หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดุลระบบนเิ วศ
7. การวดั และประเมินผล
รายการวัด วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์
การประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจดั - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60
กิจกรรมการเรียนรู้ หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
1) สมดลุ ระบบนเิ วศ วิทยาศาสตร์และ และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
2) การนำเสนอ ผลงาน/ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การนำเสนอ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลการปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน/ผลการปฏิบัติ ผลงาน ผ่านเกณฑ์
กิจกรรม
3) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
รายบคุ คล ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
กลุ่ม ทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมินคุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2
อันพึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
และมงุ่ ม่ันในการ อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ทำงาน
7.2 การประเมนิ หลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน - ร้อยละ 60
- แบบทดสอบหลังเรยี น หลงั เรยี น หนว่ ยการ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ผ่านเกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรยี นรูท้ ี่ 1 ระบบนเิ วศ ระบบนเิ วศ
ระบบนเิ วศ
7.3 การประเมินช้นิ งาน/ - ตรวจแผนผังมโนทศั น์ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง ระบบนเิ วศ ภาระงาน (รวบยอด)
56
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดุลระบบนิเวศ
8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
ระบบนิเวศ
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบนเิ วศ
3) PowerPoint เร่ือง สมดลุ ระบบนเิ วศ
4) บตั รภาพ
5) สมุดประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอรเ์ นต็
57
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดลุ ระบบนเิ วศ
ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แผนผังมโนทศั น์
เร่อื ง ระบบนิเวศ
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนนำความร้ทู ไ่ี ด้จากการเรยี นของหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 ระบบนเิ วศ มาเขยี นสรปุ เป็น
แผนผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งใหส้ วยงาม
บัตรภาพ
58
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดลุ ระบบนเิ วศ
ภาพท่ี 1 การสร้างเขื่อน
ภาพที่ 2 คนล่าสตั ว์
59
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดุลระบบนิเวศ
ภาพท่ี 3 ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม
ภาพที่ 4 น้ำเสยี ที่ถกู ปล่อยจากโรงงานอตุ สาหกรรม
60
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ที่ 4 สมดลุ ระบบนิเวศ
ภาพที่ 5 นำ้ มันร่วั ไหลกลางทะเล
61
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบนเิ วศ
แผนฯ ท่ี 4 สมดลุ ระบบนิเวศ
9. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชื่อ
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
ดา้ นอ่นื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทีม่ ีปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแกไ้ ข
62
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 พันธกุ รรม
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2
พันธกุ รรม
เวลา 24 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ดั
ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ
ของสง่ิ มีชวี ิต รวมทัง้ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ว 1.3 ม.3/1 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งยีน ดีเอน็ เอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจำลอง
ว 1.3 ม.3/2 อธบิ ายการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณาลักษณะเดียว
ทแ่ี อลลลี เด่นข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์
ว 1.3 ม.3/3 อธบิ ายการเกดิ จีโนไทป์และฟีโนไทปข์ องลกู และคำนวณอัตราสว่ นการเกดิ จีโนไทป์
และฟีโนไทปข์ องรนุ่ ลูก
ว 1.3 ม.3/4 อธิบายความแตกตา่ งของการแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส
ว 1.3 ม.3/5 บอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซม อาจทำให้เกิดโรคทางพันธุกรรม
พรอ้ มทั้งยกตวั อยา่ งโรคทางพนั ธกุ รรม
ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้เร่ืองโรคทางพันธุกรรม โดยรู้ว่าก่อนแต่งงานควร
ปรึกษาแพทย์เพ่ือตรวจและวินจิ ฉัยภาวะเส่ยี งของลูกทอี่ าจเกดิ โรคทางพันธุกรรม
ว 1.3 ม.3/7 อธิบายการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และผลกระทบที่อาจมีต่อ
มนษุ ยแ์ ละสิ่งแวดล้อมโดยใช้ขอ้ มูลท่รี วบรวมได้
ว 1.3 ม.3/8 ตระหนักถึงประโยชน์และผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมที่อาจมีต่อ
มนุษย์และสิง่ แวดล้อม โดยการเผยแพรค่ วามรู้ท่ีได้จากการโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์
ซง่ึ มขี ้อมลู สนับสนุน
ว 1.3 ม.3/9 เปรียบเทียบความหลากหลายทางชีวภาพในระดับชนิดสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ
ต่าง ๆ
ว1.3 ม.3/10 อธิบายความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพท่ีมีต่อการรักษาสมดุลของ
ระบบนิเวศและต่อมนุษย์
ว 1.3 ม.3/11 แสดงความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยมีส่วนร่วมในการดแู ลรักษาความหลากหลายทางชวี ภาพ
2. สาระการเรยี นรู้
2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. ลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้โดยมียีน
เปน็ หน่วยควบคุมลกั ษณะทางพนั ธุกรรม
2. โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยู่ในนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม
มีความสมั พันธก์ นั โดยบางส่วนของดีเอ็นเอทำหนา้ ทเ่ี ป็นยนี ท่ีกำหนดลักษณะของสิง่ มีชวี ติ
64
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พันธกุ รรม
3. สิ่งมีชีวิตท่ีมโี ครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมท่ีเป็นคู่กันมีการเรียงลำดับของยนี บนโครโมโซมเหมือนกัน
เรียกว่า ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยีนหนึ่งท่ีอยู่บนคู่ฮอมอโลกัสโครโมโซมอาจมีรูปแบบแตกต่างกัน
เรียกแต่ละรูปแบบของยีนที่แตกต่างกันน้ีว่า แอลลีล ซึ่งการเข้าคู่กันของแอลลีลต่าง ๆ อาจส่งผล
ทำใหส้ ่ิงมชี ีวติ มลี กั ษณะทแ่ี ตกตา่ งกนั ได้
4. สิ่งมีชีวติ แตล่ ะชนดิ มจี ำนวนโครโมโซมคงท่ี มนษยุ ์มีจำนวนโครโมโซม 23 คู่ เปน็ ออโตโซม 22 คู่
และ โครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญงิ มโี ครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมโี ครโมโซมเพศเป็น XY
5. เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถั่วชนิดหนึ่ง และนำมาสู่หลักการ
พืน้ ฐานของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสง่ิ มีชีวติ
6. สิ่งมีชีวิตท่ีมีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละตำแหน่งบนฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล โดย
แอลลีลหน่ึงมาจากพ่อ และอีกแอลลีลหนึ่งมาจากแม่ ซ่ึงอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกัน
แอลลีลที่แตกต่างกันนแี้ อลลีลหนง่ึ อาจมีการแสดงออกขม่ อกี แอลลลี หน่ึงได้ เรียกแอลลลี น้นั วา่ เป็น
แอลลลี เด่น ส่วนแอลลลี ทถ่ี กู ขม่ อย่างสมบรู ณ์ เรียกว่าเปน็ แอลลลี ดอ้ ย
7. เมื่อมีการสรา้ งเซลล์สืบพนั ธุ์ แอลลลี ท่ีเป็นคูก่ ัน ในแต่ละฮอมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจากกันไป
ยังเซลล์สืบพันธ์ุแต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สืบพันธุ์จะได้รับเพียง 1 แอลลีล และจะเข้าคู่กับ
แอลลีลที่ตำแหน่งเดียวกันของอีกเซลล์สืบพันธ์ุหนึ่ง เม่ือเกิดการปฏิสนธิจนเกิดเป็นจีโนไทป์และ
แสดงฟโี นไทป์ในรุน่ ลูก
8. การแบง่ เซลลข์ องสง่ิ มชี วี ิตมี 2 แบบ คอื ไมโทซสิ และไมโอซิส
9. ไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อเพ่ิมจำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์
ทม่ี ลี กั ษณะและจำนวนโครโมโซมเหมือนเซลล์ตัง้ ต้น
10. ไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ผลจากการแบ่งจะได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์
ท่ีมีจำนวนโครโมโซมเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ต้ังต้น เม่ือเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะ
ได้รับการถ่ายทอดโครโมโซมชุดหนึ่งจากพ่อและอีกชุดหน่ึงจากแม่ จึงเป็นผลให้รุ่นลูกมีจำนวน
โครโมโซมเท่ากับพอ่ แมแ่ ละจะคงที่ในทกุ ๆ รนุ่
11. การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมของ
สิ่งมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมียเกิดจากการเปล่ียนแปลงของยีน กลุ่มอาการดาวน์เกิดจากจากการ
เปลีย่ นแปลงจำนวนโครโมโซม
12. โรคทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังน้ัน ก่อนแต่งงานและมีบุตรจึงควร
ปอ้ งกนั โดยการตรวจและวินิจฉยั ภาวะเส่ียงจากการถา่ ยทอดโรคทางพันธุกรรม
13. มนษุ ยเ์ ปลี่ยนแปลงพันธกุ รรมของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติเพื่อให้ไดส้ ง่ิ มีชวี ติ ทมี่ ีลักษณะตามต้องการ
เรียกสง่ิ มีชีวติ นว้ี ่า ส่ิงมีชวี ิตดดั แปรพนั ธุกรรม
14. ในปัจจุบันมนุษย์มีการใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิต ดัดแปรพันธุกรรมเป็นจำนวนมาก เช่น การผลิต
อาหาร การผลิตยารักษาโรค การเกษตร อย่างไรก็ตาม สังคมยังมีความกังวลเก่ียวกับผลกระทบ
ของสิ่งมีชวี ิตดัดแปรพันธกุ รรมทม่ี ีต่อส่งิ มชี ีวิตและส่ิงแวดลอ้ ม ซ่ึงยงั ทำการติดตามศึกษาผลกระทบ
ดงั กล่าว
15. ความหลากหลายทางชีวภ าพ มี 3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ
ความหลากหลายของชนิดส่ิงมีชีวิต และความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทาง
ชีวภาพนี้มีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ระบบนิเวศท่ีมีความหลากหลายทาง
ชีวภาพสูงจะรักษาสมดุลได้ดีกว่าระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพต่ำกว่า นอกจากน้ี
65
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
ความหลากหลายทางชีวภาพยังมีความสำคัญต่อมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นอาหาร ยารักษา
โรค วัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนในการดูแลรักษาความ
หลากหลายทางชวี ภาพให้คงอยู่
2.2 สาระการเรียนรูท้ ้องถนิ่
(พิจารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา)
3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ลักษณะทางพันุกรรมของส่ิงมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหน่ึง โดยมียีนเป็นหน่วย
ควบคุมลักษณะทางพนั ธุกรรม โดยยีนเป็นส่วนหนงึ่ ของสายดเี อ็นเอ และดีเอ็นเอจะขดกันเป็นโครโมโซมอยู่
