The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chatreewr chatreewr, 2019-11-14 09:11:10

แผน2561-เทอม1

แผน2561-เทอม1

3-7-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 7

3-7-2

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว30201 วิชา ฟิสิกส์ 1

ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง แรงและกฏการเคลอ่ื นที่
เร่ืองที่ 7 กฎการเคลือ่ นทขี่ องนวิ ตนั เวลา 6 ช่ัวโมง
ผู้สอน นายชาตรี ศรีม่วงวงค์ โรงเรียนวชั รวทิ ยา

1. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด

แรงทำให้วัตถเุ คลอ่ื นที่ไปตำมแนวแรง กฎกำรเคล่ือนเคลื่อนทขี่ องนวิ ตนั 3 ข้อ อธิบำยกำรเคลือ่ นท่ีของ
วตั ถุในสถำนกำรณต์ ่ำงได้ กฏกำรเคลื่อนที่ข้อท่ี 1 กลำ่ ววำ่ วัตถุจะรกั ษำสภำพนงิ่ หรือเคลื่อนที่สม่ำเสมอในแนว
ตรงนอกจำกจะมีแรงลัพธซ์ ่ึงมีขนำดไมเ่ ป็นศนู ยม์ ำกระทำ (กฎแห่งควำมเฉื่อย) กฏกำรเคล่ือนทข่ี ้อท่ี 2 กลำ่ วว่ำ
ถ้ำมีแรงลัพธ์ซึง่ มีขนำดไมเ่ ป็นศูนยม์ ำกระทำต่อวัตถุ วัตถุจะเคลื่อนท่ดี ้วยควำมเรง่ ในทิศทำงเดยี วกับแรงลัพธ์ที่มำ
กระทำขนำดของควำมเร่งจะแปรโดยตรงกับแรงลัพธ์ และแปรผกผนั กบั มวลของวัตถนุ นั้ กฏกำรเคลือ่ นทข่ี ้อท่ี 3
กลำ่ วว่ำ เม่อื มแี รงกิรยิ ำ ยอ่ มมแี รงปฏิกริ ยิ ำซ่งึ มีขนำดเทำ่ กัและมทิ ศทำงตรงกันขำ้ มเรียกแรงกิริยำและแรง
ปฏกิ ริ ิยำคู่ใด ๆ วำ่ แรงค่ปู ฏิกิริยำ โดยเกดิ ขนึ้ พร้อมกัน มขี นำดเทำ่ กนั ทำซง่ึ กันและกัน

2. สาระการเรยี นรฟู้ ิสกิ ส์
สำระฟสิ กิ ส์ ขอ้ 1เข้ำใจธรรมชำติทำงฟิสิกส์ ปรมิ ำณ และกระบวนกำรวดั กำรเคล่ือนท่แี นวตรง แรงและกฎ

กำรเคล่ือนที่ของนิวตัน กฎควำมโนม้ ถ่วงสำกล แรงเสยี ดทำน สมดลุ กลของวตั ถุ งำนและกฎกำรอนุรักษ์พลังงำน
กล โมเมนตัมและกฎกำรอนุรักษ์โมเมนตัม กำรเคลื่อนท่ีแนวโค้ง รวมท้งั นำควำมรูไ้ ปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
5. เขยี นแผนภำพของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุอสิ ระทดลอง และอธิบำยกฎกำรเคล่ือนท่ขี องนิวตนั และกำรใช้กฎ

กำรเคลอ่ื นท่ีของนิวตนั กับสภำพกำรเคลื่อนท่ีของวตั ถุ รวมทั้งคำนวณปรมิ ำณต่ำง ๆทเี่ ก่ียวขอ้ ง
7. วเิ ครำะห์ อธบิ ำย และคำนวณแรงเสียดทำน ระหว่ำงผวิ สัมผัสของวตั ถคุ ูห่ น่งึ ๆ ในกรณที ว่ี ัตถุหยุดน่ิงและ

วตั ถเุ คล่อื นที่ รวมทั้งทดลองหำสมั ประสิทธคิ์ วำมเสียดทำนระหว่ำงผวิ สมั ผสั ของวตั ถุคู่หน่ึง ๆ และนำควำมรู้เรื่อง
แรงเสยี ดทำนไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั

3-7-3

4.สาระการเรียนรู้
4.1 สำระฟสิ กิ สเ์ พม่ิ เติม
กำรเคล่ือนทแ่ี นวตรงเปน็ กำรเคลื่อนทใ่ี นแนวใดแนวหน่งึ เช่น แนวรำบหรอื แนวดิง่ ที่มีกำรกระจัด

ควำมเร็ว ควำมเร่งอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกนั โดยควำมเร่งของวตั ถหุ ำได้จำกควำมเรว็ ที่เปลี่ยนไปใน
หนง่ึ หน่วยเวลำ

4.2 สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ
-

4.3 สำระกำรเรยี นรู้เกี่ยวกบั อำเซียน
-

4.4 สำระกำรเรยี นร้เู ศรษฐกิจพอเพยี ง
-

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนและจดุ เน้นท่ตี ้องการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน
5.1 สมรรถนะ ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร
5.2 สมรรถนะ ควำมสำมำรถในกำรคิด
5.3 สมรรถนะ ควำมสำมำรถในกำรแก้ปญั หำ
5.4 สมรรถนะ ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต
5.5 สมรรถนะ ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี
5.6 จุดเนน้ แสวงหำควำมรู้เพ่อื กำรแก้ปัญหำ
5.7 จดุ เนน้ กำรใชภ้ ำษำต่ำงประเทศ
5.8 จดุ เน้น กำรคิดวิเครำะห์ขั้นสงู
5.9 จุดเน้น กำรใชเ้ ทคโนโลยีเพอ่ื กำรเรียนรู้
5.10 จดุ เน้น ทักษะชีวติ
5.11 จุดเน้น ทกั ษะกำรสือ่ สำรอย่ำงสร้ำงสรรค์ตำมชว่ งวัย

6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
6.1. รักชำติ ศำสน์ กษตั ริย์
6.2. ซอ่ื สตั ย์สุจริต
6.3. มีวินัย
6.4 ใฝ่เรยี นรู้
6.5 อยูอ่ ยำ่ งพอเพียง
6.6 มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน
6.7 รกั ควำมเปน็ ไทย
6.8 มจี ติ สำธำรณะ

3-7-4

7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหวา่ งเรยี น)
7.1 แบบฝึกทกั ษะ (ระหวำ่ งเรียน)
7.2 แผนผังมโนทศั น์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลังเรียน (รวบยอด)

8.การวดั และประเมินผล

ส่งิ ทว่ี ดั ช่วงการวัด วิธกี ารประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์
8.1 ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ระหว่ำงสอน ควำมถกู ตอ้ งของ Concept
Concept mapping ตอบถูกต้อง
ในเน้ือหำ mapping
คำถำม
8.2 ควำมรู้ควำมเข้ำใจ ระหว่ำงสอน กำรตอบคำถำม
ในเนอื้ หำ ระหวำ่ งสอน
ระหว่ำงสอน กำรตอบคำถำม คำถำม ตอบถูกต้อง
8.3 ทักษะและ
กระบวนกำร กำรตอบคำถำม คำถำม วิเครำะหต์ ำม
สภำพคำตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลกำรเรียนรู้ ระหวำ่ งสอน กำรทำแบบฝกึ ทักษะ แบบฝึกทักษะ ทำถกู ร้อยละ 70 ข้นึ ไป
8.6 ผลสมั ฤทธ์ิ สน้ิ สดุ กำรสอน
คะแนนสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ได้คะแนน

ร้อยละ 70 ข้ึนไป

9. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
9.1 ครูเปดิ เพำเวอรพ์ อยต์จำกเวบ็ ไซต์สอนฟสิ กิ ส์ ทีเ่ ว็บไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพ่อื เปดิ วดี ิทัศนใ์ ห้

นักเรียนศกึ ษำ เรือ่ ง กฎกำรเคลือ่ นท่ีของนิวตัน 3 ข้อ
9.2 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั และเปลีย่ นเรยี นรูจ้ ำกเนื้อหำในวีดิทศั น์ท่ีไดด้ รู ่วมกนั
9.3 ครตู ้งั คำถำมนักเรยี นเกยี่ วกบั กฎกำรเคลื่อนท่ีของนิวตัน 3 ข้อ
9.4 นกั เรียนตอบคำถำมของครูอย่ำงอิสระ และรว่ มแลกเปลี่ยนเรยี นรูซ้ ง่ึ กนั และกัน
9.5 นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลนจ์ ำกเว็บไซต์กำรสอนฟิสกิ ส์ จำนวน 10 ข้อ
ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration)
9.6 ครแู จ้งให้นกั เรยี นทรำบถึงเน้อื หำท่ีจะเรยี น จดุ ประสงค์ กระบวนกำรเรียนทีจ่ ะดำเนินกำรโดยย่อ
9.7 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษำเนื้อหำควำมรจู้ ำกเพำเวอร์พอยต์จำกเว็บไซต์สอนฟิสกิ ส์ โดยให้นักเรยี นสืบค้น

ข้อมลู และศึกษำข้อมลู เบอื้ งต้น
9.8 ครสู ำธติ วิธีกำรแกป้ ญั หำโจทยใ์ หก้ บั นกั เรียน ตำมโจทย์ตัวอยำ่ งในเพำเวอร์พอยต์ จำนวน 3 ขอ้
9.9 นักเรยี นฝกึ ทักษะกำรทำแบบฝึกหดั จำกแบบฝกึ หดั ตำมทคี่ รูระบุใหจ้ ำนวน 5 ขอ้
9.10 ครเู ฉลยแบบฝกึ หดั อยำ่ งละเอยี ดพร้อมแลกเปลี่ยนเรยี นรูก้ บั นกั เรยี นอยำ่ งเป็นกันเอง โดยกระตุ้น

ดว้ ยคำถำมเพอื่ ใหน้ ักเรยี นคดิ อย่ำงเป็นขน้ั ตอน

3-7-5

ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ สรปุ หลกั กำรในกำรแก้โจทยใ์ นแบบฝึกหดั
9.12 นกั เรียนแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กันภำยในกล่มุ และระหว่ำงกล่มุ
9.13 นกั เรียนแตล่ ะคนสรุปหลักกำรในกำรแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รำยเพ่ือสรปุ กำรแก้ไขปญั หำโจทย์อยำ่ งเปน็ ข้นั ตอน นักเรยี นบันทึก
ขอ้ มูลลงในสมุดบนั ทึก
9.15 นกั เรียนทำแบบฝกึ ทักษะเพ่ิมเติมตำมหลกั กำรที่ได้จำกกำรสรุปร่วมกันระหว่ำงครแู ละนักเรยี น
ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครูใช้คำถำมนำเพ่อื ให้นักเรียนนำหลกั กำรที่สรปุ ได้มำประยกุ ต์ใชง้ ำนในสถำนกำรณ์โจทยท์ ่มี คี วำม
ซับซ้อนมำกขน้ึ และเปดิ โอกำสใหน้ ักเรียนซกั ถำมและแลกเปลี่ยนเรยี นร้ใู นเรื่องทีเ่ รียน
9.17 นักเรยี นทดลองทำแบบฝึกหดั ที่หลำกหลำย โดยนำข้อสอบโอเน็ต ขอ้ สอบ PAT2 ขอ้ สอบคัดเลอื ก
เข้ำมหำวิทยำลัยเชียงใหม่ ขอ้ สอบคัดเลอื กเข้ำมหำวิทยำลัยขอนแกน่ มำใหน้ ักเรียนฝกึ ทำโดยครจู ัดเตรียมไวใ้ น
เพำเวอร์พอยตป์ ระกอบกำรสอนในเว็บไซตก์ ำรสอนฟสิ กิ ส์
9.18 นกั เรยี นทำแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเติมโดยมีครคู อยให้คำแนะนำ
9.19 นักเรยี นตรวจคำตอบและศกึ ษำเพ่ิมเตมิ จำกเว็บไซต์กำรสอนฟสิ กิ ส์
9.20 ครสู ่งั แบบฝกึ หดั ใหน้ ักเรียนกลบั ไปฝึกทำเป็นกำรบ้ำน
ขั้นประเมิน (Evaluation)
9.21 นกั เรียนเขยี น Concept mapping ของเรอ่ื งท่ีเรยี นลงในสมุดแล้วถ่ำยรูปสง่ ใน line หอ้ งเรียน
ฟิสกิ ส์และครปู ระเมนิ ควำมเข้ำใจเนอ้ื หำของนักเรยี นจำก Concept mapping ทนี่ ักเรียนส่งมำ
9.22 ครตู งั้ คำถำมเพ่ือใหน้ กั เรยี นตอบเพ่ือตรวจสอบควำมเขำ้ ใจในเน้ือหำทีเ่ รียนอกี ครั้ง
9.23 นกั เรยี นทำข้อสอบออนไลนผ์ ำ่ นโทรศพั ทม์ ือถือ จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลำในกำรทำข้อสอบ
10 นำที
9.24 ครูแจ้งผลกำรสอบทันที โดยส่งคะแนนใหน้ ักเรียนทำง line หอ้ งเรยี นฟิสกิ ส์
9.25 นักเรียนทม่ี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ กั เรยี นกลับไปทบทวนเนื้อหำเพำเวอร์พอยตอ์ ีกครง้ั
และนดั หมำยใหส้ อบออนไลน์ใหม่อีกครัง้ ในกำรเรียนคำบต่อไป ในสว่ นของนักเรยี นที่มีคะแนนเกนิ ร้อยละ 50
และตอ้ งกำรศกึ ษำทบทวนเพิ่มข้นึ ครูแนะนำให้ศึกษำซ้ำในเพำเวอร์พอยต์และแนะนำเว็บไซตเ์ พอื่ ศึกษำดว้ ย
ตนเองเพ่ิมเติม

