The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู2 นางสาวรุจิรา จินดาศักดิ์ 63010512030 นิสิตชั้นปีที่ 2 สาขาสังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ruji27, 2021-09-23 10:19:15

คู่มือนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู2 63010512030

คู่มือนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู2 นางสาวรุจิรา จินดาศักดิ์ 63010512030 นิสิตชั้นปีที่ 2 สาขาสังคมศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

98

แบบบนั ทกึ การฝกึ เปน็ ผูช้ ่วยครคู รงั้ ที่ 30

วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2564 ระหวา่ งเวลา 10:40-11:40 ช้ันเรียน/สถานท่ี ป.3/4

วิชาสงั คมศึกษา เรื่องมงคล 38 คุณครูพงศกร ดวงสฤุ ทธิ์

ภาระงานทไี่ ด้ปฏิบัติ (นิสิตระบุตวั เลขจานวนคาบที่ปฏิบตั ิงานลงในตาราง เชน่ 1 คาบ, 1 เรอื่ ง)

TA1 ครูในฐานะ TA2 ครใู นฐานะ TA3 ครูในฐานะ ผู้บริหาร TA4 ครใู นฐานะ
ผู้สง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ อง ผอู้ านวยความสะดวก จดั การ ผู้สร้างสรรคท์ รัพยากร

นักเรยี น การเรียนรู้

1 ช่วั โมง 1 ชวั่ โมง 1 ชวั่ โมง -

ภาพที่ 85 การฝกึ ปฏิบตั หิ นา้ ทผ่ี ู้ช่วยครู

การปฏิบตั ิหน้าท่ี TA1 ครูในฐานะผู้สง่ เสริมการเรียนรู้ของนักเรยี น ปฏบิ ตั ิโดยการย้ิมแย้มแจ่มใส
กล่าวทกั ทายนักเรียนก่อนถึงเวลาเรียน แสดงความเป็นมติ ร สร้างความร้สู ึกรักและความไวว้ างใจใหก้ ับ
นักเรียน พัฒนาสัมพนั ธภาพที่ดกี ับนักเรียนให้กาลงั ใจนักเรียนสร้างแรงจงู ใจภายในในการเรยี น โดยส่ง
ข้อความไปในแชท Meet ขณะท่ีนักเรียนกาลังโชว์ผลงาน เพ่ือเสรมิ แรงบวกนกั เรียน คุณครจู ะเป็นผู้อา่ น
ข้อความนน้ั ใหน้ กั เรยี นฟงั

การปฏบิ ัติหนา้ ท่ี TA2 ครูในฐานะผ้อู านวยความสะดวก ชว่ ยเหลือคุณครูผูส้ อน คอยอานวยความ
สะดวก และสนับสนุนดา้ นตา่ ง ๆ แก่นกั เรียนในระหว่างการทากจิ กรรม และให้กาลงั ใจนักเรียนสร้าง
แรงจงู ใจภายในในการเรียน ตรวจสอบและกระตุ้นใหน้ ักเรยี นช่วยดูแลระบบแสง สี เสยี ง สภาพสอื่ และ
เทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพเสยี งวา่ มคี วามชัดเจนดหี รือไมเ่ พ่ือไมใ่ หเ้ ป็นอุปสรรคตอ่ การ
เรียนของนักเรยี น

99

การปฏบิ ัติหนา้ ที่ TA3 ครูในฐานะผูบ้ ริหารจดั การ เป็นผ้ชู ว่ ยคณุ ครพู เ่ี ล้ยี งในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ
ทเี่ กดิ ข้นึ ในหอ้ งเรยี นอยา่ งทนั ท่วงที และคอยอานวยความสะดวกให้กบั ครูพเี่ ลี้ยง สนบั สนนุ ให้นักเรยี น
ปฏบิ ัตติ นตามข้อตกลงของห้อง เรยี นรู้การแก้ไขความขดั แยง้ อยา่ งสนั ติ ให้การอย่รู ว่ มกันเกิดความสงบสุข
เรยี บรอ้ ย

ปัญหาที่พบ

- นักเรยี นบางคนเมื่อเปิดไมค์แล้วลืมปิดไมคค์ ่อนขา้ งบ่อย
- นกั เรยี นมกี ารเปิดไมค์ขณะท่คี ณุ ครูกาลังทาการสอนทาให้เกิดความวนุ่ วายในชั้นเรยี น

วธิ ีแก้ไข

- เมือ่ นักเรียนอยากเปิดไมคส์ อบถาม พูดคุย กบั ครู ให้นกั เรยี นกดทป่ี มุ่ ยกมอื และหากครูอนุญาต
แล้วจึงสามารถสอบถามหรือพูดคุยได้ เพ่ือให้ห้องเรียนเป็นระบบระเบียบมากย่ิงข้ึน ครูผู้สอนมีการ
เสริมแรงลบโดยการปรามนักเรยี น ด้วยเหตแุ ละผล หากนักเรยี นคนไหนยงั ทาพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสมน้ัน
จะถกู หักคะแนน ทาให้นักเรียนมพี ฤตกิ รรมในคาบน้ันดีข้ึน
ส่งิ ที่ได้เรยี นรู้

ไดเ้ รยี นรูว้ ิธกี ารจดั การเรยี นการสอน การใช้สอ่ื การสอนที่เหมาะสมกับนักเรียนในวัยน้ี การ
แกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ การปฏิบัตหิ น้าทีข่ องครูและการควบคุมชัน้ เรยี น เช่น การปรามนักเรียนด้วยเหตุ
และผลเมอ่ื นักเรียนทาพฤติกรรมทไี่ ม่เหมาะสม หรอื เม่ือนักเรยี นอยากเปดิ ไมคส์ อบถาม พูดคยุ กบั ครู ให้
นกั เรียนกดท่ปี ุ่มยกมือ และหากครูอนุญาตแลว้ จึงสามารถสอบถามหรือพูดคยุ ได้ เพ่ือให้ห้องเรียนเป็น
ระบบระเบียบมากยิ่งข้นึ และการทคี่ รูใส่ใจนักเรียนทุกคนอย่างทั่วถึง ตอบคาถามนกั เรยี นอยา่ งใจเย็นแม้
คาถามนั้นจะเป็นคาถามซา้ ๆ การแก้ไขปัญหานักเรยี นกรณีศึกษา

100

แบบบนั ทึกการฝกึ เป็นผชู้ ่วยครคู รั้งที่ 31

วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ.2564 ระหว่างเวลา 09:30-10:30 ชน้ั เรยี น/สถานท่ี ป.1/5

วิชาประวตั ิศาสตร์ เลน่ เกมทบทวนความรูเ้ นอ้ื หาภาคเรยี นท่ี 1 คณุ ครเู จนจิรา แก้วสมิ มา

ภาระงานทีไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ (นิสิตระบตุ ัวเลขจานวนคาบที่ปฏบิ ัตงิ านลงในตาราง เช่น 1 คาบ, 1 เรอ่ื ง)

TA1 ครใู นฐานะ TA2 ครใู นฐานะ TA3 ครูในฐานะ ผบู้ ริหาร TA4 ครูในฐานะ
ผู้สง่ เสรมิ การเรียนรู้ของ ผอู้ านวยความสะดวก จัดการ ผสู้ รา้ งสรรค์ทรัพยากร

นกั เรียน การเรียนรู้

1ชว่ั โมง 1 ชวั่ โมง 1 ช่ัวโมง -

ภาพที่ 86 การฝกึ ปฏบิ ัติหนา้ ทีผ่ ู้ชว่ ยครู

การปฏิบตั ิหน้าท่ี TA1 ครูในฐานะผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรยี น ปฏบิ ตั โิ ดยการย้ิมแย้มแจ่มใส
กลา่ วทักทายนักเรยี นก่อนถึงเวลาเรยี น แสดงความเป็นมิตร สรา้ งความรสู้ ึกรักและความไว้วางใจใหก้ บั
นักเรียน พัฒนาสมั พนั ธภาพท่ีดกี บั นักเรียนให้กาลงั ใจนักเรียนสรา้ งแรงจูงใจภายในในการเรยี น โดยสง่
ข้อความไปในแชท Meet ขณะทน่ี ักเรียนกาลงั โชวผ์ ลงาน เพอื่ เสริมแรงบวกนักเรยี น คุณครูจะเปน็ ผู้อา่ น
ขอ้ ความนัน้ ให้นกั เรยี นฟงั

การปฏิบัตหิ น้าท่ี TA2 ครใู นฐานะผอู้ านวยความสะดวก ชว่ ยเหลอื คุณครูผสู้ อน คอยอานวยความ
สะดวก และสนับสนนุ ด้านต่าง ๆ แกน่ ักเรียนในระหวา่ งการทากิจกรรม และให้กาลังใจนักเรยี นสรา้ ง
แรงจงู ใจภายในในการเรยี น ตรวจสอบและกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยดูแลระบบแสง สี เสียง สภาพส่ือและ
เทคโนโลยี โดยเฉพาะในเรื่องของคณุ ภาพเสียงวา่ มีความชัดเจนดีหรอื ไม่เพ่ือไมใ่ ห้เป็นอุปสรรคตอ่ การ
เรียนของนักเรยี น

