4
“
“
Fundamental Bahasa Melayu
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายูถน่ิ เบื้องตน้ 1
รายวิชาที่ 4
ภาษามลายถู ิ่นเบื้องต้น
Fundamental Bahasa Melayu
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.รสุ ลนั อุทยั
2 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายูถนิ่ เบือ้ งตน้ 2
รสุ ลัน อทุ ัย : ภาษามลายูถิ่นเบื้องตน้
พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1 ศนู ยอ์ �ำ นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
กันยายน 2565
เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนงั สอื 978-974-458-752-7
ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รมของหอสมดุ แหง่ ชาติ
Nationnal Library of Thailand Cataloging in Publication data
รุสลนั อุทัย : ภาษามลายถู น่ิ เบอ้ื งตน้ .----- ยะลา
: ศนู ยอ์ �ำ นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้, 2565. 100 หนา้ .
499.28
ISBN 978-974-458-752-7
บรรณาธิการเลม่ : ฮาฟีส สาและ
หน้าปก : Subper Graphic
รปู เล่ม : ชวลติ เหมหมัน
พสิ ูจนอ์ ักษร : โซเฟยี หะยสี าแม และ ซลุ ฟา การูมอ
จัดพิมพโ์ ดย : ศูนย์อ�ำ นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
ถนนสขุ ยางค์ ตำ�บลสะเตง อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั ยะลา 95000 โทร.073-203872
พิมพ์ท่ี : หจก.1000 ทางการพิมพ์ 87/22 ถนนสามคั คี สาย ก. ต�ำ บลสะบารัง อ�ำ เภอเมอื ง
จังหวัดปตั ตานี 94000 โทร.073-332578
ควบคุมการผลิต : มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปตั ตานี 181 ถนนเจรญิ ประดษิ ฐ์
ต�ำ บลรสู ะมแิ ล อ�ำ เภอเมือง จังหวดั ปัตตานี 94000
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบอ้ื งตน้ 3ก
ค�ำ นำ�
จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหนึ่งในพ้ืนที่ที่มีลักษณะเฉพาะทางสังคมศาสนาและ
วัฒนธรรม ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาทางการเมืองการปกครองและความขัดแย้งที่แตกต่างจาก
พ้ืนท่อี นื่ ๆ การแก้ปัญหาและพฒั นาในพนื้ ทีโ่ ดยเฉพาะในบรบิ ทท่มี สี ถานการณ์ความไมส่ งบจึง
จำ�เป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจท่ีลึกซึ้งในระดับที่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับ
ความตอ้ งการและสภาพเง่ือนไขต่าง ๆ ของพนื้ ท่ี ซึ่งจากแนวทางตา่ ง ๆ ท่ที างรัฐบาลพยายาม
ด�ำ เนนิ การเพอื่ แกไ้ ขปญั หาความไมส่ งบตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2547 เปน็ ตน้ มานนั้ หนง่ึ ในตวั แปรทส่ี �ำ คญั
ตอ่ การแก้ปัญหาและลดเงื่อนไขความขัดแย้งกค็ ือ การปฏบิ ตั ิงานของเจ้าหน้าท่ีรฐั ซง่ึ เป็นกลไก
ด่านหน้าของภาครัฐในการมีปฏิสัมพันธ์หรือการสร้างความประทับใจที่เป็นบวกและลบต่อ
ประชาชนได้โดยตรง ความรู้และทักษะท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพ้ืนท่ีของเจ้าหน้าที่จึงมี
ความส�ำ คญั อยา่ งยิ่งยวด
แม้ว่าท่ีผ่านมาจะมีโครงการอบรมต่างๆ เกิดขึ้นมากมายและสามารถลดเง่ือนไขความ
ขัดแย้งและสร้างความเชื่อม่ันท่ีเพ่ิมขึ้นในหมู่ประชาชน แต่การดำ�รงอยู่ของปัญหาความรุนแรง
และกรณีตัวอย่างของความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าท่ียังคงไม่หมดไป ดังน้ันจึง
จ�ำ เป็นตอ้ งมเี ครอ่ื งมือใหม่ ๆ เพอ่ื เติมเตม็ การพัฒนาเจ้าหน้าท่รี ัฐในพน้ื ที่ใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจ
และการปฏิบัติงานท่ีสมบูรณ์ยิ่งข้ึน โดยเฉพาะการปรับเปล่ียนรูปแบบการนำ�เสนอองค์ความรู้
ให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่าย เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และมีเครื่องมือในการ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของ
เจา้ หนา้ ที่ในบริบทที่สอดรบั การเปลี่ยนแปลงทางสังคมยคุ ดิจติ ัล
จากความสำ�คัญข้างต้น โครงวิจัยเพื่อการผลิตชุดความรู้เก่ียวกับจังหวัดชายแดน
ภาคใตแ้ ละการพฒั นาสอ่ื การเรยี นรแู้ ละแบบทดสอบอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ พอ่ื เปน็ เครอื่ งมอื ในการแกไ้ ข
ปญั หาและพฒั นาพนื้ ทจ่ี งั หวดั ชายแดนภาคใตจ้ งึ เกดิ ขน้ึ ภายใตก้ ารท�ำ งานรว่ มกนั ระหวา่ งสถาบนั
พัฒนาเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือน ศูนย์อำ�นวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี โดยอาศัยบุคลากรจากคณะรัฐศาสตร์
คณะศกึ ษาศาสตร์ ฝา่ ยเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมการเรยี นรู้ ส�ำ นกั วทิ ยบรกิ าร และศนู ยส์ มทุ รรฐั
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำ�งานระหว่างหน่วยงานราชการและ
หนว่ ยงานวชิ าการในรปู แบบสหวทิ ยาการทเ่ี นน้ การใชอ้ งคค์ วามรู้ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมหนนุ
เสรมิ การพัฒนาเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั ให้มปี ระสิทธภิ าพและทั่วถงึ ยง่ิ ขึ้น
การจัดทำ�ส่อื การเรยี นรู้มีท้งั สอ่ื ส่งิ พิมพ์และสื่ออิเลก็ ทรอนกิ ส์ สอ่ื สิง่ พมิ พ์ประกอบด้วย
หนังสือชุดความรู้จำ�นวน 6 รายวิชา พร้อมหนังสือฉบับพกพาท่ีรวมเน้ือหาของรายวิชาทั้งหก
ข 4 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถิน่ เบอื้ งต้น 4
ไดแ้ ก่ ประวตั ศิ าสตรจ์ งั หวดั ชายแดนภาคใต้ พหวุ ฒั นธรรมและสงั คมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ แนว
ปฏบิ ตั สิ �ำ หรบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ภาษามลายถู น่ิ เบอื้ งตน้ สทิ ธปิ ระโยชน์
ส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และกฎหมายทใี่ ชใ้ นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ซงึ่
ไดร้ บั ความอนเุ คราะหใ์ นการเรยี บเรยี งเนอื้ หาโดยผทู้ รงคณุ วฒุ ทิ เี่ ปน็ นกั วชิ าการจากมหาวทิ ยาลยั
ผบู้ รหิ ารปจั จบุ นั และอดตี ขา้ ราชการทมี่ ปี ระสบการณด์ า้ นการปกครอง กฎหมาย และกฎระเบยี บ
ตลอดจนผนู้ ำ�ศาสนา โดยมกี ารวิพากษช์ ดุ ความรแู้ ละข้อสอบจากทง้ั ภาคราชการ ภาควชิ าการ
และภาคประชาสงั คม
ส่วนส่ืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยชุดความรู้ในรูปแบบ E-Book ส่ือการเรียนรู้ใน
รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) จำ�นวน 6 รายวิชา และแบบทดสอบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Testing) จ�ำ นวน 3 รายวชิ า ทม่ี เี นอ้ื หาเชอ่ื มโยงและอา้ งองิ มาจากชดุ ความรขู้ า้ งตน้ ซงึ่ ทง้ั หมด
มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมรองรับการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนา
เจ้าหน้าท่ีของรัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้ท้ังน้ีโดยมุ่งผลลัพธ์ในการพัฒนาเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีให้
เป็นที่ยอมรับของประชาชน ลดการสร้างเง่ือนไขความรุนแรงในพื้นที่ และเป็นกลไกสำ�คัญใน
การขับเคลื่อนภารกิจเพ่ือตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัด
ชายแดนภาคใต้อย่างยง่ั ยืน
คณะผู้จดั ท�ำ
15 กนั ยายน พ.ศ. 2565
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายถู ิน่ เบ้อื งต้น 5ค
สารบัญ
หน้า
