The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ดลพฤกษ์ ทันเจริญ, 2020-10-11 06:03:38

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป1

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา คอมพิวเตอร์ ชั้น ป1

2.2 นำวัตถุไปใสใ่ นกล่องของกลมุ่ ตัวเอง โดยมเี ง่อื นไขวา่ ให้เดนิ ผา่ นชอ่ งท่มี รี อยเท้าเท่านัน้
2.3 ถา้ นักเรยี นเดินไปชอ่ งทม่ี ีระเบิดตอ้ งยอ้ นกลับมาท่จี ดุ เร่ิมตน้
2.4 เมื่อผู้เล่นคนที่ 1 นำวัตถุใส่ลงไปในกล่องซึ่งกล่องจะมีช่องที่มีลักษณะแตกต่างกัน ให้
นกั เรยี นหาช่องท่สี ามารถใสว่ ัตถนุ น้ั ลงไปในกล่องให้ได้
2.5 เมื่อผู้เล่นคนที่ 1 ใส่วัตถุลงในกล่องเรียบร้อย ให้เดินกลับมา โดยเดินผ่านช่องที่เป็น
รอยเทา้ เพ่ือมาแตะมอื กับผู้เล่นคนท่ี 2
2.6 ผูเ้ ลน่ คนท่ี 2 กท็ ำเชน่ เดินกลบั ผู้เล่นคนที่ 1 และทำไปเรอื่ ยๆ จนถงึ ผูเ้ ลน่ คนสุดทา้ ย
2.7 ทีมไหนใสว่ ตั ถคุ รบทกุ ชิน้ เป็นทีมแรก ถอื ว่าเปน็ ผู้ชนะ
3. ครใู ห้นกั เรียนลงมือปฏิบตั กิ ิจกรรม
4. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมครบเรียบร้อยแล้ว ครูจึงถามคำถามกับกลุ่มที่ชนะว่า นักเรียนใช้วิธีการ
อยา่ งไร จงึ ทำให้นำวัตถไุ ปใส่กล่องได้ครบในเวลาทรี่ วดเร็ว
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน)

4. ครูสุ่มถามนักเรียนว่า นักเรียนใช้เวลาเดินจากจุดเริ่มต้น ในกิจกรรมที่ 1กับกิจกรรมที่ 2 แตกต่างกัน
หรือไม่
(แนวคำตอบ แตกต่างกนั เพราะรอบแรกใช้เวลานานกว่าเน่ืองจากยังไมร่ ู้เสน้ ทาง รอบท่ี 2 เดินไดเ้ ร็ว
ขนึ้ เพราะรู้เส้นทางการเดิน)

5. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเพราะรอบแรกนักเรียนยังไม่ทราบเส้นทางเลยทดลองเดินไปหลายทางอาจเดิน
ถูกทางบ้างผิดทางบ้างหรือเดินเหยยี บระเบดิ บ้าง จึงทำให้ใช้เวลานาน แต่รอบที่ 2 นักเรียนได้เรียนรู้
จากรอบแรกแลว้ นักเรยี นทราบเส้นทางท่ีจะเดินแลว้ ทำให้เดินได้เร็วขึน้

6. ครถู ามนักเรียนว่า นกั เรยี นสามารถนำวตั ถุใส่กลอ่ งไดอ้ ย่างไร
(แนวคำตอบ ลองใสว่ ตั ถลุ งไปในช่องต่างๆ ใส่ไปเรื่อยๆ จนกวา่ จะเจอช่องท่ีพอดีและใส่วตั ถนุ นั้ ลงไป
ได้

7. ครูถามนักเรียนว่า ใครคิดว่าตัวเองใส่วัตถุลงไปในกล่องใช้เวลานานที่สุด และเพราะอะไรจึงใช้
เวลานาน (ครูให้นักเรยี นยกมือ ส่มุ ตอบคำถาม2 - 3 คน)
(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

8. ครูเทวัตถุออกจากล่องลงตะกร้า แล้วให้นักเรียนหยิบวัตถุชิน้ เดิมหรือลักษณะเหมือนเดิมที่ตนเองจบั
ใสก่ ลอ่ งในรอบ

9. ครใู ห้นักเรียนนำวตั ถุใสล่ งไปในกลอ่ งนนั้ อีกรอบ

1

10. ครูส่มถามนักเรยี น 2-3 คนที่ตอบคำถามว่าตนเองนำวัตถุลงใส่ในกล่องช้า ว่า รอบนี้นักเรียนนักเรียน
ใสว่ ัตถไุ ด้เรว็ ข้ึนหรอื ไม่ และเพราะอะไร

(แนวคำตอบ ได้เร็วขึน้ เพราะว่าเคยใสไ่ ปแล้ว เลยจำไดว้ า่ ใส่ไปท่ีชอ่ งไหน ไม่ต้องทดลองหลายๆ ครัง้
เหมอื นรอบแรก

11. ครูใหน้ กั เรยี น ดูภาพที่ 2.2 การลองผดิ ลองถูก หนา้ 25 หนงั สอื เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.1

12. ครูสนทนากับนักเรียนว่า จากภาพจะเหน็ ว่า มวี ัตถุ 2 ชิ้น และชอ่ ง 2 ช่องทมี่ ีลักษณะต่างกัน เขาต้อง
ทดลองหลายครั้งกว่าจะสามารถใส่วัตถุให้ลงไปพอดีช่องได้ เช่นเดียวกับที่เรานำวัตถุใส่ลงไปในกล่อง
บางคร้งั เราตอ้ งทดลองหลายครัง้ กว่าจะใสไ่ ด้ วิธกี ารนี้คอื การลองผดิ ลองถกู ซึ่งเป็นการแกป้ ัญหา

13. ครูอธิบายจากหนังสือเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ป.1 หน้า 25 ว่า การลองผิดลองถูก คือการ
แก้ปัญหาโดยการทดลอง เหมาะสำหรบั ปัญหาทย่ี ังไม่ทราบแน่ชดั ถึงวธิ ีการแก้ปัญหา อาจต้องใช้เวลา
ในการทดลองหาวธิ ีแก้ปัญหาหลายๆ วธิ ี จนกวา่ จะประสบความสำเรจ็

ช่ัวโมงที่ 2

ขน้ั สอน (ต่อ) 50 นาที

1. ครูทบทวนความรู้เดิมชั่วโมงที่แล้วโดยถามว่า หากนักเรียนเจอปัญหาแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงวิธีการ
แกป้ ัญหานกั เรียนจะใช้วธิ กี ารแกป้ ญั หาอย่างไร พร้อมบอกเหตุผล

(แนวคำตอบ แก้ปัญหาโดยการลองผดิ ลองถูก เพราะเปน็ การแก้ปัญหาท่ตี ้องทดลองหาวธิ ีแก้ปัญหา
หลายๆ วิธี จนกว่าจะประสบความสำเร็จ)

2. ครนู ำบตั รภาพ 3 ภาพติดไวห้ น้ากระดาน ได้แกภ่ าพกลว้ ย แตงโม ส้ม ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตภาพ
3. ครูถามนักเรยี นดงั นี้

3.1 แตงโมกับส้มเหมือนกนั อย่างไร
(แนวคำตอบ เป็นผลไม้เหมือนกัน รปู ร่างทรงกลมเหมือนกัน)

3.2 แตงโมกบั สม้ ต่างกนั อย่างไร
(แนวคำตอบ สม้ สสี ้มแตงโมสีเขียว แตงโมลกู ใหญ่กวา่ ส้ม)

3.3 กล้วยกับแตงโมเหมือนกนั อย่างไร
(แนวคำตอบ เป็นผลไมเ้ หมือนกัน)

1

3.4 กล้วยกับแตงโมตา่ งกันอยา่ งไร
(แนวคำตอบ แตงโมรูปร่างทรงกลม กลว้ ยรูปรา่ งทรงรยี าว)

3.5 ถ้าครูให้นักเรียนเปรียบเทียบผลไม้ทั้ง 3 ชนิด นักเรียนคิดว่าผลไม้ชนิดไหนรูปร่างแตกต่างจาก
ชนิดอื่นและเพราะอะไร
(แนวคำตอบ กลว้ ย เพราะจากการสังเกตกลว้ ยมรี ปู รา่ งรยี าว ส่วนสม้ กบั แตงโมมรี ปู รา่ ง
กลมเหมือนกนั )

4. ครใู หน้ ักเรยี นจับกลุม่ ละ 3-4 คน และครแู จกใบงาน เร่ือง การเปรียบเทียบ
5. ครใู หน้ ักเรียนสังเกตภาพต่างๆ ทีอ่ ย่ใู นใบงาน ให้นักเรียนโยงเส้นจับคภู่ าพเงาใหถ้ ูกตอ้ ง
6. นกั เรียนลงมือปฏิบตั กิ ิจกรรมในใบงาน
7. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง
8. ให้นักเรียนทำกิจกรรมตอนที่ 2 โดยครูชี้แจงกิจกรรมว่า ให้นักเรียนสังเกตภาพ แล้ววงกลมล้อมภาพที่

นักเรียนคิดว่าแตกต่างจากขอ้ อนื่
9. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัด โดยครูให้แต่ละกลุ่มบอกคำตอบของกลุ่มตนเอง พร้อมเหตุผล

ว่าเพราะอะไรถึงคิดว่าภาพนี้แตกต่างจากข้ออื่น หากนักเรียนอธิบายเหตุผลยังไม่ครบถ้วนครูอธิบาย
เพม่ิ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจมากขึน้