101

การปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ TA3 ครใู นฐานะผู้บรหิ ารจัดการ เป็นผ้ชู ่วยคณุ ครูพี่เลี้ยงในการแกป้ ัญหาต่าง ๆ
ท่เี กดิ ขึน้ ในหอ้ งเรยี นอย่างทนั ทว่ งที และคอยอานวยความสะดวกให้กับครูพเ่ี ลี้ยง สนบั สนนุ ใหน้ ักเรียน
ปฏิบัตติ นตามข้อตกลงของหอ้ ง เรียนรูก้ ารแก้ไขความขดั แย้งอยา่ งสนั ติ ให้การอย่รู ว่ มกันเกดิ ความสงบสุข
เรยี บร้อย

ปัญหาที่พบ

- นกั เรียนมกี ารเปดิ ไมคข์ ณะท่คี ณุ ครูกาลังทาการสอนทาใหเ้ กิดความว่นุ วายในช้ันเรียน
- นกั เรียนบางคนเม่ือเปดิ ไมค์แลว้ ลืมปิดไมคค์ ่อนข้างบ่อย
วิธแี กไ้ ข

- เมื่อนกั เรยี นอยากเปดิ ไมค์สอบถาม พูดคยุ กบั ครู ให้นักเรยี นกดทป่ี ่มุ ยกมอื และหากครอู นญุ าต
แลว้ จึงสามารถสอบถามหรือพูดคยุ ได้ เพ่ือให้หอ้ งเรียนเป็นระบบระเบยี บมากย่ิงขนึ้

- ครูผู้สอนมีการเสริมแรงลบโดยการปรามนักเรียน ด้วยเหตุและผล หากนักเรียนคนไหนยังทา
พฤตกิ รรมทไ่ี มเ่ หมาะสมน้ันจะถูกหกั คะแนน ทาให้นักเรยี นมีพฤตกิ รรมในคาบน้นั ดขี ึน้
ส่งิ ทไี่ ด้เรียนรู้

ไดเ้ รียนรู้วิธกี ารจัดการเรียนการสอน การใช้ส่ือการสอนท่ีเหมาะสมกับนกั เรยี นในวัยนี้ การ
แก้ปญั หาเฉพาะหนา้ การปฏิบัตหิ นา้ ทขี่ องครแู ละการควบคมุ ช้นั เรยี น เช่น การปรามนักเรยี นด้วยเหตุ
และผลเม่ือนักเรียนทาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือเมื่อนักเรียนอยากเปิดไมคส์ อบถาม พูดคุย กับครู ให้
นกั เรียนกดทป่ี ุ่มยกมือ และหากครูอนุญาตแลว้ จงึ สามารถสอบถามหรือพูดคยุ ได้ เพ่ือให้ห้องเรียนเป็น
ระบบระเบยี บมากยิ่งขน้ึ และการทีค่ รูใส่ใจนกั เรยี นทุกคนอย่างท่ัวถึง ตอบคาถามนกั เรียนอยา่ งใจเยน็ แม้
คาถามนั้นจะเป็นคาถามซา้ ๆ

102

แบบบันทึกการฝกึ เปน็ ผู้ช่วยครูครัง้ ที่ 32

วันที่ 5 สงิ หาคม พ.ศ.2564 ชนั้ เรียน/สถานที่ Online

ทาสือ่ การสอนเรอ่ื งสุวรรณสามชาดก รายวิชาสงั คมศึกษา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1

ภาระงานทไ่ี ดป้ ฏิบตั ิ (นสิ ิตระบุตวั เลขจานวนคาบที่ปฏิบัติงานลงในตาราง เชน่ 1 คาบ, 1 เรอ่ื ง)

TA1 ครใู นฐานะ TA2 ครใู นฐานะ TA3 ครใู นฐานะ ผู้บริหาร TA4 ครูในฐานะ
ผู้สง่ เสรมิ การเรียนรขู้ อง ผูอ้ านวยความสะดวก จัดการ ผู้สรา้ งสรรค์ทรัพยากร

นักเรียน การเรียนรู้

1 เรอ่ื ง
2 ชัว่ โมง

ภาพท่ี 87 สื่อการสอนเร่อื งสุวรรณสามชาดก
ภาพที่ 88 สอ่ื การสอนเร่ืองสุวรรณสามชาดก

103

ภาพท่ี 89 สื่อการสอนเรื่องสุวรรณสามชาดก
ภาพท่ี 90 สอื่ การสอนเรือ่ งสุวรรณสามชาดก
ภาพที่ 91 ส่อื การสอนเรอื่ งสุวรรณสามชาดก

104

ภาพที่ 92 สอ่ื การสอนเรอ่ื งสวุ รรณสามชาดก
ภาพท่ี 93 สอื่ การสอนเรื่องสุวรรณสามชาดก
ภาพท่ี 94 สื่อการสอนเร่ืองสุวรรณสามชาดก

105

ภาพที่ 95 ส่อื การสอนเรือ่ งสวุ รรณสามชาดก
ภาพท่ี 96 สอื่ การสอนเร่ืองสวุ รรณสามชาดก
ภาพที่ 97 ส่อื การสอนเร่อื งสุวรรณสามชาดก

106

ภาพที่ 98 ส่ือการสอนเรอ่ื งสวุ รรณสามชาดก
ภาพท่ี 99 สอื่ การสอนเรอื่ งสุวรรณสามชาดก
ภาพที่ 100 สอ่ื การสอนเรอ่ื งสุวรรณสามชาดก

107

ภาพท่ี 101 ส่ือการสอนเร่อื งสวุ รรณสามชาดก
ภาพที่ 102 สอื่ การสอนเร่ืองสุวรรณสามชาดก
ภาพที่ 103 สื่อการสอนเรอ่ื งสวุ รรณสามชาดก

108

ตอนที่ 3
การบันทึกการศกึ ษารายกรณี (Case Study)
ช่อื -สกุล เดก็ ชายเอ (นามสมมติ) ช้ัน ป.3/4
ระยะเวลาในการดาเนนิ การ ตง้ั แตว่ นั ท่ี 19 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม พ.ศ.2564

1. บุคลกิ ภาพทัว่ ไปของนักเรยี น (นิสติ ใช้วิธสี ังเกตนักเรยี นท่ีเป็นกรณศี กึ ษา และอาจขอสมั ภาษณค์ รูท่ี
ปรึกษา หรอื ครพู ีเ่ ล้ยี งเกย่ี วกบั ผู้เรียนเพิ่มเตมิ )

1.1 ลักษณะทางรา่ งกาย (รปู ร่าง หน้าตา การแต่งกาย)

จากการสังเกต รูปรา่ ง หนา้ ตา และการแต่งกายของเดก็ ชายเอพบวา่ เด็กชายเอมีรปู ร่างค่อนข้าง
ท้วม ผวิ สีน้าผ้ึง ผมหยักศก ใบหน้ากลม ตาหน่งึ ชนั้ นัยนต์ าสีดา การแตง่ กายจากท่ีผู้ศกึ ษาได้สงั เกตได้พบ
คือเด็กชายเอแต่งกายได้เรียบร้อยในทุกคร้ังที่เข้าเรียนและเส้ือผ้าเครื่องแต่งกายมีความสะอาดสะอ้าน
และจากที่ได้สัมภาษณ์คุณครูพ่ีเล้ียงพบว่าเด็กชายเอแต่งการเรียบร้ อยหัวจรดเท้าตั้งแต่เดินเข้าโรงเรียน
จนถึงเวลาท่ีผู้ปกครองมารับ ชายเสื้อนักเรยี นไม่เคยหลุดลุย่ ออกจากกางเกง และเด็กชายเอมรี ูปรา่ งทว้ ม

1.2 ลักษณะทางอารมณ์ (การแสดงออกทางสีหน้า วาจา การแสดงอารมณต์ า่ ง ๆ)

จากการสงั เกตพบวา่ เด็กชายเอมสี หี น้ายมิ้ แยม้ แจม่ ใสในการเรียนออนไลน์ มีความขีอ้ าย แต่หาก
คุณครถู ามคาถามเด็กชายเอ เดก็ ชายเอมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย พดู จาดว้ ยวาจาไพเราะและสุภาพ และ
เมื่อคุณครูมีการเปิดวิดิโอท่ีเป็นการ์ตูนให้ดู ผู้สังเกตสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กชายเอยิ้มกว้างและดู
ทา่ ทมี ีความสขุ ในสงิ่ น้ัน และจากการสัมภาษณ์คุณครูพ่ีเล้ยี งพบว่าเด็กชายเอหากอยู่ที่โรงเรียนจะค่อนข้าง
นิ่งเมื่ออยู่กับคนท่ีไม่สนิทหากอยู่กับบุคคลท่ีสนิทแล้วเด็กชายเอจะมีความสดใสร่าเริง พูดคุยหยอกล้อกับ
เพ่ือนสนิท พูดจาสภุ าพไพเราะ ไม่พบอารมณโ์ มโหรา้ ย