3-7-6

10. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ จานวน ลาดับขน้ั ตอนการใช้ส่อื

รายการสือ่ 1 เวบ็ ไซต์ ทุกขัน้ ตอน
10.1 เว็บไซต์กำรสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนำยชำตรี ศรมี ว่ งวงค์ 1 ไฟล์ ทกุ ข้นั ตอน
10.2 เพำเวอรพ์ อยต์กำรสอนฟสิ กิ ส์ 1 กลุ่ม ทุกขั้นตอน
10.3 กลมุ่ line กำรสอนฟิสกิ ส์ 1 ชดุ ทกุ ข้นั ตอน
10.4 ใบควำมรทู้ ี่ 7 1 ชุด ขัน้ ขยำยควำมรู้ / ขน้ั ลงข้อสรุป
10.5 แบบฝกึ หดั ท่ี 7 1 ชดุ ข้ันสรำ้ งควำมสนใจ
10.6 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์ 1 ชุด ขนั้ ประเมิน
10.7 แบบทดสอบหลังเรยี นออนไลน์

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

รายการ วธิ ีการ
11.1 ปรับปรุง-แก้ไขขอ้ บกพรอ่ งของผ้เู รียน
นักเรยี นทีม่ ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ ักเรียนกลับไป
11.2 สง่ เสริมควำมร้คู วำมสำมำรถของผู้เรียน ทบทวนเน้ือหำเพำเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมำยให้
สอบออนไลนใ์ หมอ่ ีกครั้งในกำรเรียนคำบตอ่ ไป

นกั เรียนท่ีมีคะแนนเกินร้อยละ 50 และตอ้ งกำรศึกษำ
ทบทวนเพิ่มขน้ึ ครแู นะนำให้ศึกษำซำ้ ในเพำเวอร์พอยต์
และแนะนำเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษำด้วยตนเองเพิ่มเติม

3-7-7

12.บนั ทกึ ผลหลังการสอน
12.1 ความก้าวหน้าในการเรยี นการสอน

จำนวน คะแนน คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี E1/E2 ควำมกำ้ วหน้ำ
นักเรยี น เต็ม กอ่ นเรียน ระหวำ่ งเรยี น ในกำรเรยี น
หลังเรยี น
145 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สตู ร รอ้ ยละควำมกำ้ วหนำ้ ในกำรเรียน = คะแนนหลังเรียน – คะแนนก่อนเรียน x 100
คะแนนเตม็

สูตร หำประสทิ ธิภำพของสือ่ = E1/ E2 (ตำมเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสทิ ธภิ ำพของกระบวนกำร (ทำแบบฝึก)
E2 = ประสทิ ธิภำพของผลลัพธ์ (สอบหลังเรียน)
ประสทิ ธภิ ำพของกระบวนกำร = คะแนนเฉลย่ี ระหว่ำงเรียน x 100
คะแนนเต็ม

ประสทิ ธภิ ำพของผลลัพธ์ = คะแนนเฉลย่ี หลงั เรยี น x 100
คะแนนเตม็

12.2 กระบวนการจัดการเรียนการสอน
1.ขั้นสรา้ งความสนใจ นักเรียนร้อยละ 90 ให้ความสนใจคลิปเกี่ยวกับการสาธติ ตัวอย่างของ

ครูเกี่ยวกับสมดุล และใหค้ วามสนใจคลิปทีค่ รเู ปิดใหด้ ู โดยมีนักเรยี นบางส่วนสนใจซักถามเพิม่ เตมิ และร่วมกัน
กาหนดประเดน็ ของเรื่องทต่ี ้องการศึกษาเกี่ยวกบั กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตนั

2.ขัน้ สารวจและคน้ หา นักเรียนรอ้ ยละ 90 ร่วมกันศึกษาเก่ียวกับเน้ือหาของสภาพสมดุล โดย
มีการซักถามและร่วมกันหาคาตอบ เข้าใจในประเด็นที่สนใจจะศกึ ษา รว่ มกันวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ต้ังสมมตฐิ าน กาหนดวิธกี ารทดลองและทาการศึกษาเนื้อหาจากหนงั สือเรียนและใบงาน มีการสืบคน้
ขอ้ มูลจากเว็บไซต์ตา่ งๆ เพือ่ ลงข้อสรุปเกีย่ วกบั กฎการเคลอื่ นท่ีของนิวตนั

3.ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป นักเรยี นรอ้ ยละ 50 ร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกับเร่อื งท่ีเรียนและ
ร่วมกนั สรุปเก่ยี วกับกฎการเคลอื่ นท่ขี องนิวตัน

4.ขน้ั ขยายความรู้ นักเรียนร้อยละ 50 รว่ มกันอธบิ ายสถานการณ์ในชีวิตประจาวันโดยใช้
ข้อสรปุ เกย่ี วกับกฎการเคลื่อนทีข่ องนวิ ตนั

5.ข้ันประเมนิ นักเรยี นร้อยละ 75 สามารถนาหลักการและความรทู้ ี่เรียนตอบคาถามและ
สถานการณ์ทค่ี รตู ั้งขนึ้ ได้

3-7-8

บรรยากาศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกฎการเคล่ือนทข่ี องนวิ ตัน

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนไดต้ ำมแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้
( ) สอนไม่ไดต้ ำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เนื่องจำก...............................................................

12.4 ปญั หาและอุปสรรค
1. นักเรยี นรอ้ ยละ 30 วิเคราะห์โจทย์ฟสิ กิ ส์ไมค่ ่อยได้
2. นักเรยี นรอ้ ยละ 50 ยังแกส้ มการคณติ ศาสตร์ในโจทย์ไม่ได้
3. นักเรียนรอ้ ยละ 20 คดิ เลขไม่ถูกต้อง
4. นกั เรยี นทาใบงานไมเ่ สรจ็ ตามเวลา

12.5 แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาตัวอย่างจากหนังสือค่มู ือเพ่ิมเติม
2. นกั เรยี นฝกึ แก้สมการคณติ ศาสตร์
3. นักเรยี นฝึกคดิ เลขโดยให้ทดลองเล่นเกม 180 ไอควิ
4. ปรับปรงุ ใบงาน

ลงชอ่ื ..............................................ผ้สู อน
(นำยชำตรี ศรมี ว่ งวงค์)

3-7-9

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ำกล่มุ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชือ่ ........................................................
(นำงตวงรตั น์ อน้ อิน)

ตำแหน่ง หวั หน้ำกล่มุ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี
วนั ที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยกำรกลมุ่ บริหำรงำนวิชำกำร
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................

ลงช่อื ........................................................
(นำยวิเชียร ยอดนลิ )

ตำแหนง่ รองผูอ้ ำนวยกำรกลุ่มบริหำรงำนวิชำกำร
วนั ที่..........เดือน..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยกำรโรงเรยี น
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. .................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นำยไพชยนต์ ศรีมว่ ง)

ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนวัชรวทิ ยำ
วันที่..........เดือน..........................พ.ศ............

3-7-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 7

3-7-11

สื่อการสอน

เวบ็ ไซตก์ ำรสอนฟิสิกส์ ทสี่ รำ้ งขนึ้ โดยนำยชำตรี ศรมี ว่ งวงค์
ทอี่ ย่ขู องเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110

3-7-12

ใบความรทู้ ่ี 7
เรอื่ ง กฎการเคลื่อนท่ขี องนิวตนั

แรง คอื ควำมพยำยำมทจี่ ะทำให้วตั ถเุ กิดกำรเปลย่ี นแปลง แรงเป็นปรมิ ำณเวกเตอร์ มีหน่วยเปน็ นิวตนั ( N )
ดังนัน้ กำรเปลีย่ นแปลงของวัตถุ เช่น รูปรำ่ ง ตำแหน่ง หรอื กำรหมุน เกิดจำกกำรกระทำของแรงใน

ลกั ษณะต่ำงๆ และอำจจะมำกกวำ่ 1 แรงที่มำกระทำต่อวัตถุนนั้ ตวั อย่ำงของแรงตำ่ งๆ ทจ่ี ะกล่ำวถึงในทน่ี ้ี
องค์ประกอบของแรง

P Q R

กข ค

จากรปู มแี รง P และ แรง R ท่ีสำมำรถหำแรงองค์ประกอบในแนวแกน x และ แนวแกน y ได้
สว่ นแรง Q แรงท้ังหมดจะกระทำไปในแนวแกน x ไปทำงขวำมือท้งั หมด องคป์ ระกอบของแรงใน

แนวแกน y ไม่มี

ลองพจิ ำรณำกำรหำองค์ประกอบของแรง P

จำกรปู ก แรง P สำมำรถหำแยกแรงเป็นองค์ประกอบของแรง P ในแนวรำบ และในแนวด่ิงได้ดงั รูป

เราจะไม่สามารถหาขนาดของแรง P x และแรง P y ไดถ้ า้ เรา

P y P ไม่ทราบคา่ มุมใดมุมหน่ึง ท่ีแรงP ทากบั แกน x และ แกน y
เราเพยี งแค่บอกไดว้ า่ มีแรง P ในแนวแกน x เรียกวา่ แรง P x

เรำหำขPนำxดของแรง P ในแแนลวะแมกีแนรงxPแใลนะแแนนววแแกกนนyyเรไีดย้เกมวื่อา่ ทแรรำงบPคำ่yมุม  ดังรูปข้ำงล่ำง

Psin P จะได้ขนำดของแรง P x = P cos
และ P y = P sin



Pcos

3-7-13

เพราะฉะนั้น องคป์ ระกอบของแรง R ในแนวราบ และในแนวด่ิง
องคป์ ระกอบของแรง Q ในแนวราบ และในแนวดิ่ง

Q  R

องคป์ ระกอบของแรง Q ในแนวดิ่ง = 0 ( ศนู ย์ ) องคป์ ระกอบของแรง R ในแนวด่ิง = R y = Rcos

องคป์ ระกอบของแรง Q ในแนวราบ = Q จำกรปู ในแอนงวคขป์นรำนะกกอับบพขนื้ อแงลแะรตงัง้ Rฉำใกนกแบั นพวื้นราบ = R x = Rsin
ตวั อยา่ ง จงหำองคป์ ระกอบของแรงต่อไปนี้

