The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตรวจงานแปลมัทธิว 17

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by P. Tads, 2021-06-07 09:48:17

17. มัทธิว 17:1-27

ตรวจงานแปลมัทธิว 17

มทั ธิว 17:1-27 คำประกำศของพระเจำ้ และชมุ ชนใหม่
มทั ธวิ 17:1-13 คำประกำศของพระเป็นเจำ้ และกำรตอบสนองของพระเยซูเจำ้

พระเยซูเจำ้ ทรงสำแดงพระองคอ์ ย่ำงร่งุ เรือง
1 ต่อมำอกี หกวนั พระเยซูเจำ้ ทรงพำเปโตร ยำกอบ และยอหน์ น้องชำยไปบนภูเขำสงู ทป่ี รำศจำกผคู้ น 2 แลว้ พระวรกำยของพระ
องคก์ เ็ ปลย่ี นไปต่อหน้ำเขำ พระพกั ตรเ์ ปล่งรศั มดี ุจดวงอำทติ ย์ ฉลองพระองคก์ ลบั มสี ขี ำวดุจแสงสว่ำง 3 โมเสสและประกำศกเอลี
ยำห์สำแดงตนสนทนำอยู่กบั พระองค์ 4 เปโตรจงึ ทูลพระเยซูเจำ้ ว่ำ “พระเจำ้ ขำ้ ทน่ี ่ีสบำยน่ำอยู่จรงิ ๆ ถำ้ พระองค์มพี ระประสงค์
ขำ้ พเจำ้ จะสรำ้ งเพงิ ขน้ึ สำมหลงั หลงั หน่ึงสำหรบั พระองค์ หลงั หน่ึงสำหรบั โมเสส อกี หลงั หน่ึงสำหรบั เอลยี ำห์” 5 ขณะท่เี ปโตร
กำลงั พูดอยู่นัน้ มเี มฆสว่ำงจำ้ ก้อนหน่ึงปกคลุมพวกเขำไว้ เสยี งหน่ึงดงั จำกเมฆนัน้ ว่ำ “ท่ำนผูน้ ้ีเป็นบุตรสุดทร่ี กั ของเรำ เรำพงึ
พอใจยง่ิ นัก จงฟังท่ำนเถดิ ” 6 เม่อื ไดย้ นิ ดงั นนั้ ศษิ ยท์ งั้ สำมคนซบหน้ำลงกบั พน้ื ดนิ มคี วำมกลวั อย่ำงยง่ิ 7 พระเยซูเจำ้ เสดจ็ เขำ้ มำ
ใกล้ ทรงสมั ผสั เขำ ตรสั ว่ำ “จงลุกข้นึ เถดิ อย่ำกลวั เลย” 8 เม่อื เงยหน้ำขน้ึ เขำไม่เห็นผูใ้ ด นอกจำกพระเยซูเจำ้ เท่ำนัน้ คำถำม
เก่ียวกบั ประกำศกเอลียำห์
9 ขณะทก่ี ำลงั ลงจำกภเู ขำ พระเยซูเจำ้ ทรงกำชบั ศษิ ยท์ งั้ สำมคนว่ำ “อย่ำเลำ่ นิมติ ทไ่ี ดเ้ หน็ น้ีใหผ้ ใู้ ดฟัง จนกวำ่ บุตรแหง่ มนุษยจ์ ะ
กลบั คนื ชพี จำกบรรดำผตู้ ำย” 10 บรรดำศษิ ยท์ ลู ถำมพระองคว์ ำ่ “เหตใุ ดบรรดำธรรมำจำรยจ์ งึ กล่ำววำ่ เอลยี ำหต์ อ้ งมำก่อน” 11 พระ
องคต์ รสั ตอบว่ำ “เอลยี ำหจ์ ะมำและจะจดั ทุกสงิ่ ใหอ้ ยู่ในสภำพเดมิ 12 เรำบอกท่ำนทงั้ หลำยว่ำ เอลยี ำหไ์ ดม้ ำแลว้ แต่ประชำชนไม่
รจู้ กั และกระทำต่อท่ำนตำมใจชอบ บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรบั กำรทรมำนจำกประชำชนเช่นเดยี วกนั ” 13 บรรดำศษิ ย์จงึ เขำ้ ใจว่ำ
พระองคต์ รสั กบั เขำถงึ ยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง

ข้อศกึ ษำวิพำกษ์
เน่ืองจำกมกี ำรเปลย่ี นสถำนท่ใี น ว. 9 และเปลย่ี นจำก “เปโตร ยำกอบ และยอห์น” เป็น “บรรดำศษิ ย์”

(ทงั้ หมด?) ท่ี ว. 10 ในตอนแรกเน้ือหำสว่ นน้ีจงึ อำจดูเหมอื นมเี ร่อื งรำวสนั้ ๆ สองเรอ่ื ง (อย่ำงทเ่ี หน็ ในสรุปเรอ่ื งย่อของพระวร
สำรหลำยแห่ง ในฉบบั Revised Common Lectionary มเี พยี ง 17:1-9 จำกตอนน้ี) มก. 9:9-13 (มธ 17:9-13) ซง่ึ เป็นขอ้ ควำมทม่ี ปี ัญหำ
ถูกลบทง้ิ ไปในพระวรสำรนกั บญุ ลกู ำ แต่นกั บุญมทั ธวิ นำ ว. 1-13 มำเชอ่ื มโยงกนั เป็นหน่วยเดยี ว (ว. 9 ถกู นำมำเชอ่ื ม

กบั ว. 1-8 โดยกำรอำ้ งองิ ถงึ ภำพนิมติ [the Vision] ส่วน ว. 10 เชอ่ื มกบั ว. 9 โดยคำเช่อื มต่อเชงิ อนุมำน “จำกนนั้ ” [then] และกำรอำ้ งองิ อย่ำงชดั เจน
ถึงบุตรแห่งมนุษย์ผู้ทนทุกข์ทรมำนใน ว. 12 ได้เช่ือม ว. 10-12 เข้ำกบั ว. 9 ทงั้ หมดล้วนเป็นสง่ิ ท่ีนักบุญมทั ธิวเสรมิ เพ่ิมลงไป ส่วนสญั ลกั ษณ์

ประกำศกเอลยิ ำห์เช่อื ม ว. 10-13 เขำ้ กบั ว. 1-9) นอกจำกน้ี กำรท่ีนักบุญมทั ธวิ ละเวน้ ไม่กล่ำวถงึ ควำมไม่เขำ้ ใจของศษิ ย์
(มก. 9:10) และสรุปจบดว้ ยกำรประกำศอยำ่ งชดั เจนว่ำบรรดำศษิ ยไ์ มเ่ ขำ้ ใจ (17:13) ทำให้ ว. 1-13 ทงั้ หมดเป็นคำ
สอนสำหรบั บรรดำศษิ ย์ ฉำกเหตุกำรณ์ก่อนหน้ำน้ี (16:13-28) นำสภำวะเหนือโลกท่อี ยู่ในกำรประกำศควำมเช่อื

411

ของนกั บญุ เปโตร จำกกำรเปิดเผยจำกสวรรคว์ ำ่ พระเยซูเจำ้ ทรงเป็นพระบตุ รของพระเป็นเจำ้ (16:17) มำวำงเทยี บ
กนั กบั คำสอนของพระเยซูเจ้ำเก่ียวกบั กำรทนทุกข์ทรมำนของบุตรแห่งมนุษย์ และในฉำกน้ีก็เช่นกนั เสียง
ประกำศจำกสวรรค์ถูกนำมำวำงเทยี บกบั คำประกำศของพระเยซูเจ้ำว่ำพระองค์คอื บุตรแห่งมนุษยผ์ ู้ท่ตี ้องรบั
ทุกขท์ รมำน ดงั นนั้ กำรเกบ็ ว. 9-13 ไวก้ บั ว. 1-8 จงึ มคี วำมสำคญั เช่นเดยี วกบั ทไ่ี ม่ควรนำ 16:21-23 แยกจำก
16:13-20 แต่หน่วยน้ีมสี งิ่ ทม่ี ุ่งเน้นเป็นสองแง่ พระเยซูเจำ้ ผทู้ รงเป็นพระเมสสยิ ำหแ์ ละพระบุตรของพระเป็นเจำ้
ถูกนำเสนอดว้ ยสสี นั ทห่ี ลำกหลำย (ว. 1-9) นกั บุญยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง ถูกตคี วำมวำ่ เป็นประกำศกเอลยิ ำห์ (ว. 10-13)
และยอหน์ /เอลยิ ำห์ เป็นผทู้ ม่ี ำลว่ งหน้ำและเป็นโมเดลตวั อยำ่ งของพระเยซูเจำ้ แต่เฉพำะในแงข่ องกำรเป็นพยำน
อยำ่ งสตั ยซ์ อ่ื และกำรตำยโดยน้ำมอื ของเฮโรด ไมใ่ ชใ่ นแงข่ องกำรมพี ลงั อำนำจอนั น่ำอศั จรรยท์ ่ีชว่ ยใหต้ นรอดพน้
จำกควำมตำย นกั บญุ ยอหน์ เป็นเชน่ ใด พระเยซูเจำ้ กท็ รงเป็นเชน่ นนั้

17:1-9 คอื กำรแสดงพระเยซูเจำ้ ในฐำนะ (ผทู้ ย่ี ง่ิ ใหญ่กว่ำ) โมเสส เรอ่ื งรำวน้ีมคี วำมหมำยหลำยระดบั (ดู
ขอ้ คดิ ไตรต่ รอง ดำ้ นลำ่ ง) แต่ในทน่ี ้เี รำจะมุ่งเน้นระดบั ของพระวรสำรนกั บญุ มทั ธวิ เทำ่ นนั้

17:1 ทกุ คำยกมำจำก มก. 9:2 ยกเวน้ คำวำ่ “น้องชำยของเขำ” (His Brother) ซง่ึ นกั บญุ มทั ธวิ เตมิ เขำ้ มำ
ส่วนทเ่ี พมิ่ เขำ้ มำน้ีไม่ใช่เพ่อื ใหข้ อ้ มูลควำมเกย่ี วขอ้ งทำงสำยเลอื ดเท่ำนัน้ แต่ยงั เป็นกำรเตอื นใหผ้ ูอ้ ่ำนระลกึ ว่ำ
ชุมชนของศษิ ยเ์ ป็นครอบครวั ทม่ี พี น่ี ้องชำยหญงิ (12:46-50 เทยี บ 18:35; 19:29, 28:10 และ7:3-5; 18:15; 23:8; 25:40 แต่ในฉบบั

NRSV ทำใหค้ วำมเช่อื มโยงน้ีหำยไปเพรำะแปลคำว่ำ “adelphoi” ซง่ึ หมำยถงึ พน่ี ้องชำยหญงิ ในแบบอ่นื ทห่ี ลำกหลำย เช่น “เพ่อื นบำ้ น” “สมำชกิ ของ

ครสิ ตจกั ร” “นักเรยี น” “สมำชกิ ของครอบครวั ”) “ผคู้ นวงใน” ซ่งึ ไดแ้ ก่นักบุญเปโตร นักบุญยำกอบ และนักบุญยอหน์ ทอ่ี ย่ใู น
พระวรสำรนักบุญมำระโกปรำกฏขน้ึ ในพระวรสำรนักบุญมทั ธวิ เป็นครงั้ แรก เน่ืองจำกคำว่ำ “บุตรแห่งมนุษย์”
เป็นตำแหน่งทำงครสิ ตศำสตรท์ ม่ี คี วำมสำคญั สำหรบั นักบุญมทั ธวิ ทำ่ นอำจเหน็ ว่ำทงั้ สำมคนน้ีมคี วำมคลำ้ ยคลึง
กบั ยอดนกั รบสำมคนผูใ้ กลช้ ดิ กษตั รยิ ด์ ำวดิ (2ซมอ 23:8; 18:23) ซง่ึ ถำ้ เป็นเช่นนนั้ ขอ้ ควำมน้ีจะเป็นอกี ตวั อย่ำงหน่ึง
ของกำรทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงเปลย่ี นคำจำกดั ควำมของคำว่ำกษตั รยิ ์ เพรำะบุคคลใกลช้ ดิ ทงั้ สำมของกษตั รยิ ด์ ำวดิ มี
ชอ่ื เสยี งในดำ้ นกำรใชค้ วำมรุนแรง กษตั รยิ ด์ ำวดิ เองกเ็ ช่นกนั แต่ศษิ ยข์ องพระเยซูเจำ้ ถูกเรยี กใหส้ ละชวี ติ ของตน
เพอ่ื ผอู้ ่นื เชน่ เดยี วกบั บุตรแหง่ ดำวดิ

ข้อมูลด้ำนลำดบั เวลำท่ีเจำะจงชดั เจนคือ “หลงั จำกหกวนั ” ท่ีอยู่ในส่วนก่อนพระมหำทรมำนนัน้ ไม่
เหมอื นกบั ส่วนอ่นื เลย ในพระวรสำรนักบุญมำระโก มนั อำจเช่อื มโยงกบั “หลงั จำกสำมวนั ” ท่กี ล่ำวถงึ ก่อนหน้ำ
นนั้ แต่นกั บุญมทั ธวิ นำควำมเชอ่ื มโยงน้ีทง้ิ ไปดว้ ยกำรเปลย่ี นขอ้ ควำมก่อนหน้ำน้ี แต่ไมเ่ ปลย่ี นขอ้ ควำมน้ี ดงั นนั้
มนั จงึ เป็นองคป์ ระกอบเพมิ่ เตมิ ทใ่ี ส่เขำ้ มำในกำรใช้รปู แบบเกย่ี วกบั โมเสส (Moses typology) ของท่ำน (จำก อพย
24:16 ดู ขอ้ คดิ ไตร่ตรอง ด้ำนล่ำง) ภูเขำท่ไี ม่มกี ำรระบุช่อื สอดคล้องกบั 5:1 และ 28:16 ควำมพยำยำมระบุว่ำสถำนท่ี
เหล่ำน้ีคือท่ีไหน (อย่ำงท่ีกำรท่องเท่ียวเชิงคริสตศำสนำและกำรแสวงบุญทำอยู่ในประเทศอิสรำเอล) เป็ นกำรนำเทววิทยำกับ
ภูมศิ ำสตรม์ ำทำใหส้ บั สนปนเปกนั

