การอา่ นทานองเสนาะ
เอื้อนจติ ร สมั มา
ความหมายของการอา่ นทานองเสนาะ
วธิ ีการอา่ นออกเสยี งอยา่ งไพเราะ
ตามลลี าของบทรอ้ ยกรอง
ประเภทโคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน
พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
พเิ ราะ
ไพเราะ เพราะ เสนาะ. (ข. พเี ราะ).
วา่ ตามตวั หนงั สอื , ถา้ ออกเสยี งดว้ ย เรียกวา่ อา่ นออกเสียง, ถา้ ไมต่ อ้ งออกเสียง เพราะ เสนาะ น่าฟงั . (แผลงมาจาก พเิ ราะ).
เรียกวา่ อา่ นในใจ
วธิ ีการอา่ นออกเสยี งอยา่ งไพเราะ
ทว่ งทานอง คาประพนั ธ์ /แตง่ หนงั สอื ดใี หม้ คี วามไพเราะ, เรยี บ
เรียงถอ้ ยคาใหเ้ ป็ นระเบียบตามบญั ญตั แิ หง่ ฉนั ท
ตามลีลาของบทรอ้ ยกรอง ลกั ษณ์.
ทว่ งทานอง - ลลี าทเี่ ป็ นไปตามจงั หวะหรือทานอง.
ประเภทโคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน
ทมี่ า : พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
โอกาสทใี่ ชใ้ นการอา่ นทานองเสนาะ
➢ ใชใ้ นการจดั การเรยี นรภู้ าษาไทยสาระที่ ๕
วรรณคดแี ละวรรณกรรม
➢ ใชใ้ นกจิ กรรมตา่ ง ๆ อาทิ การประกวด
การแสดง การอา่ นบทอาศริ วาท ฯลฯ
➢ ใชส้ าหรบั การทอ่ งบทอาขยาน
บทอาขยานบทหลกั
บทอาขยานทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนดให้
นั ก เ รี ย น ท่ อ ง จ า เ พื่ อ ค ว า ม เ ป็ น อัน ห น่ึ ง
อนั เดียวกนั ท่วั ประเทศ ส่วนใหญ่คดั เลือกจาก
ว ร ร ณ ค ดี ที่ ก า ห น ด ใ ห้ เ รี ย น ต า ม ป ร ะ ก า ศ
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
บทอาขยานบทเลือก
บทอาขยานที่กาหนดให้นกั เรียนเลือกท่องตามความสนใจ
มิไ ด้เ ป็ น ก า ร บัง คับ โ ด ย อ า จ เ ลื อ ก ท่อ ง จ า ก บ ท อ า ข ย า น ที่
กระทรวงศึกษาธิการคดั เลือกไว้ หรือบทประพนั ธ์ที่ครูผู้สอน
แนะนาเพม่ิ เตมิ หรือเป็ นบทอาขยานทีน่ กั เรียนชอบ นกั เรียนแตง่
ขน้ึ เอง หรือผปู้ กครองผมู้ คี วามสามารถในทอ้ งถนิ่ แตง่ ขน้ึ ก็ได้
การทีน่ กั เรียนรูจ้ กั คดั เลือกบทประพนั ธ์ทีม่ ีคณุ คา่ และทอ่ งจา
ไว้ใช้ประโยชน์ ย่อมแสดงถึงความเป็ นผู้รู้จกั คิด ความเป็ นผู้มี
เหตุผล มีสุนทรียรสทางภาษา ทาให้นกั เรียนภูมิใจในการท่องบท
อาขยานมากขน้ึ
บทอาขยานบทหลกั
ชน้ั ประถมศกึ ษาชน้ั ปี ที่ ๑
แมวเหมยี ว
แมวเอย๋ แมวเหมยี ว รูปรา่ งประเปรยี วเป็ นนกั หนา
รอ้ งเรียกเหมยี วเหมยี วเดยี๋ วก็มา เคลา้ แขง้ เคลา้ ขาน่าเอ็นดู
รจู้ กั เอารกั เขา้ ตอ่ ตง้ั คา่ คา่ ซา้ น่งั ระวงั หนู
ควรนบั วา่ มนั กตญั ญู พอดอู ยา่ งไวใ้ สใ่ จเอย
นายทดั เปรียญ
บทอาขยานเลือก
ชน้ั ประถมศกึ ษาชน้ั ปี ที่ ๑
นี่ของของเธอ
นี่ของของเธอ น่นั ของของฉนั
มนั สบั เปลยี่ นกนั ฉนั คนื ใหเ้ ธอ
