“บ้ำนผำหมอน”
นำข้ันบนั ใดในหุบเขำ
บ้านผาหมอน ต้ังอยู่ที่ตำบลบ้ำนหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัด
เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถำนที่ท่องเท่ียวของดอยอินทนนท์ โดยจะอยู่ห่ำงจำก
ทำงหลวงแผ่นดินหมำยเลข 1009 (จอมทอง-ดอยอินทนนท์) ประมำณ 7-10
กิโลเมตร เส้นทำงจำกถนนหลักเข้ำมำยังหมู่บ้ำนค่อนข้ำงชันและมีโค้ง
สลับซบั ซอ้ น แนะนำให้ใช้รถกระบะจะดีที่สุด
87 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
เหตผุ ลทีเ่ รยี ก "บำ้ นผำหมอน" กเ็ พรำะ ใกลๆ้
ชุมชนมีภเู ขำลูกยอ่ มๆ ลกั ษณะคล้ำยหมอน
ชำวบ้ำนจึงเรยี กวำ่ “บ้ำนผำหมอน” และด้วย
ควำมพิเศษของพ้ืนทีท่ ่อี ยบู่ นตน้ นำ้ ทำให้
หมู่บำ้ นแหง่ น้อี ดุ มสมบูรณ์ไปดว้ ย
ทรพั ยำกรธรรมชำติ มตี ้นไมน้ อ้ ยใหญ่หลำย
ขนำดท่ีสมบูรณ์ และก่อนทจี่ ะประกำศเปน็ เขต
อุทยำนแห่งชำติในปัจจบุ นั ชำวบ้ำนที่น่ที ำ
อำชีพเกษตรเป็นอำชพี หลัก
88 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
บ้านผาหมอน หมู่บ้ำนขนำดกลำงๆ ของชำวเขำเผ่ำกะเหรี่ยงปกำเกอะญอ
อยู่ในหุบเขำซึ่งรำยล้อมไปด้วยภูเขำสูงใหญ่ ไฮไลท์ของที่นี่คือนำข้ำวขั้นบันได
ท่ีสำมำรถมองเห็นได้ไกลสุดลูกหูลูกตำ และถ้ำจะเรียกว่ำมำถึงบ้ำนผำหมอน
อย่ำงแท้จริง ก็ต้องนอนพั กโฮมสเตย์ของท่ีน่ี ซ่ึงชำวบ้ำนได้ร่วมใจกัน
สร้ำงสรรค์เพื่อใหน้ กั ท่องเท่ียวได้ชมธรรมชำติสวย ๆ ของบ้ำนผำหมอนอย่ำง
ใกล้ชิดทสี่ ดุ
89 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
กำรมำเที่ยวที่ บ้ำนผำหมอน น้ัน จะเน้นควำมเงียบสงบ เรียนรู้วิถีชีวิตของ
ชำวปกำเกอะญอ ท่ีผูกพั นกับธรรมชำติ ผ่ำนทุ่งนำข้ันบันไดน้ี และธรรมชำติ
ภำยในหมู่บำ้ นค่ะ รวมไปถงึ เรียนรู้กำรทำอำหำรพื้นบ้ำนท่ีจัดว่ำอร่อยเลยทีเดียว
กำรได้มำใช้เวลำแบบสงบๆ ที่นี่ นั่งมองดูสีเขียวของนำข้ันบันได ก็ทำให้มี
ควำมสขุ อยำ่ งบอกไมถ่ กู แล้วค่ะ
บา้ นผาหมอน ที่เทย่ี วหนา้ ฝน นอนชลิ สมั ผัสชุมชน ชมววิ สดุ ปัง
ส่วนที่พั กของชุมชนที่ให้บริกำรน้ัน ก็จะเป็นท่ีพั กที่ชุมชนร่วมกันดูแล ชื่อว่ำ
แบมบู พิงค์ เฮ้ำส์ (Bamboo Pink House) เปน็ บ้ำนหลังใหญ่มีหลำยห้องนอน
มีประมำณ 3-4 หลัง หลังใหญ่สุดนั้นสำมำรถรับรองแขกได้ถึง 10 คน และมีหลัง
อ่ืนๆ ท่ีรองรับได้จำนวนลดหล่ันต่ำงกันไป มีอุปกรณ์ค่อนข้ำงครบ จะไม่มีก็เพี ยง
เคร่ืองปรับอำกำศ เท่ำนั้น แต่ก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับที่นี่เลยค่ะ เพรำะหุบเขำล้อมรอบ
อำกำศก็เลยเยน็ สบำย ใชแ้ คเ่ พียงแอร์จำกธรรมชำติกเ็ พียงพอแลว้
90 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
บา้ นผาหมอน เทยี่ วช่วงไหนดี ?
สำหรบั ใครทสี่ นใจมำชม นำ
ข้ำวข้นั บนั ได ที่ บำ้ นผำหมอน ใน
ตอนทเ่ี ปน็ สีเขยี วนนั้ ควรจะมำช่วง
กลำงเดอื นกันยำยนไปจนถึงกลำง
ตุลำคม และอีกชว่ งทนี่ ำจะกลำย
เปน็ สีทองคือ ช่วงปลำยตุลำคมถงึ
ตน้ พฤศจกิ ำยน โดยหลังจำกน้นั ก็
จะเป็นชว่ งของกำรเกบ็ เกย่ี วค่ะ
ห น้ ำ ฝ น น้ี ใ ค ร อ ย ำ ก ล อ ง เ ป ลี่ ย น
บรรยำกำศ มำเท่ียวที่ บ้ำนผำหมอน
รับรองว่ำ จะหลงรัก เชียงใหม่ หน้ำฝน
เผลอๆ อำจจะย่ิงกว่ำหน้ำหนำวด้วยนะ
คะ เพรำะกำรได้ชมวิวสวยๆ แล้วอยู่กับ
ชุมชนแบบน้ี สนุกและเป็นกันเองสุดๆ
ถ้ำยังไมเ่ คยลองกไ็ ม่รู้นะคะ
มาลองให้รู้ แล้วจะรักแบบถอนตัวไม่
ขึน้ เลยค่ะ
91 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
จุดเด่นของบ้ำนผำหมอน คือ ธรรมชำติ
และวิถีชีวิตของชำวปกำเกอะญอซึ่งก็
เก่ียวพันกับธรรมชำติ มีทั้งเส้นทำงเดิน
ปำ่ และกจิ กรรมป่ ันจักรยำนรอบหมู่บ้ำน
เพื่ อเรียนรู้วิถีกำรทำเกษตร วิถีชำวนำ
กับกำรทำนำขั้นบันได กำรปลูกพืชเมือง
หนำว อย่ำงมะเขือเทศ ผัก และไม้ดอก เส้นทำงรอบหมู่บ้ำนเป็นทำงปูนแคบ
กำรทำกำแฟ กำรทอผ้ำ จักสำน และกำร จึงแทบไม่มีรถใหญ่แล่นผ่ำน ทำให้ป่ ัน
เล่นเครอ่ื งดนตรพี ื้นเมืองเตหนำ่ กู จักรยำนสนุก แต่อำจต้องใช้กำลังขำ
เป็นระยะ เพรำะมีเนินข้ึน-ลง ชันมำก
ชนั น้อย ระหวำ่ งทำง ถึงกระนั้นกำรป่ ัน
จักรยำนก็สนุกกว่ำ เพรำะจะได้โบกมือ
ทักทำยเด็กๆ แวะลงไปพู ดคุยกับคุณ
ยำยที่น่ังปักผ้ำอยู่หน้ำบ้ำน หรือจอด
ถ่ำยรปู กับกุหลำบทปี่ ลกู ไว้ริมรั้ว
92 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