17:2 คำว่ำ “จำแลงพระกำย” (Transfigure) มคี วำมหมำยตำมตวั อกั ษรว่ำ “เปลย่ี นรูปร่ำงหรอื ลกั ษณะ”
(“metamorphosed” มำจำกคำภำษำกรกี ว่ำ metamorphoomai หรอื กำรเข้ำสู่กระบวนกำรเปล่ยี นรูป) ใน “นิมติ ” ของศิษย์กลุ่มน้ี (17:9)
พระเยซูทรงเปล่งแสงสว่ำงแห่งพระสริ ริ ุ่งโรจน์ทอ่ี ย่สู งู เหนือจำกโลกน้ี แสงสว่ำงทม่ี แี ต่ในชำวสวรรคเ์ ท่ำนนั้ เป็น
กำรเผยแสดง(ทห่ี ลำยคนรอคอย)ว่ำพระเยซูเจำ้ ทรงเป็นสว่ นหน่ึงของอำณำจกั รแห่งพระเป็นเจำ้ (เทยี บ 13:43; 28:3 สำหรบั
ดู ควำมหมำยแฝงของนักบุญมทั ธวิ ) ในธรรมประเพณีของชำวยวิ รศั มสี ว่ำงน้ีเป็นลกั ษณะของอำดมั อบั รำฮมั และอกี
หลำยคน กำรใช้รูปกรยิ ำแบบถูกกระทำโดยไม่เอ่ยนำมผู้กระทำ (Divine Passive) ส่อื ให้เห็นโดยนัยว่ำกำร

412

จำแลงพระกำยในนิมติ น้เี ป็นกำรกระทำของพระเป็นเจำ้ ผทู้ รงเผยแสดงแก่บรรดำศษิ ย์ (ดู เทยี บ 16:17) นกั บุญมทั ธวิ
ยงั เตมิ ขอ้ ควำมทเ่ี จำะจงวำ่ ใบหน้ำของพระองคเ์ ปล่งรศั มี ซง่ึ เป็นกำรอำ้ งถงึ โมเสสอย่ำงชดั เจน (อพย. 34:29-35; 2คร

3:18; วว 1:16)

17:3 กำรท่ีนักบุญมทั ธิวแสดงภำพโมเสส เอลยี ำห์ และพระเยซูเจ้ำทรงพูดคุยกนั ในฉำกท่ีมีพระสริ ิ
รุ่งโรจน์อนั สงู ส่งกว่ำโลกน้ี เป็นกำรยนื ยนั มุมมองของท่ำนท่วี ่ำพระเยซูเจำ้ คอื ผทู้ ท่ี ำใหง้ ำนของพระเจำ้ ในพระ
คมั ภรี พ์ นั ธสญั ญำเดมิ ดำเนินต่อไปและไดร้ บั กำรเตมิ เตม็ ใหส้ มบรู ณ์ อย่ำงไรกต็ ำม สำหรบั นกั บุญมทั ธวิ แลว้ กำร
นำโมเสสและเอลยี ำหม์ ำอยรู่ ว่ มกนั ไมไ่ ดเ้ ป็นสญั ลกั ษณ์ทเ่ี จำะจงถงึ พระคมั ภรี โ์ ดยรวมทงั้ หมด หรอื หนงั สอื “ธรรม
บญั ญตั แิ ละบรรดำประกำศก” เน่ืองจำกเน้ือหำตรงน้ีไม่มสี ่วนใดทเ่ี ช่อื มโยงโมเสสกบั หนงั สอื ปัญจบรรพ และเอลี
ยำห์ ผู้ซ่ึงไม่ใช่ประกำศกธรรมดำทวั่ ไปสำหรบั นักบุญมทั ธวิ ซ่ึงไม่ได้เขยี นสงิ่ ใดท่มี กี ำรเก็บรกั ษำไวเ้ ป็นพระ
คมั ภรี ์ โมเสสและเอลยี ำห์ถูกนำมำคู่กนั ในท่นี ้ี เพรำะทงั้ คู่เป็นประกำศกทต่ี อนแรกถูกปฏเิ สธโดยประชำชนแต่
ไดร้ บั กำรแกต้ ่ำงโดยพระเป็นเจำ้ ทงั้ สองสนบั สนุนพนั ธสญั ญำและหนงั สอื ปัญจบรรพ ทงั้ สองทำกำรอศั จรรย์ และ
เป็นผู้ท่ศี ำสนำยูดำยในศตวรรษท่หี น่ึงเช่อื ว่ำเป็นบุคคลท่อี ยู่สูงเหนือโลก คอื ไม่ได้ตำยแต่ถูกยกข้นึ สวรรค์ทงั้
รำ่ งกำย ดงั นนั้ พวกเขำจงึ เป็นตวั แทนของโลกสวรรคท์ ม่ี พี ระเป็นเจำ้ เป็นผลพสิ จู น์แหง่ ควำมบรสิ ทุ ธิ ์ซง่ึ ในมมุ มอง
ตำมสมยั ของนักบุญมทั ธวิ ซ่งึ เป็นยุคหลงั กำรกลบั คนื พระชนมช์ พี พระเยซูเจำ้ ทรงเป็นส่วนหน่ึงของโลกนนั้ ดว้ ย
เชน่ กนั กำรทพ่ี วกเขำ “สนทนำ” กบั พระเยซูเจำ้ จงึ เป็นกำรสะทอ้ นถงึ อพย. 34:35

17:4-8 เช่นเดยี วกบั ฉำกก่อนหน้ำน้ี (16:13-20) นักบุญเปโตรตอบสนองต่อกำรเผยแสดงดงั กล่ำว แต่กำร
ขำดควำมเขำ้ ใจของเขำทถ่ี ูกนำเสนอในพระวรสำรนักบุญมำระโกถูกทำใหเ้ บำบำงลง (มก. 9:6 “เพรำะเขำไม่รวู้ ่ำจะตอ้ ง
พดู อะไร...” ถูกละเวน้ ) ในทน่ี ้ี นักบุญเปโตรพดู จำอย่ำงผทู้ ม่ี คี วำมเช่อื (ในพระวรสำรนักบุญมทั ธวิ เขำเรยี กพระเยซูเจำ้ วำ่ “องคพ์ ระผู้
เป็นเจำ้ ” แต่ในพระวรสำรนักบุญมำระโก เขำเรยี กว่ำ “รบั บี”) และพูดจำดว้ ยควำมเคำรพมำกกว่ำในพระวรสำรนักบุญมำระโก
(“หำกพระองค์ตอ้ งกำร” ถูกนำมำเตมิ ลงไปในขอ้ มูลจำกพระวรสำรมำระโก) แต่ถงึ กระนัน้ เขำยงั ไม่มคี วำมรคู้ วำมเขำ้ ใจทส่ี มบูรณ์
เช่นเดยี วกบั ผคู้ นส่วนใหญ่ เขำยงั ตระหนักถอื ว่ำพระเยซูเจำ้ อย่ใู นกลุ่มของประกำศก (17:4 = 16:14) ขอ้ เสนอของ
นักบุญเปโตรในกำรสรำ้ ง “กระโจม” (Tent) สำมหลงั (ภำษำกรกี คอื “skenai” ซ่งึ บำงครงั้ แปลว่ำ “แท่นบูชำ” หรอื “กระท่อม”) ซ่งึ
เป็นกำรตคี วำมแตกต่ำงกนั ไป เพรำะคำน้ีสำมำรถใชส้ อ่ื ถงึ กระโจมทวั่ ไป แท่นบูชำ และกระท่อมสมยั ใหม่ทส่ี รำ้ ง
ขน้ึ ในเทศกำลอย่เู พงิ (Festival of Booths) เน่ืองจำกธรรมประเพณีบำงอย่ำงของชำวยวิ เกย่ี วขอ้ งกบั กำรมำถงึ
ของพระอำณำจกั รพระเป็นเจำ้ ในชนชำตทิ งั้ หลำยพรอ้ มๆ กบั เทศกำลอยเู่ พงิ (ดู เทยี บ ศคย 14:9, 16) ควำมเขำ้ ใจบำง
ประกำรเก่ยี วกบั พระอำณำจกั รพระเป็นเจ้ำจงึ อำจซุกซ่อนอยู่หลงั คำพูดน้ี แต่ถ้ำเป็นเช่นนัน้ นักบุญมทั ธวิ คง
มองขำ้ มควำมเขำ้ ใจดงั กล่ำวไป ถงึ แมว้ ่ำท่ำนจะมุ่งเน้นไปทแ่ี นวคดิ เร่อื งพระอำณำจกั ร สำหรบั นกั บุญมทั ธวิ คำ
ว่ำ “skene” มีควำมหมำยโดยอ้อมถึงแท่นบูชำและพระวิหำรท่ีมีเชคินำห์ (Shekinah) หรือเมฆเพลิงท่ีเป็ น
สญั ลกั ษณ์ของกำรประทบั อยู่อย่ำงต่อเน่ืองของพระเป็นเจ้ำท่ำมกลำงประชำชนของพระองค์ อยู่บนท่หี บี พนั ธ
สญั ญำ นกั บุญมทั ธวิ นำเสนอกำรตอบสนองสำมระดบั ตอ่ ขอ้ เสนอของนกั บุญเปโตร ไดแ้ ก่
(1) เมฆจำกสวรรคท์ ส่ี ำแดงกำรประทบั อยู่ของพระเป็นเจำ้ ปรำกฏขน้ึ เช่นเดยี วกบั บนแท่นบูชำของโมเสสและ

พระวหิ ำรในยุคต่อมำ มเี สยี งสวรรคด์ งั ลงมำจำกเมฆ และพระเป็นเจำ้ ผเู้ คยตรสั กบั โมเสสทภ่ี ูเขำไซนำยได้
ตรสั กบั พวกเขำโดยตรง เสยี งสวรรค์นัน้ กล่ำวถ้อยคำเดียวกนั กบั ท่ีเคยกล่ำวไว้ตอนพิธลี ้ำง (ดู 13:7) เพ่อื
ยนื ยนั ถงึ ตวั ตนและภำรกจิ ของพระเยซูเจำ้ ทท่ี รงประกำศในตอนนนั้ และเป็นกำรยนื ยนั คำประกำศควำมเชอ่ื
ของนกั บุญเปโตรในฉำกก่อนหน้ำน้ี (16:16)

413

(2) แมว้ ่ำจะมกี ำรปรำกฏร่ำงของสำมบุคคลท่ปี รำกฏในลกั ษณะเหนือธรรมชำติ เสยี งจำกสวรรค์สงั่ ให้บรรดำ
ศษิ ยต์ งั้ ใจฟังพระเยซูเจำ้ เชน่ เดยี วกบั ในบทภำวนำเช-มำ (Shema) ของชำวยวิ (ฉธบ 6:4) คำวำ่ “ฟัง” ในทน่ี ้มี ี
ควำมหมำยโดยออ้ มว่ำ “เชอ่ื ฟัง” และเป็นคำสงั่ ลกั ษณะเดยี วกนั กบั ทใ่ี ชก้ บั “ประกำศกอยำ่ งโมเสส” ผทู้ พ่ี ระ
เป็นเจำ้ ทรงสง่ มำ (ฉธบ 18:15; เทยี บ 13:57) บรรดำศษิ ยไ์ ดต้ อบสนองต่อกำรปรำกฏตวั สนั้ ๆ ของพระเป็นเจำ้ ดว้ ย
ควำมหวำดกลวั โดยกม้ หน้ำลงแนบกบั พน้ื เชน่ เดยี วกบั ใน อพย 34:30; ดนล 10:9 และ ฮบก 3:2 (LXX)

(3) พระเยซูเจำ้ เสดจ็ ไปหำพวกเขำ (มเี ฉพำะตรงน้ี และ 28:18 ของพระวรสำรนักบุญมทั ธวิ ซง่ึ เป็นควำมคขู่ นำนอกี ประกำรหน่ึงระหวำ่ ง
ฉำกน้ีกบั ฉำกทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงกลบั คนื พระชนมช์ พี ) แลว้ สมั ผสั พวกเขำ จำกนนั้ พวกเขำไม่เหน็ ใครนอกจำกพระเยซูเจำ้
เท่ำนัน้ “พระเยซูเจำ้ เพยี งพระองคเ์ ดยี ว” (Jesus Himself Alone) เพ่อื ใหจ้ ุดสนใจทงั้ หมดอยู่ท่พี ระเยซูเจำ้
และแยกพระองคอ์ อกจำกโมเสสและเอลยี ำห์ ซง่ึ ตอนนนั้ ไดห้ ำยไปแลว้ นกั บุญมทั ธวิ เตมิ คำวำ่ “โดยพระองค์
เอง” (Himself / autos) ลงไปแลว้ นำขอ้ ควำมจำกพระวรสำรนักบุญมำระโกมำเขยี นใหม่อย่ำงละเอยี ดอ่อน
เพ่อื ใหค้ ำดงั กล่ำววำงอย่ตู รงน้ี เพ่อื เป็นกำรกล่ำวสรุปจบฉำกน้ีอย่ำงเน้นหนกั ผมู้ ำเยอื นจำกสวรรค์ไดจ้ ำก
ไป แต่พระเยซูเจำ้ ยงั คงประทบั อยู่ มแี ต่พระองคเ์ ท่ำนัน้ ปรำศจำกมติ รสหำยจำกสวรรค์ ปรำศจำกพระสริ ิ
รุ่งโรจน์ พระองค์ทรงเป็น “พลบั พลำ/เพิงท่ปี ระทบั ” (Tabernacle / skene) เป็นควำมจรงิ ของพระเจ้ำท่ี
ประทบั อย่ทู ่ำมกลำงเรำ (ดู เทยี บ 1:23; 28:20) ศษิ ย์เหล่ำนัน้ กลบั ลงมำจำกภูเขำ ลงมำสู่โลกแห่งโลกยี วสิ ยั ท่มี ี
ควำมทกุ ขท์ รมำนและภำรกจิ แตพ่ วกเขำมพี ระเยซูเจำ้ ประทบั อยดู่ ว้ ย พระเป็นเจำ้ ทรงสถติ อยกู่ บั เรำ
17:9 วลี “ลงมำจำกภูเขำ” สอดคลอ้ งกบั กำรขน้ึ ไปบนภูเขำใน 17:1 และนำ ว. 1-9 ไปสตู่ อนจบในฐำนะหน่ึง