นีข่ องของเธอ ทที่ าตกไว้
ฉนั นี้เก็บได้ นามาใหเ้ ธอ
ฉนั ท์ ขาวไิ ล แตง่ (บทอาขยานบทเลอื ก)
คนไทยนี้ดี รกั เมืองไทย
เมอื งไทยเมอื งทอง
คนไทยเขม้ แข็ง เป็ นพีเ่ ป็ นน้อง
รกั ชาตยิ ง่ิ ใหญ่ เป็ นของคนไทย
ธงไทยไตรรงค์ รว่ มแรงรว่ มใจ
ทง้ั สามสง่ิ นี้ ไทยสามคั คี
สแี ดงคอื ชาติ เป็ นธงสามสี
น้าเงนิ งามตา เป็ นทบี่ ชู า
สขี าวศาสนา
พระมหากษตั รยิ ์ไทย
ตง้ั ไขล่ ม้ ตม้ ไขก่ นิ
ตง้ั เอย๋ ตง้ั ไข่ จะตง้ั ไยไขก่ ลมก็ลม้ สน้ิ
ถงึ วา่ ไขล่ ม้ จะตม้ กนิ ถา้ ตกดนิ เสยี ก็อดหมดฝี มอื
ตง้ั ใจเรานี้จะดกี วา่ อตุ สา่ หอ์ า่ นเขยี นเรยี นหนงั สอื
ทง้ั วชิ าสารพดั เพยี รหดั ปรือ อยา่ ดงึ ดอ้ื ตง้ั ไขร่ ่าไรเอย
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ
บทอาขยานบทหลกั
ชน้ั ประถมศกึ ษาชน้ั ปี ที่ ๒
กาดา
กาเอย๋ กาดา รจู้ ารจู้ กั รกั เพือ่ น
ไดเ้ หยอื่ เผอื่ แผไ่ มแ่ ชเชือน รบี เตอื นพวกพอ้ งรอ้ งเรียกมา
เกลือ่ นกลมุ้ รมุ ลอ้ มพรอ้ มพรกั น่ารกั น้าใจกระไรหนา
การเผอื่ แผแ่ น่ะพอ่ หนูจงดูกา มนั โอบอารรี กั ดนี กั เอย
ดอกสรอ้ ยสภุ าษิต
v1
บทอาขยานเลือก
ชน้ั ประถมศกึ ษาชน้ั ปี ที่ ๑
สักวา
สกั วาหวานอนื่ มหี มนื่ แสน ไมเ่ หมอื นแมน้ พจมานทหี่ วานหอม
กลน่ิ ประเทยี บเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจติ โน้มดว้ ยโลมลม
แมล้ อ้ ลามหยามหยาบไมป่ ลาบปลื้ม ดงั ดดู ดมื่ บอระเพ็ดตอ้ งเข็ดขม
ผดู้ ไี พรไ่ มป่ ระกอบชอบอารมณ์ ใครฟงั ลมเมนิ หน้าระอาเอย
พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดนิ ทร์ไพศาลโสภณ
ไกแ่ จ้
ไกเ่ อย๋ ไกแ่ จ้ ถงึ ยามขนั ขนั แซก่ ระชน้ั เสยี ง
โกง่ คอเรอื่ ยรอ้ งซอ้ งสาเนียง ฟงั เพยี งบรรเลงวงั เวงดงั
ถา้ ตวั เราเหลา่ นี้หม่นั นึก ถงึ คณุ ครูผฝู้ ึ กสอนส่งั
ไมม่ ากนกั สกั วนั ละสองครง้ั คงตง้ั แตส่ ขุ ทกุ วนั เอย
หมอ่ มเจา้ ประภากร ดอกสรอ้ ยสภุ าษิต
ความดคี วามช่วั
ปลกู ตน้ ขา้ วเกดิ เมล็ดขา้ วดงั เขาวา่ ปลกู ถ่วั งาเกดิ ถ่วั งาเป็ นแมน่ ม่นั
ปลกู อยา่ งไรไดผ้ ลอยา่ งเดยี วกนั ตามพชื พนั ธ์หุ วา่ นลงจงเขา้ ใจ
แมค้ วามช่วั ปลูกลงคงไดช้ ่วั ความดคี งไมก่ ลว้ั คมุ้ ตวั ได้
ปลกู ความดผี ลดมี ที ่วั ไป ความช่วั ไซรอ้ ยา่ ปลกู เป็ นถูกเอย
หมอ่ มเจา้ พจิ ติ รจริ าภา เทวกลุ
บทอาขยานบทหลกั
ชน้ั ประถมศกึ ษาชน้ั ปี ที่ ๓
เดก็ น้อย
เด็กเอย๋ เด็กน้อย ความรเู้ รายงั ดอ้ ยเรง่ ศกึ ษา
เมอื่ เตบิ ใหญเ่ ราจะไดม้ วี ชิ า เป็ นเครอื่ งหาเล้ียงชีพสาหรบั ตน
ไดป้ ระโยชน์หลายสถานเพราะการเรยี น จงพากเพียรไปเถดิ จะเกดิ ผล
ถงึ ลาบากตรากตราก็จาทน เกดิ เป็ นคนควรหม่นั ขยนั เอย
