39
ตารางที่ 4.4 แสดงจำนวนและร้อยละ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านด้านสิ่งอำนวยความสะดวก
ด้านสิ่งอำนวย S.D การ
ความสะดวก ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
x มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
ป้าย 70.65 15.22 8.70 5.43 0.00 4.51 0.87 มาก
ประชาสัมพันธ์ชื่อ ที่สุด
งานนวัตกรรม
ี
การศึกษามความ
ชัดเจน
จุดให้บริการงาน 68.48 15.22 10.87 5.43 0.00 4.47 0.89 มาก
นวัตกรรม
ี
การศึกษามความ
เหมาะสมและ
เข้าถึงได้สะดวก
ด้านป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
70.65 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณที่ร้อยละ 15.22 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยปานกลาง และ
ร้อยละ 5.43 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความ
ชัดเจน มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความน่าสนใจให้กับนักเรียนเพมมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่
ิ่
ออกความคิดเห็นต่อด้านป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความชัดเจน ทำให้เกิดความ
น่าสนใจให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.51) ดังตารางที่ 4.4
x
ด้านจุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษามีความเหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 68.48 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 15.22 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 10.87 เห็น
ด้วยปานกลาง และ ร้อยละ 5.43 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านจุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษาม ี
ความเหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้เข้าชมงานได้ดีมากยิ่งมาก
40
ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านจุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษามีความ
เหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.47) ดัง
x
ตารางที่ 4.4
41
ตารางที่ 4.5 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ
ด้านคุณภาพสื่อ S.D การ
ด้านข้อมูล/ ระดับความคิดเห็น x แปล
เนื้อหา ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
มีชื่อระบุ 96.74 2.17 1.09 0.00 0.00 4.96 0.25 มาก
แหล่งข้อมูลที่ ที่สุด
ถูกต้อง ภาษา
เข้าใจง่าย กระชับ
อธิบายข้อมูลได้
ชัดเจน
ข้อมูลเป็น 96.74 3.26 0.00 0.00 0.00 4.97 0.18 มาก
ปัจจุบัน ถูกต้อง ที่สุด
ข้อมูลที่นำเสนอ
ครบถ้วนตรงกับ
ความต้องการ มี
ความน่าสนใจ
และเนื้อหามี
ความเหมาะสม
ต่อการเรียนรู้
ด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบายข้อมูลได้ชัดเจน โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 96.74 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณที่ร้อยละ 2.18 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 1.09 เห็น
ด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบายข้อมูลได้
ชัดเจน มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหาให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม
นักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบาย
ิ่
ข้อมูลได้ชัดเจน ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือให้กับนักเรียนได้ดีเพมมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.96)
x
ดังตารางที่ 4.5
42
ด้านข้อมูลเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วนตรงกับความต้องการ มีความ
น่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสมต่อการเรียนรู้ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.74 เห็นด้วยมากที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก เนื่องจากด้านข้อมูลเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วน
ิ่
ตรงกับความต้องการ มีความน่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสมต่อการเรียนรู้ มีผลช่วยเพม
ประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหา ความเข้าใจ ความน่านสนใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น
x
โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 0.00) ดังตารางที่ 4.5
43
ั
้
ึ
ี
้
ั
ี่
ี
ี
่
ตารางท 4.6 แสดงจ านวนและรอยละของนกเรยนชนมัธยมศกษาปท 3 ของโรงเรยนวัดดอนตูม
ี
อ าเภอบานโปง จังหวัดราชบุร จ าแนกตามดานคุณภาพสอ (ตอ)
ี
่
้
้
ื
่
่
ด้านการใช้งาน S.D การ
ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
ความรวดเร็วใน 81.52 10.87 6.52 1.09 0.00 4.73 0.63 มาก
การใช้งานง่าย ที่สุด
และสะดวกใน
การค้นหาข้อมูล
ด้านความรวดเร็วในการใช้งานง่าย และสะดวกในการค้นหาข้อมูล โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