บทท่ี 1 ความรทู้ วั่ ไปเกยี่ วกบั ภาษามลายถู นิ่ .........................................................................1
1.1 ความหมายของภาษามลายถู ่ิน.............................................................................1
1.2 สาขาภาษามลายู..................................................................................................2
1.3 ชื่อทใี ชเ้ รยี กภาษามลายถู นิ่ ปาตาน.ี .......................................................................3
1.4 ภาษามลายถู น่ิ และภาษามลายมู าตรฐาน..............................................................4
1.5 ภาษามลายถู ิ่นในประเทศไทย..............................................................................5
1.6 ลักษณะส�ำ คญั ของภาษามลายูถิน่ ปาตาน.ี ............................................................6
1.7 เสียงและอักษรแทนเสยี งในภาษามลายถู ่ินปาตาน.ี ............................................10
1) เสยี งพยัญชนะ........................................................................................10
2) เสียงสระ.................................................................................................13
บทท่ี 2 บทสนทนา..........................................................................................................17
1. การทักทายและค�ำ กลา่ วในโอกาสตา่ ง ๆ..............................................................17
2. ขอ้ มลู สว่ นตวั ........................................................................................................23
3. แนะน�ำ ตวั เองและผอู้ นื่ ..........................................................................................26
4. ครอบครัว.............................................................................................................30
5. การนับ..................................................................................................................34
6. เวลา......................................................................................................................40
7. วนั เดือน ป.ี ..........................................................................................................44
8. การถามทาง บอกทาง..........................................................................................48
9. การซ้ือขาย............................................................................................................51
10. อาหารและเคร่อื งด่ืม..........................................................................................54
11. โรคภัยไขเ้ จ็บ.......................................................................................................58
12. ตดิ ต่อราชการ.....................................................................................................62
บทที่ 3 คำ�ศัพท์พ้นื ฐานที่ใช้ในชวี ติ ประจำ�วนั ..................................................................66
หมวดท่ี 1 ร่างกาย....................................................................................................67
หมวดท่ี 2 ครอบครวั และค�ำ เรยี กญาติ......................................................................68
หมวดที่ 3 เครอื่ งแตง่ กาย..........................................................................................69
หมวดที่ 4 อุปกรณ์ เคร่อื งใช้ และยานพาหนะ..........................................................70
หมวดท่ี 5 สิ่งของในส�ำ นักงาน..................................................................................72
ง 6 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถิน่ เบื้องต้น 6
หมวดท่ี 6 สถานที.่ ..................................................................................................72
หมวดท่ี 7 ตวั เลข.....................................................................................................73
หมวดท่ี 8 อาหารและเคร่ืองดม่ื ...............................................................................75
หมวดที่ 9 พชื ผกั และผลไม้...................................................................................76
หมวดท่ี 10 อาชีพ....................................................................................................77
หมวดที่ 11 สตั ว์ ......................................................................................................78
หมวดท่ี 12 รูปทรง..................................................................................................80
หมวดท่ี 13 ตำ�แหน่งและทิศทาง.............................................................................80
หมวดท่ี 14 ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม.....................................................................81
หมวดที่ 15 กีฬา......................................................................................................82
หมวดที่ 16 เวลา วัน และเดอื น...............................................................................82
หมวดที่ 17 คำ�ถาม..................................................................................................83
หมวดท่ี 18 คำ�ทักทาย.............................................................................................84
หมวดท่ี 19 การกระท�ำ ............................................................................................84
หมวดท่ี 20 ค�ำ วเิ ศษณ์.............................................................................................87
หมวดที่ 21 คำ�ไวยากรณ.์ ........................................................................................89
บรรณานุกรม..................................................................................................................90
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายถู ่ินเบ้อื งตน้ 7จ
8 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายูถนิ่ เบื้องตน้ 8
ชดุ ความรู้รายวชิ า “ภาษามลายูถน่ิ เบื้องต้น”
กรอบเนือ้ หา
ค�ำ ศพั ทแ์ ละส�ำ นวนเบอ้ื งตน้ ในภาษามลายถู นิ่ ประโยคสนทนาทใ่ี ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำ วนั และ
โอกาสต่างๆ
==================================
บทที่ 1
ความรู้ท่ัวไปเกยี่ วกบั ภาษามลายูถ่ิน
1.1 ความหมายของภาษามลายูถิ่น
เดวิด คริสตัล (1987) ได้ให้ค�ำ จ�ำ กัดความของภาษาถิ่นว่าเป็นความแตกตา่ งของภาษา
หนึ่งในพ้ืนท่ีหรือสังคมท่ีต่างกันท้ังด้านคำ�และโครงสร้าง จากคำ�จำ�กัดความนี้สามารถท่ีจะ
