The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการบริหาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by admin, 2020-08-27 03:32:21

คู่มือการบริหาร

คู่มือการบริหาร

คำนำ

เอกสารคู่มือการบริหารงาน โรงเรียนบ้านท่าเรือ เล่มนี้ได้จัดทาขึ้นเพื่อให้เป็นแนวทางใน
การดาเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน ตามกฎกระทรวงซึ่งกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
กระจายอานาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550 อาศัยอานาจตามความในมาตรา 5
และมาตรา 39 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545) ประกอบด้วยการจดั โครงสรา้ งการ
บริหารออกเป็น ๔ กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มบริหารงานวิชาการ กลุ่มบริหารงานบุคล ากร
กลุ่มบริหารงานงบประมาณและกลมุ่ บริหารงานทวั่ ไป ให้มีความชัดเจนเกิดความคล่องตวั และเป็น
ประโยชน์ตลอดจนเป็นตัวกาหนดแนวทางในการปฏิบัติให้กับผู้เก่ียวข้องทุกฝ่ายของโรงเรียนได้
ปฏิบัติตาม เพ่ือให้การดาเนินงานด้านการจัดการศึกษาของโรงเรียนบรรลุเป้าหมายสูงสุด ต่อไป

โรงเรียนบา้ นท่าเรอื

ค่มู ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื ก

สำรบัญ

หนำ้

คำนำ..................................................................................................................................ก
สำรบญั ...............................................................................................................................ข
สว่ นที่ ๑ นโยบายทศิ ทางการพฒั นาของโรงเรยี นบ้านท่าเรือ

วสิ ยั ทศั น์...........................................................................................................๑
พันธกจิ .............................................................................................................๑
เปา้ ประสงค์......................................................................................................๑
กลยุทธส์ ถานศกึ ษ.............................................................................................๑
ส่วนท่ี ๒ ขอบขา่ ยและภารกจิ ของสถานศึกษา
กลุ่มบริหารงานวิชาการ.....................................................................................๒
กลุม่ บริหารงานบุคลากร...................................................................................๑๗
กลมุ่ บริหารงานงบประมาณ..............................................................................๓3
กลมุ่ บริหารงานงานทั่วไป..................................................................................๕5

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื ข

ส่วนท่ี ๑ นโยบำยทิศทำงกำรพฒั นำของโรงเรยี นบ้ำนท่ำเรือ

วิสัยทศั น์ (Vision)
“โรงเรยี นบา้ นทา่ เรือ มงุ่ จดั การศึกษาใหผ้ ู้เรยี นมีคุณธรรมนาความร้ตู ามมาตรฐานการศกึ ษา มีสขุ ภาพ

ทสี่ มบูรณ์ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม เคียงคสู่ ่ิงแวดลอ้ ม เพียบพร้อมเทคโนโลยี น้อมนาหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยทกุ ภาคส่วนมสี ว่ นร่วม”

พันธกิจ (Mission)
๑. พฒั นาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ใหม้ คี ณุ ภาพสู่มาตรฐาน นอ้ มนาสู่หลกั

ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๒. พฒั นาครแู ละบุคลากรให้มสี มรรถนะ ทักษะ ประสบการณ์ สคู่ วามเป็นครูมืออาชีพ
๓. พัฒนาสถานศึกษาใหเ้ ป็นองคก์ รแหง่ การเรยี นรู้ เชิดชคู ณุ ธรรม รักษส์ ิง่ แวดล้อม
๔. พัฒนาระบบบริหารจัดการศึกษา ตามแนวปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ ส่งเสริมให้มี

สารสนเทศ และการใช้เทคโนโลยี
๕. แสวงหาศกั ยภาพของชุมชน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานและภูมิปัญญามามี

สว่ นร่วมในการจดั การศึกษา

เปำ้ ประสงค์ (Objective)
๑. ผ้เู รียนเป็นคนดี มคี วามรู้ มที กั ษะชวี ิต ดารงชีวติ อยรู่ ่วมกับผอู้ ่ืนในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสุข
๒. ผบู้ รหิ าร ครแู ละบคุ ลากรเปน็ บคุ คลแหง่ การเรยี นรู้ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม เปน็ ครูมอื อาชีพ
๓. สถานศึกษามีแหลง่ เรียนรู้ทห่ี ลากหลาย มกี ารจัดสภาพแวดลอ้ มให้เอื้อต่อการจัดการเรยี นรู้ โดย

เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคญั เปน็ องคก์ รแหง่ การเรยี นรู้
๔. สถานศึกษาบริหารจัดการศกึ ษาอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาเป็นท่ียอมรับของสังคม

จัดระบบสารสนเทศและการใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างมีประสิทธิภาพ
๕. ไดร้ บั ความร่วมมือจากชมุ ชน องคก์ ร หนว่ ยงานต่าง ๆ มีส่วนรว่ มในการพัฒนาสถานศกึ ษา

กลยุทธ์สถำนศึกษำ (Strategy)
กลยุทธท์ ี่ ๑ พฒั นาศักยภาพผู้เรยี นให้มคี ุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาบนพื้นฐานของหลักปรชั ญา

ของเศรษฐกิจพอเพียง
กลยุทธ์ท่ี ๒ พัฒนาครูและบุคลากรให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มุ่งสู่ความเป็นครูมืออาชีพ

มีสมรรถนะเหมาะสมกบั การจัดการศึกษา โดยยึดหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
กลยุทธ์ที่ ๓ พัฒนาสภาพแวดลอ้ มให้เอื้อต่อการจัดการเรยี นรู้ โดยเน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ เปน็ องค์กร

แห่งการเรยี นรู้ เปน็ มิตรกบั สง่ิ แวดลอ้ ม
กลยุทธ์ที่ ๔ พัฒนาระบบบริหารจัดการศึกษา ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา มีระบบ

เทคโนโลยสี นเทศทท่ี ันสมัย

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื 1

กลยุทธ์ท่ี ๕ ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ชุมชน องค์กร
หนว่ ยงานตา่ ง ๆ มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาสถานศึกษา

สว่ นที่ ๒ ขอบขำ่ ยและภำรกจิ ของสถำนศึกษำ

๑. กลุม่ บริหำรงำนวชิ ำกำร

1.1 งานพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา
1.2 งานพัฒนากระบวนการเรียนรู้
1.3 งานกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
1.4 งานวดั ผลประเมินผลและเทียบโอนผลการเรยี น
1.5 งานทะเบยี น
1.6 งานวจิ ัยเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
1.7 งานพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร
1.8 งานพัฒนาสอ่ื นวัตกรรม

1.9 งานพัฒนาแหล่งเรียนรู้

๑.๑๐ งานนเิ ทศการศกึ ษา
๑.๑๑ งานแนะแนว
๑.๑๒ งานกิจกรรมสง่ เสริมนิสยั รกั การอา่ น
๑.๑๓ ครปู ระจาช้ัน
๑.๑๔ การพฒั นาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

กำรบรหิ ำรงำนวชิ ำกำร
งานวชิ าการเป็นภารกจิ หลักของสถานศกึ ษาตาม พ.ร.บ. การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไข

เพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 ม่งุ ให้กระจายอานาจในการบรหิ าร จัดการไปให้สถานศึกษาให้มากที่สุดด้วย
เจตนารมณ์ทีจ่ ะให้สถานศึกษาดาเนินการโดย อิสระ คล่องตัว รวดเร็ว สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของผู้เรยี น
สถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ซ่ึงจะเป็นปัจจัยสาคัญทาให้
สถานศกึ ษามคี วามเขม้ แขง็ ในการบริหารจดั การ สามารถพฒั นาหลักสตู รและกระบวนการเรยี นรู้ ตลอดจนการ
วัดผลประเมินผล รวมทง้ั วดั ปัจจัยเก้อื หนนุ การพฒั นา คณุ ภาพนกั เรยี น ชมุ ชน ท้องถน่ิ ได้อย่างมคี ุณภาพและมี
ประสิทธภิ าพ

กำรศึกษำข้ันพื้นฐำนถอื ว่ำเปน็ รำกฐำนกำรศึกษำทงั้ ระบบ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 มาตรา 24(5) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอน

สามารถจดั บรรยากาศสภาพแวดล้อม สือ่ การเรียนและอานวยความสะดวก เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรแู้ ละมี
ความรอบรโู้ ดยทัง้ สามารถใชก้ ารวิจยั เปน็ สว่ นหนึง่ ของกระบวนการสอนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพรวมทัง้ การสง่ เสริมให้
ผ้สู อนสามารถวิจัยเพือ่ พฒั นาการเรียนรทู้ ี่เหมาะสมกบั ผเู้ รียนในแต่ระดับการศึกษา

คูม่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นทา่ เรอื 2

ศกึ ษาวิเคราะห์ หลกั เกณฑ์ ระเบียบ สง่ เสริมสนบั สนนุ ใหค้ รู ดาเนินการ นิเทศติดตาม
มาตรฐาน แนวคิด ทฤษฏี เกยี่ วกบั วิจัยเก่ียวกบั รูปแบบ เทคนิคและ
วธิ ีการ พฒั นาคณุ ภาพการศ฿กษา
การวิจยั เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพ
การศกึ ษาภายในสถานศกึ ษา ภายในสถานศกึ ษา

สรุปผล/นาเสนอผลการวจิ ยั /เผยแพร่ ประเมินผลการดาเนินงานเพ่ือ ปรบั ปรุงแกไ้ ข
คดั เลือกรูปแบบเทคนิค วิธีการ

กำรพฒั นำหลกั สตู รของสถำนศึกษำ
ให้สถานศึกษาจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาเป็นไปตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน

สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการของชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง โดยได้รับความเห็นชอบจาก
คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พื้นฐาน ส่งเสริมสถานศึกษาให้จัดกระบวนการเรียนรู้ โดยยดึ ผูเ้ รียนเป็น สาคัญ
ใหส้ ังคมชมุ ชน มีสว่ นร่วมในการกาหนดหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ รวมท้ังเครอื ขา่ ยและแหล่งการ เรียนรู้
การจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยจัดให้มีดัชนีช้ีวัด คุณภาพการจดั หลักสูตรและกระบวนการ
เรยี นรู้ สามารถตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาไดท้ กุ ช้นั ปี

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ
1. การพฒั นาหลักสตู รของสถานศกึ ษา
1.1 จัดให้มีการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรขึ้นใช้เองให้ทันกับ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน

เศรษฐกจิ และสงั คมและเป็นต้นแบบให้กับสถานศกึ ษาอ่นื
1.2 จัดทาหลักสูตรท่ีมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่ายกายและจิตใจ

สตปิ ญั ญา มีความร้แู ละคุณธรรม สามารถอยรู่ ่วมกันกบั ผู้อน่ื ได้อย่างมีความสุข
1.3 จัดให้มีวิชาต่างๆครบถ้วนตามหลักสูตรแกนกลาง สถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
1.4 เพ่ิมเติมเน้ือหาสาระของรายวิชาให้สูงและลึกซ้ึงมากข้ึน สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

ได้แก่ด้านศาสนา ดนตรี นาฏศิลป์ กีฬา อาชีวศึกษา การศึกษาท่ีส่งเสริมความเป็นเลิศผู้บกพร่องพิการ และ
การศกึ ษาทางเลอื ก