81.52 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 6.52 เห็นด้วยปานกลาง และ
ร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านความรวดเร็วในการใช้งานง่าย และสะดวกในการค้นหา
ข้อมูล มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความเข้าใจ ให้กับนักเรียนเพิ่มมาก
x
ขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.73) ดังตารางที่ 4.6
44
ตารางที่ 4.7 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ด้านรูปแบบ S.D การ
ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
ภาพ สี และ 86.95 11.96 1.09 0.00 0.00 4.86 0.38 มาก
ขนาดตัวอักษร ที่สุด
ตัวอักษร อ่านง่าย
ชัดเจน เหมาะสม
การออกแบบ
หน้าจอมีความ
เหมาะสม ดึงดูด
ใจ และถูกต้อง
ั
ด้านภาพ สี และขนาดตัวอกษร ตัวอักษร อ่านง่าย ชัดเจน เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมี
ความเหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 86.95 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อย
ละ 11.96เห็นด้วยมาก และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านภาพ สี และขนาดตัวอักษร
ตัวอักษร อ่านง่าย ชัดเจน เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง มีผล
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้ การจดจำเกี่ยวกับเนื้อหาความเข้าใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น
โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.86 ) ดังตารางที่ 4.7
x
45
ตารางที่ 4.8 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ด้านการนำไปใช้ S.D การ
ประโยชน์ ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
เนื้อหาและข้อมูล 95.65 3.26 1.09 0.00 0.00 4.95 0.27 มาก
สามารถนำไปใช้ ที่สุด
ประโยชน์ได้
ด้านเนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 95.65 เห็นด้วย
มากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 1.09 เห็นด้วยปานกลาง และ เนื่องจากด้าน
เนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเลือกแผนการเรียน
ในในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับอาชีวศึกษา และระดับดุมศึกษาให้กับนักเรียนเพมมาก
ิ่
ขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.95) ดังตารางที่ 4.8
x
46
ตารางที่ 4.9 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำแนกตามด้านคุณภาพสื่อ (ต่อ)
ด้านการ S.D การ
ประชาสัมพันธ์ ระดับความคิดเห็น x แปล
ค่า
มาก มาก ปาน น้อย น้อย
ที่สุด กลาง ที่สุด
การ 76.09 10.87 8.70 1.09 0.00 4.95 0.82 มาก
ประชาสัมพันธ์ ที่สุด
หลากหลาย
ช่องทาง
ด้านการประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 76.09 เห็นด้วยมาก
ที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 1.09 เห็น
ด้วยน้อย เนื่องจากด้านการประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านสื่อ
ทางเลือกในการรับข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับแผนการเรียน และการวางแผนเกี่ยวกับอาชีพให้กับนักเรียน
เพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.95) ดังตารางที่ 4.9
x
47
ตารางที่ 4.10 ตารางแสดงจำนวนสรุปข้อมูลแสดงจำนวนและร้อยละข้อเสนอแนะของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
ที่ ประเด็นนำเสนอ ค่าเฉลี่ยระดับ S.D การแปลผล
ความคิดเห็น
1. สิ่งที่ท่านต้องการ และคาดหวัง 4.86 0.37 มากที่สุด
ผลการดำเนินงาน
รวม 4.86 0.37 มากที่สุด
จากตารางที่ 4.10 สามารถสรุปได้ว่านักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม ที่ผู้วิจัยได้ทำการ
เก็บข้อมูลและสำรวจอยู่ในระดับ มากทีสุด โดยรวมมีค่าเฉลี่ย ( = 4.86) ดังตารางที่ 4.10
x
4.3 การนำเสนอข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้
จากการเก็บแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียน
มัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน (รูปแบบ Google Forms) ที่ได้
กลับคืนมาทั้งหมด ผู้วิจัยได้นำเสอนข้อมูลในส่วนที่เป็นข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับ
นวัตกรรมการเรียนรู้จากผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจมาโดยสรุปได้ดังนี้
1. อยากให้โรงเรียน นำผลงานประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมชิ้นนี้ ออกไปเผยแพร่กับโรงเรียนอื่นๆ
2. ปรับรูปแบบการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของสื่อ Real Time เพื่อให้ผู้รับชมได้แสดงความ
คิดเห็นแบบตอบกลับมาได้
3. นำสื่อนวัตกรรมไปใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในรายวิชาแนะแนว
เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมวางแผน การเลือกแผนการเรียน หรือการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอน
ปลาย หรือระดับ อาชีวศึกษา
4. ให้มีการจัดนำสื่อ / นวัตกรรม ไปใช้ในรายวิชาอื่นๆ เพื่อให้ครูผู้สอนในรายวิชานั้นๆ
แนะนำธรรมชาติของวิชาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
5. มีการประชาสัมพันธ์ สื่อ / นวัตกรรม ไปยังกลุ่มของผู้ปกครอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการ
ตัดสินใจของผู้เรียน เพื่อวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในอนาคต
6. จัดทำป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ หน้าโรงเรียน เพื่อเป็นการโฆษณา สื่อ / นวัตกรรม ของ
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
7. ให้นักเรียน ชั้น ม.3 บางกลุ่ม ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ หรือประชาสัมพันธ์ผลงาน
กับระดับชั้นอื่นๆ
48
8. ผลงาน หรือ นวัตกรรมของโรงเรียน มีความทันสมัย เข้าใจง่าย และง่ายต่อการเข้าถึงเป็น
อย่างมาก น่าสนใจ สามารถนำไปบอกต่อกับเพอนๆโรงเรียนอื่นได้
ื่
9. ให้ผู้จัดทำ หรือผู้นำเสนอ นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของโรงเรียน และจัดทำ
ช่อง You Tube ของการทำสื่อ นวัตกรรมโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
10. ขอให้มีการพัฒนาสื่อ และนวัตกรรมที่ดีแบบนี้ตลอดไป
จากข้อเสนอแนะสามารถสรุปได้ว่านักเรียนที่ได้ทำการเก็บข้อมูลการนำเสนอข้อเสนอแนะ
และความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้ โดยนักเรียนมีความต้องอยากให้โรงเรียน นำผลงาน
ประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมชิ้นนี้ ออกไปเผยแพร่กับโรงเรียนอื่นๆ พร้อมทั้งปรับรูปแบบการนำเสนอ
ข้อมูลในรูปแบบของสื่อ Real Time เพื่อให้ผู้รับชมได้แสดงความคิดเห็นแบบตอบกลับมาได้ นำสื่อ
นวัตกรรมไปใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในรายวิชาแนะแนว เพื่อให้นักเรียนได้
ร่วมวางแผน การเลือกแผนการเรียน หรือการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับ
อาชีวศึกษา ให้มีการจัดนำสื่อ / นวัตกรรม ไปใช้ในรายวิชาอื่นๆ เพื่อให้ครูผู้สอนในรายวิชานั้นๆ
แนะนำธรรมชาติของวิชาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีการประชาสัมพันธ์ สื่อ / นวัตกรรม ไปยังกลุ่มของ
ผู้ปกครอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้เรียน เพื่อวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในอนาคต
พร้อมทั้งจัดทำป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ หน้าโรงเรียน เพื่อเป็นการโฆษณา สื่อ / นวัตกรรม ของโรงเรียน
มัธยมวัดดอนตูม โดยให้นักเรียน ชั้น ม.3 บางกลุ่ม ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ หรือ
ประชาสัมพันธ์ผลงาน กับระดับชั้นอื่นๆ โดยให้ผู้จัดทำ หรือผู้นำเสนอ นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์ใน
เว็บไซต์ของโรงเรียน และจัดทำช่อง You Tube ของการทำสื่อนวัตกรรมโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
เพื่อการพัฒนาสื่อ และนวัตกรรมที่ดีแบบนี้ตลอดไป
49
บทที่ 5
สรุปผลการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมและข้อเสนอแนะ
การศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. MODEL
ในการวิจัยครั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่อง การกำหนดแนวทาง หรือทิศทางด้านการศึกษาต่อ ของ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของงานวิจัยนี้ คือ นักเรียนระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน โดยใช้
แบบประเมินความพึงพอใจในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) ในส่วนของการรับรู้
ความคิดเห็น และความพึงพอใจในที่มีต่องานวิจัยฉบับนี้ พร้อมทั้งการมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการ
กำหนดแนวทาง หรือทิศทางด้านการศึกษาต่อ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในการ
ดำเนินการวางแผนการเรียน ตลอดจนการกำหนดแนวทาง หรือทิศทางด้านการศึกษาต่อ ของ
นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
5.1 สรุปผลการศึกษา
สรุปผลการศึกษาวิจัยเรื่อง งานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. MODEL
สามารถสรุปการนำเสนอผลการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนดังนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบ
แบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ และการนำเสนอ
ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้ดังต่อไปนี้
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมินความพงพอใจ สรุปผล
ึ
ด้านการวิเคราะห์ลักษณะโดยทั่วไปของกลุ่มประชากร ในส่วนของ เพศ ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล
เกี่ยวกับเพศพบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม จำนวน 92 คน เป็นเพศ
