คูม่ ือ
การปฏบิ ตั งิ านแพทย์ใชท้ นุ เพิม่ พูนทกั ษะ
ช้ันปที ี่ 1 ประจำปี 2565
โรงพยาบาลแพร่
คู่มือการดำเนนิ การโครงการแพทย์เพ่ิมพูนทกั ษะประจำปี พ.ศ. 2565 ออกตาม
(1) ขอ้ บงั คบั แพทยสภาวา่ ดว้ ยกระบวนวิธพี ิจารณาตามหลักสตู รประกาศนยี บตั รตามโครงการเพ่ิมพูนทักษะ พ.ศ. 2551
(2) โครงการเพม่ิ พนู ทกั ษะแพทย์ใช้ทนุ ปีท่ี 1 เป็นหลักสูตรประกาศนยี บัตร
บทนำ ก
บทนำ
โรงพยาบาลแพร่ เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ฉะนั้นสภาพและลักษณะงาน
จึงเป็นเช่นเดียวกับโรงพยาบาลทั่วไปอื่นๆ คือ มีงานบริการมากเมื่อเทียบสัดส่วน กับ
แพทย์ประจำ ถึงแม้โรงพยาบาลแพร่ จะมโี ครงการจดั สอนนสิ ติ แพทย์ (สำนกั งานบริหาร
โครงการผลิตแพทยเ์ พิม่ เพื่อชาวชนบท) โดยเริม่ ทำการสอนมาตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2548 และ
มีจำนวนแพทย์ประจำบา้ นค่อนขา้ งมาก เมื่อเทยี บกับโรงพยาบาลทั่วไปอ่ืนๆ แต่ก็ยงั ไม่
สามารถจะนำไปเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์ได้ อัตราส่วนของ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เช่น พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุข พนักงานวิทยาศาสตร์ และ
เจ้าหน้าที่อื่นๆ เมื่อเทียบกับ Service load ก็ไม่สามารถจะนำไปเปรียบเทียบกับ
โรงพยาบาลส่วนภูมิภาค เช่นเดียวกับอปุ กรณ์/เครื่องมือทางการแพทย์ ถึงแม้ว่าจะไดม้ ี
ความพยายามทจ่ี ะพฒั นาให้ มีความเพียบพร้อมกต็ าม แต่ก็ยังห่างไกลสภาพในโรงเรียน
แพทย์ ระดับมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากข้อจำกัด ในทรัพยากรและเศรษฐกิจของ
โรงพยาบาลแพร่ ดังนั้น การปฏิบัติงานในโรงพยาบาลนี้ จึงต้องการความสามารถ ใน
การประยกุ ต์ เทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับข้อจำกัดของทรัพยากร ดังได้กล่าวมาแล้วอกี
ทั้งยังต้องการทกั ษะ ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อันอยู่นอกเหนือปัญหาทางวชิ าการ และ
ต้องการความสามารถในดา้ นมนษุ ยสมั พันธ์
แพทย์ใช้ทุนเพิ่มพูนทักษะ พึงใช้ความพยายามสุดความสามารถ ในการเสาะ
แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อันจะได้จากประสบการณ์การทำงาน การปรึกษาหารือกับ
แพทย์ประจำโรงพยาบาล การค้นคว้าจากห้องสมุด และอื่นๆ ความสำเร็จของการ
ฝึกอบรมจะข้นึ อยู่กบั ความพยายามของแพทยใ์ ช้ทนุ เพิ่มพูนทักษะ ขึน้ อย่กู ับความมานะ
อดทนที่จะเผชิญกับปัญหาทั้งทางวิชาการแพทย์และนอกเหนือจากวิชาการแพทย์
ซึ่งต้องการความรู้และทักษะ ในวิชาการและในด้านมนุษยสัมพันธ์ อันเป็นสิ่งจำเป็นใน
การที่จะปฏิบัติงานโดยลำพังในโรงพยาบาลขนาดเล็ก เช่น โรงพยาบาลชุมชน อันเป็น
สถานท่ีทยี่ งั มีความขาดแคลน และอุปสรรคตา่ งๆ
บทบาท และหน้าที่ของแพทย์ประจำโรงพยาบาล คือ ผู้ร่วมเรียนรู้ ผู้ชี้แนะ
แนวทาง ผู้ให้คำปรกึ ษา และให้ความช่วยเหลือเท่าท่ีจะสามารถทำได้ อีกทั้งยังถอื ได้ว่า
เป็นผู้ร่วมกันแก้ปัญหา แพทย์ประจำโรงพยาบาล จึงมิใช่ผู้ประสิทธิ์ประสารความรู้ที่ดี
นั้น คือ ตวั ของผเู้ พ่มิ พูนทกั ษะเอง
ดังนั้นเวลาที่มีจำกัดสำหรับการฝึกอบรมเพียง 1 ปี จึงควรที่จะใช้สำหรับการ
ฝึกอบรม เพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์ในทางกว้างตามที่ระบุไว้ในเกณฑ์มาตรฐานแพทย
สภา ซึ่งเพียงพอ สำหรับการแก้ปัญหารีบด่วน และจำเป็นต่อภูมิภาค ตลอดจนเป็น
ความรู้ และทกั ษะพืน้ ฐานของเวชปฏิบตั ทิ ่ัวไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษนายแพทยป์ ระการณ์ องอาจบญุ
ศนู ยแ์ พทยศาสตรศึกษาช้นั คลนิ กิ โรงพยาบาลแพร่
พฤษภาคม 2565
สารบญั ข
บทนำ ก
สารบญั ข
ความเป็นมาของโครงการแพทยเ์ พ่ิมพนู ทักษะ ค
ข้อมูลทวั่ ไป ง
คณะผูบ้ รหิ ารโรงพยาบาลแพร่ จ
1. สิทธปิ ระโยชน์ทีจ่ ะได้รับจากทางราชการ 1
2. แนวทางปฏิบัติของแพทย์เพ่ิมพนู ทกั ษะ 6
3. กลุ่มเทคนคิ บริการทางการแพทยท์ แ่ี พทย์เพมิ่ พูนทกั ษะต้องปฏิบัตงิ าน
7
3.1 กลุ่มงานอายุรกรรม 9
3.2 กลุ่มงานศัลยกรรม 12
3.3 กลมุ่ งานสูติ - นรีเวชกรรม 15
3.4 กลมุ่ งานกุมารเวชกรรม 18
3.5 กลุ่มงานศลั ยศาสตรอ์ อรโ์ ธปิดิกส์ 21
3.6 กลุ่มงานเวชศาสตรฉ์ กุ เฉิน
4. กลุ่มงาน/ ฝา่ ยงานอนื่ ๆ ทเี่ กยี่ วข้อง/ สนบั สนุนบรกิ ารทางการแพทย์ 24
4.1 กลมุ่ งานเวชศาสตร์ฟ้นื ฟู 25
4.2 กลมุ่ งานจักษุวิทยา 26
4.3 กล่มุ งานจิตเวชศาสตร์ 27
4.4 กลุ่มงานรงั สีวิทยา 28
4.5 กลุ่มงานวสิ ัญญีวิทยา 29
4.6 กล่มุ งานโสต ศอ นาสกิ วทิ ยา 30
4.7 กลุ่มงานเวชกรรมสังคมและอาชีวเวชกรรม 31
4.8 กลมุ่ งานนิติเวชวทิ ยา 32
5. สิทธผิ ปู้ ว่ ย 33
6. เคลด็ ลับของแพทยท์ ป่ี ระสบความสำเรจ็ 34
7. การรกั ษาพยาบาลเม่ือเจบ็ ป่วย 34
8. การให้บริการคอมพิวเตอร์ และ Internet 34
9. ระเบยี บของการใช้หอ้ งสมดุ โรงพยาบาลแพร่ 34
10. เบอร์โทรศัพท์
ภาคผนวก
1.1 การประเมินการปฏบิ ัตงิ านของแพทยเ์ พ่มิ พูนทกั ษะ-วถิ ใี หม่
- แบบประเมนิ Entrustable professional activities (EPA) ทักษะทางคลนิ ิกในการดแู ลผปู้ ่วย
- แบบประเมนิ Direct observation of procedural skills (DOPS) ทกั ษะทางหัตถการในการดูแลผู้ป่วย
- แบบประเมนิ Multisource feedback พฤตินิสยั ในการปฏิบตั งิ านตามหลกั จรยิ ธรรมแหง่ วิชาชพี
1.2 เกณฑค์ วามรคู้ วามสามารถ และ E-Logbook
ค
1. ควำมเปน็ มำ
ของโครงกำรแพทยเ์ พ่ิมพูนทกั ษะ
เน่ืองจากกลุ่มสถาบนั แพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีสถาบันผลิต คณะกรรมการแพทยสภา
แพทย์ทุกแห่ง เป็นสมาชิกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการ
พัฒนาคุณภาพของระบบบริการทางการแพทย์ของประเทศ โดยถือเป็น ได้พิจารณาเรอ่ื งดังกล่าวแล้วมีมตดิ งั น้ี
ภาระหน้าที่ของสถาบันผลิตแพทย์ทุกแห่งจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ จึงมี
ความเห็นว่าน่าจะมีการจัดทำรูปแบบในการพัฒนาคุณภาพของระบบบริการ 1. รับหลักการให้มีการจัดทำโครงการเพิ่มพูนทักษะ
ทางการแพทย์ของประเทศ โดยมีแพทยสภาเป็นแกนกลาง และได้เสนอแนว แพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 เพื่อสนับสนุน “รูปแบบในการ
ทางการแก้ปัญหาโดยจัดให้แพทย์ที่จบใหม่ได้รับการเพิ่มพูนทักษะในขณะ พัฒนาคุณภาพของระบบบริการทางการแพทย์ของ
ปฏบิ ัตงิ านชดใชท้ ุนปที ี่ 1 ในโรงพยาบาล ส่วนภูมภิ าคที่มแี พทย์รุ่นพี่เป็นพี่เลี้ยง ประเทศ” โดยมีจดุ มงุ่ หมายหลัก คอื
และโรงพยาบาลดังกล่าวจะต้องมรี ะบบการให้บริการท่ีเอื้อตอ่ การให้ความรูแ้ ก่
แพทย์ใช้ทุนได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด การดำเนินการดังกล่าวสามารถ 1.1 เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้ให้บริการทางการ
เชื่อมโยงกับการจัดสรรแพทย์ใช้ทุนไปยังโรงพยาบาลต่างๆ โดยหาก แพทย์ และสถานบริการทางการแพทย์
โรงพยาบาลใดไมไ่ ดม้ าตรฐานตามเกณฑท์ ่กี ำหนดอาจจะไมไ่ ดร้ ับแพทยใ์ ช้ทนุ ไป
ปฏิบัติงาน ซึ่งจะเป็นผลทำให้สถานบริการทางการแพทย์ส่วนภูมิภาคมีการ 1.2 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ และ
ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนดเกิดการ ส่งเสริมการกระจายแพทย์ ในสว่ นภมู ิภาค
แข่งขันในการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ผู้ป่วย และมีการจัดสวัสดิการ
ทางการแพทย์ตา่ งๆ ดีขนึ้ 1.3 เห็นควรให้นับระยะเวลาการปฏิบัติงานใช้
ทุน 1 ปี ตามโครงการ ดังกล่าวเป็นพื้นฐานของการ
กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์ฯ จึงได้เสนอ “รูปแบบในการพัฒนา ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชปฏิบัติทั่วไปหรือ
คุณภาพของระบบบริการทางการแพทย์ของประเทศ” โดยจัดให้มีโครงการ สาขาเวชศาสตร์ครอบครัวเทียบเท่าระดับปีที่ 1
เพิ่มพูนทักษะแพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 ต่อคณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุม 2. เห็นควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำรูปแบบใน
คณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 9/2535 วนั ที่ 10 กันยายน 2535 เพอื่ พจิ ารณา การพัฒนาคุณภาพของระบบบริการทางการแพทย์
แนวทางการดำเนินการ ของประเทศ เพอื่ พจิ ารณาเรื่องดังกล่าว
3. ให้พจิ ารณาจัดทำรายละเอียดของโครงการดังกล่าว
โดยให้สามารถบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2537
เปน็ ต้นไป
คณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุมครั้งที่
5/2536 วันที่ 13 พฤษภาคม 2536 ได้มีมติแต่งต้ัง
คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการดำเนินการ
สนับสนุนการปฏิบัติงานของแพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 และใน
การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 5/2540
วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 ให้เปลี่ยนชื่อเป็น
คณะอนุกรรมการพิจารณาสนับสนุนการเพิ่มพูนทักษะ
แพทย์ตามโครงการเพิม่ พนู ทักษะ เพื่อดำเนินการจัดทำ
รูปแบบการพัฒนาคุณภาพของระบบบริการทาง
การแพทย์ของประเทศ
โครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะจึง ได้เร่ิม
ดำเนินการโดยความสมัครใจและตามความพร้อมของ
โรงพยาบาลที่เป็นสถาบันปฏิบัติงานในปี 2537 และ
ดำเนนิ การอยา่ งเต็มรปู แบบตั้งแตป่ ี 2538 เป็นตน้ มา ใน
ปี 2553 คณะอนุกรรมการพิจารณาสนับสนุนการ
เพิ่มพูนทักษะแพทย์ตามโครงการเพิ่มพูนทักษะได้
ปรับแก้ไขชื่อโครงการ และรายละเอียดในสาระสำคัญ
ของโครงการเพิ่มพูนทักษะให้เหมาะสมกับสภาพการณ์
ปัจจบุ ัน
ค
2. รปู แบบกำรดำเนินกำร
โครงกำรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ระยะเวลาในการปฏิบตั ิงาน
2.1 วัตถุประสงค์ของการปฏิบตั งิ าน เพ่ิมพนู ทักษะ 12 เดือน
เพื่อให้แพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 ได้พัฒนาในด้านต่างๆ เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติงานแล้ว
สาขาอายุรศาสตร์ 3 เดือน
แพทยเ์ พิ่มพูนทกั ษะควรมคี ณุ สมบตั ดิ งั ต่อไปนี้ สาขาศลั ยศาสตร์ 2 เดอื น
2.1.1 สามารถประมวลความรู้มาใช้ในการรักษาผู้ปว่ ยฉกุ เฉนิ และโรคที่พบบ่อย สาขากุมารเวชศาสตร์และ 1.5 เดือน
สาขาสตู ิศาสตร์-นรีเวชวิทยา 1.5 เดือน
ตามเกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีทักษะดูแลรักษาผู้ป่วยแบบองค์รวม สาขาออร์โธปดิ ิกส์ 1 เดือน
มคี ณุ ภาพในลกั ษณะของแพทยเ์ วชปฏบิ ัติทัว่ ไป สาขาเวชศาสตร์ฉกุ เฉนิ 1 เดือน
โรงพยาบาลชมุ ชน 1-2 เดือน
2.1.2 สามารถทำหัตถการที่จำเป็น และพบบ่อยในเวชปฏิบัติทั่วไปตาม วิชาเลือก 1 เดอื น
เกณฑม์ าตรฐานผูป้ ระกอบวิชาชพี เวชกรรม
ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
2.1.3 สามารถสื่อสารกับผูป้ ว่ ย ญาติ และผรู้ ่วมงานอย่างมปี ระสิทธภิ าพ จะต้องปฏิบตั ิงานใหค้ รบทุกสาขาวิชารวมทั้งวิชาเลือก
2.1.4 สามารถเขยี นบันทกึ ทางการแพทย์ได้ มีระยะเวลาปฏิบัติงานครบตามทีก่ ำหนดใน 12 เดือน
2.1.5 มจี ริยธรรมของวชิ าชีพ
2.1.6 สามารถอยูใ่ นสงั คมอย่างเป็นสุข
2.2 วธิ กี ารจัดสรร
2.2.1 การจัดสรรแพทย์เพื่อปฏิบัติงานชดใช้ทุนเป็นไปตามการจัดสรรของ
คณะกรรมการจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาฯ ซึ่งจะเป็นผู้จัดสรรจำนวนแพทย์ใช้ทุน
ให้แก่หน่วยงานต่างๆ หน่วยงานใดที่ได้รับแพทย์ใช้ทุนไปแล้วให้มีการบรรจุแพทย์ไป
ปฏิบัติงานชดใช้ทุนในที่ต่างๆ ตามระบบเดิมของหน่วยงานนั้นๆ แต่การชดใช้ทุนในปีแรก
หน่วยงานแห่งนั้นจะต้องจัดให้แพทย์ไปปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะใน
โรงพยาบาลส่วนภูมิภาค และปริมณฑลที่แพทยสภารับรองในจำนวนไม่เกินศักยภาพที่
รับรองไว้ สำหรับหน่วยงานใดที่ไม่มีโรงพยาบาลส่วนภูมิภาคและปริมณฑลที่แพทยสภา