ภายในนิวเคลียสของเซลล์ สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีจำนวนโครโมโซมเท่ากัน และอาจมีจำนวนโครโมโซม
เท่าหรือไม่เท่ากับส่ิงมีชีวิตต่างชนิด ซึ่งโครโมโซมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โครโมโซมร่างกาย และ
โครโมโซมเพศ และสิ่งมีชีวิตท่ีมีโครโมโซม 2 ชุด อยู่กันเป็นคู่และมีการเรียงลำดับยีนบนโครโมโซม
เหมอื นกัน เรียกว่า ฮอมอโลกสั โครโมโซม
เมลเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถ่ัวลันเตา
พบว่า ผลการผสมพันธุ์ถ่ัวลันเตาที่มีลักษณะต่างกันในรุ่นพ่อแม่ ได้ลูกท่ีปรากฏลักษณะเด่นในทุกรุ่น และ
ลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะด้อยในลูกรุ่นท่ี 2 นำมาสู่หลักการพ้ืนฐานของ
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม นอกจากน้ีเมนเดลได้สันนิษฐานว่า ยีนแต่ละตำแหน่งบน ฮอมอโลกัส
โครโมโซมมี 2 แอลลีล จะแยกออกจากกันเมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลับมา
เข้าคู่กันอย่างอิสระ โดยแอลลีลหนึ่งได้รับมาจากพ่อ และอีกหน่ึงแอลลีลหนึ่งได้รับมาจากแม่ ซึ่งอาจมี
รูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกัน โดยแอลลีลที่ต่างกันจะมีแอลลีลหนึ่งสามารถข่มอีกแอลลีลหน่ึงได้ เรียก
แอลลีลที่ข่มอีกแอลลีลหน่ึงว่า แอลลีลเด่น ทำให้สิ่งมีชีวิตแสดงลักษณะเด่น ส่วนแอลลีลที่ถูกข่ม เรียกว่า
แอลลลี ด้อย ทำให้ส่งิ มีชีวติ แสดงลกั ษณะด้อย
ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีการแบ่งเซลล์ ซึ่งการแบ่งเซลล์ของส่ิงมีชีวิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส การแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพ่ือ
เพ่ิมจำนวนเซลล์ร่างกาย ผลจากการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 2 เซลล์ท่ีมีลักษณะและจำนวน
โครโมโซมเหมือนเซลล์ตั้งต้น และการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสเป็นการแบ่งเซลล์เพ่ือสร้างเซลล์สืบพันธุ์
ผลจากการแบ่งเซลล์จะได้เซลล์ใหม่จำนวน 4 เซลล์ ที่มีจำนวนโครโมโซมเป็นคร่ึงหนึ่งของเซลล์ต้ังต้น
เม่ือเกิดการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์ ลูกจะได้รับโครโมโซมจากพ่อและแม่คนละชุด ทำให้มีจำนวน
โครโมโซมเท่ากับพ่อแม่และจะคงที่ในทุกรุ่น ดังนั้น ส่ิงมีชีวิตที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะมีการแบ่งเซลล์
ท้ัง 2 ประเภท สว่ นส่ิงมีชีวิตที่สบื พนั ธแุ์ บบไม่อาศยั เพศจะมกี ารแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสเพียงอย่างเดียว
การเปลี่ยนแปลงของยีนหรือโครโมโซมส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลงลักษณะทางพันธุกรรมของ
ส่ิงมีชีวิต เช่น โรคธาลัสซีเมีย ภาวะตาบอดสี โรคฮีโมฟีเลียล้วนเกิดจากการเปล่ียนแปลงของยีน
กลุ่มอาการดาวน์ เป็นกลุ่มอาการเกดิ จากการเปลี่ยนแปลงจำนวนของโครโมโซม กลุ่มอาการคริดูชาต์ เป็น
กลุ่มอาการท่ีเกิดจากความผิดปกติท่ีเกิดข้ึนกับรูปร่างโครโมโซม นอกจากนั้น โรคทางพันธุกรรมสามารถ
ถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้ ดังน้ัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรม จึงควร
ตรวจและวนิ จิ ฉัยภาวะเสยี่ งจากการถ่ายทอดโรคทางพนั ธกุ รรมก่อนแต่งงาน หรือในระหวา่ งต้ังครรภ์
ส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม คือ สิ่งมีชีวิตท่ีมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมโดยมนุษย์ซึ่งอาศัยความรู้ทาง
พันธุวิศวกรรม ซ่ึงเป็นกระบวนการที่นอกเหนือไปจากการเปล่ียนแปลงตามธรรมชาติ การสร้างส่ิงมีชีวิต
ดัดแปรพันธุกรรม ทำได้โดยการถ่ายทอดยีนทม่ี ีลักษณะท่ีตอ้ งการจากส่ิงมีชีวิตหน่ึงเข้าไปอยู่ในดเี อ็นเอของ
66
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พันธกุ รรม
ส่ิงมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ส่ิงมีชีวิตที่ได้รับยีนแสดงลักษณะตามที่ต้องการ และลักษณะดังกล่าวสามารถ
ถ่ายทอดไปยังรุ่นลกู และหลานต่อไปได้ โดยมนุษย์ใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมในดา้ นตา่ ง ๆ
เช่น การผลิตอาหาร ด้านการแพทย์ ด้านการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังมีความ
กังวลเก่ียวความปลอดภัยในการบริโภค และผลกระทบของส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิตและ
สิ่งแวดลอ้ ม
ความหลากหลายทางชีวภาพแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต และความหลากหลายทางพันธุกรรม ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ
ในระบบนิเวศในแต่ละพ้ืนท่ีจะแตกต่างกัน บางระบบนิเวศมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง บางระบบ
นิเวศมีความหลากหลายทางชีวภาพต่ำ ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญต่อการรักษาสมดุล
ของระบบนิเวศ และมีความสำคัญต่อมนุษย์ ดังน้ัน จึงควรร่วมกันดูแลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยการรว่ มกันอนรุ กั ษพ์ ันธส์ุ ัตว์ ใชท้ รพั ยากรอย่างประหยัดและร้คู ณุ คา่
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
2) ทักษะการคำนวณ
3) ทักษะการสร้างแบบจำลอง
4) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู
5) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
- แผนผังมโนทัศน์ เรอื่ ง พันธุกรรม
6. การวัดและการประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ัด เคร่ืองมือ เกณฑ์
การประเมิน
6.1 การประเมินช้ินงาน/ - ตรวจแผนผังมโนทศั น์ - แบบประเมินชน้ิ งาน/
ภาระงาน (รวบยอด) เรอ่ื ง พนั ธุกรรม ภาระงาน (รวบยอด) - ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
6.2 การประเมินกอ่ นเรียน ตรวจแบบทดสอบก่อน แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ประเมินตาม
- แบบทดสอบก่อนเรยี น สภาพจริง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2
พนั ธกุ รรม
2 พนั ธกุ รรม พนั ธกุ รรม
67
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พันธกุ รรม
รายการวัด วธิ วี ดั เครอื่ งมอื เกณฑ์
การประเมิน
6.3 การประเมินระหวา่ ง
การจัดกจิ กรรม
1) โครโมโซม ดีเอ็นเอ - ตรวจสมดุ ประจำตัวหรอื - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60
และยีน แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
ม.3 เล่ม 1 ม.3 เลม่ 1
2) ผลบันทกึ การปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตัวหรอื - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60
กจิ กรรม โครงสรา้ ง แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
สารทีเ่ กยี่ วข้องกบั ม.3 เล่ม 1 ม.3 เล่ม 1
การถา่ ยทอดลกั ษณะ
ทางพันธกุ รรม
3) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจแบบจำลอง - แบบประเมนิ แบบจำลอง - ร้อยละ 60
กิจกรรม สร้างแบบ โครโมโซม โครโมโซม ผา่ นเกณฑ์
จำลองโครโมโซม - ตรวจสมดุ ประจำตวั หรือ - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60
แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์ แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
ม.3 เล่ม 1 ม.3 เลม่ 1
4) การศึกษาพนั ธุ - ตรวจใบงานท่ี 2.1 - ใบงานที่ 2.1 - ร้อยละ 60
ศาสตร์ของเมนเดล ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60
หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ม.3 เลม่ 1
5) การถ่ายทอดยีนบน - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60
โครโมโซม หรือแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ม.3 เล่ม 1
6) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60
กิจกรรม โอกาสการ หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
เขา้ คขู่ องยนี วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ม.3 เล่ม 1
7) การแบ่งเซลล์ของ - ตรวจใบงานท่ี 2.2 - ใบงานท่ี 2.2 - ร้อยละ 60
สิ่งมชี ีวิต ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตวั หรือ
หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ม.3 เล่ม 1 ผ่านเกณฑ์
68
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พนั ธกุ รรม
รายการวัด วิธีวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
- สมดุ ประจำตัว หรือ การประเมนิ
8) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ ประจำตวั แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ - ร้อยละ 60
กิจกรรม ศึกษาการ หรือแบบฝึกหัด ม.3 เลม่ 1 ผา่ นเกณฑ์
แบ่งเซลล์แบบไมโท- วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1
ซิ ส ขอ งป ล าย ราก - สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60
หอม แบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
ม.3 เล่ม 1
9) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ ประจำตวั
กิจกรรม ศึกษาการ หรือแบบฝึกหัด
แบ่งเซลล์แบบไมโอ- วิทยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1
ซิ ส ข อ ง อั บ เร ณู ข อ ง
ดอกกยุ ช่าย
10) ความผดิ ปกติทาง - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ใบงานท่ี 2.3 - รอ้ ยละ 60
พนั ธุกรรม ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื
หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ - รอ้ ยละ 60
วิทยาศาสตร์ ม.3เลม่ 1 ม.3 เลม่ 1 ผา่ นเกณฑ์
11) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60
กิจกรรม โรคท าง หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
พันธุกรรม วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ม.3 เลม่ 1
12) สิ่งมีชีวติ ดัดแปร - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรือ - รอ้ ยละ 60
พนั ธุกรรม
หรอื แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ม.3 เล่ม 1
13) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60
กิจกรรม สิ่งมีชีวิต หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
ดัดแปรพนั ธกุ รรม วิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ม.3 เล่ม 1
14) ความห ลากหลาย - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตวั หรือ - รอ้ ยละ 60
ทางชีวภาพ หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 ม.3 เลม่ 1
69
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พันธกุ รรม
รายการวัด วธิ ีวดั เครือ่ งมอื เกณฑ์
การประเมิน
15) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรอื
กิจกรรม สำรวจชนิด หรอื แบบฝึกหดั แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ - ร้อยละ 60
พืชภายในโรงเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 ม.3 เลม่ 1 ผ่านเกณฑ์
16) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคณุ ภาพ 2
การปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน/ผลการปฏิบัติ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
กจิ กรรม
17) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
18) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