ฉำกทส่ี มบูรณ์ สำหรบั นักบุญมทั ธวิ กำรทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงเรยี กเหตุกำรณ์นนั้ ว่ำ “นิมติ ” (มแี ต่ในพระวรสำรนกั บุญมทั ธวิ
เท่ำนนั้ ) ไม่ไดม้ คี วำมหมำยโดยออ้ มถงึ ควำมแตกต่ำงแบบสมยั ใหม่ระหว่ำงประสบกำรณ์สว่ นบุคคลและควำมเป็น
จรงิ เชงิ วตั ถุวสิ ยั แต่กำรทใ่ี ชค้ ำว่ำ “นิมติ ” เป็นกำรเช่อื มโยงเหตุกำรณ์นนั้ ใหเ้ ขำ้ กบั ธรรมประเพณีคำพยำกรณ์ท่ี
เป็นภำพนิมติ เช่นเดยี วกบั 16:17 (เทยี บ ดนล. 8:16-17; 10:9-12, 16-19) กำรกล่ำวถงึ วนั กลบั คนื พระชนมช์ พี (Easter)
วำ่ เป็นจดุ หมำยปลำยทำง ไม่ใชก่ ำรแสดงออกถงึ ควำมลบั ของผเู้ ป็นพระเมสสยิ ำหเ์ หมอื นในพระวรสำรของมำระ
โก แต่มผี ลทำใหน้ ิมติ นนั้ เช่อื มโยงกบั ประสบกำรณ์ในวนั กลบั คนื พระชนมช์ พี (28:3-7; 28:16, 18-19) และชใ้ี หเ้ หน็ ว่ำ
เรำจะสำมำรถเขำ้ ใจได้ กต็ อ่ เมอ่ื มองผ่ำนมมุ มองของผอู้ ำ่ นสมยั นกั บญุ มทั ธวิ ซง่ึ อยใู่ นยคุ หลงั กำรกลบั คนื พระชนม์
ชพี และถูกเรยี กใหม้ องวำ่ ตนเอง คอื ศษิ ยใ์ นเรอ่ื ง

17:10-13 นักบุญยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง คอื ประกำศกเอลยิ ำห์ บทสนทนำน้ีในพระวรสำรนักบุญมำระโกเป็น
กำรกล่ำวกบั ศษิ ยเ์ พยี งสำมคนทม่ี ำจำกฉำกก่อนหน้ำน้ี (ดู เทยี บ มก 9:11, 14) นักบุญมทั ธวิ ปรบั ฉำกน้ีใหก้ ลำยเป็น
บทสนทนำกบั บรรดำศษิ ยอ์ ย่ำงแยบยล จนเรำแทบไม่สงั เกตเหน็ ถงึ แมว้ ำ่ ท่ำนจะแสดงภำพเหมอื นกบั ในพระวร
สำรนักบุญมำระโก คอื ให้บรรดำศษิ ย์ยงั คงอย่กู บั ฝงู ชน (ดู เทยี บ 17:14, 16) ควำมเช่อื มโยงกบั ว. 1-9 ในตอนแรกดู
ไม่เป็นธรรมชำติ แมว้ ำ่ นกั บุญมทั ธวิ จะเตมิ คำว่ำ “แลว้ เหตใุ ด” (Why Then / ti oun) ลงไปในคำถำมของศษิ ยเ์ พอ่ื
เช่อื มโยงใหเ้ ขำ้ กบั หวั ขอ้ ก่อนหน้ำน้ี แต่ ว. 10 ไม่เพยี งแต่ตอบสนองกบั ว. 9 เท่ำนัน้ แต่ยงั เป็นกำรมองยอ้ นไป
ถงึ 16:13-17:19 ซ่งึ แสดงภำพกำรเสดจ็ มำของพระเยซูเจำ้ ในวนั พพิ ำกษำโลก ในฐำนะพระเมสสยิ ำห์หรอื พระ
บุตรของพระเจำ้ ผไู้ ดท้ ำภำรกจิ ของพระองคส์ ำเรจ็ ในฐำนะบุตรแหง่ มนุษย์ ผถู้ ูกปฏเิ สธและตอ้ งพบกบั ควำมตำย
แต่พระเจำ้ จะทรงพสิ จู น์ควำมบรสิ ุทธขิ ์ องพระองค์ เม่อื ถงึ วนั กลบั คนื พระชนมช์ พี (ดู ภำพรวมของ 13:53; 16:13) ศษิ ย์
เหล่ำน้ี ซง่ึ รอู้ ยแู่ ลว้ ว่ำพระเยซูเจำ้ ไดท้ รงระบุวำ่ นกั บุญยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง คอื ประกำศกเอลยิ ำห์ (11:10, 14) ไดพ้ ดู

414

แสดงควำมไม่เห็นด้วยกบั กำรต่อต้ำนของธรรมำจำรย์ท่มี ตี ่อควำมเช่อื ของชำวครสิ ต์ท่วี ่ำ พระครสิ ต์จะเสด็จ
มำแลว้ ไดอ้ ยำ่ งไร เพรำะพระคมั ภรี บ์ อกวำ่ ประกำศเอลยี ำหจ์ ะตอ้ งมำก่อน (มลค 4:5-6)

17:11 วลที ่กี ล่ำวว่ำ “ทำให้สงิ่ ทงั้ ปวงคนื สู่สภำพเดมิ ” (Restoration of All Things) ซ่ึงเก่ียวข้องกบั กำร
มำถงึ ของประกำศกเอลยิ ำห์ท่หี ลำยคนคำดหวงั ช้ไี ปท่กี ำรฟ้ืนฟูสรรพสงิ่ ทงั้ มวลจำกสภำวะควำมตกต่ำในวนั
พพิ ำกษำโลก ไม่ใช่เพยี งแต่มนุษยเ์ ท่ำนัน้ แต่เป็นกำรฟ้ืนคนื สภำพของสง่ิ สรำ้ งทงั้ หลำย (ดู เทยี บ 19:28 “กำรฟ้ืนคนื
สภำพของทุกสรรพสงิ่ ” [the renewal of all things]) คำตอบของพระเยซูเจำ้ อำจกล่ำวออกมำเป็นคำแถลงหรอื ไม่กค็ ำถำมท่ี
ทำ้ ทำย ถำ้ หำก (ซง่ึ มแี นวโน้มจะเป็นไปไดส้ งู ) มนั เป็นคำแถลง ประโยครปู อนำคตทว่ี ำ่ “เขำจะมำทำใหส้ งิ่ ทงั้ ปวงกลบั คนื
สู่สภำพเดมิ ” กเ็ ป็นปัญหำ เพรำะนักบุญยอห์น ผู้ทำพธิ ลี ้ำง ผูท้ ่เี รำเขำ้ ใจว่ำจะทำให้ทำสงิ่ เหล่ำน้ีเป็นจรงิ ตำม
คำดหมำย ไมไ่ ด้ “ฟ้ืนคนื สภำพสง่ิ ทงั้ ปวง” โลกยงั คงอยใู่ นสถำนะตกต่ำและไมไ่ ดร้ บั กำรไถก่ ู้ คำอธบิ ำยสำหรบั รปู
ประโยคท่ีเป็นอนำคตน้ี มี 4 ข้อ ได้แก่ (1) คำกรยิ ำรูปอนำคตในพระวรสำรนักบุญมทั ธิวอำจเป็นเพียงกำร
สะทอ้ นถงึ กำรอำ้ งองิ ขอ้ ควำมจำกพระคมั ภรี ์ (มลค. 4:5-6) ซง่ึ ถำ้ เป็นกรณีน้ี ขอ้ ควำมนัน้ กค็ วรจะอย่ใู นเคร่อื งหมำย
คำพูด (2) คำพูดในรูปอนำคตน้ีอำจสะท้อนถงึ ควำมคำดหวงั ของบรรดำธรรมำจำรย์ ไม่ใช่ของพระเยซูเจำ้ (3)
หรอื ในมุมมองของพระเยซูเจำ้ ท่อี ย่ใู นพระวรสำรนักบุญมทั ธวิ ประกำศกเอลยิ ำหห์ รอื นักบุญยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง
ไดม้ ำแลว้ แต่ “กำรทำใหส้ ง่ิ ทงั้ ปวงคนื สสู่ ภำพเดมิ ” ยงั คงเป็นเรอ่ื งในยุคสมยั ของวนั พพิ ำกษำโลกทอ่ี ย่ใู นอนำคต
(4) คำอธบิ ำยทม่ี คี วำมเป็นไปไดม้ ำกกว่ำคอื นักบุญมทั ธวิ ยนื ยนั ว่ำ “กำรทำใหส้ ง่ิ ทงั้ ปวงคนื สู่สภำพเดมิ ” ทเ่ี รำ
คำดหวงั ในอนำคตไดเ้ รมิ่ ตน้ ขน้ึ แลว้ ดว้ ยกำรมำถงึ ของนกั บญุ ยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ ง เหมอื นทพ่ี ระอำณำจกั รของพระ
เป็นเจำ้ ไดป้ รำกฏขน้ึ แลว้ ในพนั ธกจิ ของพระเยซูเจำ้ แต่เฉพำะผทู้ ม่ี คี วำมเช่อื และรอคอยควำมสำเรจ็ บรบิ ูรณ์ใน
วนั พพิ ำกษำโลกเท่ำนนั้ ถงึ จะมองเหน็ ได้ (ดู บทเสรมิ เรอ่ื ง “อำณำจกั รสวรรคใ์ นพระวรสำรนกั บุญมทั ธวิ ”) ควำมคำดหวงั เรอ่ื งพระ
อำณำจกั ร ควำมคำดหวงั เรอ่ื งประกำศกเอลยิ ำห์ ควำมคำดหวงั เรอ่ื งบุตรแห่งมนุษย์ และควำมคำดหวงั เร่อื งพระ
เมสสยิ ำห์ ทงั้ หมดลว้ นเป็นรปู แบบต่ำงๆ ของควำมหวงั ทจ่ี ะไดร้ บั กำรฟ้ืนฟูโดยพระเป็นเจำ้ ผไู้ ม่ทรงทอดทง้ิ สงิ่
สรำ้ งของพระองค์ แต่จะทรงกระทำกำรอย่ำงเดด็ ขำดในวนั พพิ ำกษำโลกใหท้ ุกสง่ิ ฟ้ืนคนื ขน้ึ มำใหม่ นกั บุญมทั ธวิ
ครอบคลุมทงั้ หมดน้ีไว้ในศำสตร์แห่งวนั ส้นิ พภิ พเก่ยี วกบั สง่ิ ท่มี ำถงึ แล้ว/สง่ิ ท่ยี งั มำไม่ถงึ ซ่ึงท่ำนได้เรม่ิ ต้นข้นึ
อย่ำงเป็นทำงกำร ควำมเป็นจรงิ เกย่ี วกบั วนั พพิ ำกษำโลกทท่ี ุกคนหวงั รอคอยนนั้ ดำรงอยใู่ นปัจจบุ นั แลว้ แตว่ ำ่ มนั
ไมไ่ ดถ้ ูกลดทอนใหก้ ลำยเป็นสว่ นหน่ึงของประสบกำรณ์ปัจจุบนั เพรำะควำมสำเร็จบรบิ รู ณ์ยงั มำไม่ถงึ ดงั นนั้ กำร
ประกำศว่ำ “เอลยิ ำห์ได้มำแล้ว และเขำคอื ยอห์นผู้ทำพธิ ลี ้ำง” เป็นคำพูดท่ีเป็นท่สี ะดุดเหมอื นกบั กำรกล่ำวว่ำ
“พระเมสสยิ ำหไ์ ดม้ ำแลว้ และพระองคค์ อื เยซูเจำ้ แหง่ นำซำเรธ็ ”

17:12-13 “เอลิยำห์ได้มำแล้ว” เป็ นคำประกำศท่ีสำคัญสำหรับนักบุญมัทธิว เพรำะกำรคำดหวังถึง
ประกำศกเอลยิ ำหใ์ นแบบผดิ ๆ จะกลำยเป็นอปุ สรรคขดั ขวำงกำรยอมรบั ว่ำพระเยซูเจำ้ ผทู้ รงถูกตรงึ กำงเขนคอื
พระเมสสยิ ำห์ แมว้ ่ำผูน้ ัน้ จะยนื อยู่ตรงหน้ำไมก้ ำงเขนกต็ ำม (16:14; 27:45) ประกำศกเอลยิ ำหห์ รอื นักบุญยอห์นมี
ควำมค่ขู นำนกบั พระเยซูเจำ้ เขำคอื ผูท้ พ่ี ระเป็นเจำ้ ทรงส่งมำ เขำประกำศถงึ พระอำณำจกั รของพระเป็นเจำ้ เขำ
ถูกต่อตำ้ นและถูกสงั หำรโดยผแู้ ทนของอำณำจกั รแหง่ โลกน้ี ผซู้ ง่ึ จดจำเขำไม่ไดว้ ำ่ เขำเป็นบุคคลแห่งกำลอวสำน
โลก เขำคอื ประกำศกเอลยิ ำห์ ผทู้ จ่ี ะมำถงึ ก่อนกำรเสดจ็ มำของพระเมสสยิ ำห์ เน่ืองจำกประกำศกเอลยิ ำหไ์ มเ่ คย
ตำย กำรกล่ำวถงึ ยอหน์ ผทู้ ำพธิ ลี ำ้ งทต่ี ำยไปแลว้ วำ่ เป็นประกำศกเอลยิ ำหจ์ งึ ถูกดหู มนิ่ สบประมำทเป็นพเิ ศษ เป็น
คำพดู ทส่ี ะดุด อปั ยศอดสเู หมอื นกบั กำรกล่ำววำ่ พระเมสสยิ ำหท์ รงถูกตรงึ กำงเขน คำวำ่ “ในทำงเดยี วกนั ” (In the