รับรอง ก็ให้จัดสง่ แพทยไ์ ปปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพิม่ พูนทักษะ ในหน่วยงานสังกดั
อื่นที่มีโรงพยาบาลส่วนภูมิภาคและปริมณฑลที่แพทยสภารับรอง ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้แพทย์
ปฏิบตั งิ านตามโครงการแพทย์เพิม่ พูนทกั ษะในเขตกรงุ เทพมหานคร
แพทย์ใช้ทนุ ผไู้ ด้รบั การจดั สรรเพ่ือไปปฏบิ ัติงานในสาขาท่ีได้รบั การยกเว้นไม่ต้อง
เข้าโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะเช่นอาจารย์สาขาปรคี ลินิก เป็นผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้อง
เข้าโครงการแพทยเ์ พ่ิมพูนทกั ษะ แตห่ ากหนว่ ยงานตน้ สังกัดน้นั มคี วามประสงคจ์ ะส่งแพทย์
ปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะสามารถกระทำได้ โดยพิจารณาจัดส่งแพทย์ไปปฏิบัติงานเพิ่มพูน
ทกั ษะในโรงพยาบาลทีแ่ พทยสภารับรอง
2.2.2 สำหรับแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชน หรือ
ต่างประเทศ และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้วสามารถสมัครเข้าโครงการ
แพทยเ์ พม่ิ พนู ทักษะในโรงพยาบาลสว่ นภมู ภิ าคและปรมิ ณฑลทแี่ พทยสภารบั รอง โดยไมเ่ กิน
ศักยภาพท่รี บั รองไว้
2.2.3 การจ่ายเงินเดือนแก่แพทย์ใช้ทุน ให้ต้นสังกัดที่ได้รับแพทย์จัดสรรจาก
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาฯ เป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับ
ค่าตอบแทนพิเศษต่างๆ ให้โรงพยาบาลที่รับแพทย์ใช้ทุนปีที่ 1 ไปปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะ
เปน็ ผรู้ บั ผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้ไดร้ บั ประโยชน์
ค
3. กำรประเมนิ ผู้ปฏิบตั งิ ำน
ตำมโครงกำรแพทย์เพิ่มพูนทกั ษะ
ผู้ปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะ จะต้อง เกณฑ์กำรประเมนิ “ไม่ผ่ำน”
ปฏบิ ตั งิ านใหค้ รบทุกสาขาวชิ ารวมทั้งวิชาเลอื ก มรี ะยะเวลาปฏิบตั ิงาน “ไม่ผ่าน” แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ได้รับการ
ครบตามที่กำหนดใน 12 เดือน และผลการปฏิบัติงานจะต้องถูก
ประเมนิ ทัง้ ดา้ นทักษะทางคลนิ กิ ทกั ษะทางหตั ถการ และเจตคติ โดยมี ประเมนิ วา่ ไม่ผ่าน มี 2 กรณี คอื
เกณฑ์การประเมินให้ “ผ่าน” และ “ไม่ผ่าน” โดยประเมินทันทีเม่ือ 1. ปฏิบัติงานในทุกสาขาวิชา /กลุ่มงาน /
ผปู้ ฏบิ ัตงิ านตามโครงการปฏบิ ตั ิงานครบในแต่ละสาขาวชิ า
ภาควิชา ด้วยระยะเวลาไมค่ รบร้อยละ 80
เกณฑ์กำรประเมนิ “ผ่ำน” 2. ปฏิบัติงานในทุกกลุ่มงานได้รับการประเมิน
“ผ่าน” ในแต่ละสาขา แพทย์เพิ่มพูนทักษะตามโครงการ
ว่า “ไมผ่ า่ น” ในวิธกี ารประเมนิ แบบใดแบบหนึ่ง
แพทย์เพิ่มพูนทักษะทุกคน จะต้องปฏิบัติในระยะเวลาไม่น้อยกว่า - Entrustable professional activities (EPA)
รอ้ ยละ 80 และได้รับการประเมนิ ผล ดังนี้ - Direct observation of procedural skills (DOPS)
- Multisource feedback (MSF)
เกณฑ์ “ผ่าน”ของ Entrustable professional activities
(EPA) ทักษะทางคลินิกในการดูแลผู้ป่วย ให้ระดับการประเมินโดยรวม ในกรณีที่ผู้ถูกประเมินมีปัญหาด้านทักษะและ
ไม่ต่ำกว่าระดับ 4 แม้ว่า หัวข้อย่อยบางประเด็น อาจประเมินได้ไม่ครบ เจตคติซึ่งสามารถให้โอกาสแก้ไขปรับปรุงผู้ดูแลควร
หรอื ไม่ผ่าน ทง้ั นี้แล้วแต่บริบทและการพิจารณาของสาขา ดำเนินการตามข้ันตอน ดังน้ี
1. ตักเตือน
เกณฑ์ “ผ่าน” ของ Direct observation of procedural 2. ตกั เตือนเปน็ ลายลักษณ์อกั ษรครง้ั ที่ 1 และ ครั้งท่ี 2
skills (DOPS) ทักษะทางหัตถการในการดูแลผู้ป่วย ให้ระดับการ
ประเมินโดยรวมไม่ต่ำกว่าระดับ 4 แม้ว่า หัวข้อย่อยบางประเด็น อาจ หากดำเนินการตามขอ้ 1 และ 2 แล้ว แพทยย์ งั
ประเมินได้ไม่ครบหรือไม่ผ่าน ทั้งนี้แล้วแต่บริบทและการพิจารณาของ ไม่ปรับปรุงตัวก็ให้ ซึ่งถือว่า “ไมผ่ ่าน”
สาขา
หากข้อผิดพลาดด้านเจตคติมีความผิดซ้ำซ้อน
เกณฑ์ “ผ่าน” ของ Multisource feedback (MSF) พฤติ กับสาขาวิชาที่ผ่านมาให้ถือว่า การดำเนินการขั้นที่ 1
นิสัยในการปฏิบัติงานตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ให้ระดับการ ได้ทำไปแล้วตั้งแต่สาขาแรก เช่นกรณีไม่มีความ
ประเมินโดยรวมไม่ต่ำกว่า Average โดยเฉพาะ ข้อ 1 ซื่อสัตย์ ข้อ 2 รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยการอยู่เวร คุณธรรม
รับผิดชอบ ข้อ 7 ดูแลผู้ป่วยด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ต้องไม่ได้ต่ำกว่า จริยธรรมแห่งวิชาชีพ การติดต่อสื่อสาร และการสร้าง
average ส่วนหัวข้อย่อยบางประเด็น อาจประเมินได้ไม่ครบหรือต่ำกว่า สมั พนั ธภาพ หากยังมีข้อผิดผลาดซำ้ ซ้อนกนั อกี ในสาขา
average ทั้งน้แี ลว้ แต่บรบิ ทและการพจิ ารณาของสาขา ที่ 3 ให้ถือว่ามีการดำเนินการขั้นที่ 1 และ 2 ได้ทำไป
แลว้ ก่อนใหค้ ะแนนประเมนิ
*** ตัวอย่ำงแบบประเมินในภำคผนวกท่ี 1 ***
ค
3. กำรประเมนิ ผู้ปฏิบตั งิ ำน
ตำมโครงกำรแพทย์เพิ่มพูนทกั ษะ
แนวทำงปฏบิ ัติสำหรบั ผู้ “ไมผ่ ่ำน”
การประเมินผลการปฏิบัติงานถ้าเวลาที่ปฏิบัติงานในสาขาวิชาใดไม่ครบตามเกณฑ์ระยะเวลาที่กำหนดตาม ด้วยเหตุผล
อันสมควร ได้แก่กรณีเจบ็ ปว่ ย หรือประสบอุบัติเหตุ ให้แพทย์ผูน้ ั้นปฏิบตั ิงานเพิ่มเติมชดเชยส่วนขาดในสาขาวิชาทีป่ ฏิบัตงิ านไม่ครบ
ต่อได้ทันทีตามความเหมาะสม และความเห็นชอบของแพทย์ผู้รับผดิ ชอบ ในกรณีที่ไม่ผ่าน ด้วยเหตผุ ลอันไม่สมควร ได้แก่การละเลย
หน้าที่การงาน หรือการลาที่ไม่ใช่ลาเจ็บป่วย แพทย์ผู้นั้นจะต้องปฏิบัติงานในสาขานั้นใหม่ทั้งหมดหลังเสร็จสิ้นวงรอบการปฏิบัติงาน
ทง้ั หมดในปนี ้ันเปน็ ตน้ ไป ตามความเหน็ ชอบของแพทย์ผรู้ ับผิดชอบ โดยต้องปฏบิ ตั ิงานใหม่ใหค้ รบเตม็ ตามระยะเวลาในสาขาวิชานั้นๆ
หากมกี ารเปลี่ยนโรงพยาบาลในการปฏิบัตงิ านตอ้ งเปน็ โรงพยาบาลซ่ึงมศี กั ยภาพทแี่ พทยสภารบั รอง
• กรณีแพทย์ที่เขา้ ปฏิบัติงานในโครงการแพทยเ์ พ่ิมพูนทกั ษะไม่ครบทุกสาขาตามท่ีกำหนดในข้อ 2.3 แล้วขอลาออก หากมี
ความประสงค์จะเข้าปฏิบัตงิ านใหม่จะต้องทำหนังสือขออนุมัติพร้อมทั้งแสดงเหตุผลการลาออก เสนอต่อคณะอนุกรรมการพิจารณา
สนับสนุนการเพิ่มพูนทกั ษะแพทยต์ ามโครงการแพทยเ์ พมิ่ พนู ทกั ษะเพ่ือพิจารณาอนุมัตใิ หป้ ฏบิ ัตงิ านตอ่ ไป ดงั นี้
• กรณีทีแ่ พทย์ปฏบิ ัตงิ านเพม่ิ พูนทักษะมาแล้วมากกว่า 6 เดือน แลว้ ขอลาออกด้วยเหตผุ ลใดก็ตาม หากมคี วามประสงค์จะ
กลับเขา้ ปฏิบตั ิงานเพ่ิมเติม สามารถขออนุมตั ิกลบั เข้าปฏิบตั งิ านเพ่มิ เตมิ ตอ่ ในสาขาวชิ าที่ยงั ไม่ ไดป้ ฏบิ ัติงานให้ครบได้ ในปีเดียวกันกับ
ปีที่เริ่มเข้าปฏิบัติงานก่อนการลาออกโดยสามารถสมัครเข้ารับการปฏิบัติงานในโรงพยาบาลใดก็ได้ที่แพทยสภารับรอง และไม่เกิน
ศกั ยภาพ
• กรณีแพทย์ที่ได้รับการจัดสรรไปปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะในโรงพยาบาลต่างๆ แต่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงาน แล้วลาออกโดย
การชดใช้เงิน หรือไม่ไปรายงานตัวเข้าปฏิบัติงาน หรือปฏิบัติงานมาแล้วน้อยกว่า 6 เดือน หากมีความประสงค์จะกลับเข้าปฏบิ ัติงาน
ไม่สามารถขออนุมัติกลับเข้าปฏิบัติงานได้ในปีเดียวกันกับปีที่ได้รบั จดั สรรเข้าปฏิบัติงานในครั้งแรกก่อนการลาออกได้ แต่สามารถขอ
อนุมัติกลับเข้าปฏิบัติงานได้ในปีถัดไปในโรงพยาบาลใดก็ได้ที่แพทยสภารับรอง โดยให้ปฏิบัติงานเพิ่มเติมในสาขาวิชาที่ยังไม่ได้
ปฏิบัติงานต่อให้ครบ ส่วนผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติงานมาก่อนเลยก็ให้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ โรงพยาบาลน้ันๆ ต้องรับแพทย์ไว้ไม่เกิน
ศักยภาพ
• กรณที แ่ี พทย์หมดพันธะการชดใชท้ ุนก่อนการจดั สรรไปปฏิบตั ิงานยังหน่วยงานต่างๆ หากมคี วามประสงค์จะเข้าปฏิบัติงาน
เพิ่มพูนทักษะ สามารถเข้าปฏิบัติงานในปีเดียวกันกับปีที่หมดพันธะการชดใช้ทุน ในโรงพยาบาลใดก็ได้ที่แพทยสภารับรอง ทั้งนี้
โรงพยาบาลน้นั ๆ ตอ้ งรับแพทย์ไวไ้ ม่เกนิ ศักยภาพ
กำรรบั รองผผู้ ่ำนกำรปฏบิ ัติงำนตำมโครงกำรแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
ผู้ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะ แพทยสภาจะออกประกาศนียบัตรผู้ผ่านโครงการ
แพทยเ์ พ่มิ พนู ทกั ษะตามเกณฑข์ องแพทยสภาประกาศนยี บัตรฯ ดงั กล่าวใช้เป็นหลกั ฐานประกอบการสมคั รเข้ารบั การฝกึ อบรมแพทย์
ประจำบา้ น และประกาศนียบตั รฯ ดงั กลา่ ว แพทยสภาจะจดั สง่ ให้โรงพยาบาลทเี่ ป็นสถาบันปฏบิ ตั ิงานภายใน 6 เดือน หลังเสร็จสิ้น
การปฏิบตั งิ าน เพอื่ แจกใหแ้ ก่แพทย์ผผู้ า่ นการประเมินต่อไป
ค
4. หตั ถกำร
ของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
หัตถการของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ จำนวน 86 หัตถการ เป็นหัตถการ ใหแ้ พทย์เพ่ิมพูนทักษะ
ที่คณะกรรมการแพทยสภาได้รับรองในการประชุมครั้งที่ 3/2563 วันท่ี 12 บนั ทึกข้อมูลประสบกำรณ์กำรเรยี นรู้
มีนาคม พ.ศ. 2563 และนายกแพทยสภาได้ลงนามประกาศใน วันที่ 25 มีนาคม
(2) เพื่อประโยชน์ต่อตัวแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
พ.ศ. 2563 เปน็ แนวทางสำหรบั สถาบันการผลติ แพทย์
เอง ให้บันทึกข้อมูลประสบการณ์การเรียนรู้และ
(1) หัตถการสำหรบั บัณฑิตแพทย์ ระดับท่ี 1.1 (พบ.1)
หัตถการตาม (ข้อ 1) ลงใน (TMC e-logbook)
(2) หตั ถการสำหรับบัณฑติ แพทย์ ระดบั ท่ี 1.2 (พบ.2) เพื่อจะได้ทราบประสบการณ์การเรียนรู้ของตนเอง
(3) หตั ถการสำหรับแพทยเ์ พม่ิ พูนทักษะ ระดบั 2.1 (พท.1) (Self Assessment) และใช้เป็นข้อทูลประกอบการ
(4) หัตถการสำหรับแพทย์เพิ่มพนู ทักษะ ระดบั 2.2 (พท.2) พิจารณาสมัครเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน
หมายเหตุ : ของสถาบนั ฝึกอบรม
(1) หัตถการดังกล่าวเป็นหัตถการที่มีการคาบเกี่ยวระหว่างนิสิต หมายเหตุ :
นักศึกษาแพทย์ ปี 6 (Extern) และแพทย์เพิม่ พูนทกั ษะ ซึ่งในแต่ละสถาบันที่ ในกรณีที่ไม่มีผู้ป่วยศึกษาขณะปฏิบัติงานในแต่ละ
ปฏิบัติงานต้องจัดให้ นิสิตนักศึกษาแพทย์ปี 6 (Extern) และแพทย์เพิ่มพูน กลุ่มงาน ให้ศึกษาจากสื่อการสอนหรือค้นมาจากสื่อการสอน
ทักษะได้มีความรู้ (ได้เห็น) (ได้ช่วย) หรือ (ได้ทำด้วยตนเอง) ตามแต่กรณี ใน ในประเทศไทยหรอื ต่างประเทศ (รายละเอียดตามภาคผนวก 2)
กรณีที่ไม่มีหัตถการดังกล่าว สามารถดำเนินการเพื่อให้มีประสบการณ์การ
เรียนรูจ้ ากสอื่ การเรียนการสอน สื่ออิเล็กทรอนิกสไ์ ด้
TMC E-logbook
https://tmc.or.th/logbook/Auth
https://tmc.or.th/logbook/Auth
ข้อมูลท่ัวไป ง
ประเภท: โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) MOPH
จำนวนเตยี ง: 500 เตยี ง
ทตี่ ัง้ : โรงพยาบาลแพร่ 144 ถนนช่อแฮ คำ่ นยิ มสำคญั (Core Values)
ตำบลในเวยี ง อำเภอเมอื ง จงั หวัดแพร่
มีเนอ้ื ทที่ ้งั หมด: 54000 1. Mastery: มุง่ สู่เป้าหมาย (Goal Achievement)
โทรศพั ท์: 56 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา 2. Originality: ใฝ่เรยี นรู้ (Life Long Learning)
โทรสาร: 0 - 5453 - 3500 3. People Centered: บรกิ ารด้วยใจ (Service Mind)
Website: 0 - 5451 - 1096 4. Humility: ร่วมกนั ทำงาน (Team Work)
www.phraehospital.go.th
อัตลักษณ์ ยุทธศำสตรโ์ รงพยำบำลแพร่
“เอ้ืออาทร บริการดี มวี นิ ัย” ยุทธศาสตร์ท่ี 1 : ยกระดับบริการทางการแพทย์
(High Quality Health Care Service)
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 : เสริมสรา้ งความเข้มแขง็ บริการทาง
การแพทย์ (Health Care Network)
วสิ ัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ที่ 3 : พัฒนาส่ิงแวดลอ้ มทเ่ี อ้ือต่อการ
“โรงพยาบาลแพร่บรกิ ารเปน็ เลศิ สิ่งแวดล้อมดี บริการ (Enhancing the Working Atmosphere)
บคุ ลากรมีความสุข ประชาชนไว้วางใจ ” ยุทธศาสตร์ที่ 4 : พฒั นาระบบบริการบรหิ ารจดั การ
