The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานของบุคคลสำคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย (ร.9 - ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ศุภาวรรณ ชัยยะ, 2023-02-01 05:33:24

ผลงานของบุคคลสำคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย

ผลงานของบุคคลสำคัญในการสร้างสรรค์ชาติไทย (ร.9 - ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี)

ผลงานของบุคคลสำ คัญ คั ในการสร้า ร้ งสรรค์ช ค์ าติไติ ทย


พระมหากษัตริย์ ริย์ ที่มีบ มี ทบาทในการ สร้า ร้ งสรรค์ช ค์ าติไติ ทย สมัยรัต รั นโกสินทร์ รัช รั กาลที่ 9 - 10


พระบาทสมเด็ด็จ ด็ จ ด็ พระมหา ภูภูมิ ภู มิ ภู พมิมิลอดุดุล ดุ ล ดุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิพิตพิพิร


ทรงมีพระนามเดิมว่า "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช"ทรง เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราช ชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ขณะที่ทรงมีพระชนมพรรษาเพียง 18 พรรษา 6 เดือน 4 วัน แต่เนื่องจากยัง ต้องทรงศึกษาต่อ ดังนั้น พระองค์จึงต้องเสด็จกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศส วิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2489 พระราชประวัติ วั ติ


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั พระองค์ไค์ด้ทด้รงประกอบพระราชกรณียณีกิจกิในด้าด้นต่าต่ง ๆ อันอัเป็นป็ ประโยชน์แน์ก่ชก่าวไทยตลอด 70 ปี โดยพระราชกรณียณีกิจกิ ที่สำ ที่ สำคัญคัของพระองค์ คือคืการเสด็จด็พระราชดำ เนินนิเยือยืนประชาชน ในท้อท้งถิ่น ถิ่ ทุรทุกันกัดารต่าต่ง ๆ ในประเทศ ซึ่ง ซึ่ พระราชกรณียณีกิจกิอันอั โดดเด่นด่ มีดัมีงดัต่อต่ ไปนี้ 1. โครงการแกล้งล้ดินดิ แกล้งล้ดินดิเป็นป็แนวพระราชดำ ริขริองพระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหั ภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 เพื่อ พื่ แก้ไก้ขปัญปัหาดินดิเปรี้ย รี้ วจะทำ ด้วด้ยการขังขัน้ำ ไว้ ในพื้น พื้ ที่จ ที่ นกระทั่ง ทั่ เกิดกิ ปฏิกิฏิริกิยริาทางเคมีจมีนทำ ให้ดิห้นดิเปรี้ย รี้ วจัดจัเมื่อ มื่ ถึงถึที่สุ ที่ ดสุแล้วล้จะ มีกมีารระบายน้ำ ออกแล้วล้ ปรับรัสภาพดินดิด้วด้ยปูนปูขาว จนกระทั่ง ทั่ สามารถใช้ดิช้นดิใน การเพาะปลูกลูได้


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 2. โครงการปลูกลูหญ้าญ้แฝก พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ได้ทด้รงศึกศึษาเรื่อ รื่ งการใช้หช้ญ้าญ้แฝกในการอนุรันุกรัษ์ดิษ์นดิและน้ำ จากเอกสารของธนาคารโลก ที่น ที่ าย Richard Grimshaw ได้ทูด้ลทูเกล้าล้ฯ ถวายและพระองค์ไค์ด้พด้ระราชทานพระราชดำ ริเริกี่ย กี่ วกับกัหญ้าญ้แฝก โดยให้ ทรงทดลองปลูกลูหญ้าญ้แฝกเพื่อ พื่ ป้อป้งกันกัการพังพัทลายของดินดิจนปัจปัจุบัจุนบัมี หน่วน่ยงานกว่าว่ 50 หน่วน่ยงานดำ เนินนิงานสนองพระราชดำ ริกริารพัฒพันาและ รณรงค์กค์ารใช้หช้ญ้าญ้แฝก ส่งส่ผลให้กห้ารดำ เนินนิงานก้าก้วหน้าน้มากขึ้น ขึ้ ตามลำ ดับดั 3. โครงการหน่วน่ยแพทย์พย์ระราชทาน พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 พระราชทานโครงการแพทย์หย์ลวงพระราชทาน เมื่อ มื่ ปี พ.ศ. 2510 โดยที่มี ที่ มี การจัดจัเจ้าจ้หน้าน้ที่แ ที่ พทย์ พยาบาล เครื่อ รื่ งมือมืเครื่อ รื่ งใช้เช้พื่อ พื่ ตรวจรักรัษา ราษฎรในถิ่น ถิ่ ทุรทุกันกัดารโดยไม่คิม่ดคิมูลมูค่าค่และอบรมหมอหมู่บ้มู่ าบ้นเพื่อ พื่ แก้ไก้ข ปัญปัหาสุขสุภาพของประชาชน