กลว้ ยไมไ้ ทย ดอยอินทนนท์
ศูนย์อนุรักษ์พั นธ์ุกล้วยไม้รองเท้านารี ดอยอินทนนท์ อยู่ในพื้ นท่ีของอุทยำน
แห่งชำติดอยอินทนนท์ ศูนย์แห่งน้ีเป็นโครงกำรอันเน่ืองมำจำก พระรำชดำริใน
สมเด็จพระนำงเจ้ำสิริกิต์ิ พระบรมรำชินีนำถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ อกำรวิจัย
และเพำะพั นธ์ุกล้วยไม้ รองเท้ำนำรีอินทนนท์ ที่มีควำมสวยงำมแต่ใกล้จะสูญ
พั นธ์ุเต็มทีแล้ว อีกทั้งยังจัดเป็นแหล่งให้ควำมรู้สำหรับผู้ที่มีควำมสนใจ พั นธุ์
กล้วยไม้
93 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ภำยในศูนย์ ฯลฯ มีกำรตกแต่งภูมิทัศน์อย่ำงสวยงำมด้วยสวนดอกไม้และ
กล้วยไม้ มนี ักทอ่ งเทย่ี วเขำ้ มำเยีย่ มชมมำกเปน็ พิเศษในช่วงเดอื นมกรำคม ของทุกปี
เนื่องจำกมอี ำกำศหนำว และดอกนำงพญำเสือโคร่งสีชมพู บำนตำมริมทะเลสำบเป็น
ภำพท่ีสวยงำม และ โครงกำรอนุรักษ์พันธ์ุกล้วยไม้ฯ ยังเคยเป็นที่ถ่ำยทำละครเรื่อง
“ตำมรกั คืนใจ” ฉำกทีน่ ำยสิงห์ พำ หนูนำมำชมควำมงำนของดอกนำงพญำเสอื โครง่
ภำพโครงกำรอนรุ ักษพ์ ันธกุ์ ลว้ ยไม้รองเทำ้ นำรีอนิ ทนนท์
94 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
โรงเรือนกลว้ ยไม้
จุดถำ่ ยรปู ยอดนยิ มของ
โครงกำรอนุรกั ษ์พันธก์ุ ล้วยไมร้ องเท้ำนำรอี นิ ทนนท์
95 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
Meal
ม้ืออำหำร
96 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
1. ตลำดม้ง ขุนกลำง
2. ตลำดปกำเกอะญอ บ้ำนสบแอบ
3. อำหำรมง้
4. อำหำรปกำเกอะญอ
5. อำหำรพ้ืนเมอื ง
6. กำแฟกลำงขุนเขำ
7. เมลด็ ขำ้ วดกึ ดำบรรพ์
97 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
แหลง่ ชอ้ ปป้ ิงชำวเขำ
ตลาดม้ง บ้านขุนกลาง ตั้งอยู่บ้ำนขุนกลำง เลยที่ทำกำรอุทยำนแห่งชำติ
ดอยอินทนนท์มำซักหน่อย (ทำงไปยอดดอยอินทนนท์) ตลำดแห่งนี้
เป็นแหลง่ ชอ้ ปป้ ิง ให้ชำวบำ้ นแถวน้ัน และนักทอ่ งเท่ียวมำจบั จ่ำยใช้สอยกัน
ถำ้ หนำ้ หนำวบรรยำกำศตลำดจะคึกคกั เปน็ พิเศษ เพรำะเป็นทำงผ่ำนไปสถำนที่
เทีย่ วสำคญั ๆ เยอะ แตถ่ ำ้ เปน็ หนำ้ ร้อนเงียบ
98 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
ลกั ษณะของตลำดจะเป็นเพิงทำจำกสงั กะสธี รรมดำ ด้ำนหน้ำมีร่มใหญ่ๆ กำงไว้
กนั แดดในยำมรอ้ น ควำมยำวของตลำดเทำ่ ทคี่ ำนวณนำ่ จะประมำณ 500 เมตร
จำกควำมยำว 500 เมตร ถูกแบ่งซอย
ออกเป็นย่อย ๆ ด้วยกันหลำยร้ำน แต่
ละร้ำนก็จะนำสินค้ำของตัวเองมำขำย
ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ใน
ชุมชน
ใ น ต ล ำ ด จ ะ มี สิ น ค้ ำ เ ค รื่ อ ง ด่ื ม ม ำ ก ม ำ ย ไ ล่
ตั้งแต่ไวน์ผลไม้เพื่ อสุขภำพ ชำอู่หลง ชำ
มะลิ ชำขำว ผลไม้อบแห้ง สตรอเบอร์รี่
น้ำผ้ึงป่ำ ผักสด เสื้อผ้ำ เครื่องประดับใน
เวอร์ชั่นของชำวมง้ ดอกเบญจมำศ เปน็ ตน้
99 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
แตล่ ะร้ำนกจ็ ะนำสินคำ้ ของตัวเองมำขำย ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ใน
ชุมชน ดำ้ นหนำ้ ตลำดมลี ำนจอดรถท่ีถอื วำ่ กว้ำงขวำง
ตลาดม้ง บ้านขุนกลาง เปดิ บริกำรกันทุกวันค่ะ ตั้งแต่
ช่วงเช้ำไปจนถึงเย็นนู้นแหละ ใครมีโอกำสแวะไปเท่ียว
ดอยอินทนนท์ ลืมไปอุดหนุนสินค้ำชำวบ้ำนกันด้วยนะ
คะ นอกเรำยังได้สินค้ำดีๆมำบริโภคกันแล้ว ยังถือเป็น
กำรช่วยใหธ้ ุรกิจกำรท่องเทยี่ วให้เติบโตยง่ิ ๆ ขน้ึ ไปคะ่
100 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ตลำดปกำเกอะญอ บ้ำนสบแอบ เป็นหนึ่งของหมู่บ้ำน หมู่ท่ี 6 บ้ำนป่ำแขม ตำบล
บ้ำนหลวง เป็นตลำดเล็กๆ ตงั้ อยูร่ ิมถนนหมำยเลข 1009 ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์
เป็นจุดแวะพั กของนักท่องเที่ยว มีขำวเขำเผ่ำกระเหร่ียง หรือ ปกำเกอะญอ
ออกมำต้ังร้ำนค้ำชุมชน สินค้ำท่ีนำมำวำงขำยส่วนใหญ่เป็นสินค้ำทำงกำรเกษตร
ของชำวบำ้ น และบำงฤดูกำลอำจมีของป่ำออกมำวำงขำยร่วมด้วย
ด้ำนหลังตลำดจะมีริมธำร เป็นแหล่ง
ตน้ น้ำของนำ้ ตกแมก่ ลำงไหลผ่ำน
ที่น่ี ยังมีศูนย์วัฒนธรรมปกำเกอะญอ
ดอยอินทนนท์ ที่ถ่ำยทอดภูมิปัญญำ
และวถิ ชี ีวิตของชนเผำ่ ปกำเกอะญอ
101 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
อาหารหนง่ึ จานคอื โลกหน่ึงใบ
ทว่ำไม่ได้เป็นเพี ยงกำรเปรียบเปรยที่แค่ต้องกำรควำม