“A trustworthy hospital with high quality health (Efficient management system)
care services in happy and friendly environment” ยทุ ธศาสตร์ที่ 5 : พัฒนาการบรหิ ารจัดการทรัพยากร
บคุ คล (HR4Health)
พันธกิจ Goal
1. ใหบ้ ริการสขุ ภาพทั้ง 4 มติ ิ แบบองค์รวมอยา่ งต่อเน่ือง “ ประชาชนชาวแพร่มสี ขุ ภาพดีอย่างยัง่ ยนื ”
2. พัฒนาเครอื ข่ายบรกิ ารสุขภาพใหเ้ ข้มแข็ง
3. ร่วมผลติ แพทย์ และบุคลากรดา้ นสาธารณสุข
4. เสริมสรา้ งนวตกรรมและองค์ความร้เู พื่อพัฒนา
ระบบบริการอย่างต่อเน่ือง
จ
คณะผู้บรหิ ำรโรงพยำบำลแพร่
ประเสรฐิ ฉลอม
1
สิทธิประโยชน์
ท่ีได้รบั จำกทำงรำชกำร
1. สวัสดิการท่ีไมเ่ ป็นตัวเงนิ ได้แก่ 2. การลาคลอดบุตร
2.1 ลาครั้งละไม่เกิน 90 วัน ไม่ต้องมีใบรบั รอง
1.1 กำรลำ แพทย์
ประเภทการลา ได้แก่ 2.2 หากประสงค์จะลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดู
บุตร ตอ่ ใหล้ าได้ไม่เกิน 150 วนั ทำการ *
1. การลาป่วย
2. การลาคลอดบุตร แนวทางปฏบิ ัติการลาคลอดบตุ ร
3. การลาไปชว่ ยเหลอื ภริยาท่คี ลอดบุตร 1. สง่ ใบลาตอ่ ผู้บงั คบั บัญชา
4. การลากจิ สว่ นตวั 2. ใหผ้ ูอ้ น่ื ลาแทนได้ แตเ่ มอ่ื สามารถลงชื่อได้ให้
5. การลาพักผอ่ น สง่ ใบลาโดยเร็ว
6. การลาอุปสมบท/ ลาไปประกอบพธิ ีฮัจย์ 3. การลาคลอดบุตรที่คาบเกี่ยวกับการลา
7. การลาเขา้ รับการตรวจเลอื ก หรือเขา้ รับการเตรยี มพล ประเภทใดก็ตาม ซึ่งยังไม่ครบกำหนดวันลา
8. การลาไปศึกษา ฝกึ อบรม ดงู าน หรือปฏิบตั กิ ารวิจยั ของลาประเภทนั้น ให้ถือว่าการลาประเภทน้นั
9. การไปปฏบิ ตั ิงานในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ สิน้ สุดลง และใหน้ บั เป็นวันเริม่ วนั ลาคลอดบุตร
10. การลาติดตามคสู่ มรส
11. การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ 3. การลาไปช่วยเหลอื ภริยาท่คี ลอดบุตร
3.1 ตอ้ งภรยิ าโดยชอบดว้ ยกฎหมาย
หลกั เกณฑ์และข้อปฏิบตั ใิ นการลา 3.2 ลาภายใน 90 วันระหวา่ งภรรยาคลอด
3.3 ลาไดค้ รัง้ หนงึ่ ติดตอ่ กนั ไมเ่ กนิ 15 วันทำการ
1. การลาป่วย
1.1 ขา้ ราชการลาปว่ ยโดยได้รบั เงนิ เดอื นปีละไมเ่ กนิ 60 วนั 4. การลากจิ สว่ นตัว
1.2 ผู้บงั คับบญั ชาตั้งแตอ่ ธิบดี/เทยี บเทา่ อนญุ าตต่อไปไดอ้ กี ไม่ 4.1 ส่งใบลาตอ่ ผู้บังคบั บญั ชา
เกิน 60 วนั 4.2 ตอ้ งได้รบั อนญุ าต จงึ จะหยุดราชการได้
4.3 กรณีเหตุพิเศษ ไม่อาจส่งใบลาได้ให้ส่งใบลา
แนวทางปฏิบตั กิ ารลาป่วย พร้อมเหตุผลความจำเป็นในวันแรกที่มาปฏิบัติ
1. สง่ ใบลาตอ่ ผู้บังคบั บญั ชาก่อนหรือในวนั ทีล่ า ราชการ
2. กรณีจำเป็น ใหส้ ง่ ใบลาในวนั แรกทม่ี าปฏบิ ตั ิงาน 4.4 ในระหว่างลากิจส่วนตัว หากมีราชการจำเป็น
3. กรณีปว่ ยจนไมส่ ามารถลงชอ่ื ในใบลาได้ จะใหผ้ ้อู น่ื ลาแทนได้ ผู้บังคับบัญชาสามารถเรียกตัวกลับมาปฏิบัติ
แต่เม่อื ลงชื่อได้แลว้ ให้จดั ส่งใบลาโดยเร็ว ราชการได้
4. ลาป่วย 30 วันขน้ึ ไป ต้องมใี บรับรองแพทยแ์ นบพร้อมใบลา
5. ลาปว่ ยไมถ่ งึ 30 วนั ถา้ ผูบ้ ังคบั บญั ชาเห็นสมควร จะสง่ั ให้มี
ใบรบั รองแพทย์ประกอบใบลาหรอื ไมม่ ีกไ็ ด้
2
สิทธิประโยชน์
ที่ได้รบั จำกทำงรำชกำร
1. สวัสดิการท่ีไม่เปน็ ตัวเงิน ได้แก่ 7. การลาเขา้ รบั การตรวจเลอื กหรอื เขา้ รบั การ
เตรียมพล
1.1 กำรลำ
5. การลาพักผ่อน 7.1 การเขา้ รบั การตรวจเลือก
7.2 การเข้ารับการเตรียมพล
5.1 ส่งใบลาต่อผบู้ งั คับบัญชา แนวทางปฏิบัติ
5.2 ตอ้ งได้รับอนญุ าต จึงจะหยดุ ราชการได้ 1. ไปรับการตรวจเลือก ให้รายงานต่อ
5.3 หากมีราชการจำเปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาสามารถเรยี กตัว ผู้บังคับบัญชาก่อนวันตรวจเลือกไม่น้อยกว่า
กลบั มาปฏบิ ตั ิราชการได้ 48 ช่วั โมง
หลกั เกณฑก์ ารลาพกั ผ่อน 2. ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้
1. มวี ันลา 10 วนั ทำการตอ่ ปี รายงานต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ชั่วโมง
2. บรรจุไม่ถึง 6 เดอื นไม่มสี ิทธิลา และเข้ารับการตรวจเลือก หรือการเตรียมพล
3. สามารถสะสมวันลาไดไ้ มเ่ กนิ 20 วันทำการ ตามวันเวลาในหมายเรียก โดยไม่ต้องรอคำสั่ง
4. รบั ราชการตดิ ต่อกนั 10 ปขี นึ้ ไป มสี ิทธสิ ะสมวนั ลาพกั ผอ่ น อนุญาต
ได้ไม่เกิน 30 วนั ทำการ 3. เมื่อพ้นจากตรวจเลือก หรือเตรียมพล ให้
รายงานตวั ภายใน 7 วนั
6. การลาอุปสมบท/ลาไปประกอบพิธฮี ัจย์ 8. การลาไปศึกษา ฝกึ อบรม ดูงาน หรอื ปฏบิ ตั ิ
6.1 ไมเ่ คยลาประเภทนม้ี ากอ่ น งานวิจยั
6.2 ลาไดไ้ มเ่ กนิ 120 วนั 8.1 ลาได้ไมเ่ กนิ 4 ปี
6.3 รบั ราชการมาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ปี 8.2 ผูม้ อี ำนาจฯ อาจให้ลาไดม้ ากกว่า 4 ปี แต่
รวมแล้วไม่เกิน 6 ปี
แนวทางปฏิบตั ิ 8.3 ต้องกลับมารับราชการชดใช้เป็นเวลาไม่
1. สง่ ใบลาต่อผูบ้ ังคบั บญั ชาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วนั นอ้ ยกว่า 2 เทา่ ของเวลาทีไ่ ป
2. กรณีไม่อาจส่งใบลาก่อน 60 วนั ให้ชีแ้ จงเหตุผลความจำเป็น แนวทางปฏิบัติ
3. เมอ่ื ไดร้ ับอนุญาตแล้ว ตอ้ งอุปสมบทหรอื เดินทางไปประกอบ 1. เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณา
พธิ ฮี ัจย์ ภายใน 10 วัน นับแตว่ นั ลา อนุญาต
4. ต้องกลับมารายงานตวั เขา้ ปฏบิ ตั ริ าชการภายใน 5 วัน 2. เมื่อได้รับอนุญาต ต้องทำสัญญากับส่วน
5. ถ้ามีปัญหาทำใหไ้ ม่สามารถอปุ สมบทหรือไปประกอบพิธีฮจั ย์ ราชการตน้ สงั กัด
ได้ ให้ถอนใบลา และถอื วา่ วนั ท่ีลา หยดุ ราชการไปน้ัน เป็นวัน 3. เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ให้รีบรายงานตัวเข้า
ลากจิ สว่ นตวั ปฏิบัติราชการ และรายงานผลภารกิจต่อ
ผู้บังคบั บัญชา
3
สิทธิประโยชน์
ท่ีได้รบั จำกทำงรำชกำร
1. สวัสดิการท่ีไมเ่ ปน็ ตัวเงิน ได้แก่ 1.2 วนั หยุด
1. วนั หยดุ ราชการประจำสปั ดาห์ คอื วันเสาร์
1.1 กำรลำ
9. การลาไปปฏิบัติงานในองค์กรระหว่างประเทศ และวันอาทติ ย์
10. การลาตดิ ตามคสู่ มรส 2. วนั หยดุ ราชการประจำปี ได้แกว่ ันสำคญั ของ
10.1 ลาไดไ้ ม่เกิน 2 ปกี รณจี ำเปน็ ให้ลาต่อไดอ้ ีก 2 ปีรวมแล้ว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ไมเ่ กิน 4 ปี 3. วันหยุดราชการพเิ ศษ ซึง่ ครม. มมี ติอนุมตั ใิ ห้
10.2 ค่สู มรสปฏบิ ตั ิงานในองค์กรระหว่างประเทศ
11. การลาไปฟน้ื ฟูสมรรถภาพด้านอาชพี หยุดเป็นครัง้ คราว
4. วันหยุดชดเชย
การนับวนั ลา
1. นบั ตามปีงบประมาณ วันหยุดชดเชย มติครม. วันท่ี 1 พฤษภาคม 2544
2. เพ่ือประโยชน์ในการคำนวณวันลาให้นบั ตอ่ เน่ืองกันโดยนบั 1. วันหยดุ ราชการประจำปตี รงกับ
วันหยดุ ราชการที่อยู่ในระหวา่ งการลาประเภทเดยี วกนั รวมเป็น
วันลาด้วย ยกเวน้ การลากจิ ลาปว่ ย และลาพักผอ่ น ใหน้ ับ วันหยุดราชการประจำสัปดาห์ ใหเ้ ลอ่ื นวนั หยดุ ดังกลา่ ว
เฉพาะวนั ทำการ ไปหยุดในวนั ทำการถดั ไป โดยใหห้ ยุดชดเชยไมเ่ กนิ 1
3. การลาป่วยหรอื ลากจิ สว่ นตวั ทมี่ รี ะยะเวลาตอ่ เนื่องกันจะ วัน
เป็นในปีเดียวกันหรอื ไมก่ ต็ าม ใหน้ ับเปน็ การลาครง้ั หนงึ่
2. ให้สว่ นราชการ หรอื หนว่ ยงานอ่นื ของรฐั ถือ
ข้อควรคำนึง เปน็ นโยบายเขม้ งวดกับการลากอ่ น หรือหลัง
1. กฎ ก.พ.ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงนิ เดือน พ.ศ. 2552 วันหยดุ ราชการประจำปี เพ่อื ให้มวี ันหยดุ ต่อเนื่องกบั
2. การลาทจี่ ะมีผลตอ่ การเลอ่ื นขน้ั เงนิ เดอื น ในแตล่ ะรอบการ วันหยุดราชการประจำสัปดาห์ ทำให้ไมต่ ้องมาปฏิบัติ
ประเมินคอื ครงึ่ ปีท่แี ลว้ มา (ครึง่ ปแี รก 1 ต.ค. - 31 มี.ค. หรือ ราชการตดิ ต่อกนั เป็นระยะเวลาหลายวัน หากผู้ใชส้ ิทธิ
คร่งึ ปีหลัง 1 เม.ย.- 30 ก.ย.) จะตอ้ งมวี นั ลาไมเ่ กนิ 23 วนั ทำ ลาไมม่ ีเหตอุ ันควร ไม่ใหม้ กี ารอนญุ าต และใหถ้ ือว่าเปน็
การ ผู้ไมต่ ัง้ ใจปฏบิ ัตริ าชการ
เวน้ แต่ 3. การลา ในชว่ งกอ่ นหรือหลังวนั หยุด เพ่ือให้มี
1. การลาอุปสมบท/ลาไปประกอบพิธีฮัจย์ วันหยุดตอ่ เน่อื ง ให้ผบู้ ังคับบัญชาใช้ดุลยพินิจตามความ
2. ลาคลอดบตุ รไม่เกนิ 90วนั เหมาะสมและจำเป็นท่ีจะอนุญาตให้ลาได้ ทั้งนี้ ต้องไม่
3. ลาปว่ ยไมเ่ กิน 60 วนั เสยี หายแก่ราชการ และหากผใู้ ดมพี ฤตกิ ารณ์เปน็ การ
4. ลาพกั ผ่อน หลกี เลย่ี งหรือไมต่ ้งั ใจปฏิบตั หิ น้าท่ี ใหผ้ บู้ งั คับบญั ชา
5. ลาเข้ารบั การตรวจเลอื กหรือเขา้ รับการเตรยี มพล ดำเนินการทางวินยั ตามควรแก่กรณี
6. ลาไปปฏบิ ตั งิ านในองคก์ ารระหวา่ งประเทศ
1.3 เคร่อื งรำชอสิ รยิ ำภรณ์
4
สิทธิประโยชน์
ที่ได้รบั จำกทำงรำชกำร
2. สวัสดิการท่ีเป็นตัวเงนิ ได้แก่ 5. คา่ เช่าบ้าน
1. ค่ารักษาพยาบาล (ผมู้ ีสทิ ธิ) 5.1 ผมู้ สี ิทธ์ิ
1. ขา้ ราชการ/ลูกจ้างประจำ/ผูร้ ับบำนาญ
2. บิดา มารดา (โดยชอบดว้ ยกฎหมาย) 5.2 ข้าราชการที่ไดร้ ับคำส่งั ใหไ้ ปปฏิบัตริ าชการ
3. คูส่ มรส (โดยชอบด้วยกฎหมาย)
4. บุตร - ยงั ไม่บรรลุนติ ภิ าวะ ตา่ งท้องท่ี เว้นแต่
- บรรลุนิติภาวะ แตเ่ ป็นผู้ไร้ความสามารถ ไม่เกนิ 3 คน
5.3 ทางราชการจดั ทพี่ ักใหแ้ ล้ว
2. เงนิ สวัสดิการเกย่ี วกบั การศกึ ษาของบุตร
1. ข้าราชการหรือลูกจา้ งประจำเบกิ เงนิ ค่าเล่าเรียนบตุ รโดยชอบดว้ ย 5.4 มเี คหะสถานเปน็ กรรมสิทธขิ์ องตนเอง หรือคู่
กฎหมายคนที่ 1 ถงึ คนท่ี 3 เรียงตามลำดับก่อนหลัง และอายไุ ม่เกนิ
25 ปีบรบิ ูรณ์ หากบคุ คลใดบุคคลหนึ่ง สมรสในท้องที่ที่ไปประจำ
2. ตาย
3. พิการ จนไมส่ ามารถเล่าเรียนได้ 5.5 ได้รบั คำสั่งใหเ้ ดินทางไปประจำสำนกั งานใหม่
4. เปน็ คนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไรค้ วามสามารถ มไิ ด้ศกึ ษาใน
สถานศึกษาที่มสี ิทธิได้รับเงินสวัสดิการ ในท้องทที่ ีเ่ ร่ิมรับราชการครงั้ แรก
5. วิกลจรติ หรือจติ ฟนั่ เฟอื นไมส่ มประกอบกอ่ นอายคุ รบ 25 ปี
บรบิ ูรณ์ 5.6 ได้รับคำส่งั ใหไ้ ปประจำสำนักงานใหม่ต่าง
6. ใหบ้ ุตรคนถัดไป มสี ิทธริ ับเงนิ สวัสดกิ าร แทนได้
ท้องที่ ตามคำร้องขอของตนเอง
3. เงนิ พ.ต.ส./ เงนิ คา่ ตอบแทน รพศ./ รพท.
1. แพทย์ โครงการเงนิ กู้เพ่ือทอ่ี ยอู่ าศยั
พ.ต.ส. แพทย์ มี 3 กลุ่ม
วัตถุประสงค์ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ขา้ ราชการให้สามารถมีทีอ่ ยู่
- กลมุ่ 1 = 5,000 บาท
- กล่มุ 2 = 10,000 บาท อาศยั ของตนเอง
- กลมุ่ 3 = 15,000 บาท
2. ทันตแพย์ คุณสมบัติ รับราชการมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี ไม่มีที่อยู่
พ.ต.ส. ทนั ตแพทย์ มี 3 กลมุ่
- กลุม่ 1 = 5,000 บาท อาศยั เป็นกรรมสิทธิข์ องตนเองได้รับการ
- กลมุ่ 2 = 7,500 บาท
- กลมุ่ 3 = 10,000 บาท คัดเลอื กจากส่วนราชการ ไมเ่ คยใชส้ ิทธก์ิ ูไ้ ป
3. เภสชั กร
พ.ต.ส. เภสัชกร มี 2 กลมุ่ แล้ว
- กลุ่ม 1 = 1,500 บาท
- กลุ่ม 2 = 3,000 บาท 6. คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักร
4. เงินตอบแทนนอกเวลาราชการ
ได้รับอนุมัติใหอ้ ยู่ปฏิบัตริ าชการนอกเวลาราชการปกติ 6.1 คา่ เบยี้ เลี้ยงเดนิ ทาง (วันละ)
4.1 ระเบียบกระทรวงการคลัง
4.2 ระเบียบกระทรวงสาธารณสขุ - ระดบั ปฏบิ ัตกิ าร – ระดบั ชำนาญการพิเศษ 240 บาท
- ประเภทระดับเช่ยี วชาญข้ึนไป 270 บาท
6.2 คา่ เช่าท่ีพัก
ระดบั ชำนาญการพิเศษ ลงมา จา่ ยจรงิ ไมเ่ กนิ 1,450 บาท/
คืน (ห้องเด่ยี ว), ห้องคู่ 900 บาท/คน/คืน
ระดับเชย่ี วชาญ ขึ้นไปเหมาจ่ายไม่เกิน 2,200 บาท/คืน
(ห้องเดีย่ ว), หอ้ งคู่ 1,200 บาท/คน/คนื
6.3 ค่าพาหนะ
- ใชย้ านพาหนะประจำทางและเบกิ ค่าพาหนะโดยประหยัด
- ระดับ 6 ขึ้นไป เบกิ ค่าพาหนะรบั จ้างได้ กรณีไมม่ ีสิทธ์ิแต่มี
สำภาระ ใหเ้ บิกได้
- การโดยสารเครื่องบิน ระดับ 6 ขึ้นไป ใหเ้ บกิ ได้ ระดับ 1-
5 เดินทางได้เฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน
- การใชย้ านพาหนะสว่ นตวั ต้องได้รับอนุญาตก่อนได้รับ
คา่ ชดเชย รถยนต์ 4 บาท/กม. จกั รยานยนต์ 1 บาท/กม.