19) คุณลักษณะอันพึง - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ คุณลักษณะ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ประสงค์
รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ อนั พงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน
6.4 การประเมินหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลงั เรยี น - ร้อยละ 60
- แบบทดสอบหลงั เรียน หลงั เรยี น หนว่ ยการ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรียนรู้ท่ี 2 พันธุกรรม พนั ธุกรรม
พนั ธุกรรม
7. กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา 4 ช่วั โมง
เวลา 3 ชวั่ โมง
• แผนท่ี 1 : โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน เวลา 4 ชั่วโมง
วธิ สี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) เวลา 3 ชั่วโมง
• แผนที่ 2 : การศึกษาพนั ธุศาสตร์ของเมนเดล
วิธสี อนแบบบรรยาย (Lecture Method)
• แผนที่ 3 : การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม
วธิ ีสอน 5Es Instructional Model
• แผนท่ี 4 : การแบ่งเซลล์ของส่ิงมีชวี ิต
วิธีสอน 5Es Instructional Model
70
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พันธกุ รรม
• แผนที่ 5 : ความผิดปกตทิ างพนั ธุกรรม เวลา 4 ช่ัวโมง
วิธีสอน 5Es Instructional Model เวลา 4 ช่ัวโมง
เวลา 2 ชว่ั โมง
• แผนที่ 6 : ส่งิ มีชีวติ ดดั แปรพนั ธุกรรม
วิธีสอน 5Es Instructional Model
• แผนท่ี 7 : ความหลากหลายทางชวี ภาพ
วิธีสอน 5Es Instructional Model
(รวมเวลา 24 ช่วั โมง)
8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2
พันธกุ รรม
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พันธกุ รรม
3) ใบงานที่ 2.1 เร่อื ง การศึกษาพันธศุ าสตร์ของเมนเดล
4) ใบงานท่ี 2.2 เรื่อง การแบง่ เซลลข์ องสง่ิ มีชีวติ
5) ใบงานที่ 2.3 เร่อื ง โรคทางพันธกุ รรม
6) วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม โครงสร้างสารที่เก่ียวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธกุ รรม
7) วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม สรา้ งแบบจำลองโครโมโซม
8) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ความสัมพนั ธ์ระหว่างสงิ่ มชี วี ติ
9) วัสดุอปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการปฏบิ ัติกิจกรรม โอกาสการเขา้ คู่ของยีน
10) วัสดุอุปกรณท์ ่ใี ชใ้ นการปฏบิ ัติกิจกรรม ศกึ ษาการแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสของปลายรากหอม
11) วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติกิจกรรม ศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิสของอับเรณูของ
ดอกกยุ ช่าย
12) วัสดุอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการปฏบิ ัติกจิ กรรม โรคทางพนั ธกุ รรม
13) วัสดอุ ุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรม ส่งิ มีชวี ิตดดั แปรพนั ธุกรรม
14) วสั ดุอปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการปฏบิ ัติกจิ กรรม สำรวจชนดิ พืชภายในโรงเรยี น
15) PowerPoint เร่ือง พนั ธุกรรม
16) สลากช่ือส่งิ มีชวี ิตชนดิ ต่าง ๆ
17) บตั รภาพ
18) QR Code เรอ่ื ง การแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซิส
19) QR Code เร่อื ง การแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ
20) สมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) อนิ เทอรเ์ นต็
71
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พนั ธกุ รรม
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง พนั ธุกรรม
คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดอธิบายความหมายของพนั ธกุ รรมได้ถูกต้อง 6. เมนเดลเลอื กทดลองกบั ส่งิ มีชีวติ ชนดิ ใด
1. ความผิดปกติทีเ่ กดิ ข้ึนกับรา่ งกาย 1. แอปเปิล
2. สง่ิ ท่ีไดร้ ับถา่ ยทอดมาจากคนใกลต้ วั 2. แบคทเี รีย
3. สงิ่ ที่ไดร้ บั การถา่ ยทอดจากบรรพบุรุษเพียงรนุ่ เดียว 3. ถ่วั ลันเตา
4. สงิ่ ที่ได้รบั จากการถา่ ยทอดมาจากบรรพบุรุษ หรือจากรุน่ 4. หนทู ดลอง
สู่รนุ่
7. ข้อใดกล่าวถึงลกั ษณะเด่นได้ถูกตอ้ ง
2. ขอ้ ใดหมายถึงโครโมโซม 1. ลกั ษณะทีป่ รากฏในทกุ รนุ่
1. เป็นโปรตนี ประเภทหนึง่ 2. ลักษณะทป่ี รากฏในลกู รุ่นที่ 1 แตไ่ มป่ รากฏ
2. เปน็ สารพันธกุ รรมที่อยใู่ นไลโซโซม ในลูกรุ่นท่ี 2
3. เป็นสารเคมีที่อยใู่ นเซลล์ของส่งิ มชี ีวติ 3. ลกั ษณะท่ีปรากฏในลูกรนุ่ ท่ี 2 แตไ่ มป่ รากฏ
4. เปน็ ท่บี รรจขุ องสารพนั ธกุ รรมซึ่งกำหนดลักษณะของ ในลกู ร่นุ ที่ 1
สิง่ มีชวี ติ 4. ไม่มีขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง
3. ข้อใดมจี ำนวนโครโมโซมเปน็ ครง่ึ หนึ่งของเซลล์เมด็ เลือดขาว 8. ขอ้ ใดหมายถึงฟีโนไทป์
ลมิ โฟไซต์ 1. รปู แบบของยีนในส่งิ มชี ีวิต
1. เซลลไ์ ข่ 2. ลักษณะของดเี อ็นเอของสงิ่ มีชีวิต
2. เซลลป์ ีก 3. ลักษณะของส่งิ มชี วี ติ ทแี่ สดงออก
3. เซลลก์ ลา้ มเนือ้ 4. รปู แบบของโครโมโซมในส่งิ มชี ีวติ
4. เซลล์เยือ่ บขุ ้างแก้ม
9. ข้อใดคือโรคทางพนั ธกุ รรมที่เกดิ จากโครโมโซม
4. ใครคือบิดาแห่งวิชาพนั ธุศาสตร์ ค่ทู ่ี 21 เกนิ มา 1 แทง่
1. ชาลล์ ดารว์ ิน 1. กลมุ่ อาการดาวน์
2. ไอแซก นิวตนั 2. กลุ่มอาการเอด็ เวริ ์ด
3. ไมเคลิ ฟาราเดย์ 3. กลุม่ อาการเทิร์นเนอร์
4. เกรกอร์ เมนเดล 4. กลุ่มอาการดับเบลิ วาย
5. ข้อใดคอื ตวั กำหนดลักษณะทางพนั ธุกรรม 10. ข้อใดไมใ่ ช่สาเหตทุ ีท่ ำใหส้ งิ่ มชี ีวิตมคี วาม
1. ยีน หลากหลายทางพันธกุ รรม
2. โปรตีน
3. ดีเอ็นเอ 1. สภาพแวดลอ้ ม
4. โครโมโซม 2. สารก่อกลายพนั ธุ์
3. การสืบพันธแ์ุ บบอาศยั เพศ
4. การสบื พันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ
เฉลย 1. 4 2. 4 3. 1 4. 4 5. 1 6. 3 7. 1 8. 3 9. 1 10. 4
72
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 พันธกุ รรม
แบบทดสอบหลงั เรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง พันธุกรรม
คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. ข้อใดอธิบายความหมายของพนั ธุกรรมไดถ้ กู ตอ้ ง 6. ข้อใดกลา่ วถงึ ลักษณะด้อยไดถ้ กู ต้อง
1. ความผิดปกตทิ ี่เกดิ ขึน้ กบั ร่างกาย 1. ลักษณะท่ีปรากฏในทกุ รุ่น
2. สง่ิ ที่ไดร้ บั ถา่ ยทอดมาจากคนใกลต้ วั 2. ลักษณะทไ่ี ม่ปรากฏในลูกรนุ่ ท่ี 1 แต่มาปรากฏ
3. ส่งิ ทไี่ ดร้ ับการถา่ ยทอดจากบรรพบรุ ุษเพยี งรุ่นเดียว ในลูกรุ่นที่ 2
4. ส่ิงที่ไดร้ บั จากการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หรอื 3. ลักษณะทไ่ี ม่ปรากฏในลกู รนุ่ ที่ 2 แต่ปรากฏ
จากรนุ่ สรู่ นุ่ ในลูกรุ่นที่ 1
4. ไมม่ ขี อ้ ใดกลา่ วถูกตอ้ ง
2. ขอ้ ใดบ่งบอกว่าเป็นมนุษยเ์ พศชาย
1. ออโตโซมมีโครโมโซมมี 45 แทง่ 7. ขอ้ ใดหมายถึงจีโนไทป์
2. ออโตโซมมโี ครโมโซมมี 46 แท่ง 1. รูปแบบของยีนในส่งิ มีชวี ติ
3. โครโมโซมคู่ท่ี 23 เป็นโครโมโซม X ท้งั สองแท่ง 2. ลักษณะของสิง่ มชี วี ิตแสดงออก
4. โครโมโซมคู่ที่ 23 ประกอบด้วยโครโมโซม X และ 3. รูปแบบของโครโมโซมในสิ่งมีชีวติ
โครโมโซม Y 4. ลักษณะของดเี อ็นเอของสิง่ มีชวี ิต
3. เซลล์ข้อใดมีจำนวนโครโมโซมเป็นคร่ึงหน่ึงของเซลล์เม็ดเลือด 8. โรคทางพันธกุ รรมทเี่ กดิ จากโครโมโซมคทู่ ี่ 18 เกิน
ขาวลิมโฟไซต์ มา 1 แท่ง คือข้อใด
1. เซลล์ปกี 1. กลมุ่ อาการดาวน์
2. เซลล์สบื พันธุ์ 2. กลุ่มอาการเอ็ดเวริ ด์
3. เซลล์กล้ามเนอ้ื 3. กลมุ่ อาการเทิร์นเนอร์
4. เซลล์เยือ่ บขุ า้ งแก้ม 4. กลุ่มอาการดับเบลิ วาย
4. ใครคือบิดาแหง่ วิชาพันธศุ าสตร์ 9. ข้อใดหมายถึงสิง่ มีชีวติ ดดั แปรพนั ธกุ รรม
1. ไอแซก นิวตัน 1. ส่ิงมชี วี ิตทีไ่ ดร้ บั โปรตนี จากสง่ิ มชี วี ิตชนดิ อน่ื
2. ชาลล์ ดาร์วิน 2. ส่งิ มีชีวติ ที่ไดร้ ับสารเคมจี ากส่งิ มชี วี ติ ชนดิ อ่ืน
3. ไมเคลิ ฟาราเดย์ 3. ส่ิงมีชีวติ ท่ีไดร้ ับโครโมโซมจากสิ่งมชี วี ติ ชนดิ อ่ืน
4. เกรกอร์ เมนเดล 4. ส่ิงมีชวี ติ ท่ีไดร้ บั สารพันธุกรรมจากสง่ิ มชี ีวติ
5. ข้อใดคอื ที่บรรจสุ ารพนั ธุกรรมของสิง่ มชี วี ติ ชนิดอน่ื
1. ยีน 10. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ าเหตุท่ที ำใหส้ ่ิงมชี วี ิตมคี วาม
2. โปรตีน
3. ดเี อ็นเอ หลากหลายทางพันธกุ รรม
4. โครโมโซม 1. สภาพแวดล้อม
2. สารก่อกลายพันธุ์
3. การสบื พนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ
4. การสบื พนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศ
เฉลย 1. 4 2. 4 3. 2 4. 4 5. 4 6. 2 7. 1 8. 2 9. 4 10. 4
73
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พันธกุ รรม
แบบประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แบบประเมนิ ผลงานแผนผงั มโนทัศน์
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมินผลงาน/ชนิ้ งานของนกั เรยี นตามรายการทกี่ ำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ
4 3 21
1 ความสอดคล้องกับจดุ ประสงคท์ ี่กำหนด
2 ความถูกตอ้ งของเนือ้ หา
3 ความคดิ สร้างสรรค์
4 ความเป็นระเบยี บ
รวม
ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ
............../................./................
ประเด็นท่ีประเมนิ เกณฑ์ประเมนิ แผนผังมโนทศั น์
1. ผลงานตรงกบั ระดบั คะแนน
จดุ ประสงคท์ ี่
กำหนด 4 3 21
2. ผลงานมคี วาม ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้ องกั บ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไม่สอดคล้อง
ถูกต้องของ จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จุดประสงค์เป็นส่วนใหญ่ จดุ ประสงคบ์ างประเดน็ กับจุดประสงค์
เนอ้ื หา
เนื้อหาสาระของผลงาน เน้อื หาสาระของผลงาน เน้ื อ ห า ส า ร ะ ข อ ง เนื้ อ ห า ส า ร ะ ข อ ง
3. ผลงานมี
ความคดิ ถูกตอ้ งครบถว้ น ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ผลงานถูกตอ้ งเป็นบาง ผลงานไม่ถูกต้องเป็น
สรา้ งสรรค์
ประเดน็ ส่วนใหญ่
ผล งาน แส ด งออกถึ ง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมคี วามนา่ สนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคดิ
ความ คิ ด สร้ างสรรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แ ต่ ยั งไม่ มี แ น ว คิ ด ใหม่
แปลกใหม่ และเปน็ ระบบ แปลกใหม่
4. ผลงานมคี วาม ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผล งานมี ค วาม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่ ไม่
เปน็ ระเบยี บ ระเบียบแสดงออกถึง เป็นระเบียบแต่ยังมี ร ะ เ บี ย บ แ ต่ มี เป็นระเบียบและมีข้อ
ความประณีต ขอ้ บกพร่องเล็กน้อย ข้อบกพรอ่ งบางส่วน บกพรอ่ งมาก
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 7 ปรบั ปรุง
74
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แบบประเมินแบบจำลองโครโมโซม
คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนประเมินการสร้างแบบจำลองของนักเรียนตามรายการท่ีกำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ที่ รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
รวม 32
1 การออกแบบ
2 ความสมบูรณ์
3 ความคดิ สร้างสรรค์
ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน
................./................../..................