จับใจ แต่เพรำะทุกอย่ำงหมำยควำมตำมนั้นจริงๆ ท้ังข้ำว
พื ชผัก เนื้อสัตว์ พริก เกลือ น้ำปลำ มะนำว วัตถุดิบต่ำงๆ
จำกธรรมชำติท่ีรวมตัวกันเพื่ อหล่อเลี้ยงชีวิตเรำในแต่ละมื้อ
แต่ยิ่งไปกว่ำน้ัน อำหำรในจำนได้บอกเล่ำเร่ืองรำวกำร
หมุนเวียนต้ังแต่กำรกำเนิดของผลผลิต กำรเก็บเก่ียว
กำรถำงหรือเผำเพื่อสร้ำงแปลงปลูกใหม่ กำรหมุนเวียนไปใช้
ไร่นำสว่ นอื่น กำรฟ้ นื ฟูป่ำ จนวนกลับมำท่จี ุดเร่มิ ตน้ อกี ครั้ง
แ ม้ ก ำ ร จั บ จ่ ำ ย ซ้ื อ ห ำ ใ น ต ล ำ ด ก ำ ร ข ย ำ ย ตั ว ข อ ง
ซูเปอร์มำร์เก็ต หรือกำรเข้ำร้ำนอำหำร ได้เอื้อให้ทุกอย่ำงมำ
วำงอยู่ตรงหน้ำเรำอย่ำงง่ำยดำยเกินไป เรำจึงอำจหลงลืม
ไปว่ำอำหำร ธรรมชำติ มีสำยสัมพั นธ์ละเอียดอ่อนต่อกัน
อยำ่ งคำดไม่ถงึ
102 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
ต้มไก่สมนุ ไพร เปน็ อำหำรเพื่อสุขภำพท่ีนิยมบริโภค
เฉพำะในกลุ่มชำติพันธ์ุม้ง โดยมีกำรรักษำภูมิปัญญำ
และสืบทอดองค์ควำมรู้จำกรุ่นหน่ึงไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง
อย่ำงต่อเนื่อง สรรพคุณหลักคือ บำรุงร่ำงกำย
บำรุงกำลัง บำรุงกล้ำมเน้ือและเส้นเอ็น บำรุงโลหิต
บรรเทำอำกำรปวดเม่ือยเนือ้ ตัว ปวดหลงั และปวดเอว
ต้มไก่สมุนไพรเป็นอำหำรที่ประกอบด้วยพื ชสมุนไพร
ท้องถิ่นชนิดต่ำงๆ มำกกว่ำ 10 ชนิด โดยมีพื ช
สมุนไพรท่ีสำคัญและขำดไม่ได้ 5 ชนิด ได้แก่ ตะไคร้
(tauj dub) เย้ชวนดั่ว (zej ntshua ntuag) จิงจูไฉ่
(ko taw os) ว่ำนท้องใบม่วง (tshuaj rhog) และ
ว่ำนนำ้ เลก็ (pawj qaib)
103 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ขา้ วปกุ เปน็ อำหำรวัฒนธรรมชนเผ่ำม้ง
ทส่ี ืบตอ่ กันมำสลู่ กู หลำน จะทำข้นึ ปลี ะครั้ง
คอื วันปใี หม่ และในเทศกำลสำคญั ๆ ของ
ชนเผำ่ มง้ ชำวเขำจะเรยี กช่ือขำ้ วปกุ ว่ำ
“ย๊วั ” โดยเปน็ อำหำรท่ีทำมำจำกขำ้ วเหนียว
ไร่ ที่ชำวขำวปลูกตำมไหล่เขำ ไม่ใช่ข้ำวท่ี
ปลูกในนำ เมื่อเก็บเก่ยี วแลว้ ก็จะนำไปสี
แล้วน่งึ ใหส้ ุกพอประมำณ จำกน้ันก็ตำใน
ครกจนละเอยี ด โดยจะไม่ใช้เคร่อื งเด็ดขำด
104 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
อยูง่ ่ำย กินง่ำย
วถิ ีปกำเกอะญอ
มนต์เสน่ห์ของอาหารปกาเกอะญอ
คือ กำรนำวัตถุดิบจำกธรรมชำติท่ี
เปลี่ยนแปลงไปตำมฤดูกำล รังสรรค์
เป็นอำหำรจำนอร่อยได้อย่ำงเรียบง่ำย
ด้วยสภำพบ้ำนที่อำศัยอยู่บนภูเขำสูง
ท ำ ใ ห้ ผั ก แ ล ะ ข้ ำ ว ห ำ ไ ด้ ง่ ำ ย ก ว่ ำ พ ว ก
เน้ือสตั ว์ เมื่อถึงเวลำเข้ำครัวของพวก
เขำเพื่อหยิบตะกร้ำแบกข้ึนหลัง มือถือ
มีดหรือเคียว เดินตรงเข้ำไปในสวน
หลังบ้ำนเพ่ื อเก็บผักสดปลอดสำรพิ ษ
มำรังสรรค์เป็นเมนูอำหำรที่แตกต่ำง
กันไปตำมช่วงเวลำฤดูกำล เช่น แกง
ค่ัว ผัดแตง หรือน้ำน้ำป่ำ มักจะทำกิน
กันเเบบเรยี บงำ่ ย
105 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
ปกำเกอะญอเป็นกลุ่มคนท่ีรุ่มรวยองค์
ควำมรู้ในกำรจัดกำรแหล่งอำหำรมำก
สุ ด ก ลุ่ ม ห นึ่ ง แ บ บ ที่ ว่ ำ ห ำ ก จ ะ เ ล่ ำ เ รื่ อ ง
อำหำรปกำเกอะญอคงต้องขอเวลำกัน
สั ก เ จ็ ด วั น เ จ็ ด คื น ต่ อ เ น่ื อ ง เ พ ร ำ ะ
ชำวปกำเกอะญอใช้ชีวิตอยู่กับป่ำและไร่
หมุนเวียน สร้ำงองค์ควำมรู้ท่ีส่ังสมตก
ทอดกันรุ่นต่อรุ่น กลำยเป็นวัฒนธรรม
อำหำรที่แข็งแกร่ง หลำกหลำย และโอบ
รับกับวิถีชีวิตของชำติพั นธุ์ อย่ำงเช่น
เมนู ‘ตำ่ จึที’
ตา่ จทึ ี แกงแช่น้า
ต่ำจึที (Taj cuf hti) เป็นเมนูท้องถิ่น
ของปกำเกอะญอในเกือบทุกพื้นท่ี คำ
ว่ำ ‘ต่ำจึ’ แปลว่ำแช่ ส่วน ‘ที’ แปลว่ำ
น้ำ เมนูต่ำจึที หำกแปลตรงตัวจึง
หมำยถึงแกงแช่น้ำหรืออำหำรท่ีแช่อยู่
ในน้ำก็ว่ำได้ สำเหตุที่ได้ช่ือว่ำต่ำจึทีก็
เป็นเพรำะแกงถว้ ยน้ีเป็นแกงที่ปรุงข้ึน
จำกน้ำเย็นหรือน้ำในอุณหภูมิห้อง ไม่
ตอ้ งอำศัยกำรตั้งหมอ้ ต้มน้ำให้ยุ่งยำก
แต่อย่ำงใด
106 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
ตำ่ จึที มีชือ่ ทค่ี นพ้ืนรำบเรยี กอย่ำง
ลำลองว่ำ ‘แกงเย็น’ มวี ัตถุดบิ หลัก
แตกต่ำงกันไปแทบไมซ่ ้ำแบบ เพรำะ
ส่วนมำกแล้ว ตำ่ จทึ ีมกั ปรุงกนั ในมื้อท่ี
ตอ้ งเข้ำไรเ่ ข้ำป่ำ วัตถุดิบจงึ เป็นกำร
หยิบโนน่ ผสมนที่ อี่ ยู่ใกล้ไมใ้ กล้มอื ทำ
ใหต้ ำ่ จึทีแต่ละหมอ้ ในแตล่ ะวันแทบจะมี
รสชำติไม่ซำ้ กันเลย ยกเว้นก็แต่