1.5 เพ่ิมเติมเน้อื หาสาระของรายวิชาท่ีสอดคลอ้ งกับสภาพปัญหาความต้องการของผู้เรียน
กับผปู้ กครอง ชมุ ชน สังคมและมงุ่ ส่คู วามเปน็ สากล

2. สถานศึกษาสามารถจัดทาหลักสตู ร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การสอนและอื่นๆ ใหเ้ หมาะสมกับ
ความสามารถของผู้เรยี นตามกลุม่ เปา้ หมายพิเศษ

3. คณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พื้นฐานใหค้ วามเห็นชอบหลักสูตรสถานศกึ ษา

คมู่ อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 3

4. นิเทศ ติดตาม ประเมินผล ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษารายงานผลให้สา นักงานเขตพ้ืนท่ี
การศกึ ษารบั ทราบ

แผนผงั กำรปฏบิ ัติงำน

การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา

จดั ทาหลกั สตู รสถานศกึ ษาเป็นของตนเอง

สถานศกึ ษาสามารถจดั ทาหลกั สตู ร

คณะกรรมการสถานศกึ ษาใหค้ วามเหน็ ชอบ

นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล

ปรบั ปรงุ หลกั สตู รสถานศกึ ษา

เอกสำรทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

คู่มือการบริหารโรงเรยี น ในโครงการพัฒนาการบรหิ ารรปู แบบนติ บิ คุ คล สานักนโยบายและ แผนการ
ศึกษาขั้นพ้นื ฐาน สพฐ. กระทรวงศกึ ษาธิการ

กำรพัฒนำกระบวนกำรเรยี นรู้
กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ตอ้ งสง่ เสริมให้ผู้เรยี นสามารถพฒั นาคานึงถึงความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล

และพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทง้ั ความรแู้ ละคุณธรรม ผู้สอนต้องพยายามคัดสรรกระบวนการ
เรียนรู้ การออกแบบการเรียนรู้ ที่สอดคล้องกับศักยภาพและบริบทของผู้เรียน การกาหนด บทบาทของตัว
ผู้สอนและผู้เรียน การใช้ส่ือการเรียนการสอนท่ีหลากหลาย การออกแบบการวัดผลและ ประเมินผล เพ่ือ
พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ใหม้ คี ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรทู้ ้งั แปดกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ และนาไปสูก่ ารพัฒนา
สมรรถนะทส่ี าคัญของผู้เรียนและคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ กำรพฒั นำกระบวนกำรเรยี นรู้
1. จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและ ความถนัดของผู้เรียนโดยคานึงถึง

ความแตกต่างระหว่างบคุ คล

คูม่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื 4

2. ฝกึ ทกั ษะกระบวนการคดิ การจัดการการประเมินสถานการณ์ และการประยุกตค์ วามรู้ มาใช้เพ่ือ
ปอ้ งกันและแก้ไขปญั หา

3. จัดกิจกรรมใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณจ์ รงิ ฝกึ การ ปฏิบตั ใิ ห้ทาได้ คิดเป็น ทาเปน็ รกั การ
อ่าน และเกดิ การใฝ่ รู้อย่าง ตอ่ เนอื่ ง

4. จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ดา้ นต่างๆ อยา่ งได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมท้ังปลกู ฝัง
คณุ ธรรม ค่านิยมที่ดงี าม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ไว้ในทกุ วชิ า

5. ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนการสอน และ
อานวยความสะดวก เพ่ือให้ผ้เู รยี นเกิด การเรยี นรู้ และมีความรู้ รวมทง้ั สามารถใช้การ วิจัยเป็นสว่ นหนงึ่ ของ
กระบวนการเรียนรทู้ งั้ นีผ้ สู้ อนและผเู้ รยี น อาจเรียนรูไ้ ปพร้อมกัน จากสอื่ การเรยี นการสอนและแหลง่ วทิ ยาการ

6. จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดา มารดาและ
บคุ คลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อรว่ มกันพัฒนาการเรยี นตามศักยภาพ

7. ศึกษาค้นคว้าพัฒนารูปแบบ หรือการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ท่ีก้าวหน้า เพื่อเป็นผู้นา
กระบวนการจดั การเรยี นรเู้ พ่อื เป็นต้นแบบใหก้ ับสถานศึกษาอ่ืน

เอกสำรทเ่ี กยี่ วข้อง
คู่มอื การบริหารโรงเรยี น ในโครงการพัฒนาการบรหิ ารรปู แบบนิติบุคคล สานักนโยบายและแผนการ

ศึกษาขั้นพ้นื ฐาน สพฐ. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนผังกำรปฏบิ ัตงิ ำน

การพฒั นากระบวนการเรยี นรู้

จดั เน้ือหาสาระและกจิ กรรม ฝึกทกั ษะกระบวนการ

จดั กจิ กรรมใหก้ บั ผเู้ รยี น จดั กจิ กรรมการเรยี น การสอน

ส่งเสรมิ สนบั สนุน จดั สภาพแวดลอ้ มแหลง่ การ
เรยี นรู้

ศกึ ษาคน้ ควา้ พฒั นารปู แบบการเรยี นรู้

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 5

กำรวัดผลประเมนิ ผลและดำเนนิ กำรเทยี บโอนผลกำรเรยี น

การวัดผลประเมินผล เป็นกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ร่องรอย หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง
พัฒนาการ ความก้าวหนา้ และตดั สินผลการเรยี นของผเู้ รยี นอย่างเปน็ ระบบ เพื่อเปน็ ประโยชนต์ อ่ การ ส่งเสรมิ
ให้ผเู้ รียนเกดิ การพฒั นา และเรียนรู้ อยา่ งเต็มศกั ยภาพ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สามารถ จัดใหม้ ขี ึ้น
ทั้งระดบั ชั้นเรยี น ระดับสถานศกึ ษา และระดับชาติ อีกทั้งในการจัดการศึกษาปัจจุบนั สภาพ เศรษฐกจิ สงั คม
มกี ารเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว การศกึ ษามหี ลายรปู แบบซึ่งสามารถเทียบโอนการศกึ ษา ในทุกระบบ ทจ่ี ดั

กำรศึกษำในปจั จุบัน แนวทำงกำรปฏบิ ัติ

1. ศกึ ษามาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั ของหลักสูตรสถานศกึ ษา
2. วัดและประเมินผลตามตัวชวี้ ัดของหลกั สตู รสถานศกึ ษา
3. การจบหลักสูตรให้เป็ นไปตามเกณฑก์ ารจบของหลักสตู รสถานศึกษา
4. การเทยี บโอนหลักสตู รกรณีโอนย้ายสถานศกึ ษา
5. การแกไ้ ขผลการเรียน 0, ร, มส, มผ และการเรียนซา้
6. การจดั ทาเอกสาร ปพ. 1-7
7. อนมุ ตั กิ ารจบหลกั สูตร
8. รายงานผลการจบการศึกษา (ปพ.2) ไปยงั สานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษา (ป.6 ม.3 และ ม.6) และ
รายงานไปยังสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน (รายงานเฉพาะ ม.3 และ ม.6)

เอกสำรทเ่ี กย่ี วข้อง
1. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานปีการศกึ ษา 2551
๒. ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการวา่ ด้วยการวดั และประเมินผลตามหลักสูตรการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐานของ

สถานศึกษา

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นท่าเรอื 6

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 7

กำรวิจัยเพ่ือพฒั นำคณุ ภำพกำรศึกษำในสถำนศึกษำ

พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พุทธศกั ราช 2542 มาตรา 24 (5) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้ผ้สู อน
สามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดลอ้ ม สอ่ื การเรียน และอานวยความสะดวก เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ และ
มคี วามรอบรู้ โดยท้ังสามารถใช้การวิจยั เปน็ ส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธภิ าพ รวมท้ัง
การส่งเสริมใหผ้ สู้ อนสามารถวิจัยเพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกบั ผู้เรียนในแตร่ ะดบั การศกึ ษา

แนวทำงกำรปฏิบัติ
1. กาหนดนโยบายและแนวทางการใชก้ ารวิจัยเป็นสว่ นหนงึ่ ของกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการ

ทางานของผ้เู รียน ครู และผู้เกี่ยวขอ้ งกบั การศกึ ษา
2. พฒั นาครูและผ้เู รยี นใหม้ คี วามรู้เกี่ยวกับการปฏริ ูปการเรียนร้โู ดยใชก้ ระบวนการวจิ ัยเปน็ สาคญั ใน

การ เรียนรูท้ ซี่ ับซอ้ นขนึ้ ทาใหผ้ ้เู รยี นได้ฝึกการคิด การจัดการ การหาเหตผุ ลในการตอบปัญหา การผสมผสาน
ความรแู้ บบสหวิทยาการ และการเรยี นรใู้ นปัญหาทตี่ นสนใจ

3. พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยกระบวนการวจิ ยั
4. รวบรวมและเผยแพร่ผลการวิจยั เพ่ือการเรยี นรู้และพัฒนาคุณภาพการศึกษา รวมทง้ั สนับสนุนให้
ครนู า ผลการวจิ ัยมาใช้ เพ่ือพัฒนาการเรยี นรแู้ ละพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา

เอกสำรท่ีเก่ียวข้อง
1. คมู่ ือการบรหิ ารโรงเรียนในโครงการพัฒนาการบริหารรปู แบบนิตบิ คุ คล
2. พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 และทแี่ ก้ไขเพ่ิมเตมิ
3. กฎกระทรวง กาหนดหลกั เกณฑ์และวิธีการกระจายอานาจการบรหิ ารและจัดการศึกษา

พ.ศ.2550

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 8

แผนผังกำรปฏิบตั ิงำน

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นท่าเรอื 9

กำรพัฒนำแหล่งเรยี นรู้
แนวคิด

แหล่งเรยี นรู้ คอื แหล่งขอ้ มลู ข่าวสาร สารสนเทศ และประสบการณ์ ทสี่ นบั สนนุ ส่งเสริมให้ผ้เู รยี น
ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ แสวงหาความร้แู ละเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองตามอธั ยาศัย อยา่ งกว้างขวางและต่อเนื่อง เพอ่ื เสริมสรา้ ง
ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ กระบวนการเรยี นรู้ และเป็นบคุ คลแหง่ การเรียนรู้

แนวทำงกำรปฏิบตั ิ
1. สารวจจดั ทาทะเบยี นแหล่งการเรยี นรู้ สิ่งแวดลอ้ มทางการศกึ ษา และภมู ิปัญญาท้องถิ่น
2. จัดทาเอกสารสรุปแหล่งเรียนรู้สิ่งแวดล้อมทางการศึกษา และภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่
3. ดาเนนิ การสนบั สนุน ส่งเสริม และกากบั การใช้ประโยชนแ์ หลง่ เรียนรู้ และเผยแพร่
4. ติดตามประเมินผลการใช้แหล่งเรียนรู้ หากผลการประเมนิ ไม่ผ่านหรอื ไม่บรรลเุ ป้าหมาย ตามท่ี

สถานศึกษากาหนด ให้ดาเนนิ การประชุม วิเคราะหส์ ภาพและปัญหา เพ่ือ สรปุ เป็นแนวทางในการพฒั นาคร้ัง
ต่อไป