ก. M x

60 10 N M y 60 10 N

M

ใหแ้ รงขนำด 10 N คือ ขนำดของแรง M
ดงั นนั้ แรง M x เปน็ แรงตง้ั ฉำกกบั พ้ืน = M sin 60 = (10)( 0.866) = 8.66 N

แรง M y เปน็ แรงขนำนกบั พื้น = M cos 60 = (10)( 0.50) = 5.0 N

ข. M M y

10 N 10 N

30 M x 30
40 40

ให้แรงขนำด 10 N คอื ขนำดของแรง M 

ดงั น้ัน แรง M y เปน็ แรงตง้ั ฉำกกับพ้ืน = M sin 30 = (10)( 0.50) = 5.0 N
แรง M x เปน็ แรงขนำนกับพืน้ = M cos 30 = (10)( 0.866) = 8.66 N

สิ่งทมี่ ผี ลต่อกำรเคลือ่ นทีอ่ ีกอยำ่ ง กค็ ือขนำดของวตั ถุ ( เนอ้ื สำร ) หรอื ท่ีเรยี กวำ่ มวล ( m ) เชน่ เม่ือ
เรำออกแรงกระทำต่อวตั ถเุ ทำ่ กนั วัตถุท่ีมีขนำดใหญ่ ( มวลมำก ) จะเกดิ กำรเปล่ยี นแปลงได้นอ้ ย ส่วนวตั ถุท่มี ี
ขนำดเลก็ ( มวลนอ้ ย ) จะเกิดกำรเปลี่ยนแปลงไดม้ ำก

สงิ่ ต่ำงๆเหลำ่ นี้ ทเ่ี ก่ียวข้องกับกำรเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ เซอร์ไอแซค นิวตนั นกั วทิ ยำศำสตร์ชำวองั กฤษ
ได้ศึกษำและสรุปเปน็ กฎกำรเคลอ่ื นทีท่ ่ีเกยี่ วกับแรงไว้ 3 ข้อ ดังนี้

3-7-14

กฎกำรเคลื่อนท่ขี องนิวตัน
กฎการเคล่อื นท่ีข้อ 1. ของนิวตัน กล่ำวว่ำ “วตั ถจุ ะรักษำสภำพอย่นู ่ิงหรือสภำพกำรเคลอ่ื นท่อี ยำ่ งสม่ำเสมอเป็น
เสน้ ตรง นอกจำกจะมีแรงลพั ธท์ ่ีมีคำ่ เป็นศนู ย์มำกระทำ” สรปุ เก่ียวกับแรงไดว้ ำ่ ผลรวมของแรงท่ีกระทำต่อ
วัตถทุ ้ังหมดมีคำ่ เป็นศนู ย์ (  F = 0 )

กฎการเคลอ่ื นทีข่ ้อ 2. ของนิวตนั กลำ่ วว่ำ “ เมอื่ มีแรงลัพธท์ ี่มีคำ่ ไม่เปน็ ศนู ย์มำกระทำต่อวตั ถุ จะทำใหว้ ตั ถุเกดิ
ควำมเร่งในทิศเดียวกับแรงลัพธท์ ่มี ำกระทำ โดยขนำดของควำมเร่งนี้จะแปรผันตรงกับขนำดของแรงลัพธ์ แต่จะ
แปรผกผนั กบั มวลของวตั ถุ” สรปุ เก่ยี วกบั แรงไดว้ ่ำ ผลรวมของแรงที่กระทำต่อวตั ถทุ ้ังหมดมีค่ำไมเ่ ป็นศนู ย์ (
เม่อื  F  0 แลว้  F = m a )

กฎการเคลอ่ื นทข่ี ้อ 3. ของนิวตนั กลำ่ ววำ่ “ ทุกแรงกิรยิ ำย่อมมีแรงปฏิกริ ยิ ำขนำดเทำ่ กันกระทำในทศิ ตรงกนั
ขำ้ มเสมอ หรือแรงกระทำซ่งึ กนั และกนั ของวัตถุสองก้อนย่อมมีขนำดเท่ำกัน แต่มีทศิ ตรงกนั ขำ้ ม” สรปุ
เก่ียวกบั แรงได้วำ่ จะมแี รงเกิดขนึ้ ตรงตำแหน่งที่กระทำสองแรงขนำดเท่ำกันแตม่ ีทิศตรงขำ้ ม ( F 12 = - F 21 )

รูป 1. วตั ถุวางบนพ้ืนถูกดึงดว้ ยเชือก 2 F 21 F 12 1

P

N P = - N

กำรใชก้ ฎกำรเคล่ือนที่ของนวิ ตัน

ตวั อยา่ ง 1. วตั ถุ A หนกั 10 นวิ ตันวำงนิ่งอยู่บนพน้ื จงหำแรงทพ่ี ้นื กระทำต่อวตั ถุน้ี แรงคู่กริ ิยำของน้ำหนัก

วตั ถุ A คอื แรงใด และมีขนำดเทำ่ ใด

วธิ ที า ตวั อยำ่ งนเ้ี ก่ยี วข้องกับ กฎกำรเคลอ่ื นทขี่ องนวิ ตนั ขอ้ 1 และ ขอ้ 3

เกีย่ วข้องกบั กฎกำรเคล่ือนที่ของนวิ ตนั ข้อ 1 คือ วัตถุA ยังคงรักษำสภำพอย่นู ่ิงได้ แสดงว่ำ พน้ื

จะต้องออกแรงตำ้ นวตั ถุ A ไว้ดว้ ยขนำดเทำ่ กัน คือ 10 นิวตนั ตอบ แรงทพ่ี นื้ กระทำต่อวัตถุ A = 10 นิวตนั

แสดงใหเ้ ห็นไดจ้ ำกข้อสรปุ เก่ียวกบั แรงดงั นี้
จำก  F = 0
W + N = 0
หำขนำด- W + N = 0 W

- 10 + N = 0 N
N = 10 N(นวิ ตัน)

ตอบ แรงท่ีพน้ื กระทำต่อวตั ถุ A = 10 นวิ ตัน

3-7-15

เกีย่ วขอ้ งกับ กฎกำรเคล่ือนที่ของนิวตัน ข้อ 3 W
แรงคกู่ ริ ิยาของนา้ หนัก(W )วตั ถุ A ไม่ใช่ แรง ( N ) เพรำะ

น้ำหนัก(W ) คือ แรงที่โลกกระทำตอ่ วตั ถุ A
แรงคู่กริ ิยาคือ แรงที่วตั ถุกระทำต่อโลก ( ขนำด 10 นิวตัน )

ส่วนแรง ( N ) คอื แรงท่ีพน้ื กระทำต่อวัตถุ A
แรงคกู่ ิริยาคือ แรงทวี่ ตั ถุ A กระทำต่อพนื้ ( ขนำด 10 นิวตัน )
กฎกำรเคลื่อนทข่ี องนิวตนั ข้อ 3 ( ใครทำใคร ) ( นำย ก. ทำ นำย ข. นำย ค.ไมW่เปน็ คู่กิรยิ ำ )

ตวั อยา่ ง 2. วัตถุ B หนัก 50 นวิ ตนั มีมวล 5 กโิ ลกรัม ถูกปลอ่ ยใหต้ กลงมำอยำ่ งอิสระดว้ ยควำมเร่งขนำด

เท่ำใด

วธิ ที า เกี่ยวข้องกบั กฎกำรเคล่ือนท่ีของนวิ ตนั ข้อ 2 เพรำะเมื่อปล่อยวัตถุ B แล้ว วตั ถุ B จะไม่อยนู่ ิ่ง จะถูก
เรง่ ดว้ ยแรงดึงดดู ของโลกคอื น้ำหนัก (W ) เรำสำมำรถหำขนำดควำมเรง่ ไดจ้ ำกสมกำรเกย่ี วกับแรงตำมกฎขอ้ 2

ดังน้ี จำก  F = m a W
จะได้ W = m a

หำขนำดควำมเร่ง W = ma

แทนค่ำ 50 N = ( 5 kg ) a
a = 10 m/s2

ตอบ วัตถุ B ตกลงมำอย่ำงอสิ ระด้วยควำมเรง่ ขนำดเท่ำกับ 10 เมตรตอ่ (วนิ ำที)2
ตวั อยา่ ง 3. วัตถหุ นัก 60 นวิ ตนั ผกู ด้วยเชือกเบำ ถูกเร่งให้เคลอ่ื นทขี่ ึ้นด้วยควำมเร่ง 1.5 เมตรต่อ(วนิ ำที)2

แรงตงึ ของเส้นเชอื กขณะน้ีมีค่ำกนี่ วิ ตัน

วธิ ที ำ เกีย่ วข้องกับ กฎกำรเคล่ือนที่ของนิวตัน ข้อ 2 เพรำะเม่ือวัตถุหนัก 60 นวิ ตนั ไม่อยนู่ ่ิง ถกู เร่ง

ด้วยแรงดงึ ของเชือก เรำสำมำรถหำขนำดแรงตงึ เชือก ได้จำกสมกำรเก่ียวกับแรงตำมกฎข้อ 2 ดังน้ี

จำก  F = m a T
จะได้ T + W = m a

หำขนำดของแรงตึงเชอื ก

T - W = ma W
แทนคำ่ T - 60 N = ( 6 kg ) ( 1.5 m/s2 )

T = ( 9 N ) + ( 60 N )

T = 69 N

ตอบ แรงตึงของเส้นเชอื กขณะนมี้ ีค่ำเท่ำกับ 69 นวิ ตนั

3-7-16

แบบฝกึ ทักษะที่ 7
เร่ือง กฏการเคลอ่ื นทีข่ องนวิ ตนั

ชือ่ ..........................................................………………….. ช้ัน ม. 4 /......…. ……….เลขที่............….

1. วตั ถุ A มวล 50 กิโลกรัม วำงนิ่งบนพ้ืนเกลยี้ ง มีแรงมำกระทำนำน 10 วนิ ำที จนมีควำมเรว็ เป็น 28 เมตร

ต่อวินำที จงหำแรงกระทำต่อวตั ถุเป็นกี่นิวตัน ( 140 นิวตัน

)

2. เกดควำมเรง่ กบั วัตถกุ ้อนหน่งึ 12 เมตรต่อวินำที2 เมอ่ื ถกู แรงกระทำ 108 นิวตนั ถ้ำถูกแรงกระทำ 72 นิ
( 8 m/s2 )
วตันกระทำ จะเกดิ ควำมเรง่ กับวัตถุกอ้ นนี้เท่ำใด

3. มีแรงสองกระทำต่อวัตถุมวล 40 กโิ ลกรัม ให้เคลอื่ นที่ไปบนพื้นรำบดว้ ยควำมเร่ง 3 เมตรตอ่ (วินำที)2 โดยแรง

หนึ่งมขี นำด 200 นิวตัน ถ้ำอีกแรงมีทิศตรงขำ้ มแรงนี้จะมีขนำดก่นี ิวตนั ( 80 N )

3-7-17

4. วตั ถมุ วล 50 กโิ ลกรัม วำงนิ่งบนพื้น ถูกแรง 300 นวิ ตัน กระทำนำน 8 วินำที ใหเ้ คลือ่ นที่ไปบนพ้นื รำบทม่ี ี
แรงเสียดทำนต้ำนกำรเคล่ือนสงู สุด 75 นวิ ตนั จงหำควำมเร็วและระยะทำงทว่ี ตั ถเุ คลื่อนทไ่ี ดใ้ น 8 วนิ ำทีน้ี
( 36 m/s , 144 m )

5. นำยสมชำยปล่อยลงั ใบหน่ึงมวล 50 กโิ ลกรมั ลงจำกรถบรรทกุ ท่ีมีควำมเรว็ 18 เมตรตอ่ วนิ ำที ถ้ำลังไถลไป

ตำมพ้ืนไดไ้ กล 30 เมตรจึงหยดุ แสดงว่ำพืน้ ถนนต้ำนกำรเคลอื่ นทีข่ องลังนก้ี นี่ ิวตัน ( 270 N )

3-7-18

1.ให้นักเรียนเลือกแสดงควำมคิดเห็นเกี่ยวกับ กำรท่ีวัตถุจะเคล่ือนที่หรือไม่เคลื่อนที่ แรงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องทุก
ครงั้ หรือไม่ อย่ำงไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ควำมคิดเห็นของกลุ่มเก่ยี วกบั กำรทว่ี ัตถจุ ะเคล่ือนทีห่ รือไมเ่ คล่ือนที่ แรงต้องมีสว่ นเก่ยี วขอ้ งทุกคร้งั หรือไม่
อยำ่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3.ควำมคิดเห็นทน่ี ักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรำยสรปุ เหน็ ว่ำ กำรที่วตั ถจุ ะเคลอ่ื นที่หรือไมเ่ คล่ือนท่ี แรงต้องมี
ส่วนเกย่ี วข้องทุกครั้งหรือไม่ อยำ่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3-7-19

ให้นักเรียนสรุปสาระสาคญั ที่ได้จากการสบื คน้ ขอ้ มลู ลงในสุดจดบันทึก
1. แรง
2. มวล
3. กฎกำรเคลอ่ื นท่ีของนวิ ตนั

ใหน้ กั เรยี นเติมคำตอบท่ีถูกต้องลงในชอ่ งวำ่ งต่อไปน้ี
1. แรง คอื …………………………………………………………………………มีหน่วยเป็น…………………..
2. มวล คอื …………………………………………………………………………มหี น่วยเปน็ …………………
3. น้ำหนกั ของวตั ถุ ใดๆ เปน็ มวล หรือเปน็ แรง อย่ำงไร ……………………………………………………….