วตั ถุดิบหลักอยำ่ งเกลือ ถ่ัวเนำ่ พริก
แหง้ ซ่ึงเปรียบได้เหมือนสำมสหำยใน
อำหำรปกำเกอะญอ
ต่ำจึทีเป็นแกงนำ้ ใส รสชำติสะอำด กลม
กลอ่ มท้งั เผด็ เคม็ เปรีย้ ว หอมสดช่นื
ด้วยกลิน่ สมุนไพรนำนำชนดิ และที่
สำคัญคือใชเ้ วลำในกำรปรงุ น้อยกว่ำแกง
แบบอื่นๆ ไม่ต้องตง้ั หม้อรอน้ำเดอื ด จึง
เปน็ เมนูโปรดในวนั ท่ตี อ้ งเดินทำงเขำ้ ปำ่
เข้ำไร่ เพรำะไมต่ อ้ งหอบห้วิ วัตถดุ ิบไปให้
มำกควำม ตอนปรุงกไ็ มร่ อ้ นแบบเหงือ่
ไหลไคลย้อย แถมเมื่อได้น้ำแกงหอมเยน็
ชน่ื ใจก็คลำยรอ้ นคลำยควำมเหนอ่ื ยจำก
กำรทำงำนในไรไ่ ดด้ ที ีเดยี ว นอกจำกจะ
เปน็ อำหำรจำนสะดวกในไร่แล้ว ต่ำจึทีก็
ยังเป็นเมนูหนำ้ รอ้ นท่ีดมี ำกๆ อกี เมนหู น่งึ
107 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
“ข้าวเบ๊อะ” ข้าวต้มปกาเกอะญอ หรือที่เรียกตำมภำษำถ่ินว่ำ
“ตำ่ พอเผำะ” ถือเป็นอีกหน่ึงเมนูคู่บ้ำนของชำวกะเหรี่ยง โดยเมนูนี้เป็นหนึ่งใน
กำรนำภูมิปัญญำมำใช้แก้ปัญหำปำกท้อง ด้วยกำรรังสรรค์ออกมำเป็น
เมนอู ำหำรเรยี บง่ำยแตอ่ รอ่ ย
เปน็ อำหำรทม่ี ีประวัติ เล่ำกันว่ำ
วันหนึง่ มขี ำ้ วสำรเหลอื อยูน่ อ้ ยมำก
เกรงว่ำจะไมพ่ อกนิ กนั จนครบคน
จึงใช้วิธีกำรไปเกบ็ เอำผักสำรพัดชนดิ
ทมี่ อี ย่ใู นสวนมำปรงุ รวมกับขำ้ วท่ี
เหลอื นอ้ ยนิดนน้ั ผลปรำกฏวำ่ อำหำร
ม้อื นน้ั ทำใหอ้ ่มิ กนั ทุกคน จึงเป็นทมี่ ำ
ของคำวำ่ “ต่ำพอเผำะ” (ข้ำวเบ๊อะ)
108 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
ซ่ึงมคี วำมสำคญั ต่อจิตใจในทกุ ครัง้ ท่ีมี
งำนสำคัญ เช่น ปีใหม่ พิธีเรียกขวัญ
ทำบุญตำ่ ง ๆ ของชำวกะเหรีย่ ง ที่
มกั จะมี “ต่ำพอเผำะ” (ขำ้ วเบ๊อะ) เป็น
องคป์ ระกอบของอำหำรมอ้ื ดงั กลำ่ ว
เสมอ ทงั้ นี้ “ตำ่ พอเผำะ” (ขำ้ วเบ๊อะ)
นิยมทำนเป็นอำหำรเช้ำมำกกวำ่ อำหำร
มอ้ื อนื่ ๆ ส่วนประกอบของ “ต่ำพอ
เผำะ” (ขำ้ วเบ๊อะ) นัน้ ขึน้ กบั วสั ดทุ ี่มอี ยู่
กล่ำวโดยสรุปคือ มีข้ำว ผักต่ำง ๆ
และเนอ้ื สตั ว์ มำตม้ จนให้เข้ำเปน็ เนอ้ื
เดียวกนั
109 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
พริก หอมแดง กระเทียม เกลือ เป็นวัตถุดิบหลักในกำรประกอบ "น้ำพริก"
เมนูยอดนิยมของทุกชนเผ่ำ ไม่ว่ำจะเป็น น้ำพริกใบชำ น้ำพริกถั่วเน่ำ ลำบ
พริก (ของชนเผ่ำบีซู) ลำจึตี (นำพริกของลีซู) ฯลฯ แตกต่ำงกันที่
กรรมวิธีกำรปรุง และวัตถุดิบบำงอย่ำง ทำให้รสชำติของ "น้ำพริก"
แตกต่ำงกัน พี่ น้องชนเผ่ำรับประทำนน้ำพริกกับ ผักแนมท่ีหลำกหลำย
ท้ังผักสดและผักนึ่งตำมฤดูกำลที่เก็บได้ในสวนครัวหลังบ้ำน เน้นพื ชผัก
ปลอดสำรพิ ษ
110 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
พู ดถึงน้ำพริกดอยคงไม่มีใครไม่รู้จักน้าพริกปา่ หรือน้าพริกปา่ กระป๋อง
อำหำรไทยประเภทเครื่องจิ้มชนิดหน่ึง ส่วนใหญ่ใช้รับประทำนคู่กับผักสด
อร่อยอย่ำงบอกใคร
น้ ำ พ ริ ก ป ล ำ ก ร ะ ป๋ อ ง ข อ ง
ชำวเขำมีส่วนประกอบของ พริก
ป่น มะเขือเทศเผำ ถ่ัวเน่ำย่ำง
ห อ ม แ ด ง - ก ร ะ เ ที ย ม จ่ี ไ ฟ แ ก ะ
เปลือกออก โขลกรวมกับเนื้อ
ปลำกระป๋อง แล้วใส่ยอดผักชี
สดๆ โขลกรวมกันรับประทำนคู่
กับข้ำวเหนียวดอย แกล้มกับผัก
น่ึงหรือผัดสด เช่น ถ่ัวฝักยำว
ผักกำด มะเขอื เปรำะ แตงกวำ
111 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
เมตอ
“เมตอ” (ข้าวต้มมัด) เปน็ เมนูอำหำรทไ่ี ด้มำจำกพืชผกั ท่ีหำได้จำก
ธรรมชำติ เป็นเมนูอำหำรท่ีชำวปะกำเกอะญอ นำมำใช้ประกอบในพิธีมงคล
ต่ำงๆ เชน่ พิธมี งคลสมรส พิธีมดั มือคนในครอบครวั พิธมี ดั มือสตั ว์เล้ยี ง
(ชำ้ ง และ กระบือ) โดยมคี วำมเช่อื ว่ำจะทำให้เกดิ ควำมรักควำมสำมคั คี เป็น
นำ้ หนงึ่ ใจเดยี วกัน เฉกเช่นขำ้ วต้มทม่ี ดั อยดู่ ว้ ยกัน พิธีมัดขอ้ มอื เรยี กขวญั
เชือ่ วำ่ จะทำให้เกิดควำมรกั ควำมสำมคั คใี นครอบครัว ซึง่ พิธนี ้ีจะทำตอ่ เม่ือ
ครอบครัวอยูพ่ ร้อมหนำ้ ครบทุกคน เชน่ ถ้ำบ้ำนพ่อ ซ่งึ เป็นบำ้ นใหญห่ รอื บำ้ น
หลกั เปน็ คนทำพิธี ลูกทุกคนตอ้ งเข้ำร่วม ขำดไม่ได้แมแ้ ตค่ นเดียว พรอ้ ม
ด้วยลูกหลำนสำยตรง โดยในพิธีตำ่ งๆ นั้นจะใชข้ ำ้ วตม้ มดั ทงั้ แบบเมตอหมอ่ื
และเมตอควำ และจะใชร้ ่วมกบั “ข้ำวเบอ๊ ะ” (ต่ำพอเผำะ) เสมอ
112 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
“เมตอ” (ข้าวตม้ มดั ) มี 2 แบบ