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 4. โครงการสารานุกนุรมไทยสำ หรับรัเยาวชน โครงการสารานุกนุรมไทยสำ หรับรัเยาวชน ได้จัด้ดจัทำ ขึ้น ขึ้ ตามพระราชประสงค์ใค์นพระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 โดยจัดจัขึ้น ขึ้ เป็นป็รูปรูเล่มล่และบางส่วส่นได้เด้ผยแพร่อร่อนไลน์ อันอั รวบรวมเนื้อ นื้ หาจากหลายสาขาวิชวิา โดยที่ฉ ที่ บับบั ปกติมีติทั้มีง ทั้ หมด 37 เล่มล่ และฉบับบัเสริมริการเรียรีนรู้มีรู้ ทั้มีง ทั้ หมด 20 เล่มล่ 5. ทุนทุมูลมูนิธินิอธิานันนัทมหิดหิล พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ทรง พระกรุณรุาโปรดเกล้าล้โปรดกระหม่อม่มพระราชทานพระราชทรัพรัย์ส่ย์วส่น พระองค์จัค์ดจัตั้ง ตั้ มูลมูนิธินิอธิานันนัทมหิดหิล ในปี พ.ศ. 2502 เพื่อ พื่ ให้นิห้สินิตสิ นักนัศึกศึษาที่มี ที่ ผมีลการเรียรีนดีเดีด่นด่ ได้มีด้ โมีอกาสไปศึกศึษาหาความรู้ชั้รู้ น ชั้ สูงสูในต่าต่ง ประเทศและนำ องค์คค์วามรู้ที่รู้ ไที่ ด้มด้าช่วช่ยพัฒพันาประเทศต่อต่ ไป


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 6. เกษตรทฤษฎีใฎีหม่ พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ได้พด้ระราชทานแนวพระราชดำ ริเริรื่อ รื่ งเกษตรทฤษฎีใฎีหม่ โดยเป็นป็ตัวตัอย่าย่งการใช้หช้ลักลัเศรษฐกิจกิพอเพียพีงในขั้น ขั้ ต้นต้ โดยการทำ เกษตร ทฤษฎีใฎีหม่นี้ม่แ นี้ บ่งบ่ออกเป็นป็ 3 ขั้น ขั้ ได้แด้ก่ ขั้น ขั้ ต้นต้คือคืการแบ่งบ่พื้น พื้ ที่อ ที่ อกเป็นป็ 4 ส่วส่น ตามอัตอัรา 30-30-30-10 เพื่อ พื่ ขุดขุเป็นป็สระกักกัเก็บก็น้ำ 30% ปลูกลูข้าข้ว ในฤดูฝดูน 30% ปลูกลูไม้ผม้ล ไม้ยืม้นยืต้นต้พืชพืผักผัสมุนมุไพร 30% และเป็นป็ที่อ ที่ ยู่ อาศัยศัอีกอี 10% จากนั้น นั้ จึงจึเป็นป็เกษตรทฤษฎีใฎีหม่ขั้ม่น ขั้ ที่ส ที่ อง คือคืการให้ เกษตรกรรวมกันกั ในรูปรูแบบของกลุ่มลุ่ สหกรณ์ เพื่อ พื่ ดำ เนินนิการในด้าด้นการผลิตลิ การตลาด ความเป็นป็อยู่ สวัสวัดิกดิาร การศึกศึษา จากนั้น นั้ จึงจึเป็นป็เกษตรทฤษฎี ใหม่ขั้ม่น ขั้ ที่ส ที่ าม คือคืการติดติต่อต่ ประสานงาน จัดจัหาแหล่งล่เงินงิทุนทุเพื่อ พื่ ใช้ลช้งทุนทุ พัฒพันาคุณคุภาพชีวิชีตวิต่อต่ ไป 7. โครงการส่วส่นพระองค์สค์วนจิตจิรลดา พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ได้ พระราชทานทรัพรัย์ส่ย์วส่นพระองค์สค์ร้าร้งโครงการอันอัหลากหลายใน โครงการส่วส่นพระองค์สค์วนจิตจิรลดา ซึ่ง ซึ่ แบ่งบ่ออกเป็นป็ 2 ประเภทคือคื โครงการแบบไม่ใม่ช่ธุช่รธุกิจกิเพื่อ พื่ พัฒพันาประสิทสิธิภธิาพการผลิตลิทางการเกษตรและ โครงการกึ่ง กึ่ ธุรธุกิจกิอาทิ โรงโคนมสวนจิตจิรลดา, โรงนมผงสวนดุสิดุตสิ, น้ำ ผึ้ง ผึ้ สวนจิตจิรลดา เป็นป็ต้นต้