………………………………………………………………………มหี นว่ ยเปน็ ……………………………..
4. วตั ถุที่วำงอยูน่ ิ่งบนพืน้ มแี รงกระทำหรือไม่ อย่ำงไร …………………………………………………………..

…………………………………………………………………………………………………………………..
5. วตั ถุทเี่ คลอ่ื นทด่ี ว้ ยอัตรำเรว็ คงตวั เป็นแนวเส้นตรง ถอื วำ่ มีควำมเร็วคงท่ีหรอื ไมค่ งท่ี ………………………..
6. วัตถทุ เี่ คลือ่ นทดี่ ้วยอัตรำเร็วคงตัวเปน็ แนวโคง้ แบบวงกลม ถอื วำ่ มคี วำมเรว็ คงที่หรือไม่คงท่ี ………………
7. กฎกำรเคล่อื นทข่ี อ้ 1 ของนิวตัน กลำ่ ววำ่ ……………………………………………………………………….

…………………………………………………………………………………………………………………...
ยกตัวอยำ่ ง ..……………………………………………………………………………………………………...
8. กฎกำรเคล่ือนที่ขอ้ 2 ของนิวตนั กล่ำววำ่ ……………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………...
ยกตวั อย่ำง ..……………………………………………………………………………………………………...
9. กฎกำรเคลือ่ นท่ีข้อ 3 ของนิวตนั กลำ่ วว่ำ ……………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………...
ยกตัวอยำ่ ง ..……………………………………………………………………………………………………...
10. ควำมเฉื่อย กบั กำรรกั ษำสภำพเดิม ต่ำงกันหรือไม่ อยำ่ งไร ….……………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………...

3-7-20

11. จงพจิ ำรณำวตั ถตุ ่อไปนี้จำกรูป จงหำว่ำจะมแี รงกระทำกแี่ รง คือแรงอะไรบ้ำง ขนำดเท่ำใด

2. มีแรงกระทา…………..แรง 3 kg 1. มีแรงกระทา…………..แรง
คือ……………………………… คือ………………………………
……………………………………………
4 kg ขนาดของแรงลพั ธ์เท่ากบั ………………… ……………………………………………
……………………………………………. ขนาดของแรงลพั ธเ์ ท่ากบั ………………………………………
…………………………………………………………………

3. วตั ถกุ าลงั เคล่ือนท่ีข้ึนดว้ ยความเร็วคงท่ี 4. วตั ถกุ าลงั เคล่ือนท่ีลงดว้ ยความเร็วคงท่ี
มีแรงกระทา…………..แรง มีแรงกระทา…………..แรง
5 kg คือ…………………………………………………. 2 kg คือ………………………………………………….
……….…………………………………………… ……….……………………………………………
ขนาดของแรงลพั ธ์ ขนาดของแรงลพั ธ์
เท่ากบั ………...…………..…………………………………… เท่ากบั ………………………………..…………………………
………………………………………………. …..……………………………………….….

6 kg 5. วตั ถกุ าลงั เคลื่อนที่ดว้ ยความเร่ง 4 kg วตั ถุกาลงั เคลื่อนที่ดว้ ยความเร่งคง
คงตวั 2 m/s2 มีแรงกระทา….แรง ตวั 1.5 m/s2 มีแรงกระทา…...แรง

พ้ืนล่ืน พ้ืนล่ืน

คือ………………………………………………………………. คือ……………………………………………………………….

……….………………………………………………………… ……….…………………………………………………………

ขนาดของแรง ขนาดของแรง

เท่ากบั ………………………………..……..…………………… เท่ากบั ………………………………..……..……………………

…………………………………………………. ………………………………………………….

………………………………………………………………… …………………………………………………………………

………………………………………………………………… …………………………………………………………………

3-7-21

1. แรงสองแรงมีขนำด 3 นวิ ตนั และ 4 นวิ ตัน กระทำต่อวัตถมุ วล 2 กิโลกรัม จะทำให้วัตถมุ คี วำมเร่งเท่ำใด

ถำ้ ( 3.5 m/s2 )

ก) แรงทั้งสองกระทำในทิศเดยี วกนั ( 0.5 m/s2 )

ข) แรงทงั้ สองกระทำในทศิ ตรงข้ำมกนั ( 2.5 m/s2 )

ค) แรงทง้ั สองกระทำในทิศตั้งฉำก

2. วัตถุหนึ่งถูกแรงกระทำ 30 นิวตัน ทำให้เคลือ่ นทด่ี ้วยควำมเรง่ 5 m/s2 แตถ่ ำ้ ต้องกำรให้วัตถนุ มี้ คี วำมเร่ง

เปน็ 3 เท่ำของควำมเร่งเดมิ จะต้องออกแรงเท่ำใด ( 90 นิวตนั )

3. ผูกวตั ถุมวล 2 kg ด้วยเชอื กท่ีมมี วลน้อยมำก จับปลำยเชอื กอีกข้ำงหนึ่งใหว้ ตั ถหุ ้อยอย่ใู นแนวด่งิ จงหำแรงท่ี

เชอื กดงึ มือ เมื่อ

ก) ถอื เชือกอยู่น่ิง ๆ ( 20 นวิ ตัน )

ข) หย่อนเชือกลงดว้ ยอตั รำเรว็ คงตวั ( 20 นวิ ตัน )
ค) หยอ่ นเชือกลงดว้ ยควำมเร่ง 3 m/s2
ง) ดงึ เชอื กขนึ้ ดว้ ยควำมเร่ง 3 m/s2 ( 14 นวิ ตนั )

( 26 นิวตัน )

3-7-22

แผนผงั มโนทัศน์ท่ี 7
องคค์ วามร้เู รอ่ื ง กฏการเคลื่อนท่ขี องนิวตัน

เจ้ำของผลงำน ช่อื ……………………………………………………ชั้น……………..เลขท…ี่ …….

3-7-23

แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียนท่ี 7
เร่อื ง กฏการเคล่อื นที่ของนวิ ตนั

ชื่อ…………………………….……………………นำมสกลุ ……………………….…………………………ชน้ั ……………..เลขท…่ี …….
คาชแ้ี จง จงตอบคำถำมใหถ้ ูกต้อง โดยใชเ้ วลำในกำรทำข้อสอบ 10 นำที

1.จงพิจำรณำขอ้ ควำมตอ่ ไปน้ี

1. ปริมำณท่ีอกให้ทรำบวำ่ วัตถมุ ีควำมเฉือ่ ยมำกหรือน้อย คือ มวล

2. เม่ือเรำตกจำกที่สูงลงมำกระทบพื้นนนั้ รู้สึกเจบ็ อธิบำยได้ด้วยกฎข้อที่ 2 ของนวิ ตนั

3. รถยนตท์ ก่ี ำลังวิง่ อย่แู ลว้ น้ำมันหมด แตย่ ังสำมำรถแลน่ ไดต้ ่อไปอกี โดยไม่หยดุ ในทันที อธิบำยได้ด้วยกฎข้อ

ที่ 1 ของนิวตนั

ข้อควำมใดถูกต้อง

ก. ขอ้ 1 , 2 และ 3 ข. ข้อ 1 , 3

ค. ขอ้ 2 , 3 ง. ข้อ 1, 2

2.จงพจิ ำรณำเก่ียวผลของแรง ท่ีเกดิ ขนึ้ กบั วตั ถุ

1. วัตถุที่ยงั รักษำสภำพน่งิ อยู่ได้ แสดงวำ่ ไมม่ ีแรงใดๆมำกระทำ

2. วตั ถทุ ีเ่ คลื่อนทเ่ี ปน็ เสน้ ตรงอยู่แลว้ ยงั สำมำรถเคลื่อนทีต่ ่อไปได้ในสภำพเส้นตรงเหมือนเดมิ จะต้องมีแรง

ท่ีเป็นศนู ย์มำกระทำ
3. ถ้ำ F = 0 ผลท่ีตำมมำ คือ a = 0

ข้อควำมใดถกู ต้อง

ก. ข้อ 1 , 2 และ 3 ข. ข้อ 1 , 3

ค. ขอ้ 2 , 3 ง. ข้อ 1, 2

3.ชำยคนหนงึ่ ออกแรงผลักโต๊ะตวั หนึง่ ในแนวระดับ ปรำกฏวำ่ โต๊ะอยู่น่งิ แสดงว่ำ
ก. แรงท่ีผลักโต๊ะ น้อยกว่ำ นำ้ หนกั ของโต๊ะ ข. แรงทีผ่ ลักโต๊ะ มำกกว่ำ น้ำหนกั ของโต๊ะ
ค. แรงทผี่ ลักโต๊ะ เทำ่ กบั น้ำหนักของโตะ๊ ง. แรงที่ผลักโต๊ะ เทำ่ กับ แรงท่โี ต๊ะผลัก

4.ข้อใดกลำ่ วถูกต้องเก่ียวกับควำมหมำยของแรง

ก. กำรกระทำ ข. ผลกำรทำทีท่ ำให้วัตถุเคล่ือนที่

ค. ผลกำรทำวตั ถุเคลอื่ นทใี่ นหนึง่ หนว่ ยเวลำ ง. ถูกทุกข้อ

5.จงพจิ ำรณำว่ำข้อใดเกี่ยวข้องกบั กฎข้อที่ 2 ของนิวตัน
ก. คนในรถยนตจ์ ะพุ่งไปขำ้ งหนำ้ เมอ่ื เบรครถอยำ่ งกระทันหนั
ข. ลูกมะพรำ้ วหล่นจำกตน้
ค. แรงระหวำ่ งรถบรรทุกกระทำและรถท่ีพว่ งมำดว้ ย ซึง่ ขณะน้ันวงิ่ ด้วยควำมเรง่
ง. รถไถลจำกกำรเบรก

3-7-24

6.แรง 2 แรง ขนำด 16 นิวตนั และ 24 นวิ ตัน กระทำตอ่ วัตถุมวล 2 กโิ ลกรัม วัตถุน้ี จะเกิดกำร
เปลยี่ นแปลงมำกท่ีสุดและน้อยทสี่ ุดเทำ่ ไร ตำมลำดับ
ก. 20 และ 4 เมตรตอ่ (วนิ ำที)2 ตำมลำดบั ข. 12 และ 8 เมตรตอ่ (วินำที)2 ตำมลำดับ
ค. 80 และ 16 เมตรตอ่ (วินำที)2 ตำมลำดบั ง. 48 และ 32 เมตรตอ่ (วนิ ำที)2 ตำมลำดับ