415

Same Way / houtos kai) (ในฉบบั NIV แปลดกี ว่ำ) ช่วยเพม่ิ ควำมคู่ขนำนระหว่ำงนักบุญยอห์นและพระเยซูเจ้ำไป
จนถงึ จดุ ของกำรทนทุกขท์ รมำนและควำมตำยทแ่ี ตล่ ะคนตอ้ งเผชญิ เพอ่ื กระทำภำรกจิ ใหส้ ำเรจ็ นกั บญุ ยอหน์ เป็น
อย่ำงไร พระเยซูเจำ้ กท็ รงเป็นอย่ำงนนั้ เม่อื “คนยุคน้ี” ซง่ึ อย่ใู ตก้ ำรครอบงำของอำณำจกั รทต่ี ่อตำ้ นพระเป็นเจำ้
ไม่อำจจดจำนักบุญยอห์นได้ ศิษย์ของพระเยซูเจ้ำจึงเป็นผู้ท่ีจดจำและเข้ำใจพระองค์ และได้รวมตัวเป็น
แกนกลำงแห่งชุมชนใหม่ท่กี ำลงั อยู่ในกระบวนกำรก่อตงั้ ฉำกกำรไล่ผที ่กี ำลงั จะตำมมำหลงั จำกน้ีได้ทำใหเ้ กดิ
สญั ลกั ษณ์ของควำมขดั แยง้ ระหวำ่ งสองอำณำจกั รดว้ ยเชน่ กนั

ข้อคิดไตร่ตรอง
1. มผี ใู้ หค้ ำอธบิ ำยเก่ยี วกบั ทม่ี ำของเร่อื งรำวน้ีไว้มำกมำย ตงั้ แต่บอกว่ำมนั เป็นบนั ทกึ เหตุกำรณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ

จรงิ (Cranfield) ไปจนถงึ คำอธบิ ำยท่หี ลำกหลำยเก่ยี วกบั นิมติ ท่ไี ด้รบั ส่วนตวั (V.Taylor; A.H. McNeile) หรอื
ควำมฝัน (Neander) ของบรรดำศิษย์และควำมเข้ำใจผิดเก่ียวกบั ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ (Schleiermacher;
Paulus) หรอื เป็นเร่อื งรำวทเ่ี ป็นสญั ลกั ษณ์ทงั้ หมด (D.F.Strauss) ทส่ี รำ้ งขน้ึ จำกธรรมประเพณีคำพยำกรณ์ของ
พระคมั ภรี ์ (Kee) หรอื มำจำกภูมหิ ลงั ท่เี ป็นวนั ฉลองกำรเสดจ็ มำของพระเยซูครสิ ต์ (epiphany)ในสมยั เฮเลนนิ
สตกิ (Kümmel; Conzelmann) มหี ลกั ฐำนจำนวนหน่ึงท่แี สดงให้เห็นว่ำโดยดงั้ เดมิ แล้วเร่อื งรำวน้ีเป็นเร่อื งกำร
ปรำกฏกำยของพระครสิ ต์ผู้กลบั คนื พระชนม์ชพี แต่นักบุญมำระโกหรอื ธรรมประเพณีก่อนหน้ำนักบุญมำระโก
นำไปใส่ในกรอบเน้ือหำก่อนกำรกลบั คนื พระชนม์ (Wellhausen; Bultmann; Theissen; และ C.H.Dodd ได้ทำกำรวิเครำะห์เชิง
วจิ ำรณ์ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ว่ำเร่อื งรำวน้ีเป็นหน่ึงในเร่อื งรำวกำรปรำกฏกำยของพระเยซูเจำ้ หลงั กำรกลบั คนื พระชนม์ชพี ) แต่งำนของชำวครสิ ต์
ผู้ทำหน้ำท่เี ทศนำและสงั่ สอนไม่ใช่กำรประเมนิ ควำมเป็นไปได้ทำงประวตั ศิ ำสตรเ์ ก่ยี วกบั แนวคดิ ต่ำ งๆ ท่มี ผี ู้
นำเสนอมำเพ่อื ดูว่ำอะไรอยู่เบ้อื งหลงั เน้ือหำดงั กล่ำว แต่เป็นกำรตคี วำมเพ่อื หำควำมหมำยของเน้ือหำจำกพระ
คมั ภรี ์

2. ในส่วนน้ี ขอมสี ่วนร่วมเป็นผู้ตคี วำมกบั นักบุญมทั ธวิ เพรำะเร่อื งรำวเหล่ำน้ีมำถึงท่ำนผ่ำนทำงธรรม
ประเพณีอนั ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ คอื พระวรสำรนกั บุญมำระโก กำรนำมำเขยี นใหม่อย่ำงละเอยี ดอ่อนของนกั บุญมทั ธวิ ไดท้ ำ
ใหค้ วำมหมำยตอ่ ไปน้โี ดดเด่นขน้ึ มำ

(ก) เร่อื งรำวกำรจำแลงพระกำยทำใหเ้ รำยอ้ นระลกึ ถงึ กำรรบั พธิ ลี ำ้ งของพระเยซูเจำ้ และพระสุรเสยี งจำก
สวรรคท์ ก่ี ำหนดว่ำพระองคเ์ ป็นพระบุตรของพระเป็นเจำ้ (ทรงอำนำจ) และเป็นผรู้ บั ใชข้ องพระเป็นเจำ้ ท่ี
ต้องทนทุกขท์ รมำน (ดู 3:17) กำรมอบตำแหน่งน้ีได้รบั กำรยืนยนั อกี ครงั้ เม่อื พระเยซูเจำ้ เรมิ่ ต้นสอน
ศษิ ยข์ องพระองคเ์ กย่ี วกบั ควำมหมำยและสง่ิ ทพ่ี วกเขำจะตอ้ งลงทุนสำหรบั กำรเป็นศษิ ย์ ดงั นัน้ จงึ มี
ควำมสำคญั ทฉ่ี ำกน้อี ยหู่ ลงั จำกกำรพยำกรณ์ถงึ พระมหำทรมำนครงั้ แรก เป็นกำรยนื ยนั จำกสวรรคใ์ น
สง่ิ ท่นี ักบุญเปโตรยงั ลงั เลสงสยั เพรำะจติ ใจของเขำ “ไม่ไดค้ ดิ อย่ำงพระเป็นเจำ้ แต่คดิ อย่ำงมนุษย์”
(มธ 16:23) ผูท้ อ่ี ่อนแอและถูกตรงึ กำงเขนน้ี (2คร 13:4) เป็นผูเ้ ป่ียมดว้ ยสริ ริ ุ่งโรจน์ของพระเป็นเจำ้ และ
ในทำงกลบั กนั ดว้ ย

(ข) เร่อื งรำวกำรจำแลงพระกำยเป็นกำรยนื ยนั และทำใหเ้ รำระลกึ ถงึ คำประกำศควำมเช่อื ของนักบุญเป
โตร (16:16) แมว้ ่ำนักบุญเปโตรจะยงั คงคดิ แบบมนุษยท์ งั้ ทไ่ี ดร้ บั กำรเผยแสดงจำกพระเป็นเจำ้ แต่เขำ
เขำ้ ใจตวั ตนของพระเยซูเจำ้ อยำ่ งถูกตอ้ งและสง่ิ น้ไี ดร้ บั กำรยนื ยนั จำกพระสรุ เสยี งจำกสวรรค์

416

(ค) เร่อื งรำวกำรจำแลงพระกำยเช่อื มโยงกำรมผี ปู้ ระกำศว่ำพระเยซูเจำ้ ทรงเป็นพระบุตรของพระเป็นเจำ้
กบั กำรทพ่ี ระองคร์ ะบุว่ำตนเองว่ำเป็นบุตรแห่งมนุษยผ์ จู้ ะตอ้ งทนทุกทรมำนและถูกสงั หำร แลว้ พระ
เป็นเจ้ำจะทรงพสิ ูจน์ควำมบรสิ ุทธขิ ์ องพระองค์ จำกนัน้ พระองค์จะปรำกฏในฐำนะผู้พพิ ำกษำเม่อื
เสดจ็ กลบั มำอกี ครงั้ เน้ือหำของคำพูดท่วี ่ำพระองค์ทรงเป็น “พระบุตรของพระเจ้ำ” ท่นี ักบุญเปโตร
ประกำศ (16:16) และพระสุรเสยี งจำกสวรรค์ (17:5) ได้รบั กำรเตมิ เตม็ ให้ครบสมบูรณ์ในภำพของบุตร
แหง่ มนุษยท์ ย่ี อมเดนิ ไปสกู่ ำงเขนอยำ่ งเชอ่ื ฟัง (เชน่ ใน 26:63-64)

(ง) เร่อื งรำวกำรจำแลงพระกำยคำดหวงั ถงึ เหตุกำรณ์วนั พพิ ำกษำโลกท่มี กี ำรกลบั คนื ชพี และกำรเสดจ็
กลบั มำของพระเยซูเจำ้ ทำใหผ้ อู้ ำ่ นไดเ้ หน็ พระสริ ริ ุ่งโรจน์ของพระเยซูเจำ้ ในกำลอวสำนโลกแวบหน่ึง
ผ่ำนสำยตำของบรรดำศิษย์ ก่อนท่ีพระองค์จะต้องลงไปสู่โลกอนั เต็มไปด้วยโลกียวสิ ยั ซ่ึงจะนำ
พระองค์ไปสู่กำงเขน น่ีคอื ควำมจรงิ ของทฤษฎที ่วี ่ำกำรจำแลงพระกำยเป็นเร่อื งรำวตอนทพ่ี ระองค์
กลบั คนื พระชนมแ์ ลว้ แต่ถูกเปลย่ี นตำแหน่ง แสดงใหเ้ หน็ ว่ำเร่อื งรำวทงั้ หมดของพระเยซูเจำ้ นัน้ เป็น
กำรเล่ำผ่ำนมุมมองของผูท้ อ่ี ยู่ในยุคหลงั กำรกลบั คนื พระชนม์ชพี พระสริ ริ ุ่งโรจน์ของพระองคผ์ ูท้ รง
ไดร้ บั กำรยกเชดิ ชูในควำมเช่อื ของชำวครสิ ต์นัน้ ถูกนำไปใส่ไวใ้ นบทบรรยำยเร่อื งส่วนทอ่ี ยู่ก่อนกำร
กลบั คนื พระชนมช์ พี

3. กำรตคี วำมใหม่ของนกั บุญมทั ธวิ มงุ่ เน้นบทบำทของพระเยซูเจำ้ ในวนั พพิ ำกษำโลกเป็นพเิ ศษ โดยนำมำ
เทยี บกบั โมเสส แต่เร่อื งรำวน้ีในรูปแบบทม่ี มี ำก่อนพระวรสำรนักบุญมำระโกไดแ้ สดงลกั ษณะของโมเสสหลำย
อย่ำงอย่แู ลว้ (อพย 24:1-18; ฉธบ 18:15-18) เช่น หกวนั ภูเขำสงู เมฆทม่ี แี สงเจดิ จำ้ ปกคลุมภูเขำ กลุ่มผทู้ พ่ี ระเป็นเจำ้
ทรงเลอื กจำนวนสำมคน (อำโรน นำดบั อำบฮิ ู = เปโตร ยำโคบ ยอห์น) เสยี งท่ดี งั ลงมำจำกเมฆ กำรตอบสนองด้วยควำม
กลวั คำสงั่ วำ่ “จงฟังเขำ” (ฉธบ 18:15) สญั ลกั ษณ์เหล่ำน้ีจะตอ้ งมมี ำแต่ตงั้ แต่กำรเล่ำเรอ่ื งรำวน้ีครงั้ แรก เพรำะปกติ
แลว้ นักบุญมำระโกไม่ไดส้ นใจรูปแบบเก่ยี วกบั โมเสส แต่สนใจเร่อื งกำรเช่อื มโยงเร่อื งรำวน้ีกบั คำพยำกรณ์ของ
พระเยซูเจำ้ เกย่ี วกบั พระมหำทรมำนของพระองค์ ดงั นนั้ ลกั ษณะต่ำงๆ ทก่ี ล่ำวมำขำ้ งตน้ นนั้ ไม่ไดม้ ำจำกนักบุญ
มำระโก แต่นักบุญมทั ธวิ มุ่งเน้นควำมสนใจไปทบ่ี ทบำทของพระเยซูเจำ้ ทเ่ี ป็นเหมอื นโมเสสและพฒั นำรูปแบบ
ของเขำโดยกำรกลำ่ วถงึ โมเสสก่อน ดว้ ยกำรเตมิ คำบรรยำยว่ำใบหน้ำของพระเยซูเจำ้ นนั้ เปล่งรศั มเี จดิ จำ้ เหมอื น
ดวงอำทติ ย์ (อพย 34:29-35) กำรบรรยำยว่ำเมฆนนั้ “สว่ำงสดใส” (Bright) ทำใหเ้ มฆนนั้ มลี กั ษณะคลำ้ ยกบั กำรทรง
สถิตของพระเป็นเจ้ำ (Shekinah) ท่ีอยู่เหนือพลบั พลำ/เพิงท่ีประทบั และพระวหิ ำร กำรให้พระเยซูเจ้ำสะท้อน
คำพดู ของโมเสสทก่ี ล่ำวเกย่ี วกบั “คนยคุ วปิ ลำสและคดโกง” (This Perverse and Crooked Generation) (17:17 =
ฉธบ 32:5) และกำรเติมคำว่ำ “เรำโปรดปรำนเขำมำก” (With Whom I Am Well Pleased) ให้กบั ขอ้ ควำมท่เี ป็น
พระสุรเสยี งจำกสวรรค์ กำรปรบั เปลย่ี นในช่วงทำ้ ยน้ีไม่เพยี งแต่ทำใหพ้ ระสุรเสยี งทด่ี งั ลงมำจำกสวรรคเ์ ป็นเสยี ง
เดยี วกบั ทป่ี ระกำศจำกสวรรคใ์ นตอนทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงรบั พธิ ลี ำ้ ง แต่ยงั เช่อื มโยงพระเยซูเจำ้ เขำ้ กบั โมเสส ผเู้ ป็น
ขำ้ รบั ใชท้ ด่ี เี ลศิ เหนือกวำ่ คนอน่ื ใด เน่อื งจำกมนั เป็นคำประกำศทใ่ี หก้ บั ขำ้ รบั ใชข้ องพระเป็นเจำ้ ใน อสย 42:1