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 8. โครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ทรงมีพมีระราชดำ ริส่ริวส่นพระองค์ใค์นเรื่อ รื่ งการจัดจัทำ ฝนหลวงเพื่อ พื่ บรรเทาปัญปัหาขาดแคลนน้ำ ในการเกษตร โดยมีกมีารค้นค้คว้าว้ ทดลองปฏิบัฏิติบักติารฝนหลวงขึ้น ขึ้ ซึ่ง ซึ่ จะใช้สช้ารเคมีโมีปรยในท้อท้งฟ้าฟ้จนกระทั่ง ทั่ ไอ น้ำ อิ่ม อิ่ ตัวตัและกลั่น ลั่ ตัวตัออกมากลายเป็นป็เม็ดม็ ฝน 9. กังกัหันหัน้ำ ชัยชัพัฒพันา พระบาทสมเด็จด็พระเจ้าจ้อยู่หัยู่ วหัภูมิภูพมิลอดุลดุยเดช รัชรักาลที่ 9 ได้มีด้ มี พระราชดำ ริใริห้มูห้ลมูนิธินิชัธิยชัพัฒพันาดำ เนินนิการวิจัวิยจัและพัฒพันากังกัหันหัน้ำ ชัยชัพัฒพันา ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ บำ บัดบัน้ำ เสียสีด้วด้ยวิธีวิกธีารเติมติอากาศ ทำ ให้น้ำห้ น้ำเสียสีกลายเป็นป็น้ำ ดี และ สามารถประยุกยุต์ใต์ช้ใช้นการอุปอุโภคบริโริภคของประชาชน น้ำ เสียสีจากโรงงาน อุตอุสาหกรรม และเพิ่ม พิ่ ออกซิเซิจนให้บ่ห้อบ่เพาะเลี้ย ลี้ งสัตสัว์น้ำว์ น้ำทางการเกษตร


พระบาทสมเด็จ ด็ พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หั ยู่ ว หั


พระราชประวัติ วั ติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรส พระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย เดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1. ด้านการศึกษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนให้กรม สามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่น ทุรกันดาร 6 แห่ง ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ พระราชทาน วัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วิดีทัศน์ และในด้านการอุดมศึกษา 2. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรง ตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำ คัญของ การสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบ พระราชกณียกิจ เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโรง พยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระ อุตสาหะเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาลทุกแห่งและทรง เยี่ยมโรงพยาบาลอย่างสม่ำ เสมอ รวมทั้งพระราชทานพระราช ทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือ เครื่องใช้ที่ทันสมัย


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 3. ด้านสังคมสงเคราะห์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร ทรงพระกรุณาห่วงใยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชา ชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาส ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชุมชน แออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขต คลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการ ของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบ ปรามยาเสพติด 4. ด้านการต่างประเทศ ทรงเสด็จพระราชดำ เนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินท รมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไป ทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีป เช่น ประเทศอิตาลี สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยม ประชาธิปไตยศรีลังกา สาธารณรัฐเปรู ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นอกจาก จะมุ่งเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการทอด พระเนตรและศึกษากิจการต่างๆ ที่จะทรงนำ ประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย เช่น เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชมกิจการทหาร ศิลป วัฒนธรรม อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของ ประชาชน


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 5. ด้านเกษตรกรรม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำ เนินไป ทรงทำ ปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อ พระราชทานแก่เกษตรกร สำ หรับนำ ไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่ม ผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ตำ บลเดิมบาง อำ เภอเดิมบางนางบวช จังหวัด สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528 นอกจากนี้ยังทรงบำ เพ็ญพระ ราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมกิจการด้านเกษตรกรรม เช่น เสด็จฯ แทน พระองค์ในการพระราชพิธีพืชมงคล 6. ด้านพระศาสนา ทรงเสด็จฯ แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาเป็น ประจำ สม่ำ เสมอ เช่น ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล รวมถึงการเสด็จพระราชดำ เนิน ไปในการพระราชทานถ้วยรางวัล การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัล กุรอ่านระดับประเทศ


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 7. ด้านการกีฬา ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงานกิจกรรมปั่น จักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ในงาน “อุ่น ไอรัก คลายความหนาว สายน้ำ แห่งรัตนโกสินทร์” ทรงพระราชทานเสื้อสำ หรับใส่ปั่นจักรยาน และน้ำ ดื่มพระราชทาน ให้กับประชาชนผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม และทรงนำ ประชาชนปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” เส้นทางพระลานพระราชวังดุสิต – สวนสุขภาพลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวมระยะทาง ไปกลับ 39 กม. กำ หนดจัดขึ้นเวลา 15.00 น. ในวันที่ 9 ธ.ค. 2561 โดยกิจกรรมนี้พระราชานุญาตให้จัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนมีความใกล้ชิดกัน อีกทั้งผู้ที่ร่วม กิจกรรมปั่นจักรยานยังแสดงให้เห็นการรวมพลังความสามัคคีของคน ไทยทั้งชาติ และเห็นความสำ คัญในการออกกำ ลังกายและส่งเสริมสุข ภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 8. ด้านการทหาร ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาด้านการทหารจาก ประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนความรู้และ ประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน ทรงรับ ราชการทหารมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.2518 และทรงดำ รงพระยศ ทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พล.อ. พล.ร.อ. พล.อ.อ. โดยทรงเข้า ร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพ ชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จ.ตราด อีกทั้งยังเสด็จพระราชดำ เนินไปใน พิธีการด้านทหาร อาทิ งานวันราชวัลลภ