ข้นั สรปุ 10 นาที

1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปพฤตกิ รรมและครูอธิบายเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาแบบน้ีคือการแก้ปัญหา
แบบเปรียบเทียบ โดยการเทียบเคียงของสิ่งของ 2 สิ่งขึ้นไป เพื่อให้เห็นลักษณะที่คล้ายคลึงกัน
เหมือนกนั หรือแตกต่างกนั โดยอาศยั การสงั เกต

2. ครูสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับนักเรียนว่า จากปัญหาที่ครูให้นักเรียนหาภาพที่เหมือนหรือแตกต่าง
กนั นกั เรียนคิดวา่ วิธีการแกป้ ญั หาท่นี ักเรียนใช้แกป้ ญั หา เป็นการแกป้ ัญหาแบบใดบา้ ง
(แนวคำตอบการแกป้ ญั หาแบบลองผดิ ลองถกู และการแก้ปัญหาแบบเปรียบเทยี บ)

3. ครถู ามคำถามดงั น้ี
- หากนักเรียนเจอปัญหาหรือเหตุการณ์บางอย่างที่ต้องแก้ไข อันดับแรกนักเรียนควรทำ

อย่างไร

(แนวคำตอบวเิ คราะห์ปัญหา และทำความเขา้ ใจปญั หา)

1

- เมอ่ื เรารู้ปญั หาแลว้ วา่ คอื อะไร สาเหตุเกดิ จากอะไร เราต้องการแกเ้ ร่ืองไหน ข้นั ตอนต่อไปท่ี
เราควรทำอย่างไร

(แนวคำตอบ การวางแผนแกป้ ัญหา วา่ เราจะแกป้ ญั หาโดยวิธไี หน จะทำอย่างไรบ้าง)

- เม่อื เรารู้ปญั หา ร้วู ิธีการที่จะแก้ไข เราควรทำขั้นตอนไหนตอ่ ไป

(แนวคำตอบ ลงมือแก้ปัญหา)

ครูอธบิ ายเพิ่มเติมว่า เมื่อเราลงมือแก้ปัญหาแล้วเราต้องตรวจสอบผล บางคร้งั การแก้ปญั หาของ
เราอาจไม่ประสบผลสำเรจ็ เรากต็ ้องย้อนกลับไปดวู ธิ กี ารแก้ปญั หา ว่าเราทำถกู วิธีหรอื ไม่ เลอื กวธิ ี
แก้ปัญหาถูกต้องไหมและลงมือแกป้ ัญหาจนสำเร็จ

14. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกระบวนการแก้ปัญหาว่ามี 4 ขั้นตอนจากหนังสือเรียนเทคโนโลยี

(วทิ ยาการคำนวณ) ป.1 หน้า 23 ดงั นี้

มี 4 ข้ันตอน 1. วิเคราะหแ์ ละทำความเขา้ ใจกับปญั หา 2. วางแผนการแก้ปัญหา

3. ลงมือแก้ปัญหา 4. ตรวจสอบผลการแก้ปัญหา

5. ครยู กตัวอยา่ งสถานการณ์วา่ ถา้ ครูไปตลาดเพื่อไปซ้ือรองเท้า แตว่ า่ รองเทา้ วางกองรวมกนั อยู่หลายคู่

จนครเู จอรองเท้าทถี่ ูกใจ แตไ่ ดม้ าเพยี งข้างเดียว นกั เรียนช่วยคณุ ครูคิดได้ไหวคะ่ ว่าครูจะหารองเท้าอีก
ขา้ งเจอได้อย่างไร (แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

7. การวดั และประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
วิธีการ แบบทดสอบก่อนเรยี น 10 ข้อ รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์
ใบงาน เร่อื งการเปรียบเทียบ ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์
ทดสอบก่อนเรยี น แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี ผา่ น
ตรวจใบงาน เรื่องการเปรยี บเทยี บ เกณฑ์
แบบประเมินผลงาน
สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล คุณภาพอยูใ่ นระดบั ดี ผา่ น
เกณฑ์
ตรวจผลงานและกระบวนการทำงาน
เรอ่ื ง วิธีการแกป้ ัญหา

8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้
1. กล่อง 5 สี ไดแ้ ก่ เขียว แดง ฟา้ เหลอื ง ชมพู

2. ลกู บอล 5 สี ไดแ้ ก่ เขยี ว แดง ฟ้า เหลอื ง ชมพู

1

3. วัตถรุ ปู ทรงตา่ งๆ
4. บตั รภาพ เรื่อง เปรยี บเทียบความแตกตา่ งของภาพ
5. ใบงานเร่อื ง การเปรียบเทยี บ
6. สไี ม้

1

 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 2 กลอ่ งและวตั ถรุ ปู ทรงต่างๆ
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนนำวัตถุใส่ลงไปในกล่อง

ตวั อยา่ งกล่อง
ตัวอย่างวตั ถรุ ปู ทรงต่างๆ

ตัวอย่างแผนที่ทางเดนิ เทา้

1

1

บตั รภาพ เปรยี บเทยี บความแตกต่างของ 
คำช้ีแจง จากภาพด้านลา่ งภาพใดแตกตา่ งจากภภาพาพอื่น

*ครูนำบตั รภำพน้ี ติดไวท้ ี่หนำ้ กระดำน

ใบงานเรื่อง การเปรียบเทียบ

1

ตอนที่ 1 ใหน้ ักเรียนโยงเส้นจบั คกู่ บั ภาพให้ถกู ตอ้ ง
1.

2.

ตอนที่ 2 ใหส้ งั เกตภาพแล้ววงกลมล้อมรอบภาพที่แตกต่างจากภาพอ่นื

1

1
2
3

4

5

เฉลย ใบงานเรอ่ื ง การเปรียบเทยี บ

ตอนท่ี 1 ให้นักเรียนโยงเสน้ จับคกู่ บั ภาพใหถ้ ูกตอ้ ง

เฉลย ใบงานเรอื่ ง การเปรยี บเทยี บ
1

1.

2.

ตอนท่ี 2 ใหส้ ังเกตภาพแลว้ วงกลมล้อมรอบภาพท่แี ตกต่างจากภาพอน่ื
1

1

2
3
4
5

แบบประเมินผลงาน ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1
รายวชิ าเพ่มิ เติม คอมพิวเตอร์ เรื่อง วิธีการแกป้ ญั หา
หนว่ ยท่ี 2 การแก้ปญั หาอย่างเป็นขน้ั ตอน

1

คำชี้แจง : โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย () ลงในช่องว่าง ระดบั คะแนน
3 21
ขอ้ ท่ี เกณฑ์การวัดและประเมินผล

1. การหาวธิ ีในการแก้ปญั หา
2. อธบิ ายวธิ ีการแก้ปญั หาด้วยการลองผดิ ลองถกู
3. ความรว่ มมือของสมาชิกในกลุ่ม ในการหาวธิ ีการแก้ปญั หา
4. นำความรูไ้ ปใช้แก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวันได้

รวม

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดมี าก
7-9 ดี
5-6 พอใช้
ต่ำกวา่ 5 ปรับปรงุ

เกณฑ์การแบบประเมนิ ผลงานของนักเรยี น

หวั ข้อประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
32

1

1. การหาวิธใี นการแกป้ ัญหา นกั เรียนกระตอื รอื ร้น มี นักเรียนมกี ารลองผดิ ลอง นักเรยี นไม่กระตอื รอื ร้นใน

การลองผดิ ลองถูก หา ถูกหาวิธตี ่างๆ เพ่ือให้ การหาวิธีแก้ปญั หา

หลายๆ วิธีเพือ่ ใหส้ ามารถ สามารถหาเสน้ ทางเดนิ ครผู สู้ อนตอ้ งคอยกระตนุ้

หาเส้นทางเดนิ และนำวัตถุ และนำวตั ถุใสก่ ลอ่ งได้ นักเรียน

ใส่กลอ่ งไดส้ ำเรจ็ และ

รวดเรว็

2. อธบิ ายวธิ กี ารแก้ปัญหาดว้ ยการลองผิด สามารถอธบิ ายวิธกี ารลอง สามารถอธบิ ายวธิ กี ารลอง สามารถอธบิ ายวิธกี ารลอง

ลองถกู ผดิ ลองถกู ในการใช้ ผิดลองถูกในการใช้ ผดิ ลองถูกในการใช้

แก้ปญั หาทยี่ งั ไม่ทราบวธิ ี แกป้ ัญหาท่ียงั ไมท่ ราบวธิ ี แกป้ ัญหาได้ไม่ถกู ต้อง

แน่ชดั ได้ถูกตอ้ งชัดเจน แนช่ ดั ได้ และเลอื กใช้ เทา่ ทคี่ วรและเลอื กใช้

และเลอื กใชว้ ิธีการ วิธกี ารแกป้ ญั หาได้ วิธกี ารแก้ปญั หาไมค่ อ่ ย

แกป้ ญั หาได้เหมาะสมกับ เหมาะสมกบั ปญั หาน้ัน เหมาะสมกับปญั หานนั้

ปญั หานนั้

3. ความรว่ มมือของสมาชกิ ในกล่มุ ในการหา สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มให้ สมาชิกสว่ นใหญ่ในกลุม่ ให้ สมาชิกในกลุ่มบางคน

วธิ ีการแกป้ ัญหา ความรว่ มมอื ในกิจกรรม ความรว่ มมือในกิจกรรม ไมใ่ ห้ความรว่ มมอื ใน