1.3 ลักษณะทางสตปิ ัญญา (ความสามารถทางการเรยี น ความถนัด ความสนใจพเิ ศษ)

จากการสัมภาษณ์คุณครูพี่เลี้ยงที่ได้ทาการสอนเด็กชายเอ ต้ังแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3
พบวา่ เด็กชายเอมคี วามสามารถทางการเรยี นทช่ี า้ กว่าเด็กวยั เดียวกัน อา่ นและเขียนภาษาไทยยังไม่คล่อง
แต่เด็กชายเอเป็นนักเรียนท่ีมีความมุมานะพยายามและเอาใจใส่ต่อการเรียน ประกอบกับผู้ปกครอง
เด็กชายเอให้การเอาใจใส่ดูแลบุตรเป็นอย่างดี ผู้ปกครองของเด็กชายเอจะคอยถามไถ่การบ้านหรืองานท่ี
ครูมอบหมายในไลนก์ ลมุ่ ของผูป้ กครองเสมอ และเด็กชายเอไม่เคยขาดสง่ งานคุณครู คุณครพู ี่เลีย้ งไดก้ ล่าว
ว่า “ ถึงแมเ้ ขาจะช้า แต่เขามคี วามพยายาม ไม่เหมือนนักเรยี นบางคนที่เมือ่ เรยี นไม่ได้แล้วจะละทงิ้ ปล่อย
เลยตามเลยไป” และงานท่ีเด็กชายเอทางานส่งคุณครูน้ันเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงาม แต่ถ้าหาก
คุณครูมอบหมายงานในห้อง ส่วนใหญ่เด็กชายเอทางานเสร็จไม่ทันเวลาแต่เด็กชายเอจะมีงานมาส่งครูใน
วันถดั ไปเสมอ

109

จากระเบียนสะสมพบว่าเด็กชายเอ เมื่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เด็กชายเอมีผลการเรียนเฉลี่ย
3.00 และเมอื่ เลื่อนชน้ั ขึ้นไปช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 เด็กชายเอมีผลการเรยี นเฉลยี่ 3.52 และจากการศึกษา
ระเบียนสะสมของเดก็ ชายเอทาให้ทราบวา่ ผลการเรยี นของ เด็กชายเอท่ีทาได้ดีคอื วิชา สังคมศกึ ษา หน้าท่ี
พลเมือง สุขศึกษาและพลศึกษาพ้ืนฐาน ศิลปะพื้นฐาน คอมพิวเตอร์ และการงานอาชีพและเทคโนโลยี
พื้นฐาน วิชาที่ควรปรับปรุงคือวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ และเด็กชายเอควรปรับปรุง
พฒั นาบคุ ลิกภาพดา้ น ความมั่นใจในตนเอง กล้าคดิ กล้าทา การรา่ เริงแจม่ ใส และการแสวงหาความรู้

และจากการสัมภาษณ์คุณครูพ่ีเลี้ยงพบว่าครูได้เปิดการ์ตูนเน้ือหาสมเด็จพระนเรศวรในขณะสอน
พบว่าเด็กชายเอให้ความสนใจเป็นพิเศษ เด็กชายเอมีการโต้ตอบในช้ันเรียนกับผู้สอน จนทาให้ผู้สอนมีอ
อาการทงึ่ และแปลกใจ

1.4 ลักษณะทางสังคม (การเล่น, พฤติกรรมเม่ืออยู่ร่วมกับผู้อ่ืน, การร่วมมือ, การได้รับการ
ยอมรบั ในกลมุ่ เพ่ือน ครู และผู้อ่นื )

จากการสัมภาษณ์ครูพ่ีเล้ียง พบว่าเม่ืออยู่ท่ีโรงเรียนจะมีกลุ่มเพ่ือนสนิท 4-5 คน และเด็กชายเอ
จะร่าเริง พูดจาหยอกล้อเม่ืออยู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทแต่เม่ืออยู่กับเพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนสนิทจะ
ค่อนข้างเงียบ คุณครูได้ยกตัวอย่างคือ ถ้าหากเด็กชายเอไปเล่นฟุตบอลกับเพ่ือนในห้อง เด็กชายเอจะ
กลายเป็นลูกฟตุ บอลแทน และในกลุ่มเพื่อนสนิทของเด็กชายเอมีลักษณะนสิ ัยคลา้ ยกบั เด็กชายเอ ในเรื่อง
ของการร่วมมือพบว่าเด็กชายเอให้ความร่วมมือทั้งกิจกรรมในช้ันเรยี นและกิจกรรมนอกห้องเรียน จากคา
บอกเล่าของครูพี่เลี้ยงและพี่ฝึกประสบการณ์พบว่าเด็กชายเอได้การยอมรับจากกลุ่มเพื่อน คุณครู และ
ผู้อื่น ไม่มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ และผู้ปกครองของเด็กชายเอนั้นเอาใจใส่และมอบความรักความ
อบอ่นุ ตอ่ บุตรหลานเปน็ อยา่ งดี

2. ข้อมูลท่ัวไปของนักเรียน (นิสิตอาจขอดูเอกสารระเบียนสะสม และสัมภาษณ์ครูที่ปรึกษา หรือครูพ่ี
เล้ยี งเกยี่ วกับผู้เรียนเพมิ่ เตมิ )

2.1 ประวัติส่วนตวั และครอบครัว

ชื่อ เด็กชายเอ (นามสมมติ) เพศชาย น้าหนัก 30 กิโลกรัม สูง 130 เซนติเมตร เกิดเม่ือวันท่ี 22
กรกฎาคม พ.ศ.2555 อายุ 9 ปี เป็นบุตรคนเดียว สถานภาพนักเรียน นับถือศาสนาพุทธ เชื้อชาติไทย
สัญชาติไทย บิดามีอาชีพรบั ราชการตารวจ มารดามอี าชีพพยาบาล

2.2 ประวตั กิ ารศกึ ษาและผลการศึกษา เกรดเฉลยี่
2
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1

ชือ่ วิชา
ภาษาไทยพน้ื ฐาน 1

110

คณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน 1 2.5
วิทยาศาสตร์พื้นฐาน 1 3
สังคมศึกษาพ้ืนฐาน 1 4
ประวตั ิศาสตร์ 1 3
สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาพนื้ ฐาน 1 4
ศลิ ปะพืน้ ฐาน 1 4
การงานอาชีพและเทคโนโลยีพืน้ ฐาน 1 4
องั กฤษพืน้ ฐาน 1 3.5
หนา้ ทพี่ ลเมอื ง 1 4
คอมพวิ เตอร์เพิม่ เติม 1 4
ลูกเสือเนตรนารี 1 ผ
ชุมนมุ วิชาการ 1 ผ
ภาษาจีน 1 ผ
ผลการเรยี นเฉลี่ย (GPA) 3.00

ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 2 เกรดเฉล่ีย
3
ช่ือวชิ า 3
ภาษาไทยพ้นื ฐาน 2 3.5
คณิตศาสตรพ์ ้นื ฐาน 2 4
วิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน 2 3.5
สังคมศึกษาพน้ื ฐาน 2 4
ประวัติศาสตร์ 2 4
สุขศึกษาและพลศกึ ษาพื้นฐาน 2 4
ศิลปะพน้ื ฐาน 2 4
การงานอาชีพ 2 4
อังกฤษพื้นฐาน 2 4
หน้าทพ่ี ลเมอื ง 2 ผ
คอมพิวเตอรเ์ พม่ิ เติม 2 ผ
ลกู เสอื เนตรนารี 2 ผ
ชมุ นุมวชิ าการ 2
ภาษาจีน 2
ผลการเรยี นเฉลี่ย (GPA) 3.00

111

2.3 ประวัตสิ ขุ ภาพ

เด็กชายเอไม่มีโรคประจาตัว และไม่เคยมีประวัติเป็นโรคร้ายแรง มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
สมบูรณ์ แตม่ ีการลาปว่ ยบ้างในบางครง้ั สืบเน่ืองมาจากการเปลีย่ นแปลงของฤดกู าล

3. ความคิดเห็นของครูท่ีปรึกษาที่มีต่อนักเรียน (นิสิตขอสัมภาษณ์ครูที่ปรึกษา หรือครูพี่เลี้ยงเก่ียวกับ
ผเู้ รียนเพ่ิมเติม)