5. สรปุ และรายงานผล

เอกสำรท่ีเก่ยี วขอ้ ง
1. นโยบายการส่งเสรมิ สนับสนนุ แหล่งเรียนร้แู ละภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ
2. พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542
3. หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พ.ศ. 2551
4. คูม่ ือการปฏิบัตงิ านเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา “กลุม่ ส่งเสริมการจดั การศกึ ษา”

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นท่าเรอื 10

แผนผงั กำรปฏบิ ัติงำน

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 11

กำรนิเทศกำรศกึ ษำ
หลักการและแนวคิดที่สาคัญของการนิเทศภายใน ผู้นิเทศต้องมีความรู้ ความเข้าใจหลักการนิเทศ

อยา่ งถูกต้อง ตรงประเด็น และชดั เจนในกระบวนการนเิ ทศ ท้ังนีก้ ระบวนการนิเทศทีเ่ กิดขนึ้ ต้องเป็นเชงิ ระบบ
มกี ารวางแผนในการดาเนนิ งาน โดยถอื หลกั การการมสี ว่ นรว่ มในการทางาน มีการดาเนินงานอยา่ ง สรา้ งสรรค์
และการนเิ ทศตอ้ งเปน็ ไปเพอ่ื การพฒั นากระบวนการเรียนการสอนของครูเป็นสาคัญ

แนวทำงปฏบิ ัติ
1. รวบรวม จัดทาระบบข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับพัฒนา ระบบการนิเทศ และการจัดกระบวนการ

เรียนรู้
2. ศกึ ษาสภาพปญั หา ความต้องการของการนิเทศและการจดั กระบวนการเรียนรู้
3. จัดทาแผนการสง่ เสริมและพฒั นาระบบการนิเทศและการจดั ระบวนการเรียนรู้
4. ดาเนนิ การนเิ ทศโดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐานและโครงการ เป็นฐาน ดงั นี้
4.1 การนเิ ทศโดยใชโ้ รงเรียนเป็นฐาน เชน่ ส่งเสริมให้ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้างาน ฝ่ายบรหิ าร

เป็นหลกั ในการนเิ ทศ ภายใน ส่งเสริมครูเป็นผู้สรา้ งกัลยาณมิตร นิเทศภายใน ส่งเสริมเครือข่ายการนิเทศครู
ตน้ แบบ ครูแกนนา ผูป้ กครอง ชมุ ชน และภมู ปิ ัญญา สง่ เสริมการนิเทศ ภายนอก รวมทัง้ ส่งเสริมการนิเทศที่มี
การรวมพลงั จากทกุ ฝา่ ย

4.2 การนเิ ทศโดยใช้โครงการเป็นฐาน
5. จัดทาสรุปรายงานผล และเผยแพร่เทคนิคการนิเทศ และการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีประสบ
ผลสาเรจ็

เอกสำรที่เก่ียวขอ้ ง
1. พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เติม
2. พระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 12

แผนผังแนวทำงปฏิบตั ิ

ค่มู อื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 13

งำนแนะแนว
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 กาหนดให้ผเู้ รียนได้เรยี นร้ใู นกิจกรรมพัฒนา

ผู้เรียน 3 กิจกรรม คือ (1) กิจกรรมแนะแนว (2) กิจกรรมนักเรียน (3) กิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ และพฒั นาผเู้ รียนให้รู้จักตนเอง รรู้ กั ษ์สง่ิ แวดลอ้ ม
สามารถคดิ ตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวิตทั้งดา้ นการเรียน และด้านอาชีพ สามารถ
ปรับตนได้อย่างเหมาะสม และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ดังน้ัน การบริหารงานแนะแนว ในสถานศึกษา
เพ่ือใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ จึงควรจัดใหค้ รอบคลมุ ใน 3 ลกั ษณะ ดังตอ่ ไปนี้ 1) การจดั บรกิ าร แนะแนวอยา่ งเป็น
ระบบโดยมีบริการครบ 5 บริการ และครอบคลุมงานแนะแนวทั้ง 3 ประเภท ท้ังนี้จะต้องมี การกาหนด
ผู้รับผิดชอบอยู่ในโครงสร้างการบรหิ ารของโรงเรียน และต้องมีโครงการแผนงาน งบประมาณที่แสดงถึงการ
ปฏบิ ตั งิ านท่ีตอ่ เน่ืองทง้ั ปี 2) การจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อพฒั นาผู้เรยี นตามหลักสูตร ท่กี าหนดใหส้ ถานศกึ ษา
ต้องจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน (ซึ่งแบง่ เป็นกิจกรรมแนะแนว และกิจกรรมนักเรียน) และถือเป็นส่วนสาคัญใน
การจบหลักสูตร 3) การประยุกต์ใช้หลักการแนะแนวและกระบวนการแนะแนว ในการจัดหลักสูตร และ
พฒั นาการเรียนการสอน การดแู ลทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ
1. ศึกษาขอบขา่ ยงานแนะแนว และบริบทของสถานศกึ ษา
2. กาหนดนโยบายการจัดการศกึ ษา โดยเนน้ สร้างความตระหนักให้ทกุ คนมีส่วนรว่ มใน กระบวนการ

แนะแนวและการดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รียน
3. จดั ระบบและโครงสรา้ งงานแนะแนว และระบบการดูแลช่วยเหลอื ผู้เรยี นให้ชดั เจน
4. สง่ เสริมใหค้ รูทกุ คนมีบทบาทและเห็นคุณค่าของการแนะแนว และดแู ลช่วยเหลือผ้เู รียน
5. ส่งเสริมและพัฒนาให้ครูได้รับความรู้เพิ่มเติม ในเรื่องจิตวิทยาและการแนะแนว และดูแล

ช่วยเหลอื ผเู้ รยี นเพอื่ ใหส้ ามารถบูรณาการในการจดั การเรียนรู้และเชอื่ มโยง ส่กู ารดารงชวี ติ ประจาวนั
6. คัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถและบุคลิกภาพที่เหมาะสมทาหน้าที่ครูแนะแนว ครูที่

ปรกึ ษา ครปู ระจาชน้ั และคณะอนุกรรมการแนะแนว
7. ดูแล นิเทศ กากับ ตดิ ตาม และสนับสนุนการดาเนนิ งานแนะแนวและดูแลชว่ ยเหลือผ้เู รียน อยา่ ง

เป็นระบบ
8. ส่งเสรมิ ความรว่ มมือและความเขา้ ใจอันดรี ะหวา่ งครู ผปู้ กครอง และชมุ ชน
9. ประสานงานด้านการแนะแนวระหว่างสถานศึกษา องค์กรภาครัฐและเอกชน บ้าน ศาสนสถาน

ชุมชน ในลักษณะเครอื ข่ายการแนะแนว
10. เช่ือมโยงงานแนะแนวและระบบดแู ลชว่ ยเหลอื ผเู้ รยี นเพ่ือการพฒั นาศักยภาพของผู้เรยี น
11. สรปุ และรายงานผล

เอกสำรท่เี กี่ยวข้อง
1. พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
2. พระราชบญั ญตั ิมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ. 2540

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นทา่ เรอื 14

3. พระราชบญั ญัตสิ ง่ เสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2521
4. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยสทิ ธเิ ด็ก
5. คู่มือบริการจดั การแนะแนว พ.ศ. 2545
6. ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าด้วยสทิ ธิเด็กและเยาวชน

กำรพัฒนำระบบกำรประกันคุณภำพภำยในสถำนศกึ ษำ
ระบบประกันคุณภาพการศึกษากาหนดขึ้นเพ่ือพฒั นาคุณภาพของมาตรฐานการศึกษา ซ่ึงเป็นหน้าท่ี

ของสถานศึกษาและหน่วยงานตน้ สังกัด ต้องกาหนดให้การประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา เป็นส่วนหนึ่ง
ของกระบวนการบรหิ ารสถานศึกษา ซึ่งมี 7 ข้ันตอน คือ กาหนดมาตรฐานการศึกษา จัดระบบ บริหารและ
สารสนเทศ จัดทาแผนพัฒนาสถานศึกษา ดาเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษา ตรวจสอบ และทบทวน
คุณภาพการศึกษา ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา และจัดทารายงาน คุณภาพการศึกษา
ประจาปี (SAR)

แนวทำงกำรปฏิบตั ิ
1. กาหนดมาตรฐานการศึกษาเพิ่มเติมของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศกึ ษาแห่งชาติ

มาตรฐานการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน มาตรฐานสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษา และความต้องการของชุมชน
2. จดั ระบบบริหารและสารสนเทศ โดยจัดโครงการสรา้ งการบริหารท่ีเออื้ ต่อการพัฒนางานและการ

สรา้ งระบบประกันคุณภาพภายใน จัดระบบสารสนเทศให้เป็นหมวดหมู่ ข้อมูลมีความสมบูรณ์ เรียกใช้ง่าย
สะดวก รวดเรว็ ปรบั ใหเ้ ป็นปัจจุบนั อยูเ่ สมอ

3. จัดทาแผนสถานศึกษา ท่มี ุ่งเน้นคุณภาพการศกึ ษา (แผนกลยทุ ธ/์ แผนยทุ ธศาสตร์)
4. ดาเนินการตามแผนพัฒนาสถานศึกษาในระบบดาเนินโครงการ/กิจกรรม สถานศึกษาต้องสร้าง
ระบบการทางานที่เข้มแข็ง เนน้ การมสี ว่ นร่วมและวงจรการพฒั นาคณุ ภาพของเดมมิ่ง (Demming) หรอื ทร่ี ู้จัก
กนั ว่าวงจร PDCA
5. ตรวจสอบและทบทวนคุณภาพการศกึ ษา โดยดาเนินการอย่างจริงจัง ต่อเนอ่ื ง โดยการสนับสนุน
ให้ครูผปู้ กครองและชุมชนเขา้ มีส่วนร่วม
6. ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา ตามมาตรฐานที่กาหนดเพื่อรองรับการประเมิน
คณุ ภาพภายนอก
7. จัดทารายงานคณุ ภาพการศึกษาประจาปี (SAR) และสรุปรายงานประจาปี โดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน เสนอต่อหน่วยงานต้นสงั กัดและเผยแพร่ต่อสาธารณชน

เอกสำรท่ีเกี่ยวขอ้ ง
1. พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 (หมวด 6 มาตรา 47 และ 48 )
2. กฎกระทรวงว่าด้วยระบบหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา

ระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นท่าเรอื 15

3. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 (มาตร 37 (2) และ
มาตรา 39 (4))

ค่มู อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 16

2. กลมุ่ บรหิ ำรงำนบคุ คลำกร
2.1 งานวเิ คราะห์และวางแผนอตั รากาลงั คน
2.2 งานกาหนดตาแหนง่
2.3 งานเสริมสรา้ งประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั ริ าชการ
2.4 การพฒั นาระหว่างปฏบิ ัตหิ น้าทร่ี าชการ
2.5 การพัฒนากอ่ นเลื่อนตาแหนง่
2.6 การพัฒนากรณไี มผ่ า่ นการประเมนิ วิทยฐานะ
2.7 การเลื่อนเงินเดอื นปกตหิ รือกรณีพเิ ศษ
2.8 งานทะเบียนประวัติ
2.9 งานวนิ ัยและการรกั ษาวินัย
2.10 รายงานผลการปฏิบัตริ าชการ
2.11 งานเวรยามรักษาการณ์