6.4 ค่าใชจ้ า่ ยอนื่ ท่ีจำเปน็
5
สิทธิประโยชน์
ท่ีได้รบั จำกทำงรำชกำร
2. สวสั ดิการที่เปน็ ตัวเงิน ได้แก่ เงินท่ีสมาชิกจะไดร้ บั เมือ่ พ้นจากราชการ
เลือกรบั บำเหน็จ
7. บำเหนจ็ บำนาญ
บำเหนจ็ บำนาญ เป็นสวสั ดิการทเี่ ป็นตวั เงินทที่ างราชการจ่ายให้แก่ 1. บำเหน็จ = เงนิ เดอื นเดอื นสุดทา้ ย X อายรุ าชการ
2. เงินกอ้ นจาก กบข. ประกอบด้วย
ข้าราชการ เพอื่ ตอบแทนความชอบทไ่ี ด้รับราชการมา
บำเหนจ็ หมายถงึ เงนิ ทจ่ี า่ ยใหส้ มาชิก โดยจ่ายคร้ังเดยี ว เม่อื ออกจากราชการ - เงนิ สะสม + ผลประโยชน์
บำนาญ หมายถึง เงินท่จี า่ ยให้สมาชิกเปน็ รายเดอื น โดยจา่ ยต้งั แต่วนั ท่พี ้นจาก - เงนิ สมทบ + ผลประโยชน์
เลอื กรบั บำนาญ
ราชการจนถึงแก่ความตาย 1. บำนาญ = เงินเดือนเฉลยี่ หกสิบเดอื นสดุ ท้ายคณู อายุ
บำเหนจ็ ตกทอด หมายถึง เงนิ ที่จา่ ยให้แกท่ ายาทหรือบุคคลทส่ี มาชกิ แสดง ราชการหาร 50 ทงั้ นบ้ี ำนาญตอ้ งไม่เกินรอ้ ยละ 70 ของ
อัตราเงนิ เดือนเฉลี่ยหกสิบเดอื นสดุ ท้าย
เจตนาไว้ จ่ายครัง้ เดยี วเมอื่ สมาชิกหรือผู้รบั บำนาญตาย 2. เงินก้อนจาก กบข. ประกอบด้วย
บำเหนจ็ ดำรงชีพ หมายถึง เงินที่จา่ ยใหแ้ ก่ผูร้ ับบำนาญเพ่ือช่วยเหลือการดำรง - เงินสะสม + ผลประโยชน์
- เงนิ สมทบ + ผลประโยชน์
ชีพจา่ ยครงั้ เดยี ว - เงินชดเชย + ผลประโยชน์
สทิ ธิในการได้รับบำเหน็จบำนาญ 3. สทิ ธิไดร้ ับสวสั ดิการเกี่ยวกบั การรักษาพยาบาล และ
1. มีเวลาราชการต้ังแต่ 10 ปบี รบิ รู ณ์ข้ึนไปแต่ไม่ถึง 25 ปีบรบิ ูรณ์ มีสิทธิรบั การศกึ ษาของบุตร
บำเหนจ็ ตกทอด
บำเหนจ็ 1.กรณขี า้ ราชการเสยี ชวี ติ =เงินเดอื นสดุ ท้าย x เวลาราชการ
2. มเี วลาราชการตง้ั แต่ 25 ปบี ริบูรณข์ ึ้นไปมีสทิ ธิ์รบั บำนาญ 2.ผู้รบั บำนาญเสยี ชีวิต = 30 เท่าของเงนิ บำนาญรายเดอื น
3. มีสิทธ์ดิ ว้ ยเหตุ หัก บำเหนจ็ ดำรงชีพ (กรณีขอรับไปแลว้ )
4. เหตทุ ดแทน (กรณีออกจากราชการเพราะทางราชการยบุ เลิก หรอื ยุบ การจา่ ยเงินบำเหน็จตกทอด
1. ทายาทตามกฎหมาย
ตำแหน่ง มีคำสั่งใหอ้ อกโดยไม่มคี วามผดิ ) 2. บตุ ร 2 ส่วน หากมี 3 คนขน้ึ ได้ให้ได้รบั 4 ส่วน
5. เหตุทุพพลภาพป่วย (ทพุ พลภาพ แพทยท์ ี่ทางราชการรับรองลงความเห็นว่า 3. สามี หรือภรรยา ไดร้ ับ 1 ส่วน
4. บิดามารดา ได้รับ 1 สว่ น
ไมส่ ามารถรบั ราชการต่อไปได)้ 5. บุคคลซ่งึ ผู้ตายได้แสดงเจตนาไว้ให้เปน็ ผู้รับบำเหนจ็ ตก
6. เหตุสูงอายุ (กรณอี อกจากราชการเม่อื อายุครบหกสิบปบี ริบูรณ์ หรอื ลาออก ทอด
** สมาชกิ กองทุน กบข. สมาชิกสภาพสิ้นสุดลงเมื่อพน้
เมือ่ อายุครบหา้ สบิ ปีบรบิ ูรณ์) จากการเปน็ ข้าราชการเทา่ น้ัน
สทิ ธ์ิการเลือกรบั บำเหน็จหรอื บำนาญ เมือ่ ออกจากราชการ ด้วย 2 เหตุ การเสียสิทธ์ิรบั บำนาญ
• อายรุ าชการ ปบี รบิ ูรณ์ขึน้ ไป แตไ่ ม่ถึง 10 ปี มสี ิทธิได้รับบำเหน็จ 1. ไดร้ บั โทษจำคกุ โดยคำพิพากษาถึงท่ีสดุ ใหจ้ ำคกุ
• อายรุ าชการ 10 ปีบรบิ รู ณ์ข้ึนไป มีสิทธเ์ิ ลือกรับบำเหนจ็ หรอื บำนาญการ 2. เปน็ บุคคลล้มละลายทุจรติ ตามกฎหมายวา่ ด้วยการ
ล้มละลาย
เลือกรับบำเหน็จหรือบำนาญเมื่อออกจากราชการปกติ
• อายุราชการตง้ั แต่ 10 ปีขน้ึ ไปแต่ไมถ่ งึ 25 ปี มีสทิ ธไิ์ ด้รับบำเหน็จ
• อายรุ าชการ ต้ังแต่ 25 ปขี ึ้นไป มีสิทธเิ์ ลือกรบั บำเหน็จหรือบำนาญ
6
แนวทำงปฏิบัติ
ของแพทยเ์ พิ่มพูนทักษะ
งำนหอ้ งอุบตั ิเหตุฉุกเฉิน กำรเซน็ ช่ือลงเวลำทำงำน/ กำรลำ
1. ให้เซ็นชื่อลงเวลาทำงานทุกวนั ราชการ ก่อนเวลา 8.30 น.
1. แพทยเ์ วรเปน็ ผมู้ ีอำนาจลงนามในนามผู้อำนวยการโรงพยาบาล
เช่นส่ังลดหย่อนคา่ รักษาพยาบาล, สั่งการในรถพยาบาลออกไปรบั ห้ององคก์ รแพทย์
ผูป้ ว่ ย, ประสานงานกับโรงพยาบาลตา่ งๆในการสง่ ตวั ผ้ปู ่วย 2. การลากิจ ลาพกั ผ่อน ให้ส่งใบลาล่วงหนา้ ตอ่ หัวหน้ากลุ่มงาน
2. เวรหอ้ งอบุ ัติเหตุฉกุ เฉนิ นอกเวลาราชการ เวลา 16.30 น. - 08.30 ท่ฝี กึ ปฏบิ ัติอยู่ (ถา้ ไมจ่ ำเป็นจรงิ ๆ ไม่ควรลา เพราะจะทำให้
น. และวันหยดุ ราชการ เวรเชา้ , เวรบา่ ย, เวรดึก ตามตารางเวรที่ เวลาปฏิบัติงานนอ้ ยกวา่ ทเี่ กณฑท์ ก่ี ำหนดโดยแพทยสภา)
จดั เป็นประจำเดอื นทกุ เดือนสลบั กบั staff
ขอ้ ปฏบิ ตั ิโดยทั่วไป
3. มเี วรเสริม เวรบา่ ย เวลา 16.30 น. - 20.30 น. เพือ่ ตรวจรกั ษา 1. ควรมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ใช้วาจาสุภาพ กบั ผ้ปู ว่ ย ญาติ
คนไขท้ ี่มีภาวะฉุกเฉนิ ไมม่ าก
ผู้ร่วมงาน แพทยอ์ าวุโส
4. เวรหอ้ งอบุ ัติเหตฉุ ุกเฉนิ ในเวลาราชการ เปน็ เวร Sturdy 2. ควรมเี มตตาจติ มี น้ำใจ ตอ่ ผู้ปว่ ย และญาติ
3. ในเวลาราชการควรสวมเสอ้ื ฟอรม์ นอกเวลาราชการเวลาอยู่
กำรวนิ ิจฉัยโรคและกำรส่ังกำรรกั ษำ
เวรแตง่ กายสภุ าพ
ใหก้ ารรกั ษาวินจิ ฉยั โรคและรักษาโรคตาม CPG ของแตล่ ะ PCT แต่ 4. ให้ความเคารพแพทยร์ ุน่ พ่ี staff อาวโุ ส
ตอ้ งอย่ใู นดลุ ยพินจิ อย่างเหมาะสมโดยเฉพาะการสั่งใชย้ า 5. ดแู ลให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับนิสติ แพทย์ ท่อี ยู่
- ห้ามสงั่ ยาพเิ ศษทแี่ พทย์ผสู้ ัง่ ตอ้ งเปน็ แพทย์เฉพาะทางบางทา่ น รว่ มกัน
เทา่ นัน้
แนวทำงกำรพัฒนำบุคลำกร
- อยา่ ส่งั ยาปริมาณมากจนเกนิ ไป ตามใจผปู้ ว่ ย โดยเฉพาะนอกเวลา
ราชการ พยายามนดั ใหผ้ ูป้ ว่ ยกลับมารับยา กบั staff ในเวลา สำหรบั แพทย์เพิ่มพูนทักษะ
ราชการ 1. การสมคั รไปประชมุ /อบรม ระยะสน้ั จะสามารถสมัคร
- ระมัดระวงั ยาทอ่ี อกฤทธติ์ อ่ จิตประสาท ต้องมหี ลกั ฐานชดั เจนวา่ ได้ ภายหลงั ท่ฝี ึกปฏิบัตงิ านครบ 6 เดอื น และผ่านการทดลอง
ให้ยาแกผ่ ูป้ ว่ ยคนน้ันจรงิ งานเรยี บรอ้ ยแล้ว และให้กลมุ่ งานพิจารณาเองว่าสมควรให้ไป
หรอื ไม่
กำรเขยี นใบชันสูตรบำดแผล 2. หลกั สตู รการอบรมระยะสัน้ จะต้องเก่ยี วข้องกับการ
ปฏบิ ตั ิงานในชว่ งที่สมัครไปประชมุ /อบรม
ในกรณีท่เี ปน็ OPD case หรือรับเขา้ Observe ในหอ 3. สามารถเบกิ ค่าใช้จา่ ย ตามระเบียบการไปประชุม/อบรม ของ
ผ้ปู ่วยให้แพทย์เวร ลงความเห็น สว่ นกรณีทีม่ กี ารทำหตั ถการ หรือ กระทรวงการคลังและอัตราเบกิ ค่าลงทะเบียนการประชมุ /
เสยี ชีวติ แพทยป์ ระจำหอผ้ปู ว่ ยจะเป็นผ้ลู งความเห็นในกรณีข่มขืน อบรม ไม่เกนิ 5,000 บาท/หลักสูตร
ใหส้ ูติ – นรีแพทย์เปน็ ผู้ตรวจและลงความเหน็
กิจกรรมด้ำนวชิ ำกำร
กำรเขียนในรบั รองแพทย์ - เขา้ รว่ มกิจกรรมวชิ าการรวมทง้ั โรงพยาบาล (Extern และ
เปน็ หน้าทข่ี องแพทย์ทกุ ทา่ นตอ้ งเขยี นใบรับรองแพทย์ Intern) ในวันพุธบา่ ยในกรณีท่ีโรงพยาบาลจัดขึ้น เช่น
สำหรบั ผปู้ ว่ ย ทต่ี ้องรับผดิ ชอบเพอ่ื มใิ ห้ เสยี สทิ ธิท่ีพึงได้ของผปู้ ่วย ประชุมวิชาการ, MM - conference
อย่างไรก็ตามตอ้ งเขยี นใบรับรองแพทยต์ ามความเป็นจรงิ ไม่มาก
เกินไปหรือน้อยเกนิ ไป และหมน่ั หาความรู้เกย่ี วกับในรับรองแพทย์ ติดต่อสอบถำมรำยละเอยี ดเพ่ิมเตมิ ไดท้ ี่
ประเภทตา่ งๆ ด้วย - ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาช้นั คลินิก โรงพยาบาลแพร่ ช้นั 2
อาคารวิทยบริการ โทร 2608
7
กลุ่มงานอายุรกรรม
น.พ.สมพงษ์ ตนั ติธนวฒั น์ น.พ.มงคล มะระประเสริฐศกั ด์ิ น.พ.เอกชยั อนันตพรรค
หวั หน้ากลุ่มงานอายุรกรรม อายุรศาสตร์โรคหวั ใจ อายรุ ศาสตรท์ ่ัวไป
น.พ.วีรพงษ์ ปรางค์เจริญ พ.ญ.ศรญั ยา สุคันธไชยวงศ์ พ.ญ.รุ้งรวี นพิ ิฐวธั นะพล
อายรุ ศาสตรโ์ รคเลือด อายรุ ศาสตร์ท่ัวไป อายุรศาสตรท์ ั่วไป
น.พ.วุฒิกร ศริ ิพลับพลา พ.ญ.นัฏกานท์ มะโนยานะ พ.ญ.ปาริชาติ นิยมทอง
อายุรศาสตรโ์ รคไต อายุรศาสตร์โรคระบบประสาท อายรุ ศาสตรโ์ รคระบบหายใจ
พ.ญ.ตติพร ทัศนาพทิ กั ษ์ พ.ญ.ปยิ ธดิ า พริบไหว พ.ญ.ปภาณิน กาศวลิ าศ
อายุรศาสตร์โรคไต อายุรศาสตร์ทว่ั ไป อายุรศาสตรโ์ รคติดเชอ้ื
พญ.วลัยกร คำเขยี ว พญ.ธนพร สธุ ราพนั ธ์ น.พ.ธนนิ ท์ จริ โชตชิ ืน่ ทวชี ยั
อายุรศาสตรท์ วั่ ไป อายรุ ศาสตร์โรคผิวหนงั อายุรศาสตรท์ วั่ ไป
พญ.ณัฐธดิ า มะโนรส พญ.วลัยกร คำเขียว
อายรุ ศาสตรท์ ั่วไป อายุรศาสตร์ทวั่ ไป
8
กล่มุ งานอายุรกรรม
ระยะเวลาฝึกปฏบิ ัตงิ าน 3 เดอื น
หอผู้ป่วย
1. หอผูป้ ่วยอายุรกรรมชาย 1
2. หอผู้ปว่ ยอายรุ กรรมชาย 2
3. หอผูป้ ่วยอายุรกรรมหญิง 1
4. หอผูป้ ่วยอายุรกรรมหญิง 2
แนวทางการปฏิบตั ิงาน
1. การรับผู้ป่วย รับผู้ป่วยในแผนก อช. และ อญ. ร่วมกับ staff ที่ประจำ อช. และ อญ. ของเดือนนั้น โดย
เขียน admission note สรุป chart และตอบใบ refer
2. การปฏิบัติงานในหอผ้ปู ว่ ยตรวจผู้ป่วยในหอผู้ปว่ ยร่วมกบั Extern และ staff ทุกวันตามเวลาทีน่ ดั หมาย
3. การตรวจผูป้ ว่ นอก ออกตรวจท่ี OPD อายุรกรรมทกุ วนั เวลา 08.30 น. - 12.00 น. สลับกัน
4. การอยู่เวรหอผู้ป่วยอายุรกรรม 8 - 10 เวรต่อเดือน อยู่เวร second call ให้กับ Extern และมี staff เป็น
third call ให้ทุกวัน ดูแลเฉพาะ อช. และ อญ. Staff ดูแลหอผู้ป่วยพิเศษ, ICU, รับปรึกษา ต่างแผนกและรับปรึกษา
จาก Extern และ Intern
5. การรับปรึกษา (consult) รับปรึกษาจาก Extern เรื่องการทำหัตถการโดย Intern อช. รับปรึกษา Extern
อช. และ Intern อญ. และสามารถปรึกษา Staff ผ้รู บั ผดิ ชอบ ward นน้ั ไดต้ ามความเหมาะสม
6. Activities ร่วมฟัง medical conference ของ Extern ทุกครั้งและทำ activities ส่วนรวมตามที่วิชาการ
ของโรงพยาบาลกำหนดให้ Intern ทำ conference คนละ 1 ครง้ั ต่อเดอื น ในชว่ งท่ีผ่านแผนกอายรุ กรรม
7. ทำ Interest Case Conference อย่างน้อย 1 คร้ัง ในช่วงท่ีผ่านกลมุ่ งานอายรุ กรรม (มฉิ ะน้ันจะไม่ผ่านต้อง
อยทู่ ำงานเพิม่ เตมิ )
9
กลุ่มงานศลั ยกรรม
น.พ.ฉัตรชยั สิริชยานกุ ุล
หวั หน้ากลมุ่ งานศลั ยกรรม
น.พ.อลงกรณ์ ไชยกลาง น.พ.ภานณุมาศ ขวญั เรือน พ.ญ.กวศิ รา ดอกพกิ ลุ
ศลั ยกรรมทางเดินปัสสาวะ ศลั ยกรรมระบบประสาท ศลั ยกรรมทั่วไป
น.พ.ตนั ตกิ ร เสนวริ ัช พญ.วชิ ชดุ า ลิมปิอังคนันต์ น.พ.เชาวนว์ ิทย์ ภู่ภทั รกุล
ศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ศัลยกรรมตกแต่ง ศลั ยกรรมระบบประสาท
น.พ.ภทั ราวุธ วฒุ ิกุลภกั ดี พ.ญ.ธนพร เนอื่ งพชื น.พ.อนุสรณ์ กองกอ่
ศลั ยกรรมท่ัวไป ศลั ยกรรมท่ัวไป ศัลยกรรมท่ัวไป
กล่มุ งานศัลยกรรม
10
กล่มุ งานศัลยกรรม
ระยะเวลาฝึกปฏิบัติงาน 2 เดือน
หอผูป้ ว่ ย
1. หอผปู้ ่วยศลั ยกรรมชาย 1
2. หอผปู้ ว่ ยศลั ยกรรมชาย 2
3. หอผปู้ ่วยศัลยกรรมหญิง
4. หอผปู้ ่วยไอ ซี ยู ศลั ยกรรม
5. หอผูป้ ว่ ยพิเศษไมตรปี ระชา ชน้ั 4
6. หอผปู้ ว่ ยพเิ ศษไมตรีประชา ช้ัน 5
7. หอผปู้ ว่ ยพเิ ศษแสนพลอย
แนวทางการปฏบิ ัติงานของแพทย์เพิ่มพนู ทกั ษะ กลุ่มงานศลั ยกรรม
การปฏิบตั งิ านในเวลาราชการ
1. Round ward ร่วมกับ staff และ extern และ Elective เข้าช่วยผ่าตัด Emergency case ตามความ
เหมาะสมหรือทร่ี บั มอบหมาย
2. รับผู้ป่วยในตามแผนกที่รับผิดชอบอยู่โดยเขียนรับ Admission note และสรุป Discgarge summary เม่ือ
ผู้ปว่ ยถูกจำหน่าย
3. ออกตรวจผู้ป่วยนอกตาม staff ทีห่ อ้ งตรวจ OPD ศลั ยกรรม สัปดาห์ ละ 1 วนั ท้ังภาคเชา้ และบา่ ย
4. กรณีออกตรวจแทนที่ห้องฉุกเฉินเวรเช้า (08.30 น. - 16.30 น.), OPD Modernization, ออกหน่วย
ประกันสังคม, หน่วยบริจาคโลหิต, PCU เวชกรรมสังคม, หรอื ออกชว่ ยตรวจที่โรงพยาบาลประจำอำเภอตา่ งๆ ให้แพทย์
เพมิ่ พูนทกั ษะแจง้ ต่อ Staff ล่วงหนา้ ทุกครัง้ กอ่ นไปออกตรวจ โดย staff หรอื หวั หนา้ กลมุ่ งานจะเปน็ ผู้อนญุ าต
การปฏบิ ัตงิ านนอกเวลาราชการ
1. อยเู่ วรนอกเวลาราชการทกุ วันคูก่ บั staff และรบั ผปู้ ว่ ยใหม่นอกเวลาราชการทกุ case รว่ มกับ Extern
2. ปรึกษา caseรับใหม่กับ Staff และเข้าช่วยผ่าตัด Emergency case ตามความเหมาะสม หรือได้รับ
มอบหมาย
3. ประเมินและให้การรักษาเบื้องต้น (Resuscitation and Primary management) ผู้ป่วย Trauma,
Severe trauma, Head injury, Case ที่ vital sign unstable หรือ Case ที่มีประวัติ vital sign unstable มาก่อน
4. กรณีรับผู้ป่วยใหม่ที่แผนกผู้ป่วยใน หรือที่ห้องฉุกเฉิน ที่ภาวะ Moderate or Severe Head injury ให้
ปรกึ ษา Staff ศลั ยกรรมประสาท (ในกรณอี ย่เู วร) หรือ Staff ศัลยกรรมทุกคร้ังโดยเฉพาะผูป้ ่วยท่ีมภี าวะ Intracranial
Hemorrhage และ/หรอื มภี าวะบาดเจ็บอืน่ ๆ รว่ มด้วย
11
กล่มุ งานศัลยกรรม
หัตถการที่ควรทำได้ ในกรณีที่มีการให้การรักษาแบบ invasive ควรให้ staff ทราบทุกครั้งยกเว้น intubation
ฉกุ เฉนิ
1. Venosection
2. Intercostal drainage
3. Definite airway (e.g., Endotracheal tube)
4. Abdominal paracentesis
5. Thoracocentesis
6. FNA
7. Proctoscope เขา้ ช่วยผ่าตดั ทคี่ วรทำได้
1. Appendectomy ตามความเหมาะสม
2. Debridement and Suture wound
3. Incisional & Excisional biopsy
8. ในการดแู ลผูป้ ว่ ยที่ปัสสาวะไม่ออก ห้ามใสส่ าย Foley ด้วย Guide wire ทกุ กรณี
กจิ กรรมวชิ าการ
1. จัดทำ Topic Conference 2 topic /คน ในวนั พฤหสั บดี ตามวันทไ่ี ด้นัดหมาย เวลา 14.30 น.