ชายจำนวน 53 คน คิดเป็นร้อยละ 53.0 และเป็นเพศหญิง จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 39.0
50
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความพึงพอใจต่อการให้บริการ
การวิเคราะห์ การนำเสนอข้อมูลผลการศึกษาวิจัยในด้านข้อมูลอระดับความพึงพอใจต่อการพัฒนา
นวัตกรรมการเรียนรู้โรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม ในหัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพ
ชีวิต W.C.L. Model ซึ่งประกอบด้วยดังนี้
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย
โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 100.00 เห็นด้วยมากที่สุด เนื่องจากขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม
คล่องตัว เข้าใจง่าย มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการความน่าสนใจของนักเรียน ด้านขั้นตอนการ
ให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้าน
ขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย ทำให้สามารถสร้างความน่าสนใจที่ได้ดีขึ้น
ิ่
เพมมากขนโดยรวมมีค่าเฉลี่ย 5.00 อยู๋ในเกณฑ์มากที่สุด
ึ้
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บ
สำนักงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้นโดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 92.39 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะ
ที่ร้อยละ 4.35 เห็นด้วยมาก อีกทั้งร้อยละ 0.00 เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย
เนื่องจากช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บสำนักงาน เครือข่ายสังคมออนไลน์
เป็นต้น มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการติดต่อหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวอาชีพที่นักเรียนสามารถเข้าถึงได้
ง่าย อย่างไรก็ตามประชากรที่ออกความคิดเห็นต่อการช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น
โทรศัพท์ เว็บไซต์โรงเรียน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น ทำให้สามารถสร้างความสะดวกและง่าย
ต่อการเข้าถึงได้ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.82 อยู๋ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
ี
85.87 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ในขณะที่ร้อยละ 2.17 เห็นด้วยปานกลาง อก
ิ่
ทั้งร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม มีผลช่วยเพม
ประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามประชากรที่ออกความคิดเห็นต่อ
ระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น
โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.82 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้
อย่างชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 88.04 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยมาก และร้อย
ละ3.26 เห็นด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้
อย่างชัดเจน มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพที่ดี และใส่ใจในการให้บริการ
ความรู้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ ให้กับนักเรียนได้
ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.85 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
51
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 82.61 เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 11.96 เห็นด้วยมาก และร้อยละ 5.43 เห็นด้วยปาน
กลาง เนื่องจากด้านผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อ
ความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็น
ต่อด้านผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ ความรู้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถสร้าง
ความเข้าใจให้กับนักเรียน และความน่าสนใจ ให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.77
อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านป้ายประชาสัมพนธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความชัดเจน
ั
โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.65 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณที่ร้อยละ 15.22 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.70
เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 5.43 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรม
การศึกษามีความชัดเจน มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อความน่าสนใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามี
ความชัดเจน ทำให้เกิดความน่าสนใจให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.51 อยู่ใน
เกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านจุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษามีความเหมาะสมและ
เข้าถึงได้สะดวก โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 68.48 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 15.22 เห็นด้วย
มาก ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยปานกลาง และ ร้อยละ 5.43 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านจุดให้บริการ
งานนวัตกรรมการศึกษามีความเหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้เข้า
ชมงานได้ดีมากยิ่งมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านจุดให้บริการงาน
นวัตกรรมการศึกษามีความเหมาะสมและเข้าถึงได้สะดวก ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.47 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ
อธิบายข้อมูลได้ชัดเจน โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 96.74 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณที่ร้อยละ 2.18 เห็น
ด้วยมาก และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยปานกลาง เนื่องจากด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษา
เข้าใจง่าย กระชับ อธิบายข้อมูลได้ชัดเจน มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหาให้กับ
นักเรียนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามนักเรียนที่ออกความคิดเห็นต่อด้านมีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง
ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบายข้อมูลได้ชัดเจน ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือให้กับนักเรียนได้ดีเพิ่มมาก
ขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.96 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านข้อมูลเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วนตรงกับ
ความต้องการ มีความน่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสมต่อการเรียนรู้ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ
96.74 เห็นด้วยมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก เนื่องจากด้านข้อมูลเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง
52
ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วนตรงกับความต้องการ มีความน่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสมต่อการ
เรียนรู้ มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความน่าเชื่อถือต่อเนื้อหา ความเข้าใจ ความน่านสนใจให้กับ
นักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 0.00 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านความรวดเร็วในการใช้งานง่าย และสะดวกในการค้นหาข้อมูล
โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 81.52 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 6.52
เห็นด้วยปานกลาง และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านความรวดเร็วในการใช้งานง่าย และ
สะดวกในการค้นหาข้อมูล มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อหา ความเข้าใจ
ให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.73 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านภาพ สี และขนาดตัวอักษร ตัวอักษร อ่านง่าย ชัดเจน
เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 86.95
เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 11.96เห็นด้วยมาก และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยปานกลาง เนื่องจาก
ด้านภาพ สี และขนาดตัวอักษร ตัวอักษร อ่านง่าย ชัดเจน เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมีความ
เหมาะสม ดึงดูดใจ และถูกต้อง มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้ การจดจำเกี่ยวกับเนื้อหา
ความเข้าใจให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.86 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านเนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยกลุ่ม
ตัวอย่างร้อยละ 95.65 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 3.26 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 1.09 เห็นด้วย
ปานกลาง และ เนื่องจากด้านเนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ มีผลช่วยเพม
ิ่
ประสิทธิภาพด้านการเลือกแผนการเรียนในในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือระดับอาชีวศึกษา
และระดับดุมศึกษาให้กับนักเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.95 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปผลการวิจัยในส่วนของด้านการประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง โดยกลุ่มตัวอย่างร้อย