อธิบายความหมายของภาษามลายูถิ่นว่าเป็นความแตกต่างของภาษามลายูในพ้ืนท่ีต่างๆ เช่น
ภาษามลายูที่พดู ในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ อันได้แก่ จงั หวัดปัตตานี ยะลา นราธวิ าส และ
บางส่วนของจังหวัดสงขลาหรือที่เรียกว่าภาษามลายูปาตานี แตกต่างจากภาษามลายูท่ีพูดใน
จังหวัดสตูลหรือที่รู้จักในช่ือว่าภาษามลายูถิ่นสตูล ภาษามลายูถิ่นท่ีพูดในรัฐกลันตันหรือภาษา
มลายูถ่ินกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มีลักษณะแตกต่างจากภาษามลายูท่ีพูดในรัฐตรังกานูหรือ
ภาษามลายถู ่ินตรงั กานู เป็นต้น ความแตกตา่ งของภาษามลายถู ่นิ แต่ละถนิ่ น้นั อาจจะแตกต่าง
ดา้ นเสียง หน่วยค�ำ คำ� โครงสรา้ งวลี อนุประโยค หรอื ประโยค
ตารางที่ 1 แสดงความแตกของเสียงและคำ�ในภาษามลายูมาตรฐาน ภาษามลายูถิ่น
ปาตานี และภาษามลายูถิน่ สตูล
ความหมาย ภาษามลายมู าตรฐาน ภาษามลายูถน่ิ ภาษามลายถู ิ่นสตลู
กนิ makan มาแก makan
mata มาตอ matα
ตา (อวยั วะ) sudu ซูดู camcα
ช้อน pergi กฺ pi
ไป
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบ้อื งต้น 1
จากการทภี่ าษามลายถู น่ิ แตล่ ะถน่ิ มคี วามแตกตา่ งดงั ตวั อยา่ งในตารางขา้ งตน้ ท�ำ ใหค้ น
ท่พี ดู มลายถู ิ่นต่างกัน สอ่ื สารกนั โดยตา่ งคนต่างก็ใช้ภาษามลายูถิน่ ของตนเองในการสือ่ สาร จะ
ท�ำ ให้เขา้ ใจได้ประมาณรอ้ ยละ 60-70 และอาจมีบางส่วนที่ท�ำ ให้เขา้ ใจผดิ ได้
1.2 สาขาภาษามลายู
ภาษามลายูเป็นภาษาหน่ึงที่อย่ใู นตระกลู ภาษาออสโตรเนเซียน (Austronesian) ตาม
การจัดกลุ่มภาษาของ Blust (1978) ภาษามลายูอยู่ในสาขามลายู-โปลีเนเซียน (Malaya-
Polinesian) กลุ่มตะวันตก ส่วนในการจัดกลุ่มภาษามลายูน้ัน ภาษามลายูถ่ินปาตานีอยู่ใน
กลมุ่ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ซง่ึ เปน็ กล่มุ เดียวกนั กบั ภาษามลายถู นิ่ กลันตนั (Asmah, 1991: 26)
ดแู ผนผังตอ่ ไปน้ี
2 รายวชิ าท่ี 4 ภาษามลายถู ิ่นเบ้ืองตน้ 2
1.3 ช่อื ทใี ชเ้ รยี กภาษามลายถู นิ่ ปาตานี
มีคำ�หลายคำ�ที่ใช้เรียกและอ้างถึงภาษามลายูถ่ินปาตานี แต่ในความเป็นจริงน้ันไม่ถูก
ตอ้ ง ชือ่ เหล่านนั้ ได้แก่ ภาษายาวี ภาษารมู ี ภาษาอิสลาม และภาษาแขก ข้อเทจ็ จรงิ ของแตล่ ะ
ชอ่ื นน้ั อธบิ ายไดด้ งั น้ี
1) ยาวี ไม่ใช่ช่ือภาษา แต่เป็นชื่อของตัวอักษรที่ใช้เขียนภาษามลายูมาตรฐาน เป็น
ตัวอักษรท่ีพัฒนาจากตัวอักษรภาษาอาหรับ โดยการเพิ่มสัญลักษณ์พิเศษกับอักษรบางตัว
เพื่อแทนเสียงที่ไม่มีในภาษาอาหรับ เช่น อักษร ڠ ڽเป็นต้น ดังน้ันตัวอักษรยาวีจึงไม่
เหมือนกับอักษรอาหรับทุกตัว ตัวอย่างคำ�ภาษามลายูมาตรฐานท่ีเขียนด้วยอักษรยาวี เช่น
“กิน” “นอน” “ยุง” เปน็ ต้น
2) รูมี เป็นช่ือของตัวอกั ษรอีกชนดิ หน่ึงท่ีใชเ้ ขียนภาษามลายมู าตรฐาน เป็นการเขียน
มลายดู ว้ ยอักษรโรมนั เช่น ค�ำ วา่ makan “กิน” orang “คน” besar “ใหญ”่ เป็นต้น ปัจจบุ นั
ภาษามลายูมาตรฐานที่เป็นภาษาทางการของประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไนดารุส
ซาลาม จะเขียนด้วยอักษรรูมี เพราะมีความง่ายในการเขียน เน่ืองจากคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ
ภาษาองั กฤษซึ่งเขยี นดว้ ยอักษรโรมนั อยูแ่ ล้ว
3) อิสลาม ส่วนใหญ่รู้ว่าเป็นศาสนาไม่ใช่ภาษา แต่มีบางคนเรียกภาษามลายูที่พูดใน
สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าภาษาอิสลาม ซึ่งไม่ถูกต้อง สาเหตุท่ีมีการเรียกเช่นนี้ เนื่องจาก
ว่าภาษามลายูเคยมีบทบาทในการการเผยแพร่และการเรียนการสอนศาสนาอิสลามในภูมิภาค
แหลมมลายู กอปรกบั คนในพน้ื ทส่ี ามจงั หวดั ชายแดนภาคใตส้ ว่ นใหญท่ พี่ ดู มลายจู ะนบั ถอื ศาสนา
อิสลาม ทำ�ให้มคี วามรู้สกึ ว่าภาษามลายูเปน็ ภาษาของศาสนาอสิ ลาม ในความเป็นจรงิ คนที่พูด
ภาษามลายูทีไ่ มใ่ ชค่ นอิสลามกม็ ี และคนอสิ ลามท่ไี มไ่ ดพ้ ดู ภาษามลายูก็มีเชน่ เดียวกนั
4) ภาษาแขก เป็นอกี ค�ำ หน่ึงใช้เรยี กภาษามลายู มีบางคนเรียกคนท่ีพูดภาษามลายูรวม
ถงึ คนทนี่ บั ถอื ศาสนาอสิ ลามวา่ คนแขก ค�ำ นม้ี นี ยั ทางการเมอื งในมติ ขิ องประวตั ศิ าสตร์ กลา่ วคอื
มคี วามรสู้ กึ วา่ คนมลายหู รอื คนอสิ ลามนน้ั เปน็ คนทม่ี าจากทอ่ี นื่ มาอาศยั ในประเทศไทย อยา่ งไร
ก็ตามคำ�นีไ้ มค่ ่อยไดย้ นิ มากนกั ในปัจจบุ นั
เปน็ ทช่ี ัดเจนแล้ววา่ คำ�ท่ไี ด้น�ำ เสนอขา้ งต้นนั้นไมใ่ ชช่ ื่อเรยี กภาษามลายูถิ่นทพี่ ูดในสาม
จงั หวดั ชายแดนภาคใต ้ ชอ่ื ทเ่ี ปน็ ทางการของภาษามลายถู นิ่ น้ี คอื ภาษามลายถู น่ิ ปาตานี (Patani
Malay Dialect) ค�ำ ว่า ปาตานี เป็นชื่อของอาณาจักรหนึง่ ในอดีต คอื อาณาจกั รปาตานี ซงึ่ มี
พืน้ ที่ปกครองครอบคลมุ สี่จังหวดั ในปัจจุบัน ได้แก่ จังหวัดยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส และสงขลา
เขตอ�ำ เภอจะนะ เทพา และสะบา้ ยอ้ ย ซึ่งสอดคล้องกับพ้นื ทท่ี ม่ี กี ารใชภ้ าษามลายถู ิน่ ปาตานที ่ี
ครอบคลุมพนื้ ท่ดี งั กล่าวด้วย
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายูถ่ินเบอ้ื งต้น 3
1.4 ภาษามลายูถ่ินและภาษามลายูมาตรฐาน
“ภาษามลายู”เป็นคำ�กว้างๆท่ีใช้เรียกภาษาท่ีเป็นภาษาแม่ของคนมลายูซ่ึงอาศัยอยู่ใน
ภูมิภาคมลาย(ู Nusantara) เปน็ ส่วนใหญ1่ สถานะของภาษามลายูในแตล่ ะพน้ื ทีจ่ ะแตกต่างกัน
ในบางพ้นื ท่ี ภาษามลายูเปน็ เพียงภาษาพูด บทบาทไม่มากนัก เป็นภาษาท่ใี ชใ้ นชีวิตประจ�ำ วัน
ไมม่ ตี วั เขยี นแตอ่ ยา่ งใด ซงึ่ เราเรยี กวา่ โดยทวั่ ไปวา่ ภาษามลายถู นิ่ เชน่ ภาษามลายถู นิ่ ปาตานี ใน
จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ภาษามลายถู นิ่ สตลู ในจงั หวดั สตลู ภาษามลายถู นิ่ กลนั ตนั ในรฐั กลนั ตนั
ประเทศมาเลเซยี ตามทีไ่ ด้กลา่ วมาแล้ว ในขณะท่ีในบางพืน้ ท่ีน้ัน ภาษามลายมู ีฐานะเป็นภาษา
ประจ�ำ ชาตขิ องและภาษาราชการของประเทศ ซงึ่ มชี อ่ื แตกตา่ งกนั ในแตล่ ะประเทศ ไดแ้ ก่ ภาษา
มาเลเซีย ภาษาอินโดนีเซีย และภาษามลายูบรูไน ซ่ึงเป็นภาษาประจำ�ชาติและภาษาราชการ
ของประเทศ มาเลเซยี อินโดนเี ซยี และบรูไนดารุสซาลาม ตามลำ�ดบั ภาษามลายูเหล่านเ้ี รียก
ว่า ภาษามลายมู าตรฐาน (Standard Malay Language) ดแู ผนผังตอ่ ไปนปี้ ระกอบ
1นอกจากในภมู ภิ าคมลายแู ลว้ คนมลายยู งั อาศยั ในประเทศกมั พชู า (Musa: 2011) ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (Ku Samsu, Ab
Halim & Sulaiman: 2013) พมา่ (Haif: 2016) สงิ คโ์ ปร และเวยี ดนาม (Wan Ali, Ismail & Van Han: 2013) ซง่ึ ในประเทศ
เหลา่ น้ี คนทใี่ ชภ้ าษามลายจู ะเปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ และใชภ้ าษามลายใู นกจิ การเฉพาะกจิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในการเรยี นการสอน
ศาสนาอสิ ลาม นอกจากนี้ภาษามลายยู งั มใี ช้ในประเทศนอกภมู ิภาคอาเซยี นอีกด้วย ในกรุงโคลมั โบ ประเทศศรลี งั กา
(Lim & Ansaldo: 2014) ในกรงุ โยฮนั เนสเบริ ก์ ประเทศแอฟรกิ าใต้ (Yusof, Mohd Sharifudin: 2005) ในหมเู่ กาะโกโกส
ประเทศออสเตรเลยี (Welsh: 2015) เปน็ ตน้ ในปะเทศแถบยโุ รป ไดแ้ ก่ เนเธอรแ์ ลนด์ และ องั กฤษ กม็ ผี พู้ ดู ภาษามลายู
อาศยั อยเู่ ชน่ เดยี่ วกนั ภาษามลายทู ใ่ี ชก้ ลมุ่ ประเทศเหลา่ นเี้ รยี นกวา่ มลายโู พน้ ทะเล (Malay Diaspra) (Wan Hasim: 2012)