ดอกสรอ้ ยสภุ าษิต
ตวั อยา่ งการอา่ นทานองเสนาะ
ของนกั เรียน
ชน้ั ประถมศกึ ษาปี ที่ ๒
กาดา รักษาปา่
ชน้ั ประถมศกึ ษาปี ที่ ๓
เด็กน้อย เด็กน้อย ๒ วชิ าหนาเจา้
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
ฉนั ทลกั ษณ์ จงั หวะ
อกั ขรวธิ ี
เสยี งวรรณยกุ ต์ ทานอง
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
ฉนั ทลกั ษณ์ ตอ้ งรลู้ กั ษณะแบบแผนของ
คาประพนั ธ์ประเภทรอ้ ยกรอง
และบอกชือ่ คาประพนั ธ์ได้
โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน
และรา่ ย
ฝนตกแดดออก วชิ ชุมมาลาฉนั ท์
ฝนตกแดดออก นกกระจอกแปลกใจ
โผผนิ บนิ ไป ไมร่ หู้ นทาง
ไปพบมะพรา้ ว นกหนาวครวญคราง
พีม่ ะพรา้ วใจกวา้ ง ขอพกั สกั วนั
ฝนตกแดดออก นกกระจอกพกั ผอ่ น
พอหายเหนื่อยออ่ น บนิ จรผายผนั
ขอบใจพีม่ ะพรา้ ว ถงึ คราวชว่ ยกนั
น้าใจผกู พนั ไมล่ มื บุญคณุ
วชิ ชมุ มาลาฉนั ท์ ๘
แรมทางกลางเถือ่ น หา่ งเพอื่ นหาผู้
หนึ่งใดนึกดู เห็นใครไป่ มี
หลายวนั ถ่นั ลว่ ง เมืองหลวงธานี
นามเวสาลี ดมุ่ เดาเขา้ ไป
ผกู ไมตรจี ติ เชงิ ชดิ ชอบเชือ่ ง
กบั หมชู่ าวเมอื ง ฉนั ทอ์ ชั ฌาสยั
เลา่ เรอี่ งเคอื งขนุ่ วา้ วุน่ วายใจ
จาเป็ นมาใน ดา้ วตา่ งแดนตน
(สามคั คเี ภทคาฉนั ท์ : นายชติ บรุ ทตั )
รกั เมอื งไทย กลอนสี่
คนไทยนี้ดี เป็ นพีเ่ ป็ นน้อง
เมอื งไทยเมอื งทอง เป็ นของคนไทย
คนไทยเขม้ แข็ง รว่ มแรงรว่ มใจ
รกั ชาตยิ ง่ิ ใหญ่ ไทยสามคั คี
ธงไทยไตรรงค์ เป็ นธงสามสี
ทง้ั สามสง่ิ นี้ เป็ นทบี่ ชู า
สแี ดงคอื ชาติ สขี าวศาสนา
น้าเงนิ งามตา พระมหากษตั รยิ ์ไทย
สามกรุง กาพยส์ รุ างคนางค์ ๓๒/กาพยธ์ นญั ชยางค์
ฝ่ ายทพั เรอื พมา่ เลยี บฝ่งั เขา้ มา
ยดึ เมอื งตะก่วั ป่ า ตะก่วั ทงุ่ ตามทาง
แลว้ ขา้ มสเู่ กาะ มงุ่ เหมาะเมอื งถลาง
เคราะห์ดมี นี าง พนี่ ้องนารี ฯ
เจา้ เมอื งมว้ ยมรณ์ ลงไปเสียกอ่ น
ทที่ พั สาคร ขา้ มมาราวี
แตค่ ณุ หญงิ จนั ไมพ่ ร่นั ไพรี
นางมกุ ภคนิ ี อยดู่ ว้ ยชว่ ยกนั ฯ
•
สามกรุง : พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.)
กาพยส์ รุ างคนางค์ ๓๒ /กาพย์ธนญั ชยางค์
กาพย์หนึ่งนามอา้ ง สุรางคนางค์
กาหนดบทวาง สามสบิ สองคา
บทหนึ่งแปดวรรค เป็ นหลกั พงึ จา
วรรคหนึ่งสคี่ า แนะนาวธิ ี
โบราณวางกฎ หากแตง่ หลายบท
จาตอ้ งกาหนด บญั ญตั จิ ดั มี
วรรคสคี่ าทา้ ย ตอ้ งใหถ้ กู ที่
สมั ผสั กนั ดี ทา้ ยบทตน้ แล ฯ
(หลกั ภาษาไทย : กาชยั ทองหลอ่ )
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
อกั ขรวธิ ี* น. วธิ ีเขยี นและอา่ นหนงั สอื ใหถ้ กู ตอ้ ง,
ชอื่ ตาราไวยากรณ์ตอนทวี่ า่ ดว้ ยตวั อกั ษร
การอา่ น การเขยี น และการใชต้ วั อกั ษร.