เกณฑ์การประเมนิ แบบจำลองโครโมโซม
ประเดน็ ที่ 4 ระดบั คะแนน 1
ประเมิน
ออกแบบไดส้ อดคลอ้ ง 32 ออกแบบไดไ้ ม่ตรงกับ
1. การออกแบบ กบั จดุ ประสงค์ จดุ ประสงค์
ออกแบบไดส้ อดคลอ้ งกบั ออกแบบได้สอดคล้อง
จุดประสงคเ์ ป็นสว่ นใหญ่ กบั จดุ ประสงค์บางส่วน
2. ความถกู ตอ้ ง แบบจำลองถูกต้อง แบบจำลองถูกต้องเปน็ แบบจำลองถูกต้องบาง แบบจำลองไมถ่ ูกตอ้ ง
ครบถว้ น สว่ นใหญ่
ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่
แบบจำลองมีความ
3. ความคดิ แบบจำลองมีความ สมบูรณเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ แบบจำลองมีความ แบบจำลองไมม่ ีความ
สรา้ งสรรค์ สมบูรณ์ สวยงาม สมบรู ณเ์ พียงบางส่วน สมบรู ณ์
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
ต่ำกวา่ 4 ปรบั ปรุง
75
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พันธกุ รรม
แบบประเมนิ การปฏิบตั กิ จิ กรรม
คำชแี้ จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมของนกั เรยี นตามรายการที่กำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งที่
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
32
1 การปฏิบตั กิ ารทำกจิ กรรม
2 ความคลอ่ งแคลว่ ในขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม
3 การบนั ทกึ สรุปและนำเสนอผลการทำกิจกรรม
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
................./................../..................
76
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พันธกุ รรม
เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรม
ประเด็นท่ีประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1
ทำกจิ กรรมตามขนั้ ตอน ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลือ
1. การปฏบิ ัติ 32 อย่างมากในการทำ
กิจกรรม และใชอ้ ุปกรณไ์ ด้อย่าง กิจกรรม และการใช้
ถกู ต้อง ทำกิจกรรมตามขน้ั ตอน ตอ้ งให้ความชว่ ยเหลือ อุปกรณ์
และใช้อุปกรณไ์ ดอ้ ยา่ ง บ้างในการทำกจิ กรรม
ถูกตอ้ ง แต่อาจตอ้ ง และการใช้อปุ กรณ์ ทำกิจกรรมเสร็จไม่
ได้รับคำแนะนำบา้ ง ทันเวลา และทำ
อุปกรณเ์ สยี หาย
2. ความ มีความคล่องแคลว่ มคี วามคล่องแคลว่ ขาดความคล่องแคลว่
คลอ่ งแคล่ว ในขณะทำกจิ กรรมโดย ในขณะทำกจิ กรรมแต่ ในขณะทำกิจกรรมจึง
ในขณะปฏิบัติ ไม่ต้องไดร้ ับคำชีแ้ นะ ต้องได้รบั คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
กจิ กรรม และทำกิจกรรมเสรจ็ และทำกิจกรรมเสรจ็ ทันเวลา
ทนั เวลา ทนั เวลา
3. การบนั ทกึ สรุป บนั ทึกและสรปุ ผลการ บันทึกและสรุปผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือ
ทำกจิ กรรมได้ถกู ต้อง บันทกึ สรปุ และ อย่างมากในการบันทกึ
และนำเสนอผล ทำกิจกรรมได้ถูกต้อง แตก่ ารนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ สรปุ และนำเสนอผล
ทำกจิ กรรมยงั ไมเ่ ปน็ กิจกรรม การทำกิจกรรม
การปฏิบตั ิ รัดกุม นำเสนอผลการ ขน้ั ตอน
กิจกรรม ทำกิจกรรมเป็นขน้ั ตอน
ชัดเจน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรบั ปรุง
77
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 พนั ธกุ รรม
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเนอื้ หา
2 ความคิดสรา้ งสรรค์
3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใชป้ ระโยชน์
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมิน
............/................./...................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
78
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธกุ รรม
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื
3 การทำงานตามหนา้ ท่ีท่ไี ด้รับมอบหมาย
4 ความมนี ้ำใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมิน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
79
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่
คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
การมี
ลำดับท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม
ของนักเรยี น ความ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ดร้ ับ นำ้ ใจ การ 15
คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรบั ปรุง
ผลงานกล่มุ
321321321321321
เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรับปรุง
80
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พันธกุ รรม
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน
คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 321
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้
กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชน์
ต่อโรงเรียน
1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมทีเ่ ก่ียวกับสถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามที่โรงเรยี นจดั ขน้ึ
2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทีถ่ ูกต้องและเป็นจรงิ
2.2 ปฏิบตั ใิ นสิง่ ที่ถกู ต้อง
3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของครอบครัว
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้
4.2 รูจ้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชื่อฟังคำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง
4.4 ตง้ั ใจเรียน
5. อย่อู ย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสงิ่ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั
5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอย่างประหยดั และรู้คุณค่า
5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงนิ
6. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเร็จ
7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย
7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน
8.2 รู้จกั การดแู ลรักษาทรัพยส์ มบัตแิ ละส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรยี นและ
โรงเรยี น
ลงชือ่ .................................................. ผปู้ ระเมิน
............/.................../................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจนและบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ างครง้ั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดมี าก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง
81
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1
โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน
เวลา 4 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
ว 1.3 ม.3/1 อธิบายรูปแบบความสมั พนั ธร์ ะหว่างยนี ดีเอ็นเอ และโครโมโซม โดยใช้แบบจำลอง
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธบิ ายรูปแบบความสัมพันธร์ ะหว่างโครโมโซม ดีเอน็ เอ และยีนได้ (K)
2. สร้างแบบจำลองแสดงถงึ ความสมั พันธ์ระหว่างโครโมโซม ดีเอน็ เอ และยีนได้ (P)
3. ตระหนักถึงความสำคญั ของโครโมโซม ดเี อ็นเอ และยนี ในรา่ งกายส่งิ มชี ีวติ (A)
4. มคี วามใฝเ่ รียนรแู้ ละมุ่งมั่นในการทำงาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
สาระการเรียนร้แู กนกลาง พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
• ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชวี ิตสามารถถ่ายทอดจาก
รุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้โดยมียีนเป็นหน่วยควบคุม
ลักษณะทางพันธุกรรม
• โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอ และโปรตีนขดอยู่
ในนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซมมีความสัมพันธ์
กัน โดยบางส่วนของดีเอ็นเอทำหน้าที่เป็นยีนที่กำหนด
ลักษณะของส่งิ มชี วี ิต
• สิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด โครโมโซมที่เป็นคู่กันมีการ
เรียงลำดับของยีนบนโครโมโซมเหมือนกัน เรียกว่า
ฮอมอโลกัสโครโมโซม ยีนหนึ่งที่อยู่บนคู่ฮอมอโลกัส
โครโมโซมอาจมีรูปแบบแตกต่างกัน เรียกแต่ละรูปแบบ
ของยีนที่แตกต่างกันน้ีว่า แอลลีล ซึ่งการเข้าคู่กันของ
แอลลีลต่าง ๆ อาจส่งผลทำให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะที่
แตกตา่ งกนั ได้
• สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีจำนวนโครโมโซมคงที่ มนษุย์มี
จำนวนโครโมโซม 23 คู่ เป็นออโตโซม 22 คู่ และ
โครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญงิ มีโครโมโซมเพศเปน็ XX เพศ
ชายมีโครโมโซมเพศเปน็ XY
4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
ลักษณะทางพันุกรรมของสิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง โดยมียีนเป็นหน่วย
ควบคมุ ลักษณะทางพันธกุ รรม โดยยีนเป็นส่วนหนึง่ ของสายดเี อน็ เอ และดเี อ็นเอจะขดกันเปน็ โครโมโซมอยู่
ภายในนิวเคลียสของเซลล์ สิ่งมีชีวติ ชนดิ เดียวกันจะมีจำนวนโครโมโซมเท่ากัน และอาจมีจำนวนโครโมโซม
เท่าหรือไม่เท่ากับสิ่งมีชีวิตต่างชนิด ซึ่งโครโมโซมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โครโมโซมร่างกาย และ
84
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 พันธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
โครโมโซมเพศ และสิ่งมีชีวิตที่มีโครโมโซม 2 ชุด อยู่กันเป็นคู่และมีการเรียงลำดับยีนบนโครโมโซม
เหมือนกัน เรยี กวา่ ฮอมอโลกสั โครโมโซม
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
1) ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู 3. มุง่ มนั่ ในการทำงาน
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กิจกรรมการเรียนรู้
แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : บรรยาย (Lecture Method)
ช่ัวโมงท่ี 1
ขนั้ นำ
ข้ันท่ี 1 เตรยี มการสอน
1. ครูเตรียมแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พันธกุ รรม ให้กับนกั เรียน
2. ครูเตรียมภาพโครโมโซม หรือใช้ภาพโครโมโซมที่มีรูปร่างต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรม
Engaging Activity จับคู่ภาพโครโมโซมที่เหมือนกัน แล้วเตรียมข้อสรุปหลังจากนักเรียนทำ
กิจกรรมแล้ว เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ภาพที่นักเรียนใช้ทำกิจกรรม เรียกว่า โครโมโซม ซึ่งมีความ
เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต โดยในธรรมชาติโครโมโซมจะอย่กู ัน
เปน็ คเู่ หมอื นกบั ทนี่ ักเรียนทำกจิ กรรมนั่นเอง
3. ครูเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำกิจกรรม โครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม ได้แก่ กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง สไลด์ถาวรของนิวเคลียสในเซลล์ปลายรากหอมที่
ย้อมสีแลว้ เพอื่ ให้นักเรียนเห็นลกั ษณะของโครโมโซม และหลังจากการทำกิจกรรมครูอาจเตรียม
ภาพนำเสนอเกีย่ วกบั โครโมโซมภายใตก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสงให้นกั เรียนศึกษาอีกคร้ังหนึง่
4. ครูเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนโครโมโซมในร่างกายของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียน
เปรียบเทียบจำนวนโครโมโซมซึ่งอาจทำในรูปของตารางและมีภาพของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นประกอบ
ความเข้าใจ
5. ครูเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำกิจกรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม ได้แก่ เชือก ดินน้ำมัน ลวด
กำมะหย่ี
ช่ัวโมงที่ 2-4
ข้นั สอน
ขั้นที่ 2 นำส่กู ารเรียน
6. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พันธุกรรม เพื่อประเมินความรู้
ของนักเรยี น
85
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
7. ใหน้ กั เรยี นตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองในกรอบ Check for Understanding ในหนังสือเรยี น
รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรู้ 2 พนั ธกุ รรม
8. ครูถามคำถาม key Question จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
ว่า ออร์แกเนลล์ใดท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
(แนวตอบ : นวิ เคลียส)
9. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจะได้รบั การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่
ทำให้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เฉพาะแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่น จากนั้นครูถามคำถามนักเรียน
ดังน้ี
- ยกตัวอยา่ งการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพชื มีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : สีของเมล็ด ลักษณะของเมลด็ ความสูง สีของดอก)
- ยกตัวอย่างการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสตั วม์ ีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : สีขน ลกั ษณะของขน ลักษณะของใบหู สีตา)
- ยกตัวอย่างการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมของมนษุ ยม์ ีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : สตี า สีผม การหอ่ ลิ้น ลกั ษณะหนงั ตา ลักษณะลักยม้ิ ลกั ษณะของต่ิงหู)
ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้
10. ให้นักเรียนทำกิจกรรม โครงสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
11. ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า “สิ่งที่นักเรียนเห็นภายใต้กล้องจุลทรรศนเ์ รียกว่า โครโมโซม ซึ่งมี
ลักษณะหดเป็นแท่ง แตบ่ างเซลลท์ ีย่ งั ไมผ่ ่านกระบวนการแบง่ เซลลจ์ ะมีลักษณะเป็นเส้นใยขนาด
เล็กพันกนั เรยี กว่า โครมาทิน”
12. ให้นักเรียนศึกษาภาพในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
หนว่ ยที่ 2 เรอ่ื ง โครโมโซม ดเี อ็นเอ และยีน หรอื ตารางแสดงจำนวนโครโมโซมของเซลล์ร่างกาย
ของสิ่งมีชวี ติ ตา่ ง ๆ แล้วถามคำถามนกั เรยี น แทนการบรรยายของครู ดงั น้ี
- ส่ิงมีชีวิตทกุ ชนดิ มจี ำนวนโครโมโซมเทา่ กันไดห้ รอื ไม่
(แนวตอบ : อาจเท่าหรือไม่เท่ากันก็ได้ แต่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีจำนวนโครโมโซมเท่ากัน
เสมอ)
- จำนวนโครโมโซมของสงิ่ มชี วี ิตขึ้นอยู่กบั ขนาดของส่ิงมชี วี ิตหรอื ไม่
(แนวตอบ : ไม่ใช่ ตัวอย่างเช่น ยูกลีนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กกว่าคน แต่กลับมีจำนวน
โครโมโซมมากกวา่ จำนวนโครโมโซมในรา่ งกายมนษุ ย์)
- จำนวนโครโมโซมของมนุษย์มีเท่าใด
(แนวตอบ : 46 แท่ง หรือ 23 ค)ู่
13. ครอู ธิบายให้นักเรียนเข้าใจเพิ่มเติมว่า “การศึกษาจำนวนและขนาดของโครโมโซมเป็นคู่ เรียกว่า
การทำแครีโอไทป์ แพทย์มักใช้วิธใี นการวินิจฉัยโรคทางพันธกุ รรม โดยโครโมโซมของมนุษย์แบ่ง
ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ โครโมโซมร่างกาย หรือเรียกว่า ออโตโซม จะมีขนาดและรูปร่างของ
โครโมโซมเท่ากัน ส่วนโครโมโซมเพศอาจมีขนาดเท่ากัน หรือแตกต่างกัน ถ้ามีขนาดเท่ากันจะ
เปน็ เพศหญงิ แต่ถา้ มขี นาดตา่ งกนั จะเป็นเพศชาย” เพื่อประกอบความเขา้ ใจของนักเรยี น ครอู าจ
นำภาพการจัดเรียงโครโมโซมของมนุษย์เพศหญิงและเพศชายมาให้นักเรียนศึกษาและ
เปรียบเทยี บ พรอ้ มกับการบรรยาย
86
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
14. หลังจากนั้น ครูตั้งประเด็นคำถามให้นักเรียนคิดว่า “จำนวนโครโมโซมของเซลล์อสุจิกับเซลล์
เยื่อบุผิวข้างแกม้ ของนักเรียนมีจำนวนโครโมโซมเท่ากนั หรือไม่” โดยครูอาจส่มุ เรียกนักเรยี น 2-3
คน เพื่อแสดงความคิดเหน็ โดยครจู ะยงั ไมเ่ ฉลยคำตอบท่ีถกู ต้อง
15. ให้นักเรียนศึกษาแผนภาพจำนวนโครโมโซมก่อนและหลังการปฏิสนธิ แล้วสุ่มเรยี กนักเรียน 2-3
คน ออกมาอธิบายหนา้ ชนั้ เรยี นโดยครคู อยเสรมิ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ
16. เมื่อนักเรียนรู้จักโครโมโซมพอสังเขปแล้ว ครูอาจนำนักเรียนเข้าสู่การศึกษาโครงสร้างของ
โครโมโซม
17. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของโครโมโซมจาก
หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยที่ 2 เรื่อง โครโมโซม
ดีเอ็นเอ และยีน หรอื แหล่งการเรยี นรู้อ่ืน ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต แลว้ ทำกจิ กรรม สร้างแบบจำลอง
โครโมโซม จากวสั ดทุ ค่ี รูเตรียมให้
ขั้นสรุป
ครูส่มุ เลอื กแบบจำลองโครโมโซมท่ีมีความสมบูรณ์ หรือใช้แบบจำลองท่ีครูสร้างเองมาอภิปรายเพ่ือให้
ได้ข้อสรุปว่า โครงสร้างพื้นฐานของโครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอและยีน ซึ่งดีเอ็นเอมีลักษณะเป็นเกลียว
คู่สายยาว โดยช่วงความยาวหนึ่งของดีเอ็นเอ คือ ยีน ซึ่งเป็นข้อมูลทางพันธุกรรมที่มีผลต่อลักษณะทาง
พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต แตเ่ นือ่ งจากดีเอ็นเอมนุษย์มีความยาวมากเกือบ 2 เมตร ดงั นน้ั รา่ งกายของมนุษย์จึงมี
กลไกในการเก็บพันธุกรรมเหล่านี้ได้โดยการขดพันกันระหว่างสายดีเอ็นเอกับก้อนโปรตีน แล้วขดพันกันอีก
หลายระดับจนกระทั่งกลายเป็นแท่งโครโมโซมนั่นเอง และในธรรมชาติโครโมโซมจะอยู่เป็นคู่ซึ่งมีการจัดเรียง
ยนี ทีเ่ หมอื นกัน เรยี กวา่ ฮอมอโลกัสโครโมโซม
ขนั้ ประเมนิ
ขนั้ ท่ี 4 ตดิ ตามผล
1. ตรวจสอบความเข้าใจโดยใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
2. ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยตอบคำถาม Topic Questions ลงใน
สมุดประจำตวั นกั เรยี น เพอ่ื เมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจของนกั เรียน
3. ให้นักเรียนตอบคำถาม H.O.T.S. ว่า “ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซมมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
โดยใหน้ กั เรยี นเขยี นคำตอบลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน จากน้ันครตู รวจสมุดประจำตัวนกั เรียน
ข้นั ท่ี 5 วัดผล
4. ครูตรวจแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
5. ครูตรวจคำตอบ Topic Questions ในสมุดประจำตัวนักเรียน เพื่อเมินความรู้ความเข้าใจ
ของนักเรยี น
6. ให้นักเรียนประเมินวิธีการสอนของครูผู้สอน โดยครูอาจให้นักเรียนเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการสอน
เพื่อครูจะไดน้ ำข้อเสนอไปปรบั ใช้กับการสอนในครัง้ ต่อไป
87
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 พันธกุ รรม วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
แผนฯ ที่ 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี การประเมิน
- ตรวจแบบทดสอบ
7. การวัดและประเมนิ ผล ก่อนเรียนหนว่ ย - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตาม
การเรยี นรู้ที่ 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 สภาพจริง
รายการวัด พันธุกรรม พนั ธกุ รรม
7.1 การประเมินกอ่ นเรยี น - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60
- แบบทดสอบก่อนเรียน หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์
หน่วยการ เรียนรูท้ ่ี 2 วิทยาศาสตร์และ วิทยาศาสตร์และ
พันธกุ รรม เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 เทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
7.2 ประเมินระหว่างการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้
1) โครโมโซม ดีเอ็นเอ
และยีน
2) ผลบันทกึ การปฏิบตั ิ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60
กจิ กรรมโครงสรา้ งสารที่ หรอื แบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์
เกย่ี วข้องกับการถ่ายทอด วทิ ยาศาสตรแ์ ละ วิทยาศาสตร์และ
ลกั ษณะทางพันธุกรรม เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
3) ผลบนั ทกึ การปฏบิ ัติ - ตรวจแบบจำลอง - แบบประเมนิ - ร้อยละ 60
กิจกรรมสรา้ งแบบ
จำลองโครโมโซม โครโมโซม แบบจำลองโครโมโซม ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตัวหรอื - ร้อยละ 60
หรือแบบฝกึ หดั แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาศาสตรแ์ ละ วทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
4) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดับคณุ ภาพ 2
ผลการปฏบิ ัติกิจกรรม ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
กจิ กรรม
88
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 พนั ธกุ รรม วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์
แผนฯ ท่ี 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี การประเมนิ
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
รายการวัด การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล - ระดบั คุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
5) พฤตกิ รรมการทำงาน
รายบุคคล
6) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
กลมุ่ การทำงานกลุ่ม
การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
7) คณุ ลกั ษณะอนั พึง - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2
ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
และม่งุ มน่ั ในการ อนั พงึ ประสงค์
ทำงาน
8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2
พนั ธกุ รรม
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 พันธุกรรม
3) ภาพโครโมโซม หรือภาพโครโมโซมที่มรี ปู ร่างตา่ ง ๆ
4) อุปกรณ์ทใ่ี ชท้ ำกิจกรรม โครงสรา้ งสารท่ีเกย่ี วข้องกับการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม
5) อุปกรณ์ทีใ่ ช้ทำกจิ กรรม สร้างแบบจำลองโครโมโซม
6) PowerPoint เร่ือง โครโมโซม ดีเอ็นเอ และยีน
7) สมดุ ประจำตวั นักเรียน
8) แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พันธกุ รรม
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อินเทอรเ์ นต็
89
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 1 โครโมโซม ดเี อน็ เอ และยนี
9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทม่ี ปี ัญหาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแกไ้ ข
90
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2
การศึกษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
เวลา 3 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั
ว 1.3 ม.3/2 อธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณาลักษณะเดียว
ท่ีแอลลลี เด่นขม่ แอลลีลด้อยสมบูรณ์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมจากการทดลองของเมนเดลได้ (K)
2. คำนวณอัตราสว่ นของลูกรนุ่ ท่ี 2 ซ่ึงเป็นไปตามการทดลองของเมนเดลได้ (P)
3. ตระหนักถงึ ความสำคัญของการศกึ ษาพันธุศาสตรข์ องเมเดล (A)
4. มีความใฝ่เรยี นรแู้ ละมุ่งมนั่ ในการทำงาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น
พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
• เมนเดลได้ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธกุ รรมของต้นถว่ั ชนิดหนง่ึ และนำมาสู่
หลักการพ้ืนฐานของการถ่ายทอดลกั ษณะทาง
พนั ธุกรรมของสงิ่ มชี วี ติ
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
เมลเดลเป็นบิดาแห่งวิชาพันธุศาสตร์ศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของต้นถ่ัวลันเตา
พบว่า ผลการผสมพันธ์ุถั่วลันเตาที่มีลักษณะต่างกันในรุ่นพ่อแม่ ได้ลูกท่ีปรากฏลักษณะเด่นในทุกรุ่น และ
ลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏในลูกรุ่นที่ 1 แต่จะปรากฏลักษณะด้อยในลูกรุ่นที่ 2 เม่ือนำลูกรุ่นที่ 1 มาผสม
กันเอง ซ่ึงนำมาสู่หลักการพ้ืนฐานของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม นอกจากน้ีเมนเดลได้สันนิษฐาน
ว่า ยีนแต่ละตำแหน่งบนฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลีล จะแยกออกจากกันเมือ่ มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลับมาเข้าคู่กันอย่างอิสระ โดยแอลลีลหนึ่งได้รับมาจากพ่อ และอีกหนึ่งแอล
ลีลหนึ่งได้รับมาจากแม่ ซ่ึงอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกัน โดยแอลลีลท่ีต่างกันจะมีแอลลีลหนึ่ง
สามารถข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลท่ีขม่ อีกแอลลีลหน่ึงว่า แอลลีลเด่น ส่วนแอลลีลท่ีถูกข่ม เรียกว่า
แอลลีลด้อย
5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้
1) ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุปจาก 3. มุ่งม่ันในการทำงาน
92
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 พนั ธกุ รรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพันธุศาสตรข์ องเมนเดล
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
ขอ้ มลู
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : บรรยาย (Lecture Method)
ช่วั โมงที่ 1-2
ขั้นนำ
ขน้ั ที่ 1 เตรียมการสอน
1. ครูเตรียมภาพเด็กและครอบครัวหลายภาพมาให้นักเรียนทำกิจกรรม Engaging Activity จับคู่
ภาพเด็กกับครอบครวั ให้ถูกต้อง แล้วสรุปหลังทำกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “เด็กหรือลูกที่เกิด
มาจะมีรปู ร่างและลกั ษณะทคี่ ล้ายกับพ่อแม่ เน่อื งจากมกี ารถา่ ยทอดลกั ษณะจากพ่อแม่ไปสู่รุ่นลกู ”
2. ครเู ตรยี มประวัติยอ่ ของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล มาให้นกั เรียนศกึ ษา
3. ครูเตรียมภาพประกอบการสอน เช่น ภาพองค์ประกอบของดอกถั่วลันเตา ภาพลักษณะของ
ถั่วลันเตา 7 ลักษณะท่ีเมนเดลเลือกนำมาศึกษา ภาพข้ันตอนการทดลองของเมนเดล เพ่ือใช้
ประกอบการสอนและใช้ทำกจิ กรรม
4. ครูจดั ทำใบงานที่ 2.1 เรอื่ ง การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล เพอ่ื ใชป้ ระกอบการเรียน
ขั้นสอน
ขั้นที่ 2 นำสกู่ ารเรียน
1. ครใู หน้ กั เรยี นสำรวจตนเอง และถามคำถามนักเรยี น ตอ่ ไปน้ี
นกั เรยี นคนใดมหี นงั ตา 2 ช้ันบา้ งให้ยกมือขน้ึ
นักเรยี นคนใดมหี นังตาชน้ั เดยี วบ้างใหย้ กมือขนึ้
2. ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียน 1 คน ที่มีหนงั ตา 2 ช้ัน และหนังตาชั้นเดียว แล้วสัมภาษณ์นักเรียนว่า
“คณุ พอ่ และคณุ แม่ของนักเรียนมลี ักษณะหนงั ตาเหมอื นกบั นักเรยี นหรือไม่ อยา่ งไร”
3. ครูถามคำถาม Key Question จากหนังสือรายวิชาพื้นฐานเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.