4. โมเสสและประกำศกเอลยิ ำหป์ รำกฏบนภูเขำพรอ้ มกบั พระเยซูเจำ้ และบรรดำศษิ ย์ จำกนนั้ ไดห้ ำยไปใน
หม่เู มฆทม่ี พี ระเป็นเจำ้ สถติ อยู่ ปล่อยพระเยซูเจำ้ ไวต้ ำมลำพงั บทบำทในกำลอวสำนโลกของประกำศกเอลยิ ำห์
ได้รบั กำรเตมิ เตม็ ใหส้ มบูรณ์โดยนักบุญยอห์น ผูถ้ ูกประหำรไปแลว้ ส่วนบทบำทในกำลอวสำนโลกของโมเสส
ไดร้ บั กำรเตมิ เตม็ ใหส้ มบรู ณ์โดยพระเยซูเจำ้ ผทู้ จ่ี ะตอ้ งทำภำรกจิ ของพระองคใ์ หส้ ำเรจ็ ดว้ ยกำรเป็นขำ้ รบั ใชผ้ ทู้ น

417

ทุกขท์ รมำน บรรดำศษิ ย์มองเหน็ พระเยซูเจำ้ แวดลอ้ มไปดว้ ยวญิ ญำณจำกสวรรคแ์ ละเปล่งประกำยดว้ ยพระสริ ิ
รุ่งโรจน์ แต่บทบำทในฐำนะประกำศกของเอลยิ ำห์และโมเสสไดร้ บั กำรทำใหส้ มบูรณ์โดยนักบุญยอห์นและพระ
เยซูเจำ้ ในขณะทท่ี งั้ สองตอ้ งทนทุกขท์ รมำนและตำย สงิ่ น้ีไม่ใช่ปรชี ำญำณของมนุษย์ ตอ้ งอำศยั กำรเปิดเผยจำก
พระเป็นเจำ้ เรำถงึ จะเขำ้ ใจได้ (เทยี บ มธ 16:17; 1คร 1:17-18; วว 11:1-13)

มทั ธวิ 17:14-20 ควำมเป็นศษิ ยแ์ ละควำมเชอ่ื ทเ่ี คล่อื นภูเขำได้

พระเยซูเจ้ำทรงรกั ษำคนถกู ปี ศำจสิง
14 เม่อื พระเยซูเจำ้ เสดจ็ พรอ้ มกบั ศษิ ย์ทงั้ สำมคนมำพบประชำชน ชำยผูห้ น่ึงเขำ้ มำเฝ้ำพระองค์ คุกเข่ำลงทูลว่ำ 15 “พระเจำ้

ขำ้ โปรดสงสำรลูกชำยของขำ้ พเจำ้ เถดิ เขำเป็นโรคลมชกั ทนทรมำนมำก เคยตกไฟตกน้ำหลำยครงั้ 16 ขำ้ พเจำ้ พำเขำมำหำศษิ ย์
ของพระองค์ แต่เขำรกั ษำใหห้ ำยไม่ได”้ 17 พระเยซูเจำ้ ตรสั ตอบว่ำ “คนหวั ดอ้ื เช่อื ยำก และชวั่ รำ้ ย เรำจะตอ้ งอยู่กบั พวกท่ำนอกี
นำนเท่ำใด จะตอ้ งทนพวกท่ำนอกี นำนเท่ำใด พำเดก็ มำพบเรำทน่ี ่ีเถดิ ” 18 พระเยซูเจำ้ ทรงข่ปู ีศำจ มนั จงึ ออกไปจำกเดก็ เดก็ ก็
หำยเป็นปกตติ งั้ แต่นัน้ 19 บรรดำศษิ ยจ์ งึ เขำ้ เฝ้ำพระเยซูเจำ้ เป็นกำรส่วนตวั ทูลถำมว่ำ “ทำไมพวกเรำจงึ ขบั ไล่มนั ไม่ได”้ 20 พระ
องค์ตรสั ว่ำ “เพรำะท่ำนมคี วำมเช่อื น้อย6 เรำบอกควำมจรงิ แก่ท่ำนทงั้ หลำยว่ำ ถำ้ ท่ำนมคี วำมเช่อื สกั เท่ำเมลด็ มสั ตำรด์ แลว้ พูด
กบั ภูเขำน้ีว่ำ ‘จงยำ้ ยจำกทน่ี ่ี ไปทโ่ี น่น’ มนั กจ็ ะยำ้ ยไป และไม่มอี ะไรทท่ี ่ำนจะทำไม่ได”้ 21“เพราะปีศาจชนิดน้ีขบั ไล่ออกไปไม่ได้
เลย นอกจากดว้ ยการอธษิ ฐานภาวนาและการจาศลี อดอาหารเท่านนั้ ”

ข้อศกึ ษำวิพำกษ์
เร่อื งรำวน้ีเช่ือมต่อกบั ข้อควำมตอนท่ีผ่ำนมำอย่ำงใกล้ชิด ทำให้เน้ือหำสำระก่อตัวเป็นทำนองสอด

ประสำน สง่ิ น้ีสะท้อนอยู่ในภำพเขยี นของรำฟำเอล1ในพพิ ธิ ภณั ฑ์วำตกิ นั ท่แี สดงให้เหน็ ถงึ ควำมต่ำงท่ชี ดั เจน

1 รำฟำเอล (องั กฤษ: Raphael) หรอื รฟั ฟำเอลโล ซำนซีโอ ดำ อรู บ์ โี น (อติ ำล:ี Raffaello Sanzio da Urbino; พ.ศ. 2026-2063) เป็นจติ รกรชำว
อติ ำลที ม่ี อี ำวโุ สน้อยทส่ี ุดในบรรดำจติ รกรผยู้ ง่ิ ใหญ่ในสมยั ฟ้ืนฟูศลิ ปวทิ ยำ โดยมอี ำยนุ ้อยกวำ่ เลโอนำรโ์ ด ดำ วนิ ชี 31 ปี และอ่อนกวำ่ มเี กลนั เจโล บวั
นำรโ์ รตี 8 ปี เมอ่ื พ.ศ. 2051 รำฟำเอลไดเ้ ดนิ ทำงไปยงั เมอื งฟลอเรนซเ์ พอ่ื ศกึ ษำงำนของเลโอนำรโ์ ด ดำ วนิ ชี และของมเี กลนั เจโล ตอ่ มำในปี พ.ศ.
2055 ไดไ้ ปอยทู่ ก่ี รงุ โรมและพำกเพยี รเขยี นภำพเพอ่ื ใหท้ ดั เทยี มกบั ศลิ ปินผยู้ ง่ิ ใหญ่ทงั้ สองท่ำนทเ่ี ขำยกยอ่ ง รำฟำเอลไดเ้ ขยี นจติ รกรรมฝำผนงั หลำย
ชน้ิ ในนครวำตกิ นั ซง่ึ ถอื กนั วำ่ เป็นผลงำนขนั้ สงู สดุ ในยุคฟ้ืนฟูศลิ ปวทิ ยำทส่ี ำมำรถรวมเอำควำมสงบน่งิ ไวก้ บั ควำมสมดุลไดอ้ ยำ่ งกลมกลนื รำฟำเอล
ไดร้ บั กำรแต่งตงั้ เป็นสถำปนิกผรู้ บั ผดิ ชอบในกำรก่อสรำ้ งมหำวหิ ำรเซนตป์ ีเตอรใ์ นปี พ.ศ. 2057 และมสี ว่ นในกำรวำงผงั เมอื งกรุงโรม
งำนจติ รกรรมของรำฟำเอลในระยะหลงั มคี วำมเรยี บงำ่ ยและมคี วำมใหญ่โตมำกขน้ึ แตย่ งั คงรกั ษำควำมมชี วี ติ ชวี ำของงำนยคุ ตน้ ของตนเองไวไ้ ด้ งำน
ของรำฟำเอลทแ่ี สดงถงึ ควำมงำมของผหู้ ญงิ นบั ไดว้ ำ่ เป็นผลงำนทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ ศลิ ปินกลมุ่ สถำปัตยกรรมฟ้ืนฟูกรกี โรมนั (Neo-Classical architecture)
เป็นอยำ่ งมำก

รำฟำเอลมคี วำมใกลช้ ดิ สนิทสนมกบั เจำ้ ผคู้ รองนครและพระสนั ตะปำปำมำกในชว่ งปลำยของชวี ติ น่ำเสยี ดำยทร่ี ำฟำเอลเสยี ชวี ติ ดว้ ยวยั เพยี ง 37 ปี
ศพของรำฟำเอลไดร้ บั กำรฝังไวท้ ม่ี หำวหิ ำรแพนธอี นั ในกรงุ โรมโดยพระบญั ชำของพระสนั ตะปำปำปำลโี อท่ี 10
รำฟำเอลมชี วี ติ อยรู่ ะหวำ่ งรชั สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนำถกบั รชั สมยั สมเดจ็ พระบรมรำชำธริ ำชท่ี 2 แหง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยำ

จาก https://th.wikipedia.org/wiki/

418

ระหว่ำงพระครสิ ต์ผูจ้ ำแลงพระกำยบนภูเขำและควำมทุกขข์ องมนุษยท์ ่อี ยู่เบ้อื งล่ำง ซ่งึ พระองค์ได้เสดจ็ ไปให้
ควำมช่วยเหลอื ศษิ ย์ทงั้ หลำยของพระเยซูเจ้ำผูไ้ ด้รบั มอบฤทธำนุภำพและสทิ ธอิ ำนำจจำกพระเยซูเจ้ำ ได้รบั
มอบหมำย(Left)ใหอ้ ยกู่ บั โลกแหง่ โลกยี เ์ บอ้ื งล่ำง ตอ้ งสบั สนทอ้ แทก้ บั ควำมลม้ เหลวของตนเอง แต่ถงึ กระนนั้ พระ
เยซูสเจ้ำยงั ทรง “อยู่” (with) กับพวกเขำ และพระองค์มีพลงั อำนำจท่ีจะรกั ษำ แม้ว่ำพวกเขำจะพลำดหรือ
ลม้ เหลว (ดู 14:22-33) จุดมงุ่ เน้นหลกั ของเรอ่ื งเลำ่ สนั้ ๆ น้คี อื ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งพลงั อำนำจของพระครสิ ตแ์ ละกำร
กระทำภำรกจิ ของบรรดำศษิ ยใ์ นโลก “เบอ้ื งลำ่ ง”

นกั บุญมทั ธวิ ไดต้ ดั ทอนเร่อื งรำวจำกพระวรสำรนักบุญมำระโกใหเ้ หลอื เพยี งครง่ึ เดยี ว (ดู มก 9:14-29) และ
นำมำปรบั โครงสรำ้ งใหม่เพ่อื ให้รูปแบบและหน้ำท่ขี องมนั ไม่ใช่เร่อื งกำรทำอศั จรรย/์ กำรไล่ผที ่แี สดงถงึ แนวคดิ
ทำงคริสตศำสตร์ แต่เป็ นเร่ืองเล่ำประกำศ(Pronouncement Story)ท่ีนำไปสู่คำประกำศสุดท้ำย(Final
Declaration)ของพระเยซเู จำ้ เกย่ี วกบั พลงั ของควำมเชอ่ื ใน ว. 19-20

