเสนอ เรื่อง บทเรียนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สร้าง เป็นต้น ผู้วิจัยได้ดำเนิน
การเผยแพร่นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ โดยอัฟโหลด (Up Lode) ออนไลน์ เผยแพร่ทางสื่อออนไลน์
ต่อไป
การเก็บรวมรวมข้อมูล
ท
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid-19 ำ
ให้การเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เรียนแบบปกติ ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากมีประกาศจาก
ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และประกาศจาก
สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ไม่ให้ประชาชนจัดกิจกรรมหรือมีการรวมกลุ่ม รวมทั้งมี
นโยบายจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการจัดการเรียนการสอนด้วยรูปแบบออนไลน์
ทำให้โรงเรียนในทุกๆสังกัด ไม่สามารถเปิดเรียนในรูปแบบ On-site ได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึง
ได้จัดทำเครื่องมือแบบประเมินความพึงพอใจขึ้นในรูปแบบของ Google Forms และ
นำเครื่องมือที่สร้างขึ้นมา ส่งให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในกลุ่มไลน์ ของโรงเรียน
มัธยมวัดดอนตูม จำนวน 92 คน โดยให้นักเรียนตอบแบบประเมินความพึงพอใจ การพัฒนานวัตกรรม
การเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม ในหัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
W.C.L. Model
QR CODE แบบประเมินความพึงพอใจ การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
โรงเรียนวดมัธยมวดดอนตูม ในหัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. Model
ั
ั
31
การวิเคราะห์ข้อมูล
การศึกษาวิจัยงานกิจกรรมพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม อำเภอ
บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เรื่อง โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. โดยการใช้วิธีวิจัย
แบบเชิงปริมาณ ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณนั้น เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล
โดยนำแบบประเมินความพึงพอใจ ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของ
โรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีจำนวน 92 คน หรือคิดเป็นร้อย
เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมด หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว ผู้วิจัยได้ตรวจสอบความ
ถูกต้องของข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์หาค่าทางสถิติ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป (SPSS)
ิ
สถิติที่ใช้ในการวเคราะห์ข้อมูล มีดังนี้
้
1. ค่าสถิติพื้นฐาน ไดแก ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ขอมูล โดยใช้
่
สูตรทางสถิติ ดังนี้
สูตรที่ใช้ในการคำนวณ ค่าเฉลี่ย ( ) คือ
= ∑
n
เมื่อ คือ ผลรวมของข้อมูล
n คือ จำนวนข้อมูล
เกณฑ์การแปลความหมายของคะแนนเฉลี่ยแบบประเมินความพึงพอใจ (วิเชียร เกตุสิงห์,
2538 : 9) เป็น 5 ระดับคือ ระดับมากที่สุด ระดับมาก ระดับปานกลาง ระดับน้อย และระดับน้อย
ที่สุด ดังนี้
คะแนนเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับมากที่สุด
คะแนนเฉลี่ย 3.51 – 4.00 หมายถึง ระดับมาก
คะแนนเฉลี่ย 2.51 – 3.50 หมายถึง ระดับปานกลาง
คะแนนเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดับน้อย
คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถึง ระดับน้อยที่สุด
32
สูตรที่ใช้ในการคำนวณส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คือ
เมื่อ X คือ ข้อมูล
คือ ค่าเฉลี่ย
N คือ จำนวนข้อมูลทั้งหมด
การแปลความหมายค่าส่วนเบี่ยงเบี่ยงมาตรฐาน กรณีมาตรประมาณค่า 3 ระดับ
(บุญมี พันธุ์ไทย,2545 :174-175)
มากกว่า 0.75 หมายถึง มีความแตกต่างกันมาก
มาก 0.50-.75 หมายถึง มีความแตกต่างค่อนข้างน้อย
น้อยกว่า 0.50 หมายถึง มีความแตกต่างกันน้อยหรือใกล้เคียงกัน
ค่าสถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมอ
ื
การแสดงหลักฐานความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา โดยใช้ดัชนีความสอดคลองกับวัตถุประสงค์ (บุญ
เชิด ภิญโญอนันตพงษ 2545 : 95) โดยใช้เกณฑ์การประเมินและสตรู IOC ดังนี้
์
เกณฑ์การประเมิน
ให้คะแนน +1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น
ให้คะแนน 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าข้อสอบวัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น
ให้คะแนน -1 หมายถึง แน่ใจว่าข้อสอบไม่วัดจุดประสงค์/เนื้อหานั้น
สูตร IOC
เมื่อ IOC = ค่าดัชนีความสอดคลองของพฤติกรรมกับจุดประสงค์
Σ R = ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
N = จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
โดยพิจารณาจากค่า IOC ที่มีค่ามากกว่า 0.50 และปรับปรุงแกไขตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
33
การแปลผลจากค่า IOC
0.50 – 1.00 หมายถึง ใช้ได้
0.01 – 0.49 หมายถึง ปรับปรุง
0.00 - -1.00 หมายถึง ตัดทิ้ง
34
บทที่ 4
ผลการวิจัยและอภิปรายผล
การศึกษาวิจัยงานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้าน
โป่ง จังหวัดราชบุรี หัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. MODEL โดยการใช้วิธี
วิจัยแบบเชิงปริมาณ ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัยเชิงปริมาณนั้น เป็นการเก็บรวบรวม
ข้อมูลโดยนำแบบประเมินความพึงพอใจ ไปสอบถามกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3
ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีจำนวน 92 คน หรือคิดเป็นร้อย
เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมดหลังจากการเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้ว ผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องของ
ข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์หาค่าทางสถิติ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป (SPSS) และนำเสนอผลการศึกษา
แบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้
4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจ
4.2 การวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ
4.3 การนำเสนอข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้
4.1 การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
การนำเสนอผลการศึกษาวิจัยในด้านการวิเคราะห์ลักษณะโดยทั่วไปของกลุ่มประชากร