พระราชกรณียกิจกิสำ คัญ คั 9. ด้านการบิน พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำ หรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้, (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพมหานครถึงจังหวัด เชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึง กรุงเทพมหานคร) 10. ด้านราชการ 9 มกราคม พ.ศ. 2535 – ปัจจุบัน ทรงดำ รงตำ แหน่งผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย สำ นักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปัจจุบันคือ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็น ส่วนราชการในพระองค์


พระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีบ มี ทบาทในการ สร้า ร้ งสรรค์ช ค์ าติไติ ทย


สมเด็จ ด็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


พระประวัติ วั ติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็น สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มีพระนามเดิม คือ "พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ" ทรงเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ ได้ทรงเป็นกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส แล้วเลื่อนขึ้นตามลำ ดับ จนใน ที่สุดได้เป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และ ทรงดำ รงตำ แหน่ง "สกลมหาสังฆปรินายก" ใน พ.ศ. ๒๔๕๓


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการศึกษา ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวใหเทรงเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษาของชาติ ในหัวเมือง โดยให้แยกออกจากกรมศึกษาธิการ ทรงแต่งตั้งพระราชา คณะไปเป็นผู้อำ นวยการออกไปตรวจสอบการดำ เนินงานของคณะสงฆ์ พร้อมทั้งแนะนำ พระสงฆ์และฆราวาสให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นใหม่ในตำ บล ต่างๆ เท่าที่จะสามารสจะทำ ได้ทำ ให้การจัดการศึกษาในหัวเมื่องมีความ เจริญก้าวหน้ามาก 2.ด้านประวัติศาสตร์ พระองค์ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ ดังจะเห็นได้ จากพระนิพนธ์ประวัติศาสตร์ที่ปรากฏออกมาอย่างแพร่หลาย เช่น พงศาวดารสยาม ตำ นานประเทศไทย หัวข้อในพระราชพงศาวดารกรุง เก่า หมายเหตุพระราชพงศาวดารกรุงเก่า เป็นต้น และยังมีงานพระ นิพนธ์แปลจากหนังสือต่างประเทศอีกหลายเล่ม นิพนธ์ทางด้าน ประวัติศาสตร์ไทยของพระองค์ในยุคที่ไทยกำ ลังเผชิญกับการล่า อาณานิคมของชาติตะวันตก ขณะนั้นได้กระตุ้นให้ คนไทยได้รู้จักความเป็นมาของชนชาติไทยและ เกิดความหวงแหนประเทศชาติมากยิ่งขึ้น


พระเจ้าบรมวงศ์เ ศ์ ธอ กรมหลวงวงษาธิร ธิ าชสนิท


พระประวัติ วั ติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ต้นราชสกุล "สนิทวงศ์" พระนามเดิม คือ "พระองค์เจ้านวม" เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และเจ้าจอมมารดาปรางใหญ่ ประสูติใน พ.ศ. 2351 และ ทรงสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2413 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์เจ้านวมทรงได้รับ การสถาปนาขึ้นเป็น "กรมหมื่นวงษาธฺราชสนิท" ใน พ.ศ. 2385 และ ได้ทรงรับราชการเป็นผู้กำ กับกรมหมอ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงรับการสถาปนาเลื่อนขั้นเป็นกรมหลวง วงษาธิราชสนิท ได้ทรงกำ กับราชการมหาดไทย ตำ แหน่งพระคลังสินค้า และสุดท้าย ได้รับตำ แหน่งเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินทั่วไปจวบจน สิ้นพระชนม์


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการแพทย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงพระปรีชา สามารถในเรื่องยาไทยและแพทย์แผนไทย อีกทั้งยังได้ทรงศึกษาวิชา แพทย์ฝรั่งจนมีความรู้ความสามารถ จนทรงได้รับการรับรองจาก มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ให้ทรงว่าราชการกรมหมอ และทรงเป็นนายแพทย์ประจำ ราชสำ นักมา ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 4 2.ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในสมัยที่ประเทศไทยกำ ลังเผชิญกับการแสวงหาอาณานิคมของ มหาอำ นาจตะวันตก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิททรง มีบทบาทสำ คัญในการเจรจาทางการทูต เพื่อทำ สนธิสัญญากับตะวันตก ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในกรรมการเจรจา เพื่อ ทำ สนธิสัญญาทางไมตรีและการพาณิชย์กับราชทูตอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส จนเกิดผลดีต่อประเทศชาติอย่างมาก 3.ด้านภาษาและวรรณกรรม ทรงมีความสามารสในด้านโคลง กลอน และฉันท์ โดยได้พระนิพนธ์วรรณกรรมไว้หลายเรื่อง เช่น เพลงยาวสามชาย ตำ ราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่น หาง โคลงนิราศพระประธม โคลงและสุภาษิต จินดามณี เป็นต้น