และมสี ่วนแสดงความ และมสี ว่ นแสดงความ กจิ กรรม และไม่มสี ว่ น

คิดเห็นในการหาวธิ ตี ่างๆ คิดเห็นในการหาวธิ ตี ่างๆ แสดงความคดิ เห็นในการ

เพอ่ื แกป้ ญั หา เพือ่ แกป้ ญั หา หาวิธตี า่ งๆ เพื่อแกป้ ัญหา

ตอ้ งไดร้ ับคำแนะนำจาก

ครู

4. นำความรไู้ ปใช้แกป้ ัญหาในชวี ติ ประจำวัน นกั เรยี นสามารถบอก นกั เรียนสามารถบอก นกั เรยี นยังไมส่ ามารถบอก

ได้ วธิ กี ารแกป้ ญั หาใน วธิ ีการแก้ปญั หาใน วิธกี ารแกป้ ัญหาใน

ชวี ติ ประจำวนั ไดถ้ กู ต้อง ชีวติ ประจำวันได้ แตย่ ังไม่ ชีวิตประจำวันได้

เหมาะสม และสามารถ เหมาะสมเท่าท่ีควร และ

นำไปใชไ้ ดจ้ ริง อาจนำไปใชไ้ ดจ้ ริงไมไ่ ด้

แบบสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1

1

ช่อื ............................................................เลขที.่ ............... ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1

คำชแ้ี จง : ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด √ ลงในช่องที่ตรง

กับระดับคะแนน

ข้อ การสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดับความคดิ เหน็
321

มวี นิ ยั

1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ

2 ปฏบิ ตั ติ ามคำตักเตือนของครู

3 ทำงานท่ีไดร้ ับมอบหมายอย่างตั้งใจ

ใฝเ่ รยี นรู้

4 รว่ มทำกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีครูจัดใหอ้ ยา่ งตงั้ ใจ

5 หม่ันซักถาม เมื่อเกดิ ข้อสงสัย

6 เอาใจใส่งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

มงุ่ ม่ันในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกับเพื่อนอย่างกระตือรือร้น

8 ปฏบิ ตั หิ น้าทที่ ีไ่ ดร้ ับมอบหมายอยา่ งต้ังใจ

9 สง่ งานอยา่ งสม่ำเสมอ

เกณฑใ์ หค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

ปฎิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
2 คะแนน
ปฎิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ (70%) ให้ 1 คะแนน 23-27 ดมี าก

ปฎบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั (50%) ให้ 18-22 ดี

13-17 พอใช้

ต่ำกว่า 13 ปรบั ปรงุ

แบบบนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรียนรู้

 ดา้ นความรู้

1

 ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง การแสดงข้นั ตอนการแก้ปญั หา

1

หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขัน้ ตอน ระยะเวลา 2 ชวั่ โมง

กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาเพิม่ เติม คอมพิวเตอร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1

1. ผลการเรยี นรู้
1. เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเทคโนโลยสี ารสนเทศเบ้อื งต้น
2. เพ่อื ให้ผเู้ รียนมที ักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปญั หาเป็นข้นั ตอนและเป็นระบบ
3. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีทักษะในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู ส่วนตัว และการส่อื สารเบ้อื งต้นในการ
แกป้ ัญหาที่พบในชวี ติ จริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
4. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนมีความร้คู วามเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อสงั คม
และการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนคิดและจินตนาการ สามารถแก้ปัญหาและจัดการทักษะในด้านการสื่อสาร และมี
ความสามารถในการตัดสินใจทีด่ ี
6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกวิธีการแก้ปญั หาอย่างงา่ ยโดยใชภ้ าพ สัญลักษณ์ หรือข้อความได้ (K)
2. เขียนข้อความ วาดภาพ หรอื สญั ลักษณ์แสดงลำดบั ขนั้ ตอนการแก้ปัญหาได้ (P)
3. ตอบคำถามการแกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวนั ได้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้
แสดงลำดบั ขน้ั ตอนการทำงาน หรือการแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรอื ข้อความ

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การแกป้ ัญหาใหป้ ระสบความสำเร็จทำไดโ้ ดยใช้ขัน้ ตอนการแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใชส้ ญั ลกั ษณ์

หรอื ขอ้ ความ

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน
1) ทักษะการคดิ เชิงคำนวณ
2) ทักษะการสงั เกต
3) ทักษะการสื่อสาร
4) ทักษะการทำงานรว่ มกัน

1

5) ทักษะการนำความรู้ไปใช้
6) ทกั ษะการแก้ปญั หา
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : การแกป้ ญั หา (Problem Solving Method)

ช่วั โมงท่ี 1

1.ข้นั กำขหนน้ั ดนปัญำหำ 20 นาที

1. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์มาเล่าใหน้ ักเรียนฟังว่า มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อก้านกล้วยอายุ 7 ขวบ เขาอยู่
บา้ นกบั พสี่ าว และ คุณพอ่ คุณแม่ มีอยู่วนั หนึง่ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่บ้าน ทง้ั สองหิวข้าวมากก้านกล้วย
จึงอาสาไปเก็บไข่ไก่ที่เล้าเพื่อจะมาทอด แต่ไข่ไก่อยู่บนที่สูงมาก เขาจึงต้องปีนขึ้นไป แต่ทีนี้เขาเจอ
ปญั หาว่า เขาจะเอาไข่ลงไปขา้ งล่างอยา่ งไร เพราะถา้ ใช้มือถือไข่ เขาก็จะตกบนั ได ใส่ถุงกางเกงไข่ก็อาจ
แตกได้ เขามองไปรอบๆ มีแค่กระดาษ หนังยาง ฟองน้ำ กิ่งไม้ เขาคิดไม่ออกเลยวา่ จะทำอย่างไร จึงจะ
นำไข่ลงไปข้างลา่ งได้โดยทไ่ี ขไ่ ม่แตก

2. ครูถามสนทนากับนักเรียนวา่ วันน้ีเรามาชว่ ยก้านกล้วยใหส้ ามารถนำไข่ไปทำกบั ข้าวกันดกี ว่า

3. แบง่ นักเรยี นออกเปน็ กลุ่มละ 4-5 คน

ขัน้ สอน 40 นาที

ข้ันระบปุ ัญหา
1. ครูถามนักเรยี นว่า จากสถานการณ์ท่ีเล่ามา ปัญหาที่กา้ นกล้วยเจอคอื อะไรบา้ ง
(แนวคำตอบ พ่อแม่ไม่อยู่ หิวข้าว ตอ้ งปีนไปเอาไข่ เอาไขล่ งมาไม่ได)้
2. ครถู ามนักเรยี นว่า สิ่งท่กี ้านกล้วยตอ้ งการแกป้ ัญหาอนั ดบั แรกคือเขาตอ้ งทำสิง่ ใด
(แนวคำตอบ หาวธิ โี ยนไข่ลงมาไมใ่ ห้ไข่แตก)

ข้ันสำรวจและค้นควา้ ข้อมูล

1

3. ครูแจกอุปกรณ์คือ กระดาษ หนังยาง ฟองน้ำ กิ่งไม้ ให้นักเรียนศึกษาดูว่าของแต่ละอย่างมีคุณสมบัติ
อย่างไร (ครชู ว่ ยอธบิ ายข้อมูลเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรียน)

ขั้นกำหนดทางเลือก
4. ครูใหน้ ักเรยี นในกลุ่มเสนอความคิดเห็นวา่ จะทำอย่างไรใชว้ ิธีการไหนดี ทุกคนในกลุม่ แลกเปลี่ยนความ
คดิ เห็นกนั
5. โดยครมู อี ปุ กรณ์ให้ดงั นี้ กระดาษ หนังยาง ฟองน้ำ ก่งิ ไม้ นักเรยี นคิดวิธกี ารตา่ งๆ ในการหอ่ ไข่
6. นักเรียนในกลุ่มระดมความคิด และลงความเห็นว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรบ้างในการห่อไข่ จะเริ่มต้นห่อ
อยา่ งไร

ชวั่ โมงที่ 2

ข้ันสอน (ต่อ) 40 นาที

ขั้นออกแบบวิธีการแกป้ ญั หาและลงมือทำ
7. ครูทบทวนเรื่องที่เรียนมาชั่วโมงที่แล้วว่า จากสถานการณ์ที่ครูเล่าให้ฟังในชั่วโมงที่แล้ว ปัญหาที่เรา
ต้องแก้ไขอนั ดบั แรกคอื อะไร (แนวคำตอบ หาวิธีโยนไข่ลงมาไม่ให้แตก)
8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนสนทนาภายในกลุ่มตัวเองว่าช่ัวโมงที่แล้ว กลุ่มของนักเรียนใช้
วธิ ีการอย่างไรทจ่ี ะโยนไข่ไมใ่ ห้แตก
9. ครสู นทนาเก่ยี วกับการแสดงข้ันตอนการแกป้ ญั หากับนกั เรียนว่ามีวิธกี ารใดบา้ ง โดยครใู ห้นกั เรยี น
เปดิ หนงั สือหนา้ 29-31 ครูอธิบายเกี่ยวกับการแสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา และให้นักเรยี นถาม
คำถามหรือข้อเสนอแนะกบั ครใู นเรื่อง การแสดงขนั้ ตอนการแกป้ ัญหา
10. ครูแจกใบงาน เร่ือง ไข่ตกไม่แตก ให้นกั เรียนกลมุ่ ละ 1 แผ่น
11. ให้นักเรียนเขียนหรือวาดภาพ แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา ว่าจะทำอย่างไรบ้าง เริ่มต้นจากทำอะไร
ขนั้ ตอ่ ไปคืออะไร
12. เมื่อนกั เรยี นสามารถเขยี นหรือวาดภาพขั้นตอนการแกป้ ัญหาได้แล้ว ครจู ึงอธบิ ายเพมิ่ เติมจากหนังสือ
หน้า 33 ว่า นอกจากวิธีการเขียนหรือวาดภาพ แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาแล้ว เรายังสามารถใช้
สญั ลักษณ์แทนได้
13. ครอู ธิบายความหมายของสญั ลกั ษณด์ งั น้ี
สญั ลกั ษณ์ แทนความหมาย