ละ 76.09 เห็นด้วยมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 10.87 เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.70 เห็นด้วยปานกลาง
ิ่
และร้อยละ 1.09 เห็นด้วยน้อย เนื่องจากด้านการประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง มีผลช่วยเพม
ประสิทธิภาพด้านสื่อทางเลือกในการรับข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับแผนการเรียน และการวางแผน
ึ้
เกี่ยวกับอาชีพให้กับนักเรียนเพิ่มมากขน โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.95 อยู่ในเกณฑ์มากที่สุด
สรุปได้ว่านักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม ที่ผู้วิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลและสำรวจอยู่ใน
ระดับ มากทีสุด โดยรวมมีค่าเฉลี่ยรวมคือ 4.86
ึ
สรุปการเก็บข้อมูลแบบประเมินความพงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียน
มัธยมวัดดอนตูม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี จำนวน 92 คน (รูปแบบ Google Forms) ที่ได้
กลับคืนมาทั้งหมด ผู้วิจัยได้นำเสอนข้อมูลในส่วนที่เป็นข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับ
นวัตกรรมการเรียนรู้จากผู้ตอบแบบประเมินความพึงพอใจมาโดยสรุปได้ดังนี้
1. อยากให้โรงเรียน นำผลงานประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมชิ้นนี้ ออกไปเผยแพร่กับโรงเรียนอื่นๆ
53
2. ปรับรูปแบบการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของสื่อ Real Time เพื่อให้ผู้รับชมได้แสดงความคิดเห็น
แบบตอบกลับมาได้
3. นำสื่อนวัตกรรมไปใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในรายวิชาแนะแนว เพื่อให้
นักเรียนได้ร่วมวางแผน การเลือกแผนการเรียน หรือการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
หรือระดับ อาชีวศึกษา
4. ให้มีการจัดนำสื่อ / นวัตกรรม ไปใช้ในรายวิชาอื่นๆ เพื่อให้ครูผู้สอนในรายวิชานั้นๆ แนะนำ
ธรรมชาติของวิชาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
5. มีการประชาสัมพันธ์ สื่อ / นวัตกรรม ไปยังกลุ่มของผู้ปกครอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ
ของผู้เรียน เพื่อวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายในอนาคต
6. จัดทำป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ หน้าโรงเรียน เพื่อเป็นการโฆษณา สื่อ / นวัตกรรม ของโรงเรียนมัธยม
วัดดอนตูม
7. ให้นักเรียน ชั้น ม.3 บางกลุ่ม ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ หรือประชาสัมพันธ์ผลงาน กับ
ระดับชั้นอื่นๆ
8. ผลงาน หรือ นวัตกรรมของโรงเรียน มีความทันสมัย เข้าใจง่าย และง่ายต่อการเข้าถึงเป็นอย่างมาก
น่าสนใจ สามารถนำไปบอกต่อกับเพื่อนๆโรงเรียนอื่นได้
9. ให้ผู้จัดทำ หรือผู้นำเสนอ นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ของโรงเรียน และจัดทำช่อง You
Tube ของการทำสื่อ นวัตกรรมโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
10. ขอให้มีการพัฒนาสื่อ และนวัตกรรมที่ดีแบบนี้ตลอดไป
สรุปจากข้อเสนอแนะสามารถสรุปได้ว่านักเรียนที่ได้ทำการเก็บข้อมูลการนำเสนอ
ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนรู้ โดยนักเรียนมีความต้องอยากให้โรงเรียน
นำผลงานประดิษฐ์ หรือนวัตกรรมชิ้นนี้ ออกไปเผยแพร่กับโรงเรียนอื่นๆ พร้อมทั้งปรับรูปแบบการ
นำเสนอข้อมูลในรูปแบบของสื่อ Real Time เพื่อให้ผู้รับชมได้แสดงความคิดเห็นแบบตอบกลับมาได้
นำสื่อนวัตกรรมไปใช้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 2 ในรายวิชาแนะแนว เพื่อให้
นักเรียนได้ร่วมวางแผน การเลือกแผนการเรียน หรือการศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
หรือระดับ อาชีวศึกษา ให้มีการจัดนำสื่อ / นวัตกรรม ไปใช้ในรายวิชาอื่นๆ เพื่อให้ครูผู้สอนในรายวิชา
นั้นๆ แนะนำธรรมชาติของวิชาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มีการประชาสัมพันธ์ สื่อ / นวัตกรรม ไปยังกลุ่ม
ของผู้ปกครอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้เรียน เพื่อวางแผนในเรื่องของค่าใช้จ่ายใน
อนาคต พร้อมทั้งจัดทำป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ หน้าโรงเรียน เพื่อเป็นการโฆษณา สื่อ / นวัตกรรม ของ
โรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม โดยให้นักเรียน ชั้น ม.3 บางกลุ่ม ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ หรือ
ประชาสัมพันธ์ผลงาน กับระดับชั้นอื่นๆ โดยให้ผู้จัดทำ หรือผู้นำเสนอ นำข้อมูลไปประชาสัมพันธ์ใน
54
เว็บไซต์ของโรงเรียน และจัดทำช่อง You Tube ของการทำสื่อนวัตกรรมโรงเรียนมัธยมวัดดอนตูม
เพื่อการพัฒนาสื่อ และนวัตกรรมที่ดีแบบนี้ตลอดไป
55
ภาคผนวก
56
แบบประเมินความพึงพอใจผู้ที่เข้าร่วม
งานกิจกรรมพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม
เรื่อง โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L.