1.เมตอหม่อื คือ
ข้ำวต้มมดั ทรงกรวย
เปรยี บเสมือนเป็น
สญั ลกั ษณ์เพศหญงิ
2. เมตอควา คอื
ขำ้ วต้มมดั ทรงสำมเหลี่ยม
เปรยี บเสมือนสัญลักษณ์
เพศชำย
113 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
“น้าพริกหนุ่ม” นิยมนำพริกที่ยังอ่อน ไม่แก่ ทำเป็นน้ำพริกหนุ่มกินกันในบ้ำน
หรือตำมงำนบญุ ตำ่ งๆ คำว่ำ “หนุม่ ” คำเมืองหมำยถึง “อ่อน เยำว์” เครื่องปรุง
สำหรับทำน้ำพริกหนุ่มมีไม่มำก คือ พริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม ปลำร้ำ ทุก
อย่ำงจะทำให้สุก ด้วยวิธีหมกหรือเผำในเตำถ่ำนจนสุก ตำรวมกัน ปรุงรสด้วย
เกลือ ควำมอร่อยของน้ำพริกหนุ่มอยู่ตรงรสและ กล่ินหอมๆจำกกำรหมกหรือ
เผำพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม และปลำร้ำนี่แหละ ย่ิงเป็นน้ำพริกหนุ่มตำเสร็จ
ใหม่ๆจะย่งิ หอมอรอ่ ยเปน็ พิเศษ โดยเลอื กพริกหนุ่มไม่แก่มำก บ้ำนใดชอบรสเผ็ด
และอยำกใหน้ ้ำพริกสสี วยขึ้น จะใช้พรกิ ชี้ฟำ้ สีแดงตำผสมลงไปด้วย น้ำพริกหนุ่ม
มีรสเค็มนำ เผ็ดอ่อนๆ บำงตำรับอยำกให้มีรสเปรี้ยวจะหมก มะเขือส้ม ลอก
เปลือกไหม้ออก หรือใส่มะกอกสุกตำผสม แต่ที่แน่ๆต้องจิ้มกินกับแคบหมู อัน
เปน็ กบั ขำ้ วและ เครื่องกนิ แนมของคนเมืองแตๆ้
114 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
น้าพริกอ่อง เป็นน้ำพริกพื้ นบ้ำนล้ำนนำ ที่รู้จักกันอย่ำงแพร่หลำยพอ ๆ
กับ น้ำพริกหนุ่ม ลักษณะเด่นของน้ำพริกอ่อง คือมีสีส้มของสีมะเขือเทศ
และพริกแหง้ ทเี่ ค่ยี วจนเปน็ น้ำขลุกขลกิ มีน้ำมนั ลอยหน้ำเล็กน้อย มีสำมรส
คอื เปรย้ี ว เคม็ เผด็ เลก็ นอ้ ย และรสหวำนตำม นิยม รับประทำนกับผักสด
หรอื ผักตม้ ก็ได้ บำงสูตร ผดั หมกู อ่ นแล้ว จึงตำมด้วยเครือ่ งปรงุ และมะเขือ
เทศภำยหลัง บำงสตู ร โขลกเนื้อหมู เครื่องปรงุ และมะเขือเทศใหเ้ ข้ำกันก่อน
จึงนำไปผดั กบั น้ำมันพืช
115 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
ไสอ้ ัว่ เปน็ อำหำรพ้ืนเมืองทำงภำคเหนอื
ของประเทศไทย คำว่ำ อ่ัว หมำยถงึ ใสไ่ ส้,
แทรก, ยัดไว้ตรงกลำง และกำรทำไส้อ่ัว
นยิ มใช้ไส้หมูและเน้อื หมู เป็นวิธีกำรถนอม
อำหำรใหส้ ำมำรถรบั ประทำนได้นำนขึน้
ประมำณ 1-2 วัน กำรทำให้ไสอ้ ่ัวสุก จะใช้
วธิ ปี ้ ิง หรือทอดกไ็ ด้
116 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เมนูอาหารเหนือชื่อดัง
ได้รบั อิทธพิ ลมำจำกประเทศเพ่ือนบ้ำนอย่ำงเมียนมำร์
โดยคำว่ำ 'ฮี่น' ในภำษำพม่ำแปลว่ำ 'แกง' ส่วน 'เล่'
ก็แปลว่ำ 'เน้ือสัตว์'วิธีปรุงแกงฮังเลมีสองแบบคือ
แบบพมำ่ และแบบเชยี งแสน โดยแบบพมำ่ ได้รับควำม
นิยมมำกกว่ำ แกงฮังเลพม่ำรสชำติออกเปรี้ยวเค็ม
น้ำขลุกขลิก ใส่ขิง น้ำมะขำมเปียก กระเทียมดอง ถ่ัว
ลิสง น้ำตำลอ้อย ส่วนแกงฮังเลเชียงแสนเพ่ิ ม
ถั่วฝักยำว พริก หน่อไม้ดอง งำค่ัว ส่วนประกอบ
สำคัญจะต้องมีผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่ำซ่ึงเป็นผง
เคร่ืองเทศแบบผสมแบบเดียวกับกำรัม มำซำลำของ
อินเดีย น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่ำ
แก่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง[1] แกงฮังเลแบบไท
ใหญ่ น้ำขลุกขลิกและกินกับมะม่วงสะนำบซึ่งเป็น
มะมว่ งสบั ยำกับกะปคิ ่วั กงุ้ แหง้ ปน่ และกระเทียมเจยี ว
117 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
ข้าวซอย เดมิ เรียกว่ำ "ก๋วยเตย๋ี วฮอ่ " เป็นอำหำรทค่ี ลำ้ ยเสน้ บะหม่ี ในน้ำซปุ
ที่ใส่เครือ่ งแกง รสจดั จำ้ น มเี คร่อื งเคยี งได้แก่ ผกั กำดดอง หอมหัวแดง และ
มีเคร่อื งปรงุ รส เช่น พรกิ ผดั น้ำมัน น้ำมะนำว นำ้ ปลำ นำ้ ตำล ในตำรับดง้ั เดิม
เน้อื ท่ใี ชเ้ ป็นเนื้อไก่หรอื เนอ้ื ววั แตใ่ นปจั จบุ ันร้ำนอำหำรหลำยแห่งไดม้ กี ำรใช้เนอ้ื
หมูแทน บำงแหง่ อำจเพ่ิมอำหำรทะเลหรอื เตำ้ หู้เป็นสว่ นประกอบ
118 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
น่งั จบิ กำแฟ ฟงั เสียงฝน
สูดออกซเิ จนในออ้ มกอด
ของธรรมชำติ
ขุนเขำจะสวยงำมก็เม่ือยำมหน้ำฝน
ที่ ไ ม่ ว่ ำ ม อ ง ไ ป ท ำ ง ไ ห น ก็ จ ะ ไ ด้ เ ห็ น สี
เขียวเต็มพ้ื นที่ไปหมด คงจะสบำยตำ
สบำยใจและผ่อนคลำยไม่น้อย หำก
ได้มำน่ังปล่อยใจไปเพลนิ ๆ
แบบนไี้ มไ่ ปไมไ่ ด้แลว้ ใครมีแพลนไป
เทยี่ วดอยอนิ ทนนท์ช่วงน้ี มำเช็คลิสต์
กันเลย...