7.วัตถุ A ถูกแรงขนำด 42 นวิ ตัน กระทำใหเ้ คลอื่ นทด่ี ้วยเร่ง 3 เมตรตอ่ (วินำที)2 อยำกทรำบวำ่ วตั ถุนี้มมี วลก่ี
กโิ ลกรัม
ก. 126 ข. 45
ค. 39 ง. 14

8.วตั ถุ A มวล 2 กิโลกรมั วำงอยบู่ นพน้ื รำบถูกแรง 10 นวิ ตัน กระทำในแนวขนำนกับพื้น ทำให้วตั ถุเคล่ือนท่ี ได้

ระยะทำงก่เี มตร ในเวลำ 10 วินำที

ก. 40 เมตร ข. 200 เมตร

ค. 400 เมตร ง. 500 เมตร

9.ต้องออกแรงตำ้ นขนำดกี่นิวตนั ท่ีจะทำใหว้ ตั ถมุ วล 10 กโิ ลกรมั ท่ีเคลื่อนทมี่ ำดว้ ยควำมเรว็ 20 เมตรต่อวนิ ำที
หยุดภำยใน 10 วนิ ำที
ก.10 ข.20
ค.30 ง.40

10.เชือกเส้นหน่ึงทนแรงตึงได้มำกท่ีสุด 800 นิวตัน ถ้ำต้องกำรฉุดวัตถุมวล 40 กิโลกรัม ให้เคล่ือนที่ข้ึนใน
แนวดิง่ ด้วยควำมเร่งสูงสดุ ก่ีเมตรตอ่ (วนิ ำที)2
ก. 20 ข. 16
ค. 10 ง. 4

3-7-25

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี นท่ี 7
เร่ือง กฏการเคลื่อนที่ของนิวตัน

เฉลยแบบทดสอบ
ก่อนเรยี นและหลังเรียน
ขอ้ คาตอบ
1ข
2ค
3ง
4ก
5ข
6ก
7ง
8ง
9ข
10 ค

3-8-1

แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 8

3-8-2

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว30201 วิชา ฟิสิกส์ 1

ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง แรงและกฏการเคลอื่ นท่ี
เรื่องที่ 8 การประยุกตใ์ ช้กฎการเคล่อื นทขี่ องนิวตนั เวลา 6 ชัว่ โมง
ผู้สอน นายชาตรี ศรมี ่วงวงค์ โรงเรียนวัชรวทิ ยา

1. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

ในการอธิบายการเคลื่อนทขี่ องวตั ถุในชวี ติ ประจาวันสามารถอธิบายโดยกฎการเคล่อื นที่ 3 ข้อของนิวตนั
โดยพจิ ารณาแรงท่ีกระทากับวัตถใุ นลกั ษณะ free body diagram กฎการเคล่ือนท่ขี องนิวตันท้ังสามข้อเปน็
ความรู้พื้นฐานทสี่ าคัญมากในวชิ าฟิสิกส์ ซึง่ สามารถทาให้เข้าใจหรอื ใช้อธิบายสาเหตุของการเปล่ยี นสภาพการ
เคล่อื นที่ของวตั ถุทกุ ชนิดและทกุ กรณี ทั้งการเคลอื่ นที่บนโลก นอกโลก และในเอกภพ และยงั สามารถอธิบาย
เรอื่ งสมดลุ และการเคล่ือนท่ีของวัตถตุ ่างๆ ไดท้ ุกลกั ษณะ และยงั เปน็ พน้ื ฐานสาหรบั นาไปใช้ศกึ ษาเรื่องอนื่ ๆ
เชน่ งาน พลงั งาน โมเมนตัม เปน็ ต้น

2. สาระการเรยี นรู้ฟสิ ิกส์
สาระฟสิ ิกส์ ข้อ 1เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ ปริมาณ และกระบวนการวดั การเคล่ือนท่แี นวตรง แรงและกฎ

การเคลอ่ื นทีข่ องนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลังงาน
กล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม การเคลอื่ นที่แนวโค้ง รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
5. เขียนแผนภาพของแรงทกี่ ระทาต่อวตั ถอุ สิ ระทดลอง และอธบิ ายกฎการเคลื่อนทีข่ องนวิ ตันและการใชก้ ฎ

การเคล่ือนทขี่ องนวิ ตันกบั สภาพการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุ รวมทง้ั คานวณปริมาณต่าง ๆทเ่ี กี่ยวข้อง
6. อธบิ ายกฎความโนม้ ถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงทีท่ าใหว้ ัตถุ มีน้าหนัก รวมทัง้ คานวณปรมิ าณต่างๆ

ท่ีเกี่ยวข้อง

3-8-3

4.สาระการเรยี นรู้
4.1 สาระฟสิ กิ สเ์ พิ่มเติม
การเคลือ่ นที่แนวตรงเป็นการเคลื่อนท่ีในแนวใดแนวหนึ่ง เชน่ แนวราบหรอื แนวด่งิ ท่ีมกี ารกระจัด

ความเร็ว ความเร่งอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โดยความเรง่ ของวตั ถหุ าได้จากความเร็วทีเ่ ปล่ยี นไปใน
หนง่ึ หนว่ ยเวลา

4.2 สาระการเรยี นร้ทู ้องถ่นิ
-

4.3 สาระการเรียนรู้เกีย่ วกบั อาเซียน
-

4.4 สาระการเรยี นร้เู ศรษฐกิจพอเพียง
-

4.5 การบรู ณาการทักษะชวี ิต
ความปลอดภัยในการเดินทางดว้ ยยานพาหนะ

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและจุดเน้นทต่ี อ้ งการพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น
5.1 สมรรถนะ ความสามารถในการสือ่ สาร
5.2 สมรรถนะ ความสามารถในการคิด
5.3 สมรรถนะ ความสามารถในการแกป้ ัญหา
5.4 สมรรถนะ ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5.5 สมรรถนะ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.6 จุดเน้น แสวงหาความรูเ้ พ่อื การแก้ปญั หา
5.7 จดุ เน้น การใชภ้ าษาต่างประเทศ
5.8 จุดเน้น การคิดวเิ คราะหข์ ั้นสูง
5.9 จุดเน้น การใชเ้ ทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้
5.10 จดุ เน้น ทกั ษะชวี ิต
5.11 จุดเน้น ทักษะการส่อื สารอยา่ งสร้างสรรคต์ ามช่วงวยั

6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 ใฝเ่ รยี นรู้
6.2 อย่อู ย่างพอเพยี ง
6.3 มุง่ ม่นั ในการทางาน
6.4 รักความเปน็ ไทย
6.5 มจี ติ สาธารณะ

3-8-4

7. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด/ระหวา่ งเรียน)
7.1 แบบฝึกทักษะ (ระหวา่ งเรยี น)
7.2 แผนผังมโนทศั น์ Concept mapping (รวบยอด)
7.3 แบบทดสอบหลงั เรยี น (รวบยอด)

8.การวัดและประเมินผล

สงิ่ ท่วี ัด ช่วงการวัด วิธีการประเมินผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ถูกต้องสมบรู ณ์
8.1 ความรคู้ วามเขา้ ใจ ระหวา่ งสอน ความถกู ตอ้ งของ Concept
Concept mapping ตอบถกู ตอ้ ง
ในเนอื้ หา mapping
คาถาม
8.2 ความร้คู วามเข้าใจ ระหว่างสอน การตอบคาถาม
ในเนอ้ื หา ระหวา่ งสอน
ระหว่างสอน การตอบคาถาม คาถาม ตอบถกู ต้อง
8.3 ทกั ษะและ
กระบวนการ การตอบคาถาม คาถาม วเิ คราะหต์ าม
สภาพคาตอบ
8.4 เจตคติ

8.5 ผลการเรียนรู้ ระหวา่ งสอน การทาแบบฝึกทักษะ แบบฝกึ ทกั ษะ ทาถูกร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
8.6 ผลสัมฤทธิ์ สิ้นสุดการสอน
คะแนนสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ไดค้ ะแนน

ร้อยละ 70 ขึ้นไป

9. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
9.1 ครเู ปดิ เพาเวอร์พอยต์จากเวบ็ ไซตส์ อนฟสิ กิ ส์ ที่เว็บไซต์ http://gg.gg/ct3110 เพื่อเปิดวีดิทัศน์ให้

นักเรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การประยกุ ตใ์ ช้กฎการเคลื่อนท่ีของนิวตนั
9.2 ครูและนักเรยี นร่วมกนั และเปล่ียนเรียนรู้จากเน้ือหาในวดี ทิ ศั น์ท่ีได้ดูรว่ มกัน
9.3 ครตู ้ังคาถามนักเรยี นเกี่ยวกับการประยุกตใ์ ช้กฎการเคลอ่ื นที่ของนิวตนั
9.4 นักเรยี นตอบคาถามของครูอยา่ งอิสระ และรว่ มแลกเปลี่ยนเรยี นรูซ้ ง่ึ กันและกัน
9.5 นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลนจ์ ากเวบ็ ไซต์การสอนฟสิ ิกส์ จานวน 10 ข้อ
ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration)
9.6 ครแู จ้งให้นักเรยี นทราบถึงเนือ้ หาทีจ่ ะเรียน จุดประสงค์ กระบวนการเรยี นท่จี ะดาเนินการโดยยอ่
9.7 ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเนื้อหาความรจู้ ากเพาเวอร์พอยตจ์ ากเว็บไซตส์ อนฟิสกิ ส์ โดยให้นักเรียนสบื ค้น

ข้อมลู และศึกษาข้อมลู เบอ้ื งต้น
9.8 ครูสาธิตวธิ กี ารแกป้ ญั หาโจทย์ให้กับนักเรยี น ตามโจทย์ตัวอยา่ งในเพาเวอร์พอยต์ จานวน 3 ขอ้
9.9 นกั เรียนฝกึ ทักษะการทาแบบฝกึ หดั จากแบบฝึกหดั ตามทคี่ รรู ะบุใหจ้ านวน 5 ขอ้
9.10 ครเู ฉลยแบบฝึกหดั อยา่ งละเอียดพร้อมแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กบั นักเรยี นอยา่ งเป็นกันเอง โดยกระต้นุ