1

เริม่ ตน้ หรือสิ้นสดุ
ปฏิบัติ
ตัดสินใจ
ทศิ ทาง

14. ครูให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ บอกลำดับข้ันตอนการแกป้ ัญหา ครูเขียนคำตอบของนักเรียนลงหน้ากระดาน
เป็นขอ้ ๆ

15. ครถู ามนกั เรยี นว่าเริ่มต้นควรใชส้ ัญลักษณ์ใด เมอื่ จะไปต่อขัน้ ที่ 2 ใช้สัญลกั ษณ์อันไหน เม่ือกิจกรรมนี้
เปน็ ปฏิบัตคิ วรใช้สญั ลักษณ์อนั ไหน เมอื่ สิน้ สดุ ใช้สญั ลกั ษณ์อันไหน โดยท่ีนกั เรยี นในห้องช่วยกันแสดง
ความคิดเหน็

16. นกั เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏบิ ตั ิตามท่ีได้วางแผนไว้
17. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทน 1 คนเพือ่ ทดสอบการโยนไข่
18. ครูให้ตัวแทนโยนไขข่ นึ้ สงู ๆ เมื่อไข่ตกครูจะแกะดูวา่ ไข่ว่าแตกหรือไม่

ข้ันสรุป 20 นาที

1. ครถู ามนักเรยี นบางกลมุ่ วา่ ไข่ทนี่ ักเรยี นโยนขน้ึ ไปแตกหรือไม่ เพราะอะไร
(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรียน ตามดุลยพนิ จิ ของครูผ้สู อน)

2. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ บางกลุ่มทไ่ี ขแ่ ตก เกิดจากข้อผิดพลาดในขนั้ ตอนไหน นักเรียนทราบหรือไม่ การ
ที่เราเขียนการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ตรงท่ีนักเรียนสามารถย้อนกลับมาดูได้ว่าทำผิดพลาด
ขั้นตอนไหนบ้าง หรืออาจปรับเปลี่ยนขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เขียน
ขั้นตอนชัดเจน เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลงทาง และสับสน วิธีการแก้ปัญหาแต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับ
งานแตกตา่ งกันไป

3. นกั เรยี นสามารถแสดงข้ันตอนการแก้ปัญหาได้หลากหลายรูปแบบ เชน่ อะไรบ้าง (แนวคำตอบ เชน่
การเขียน วาดรปู ใช้สัญลกั ษณ์)

4. ครูต้ังประเดน็ ปัญหาขึน้ ว่า ครูไปซ้ือไข่ไก่ทตี่ ลาด โดยแมค่ ้านำไข่ไก่ไปวางในถุงกระดาษบางๆ ระหว่าง
ทางกลับบ้าน ปรากฏวา่ มไี ข่แตก แลว้ ทำใหถ้ งุ ขาด ไขท่ ัง้ หมดเลยร่วงลงจากถุง ถ้าครกู ลับไปซือ้ ไข่ใหม่
อกี รอบ ครคู วรทำอย่างไรดี ไขถ่ งึ จะไม่แตกเหมอื นเดิม
(แนวคำตอบพจิ ารณาคำตอบของนักเรยี น ตามดุลยพินิจของครผู ูส้ อน)

7. การวัดและประเมินผล

1

วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์
ใบงาน เรอ่ื ง ไข่ตกไมแ่ ตก ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจคำตอบ ใบงาน เรอ่ื ง ไข่ตก แบบสังเกตพฤติกรรม คุณภาพอย่ใู นระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
ไม่แตก
สังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล แบบประเมนิ ผลงาน คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี ผ่านเกณฑ์
ตรวจผลงานและกระบวนการ
ทำงาน เร่ือง การแสดงข้นั ตอน
การแกป้ ัญหา

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงาน เรอื่ ง ไขต่ กไม่แตก

2. ไข่ไก่หรอื ไขน่ กกระทาดิบ

3. กระดาษ

4. หนังยาง

5. ฟองน้ำ

6. กง่ิ ไมห้ รือตะเกียบ

1

กล่มุ ท.ี่ .........

ให้นกั เรยี นเขยี นหรอื วาดภาพ วิธกี ารหรือขั้นตอนการโยนไขล่ งบนพืน้ ไมแ่ ตก
อุปกรณ์ทีใ่ ชม้ ดี งั น้ี

- กระดาษ - ฟองน้ำ

- หนงั ยาง - กิ่งไม้

เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนท่ไี ด้
รอ้ ยละ 50 ข้นึ ไป

1

กล่มุ ที่..........

ใหน้ ักเรียนเขียนหรอื วาดภาพ วธิ กี ารหรอื ขัน้ ตอนการโยนไขล่ งบนพืน้ ไมแ่ ตก
อปุ กรณ์ท่ีใชม้ ดี งั น้ี

- กระดาษ - ฟองน้ำ

- หนังยาง - หลอดดูดน้ำ

1.เตรยี มไข่
2.นำฟองน้ำห่อไข่
3.ใชก้ ระดาษห่อ

4.หนังยางรดั

5.ใช้หลอดดูดห่อ และรัดหนงั ยาง

1

แบบประเมินผลงาน ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1
รายวิชาเพิม่ เติม คอมพิวเตอร์ เรอ่ื ง การแสดงขน้ั ตอนการแก้ปญั หา
หน่วยที่ 2 การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ข้ันตอน

คำช้ีแจง : โปรดแสดงความคดิ เห็นของท่าน และทำเครือ่ งหมาย () ลงในช่องวา่ ง ระดับคะแนน
321
ข้อที่ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล

1. ระบปุ ญั หา
2. วางแผนการแกป้ ัญหา
3. แสดงวิธีการแก้ปญั หาโดยการเขยี นหรือวาดภาพ
4. การมสี ว่ นร่วมเสนอความคิดเหน็ เก่ียวกบั การแสดงข้นั ตอนการแก้ปัญหา
5. สามารถบอกข้อดี ข้อผดิ พลาดของแต่ละขัน้ ตอนการแก้ปัญหา
6. ตอบคำถามการแก้ปญั หาในชีวิตประจำวนั ได้

รวม

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
15-18 ดีมาก
11-14 ดี
7-10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 7 ปรบั ปรงุ

1

เกณฑก์ ารแบบประเมินผลงานของนักเรียน

หวั ข้อประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
สามารถระบปุ ัญหาได้ 2 ยงั ไม่สามารถระบุ
1. ระบุปัญหาวเิ คราะหแ์ ละทำความ ถูกต้องชดั เจน โดยการ ปัญหาได้ ต้องไดร้ ับ
เขา้ ใจปญั หา วเิ คราะหแ์ ละทำความ สามารถระบปุ ัญหาได้ คำแนะนำจากครูผสู้ อน
เข้าใจปัญหา แต่ยงั ไมช่ ัดเจน โดย
การวเิ คราะห์และทำ
ความเข้าใจปัญหา

2. วางแผนการแก้ปัญหา สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ สามารถวางแผนการ
แก้ปัญหาไดอ้ ย่างเป็น แกป้ ญั หาได้อย่างเปน็ แกป้ ญั หาได้ แต่ยงั เป็น
3. แสดงวธิ ีการแก้ปัญหาโดยการ ลำดบั ขั้นตอน ลำดับขั้นตอน ลำดบั ข้ันตอน ต้อง
เขยี นหรือวาดภาพ เหมาะสมและ เหมาะสมแต่อาจ ได้รับคำแนะนำจาก
แกป้ ญั หาไดจ้ รงิ แก้ปญั หาไม่ไดจ้ ริง ครผู สู้ อน
4. การมสี ่วนร่วมเสนอความคดิ เหน็ แสดงวธิ กี ารแกป้ ญั หา แสดงวธิ กี ารแก้ปญั หา แสดงวธิ กี ารแกป้ ัญหา
เกยี่ วกับการแสดงขั้นตอนการ โดยการเขียนหรือวาด โดยการเขยี นหรอื วาด โดยการเขียนหรอื วาด
แก้ปญั หา ภาพ ได้เขา้ ใจ ถูกต้อง ภาพ ไดเ้ ข้าใจ แต่ยงั ไม่ ภาพได้ แตย่ งั ไม่ถูกต้อง
ชัดเจน ชัดเจน
สมาชกิ ทุกคนในกลุ่มมี สมาชกิ สว่ นใหญใ่ น สมาชกิ ในกลุ่มไม่คอ่ ยมี
ส่วนร่วมเสนอความ กลมุ่ มสี ่วนร่วมเสนอ สว่ นร่วมเสนอความ
คดิ เห็นเกย่ี วกับการ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ คดิ เหน็ เกี่ยวกับการ
แสดงขั้นตอนการ การแสดงขั้นตอนการ แสดงข้นั ตอนการ
แก้ปญั หา แก้ปญั หา แก้ปัญหา