3.1 ดา้ นการเรียน
จากการสัมภาษณ์คุณครูพี่เล้ียงท่ีได้สอนเด็กชายเอมาตั้งแต่ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1-3 พบว่า
เด็กชายเอมีความสามารถทางการเรียนทช่ี ้ากวา่ เด็กนักเรียนคนอ่ืนในวัยเดียวกัน อา่ นและเขยี นภาษาไทย
ยังไม่คล่อง แต่มีความมุมานะพยายามในการเรียน และตลอดระยะเวลาสามปีท่ีผ่านมา เด็กชายเอมี
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นที่ดขี ้ึนตามลาดับ ซง่ึ จากคาบอกเลา่ ของคุณครทู ่านอื่นที่ได้สอนเด็กชายเอตา่ งก็พูด
เป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กชายเอมีความสามารถทางการเรียนที่ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกันอาจด้วยการขาด
ความม่ันใจ การไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวของเด็กชายเอเองในการเรียนภายในห้องเรียนหรือออนไลน์
เด็กชายเอจะให้ความสนใจกับการ์ตูนที่คุณครูนามาเปิดเป็นพิเศษ ในเรื่องของการทางานท่ีโรงเรียน
เด็กชายเอจะต้องถามคาถามส่วนตวั กับคณุ ครูเสมอในการตัดสินใจเลยทาให้เด็กชายเอนั้นทางานได้ช้ากว่า
นักเรียนคนอืน่ แตง่ านของเด็กชายเอเขยี นดว้ ยลามืออ่านงา่ ย สะอาด เรียบรอ้ ย และเดก็ ชายเอนั้นมีความ
พยายามเปน็ อย่างสูง

3.2 ด้านพฤติกรรมและบคุ ลิกภาพ

จากการสัมภาษณ์คุณครูพี่เล้ียงพบว่าเด็กชายเอมีบุคลิกภาพข้ีอาย เม่ืออยู่กับผู้ที่ไม่สนิทแต่หาก
อย่กู ับกลมุ่ เพ่ือนสนิทจะมกี ารพูดจาหยอกล้อกบั กลมุ่ เพ่ือน ร่าเริงแจม่ ใส แตเ่ ม่ืออยู่ในห้องเรียนเด็กชายเอ
จะไม่กล้ายกมือขึ้นถามในขณะที่ครูกาลังสอนอยู่ แต่จะเดินมาหาคุณครูที่โต๊ะและสะกิดคุณครูเบา ๆ ให้
คุณครูหันมาก่อนแล้วจึงสอบถามคุณครู ในด้านพฤติกรรมพบว่าเด็กชายเอเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบ
ค่อนขา้ งเรียบรอ้ ย ไมม่ พี ฤตกิ รรมทพ่ี งึ ไม่พงึ ประสงค์

3.3 ดา้ นสุขภาพรา่ งกาย

ในด้านของสุขภาพเด็กชายเอมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ แต่ในบางคร้ังก็อาจจะมีอาการเป็นหวัด
ไม่สบายบา้ ง สืบเนื่องจากการเปล่ยี นแปลงของฤดูกาล และไม่พบประวตั ิการเปน็ โรครา้ ยแรง

3.4 ดา้ นสังคมและการอยรู่ ว่ มกับผ้อู ่ืน

112

จากการสัมภาษณ์คุณครูพี่เลี้ยงพบว่าเด็กชายเอเข้ากับเพ่ือนได้ดีในกลุม่ เพื่อนสนิท ซ่ึงในกลุ่มเพ่ือนสนิทก็
จะประกอบไปด้วยนักเรียนท่ีมีนสิ ยั คลา้ ย ๆ กัน อาจได้รับการแกล้งจากเพื่อนร่วมห้องบ้างในบางครั้งตาม
นสิ ยั และชว่ งวยั ของเดก็ ในวัยนี้ แตถ่ ้าเดก็ ชายเอตอ้ งเปลีย่ นสังคมและอยู่กับกลุ่มเพ่ือนทไ่ี มใ่ ช่เพ่ือนสนิทจะ
มอี าการค่อนขา้ งเงียบ ขี้อาย และเคอะเขิน

3.5 สงิ่ ทอ่ี ยากปรบปรุงแกไ้ ข เพือ่ ชว่ ยสง่ เสรมิ พัฒนาผเู้ รียน

จากการสัมภาษณ์คุณครูพี่เล้ียง คุณครูได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์จริงท่ีเกิดข้ึนจริงระหว่างตัวของ
คุณครูกับเด็กชายเอ ในตอนท่ีเด็กชายเออยู่ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เทอม 1 เด็กชายเอแทบจะไม่ส่ือสาร
หรือมปี ฏสิ ัมพนั ธโ์ ต้ตอบกบั ครเู ลย จนกระท่ังคณุ ครูพี่เลยี้ งได้เกิดความสนใจในตัวเด็กชายเอว่าเหตใุ ดถึงไม่
ยอมพูดและคิดวา่ สาเหตุนจ้ี ะมาจากสาเหตุใด เพอ่ื ทีจ่ ะไดห้ าทางแก้ไข หลงั จากทค่ี ณุ ครูพ่ีเลี้ยงได้พยายาม
ชักชวนเด็กชายเอพูดคุยเป็นเวลาระยะนึง เด็กชายเอก็กล้าที่จะส่ือสารกับคุณครูพี่เลี้ยงมากยิ่งขึ้น โดย
คุณครพู เ่ี ลีย้ งได้ดาเนินการคือชักชวนเด็กชายเอคยุ บ่อย ๆ คอยดูแลเอาใจใส่อยา่ งสมา่ เสมอ จนเดก็ ชายเอ
เกิดความสนิทสนมและเช่ือใจในตัวคุณครู และเสริมแรงบวกเด็กชายเอเมื่อเขาทาสิ่งท่ีได้รับมอบหมายได้
สาเร็จ ไม่ว่าจะเป็นส่ิงเล็กน้อยหรือสิ่งใหญ่ และเม่ือเด็กชายเอขึ้นช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 เด็กชายเอได้ถือ
ใบสมัครชุมนุมกับคุณครูพี่เลี้ยง และคุณครูพี่เล้ียงได้กล่าวว่าโดยธรรมชาติของเด็กโรงเรียนนี้หากได้อยู่
ชุมนุมไหนแล้วจะอยู่กับคุณครูคนน้ันไปเรื่อย ๆ ซึ่งคุณครูพ่ีเลี้ยงคิดว่าการที่เด็กชายเอมาสมัครชุมนุมกับ
ตนเพราะน่าจะเกิดมาจากความสบายใจและความไวใ้ จในตัวคุณครู สรุปแล้วสง่ิ ที่คุณครูพ่ีเล้ยี งได้แนะนา
คอื การเสรมิ แรงบวก ให้ความไวใ้ จกบั นักเรยี น ดแู ลเอาใจใส่อย่างสมา่ เสมอ ซงึ่ สิ่งเหลา่ นจ้ี ะสามารถชว่ ยให้
เด็กชายเอมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะแสดงออก มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน และมีสัมฤทธิ์ผล
ทางการเรยี นท่ีดขี น้ึ

4. สภาพปญั หา พฤตกิ รรมท่ีควรปรับปรงุ แก้ไข (นิสิตนาข้อมูลท้ังหมดมาวเิ คราะห์ แลว้ ตัดสนิ ใจ ระบุ
สภาพปญั หา และพฤตกิ รรมท่คี วรปรบั ปรุงแก้ไข)

จากการสังเกตพฤตกิ รรมในชัน้ เรยี นและการสัมภาษณจ์ ากคุณครูพ่เี ลี้ยง พบปญั หาของเดก็ ชายเอ
คือการทางานส่งไม่ทันเวลาที่กาหนด อ่านและเขียนภาษาไทยยังไม่คล่อง มีความสามารถทางการเรียนท่ี
ช้ากวา่ เพื่อนนกั เรียนคนอ่นื ๆ อาจเป็นผลมาจากการขาดความมน่ั ใจในตวั เอง การไม่กล้าตัดสินใจ

พฤติกรรมที่ควรปรบั ปรงุ แก้ไข
1. การอ่านและเขยี นภาษาไทยทีย่ ังไม่คล่อง
2. การทางานสง่ ไม่ทันเวลาที่กาหนด
3. การขาดความมั่นใจในตวั เองและการไม่กลา้ ตดั สินใจ

5. วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษารายกรณี (นิสิตระบวุ ัตถปุ ระสงคใ์ หส้ อดคลอ้ งกับสภาพปัญหา)

113

1. เพอ่ื ใหท้ ราบถงึ สภาพปญั หา และสาเหตุของปัญญาทเี่ กิดขึ้นเกย่ี วกับนักเรียน
2. เพื่อให้เขา้ ใจถึงปญั หาและศกึ ษาวธิ แี ก้ไขเกี่ยวกบั ปญั หาของนักเรยี นอย่างถูกตอ้ งและ
เหมาะสม
3. เพือ่ จะชว่ ยเหลือเด็กนักเรยี นในเร่ืองการเรยี น และปรับเปลย่ี นพฤติกรรมของนักเรยี นให้เขา้
กบั เพื่อนร่วมหอ้ งเรียนและสังคมภายนอกให้ดีย่ิงข้นึ