ที่ได้ศึกษาการนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลผลการศึกษาในส่วนของบุคคล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ประกอบด้วย เพศ ช่วงชั้น
การศึกษา โดยการนำเสนอแบบเชิงพรรณนาข้อมูลในรูปของค่าความถี่ (frequency distribution)
และค่าร้อยละ (percentages) ซึ่งสามารถนำเสนอผลการวิเคราะห์ในลักษณะทั่วไปของประชากรได้
ดังนี้
35
ั
ตารางที่ 4.1 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมวดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ดังนี้
ปัจจัยส่วนบุคคล จำนวน (คน) ร้อยละ
เพศ
ชาย 53 53.00
หญิง 39 39.00
รวม
ระดับชั้น
ม. 3 92 100.00
รวม
4.1.1 เพศ ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับเพศพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม จำนวน 92 คน เป็นเพศชายจำนวน 53 คน คิดเป็นร้อยละ 53.0 และเป็น
เพศหญิง จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 39.0 ดังตารางที่ 4.1
4.1.2 ระดับชั้น ม.3 ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มี
จำนวน 92 คน ดังตารางที่ 4.1
4.2 การวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ
การวิเคราะห์ การนำเสนอข้อมูลผลการศึกษาวิจัยในด้านข้อมูลอระดับความพึงพอใจต่อการ
พัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้โรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม ในหัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
W.C.L. Model ซึ่งประกอบด้วยดังนี้
36
ตารางที่ 4.2 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านกระบวนการ/ขั้นตอนการให้บริการความรู้
ด้าน S.D การ
กระบวนการ/ ระดับความคิดเห็น x แปล
ขั้นตอนการ ค่า
ให้บริการความรู้
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
ขั้นตอนการ 100.00 0.00 0.00 0.00 0.00 5.00 0.00 มาก
ให้บริการมีความ ที่สุด
เหมาะสม
คล่องตัว เข้าใจ
ง่าย
ช่องทางการ 92.39 4.35 0.00 1.09 0.00 4.82 0.81 มาก
ติดต่อที่สะดวก ที่สุด
เหมาะสม เช่น
โทรศัพท์ เว็บ
สำนักงาน
เครือข่ายสังคม
ออนไลน์ เป็นต้น
ระยะเวลาในการ 85.87 10.87 2.17 1.09 0.00 4.82 0.51 มาก
ให้บริการ ที่สุด
เหมาะสม
ด้านขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
100.00 เห็นด้วยมากที่สุด เนื่องจากขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย มีผล
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการความน่าสนใจของนักเรียน ด้านขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม
คล่องตัว เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านขั้นตอนการให้บริการมีความ
เหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย ทำให้สามารถสร้างความน่าสนใจที่ได้ดีขึ้นเพิ่มมากขึ้นโดยรวมมีค่าเฉลี่ย
( x = 5.00 ) ดังตารางที่ 4.2
37
ด้านช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บสำนักงาน เครือข่ายสังคม
ออนไลน์ เป็นต้นโดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.39 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 4.35 เห็นด้วย
มาก อีกทั้งร้อยละ 0.00 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากช่องทางการ
ิ่
ติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บสำนักงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น มีผลช่วยเพม
ประสิทธิภาพต่อการติดต่อหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวอาชีพที่นักเรียนสามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม
ประชากรที่ออกความคิดเห็นต่อการช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บไซต์
โรงเรียน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น ทำให้สามารถสร้างความสะดวกและง่ายต่อการเข้าถึงได้ดี
เพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.82) ดังตารางที่ 4.2
x
ด้านระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 85.87 เห็นด้วยมากที่สุด
ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ในขณะที่ร้อยละ 2.17 เห็นด้วยปานกลาง อีกทั้งร้อยละ 1.09 เห็นด้วย
น้อย เนื่องจากระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับ
นักเรียน เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามประชากรที่ออกความคิดเห็นต่อระยะเวลาในการให้บริการ
x
เหมาะสม ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียนได้ดีเพมมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.82)
ิ่
ดังตารางที่ 4.2
38
ตารางที่ 4.3 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านเจ้าหน้าที่ให้บริการความรู้
ด้านเจ้าหน้าที่ S.D การ
ให้บริการความรู้ ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
ผู้ให้บริการมี 88.04 8.70 3.26 0.00 0.00 4.96 0.20 มาก
บุคลิกภาพที่ดี ที่สุด
และใส่ใจในการ
ให้บริการความรู้
อย่างชัดเจน
ผู้ให้บริการมี 82.61 11.96 5.43 0.00 0.00 4.77 0.53 มาก
ความรู้ ที่สุด
ความสามารถใน
การให้บริการ
ด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้อย่างชัดเจน โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 88.04 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 3.26 เห็นด้วยปาน
กลาง เนื่องจากด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้อย่างชัดเจน มีผลช่วย
เพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียน
ที่ออกความคิดเห็นต่อด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้อย่างชัดเจน
ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ ให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น
โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( x = 4.85) ดังตารางที่ 4.3
ด้านผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 82.61 เห็น
ด้วยมากที่สุด ร้อยละ 11.96 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 5.43 เห็นด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านผู้ให้
บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน
และความน่าสนใจ เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านผู้ให้บริการมีความรู้
ความสามารถในการให้บริการ ความรู้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียน และ
ความน่าสนใจ ให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.77) ดังตารางที่ 4.3
x