1

หวั ข้อประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน
321

5. สามารถบอกข้อดี ข้อผดิ พลาด สามารถบอกได้ว่า สามารถบอกข้อดีได้ สามารถบอกข้อดีได้

ของแต่ละขนั้ ตอนการแก้ปัญหา ข้นั ตอนไหนสง่ ผลให้ ว่าข้ันตอนไหนส่งผล วา่ ขน้ั ตอนไหนส่งผล

ประสบผลสำเรจ็ ให้ประสบผลสำเร็จ ให้ประสบผลสำเรจ็

และหาผิดพลาดของ และหาผดิ พลาดของ และไม่สามารถหา

ข้นั ตอนท่ีทำให้ ขน้ั ตอนที่ทำให้ ผดิ พลาดว่าผิดพลาด

แกป้ ญั หาไมส่ ำเร็จได้ แก้ปญั หาได้ไมส่ ำเร็จ ขั้นตอนไหน

อยา่ งชดั เจนถูกตอ้ ง แต่ยงั ไมส่ ามารถ

สามารถย้อนกลับไป แก้ไขขั้นตอนนน้ั ได้

แก้ไขขน้ั ตอนน้นั

เพือ่ ใหแ้ ก้ปญั หาได้

สำเร็จ

6.ตอบคำถามการแก้ปัญหาใน นกั เรียนสามารถ นักเรยี นสามารถ นักเรยี นยงั ไม่
บอกวิธกี าร บอกวิธีการ สามารถบอกวธิ กี าร
ชีวิตประจำวันได้ แก้ปญั หาใน แกป้ ญั หาใน แก้ปญั หาใน

ชวี ติ ประจำวนั ได้ ชวี ิตประจำวนั ได้ ชวี ิตประจำวันได้

ถูกต้องเหมาะสม แต่ยงั ไม่เหมาะสม

และสามารถนำไปใช้ เท่าท่คี วร และอาจ

ไดจ้ ริง นำไปใช้ไดจ้ รงิ ไม่ได้

1

แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1

ชอื่ ............................................................เลขที่................ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1

คำชี้แจง : ผ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด √ ลงในชอ่ งที่ตรง

กบั ระดับคะแนน

ขอ้ การสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี น ระดบั ความคดิ เห็น
321

มวี นิ ัย

1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ

2 ปฏบิ ัตติ ามคำตักเตือนของครู

3 ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอยา่ งต้ังใจ

ใฝเ่ รยี นรู้

4 รว่ มทำกจิ กรรมตา่ งๆ ท่ีครจู ัดให้อย่างต้ังใจ

5 หม่นั ซักถาม เมื่อเกดิ ขอ้ สงสัย

6 เอาใจใส่งานท่ีได้รับมอบหมาย

มุ่งม่นั ในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกับเพื่อนอย่างกระตือรือรน้

8 ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ไี ด้รบั มอบหมายอย่างตัง้ ใจ

9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ

เกณฑใ์ หค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ปฎบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
2 คะแนน
ปฎบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง(70%) ให้ 1 คะแนน 23-27 ดมี าก
18-22 ดี
ปฎบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั (50%) ให้

13-17 พอใช้

ตำ่ กว่า 13 ปรับปรงุ

1

แบบบนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ัญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงชอ่ื ..............................................ผบู้ นั ทกึ
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจริญ)
ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย

ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ................................................
(................................................)

ตำแหนง่ .................................................

1

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง การแกป้ ัญหา ระยะเวลา 3 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นขน้ั ตอน
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าเพิ่มเติม คอมพิวเตอร์

1. ผลการเรยี นรู้
1. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมคี วามรูค้ วามเข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศเบือ้ งต้น
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนมีทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้นั ตอนและเป็นระบบ
3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้น
ใน
การแกป้ ญั หาทีพ่ บในชีวติ จรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
4. เพอื่ ให้ผ้เู รียนมีความร้คู วามเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสังคม
และการดำรงชวี ิต
5. เพื่อให้ผู้เรียนคิดและจินตนาการ สามารถแก้ปัญหาและจัดการทักษะในด้านการสื่อสาร และมี
ความสามารถในการตัดสนิ ใจท่ีดี
6. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นเปน็ ผู้ท่ีมจี ติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกวธิ กี ารแกป้ ัญหาได้ (K)
2. วางแผนการจัดกระเป๋านักเรยี นอยา่ งเปน็ ขั้นตอนได้ (K)
3. เขียนเสน้ ทางการเดนิ เขาวงกตได้ (P)
4. หาจุดแตกต่างของภาพโดยการสงั เกตได้ (P)
5. ยกตวั อย่างการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวัน (A)

3. สาระการเรยี นรู้
ปัญหาอยา่ งง่าย เช่น เกมเขาวงกต เกมหาจดุ แตกตา่ งของภาพ การจดั หนงั สือใส่กระเป๋า

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอนและเป็นระบบช่วยให้สามารถแก้ปญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ฝึก

ทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ และการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณการแสดงข้ันตอนการแก้ปัญหา
สามารถทำไดโ้ ดยการเขียนบอกเล่า วาดภาพ หรอื ใช้สญั ลกั ษณก์ ารแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ขน้ั ตอนการ
แก้ปัญหาสามารถฝึกฝนผ่านเกมเขาวงกต เกมหาจุดแตกต่างของภาพ และการจัดกระเป๋านักเรียนได้
ทำใหส้ ามารถแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็นระบบ

1

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินัย
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน
1) ทักษะกระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ

2) ทกั ษะการสงั เกต
3) ทกั ษะการสอื่ สาร
4) ทักษะการทำงานร่วมกนั
5) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้
6) ทกั ษะการแก้ปญั หา
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : กระบวนการคิดคำนวณ

Computational Thinking Process

ชั่วโมงท่ี 1

ขนั้ นำ 10 นาที

1. ครูทบทวนความรู้เดิมที่เรียนมาในชั่วโมงที่แล้วว่า การแสดงขั้นตอนของปัญหามีอะไรบ้าง ให้
นักเรยี นภายในหอ้ งช่วยกนั ตอบคำถามรว่ มกนั
(แนวตอบ มี 3 ข้ันตอน คอื การเขียนบอกเล่า การวาดภาพ และการใช้สัญลกั ษณ์)

2. ครูถามนกั เรยี นวา่ นกั เรยี นเคยเลน่ เกมอะไรกันมาบ้าง และใช้วิธใี นการชนะเกมนนั้ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)

3. ครูเล่าสถานการณ์ให้นักเรียนฟังโดยบอกว่า มีผึ้งน้อยที่หิวโหยออกไปหาน้ำหวานที่ในป่าและเขา
พบว่าน้ำหวานท่ีเขาตามหาอยู่ในดอกไมท้ ี่อยูใ่ นเขาวงกต นักเรียนจะมีวธิ ีพาผึ้งน้อยตัวนี้เดินทางเข้า
ไปยงั เขาวงกตเพอื่ ไปเกบ็ น้ำหวานดอกไมใ้ หส้ ำเรจ็ ได้อย่างไร

4. ครแู บง่ กลุม่ ให้นักเรียนกล่มุ ละ 4-5 คน

1

ขั้นสอน 50 นาที

ขน้ั แยกแยะและระบปุ ัญหา
1. ครถู ามนักเรียนว่า ผ้ึงนอ้ ยตวั น้ีพบปญั หาในเร่ืองใดบ้าง
(แนวคำตอบ - ผึง้ นอ้ ยหาน้ำหวานจากดอกไม้
- ผ้งึ นอ้ ยตอ้ งเดินทางผา่ นเขาวงกต )

ขนั้ ใช้เหตผุ ลในการจดั การข้อมูล
2. ครูใหน้ กั เรียนทจี่ บั คูแ่ ลกเปล่ยี นสนทนากนั ว่าจะทำอยา่ งไรดี
3. ครถู ามนักเรยี นว่า
3.1 นักเรียนจะพาผึ้งน้อยไปที่ดอกไม้เพื่อกินน้ำหวาน แล้วนักเรียนจะไปถึงดอกไม้ได้อย่างไร
(แนวคำตอบ เดินผ่านเขาวงกต)
3.2 การที่นักเรียนจะไปกินน้ำหวานได้ ต้องผ่านเขาวงกต ดังนั้นสิ่งที่นักเรียนต้องแก้ปัญหา
อันดับแรกคือต้องทำอย่างไร (แนวคำตอบ หาวิธีเดินผ่านเขาวงกต เพื่อหาทางออกไปกิน
นำ้ หวานจากดอกไม้)
4. ครใู หน้ กั เรยี นในกลุ่มช่วยกนั คดิ ว่าจะทำอย่างไรให้เดินออกจากเขาวงกตน้ีได้ โดยครูแจกแผนที่เขา
วงกตให้ แล้วให้นกั เรยี นศกึ ษาเส้นทาง

ขั้นออกแบบและจดั ลำดบั ข้ันตอน
5. ครูแจกใบงาน เกมเขาวงกต โดยให้นกั เรยี นเขียน วาดภาพ หรือสญั ลักษณ์แสดงขน้ั ตอนลำดบั ท่ีจะ
พาผง้ึ นอ้ ยไปหาน้ำหวานดอกไมใ้ ห้สำเรจ็
6. ให้นักเรียนใชส้ ีดำระบายทบั เส้นทางทีน่ ักเรียนจะพาผงึ้ นอ้ ยไปเกบ็ น้ำหวานจากดอกไม้
7. ใหน้ ักเรยี นวางหุน่ ยนต์จวิ๋ จากชดุ สอื่ โอโซบอต (Ozobot) วางทจ่ี ุดเริ่มต้น แล้วปลอ่ ยใหเ้ คล่ือนท่ี