คำชี้แจง แบบสอบถามชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อประเมินความพึงพอใจ/ไม่พึงพอใจ ความต้องการและความคาดหวังของ
ผู้รับบริการต่อการเข้าชมงานกิจกรรมพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม เรื่อง
โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาและ
ปรับปรุงให้มีความเหมาะสมในการสอนต่อไป
กรุณาทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องที่ท่านเลือก
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
1. เพศ ชาย หญิง
2. ช่วงชั้น ม 1 ม 2 ม 3 บุคคลภายนอกโรงเรียน
ตอนที่ 2 ระดับความพึงพอใจตอการให้บริการ โดยมีเกณฑ์วัดระดับดังนี้
่
5 = มากที่สุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = น้อย 1 = น้อยที่สุด
57
ั
ข้อเสนอแนะ สิ่งที่คาดหวงจากการดำเนินงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ึ
QR CODE แบบประเมินความพงพอใจงานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
ของโรงเรียนวัดมัธยมวัดดอนตูม ในหัวข้อ โลกแห่งหลักสูตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต W.C.L. Model
58
ค่าดัชนีความสอดคล้องของประเด็นวัดความพึงพอใจกับวัตุประสงค์ (IOC)
ผู้เชี่ยวชาญคนที่
ประเด็นวัดความพึงพอใจ ∑ IOC ความหมาย
1 2 3
1 ขั้นตอนการให้บริการมีความเหมาะสม คล่องตัว เข้าใจง่าย +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
2 ช่องทางการติดต่อที่สะดวก เหมาะสม เช่น โทรศัพท์ เว็บไซต์ +1 1 +1 2/3 1.00 ใช้ได้
โรงเรียน เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น
3 ระยะเวลาในการให้บริการเหมาะสม +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
4 ผู้ให้บริการมีบุคลิกภาพทดี และใส่ใจในการให้บริการความรู้ +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
ี่
อย่างชัดเจน
5 ผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถในการให้บริการ +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
6 ป้ายประชาสัมพันธ์ชื่องานนวัตกรรมการศึกษามีความชัดเจน +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
7 จุดให้บริการงานนวัตกรรมการศึกษามีความเหมาะสมและ 1 +1 +1 2/3 0.67 ใช้ได้
เข้าถึงได้สะดวก
8 มีชื่อระบุแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง ภาษาเข้าใจง่าย กระชับ อธิบาย +1 +1 1 3/3 1.00 ใช้ได้
ข้อมูลได้ชัดเจน
9 ข้อมูลเป็นปัจจุบัน ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอครบถ้วนตรงกับ +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
ความต้องการ มีความน่าสนใจ และเนื้อหามีความเหมาะสมต่อ
การเรียนรู้
10 ความรวดเร็วในการใช้งานง่าย และสะดวกในการค้นหาข้อมูล +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
่
11 ภาพ สี และขนาดตัวอักษร ตัวอักษร อานง่าย ชัดเจน +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
12 เหมาะสม การออกแบบหน้าจอมีความเหมาะสม ดึงดูดใจ และ +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
ถูกต้อง
13 เนื้อหาและข้อมูลสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ +1 +1 +1 3/3 1.00 ใช้ได้
มีการประชาสัมพันธ์หลากหลายช่องทาง
59
QR CODE W.C.L. MODEL
แนะนำธรรมของวชา เรียนรู้ ทำความเข้าใจ
ิ
เพื่อให้นักเรียนรู้จัก เกี่ยวกับหลักสูตร
ความสามารถและความ แกนกลางการศึกษาขั้น
ถนัดของตนเอง พื้นฐาน พ.ศ.2551
เรียนรู้ ทำความเข้าใจ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ
เกี่ยวกับหลักสูตร เกี่ยวกับ หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้น ประกาศยีบัตรวิชาชีพ
พื้นฐาน ฉบับปรับปรุง (ปวช.)
พ.ศ.2560
เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ข้อมูล การเลือกแผนการ
เกี่ยวกับ หลักสูตร เรียน สายสามัญ สู่คณะ
ประกาศยีบัตรวิชาชีพ ต่างๆ ใน
ชั้นสูง (ปวส.) ระดับอุดมศึกษา
ข้อมูล เมื่อสำเรจ
็
การศึกษาแล้วสามารถ
ประกอบอาชีพอะไรได ้
60
หนังสือและบทความในหนังสือ
บรรณานุกรม
61
หนังสือและบทความในหนังสือ
ทิศนา แขมมณี. นวัตกรรม พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2559. 41
์
พิสณุ ฟองศรี ประโยชน์ของนวัตกรรม. พิมพครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย,2551. 65
์
ิ
พิชิต ฤทธิ์จรูญ. นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนและการเรียนรู้ของผู้เรียน พมพครั้งที่ 1.
กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2559. 83-85
สุมน อมรวิวัฒน์. ปัญหาด้านการเรียนการสอนของครูประถมศึกษา.พมพครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: จุฬาลง
ิ
์
กรณมหาวิทยาลัย, 2530. 13
สื่ออิเล็กทรอนิกส์
สำนักงานราชบัณฑตยสภา. “พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย 2555.” สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน
ิ
2564, http://www.royin.go.th/dictionary/.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. “สมรรถนะครู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน” สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564, https://www.kruchiangrai.net.
ึ
พระราชบัญญัติการศกษาแห่งชาติปี 2542. “หลักสูตรแกนกลาง” สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564,
https://bit.ly/3AeEtKk.