6. สมมุตฐิ านของนิสติ ที่มีต่อนักเรยี น (นสิ ติ ระบสุ มมตุ ิฐานให้ใหส้ อดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค)์

หลังจากได้ศึกษานักเรียนดว้ ยวิธีต่าง ๆ แล้ว ได้ข้อมลู ท่นี า่ สนใจ ดังนี้
สมมติฐานที่ 1 เกิดจากการอ่านและเขยี นภาษาไทยไม่คลอ่ ง
สมมตฐิ านท่ี 2 เกดิ จากการขาดความมั่นใจในตนเองและอา่ นเขียนภาษาไทยไม่คล่อง
สมมติฐานท่ี 3 เกดิ จากลกั ษณะสว่ นบุคคลคือข้ีอาย ไมม่ นั่ ใจในตนเอง

7. แนวทางการแก้ปัญหาท่ีเช่ือมโยงกับหลักการ ทฤษฎี (นิสิตค้นคว้าหลักการ ทฤษฎี และขอ
คาปรึกษากับอาจารย์ผู้สอน และครพู เี่ ลี้ยงเพอื่ กาหนดแนวทางที่เช่ือมโยงกับการแก้ปัญหา)

แนวทางในการแก้ไขปัญหาอ่านเขียนภาษาไทยไม่คล่องของเด็กชายเอ ใช้หลักการบันได 6 ข้ัน
ของคุณครูศิริลักษณ์ ชมพูคา หรือ แม่ตุ้ม โดยท่านเห็นว่า “ทักษะการอ่านเขียนคือพ้ืนฐานสาคัญในการ
เรียนรู้ด้านอื่น ๆ เป็นเครื่องมือที่จะทาให้นักเรียนได้พัฒนาตนเองและป้องกันไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
หลดุ ไปสหู่ ลุมดาของสงั คม”

การออกแบบกระบวนการ 6 ข้ัน พัฒนาให้อ่านออกเขียนได้ มีจุดเด่นคือในแต่ละข้ันจะซอยย่อย
เนื้อหาออกเป็นขั้นเร่ิมจากง่ายไปหายากและซับซ้อนย่ิงข้ึน ทาให้ครูกาหนดเป้าหมายการพัฒนานักเรียน
ตามข้ันตอนทีละขั้นโดยไม่ข้ามข้ัน เห็นความสาเร็จง่ายนักเรียนจะเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนเมื่อ
ประสพผลสาเร็จ นกั เรียน

จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมีความม่ันใจว่าตัวเองก็สามารถเรียนรู้ได้ ครูสามารถวัดประเมินผล
ความก้าวหน้าของนักเรียนในแต่ละขั้นอย่างชัดเจน และนักเรียนก็มีแรงบันดาลใจในการเรียนข้ันต่อไป
ด้วยความกระตือรือร้น มีความสุขมีความคาดหวังได้อย่างมั่นใจว่าตนเองจะต้องทาได้โดยไม่รู้สึกว่ายาก
เกนิ ไป บันได 6 ขนั้ มีดังน้ี

ขั้นที่ 1 ฝึกอ่านทุกวันในช่วงพักกลางวันเพ่ือความต่อเน่ือง โดยใช้หนังสือเรียน นิทาน คา
อักษรไทย

ขน้ั ที่ 2 ฝึกการอา่ นควบคู่กบั การเขียน โดยใชอ้ กั ษรไทย คา ประโยค นิทาน
ข้ันที่ 3 การฝึกคัดลายมือ นอกจากทาให้ลายมือสวยงามแล้วยังเป็นการช่วยในการจดจารูปคา
ตา่ ง ๆ ไดม้ ากขึ้นดว้ ย
ขัน้ ที่ 4 การวาดรปู ประกอบคา ดว้ ยความคดิ รเิ ร่ิมสร้างสรรคแ์ ละสนกุ ไปกับงาน โดยมกี ารจาแนก
คาออกมาเพื่อให้นักเรยี นเข้าใจการผสมคามากข้นึ

114

ข้ันที่ 5 การนาคามาแต่งเป็นประโยคส่ือสารรูปหรือเหตุการณ์จริง เช่น ใคร+ทาอะไร, ใคร+ทา
อะไร+กบั ใคร

ขั้นท่ี 6 การเขียนคาตามภาพวาดโดยให้นักเรียนมีอิสระตามความคิดของนักเรียนเอง โดย
กระบวนการ 6 ขั้นนี้ เด็ก ๆ จะต้องผา่ นไปทลี ะขั้นโดยมีนักเรยี นอาสาและครูตุ้มคอยชว่ ยกัน และเมื่อครบ
6 ขั้นแล้ว ก็เริ่มสอนข้ันที่ 1-6 ใหม่ขยับจากยากข้ึนมาทีละน้อย ๆ ทาอย่างน้ีทาให้เห็นผลงานที่ออกมา
มองเหน็ เดก็ มีความภูมใิ จในตัวเองเพราะการอา่ นออกเขยี นได้

แนวทางในการแกป้ ัญหาของเด็กชายเอในเรื่องของการขาดความมั่นใจในตนเองจะใช้ ทฤษฎีการ
เรียนรู้แบบการวางเงอ่ื นไขของสกนิ เนอร์

ทฤษฎีการเรียนรู้แบบการวางเง่ือนไขของสกินเนอร์ (B.F. Skinner) สกินเนอร์มีแนวคิดว่า การ
เรียนรู้เกดิ ขน้ึ ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อม ท่ีเหมาะสม เพราะทฤษฎนี ตี้ อ้ งการเนน้ เร่อื งส่ิงแวดล้อม
สิ่งสนับสนุนและการลงโทษ สกินเนอร์มองว่าพฤติกรรมของมนุษย์เป็นพฤติกรรมท่ีกระทาต่อส่ิงแวดล้อม
ของตนเอง พฤติกรรมของมนุษย์จะคงอยู่ตลอดไป จาเป็นต้องมีการเสริมแรง ซึ่งการเสริมแรงนี้มีทั้งการ
เสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) และการเสริมแรงทางลบ (Negative Reinforcement)

การเสริมแรง หมายถึง ผลของพฤติกรรมใด ๆ ที่ทาให้พฤติกรรมนั้นเข้มแข็งขึ้น การเสริมแรง
ทางบวก หมายถึง สภาพการณ์ท่ีช่วยให้พฤติกรรมโอเปอแรนท์เกิดขึ้นในด้านความท่ีน่าจะเป็นไปได้ ส่วน
การเสริมแรงทางลบเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์อาจจะทาให้พฤติกรรมโอเปอแรนท์เกิดข้ึนได้ในการ
ด้านการเสริมแรงนั้น

สกินเนอรใ์ ห้ความสาคัญเปน็ อยา่ งยงิ่ โดยไดแ้ ยกวิธีการเสริมแรงออกเปน็ 2 วธิ ี คือ
1. การใหก้ ารเสรมิ แรงทุกครงั้ (Continuous Reinforcement) เปน็ การให้การเสรมิ แรง

ทุกคร้งั ทผ่ี ู้เรยี นแสดงพฤติกรรมทพี่ งึ ประสงคต์ ามทีก่ าหนดไว้
2. การใหก้ ารเสรมิ แรงเปน็ ครัง้ คราว (Partial Reinforcement) เป็นการให้การเสริมแรง

เป็นครั้งคราวโดยไม่ให้ทุกคร้ังที่ผู้เรียนแสดงพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ โดยแยกการเสริมแรงเป็นครั้งคราว
ได้ดังน้ี

2.1 เสรมิ แรงตามอตั ราสว่ นท่ีแน่นอน
2.2 เสริมแรงตามอตั ราสว่ นทไ่ี มแ่ นน่ อน
2.3 เสรมิ แรงตามชว่ งเวลาที่แนน่ อน
2.4 เสรมิ แรงตามช่วงเวลาท่ไี ม่แน่นอน
การเสริมแรงแต่ละวิธีให้ผลต่อการแสดงพฤติกรรมท่ีต่างกัน และพบว่าการเสริมแรงตาม
อัตราส่วนที่ไม่แน่นอนจะให้ผลดีในด้านที่พฤติกรรมที่พึงประสงค์จะเกิดข้ึนในอัตราสูงมาก และเกิดข้ึน
ต่อไปอีกเปน็ เวลานานหลงั จากทไ่ี มไ่ ด้รับการเสรมิ แรง
จากการศึกษาและทดลองของสกินเนอร์นั้น สามารถสรุปเป็นลักษณะ และทฤษฎีการเรียนรู้ของ
ทฤษฎกี ารวางเง่ือนไขแบบโอเปอแรนทห์ รอื ทฤษฎีการวางเง่ือนไขแบบการกระทาไดด้ งั น้ี