2. เข้า Morning Report ร่วมกบั Extern ทกุ วันอังคาร เวลา 09.00 น. - 10.00 น.
3. เขา้ Basic science of Surgery ร่วมกบั แพทยพ์ ี่เลยี้ ง ในวนั ศุกร์ ตามวนั ทไ่ี ดน้ ัดหมายเวลา 14.30 น. เปน็
ตน้ ไป
12
กลุ่มงานสตู ิ – นรเี วชกรรม
พ.ญ.ฐติ ิมา ธรรมรงค์กลุ
หวั หนา้ กลมุ่ งานสูติ - นรีเวชกรรม
ผศ.(พเิ ศษ) น.พ.ประการณ์ องอาจบญุ น.พ.ธงชัย มลี ือการ พ.ญ.วิรชั นี สุวฒั นานนท์
ผู้อำนวยการศนู ยแ์ พทยศาสตรศึกษาชนั้ คลนิ ิก
น.พ.ปฐม จักรบุตร พ.ญ.นวลอนงค์ วงศข์ ันแกว้ พ.ญ.ปวณี า พังสุวรรณ
13
กล่มุ งานสูติ – นรเี วชกรรม
ระยะเวลาฝึกปฏบิ ตั ิงาน 1 เดอื น 15 วนั
หอผู้ปว่ ย
1. หอ้ งคลอด (ช้นั 1)
2. หอผปู้ ่วยหลังคลอด (ชัน้ 2)
3. หอผปู้ ว่ ยนรเี วชกรรม (ช้นั 3)
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
1. Round ward ทุกวันใหเ้ สรจ็ ก่อนเวลา 9.00 น. และ round ร่วมกบั นศพ. Extern และ staff เพ่ือศกึ ษาเรยี นรู้
เคส
2. ออกตรวจ OPD เรมิ่ เวลา 9.00 น.
- OPD นรีเวช
▪ ตรวจ new case ท่ีมีปญั หาทางนรเี วชกรรมทีค่ วรรู้ เช่น ปวดท้องน้อย เลอื ดออกผิดปกติทาง
ชอ่ งคลอด ประจำเดอื นผิดปกติ คลำได้กอ้ น ตกขาว เปน็ ต้น
▪ ตรวจหลงั คลอด คุมกำเนดิ ฝงั ยาคุม ตรวจสขุ ภาพ ตรวจคดั กรองมะเร็งปากมดลกู
▪ สิ่งที่ควรได้ฝึกทำ : ตรวจภายใน อัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน หัตถการร่วมกับ pv อย่างง่าย
ได้แก่ polypectomy, cervical biopsy, marsupialization, I&D, จีห้ ูด
- OPD ANC
▪ ตรวจ ANC high risk แปลผลการตรวจคัดกรองสุขภาพทารกในครรภ์ ตรวจอัลตราซาวด์
เบอื้ งตน้ ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนสำคัญระหว่างการตั้งครรภ์ วางแผนการคลอด
▪ ในเคสที่มีความซับซ้อน ให้ปรึกษา staff OPD เพื่อให้การรักษาอย่างถูกต้องและเรียนรู้
เพิ่มเติม
3. Rotation หอ้ งผ่าตดั (หอ้ งผ่าตดั 5,6 ชน้ั 5) เวลา 9.00 น. สงั เกตการณผ์ ่าตดั เข้าช่วยผ่าตดั เขียนเอกสารการ
ผา่ ตดั ใบสง่ ชิ้นเนอื้ และคำส่ังการรักษาตามความเหมาะสม (ถา้ มีหัตถการระดับท่ี 2-4 ควรขอ teaching)
4. ภาคบา่ ยวันจนั ทร์และอังคาร เข้าร่วมกจิ กรรมวชิ าการ เวลา 13.00-14.30 น.
5. ภาคบ่ายวันอื่นๆ ปฏิบัติงานตาม rotation ได้แก่ ตรวจ OPD เคสที่เหลือ เข้าช่วยผ่าตัด ปฏิบัติงาน ward
work รบั เคสใหม่ สรปุ ชารต์
14
กล่มุ งานสูติ – นรเี วชกรรม
การอย่เู วร
- รับส่งเวรเคสในห้องคลอดเวลา 16.30 น.
- รับเคสใหม่ รีวิวประวตั ิ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน ตรวจเพมิ่ เตมิ เช่นอัลตราซาวด์ และรายงาน staff ทกุ เคส
- ทำคลอดปกตเิ คสความเสย่ี งต่ำ สอนและดูแลควบคุมนิสิตแพทย์ในการทำคลอด รว่ มกบั พยาบาลหอ้ งคลอด
หตั ถการทางสูติ-นรีเวชกรรมที่ควรทำได้เองตามเกณฑแ์ พทยสภา (หตั ถการระดบั ที่ 1)
1. Amniotomy (at time of delivery)
2. Cervical biopsy
3. Episiotomy with subsequent episiorrhaphy
4. Insertion and removal of intrauterine device
5. Marsupialization of Bartholin’s cyst
6. Normal labor
7. Pap smear
8. Polypectomy
9. Vaginal packing
หตั ถการทางสตู ิ-นรเี วชกรรมทีค่ วรทำได้ ได้เขา้ ช่วย หรือได้เห็นเม่ือผ่านการเพ่ิมพนู ทกั ษะ (ระดับที่ 2-4)
- ตามรายการในสมดุ บนั ทึกการปฏบิ ัตงิ านของแพทยเ์ พ่ิมพนู ทกั ษะ (Log book)
- ควรเขา้ ช่วย หรือสงั เกตการณ์ตามความเหมาะสม
- บันทกึ หัตถการในสมุด log book เพือ่ ประกอบการประเมินผลหลงั การเพิ่มพนู ทักษะ
กิจกรรมวิชาการ
1. Topic / Case discussion / Journal club นำเสนอ คนละ 1-2 ครงั้ เข้าร่วมทุกวนั จนั ทร์ เวลา 13.00-14.30
2. Interesting case conference นำเสนอโดย extern เข้าร่วมทกุ วันอังคาร เวลา 13.00-14.30 น.
เกณฑผ์ ่านการปฏิบัตงิ านแพทยเ์ พิม่ พนู ทกั ษะ กลุม่ งานสูติ-นรเี วชกรรม โรงพยาบาลแพร่
- ระยะเวลาการฝึกปฏบิ ตั ิงานตอ้ งไม่ต่ำกวา่ 80%
- สามารถทำหัตถการระดบั 1 ได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม
- หัตถการระดับ 2 ไดท้ ำด้วยตนเองอยา่ งน้อย 1 ครัง้ ยกเวน้ 98.17 *
- หัตถการระดับ 3 ไดท้ ำด้วยตนเองภายใต้คำแนะนำหรอื ชว่ ยทำ อยา่ งน้อย 1 คร้งั
- นำเสนอกิจกรรมวชิ าการ อย่างนอ้ ย 1 ครัง้
- แบบประเมินแพทย์เพิ่มพูนทกั ษะวิถใี หม่ (WBA) ได้รับการประเมนิ วา่ “ผา่ น” และมคี ะแนนเฉลี่ยไม่น้อยกวา่ 4
ทงั้ 3 แบบประเมนิ
*** กรณุ าศกึ ษารายละเอยี ดเพิม่ เตมิ ใน "คมู่ ือแพทยเ์ พิ่มพูนทกั ษะ แผนกสูติ-นรีเวชกรรม" ฉบับเตม็ ***
15
กลุม่ งานกมุ ารเวชกรรม
ผศ.(พิเศษ) น.พ.พรชัย ลิ้มกมลทพิ ย์
หัวหน้ากลุ่มงานกมุ ารเวชกรรม
แพทยห์ ญงิ นนั ทวัลย์ ตนั ตธิ นวฒั น์ นายแพทย์วรการ พิทักษ์กจิ รณกร นายแพทย์วนั ชนะ จนิ ดาคำ
แพทย์หญงิ พจนพร งามประภาสม แพทย์หญงิ จิระพร วงษส์ มบูรณ์ แพทยห์ ญงิ กุลภสั สร์ ล้มิ สมุทรเพชร
16
กล่มุ งานกุมารเวชกรรม
ระยะเวลาฝึกปฏิบตั งิ าน 1 เดอื น 15 วัน
หอผู้ป่วย
1. หอผู้ปว่ ยกุมารเวชกรรม
2. หอผู้ป่วย ไอ ซี ยู กมุ ารเวชกรรม
3. หนว่ ยบรกิ ารพเิ ศษทารกแรกคลอด
แนวทางการปฏบิ ัติงาน
1. การปฏบิ ตั งิ านในหอผู้ปว่ ย จำนวน 6 สปั ดาห์
- สัปดาหท์ ี่ 1 - 3 PICU และ NSCU round หลังคลอดดว้ ยไมม่ กี ารฝากเพื่อนต่างแผนก round ให้
- สปั ดาห์ท่ี 4 - 6 ตึกกุมารเวชกรรม ชน้ั 4 (กรณที ปี่ ฏบิ ตั งิ าน 2 คน อาจสลับเปล่ยี นได้)
2. ขึ้น round ผู้ป่วยในหอที่รับผิดชอบตั้งแต่ เวลา (07.30 น. - 10.00 น.) โดยสามารถสั่งการรักษาเบื้องต้น
ไปก่อนได้และร่วม round พร้อม staff เวลาประมาณ 09.00 น. (ในวันหยุดราชการต้องมาดูแลผู้ป่วยด้วยกรณีไม่อยู่
หรือไมม่ า round ขออนมุ ตั ิ staff ทอ่ี ยูด่ ว้ ย และต้องบอกหวั หน้าแผนกทุกครั้ง)
3. การออกตรวจ OPD (รว่ มกบั staff) ชว่ งเวลา 10.00 น. - 12.00 น. และชว่ งเวลา 13.00 น. - 16.30 น.
- สัปดาห์ที่ 1 - 3 ประจำ PICU และ NSCU ต้องออกตรวจ OPD วันอังคาร, พฤหัสบดี ในวันจันทร์,
พธุ , ศุกร์ ตรวจเด็กทารกทหี่ อ้ งหลงั คลอด ห้องแรกคลอด ท่ีหอผู้ปว่ ยหลงั คลอด ชัน้ 2 อาคารสูติ - นรีเวชกรรม
- สัปดาห์ท่ี 4 - 6 ประจำตกึ กุมารเวชกรรมช้ัน 4 ออกตรวจ OPD วนั จันทร์, พุธ, ศกุ ร์
4. เวลาปฏบิ ัติงานในหอผู้ป่วย แพทย์เพิ่มพูนทักษะจะเป็นผู้ทำการตรวจรักษาเบ้ืองตน้ ทุก case ก่อนรายงาน
staff รวมถึงการบันทึก Medical record : การบันทึกประวัติ, การตรวจร่างกาย, การเขียน Admittion note,
Progress note บนั ทึกความก้าวหน้าตลอดจนสรปุ บันทึกผลการรกั ษาตา่ งๆ
5. ช่วงการปฏิบตั งิ านทง้ั หมด ในกลุม่ งานเด็กไม่น้อยกวา่ 80 % ของเวลาท่ปี ฏบิ ตั ิงานในกลุม่ งานถ้าไม่ครบต้อง
ปฏบิ ัตงิ านเพิ่มอาจมีผลจบช้ากวา่ กำหนด
6. ยากลุ่มดงั ตอ่ ไปนี้ ต้องได้รับการปรึกษาและอนญุ าต staff กอ่ นทกุ คร้งั ที่ใหก้ ารรักษา Augmentin (ชนดิ ฉีด,
รับประทาน), Ciprofloxacin, Meropenam, ยากลมุ่ Cephalosporin ทงั้ ฉดี และรับประทาน
7. หตั ถการ ดงั ตอ่ ไปนี้ ต้องไปรบั การปรกึ ษาและอนุญาตจาก staff ก่อนทกุ ครั้งท่ใี หก้ ารรักษา
- Lumbar puncture
- Pleural tapping
- Abdominal tapping
- Invasive procedure ตา่ งๆ
- การส่ง Ultrasound
- การสั่ง CT ต่างๆ
17
กล่มุ งานกุมารเวชกรรม
8. การประเมินผลแพทย์เพิ่มพนู ทักษะ พจิ ารณาประกอบ
8.1 การปฏบิ ัติงานในแผนกกมุ าร
8.2 ตดิ ตามบนั ทึกหัตถการตา่ งๆทคี่ วรเห็นหรือปฏบิ ตั ิไดต้ ามแพทยสภากำหนด
8.3 ถ้าประเมินแล้วไม่ผ่านสามารถเรียกย้อนกลับมาปฏิบัติงานใหม่หรือมาฝึกเพิ่มเติมหัตถการท่ีขาด
ไปไดแ้ มไ้ ปอยแู่ ผนกอนื่ แล้วกต็ าม
8.4 ประเมนิ ความร้ทู างวชิ าการในชว่ งสัปดาห์ ที่ 3, 4 โดยการประเมินเป็นช่วงสปั ดาห์ท่ี 3 ถ้าไม่ผ่าน
เกณฑ์ มีการประเมนิ ซำ้ ในช่วง สปั ดาห์ ที่ 4 ถา้ ไม่ผา่ นเกณฑ์ staff กมุ ารแพทย์จะพจิ ารณาอกี ครัง้
9. การอยูเ่ วร ประมาณ 7 ครง้ั ต่อคนต่อเดือน (16.30 น. - 8.30 น.) โดยกำหนดอยตู่ ามตารางที่จัดให้กรณีแลก
เวรต้องแจ้งบอก ward และ ICU ทุกคร้ังทแี่ ลกเวรไปเพื่อสะดวกตอ่ การประสานงานของเจ้าหน้าท่ี
10. ถ้ามีกิจกรรมอื่นๆ เช่นออกตรวจ ER, ประกันสังคม, หน่วยแพทย์ ฯลฯ ให้แจ้ง staff ก่อนทุกครั้งและเนน้
งานแผนกกมุ าร เป็นหลักก่อนไปชว่ ยเหลอื แผนกอน่ื ๆ ตามเห็นควรของ staff และหวั หน้าแผนก
11. ไมอ่ นญุ าตให้ลาไปประชมุ , อบรม หวั ขอ้ อ่นื ที่ไม่ใชก่ ุมารเวช ในชว่ งทผี่ ่านงานกุมารเวชกรรม
12. ทำกิจกรรมทางวิชาการ Interesting case Conference case, Journal club ฯลฯ คนละครั้งเริ่มทำได้
ตง้ั แต่ สปั ดาห์ท่ี 3 และควรใหเ้ สร็จก่อนสัปดาห์ท่ี 6
13. กรณี Case consult ตา่ งแผนกต้องแจง้ ให้ staff ทอ่ี ยู่ดว้ ยทราบทกุ ครัง้ ทุกกรณแี ละไปตรวจรักษาเบ้ืองต้น
กอ่ น staff ไปดู และ มีการอบรม CPR เดก็ ทุก 3 เดือน
18
กลุม่ งานศลั ยศาสตร์ออรโ์ ธปดิ กิ ส์
นายแพทย์ลกั ษณ์ ปภินวชิ กุล
หัวหนา้ กลุ่มงานศลั ยศาสตรอ์ อรโ์ ธปิดกิ ส์
นายแพทย์เกรยี งไกร สุวรรณกาศ นายแพทยเ์ พม่ิ ศักดิ์ จิรยศบุญยศกั ดิ์ นายแพทยย์ อดปิติ ตั้งตรงจิตร
นายแพทยย์ ศวจั น์ ตงั้ ตรงจติ ร นายแพทย์ณัทกร เผ่าพงษ์ทอง นายแพทยก์ วี ลิ้มสมุทรเพชร
19
กล่มุ งานศัลยศาสตรอ์ อรโ์ ธปิดิกส์
ระยะเวลาฝึกปฏิบตั งิ าน 1 เดอื น
หอผู้ป่วย
1. หอผปู้ ่วยศลั ยกรรมกระดูกชาย รอ้ ยสุข 2
2. หอผู้ป่วยศลั ยกรรมกระดกู หญงิ ร้อยสุข 3
3. หอผปู้ ่วยพิเศษศัลยกรรมกระดกู รอ้ ยสุข 5
หมายเหตุ หลกั ๆ ดู ข้อ 1-3 แต่อาจมผี ้ปู ว่ ยฝากนอนท่ี อน่ื อีก เชน่ ไมตรีประชา 1, 4, 5 หากมี consult
การปฏิบัติงานของแพทยเ์ พิ่มพนู ทกั ษะ
1. Round word เชา้ เวลา 07.30 น. - 08.30 น. รว่ มกับ Extern (ถา้ มี)
2. ออก OPD รว่ มกบั staff (เวลา 08.30 น. - 16.30 น.) ตรวจ Case OPD ใหม่ทุกวัน
3. รบั คนไข้ Admit ซกั ประวัตติ รวจร่างกาย ทกุ รายของแผนกศลั ยกรรมกระดูก
4. ถ้ามี case หัตถการใหท้ ำร่วมกบั staff
5. อยูเ่ วรผปู้ ว่ ยใน First Call
กจิ กรรมวชิ าการ
1. Morning film conference ทุกวัน เวลา 08.30 น. - 9.30 น. ร่วมกับ staff และ Extern
2. Interesting case conference 1 ครั้ง/ 1 เดือน รว่ มกับแพทย์พ่ีเลี้ยง
หมายเหตุ ชว่ งสถานการณโ์ ควิด กิจกรรมวิชาการอาจมกี ารเลื่อนหรอื งด ไปก่อนตามความเหมาะสม
หนา้ ที่และตารางปฏิบัตงิ านของแพทย์เพ่ิมพูนทกั ษะแผนกศลั ยกรรมกระดูก
1. ดูแลและใหก้ ารรักษาผ้ปู ว่ ยในแผนกศัลยกรรมกระดูกร่วมกับ Staff ประจำสายตามที่กำหนด
2. ออกตรวจผ้ปู ่วยนอกแผนกศัลยกรรมกระดูกร่วมกับ Staff ประจำสายตามทกี่ ำหนด
3. ปฏบิ ตั งิ านอยู่เวรนอกราชการรว่ มกบั Staff ประจำวัน
4. ฝึกซักประวตั ิ ตรวจร่างกาย สง่ x-ray วนิ จิ ฉยั ใหก้ ารรักษาผปู้ ่วยในแผนกศลั ยกรรมกระดกู ทุกราย
5. ออกตรวจผปู้ ว่ ยนอกแผนกศลั ยกรรมกระดูกแทนStaff ประจำสายในกรณีที่ Staff ประจำสายไมอ่ ยู่
6. ทำหตั ถการพืน้ ฐานภายใต้การดแู ลของ Staff ตามที่แพทยสภากำหนด
20
กล่มุ งานศัลยศาสตรอ์ อรโ์ ธปิดิกส์
ตารางปฏบิ ัติงานของแพทย์เพมิ่ พูนทักษะแผนกศลั ยกรรมกระดกู
วนั เวลา (08.30 น. - 16.30 น.)