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื 17

การบรหิ ารบุคลากร

ในแต่ละหน่ึงวนั ของการทาหนา้ ทผี่ อู้ านวยการโรงเรยี นภารกจิ ของการบริหารงานบุคคลตอ้ งพบเจอ
และแกไ้ ขปญั หา มีหลายกรณดี ้วยกนั เชน่ ครูบางทา่ นอาจลากจิ ลาปว่ ย หรือลากรณตี ่างๆ จึงจาเปน็ ต้องมี
ภารกิจให้ตอ้ งพจิ ารณาตัดสนิ ใจ ไดแ้ ก่ การพิจารณาอนุญาตการลา การหาครทู าการสอนแทน หรือทาภารกจิ
อน่ื แทนผทู้ ลี่ า เปน็ ต้น กรณีตวั อยา่ งสถานการณ์ เหตกุ ารณท์ ผ่ี ู้บรหิ ารโรงเรียนตอ้ งมที กั ษะการแกไ้ ขปญั หาท่ี
อาจเกดิ ขึน้ ในโรงเรยี น อาทิ เช่น

คูม่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 18

การบรหิ ารงานบุคคล เปน็ กระบวนการทเี่ กี่ยวข้องกับการวางแผนอตั รากาลงั การสรรหา และการ
คัดเลือกบุคคลท่ีเหมาะสมเข้าทางาน มอบหมายภาระงานให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของบุคคล
รวมทง้ั ธารงรกั ษาบคุ ลากร การพัฒนาบุคลากร การเสรมิ แรงและสร้างแรงจูงใจในการทางาน การประเมินผล
การปฏิบตั งิ าน จนกระท่ัง การให้บุคลากรพน้ จากการปฏบิ ตั ิงาน

สาหรับบุคคลากรในสถานศึกษา ประกอบด้วย ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พนักงาน
ราชการ ครูจ้างสอน ลูกจ้างประจา และลูกจ้างชั่วคราว ซ่ึงการบริหารบุคคลของสถานศึกษาเป็นภารกิจท่ี
สาคญั สาหรบั ผู้บริหาร ตอ้ งส่งเสรมิ สนับสนุน ใหบ้ คุ ลากรสามารถปฏิบตั ิงานไดอ้ ย่างคล่องตวั มีประสทิ ธิภาพ
ภายใต้กฎ ขอ้ บังคับ ระเบียบ กฎหมายที่กาหนด

แนวคิดในการบริหารงานบุคคล
1. ศึกษาแนวปฏบิ ัติ จากกฎ ข้อบังคบั ระเบียบ กฎหมายตา่ งๆ ในแตล่ ะเรื่องใหเ้ ข้าใจอย่างถกู ตอ้ ง

ชัดเจน จนสามารถนาไปปฏิบตั ติ ามได้
2. ดาเนนิ การด้วยความรอบคอบ รวดเรว็ บนพื้นฐานของขอ้ มูลทเี่ ป็นจรงิ และสามารตรวจสอบ

แหล่งทมี่ าได้
3. บริหารงานโดยยึดหลกั ธรรมาภบิ าล และการมีสว่ นรว่ ม
4. ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ประสานงานกบั หนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วข้อง

ค่มู ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 19

ขอบขำ่ ยกำรบริหำรงำนบุคคล

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 20

กำรดำเนนิ กำรเกย่ี วกบั อัตรำกำลัง

อัตรากาลังเป็นเร่ืองท่ีมีความสาคญั ต่อการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องการดาเนินงาน
และภาระงานท่ีกาหนด การได้มาซึ่งอัตรากาลังท่ีเหมาะสมจาเป็นต้องเริ่มจากการวิเคราะห์งานวางแผน
อตั รากาลังที่จะต้องพิจารณาถึงจานวนคน ความรู้ความสามารถของคนท่มี ีความเหมาะสมกับงานท่ีจะปฏิบัติ
วิธีการได้มาซ่ึงกาลังคนที่เหมาะสม ในระบบข้าราชการครู มีกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา เป็นกรอบในการดาเนินการ อีกท้ังคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศกึ ษา (กคศ.) ได้กาหนดหลกั เกณฑ์วธิ ีการให้ดาเนนิ การและมอบอานาจให้ส่วนราชการต่างๆดาเนนิ การอย่าง
ชดั เจน โดยมาข้นั ตอนดาเนินงานพอสรปุ เป็นขน้ั ตอนปฏบิ ตั ิท่ตี ่อเนือ่ งกนั ดงั น้ี

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ
1. กำรวำงแผนอตั รำกำลัง

1.1 วิเคราะห์ภารกิจและประเมนิ สภาพความตอ้ งการกาลงั คน
1.2 จดั ทาแผนอัตรากาลงั ตามเกณฑท์ ีก่ .ค.ศ.กาหนด
1.3 นาแผนอตั รากาลังขอความเหน็ ชอบคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน

1.4 นาแผนอตั รากาลงั ส่ง สพท.เพอื่ ดาเนนิ การเสนอขอผู้มอี านาจอนุมตั ิ (กศจ.)
2. กำรจัดสรรอตั รำกำลังขำ้ รำชกำรครบู คุ ลำกรทำงกำรศึกษำ

2.1 สพฐ.แจ้งจดั สรรอัตรากาลงั ใหเ้ ขตพนื้ ท่ีการศึกษา

2.2 สพท.ตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณาเกล่ยี อตั รากาลงั และจดั สรรใหส้ ถานศึกษานาเสนอ
กศจ.

2.3 กศจ.พจิ ารณาอนมุ ัตแิ ละแจง้ ไปยงั สถานศึกษา

2.4. สถานศกึ ษารับทราบและบันทึกขอ้ มลู อัตราวา่ งในระบบ
3. กำรสรรหำและบรรจแุ ตง่ ตงั้

3.1. กรณีขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา

3.1.1 กศจ.กาหนดพจิ ารณาวิธีดาเนนิ การสรรหาและบรรจแุ ตง่ ตง้ั โดยวธิ ีการรับย้ายหรอื รบั
โอนหรอื การคดั เลือก หรือการสอบแขง่ ขนั ตามแนวทางที่ ก.ค.ศ.กาหนด

3.1.2 กศจ.ดาเนนิ การสรรหา และสั่ง บรรจุแตง่ ตัง้ สง่ ตัวให้สถานศกึ ษา

3.1.3 ผอู้ านวยการสถานศึกษารับการรายงานตวั จดั ทาทะเบียนประวัติ ปฐมนเิ ทศ
มอบหมายภาระงานใหร้ ับผิดชอบ

4. ให้สถำนศกึ ษำและหน่วยงำนต้นสงั กดั และพัฒนำอยำ่ งเข้ม สาหรับผู้ที่รับการบรรจแุ ละแต่งต้ัง

เขา้ รับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตาแหน่งครูผู้ช่วยเป็นเวลา 2 ปี ในสถานศึกษาทไ่ี ดร้ บั การบรรจุ
และแต่งตั้งนบั แต่วันทเ่ี ขา้ บรรจุรบั ราชการก่อนแต่งต้งั ให้ดารงตาแหนง่ ครู

4.1 กรณีครผู ู้ชว่ ยผู้ใดลาคลอดบตุ ร ลาป่วยซึ่งจาเป็นต้องรักษาตวั เป็นเวลานาน ลาป่วย

เพราะประสบอันตรายจากการปฏบิ ัติหน้าที่ หรือกลบั จากไปราชการ หรอื ลาเข้ารบั การตรวจเลือก หรอื เข้ารบั
การเตรยี มพลให้นบั วันลาดังกลา่ วรวมเป็นระยะเวลาการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ไดไ้ ม่เกนิ 90
วนั หากลาเกิน 90 วันผนู้ ้ันตอ้ งเตรียมความพร้อมพัฒนาอย่างเขม้ ตามจานวนวนั ลาทีเ่ กิน ใหค้ รบ 2 ปี

4.2 ใหผ้ ู้มอี านาจตามมาตรา 53 แต่งตง้ั คณะกรรมการเตรียมความพรอ้ มและพัฒนา
อย่างเข้ม จานวน 3 คน โดยมอี งค์ประกอบตามลาดับ ดังนี้

คูม่ อื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นท่าเรอื 21

ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ประธานกรรมการ

ผู้ดารงตาแหน่งครูในสถานศกึ ษา กรรมการ

ผู้ทรงคณุ วฒุ ิอื่นจากภายนอกสถานศกึ ษา กรรมการ

ทง้ั น้ี ให้คณะกรรมการทาหนา้ ท่ีเป็นพีเ่ ลีย้ ง โดยใหค้ าปรึกษา สอนงาน ชว่ ยเหลอื แนะนาการปฏบิ ัติ

ตนและการปฏิบตั งิ านใหม้ ีคุณลักษณะในหน้าทีค่ วามรบั ผิดชอบตามมาตรฐานตาแหน่งท่ี ก.ค.ศ. กาหนด

4.3 กรณีไม่มีผดู้ ารงตาแหน่ง ในสถานศึกษาท่ีครูผู้ชว่ ยไดร้ ับการบรรจุและแต่งตั้ง แลว้ แต่

กรณี ให้แตง่ ตั้งจากสถานศึกษาอื่นที่อยใู่ กล้เคียงกัน เป็นกรรมการเตรียมความพรอ้ มและพฒั นาอยา่ งเข้มตาม

องค์ประกอบได้ตามความเหมาะสม

4.4 ใหค้ ณะกรรมการเตรียมความพรอ้ มและพฒั นาอยา่ งเขม้ มหี นา้ ทพี่ ฒั นาและประเมนิ ผล

การปฏิบตั ิตนและการปฏบิ ตั งิ านควบคกู่ ันเป็นระยะ ๆ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทุกหกเดอื น รวมสค่ื รงั้ ในเวลาสองปี ตาม

แบบประเมินท่ี ก.ค.ศ. กาหนด

4.5 ผู้ทผี่ ่านการประเมนิ การเตรียมความพรอ้ มและพัฒนาอยา่ งเข้มตอ้ งมผี ลการประเมนิ

จากกรรมการทุกคนเฉลยี่ ในแต่ละครงั้ ดังนี้

ครั้งที่ 1 ตอ้ งมีคะแนนในแตล่ ะด้านไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ 60

ครั้งท่ี 2 ต้องมีคะแนนในแต่ละด้านไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ 60

ครง้ั ที่ 3 ตอ้ งมีคะแนนในแตล่ ะดา้ นไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 70

คร้งั ที่ 4 ตอ้ งมีคะแนนในแต่ละด้านไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ 70

2. กรณีลกู จา้ งชวั่ คราว

2.1 สารวจอัตรากาลัง ความจาเป็น และงบประมาณในการจา้ ง

2.2 นาขอ้ มลู จากการสารวจ เสนอขอความเหน็ ชอบคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน

2.3 เสนอขอ้ มูลการขอจ้างพรอ้ มแบบรายงานการประชมุ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้น

พื้นฐานต่อสานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาพจิ ารณาอนญุ าต

2.4 ดาเนนิ การจดั ทาสญั ญาจา้ ง ใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บ

ค่มู อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 22

แผนผงั การปฏบิ ตั ิงาน

เอกสำรที่เก่ยี วข้อง
1. พระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และทแี่ กไ้ ขเพมิ่ เติม
2. เกณฑอ์ ตั รากาลงั ขา้ ราชการครตู ามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด
3. คมู่ อื การปฏบิ ตั ิงานสานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษากลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คลสานักงานคณะกรรมการ

สถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

2. กำรเตรยี มควำมพรอ้ มและพัฒนำอยำ่ งเข้ม

การเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มเป็นกระบวนการในการบริหารบุคคลท่ีจะเข้ามาดารง
ตาแหน่งครู ซ่ึงตอ้ งดาเนนิ การตามพระราชบัญญัติระเบียบข้อราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.
2547 มาตรา 56 บัญญัติให้ผู้ใดที่ได้รบั การบรรจุแต่งตั้งให้เข้ารับราชการเป็นขา้ ราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา ผู้ใดได้รับการบรรจุแต่งตั้ง ในตาแหน่งครู ให้ผู้น้ัน เตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มใน
ตาแหนง่ ครูผู้ช่วย เป็นเวลา 2 ปี กอ่ นแต่งตง้ั ใหด้ ารงตาแหนง่ ครู เพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ทักษะและบุคลิกลักษณะ

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นท่าเรอื 23

ในการปฏบิ ัติวิชาชีพ ท้ังในการปฏิบัติงานและการปฏิบตั ิหน้าท่ีท่ีเหมาะสมกับวชิ าชีพครตู ามหลักเกณฑ์และ

วธิ ีการที่ ก.ค.ศ. กาหนด

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ

1. ผ้อู านวยการสถานศกึ ษาแตง่ ตั้ง คณะกรรมการเตรยี มความพร้อมและพฒั นาอยา่ งเขม้ จานวน 3
คน ประกอบด้วย ผู้อานวยการสถานศึกษา เป็นประธานกรรมการ ผู้ทรงคณุ วุฒใิ นคณะกรรมการสถานศึกษา
จานวน 1 คน เปน็ กรรมการ และข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีผอู้ านวยการสถานศึกษาแต่งต้ัง
ใหท้ าหน้าท่ีเป็นผคู้ วบคมุ ดูแลการเตรียมความพรอ้ มและพฒั นาอย่างเข้มเป็นกรรมการและเลขานกุ าร

2. ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ให้คาปรึกษาแนะนา รวมทั้ง ประเมินผลการเตรียมความพร้อมและ
พัฒนาอยา่ งเข้ม โดยยดึ หลกั เกณฑก์ ารมีส่วนรว่ ม

3. ให้คณะกรรมการประเมนิ การเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มทุก 4 เดอื นในระยะเวลา 2
ปี รวม 6 คร้ัง

4. ผู้อานวยการสถานศึกษาไดร้ บั รายงานผลการประเมินแตล่ ะครงั้ ใหด้ าเนินการ ดังนี้
4.1. ผลการประเมินตา่ กวา่ เกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กาหนด และผอู้ านวยการสถานศึกษาเห็นวา่ ควร

ทบทวน กอ็ าจให้คณะกรรมการไปพจิ ารณาทบทวนอีกครงั้ และหากผลการประเมินยังตา่ กว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.
กาหนด ให้ผู้อานวยการสถานศึกษาสั่ง ให้ผู้นั้นออกจากราชการภายใน 5 วันทาการ นับตั้งแต่วันท่ีได้รับ
รายงานแลว้ แจง้ ผ้นู ัน้ ทราบโดยเร็ว

4.2. กรณีผลการประเมนิ ตา่ กวา่ เกณฑท์ ่ี ก.ค.ศ. กาหนด และผอู้ านวยการสถานศึกษาเหน็
เช่นเดยี วกบั คณะกรรมการ กส็ ง่ั ให้ผ้นู นั้ ออกจากราชการภายใน 5 วันทาการ นับตั้งแต่วนั ที่ได้รบั รายงาน แลว้
แจ้งผู้นน้ั ทราบโดยเร็ว

4.3. กรณผี ลการประเมินเป็นไปตามเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กาหนด ใหม้ ีการเตรียมความพร้อมและ
พัฒนาอย่างเข้มต่อไป และเมื่อผ่านการประเมินทกุ คร้ังจนครบ 2 ปีแล้ว และเห็นควรให้ผนู้ นั้ รับราชการตอ่ ไป
ให้รายงานสานกั งานพ้ืนทีก่ ารศกึ ษาเพอ่ื เสนอ กศจ. พิจารณาอนุมตั แิ ละแตง่ ตง้ั ผู้นนั้ ใหด้ ารงตาแหนง่ ครูตอ่ ไป
พร้อมทง้ั แจง้ ใหผ้ ไู้ ด้รบั การแตง่ ตง้ั ทราบ

ค่มู ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 24

แผนผงั การปฏิบตั ิงาน

เอกสำรทีเ่ กย่ี วข้อง

1. พระราชบญั ญัตริ ะเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และทแี่ กไ้ ขเพิ่มเตมิ
(ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 53, 56

2. หนังสอื สานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ. 0206.2/ ว 20 ลงวนั ท่ี 10 พฤศจิกายน 2548 เร่ือง

หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการเตรียมความพร้อมและพฒั นาอย่างเขม้
3. หนงั สอื สานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ. 0206.3/ ว 24 ลงวันท่ี 14 ธนั วาคม 2548 เรื่อง การปรบั ปรงุ

การกาหนด ตาแหนง่ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา

4. หนังสอื สานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ. 0206.2/ ว 1 ลงวนั ท่ี 2 มกราคม 2551 เรอ่ื ง การปรบั อตั รา
เงนิ เดือนขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา

5. หนังสอื สานักงาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ. 0206.2/ 440 ลงวนั ที่ 1 เมษายน 2551 เรือ่ ง การแตง่ ต้ังครู

ผชู้ ว่ ยให้ดารงตาแหนง่ ครู

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื 25

3. กำรยำ้ ยขำ้ รำชกำรครแู ละบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ
แนวคดิ
การยา้ ยข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา เพอื่ ให้โอกาสไปดารงตาแหนง่ เดมิ ใน สถานศกึ ษา

อืน่ ผมู้ ีหนา้ ทตี่ ้องศึกษาระเบยี บ หลกั เกณฑ์ให้ถกู ตอ้ งชดั เจน และดาเนนิ การตามกรอบเวลาท่ี สพฐ.กาหนด
โดยยดึ หลกั ความถูกต้องยตุ ิธรรม และเกิดผลดตี อ่ ทางราชการ

แนวทำงกำรปฏิบตั ิ
1. ศธจ. ประกาศ เรอื่ ง การย่นื คาร้องขอยา้ ยประจาปี (กรณีพิเศษไมต่ ้องรอประกาศฯ)
2. ครเู ขยี นคาร้องขอยา้ ย ปลี ะ 1 ครั้งระหวา่ งวันท่ี 1-31 มกราคม (หรือระยะเวลาตามประกาศ)
3. ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาพจิ ารณาให้ความเห็นชอบในแบบคารอ้ งขอย้าย
4. เสนอขอความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน แล้วรวบรวมเอกสารส่ง สพท.
5. สพท. ดาเนนิ การตามระเบียบการยา้ ยฯ
6. กศจ. ทรี่ บั ย้ายพิจารณา
7. ผู้มอี านาจออกคาสงั่ ยา้ ย
8. ผูอ้ านวยการสถานศกึ ษาแจ้งผยู้ า้ ยทราบ ใหด้ าเนนิ การสง่ มอบงานในหนา้ ที่
9. ทาหนงั สอื สง่ ตวั ครูผยู้ า้ ย
9.1 กรณีภายในเขตเดยี วกันสง่ โรงเรยี นรบั ย้าย
9.2 กรณตี า่ งเขต สง่ ไปสานกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาท่ีรบั ย้าย

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 26

แผนผงั การปฏิบตั ิงาน

7. การดาเนินการเกี่ยวกบั การเล่ือนเงินเดือน 27
แนวคิด

๔. กำรเล่อื นเงินเดือน

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื

แนวคิด

การพิจารณาการเลอื่ นเงนิ เดอื นระบบรอ้ ยละ ผมู้ หี นา้ ท่ี ต้องปฏิบัตติ ามแนวปฏิบัตโิ ดยศกึ ษาระเบียบ

แนวปฏบิ ัติ ใหช้ ัดเจน ดาเนนิ การอยา่ งยตุ ธิ รรม โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ เพอ่ื เปน็ ขวัญกาลงั ใจ แก่ขา้ ราชการครู

และบุคลากร

แนวทำงกำรปฏบิ ตั ิ
1. กาหนดขอ้ ตกลงเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานร่วมกนั ระหวา่ งผ้บู งั คบั บญั ชาและผู้รบั การประเมนิ
2. ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานของตนเองเป็นการเบ้ืองตน้
3. ผอ.สถานศึกษาในฐานะผู้บังคับบัญชาประเมินผลการปฏิบัตงิ านของข้าราชการครูและบุคลากร

ทางการศึกษาในสถานศกึ ษา
4. ผอ.สถานศึกษาแตง่ ตัง้ คณะกรรมมการไมน่ ้อยกว่า ๓ คน หากในสถานศึกษามีขา้ ราชการครู

และบคุ ลากรทางการศึกษาไมค่ รบ ๓ คน ให้ผู้อานวยการสถานศึกษาทาหนังสอื ขอรายช่อื ข้าราชการครแู ละ
บคุ ลากรทางการศกึ ษาจากสถานศกึ ษาใกล้เคียงเพ่ือแตง่ ตง้ั คณะกรรมการใหค้ รบตามจานวน ทาหน้าท่ี
พิจารณารายงานผลการพจิ ารณา และเสนอความเห็นต่อผบู้ งั คับบญั ชาตามลาดบั เพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา
ของผมู้ อี านาจสง่ั เลอื่ นเงินเดือน

5. การกาหนดจานวนคร้งั การลาและการมาทางานสายใหถ้ อื ปฏิบัติตามหนังสือสานกั งาน
คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ที่ ศธ ๐๔๐๐๙/ว ๘๐๖๗ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ดงั น้ี

5.1 การลาบอ่ ยครงั้
5.1.1 ลาเกนิ 6 ครง้ั สาหรับขา้ ราชการทปี่ ฏิบัติราชการในสถานศกึ ษา
5.1.2 ลาเกนิ 8 คร้งั สาหรบั ขา้ ราชการและบุคลากรทางการศึกษาทล่ี าเกินจานวน

คร้งั ท่ีกาหนด แต่วนั ลาไม่เกนิ ๑๕ วนั ทาการและมผี ลการประเมินการปฏิบัตงิ านดเี ดน่ ผบู้ งั คบั บัญชา
ตามลาดับอาจเสนอผมู้ อี านาจสง่ั เลอื่ นเงนิ เดือนพิจารณาผอ่ นผันใหเ้ ล่ือนเงินเดอื นได้

5.2 การมาทางานสายเนือง ๆ
5.2.1 มาทางานสายเกนิ 8 ครงั้ สาหรับขา้ ราชการทป่ี ฏิบตั ริ าชการในสถานศกึ ษา
5.2.2 มาทางานสายเกิน 9 ครง้ั สาหรบั ขา้ ราชการทปี่ ฏิบตั ริ าชการในสานกั งาน

กรณีขา้ ราชการทีม่ คี าสงั่ ใหไ้ ปปฏบิ ัตริ าชการคาบเกี่ยวระหว่างสถานศกึ ษากับสานักงานใหใ้ ชเ้ กณฑ์ “การลา
บ่อยครัง้ ตามข้อ 5.1.2 และเกณฑก์ ารการมาทางานสายเนอื งๆ” ตามขอ้ 5.2.2

6. การประเมินประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลการปฏิบตั ิงานของข้าราชการทกุ กลมุ่ อนั ดบั ให้ใช้แบบ
ประเมินผลการปฏบิ ัติงานของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด โดยให้สรุปผล
การปฏบิ ัตงิ านของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาตามหนังสอื สานักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๗/๒๐
ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาการเลอื่ นเงินเดือน ดังนี้

ผลการประเมินดเี ดน่ ระดับคะแนนประเมนิ ร้อยละ ๙๐.๐๐ ขึ้นไป
ผลการประเมินดีมาก ระดับคะแนนประเมนิ ร้อยละ ๘๐.๐๐ - ๘๙.๙๙
ผลการประเมินดี ระดบั คะแนนประเมนิ รอ้ ยละ ๗๐.๐๐ – ๗๙.๙๙
ผลการประเมินพอใช้ ระดบั คะแนนประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐.๐๐ – ๖๙.๙๙
ผลการประเมนิ ปรบั ปรงุ ระดบั คะแนนประเมินรอ้ ยละ ๕๙.๙๙ ลงมา (ไม่ได้เลอื่ นเงนิ เดอื น)

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 28

7. กำรแบ่งกลุ่มและกำรบรหิ ำรวงเงินเพอื่ ใชเ้ ลอื่ นเงินเดือน
๗.1 การแบ่งกลมุ่ เพื่อบรหิ ารวงเงินให้แบง่ ออกเปน็ ๒ กลมุ่ ดงั นี้

7.1.1 กลุม่ ท่ี ๑ ขา้ ราชการทรี่ ับเงินเดอื น อนั ดบั ครผู ู้ช่วย คศ.๑ คศ.๒ และ คศ.๓
7.1.2 กลุ่มท่ี ๒ ข้าราชการทรี่ ับเงินเดือนอนั ดับ คศ.๔ และ คศ.๕
ทั้งน้ใี หเ้ ลอ่ื นเงนิ เดอื นขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ภายในวงเงินของแตล่ ะตาแหน่งกอ่ น
หากวงเงนิ เลอื่ นเงนิ เดอื นของตาแหนง่ ใดมีเหลอื จงึ สามารถเกลย่ี ไปให้ตาแหน่งอนื่ ได้
7.2 การนบั จานวนขา้ ราชการและอตั รากาลงั เงนิ เดอื นรวมของขา้ ราชการ เพือ่ คานวณ
วงเงนิ รอ้ ยละ ๓ ท่ีใชใ้ นการเลอื่ นเงนิ เดอื นให้นบั จากจานวนขา้ ราชการที่มตี ัวอยจู่ รงิ ณ วนั ที่ ๑ มีนาคม

คูม่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื 29

แผนผังกำรปฏิบัตงิ ำน

5.การลาทกุ ประเภท 30
คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื

๕. กำรลำทกุ ประเภท
แนวคิด

การลาทกุ ประเภทของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ผูร้ ับผิดชอบต้องดาเนนิ การให้เป็นไป
ตามที่กฎหมายระเบียบกาหนด ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.
2547 และจัดให้มีการสรปุ รายบุคคล ทุกปงี บประมาณ

1. ระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. 2555
2. คู่มอื การปฏบิ ตั ิงานสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา กลุ่มบรหิ ารงานบคุ คล สานักงานคณะกรรมการ
สถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

6. การดาเนินงานวินยั ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื 31

6. กำรดำเนนิ งำนวินัยขำ้ รำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ
แนวคิด

การดาเนินงานวนิ ัยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาครอบคลมุ ตงั้ แตก่ ารสง่ เสรมิ วนิ ยั และป้อง

ปรามมิให้กระทาผิดให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนรับเร่ืองร้องเรียน สืบสวน

ข้อเท็จจริง แต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง การดาเนินการทางวินัยส้ินสุด

รวมถงึ การสั่งพักราชการและการส่ังใหอ้ อกจากราชการไวก้ อ่ น

แนวกำรปฏบิ ัติ
กำรดำเนินกำรทำงวินัยไมร่ ้ำยแรงข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศกึ ษำ
1. ผู้บริหารสถานศึกษาแต่งตัง้ คณะกรรมการสืบสวนข้อเทจ็ จริง เมือ่ มีการร้องเรียนหรอื ปรากฏเป็น

ขา่ วใน สอื่ มวลชน หรือไดร้ บั การรายงานจากหน่วยงานอน่ื หรอื ผูบ้ ังคบั บัญชาพบเหน็ การกระทาผดิ
2. ตรวจสานวนการสืบสวนข้อเท็จจริง ถ้าเป็นกรณีไม่มีมูลก็เสนอผู้บังคับบัญชายุติเรื่อง แต่ถ้าเป็น

กรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยไมร่ ้ายแรง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ไมร่ ้ายแรง
3. คณะกรรมการดาเนินการสอบสวนตากฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2550 และ

เสนอรายงานการสอบสวน พร้อมสานวนการสอบสวน ใหผ้ สู้ ั่งวินยั ตามระเบยี บ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยวธิ ีการออก
คาสั่ง เกี่ยวกับการลงโทษทางวินยั ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2548 ประกอบกับ กฎ
ก.ค.ศ.ว่าดว้ ยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงนิ เดอื นหรือลดข้ันเงินเดือน พ.ศ.2549

4. รายงานการดาเนินการทางวินัยตามมาตรา 104(1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และทีแ่ กไ้ ขเพิ่มเติมตอ่ ไป

กำรดำเนินกำรทำงวนิ ยั อย่ำงร้ำยแรงขำ้ รำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ

1. ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาแตง่ ต้ัง คณะกรรมการสืบสวนขอ้ เทจ็ จรงิ เม่อื มกี ารรอ้ งเรยี น หรือปรากฎเป็น
ข่าวในสอื่ มวลชนหรอื ได้รับรายงานจากหนว่ ยงานอน่ื หรือผูบ้ งั คบั บัญชาพบเห็นการกระทาความผิด

2. ตรวจสานวนการสืบสวนข้อเท็จจริง ถ้าเป็นกรณีไม่มีมูลก็เสนอผู้บังคับบัญชายุติเร่ือง แตถ่ ้าเป็น
กรณีมมี ลู เป็นความผดิ วนิ ัยรา้ ยแรง ให้รายงานถึงสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาพจิ ารณาดาเนินการรายงาน
ศกึ ษาธกิ ารจงั หวัดเพอ่ื ให้ กศจ.พจิ ารณาแตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนวินัยอยา่ งรา้ ยแรง

3. คณะกรรมการดาเนินการสอบสวนตามกฎ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2550 และ
เสนอรายงานการสอบสวน พรอ้ มสานวนการสอบสวนใหผ้ ู้สัง่ แต่งต้งั คณะกรรมการสอบสวนพจิ ารณา ถา้ ไม่ผิด
วินยั ใหย้ ตุ ิเร่ือง แต่ถ้าผิดวินยั กใ็ ห้ดาเนนิ การตอ่ ไปตามระเบยี บ

กำรส่งั พกั รำชกำร

1. เมื่อมีการแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษาหรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญา หรือต้องหาว่ากระทาผิดอาญา และมีเหตุตามกฎ ก.ค.ฉบับท่ี 22 (พ.ศ.

2542) วา่ ด้วยการสงั่ พักราชการ การสัง่ ให้ออกจากราชการไวก้ ่อน และการดาเนินการเพ่ือใหเ้ ป็นไปตามผล
การสอบสวนพิจารณา และกฎ ก.พ.ฉบับท่ี 11(พ.ศ.2539) วา่ ด้วยการสัง่ พกั ราชการและการสง่ั ใหอ้ อกจาก
ราชการไว้ก่อน เชน่ ถา้ ให้คงอย่ใู นหน้าทรี่ าชการสอบสวนพจิ ารณาหรือจะก่อให้เกดิ ความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น

ฯลฯ แลว้

ค่มู อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นท่าเรอื 32

2. ผมู้ อี านาจตามาตรา 53 ออกคาสง่ั พักราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาเพื่อรอฟงั ผลการ
สอบสวนพิจารณา การสงั่ ใหอ้ อกจากราชการไว้กอ่ น

2.1 เม่ือมีการแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินยั อย่างรา้ ยแรงขา้ ราชการครูและบคุ ลากร
ทางการศึกษา หรือมีกรณีถูกฟ้องคดอี าญา หรือต้องหาว่ากระทาผิดอาญา ซ่ึงเป็นเหตุที่อาจถกู สง่ั พักราชการ
ตามขอ้ 3 และผมู้ อี านาจตามมาตรา 53 พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ การสอบสวนพจิ ารณาหรอื การพจิ ารณาคดที เี่ ป็น

เหตุทีอ่ าจถกู ส่ังพกั ราชนน้ั จะไมแ่ ล้วเสร็จโดยเรว็
2.2 ผมู้ อี านาจตามมาตรา 53 ออกคาสงั่ ให้ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาออก

จากราชการไว้ก่อนเพ่ือรอฟงั ผลการสอบสวนพิจารณา

คูม่ อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านทา่ เรอื 33

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

1 พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2547 และทแ่ี กไ้ ข
เพม่ิ เตมิ

2 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยการสอบสวนพจิ ารณา พ.ศ.2550
3 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยกรณคี วามผดิ ทป่ี รากฏชดั แจง้ พ.ศ.2549
4. กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยอานาจการลงโทษภาคทณั ฑต์ ดั เงนิ เดอื น หรอื ลดขนั้ เงนิ เดอื น พ.ศ.2549
5. ระเบยี บ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยวธิ กี ารออกคาสงั ่ เกย่ี วกบั การลงโทษทางวนิ ยั ขา้ ราชการครแู ละ
บุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ.2548
6. ระเบยี บ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยวนั ออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
พ.ศ.2548
1 พระราชบญั ญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และทีแ่ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ
2 กฎ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยการสอบสวนพจิ ารณา พ.ศ.2550

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 34

3. กฎ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยกรณีความผดิ ที่ปรากฏชัดแจง้ พ.ศ.2549
4. กฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยอานาจการลงโทษภาคทัณฑต์ ดั เงินเดอื น หรือลดขนั้ เงินเดอื น พ.ศ.2549

4.1 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และที่แก้ไข
เพมิ่ เติม

4.2 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยการสอบสวนพจิ ารณา พ.ศ.2550

4.3 กฎ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยกรณีความผิดท่ปี รากฏชดั แจง้ พ.ศ.2549
4.4 กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยอานาจการลงโทษภาคทัณฑ์ตดั เงินเดอื น หรอื ลดขน้ั เงนิ เดอื น พ.ศ.2549
5. ระเบียบ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยวิธีการออกคาส่ังเก่ียวกับการลงโทษทางวินัยข้าราชการครูและบุคลากร

ทางการศกึ ษา พ.ศ.2548
6. ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.