17:14-15 ฝงู ชนปรำกฏขน้ึ เป็นครงั้ แรกนบั ตงั้ แต่ 15:39 เป็นสว่ นทน่ี กั บุญมทั ธวิ ใสเ่ ขำ้ มำเพอ่ื ใหส้ ำมำรถ
อำ้ งองิ ไดอ้ ย่ำงเหมำะสมสำหรบั คำประกำศของพระเยซูเจำ้ ทป่ี ระณำม “คนยุคน้ี” ใน ว. 17 ชำยคนหน่ึงจำกฝงู
ชน “เขำ้ มำหำพระองค”์ (“Approaches Him” / “proserchomai” นกั บุญมทั ธวิ มกั ใชบ้ ่อยๆ ในกำรบรรยำยถงึ กำรเขำ้ ไปหำผศู้ กั ดสิ์ ทิ ธดิ์ ว้ ยควำม
เคำรพ) และเรยี กพระองค์ว่ำ “พระเจำ้ ขำ้ ” (Lord) แบบเดยี วกบั ผูท้ ่เี ช่อื (ในพระวรสำรนักบุญมำระโกใชค้ ำว่ำ “อำจำรย์” แต่ใน
พระวรสำรนักบุญมทั ธวิ มแี ต่คนนอกเท่ำนัน้ ทเ่ี รยี กพระองคว์ ำ่ อำจำรย)์ เขำรอ้ งขอควำมช่วยเหลอื เหมอื นกบั ภำวนำวอนจำกพระ
เป็นเจ้ำ ซ่ึงพบได้บ่อยในบทสดุดี “พระเจ้ำข้ำ โปรดช่วยลูกด้วย” (keerie eleison” “Lord, save” หรอื “Lord,
have mercy” ดู เทยี บ 15:22; 20:30-31) มกี ำรบรรยำยว่ำเดก็ ท่ปี ่ วยนัน้ เป็นโรคลมบ้ำหมู (แปลตรงตวั คอื “ถูกทำรำ้ ยด้วยแสง
จนั ทร์” [moonstruck] จำกควำมเช่อื ท่ีว่ำโรคลมบ้ำหมูเกิดจำกดวงจนั ทร์หรอื เทพธดิ ำแห่งดวงจนั ทร์) ผู้อ่ำนไม่รู้ว่ำเด็กคนนัน้ ถูกผีเข้ำ
จนกระทงั่ ถงึ คำกล่ำวแสดงควำมคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สถำนกำรณ์ใน ว. 18 เช่นเดยี วกบั ใน มก. 5:1-17 (= มธ 8:28-34)
นกั บญุ มทั ธวิ นำเรอ่ื งของกำรไลผ่ ที ม่ี กี ำรบรรยำยภำพชดั เจนมำกลนั่ กรอง เอำรำยละเอยี ดทเ่ี ป็นสสี นั ทง้ิ ไปและยอ่
ใหเ้ หลอื แต่เฉพำะสว่ นสำคญั เท่ำนนั้ นักบุญมทั ธวิ ไม่ไดม้ คี วำมสนใจในเร่อื งของกำรไล่ผเี หล่ำนนั้ แต่ใชเ้ รอ่ื งรำว
กำรรกั ษำผคู้ นเป็นกำรเตรยี มผอู้ ่ำนใหพ้ รอ้ มทจ่ี ะฟังพระวำจำเกย่ี วกบั เรอ่ื งพลงั ของควำมเชอ่ื

17:16 นักบุญมทั ธิวกลบั ไปใช้กำรจดั วำงโครงสร้ำงบทบรรยำยแบบนักบุญมำระโก ซ่ึงมีเพียงอ้คร
สำวกเปโตร เพยี งอค้ รสำวกยำกอบ และเพยี งอค้ รสำวกยอหน์ ทไ่ี ดข้ น้ึ ไปบนภูเขำกบั พระเยซูเจำ้ สว่ นอคั รสำวก
คนอ่นื ๆ พยำยำมทจ่ี ะรกั ษำเดก็ ผชู้ ำยคนนนั้ แต่ทำไม่สำเรจ็ (ดู ภำพรวมและขอ้ ศกึ ษำวพิ ำกษ์เก่ยี วกบั 17:10) นักบุญมทั ธวิ
ไดเ้ ตมิ ลงไปว่ำบรรดำศษิ ยเ์ หล่ำนนั้ “ไมส่ ำมำรถ” แต่ละเวน้ คำถำมทอ่ี ยใู่ นพระวรสำรนกั บุญมำระโกทว่ี ำ่ พระเยซู
เจำ้ จะสำมำรถรกั ษำเขำไดห้ รอื ไม่ นักบุญมทั ธวิ เช่อื อย่แู ลว้ ว่ำพระเยซูเจำ้ ย่อมทรงรกั ษำไดแ้ น่นอน จุดทม่ี ุ่งเน้น
ยงั คงอยทู่ บ่ี รรดำศษิ ยแ์ ละกำรทพ่ี วกเขำยงั ไม่มคี วำมสำมำรถแมว้ ำ่ พระเยซูเจำ้ ไดท้ รงถ่ำยทอดสทิ ธแิ ละอำนำจให้
แล้วใน 10:1, 8 กำรท่ีนักบุญมทั ธวิ นำพระวรสำรนักบุญมำระโกมำเขยี นใหม่ทำให้บทสนทนำกบั พ่อของเด็ก
เปล่ยี นเป็นบทสนทนำกบั บรรดำศษิ ย์ ในท่นี ้ีพ่อของเดก็ เป็นตวั อย่ำงท่ีดขี องควำมเช่อื แบบชำวครสิ ต์ และช่วย
เสรมิ ใหก้ ำรมี “ควำมเชอ่ื น้อย” ของบรรดำศษิ ยด์ ดู ขี น้ึ มำ

17:17-18 นักบุ ญ มัท ธิวเติมคำว่ำ “วิปลำส” (Perverse) ลงไปเป็ นลักษ ณ ะของ “คนยุคสมัย
(Generation)” (ดู เทยี บ ฉธบ 32:5) ซง่ึ ทำใหเ้ กดิ ควำมรสู้ กึ มำกกว่ำเดมิ ว่ำพระเยซูเจำ้ นัน้ ทรงห่ำงไกลจำก “คนรุ่นน้ี”
(ดู เทยี บ 12:41-42; 22:16; 23:36; 24:34) ในฐำนะพระครสิ ต์ พระบุตรของพระเป็นเจำ้ และบุตรแห่งมนุษยท์ ต่ี อ้ งทนทุกข์

419

ทรมำน สน้ิ พระชนม์ กลบั คนื พระชนมช์ พี และจะกลบั มำอกี ครงั้ ตอนน้ีพระเยซูเจำ้ ไดส้ รำ้ งชุมชนขน้ึ ใหม่ซ่งึ ตรง
ขำ้ มกบั “คนยคุ วปิ ลำส” (Perverse Generation) แห่งชนชำตอิ สิ รำเอลทป่ี ฏเิ สธพระองค์ บรรดำศษิ ยข์ องพระองค์
รูว้ ่ำพระองคเ์ ป็นใครและได้กล่ำวแสดงควำมเช่อื อย่ำงถูกต้อง แต่พวกเขำจะเป็นชุมชนผูเ้ ช่อื แท้จรงิ ท่พี ระองค์
ตอ้ งกำรสรำ้ ง หรอื พวกเขำจะถอยหลงั กลบั ไปเป็น “คนยุคน้ี” นนั่ คอื กำรดน้ิ รนต่อสู้ทฉ่ี ำกน้ีแสดงใหเ้ รำเหน็ พระ
เยซูเจำ้ ไดท้ รงไล่ผแี ละรกั ษำโรค และไดม้ อบสทิ ธแิ ละอำนำจแก่บรรดำศษิ ย์ในกำรทำภำรกจิ สบื ต่อจำกพระองค์
แต่พวกเขำกไ็ ม่สำมำรถทำไดด้ ว้ ยพลงั อำนำจของตนเอง แต่ทำไดเ้ พยี งเพรำะพระเยซูเจำ้ ทรง “อย่กู บั พวกเขำ”
ซง่ึ เป็นแนวคดิ หลกั ในพระวรสำรนกั บุญมทั ธวิ ทแ่ี สดงออกมำในกำรถอนใจของพระเยซูเจำ้ “เรำจะตอ้ งทนอย่กู บั
พวกเจำ้ ไปอกี นำนเท่ำใด” พระองคท์ รงรกั ษำเดก็ คนนนั้ และผอู้ ่ำนกไ็ ดร้ เู้ ป็นครงั้ แรกวำ่ เขำถูกปิศำจสงิ กล่ำวคอื
ถกู ทำรำ้ ยโดยอำณำจกั รของซำตำน กำรไล่ผ/ี รกั ษำโรคของพระเยซูเจำ้ เป็นตวั อยำ่ งหน่งึ ของกำรทพ่ี ระอำณำจกั ร
พระเป็นเจำ้ ซง่ึ พระเยซูเจำ้ ทรงเป็นตวั แทนมชี ยั ชนะเหนืออำณำจกั รของซำตำน (ดู เทยี บ 12:22-37) พระเยซูเจำ้ ทรง
เป็นผูท้ ่อี ย่กู บั ครสิ ตจกั รของพระองค์ตลอดประวตั ศิ ำสตรท์ ่ผี ่ำนมำ พระองค์ทรงสรำ้ งครสิ ตจกั รและอำนำจของ
พระองคย์ งั คงสบื เน่ืองต่อไปในครสิ ตจกั ร บรรดำศษิ ย์ควรจะมคี วำมสำมำรถในกำรรกั ษำโรคและทำเช่นนนั้ ดว้ ย
ฤทธำนุภำพของพระเยซูเจำ้ อย่ำงทพ่ี วกเขำและพระองคม์ องเหน็ วำ่ น่ำจะเป็นไปได้ แต่พวกเขำกท็ ำไม่สำเรจ็

17:19-20 เหตุใดถงึ เป็นเช่นนนั้ ? น่ีคอื ประเดน็ หลกั ท่นี ักบุญมทั ธวิ นำเสนอเขยี นเร่อื งรำวทงั้ หมดใหม่อกี
ครงั้ นักบุญมทั ธวิ ไดช้ ะลอเร่อื งเล่ำตอนจบแบบในพระวรสำรนักบุญมำระโก แลว้ นำเอำคำพดู ทม่ี ำจำกอกี บรบิ ท
หน่ึงของเอกสำรแหล่ง Q ใสล่ งมำ (ดู เทยี บ ลก 17:6) นำมำเขยี นใหมเ่ ป็นคำแถลงสรปุ จบเรอ่ื ง ควำมสำคญั ทค่ี ำพดู น้ี
มคี วำมหมำยต่อนกั บุญมทั ธวิ เหน็ ไดจ้ ำกกำรท่ที ่ำนนำมนั มำใชอ้ กี ครงั้ หน่ึงใน 21:21 นกั บุญมทั ธวิ เรมิ่ ใชค้ ำแถลง
น้จี ำกสว่ นทท่ี ำ่ นเตมิ ลงมำเอง คอื ควำมลม้ เหลวของบรรดำศษิ ยเ์ ป็นเพรำะสงิ่ หน่ึง ซง่ึ กค็ อื “กำรมคี วำมเชอ่ื น้อย”
(Little Faith / oligopistia พบเฉพำะในพระคมั ภรี ภ์ ำคพนั ธสญั ญำใหม่ แต่สอดคลอ้ งกบั คำขยำยนำม “oligopistos” ใน 6:30; 8:36; 14:31;

16:8 สำหรบั ทม่ี ำของคำน้ี ขอใหด้ ู ขอ้ ศกึ ษำวพิ ำกษ์เกย่ี วกบั 6:30 มนั ไม่ไดส้ ่อื ถงึ แต่เพยี งควำมเช่อื ของชำวครสิ ต์โดยทวั่ ไปเท่ำนัน้ แต่ยงั ส่อื วำ่ ควำม
เช่อื ในพระครสิ ต์ซง่ึ มตี วั แทนเป็นคำประกำศของเปโตร (16:16) คอื สงิ่ ทแ่ี ยกชำวครสิ ต์ในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ ออกจำก “คนยุคทข่ี ำดควำมเช่อื ” (This

Faithless Generation) (17:17) ควำมเช่อื ท่พี วกเขำยงั ขำดแคลนคอื ควำมไวว้ ำงใจในฤทธอิ ์ ำนำจของพระเป็นเจำ้ ทจ่ี ะ
เออ้ื อำนวยใหเ้ กดิ ควำมสำมำรถทย่ี ง่ิ ใหญ่เหนอื ธรรมชำตใิ นกำรทำภำรกจิ ของชำวครสิ ต์ (ดู เทยี บ 1คร 13:2)

17:21 เป็นวรรคทห่ี ำยไปจำกต้นฉบบั พระคมั ภรี ภ์ ำษำกรกี ส่วนใหญ่ (B, *, Q และอ่นื ๆ) รวมถงึ ฉบบั ท่แี ปล
เป็นภำษำละตนิ ซีเรยี และคอปตกิ ในสมยั แรกๆ จำนวนหน่ึง วรรคน้ีได้ถูกเตมิ ลงมำในต้นฉบบั ยุคหลงั โดยมี
พน้ื ฐำนมำจำก มก 9:29 แต่ไมไ่ ดเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ทม่ี ำจำกตน้ ฉบบั ดงั้ เดมิ ของนกั บญุ มทั ธวิ

ข้อคิดไตร่ตรอง
คำพดู ทด่ี เู ป็นสุภำษติ เกย่ี วกบั กำรเคล่อื นภูเขำน้ีไม่ไดเ้ ป็นแค่สำนวนโวหำรสละสลวย ท่ำนนกั บุญมทั ธวิ

เรม่ิ กล่ำวถงึ มนั ดว้ ยคำว่ำ “อำเมน” (Amen) ท่จี รงิ จงั (ดู ขอ้ ศกึ ษำวพิ ำกษ์ เก่ยี วกบั 5:18) เช่นเดยี วกบั เร่อื งอุปมำต่ำงๆ
คำพดู น้ีไม่ควรถูกลดทอนใหก้ ลำยเป็นตรรกะเหตุผลทจ่ี ดื ชดื เรำไม่ควรอนุมำนว่ำมนั เป็นขอ้ สรุปทท่ี ำใหร้ สู้ กึ ผดิ
กล่ำวคอื ถำ้ ปำฏหิ ำรยิ ท์ เ่ี รำคำดหวงั ไม่เกดิ ขน้ึ แสดงว่ำปัญหำอย่ทู เ่ี รำขำดควำมเช่อื และถำ้ เรำมคี วำมเช่อื “มำก
พอ” เรำจะสำมำรถหลกี เลย่ี งโศกนำฏกรรมทงั้ หลำยไดห้ มดและรกั ษำควำมทุกขโ์ ศกโรคภยั ไดท้ ุกอยำ่ ง และเรำก็
ไมค่ วรอนุมำนว่ำควำมเชอ่ื คอื พลงั อำนำจทท่ี ำใหป้ ำฏหิ ำรยิ เ์ กดิ ผล เพรำะพระเป็นเจำ้ คอื ผทู้ ท่ี รงกระทำใหเ้ กดิ ขน้ึ
ไมใ่ ชท่ ศั นคตทิ เ่ี รยี กวำ่ “ควำมเชอ่ื ” (Faith) เชน่ เดยี วกบั เรอ่ื งรำวใน 8:5-13 คำพดู น้ไี ม่ไดเ้ กย่ี วขอ้ งกบั พลงั อำนำจ