4 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายถู ิ่นเบ้ืองต้น 4
ภาษามลายูถ่ินที่เป็นเนื้อหาหลักในคู่มือเล่มน้ีคือ ภาษามลายูถ่ินปาตานี ซ่ึงผู้เขียนจะ
เรียกว่า “ภาษามลายถู ่นิ ” แทนช่ือ ภาษามลายูถ่ินปาตานี ดว้ ยเหตุผลท่วี ่า ผู้อา่ นหรอื ผู้เรยี นมี
ความคุน้ เคยมากว่า
1.5 ภาษามลายถู น่ิ ในประเทศไทย
เม่ือพูดถึงภาษามลายูถ่ินในประเทศไทย หลายๆคนจะนึกถึงภาษามลายูถ่ินที่ใช้ใน
บรเิ วณสามจงั หวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆแล้ว ภาษามลายถู ่นิ ยังมีใช้ในจงั หวดั สตลู และ จังหวดั
อ่ืนๆอีกในภาคใต้ตอนบน (รายละเอียดดู อมร ทวีศักดิ์: 2530) จากประสบการณ์ของผู้เขียน
ทั้งท่ีได้สัมผัสโดยตรงและได้ข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์พบว่านอกจากสามจังหวัดชายแดน
ภาคใตแ้ ล้ว ภาษามลายูถิ่นมีใชใ้ นจงั หวดั ตา่ งๆในประเทศไทย ได้แก่ สงขลา สตูล (Maneerat
Chotikakamthorn,1981) ตรัง นครศรีธรรมราช (Siriporn Nijdolruedee,1986) กระบี่
สรุ าษฎรธานี ระนอง ปทมุ ธานี (Thawika Raiwong,1990) นนทบรุ ี (Phongthep Bunrueng:
1990) และกรงุ เทพมหานคร ข้อมลู นอี้ าจเปล่ยี นแปลง หากมกี ารส�ำ รวจพบภาษามลายูถ่นิ ใน
บริเวณจังหวัดอืน่ ๆอีก ซึง่ ณ ปัจจบุ ันยงั ไม่มกี ารสำ�รวจทุกพน้ื ที่ในประเทศไทย
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายูถิ่นเบือ้ งตน้ 5
1.6 ลกั ษณะสำ�คัญของภาษามลายูถน่ิ ปาตานี
ภาษาแตล่ ะภาษา และภาษาถน่ิ แตล่ ะถนิ่ จะมลี กั ษณะส�ำ คญั หรอื ลกั ษณะเดน่ ทเี่ ปน็ ภาพ
รวมของภาษาหรอื ภาษาถน่ิ นนั้ ๆ หากผเู้ รยี นรถู้ งึ ลกั ษณะส�ำ คญั ของภาษาหรอื ภาษาถนิ่ กอ่ นทจ่ี ะ
เรียน จะทำ�ให้ผู้เรียนน้ันสามารถเรียนรู้ภาษาหรือภาษาถิ่นนั้นได้เร็วข้ึน ก่อนที่จะไปสู่เน้ือหาที่
เปน็ ทักษะการสอื่ สาร ผเู้ ขยี นขอน�ำ เสนอลกั ษณะส�ำ คญั ของภาษามลายถู ิ่นปาตานี ดังนี้
1) ภาษามลายถู น่ิ ปาตานเี ปน็ ภาษาพูด ไม่มีตัวเขียน (unwritten language) ดงั นน้ั
ในการเรียนการสอน ผสู้ อนจะใช้ตวั อักษรทผี่ สู้ อนร้จู ักและผู้เรียนคนุ้ เคยท่สี ดุ เขียน เช่น ถา้ สอน
คนไทย ก็จะใช้ตัวอักษรไทยเขยี น สอนคนมาเลเซยี ก็จะใชต้ ัวโรมนั เขียน เปน็ ตน้ เนือ่ งจากอักษร
ภาษาอน่ื ปกตแิ ลว้ ไม่สามารถแทนเสียงในภาษามลายูถิ่นปาตานไี ด้หมด จงึ จ�ำ เปน็ ต้องมีการใช้
รว่ มกบั สัญลกั ษณ์พิเศษ ซึง่ จะนำ�เสนอในหวั ข้อ 1.6 2
2) ภาษามลายถู น่ิ ปาตานเี ปน็ ภาษาที่ไม่มเี สยี งวรรณยกุ ต์ (atonal language) กล่าว
คอื ความแตกตา่ งของระดบั เสียงในค�ำ ไมม่ ผี ลตอ่ ความหมาย เชน่ ค�ำวา่ มาแก จะออกเสียง
เปน็ ม้าแก่ หรือ มาแก้ ความหมายก็ยงั คงเป็น “กิน” แต่ไม่ได้หมายความว่าจะออกเสียงสูง ต�ำ่
อย่างไรกไ็ ด้ ค�ำแต่ละค�ำจะมีระดับเสียงท่เี ปน็ คา่ มาตรฐานอยู่ เพียงแต่ถ้าออกเสยี งดว้ ยระดบั ท่ี
ไมต่ รงกบั ค่ามาตรฐานหรอื เพีย้ น คนท่พี ดู ภาษามลายูถิน่ ปาตานฟี งั แล้ว ยงั คงรู้ความหมาย
3) ภาษามลายถู ่ินปาตานเี ปน็ ภาษาที่ท�ำ นองเสียงมนี ัยส�ำ คัญ (intonation language)
ประโยคเดยี วกัน ทำ�นองเสียงตา่ งกนั ชนิดของประโยคจะตา่ งกันดว้ ย ดูตัวอย่างต่อไปนี้
2 ทีผ่ า่ นมามีใช้อักษรไทยเขียนภาษามลายถู ่ินปาตานี ซึ่งเดิมนน้ั เป็นการเขยี นเพ่อื ทำ�สอ่ื ส�ำ หรบั สอนภาษา
มลายถู ่ินในกับผสู้ นใจ และท�ำ พจนานกุ รมภาษามลายูถ่นิ เทา่ น้นั ตอ่ มามหาวทิ ยาลยั มหิดล ไดจ้ ัดท�ำ โครงการโรงเรียน
ทวิภาษาในโรงเรยี นที่ตัง้ อยใู่ นจังหวัดปตั ตานี ยะลา และนราธิวาส ซึง่ จะใชภ้ าษาแมข่ องนักเรียน คือ ภาษามลายถู ิน่
ในการเรยี นการสอน โดยเริม่ ตั้งแต่ระดบั อนบุ าล โดยมกี ารเขยี นภาษามลายูถน่ิ ด้วยอักษรไทยเพ่อื เชือ่ มไปสกู่ ารเรยี น
รู้ภาษาไทยไดเ้ ร็วขึ้น (รายละเอียดดู สุวไิ ล เปรมศรีรตั น:์ 2558)
6 รายวชิ าท่ี 4 ภาษามลายถู ่ินเบอื้ งตน้ 6
นงิ กาแล แดมอ ออกเสียงด้วยท�ำ นองเสียงทา้ ยตก จะเปน็ ประโยคบอกเลา่ แปลวา่
นี่ปากกาของเธอ
นิง กาแล แดมอ ออกเสียงด้วยท�ำ นองเสียงตกแลว้ ท้ายขน้ึ จะเป็นประโยคคำ�ถาม
แปลว่า น่ีปากกาของเธอใช่หรือไม่
ดงั นนั้ เวลาพดู ประโยคในภาษามลายถู น่ิ ปาตานจี �ำ เปน็ ตอ้ งใชท้ �ำ นองเสยี งทถ่ี กู ตอ้ งและ
เหมาะสม เพ่อื ไมใ่ ห้เกดิ ความเข้าใจผิดในการสือ่ สาร
4) ค�ำ สว่ นใหญใ่ นภาษามลายถู นิ่ ปาตานเี ปน็ ค�ำ สองพยางค์ (disyllabic language) เชน่
คำ�วา่ มาตอ “ตา” บลี อ “เมอ่ื ไร” กจู ิง “แมว” เป็นต้น แตไ่ ม่ไดห้ มายความวา่ ภาษามลายูถน่ิ
ปาตานไี มม่ คี �ำ พยางคเ์ ดยี วเลย ค�ำ ทเ่ี ปน็ พยางคเ์ ดยี วกม็ แี ตส่ ดั สว่ นนอ้ ยกวา่ เมอื่ เทยี บกบั ค�ำ สอง
พยางค์ เชน่ ค�ำ ว่า บอ “พอ” ก̣“ ไป” โดะ “ก�ำ ลงั ” เปน็ ตน้ ค�ำ พยางคเ์ ดียวในภาษามลายูถ่นิ
ปาตานี ส่วนใหญ่เปน็ คำ�ยืมจากภาษาอนื่ และค�ำ มลายเู ดิมที่เป็นค�ำ สองพยางค์ แลว้ มกี ารกร่อน
ของพยางคเ์ หลอื พยางคเ์ ดยี ว
5) การเน้นเสียงในคำ�สองพยางค์ข้ึนไป ไม่เป็นนัยสำ�คัญ (unstress language) แต่
ไม่ได้หมายความว่า เวลาพูดคำ�น้ันแล้ว สามารถท่ีจะเน้นเสียงพยางค์ไหนก็ได้ ปกติในคำ�สอง
พยางค์ข้ึนไปในภาษามลายูถ่ินปาตานี เวลาออกเสียงจะเน้นเสียงพยางค์สุดท้าย เช่น ในคำ�ว่า
มาตอ “ตา” จะเน้นเสียงทพี่ ยางค์ ตอ เป็น มา’ตอ หากออกเสียงโดยการเนน้ พยางค์แรก ‘มา
ตอ ผูพ้ ดู ภาษามลายูถิ่นปาตานีฟังแลว้ ก็ยังเข้าใจความหมายได้ เพียงแต่เป็นการออกเสียงไม่ชดั
หรือไม่เหมอื นกับเจ้าของภาษาเทา่ น้ัน
6) ภาษามลายถู ่นิ ไม่มเี พศ (gender) กาล (tense) และพจน์ (number) ปรากฏในค�ำ
เชน่ คำ�กรยิ า มาแก “กิน” สามารถใชไ้ ดก้ บั ประธานที่เปน็ เพศชายหรอื เพศหญิง เอกพจนห์ รือ
พหพู จน์ จะกนิ วนั นี้หรือเม่ือวาน รูปค�ำ จะไมเ่ ปลีย่ น ยังคงเปน็ มาแก ดูตวั อย่างประโยค
บูเดาะ ตู มาแก ปแี ซ ตะดี “เดก็ คนนนั้ กนิ กลว้ ยเมื่อกี้นี”้
บเู ดาะ-บูเดาะ โดะ มาแก ปีแซ “เด็กๆก�ำ ลงั กินกล้วย”
ลกั ษณะเชน่ นี้เหมอื นกับภาษาไทย ดงั นั้นกรณีน้ีจะท�ำ ให้คนท่ีพดู ภาษาไทยเรยี นภาษา
มลายูถนิ่ ปาตานไี ด้ไมย่ ากนัก
7) ภาษามลายูถนิ่ ปาตานีมคี �ำ ยมื จากภาษาอนื่ เปน็ จำ�นวนมาก โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ จาก
ภาษาอังกฤษ ภาษาสนั สกฤต ภาษาอาหรบั และภาษาไทย ดงั ตัวอย่างต่อไปนี้
ค�ำ ยมื ภาษาองั กฤษ เชน่ ค�ำ วา่ รอดยี ู “วทิ ย”ุ ซอื ลปี า “รองเทา้ แตะ” โบะ “สมดุ ”ฯลฯ
คำ�ยืมภาษาสนั สกฤต (ไพฑรู ย์ มาศมินทร์ไชยนรา, มปป) เชน่ คำ�วา่ นามอ “ชือ่ ,นาม”
รฺปอ “รูป” มะนูซียอ “มนุษย์”ฯลฯ
รายว ชิ าท่ี 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบือ้ งต้น 7
ค�ำ ยมื ภาษาอาหรบั (อัสสมงิ กาเซง็ , 2544) เชน่ ค�ำ ว่า แกนะ “ทำ�ลาย” ปีเก “คิด”
อากา”ปัญญา”ฯลฯ
ค�ำ ยมื ภาษาไทย (Worawit Baru, 1990) เช่น คำ�วา่ บอ “พอ” แบะ “แบบ” ทอรอ
ทะ “โทรทศั น์”ฯลฯ
นอกจากสภ่ี าษาขา้ งตน้ แลว้ ยงั มคี �ำ ยมื จากภาษาอนื่ อกี เชน่ ภาษาจนี ภาษาดชั ท์ ภาษา
มอญ (Ruslan Uthai, 1999) ภาษาเขมร (Ruslan Uthai, 1999) เป็นต้น แตจ่ ำ�นวนไมม่ ากนกั
หากผเู้ รยี นมีพนื้ ฐานภาษาขา้ งต้นแลว้ จะทำ�ให้เรียนรูค้ �ำ ศพั ทใ์ นภาษามลายูถน่ิ ปาตานไี ด้เรว็ ขนึ้
เสยี งภาษา อกั ษร ตวั อยา่ งคำ� หมายเหตุ
มลายถู น่ิ ปาตานี แทนเสยี ง
[k] ก กีเก “กัด” กากี “เท้า” กูกู
“เล็บ”
[kh] ค คอบา “ข่าวสาร” แคนะ ใ น บ า ง สำ � เ นี ย ง