3 เล่ม 1 นักเรียนเคยสงสัยหรือไม่ว่า “เพราะเหตุใดเด็กที่เกิดมาจากพ่อและแม่ท่ีมีหนังตาสองชั้น
ทั้ง 2 คน จึงมีหนังตาชั้นเดียว” ให้นักเรียนเขียนคำตอบของตนเองลงในสมุดประจำตัว โดยครูยัง
ไมเ่ ฉลยคำตอบทถี่ ูกตอ้ ง
4. ให้นักเรียนตรวจสอบความรู้ของตนเองจากกรอบ Check for Understanding ในหนังสือเรียน
รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ 2 พันธกุ รรม
5. ครแู จกใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง การศึกษาพนั ธศุ าสตร์ของเมนเดล ใหน้ ักเรียนก่อนเรม่ิ เขา้ สู่บทเรยี น
6. ให้นักเรียนศึกษาคำช้ีแจงและตอบคำถามลงในใบงานตอนท่ี 1 เพ่ือทดสอบความรู้ก่อนเข้าสู่
บทเรียน
93
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
7. ให้นักเรียนศึกษาประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล พอสังเขปจากใบงานในตอนที่ 2 โดยครูใช้
เทคนิคบรรยายร่วมกับการฉายภาพนำเสนอจาก PowerPoint ประกอบการสอนรายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หนว่ ยท่ี 2 พนั ธุกรรม
8. หลังจากครูบรรยายประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดลจบแล้ว เพ่ือให้นักเรียนมีสมาธิในการฟัง
และเรียนรู้ไปอย่างพร้อมเพียงกัน ครูให้นักเรียนเติมคำตอบลงในช่องว่างในใบงาน ตอนท่ี 2
ให้สมบูรณ์
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้
9. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “เมนเดลเลือกศึกษาวิชาพันธุศาสตร์โดยทำการทดลองกับถ่ัวลันเตา เพราะ
ถั่วลันเตามีลักษณะท่ีเหมาะสมหลายประการ คือ ปลูกง่าย โตเร็ว และให้ลูกหลานจำนวนมาก
ถ่ัวลันเตาเป็นพืชท่ีมีลักษณะทางพันธุกรรมแตกต่างกันอย่างชัดเจน และมีดอกสมบูรณ์เพศ
ซ่ึงเหมาะสมต่อการควบคุมการผสมพันธุ์ได้” เพ่ือให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้นในขณะที่ครูบรรยาย
ครูอาจให้นักเรียนศึกษาภาพดอกของต้นถ่ัวลันเตา จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
10. ครูอธิบายต่อไปว่า “ลักษณะของถั่วลันเตาที่เมนเดลเลือกนำมาศึกษา ได้แก่ รูปร่างของเมล็ด
สีของเมล็ด รปู ร่างของฝกั สีของฝัก สีของดอก ตำแหน่งของดอก ความสูงของลำต้น ซ่งึ นกั เรียนจะ
เหน็ ได้จากในใบงาน” หลังจบการอธิบายครูใหน้ ักเรยี นเตมิ คำลงในชอ่ งว่างให้สมบูรณ์
11. ให้นักเรียนศึกษาภาพขั้นตอนการทดลองของเมนเดลจากใบงานในตอนที่ 3 ก่อน หลังจากน้ันครู
อธิบายต่อไปว่า “เมนเดลเลือกศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดยพิจารณาเพียง
ลกั ษณะเดียว ตวั อยา่ งเช่นในภาพ เมนเดลเลอื กศกึ ษาสีของกลีบดอก ซึง่ มีข้ันตอนดงั น้ี
- ข้ันตอนที่ 1 เพาะต้นถั่วลันเตาพันธ์ุแท้ โดยการนำต้นถั่วลันเตามาผสมพันธ์ุภายในดอกเดียวกัน
แล้วนำเมล็ดไปเพาะ ทำเช่นน้ีจนกว่า ลูกทุกต้นจะมีลักษณะเหมือนต้นพ่อแม่ทุก
ประการ
- ข้นั ตอนท่ี 2 ผสมพันธ์ขุ า้ มต้นระหวา่ งต้นถวั่ ลนั เตาพันธแ์ุ ท้ดอกสีม่วงกบั ต้นถัว่ ลันเตาพันธุ์แท้ดอก
สขี าว แลว้ นำเมลด็ ไปเพาะ พบวา่ ต้นถ่วั ลนั เตาทุกต้นมดี อกสีมว่ ง
- ข้ันตอนท่ี 3 หลังจากนั้นนำต้นถ่ัวลันเตารุ่นลูกมาผสมกันเอง แล้วนำเมล็ดไปเพาะ พบว่า
มตี ้นถั่วลันเตาดอกสีขาวปรากฏร้อยละ 25 จากต้นถั่วลันเตาทั้งหมด ส่วนรอ้ ยละ 75
เป็นต้นถั่วลันเตาที่มีดอกสีม่วง เมนเดลได้สรุปการทดลองว่า ลักษณะท่ีปรากฏในลูก
รุ่นที่ 1 เรียกว่า ลักษณะเด่น ส่วนลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นท่ี 1 แต่มาปรากฏใน
ลกู รนุ่ ที่ 2 เรยี กว่า ลกั ษณะดอ้ ย”
ชัว่ โมงที่ 3
ขน้ั สรุป
1. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายคำตอบร่วมกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า จากการศึกษาพันธุศาสตร์ของ
เมนเดล ทำให้ทราบว่า ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูกโดยผ่าน
กระบวนการสืบพันธ์ุ และลักษณะที่แสดงออกของสิ่งมีชีวิตถูกควบคุมโดยหน่วยควบคุมลักษณะ
94
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ทางพันธกุ รรมที่เรียกวา่ ยีนซึ่งอยู่กนั เป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และ
เซลล์สบื พันธ์ุเพศเมยี และกลับมารวมกันอีกอยา่ งอสิ ระอกี คร้ัง หลังผา่ นการปฏิสนธิ
2. ครูกล่าวสรุปว่า “ลักษณะเด่น คือ ลักษณะที่มีโอกาสปรากฏในลูกทุกรุ่น ซ่ึงถูกควบคุมโดยยีนเด่น
ส่วนลักษณะด้อย คือ ลักษณะท่ีมีโอกาสปรากฏในรุ่นลูกต่อไปได้น้อยกว่า ซึ่งถูกควบคุมโดยยีน
ด้อย แสดงวา่ ส่งิ มีชีวติ มียีนซง่ึ ทำหนา้ ทค่ี วบคุมลกั ษณะพันธกุ รรมของสงิ่ มชี วี ิต”
ข้นั ประเมิน
ขัน้ ที่ 4 ตดิ ตามผล
1. ตรวจสอบความร้หู ลงั เรยี นในใบงานท่ี 2.1 ตอนท่ี 4 หากนักเรียนคนใดไดค้ ะแนนต่ำกวา่ คะแนนใน
ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรียนทบทวนเนอ้ื หาใหมอ่ กี ครงั้
2. ตรวจสอบความเข้าใจโดยให้นักเรียนทำแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1
3. ให้นักเรยี นตรวจสอบและตอบคำถาม Key Question ในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น แล้วครตู รวจสมุด
ประจำตวั นกั เรียน
4. ให้นักเรียนตอบคำถาม H.O.T.S. ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3
เล่ม 1 หน่วยท่ี 2 เร่ือง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล โดยให้นักเรียนเขียนคำตอบลงใน
สมดุ ประจำตัวนักเรียน แล้วครูตรวจสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
ขน้ั ที่ 5 วดั ผล
5. ประเมินวิธีการสอนโดยครูอาจถามนักเรียนว่า หรือให้นักเรียนเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการสอน เพื่อ
ครูจะได้นำข้อเสนอไปปรับใช้กบั การสอนในครั้งต่อไป
7. การวัดและประเมินผล
รายการวัด วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์
การประเมนิ
7.1 ประเมินระหวา่ งการจดั - ใบงานท่ี 2.1 - ร้อยละ 60
กิจกรรมการเรยี นรู้
1) การศึกษาพันธุศาสตร์ - ตรวจใบงานท่ี 2.1 ผา่ นเกณฑ์
ของเมนเดล
- ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60
หรอื แบบฝกึ หดั
วิทยาศาสตร์และ แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
เทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1
95
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
รายการวดั วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์
การประเมิน
2) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการนำเสนอ
ผลการปฏิบัติกิจกรรม ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ ผลงาน - ระดับคณุ ภาพ 2
กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
3) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
4) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรมการ - ระดบั คุณภาพ 2
กลมุ่ การทำงานกลุ่ม
ทำงานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมินคุณลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้
และมงุ่ มั่นในการ อนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์
ทำงาน
8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
พันธุกรรม
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.3 เลม่ 1 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 พันธกุ รรม
3) ภาพเดก็ และครอบครัว
4) ภาพประกอบการสอน
5) ใบงานที่ 2.1 เรื่อง การศึกษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
6) PowerPoint เร่ือง พันธกุ รรม
7) สมุดประจำตวั นกั เรยี น
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) อินเทอร์เนต็
96
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
ใบงานที่ 2.1
เร่ือง การศึกษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ตอนท่ี 1 ตรวจสอบความรู้พื้นฐาน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก
1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถั่วลันเตา
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่สามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ข. เป็นลักษณะท่ีปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นท่ี 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2
4. สิ่งใดเป็นสิ่งท่ีกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์
5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. สิ่งมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. สิ่งท่ีควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์
คะแนนทไี่ ด้
97
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ตอนท่ี 2 ประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
คำชี้แจง : ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่าง