119 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ร้านกาแฟพิ งคภ์ ู คอฟฟ่ ี
ดอยอนิ ทนนท์
ร้ำนกำแฟใกล้ชิดธรรมชำติ ที่สำมำรถสูด
อำกำศและวิวทุ่งนำได้อยำ่ งเต็มปอดกับร้ำนกำแฟ
พิ งค์ภู ท่ีมีพ้ื นท่ีให้คนที่นี่ได้ จิบกำแฟท่ีทำงร้ำน
ทำเอง คั่วเอง ที่สำคัญวิวสวยขนำดน้ี แต่รำคำ
เร่ิมต้นเพี ยงแค่แก้วละ 40 บำทเท่ำนั้น บอกเลย
วำ่ ยิง่ มำเทีย่ วชว่ งหน้ำหนำว บอกเลยว่ำยิ่งฟนิ
พิกัด :
https://goo.gl/maps/WA1YA9wNspSPVjJT8
ทอี่ ยู่ : ตำบลบำ้ นหลวง อำเภอจอมทอง เชยี งใหม่
เปิดบริกำร : เปดิ 24 ชว่ั โมง
โทร : 09-3194-9371
เวบ็ ไซต์ : https://www.facebook.com/Ponrtiwa/
120 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
รา้ นกาแฟลุงสมศกั ดิ์ โถ่บเิ บ
เป็นกำแฟที่ลุงสมศักด์ิเป็นคนปลูกเอง
และวิธีกำรทำกำแฟเป็นวิธีท่ีเป็นธรรมชำติ
และเป็นเอกลักษณ์ของลุงสมศักดิ์ และยังมี
กำรให้นักท่องเท่ียวชงกำแฟด่ืมเองได้และก็
สำมำรถกนิ กำแฟฟรี
ท่ีตั้ง: หมู่ 17 ต.บ้ำนหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
เปิดบริกำร : เปดิ 08.00-17.00น.
โทร: 081 960 8856
121 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ร้านกาแฟโครงการหลวง
ดอยอนิ ทนนท์
เป็นร้ำนกำแฟออแกนิคปลอดสำรพิ ษ
กำแฟรสชำติเข้มข้น หอมกรุ่น จิบกำแฟ
ร้อนๆท่ำมกลำงดอกไม้ สวยๆ และ
บรรยำกำศทเ่ี ป็นธรรมชำติของโครงกำร
หลวง
ท่ีตั้ง: หมู่ 7 ต.บ้ำนหลวง อ.จอมทอง
จ.เชียงใหม่
เปดิ บริกำร : เปิด 08.00-17.00น.
122 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
ร้านกาแฟริมธาร คอฟฟ่ ี
เป็นร้ำนกำแฟที่อยู่สุดปลำยนำร้ำนกำแฟเป็นบ้ำนไม้ผสมอิฐ 2 ช้ันใน
บรรยำกำศรมิ ลำธำรเล็กๆมองเหน็ นำขำ้ วเขยี วขจีดำ้ นขำ้ งฟงั เสียงนกเสียง
ไม้พร้อมจิบเครื่องดื่มอุ่นในบรรยำกำศเย็นสบำยกลำงหุบเขำของดอยอิน
ทนนท์ สำมำรถสมั ผัสกบั ธรรมชำตริ อบดำ้ น
ท่ีตงั้ : หมู่ 17 ต.บำ้ นหลวง อ.จอมทองจ.เชียงใหม่
เปดิ บริกำร : เปดิ 08.00-17.00น.
โทร 061 457 4735
123 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
ร้านกาแฟ “แม่กลางหลวงฮิลล์คอฟฟ่ ”ี
ปิด ท้ ำ ย ด้ ว ย ร้ำ น แ ม่ ก ล ำ งห ล ว ง ฮิ ล ล์ ค อฟ ฟ่ ี ร้ ำ น ก ำแ ฟ วิ ว น ำ ข้ ำ ว
พิกัดท่ตี ัง้ อยู่ทำงขึน้ ดอยอินทนนท์ เพียงแค่แจ้งพิกัด มำดำมเช่ือว่ำคงทำให้
หลำยคนต้องร้อง ว๊ำว!!! กันเลยทีเดียว จริงๆแล้วแม่กลำงหลวงฮิลล์แห่งนี้
เค้ำมีชื่อเสียงเร่ืองของ ท่ีพั กวิวทุ่งนำสวย อยู่ติดกับลำธำรใส และด้วย
หมู่บ้ำนแม่กลำงหลวงอยู่ในหุบเขำพอดี จึงทำให้มองเห็นยอดดอยอินทนนท์
และทวิ เขำน้อยใหญ่ทรี่ ำยลอ้ มไดอ้ ยำ่ งชดั เจน
124 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
ใ น วั น น้ี ที่ แ ม่ ก ล ำ ง ห ล ว ง ฮิ ล ล์ ก็ มี ร้ ำ น
กำแฟแมก่ ลำงหลวงฮลิ ลค์ อฟฟ่ ี บริกำร
ลูกค้ำที่มำเข้ำพั ก และนักท่องเท่ียวที่
อยำกมำทอดกำย พักใจ จบิ กำแฟร้อนๆ
คลอเคลำ้ สำยหมอกพัดเอ่ือย ท่ำมกลำง
วิวนำข้ำว ที่รำยล้อมด้วยทิวเขำน้อย
ใหญ่ ณ บ้ำนแมก่ ลำงหลวง แห่งน้ีค่ะ
ก า ร เ ดิ น ท า ง ไ ป ห มู่ บ้ า น แ ม่ ก ล า ง
หลวง : จำกตวั เมอื งเชยี งใหม่ ใชเ้ ส้นทำง
108 มุ่งหน้ำไปยังอำเภอจอมทอง เลี้ยวไป
ทำงดอยอินทนนท์ พอเลยทำงเข้ำน้ำตกว
ชิรธำรไป จะมีทำงเข้ำหมู่บ้ำนแม่กลำง
หลวงดำ้ นซำ้ ยมือ
เวลา เปิด-ปิด : 06.00 -18.00 น.