“ท�ำ ลาย” แปรเป็น [k] ออก
เสียงเป็น กอบา
“ข่าวสาร” แกนะ
“ทำ�ลาย”
[ŋ] ง งางอ “อ้า (ปาก)
[c] จ จจี ิง “แหวน” จจู ี “สะอาด”
จาจงิ “ไสเ้ ดือน”
[ch] ช เชาะ “ช๊อต” ใ น บ า ง สำ � เ นี ย ง
แปรเปน็ [ch] ออก
เสียงเป็น เจาะ
“ช๊อต”
[s] ซ ซเี ซ “หวี (ผม)” ซุ “สุด”
8 รายวชิ าที่ 4 ภาษามลายูถิน่ เบื้องต้น 8
[d] ด ดาดอ “อก” ดอดอ “กาละแม”
[t] ต เตาะ “ไม่” ตู “น้ัน”
[th] ท ทอรอทะ “โทรทศั น์” ทาฮัง ใ น บ า ง สำ � เ นี ย ง
“ทหาร” แปรเป็น [t] ออก
เสียงเป็น ตอรอตะ
“โทรทัศน์ ตาฮัง
“ทหาร”
[n] น เนาะ “จะ” นิง “น้ี”
[b] บ บาบี “สุกร”
บาบอ “ผู้รูศ้ าสนาอิสลาม”
[p] ป ปีปี “แก้ม” ปะ “ส่ี”
[ph] พ พูเวาะ “พวก” พยี อ “ใคร” ใ น บ า ง สำ � เ นี ย ง
แปรเป็น [p] ออก
เสียงเป็น ปูเวาะ
“ พ ว ก ” ปี ย อ
“ใคร”
[m] ม มาแก “กิน” มีเตาะ “ขอ”
[y] ย ยอ “ใช่, เขา”
[r] ร เราะ “รอบ” รอตี “โรต”ี
[l] ล ลาลี “สะลมึ สะลอื ”
แลล็อง “ขายเร่”
[w] ว วา “ว่าว” วาวา “โฆษณา”
รายว ชิ าท่ี 4 ภา ษามลายถู น่ิ เบื้องตน้ 9
[ʔ] อ เอาะ “อด”
[h] ฮ ฮาตา “สง่ ” ดาฮี “หน้าผาก”
จากลกั ษณะสำ�คัญท่ไี ด้นำ�เสนอข้างต้น จะเหน็ ได้ว่าภาษามลายถู ิ่นนั้นมโี ครงสร้างทาง
ภาษาไม่สลบั ซบั ซอ้ นซอ้ นมากนกั ลกั ษณะบางอย่างทีค่ ลา้ ยหรือเหมอื นกบั ภาษาของผู้เรียน จะ
สง่ ผลให้ผู้เรยี นเรยี นรูภ้ าษามลายูถนิ่ ปาตานไี ด้อย่างงา่ ยและเรว็
1.7 เสียงและอักษรแทนเสียงในภาษามลายูถนิ่ ปาตานี
ภาษามลายถู น่ิ ปาตานีมเี สียง 2 ชนิด คือ เสยี งพยัญชนะ และเสยี งสระ ซ่งึ ในการเขียน
ภาษามลายถู นิ่ ปาตานใี นคมู่ อื เลม่ น้ี ผเู้ ขยี นจะใชอ้ กั ษรไทยตามระบบการเขยี นภาษามลายถู นิ่ ปา
ตานขี องราชบณั ฑติ ยสถาน (2553) เป็นหลกั
1) เสียงพยญั ชนะ
แบง่ ออกเป็นสองประเภท ได้แก่ เสยี งพยัญชนะตน้ และเสยี งพยญั ชนะทา้ ย
1.1) เสยี งพยัญชนะต้น
เสียงพยัญชนะต้นในภาษามลายูถ่ินปาตานีมีท้ังท่ีมีในภาษาไทยและไม่มีใน
ภาษาไทย
1.1.1 เสียงพยญั ชนะตน้ ในภาษามลายูถ่ินปาตานีท่ีมีในภาษาไทย
มี 20 เสยี ง ตามท่ีแสดงไว้ในตารางตอ่ ไปน้ี
1.1.2 เสยี งพยัญชนะตน้ ในภาษามลายูถ่นิ ปาตานที ่ไี มม่ ใี นภาษาไทย
เสียงพยัญชนะต้นในภาษามลายูถ่ินปาตานีท่ีไม่มีในภาษาไทยมีท้ังหมด
9 เสยี ง ดงั ทแ่ี สดงไวใ้ นตาราง
3ภาษามลายถู ิน่ ทีพ่ ดู ในจงั หวัดยะลา ปตั ตานี นราธวิ าส และสงขลาในอำ�เภอจะนะ เทพา และสะบ้ายอ้ ยมี
หลายส�ำ เนียงดว้ ยกัน (รายละเอียดดู รุสลนั อทุ ยั , 2557)
10 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายถู ่นิ เบอ้ื งต้น 10
เสยี งภาษา อกั ษร ตวั อย่างคำ� หมายเหตุ
มลายถู น่ิ ปาตานี แทนเสยี ง
ออกเสียงคลา้ ยๆ อกั ษร
[j] ยฺ บายฺ “เสื้อ” j ในภาษาอังกฤษ เช่น
ยฺาเงาะ “สวย” ในค�ำ วา่ jar
อ อ อ ก เ สี ย ง เ ห มื อ น
[g] กฺ กฺ“ค่”ู อกั ษร g ในภาษาองั กฤษ
กาฺ เกาฺ ะ “(นก)กา” เช่น ในคำ�วา่ go
ออกเสียงเหมือนอักษร
[ɲ] ญ ญาญอ“สงสาร” ภ า ษ า ไ ท ย ถิ่ น เ ห นื อ
ญาเมาะ “ยุง” ภาษาไทยถน่ิ อสี าน และ
ภาษาไทยถ่ินออกเสียง
[z] ซฺ ซฺะ “สารอาหาร” ญ เช่น ในคำ�ว่า หญิง
ซ̣นา “ผิดประเวณ”ี ออกเสียงเหมือนอักษร
z ในภาษาอังกฤษ เช่น
[ˠ] รฺ ออแร“ฺ คน” ในคำ�ว่า zoo
ราฺ มา“(คน)จำ�นวนมาก” ออกเสยี งคลา้ ยกบั อกั ษร
r ในภาษาฝรั่งเศส เช่น
[mb] ม ลอื มู “วัว” ในคำ�ว่า rose
กาเมง็ “แพะ” เป็นเสียง ม ท่ีลมไม่ได้
ออกทางจมกู
[nd] น บอื แน “นา” เป็นเสียง น ที่ลมไม่ได้
ปานา “เกง่ ” ออกทางจมูก
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายถู ่ินเบ้อื งตน้ 11
[ɲj] ญ ปาแญ “ยาว” ออกเสียงเหมือนอักษร
ตโู ญะ “ชี้” ภ า ษ า ไ ท ย ถ่ิ น เ ห นื อ
ภาษาไทยถน่ิ อสี าน และ
ภาษาไทยถ่ินออกเสียง
ญ เชน่ ในค�ำ วา่ หญงิ แต่
ลมไม่ออกทางจมูก
[ŋg] ง ตางอ “บันได” ตงี ี “สงู ” เป็นเสียง ง ท่ีลมไม่ได้
ออกทางจมูก
จากตารางขา้ งต้น เสยี งพยัญชนะ [mb] ม [nd] น [ɲj] ญ และ [ŋg] ง ทอี่ อกเสยี งโดย
การปล่อยออกทางปากแทนที่ออกทางจมูก หากปล่อยลมออกทางจมูกเป็นเสียงนาสิกปกติใน
ค�ำ บางค�ำ ความหมายจะเปลย่ี น ดูตารางคเู่ ทยี บเสยี งต่อไปนี้
เสยี งพยญั ชนะลมออกทางจมกู (เสียงนาสิก) เสยี งพยญั ชนะลมออกทางปาก
ซือมะ “สมคั ร” ซือมะ “ซีดเหลอื ง”
ปานา “เกลอื้ น” ปานา “เก่ง”
บือแน “ด้าย ชนะ” บือแน “นา”
มานี “นำ้�อสจุ ”ิ มานี “อาบน�ำ้ ”
การจากการสงั เกตของผเู้ ขยี น ในภาษามลายถู น่ิ สามจงหวดั ชายแดนภาคใตบ้ างส�ำ เนยี ง
มกี ารปลอ่ ยลมออกทางจมกู ส�ำ หรบั ค�ำ ทมี่ เี สยี งพยญั ชนะทปี่ กตแิ ลว้ ปลอ่ ยลมออกทางปากโดยที่
ความหมายยังเหมือนเดมิ เชน่ คำ�วา่ ปาแญ “ยาว” จะออกเสียงเปน็ ปาแญ ค�ำ ว่า ตีงี “สูง”
ออกเสียงเปน็ ตีงี เป็นตน้
นอกจากนี้ในภาษามลายูถิ่นปาตานีมีพยัญชนะอีกชนิดหน่ึงที่ภาษาไทยไม่มี คือ
พยญั ชนะเสยี งยาว (long consonant) ซง่ึ ในการออกเสยี งนนั้ จะมกี ารกกั หรอื เนน้ เสยี งมากกวา่
ปกติ (รายละเอยี ดดู Waemaji Paramal: 1991) ในการเขยี นน้ันจะใชเ้ ครือ่ งหมายฝนทอง '
ขา้ งหนา้ เชน่ ในค�ำ วา่ 'ปาลอ “หัว” 'ลาบอ “แมงมมุ ” 'กาฺ ย“̣ เล่อื ย” คำ�ท่มี เี สยี งพยญั ชนะยาว
12 รายวชิ าท่ี 4 ภาษามลายูถิ่นเบื้องต้น 12
น้ี ถา้ ออกเสยี งเป็นพยัญชนะปกติ ในบางค�ำ ความหมายจะเปลีย่ นทันที ดตู วั อยา่ งคเู่ ทียบเสยี ง
ในตารางตอ่ ไปนี้
พยัญชนะปกติ พยญั ชนะเสียงยาว
กาเตาะ “ต”ี 'กาเตาะ “กบ”
บงู อ “ดอกไม้” 'บูงอ “ออกดอก”
ลาบอ “ก�ำ ไร” 'ลาบอ “แมงมุม
กาฺ ย̣ “เงนิ เดือน” 'กฺาย̣ “เลอื่ ย”
1.2 เสยี งพยญั ชนะท้าย
เชน่ เดยี วกนั กบั เสยี งพยญั ชนะตน้ พยญั ชนะเสยี งทา้ ยในภาษามลายถู น่ิ ปาตานี
มที ง้ั ท่มี ใี นภาษาไทยและไมม่ ีในภาษาไทย
1.2.1 พยัญชนะเสียงท้ายที่มใี นภาษาไทย
ในภาษามลายถู นิ่ ปาตานี มเี สยี งพยญั ชนะทา้ ยสองเสยี งเทา่ นน้ั ทม่ี ใี นภาษาไทย คอื เสยี ง
[ŋ] ทีเ่ ขียนด้วยอกั ษร ง และ เสียง [ˀ] ทปี่ รากฏในสระส้ัน ดตู วั อย่างคำ�ต่อไปน้ี
ตลู ง “ช่วย” ตาฮง “ปี” ตรู ฺง “ลง”
เนาะ “จะ” ปะ “ส”่ี จะ “ส”ี
1.2.2 พยญั ชนะทา้ ยท่ไี ม่มีในภาษาไทย
มพี ยญั ชนะท้ายเพยี งหนึง่ ตัวในภาษามลายถู ิ่นปาตานที ไ่ี ม่มีในภาษาไทย คือ เสยี ง [h]
ทเี ขยี นดว้ ยอักษร ฮ ดูตวั อยา่ งในค�ำ ตอ่ ไปนี้
กอ̣ ละฮ “แก้ว” กฺาเลาะฮ “ไม้สอย” ปอื เจาะฮ “แตก”
จะเห็นไดว้ ่า เสยี งพยญั ชนะท้ายในภาษามลายถู น่ิ มีเพยี งสามเสยี งเท่าน้นั ซึ่งนอ้ ยมาก
เมอ่ื เทยี บกับภาษาไทย
2) เสียงสระ
สระในภาษามลายูถ่ินปาตานี จะออกเสียงกลางๆ ไมส่ ั้นไม่ยาว ดังนน้ั ความสัน้ ยาวของ
สระจะไมเ่ ปน็ นยั ส�ำ คญั กลา่ วคอื ไมม่ คี วามแตกตา่ งดา้ นความหมาย แตถ่ า้ ออกเสยี งสน้ั หรอื ยาว
ไป จะท�ำ ใหก้ ารออกเสยี งนน้ั ไมเ่ ปน็ ธรรมชาตหิ รอื ผดิ เพย้ี นได้ ปกตแิ ลว้ ในพยางคป์ ดิ เสยี งสระจะ
สน้ั กวา่ ในพยางคเ์ ปดิ เชน่ เดยี วกนั กบั เสยี งพยญั ชนะ เสยี งสระในภาษามลายถู น่ิ มที ง้ั ทม่ี ใี นภาษา
ไทยและไมม่ ใี นภาษาไทย ดงั นี้
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายูถ่นิ เบื้องต้น 13
2.1) สระในภาษามลายถู นิ่ ปาตานีท่มี ีในภาษาไทย
เสยี งสระในภาษามลายถู น่ิ สว่ นใหญม่ ีในภาษาไทยเช่นเดยี วกัน ดังทีแ่ สดงในตารางต่อ
ไปน้ี
เสยี งภาษา อกั ษรแทนเสียง ตัวอย่างค�ำ หมายเหตุ
มลายถู น่ิ ปาตานี
[a] อา ในพยางค์เปิด บาตา “หมอน”
และ อะ, ไม้หัน กอื ตะ “คบั ”