115

1. การกระทาใด ๆ ถ้าได้รับการเสริมแรง จะมีแนวโน้มท่ีจะเกิดขึ้นอีก ส่วนการกระทาที่ไม่มีการ
เสรมิ แรง แนวโนม้ ทค่ี วามถีข่ องการกระทานนั้ จะลดลงและหายไปในทสี่ ุด

2. การเสริมแรงทีแ่ ปรเปล่ยี นทาใหก้ ารตอบสนองคงทนกว่าการเสรมิ แรงท่ีตายตัว
3. การลงโทษทาให้เรียนรู้ได้เร็วและลืมเร็ว
4. การให้แรงเสริมหรือให้รางวัลเม่ือผู้เรียนกระทาพฤติกรรมที่ต้องการ สามารถช่วยปรับหรือ
ปลูกฝังนิสยั ทตี่ อ้ งการได้

การนาทฤษฎีการเรยี นรู้ของสกินเนอร์ไปใช้ในการจัดการศึกษา
1. การใชเ้ สรมิ แรงทกุ ข้นั ตอนของการจัดกจิ กรรม (Reinforcement) ครูใหก้ ารเสริมแรง โดยการ

ชมเชยหรือให้แรงจูงใจ โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การให้รางวัล ทั้งน้ีเพราะเด็กในวัยน้ีต้องการให้ผู้อื่นสนใจ
ตนหรอื เห็นว่าตนเองสาคญั กว่าคนอื่น การให้แรงจงู ใจจะทาให้เด็กชายเอเกดิ ความสนใจ พอใจท่จี ะเรยี น

2. การปลูกฝังพฤติกรรมบางอย่างและการลดพฤติกรรมบางอย่าง (Shaping Behavior)
หลักการสาคัญของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทาของสกินเนอร์ก็คือการควบคุ มการตอบสนอง
ด้วยวิธีการเสริมแรง กล่าวคือ เราจะให้การเสริมแรงเฉพาะในเร่ืองท่ีต้องการเพ่ือให้เกิดเป็นนิสัยติดตัว
ดังน้ันถ้าเราต้องการให้เด็กมีพฤติกรรมใหม่ในเรื่องใด ก็ควรให้การเสริมแรงพฤติกรรมนั้น เพ่ือให้เด็กทา
ต่อไปจนเป็นนิสัย แต่ถ้าต้องการให้พฤติกรรมใดหายไปก็ควรลดการเสริมแรงพฤติกรรมน้ัน ก็จะทาให้
พฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาน้ันหายไป การปลูกฝังพฤติกรรมใหม่ให้แก่เด็กโดยการใช้การเสริมแรงเป็นสิ่ง
ควบคุมพฤตกิ รรม ครคู วรมกี ารวางแผนให้เหมาะสม

3. บทเรยี นแบบโปรแกรม (Programmed Maching) และเคร่อื งชว่ ยสอน (Teaching Learning)
สกินเนอร์ได้เสนอการสอนแบบโปรแกรม ซึ่งจัดแบ่งเน้ือหาวิชาออกเป็นส่วนย่อย ๆ เป็นข้ัน ๆ และ
จัดลาดับให้เป็นเหตุเป็นผลเพื่อให้เรียนได้ง่าย และเม่ือสาเร็จแต่ละข้ันจะได้รับแรงเสริม หรือให้รางวัล
ทันที ทั้งบทเรียนสาเร็จรูปและเคร่ืองช่วยสอนต่างเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีคาตอบท่ี
ถูกต้องไว้ให้ ซ่ึงบทเรียนดังกล่าวควรนามาใช้ประกอบการเรียนการสอนจะทาให้เด็กเกิดการเรียนรู้มาก
ย่ิงข้ึนทฤษฎีพัฒนาการของอีริคสันอีริคสัน (Erikson) ได้เน้นความสาคัญที่วัยของเด็ก ขั้นตอนของการ
พัฒนาการและสิ่งแวดล้อมท่ีอยู่รอบ ๆ ตัวเด็กว่า ถ้าเด็กอยู่ในส่ิงแวดล้อมท่ีเขาพอใจ ประสบความสาเร็จ
เขาจะมองโลกในแง่ดี มีความเช่ือมั่นและไว้วางใจผู้อื่น แต่ถ้าเด็กอยู่ในส่ิงแวดล้อมท่ีไม่ดี ไม่พอใจ จะมอง
โลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่วางใจผู้อ่ืนอีริคสัน ยังได้ย้าว่า ถ้าหากเด็กไม่พัฒนาและ
ผ่านขั้นต้นแล้ว เด็กก็จะไม่สามารถพัฒนาในขั้นต่อ ๆ ไปได้การนามาใช้ในการจัดการศึกษาระดับก่อน
ประถมศึกษานั้น การจัดกิจกรรมในข้ันก่อนประถมศึกษา เน้นการท่ีเด็กได้ประสบความสาเร็จและพึง
พอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน ตอ่ เพอื่ นฝงู และต่อครู ทั้งนี้เพอื่ ให้เด็กมองสังคมใหม่ สงั คมโรงเรียน
ในด้านดี มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อผู้อ่ืน และถ้าหากว่าเด็กพอใจและมองโรงเรียนในแง่ดีแล้ว เด็กก็
อยากมาโรงเรยี น ก็จะได้รบั การพัฒนาให้เจรญิ เติบโตข้ึน การชว่ ยเหลือตนเอง เชน่ การไปห้องน้า การแต่ง
กาย การเกบ็ ของเลน่ เข้าที่นนั้ ในระยะเร่ิมต้น ครูจะดแู ลอยอู่ ยา่ งใกล้ชดิ และใชก้ ารชมเชย การชักชวนให้

116

ทากจิ กรรมรว่ มกับครู กจ็ ะเปน็ การไม่บังคบั เดก็ ไม่เกิดการตอ่ ต้านและเกิดความพอใจเปน็ รางวลั ในการทา
กจิ กรรมชว่ ยเหลือ การหัวเราะเยาะในสิ่งที่เด็กทา หรือการจัดแข่งขันผลงานท่ีอาจจะก่อให้เกิดการละอาย
ก็ไม่ควรใช้ เพราะจะทาให้เด็กไม่กล้าแสดงออกอีกต่อไปกิจกรรมในระดับก่อนประถมศึกษา เน้นผ่านการ
เล่น ซึ่งเป็นการสนุกสนาน ส่ืออุปกรณ์ท่ีใช้ ก็เรียกร้องและเชิญชวนต่อการเข้าร่วมการใช้จินตนาการ
บทบาทสมมติ ซึ่งเปน็ การตอบสนองต่อพัฒนาของเดก็ วยั น้ี ก็มีการจดั ใหอ้ ยตู่ ลอดเวลา

8. วิธกี าร หรอื ขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา (นิสติ กาหนดวธิ ีการ หรือ ข้ันตอนการแกป้ ัญหาให้สอดคล้องกับ
แนวทางจากหลกั การ ทฤษฎี ทเี่ ช่อื มโยงกับการแกป้ ัญหาท่รี ะบเุ ปน็ แนวทางไว้)

1. ใหก้ ารเสริมแรงบวกกบั เดก็ ชายเอโดยการชมเชยหรอื ใหแ้ รงจูงใจ ด้วยวิธีการตา่ ง ๆ เช่น การ
ใหร้ างวัล และการให้การเสริมแรงเฉพาะในเรื่องท่ีตอ้ งการเพื่อใหเ้ กิดเปน็ นสิ ัยตดิ ตัว ตามหลักของสกนิ
เนอร์

2. หากตอ้ งการให้พฤติกรรมใดของเดก็ ชายเอหายไปกค็ วรลดการเสรมิ แรงพฤติกรรมนน้ั จะทา
ใหพ้ ฤติกรรมท่ีไม่พงึ ปรารถนานัน้ หายไป

3. ฝกึ ให้เด็กชายเออา่ นหนังสือทกุ วันเพ่อื ความต่อเนือ่ ง โดยใช้หนังสอื นิทานที่มีภาพสีสันสดใส
ควบคูไ่ ปกับการเขียนคือการฝึกคัดลายมือเพอื่ ให้เดก็ ชายเอสามารถจดจารูปคาได้

9. กระบวนการดาเนินการและการตดิ ตามผล (นิสติ ดาเนนิ การตามวธิ กี าร หรือ ข้นั ตอนการแก้ปัญหา
ใหท้ ร่ี ะบุไว้ แล้วติดตามสงั เกตผลลัพธท์ ่เี กิดขึน้ พร้อมบนั ทึกข้อมูลไว้อย่างเปน็ ระบบ)