จนั ทร์ OPD (นพ.ลักษณ)์
องั คาร OPD (นพ.ยอดปติ ิ )
พธุ OPD (นพ.ยศวจั น์)
พฤหสั บดี OPD (นพ.เพิม่ ศักด์ิ/เกรยี งไกร)
ศกุ ร์ OPD ( นพ.ณัทกร / นพ.กวี)
หมายเหตุ แพทยเ์ พมิ่ พนู ทกั ษะต้องแจ้งให้ Staff OPD ทราบ กรณไี ม่สามารถปฏบิ ตั ิงานตามตารางที่ กำหนด
หัตถการที่แพทย์เพม่ิ พนู ทกั ษะควรทำไดต้ ามเกณฑ์ทแี่ พทยสภากำหนด
1. Debridement wound
2. Steroid injection
3. Arthrocentesis + synovial analysis
4. Skin traction or skeletal traction
5. Reduction simple fracture or dislocation
6. Apply Slab and cast
โรคทางศัลยกรรมกระดูกที่แพทย์เพิ่มพูนทักษะควรวินิจฉัย และให้การรักษาหรือส่งต่อได้ตามเกณฑ์ที่ แพทยสภา
กำหนด
1. Common fracture and dislocation
2. Common orthopaedic disease ex. DQ disease, Tennis elbow, Trigger finger, CTS
3. Spinal disorder ex. Spinal stenosis, HNP
4. Osteoarthritis
5. Crystal induced arthritis
6. Osteoporosis
เกณฑ์การประเมนิ แพทยเ์ พิม่ พูนทักษะแผนกศัลยกรรมกระดกู
1. Topic presentation + Case conference
หมายเหตุ ในชว่ งสถานการณ์ covid 19 อาจมีการงดแล้วแต่ความเหมาะสม
2. แบบประเมนิ แพทยเ์ พมิ่ พนู ทกั ษะ ตามแพทยสภากำหนด (เอกสารการประเมิน 3 ฉบบั ของแพทยสภา)
21
กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉกุ เฉนิ
นายแพทยธ์ วัชชัย แสนศรี
หวั หน้ากล่มุ งานเวชศาสตร์ฉุกเฉนิ
พญ.กลั ยากร เรอื นปงิ วงั นพ.จกั รพันธ์ ธรรมเมธากาญจน์
พญ.วริยา เหมืองจา อุดมศกั ดิ์ ต้ังชัยสรุ ยิ า
22
กล่มุ งานเวชศาสตรฉ์ กุ เฉิน
กล่มุ งานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ตัง้ อยู่บริเวณชั้นท่ี 1 ของอาคารเฉลมิ พระเกียรติ ประกอบดว้ ยดา้ นหนา้ สุดเป็นหอ้ ง
โถงทใี่ ชใ้ นการรับรองผปู้ ่วยในกรณีอุบัติเหตหุ มู่ และเปน็ สถานที่ในการประเมนิ คดั แยกผู้ป่วยเบ้อื งตน้ ตอ่ ไปเปน็ ห้องที่
ใช้ในการตรวจผู้ปว่ ยฉุกเฉนิ ทั่วไป และผู้ปว่ ยเรง่ ดว่ น ถดั เข้าไปด้านใน เป็นห้องฟน้ื คนื ชีพ ใช้ในกรณที ผ่ี ปู้ ว่ ยมภี าวะ
วกิ ฤติ หรือผ้ปู ่วยทตี่ ้องการการชว่ ยฟนื้ คืนชีพ
บุคลากรในกลมุ่ งานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ประกอบดว้ ยแพทย์ประจำ ทำหนา้ ท่ีตรวจผู้ปว่ ยในเวลาราชการ จำนวน
3 คน พยาบาล และเจ้าหน้าทอ่ี ื่นๆ ประมาณ 35 คน
ใน 1 วัน ห้องอบุ ัติเหตุฉุกเฉินแบ่งการทำงานเปน็ 3 เวร
เวรเชา้ 08.30 น. - 1630 น. ประกอบด้วยแพทย์ 2 คน พยาบาลเวร 4 คน, เวชกจิ ฉกุ เฉิน 1 คน, พนกั งานกู้
ชพี 1 คน, ผชู้ ว่ ยเหลือคนไข้ 2 คน
เวรบา่ ย 16.30 น. - 00.30น. ประกอบดว้ ยแพทย์ 2 คน พยาบาลเวร 4 คน, เวชกจิ ฉุกเฉิน, พนักงานกชู้ ีพ 1
คน, ผูช้ ่วยเหลือคนไข้ 2 คน
เวรดกึ 00.30 น. - 08.30 น. ประกอบดว้ ยแพทย์ 1 คน พยาบาลเวร 4 คน, เวชกจิ ฉกุ เฉิน, พนักงานกู้ชีพ 1
คน, ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 2 คน
บทบาทหน้าท่ีแพทย์ใช้ทุนที่ปฏิบัตงิ านตึกอบุ ตั เิ หตุฉุกเฉิน
เวรเชา้ 12.30 น. - 16.30 น. มาปฏิบตั งิ านท่หี ้องฉุกเฉนิ 1 คน (แพทย์ใชท้ นุ ทุกคนจะตอ้ งผ่านการประเมนิ
จากแพทยป์ ระจำห้องฉุกเฉิน เดอื นละ 2 คร้ัง คดิ เปน็ 12 วันต่อ 1 ปี โดยประมาณ)
เวรบ่าย 16.30 น. - 00.30 น.
เวรดึก 00.30 น. - 08.30 น. มาปฏิบตั งิ านทห่ี อ้ ง อุบตั ิเหตุฉุกเฉิน 1 คน
23
กล่มุ งานเวชศาสตรฉ์ กุ เฉิน
หนา้ ท่ี
ประเมนิ และแก้ไขภาวะวกิ ฤตฉุกเฉิน ของโรคตา่ งๆ เพื่อใหผ้ ู้ปว่ ยรอดพน้ อนั ตรายและส่งต่อใหผ้ ู้เชี่ยวชาญ
สาขาอน่ื เพื่อรบั การรกั ษาเฉพาะต่อไป
1. ทำหน้าทรี่ กั ษาการผ้อู ำนวยการนอกเวลาราชการ โดยมีบทบาทหนา้ ท่ี คือ
- อนุมตั ิใหร้ ถกู้ชพี ออกรับผปู้ ่วย ณ จดุ เกดิ เหตุ และเปน็ ที่ปรกึ ษาของพยาบาลในการให้คำแนะนำ
ด้านการรักษา
- อนมุ ตั ใิ ห้ส่งผ้ปู ่วยไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกวา่
- อนุมัติการรับและจำหนา่ ยศพ
2. ในกรณที ่ผี ้ปู ่วยมีอาการรนุ แรง ตอ้ งให้การชว่ ยชีวิตเรง่ ด่วน ใหร้ ายงานแพทย์ทปี่ รึกษาประจำแผนกและ
ประจำวนั นั้นๆ มาชว่ ยรักษาผู้ป่วย หรือผู้ได้รบั บาดเจบ็ ทตี่ ึกอบุ ตั เิ หตฉุ ุกเฉิน
3. ในกรณีที่มีปัญหาในการรกั ษาผู้ป่วยหรือผู้ไดร้ บั บาดเจบ็ ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามแนวทางการรกั ษาทีก่ ำหนดไว้
(Clinical practice guideline)
- Fast tract: STEMI, Acute stroke
- Consult staff ท่ีห้องอบุ ัติเหตฉุ ุกเฉินกอ่ น admit
Ortho: opened fracture tear tendon dislocation มี condition ของ ortho ที่ไป
admit ward อ่นื
Neuro Sx: ทกุ เคส
Eye, ENT: ทุกเคส
4. ในกรณที ่ีผปู้ ่วยเป็นเดก็ หรือผู้หญงิ ท่ีถูกกระทำด้วยความรุนแรงจากบุคคลในครอบครวั หรืออน่ื จะไม่มีการ
บนั ทึกรายละเอียด ในการรักษาพยาบาลในใบเวชระเบยี น แตจ่ ะมีใบบันทึกตา่ งหาก
- ในเวลาราชการ แพทยน์ ิติเวช
- นอกเวลาราชการ แพทย์เวรหอ้ งฉกุ เฉนิ
25
กลมุ่ งานเวชศาสตรฟ์ ้นื ฟู
พญ.ชน่ื ชนก นพิ ิฐวัธนะผล
หวั หนา้ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฟ้ืนฟู และแพทย์ประจำกลุ่มงานเวชศาสตรฟ์ ้ืนฟู
25
กลุม่ งานจักษวุ ทิ ยา
นายแพทยท์ วศี ักด์ิ จงวิริยานุรกั ษ์
หัวหน้ากลุ่มงานจกั ษุวิทยา
แพทย์หญงิ วลยั พร ยติพูลสุข แพทยห์ ญิงสรุ ารกั ษ์ วรี ชั ธนัทพงศ์
แพทย์หญิงดาว ลือวัฒนานนท์ แพทย์หญิงกาญจนา โอสถาเลศิ
26
กล่มุ งานจิตเวชศาสตร์
นายแพทยส์ มิทธ์ ทองประเสริฐ
หัวหนา้ กลุ่มงานจติ เวชศาสตร์
แพทย์หญงิ รรินธร ธญั ญานวุ ัติ แพทยห์ ญิงนฤมล บดั ติยา แพทย์หญงิ เอฬนิ า คำออน
27
กลุ่มงานรงั สวี ทิ ยา
แพทย์หญงิ เพชรรัตน์ ทรวงแกว้
หวั หนา้ กลุ่มงานรังสีวิทยา
แพทยห์ ญงิ นงเยาว์ พทิ ักษก์ จิ รณกร แพทยห์ ญิงพิไลพร เพ่ืมขน้ึ แพทย์หญิงบุษยรัตน์ ศริ ยิ า
นายแพทยไ์ พศาล จันทร์นวล แพทย์หญงิ สดุ าพิม ปรางค์เจริญ
28
กล่มุ งานวสิ ญั ญวี ทิ ยา
แพทย์หญงิ ศวิ พร จันทรป์ ระสิทธิ์
หวั หน้ากลุ่มงานวิสัญญีวิทยา
แพทย์หญิงพรพนติ ผดุ เพชรแก้ว แพทย์หญิงชนานาถ แยม้ พราม
แพทย์หญิงม่งิ สกุล แดนโพธ์ิ แพทย์หญงิ สาวิกา วริ ิยะพงศ์
29
กลุ่มงานโสต ศอ นาสกิ วิทยา
นายแพทย์ณฏั ฐธนิน เศรษฐวนชิ ย์
หวั หนา้ กลุ่มงานโสต ศอ นาสิก วทิ ยา
นายแพทยส์ ุวัฒณ์ กิตตบิ วรกลุ แพทย์หญิงจิณา ตีระวณิชย์
30
กลุ่มงานเวชกรรมสงั คมและอาชวี เวชกรรม
แพทยห์ ญงิ จุฑารตั น์ ไกรขจรกิตติ แพทย์หญงิ ปิยฉัตร ดสี ุวรรณ
หัวหน้ากลุ่มงานเวชกรรมสังคม หวั หนา้ อาชีวเวชกรรม
แพทยห์ ญงิ ศรีรตั น์ มากมาย นายแพทยจ์ ริ วัฒน์ สตี ื้อ แพทย์หญิงภญิ ญดา ถานะวุฒพิ งศ์
31
กลุ่มงานนิตเิ วชวทิ ยา
หัวหนา้ กลุ่มงานนติ เิ วช
แพทยแ์ สงระวี ขว้างแป้น
นายแพทย์ภทั รชั รตั นะชวี ะกุล
32
สิทธิผู้ป่วย
เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพกับผู้ป่วย ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจอันดี
และเป็นที่ไว้วางใจซึ่งกนั และกัน แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภาคณะกรรมการควบคุม
การประกอบโรคศิลปะ จงึ ได้ร่วมกนั ออกประกาศรับรองสทิ ธิของผปู้ ว่ ยไวด้ งั ต่อไปนี้
1. ผู้ปว่ ยทุกคนมสี ทิ ธพิ นื้ ฐานที่จะไดร้ บั บรกิ ารดา้ นสุขภาพ ตามท่ีบญั ญตั ิไว้ในรฐั ธรรมนญู
2. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากความ
แตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม ลัทธิการเมือง เพศ อายุ และ ลักษณะของความ
เจ็บปว่ ย
3. ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอ และเข้าใจชัดเจน จากผู้
ประกอบวิชาชีพดา้ นสุขภาพเพ่ือให้ผู้ปว่ ยสามารถเลือกตดั สินใจในการยนิ ยอมหรือไม่ยนิ ยอมให้ผู้ประกอบ
วิชาชีพดา้ นสขุ ภาพปฏบิ ตั ิตอ่ ตน เว้นแต่เป็นการชว่ ยเหลือรีบด่วนหรือ จำเปน็
4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวติ มีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้าน
สขุ ภาพโดยทนั ทีตามความจำเปน็ แก่กรณี โดยไม่คำนึงวา่ ผ้ปู ่วยจะรอ้ ง ขอความช่วยเหลือหรือไม่
5. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ สกุล และประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็น ผู้ให้บริการ
แก่ตน
6. ผู้ปว่ ยมสี ิทธิท่จี ะขอความเหน็ จากผปู้ ระกอบวชิ าชพี ด้านสุขภาพอื่น ทีม่ ไิ ด้เป็นผู้ให้บริการแก่ตน และมีสิทธิ
ในการขอเปลย่ี นผใู้ หบ้ ริการ และสถานบรกิ ารได้
7. ผู้ป่วยมีสิทธิทีจ่ ะได้รับการปกปิดข้อมลู เกีย่ วกับตนเอง จากผปู้ ระกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัดเว้น
แต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ผู้ป่วยมสี ิทธิที่จะได้รับทราบข้อมลู
อยา่ งครบถว้ น
8. ในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทำวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้าน
สุขภาพ
9. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฏใน เวชระเบียนเม่ือ
รอ้ งขอ ทง้ั น้ี ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธสิ ่วนตวั ของบุคคลอื่น
10.บิดา มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรม อาจใช้สิทธิแทนผู้ปว่ ยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน สิบแปดปีบริบรู ณ์ ผู้
บกพร่องทางกายหรือจติ ซึ่งไมส่ ามารถใชส้ ิทธดิ ้วยตนเองได้
33
เคล็ดลับ ของแพทย์ท่ีประสบความสาเรจ็
1. Treat the patients as you want yourself and your family to be treated. เอาใจเขามาใสใ่ จเรา เมื่อใดท่ี
ตดั สินใจไมถ่ กู ว่าจะทำอย่างไร ใหค้ ิดเสมอื นกบั ว่าเรากำลงั ดแู ลตวั เราเอง ดแู ลคนทเ่ี รารกั หรอื ญาติพนี่ ้องเรา
2. First do no harm. อยา่ ทำใหซ้ ำ้ รา้ ย คนเราทำผดิ ได้ แตผ่ ดิ แลว้ ตอ้ งจำ ต้องเรยี นรเู้ พ่ือท่ีจะไม่ทำผิดซำ้ เมื่อใดก็ตามท่เี รา
พลาด ส่งิ แรกทตี่ อ้ งทำคอื ยอมรับผิด ตอ้ งรีบปรกึ ษากับเพ่อื นร่วมงานและผปู้ ่วย เพอ่ื แก้ไขปัญหาใหด้ ที ี่สุด การเป็นมนุษยท์ ส่ี มบูรณจ์ ะ
สง่ เสรมิ ให้เราเป็นแพทย์ทด่ี ียิ่งขึน้
3. Learning medicine has no end. วชิ าแพทย์เป็นวิชาทีเ่ รียนไม่รู้จกั จบ ตอ้ งหมัน่ ศกึ ษาหาความรูแ้ ละตดิ ตาม
ความก้าวหน้าตลอดชีวติ
4. You can learn from anyone. เราสามารถเรยี นรไู้ ดจ้ ากคนทกุ คน เมอื่ ไมร่ ตู้ อ้ งไมก่ ลวั ท่ีจะถาม ไม่วา่ จะเปน็ ใครกต็ าม
ต้ังแต่แพทย์ประจำบ้าน, นักศกึ ษาแพทย์ดว้ ยกนั เองไม่ว่าจะเปน็ ร่นุ พ่ีหรอื ร่นุ น้อง, พยาบาล, ผู้ชว่ ยพยาบาล, พนกั งานวทิ ยาศาสตร์ ไม่
จำเป็นจะตอ้ งรอถามอาจารยห์ รือผู้อาวุโสกว่าเท่านนั้
5. Learn from your patients. ตอ้ งเรียนจากผู้ปว่ ย ความเจ็บป่วยนัน้ เกิดกับตัวผปู้ ว่ ยเอง ดังนน้ั เขายอ่ มร้ดู กี วา่ ใคร เปิด
โอกาสให้ผ้ปู ว่ ยพูด เราตอ้ งต้งั ใจฟงั ถา้ รบั รสู้ ่งิ ที่เขาบอก เราจะให้การวินจิ ฉยั โรคได้ และเมื่อใดทกี่ ารรกั ษาของเราใช้ไม่ไดผ้ ล..โรค