สมเด็จ ด็ พระเจ้าบรมวงศ์เ ศ์ ธอ กรมยาเทวะวงศ์ว ศ์โรปการ


พระประวัติ วั ติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงเป็นพระ ราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดา เปี่ยม (ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ในรัชกาลที่ 6) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2401 เมื่อยังทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษาอังกฤษ ในพระราชสำ นัก เมื่อสำ เร็จ การศึกษาทรงได้มาช่วยบริหารราชการแผ่นดินใน รัชกาลพระบาลสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชกาลพระบาลสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ หัวตราบจนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2466


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการต่างประเทศ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการในขณะ ที่ทรงดำ รงตำ แหน่งเป็นเสนาบดีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ไทยกำ ลังประสบปัญหาการแพร่อิทธิพลเข้ามาของชาติมหาอำ นาจ รัฐบาลจึงต้องใช้วิธีการเจรจาผ่อนสั้นผ่อนยาวกับมหาอำ นาจตะวันตก โดยเฉพาะกับประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ประเทศฝรั่งเศสพยายามบีบบังคับเพื่อผนวกดินแดนของไทยเป็น อาณานิคม แต่ประเทศไทยก็รอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของ ฝรั่งเศสมาได้ด้วยการอาศัยนโยบายทางการทูต ผู้ที่มีบทบาทสำ คัญใน การเจรจากับฝรั่งเศส คือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมยาเทวะวงศ์ว โรปการ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีบทบาทสำ คัญในการเจรจาแก้ไข ปัญหาระหว่างไทยกับอังกฤษจนประสบความสำ เร็จ ทำ ให้ประเทศ สยามสามารถคลี่คลายสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ มาได้


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 2.ด้านการเมืองการปกครอง ในช่วงปฏิรูปประเทศสูู่ความทันสมัย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมยาเทวะวงศ์ วโรปการ ทรงเข้ารับราชการแผ่นดินเป็นครั้งแรกขณะที่ยังทรงดำ รงฐานะเป็นพระองค์ เจ้าเทวัญอุทัยวงศ์ โดยทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ให้ทรงเป็นพนักงานในสำ นักงาน "ออดิต ออฟฟิศ" (Audit Office) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจบัญชีของกระทรวง ต่างๆ แต่เนื่องจากทรงเป็นผู้รอบรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดีจึงทรงได้รับหน้าที่เกี่ยวกับต่างประเทศมา ตั้งแต่แรกเข้ารับงาน ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงดำ รงตำ แหน่งราชเลขาธิการรวมทั้งทรงเป็นปลัดบัญชีการในหอรัษฎากรพิพัฒน์ด้วย จาก นั้นได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำ รงตำ แหน่งเสนาบดีกรมท่าเมื่อ พ.ศ. 2428 ที่ภายหลังเรียกว่า "เสนาบดีผู้ว่าการต่างประเทศ" ก่อนหน้าที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการตั้ง เสนาบดีสภาตามแบบสมัยใหม่ใน พ.ศ. 2435 สมเด็จฯ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ได้ทรงมีบทบาทใน การดำ เนินงานทดลองระบบคณะเสนาบดีเพื่อปูฟื้นฐาน โดยได้ทดลองจัดการประชุมผู้ที่ได้รับการวางตัว สำ หรับตำ แหน่งเสนาบดีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2432 สมเด็จฯ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงเป็นประธานในที่ ประชุมเสนาบดีสภา ซึ่งในการประชุมดังกล่าวมีผลงานที่สำ คัญคือ การร่างกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทรงเป็นผู้ร่างกฤษฎีกาว่าด้วยเสนาบดีสภาด้วยพระองค์เอง รวมทั้งร่าง ประกาศตั้งตำ แหน่งเสนาบดีตามกระแสรับสั่ง ซึ่งได้ประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางกรเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 นอกจากนี้สมเด็จฯ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ยังทรงมีบทบาทสำ คัญในการจัดตั้งสภาที่ ปรึกษากฎหมาย (Legislative Counil) ในสมัยนั้นเรียกว่า "รัฐมนตรีสภา" ซึ่งเกิดขึ้นตอนปลายรัชกาลที่ 5 อีกด้วย ในรัชสมัยพระบาลสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จฯ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้ทรงปฏิบัติราชการ ทรงหนังสือราชการ และทรงเรียกประชุม เสนาบดีแทนพระองค์ขณะที่รัชกาลที่ 6 ทรงติด พระราชกรณียกิจอื่น และยังทรงดำ รง ตำ แหน่งนายกกรรมการตรวจ ร่างประมวลกฎหมาย นอกจากนี้รัชกาลที่ 6 ยังทรง พระราชประสงค์ที่ จะให้สมเด็จฯ กรมยาเทวะวงศ์วโรปการ การดำ รงตำ แหน่ง "อรรค มหาเสนาบดี" (ไปรม์มินิสเตอร์) เมื่อ พ.ศ. 2464 ด้วยแต่ได้ ทรงปฏิเสธ