ตาม
เสน้ ท่ลี ากไปจนถึงจุดหมาย ทดลองเดิน 3 ครัง้ ครูตรวจสอบความถูกต้อง
8. ครูต้งั เงื่อนไขเพิ่มวา่ ให้ไปเกบ็ น้ำหวานจากดอกไม้ 2 ดอก
9. ครแู จกภารกจิ ที่ 2 ใหน้ ักเรียนในกลุม่ ระดมสมอง และกำหนดทศิ ทางการเดนิ ของหุน่ ยนตจ์ ิ๋วเพอ่ื ไป

เก็บ
ดอกไมใ้ ห้ครบตามภารกจิ ที่ได้รับ
10. ครูตรวจสอบความถูกต้อง

1

11. ครสู ุ่มถามนักเรียน 2-3 คน ว่าใชว้ ิธีการอยา่ งไร เจอปัญหาอะไรบ้าง กวา่ จะพาผ้งึ น้อยไปเกบ็
น้ำหวานได้

(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผ้สู อน)

12. ครถู ามวา่ จากกิจกรรมเกมเขาวงกตท่ีนักเรียนเลน่ ไปแลว้ นั้น นกั เรียนคิดว่าเราใช้วิธีการแก้ปัญหา
แบบใด (แนวคำตอบ แบบลองผิดลองถกู )

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั สอน (ต่อ) 60 นาที

1. ครูถามนักเรียนว่า ชั่วโมงที่แล้วทำกจิ กรรมอะไร(แนวคำตอบ กิจกรรมเขาวงกต พาผึ้งน้อยไปกิน
นำ้ หวานจากดอกไม้)

2. ครูถามนักเรียนต่อว่า แล้วจากกิจกรรมที่ทำนักเรียนได้เรียนรู้อะไรมา(แนวคำตอบ ได้รู้ว่าควร
แก้ปัญหาสิ่งใดก่อน การเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับปัญหา รวมถึงรู้วิธีการแก้ปัญหาแบบ
ลองผดิ ลองถกู )

3. ครูนำภาพทมี่ จี ดุ แตกต่างกัน 2 ภาพตดิ ไวห้ นา้ กระดาน ให้นักเรยี นสงั เกตภาพทัง้ สอง

4.ครูถามนักเรยี นวา่ นักเรียนเห็นอะไรในภาพท้ัง 2
(แนวคำตอบ เหน็ ภาพท่ีคล้ายกนั แต่มบี างสว่ นไมเ่ หมือนกนั )

5.ครูแบ่งกล่มุ นักเรียนออกเป็นกล่มุ ละ 3 – 4 คน

ขน้ั แยกแยะและระบปุ ญั หา (Breaking Problem Into Part)
6.ครูถามนักเรยี นว่า นักเรียนคิดว่า จากภาพทั้งสองทีค่ รใู ห้ กิจกรรมวันนีข้ องเรานักเรียนจะต้องทำ
อะไร (แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

7.นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปว่า จากภาพ2 ภาพทีใ่ หม้ า ให้หาจดุ แตกต่างของภาพทัง้ สอง

ขั้นกำหนดรูปแบบ
8.เมือ่ นกั เรยี นได้ภาพครูจงึ ถามนักเรียนว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาจดุ แตกตา่ งของภาพได้
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน)

9.ครใู หน้ กั เรียนหาจุดแตกต่างของภาพท่ี 1 ครูถามนักเรยี นว่า นกั เรยี นหาจุดแตกตา่ งภาพเจอ
อย่างไร

ใชเ้ วลานานแค่ไหน และคดิ ว่ามวี ิธีการทห่ี าจุดแตกต่างของภาพได้เร็วกวา่ น้หี รือไม่

1

(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน)

ขนั้ ใชเ้ หตผุ ลในการจัดการข้อมูล
10.ครูและนักเรียนร่วมกันหา วิธีการที่จะหาความแตกต่างของภาพโดยที่ศึกษาข้อมูลจากหนังสือ
เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณหน้า 38) โดยใหน้ กั เรยี นดภู าพและครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ

ขั้นออกแบบและจัดลำดับขั้นตอน
11.นกั เรียนรว่ มกันตอบคำถามว่า การทีน่ ักเรยี นจะหาจดุ แตกต่างของภาพได้นกั เรียนต้องเร่ิมจากทำ
ส่งิ ใดตามลำดบั โดยครูเขยี นคำตอบของนกั เรียนไวห้ นา้ กระดาน
(แนวคำตอบ ขั้นตอนการหาจดุ แตกต่างของภาพมีดังนี้
1. แบ่งภาพออกเปน็ 4 สว่ น
2. มองภาพดา้ นซา้ ยของชอ่ งบนซา้ ย
3. มองภาพดา้ นขวาของช่องบนซา้ ย
4. พบจดุ แตกตา่ งภาพ
5. วงลอ้ มรอบจดุ ทมี่ คี วามแตกตา่ ง
6. ทำซ้ำแบบนีใ้ นส่วนของบนขวา ล่างซ้าย และล่างขวา)
12.นักเรยี นลงมอื ปฏบิ ตั ิกิจกรรมหาจุดแตกต่างของภาพใน หนังสือ วทิ ยาการคำนวณ ป.1
13.ครูตรวจสอบความถูกต้อง
14.ครูถามนักเรียนว่า การแก้ปัญหาจุดแตกต่างของภาพเป็นการแก้ปัญหาโดยนักเรียนใช้วิธีการ
แกป้ ัญหาอยา่ งไร (แนวคำตอบ การแก้ปญั หาแบบการเปรยี บเทยี บมาใช้เพอื่ แกป้ ญั หา)

ชั่วโมงที่ 3

ข้ันสอน (ต่อ) 20 นาที

ขน้ั แยกแยะและระบปุ ญั หา (Breaking Problem Into Part)

1. ครูถามนำภาพ 2 ภาพติดหน้ากระดาน แล้วถามนักเรียนว่า เห็นอะไรในภาพบ้าง (แนวคำตอบ
พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครผู สู้ อน นกั เรยี นบอกจุดแตกตา่ งของภาพ)
2. นักเรียนบอกจุดแตกต่างภาพได้ทันที ครูจึงถามว่า ชั่วโมงที่แล้วนักเรียนเรียนรู้เรือ่ งนี้ไปแล้วจึงทำ
ให้รอบนน้ี ักเรียนสามารถเลือกวิธกี ารแกป้ ัญหาและลงมือแกป้ ญั หาได้ทันที
3. ครถู ามนกั เรียนต่อวา่ นกั เรียนใช้วธิ ีไหนในการหาจุดแตกต่างจากภาพ และทำอยา่ งไร

1

(แนวคำตอบ วิธีการเปรียบเทย่ี บ โดยแบ่งภาพออกเป็นสว่ นๆ แลว้ หาจดุ แตกตา่ งทลี ะสว่ น)

4. ครูเล่าเหตุการณ์ให้นักเรียนฟังว่า ลิตาเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ลิตามาโรงเรียนสายทุก
วนั ลติ าไมค่ ่อยชอบจัดกระเป๋า ทำให้บางวชิ าเขาก็ไม่ได้เตรียมมา การบา้ นก็ไมส่ ่ง วชิ าที่ไม่มีเรียนเขา
กับเอามา ทำให้ลิตาเรียนไม่ทันเพื่อน มีงานค้างหลายวิชา ลิตาต้องนอนดึกทุกคืนเพราะต้องทำงาน
ค้างในเวลาเรยี นและยงั ตอ้ งทำการบา้ นอกี เขาเลยตื่นสาย
5. ครูถามนกั เรยี นว่า ถ้านกั เรยี นเจอสถานการณ์แบบลิตา นกั เรียนจะทำอย่างไร
(แนวคำตอบ พิจารณาคำตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู นดุลยพินจิ ของครูผู้สอน)

6.ครถู ามคำถามกับนกั เรยี นดงั นี้
6.1 ทำไมลติ าถงึ มาโรงเรียนสาย (แนวคำตอบ เพราะลติ าต่นื สายและนอนดึก)

6.2 ทำไมลติ าถงึ นอนดึก (แนวคำตอบ เพราะต้องทำงานค้างและการบา้ น)

6.3 เพราะอะไรลิตาถึงมีงานค้าง (แนวคำตอบ ลิตาไม่ได้จัดตารางเรียน ทำให้บางครั้งไม่ได้
หยิบสมุด หนังสือวิชาที่มีเรียนในวันนั้นไป เขาจึงต้องทำงานที่ครูให้ทำในเวลาเรียนมาทำ
เปน็ การบ้านด้วย)

6.4 นักเรียนคิดว่าถ้านกั เรียนเปน็ ลิตา นักเรยี นจะตอ้ งทำสง่ิ ใดเปน็ อันดบั แรก

(แนวคำตอบ จัดกระเป๋านักเรยี น)

ขั้นใชเ้ หตุผลในการจัดการข้อมูล (Organize Data Logically)
7.ครูถามนักเรียนว่า อุปกรณ์ใดบ้างที่ควรจัดใส่กระเป๋านักเรียน ให้นักเรียนทำกิจกรรม หนังสือ
วทิ ยาการคำนวณ ป.1