อากาศในพยางคป์ ดิ
[i] อี ในพยางค์เปิด กก̣ ̣ “ฟนั ”
และ อิ ในพยางคป์ ิด ซีกิ “นอ้ ย”
[ɯ] หรอื [ə] อือ หรือ เ-อ บอื โต/เบอโต “ตรง” สระนจ้ี ะไมป่ รากฏ
บอื เด/เบอเด “ปืน” ในพยางคส์ ดุ ทา้ ย
[u] อู ในพยางค์เปิด บลู ู “ขน”
และ อุ ในพยางค์ปดิ ลูตุ “เขา่ ”
[e] เ ในพยางคเ์ ปดิ และ กเี ก “กดั ”
เ-ะ ในพยางค์ปดิ ซาเกะ “เจ็บ”
[ɛ] แ ในพยางค์เปิด มาแก “กนิ ”
และ แ-ะ ในพยางค์ มอและ “ด,ี งาม”
ปดิ
[o] โ ในพยางคเ์ ปดิ และ โกโก “โกโก้”
โ-ะ ในพยางค์ปดิ ตาโกะ “กลัว”
[ɔ] -อ ในพยางคเ์ ปดิ และ กาตอ “วา่ ”
เอาะ ในพยางคป์ ดิ กาเตาะ “ต”ี
14 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายูถนิ่ เบ้อื งต้น 14
2.2) สระในภาษามลายูถ่นิ ปาตานที ไี่ ม่มใี นภาษาไทย
มีสระชนิดหนงึ่ ในภาษามลายูถิน่ ปาตานีทไี่ มม่ ใี นภาษาไทย คือ สระทล่ี มออกทางจมูก
หรอื ที่เรยี กวา่ สระนาสกิ (nasal vowel) ในการเขยี นจะใชส้ ญั ลักษณต์ วั หนอน ก�ำ กบั บนสระ
ดคู �ำ ในตารางต่อไปนี้
เสยี งสระนาสิกในภาษามลายูถนิ่ ปาตานี ตัวอยา่ งคำ�
[ã] ปอื ต͂ะ “เช็ด” ปาจา͂ “ฉดี (ของเหลว)
[ũ] บูซุ͂ “เหมน็ ”
[ɛ̃] แต͂ะ “แตะ” แลแจ͂ “ปี้ปน่ ”
[ɔ̃] ก͂อเตาะ “สั้นปอ้ ม” กอื เซา͂ ะ “ขยับ”
หากสระนาสกิ ขา้ งตน้ ออกเสยี งเปน็ สระปกตใิ นบางค�ำ ความหมายของค�ำ นนั้ กจ็ ะเปลยี่ น
ดูตัวอย่างคู่เทยี บเสยี งในตารางต่อไปน้ี
สระปกติ สระนาสิก
ปูซะ “ศนู ย”์ ปูซะ͂ “สะดอื ”
ปาจา “เครื่องรางกนั ขโมย” ปาจ͂า “ฉีดของเหลว”
แซะฮ “ผจู้ ัดการดำ�เนินการฮัจย”์ แซ͂ะฮ “สัง่ ขีม้ กู ”
กอเตาะ “กลอ่ ง” ก͂อเตาะ “สั้นป้อม”
ดังน้ันผูใ้ ชภ้ าษามลายถู ิ่นปาตานีควรออกเสียงสระนาสิกใหช้ ัดเจน มฉิ ะนัน้ ผ้ฟู งั อาจจะ
สบั สนหรือเข้าใจผิดได้ ถ้าหากคำ�นั้นมีคู่เทียบเสยี ง เหมอื นกับกรณีคำ�ในตารางข้างต้น
นอกจากนภ้ี าษามลายถู นิ่ ยงั มสี ระผสมอกี หา้ เสยี ง ซงึ่ ในการออกเสยี งนน้ั ตอ้ งออกแบบ
ต่อเนอ่ื งกัน ดูในตารางต่อไปน้ี
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายูถ่นิ เบอ้ื งตน้ 15
เสียงสระผสมในภาษา ตวั อย่างค�ำ หมายเหตุ
มลายถู น่ิ ปาตานี
[ae] อา-เอ “น�้ำ ” ออกเสยี งตอ่ เน่ือง อา กบั เอ
[ai] นา-อิ “ขึ้น” ออกเสียงต่อเน่อื ง อา กับ อิ ไมใ่ ช่
แบบสระ ไอ
[au] บา-อู “กล่ิน” ออกเสียงต่อเน่อื ง อา กบั อู ไมใ่ ช่
แบบสระ เอา
[ao] กาฺ -โอ “กวน” ออกเสยี งต่อเน่ือง กา กบั โอ
เนอื้ หาทไี่ ดน้ �ำ เสนอในบทที่ 1 นเี้ ปน็ องคค์ วามรทู้ วั่ ไป กวา้ งๆเกย่ี วกบั ภาษามลายู ภาษา
มลายถู น่ิ และภาษามลายถู น่ิ ปาตานี ซง่ึ เปน็ ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ส�ำ หรบั ผเู้ รยี นทจ่ี ะไดเ้ หน็ ภาพรวมของ
ภาษามลายูถิ่นท่ีจะเรียน เปรียบได้กับการทำ�ความรู้จักกับภาษามลายูถ่ินปาตานีก่อนที่เรียน
ทักษะในการสือ่ สารในบทที่ 2 ต่อไป
16 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายถู ่ินเบอื้ งต้น 16
บทท่ี 2
บทสนทนา
ในบทน้ี จะเปน็ บทสนทนาทเ่ี ปน็ หวั ขอ้ ตามสถานการณแ์ ละในโอกาสตา่ งๆในชวี ติ ประจ�ำ
วนั ซึง่ ประกอบดว้ ย การทักทายและคำ�กลา่ วในโอกาสตา่ งๆ ข้อมลู ส่วนตัว การแนะน�ำ ตัวเอง
และคนอืน่ ครอบครวั จำ�นวน เวลา วนั เดอื นปี การถามทาง บอกทาง การซอ้ื ขาย อาหารและ
เครอ่ื งดมื่ โรคภยั ไขเ้ จบ็ และ ตดิ ตอ่ ราชการ เนอื้ หาแตล่ ะหวั ขอ้ ประกอบไปดว้ ย ค�ำ ศพั ท์ วลี และ
ประโยค พรอ้ มทัง้ ตวั อย่างบทสนทนา
1. การทกั ทายและคำ�กลา่ วในโอกาสตา่ งๆ
คำ�ศัพท์
ซอื ลามะ ปลอดภยั แดมอ เธอ คุณ
ตือเงาะฮ ฮาร̣ กลางวนั
ปาก̣ เชา้ มาแล กลางคนื
โกะ แถว(นน้ั )
ปือแต บ่าย เย็น ยเฺ ปาะ พบ เจอ
อามอ ฉนั ผม ดฉิ นั
ยฺาแล ถนน หน ทาง บูวะ ทำ�
เนาะ จะ
ตู น้นั กานอ ไหน
เมาะจ ิ ป้า
‘กาฺ ปอ อะไร แซฮะ สบายดี
เตาะ/ตะ ไม่
คอบา ข่าวสาร มาร̣ มา
ดี ท่ี
โดะ ก�ำ ลัง ดูลู กอ่ น
นะฮ น่ะ
ก̣ ไป
เปาะจิ ลุง
'ซายฺอ เฉยๆ
กูแรฺ ไม่ค่อย
บา-เอะ ดี
กือดา ตลาด
ลาก̣ อกี
เดะฮ นะ่
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายูถนิ่ เบือ้ งต้น 17
วลีและประโยค
ซือลามะ ปาก̣
สวัสดตี อนเช้า อรุณสวสั ดี
ซือลามะ ตอื เงาะฮ ฮาร̣
สวัสดตี อนกลางวนั
ซอื ลามะ ปอื แต
สวสั ดตี อนบา่ ย สวสั ดีตอนเย็น
ซือลามะ มาแล
สวัสดตี อนกลางคนื ราตรีสวสั ด ี
18 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายถู น่ิ เบอ้ื งต้น 18
อาปอ คอบา?
สบายดีไหม เปน็ อย่างไรบา้ ง
แซฮะ
สบายดี
กูแรฺ แซฮะ
ไม่ค่อยสบาย
ตะ/เตาะ แซฮะ
ไม่สบาย
ปะฮ แดมอ?
แล้วคณุ /เธอหล่ะ
เปาะจิ เนาะ ก̣ กานอ?
ลุงจะไปไหน
เมาะจิ โดะ บูวะ 'กฺาปอ?
ปา้ ท�ำ อะไรอย ู่
โดะ 'ซายอฺ
อยู่เฉยๆ
เนาะ ก̣ โกะ ตู
จะไปแถวน้ัน
มาร̣ ดานอ?
มาจากไหน
ซอื ลามะ ยาฺ แล
โชคดี ขอใหเ้ ดนิ ทางโดยสวัสิภาพ
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายถู นิ่ เบ้อื งตน้ 19
'ยเ̣ ปาะ ลาก̣ เดะฮ
เจอกนั อีกนะ่
อามอ ก̣ ดูลู นะฮ
ผม/ฉนั ไปกอ่ นนะ่
ซือลามะ ดาแต
ยนิ ดตี อ้ นรับ
ซอื ลามะ ตงี า
ลากอ่ น
ซือลามะ ฮาร̣ รฺายอ
สขุ สนั ตว์ นั รายอ
ซอื ลามะ ตาฮง บารฺ
สวัสดีปใี หม ่
ซอื ลามะ ปืองาเต็ง บารฺ
สุขสนั ต์วนั ววิ าห์
20 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายถู นิ่ เบ้อื งตน้ 20
บทสนทนา ซือลามะ ปากฺี
สวสั ดี
ซอื ลามะ ปากฺี อาปอ คอบา?
สวสั ดี เปน็ อย่างไรบ้าง
สเุ ทพ ยากี
บา-เอะ/สบายดี อามอ ซูปอ เ'ซาะมอ
ปะฮ แดมอ?/แล้วคุณล่ะ ผมกเ็ ร่อื ยๆ ครับ
แดมอ โดะ บูวะ 'กาฺ ปอ? โดะ 'ซายฺอ/อยู่เฉยๆครับ
คุณท�ำ อะไรอยูห่ รอื เปล่าครบั ปะฮ แดมอ เนาะ กฺี กานอ?
แล้วคณุ จะไปไหนครับ
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายูถนิ่ เบอ้ื งตน้ 21
เนาะ กฺี โกะ ตู ยอ ซอื ลามะ ยาฺ แล เดะฮ
จะไปแถวๆ นน้ั แหละ โชคดีนะครบั
ยอ ตือรฺมี อ กาเซะฮ ซามอ-ซามอ
ครับ ขอบคุณครบั เช่นกนั ครับ
'ยปู อ ลากฺี เดะฮ
เจอกันอกี นะครบั
22 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถน่ิ เบื้องต้น 22
2. ข้อมูลส่วนตัว บากอ “นามสกลุ ”
โดะ/ดโู ดะ “อยู”่
คำ�ศัพท์ บือราฺ ปอ “เทา่ ไร”
นามอ “ชื่อ” กือลวู ารอื กฺอ “ครอบครับ”
รเฺ มาะฮ “บา้ น” ลากี “สาม”ี
ออมอ “อาย”ุ ออแรฺ “คน (นามและลษั ณนาม)
ตาฮง “ป”ี กือนอ “ต้อง”
บีนงิ “ภรรยา” ดวู อ “สอง”
อาเนาะ “ลกู ”
ตะปอ “ไม่เป็นไร” ชือ่ อะไร
'ซอแรฺ “คนเดียว” บา้ นอยูท่ ไ่ี หน
ซอื มลู า”ใหมอ่ ีก” อย่ทู ่ปี ตั ตานี
อายุเทา่ ไร
วลีและประโยค ส่สี บิ ปี
นามอ กาฺ ปอ? มคี รอบครัวหรอื ยัง
รเฺ มาะฮ ดี มานอ? มคี รอบครัวแลว้
โดะ ดี 'ตานงิ ยงั ไม่มีครอบครวั
ออมอ บือราฺ ปอ? อยคู่ นเดยี ว
ปะ ปโู ละฮ ตาฮง มลี กู สองคน
อาดอ กอื ลวู ารอื กอฺ กอื เดาะ ลาก?̣ ไม่เปน็ ไรนะ่
อาดอ กอื ลวู ารือกฺอ เดาะฮ ตอ้ งไปแล้ว
ตะเดาะ กือลูวารอื กอฺ ลาก̣ เจอกนั ใหมอ่ กี
โดะ 'ซอแรฺ
อาดอ อาเนาะ ดูวอ ออแรฺ
ตะปอ เดะฮ
กอื นอ ก̣ เดาะฮ
'ย̣เปาะ ซือมูลา
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบ้ืองตน้ 23
บทสนทนา
ซือลามะ ปือแต, กะ? ซือลามะ ปอื แต
สวสั ดีตอนบ่ายครับ พี่ สวัสดตี อนบ่าย
อาปอ คอบา, กะ? กะ คอบา บา-เอะ
สบายดีไหมครับ พี่ พีส่ บายดีค่ะ
ปะฮ เดะ บาละฮ มานอ กฺาเตะ?
แลว้ นอ้ งล่ะ เปน็ อย่างไรบา้ งแลว้
มะดงิ สมศรี
อามอ ปง บา-เอะ นามอ สมศรี บากอ แก้วใจ
ผมกส็ บายดเี หมอื นกนั ครับ ชื่อสมศรี นามสกลุ แก้วใจค่ะ
กะ นามอ 'กฺาปอ?