สมเด็จ ด็ พระเจ้าบรมวงศ์เ ศ์ ธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ


พระประวัติ วั ติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพทรงเป็นพระราชโอรสใน พระบาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาชุ่ม ทรงเป็นพระอนุชาในพระ บาลสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๕ โดยได้รับพระราชทาน พระนามจากสมเด็จพระบรมชนกนาถว่า "พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร" ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เจ้าดิศรวกุ มารได้รับพระราชทานให้ทรงกรมเป็น "กรมหมื่นดำ รงราชานุภาพ" และต่อมาทรงได้รับ พระราชทานให้เลื่อนกรมเป็น "กรมหลวงดำ รงราชานุภาพ" ในรัชกาลเดียวกัน ภายหลังเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สมเด็จ เถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว จึงได้ทรงมีพระบรมราชโองการ เลื่อนพระฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ" และในรัชสมัยพระบาลสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระยา ดำ รงราชานุภาพเลื่อนพระอิสริยศเป็น "สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ"


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการเมืองการปกครอง สมเด็จฯ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพทรงได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงดำ รงตำ แหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยคนแรก โดยได้ทรงเป็นกำ ลังสำ คัญในการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในสมัย รัชกาลที่ 5 ทรงทุ่มเทพระสติปัญญาในเรื่องการจัดการปกครองหัวเมือง ตามแบบมณฑลเทศาภิบาล อันเป็นงานที่สำ คัญที่สุดในพระชนม์ชีพ ของพระองค์ จนก่อให้เกิดผลสำ เร็จสมดังพระราชดำ ริในพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะช่วยให้ไทยมีความเป็น เอกภาพในการปกครองบ้านเมืองให้มีความมั่นคงและไม่เกิดความ แตกแยกภายในตามที่มหาอำ นาจตะวันตกต้องการสำ หรับการขยาย อำ นาจเข้าครอบงำ ประเทศไทย


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 2.ด้านการศึกษา ขณะทรงดำ รงตำ แหน่งอธิบดีกรมธรรมการ ทรงขยายการ ศึกษาโดยอาศัยวัดเป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ โดยวัดมหรรณพา รามเป็นโรงเรียนหลวงแห่งแรกที่ทรงจัดตั้งขึ้น ซึ่งการศึกษาในลักษณะ นี้ได้ขยายไปทั่วกรุงเทพฯ ในเวลาต่อมาและเมื่อทรงปรับปรุงหลักสูตร และวิธีการสอน ตลอดจนจัดพิมพ์ตำ ราเรียนเรียบร้อยแล้ว ได้ทรงขยาย การศึกษาออกไปสู่ราษฎรตามหัวเมืองต่างๆ โดยทรงจัดตั้งโรงเรียน หลวงขึ้นทั่งประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2435 โดยทรงริเริ่มจัดให้มีการตรวจ สอบตำ ราเรียนและออกประกาศรับรอง ทั้งนี้เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และความสามารสอย่างเหมาะสม การศึกษาของชาติจึงเจริญออกไปทั่ว ประเทศตราบเท่าทุกวันนี้


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 3.ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม สมเด็จฯ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพ ทรงมีผลงานด้าน ประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมเป็นจำ นวนมาก นับว่าพระองค์ทรงเป็นปราชญ์คนสำ คัญของประเทศไทย จนได้รับการ ยกย่องว่าทรงเป็น "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย" พระองค์ทรงพระ ปรีชาสามารถในการนิพนธ์หนังสือได้หลายประเภท เช่น ชีวประวัติ ประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยว โบราณคดี นิทาน ประวัติ วรรณคดี และ ประวัติความรู้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระนิพนธ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ยังคงเป็นหลักในการค้นคว้าของนักประวัติศาสตร์รุ่นหลังๆ ตลอดมา จนถึงปัจจุบัน ในสมัยรัชกาลที่ 6 สมเด็จฯ กรมพระยาดำ รงราชานุภาพได้ทรง เป็นผู้อำ นวยการจัดหอสมุดสำ หรับพระนคร เพื่อให้เป็นแหล่งสรรพ วิชาการของไทย และทรงมีพระดำ ริให้จัดตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สำ หรับใช้เป็นแหล่งการค้นคว้าเอกสารราชการต่างๆ รวมทั้งภาพถ่าย บุคคล เหตุการณ์และสถานที่ อันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างยิ่ง