ขนั้ กำหนดรูปแบบ (Inter Pattern)
8.นักเรียนมีวธิ ีจดั กระเปา๋ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ จัดตามตารางเรยี น ใส่เคร่อื งเขียน สมดุ จดการบ้าน)

ขน้ั ออกแบบและจดั ลำดับขนั้ ตอน (Design Algorithm)

9.ให้นักเรียนวางแผนการจัดกระเป๋ามาโรงเรียนในวันพรุ่งน้ี (วันพฤหัสบดี) โดยกำหนดตารางเรียน
ดงั นี้

วนั ช่วั โมงที่ 1 ชัว่ โมงท่ี 2 ชัว่ โมงที่ 3 พกั กลางวนั ชว่ั โมงที่ 4 ช่ัวโมงท่ี 5
จันทร์ ไทย คณติ คณติ สังคม P.E.
องั คาร วิทย์ ไทย สงั คม ศิลปะ การงาน
พุธ วิทย์ องั กฤษ คอมฯ ไทย Scout
พฤหัสบดี คณติ จนี สุขศกึ ษา คณิต คดั ลายมือ

1

ศกุ ร์ องั กฤษ คณติ ดนตรี ไทย กจิ กรรม

นักเรยี น * ใช้ตารางเรียนจริงของ

10.ให้นักเรียนเขียนวาดภาพหรือใช้สัญลักษณ์แสดงขั้นตอนการจัดกระเป๋ามาโรงเรียนของนักเรียน
ในหน้า 29 หนังสอื แบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ป.1

11.ครใู ห้การบา้ น โดยใหน้ กั เรยี นจดั กระเปา๋ มาเรยี นตามขนั้ ตอนการจดั กระเปา๋ ทนี ักเรียนเขยี นไว้

สรปุ 40 นาที

1. ครถู ามนักเรยี นเพ่ือสรุปให้เข้าใจตรงกันวา่ นักเรียนจัดกระเป๋าเตรียมมาโรงเรียน นักเรยี นคิดว่า
จะตอ้ งทำอย่างไรบ้าง

(แนวคำตอบ ลำดบั การจัดกระเปา๋ นกั เรียนมีดงั น้ี
1. เปิดตารางเรียนวนั พรงุ่ นี้
2. เลอื กหนงั สอื สมดุ วชิ าทีต่ อ้ งเรยี น
3. นำหนังสอื และสมุดใสใ่ นกระเป๋า
4. เลอื กอุปกรณก์ ารเรียน
5. นำอุปกรณก์ ารเรียนใส่กระเป๋า
6. ปิดกระเปา๋ นักเรยี น)

2. ครถู ามนกั เรยี นวา่ ถ้าลติ าจดั กระเปา๋ มาโรงเรยี นลิตา จะแกป้ ัญหาทีเ่ ขามาโรงเรียนสายไดห้ รอื ไม่
(แนวคำตอบ ได้ พราะถา้ ลิตาจัดกระเป๋ามาเรยี น ลิตาจะมสี มุดหนงั สือเรียนทำใหท้ ำงานในเวลาเรยี น
ได้ เวลากลางคนื ก็ทำเพียงแค่การบ้านท่ีครูสั่ง ลิตาก็ไม่ต้องนอนดึก จึงไมต่ ื่นสายทำให้มาโรงเรียนได้
เชา้ ข้ึน)

3. ครูสุ่มนักเรยี นมา 1 คนใหน้ กั เรียนเลา่ สถานการณห์ รือปัญหาของตนเองมา 1 เรือ่ ง
(แนวคำตอบ พจิ ารณาคำตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน)

4. ครูให้นักเรียนภายในห้องเสนอวิธกี ารแก้ปัญหา ทนี่ กั เรียนเล่ามาข้างต้น

5. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 10 ขอ้ 3 ตัวเลือก ใช้เวลา 10 นาที

1

7. การวัดและประเมนิ ผล

วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์

ทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 10 ข้อ รอ้ ยละ 50 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจกิจกรรมหาจุดแตกต่างของ กิจกรรมหาจุดแตกต่างของภาพ

ภาพใน หนังสือเรียน วิทยาการ หนังสอื เรียน วทิ ยาการคำนวณ ป. ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์

คำนวณ ป.1 1

ตรวจกิจกรรมในหนงั สือเรียน กจิ กรรมในหนังสือเรียน ร้อยละ 50 ผ่านเกณฑ์
วทิ ยาการคำนวณ ป.1 วิทยาการคำนวณ ป.1

ตรวจกิจกรรมแบบฝกึ หัดใน กจิ กรรมแบบฝึกหดั ในหนงั สือ รอ้ ยละ 50 ผ่านเกณฑ์
หนงั สือเรยี น วิทยาการคำนวณ ป. เรยี น วทิ ยาการคำนวณ ป.1
1

สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรม คุณภาพอยใู่ นระดับ พอใช้ ผา่ น
เกณฑ์

ตรวจผลงานและกระบวนการ แบบประเมินผลงาน คุณภาพอยู่ในระดับ พอใช้ ผ่าน
ทำงาน เกณฑ์

8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี น วทิ ยาการคำนวณ ป.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้ันตอน

2. กิจกรรมแบบฝึกหดั ในหนังสือเรียน วทิ ยาการคำนวณ ป.1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง การแก้ปัญหาอย่างเป็น
ขั้นตอน

3. ใบงานเรอ่ื ง เกมเขาวงกต

4. ชุดสือ่ โอโซบอท (Ozobot)
5. บัตรภาพ เกมจดุ แตกต่างของภาพ

1

ชอ่ื ................................................................................... ชั้น................................ เลขท.ี่ ....................

คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นใชส้ ดี ำระบายทับเสน้ ทางที่จะใหผ้ ึ้งน้อยเคล่อื นทไ่ี ปเก็บนำหวานจากดอกไม้ให้สำเรจ็
ภารกจิ ท่ี 1 พาผ้งึ น้อยเดินผา่ นเขาวงกตเพอ่ื ไปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้

พาผ้งึ ไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้

1

ภารกจิ ที่ 2 พาผึง้ น้อยเดินผ่านเขาวงกตเพ่ือไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ทง้ั 2 ดอก

พาผง้ึ ไปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้ 2 ดอก

1

คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนใช้สดี ำระบายทับเสน้ ทางทีจ่ ะให้ผึ้งน้อยเคลื่อนที่ไปเก็บนำหวานจากดอกไมใ้ หส้ ำเรจ็
ภารกิจท่ี 1 พาผงึ้ น้อยเดนิ ผ่านเขาวงกตเพอื่ ไปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้

1

ภารกิจท่ี 2 พาผ้ึงน้อยเดนิ ผ่านเขาวงกตเพอ่ื ไปเกบ็ นำ้ หวานจากดอกไม้ทัง้ 2 ดอก

บตั รภาพจดุ แตกต่างของภาพ

1

นักเรียนสังเกตภาพที่ 1 และภาพที่ 2 ทีละส่วน เพื่อหาจุดแตกต่างของภาพ ให้วงล้อม จุด
แตกตา่ งใน ภาพท่ี 2



ภาพทื่ 1 ภาพที 2

1

บัตรภาพจดุ แตกตา่ งของภาพ 

1

แบบประเมินผลงาน

รายวิชาเพิ่มเติม คอมพิวเตอร์ ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1
หนว่ ยที่ 2 การแก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอน เร่ือง การแกป้ ญั หา

คำชี้แจง : โปรดแสดงความคิดเห็นของท่าน และทำเครื่องหมาย () ลงในชอ่ งว่าง ระดบั คะแนน
3 21
ขอ้ ท่ี เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล

1. หาประเด็นปญั หาและวิธีการแก้ไขปัญหา
2. การเขยี นเส้นทางการเดินเขาวงกต
3. การหาจุดแตกต่างของภาพโดยการสังเกต
4. การวางแผนการจัดกระเป๋าอยา่ งเป็นขนั้ ตอน
5. ยกตัวอยา่ งการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวนั

รวม

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
13-15 ดีมาก
10-12 ดี
7-9 พอใช้
ตำ่ กวา่ 7 ปรบั ปรงุ

1

เกณฑก์ ารแบบประเมนิ ผลงานของนักเรียน

หัวข้อประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน
321

ดา้ นผลงาน

1. หาประเด็นปัญหาและวิธีการแกไ้ ข สามารถทำความเข้าใจ สามารถทำความเขา้ ใจ สามารถทำความเขา้ ใจ

ปัญหา ปัญหาจนหาประเดน็ ปัญหาจนหาประเด็น ปัญหาไดบ้ า้ ง แตห่ า

ปญั หาได้อยา่ งถูกต้อง ปญั หาได้ ใช้วธิ ีการ ประเด็นปัญหาไดไ้ ม่

และใช้วิธีการแกป้ ัญหา แกป้ ัญหาท่ียังไม่ ชัดเจน และใชว้ ิธีการ

ทเ่ี หมาะสมกบั ปญั หา เหมาะสมกบั ปัญหา แก้ปญั หาที่ยังไม่

เท่าทีค่ วร เหมาะสมกบั ปัญหา

2. การเขียนเสน้ ทางการเดนิ เขาวงกต สามารถหาเสน้ ทางเดนิ สามารถหาเส้นทางเดนิ สามารถหาเส้นทางเดิน