ดว้ ยคาถามเพอ่ื ใหน้ ักเรียนคิดอยา่ งเปน็ ข้ันตอน

3-8-5

ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
9.11 นกั เรยี นแต่ละกล่มุ สรปุ หลักการในการแกโ้ จทยใ์ นแบบฝึกหัด
9.12 นกั เรยี นแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ นั ภายในกลมุ่ และระหวา่ งกลมุ่
9.13 นักเรียนแตล่ ะคนสรุปหลักการในการแกโ้ จทย์ของตนเอง
9.14 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเพอื่ สรุปการแก้ไขปญั หาโจทย์อย่างเป็นขนั้ ตอน นกั เรยี นบันทกึ
ขอ้ มลู ลงในสมุดบันทึก
9.15 นักเรียนทาแบบฝกึ ทักษะเพิ่มเตมิ ตามหลักการที่ไดจ้ ากการสรุปร่วมกนั ระหวา่ งครูและนกั เรยี น
ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
9.16 ครใู ช้คาถามนาเพื่อใหน้ ักเรียนนาหลกั การทส่ี รปุ ได้มาประยกุ ตใ์ ชง้ านในสถานการณ์โจทย์ทมี่ ีความ
ซบั ซ้อนมากขนึ้ และเปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามและแลกเปลยี่ นเรียนรูใ้ นเรอ่ื งที่เรียน
9.17 นักเรียนทดลองทาแบบฝกึ หดั ทห่ี ลากหลาย โดยนาข้อสอบโอเน็ต ข้อสอบ PAT2 ขอ้ สอบคัดเลือก
เขา้ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ขอ้ สอบคดั เลือกเข้ามหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น มาใหน้ ักเรียนฝึกทาโดยครูจดั เตรยี มไวใ้ น
เพาเวอร์พอยต์ประกอบการสอนในเวบ็ ไซต์การสอนฟสิ กิ ส์
9.18 นกั เรียนทาแบบฝกึ ทักษะเพ่ิมเติมโดยมีครคู อยใหค้ าแนะนา
9.19 นักเรยี นตรวจคาตอบและศึกษาเพ่ิมเติมจากเว็บไซต์การสอนฟิสิกส์
9.20 ครูสั่งแบบฝึกหัดให้นักเรียนกลบั ไปฝกึ ทาเป็นการบ้าน
ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
9.21 นกั เรียนเขียน Concept mapping ของเร่ืองท่ีเรียนลงในสมุดแล้วถา่ ยรูปสง่ ใน line ห้องเรียน
ฟสิ กิ ส์และครปู ระเมินความเข้าใจเน้ือหาของนักเรียนจาก Concept mapping ท่นี กั เรียนส่งมา
9.22 ครูตัง้ คาถามเพ่ือใหน้ กั เรียนตอบเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจในเนื้อหาทเี่ รยี นอกี ครงั้
9.23 นกั เรยี นทาข้อสอบออนไลน์ผ่านโทรศัพทม์ ือถอื จานวน 10 ขอ้ โดยใช้เวลาในการทาขอ้ สอบ
10 นาที
9.24 ครูแจง้ ผลการสอบทันที โดยสง่ คะแนนใหน้ ักเรยี นทาง line หอ้ งเรียนฟิสกิ ส์
9.25 นกั เรียนท่มี ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครูใหน้ กั เรียนกลับไปทบทวนเน้ือหาเพาเวอร์พอยต์อีกครั้ง
และนัดหมายใหส้ อบออนไลนใ์ หมอ่ ีกครงั้ ในการเรยี นคาบต่อไป ในสว่ นของนกั เรียนทม่ี ีคะแนนเกินร้อยละ 50
และตอ้ งการศึกษาทบทวนเพิ่มขนึ้ ครแู นะนาให้ศึกษาซ้าในเพาเวอร์พอยต์และแนะนาเว็บไซต์เพอื่ ศกึ ษาดว้ ย
ตนเองเพ่มิ เติม
ขนั้ การบูรณาการ (Integration)
9.26 ครูนาเสนอเก่ียวคลิปจากยทู ูบ http://www.youtube.com เกย่ี วกับการเกิดอุบตั เิ หตุจากการใช้
ยานพาหนะในท้องถนน
9.27 นกั เรยี นรว่ มกันวเิ คราะหข์ ้อมลู จากคลปิ ทีน่ าเสนอถึงสาเหตปุ ัจจยั ของการเกิดอุบตั ิเหตุจากการใช้
ยานพาหนะในท้องถนนโดยให้นักเรยี นแลกเปลยี่ นกนั นาเสนอข้อมลู หนา้ หอ้ งเรียน
9.28 ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกยี่ วกบั เกย่ี วกับการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้ยานพาหนะในทอ้ งถนน
รวมทั้งหาวธิ กี ารปอ้ งกันโดยใชห้ ลกั การทางวทิ ยาศาสตร์และฟิสิกส์เข้ามาประยุกต์ใช้

3-8-6

10. สอ่ื การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ จานวน ลาดับขน้ั ตอนการใช้ส่อื

รายการสือ่ 1 เวบ็ ไซต์ ทุกขัน้ ตอน
10.1 เว็บไซต์การสอนฟิสิกส์
ทผี่ ลิตโดยนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์ 1 ไฟล์ ทกุ ข้นั ตอน
10.2 เพาเวอรพ์ อยต์การสอนฟสิ กิ ส์ 1 กลุ่ม ทุกขั้นตอน
10.3 กลมุ่ line การสอนฟิสกิ ส์ 1 ชดุ ทกุ ข้นั ตอน
10.4 ใบความรทู้ ี่ 8 1 ชุด ขัน้ ขยายความรู้ / ขน้ั ลงข้อสรุป
10.5 แบบฝกึ หดั ท่ี 8 1 ชดุ ข้ันสรา้ งความสนใจ
10.6 แบบทดสอบก่อนเรยี นออนไลน์ 1 ชุด ขนั้ ประเมิน
10.7 แบบทดสอบหลังเรยี นออนไลน์

11. กจิ กรรมเสนอแนะ

รายการ วธิ ีการ
11.1 ปรับปรุง-แก้ไขขอ้ บกพรอ่ งของผ้เู รียน
นักเรยี นทีม่ ีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ครใู หน้ ักเรียนกลับไป
11.2 สง่ เสริมความร้คู วามสามารถของผู้เรียน ทบทวนเน้ือหาเพาเวอร์พอยต์อกี คร้ังและนดั หมายให้
สอบออนไลนใ์ หมอ่ ีกครั้งในการเรียนคาบตอ่ ไป

นกั เรียนท่ีมีคะแนนเกินร้อยละ 50 และตอ้ งการศึกษา
ทบทวนเพิ่มขน้ึ ครแู นะนาให้ศึกษาซา้ ในเพาเวอร์พอยต์
และแนะนาเวบ็ ไซต์เพื่อศึกษาด้วยตนเองเพิ่มเติม

3-8-7

12.บันทึกผลหลังการสอน
12.1 ความก้าวหนา้ ในการเรยี นการสอน

จานวน คะแนน คะแนนเฉลยี่ คะแนนเฉลย่ี คะแนนเฉลยี่ E1/E2 ความก้าวหน้า
นักเรียน เตม็ กอ่ นเรยี น ระหว่างเรยี น ในการเรียน
หลงั เรยี น
145 10 2.12 8.12 63.50
8.47 81.20/84.70

สตู ร ร้อยละความก้าวหนา้ ในการเรียน = คะแนนหลังเรียน – คะแนนกอ่ นเรียน x 100
คะแนนเตม็

สูตร หาประสิทธภิ าพของส่ือ = E1/ E2 (ตามเกณฑ์ 80/80)
E1 = ประสิทธภิ าพของกระบวนการ (ทาแบบฝกึ )
E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลัพธ์ (สอบหลงั เรยี น)
ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ = คะแนนเฉลย่ี ระหวา่ งเรียน x 100
คะแนนเตม็

ประสิทธภิ าพของผลลพั ธ์ = คะแนนเฉลยี่ หลังเรยี น x 100
คะแนนเต็ม

12.2 กระบวนการจัดการเรียนการสอน
1.ข้ันสรา้ งความสนใจ นกั เรียนร้อยละ 90 ให้ความสนใจคลิปเกยี่ วกับการสาธติ ตวั อยา่ งของ

ครูเกี่ยวกับสมดลุ และให้ความสนใจคลปิ ท่คี รเู ปิดให้ดู โดยมนี ักเรยี นบางสว่ นสนใจซักถามเพม่ิ เติม และร่วมกัน
กาหนดประเด็นของเรอื่ งที่ต้องการศึกษาเกยี่ วกบั การประยุกตใ์ ช้กฎของนวิ ตัน

2.ขน้ั สารวจและคน้ หา นกั เรียนร้อยละ 90 รว่ มกันศึกษาเก่ียวกบั เนื้อหาของสภาพสมดุล โดย
มกี ารซักถามและร่วมกันหาคาตอบ เข้าใจในประเด็นท่สี นใจจะศึกษา รว่ มกันวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจ
ตรวจสอบ ตง้ั สมมติฐาน กาหนดวธิ กี ารทดลองและทาการศึกษาเนื้อหาจากหนังสือเรยี นและใบงาน มีการสืบคน้
ข้อมลู จากเวบ็ ไซต์ตา่ งๆ เพ่ือลงขอ้ สรปุ เกยี่ วกับการประยกุ ต์ใช้กฎของนวิ ตัน

3.ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ นักเรยี นรอ้ ยละ 50 รว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั เรอ่ื งทเี่ รยี นและ
รว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั การประยุกตใ์ ช้กฎของนิวตัน

4.ข้นั ขยายความรู้ นักเรียนร้อยละ 50 ร่วมกันอธิบายสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวนั โดยใช้
ขอ้ สรปุ เก่ียวกับการประยุกต์ใชก้ ฎของนวิ ตนั

5.ขั้นประเมิน นักเรียนรอ้ ยละ 75 สามารถนาหลักการและความรทู้ เ่ี รยี นตอบคาถามและ
สถานการณ์ทคี่ รูตั้งขนึ้ ได้

3-8-8

บรรยากาศการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนการประยุกต์ใชก้ ฎของนิวตนั

12.3 ผลการสอน
( / ) สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
( ) สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เน่ืองจาก...............................................................

12.4 ปัญหาและอุปสรรค
1. นกั เรยี นร้อยละ 30 วิเคราะห์โจทย์ฟสิ ิกส์ไมค่ ่อยได้
2. นักเรียนรอ้ ยละ 50 ยังแก้สมการคณิตศาสตร์ในโจทยไ์ ม่ได้
3. นักเรยี นรอ้ ยละ 20 คิดเลขไม่ถูกตอ้ ง
4. นกั เรียนทาใบงานไมเ่ สรจ็ ตามเวลา

12.5 แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. ให้นักเรียนศึกษาตวั อยา่ งจากหนงั สือคูม่ อื เพ่ิมเติม
2. นักเรียนฝึกแก้สมการคณติ ศาสตร์
3. นกั เรยี นฝึกคิดเลขโดยให้ทดลองเล่นเกม 180 ไอควิ
4. ปรบั ปรุงใบงาน

ลงชอื่ ..............................................ผ้สู อน
(นายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์)

3-8-9

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
.................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชือ่ ........................................................
(นางตวงรัตน์ อน้ อิน)

ตาแหนง่ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วนั ท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
..............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .................................

ลงชื่อ ........................................................
(นายวเิ ชียร ยอดนลิ )

ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
วันที่..........เดอื น..........................พ.ศ............

ข้อเสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. .................................
................................................................................................. .............................................................
............................................................................................................................. .................................

ลงช่อื ........................................................
(นายไพชยนต์ ศรีม่วง)

ตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี นวชั รวทิ ยา
วันท่ี..........เดอื น..........................พ.ศ............

3-8-10

ภาคผนวก
ประกอบแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 8

3-8-11

สื่อการสอน

เวบ็ ไซตก์ ารสอนฟิสิกส์ ทสี่ รา้ งขนึ้ โดยนายชาตรี ศรมี ว่ งวงค์
ทอี่ ย่ขู องเวบ็ ไซต์ http://gg.gg/ct3110

3-8-12

ใบความรทู้ ่ี 8
เรื่อง การประยุกตใ์ ช้กฏของนวิ ตัน

แรงเสยี ดทาน
เมอ่ื เราผลกั วัตถุใดๆบนพ้นื บางท่เี ราจะรสู้ ึกว่าผลักไปไดง้ ่าย แตบ่ างท่กี ็จะผลักไปได้ยาก โดยเฉพาะ

ถ้าพน้ื ลื่น เราออกแรงผลกั เพียงนดิ เดียว วัตถนุ น้ั ก็เคล่ือนที่ได้แล้ว แสดงวา่ ผิวสัมผสั ระหว่างพื้นกบั ผวิ วัตถุจะต้อง
มผี ลต่อการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุนั้น และอกี สงิ่ หน่ึงทม่ี ผี ลต่อการเคลอ่ื นทค่ี ือน้าหนักทกี่ ดลงไปบนพ้ืน เพราะถ้ามี
แรงกดลงไปมาก จะมีผลทาใหผ้ วิ สัมผัสระหว่างวตั ถุทงั้ สมั ผสั กันมากขน้ึ การเคลื่อนท่กี จ็ ะยากตามไปดว้ ย แสดง
วา่ ขณะทเ่ี ราออกแรงผลักเพ่ือใหว้ ตั ถเุ คลื่อนกจ็ ะต้องมีแรงตา้ นการเคล่ือนทีเ่ กดิ ขน้ึ แรงทเ่ี กิดข้ึนนี้เรยี กวา่ แรง
เสยี ดทาน