___________________ เป็นชาวออสเตรีย มีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2365 ถึง 2427
เมนเดลเกิดในครอบครัวเกษตรกรซ่ึงมีฐานะปานกลาง และเม่ือบิดาถึงแก่กรรมครอบครัวก็เร่ิมมีความ
เป็นอยู่ที่ลำบากข้ึน เมนเดลจึงตัดสินในบวชเป็นบาทหลวง แล้วได้รับอนุญาตให้ไปเรียนหนังสือ ณ
_______________________ในสาขาวิชาฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และธรรมชาติวิทยา เพื่อจะได้กลับไป
เป็นครู ในขณะที่เป็นครูสอนหนังสือน้ัน เมนเดลมีพื้นฐานการปลูกพืชเนื่องเติบโตในครอบครัวชาว
______________ เมนเดลจึงได้ปลูกพืชหลายชนิดภายในโบสถ์ เมนเดลสังเกตเห็นลักษณะต่าง ๆ
ทำให้เกิดความสนใจที่จะศึกษาเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น เมนเดลจึงเร่ิมทำ
การทดลองผสมพันธ์ุ _____________________ (Pisum sativum L.) โดยผสมพันธ์ุระหว่างต้นที่มี
ลกั ษณะแตกต่างกัน แล้วดูลักษณะของลูกผสมที่เกิดขึ้น จากการทดลองน้ีทำให้ เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์บางลกั ษณะของลูกผสมท่ีเกิดข้ึน แล้วรวบรวมข้อมูลเพ่ือนำเสนอผลการศึกษาในท่ปี ระชุม
สมาคมธรรมชาติวิทยา (Natural History Society) ณ เมืองบรุน ประเทศออสเตรีย ในปี พ.ศ. 2408
ภายใต้หัวเรื่อง Experiments in Plant Hybridization แต่ผลการทดลองไม่ได้รับความสนใจมากนัก
จนกระทั่งเวลาผ่านมา 16 ปี หลังจากท่ีเมนเดลเสียชีวติ ในปี พ.ศ. 2443 มีนกั วทิ ยาศาสตรห์ ลายท่านได้
นำผลการทดลองมาศึกษาอีกคร้ัง โดยทำการทดลองเดียวกับของเมนเดล ทำให้ผลงานการศึกษา
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเมนเดลศึกษาเป็นท่ียอมรับในที่สุดจนกลายเป็นที่ยกย่องให้
เมนเดลเปน็ “________________________”
98
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ตอนท่ี 3 การทดลองของเมนเดล
คำช้ีแจง : ให้ศึกษาภาพการทดลองของเมนเดล แล้วเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
เมนเดลเลอื กทำการทดลองกับ _____________________________________
เหตุผลทเี่ มนเดลเลอื กทำการทดลองกบั พชื ชนดิ น้ี เพราะ
1) ________________________________________________________________
2) ________________________________________________________________
3) ________________________________________________________________
ลักษณะทเ่ี มนเดลเลือกนำมาศกึ ษา ไดแ้ ก่
ลักษณะเมล็ด เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรุขระ ดอกเกิดที่ลาต้น ดอกเกิดท่ียอด
สีของเมล็ด เมลด็ สีเหลือง
สีของดอก ดอกสีม่วง ตำแหนง่ ของ
รูปร่างของฝัก เมลด็ สีเขียว ดอกทีเ่ กิด
ศาสตร์
ดอกสีขาว
ฝักอวบ ฝักแฟบ ความสูงของต้น
สีของฝกั
ฝักสีเหลือง ฝักสีเขยี ว ต้นสูง ต้นเตีย้
99
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พันธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
คำชี้แจง : ให้นักเรียนฟังคำอธิบาย และศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของต้นถั่วลันเตา โดยพิจารณาลักษณะ
เดียวจากการทดลองของเมนเดลในหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 แล้วเติมคำตอบลงในตาราง
ลกั ษณะของพ่อแม่พันธแ์ุ ท้ที่ใช้ผสม ลูกรุ่นที่ 1 ลักษณะที่ปรากฏ
ลกู รนุ่ ท่ี 2
เมล็ดเรียบ เมล็ดขรุขระ
(ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มที ้ังหมด 7,400 ตน้ )
เมล็ดสเี หลือง เมลด็ สเี ขยี ว เมล็ดเรียบ 5,550 ตน้
เมล็ดขรุขระ 1,850 ตน้
ดอกสีมว่ ง ดอกสีขาว
(ถา้ ลูกรนุ่ ที่ 2 มีทั้งหมด 8,000 ตน้ )
เมล็ดสเี หลอื ง 6,000 ตน้
เมล็ดสีเขียว 2,000 ตน้
(ถ้าลูกรุน่ ท่ี 2 มที งั้ หมด 928 ตน้ )
ดอกสมี ่วง 696 ตน้
ดอกสขี าว 232 ตน้
ฝักอวบ ฝักแฟบ (ถา้ ลูกรนุ่ ที่ 2 มีทัง้ หมด 1,180 ตน้ )
ฝกั อวบ 885 ตน้
ฝักแฟบ 295 ตน้
ฝักสีเหลือง ฝกั สเี ขียว (ถา้ ลกู รุ่นที่ 2 มที ัง้ หมด 608 ตน้ )
ฝักสเี ขียว 456 ตน้
ฝกั สีเหลือง 152 ตน้
ดอกเกิดท่ีลำต้น ดอกเกิดทีย่ อด (ถ้าลกู รุ่นที่ 2 มที ั้งหมด 828 ตน้ )
ดอกเกิดทลี่ ำต้น 621 ตน้
ดอกเกดิ ท่ยี อด 207 ตน้
ตน้ สูง ตน้ เตย้ี (ถา้ ลกู ร่นุ ที่ 2 มีทง้ั หมด 1,108 ตน้ )
ตน้ สูง 831 ตน้
ต้นเตยี้ 277 ตน้
100
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พันธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมายวงกลมตัวเลือก
1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถั่วลันเตา
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ข. เป็นลักษณะท่ีสามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นท่ี 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2
4. ส่ิงใดเป็นสิ่งที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์
5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. สิ่งมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. สิ่งที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธ์ุ
คะแนนทีไ่ ด้
101
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 พนั ธกุ รรม เฉลย
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ใบงานท่ี 2.1
เรอ่ื ง การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ตอนท่ี 1 ตรวจสอบความรู้พื้นฐาน
คำชี้แจง : ให้นักเรียนทำเครื่องหมายวงกลมตัวเลือก
1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเก่ียวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถั่วลันเตา
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะท่ีปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ข. เป็นลักษณะท่ีสามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะท่ีไม่ปรากฏในลูกรุ่นท่ี 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นท่ี 2
4. ส่ิงใดเป็นส่ิงที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์
5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. ส่ิงมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. ส่ิงที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไป คะแนนท่ไี ด้
อยู่ในเซลล์สืบพันธุ์
102
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
ตอนท่ี 2 ประวัติของเกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่าง
_เ_ก_ร_เก_อ__ร์_โ_ย_ฮ_ัน_น_์_เม__น_เด_ล_ เป็นชาวออสเตรีย มีชีวิตอยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2365 ถึง 2427
เมนเดลเกิดในครอบครัวเกษตรกรซึ่งมีฐานะปานกลาง และเม่ือบิดาถึงแก่กรรมครอบครัวก็เริ่มมีความ
เป็นอยู่ที่ลำบากข้ึน เมนเดลจึงตัดสินในบวชเป็นบาทหลวง แล้วได้รับอนุญาตให้ไปเรียนหนังสือ ณ
_เป_็น__คม_รห_ู ใ_านว_ิทข__ณย_าะ_ลท_ัยี่_เเปว_ีย็น_น_คน_ร_าูส_อ_น_ห_ในนังสสาือขนา้ันวิชเามฟนิสเิกดสล์มคีพณ้ืนิตฐศาานสกตารร์ ปแลละูกธพรืชรเมนชื่อางตเิวติทิบยโตาใเนพคื่อรจอะบไดค้กรัลวชับาไปว
______________ เมนเดลจึงได้ปลูกพืชหลายชนิดภายในโบสถ์ เมนเดลสังเกตเห็นลักษณะต่าง ๆ
ทำใหเ้กเกษิดตครกวรามสนใจท่ีจะศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น เมนเดลจึงเร่ิมทำ
การทดลองผสมพันธุ์ _____________________ (Pisum sativum L.) โดยผสมพันธุ์ระหว่างต้นท่ีมี
ลกั ษณะแตกต่างกตัน้ ถแว่ั ลลว้ นั ดเูลตักาษณะของลูกผสมท่ีเกิดข้ึน จากการทดลองนี้ทำให้ เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับ
ความสัมพนั ธ์บางลักษณะของลูกผสมที่เกิดขึ้น แล้วรวบรวมข้อมูลเพ่อื นำเสนอผลการศกึ ษาในท่ีประชุม
สมาคมธรรมชาติวิทยา (Natural History Society) ณ เมืองบรุน ประเทศออสเตรีย ในปี พ.ศ. 2408
ภายใต้หัวเรื่อง Experiments in Plant Hybridization แต่ผลการทดลองไม่ได้รับความสนใจมากนัก
จนกระท่ังเวลาผา่ นมา 16 ปี หลังจากท่ีเมนเดลเสียชีวติ ในปี พ.ศ. 2443 มีนักวทิ ยาศาสตรห์ ลายท่านได้
นำผลการทดลองมาศึกษาอีกครั้ง โดยทำการทดลองเดียวกับของเมนเดล ทำให้ผลงานการศึกษา
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เมนเดลศึกษาเป็นท่ียอมรับในที่สุดจนกลายเป็นที่ยกย่องให้
เมนเดลเปน็ “__บ_ดิ _า_แ_ห_่ง_พ__ัน_ธ_ศุ _า_ส_ต_ร_์ _______”
103
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
ตอนท่ี 3 การทดลองของเมนเดล
คำชี้แจง : ให้ศึกษาภาพการทดลองของเมนเดล แล้วเติมคำลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
เมนเดลเลอื กทำการทดลองกับ ____________ต_้น_ถ__ัว่ _ล_ัน_เต_า_________________
เหตผุ ลทเ่ี มนเดลเลอื กทำการทดลองกับพืชชนดิ นี้ เพราะ
4) __ป_ล_กู _ง_า่ _ย_เ_จ_ร_ิญ_เ_ต_ิบ_โ_ต_เ_ร็ว__ใ_ห_้ล_กู _ห_ล_า_น__จ_ำน__ว_น_ม_า_ก____________________________