โทรศพั ท์ : 081-0203615
125 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
เมล็ดขำ้ วดกึ ดำบรรพ์
ส่คู วำมหอมกรนุ ในจำนข้ำว
รวงข้ำวกับผืนนำกว้ำงสีเขียวสบำยตำ เป็นเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชำวเขำท่ีมีมำ
ตั้งแต่โบรำณกำล พั นธ์ุข้ำวหำยำกจำกชำวดอยท่ีเพำะปลูกต่อเน่ืองมำ
ยำวนำนกว่ำ 100 ปี สืบสำน รักษำ ต่อยอด จนได้มำซ่ึงเมล็ดข้ำวท่ีอุดมไป
ด้วยแรธ่ ำตแุ ละคุณคำ่ ทำงอำหำรในปัจจบุ นั
126 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ควำมอุดมสมบูรณ์ของทรพั ยำกรดินและน้ำที่
มีแร่ธำตุสูงจำกภูเขำ ทำให้ปัจจุบันชำวบ้ำน
สำมำรถปลูกพั นธุ์ข้ำวอินทรีย์ได้หลำยชนิด
และเจริญงอกงำมเป็นข้ำวคุณภำพดี ที่อุดม
ไปดว้ ยสำรอำหำร ทั้งโปรตีน วติ ำมนิ และสำร
ต้ำนอนมุ ลู อสิ ระ เม่ือนำมำหุงสกุ เมลด็ ข้ำวจะมี
กล่ินหอมของธรรมชำติ นุม่ หนบึ อร่อย
เรำสำมำรถมำสัมผัสวิถีชำวนำและชิมข้ำวพ้ื นเมืองของชำวเชำได้ตำมชุมชน
บำ้ นหลวง และแหลง่ ทอ่ งเท่ียวเชงิ เกษตรได้ทีต่ ำบลบ้ำนหลวง
ทต่ี ั้ง : เสน้ ที่ขึ้นดอยอินทนนท์ อย่รู ะหว่ำงกโิ ลเมตร
ที่ 26 ก่อนไปดอยอินทนนท์ ทำงเข้ำหมู่บ้ำนเป็น
ทำงลำดชนั มำก ควรขับรถดว้ ยควำมระมัดระวัง
สอบถามเพิ่ มเตมิ : 0-53286-7289
เวลาทาการ : เท่ียวไดต้ ลอดทั้งปี
ชว่ งเวลาเทยี่ ว : ช่วงเดือน กนั ยำยน–ตลุ ำคม เป็น
ช่วงที่ต้นข้ำวเขียวขจีข้ึนแน่นเต็มท้องนำ และช่วง
ปลำยเดือน ตุลำคม – พฤศจิกำยน เป็นช่วงที่ต้น
ข้ำวเริ่มออกรวงเหลืองอร่ำมเต็มท้องนำสวยงำม
ไปอกี แบบ
127 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
Civilization
อำรยธรรม
128 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
1. กะเหรยี่ ง “ปกำเกอะญอ”
2. วิถชี ีวติ ของชำวม้ง
3. คนเมือง
129 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ชาวกะเหรยี่ ง เรียกตนเองวำ่ “ปกำเกอะญอ” ซ่งึ แปลวำ่ “คน” เป็น
ชนเผ่ำที่มีจำนวนมำกท่ีสุด ในประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
สะกอ หรือยำงขำว หรือ ปำกฺกะญอ เป็นกลุ่มที่มีประชำกรมำกท่ีสุด โป
หรือ โพล่ อยู่ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำพู น ปะโอ หรือ
ตองสู และบะเว หรือ คะยำ ในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ่ินฐำนเดิมของ
กะเหรี่ยงอยู่บริเวณมองโกเลียเมื่อกว่ำ2,000ปีมำแล้ว ต่อมำได้หนีภัย
จำกกำรรุกรำนจำกกองทัพจีน มำอยู่ท่ีธิเบต ถอยร่นลงมำทำงใต้เรื่อยๆ
ตั้งแตบ่ ริเวณท่ีรำบลุม่ แมน่ ้ำแยงซีเกียง ล่มุ น้ำสำละวิน มำถึงคอคอดกระ
จงั หวดั ประจวบครี ีขันธ์ จำนวนท่อี พยพเข้ำมำในประเทศไทยในตอนปลำย
ศตวรรษท่ี 18 ในรชั สมยั สมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจ้ำอย่หู วั ฯ
130 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
ภาษา วถิ ชี ีวติ ด้านอาชพี
กะเหรี่ยงแต่ละเผ่ำมีภำษำพู ด ถืออำชีพที่เปน็ อิสระ กะเหร่ียงดั้งเดิม
แ ล ะ ภ ำ ษ ำ เ ขี ย น เ ป็ น ข อ ง ส่วนใหญ่จะประกอบอำชีพทำไร่ ทำนำ
ตนเอง โดยกำรดัดแปลงมำ อยู่ตำมป่ำตำมเขำ ปลูกพื ชผักสวน
จำ ก ตั ว หนั ง สื อ พม่ ำ ผ ส ม ครัวตำม ฤดูกำล ส่วนสัตว์เล้ียงก็จะ
อักษรโรมนั เ ลี้ ย ง ไ ว้ เ พ่ื อ เ ป็ น อ ำ ห ำ ร ม ำ ก ก ว่ ำ
กำรค้ำขำย ใช้ชีวิตแบบพึ่ งป่ำ พ่ึ งน้ำ
อำศัยอยู่รวมกนั เปน็ กลมุ่ ใหญ่
ลักษณะบ้านเรอื น
นิยมสร้ำงเป็นบ้ำนยกพ้ื นสูง มีชำนบ้ำน
บำงส่วนก็ต้ังบ้ำนเรือนบนท่ีรำบเช่นเดียว
กับชำวพ้ืนรำบทวั่ ไป ชำวกะเหรย่ี งต้ังถ่นิ ฐำน
เปน็ หลักแหลง่ ถำวร ไม่ยำ้ ยถ่นิ บอ่ ยๆ
131 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
การแต่งกาย
กำรแตง่ กำยของสตรีปกำเกอะญอจะแบ่งออกเป็น 2 อย่ำง
เด็กหญิงและหญิงสำวพรหมจรรย์จะแต่งกำยเป็นชุดทรงกระบอกสีขำว
เป็นสัญลักษณ์แห่งควำมบริสุทธิ์สำวโสดยังไม่ได้แต่งงำน ตำมจำรีตของปกำ
เกอะญอ ผู้ท่ียังมิได้แต่งงำนจะสวมชุดขำวและไม่สำมำรถที่จะไปแต่งชุดสตรีท่ี
แต่งงำนแล้วได้เด็ดขำด หำกมีหนุ่ม-สำวประพฤติผิดประเวณีก่อนแต่งงำน ผู้
อำวุโสจะรีบจัดกำรให้มีกำรทำพิธีขอขมำเทพเจ้ำศักด์ิสิทธ์ิ หรือเรียกกันว่ำ “ต่ำ
ทีต่ำเต๊ำะ” แล้วจัดกำรให้แต่งงำนโดยเร็วท่ีสุดมิเช่นนั้นคนในชุมชนจะเกิดล้ม
ป่วยไม่สบำย หรือทำมำหำกินไม่ขึ้น ไม่ได้ผล สัตว์เล้ียงจะล้มตำย เป็นต้น
กำรแต่งกำยด้วยชุดขำวจะสิ้นสุดลงเม่ือแต่งงำน หญิงอยู่ในสถำนภำพ
แตง่ งำนแล้ว จะแตง่ ตวั แบ่งออกเปน็ 2 ทอ่ น ท่อนบนจะเป็นเสอื้ ดำประดบั ด้วย
ลูกเดือย นุ่งซ่ินสีแดงมีลวดลำยท่ีทำมำจำกสีธรรมชำติเรียกว่ำ “หนี่คิ” ผู้ท่ีมี
สถำนภำพเป็นแม่บ้ำนแล้ว ห้ำมมิให้กลับไปแต่งชุดสีขำวเป็นอันขำด แม้ว่ำสำมี
จะเสียชวี ติ หรอื หยำ่ ร้ำงกนั ไปแล้วกต็ ำม แม้แตจ่ ะลองแต่งชุดสำวโสดก็ไม่ได้
เพรำะชุดขำวจะใส่ไดเ้ ฉพำะผู้ทีเ่ ป็นสำวโสดเทำ่ นัน้
ผ้ำโพกศีรษะของผู้หญิงปกำเกอะญอในสมัยก่อนจะทอด้วยผ้ำฝ้ำยพื้ นสีขำว
เดินด้วยลำยสีแดง มีปล่อยชำยผ้ำท้ังสองข้ำงยำวประมำณ 1 คืบ หรือจะเป็น
ผำ้ ฝำ้ ย ทง้ั สำวโสดและหญิงท่ีแต่งงำนแล้วจะโพกหัวเหมือนกัน แต่ปัจจุบันมัก
ใชผ้ ำ้ โพกหัวกันหลำกหลำย ทัง้ ผำ้ ทอและหำซือ้ จำกตลำด บำงครั้งเป็นผ้ำขนหนู
ก็มี หญิงในอดีตจะใส่ตุ้มหูขนำดใหญ่ที่เรียกว่ำ “หน่ำดิ” มีกำรใส่สร้อยคอ
ลูกปัดสีต่ำงๆท่ีคอ มีกำรคลุมแขนและขำด้วยที่เรียกว่ำ “จึ๊พล่อ ข่อพล่อ”
132 บำ้ นหลวง ผ่อนคลำย
กำรแต่งกำยของชำย.