ดงั นน้ั แรงเสียดทาน คือ แรงตา้ นการเคลื่อนท่ีของวัตถุเกิดขนึ้ ระหว่างผิวสัมผัสของวตั ถคุ ู่นัน้ จะมที ศิ
ตรงขา้ มกับการเคลอื่ นที่เสมอ ขึน้ อยู่กบั นา้ หนักที่กดลงไปบนพนื้ ผวิ สัมผัส และคณุ สมบัตเิ ฉพาะตัวของผวิ สมั ผัส
นน้ั ๆ

ในทนี่ ้ี การหาปรมิ าณ แรงเสียดทานทเ่ี กิดขึน้ หาได้จากสมการดังต่อไปนี้

f = N

เม่ือ f คอื แรงเสียดทานท่ีเกดิ ข้ึนระหว่างผิวสัมผสั น้ัน มีหน่วยเป็น นิวตัน

 คือ สัมประสิทธิความเสยี ดทานระหวา่ งผวิ สัมผสั นนั้

N คือ แรงปฏิกิริยาทเ่ี กิดขน้ึ เนอื่ งวัตถุกระทาต่อพนื้ ขณะนั้น มหี นว่ ยเปน็ นวิ ตนั

แรงเสียดทาน ท่ีเกดิ ข้ึนระหวา่ งพืน้ จะมี 2 ชนิด

1. แรงเสยี ดทานสถติ คอื แรงเสยี ดทานท่ีเกิดข้ึนเม่ือมีแรงมากระทาต่อวตั ถแุ ละวัตถุยังอยูน่ ิ่ง ซึ่ง แรง

เสยี ดทานสถติ จะมีคา่ ต้งั แต่ศูนยจ์ นถึงคา่ มากทีส่ ดุ โดยค่ามากท่สี ุดจะเกดิ ขณะทีว่ ัตถุเร่ิมเคลื่อนท่ไี ด้พอดี

เขยี นสมการได้ดังนี้ fS = SN วตั

fSถุ วตั ถุอยู่
อยู่ นิ่ง

F Fv2. แรงเสียดทานจลน์ คือ แรงเสยี ดทานทีเ่ กิดข้ึนในขณะที่วัตถเุ คนล่ิง่ือนทด่ี ้วยความเรว็ คงท่ี
เขยี นสมการได้ดงั น้ี fk = kN
fk
วตั ถุเคลอ่ื นท่ี

สมั ประสทิ ธิค์ วามเสยี ดทาน (  ) เมือ่ วัตถุวางบนพ้นื ระดบั s = fs
N
เร่ิมเคลอื่ นทพ่ี อดี

3-8-13

F
W

N fs

สมั ประสทิ ธค์ิ วามเสยี ดทาน (  ) เม่อื วตั ถวุ างบนพื้นเอียง fs
N
จะได้ s =

W N แต่ ในแนวแกนระดับ f s = Wsin

fs  และในแนวแกนด่งิ N = Wcos

ดังน้ัน s = Wsinθ = tan
Wcosθ
W

Wsinfs N  s = tan

 Wcos

ตัวอย่างท่ี 1 จวกรูป จงหาว่ากลอ่ งใบนี้จะอยู่ในสภาพอย่าง และคา่ แรงเสยี ดทานสถติ ( fS ) และ แรงเสยี ด
ทานจลน์( fk ) มคี า่ เปน็ เท่าใด
2. fk = kN

F = 30 fk = (0.7)(30) = 21 N

3 kg W N F Fแสดงว่า กล่องใบนีไ้ มอ่ ยใู่ นสภาพสมดุล
N
เพราะ   0

1. fS = SN จะได้ maa === 30 – 24 = 6
fS = (0.8)(30) = 24 N 6

2 m/s2

3-8-14

จะไดว้ า่ กลอ่ งใบนี้จะมกี ารเคลือ่ นทด่ี ว้ ยความเร่ง 2 เมตรตอ่ วินาทยี กกาลงั สอง มีค่าแรงเสยี ดทานสถิต( fS
) เท่ากบั 24 นิวตนั และ คา่ แรงเสยี ดทานจลน์( fk ) เทา่ กับ 21 นวิ ตนั

ตัวอย่างท่ี 2 กล่องใบหนึ่งมีมวล 5 กก. จะตอ้ งออกแรง F เท่าใด จงึ ทาใหว้ ตั ถุน้ีเคล่ือนท่ีด้วยความเรว็ คงที่บน

พื้นท่มี ีค่าสัมประสทิ ธิความเสียดทานดังนี้ s = 0.6 , k = 0.4 W F
N f
5 kg F วธิ ีคดิ ต้องแสดงแรงท้งั หมดทก่ี ระทาต่อวตั ถุ

จหาากแโจรงทยF์ แสพดิจงาวรหณ่าาคาวแา่ ตั แรถงรุกใงนาเสลแียนังดเวคทรลาะ่ือนดนบั ทfจี่ เาพกจรราากูปะแรจงะเไสfดkFยี ้ ด+Fทานf=Fทx่เี ก=ดิ =ข=้นึ -คfือkNแรง(เส0…เ0พีย…รด…าทะ…าวน…ัตจถ..ลุเ(คน1ล์ อ่ื )นท่ี )
แทนคา่ fWkF+y = (0.4)N …………….. ( 2 )
หาคา่ N พิจารณาในแนวด่งิ จะได้ NN
=0

= -0W ( W = ( 5 )(10 )
=

WN ) N
fk =
แทนคา่ จะได้ ใน ( 1 = - 50 นวิ ตัน
แทนค่า = (0.4)( -50 ) = - 20 นิวตนั
แทนค่า ใน (กจ2ค็ะไือ)ดแ้ รจงะเไสดีย้ ดทานfkFf )
ซ่ึง - ( - 20 ) = 20 นิวตนั
แรง F
ตอบ มีขนาด 20 นวิ ตัน

3-8-15

Fตัวอย่างท่ี 3 ถ้า cosθ  4
จากรปู จงหาขนาดของแรง F ทท่ี าให้วตั ถุเคลือ่ นท่ีอยา่ งสม่าเสมอ 5

 ตวั อยา่ งน้ี นกั เรียนตอ้ งมีความรู้เรื่องการแยกแรง
หาออกประของแรงดว้ ย และความรู้เรื่อง ตรีโกณ
และ
เขFียyน=แรงFที่กsรiะnทาต่อวตั ถุหนกั 45 นิวตัน ดงั ภาพต่อไปนี้
45 N

นักเรยี นจะkต=้องว32าดรูป
f Fk=
m g  Fx = F cos 

2 N
3

วิธีคดิ เมดอื่งั นวัตนั้ ถเุ คล่ือนท่ดี ว้ ยความเรว็ คFงที่ แสดงวา่ วตั ถยุ งั คงรักษาสภาพเดิมได้
= 0

แในลแะนเรวาแจกะนต้อxงหาใ,นแต่ละแFนxวแ+กนfดังนFxี้ = 0
= 0

F cos  - f = 0

4 F cos  =f , ( fk = kN )
5 2 …………… ( 1 )
แทนคา่ F ( ) = ( 3 )N
ในแนวแกน y N + m =
,  Fy 0

Fy + g =0

F sin  + N - mg = 0

N = mg - F sin 
= 3
แทนคา่ N (45) - F ( 5 ) …………… ( 2 )
=
แทนค่า N จาก ( 2 ) ใน ( 1 ) 4 = 2 3
5 = 3 5
F ( ) = ( )( 45 - F ( ) )

F ( 4 ) 30 - F ( 2 )
5 5
4 2
( 5 )F + ( 5 )F 30

6F (5)(30)

3-8-16

ตอบ ขนาดของแรง F F = 25 N เท่ากับ 25 นวิ ตนั
ท่ที าให้วตั ถุเคลอ่ื นที่อย่างสม่าเสมอ

ตัวอยา่ งที่ 4 วัตถมุ วล 10 กิโลกรัม ไถลลงตามพ้ืนเอียงดว้ ยความเรว็ คงที่ จงหาสมั ประสทิ ธคิ์ วามเสียดทาน
จลน์ ระหวา่ งวัตถมุ วลนก้ี ับพื้นเอยี งซึง่ ทามุมกบั แนวระดบั 37 องศา ถา้ sin 37 = 0.6 และ cos 37 = 0.8

W W
Wcos37
fN
Wsin37 fN 37 N
37

จากรูป คดิ ในแนวแกนระดับกบั พ้ืนเอียง จะไfด้ W( sinFx = 0 )
37
+ =0

f + (- Wsin37 ) = 0

f - ( 100 )(0.6 ) =0

f = 60 นิวตัน

จาก f =  N

แทนค่า ( Fy 60 0 ) =  N ……….. ( 1 )
คดิ ในแนวแกนตง้ั ฉากกับพน้ื เอยี ง จะได้ W = = 0
cos
N + 37

N +(- W1cos 37) = 0
N - ( 100 )( 0.8 ) = 0

N = 80

แทนคา่ N จากสมการ ( 1 ) จะได้ 60 =  ( 80 )
= 3=
4 0.75

ตอบ สมั ประสิทธค์ิ วามเสียดทานจลน์ ระหวา่ งวตั ถุมวลนีก้ ับพน้ื เอยี ง = 0.75

3-8-17

ตวั อย่างที่ 5 จากรูป w1 = 4 N , w2 = 8 N ส.ป.ส. ความเสียดทานทุกผวิ สมั ผัสเท่ากับ 0.25 จงหาแรง F ที่ทาให้ W2
เคลือ่ นท่ดี ้วยความเร็วคงท่ี
W1
วธิ ที า ผจาลกรโวจมทขยอ์ งถแา้ รวงัตทถี่กเุ รคะลท่ือานตท่อ่ดี ว้วัตยถคุเทวาา่ มกเับรศ็วคูนงยท์ ีแ่( สดงวFา่ = 0 ) W2 F F

และ จะต้องมีแรงกระทาต่อ W2 ทีเ่ กFดิ ข้ึนรfะห=ว่างผวิ ส0ัมผสั ซง่ึ ไดแ้ ก่แรงเสียดทาน ( f )
จะได้
W1 F
ถ้าหาเฉพาะขนาดจะได้ F+(- f ) = 0

F=f W2
ถ้าหาขนาดของแรง f ได้ กจ็ ะได้คา่ ของแรง F

f = N , N = W1 + W2

f = ( 0.25 )( 4+8 )

f = 3.00 N

ดงั น้ันแรงท่จี ะทาให้ W2 เคล่อื นที่ดว้ ยความเร็วคงท่ี มคี ่า เท่ากับ 3 นวิ ตัน ( เพราะ F = f )

ตวั อย่างท่ี 6 จากรปู w1 = w2 = 100 N จงหาคา่  เมอ่ื วตั ถเุ รม่ิ เคลอ่ื นที่

W2

W1

วิธที า 37

พิจารณาท่ีวัตถุ w1 จะได้ ดงั รูป T

W1 W1cos37
W1sin37fN 37 N

3-8-18

จากรปู คิดในแนวแกนระดับกับพน้ื เอียง จะได้ ( Fx = 0 )

ถา้ หาเฉพาะขนาดจะได้ T + f +(- W1sin ) = 0

T + f - W1sin = 0
W1sin
T+f = W1sin

T+ N Fy = …… ( 1 )
จะได้ ( 0)
คิดในแนวแกนตง้ั ฉากกับพ้ืนเอียง =

ถ้าหาเฉพาะขนาดจะได้ N +(- W1cos ) =0
= W1cos
N …… ( 2 )

แทนค่า N จากสมการ ( 2 ) ในสมการ ( 1 ) จะได้

T +  W1cos = W1sin ………( 3 )
W2
พจิ ารณาท่วี ตั ถุ w2 จะได้ ดังรูป T

f ( Fx = 0N)
จากรปู คิดในแนวแกนระดบั กบั พ้นื เอียง จะได้

ถา้ หาเฉพาะขนาดจะได้ T + (- f) = 0

T =f

T ( Fy = N ………..( 4 )
คิดในแนวแกนต้งั ฉากกบั พื้นเอียง จะได้ =
0 )