5) __ม_ีห_ล_า_ย_พ_ัน_ธ_์ุ_ม_ีล_กั _ษ_ณ__ะ_ท_า_ง_พ_ัน_ธ_กุ__รร_ม_ท__่แี _ต_ก_ต_่า_ง_ก_ัน_อ_ย_า่ _ง_ช_ัด_เ_จ_น__________________
6) _ม_ดี__อ_ก_เป__น็ _ส_ม_บ_ูร_ณ__์เพ_ศ__เ_ห_ม_า_ะ_ส_ม_ต_่อ_ก__าร_ค__วบ__ค_ุม_ใ_ห_้เก_ดิ__ก_า_ร_ผ_ส_ม_ข_้า_ม_ต_้น_____________
ลกั ษณะที่เมนเดลเลอื กนำมาศึกษา ไดแ้ ก่
ลักษณะเมล็ด เมลด็ เรียบ เมลด็ ขรุขระ ดอกเกิดท่ีลาต้น ดอกเกิดท่ียอด
สีของเมล็ด เมลด็ สีเหลือง
สีของดอก ดอกสีม่วง ตำแหนง่ ของ
รปู ร่างของฝัก เมลด็ สีเขียว ดอกทเี่ กดิ
ศาสตร์
ดอกสีขาว
ฝักอวบ ฝักแฟบ ความสูงของตน้
สีของฝกั
ฝักสีเหลือง ฝักสีเขยี ว ต้นสูง ต้นเตยี้
104
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพันธศุ าสตรข์ องเมนเดล
คำชี้แจง : ให้นักเรียนฟังคำอธิบาย และศึกษาการถ่ายทอดลักษณะของต้นถ่ัวลันเตา โดยพิจารณาลักษณะ
เดยี วจากการทดลองของเมนเดลในหนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.3 เลม่ 1 แลว้ เตมิ คำตอบลงในตาราง
ลกั ษณะของพ่อแม่พันธแ์ุ ท้ที่ใช้ผสม ลูกร่นุ ท่ี 1 ลกั ษณะท่ีปรากฏ
เมล็ดเรียบ ลูกรุ่นท่ี 2
เมล็ดเรียบ เมล็ดขรขุ ระ
(ถ้าลกู รนุ่ ท่ี 2 มีทง้ั หมด 7,400 ตน้ )
เมล็ดเรยี บ 5,550 ตน้
เมล็ดขรขุ ระ 1,850 ตน้
เมลด็ สเี หลอื ง เมลด็ สเี ขียว เมล็ดสเี หลือง (ถา้ ลกู ร่นุ ท่ี 2 มีทั้งหมด 8,000 ตน้ )
เมลด็ สเี หลอื ง 6,000 ตน้
เมล็ดสีเขยี ว 2,000 ตน้
ดอกสมี ่วง ดอกสขี าว ดอกสมี ว่ ง (ถ้าลูกรุ่นท่ี 2 มที ั้งหมด 928 ตน้ )
ดอกสมี ว่ ง 696 ตน้
ดอกสีขาว 232 ตน้
ฝักอวบ ฝกั แฟบ (ถา้ ลูกรุ่นท่ี 2 มที ัง้ หมด 1,180 ตน้ )
ฝักอวบ ฝักอวบ 885 ตน้
ฝกั แฟบ 295 ตน้
ฝกั สีเขยี ว (ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มที ง้ั หมด 608 ตน้ )
ฝักสีเขียว 456 ตน้
ฝักสีเหลอื ง ฝกั สเี ขยี ว ฝักสเี หลือง 152 ตน้
ดอกเกิดทีล่ ำตน้ (ถ้าลูกรนุ่ ที่ 2 มีท้งั หมด 828 ตน้ )
ดอกเกิดท่ลี ำต้น 621 ตน้
ดอกเกดิ ท่ลี ำต้น ดอกเกิดท่ยี อด ดอกเกิดที่ยอด 207 ตน้
ตน้ สูง ต้นเต้ยี (ถา้ ลูกรนุ่ ท่ี 2 มีทั้งหมด 1,108 ตน้ )
ต้นสงู ตน้ สูง 831 ตน้
ต้นเตยี้ 277 ตน้
105
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พันธกุ รรม
แผนฯ ที่ 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
ตอนที่ 4 ตรวจสอบความรู้หลังเรียน
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมายวงกลมตัวเลือก
1. นักวิทยาศาสตร์ท่านใดเป็นผู้สนใจศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. ชาลส์ ดาร์วิน
ข. ไอแซก นิวตัน
ค. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ง. เกรกอร์ โยฮันน์ เมนเดล
2. พืชชนิดใดเป็นพืชที่เหมาะแก่การนำมาศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ก. มอส
ข. เฟิร์น
ค. มะพร้าว
ง. ถั่วลันเตา
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับลักษณะด้อยในการทดลองของเมนเดล
ก. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในลูกรุ่นที่ 1
ข. เป็นลักษณะท่ีสามารถข่มอีกลักษณะหนึ่งได้
ค. เป็นลักษณะที่ปรากฏออกมาในอัตราส่วนที่มากกว่า
ง. เป็นลักษณะที่ไม่ปรากฏในลูกรุ่นท่ี 1 แต่จะมาปรากฏในลูกรุ่นที่ 2
4. ส่ิงใดเป็นสิ่งที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต
ก. ยีน
ข. นิวเคลียส
ค. เซลล์ร่างกาย
ง. เซลล์สืบพันธุ์
5. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปจากการศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล
ก. สิ่งมีชีวิตมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
ข. อัตราส่วนของลักษณะเด่น : ลักษณะด้อย คือ 3 : 1
ค. ลักษณะด้อยถูกควบคุมโดยยีนเด่น และลักษณะเด่นถูกควบคุมโดยยีนด้อย
ง. สิ่งที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมอยู่กันเป็นคู่ และจะแยกออกจากกันไปอยู่ในเซลล์สืบพันธ์ุ
คะแนนทีไ่ ด้
106
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 พันธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 2 การศกึ ษาพนั ธุศาสตรข์ องเมนเดล
9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ไี ด้รบั มอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชื่อ
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมทม่ี ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้าม)ี )
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
107
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 3 การถา่ ยทอดยนี บนโครโมโซม
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 3
การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม
เวลา 4 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ัด
ว 1.3 ม.3/3 อธิบายการเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูกและคำนวณอัตราส่วนการเกิดจีโนไทป์และ
ฟโี นไทปข์ องรุ่นลูก
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายการเกดิ จโี นไทปแ์ ละฟีโนไทป์ของลูกได้ (K)
2. คำนวณอตั ราสว่ นการเกดิ จีโนไทปแ์ ละฟีโนไทป์ของรุ่นลกู ได้ (P)
3. ตระหนักถึงความสำคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม (A)
4. มีความใฝเ่ รยี นรแู้ ละมีความม่งุ ม่นั ในการทำงาน (A)
3. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถนิ่
• สิ่งมีชีวิตท่ีมีโครโมโซมเป็น 2 ชุด ยีนแต่ละตำแหน่งบน พจิ ารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
ฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลลี โดยแอลลีลหน่ึงมาจาก
พ่อ และอีกแอลลีลมาจากแม่ ซึ่งอาจมีรูปแบบเดียวกัน
หรือแตกต่างกัน แอลลลี ท่ีแตกต่างกนั นี้แอลลีลหน่ึงอาจมี
การแสดงออกข่มอีกแอลลีลหนึ่งได้ เรียกแอลลีลน้ันว่า
เป็นแอลลีลเด่น ส่วนแอลลีลท่ีถูกข่มอย่างสมบูรณ์
เรยี กวา่ เป็นแอลลลี ด้อย
• เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ แอลลีลท่ีเป็นคู่กันในแต่ละ
ฮอมอโลกัสโครโมโซมจะแยกจากกันไปยังเซลล์สืบพันธุ์
แต่ละเซลล์ โดยแต่ละเซลล์สืบพันธ์ุจะได้รับเพียง 1
แอลลีล และจะเข้าคู่กบั แอลลีลที่ตำแหนง่ เดียวกันของอีก
เซลล์สืบพนั ธุ์หนงึ่ เมือ่ เกดิ การปฏิสนธจิ นเกดิ เปน็ จโี นไทป์
และแสดงฟีโนไทปใ์ นรนุ่ ลูก
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ยีนแตล่ ะตำแหนง่ บน ฮอมอโลกัสโครโมโซมมี 2 แอลลลี จะแยกออกจากกันเมอ่ื มีการสรา้ งเซลลส์ บื พันธ์ุ
หลังการปฏิสนธิแอลลีลจะกลับมาเข้าคกู่ ันอยา่ งอสิ ระ โดยแอลลีลหนงึ่ ได้รับมาจากพ่อ และอีกหนง่ึ แอลลีลหน่ึง
ได้รับมาจากแม่ ซ่ึงอาจมีรูปแบบเดียวกัน หรือแตกต่างกนั โดยแอลลีลท่ีต่างกนั จะมีแอลลีลหน่ึงสามารถข่มอีก
แอลลีลหนงึ่ ได้ เรยี กแอลลีลทขี่ ม่ อีกแอลลลี หน่งึ ว่า แอลลีลเดน่ ส่วนแอลลีลท่ีถกู ขม่ เรยี กวา่ แอลลีลด้อย
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั รับผดิ ชอบ
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
1) ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
109
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 พนั ธกุ รรม
แผนฯ ท่ี 3 การถ่ายทอดยนี บนโครโมโซม
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : 5Es Instructional Model
ช่วั โมงท่ี 1
ขนั้ นำ
ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครนู ำภาพฮอมอโลกัสโครโมโซมมาให้นักเรยี นศึกษา และครูถามคำถาม ดังน้ี
- ภาพท่ีครูนำมาแสดงคอื อะไร
(แนวตอบ : ฮอมอโลกัสโครโมโซม)
- โครโมโซมประกอบด้วยอะไรบ้าง
(แนวตอบ : ดีเอ็นเอและโปรตีน โดยบางช่วงของดีเอ็นเอ คือ ยีนที่ทำหน้าท่ีกำหนดลักษณะ
พันธกุ รรมของสิง่ มชี ีวิต)
- ลักษณะเด่นและลักษณะด้อยถกู ควบคุมด้วยยีนแบบใด ตามลำดับ
(แนวตอบ : ยีนเด่นและยนี ดอ้ ย ตามลำดับ)
2. ครเู ตรียมอุปกรณ์สร้างแบบจำลองยีนบนโครโมโซมมาแจกใหก้ ับนักเรียนแต่ละคน ดงั นี้
- หลอดกาแฟจำนวน 8 หลอด ท่มี ีสีเดยี วกัน
- ยางรัดผมจำนวน 24 เส้น โดยมีสีแดงและฟ้า อย่างละ 6 เส้น และยางรัดผมสีเขียวและชมพู
อยา่ งละ 3 เสน้
3. ครูเกริ่นนำเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักเรียนว่า “วันนี้นักเรียนจะได้เรียนรู้องค์ประกอบภายใน
โครโมโซมจากแบบจำลองโดยใช้หลอดแทนโครโมโซม และหนังยางรัดผมแทนยีนที่อยู่บน
โครโมโซม”
ข้ันสอน
ขัน้ ท่ี 2 สำรวจ (Explore)
1. ให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเก่ียวกับยีนบนโครโมโซมจากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ม.3 เล่ม 1 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน เช่น อินเทอร์เน็ต
หอ้ งสมดุ
2. ใหน้ กั เรียนแต่ละคนสรา้ งภายในเวลา 15 นาที โดยมีเงือ่ นไข ดังน้ี
- แบบจำลองที่ 1 : ฮอมอโลกสั โครโมโซมที่มยี ีนควบคุมลักษณะของสิ่งมีชีวติ 1 ลักษณะ โดยทม่ี ี
ยีนรูปแบบเดียวกัน
110