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 4.ด้านการสาธารณสุข ทรงมีพระดำ ริริเริ่มให้มีโอสถศาลา สำ หรับรับหน้าที่ผลิตยา แจกจ่ายให้ราษฎรในตำ บลห่างไกล ซึ่งปัจจุบันคือ สถานีอนามัย และทรงจัดตั้งปาสตุรสภา สถานที่ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งใน ปัจจุบันโอนไปอยู่ในสังกัดของสถานเสาวภาสภากาชาดไทย นอกจาก นี้พระองค์ยังทรงรับพระภารกิจด้านงานสรรพากร และงานอุตสาหกรรม โลหกิจ ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนางานมาจนถึงปัจจุบัน


สมเด็จ ด็ พระเจ้าบรมวงศ์เ ศ์ ธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศ ริ รานุวัด วั ติวงศ์


พระประวัติ วั ติ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณรายในช่วงระยะเวลาที่ทรง ปฏิบัติราชการแผ่นดินทรงดำ รงตำ แหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิ การ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวัง เพื่อวางรากฐานในการบริหารราชการให้มีความมั่นคง


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการเมืองการปกครอง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็นอภิรัฐมนตรี ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทรงเป็นผู้สำ เร็จราชการเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับนอกกรุงเทพฯ และนอกประเทศ 2.ด้านศิลปะและวัฒนธรรม สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงพระปรีชาสามารส ทางด้านการช่างและศิลปะจนได้รับการยกย่องให้เป็นบรมครูในการช่าง และศิลปะ จนกระทั่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศเกียรติคุณของพระองค์ในฐานะเป็น ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลกประจำ ปี พ.ศ. 2506 ผลงานทาง ด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่สำ คัญของพระองค์ ได้แก่ การออกแบบ สถาปัตยกรรมที่งดงาม เช่น พระอุโบสถวัดราชาธิวาส พระอุโบสถวัด เบญจบพิตรดุสิตวนาราม เป็นต้น


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 3.ด้านดุริยางคศิลป์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงรอบรู้ใน เรื่อง ดุริยางคศิลป์ และ ทรงสามารสทรงดนตรีได้หลายอย่าง เช่น ขลุ่ย ระนาด เป็นต้น นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีผลงานด้านการ นิพนธ์เพลง เช่น เพลงเขมรไทยโยค เพลงมาลัย เป็นต้น 4.ด้านจิตรกรรม ทรงมีผลงานทางด้านจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าจำ นวนมาก เช่น ภาพ มัจฉาชาดกที่หอพระคันธารราษฎร์ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภาพสี น้ำ มันพระสุริโยทัยขาดคอช้างประกอบโคลงภาพพระราชพงศาวดาร อยุธยา


สมเด็จ ด็ พระศรีส รี วริน ริ ทิร ทิ าบรมราชเทวี พระพัน พั วัส วั สาอัย อั ยิกาเจ้า


พระประวัติ วั ติ สมเด็จพระศรีสวรืนทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็น เป็นพระเจ้าลูกเธอ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอม มารดาเปี่ยม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2405 ได้รับ พระราชทานพระนามว่า "พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา" เมื่อมีพระ ชนมมายุ 15 พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็นภรรยาเจ้าในรัชกาลที่ 5 ต่อมา มีการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระองค์เจ้าสว่างวัฒนาขึ้นเป็นพระนางเจ้า สว่างวัฒนาพระราชเทวี และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรม ราชเทวีตำ แหน่งอัครมเหสี ตามลำ ดับ ครั้นถึงในรัชสมัยพระบาลสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับ การสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระ พันวัสสามาตุจฉาเจ้า และในสมัยพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงได้รับการ สถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านสาธารณสุข ทรงจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จ (ปัจจุบัน คือ โรงพยา บาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา) ทรงริเริ่มหน่วยแพทย์ เคลือนที่เพื่อให้การรักษาแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกล และได้พระราชทาน ทุนเพื่อส่งแพทย์พยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อพัฒนาวงการ แพทย์ไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังทรงดำ รงตำ แหน่งสภานายิกาสภา อุณาโลมแดงองค์ที่ 2 ต่อจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถสภา นายิกาพระองค์แรกเมื่อ พ.ศ. 2463 เป็นระยะเวลายาวนานถึง 35 ปี และ ได้พรพราชทานทรัพย์ส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้มีผู้ เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์อย่างพอเพียง 2.ด้ารการศึกษา ทรงส่งเสริมการศึกษาทุกระดับ ทรงสนับสนุนสตรีให้มีโอกาสได้ศึกษาเล่า เรียนในระดับสูง ทรงเน้นให้ศึกษารอบด้านไม่เพียงแต่ความรู้ใน ห้องเรียน อบรมให้เป็นคนมีเหตุผลมีกิริยามารยาทและการวางตัวให้ เหมาะสม ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ เพื่อบำ รุงโรงเรียนต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น โรงเรียนราชินี โรงเรียนนารีเฉลิม สงขา เป็นต้น