พช่ี ่ืออะไรครับ
อามอ มะดิง บากอ กอื ดา กะ โดะ ดี 'ตานงิ
ผม มะดิง นามสกุล กอื ดา ครบั พอี่ ยทู่ ่ีปัตตานคี ะ่
รฺเ มาะฮ กะ ดี มานอ?
บา้ นพอี่ ยทู่ ไี่ หน
24 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถ่นิ เบ้ืองต้น 24
อามอ โดะ ดี 'นารอฺ ปะ ปูโละฮ ตาฮง
ผมอยู่ท่ีนราธวิ าสครบั สส่ี ิบปีคะ่
อาเดะ อาดอ กอื ลูวารอื กฺอ กือเดาะ ลากฺ?ี
มะอ͂ะฮ กะ, ออมอ บือรฺาปอ เดาะฮ? นอ้ งมีครอบครวั หรือยงั ค่ะ
ขอโทษครบั พี่ อายุเท่าไรแลว้ ครับ
อาดอ บนี ิง เดาะฮ ตะปอ เดะฮ/โอเคนะครับ ตะเดาะ กือลวู ารอื กฺอ ลากฺี
มีภรรยาแลว้ ครับ อามอ กีือนอ กฺี เดาะฮ พีย่ ังไม่มีครอบครัวคะ่
อาเนาะ ดวู อ ออแรฺ ผมตอ้ งไปแลว้ โดะ 'ซอแรฺ
ลูกสองคน อย่คู นเดียว
ตะปอ
ไมเ่ ป็นไร
ซือลามะ ยฺาแล
โชคดีนะคะ
ตือรฺมี อ กาเซะฮ ยอ/ค่ะ
ขอบคณุ ครับ
'ยปฺ อ ซือมูลา นะฮ
เจอกันใหม่อีกนะครับ
รายว ชิ าท่ี 4 ภา ษามลายูถิ่นเบอื้ งต้น 25
3. แนะน�ำ ตัวเองและผู้อนื่ 'ตนี อ ผูห้ ญิง ตวั เมยี
ค�ำ ศพั ท์
กือร̣ยอฺ ทำ�งาน
ยฺาแต ผ้ชู าย ตัวผู้ มาซอ เวลา
ลแู ว ว่าง ดอื กะ ใกล้
ดืองา กับ ยาฺ ล ยะลา
แตเงาะ ดู ปอื ยฺาบะ ดาแอเรฺาะฮ สำ�นักงานอ�ำ เภอ
คอื รู ครู รเฺ มาะฮ ซอื ปีตา โรงพยายาล
กาลู ถ้า หาก ปง ดว้ ย
วลีและประโยค
อามอ กือร̣ย ฺอ ดี ปอื ยาฺ บะ ดาแอเรฺาะฮ ฉนั ทำ�งานที่สำ�นกั งานอำ�เภอ
อาดอ อาเนาะ ตกี ฺอ ออแรฺ มลี ูกสามคน
อาดอ อาเนาะ 'ตนี อ 'ซอแรฺ มีลูกผู้หญิงหน่งึ คน
อาดอ อาเนาะ ยฺาแต ดูวอ ออแรฺ มลี ูกผชู้ ายสองคน
ปาดอ มาซอ ลูแว อามอ บือรฺาฮี ยามว่าง ฉันชอบ
รเฺ มาะฮ อามอ ดอื กะ ดืองา รฺเมาะฮ ดียอ บ้านของฉนั อย่ใู กลก้ ับบ้านเขา
รเฺ มาะฮ อามอ โดะ ดาแล กือดา บา้ นของฉันอยูใ่ นตลาด
กฺี รฺเ มาะฮ อามอ กาฺ เตะ ไปบ้านฉนั ด้วย
ประโยคแนะนำ�ตัวเอง
ซือลามะ ปาก̣ (สวสั ดีครับ) อามอ นามอ อาลี (ผมชื่ออาล)ี รฺเมาะฮ อามอ ดี ยาลา
(บ้านผมอยยู่ ะลา) อามอ กือรย̣ อฺ ดี รฺเ มาะฮ ซือปีตา ยาฺ ลา (ผมท�ำ งานอยู่ทีโ่ รงพยาบาลยะลา)
อามอ กอื ร̣ยฺอ ดี ซีตู ลมี อ ตาฮง เดาะฮ (ผมท�ำ งานทน่ี ั้นห้าปีแลว้ ) อามอ อาดอ กอื ลวู ารอ̣ กฺอ
เดาะฮ (ผมมคี รอบครัวแลว้ ) อาดอ อาเนาะ ตีกฺอ ออแรฺ (มีลกู สามคน) ยาฺ แต ซอแรฺ (ผชู้ ายหน่งึ
คน) 'ตนี อ ดูวอ ออแรฺ (ผหู้ ญงิ สองคน) ปาดอ มาซอ ลแู ว อามอ บือราฺ ฮี แตเงาะ ยูทุ (เวลาว่าง
ผมชอบดยู ูทปู ) ตอื ร̣มอ กาเซะฮ (ขอบคณุ ครับ)
26 รายวชิ าที่ 4 ภาษามลายถู น่ิ เบ้ืองต้น 26
บทสนทนา
เซะ นงิ ซา-เอ็ง อามอ นามอ นวิ ัติ ดียอ กือรฺยี อ ดี ปือยาฺ บะ ดาแอเราฺ ะฮ
เซะ น่ีเพ่ือนของฉันช่ือนิวัติ เขาทำ�งานท่อี ำ�เภอ
นวิ ตั อาล ี รอเซะ
นวิ ัติ นงิ รอเซะ ดยี อ ยฺาดี คือรู
นวิ ัติ นี่รอเซะ เขาเปน็ ครู
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายูถนิ่ เบอื้ งต้น 27
ซือลามะ ปากฺี รอเซะ
สวสั ดี รอเซะ
อาปอ คอบา?
เปน็ ไงบา้ งครับ
อามอ ปง บา-เอะ ยฺเกาฺ ะ บา-เอะ แซฮะ
ผมก็สบายดีครับ สบายดคี รับ
รฺเมาะฮ นิวัติ ดือกะ ดืองา รฺเมาะฮ อามอ รฺเ มาะฮ อามอ โดะ ดาแล กือดา
บ้านของนวิ ัติอยใู่ กล้กบั บ้านผมครับ บา้ นผมอย่ใู นตลาดครับ
28 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถน่ิ เบอ้ื งต้น 28
กาลู มารฺดี ี รฺเมาะฮ อาลี
ถา้ มาบา้ นอาลี
กฺี รฺเ มาะฮ อามอ กาฺ เตะ
กไ็ ปบา้ นผมด้วยน่ะ
ยอ, ตอื รฺมี อ กาเซะฮ
ไดค้ รบั ขอบคุณครบั
นาตี อาดอ มาซอ
ถ้ามีเวลา
อามอ กดฺี ลู ู นะฮ
ผมไปกอ่ นนะครับ
ยอๆ ซอื ลามะ ยาฺ แล
ครับๆ ยอๆ โชคดนี ะครับ
อามอ ปง เนาะ กยีฺ ฺเ กฺาะ ครับๆ
ผมกจ็ ะไปเหมือนกัน
ยฺเปาะ ลากีฺ นะฮ
เจอกันอีกนะครับ
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายูถิ่นเบ้ืองต้น 29
4. ครอบครัว แม่ อาเยาะฮ พ่อ
ค�ำ ศพั ท์
แมะ
อาเนาะ ลูก จูจู หลาน (ลูกของลูก)
โตะ ตา ปู่ แนแนะ ย่า ยาย
กาเกาะ พี่ อาเดะ น้อง
อาแบ พี่ชาย เปาะ 'นาแก ลงุ อา
เมาะ 'นาแก ปา้ นา้ 'นาตู ลกู สะใภ้ ลกู เขย
กาเกาะ อปี า พี่สะใภ้ น้องเขย อาเดะ อีปา นอ้ งสะใภ้ น้องเขย
อาเนาะ 'นาแก หลาน (ลูกของพ่ีหรือ
ลกู ของน้อง)
วลีและประโยค
นงิ บนี ิง อามอ น่ภี รรยาของผม
ตู ลากี อามอ นนั่ สามขี องฉัน
อาเนาะ อามอ บือรเฺ มาะฮ เดาะฮ ลกู ของฉนั มคี รอบครัวแลว้
ดียอ อาดอ จจู ู เดาะฮ เขามหี ลานแลว้
ดูโดะ ดอื งา 'นาตู อยกู่ บั ลูกเขย/สะใภ้
อาดอ กาเกาะ 'ตีนอ ดวู อ ออแรฺ มพี สี่ าวสองคน
อาดอ กาเกาะ ยาฺ แต ซอแรฺ มพี ่ชี ายหนงึ่ คน
30 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถ่นิ เบ้อื งตน้ 30
บทสนทนา
ลา สมชาย
เฮ๊ย สมชาย
ลามอ เตาะ ยเฺ ปาะ
นานไมเ่ จอ
ลากฺ มานอ กาฺ เตะ
เป็นไงบา้ ง
มะยา
มะยา
มะยา มูโยฺ ยเฺ ปาะ ดอื งา แดมอ
ดีใจทไี่ ดเ้ จอ
อามอ บา-เอะ
ฉนั กส็ บา ยดี สมชาย
อาเนาะ บือราฺ ปอ ออแรฺ เดาะฮ?
ลกู กค่ี นแลว้
ปะ ออแรฺ
สีค่ น
ยาฺ แต ดูวอ
ชายสอง
'ตนี อ ดูวอ
หญงิ สอง
บอื รเฺ มาะฮ บือลากอเดาะฮ
มีครอบครวั กนั หมดแลว้
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบ้อื งต้น 31
อามอ บารฺู ดวู อ ออแรฺ ยอ
ผมเพงิ่ สองคนเอง
'ตีนอ ดูวอ
หญิงทงั้ สอง
ฮาลุฮ-ฮาลุฮ ลากีฺ
เล็ก ๆ อยอู่ ีก
ยฺาดี แดมอ บเู ละฮ จูจู เดาะฮ ลา?
งั้นเธอไดห้ ลานแลว้ ซิ
ยอ
ครบั
อาดอ จจู ู ลีมอ ออแรฺ
มหี ลานห้าคน
โว 'ลอนงิ อามอ โดะ 'งาโซะฮ จจู ู ดี รเฺ มาะฮ'นาตู
โห ตอนน้ี ผมเล้ยี งหลานอยูบ่ ้านลกู สะใภ้
บาเญา ะ ซางะ ปะฮ แดมอ อาดอ บือรฺาปอ บอื รฺาเดะ?