กำรแต่งกำยของชำยสมยั กอ่ นจะสวมเส้อื ทรงกระบอกยำวเหมือนหญิงสำว แต่
จะเป็นสขี ำวปนแดงซง่ึ ทำมำจำกสธี รรมชำติ ภำยหลงั กำรแตง่ กำยของชำยจะมี
อยู่ 2 ทอ่ น ท่อนบนจะเปน็ เสอ้ื ทอสแี ดง ทอ่ นล่ำงจะเปน็ กำงเกงสีดำหรอื กำงเกง
สะดอ คำดศรี ษะด้วยผำ้ สีแดงหรือสขี ำว
ผ้าทอกะเหรีย่ ง
เป็นงำนฝีมือที่มีช่ือเสียง
ของชำวปกำเกอะญอ
ผู้หญิงทุกคนจะต้องทอ
เป็น เพื่ ออนำคตจะต้อง
เป็นคนถักทอเส้ือผำ้ ให้คน
ในครอบครัวไว้ใช้สวมใส
133 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย
วฒั นธรรมประเพณี
ชำวกะเหร่ียงมีประเพณีที่เก่ียวข้องกับ
กำรทำพิ ธีกรรมเลี้ยงผี บวงสรวงดวง
วิญญำณ ด้วยกำรต้มเหล้ำ ฆ่ำไก่ –
แกง และมัดมือผู้ร่วมพิ ธีด้วยฝ้ำยดิบ
ซึ่งเก่ยี วโยงกัน
ประเพณีปีใหม่ โดยหัวหน้ำหมู่บ้ำนจะ
เป็นผู้ระบุวันล่วงหน้ำ แต่ละหมู่บ้ำนจะมี
ปีใหม่ แตล่ ะปี ไม่ตรงกัน เพรำะเปน็ พิธที ี่
หมำยถึงกำรเริ่มต้นของฤดูกำลกำรเกษตร
และอย่เู ยน็ เป็นสุข
ประเพณีแต่งงาน ผู้หญิงจะเป็นผู้เลือก
คู่ครองเอง เจ้ำสำวจะต้องทอเสื้อผ้ำ
กำงเกง ย่ำมไว้ให้ เจ้ำบ่ำว ทั้งเจ้ำบ่ำว
เจ้ำสำวต้องฆ่ำหมูฆ่ำไก่เพ่ื อทำพิ ธีกรรม
บ อกต่ อผีบ รรพ บุรุษแ ละเ ป็น อ ำหำ ร
เลีย้ งแขก แต่งงำนแล้วฝ่ำยชำยต้องมำ
อยู่บ้ำนฝ่ำยหญิง ๑ ฤดูเก็บเกี่ยว ก่อน
แยกไปปลกู บ้ำน ใกล้กัน
134 บ้ำนหลวง ผอ่ นคลำย
“กะเหร่ยี ง” ชนเผ่านกั เลา่ นิทาน
เร่อื งเล่ำแสนเศรำ้ สะทอ้ นควำมไร้อำนำจของตนเอง
กะเหรี่ยง หรือท่ีภำษำเหนือ (คำเมือง) เรียกกันว่ำ “ยำง” เป็นช่ือของชำวเขำเผ่ำใหญ่
ที่สุดซึ่งมีถิ่นฐำนอยู่ในท้ังประเทศไทยและพม่ำ ไม่มีใครรู้ว่ำถิ่นฐำนเดิมของชำวกะเหร่ียง
อยู่ที่ไหน มีแต่ตำนำนที่เล่ำขำนกันมำว่ำถิ่นกำเนิดของกะเหรี่ยงคือที่ “ธิบิ-โกบิ” ซ่ึงมีคน
สนั นษิ ฐำนวำ่ หมำยถงึ ที่ ธเิ บต และทะเลทรำยโกบี
ชำวกะเหรี่ยงน้ันเป็นกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่ำ
เป็น “นักเล่านิทานช้ันยอด” โดยชำว
กะเหร่ียงมักตั้งวงน่ังล้อมรอบกองไฟ
ยำมค่ำคืนผลัดกันเล่ำผลัดกันฟงั นิยำยท่ี
แต่งขึ้นเองใหม่บ้ำง หรือเป็นยกตำนำน
เลำ่ ขำนมำพู ดบ้ำงก็มี อย่ำงไรก็ตำมเรื่อง
เล่ำของชำวกะเหรี่ยงน้ันพบว่ำเป็นมีแต่
เรื่องโศกเศร้ำ ไม่หนีไปจำกเรื่องชีวิตที่
ต้องเผชญิ แต่กบั เรอ่ื งอำภัพอบั จน
135 บำ้ นหลวง ผอ่ นคลำย
การเลา่ นิทานพ้ื นบ้าน
ของชนเผา่ ปกาเกอะญอ
เป็นกำรเลำ่ นทิ ำนพื้นบำ้ นที่มมี ำนำน
เล่ำสู่กนั ฟงั รนุ่ ตอ่ รนุ่ เรอื่ งรำวที่เลำ่
เกย่ี วกบั วิถีชีวติ ของชนเผำ่ ปกำเกอะญอ
มีเนอื้ หำสนุกแฝงสำระใหช้ วนคิดทำใหค้ น
รนุ่ หลงั เขำ้ ใจและรูจ้ ักวิถชี ีวิตของชนเผ่ำ
ปกำเกอะญอมำกขึ้น
136 บ้ำนหลวง ผ่อนคลำย