คร้งั ที่ 1 สิ่งท่ดี าเนินการ

ปรึกษาปัญหาท่ีเกิดข้ึนกับครูผู้สอนเพ่ือขอแนวทางในความช่วยเหลือ การวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ
รวมถึงปรึกษาปัญหากับครูพ่ีเล้ียงเพ่ือให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทาให้เด็กชายเอมีพฤติกรรมเรียนช้า ไม่กล้า
แสดงออก สง่ งานไม่ทัน และอ่านหนังสอื ไมค่ ล่อง

ผลลพั ธ์

ไดร้ บั แนวทางในการแกป้ ญั หาและการให้ความช่วยเหลือจากคุณครูพ่เี ลีย้ ง

คร้งั ท่ี 2 ส่ิงทดี่ าเนนิ การ

เร่ิมตน้ สรา้ งสัมพันธภาพกับนกั เรียน ใหน้ ักเรยี นรู้สึกเปน็ กันเอง โดยการพดู คุยหลังจากครูทาการ
สอนเสรจ็ ผ่านโปรแกรม Meet โดยอนั ดบั แรกกล่าวแนะนาตัวทักทายกบั เด็กชายเอ และเสรมิ แรงบวกกับ
เด็กชายเอเกี่ยวกับการเรียนในชั่วโมงน้ัน และพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ กับเด็กชายเอเพ่ือให้เด็กชายเอคลาย

117

ความประหมา่ กบั ผ้ศู ึกษา เชน่ เวลาวา่ งชอบทาอะไร กฬี าท่ีชอบ วิชาทีช่ อบ ใชเ้ วลาในการพดู คุยประมาณ
10 นาที

ผลลพั ธ์

เมื่อถึงคาบต่อไปนกั เรียนมีการกล่าวทักทายพนี่ สิ ติ ก่อนทาการสอน คือ “สวสั ดีครบั คร”ู “พ่นี ุ่น
มาแล้ว” ซง่ึ นกั เรยี นก็ไดล้ ดความประหมา่ ในการคุยกบั ผู้ศึกษาอย่างเห็นไดช้ ัด

ครง้ั ที่ 3 สิ่งที่ดาเนนิ การ
ให้การช่วยเหลอื ทางอ้อมโดยขอความช่วยเหลือไปยังครูพ่ีเลี้ยงและพ่ีฝึกประสบการณ์โดยการขอ
ความอนุเคราะห์คุณครูท่านอ่ืนท่ีสอนเด็กชายเอในทุกราชวิชาให้ช่วยเสริมแรงบวกเด็กชายเอโดยการ
ชมเชยหรือให้แรงจูงใจ โดยวิธีการต่าง ๆ เช่น การให้รางวัล เม่ือเด็กชายเอมีพฤติกรรมดี ตั้งใจเรียน
สามารถตอบคาถามครูได้ สามารถส่งงานได้ทันเวลา ทั้งน้ีเพราะเด็กในวัยน้ีต้องการให้ผู้อ่ืนสนใจตนหรือ
เห็นว่าตนเองสาคัญกว่าคนอ่ืนการให้แรงจูงใจจะทาให้เด็กชายเอเกิดความสนใจที่จะเรียน และเพื่อให้
เดก็ ชายเอมคี วามมน่ั ใจในตนเองและกล้าแสดงออกมากย่งิ ขึน้ ในขณะเดยี วกนั ผู้ศกึ ษาก็ได้ให้การเสริมแรง
บวกกับเดก็ ชายเอเม่ือผู้ศึกษาไดเ้ ขา้ เป็นผู้ชว่ ยครใู นคาบท่ีเด็กชายเอไดเ้ รียน
ผลลัพธ์
จากการดาเนนิ การเสรมิ แรงบวกใหก้ ับเด็กชายเอทงั้ หมด 2 สัปดาห์ ผศู้ ึกษาได้สงั เกตระหว่างคาบ
เรียนและได้สอบถามผลจากครูพ่ีเล้ียงและพ่ีฝึกประสบการณ์ผลพบว่าเด็กชายเอกล้าที่จะโต้ตอบกับครู
มากขึน้ และมคี วามมนั่ ใจเพิ่มข้ึนอย่างเหน็ ได้ชดั เจน สามารถส่งงานได้ทนั เวลามากขึ้นจากเมอื่ กอ่ น
ครงั้ ที่ 4 สิ่งที่ดาเนินการ
จากการได้สังเกตนักเรียนขณะเรียนและพูดคุยพบว่านักเรียนช่ืนชอบในการดูวิดิโอที่เกี่ยวกับ
เน้ือหาการเรียนในรูปแบบการ์ตูน ผู้ศึกษาจึงได้เสนอท่ีจะหาคลิปวิดิโอที่เป็นการ์ตูนรายวิชาสังคมศึกษา
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 ส่งให้กับเด็กชายเอผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพ่ือให้เด็กชายได้ศึกษาและได้ทบทวน
ความรู้
ผลลัพธ์
จากการสอบถามคุณครพู ่เี ล้ียงพบว่าเด็กชายเอมสี ัมฤทธผ์ิ ลการเรียนท่ีดขี ้ึนในระดบั นึง
คร้งั ที่ 5 สิ่งที่ดาเนนิ การ

ไดท้ าการสง่ เวป็ ไซต์นิทานอิสปไปใหก้ ับเด็กชายเอไดฝ้ ึกอ่านผ่านแอพพลเิ คชนั่ ไลน์ โดยเป็นนทิ าน
อิสปท่ีมีภาพสดใสและอ่านได้ง่ายโดยได้แนะนาให้เด็กชายเอได้หม่ันฝึกอ่านทุกวันในช่วงเวลาว่างและฝึก
อ่านอย่างสม่าเสมอเพ่ือความต่อเน่ือง และแนะนาให้เด็กชายเออ่านหนังสือเรียน คาไทย อักษรไทย ที่พบ
ได้ในชีวติ ประจาวัน ไม่ว่าจะเป็นป้ายตามถนน ซองขนม เพ่อื เปน็ การฝกึ อ่าน และฝกึ ควบคู่ไปกบั การเขียน
โดยใช้อักษรไทย คาไทย ประโยค นิทาน อย่างง่าย ๆ และได้แนะนาให้เด็กชายเอได้ฝึกคัดลายมือ
นอกจากจะทาให้ลายมือสวยงามแลว้ ยงั เปน็ การช่วยใหเ้ ด็กชายเอในการจดจารูปคาต่าง ๆ ได้มากข้ึนด้วย
และทาให้สามารถเขยี นได้เร็วมากยิ่งขน้ึ

118

ผลลัพธ์
จากการสอบถามเดก็ ชายเอพบวา่ เดก็ ชายเอช่ืนชอบในการอ่านนิทานและได้หม่นั ฝึกเขียนฝกึ อา่ น
หนงั สือทุกวันตามคาแนะนาของผ้ศู กึ ษา ส่งผลให้เด็กชายมีพฒั นาการทางภาษาท่ีดีขึน้

10. สรปุ ผล (นสิ ติ วิเคราะห์สรปุ ผลลพั ธ์ท่ีเกิดขึ้นกับผู้เรียนในภาพรวม)

จากปัญหาเด็กชายเอที่มีพฤติกรรมการเรียนช้ากว่านักเรียนคนอื่น ทางานส่งไม่ทัน ขี้อาย เคอะ
เขิน เน่ืองมาจากการอ่านและการเขียนภาษาไทยท่ีไม่ค่อยคล่อง ขาดความมั่นใจในตนเองและไม่กล้า
ตัดสินใจ ต้องมีผู้ปกครองคอยช่วยในการตัดสินใจ ผู้ศึกษาได้ทาการปรึกษาและขอแนวทางในการพัฒนา
พฤติกรรมเด็กชายเอกับคุณครูพ่ีเล้ียงและได้นาปัญหามาวิเคราะห์หาสาเหตุ และวิธีแก้ไขปัญหา โดยผู้
ศกึ ษาได้นาหลักการเสริมแรงของสกินเนอรม์ าใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหาขาดความมั่นใจของเดก็ ชายเอ โดยการ
เสริมแรงบวกในทุกกิจกรรม และหลักบันไดหกขั้นบางข้อมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการอ่านการเขียน
ภาษาไทยของเด็กชายเอ ได้ทาการส่งนิทานอิสปไปให้กับเดก็ ชายเอได้ฝึกอ่าน โดยได้แนะนาให้เด็กชายเอ
ได้ฝึกอ่านทุกวันในช่วงเวลาวา่ งแตส่ ม่าเสมอเพ่ือความตอ่ เนื่อง และแนะนาให้เด็กชายเออ่านหนงั สือเรียน
อักษรไทย ท่ีพบได้ในชีวิตประจาวันเพื่อเป็นการฝึกอ่าน และฝึกควบคู่ไปกับการเขียน และได้แนะนาให้
เด็กชายเอได้ฝึกคัดลายมือ นอกจากจะทาให้ลายมือสวยงามแลว้ ยังเป็นการช่วยให้เด็กชายเอในการจดจา
รูปคาต่าง ๆ ได้มากขึ้น ผลพบว่าเด็กชายเอมีความม่ันใจในตนเองมากข้ึน มีปฏิกิริยาโต้ตอบกับครูผู้สอน
มากข้ึน สามารถสง่ งานได้ทนั เวลามากขึ้นจากเมอื่ ก่อน และมพี ัฒนาการทางภาษาทีด่ มี ากขน้ึ จากเดิม