เยอะจัง แลว้ เธอมพี ่นี ้องกค่ี น
ปะ บือรฺาเดะ
ส่คี น
กาเกาะ 'ตีนอ ซอแรฺ
พีส่ าวคนหนึ่ง
ปะฮ ตู อาเดะ ยาฺ แต ดวู อ ออแรฺ
แลว้ ก็ น้องชายสองคน
32 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถน่ิ เบ้ืองต้น 32
ดียอ โดะ ดืองา อาเยาะฮ ดอื งา แมะ กอ?
เขาอยกู่ ับพอ่ กับแม่ใชไ่ หมครับ
เดาะๆ
ไมๆ่
โดะ ดืองา โตะ ดืองา แนแนะ ดียอ
อยู่กับตากับยาย
ดืองา อาเยาะฮ ดืองา แมะ อามอ ตูลา
ก็พอ่ แมฉ่ นั นน้ั แหละ
ปะฮ ตะปอ เดะฮ
ไมเ่ ป็นไรนะ่
กือนอ กฺี เดาะฮ
ต้องไปก่อนล่ะ
รายว ชิ าที่ 4 ภา ษามลายถู น่ิ เบ้ืองต้น 33
5. การนบั หนงึ่ ดวู อ ปูโละฮ ปะ ยีส่ ิบสี่
ค�ำ ศัพท์ ตีกฺอ ปูโละฮ สามสิบ
ซาตู/ซอ ลีมอ ปโู ละฮ ห้าสิบ
ซือราฺ โตะฮ หนง่ึ รอ้ ย
ดูวอ สอง ปะ ราฺ โตะฮ สี่ร้อย
ซอื รบ̣ ู หนึ่งพัน
ตีกอฺ สาม แน รบ̣ ู หกพนั
ซอื ปูละฮ ร̣บ ู หนึ่งหมื่น
ปะ สี่ ตโู ยฺะฮ ปูโละฮ ร̣บู เจด็ หมื่น
ซือราฺ โตะฮ รบ̣ ู หนงึ่ แสน
ลีมอ ห้า ลาแป ปูโละฮ ร̣บู แปดแสน
ซือยตฺ อ หน่งึ ล้าน
แน หก ซือปโู ละฮ ยตฺ อ สิบล้าน
บาเญฺาะ มาก
ตโู ยฺะฮ เจด็
ลาแป แปด
ซือมแี ล เก้า
ซอื ปโู ละฮ สบิ
ซอื บือละฮ สบิ เอด็
ลีมอ บือละฮ สบิ หา้
ดวู อ ปโู ละฮ ยี่สบิ
ซีกิ นอ้ ย
โดะ ดาแล ประมาณ
กี่บาท
วลแี ละประโยค เขามีลูกหา้ คน
บอื ราฺ ปอ โกะ? ลงุ เลีย้ งววั สี่ตวั
แมซ่ ้อื เสื้อสบิ ตัว
ดยี อ อาดอ อาเนาะ ลมี อ ออแรฺ ฉนั มีรถจกั รยานยนตห์ นึ่งคัน
รองเท้าหน่งึ คู่
เปาะจิ แปรอฺ ลอื มู ปะ แอกอ น�้ำสามแกว้
กระดาษหา้ แผ่น
แมะ บอื ลี บายฺ ซือปูโละฮ ลา
อามอ อาดอ มูตู ซอื บูเต
กาโซะ ซือก̣
อา-เอ ตีกฺอ กอ̣ ละฮ
กอื รอ̣ ตะฮ ลีมอ กอื ปิง
34 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายูถิ่นเบ้อื งตน้ 34
บูเวาะฮ ลีมา ดวู อ ปูโละฮ บเู ต สม้ ยี่สิบลูก
เนาะ บาเญาฺ ะ มานอ? จะเอาเท่าไร
บทสนทนา
บายฺ แดมอ มอและ
เส้ือสวยจัง
บือราฺ ปอ โกะ ตู?
ราคาเทา่ ไรนั้น?
มเี นาะฮ
มูเรฺาะฮ ยอ/ ถูกเอง
ปะ ราฺ โตะฮ โกะ/ สร่ี อ้ ยบาท
กา-เอง็ กือลูบง แดมอ ปง ลาวา
วรรณา
บอื ลี ดี นะ
ซือ้ ทตี่ ลาดนดั
ซอื รฺาโตะฮ ลมี อ ปโู ละฮ โกะ
หน่งึ ร้อยหา้ สบิ บาท
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบอ้ื งตน้ 35
แดมอ อาดอ อาเนาะ บือรฺาปอ ออแร?ฺ
คุณมีลกู กี่คนคะ่
ลมี อ ออแรฺ / หา้ คนครับ
ยฺาแต ดูวอ ออแร / ผู้ชายสองคน
'ตีนอ ตีกฺอ ออแรฺ / ผ้หู ญงิ สามคน
ปะฮ แดมอ? / แลว้ คณุ ละ่
ปราณี นาอีม
อามอ ตะเดาะ อาเนาะ ลากฺี
ฉันยังไมม่ ลี ูกคะ่
36 รายวิชาท่ี 4 ภาษามลายูถ่ินเบือ้ งตน้ 36
นิง ลอื มู เปาะจิ กอ? ยอ / ครบั
นี่ววั ลงุ หรอื ครบั แปรฺอ ปวู ะฮ-ปวู ะฮ โดะ 'ซายอฺ
เล้ียงเบือ่ อยู่เฉยๆ
อานนท์ เปาะจิ
บือราฺ ปอ แอกอ 'ซือมอ? ดลู ู บาเญาฺ ะ / แต่กอ่ นเยอะ
ท้งั หมดกตี่ ัว 'ลอนิง อาดอ ตโู ยฺะฮ แอกอ ยอ
ตอนนีม้ ีเจ็ดตวั แค่นน้ั
รายว ิชาที่ 4 ภา ษามลายถู ิ่นเบื้องตน้ 37
ลอื ปะฮ ตู ยวฺ า? ยอ ยวฺ า
หลังจากน้ันขายใชไ่ หม ครบั ขาย
โดะ ดาแล ซือปูโละฮ รฺบี ู แซะ กอ
ประมาณตวั ละหนึ่งหมื่น
บเู ละฮ ‘กรี ฺอ ยเฺ กฺาะ
ใช้ได้เหมอื นกัน
38 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายถู ิ่นเบื้องต้น 38
อามอ เนาะ ปือริง เอกะซงั นงิ ซิกิ / ฉนั จะปรนิ ทเ์ อกสารนห้ี น่อย
ตาปี กือรฺอื ตะฮ ตะเดาะ / แต่กระดาษไม่มี
อาเมะ เฮาะ อามอฺ ตะปอ
เอาของฉนั ก็ได้
เนาะ บาเญฺาะ มานอ?
จะเอาแค่ไหน
ตีกอฺ บอื ละฮ กอื ปิง ยอ ฮะฮ นิง
สบิ สามแผ่นคะ่ เอา น่ี
อาเมะ ดูวอ ปูโละฮ กือปิง
เอายี่สิบแผ่น
ตอื รมฺี อ กาเซะฮ บาเญฺาะ ซามอ-ซามอ
ขอบคุณมากคะ่ ไมเ่ ป็นไรคะ่
รายว ิชาท่ี 4 ภา ษามลายถู ิน่ เบอื้ งต้น 39
6. เวลา นาฬกิ า ชั่วโมง แยฺ ตาแง นาฬิกาขอ้ มือ
ค�ำ ศัพท์ นาฬกิ าแขวน แยฺ กอ̣ เรฺาะ นาฬกิ าปลกุ
แยฺ ตี (เวลา) แมแนะ นาที
แยฺ ดีเนง็ วินาที ซือตือเงาะฮ ครึง่
ปูโก
ซาอะ
วลแี ละประโยค เวลาเท่าไร / ตีเทา่ ไร
ปโู ก บือรฺาปอ?
ปโู ก ปะ ปือแต สโ่ี มงเยน็
ปูโก ซือมีแล ปาก̣ เก้าโมงเช้า
ปูโก ดูวอ บอื ละฮ ตือเงาะฮ ฮาร̣ เท่ยี งวัน
ปูโก ดูวอ ลีมอ บือละฮ แมแนะ ตหี ้าสิบห้านาที
ปโู ก ลาแป ซอื ตอื เงาะฮ ตแี ปดครง่ึ
ลมี อ บือละฮ แมแนะ เนาะ ปูโก ตโู ยะฺ ฮ ห้านาทจี ะตีเจ็ด
ลีมอ บอื ละฮ แมแนะ เนาะ ปูโก ซือบือละฮ สิบหา้ นาทจี ะตสี บิ เอ็ด
40 รายวิชาที่ 4 ภาษามลายูถน่ิ เบอ้ื งต้น 40
บทสนทนา 'ลอนงิ ปโู ก ลีมอ ปือแต
ตอนนีเ้ วลาหา้ โมงเย็น
'ลอนิง ปูโก บอื รฺาปอ เดาะฮ?
ตอนนเ้ี วลาเทา่ ไรแล้ว
เนาะ กฺอื ละ เดาะฮ
จะคำ�่ แล้ว
แดมอ มาแก มาแล ปูโก บอื รฺาปอ?
เธอทานอาหารเยน็ กี่โมง
อาซ ิ สุวัฒน์
ลอื เบะฮ กูแรฺ ปโู ก ตโู ยฺะฮ มาแล
ประมาณทุม่ หน่งึ
อามอ มาแก แลวะ ซกี ิ
ผมกินชา้ หน่อย
ปูโก ลาแป มาแล
สองทมุ่
ปะฮ ตโี ด ปูโก บอื รฺาปอ?
แล้วนอนตีเท่าไรครับ
เตาะ ตอื ตู
ไม่แนน่ อน
กาแด-กาแด ปูโก ดูวอ ดนี า ฮารฺี
บางครง้ั ตีสอง
รายว ชิ าท่ี 4 ภา ษามลายูถิ่นเบอ้ื งตน้ 41
ตือเงาะฮ มาแล ซางะ
ดึกมากเลย
อามอ ปโู ก ซอื บอื ละฮ ตีโด เดาะฮ
ผมห้าทุ่มกน็ อนแล้ว
ปะฮ บางุง ปูโก บอื ราฺ ปอ?
แล้วตน่ื ตีเท่าไรล่ะ
ปูโก ลมี อ ปากฺี บางุง เดาะฮ
ตีหา้ กต็ น่ื แลว้
ปโู ก ตูโยะฺ ฮ ปากฺี กอื นอ กฺี กอื รยฺี อฺ
เจ็ดโมงเช้า ต้องไปท�ำ งาน
อามอ บางงุ ปโู ก แน ปากฺี
ผมต่นื หกโมงเช้า
ปะฮ กฺี กอื รยฺี อฺ ปูโก ลาแป ซือตือเงาะฮ
แล้วทำ�งานแปดโมงเช้า
ซาปา ดี รฺเ มาะฮ ปูโก บือรฺาปอ?
ถึงบา้ นเวลาเท่าไร
ลือเบะฮ กูแรฺ ปูโก ลีมอ ปอื แต
ประมาณหา้ โมงเย็น
42 รายวชิ าที่ 4 ภาษามลายถู ่นิ เบอื้ งตน้ 42