ไปเขาวงกตได้ถกู ต้อง ไปเขาวงกตได้ ท้ัง 2 ไปเขาวงกตได้ แต่ตอ้ ง

ทง้ั 2 ภารกิจ โดยไม่มี ภารกิจแตม่ ีการแก้ไข ไดร้ ับคำแนะนำจาก

การแก้ไขเสน้ ทาง เส้นทาง บางเสน้ ทาง คณุ ครูจงึ สามารถทำ

ภารกจิ สำเร็จ

3. การหาจุดแตกต่างของภาพโดยการ หาจุดแตกตา่ งของภาพ หาจดุ แตกตา่ งของภาพ หาจดุ แตกต่างของภาพ

สงั เกต ทั้ง 5 จุด ครบ ได้ 3- 4 จดุ ไดน้ อ้ ยกว่า 3 จดุ

4. การวางแผนการจัดกระเป๋าอย่าง นกั เรยี นสามารถวาง นักเรยี นสามารถวาง นกั เรียนสามารถวาง
เป็นข้ันตอน แผนการจัดกระเป๋าได้ แผนการจดั กระเป๋าได้ แผนการจดั กระเป๋าได้
อยา่ งเป็นขน้ั ตอนท่ี อยา่ งเป็นขัน้ ตอนที่ แตไ่ ม่เปน็ เป็นขน้ั ตอนท่ี
5. ยกตวั อย่างการแกป้ ญั หาใน ถูกต้องตามหลักการ ถูกต้องตามหลักการ ถูกต้องตามหลักการ
ชีวติ ประจำวนั และจัดอปุ กรณ์การ และแต่จดั อุปกรณ์การ
เรียนครบ เรียนไม่ครบ สามารถยกตัวอย่าง
สามารถยกตัวอย่าง สามารถยกตวั อยา่ ง ปัญหาใน
ปญั หาใน ปัญหาใน ชวี ติ ประจำวัน และแต่
ชีวิตประจำวัน และ ชีวิตประจำวัน และ ไมส่ ามารถบอกแนว
บอกแนวทางการ บอกแนวทางการ ทางการแกป้ ัญหาได้
แกป้ ัญหาได้ถูกต้อง แก้ปญั หาได้ แต่ยังม่
เหมาะสม และสามารถ เหมาะสม และอาจ
นำไปใช้ได้จรงิ นำไปใช้ไดจ้ รงิ

1

แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1

ชอื่ ............................................................เลขท่ี................ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1

คำช้ีแจง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี √ ลงในช่องที่ตรง

กบั ระดบั คะแนน

ขอ้ การสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียน ระดบั ความคดิ เห็น
321

มวี นิ ัย

1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการเรยี นสม่ำเสมอ

2 ปฏบิ ัตติ ามคำตักเตือนของครู

3 ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตงั้ ใจ

ใฝเ่ รียนรู้

4 ร่วมทำกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีครจู ัดให้อย่างตงั้ ใจ

5 หมน่ั ซกั ถาม เม่ือเกดิ ขอ้ สงสยั

6 เอาใจใสง่ านทไี่ ดร้ ับมอบหมาย

มุ่งม่นั ในการทำงาน

7 สนใจทำกิจกรรมกับเพ่อื นอย่างกระตือรือรน้

8 ปฏิบัติหนา้ ท่ีทไี่ ด้รับมอบหมายอย่างต้ังใจ

9 ส่งงานอยา่ งสม่ำเสมอ

เกณฑ์ให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ปฎิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
2 คะแนน
ปฎบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง(70%) ให้ 1 คะแนน 23-27 ดมี าก
18-22 ดี
ปฎบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง(50%) ให้

13-17 พอใช้

ตำ่ กวา่ 13 ปรับปรงุ

1

แบบบนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)

 ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อุปสรรค

 แนวทางการแก้ไข

ลงช่ือ..............................................ผบู้ นั ทกึ
(นายดลพฤกษ์ ทนั เจริญ)
ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย

ความเห็นของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ

ลงชื่อ................................................
(................................................)

ตำแหน่ง.................................................

1

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 การเขียนโปรแกรมเบ้อื งต้น

รายวชิ าเพิ่มเตมิ คอมพวิ เตอร์ ระยะเวลา 6 ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1

1. ผลการเรียนรู้

1. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศเบ้ืองต้น

2. เพื่อให้ผูเ้ รียนมีทกั ษะการคดิ เชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหาเปน็ ข้ันตอนและเป็นระบบ

3. เพื่อให้ผ้เู รยี นมีทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตัว และการสอ่ื สารเบอื้ งต้นใน

การแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

4. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นมีความรคู้ วามเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ต่อสังคม

และการดำรงชีวิต

5. เพื่อให้ผู้เรียนคิดและจินตนาการ สามารถแก้ปัญหาและจัดการทักษะในด้านการสื่อสาร แล ะมี

ความสามารถในการตดั สินใจที่ดี

6. เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นเป็นผู้ท่มี ีจติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์และ

เทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์

2. สาระการเรยี นรู้

1. การเขยี นโปรแกรมเปน็ การสร้างลำดับของคำส่งั ใหค้ อมพวิ เตอรท์ ำงาน

2. ตวั อย่างโปรแกรม เช่น เขยี นโปรแกรมส่งั ให้ ตัวละครย้ายตำแหน่ง ยอ่ ขยายขนาด เปลย่ี นรปู รา่ ง

3. ซอฟต์แวร์ หรือสื่อที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น ใช้บัตรคำสั่งแสดงการเขียนโปรแกรม ,

Code.org

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การเขียนโปรแกรมเป็นการสรา้ งลำดับคำสั่งให้คอมพวิ เตอร์ทำงาน การเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งใหต้ ัวละคร

ยา้ ยตำแหน่ง ย่อขยายขนาด หรอื เปล่ียนรปู ร่างทำให้เข้าใจระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์และการเขียน

โปรแกรม การเขียนโปรแกรมโดยใช้บตั รคำส่ังและใช้ส่อื ในเว็บไซต์ ทำให้เข้าใจระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์

การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ปัญหา และการวางแผนแกป้ ัญหา สามารถแก้ปัญหาท่ีพบในชวี ติ จริงอย่างเป็น

ขัน้ ตอน และเป็นระบบ และสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการ

แกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1

1) ทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน
2) ทกั ษะการสังเกต
3) ทักษะการสื่อสาร
4) ทักษะการให้เหตผุ ล
5) ทักษะการทำงานร่วมกัน
6) ทกั ษะการแกป้ ัญหา
7) ทกั ษะการประยุกต์ใชค้ วามรู้

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

6. การวัดและการประเมินผล

รายการวัด วธิ ีวัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมินตามสภาพจริง
6.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น
- แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบประเมินผลงาน - คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 - ตรวจผลงานและ เร่อื ง เขยี นโปรแกรม ผ่านเกณฑ์
การเขียนโปรแกรม กระบวนการทำงาน เร่ือง
เบอื้ งต้น เขยี นโปรแกรม - แบบประเมินผลงาน - คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี
เรือ่ ง เขียนโปรแกรม ผ่านเกณฑ์
6.2 ประเมินระหวา่ ง โดยใชส้ ื่อในเวบ็ ไซต์
การจดั กิจกรรม Code.org - คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี
การเรียนรู้ - แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑ์
1) หลกั การเขยี น เรอื่ ง ตัวอย่างโปรแกรม - คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี
ผา่ นเกณฑ์
โปรแกรมเบอ้ื งตน้ - แบบสังเกตพฤติกรรม - ร้อยละ 50 ผา่ นเกณฑ์

2) ซอฟต์แวร์หรือสื่อทีใ่ ช้ - ตรวจผลงานและ - แบบทดสอบหลงั เรยี น
ในการเขียนโปรแกรม กระบวนการทำงาน เรื่อง
เขียนโปรแกรมโดยใชส้ ่อื ใน

เว็บไซต์ Code.org

3) ตัวอย่างโปรแกรม - ตรวจผลงานและ

กระบวนการทำงาน เรื่อง

ตัวอยา่ งโปรแกรม

4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
การทำงานรายบุคคล - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น

6.3 การประเมินหลังเรียน
- แบบทดสอบหลงั

1

รายการวดั วธิ วี ัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ

เรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี3
การเขยี นโปรแกรม
เบื้องต้น

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

• แผนท่ี 1 : หลกั การเขยี นโปรแกรมเบ้ืองตน้ เวลา 2 ชว่ั โมง

แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : การแก้ปัญหา (Problem Solving Method)

• แผนที่ 2 : ซอฟตแ์ วร์หรอื สื่อท่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรม เวลา 2 ช่ัวโมง

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : กระบวนการปฏิบัติ

• แผนท่ี 3 : ตวั อย่างโปรแกรม เวลา 2 ชั่วโมง

แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : กระบวนการปฏบิ ตั ิ

(รวมเวลา 6 ชั่วโมง)
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

6) หนังสือเรียน วทิ ยาการคำนวณ ป.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง การเขยี นโปรแกรมเบื้องต้น
7) แผนท่ีการเดินทางกลับปา่ ของช้าง 3 ชดุ
8) สตกิ เกอรบ์ ัตรคำสั่ง
9) รหสั บัตรคำสั่ง
10) เวบ็ ไซต์ Code.org
11) www. scratch.mit.edu
12) ห้องปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์

1

แบบทดสอบก่อนเรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3

คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.สังเกตภาพ ต้องใช้รหัสคำส่ังใด เพ่ือพากระต่ายไปกินแครอท

ก.
ข.
ค.
2.รหัสคำสั่งในข้อใดใช้แทนการเดินลง แล้วเดินขวา 2 คร้ัง
ก.
ข.
ค.

1


Click to View FlipBook Version