ลกุ ลามมากข้ึน..วิธที ีด่ ีท่สี ดุ คือให้รบี กลบั ไปดูผปู้ ว่ ย..แล้วเรามกั จะไดค้ ำตอบ ใหค้ วามสนใจกับส่ิงทีผ่ ปู้ ว่ ยเล่าให้ฟงั …อยา่ มวั แต่สนใจแต่
ตวั โรคท่เี ขาเปน็
6. There is no substitute for accurate history taking and performing good physical examination เทคโนโลยี
ไม่ใชส่ ิ่งท่จี ะใช้ทดแทนการซกั ประวตั ิและตรวจรา่ งกายได้ อยา่ เช่อื ผลการตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ ารใดๆ จนกวา่ จะไดต้ รวจสอบขอ้ มูลให้
ถูกตอ้ งดว้ ยตนเองทุกคร้งั
7. Become involved in all aspects of patient care. ดูแลผู้ปว่ ยทงั้ ตัว ไมด่ ผู ปู้ ว่ ยแบบแยกสว่ นหรือดูเฉพาะบางปญั หา
ท่สี นใจ การใส่ใจกบั ปญั หาทั้งหมดของผู้ป่วยจะทำใหเ้ รามีโอกาสเรยี นรู้มากขน้ึ
8. Follow up on patients that you cared เกาะติดผู้ปว่ ยทีเ่ คยรักษาอยา่ งเหนยี วแนน่ ตามดจู นจบ แมว้ ่าผ้ปู ่วยจะพน้
ความรับผดิ ชอบและถูกส่งต่อไปอยู่ภายใตก้ ารดแู ลของแพทย์คนอนื่ แล้วก็ตาม
9. Do the right things เราทกุ คนร้วู ่าอะไรดีหรือไมด่ ี … ทำในสงิ่ ท่ีถกู ตอ้ ง ทง้ั ต่อผูป้ ว่ ย เพ่ือนแพทย์ เจ้าหน้าที่ และ
ผ้รู ่วมงาน
10. Focus on skillful communication and education เน้นทกั ษะในการสอ่ื สารเพ่ือสรา้ งความเข้าใจและการเรยี นรู้
ไมใ่ ชค่ อยกลา่ วโทษซง่ึ กันและกนั
11. Keep your eye open ตอ้ งเปิดหูเปดิ ตา อยา่ มุ่นอยู่กับงานในความรับผิดชอบของตัวเองโดยไมส่ นใจกบั สง่ิ อ่นื ต้องใส่
ใจกบั เหตกุ ารณห์ รอื ความเคล่ือนไหวท่ีเกดิ ข้นึ ภายในหอผู้ป่วย โรงพยาบาล แมก้ ระท่ังปัญหาทเ่ี กดิ ขนึ้ กับสังคมภายนอก
12. Challenge yourself by continually asking “why”…? ท้าทายตวั เอง ตง้ั คำถามถามตัวเองบ่อยๆว่า “ทำไม” และ
พยายามหาคำตอบมาใหไ้ ด้
13. Get comfortable with the phrases, I don’t know” and “I need help. ตอ้ งกลา้ ทจ่ี ะยอมรบั วา่ ตวั เอง “ไมร่ ู”้
และไม่อายท่จี ะถามหาความช่วยเหลอื คนเราไมม่ ีใครรดู้ ใี นทุกๆอยา่ ง จะเป็นแพทยท์ ี่ดีต้องรูต้ วั เองว่า “รูจ้ ริง” หรอื “ไมร่ ้”ู ถา้ ไมร่ ู้ก็
ตอ้ งถาม อยา่ กระทำไปโดยที่ไมร่ ู้ เพราะเปน็ บ่อเกดิ แห่งความผดิ พลาด
14. Once you stop reading, you are already outdating. ถ้าหยุดอา่ นหนังสือเมอื่ ใดกก็ ลายเปน็ หมอตกรนุ่ ทนั ที โดย
ธรรมชาติ ความร้ทู ี่บรรจอุ ย่ใู นสมอง เราจะลดลงทุกวนั วิธีการเดยี วที่จะทำใหค้ วามรไู้ มล่ ดลงคือตอ้ งเตมิ ลงไปใหม่ทุกวันโดยการอ่าน
15. Nobody, but YOU are responsible for you. ตนเปน็ ที่พ่งึ แหง่ ตน เราต้องรับผดิ ชอบตวั เราเอง ไมม่ ีใครรบั ผิดชอบ
แทนเราได้ อยา่ หวงั พงึ่ พา คนอ่ืนหรอื หวังจะใหค้ นอ่ืนช่วยอยู่ร่ำไป
16. The knowledge does not arrive with your white coat. ความรู้ไมไ่ ด้เกาะตดิ มากับเส้อื กาวน์ การสวมเสือ้ กาวน์
หรอื พก stethoscope ไมไ่ ด้หมายความวา่ จะมคี วามรู้มากกวา่ คนทไ่ี มม่ โี อกาสสวมเสอ้ื กาวน์ ความรเู้ ปน็ สง่ิ ท่เี ราต้องแสวงหาและ
เรียนรดู้ ้วยตนเองอยา่ งสมำ่ เสมอทกุ วนั
34
บรบิ ททั่วไป
การรกั ษาพยาบาลเม่อื เจบ็ ป่วย ระเบียบของการใชห้ อ้ งสมุด
สิทธิการรักษา ใชส้ ทิ ธ์สิ วัสดิการขา้ ราชการ
โรงพยาบาลแพร่
แพทย์เพิ่มพูนทักษะเมื่อเจ็บป่วยให้ติดต่อหัวหน้ากลุ่มงานที่ วนั – เวลาการเปิดให้บริการ
ปฏบิ ัตงิ านอยเู่ พ่อื ตรวจรกั ษา วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.30 o. - 16.30 น.
หยุดทุกวนั เสาร์-อาทติ ยแ์ ละวันหยุดนกั ขตั ฤกษ์
ทำแฟ้มประวัติการรักษา (OPD Card) และประวัติการเจ็บป่วย การสมัครสมาชกิ
และรบั การตรวจร่างกายประจำปีที่งานอาชวี เวชกรรม รพ.แพร่ การขอทำบัตรสมาชกิ
รับทำและจา่ ยบตั รสมาชิก : 08.30-16.30 น.
กรณีที่มีการลาป่วย ให้แจ้งอาจารย์ผู้ดูแลในวันนั้นๆ และเขียน การทำบัตรสมาชิกใหม่
ใบลาป่วย ส่งอาจารย์ประจำตึก และหัวหน้ากลุ่มงาน กรณีที่ลาเกินกว่า 2 แพทย์/ข้าราชการ/ลกู จ้างประจำ/ลูกจ้างชั่วคราว
วนั หรือลาในวันที่มีการสอบต้องมีใบรบั รองแพทยก์ ำกบั
1.รูปถ่าย แต่งกายชุดสุภาพ 1 นิ้ว ( ถ่ายไว้ไม่เกิน
เบอรโ์ ทรศพั ท์ 6 เดือน ) จำนวน 1 รปู
โรงพยาบาลแพร่ 054-533500 2. แสดงบตั รประจำตวั ขา้ ราชการ / บัตรประจำตัว
บุคลากรโรงพยาบาลแพร่
สำนกั งานศูนยแ์ พทยศาสตรศึกษาชน้ั คลินิก โรงพยาบาลแพร่ 054-532156
3. กรอกข้อมูลในสมดุ ทะเบียนสมาชกิ ด้วยลายมอื
เบอรภ์ ายใน ตัวเอง
นสิ ิตหรือนกั ศึกษาฝกึ งาน/นสิ ติ แพทย์ช้นั ปีที4่ -6
ประชาสมั พันธ์ โรงพยาบาลแพร่ 1102, 1103
1. รูปถา่ ย แตง่ กายชุดสภุ าพ 1 นวิ้ ( ถ่ายไว้ไม่เกิน
สำนกั งานศนู ยแ์ พทยศาสตรศึกษาช้นั คลนิ กิ 2608 6 เดือน ) จำนวน 1 รปู
การบริหารงานการเงนิ 8711, 8712,8713 2. แสดงบัตรประจำตัวนักศกึ ษา
3. กรอกข้อมลู ในสมดุ ทะเบียนสมาชิกดว้ ยลายมือ
การบรหิ ารงานทว่ั ไป 8814,8815 ตัวเอง
ขอ้ ปฏิบตั ติ นในการใช้หอ้ งสมดุ
การบรหิ ารงานการเจ้าหน้าที่ 8707, 8708 1. ห้ามใชบ้ ตั รของผู้อืน่ ยืม
2. โปรดแต่งกายสภุ าพ เนอ่ื งจากเปน็ สถานทรี่ าชการ
ศูนยค์ อมพวิ เตอร์ 8137, 8138, 8139 3. ไม่พูดคุยเสียงดังในห้องสมุด จะเป็นการรบกวนผู้ใช้
หอ้ งสมดุ คนอื่น
งานนติ ิกร 8812 4. งดสูบบุหรี่
5. ห้ามนำอาหาร ของขบเคี้ยว ขนม และน้ำ/เครื่องด่ืม
ผูป้ ่วยนอก ตา่ งๆ เข้ามาในห้องสมุด
6. ใชท้ รัพยากรสารสนเทศทกุ ประเภทด้วยความระมัดระวัง
o อายรุ กรรม 8203, 8214,8215, 8217 ไมท่ ำให้ฉกี ขาด ชำรุดเสียหาย
7. ไม่ขีดเขียนหรือพับหน้าสิ่งพิมพ์ รวมทั้งช่วยระวังรักษา
o ศลั ยกรรม 8307, 8312 สิ่งของเคร่ืองใช้ และความสะอาดภายในห้องสมดุ
8. ผใู้ ชบ้ รกิ ารอนิ เตอร์เน็ทกรุณาลงช่อื เข้าใชบ้ ริการทุกคร้ัง
o กุมารเวชกรรม 8405,8406,8407 9. บุคคลภายนอกหากต้องการใชห้ ้องสมุด กรุณาลงชื่อเข้า
ใช้ในสมดุ ทเ่ี คานเ์ ตอรบ์ ริการ
o สตู ิกรรม 8412, 8414, 8415 ผใู้ ช้ห้องสมุดทีไ่ มป่ ฏิบัตติ ามระเบียบท่ีวางไว้ จะไม่
o ออร์โธปิดกิ ส์ 8110, 8112,8113 อนญุ าตให้เข้าใช้หอ้ งสมดุ
ตึกผู้ป่วย
o อายุรกรรมชาย 3001, 3010
o อายรุ กรรมหญงิ 1 3105, 3106
o อายุรกรรมหญงิ 2 3004, 3009
o ศัลยกรรมชาย 3101, 3102
o ศลั ยกรรมหญิง 3103, 3104
o กมุ ารเวชกรรม 3301, 3302
o สตู กิ รรม(ห้องคลอด) 3201, 3202, 3203
o สตู -ิ นรีเวชกรรม(นรเี วช) 3205
o ศลั ยกรรมกระดูกชาย 3107
o ศัลยกรรมกระดูกหญงิ 3108
อุบตั ิเหตุฉุกเฉิน 2904, 2905
หอ้ งผา่ ตดั 2501, 2502, 2503, 2504, 2505
รงั สวี ิทยา 2401
ทันตกรรม 8615, 8630
พยาธิคลนิ กิ 2202
การประเมนิ การปฏิบตั ิงานของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ
ตามการประเมนิ วถิ ีใหม่
วัตถปุ ระสงค์
1. เพ่อื ประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ านของแพทยต์ ามโครงการแพทยเ์ พม่ิ พูนทกั ษะในสาขาต่างๆ ท่ีแพทย์
ผา่ นการปฏิบัติงาน
2. เพอ่ื นำขอ้ มูลไปพฒั นาการเรียนการสอนของหลักสตู รแพทยศาสตรบณั ฑิต และการฝกึ อบรมแพทย์
เพม่ิ พนู ทกั ษะ
คำอธิบาย
1. แบบประเมิน ใช้วัดผลการปฏบิ ัตงิ านของแพทยเ์ พมิ่ พูนทกั ษะตามโครงการแพทยเ์ พ่มิ พนู ทกั ษะทปี่ ฏบิ ัตงิ าน
ในแต่ละสาขาวิชา / กลมุ่ งาน / ภาควิชา ในโรงพยาบาลท่แี พทยสภารบั รองเปน็ สถาบนั ปฏิบัตงิ านเพ่มิ พูนทกั ษะ
2. การประเมิน
2.1 แพทยเ์ ฉพาะทางสาขาต่างๆ ท่ีมีหน้าท่ีดูแลแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่เข้าปฏิบัติงานตามโครงการแพทย์เพ่ิมพูนทักษะเป็นผู้
ประเมนิ การปฏบิ ัตงิ านของแพทยเ์ พิม่ พนู ทกั ษะสาขาต่างๆ
2.2 หัวหน้าสาขาต่างๆ และแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ ท่ีเป็นผู้ประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ ประชุม
ร่วมกันเพื่อสรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพ่ิมพูนทักษะ และแจ้งผลการประเมินในเบ้ืองต้นให้แพทย์เพ่ิมพูนทักษะ
รับทราบ จากน้ันสรุปผลการประเมินเสนอผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพ่ือพิจารณาตัดสิน แล้วแจ้งผลการประเมินให้แพทย์เพิ่มพูน
ทกั ษะรบั ทราบอยา่ งเป็นทางการ และแจ้งแพทยสภารบั ทราบ
3. หัวข้อการประเมินวถิ ีใหม่
3.1 การประเมินวิถีใหม่ Workplace based assessment (WBA) การประเมนิ การปฏิบัตงิ านหรอื การกระทำจาก
สถานท่ปี ฏิบตั ิงาน ประกอบด้วยแบบประเมนิ 3 ส่วน
3.1.1 Entrustable professional activities (EPA)
ทักษะทางคลินกิ ในการดูแลผู้ปว่ ย
หวั ข้อการประเมิน
1. ซกั ประวตั ิและตรวจร่างกายผ้ปู ว่ ยได้อย่างกระชบั ครอบคลมุ เป็นขั้นตอน
2. เลอื กใช้วธิ ีการตรวจทางห้องปฏิบตั กิ ารตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสม คมุ้ ค่า
3. วนิ จิ ฉัยแยกโรคอย่างเปน็ ระบบ และวนิ ิจฉยั โรคได้อยา่ งถกู ต้อง
4. ประเมินและรักษาผู้ปว่ ยที่มีอาการเลวลง หรอื อาการหนักเฉียบพลันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยตระหนักถึง
ข้อจำกดั ของตน และขอความชว่ ยเหลอื ได้ทันเวลา (กรณฉี ุกเฉินต้องทำเปน็ อนั ดบั แรก) *
5. เลอื กใช้ยาและวธิ กี ารรกั ษาท่สี มเหตุผล เพ่อื ความปลอดภยั ของผ้ปู ่วย แบบองคร์ วม
6. ทำหัตถการท่จี ำเป็นตอ่ การวินจิ ฉยั และการรกั ษาไดอ้ ยา่ งถกู วธิ ี
7. สง่ ตอ่ และจำหนา่ ยผูป้ ว่ ยไดอ้ ยา่ งปลอดภัย
8. ใหข้ อ้ มลู และคำปรกึ ษาแกผ่ ู้ปว่ ยและญาติ
9. สื่อสารและทำงานเป็นทีมกับเพอ่ื นรว่ มงาน
10.แนะนำแผนการปอ้ งกนั และสร้างเสริมสขุ ภาพทเี่ หมาะสม (ถ้ามี)
11.บันทกึ ขอ้ มูลในเวชระเบียนได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
วธิ กี ารประเมนิ
1. แพทย์ผู้ประเมิน ประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพิ่มพูนทักษะทุกหัวข้อ หรือประเมินบางหัวข้อ
แล้วแต่บริบทของผู้ป่วยแต่ละราย โดยประเมินวิธีการนำทักษะทางคลินิกของแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่
นำมาใชด้ ูแลผปู้ ว่ ย
2. แพทย์ผูป้ ระเมิน สามารถนำแบบประเมินการปฏบิ ัติงานของแพทย์เพม่ิ พูนทกั ษะทด่ี ูแลผปู้ ่วยรายอื่นๆ
มารวมประเมินความสามารถในหัวข้อตา่ งๆ ได้
3. ควรประเมินอยา่ งน้อย 2 ครัง้ คอื
3.1 ช่วงคร่ึงแรกของการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพ่ือให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติงานแก่แพทย์
เพ่ิมพูนทักษะนำไปพัฒนาการปฏบิ ัติงานในชว่ งครงึ่ หลังจนกระทั่งสนิ้ สุดการปฏิบัตงิ านในแตล่ ะ
สาขา
3.2 ช่วงคร่ึงหลังจนกระทั่งส้ินสุดการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพื่อตัดสินผลการปฏิบัติงานของ
แพทยเ์ พ่ิมพนู ทกั ษะ
4. สาขารวบรวมและสรุปการประเมินเมื่อสิ้นสุดการทำงาน แล้วแจ้งผลการปฏิบัติงานให้แพทย์เพิ่มพูน