2548

7. ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานการดาเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของ
ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2551

8. กฎ ก.ค.ฉบับที่ 22 (พ.ศ.2542) ว่าดว้ ยการส่ังพกั ราชการ การสั่งให้ออกจากราชการไวก้ ่อนและ

การดาเนินการเพอ่ื ให้ไปไปตามผลการสอบสวนพจิ ารณา
9. กฎหมาย กฎ ระเบยี บ และหนังสอื เวียนอืน่ ที่เกีย่ วขอ้ ง

7. กำรจัดทำบัญชรี ำยช่ือและใหค้ วำมเห็นเก่ียวกับกำรเสนอขอพระรำชทำนเครอ่ื งรำชอิสริยำภรณ์
แนวคิด

งานการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผรู้ บั ผดิ ชอบตอ้ งศึกษาระเบยี บ แนวปฏบิ ตั กิ าร

ขอพระราชทานเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์ จดั ใหม้ ีการทาทะเบยี นคุม และช้แี จงแกข่ ้าราชการครูที่มคี ณุ สมบตั ิ
เสนอขอรบั พระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ ท่ีมีสทิ ้ธ์ไดร้ บั ตามระเบยี บ

แนวทำงกำรปฏิบตั ิ
1. ชนั้ ต.ม. เป็นข้าราชการระดับปฏิบตั ิการ หรือเปน็ ข้าราชการครูผชู้ ว่ ย หรือครูอนั ดับ คศ.1 และมี

เวลารับราชการติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันที่บรรจุหรือเลื่อนข้ันจนถึงก่อนวันเฉลิมพระ

ชนมพรรษาของปีที่ขอพระราชทาน 60 วนั
2. ช้ัน ต.ช. เปน็ ข้าราชการอนั ดบั คศ.2 รบั เงินเดอื นไมต่ ่ากว่าข้ันต่าของระดบั ชานาญการ (15,050

บาท) แต่เงนิ เดือนไมถ่ ึงขน้ั ต่าของระดับชานาญการพเิ ศษ (22,140 บาท)

3. ชน้ั ท.ม. เป็นข้าราชการระดับชานาญการ หรอื เปน็ ขา้ ราชการครอู นั ดับ คศ.2 และรบั เงินเดอื นไม่
ตา่ กวา่ ขั้นตา่ ของระดับชานาญการพเิ ศษ (22,140)

4. ช้ัน ท.ช. เป็นขา้ ราชการระดบั ชานาญการ หรือเป็นข้าราชการอนั ดับ คศ.2 และรับเงนิ เดือนไมต่ ่า

กว่าขัน้ ต่าของระดับชานาญการพิเศษ (22,140) มาแล้ว 5 ปีบริบูรณ์ หรือเปน็ ขา้ ราชการระดับชานาญการ
พิเศษ หรือข้าราชการอันดบั คศ.3

5. ชั้น สายสะพาย ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) (ตาแหน่งผู้อานวยการสถานศึกษาเท่านั้น)

ขา้ ราชการระดับ 8 (อนั ดบั คศ.3)
5.1 ต้องได้รับเงินเดือนเต็มขนั ้ ของระดบั 8 (อนั ดับ คศ.3) ข้ัน 58,390 บาท
5.2 ไดร้ บั เครอ่ื งราชย์ฯ ชนั้ ท.ช. มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 5 ปีบรบิ รู ณ์

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื 35

5.3 ถา้ มีคุณสมบตั ติ ามข้อ 1-2 ให้เสนอขอก่อนวนั ท่ี 1 ตลุ าคม ของปที ่ีจะเกษียณ
แผนผังกำรปฏิบัติงำน

8. กำรส่งเสริมกำรประเมินวทิ ยฐำนะขำ้ รำชกำรครู

แนวคิด

ก.ค.ศ. กาหนดหลักเกณฑแ์ ละวิธีการใหข้ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ตาแหน่งครู มีวิทย
ฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนงั สอื สานกั งาน ก.ค.ศ. ท่ี ศธ 0206.3/ว21 ลงวันท่ี 5 กรกฎาคม 2560
โดยมเี จตนารมณเ์ พ่ือสง่ เสริมสนบั สนุนให้ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ผดู้ ารงตาแหนง่ ครู ไดม้ กี าร

สัง่ สมความชานาญและมีความเชยี่ วชาญในการจัดการเรียนการสอน มีการพฒั นาตนเองอย่างตอ่ เน่อื งและ
ส่งเสรมิ ใหค้ รปู ระพฤตปิ ฏบิ ัตติ นเป็นแบบอยา่ งที่ดี มีวินยั คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชพี
แนวทำงปฏิบัติ

1. ขา้ ราชการครทู มี่ ีคณุ สมบัตคิ รบถ้วนตามหลกั เกณฑ์ยนื่ คาขอพรอ้ มเอกสารหลกั ฐานต่อผ้อู านวยการ

ค่มู อื การบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นทา่ เรอื 36

สถานศึกษา
2. ผู้อานวยการสถานศึกษาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคณุ สมบตั ิและกลนั่ กรองขอ้ มูล

3. ผ้อู านวยการสถานศึกษาตรวจสอบและรบั รองขอ้ มลู ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านและจัดทาเอกสารท่ี
เกย่ี วขอ้ ง

4. สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารหลกั ฐาน

5. สานักงานศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบคณุ สมบตั เิ อกสาร
6. คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดพิจารณาดาเนินการ

คมู่ อื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื 37

3. งำนบรหิ ำรงบประมำณ 38
๓.๑ งานจัดทาและเสนอของบประมาณ
๓.๒ งานจัดระบบการควบคุมภายในหนว่ ยงาน

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นทา่ เรอื

3.๓ งานตรวจสอบ ตดิ ตาม ประเมินผล และรายงานผลการใชเ้ งินและผลการ
๓.๔ งานบริหารการบัญชี
๓.๕ งานระดมทรพั ยากรและปัจจัยพื้นฐานเพอื่ การศึกษา
๓.๖ งานบรหิ ารการเงิน
๓.๗ งานบรหิ ารงานดา้ นพสั ดแุ ละสนิ ทรัพย์
เงิน หรือ งบประมาณ เป็นองค์ประกอบสาคัญของการทางานและมีความจาเป็นอย่างมากเช่นกับ
ผู้บริหารโรงเรียนนอกจากเก่งงานแล้วตอ้ งเกง่ เร่อื งเงนิ หรืองบประมาณ หมายถงึ ต้องใช้งบประมาณใหถ้ ูกต้อง
ตามระเบียบและเกิดประโยชน์คุ้มค่าอีกท้ังควรจะมีความสามารถในการระดมทรัพย์หรือหาเงินมาทา ด้วย
ตนเอง

งบประมำณที่ได้รับจำก สพฐ.
๑. เงนิ รายหัว/วสั ดุ พัสดุ
๒. ปัจจยั พนื้ ฐาน/ทรพั ยส์ นิ ของโรงเรยี น
๓. วัสดอุ ปุ กรณ์ จาหนา่ ยเมอ่ื หมดสภาพ
๔. สง่ิ ก่อสรา้ ง
๕. อาหารกลางวัน/นม
๖. พฒั นาผูเ้ รยี น ฯลฯ

งบประมำณทไ่ี ด้รับกำรสนบั สนนุ จำกภำคเอกชน
1. ผ้าป่า
2. ผมู้ ีจติ ศรทั ธา
3. กองทุน ชมรม สมาคม ฯลฯ

ผบู้ ริหำรโรงเรยี นกับกำรบรหิ ำรงบประมำณ
1. ตรวจสอบบญั ชีการเงนิ ตา่ งๆกากบั ตดิ ตามการใชจ้ า่ ยเงินตามโครงการกจิ กรรม
2. ลงนาม อนมุ ัติ ศกึ ษาระเบียบ
3. ศษิ ยไ์ ด้ประโยชน์
การบริหารงานงบประมาณเป็นภารกจิ ที่สาคัญในการสนับสนุนกิจการต่างๆของสถานศึกษาซ่ึงเป็น

การบริหารจัดการเกี่ยวกับงบประมาณและสินทรัพยร์ วมถึงการจัดหารายได้จากการบริการเพ่ือสนบั สนุนให้
การบริหารจัดการศึกษาและการดาเนินกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนเป็นไปตามแผนงานและแผนปฏิบัติ การ
อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลโดยมีความพร้อมในการบริหารแบบมุ่งเน้นผลงานอิสระคล่องตัว
ถูกต้องตามกฎ,ระเบยี บ,ข้อปฏิบัติ,ประกาศหรือมติคณะรัฐมนตรีอย่างถูกต้องทุกประการภายใตค้ วามคุ้มค่า
ประหยดั โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามหลักธรรมาภิบาลและเกดิ ประโยชนส์ ูงสุดแก่ทางราชการ

ท้งั นี้กฎกระทรวงกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอานาจการบรหิ ารและการจัดการศึกษาพ.ศ. 2550
ระบุอานาจหนา้ ทีบ่ รหิ าร บรหิ ารและจดั การศกึ ษาด้านงานงบประมาณไว้ 22 งานในด้านงบประมาณ เพ่ือเป็น

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นท่าเรอื 39

แนวทางการปฏิบัติงานด้านการบริหารงบประมาณสาหรับผู้รักษาการในตาแหน่ง ให้สามารถส่งเสริมการ
บรหิ ารงานงบประมาณได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

งำนจดั ทำและเสนอของบประมำณ
งานการจัดทาแผนงบประมาณและคาขอตั้งงบประมาณเป็นกลุ่มงานที่ส่งเสริมสนับสนุนและ

ประสานงานในเชิงนโยบายให้สถานศึกษาจัดการศกึ ษาตามนโยบายและมาตรฐานการศกึ ษาทก่ี าหนดมีหนา้ ที่
ศกึ ษาวเิ คราะห์ วิจัยและพัฒนาระบบขอ้ มลู สารสนเทศเพอื่ การบรหิ ารและการจดั การศึกษาการจดั ทานโยบาย
และแผนงบประมาณ การวิเคราะห์/จดั ตั้งงบประมาณ ตรวจสอบ ตดิ ตามประเมนิ และรายงานผลปฏิบัติงานใช้
ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตาม ยุทธศาสตร์ โดยเน้นความโปร่งใสทันสมัย ความรับผิดชอบท่ี
ตรวจสอบได้ เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล ยึดหลักการมสี ่วนร่วม และการบริหารท่ีโดยใช้ท่ีใช้โรงเรียน
เป็นฐาน (School - Based Management)

แนวทำงกำรปฏิบัติ
1. ทบทวนภารกิจการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ผลการดาเนินการที่ผ่านมาและศึกษารายงาน

ข้อมลู สารสนเทศทเี่ กย่ี วขอ้ ง
2. วิเคราะห์ปัจจัยสภาพแวดล้อมท่ีมีผลกระทบต่อการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา (SWOT) และ

ประเมินสถานภาพของสถานศกึ ษา
3. กาหนดวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) เป้าประสงค์ (Goals) และค่านิยมองค์การ (Core

Value) ของสถานศึกษา
4. กาหนดกลยทุ ธ์จดั การศึกษาของสถานศึกษา
5. กาหนดผลผลติ (Outputs) ผลลพั ธ์ (Outcomes) และตวั ชว้ี ดั ความสาเร็จ (KPIs)
6. กาหนดเป้าหมายของแผนในระยะปานกลาง (3-5ปี) โดยผลผลิตซ่ึงเป็นผลการปฏิบัติงานของ

สถานศึกษามคี วามสอดคล้องกับนโยบายท่ีเก่ยี วข้อง
7. จัดทารายละเอียดโครงสร้างของ แผนงาน/โครงการและกิจกรรมหลัก โดยวิเคราะห์จัดลาดับ