ขุน ขุ นางและชาวต่า ต่ งชาติ ที่มีบ มี ทบาทในการ สร้า ร้ งสรรค์ช ค์ าติไติ ทย


ออกญาโกษาธิบ ธิ ดี (ปาน)


พระประวัติ วั ติ ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) เดิมชื่อ "ปาน" เป็นน้องชายของ เจ้าพระยาพระคลัง หรือเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ในสมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช เมื่ออายุ 20 ปี ได้เข้ารับราชการกับพี่ชาย หลัง จากนั้นอีก 15 ปีต่อมา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) และได้เป็นหัวหน้าคณะทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2229


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านการต่างประเทศ ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ได้นำ คณะทูตของไทยเข้า เฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กษัตริย์ฝรั่งเศสในท้องพระโรงของพระราช วังแวร์ซาย เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2229 โดยได้ทำ หน้าที่เป็นผู้แทน ของราชสำ นักอยุธยาได้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีของการเข้า เฝ้าของชาวฝรั่งเศส จนถึงกับได้รับคำ ยกย่องจากชาวฝรั่งเศสว่าราชทูต ไทยผู้นี้มีกิริยาท่าทางและวาจาที่งดงาม การเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรี กับราชสำ นักฝรั่งเศสของออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ช่วยสร้างความ สัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ในแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นับเป็นผลดีต่อการ ป้องกันการคุกคามของฮอลันดา ขณะที่พำ นักอยู่ในฝรั่งเศส ออกพระวิ สุทธสุนทร (ปาน) ได้จดบันทึกข้อความในเรื่องต่างๆ ที่ได้พบเห็นอย่าง ละเอียด และได้นำ บันทึกเหล่านี้กราบถวายบังคมทูลสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชให้ทรงทราบเรื่องราวต่างๆ ได้ถี่ถ้วนและถูกต้อง สมัยสมเด็จพระ เพทราชา ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น เจ้าพระยาพระคลังหรือเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) มีหน้าที่ ควบคุมราชการเกี่ยวกับด้านการต่างประเทศ


หม่อมราโชทัย ทั หรือ รื หม่อน ราชวงศ์ก ศ์ ระต่ายอิศ อิ รางกูร


พระประวัติ วั ติ หม่อมราโชทัย นามเดิม หม่อมราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร (ชื่อเล่น;คุณชายกระต่าย) (12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็นบุตรของพระวงศ์เธอ กรมหมื่นเทวานุรักษ์ เป็นพระ นัดดาของสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ (พระ อนุชาของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 2) และเป็น พระปนัดดาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช


พระกรณียกิจกิสำ คัญ คั 1.ด้านวรรณกรรม หลังจากหม่อมราโชทัยได้เดินทางกลับจากอังกฤษ ได้ทูล เกล้าฯ ถวายบันทึกความทรงจำ เกี่ยวกับการเดินทางไปกับคณะทูต แด่พระบาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือที่เรียกว่า "จดหมายเหตุเรื่อง ราชทูตไทยไปลอนดอน" และได้แ่งบทกวีนิพนธ์เรื่อง "นิราศลอนดอน" ซึ่งมีเนื้อความเดียวกับจดหมายเหตุแต่สามารถเล่ารายละเอียดได้ตาม ความต้องการมากกว่าอเพราะมีลักษณะเป็นงานส่วนตัวจึงเขียนได้อย่าง อิสระ นิราศลอนดอนตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2402 และใน พ.ศ. 2404 หมอบ รัดเลย์ได้ซื้อกรรมสิทธิ์หนังสือนิราศลอนดอนจากหม่อนราโชทัย นับ เป็นการขายกรรมสิทธิ์หรือลิขสิทธิ์หนังสือครั้งแรกในเมืองไทย 2.ด้านการศาล ภายหลังจากที่หม่อนราโชทัยได้ไปราชการต่างประเทศในตำ แหน่ง ล่ามประจำ คณะทูตไทยในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหม่อนราโชทัยได้ดำ รงตำ แหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลต่างประเทศ อันเกี่ยวข้องกับคดีความของชาว ต่างประเทศเป็นคนแรกใน พ.ศ. 2401 ซึ่งนับได้ว่าเป็น ประโยชน์ต่อศาลสถิตยุติธรรมโดยเฉพาะศาล การต่างประเทศของไทย


สมเด็จ ด็ เจ้าพระยาบรม มหาศรีสุ รี สุ ริย ริ วงศ์


ประวัติ วั ติ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ นามเดิม ช่วง (23 ธันวาคม พ.ศ. 2351 – 19 มกราคม พ.ศ. 2426) เป็นบุคคลสำ คัญของไทยใน ศตวรรษที่ 19 ซึ่งดำ รงตำ แหน่งผู้สำ เร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงต้น รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


Click to View FlipBook Version