420

ของควำมเช่อื แต่เกย่ี วกบั ฤทธอิ ์ ำนำจของพระเป็นเจำ้ แมว้ ่ำจะไม่มภี ำษำทเ่ี กย่ี วกบั พระเป็นเจำ้ ปรำกฏขน้ึ ในทงั้
สองตอนน้ี (รวมถงึ 21:18-22 ดว้ ย) และ “ควำมเช่อื ” ในพระวรสำรนักบุญมทั ธวิ กไ็ ม่ใช่คุณลกั ษณะของผทู้ ภ่ี ำวนำ แต่
เป็นควำมสมั พนั ธ์ท่มี คี วำมไว้วำงใจในทำงปฏิบตั ิระหว่ำงตวั เขำกบั ผู้ท่เี ขำถวำยคำภำวนำนัน้ (8:10; 9:2, 22, 29;
15:28; 17:22) เรำอำจถูกล่อลวงใหใ้ ชเ้ หตุผลว่ำ หำกควำมเช่อื ทเ่ี ลก็ ทส่ี ุด (เท่ำเมลด็ มสั ตำรด์ เลยทเี ดยี ว! ดู 13:31-32) สำมำรถ
เคลอ่ื นภูเขำได้ แต่ควำมสำเรจ็ ของเรำนนั้ ดธู รรมดำมำก แสดงวำ่ ควำมเชอ่ื ของเรำนนั้ เลก็ กวำ่ ควำมเชอ่ื ทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ
อกี นัน่ เป็นกำรคำนวณทำงคณิตศำสตร์ท่ีดี แต่เป็นกำรตคี วำมแบบไรจ้ นิ ตนำกำร ท่จี รงิ แล้วภำพท่ีวุ่นวำยยุ่ง
เหยงิ น้ีใหส้ งิ่ เตอื นใจทค่ี อยรบกวนจติ ใจของเรำว่ำ ในฐำนะของศษิ ย์ เรำเป็นตวั แทนของครสิ ตจกั รทม่ี พี ระครสิ ต์
ประทบั “อยกู่ บั เรำ” ซง่ึ หมำยควำมวำ่ พระเป็นเจำ้ ทรงสถติ อยกู่ บั เรำ (1:23; 28:20) และสำหรบั พระเป็นเจำ้ แลว้ ไมม่ ี
สงิ่ ใดท่เี ป็นไปไม่ได้ (ดู 19:26) กำรเล่ำในลกั ษณะน้ีคอื สงิ่ ท่ปี ้องกนั ไม่ให้เรำยดั เยยี ดพระเป็นเจ้ำใหเ้ ป็นส่วนหน่ึง
ของควำมคดิ ของเรำเองวำ่ อะไรเป็นไปไดห้ รอื ไมไ่ ด้ และตดั สนิ เรว็ เกนิ ไปวำ่ “สงิ่ ตำ่ งๆ เป็นอย่ำงไร”

มทั ธวิ 17: 22-23 กำรพยำกรณ์ครงั้ ทส่ี องถงึ พระมหำทรมำน

พระเยซูเจ้ำทรงทำนำยเร่ืองพระทรมำนเป็นครงั้ ท่ีสอง
22 เม่อื บรรดำศษิ ย์ชุมนุมอยู่กบั พระเยซูเจำ้ ในแควน้ กำลลิ ี พระองค์ตรสั แก่เขำว่ำ “บุตรแห่งมนุษยจ์ ะถูกมอบในเงอ้ื มมอื ของ

คนทงั้ หลำย 23 และถูกประหำรชวี ติ แตใ่ นวนั ทส่ี ำม บตุ รแหง่ มนุษยจ์ ะกลบั คนื ชพี ” บรรดำศษิ ยร์ สู้ กึ เป็นทกุ ขย์ งิ่ นกั

ข้อศึกษำวิพำกษ์
ในทน่ี ้ี เหมอื นกบั ทอ่ี ่นื ๆ เน่ืองจำกนกั บุญมทั ธวิ ไม่มคี วำมจำเป็นตอ้ งใช้ประเดน็ เร่อื ง “ควำมลบั ของพระ

เมสสยิ ำห”์ ท่ำนจงึ ละเวน้ กำรเดนิ ทำงอยำ่ งลบั ๆ ในพระวรสำรนกั บุญมำระโก (มก 9:30) และแทนทด่ี ว้ ยกำรรวมตวั
“ชมุ นุม” (Gathering) ทแ่ี ควน้ กำลลิ ี คำวำ่ “ชุมนุม” (Gathering / systrephomenonon) เป็นคำทพ่ี บน้อย (มเี พยี งในทน่ี ้ี
และอกี ทห่ี น่ึงในภำคพนั ธสญั ญำใหม่คอื กจ 28:3) เป็นคำทเ่ี ลอื กมำเพ่อื ส่อื ถงึ กระบวนกำรเลอื กคนและสรำ้ งชุมชนใหม่ ซ่งึ
เป็นแนวคดิ หลกั ใน 13:53 – 17:27 คำอำ้ งองิ ในแควน้ กำลลี ชี ้ไี ปท่ี 4:12 ซ่งึ เตอื นให้เรำจำไดว้ ่ำแควน้ กำลลิ เี ป็น
สถำนทใ่ี นกำรทำพนั ธกจิ ของพระเยซูเจำ้ แต่ในขณะกนั ไดท้ ำใหเ้ รำคำดเดำถงึ 19:1 เตอื นใหเ้ รำระลกึ ว่ำกำรทำ
พนั ธกจิ ครงั้ น้ีใกล้จะถงึ ตอนจบแล้ว ในส่วนท่เี ป็นบทสรุปของกำรทำพนั ธกจิ ในแควน้ กำลลิ ี พระเยซูเจำ้ ทรงนำ
ชุมชนใหม่ออกมำจำก “คนยุคท่ีไร้ควำมเช่ือและคดโกง” (This Faithless and Perverse Generation) (17:17 ดู

ภำพรวมเกย่ี วกบั 13:53 ในตอน 13:53 – 17:27)

แนวคดิ หลกั เกย่ี วกบั คำสงั่ ของพระเยซูเจำ้ ทม่ี ตี ่อชุมชนใหม่ในช่วงน้ีคอื ตวั ตนควำมเป็นพระเมสสยิ ำห์
ของพระองคใ์ นฐำนะบุตรแหง่ มนุษยท์ ต่ี อ้ งทนทุกขท์ รมำนและไดร้ บั กำรพสิ จู น์ควำมบรสิ ทุ ธโิ ์ ดยพระเป็นเจำ้ และ
ควำมหมำยของสงิ่ น้ีทม่ี ตี ่อควำมเป็นศษิ ย์ ดงั นัน้ กำรกล่ำวคำพยำกรณ์ซ้ำในทน่ี ้ีจงึ ไม่ใช่ประวตั สิ ว่ นบุคคลทเ่ี พมิ่
ขน้ึ มำใหม่ แต่เป็นกำรสรปุ ลกั ษณะของชว่ งเวลำแหง่ กำรรวบรวมชมุ ชนใหมใ่ หค้ รบสมบรู ณ์

ในส่วนคำพยำกรณ์เก่ยี วกบั พระมหำทรมำนนัน้ ดู 16:21 ลกั ษณะเฉพำะของ 17:22-23 คอื กำรนำมำ
เทยี บให้เหน็ ควำมต่ำงท่ชี ดั เจนระหว่ำงพระเป็นเจ้ำผู้ทรงปลดปล่อยบุตรแห่งมนุษย์และเง้อื มมอื ของมนุษย์ท่ี

421

พระองคต์ อ้ งถูกสง่ มอบให้ ดงั นนั้ ประเดน็ สำคญั ของสว่ นน้ีจงึ ไมใ่ ช่กำรทรยศของยดู ำสและควำมน่ำประณำมของ
ผูน้ ำชำวยวิ ท่จี ะนำพระเยซูเจ้ำไปส่งใหช้ นต่ำงศำสนำประหำรชวี ติ แต่เป็นเร่อื งของบุตรแห่งมนุษย์ผทู้ จ่ี ะไดร้ บั
กำรแสดงควำมบรสิ ุทธโิ ์ ดยพระเป็นเจำ้ และจะกลบั มำอกี ครงั้ ในฐำนะผพู้ พิ ำกษำ เมอ่ื ถงึ เวลำของกำรเสดจ็ กลบั มำ
เป็นครงั้ ทส่ี อง ถูกส่งใหม้ ำอยู่ใต้อำนำจของมนุษย์ (เทยี บ รม 8:32) ตวั แทนอำณำจกั รของพระเป็นเจำ้ นัน้ อ่อนโยน
ถ่อมตน (“praus”) แมว้ ่ำพระองคจ์ ะทรงเป็นผูพ้ พิ ำกษำและเป็นเจำ้ นำยสูงสุดเหนือทุกสงิ่ แต่ทรงยอมใหต้ นเอง
กลำยเป็นเหยอ่ื ของอำนำจในมอื มนุษย์

กำรตอบสนองของบรรดำศษิ ย์ ในทน่ี ้ีไม่ใชก่ ำรขำดควำมเขำ้ ใจเหมอื นในพระวรสำรนักบญุ มำระโก (ละเวน้
9:32) แต่เป็นควำมเศรำ้ โศกเพรำะไม่เขำ้ ใจ พวกเขำมพี ฒั นำกำรข้นึ บ้ำงแล้วหลงั จำกคำโต้แย้งในตอนแรกคอื
16:21 กำรจำแลงพระกำยและช่วงเวลำแห่งกำรสงั่ สอนนัน้ ส่งผลต่อพวกเขำอย่บู ำ้ ง ควำมเศรำ้ โศกของพวกเขำ
สอดคลอ้ งกบั กำรตอบสนองของพวกเขำท่ีงำนเลย้ี งอำหำรม้อื สุดทำ้ ย (26:22) ตอนทไ่ี ดเ้ รยี นรวู้ ่ำจะมบี ำงคนใน
หมู่ของตนมสี ่วนเก่ียวขอ้ งกบั กำรจบั กุมพระเยซูเจ้ำ รวมถึงควำมโศกเศรำ้ ของพระเยซูเจ้ำในสวนเกทเสมนี
ก่อนทพ่ี ระองคจ์ ะทรงอธษิ ฐำนภำวนำและอุทศิ ตนใหพ้ ระเป็นเจำ้ (26:27-38) บรรดำศษิ ยย์ งั ต้องเรยี นรอู้ กี มำก แต่
พวกเขำไดพ้ ฒั นำกลำยมำเป็นครสิ ตจกั รทพ่ี ระเป็นเจำ้ ทรงสญั ญำวำ่ จะสรำ้ งขน้ึ (16:18-20)

มทั ธวิ 17:24-27 กำรจำ่ ยภำษบี ำรงุ พระวหิ ำร

พระเยซูเจำ้ และเปโตรเสียภำษีบำรงุ พระวิหำร
24 เม่อื พระเยซูเจำ้ เสดจ็ มำถึงเมอื งคำเปอรนำอุมพรอ้ มกบั บรรดำศษิ ย์ ผู้เก็บภำษีบำรุงพระวหิ ำรเขำ้ มำหำเปโตร ถำมว่ำ

“อำจำรยข์ องท่ำนไมเ่ สยี เงนิ บำรงุ พระวหิ ำรหรอื ”
25 เปโตรตอบว่ำ “เสยี ซ”ิ เม่อื เปโตรเขำ้ ไปในบำ้ น พระเยซูเจำ้ ตรสั กบั เขำก่อนว่ำ “ซโี มน ท่ำนมคี วำมเหน็ อย่ำงไร กษตั รยิ ์ใน

โลกน้ีทรงเกบ็ ภำษจี ำกใคร จำกโอรสธดิ ำหรอื จำกคนอ่นื ” 26 เปโตรทลู ตอบว่ำ “จำกคนอ่นื ” พระเยซูเจำ้ จงึ ตรสั วำ่ “ถำ้ เช่นนนั้ โอรส
ธดิ ำย่อมได้รบั กำรยกเวน้ 27 แต่เพ่อื มใิ ห้ใครตำหนิเรำ ท่ำนจงไปท่ที ะเล หย่อนเบด็ ลงไป จบั ปลำตวั แรกท่ตี กได้ เปิดปำกปลำ
ท่ำนจะพบเงนิ หน่ึงเหรยี ญ จงนำเงนิ นนั้ ไปเสยี ภำษเี พอ่ื เรำและทำ่ นเถดิ ”

ข้อศึกษำวิพำกษ์
เร่อื งรำวสนั้ ๆ ตอนน้ีกลำยมำเป็นขอ้ สรุปของเน้ือหำขนำดยำวของกำรทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงสรำ้ งชุมชนใหม่

ขน้ึ มำหลงั จำกถูกปฏเิ สธจำกผนู้ ำชำวอสิ รำเอล (ดู ภำพรวม 13:53-17:27) ในสว่ นน้ีนักบุญเปโตรกลำยมคี วำมโดดเด่น
หลงั จำกกลำยมำเป็นผูท้ ำหน้ำท่กี ระบอกเสยี งให้กบั ชุมชนใหม่และเป็นตวั แทนผู้ทำหน้ำท่สี รำ้ งคำส อนใหม่ท่ี
นำมำซง่ึ ชวี ติ (ดู 16:17-19) ในฐำนะทเ่ี ร่อื งเล่ำน้ีเป็นสว่ นสง่ ผำ่ นไปสเู่ น้ือหำเกย่ี วกบั กำรใชช้ วี ติ ของสมำชกิ ชุมชนใน
ดำ้ นควำมสมั พนั ธก์ บั ผอู้ ่นื (กล่ำวคอื กำรใชช้ วี ติ โดยใส่ใจกบั ควำมอย่ดู มี สี ขุ ของพน่ี ้องชำยหญงิ ร่วมชุมชน) เร่อื งรำวสนั้ ๆ น้ีแสดงให้
เหน็ ถงึ แงม่ ุมเดยี วกนั เกย่ี วกบั ควำมสมั พนั ธก์ บั คนภำยนอกดว้ ย คอื กำรใชช้ วี ติ อย่ำงมอี สิ รภำพในฐำนะทเ่ี รำเป็น