ความสาคัญ
8. ดาเนินการวิพากษแ์ ผนรับฟังความเหน็ จากผเู้ กยี่ วขอ้ งเพอื่ ปรับปรงุ แผน
9. ดาเนินการขอความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
10. จดั ทาคาขอรบั งบประมาณของสถานศกึ ษาและกรอบประมาณการรายจา่ ยระยะปานกลางเสนอ

ต่อเขตพื้นท่ีการศกึ ษา
11. จัดทาร่างข้อตกลงผลการปฏิบัติงาน ของสถานศึกษาเม่ือได้รับงบประมาณ โดยมีเป้าหมาย

สอดคล้องกบั แผนกลยทุ ธข์ องเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา
12. เผยแพร่ตอ่ สาธารณชนและผู้เกีย่ วข้อง

คมู่ ือการบรหิ ารงานโรงเรียนบา้ นทา่ เรอื 40

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 41

เอกสำรทีเ่ ก่ยี วข้อง
1. คมู่ ือการปฏิบัติงานสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา กลุ่มนโยบายและแผนสานักงานคณะกรรมการ

การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานกระทรวงศกึ ษาธกิ ารพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และทีแ่ กไ้ ขเพ่มิ เติม
2. พระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546
3. ระเบียบวา่ ด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.2545
4. คาสง่ั หวั หน้าคณะรกั ษาความสงบแห่งชาตทิ ี่ 18/2560 เรอ่ื งการปฏิรปู การศึกษาในภูมิภาคของ

กระทรวงศึกษาธกิ าร

กำรจดั ทำแผนปฏิบัติกำรใชจ้ ่ำยเงินตำมท่ไี ดร้ ับจดั สรรงบประมำณ
แผนปฏบิ ัตกิ ารเปน็ แผนประจาปขี องสถานศึกษาทีแ่ สดงให้เหน็ ถงึ ภารกิจท่จี ะดาเนนิ การในปใี ดปีหนึ่ง

ซึง่ มีการกาหนดเป้าหมายในการทางานท่ีต้องบรรลุในแต่ละปเี ป็นแผนแยกยอ่ ยออกมาจากแผนปฎบิ ัตริ าชการ
ระยะกลาง(แผนระยะ 3 – 5 ปี)โดยจะมีสาระสาคัญเช่นเดียวกับแผนพัฒนาดังกล่าวแต่จัดทาเป็นแผน
ประจาปีท่ีละเอียดและชัดเจนข้ึนเพ่ือนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานและเป็นกรอบในการจัดทาคาขอ
งบประมาณ รายจ่ายประจาปีรวมถงึ การรายงานผลการปฏิบัติราชการเม่ือสิ้นปีงบประมาณเป็นผลของการ
แปลงความคดิ ในการจะทาสิง่ ต่างๆทีอ่ ยูใ่ นความคดิ คนทางานใหอ้ อกมาอยู่ในลกั ษณะเอกสารรูปธรรมซ่งึ ผา่ น
กระบวนการในการกลน่ั กรองแลว้ ว่ามีความเปน็ ไปได้ และสอดคล้องกับเป้าหมายในการทางานทีก่ าหนดไว้

แนวทำงกำรปฏิบัติ
1. ศึกษา วิเคราะห์รายละเอียดนโยบายและงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากสานักงานเขตพื้นท่ี

การศึกษาและหน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ ง
2. ทบทวนกลยทุ ธ์ตามแผนพัฒนาการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานเพือ่ ปรบั แผนงาน/งาน/โครงการให้สอดคล้อง

กบั เปา้ หมายผลการปฏิบตั งิ านของ สพป/สพม/สพฐ./จงั หวดั ฯลฯ
3. กาหนดเปา้ หมายการพัฒนาของสถานศกึ ษา
4. จดั ทารายละเอียดแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี
5. วเิ คราะห์และจดั ทาคาของบประมาณ (Budget Allocation Phase)
6. นาเสนอแผนปฏิบตั กิ ารประจาปเี พอ่ื ขอความเหน็ ชอบคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน
7. เผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธต์ อ่ สถานศึกษาและสาธารณชน
8. ดาเนนิ การบรหิ ารแผนสกู่ ารปฏบิ ตั ิ
9. สนับสนุนช่วยเหลอื ให้บคุ ลากรดาเนนิ การตามแผนปฏิบตั กิ ารประจาปีของสถานศึกษา
10. ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานผลการดาเนนิ งาน

คูม่ ือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านท่าเรอื 42

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 43

กำรอนุมัตกิ ำรใชจ้ ่ำยงบประมำณทไ่ี ดร้ บั กำรจดั สรร
ภายหลังจากการจัดทาแผนพัฒนาแผนปฏิบัติการประจาปีและการจัดทาคาของบประมาณ ประเภท

งบลงทนุ ค่าครุภัณฑ์และท่ีดินส่ิงก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วสถานศึกษาจะได้รับการจัดสรรงบประมาณ จึง
สามารถนามาใช้ดาเนินการอนุมตั ิใช้จ่ายตามแผนท่ีกาหนดรว่ มกันไว้ได้ให้ตรงประเภทของเงนิ งบประมาณท่ี
ไดร้ ับ ท้ังนี้ไม่ควรจัดซอ้ื จัดจ้างกอ่ นได้รบั การอนมุ ัตเิ งินประจางวดและการใช้จา่ ยส่ิงท่ีไมต่ รงตามแผนที่กาหนด
ไวห้ รอื การอนมุ ตั ใิ ช้เงนิ ผดิ ประเภท

แนวทำงกำรปฏบิ ตั ิ
1. จัดทาแผนการใช้งบประมาณรายไตรมาส โดยกาหนดปฏิทินการทางานรายเดือนให้เป็นไปตาม

แผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปีงบประมาณแลว้ สรปุ แยกเป็นรายไตรมาส แยกเป็น งบบุคลากร งบลงทนุ (แยกเปน็ คา่
ครภุ ณั ฑท์ ี่เดินและสงิ่ ก่อสรา้ ง) และงบดาเนินงาน

2. เสนอแผนการใชง้ บประมาณวงเงินรวมเพ่ือขออนุมัติเงินประจางวดผ่านเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาไปยัง
สพฐ.เพื่อเสนอต่อสานักงบประมาณ

3. ดาเนินการเบิกจ่ายงบประมาณประเภทต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการประจาปีและการใช้
งบประมาณของสถานศกึ ษาตามประเภทและรายการตามท่ีได้รับงบประมาณ

ขน้ั ตอนกำรขออนมุ ัตเิ บิกเงนิ ในสถำนศกึ ษำ
๑. จดั ทาบนั ทกึ ขออนุมตั จิ ัดกจิ กรรม/โครงการตามแผนเสนอ ผอ. อนุมัติ
๒. ผอ.อนมุ ตั โิ ครงการกจิ กรรม
๓. ประสานงานพัสดุ จัดทารายงานการขอซ้ือ /ขอจ้างตามแบบฟอรม์ ที่กาหนด โดยวธิ ีการเป็นไป

ตามระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ดว้ ยการจัดซื้อจัดจา้ งและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบ
สานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยการพสั ดุ พ.ศ.2535 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเตมิ ระเบยี บอื่นๆทีเ่ กย่ี วขอ้ ง

๔. เจ้าหน้าที่รับหลักฐานขอเบิกท่ีตรวจรับแล้วมีลายมือช่ือครบถ้วนและบันทึกในทะเบียนคุม
หลกั ฐานขอเบกิ

๕. เจ้าหนา้ ท่ีตรวจสอบหลกั ฐานขอเบิก/ตรวจสอบงบประมาณที่ได้รบั
๖. เจา้ หน้าทีจ่ ัดทางบหนา้ รายการขอเบกิ และบันทึกขออนุมัตเิ บกิ เงนิ
๗. ผอ.ร.ร.อนมุ ตั ิ
๘. เจา้ หนา้ ทบ่ี ันทึกรายการวางเบกิ ในทะเบียนคมุ เอกสารการวางเบิก
๙. เจ้าหนา้ ทเี่ บกิ เงนิ นาสู่กระบวนการจา่ ยเงินต่อไป

คมู่ อื การบรหิ ารงานโรงเรยี นบ้านทา่ เรอื 44

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 45

กำรรำยงำนผลกำรเบกิ จ่ำยงบประมำณ
การรายงานผลการเบิกจ่าย คือ การกาหนดระบุรายละเอยี ดตา่ งๆ เก่ยี วกับการดาเนนิ งานของบคุ คล

ในหน่วยงานผา่ นการตรวจสอบที่ดาเนินการเป็นประจาหรอื เป็นระยะ โดยการตรวจสอบดงั กลา่ วไดแ้ ก้ การวัด
ปจั จัยนาเข้ากระบวนการและผลผลิตทเ่ี กิดข้ึนในชว่ งระยะเวลาดาเนนิ งานตามแผนโดยท่ัวไปมักติดตามในดา้ น
การจดั หา การจัดการและการนาทรพั ยากรของโครงการมาใช้ว่าเป็นไปตามท่ีกาหนดไวใ้ นแผนและกาหนดการ
หรือไม่ วัตถุประสงค์ของการ ติดตามเพื่อรายงานการใช้จ่ายงบประมาณ คอื ต้องการช้ีให้เห็นถึงสถานการณ์
ของโครงการ ในเร่ืองเกี่ยวกบั การใช้ทรัพยากร การปฏิบัตกิ ิจกรรมต่างๆหรอื ผลิตผลของโครงการเพ่ือจะได้
จัดการแก้ไขปรับปรุงสถานการณ์ต่างๆ ของโครงการให้ดาเนินการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่กาหนด ซ่ึง
รายงานแต่ละประเภทน้ันจะมีวิธีการนาเสนอท่ีแตกต่างกันออกไปในเชิงรูปแบบไม่ตายตัว ขอเพียงให้ตอบ
โจทย์ว่าเราไดจ้ ัดการเบกิ จ่ายงบประมาณตามท่วี างแผนไว้

แนวทำงกำรปฏบิ ัติ
1. จัดทาแผนการตรวจสอบ ติดตามการใช้เงินทัง้ เงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณของ

สถานศกึ ษาให้เปน็ ไปตามแผนปฏบิ ตั ิการประจาปงี บประมาณและแผนการใช้งบประมาณรายไตรมาส
2. ประสานแผนและดาเนินการตรวจสอบ ตดิ ตาม และนเิ ทศใหเ้ ป็นไปตามแผนการตรวจสอบตดิ ตาม

ของสถานศกึ ษา โดยเฉพาะโครงการท่ีมีความเส่ียงสูง
3. จัดทาข้อสรุปผลการตรวจสอบ ติดตาม และนิเทศ พร้อมทั้งเสนอข้อปัญหาที่อาจทาให้การ

ดาเนินการไมป่ ระสบผลสาเร็จ เพ่ือใหส้ ถานศึกษาเร่งแกไ้ ขปัญหาได้ทนั สถานการณ์
4. รายงานผลการดาเนินการเบิกจ่ายตามระเบียบต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานเป็นราย

ไตรมาส
5. สรุปและรายงานข้อมูลสารสนเทศด้านการเบิกจา่ ยเป็นไตรมาสตอ่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา

(เช่อื มโยงกับรายงานการเงิน)

คู่มือการบรหิ ารงานโรงเรยี นบา้ นท่าเรอื 46

คู่มอื การบรหิ ารงานโรงเรียนบ้านท่าเรอื 47


Click to View FlipBook Version