11. ข้อเสนอแนะ ปัญหา และอปุ สรรค (นิสติ แสดงข้อเสนอแนะ ปัญหาและอปุ สรรค ที่เชือ่ มโยงกับ
ผลลพั ธ์ท่ีสรปุ ไว)้

ข้อเสนอแนะ

ในการศึกษารายกรณี ผศู้ ึกษาจะต้องพยายามศึกษานักเรยี นและทาความเขา้ ใจให้มากเพื่อหาทาง
ช่วยเหลือและแก้ไขพฤติกรรมนักเรียน ผู้ศึกษาควรเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการ
สังเกตพฤติกรรมนักเรียน การสอบถามคุณครู การดูระเบียนการศึกษา และควรสร้างสัมพันธภาพกับ
นกั เรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเกิดความเชอ่ื ใจ ไว้ใจ ในการแก้ไขหรอื พัฒนานกั เรียนควรร่วมมอื กนั ทุกฝ่าย ไมว่ ่า
จะเป็นครู ผู้ปกครอง และตัวนักเรยี นเอง

ปญั หาและอปุ สรรคที่พบเจอ

เนื่องจากเปน็ การศึกษานกั เรียนรายกรณใี นรูปแบบออนไลน์ ทาใหไ้ ม่ได้เจอนักเรียน ซึ่งหากไม่ใช
การศกึ ษาแบบออนไลน์ผูศ้ ึกษาคาดวา่ อาจจะศึกษานักเรยี นได้มากกวา่ ทเ่ี ปน็ อยู่

119

12. สิ่งท่ีนิสิตได้เรียนรู้และการนาไปประยุกต์ใช้ (นิสิตวิเคราะห์สิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้จากการทา
กรณีศึกษาในคร้งั นี้และแนวทางการนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นอนาคต)

1. ทาให้ไดเ้ ขา้ ใจและทราบถงึ ความตอ้ งการ และธรรมชาติของเด็กนักเรียนมากยงิ่ ข้นึ
2. สามารถหาทางแก้ไขพฤติกรรมของเด็กนักเรียนให้ดียิ่งข้ึน โดยใช้ความรู้และทฤษฎีต่าง ๆ
รวมถึงคาแนะนาจากคุณครูที่มีประสบการณ์ เพ่ือให้สามารถแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
3. ได้เรยี นรูแ้ ละเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คลของนักเรียนแต่ละคน
4. ได้รจู้ กั หนา้ ท่ขี องครู โดยหน้าทีข่ องครูไม่ไดม้ เี พยี งแตส่ อนหนังสือเท่านน้ั แตค่ รตู อ้ งพฒั นาและ
ส่งเสริมพฤตกิ รรมของนักเรียนทั้งด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญาไปพร้อม ๆ กัน เพ่ือให้
นักเรียนได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ท่ีมีคุณภาพ เป็นคนดีของสังคม และสามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสขุ

ภาพท่ี 104 การดาเนินการกบั นักเรียนกรณศี ึกษา

120

ภาพที่ 105 การดาเนนิ การกับนักเรียนกรณศี กึ ษา

121

สรุปผล PLC
จากการได้ PLC กับเพื่อนนิสิตในกลุ่มเรียน พบว่าผลจากการที่ทุกคนได้ฝึกปฏบิ ติหน้าที่ครผู ชู้ ่วย
และได้เลือกทานักเรียนกรณีรายศึกษา จะเห็นได้ว่านักเรียนแต่ละคนท่ีเพ่ือนนิสิตได้เลือกมานั้นมีความ
แตกต่างกัน ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนแต่ละคนโดยมีทั้งเคสที่เป็น
การส่งเสริมและเคสที่เป็นการพัฒนา ซง่ึ มที ั้งนกั เรียนท่ีมีปัญหาพฤติกรรมไม่สนใจการเรยี น มพี ฒั นาการท่ี
ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน มีปัญหาในเรื่องของเศรษฐกิจจนส่งผลกระทบต่อการเรียน เช่น สัญญาณ
อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร ไม่มีอุปกรณ์ในการเรียน ต้องช่วยผู้ปกครองในการทามาหากิน บ้างไม่ต้ังใจเรียน
ก่อกวนในช้ันเรียน ไม่ส่งงาน ไม่เข้าเรียน หรือนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดต้นทุนในการเรียน ซึ่ง
นักเรียนทุกคนมีความแตกต่างกัน และนิสิตได้ติดตามความก้าวหน้าของพฤติกรรม การแสดงออก
ความสามารถ และทักษะการเรียนรู้ของนกั เรยี นทุกคนและนักเรยี นกรณีศกึ ษาอย่างต่อเนือ่ งจดบันทึกและ
เก็บรวมรวมข้อมูลของนักเรียนอย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือส่งเสริมนักเรียนได้ตรงจุด มีการขอ
คาแนะนาจากครูพี่เลี้ยง และวิเคราะห์ข้อมูล แล้วนาไปสู่การวางแผนเพื่อพัฒนาศักยภาพนักเรียน แต่ละ
คนตามหลักวิชาการ ในการช่วยเหลือนักเรียนแต่ละบุคคลต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะ
เป็น ผู้ปกครอง คุณครู เพ่ือน รวมถึงตัวนักเรียนเอง เพื่อร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา พัฒนาพฤติกรรม
ของนักเรียน หรือส่งเสริมแนวทางสาหรับเคสเชิงบวก เพ่อื ให้นักเรียนได้เติบโตเป็นผู้ใหญท่ ่ีมีคุณภาพ เป็น
คนดขี องสังคม และสามารถดารงชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ

122

123

อา้ งอิง

สุทัศน์ ภมู ิภาค. (2562). บันได 6 ข้นั แก้ปัญหา”เด็กอ่านไม่ออก-เขยี นไม่ได้” นวัตกรรมใหม่ท่ีไดผ้ ล, 25
กรกฎาคม 2564. https://www.kruupdate.com/6748/

มณั ฑรา ธรรมบุศย์. (2559). ทฤษฎีการเรยี นรู้แบบการวางเงื่อนไขของสกินเนอร์, 25
กรกฎาคม 2564. https://sites.google.com/site/psychologybkf1/home/citwithya-kar-
reiyn-ru/thvsdi-kar-reiyn-ru-baeb-kar-wang-ngeuxnkhi-khxng-skin-nex-r

124

ภาคผนวก

125

ภาพท่ี 106 แบบบนั ทกึ การลงเวลาสาหรบั นสิ ิต

126

ภาพที่ 107 ประชุมร่วมออกแบบชนั้ เรยี น มอบหมายหน้าทีภ่ าระงาน
ภาพท่ี 108 ประชมุ เพ่ือพูดคุยเก่ียวกบั นกั เรียนกรณศี กึ ษา

127

ภาพท่ี 109 ตารางสอนครพู ่ีเลยี้ ง
ภาพท่ี 110 จัดทาส่อื การสอนเรอ่ื งสามเณรบณั ฑิต

128

ภาพที่ 111 จดั ทาส่อื การสอนเรอื่ งสามเณรบณั ฑิต
ภาพที่ 112 จดั ทาสื่อการสอนเรอื่ งวณั ณปุ ถชาดก

129

ภาพที่ 113 จัดทาสอ่ื การสอนเรื่องวณั ณปุ ถชาดก
ภาพที่ 114 จดั ทาสอ่ื การสอนเรือ่ งสามเณรบณั ฑิต

130

ภาพท่ี 115 จัดทาสื่อการสอนเร่ืองสามเณรบณั ฑิต
ภาพที่ 116 คุณครพู ี่เลยี้ งประเมนิ นสิ ติ

131

ภาพท่ี 117 แบบ ปช.2 สาหรับครพู เี่ ลย้ี ง

132

ภาพท่ี 118 แบบ ปช.2 สาหรับครพู เี่ ลย้ี ง

133

ภาพที่ 119 แบบบนั ทกึ การลงเวลาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู 2

134

ภาพที่ 120 แบบบนั ทกึ การลงเวลาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู 2

135

ภาพที่ 121 การแนะนานกั เรียนกรณีศึกษาของครูพเ่ี ลย้ี ง

136

ภาพที่ 122 ตัวอย่างการบนั ทกึ หนา้ ท่ใี นแตล่ ะวันของนสิ ติ

137

ภาพที่ 123 แบบเรียนช้นั ป.1


Click to View FlipBook Version