422

ลกู ของพระเป็นเจำ้ แต่ไมท่ ำใหต้ นเองตอ้ งเป็นทส่ี ะดดุ ของคนอ่นื ดงั นนั้ ฉำกเหตกุ ำรณ์น้จี งึ เป็นกำรสรำ้ งขอ้ สรปุ ท่ี
เหมำะสมสำหรบั เน้ือหำขนำดยำวร่วมกบั คำพยำกรณ์ถงึ พระมหำทรมำนก่อนหน้ำน้ี เม่อื บุตรแห่งมนุษยส์ ละ
ชวี ติ ของตนให้ผู้อ่นื (17:22-23; เทียบ 20:28) ชุมชนน้ีต้องใช้ชีวติ โดยตระหนักถึงอสิ รภำพของตน แต่ต้องใส่ใจกบั
ควำมเป็นอยขู่ องผอู้ น่ื จนพรอ้ มทจ่ี ะเสยี สละอสิ รภำพนนั้ ใหก้ บั ผอู้ ่นื เชน่ กนั

17:24 เชน่ เดยี วกบั 17:22 ทเ่ี ป็นกำรเรม่ิ ตน้ บทสรปุ ของสว่ นทก่ี ล่ำวถงึ กำรสงั่ สอนผคู้ นท่ีแควน้ กำลลิ ี มนั
ทำใหจ้ ุดสนใจของเรำแคบลงโดยมุ่งเน้นท่ีเมอื งคำเปอรน์ ำอุม ซง่ึ ก่อตวั เป็นวงเลบ็ ร่วมกบั 4:12 ในศำสนำยดู ำย
กอ่ นหน้ำศตวรรษท่ี 70 โดยทวั่ ไปแลว้ คนจะยอมรบั วำ่ ชำวยวิ ผซู้ ่อื ตรงจะตอ้ งจำ่ ยภำษพี ระวหิ ำรจำนวนสองดรกั -
มำ แต่ใครคือผู้ท่ีต้องจ่ำย จ่ำยบ่อยเพียงใด และภำษีน้ีเก่ียวข้องกบั พระคมั ภีร์อย่ำงไร ยงั คงเป็นประเด็นท่ี
ถกเถยี งกนั โดยดงั้ เดมิ แล้วมนั มำจำก นหม. 10:32-33 เม่อื ประชำกรกลุ่มผูน้ ำของชำวยิวยอมรบั กำรจ่ำยเงนิ
จำนวน 1/3 เชคเคิลทุกปีเพ่ือสนับสนุนระบบปฏิบัติศำสนบรกิ ำรของพระวหิ ำร (Temple Culuts) แต่ต่อมำ
ชำวฟำรสิ เี หน็ ว่ำผูช้ ำยชำวยวิ ทวั่ โลกจะต้องมหี น้ำทจ่ี ่ำยเงนิ ½ เชคเคลิ โดยนำมำเช่อื มโยงกบั อพย 30:11-16
โดยเป็นกำรจ่ำยแบบครงั้ เดยี ว ดงั นัน้ คำถำมน้ีจงึ ยงั คงเป็นประเดน็ ท่กี ล่ำวถงึ กนั อยู่เก่ยี วกบั ศำสนำยูดำยก่อน
ศตวรรษท่ี 70 โดยมขี อ้ สงสยั วำ่ จรงิ ๆ แลว้ พระเยซูเจำ้ ทรงถูกถำมวำ่ อะไรและพระองคท์ รงตอบวำ่ อย่ำงไร

คนนอกเขำ้ หำนักบุญเปโตรพรอ้ มกบั คำถำมเก่ยี วกบั กำรปฏบิ ตั ติ นของพระเยซูเจำ้ (และบรรดำศษิ ย)์ เป็น
กำรจดั กำรปัญหำทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ โดยกำรเล่ำเร่อื งรำวทพ่ี ระเยซูเจำ้ ทรงยนื ยนั คำตอบแบบชำว
ครสิ ต์ กำรทพ่ี ระเยซูเจำ้ ไมไ่ ดท้ รงถูกถำมโดยตรงแสดงใหเ้ หน็ วำ่ คำถำมนนั้ บ่งชส้ี ถำนกำรณ์สมยั หลงั กำรกลบั คนื
พระชนมช์ พี ซง่ึ เร่อื งกำรปฏบิ ตั ติ นของสำวกนนั้ เป็นประเดน็ สำคญั กำรท่ีนักบุญเปโตรตอบคำถำมนนั้ แทนพระ
เยซูเจำ้ กเ็ ช่นกนั ตำมท่ไี ดส้ ญั ญำไวใ้ น 16:18-19 นักบุญเปโตรพูดในนำมของพระเยซูเจำ้ และพระเยซูเจำ้ ทรง
ยนื ยนั วำ่ คำตอบของนกั บุญเปโตรคอื คำตอบของพระองคเ์ อง รปู แบบของคำถำมคำดหวงั คำตอบทเ่ี ป็นกำรยนื ยนั
วำ่ ใช่ “พระอำจำรยข์ องทำ่ นกจ็ ่ำยภำษพี ระวหิ ำรมใิ ชห่ รอื ”

17:25-26 พระเยซูเจ้ำทรงรูไ้ ด้อย่ำงอศั จรรย์ถงึ สง่ิ ท่ีเกดิ ขน้ึ ก่อนหน้ำนัน้ (เช่น ใน 9:4; 12:25; 26:10, 25) และ
ยนื ยนั คำตอบของนักบุญเปโตรดว้ ยคำเปรยี บเทยี บทเ่ี ป็นคำถำม กษตั รยิ บ์ นโลกน้ีไม่ไดเ้ กบ็ ภำษีจำกโอรสธดิ ำ
ของตน แต่เกบ็ จำกคนอ่นื บุตรธดิ ำทงั้ หลำยของพระเป็นเจำ้ กเ็ ช่นกนั ดงั นนั้ โดยหลกั กำรแลว้ ชำวครสิ ตท์ ม่ี ำจำก
ชำวยวิ นัน้ จงึ เป็นอสิ ระจำกกำรบำรุงพระวหิ ำร โดยดงั้ เดมิ แลว้ คำประกำศน้ีอำจเป็นส่วนหน่ึงของกำรทพ่ี ระเยซู
เจำ้ ไม่เหน็ ชอบกบั กำรบงั คบั เกบ็ ภำษจี ำกชำวอสิ รำเอลในสงิ่ ทค่ี วรเป็นกำรใหด้ ว้ ยควำมสมคั รใจ คำพดู น้ีอำจถูก
จดจำไวใ้ นลกั ษณะน้ีในศำสนำครสิ ตส์ ำยทม่ี ำจำกชำวยวิ ก่อนหน้ำสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ มนั ไม่ใชค่ ำพดู ทต่ี ่อตำ้ น
พระวหิ ำรหรอื ต่อตำ้ นหนงั สอื ปัญจบรรพ แตอ่ ำจเป็นกำรไม่เหน็ ชอบกบั กำรตคี วำมของชำวฟำรสิ ี

17:27 แสดงใหเ้ หน็ ว่ำในสมยั หลงั กำรกลบั คนื พระชนมช์ พี คำพูดน้ีเป็นโอกำสสำหรบั ชำวครสิ ต์ในกำร
สอนเรอ่ื งกำรใชอ้ สิ รภำพอยำ่ งถูกตอ้ ง ในสมยั ของนกั บุญมทั ธวิ นนั้ ไม่มพี ระวหิ ำรอยอู่ กี แลว้ แต่รฐั บำลโรมนั บงั คบั
ใหช้ ำวยวิ ทุกคนตอ้ งแบกรบั ภำระกำรจ่ำยภำษี 2 ดรกั มำเพอ่ื บำรงุ พระวหิ ำรเทพจปู ิเตอรใ์ นกรุงโรม ซง่ึ สอดคลอ้ ง
กบั ภำษบี ำรุงพระวหิ ำรแบบเดมิ แมว้ ่ำจะไม่มที ำงเลอื กทเ่ี ป็นขอ้ บงั คบั ทำงกฎหมำยสำหรบั ชำวครสิ ตท์ ่ีมพี น้ื ฐำน
มำจำกชำวยวิ ในครสิ ตจกั รของนกั บุญมทั ธวิ แต่ประเดน็ ทว่ี ่ำควรจ่ำยหรอื ไม่จ่ำยภำษดี งั กล่ำวน่ำจะเป็นเร่อื งของ
มโนธรรม ในสถำนกำรณ์น้ี นกั บุญมทั ธวิ สำมำรถทำเพอ่ื ประโยชน์ของตนเองโดยกำรแยกชุมชนของทำ่ นออกมำ
จำกศำสนำยดู ำยโดยไมม่ สี ง่ิ ใดทเ่ี หมอื นกนั อกี เลยกไ็ ด้ แต่กำรทท่ี ำ่ นไมไ่ ดม้ องเชน่ นนั้ ชใ้ี หเ้ หน็ วำ่ ชุมชนของท่ำน

423

ไม่ได้แยกออกจำกศำสนำยูดำยไปเสยี ทงั้ หมด แม้ว่ำนักบุญมทั ธวิ จะไม่ได้มองผู้นำชำวยวิ ในทำงท่ีดี แต่ก็มี
ทศั นคติเชงิ ประนีประนอมกบั ชุมชนชำวยวิ โดยรวม ในสถำนกำรณ์น้ีนักบุญมทั ธวิ ใช้เร่อื งรำวน้ีเป็นบทเรยี น
สำหรบั ชำวครสิ ต์ในเร่อื งกำรใชอ้ สิ รภำพอย่ำงถูกตอ้ ง ซง่ึ เปรยี บไดก้ บั คำสอนของนกั บุญเปำโลใน 1คร. 8-9 และ
ภำพในพระวรสำรนกั บุญลูกำเกย่ี วกบั กำรกระทำของนกั บุญเปำโลใน กจ. 21: 17-29 ชำวครสิ ตจ์ ะตอ้ งเดนิ ต่ออกี
หน่ึงหลกั (บอกระยะทำง) (5:41) ในควำมพยำยำมทจ่ี ะไม่เป็นทส่ี ะดุดแก่คนนอก (รวมถงึ คนในทม่ี โนธรรม “อ่อนแอ” อย่ำงทก่ี ล่ำว

ใน รม. 14)

เร่อื งเล่ำสนั้ ๆ ตอนน้ียงั เป็นกำรฟ้ืนฟูภำพลกั ษณ์นักบุญเปโตรให้ดูดีข้นึ หลงั จำกฉำกท่ีเป็นแง่ลบใน
16:21-23 ตอนน้ีเป็นอกี ครงั้ หน่ึงท่นี กั บุญเปโตรเป็นผกู้ ล่ำวแทนพระเยซูเจำ้ (พดู กบั ผตู้ ่อตำ้ น) และบรรดำศษิ ย์ (พดู กบั
พระเยซูเจ้ำและผู้อ่ำน) แทนท่ีจะทำให้ตนเองเป็น “ท่ีสะดุด” (Stumbling Block / skandalon; 16:13) ตอนน้ีนักบุญเป
โตรได้กลบั สู่ภำวะเต็มเป่ียมไปด้วยควำมกงั วลแบบนำยชุมพำบำลในเร่อื งกำรไม่แสดงอิสรภำพของตนใน
ลกั ษณะทจ่ี ะเป็นทส่ี ะดุดบนหนทำงของผอู้ ่นื (17:27) เร่อื งรำวน้ีจงึ เตรยี มผอู้ ่ำนไวส้ ำหรบั บทท่ี 18 ซง่ึ เป็นตอนทม่ี ี
ควำมกงั วลเกย่ี วกบั เรอ่ื งภำยในชุมชนอย่ำงมหำศำล

เร่อื งรำวดงั กล่ำวไม่ได้รำยงำนว่ำนักบุญเปโตรกระทำตำมคำสงั่ ของพระเยซูเจำ้ โดยไปจบั ปลำท่มี เี งนิ
สำหรบั จ่ำยภำษีมำหรอื เปล่ำ แต่สนั นิษฐำนได้ว่ำเขำทำเช่นนัน้ สญั ลกั ษณ์แบบคตชิ ำวบ้ำนน้ีไม่ได้รวมไวก้ บั
ประเดน็ ของเร่อื ง ซ่งึ เก่ยี วขอ้ งกบั กำรหลกี เล่ยี งทจ่ี ะใชค้ วำมเขำ้ ใจเร่อื งอสิ รภำพของชำวครสิ ต์ในฐำนะ ศษิ ย์ใน
แบบทผ่ี ดิ เม่อื แปลตำมตวั อกั ษรแลว้ เรอ่ื งรำวน้ีมปี ัญหำทงั้ ทำงดำ้ นกำยภำพและศลี ธรรม รวมทงั้ ขดั แยง้ กบั ภำพ
อ่นื ๆ ของพระเยซูเจำ้ ซง่ึ พระองคไ์ ม่เคยทำกำรอศั จรรยเ์ พ่อื ประโยชน์ของตนเอง (4:3-11 ซ่งึ มองว่ำกำรล่อลวงเช่นนัน้ มำ

จำกปิศำจ เทยี บกบั 26:36-42, 51-54; บทเสรมิ เรอ่ื ง “กำรตคี วำมเรอ่ื งรำวปำฏหิ ำรยิ ใ์ นพระวรสำรนกั บุญมทั ธวิ ”)

424


Click to View FlipBook Version