ถ้าหาเฉพาะขนาดจะได้ N +(- W2 ) = 0

N = W2 ….…… ( 5 )

แทนค่า N จากสมการ ( 5 ) ในสมการ ( 4 ) จะได้

T =  W2 ………( 6 )
แทนคา่ T จากสมการ ( 6 ) ในสมการ ( 3 ) จะได้

แทนค่า  W2 +  W1cos 4 = W1sin (100)( 3 )
 ( 100 )+  (100)( 5 ) = 5

180  = 60
1
 = 3

ดงั นั้นค่า  เม่อื วัตถเุ ริ่มเคล่ือนที่ มคี ่าเท่ากบั 1 ตอบ
3

3-8-19

ตวั อยา่ งท่ี 7 จากรูปมวล m1 และ m2 ผูกกนั ด้วยเชือกผ่านรอกลืน่ ท่ยี อดพื้นเอียง ท่ีมคี วามฝืด m1 มีคา่
1.0 กิโลกรัม m2 มีคา่ 0.4 กิโลกรัม ถา้ มวลทั้งสองกาลังเคลื่อนทีด่ ้วยความเร็วคงที่ จงคานวณคา่

สัมประสทิ ธิ์ความเสยี ดทานจลนร์ ะหว่างพ้นื เอยี งกับมวล m1 กาหนดให้ sin 37 = 0.6 และ cos 37 =
0.8

วธิ ีทา จพะจิไดา้รณาTTทTี่ม-วF+ลmmm2=g22กาgลmังเ2คg===ลอ่ื นที่ข้ึน000ดว้ =ยค(วา0ม.4เร)ว็(ค1ง0ท)่ี mแ2สTด=mง2วg่า4
สมดุล

m1 m2
37

N

T พจิ ารณาแทนี่มววขลนmานm1ก1บักgพาลนื้ sงั iเnเอค3ียล7งอ่ื น+ทTจี่ละงดไ+ด้ว้ยfคว+ามเ=ร็วคง0Fทxี่ แสดงว่า สมดุล
m1 =0

m1g sin 37 37 m1g sin 37 3 m1gsin37 –T - f =0
f )–(4) = จะได้ f = 2 นิว
( 1.0 )( 10 )( f
m1g N 5
ตนั
4
แต่ f =  N หาคา่ N ไดจ้ าก N = m1g cos 37 = ( 1.0 )(10) ( 5 )= 8 นิวตนั

แทนค่า N = 8 นวิ ตนั ในสมการ f =  N จะได้  = 2 = 0.25 ตอบ
8

3-8-20

แบบฝกึ ทกั ษะท่ี 8
เรือ่ ง การประยุกตใ์ ช้กฎการเคล่ือนทข่ี องนิวตัน

ช่ือ..........................................................………………….. ช้ัน ม. 4 /......…. ……….เลขท่ี............….

1. วางวตั ถุ มวล 15 , 20 และ 25 กโิ ลกรัม ท่ีมีเชือกเบาผูกตดิ ดังรูป เมื่อออแรง 240 นวิ ตนั ดงึ มวล 25

กิโลกรัม จงหาความเรง่ ของมวลทกุ ก้อน , แรงตงึ เชอื ก T1 และ T2 เมอ่ื สมั ประสิทธิ์ความเสียดทานเท่ากบั 0.2
( 2 m/s2 , 140 N , 60 N
แรตงาม24ล0าดนับิวต) นั
25 kg T1 20 kg T2 15 kg

2. จากรูป จงหาความเร่งของมวลทัง้ สองกอ้ น และแรงตงึ ในเส้นเชือกท่ีผูกมวลท้ังสองนี้ และผิวสัมผสั ระหว่าง
พ้ืนเอยี งกบั มวลทั้งสองก้อนมีสัมประสิทธค์ิ วามเสียดทานเท่ากับ 0.1 เทา่ กัน

( 2.67 m/s2 , 47.33 N
ตามลาดับ )
5 kg
10 kg

37 53

3-8-21

1. ใหน้ ักเรียนเขียนแสดงความคิดเหน็ วา่ การทเี่ ราตอ้ งใช้แรงที่มีขนาดต่างๆกัน เพื่อให้วตั ถุเคล่อื นท่ีไปบน
พ้นื ผวิ ของอีกวัตถุหน่งึ เพราะผวิ วัตถุทสี่ ัมผสั กัน จะมีแรงนเ้ี กิดข้ึนเม่ือไร เรียกแรงนวี้ า่ อะไร และแรงน้ีข้นึ อยู่
กบั อะไรบา้ ง

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
2. ความคิดเหน็ ของกลุม่ เห็นว่า การท่ีเราต้องใช้แรงท่ีมขี นาดตา่ งๆกัน เพอื่ ให้วัตถุเคล่ือนท่ีไปบนพ้นื ผวิ ของอีก

วัตถหุ น่งึ เพราะผวิ วตั ถุท่สี มั ผัสกัน จะมีแรงนเ้ี กิดข้ึนเมื่อไร เรยี กแรงนี้วา่ อะไร และแรงน้ีข้นึ อยูก่ ับอะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3. ความคิดเหน็ ท่นี ักเรียนและครูรว่ มกันอภิปรายสรปุ เห็นวา่ การท่ีเราต้องใชแ้ รงทมี่ ขี นาดตา่ งๆกัน เพือ่ ให้
วัตถเุ คลอื่ นท่ีไปบนพื้นผวิ ของอกี วัตถุหนง่ึ เพราะผิววตั ถทุ ส่ี มั ผสั กนั จะมแี รงนีเ้ กิดขึ้นเม่ือไร เรียกแรงนวี้ ่า
อะไร และแรงน้ีขน้ึ อย่กู ับอะไรบ้าง

…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………….

3-8-22

1. ใหน้ ักเรียนสรุปสาระสาคัญทีไ่ ดจ้ ากการสืบคน้ ข้อมูล ลงในสมดุ บันทึก
1. แรงเสยี ดทาน
2. ชนิดของแรงเสียดทาน
3. สัมประสิทธข์ิ องความเสยี ดทาน
4. ประโยชนแ์ ละโทษของแรงเสียดทาน

2. ให้นักเรียนเตมิ คา หรือข้อความลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง
คาถาม
1. แรงเสยี ดทาน คอื …………………………………………………….แทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ …………………
2. แรงเสียดทาน มี …… ชนดิ คือ ………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………มีหนว่ ยเปน็ …………………………….
3. แรงเสยี ดทาน จะมีทศิ ตรงข้ามกบั ………………………………………………………. เสมอ
4. ส่ิงทีม่ ีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน คือ ……………………………………………………………………..
5. สมการของแรงเสยี ดทาน เขยี นดงั นี้ …………………………………………………………………………
6. คา่ คงทีร่ ะหว่างผิวสัมผสั ของวัตถุ ค่หู นง่ึ ๆ เรยี กวา่ ………………………………………………………….
7.  ในเรือ่ งแรงเสียดทาน อ่านว่า ……………. ใชแ้ ทน ……………………………………………………...
8. แรงเสียดทาน ที่เกดิ ขึ้นในขณะทีว่ ตั ถุยงั ไม่เคล่ือนท่ี เรียกว่า …………………………………………………ค่าของแรงน้ี

จะมีคา่ คงทีห่ รือไม่ …………. คา่ จะมากทีส่ ุดเม่อื ไร …………………………………………..
9. แรงเสยี ดทาน ท่ีเกิดข้ึนในขณะทว่ี ตั ถุกาลังเคลอ่ื นท่ี เรียกว่า …………………………………………………
10. จากข้อ 8. แรงน้แี ทนด้วยสญั ลักษณ์ ……………………. จาก ขอ้ 9. แรงน้ีแทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ ……………

3-8-23

11. วตั ถุหนึ่งมวล 10 กิโลกรัม วางบนพ้ืน เมื่อออกแรงกระทา 80 นิวตันขนานกับพื้น จะทาให้วัตถุเริ่มเคล่ือน
ได้พอดี ถา้ ออกแรง 90 จะเกิดความเร่ง 1.5 เมตรต่อ(วินาที)2 จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต และ

สัมประสทิ ธ์ิความเสยี ดทานจลน์

วธิ ีทา 1. หาสัมประสทิ ธ์คิ วามเสียดทานสถิต ( S )

เมื่อวัตถุเริ่มเคล่ือนท่ีได้พอดแี สดงว่า F = 0

F = fS

…… = SN , N = mg = 100 N

S = …………… ตอบ

2. หาสัมประสิทธค์ิ วามเสยี ดทานจลน์ ( k )

เมือ่ วตั ถเุ คลื่อนทแ่ี สดงว่า F = ma

F - fk = ma

…… - kN = ( ….. )(…….)

k = ……………. ตอบ

12. วตั ถุหนึ่งมวล 10 กิโลกรัม วางบนพ้ืน เม่ือออกแรงกระทา 80 นิวตันขนานกับพ้ืน จะทาให้วัตถุเร่ิมเคลื่อน
ได้พอดี ถ้าออกแรง 90 จะเกิดความเร่ง 1.5 เมตรต่อ(วินาที)2 จงหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิต และ

สัมประสิทธิ์ความเสียดทานจลน์

วธิ ที า 1. หาสัมประสทิ ธคิ์ วามเสยี ดทานสถติ ( S )

เมื่อวตั ถุเร่ิมเคลือ่ นท่ีไดพ้ อดีแสดงว่า F = 0

F = fS

…… = SN , N = mg = 100 N

S = …………… ตอบ

2. หาสมั ประสทิ ธคิ์ วามเสียดทานจลน์ ( k )

เมื่อวตั ถุเคล่อื นที่แสดงวา่ F = ma

F - fk = ma

…… - kN = ( ….. )(…….)

k = ……………. ตอบ

3-8-24

1. สัมประสทิ ธริ์ ะหวา่ งวตั ถุ A กบั พนื้ หน่งึ เป็นดังนี้ S = 0.4 , k = 0.3 ตามลาดับ ถ้ามแี รง 70 นวิ ตัน
มากระทา วัตถุ A จะเปน็ อย่างไร เมอ่ื แรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถุ A ขนานกับพื้น และวัตถุ A มีมวล 20 กิโลกรัม

( เคล่ือนท่ีดว้ ยความเร่ง = 0.5
m/s2 )

2. วางวตั ถุมวล 25 กิโลกรมั บนพืน้ ทมี่ ีสัมประสิทธคิ์ วามเสียดทาน 0.5 ด้วยแรง 400 นวิ ตัน ทามุม 37 องศา
( 15.8 m/s2
กบั แนวระดบั จงหาความเรง่ ทเ่ี กิดขึ้นกับวัตถุน้ี

)

3. จากรูป เม่อื มีแรง 100 นวิ ตัน กระทาต่อวัตถุมวล 25 กโิ ลกรัม และ มวล 15 กโิ ลกรัม ทีว่ างตดิ กนั จงหา
( 2.5 m/s2 )
ก. ความเร่งของมวลทงั้ สอง

ข. แรงกระทาระหว่างมวลทงั้ สอง ( 37.5 N )

ค. ถ้าแรง 10 นิวตนั กระทาต่อมวล 15 กโิ ลกรัม แรงระหวา่ งมวลทงั้ สองเป็นเท่าไร ( 62.5 N )

100 นิวตนั 25 กิโลกรัม 15 กิโลกรัม

4. วางวตั ถุ 5 กิโลกรัม บนพื้นเอียงทเี่ อยี งทามุม 37 องศากับแนวระดับ ปรากฏวา่ ไถลลงมาดว้ ยความเรว็ คงที่

จงหาสัมประสิทธคิ์ วามเสียดทานระหว่างพืน้ เอยี งกบั วตั ถุนี้ ( 0.75

)

3-8-25

แผนผงั มโนทศั น์ท่ี 8
องคค์ วามรู้เร่อื ง การประยกุ ตใ์ ชก้ ฏการเคลื่อนทข่ี องนิวตัน

เจ้าของผลงาน ชอ่ื ……………………………………………………ชั้น……………..เลขท…่ี …….


Click to View FlipBook Version