ทักษะรับทราบ พรอ้ มทั้งใหแ้ พทย์เพ่ิมพนู ทกั ษะลงลายมือชอื่ ไว้เปน็ หลกั ฐานในแบบประเมนิ
5. เมือ่ สิ้นสดุ การฝกึ อบรมทง้ั ปแี ล้วให้นำสรปุ ผลการประเมนิ เสนอผ้อู ำนวยการโรงพยาบาลเพ่อื พิจารณา
ตดั สนิ และลงนามในใบประเมิน เปน็ หลักฐานประวัติผลการปฏบิ ตั ิงานของแพทยเ์ พ่มิ พนู ทกั ษะ
6. โรงพยาบาลแจ้งผลการประเมนิ การปฏิบัตงิ านให้แพทย์เพ่ิมพูนทกั ษะรับทราบอย่างเป็นทางการ และ
แจ้งแพทยสภารบั ทราบ
7. ให้โรงพยาบาลเกบ็ รักษาแบบประเมนิ ไว้เปน็ ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงทำลายได้
8. แพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ไม่ผ่านการประเมิน หรือแพทย์ท่ีปฏิบัติงานไม่ครบ ขอให้ส่งแบบประเมินทุก
สาขาและการประเมนิ แต่ละสาขาฉบบั จริงมายงั แพทยสภาดว้ ย
9. โรงพยาบาลสามารถดำเนินการจดั ทำการประเมนิ ด้วยรปู แบบ Google Form หรอื Application เพอื่
ความสะดวก
3.1.2 Direct observation of procedural skills (DOPS)
ทักษะทางหตั ถการในการดูแลผปู้ ว่ ย
หัวขอ้ การประเมนิ
1. บอกขอ้ บง่ ชี้ กายวิภาคทเี่ ก่ยี วข้องและเทคนกิ การทำหตั ถการ
2. ขอ Inform Consent
3. เตรียมการกอ่ นทำหตั ถการอย่างเหมาะสม
4. ใหย้ าแกป้ วดอยา่ งเหมาะสม
5. ทำหัตถการได้อยา่ งถูกวิธี
6. ใชเ้ ทคนคิ ปลอดเชอ้ื
7. ขอความชว่ ยเหลอื อยา่ งเหมาะสม
8. การดูแลรกั ษาหลงั จากทำหตั ถการ
9. ทกั ษะการส่ือสารและทำงานเป็นทมี กบั เพอ่ื นร่วมงาน
10. ดแู ลผปู้ ่วยดว้ ยจริยธรรมวิชาชพี
วิธกี ารประเมิน
1. แพทย์ผู้ประเมิน ประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพ่ิมพูนทักษะทุกหัวข้อ หรือประเมินบางหัวข้อ
แล้วแต่บริบทของผู้ป่วยแต่ละราย โดยประเมินวิธีการนำทักษะทางหัตถการของแพทย์เพิ่มพูนทักษะท่ี
นำมาใชด้ แู ลผปู้ ว่ ย
2. แพทย์ผู้ประเมิน สามารถนำแบบประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพ่ิมพูนทักษะที่ดูแลผู้ป่วยรายอ่ืนๆ
มารวมประเมนิ ความสามารถในหัวข้อตา่ งๆ ได้
3. ควรประเมินอยา่ งนอ้ ย 2 คร้ัง คอื
3.1 ช่วงครึ่งแรกของการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพื่อให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติงานแก่แพทย์เพ่ิมพูน
ทักษะนำไปพฒั นาการปฏิบตั ิงานในชว่ งครึง่ หลงั จนกระท่งั สิน้ สดุ การปฏบิ ัติงานในแต่ละสาขา
3.2 ช่วงคร่ึงหลังจนกระทั่งสิ้นสุดการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพ่ือตัดสินผลการปฏิบัติงานของแพทย์
เพม่ิ พูนทักษะ
4. สาขารวบรวมและสรุปการประเมินเม่ือส้ินสุดการทำงาน แล้วแจ้งผลการปฏิบัติงานให้แพทย์เพิ่มพูน
ทกั ษะรบั ทราบ พรอ้ มท้ังใหแ้ พทยเ์ พมิ่ พนู ทักษะลงลายมือช่อื ไวเ้ ปน็ หลักฐานในแบบประเมิน
5. เมื่อส้ินสุดการฝึกอบรมท้ังปีแล้วให้นำสรุปผลการประเมิน เสนอผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อพิจารณา
ตดั สนิ และลงนามในใบประเมิน เป็นหลักฐานประวตั ิผลการปฏบิ ตั งิ านของแพทยเ์ พ่ิมพนู ทักษะ
6. โรงพยาบาลแจ้งผลการประเมินการปฏิบัติงานให้แพทย์เพิ่มพูนทักษะรับทราบอย่างเป็นทางการ และ
แจง้ แพทยสภารบั ทราบ
7. ให้โรงพยาบาลเก็บรักษาแบบประเมนิ ไวเ้ ปน็ ระยะเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี จึงทำลายได้
8. แพทย์เพ่ิมพูนทักษะที่ไม่ผ่านการประเมิน หรือแพทย์ที่ปฏิบัติงานไม่ครบ ขอให้ส่งแบบประเมินทุกสาขา
และการประเมนิ แต่ละสาขาฉบบั จรงิ มายังแพทยสภาด้วย
9. โรงพยาบาลสามารถดำเนินการจัดทำการประเมินด้วยรูปแบบ Google Form หรือ Application เพื่อ
ความสะดวก
3.1.3 Multisource feedback
พฤตินิสัยในการปฏบิ ตั ิงานตามหลักจรยิ ธรรมแห่งวชิ าชพี
หวั ขอ้ การประเมิน
1. ซ่อื สัตย์
2. รบั ผิดชอบ
3. ตรงตอ่ เวลา
4. แต่งกายสุภาพ
5. ทักษะในการสื่อสารกบั ผปู้ ่วยและญาติ
6. ทักษะในการสอ่ื สารและมนษุ ยสมั พันธ์กบั เพื่อนรว่ มงาน
7. ดูแลผ้ปู ว่ ยดว้ ยจรยิ ธรรมวิชาชพี
8. อืน่ ๆ ระบุ ........................
วิธกี ารประเมิน
1. แพทย์ผู้ประเมิน ประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพ่ิมพูนทักษะทุกหัวข้อ หรือประเมินบางหัวข้อ
แลว้ แต่บรบิ ทของผ้ปู ่วยแตล่ ะราย โดยประเมินพฤตินิสัยในการปฏิบตั ิงานตามหลักจริยธรรมแห่งวชิ าชีพ
ของแพทย์เพม่ิ พูนทกั ษะท่ีนำมาใชด้ แู ลผูป้ ่วย
2. แพทย์ผู้ประเมิน สามารถนำแบบประเมินการปฏิบัติงานของแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่ดูแลผู้ป่วยรายอื่นๆ
มารวมประเมนิ ความสามารถในหัวขอ้ ต่างๆ ได้
3. ควรประเมินอย่างน้อย 2 ครั้ง คอื
3.1 ช่วงคร่ึงแรกของการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพื่อให้ข้อแนะนำในการปฏิบัติงานแก่แพทย์เพิ่มพูน
ทกั ษะนำไปพัฒนาการปฏิบตั ิงานในชว่ งครง่ึ หลงั จนกระทงั่ สิ้นสดุ การปฏิบตั งิ านในแตล่ ะสาขา
3.2 ช่วงคร่ึงหลังจนกระท่ังส้ินสุดการปฏิบัติงานในแต่ละสาขา เพ่ือตัดสินผลการปฏิบัติงานของแพทย์
เพมิ่ พูนทกั ษะ
4. สาขารวบรวมและสรุปการประเมินเม่ือส้ินสุดการทำงาน แล้วแจ้งผลการปฏิบัติงานให้แพทย์เพ่ิมพูน
ทักษะรบั ทราบ พรอ้ มทง้ั ให้แพทย์เพิม่ พูนทกั ษะลงลายมอื ชื่อไวเ้ ป็นหลกั ฐานในแบบประเมิน
5. เมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรมทั้งปีแล้วให้นำสรุปผลการประเมิน เสนอผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อพิจารณา
ตดั สิน และลงนามในใบประเมนิ เปน็ หลักฐานประวัติผลการปฏบิ ตั ิงานของแพทย์เพิม่ พูนทักษะ
6. โรงพยาบาลแจ้งผลการประเมินการปฏิบัติงานให้แพทย์เพ่ิมพูนทักษะรับทราบอย่างเป็นทางการ และ
แจง้ แพทยสภารับทราบ
7. ใหโ้ รงพยาบาลเก็บรกั ษาแบบประเมินไวเ้ ป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี จงึ ทำลายได้
8. แพทย์เพ่ิมพูนทักษะท่ีไม่ผ่านการประเมิน หรือแพทย์ท่ีปฏิบัติงานไม่ครบ ขอให้สง่ แบบประเมินทกุ สาขา
และการประเมนิ แต่ละสาขาฉบับจรงิ มายงั แพทยสภาดว้ ย
9. โรงพยาบาลสามารถดำเนินการจัดทำการประเมินด้วยรูปแบบ Google Form หรือ Application เพ่ือ
ความสะดวก
4. เกณฑ์การประเมิน
4.1 “ผ่าน” ในแต่ละสาขา แพทย์เพิ่มพูนทักษะตามโครงการแพทย์เพิ่มพูนทกั ษะทุกคน จะต้องปฏิบัติในระยะเวลาไม่น้อยกว่า ร้อย
ละ 80 และได้รับการประเมินผล ดังนี้
เกณฑ์ “ผ่าน” ของ Entrustable professional activities (EPA) ทักษะทางคลินิกในการดูแลผู้ป่วย ใช้
ความเห็นของท่ีประชุม ให้ระดับการประเมิน โดยรวม ไม่ต่ำกว่าระดับ 4 แม้ว่า หัวข้อย่อยบางประเด็น อาจประเมินได้ไม่
ครบหรือไม่ผ่าน ทัง้ นแ้ี ล้วแตบ่ ริบทและการพิจารณาของสาขา
เกณฑ์ “ผ่าน” ของ Direct observation of procedural skills (DOPS) ทักษะทางหัตถการในการดูแลผูป้ ่วยใช้
ความเห็นของที่ประชุม ให้ระดับการประเมิน โดยรวม ไม่ต่ำกว่าระดับ 4 แม้ว่า หัวข้อย่อยบางประเด็น อาจประเมินได้ไม่
ครบหรือไม่ผ่าน ทั้งน้ีแลว้ แต่บริบทและการพิจารณาของสาขา
เกณฑ์ “ผ่าน” ของ Multisource feedback (MSF) พฤตนิ ิสัยในการปฏิบัติงานตามหลักจรยิ ธรรมแหง่ วชิ าชพี ใช้
ความเห็นของที่ประชุม ให้ระดับการประเมิน โดยรวมไม่ต่ำกว่า average โดยเฉพาะ ข้อ 1 ซื่อสัตย์ ข้อ 2 รับผิดชอบ ข้อ
7 ดูแลผู้ป่วยด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ตอ้ งไมไ่ ด้ตำ่ กว่า average สว่ นหัวขอ้ ย่อยบางประเด็น อาจประเมนิ ไดไ้ ม่ครบหรือต่ำ
กวา่ average ท้ังน้แี ลว้ แตบ่ รบิ ทและการพจิ ารณาของสาขา
4.2 “ไมผ่ า่ น” แพทยเ์ พมิ่ พูนทกั ษะทีไ่ ด้รับการประเมินว่า ไม่ผ่าน มี 2 กรณี คือ
4.2.1 ปฏิบัตงิ านในทกุ สาขาวชิ า /กลุ่มงาน /ภาควิชา ดว้ ยระยะเวลาไมค่ รบรอ้ ยละ 80
4.2.2 ปฏิบัตงิ านในทกุ สาขาวชิ า /กลุ่มงาน /ภาควิชา ไดร้ บั การประเมินวา่ “ไมผ่ ่าน”ในวธิ ีการประเมินแบบใดแบบหน่ึง
- Entrustable professional activities (EPA) ทกั ษะทางคลินิกในการดูแลผู้ป่วย
- Direct observation of procedural skills (DOPS) ทกั ษะทางหตั ถการในการดแู ลผปู้ ่วย
- Multisource feedback (MSF) พฤตินสิ ยั ในการปฏิบตั งิ านตามหลกั จริยธรรมแหง่ วิชาชพี )
4.3 เกณฑ์การ “ผ่าน” ตลอดหลักสูตร แพทย์เพ่ิมพูนทักษะตามโครงการแพทย์เพ่ิมพูนทักษะทุกคน จะต้องมีผลการประเมิน
“ผ่าน” ทุกสาขาวชิ า /กลุ่มงาน /ภาควชิ า ในสาขาหลัก รวมท้งั ช่วง Elective แพทยสภาจึงออกประกาศนียบัตรผผู้ ่านโครงการเพมิ่ พูน
ทักษะตามเกณฑข์ องแพทยสภาให้
4.4 เกณฑ์การ “ไม่ผ่าน” ตลอดหลักสตู ร แพทยเ์ พ่ิมพูนทักษะตามโครงการแพทยเ์ พ่ิมพูนทักษะ ได้รบั การประเมิน “ผ่าน” ไม่ครบ
ทุกสาขาวิชา /กลุ่มงาน /ภาควิชา ในสาขาหลัก รวมท้ังช่วง Elective แพทยสภาจะไม่ออกประกาศนียบัตรผู้ผ่านโครงการเพ่ิมพูน
ทกั ษะตามเกณฑ์ของแพทยสภาให้
4.5 แพทย์เพ่ิมพนู ทักษะทีไ่ ด้รับการประเมนิ ว่า “ไม่ผา่ น”
4.5.1 ในกรณีที่ให้การประเมินแพทย์เพ่ิมพูนทักษะว่า “ไม่ผ่าน” โรงพยาบาลต้องแจ้งแพทย์เพ่ิมพูนทักษะให้รับทราบ
และขอใหส้ ง่ แบบประเมินฉบับจรงิ ทกุ สาขาท่แี พทย์เพมิ่ พูนทักษะปฏบิ ตั งิ านมายงั แพทยสภาด้วย ซง่ึ แพยสภาจะไม่ออกประกาศนยี บตั ร
ผู้ผ่านโครงการเพิ่มพนู ทักษะตามเกณฑ์ของแพทยสภาให้
4.5.2 แนวปฏบิ ตั สิ ำหรบั แพทย์เพมิ่ พูนทกั ษะท่ี “ไมผ่ ่าน” การประเมนิ
• โรงพยาบาลเปน็ ผพู้ ิจารณาวา่ เห็นสมควรให้แพทย์เพมิ่ พนู ทักษะปฏิบัติงาน
เพ่มิ เติมในสาขาท่ีปฏบิ ัติงานไมค่ รบรอ้ ยละ 80 หรือไมผ่ ่านการประเมินผล ตอ่ ไดท้ ันทีหลังการปฏิบัติงานในสาขาน้นั ๆ สิน้ สดุ ลง หรือ
ปฏิบัติงานเพิ่มเติมหลังจากสิ้นสุดการปฏิบัติงานจบโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะในปีน้ันๆ หรือให้ทำรายงานเพ่ิมเติมเร่ืองทักษะทาง
คลินิก ทักษะการทำหัตถการ เมื่อแพทย์เพ่ิมพนู ทักษะไดป้ ฏิบตั ติ ามแนวทางดังกล่าวแลว้ และได้รับการประเมนิ ว่า “ผ่าน” แพทยสภา
จงึ ออกประกาศนียบัตรผู้ผา่ นโครงการเพ่มิ พนู ทกั ษะตามเกณฑข์ องแพทยสภาให้
• กรณที ่แี พทย์เพ่ิมพูนทกั ษะไม่ประสงคจ์ ะปฏบิ ัติงานเพม่ิ เตมิ ในสาขาทีไ่ ม่ผา่ น
การประเมินทีโ่ รงพยาบาลเดิม กส็ ามารถขอเข้าปฏิบตั งิ านเพ่มิ เตมิ ในสาขาทไี่ ม่ผา่ นการประเมินในปใี ดก็ได้ ในโรงพยาบาลทแ่ี พทยสภา
รับรองเป็นสถาบันปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะแห่งอ่ืนท่ีมีศักยภาพสามารถรับได้ เม่ือแพทย์เพ่ิมพูนทักษะได้ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว
แลว้ และไดร้ บั การประเมินวา่ “ผา่ น” แพทยสภาจงึ ออกประกาศนียบตั รผผู้ ่านโครงการเพม่ิ พนู ทักษะตามเกณฑ์ของแพทยสภาให้
• กรณที ีแ่ พทยเ์ พิ่มพนู ทกั ษะไมป่ ระสงคจ์ ะสมัครเขา้ รับการฝึกอบรมแพทย์
ประจำบ้านในสาขาที่ระบุว่าต้องผ่านการประเมินการปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะ หรือไม่ต้องการเข้ารับการฝึกอบรมเป็นแพทย์ประจำ
บา้ น ก็ไม่ตอ้ งปฏบิ ัตงิ านเพมิ่ เตมิ ในสาขาท่ีไม่ผ่านการประเมนิ