*อกั ขรวธิ ี
วจวี ภิ าค
วากยสมั พนั ธ์
ฉนั ทลกั ษณ์
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
อกั ขรวธิ ี
ออกเสยี งพยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์
ใหถ้ ูกตอ้ งและชดั เจนตามอกั ขรวธิ ี
เชน่ เสยี ง /ร/ /ล/ /ท/ /ต/ /ป/ /พ/ หรอื
อกั ษรควบและอกั ษรนา
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
อกั ขรวธิ ี
อา่ นคาถูกตอ้ ง
๑. อา่ นคาตามทรี่ าชบณั ฑติ ยสถานกาหนดใหอ้ า่ น
จกั จ่นั เรไรร่ารอ้ ง อา่ นวา่ จกั - กะ – จ่นั
สพั ยอกยอดไมไ้ ปลวิ่ ลอ่ ง อา่ นวา่ สบั - พะ – ยอก
๒. อา่ นคาแบบเออ้ื สมั ผสั ใน เพือ่ ใหไ้ ดร้ สสมั ผสั คา
คดิ ถงึ บาทบพติ รอดศิ ร อา่ นวา่ อะ – ดดิ – สอน
สนิ สมทุ รสดุ คดิ ถงึ บดิ า อา่ นวา่ บดิ – ดา
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
อกั ขรวธิ ี อา่ นแบบอกั ษรนา
❖นกปรอดออดออ้ นพลอดรกั [ปะ-หรอด]
❖ สกณุ าสง่ เสยี งดงั ขรม [ขะ-หรม]
ปอด รอด = ปรอด [ปะ-หรอด]
ขม รม = ขรม [ขะ-หรม]
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
อกั ขรวธิ ี อา่ นแบบเออื้ สมั ผสั ใน
❖ เป็ นสง่ิ ของฉลองคณุ มลุ กิ า [มนุ -ล-ิ กา]
❖ ดมู วั มนมดื มดื ทกุ ทศิ า [ทดิ -สา]
❖ ขา้ ขอเคารพอภวิ นั ท์ [อบ-พ-ิ วนั ]
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
เสยี งวรรณยกุ ต์
❖ ควรรวู้ า่ แตล่ ะคาทอี่ า่ นเป็ นเสยี งวรรณยกุ ต์ใด
❖ ตอ้ งมคี วามรูเ้ รือ่ งไตรยางศ์ คอื อกั ษรสงู
อกั ษรกลาง และอกั ษรต่า
❖ สามารถอา่ นไดต้ รงเสยี งวรรณยกุ ต์ทกี่ ากบั
เสียงวรรณยกุ ต์
เสียงวรรณยกุ ต์
โคลงโคลงโคลงโคล่งโคลง้ โคลงโขลง
โคลงโคลง่ โคลงโขลงโคลง โขล่งโขลง้
โคลงโคลงโขล่งโคลงโขลง โคลงโขลง่ โคลงโคลง
โคลงโคลง่ โคลงโคลงโคล้ง โขลง่ โคลง้ โขลงโขลง
(เหนือฝ่ังมหานที : เพญ็ ภคั ตะ)
โคลงดดั แปลงจากตน้ ฉบับ
โคงโคงโคงโค่งโค้ง โคงโขง
โคงโคง่ โคงโขงโคง โขง่ โขง้
โคงโคงโขง่ โคงโขง โคงโข่ง โคงโคง
โคงโคง่ โคงโคงโคง้ โข่งโคง้ โขงโขง
โคลงโคลงโคลงโขลง่ โขลง้ โคลงโคลง
โคลงโขล่งโคลงโคลงโขลง โคล่งโคล้ง
โขลงโคลงโคล่งโคลงโคลง โคลงโคล่ง
โคลงโขลง่ โขลงโคลงโคล้ง โขล่งโคล้งโคลงโขลง
(เหนือฝ่ังมหานที : เพ็ญ ภคั ตะ)
โคลงดัดแปลงจากต้นฉบบั
โคงโคงโคงโข่งโขง้ โคงโคง
โคงโข่งโคงโคงโขง โคง่ โคง้
โขงโคงโค่งโคงโคง โคงโค่ง
โคงโขง่ โขงโคงโค้ง โข่งโคง้ โคงโขง
แลเห็นเขาเงาเงอ้ื มชะงอ่ นชะโงก เป็นกรวยโกรกนา้ สาดกระเซน็ ซ่าน
โครมครึกกึกกอ้ งท้องพนานต์ พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรนิ ทร์
เป็นชะวากวุ้งเว้ิงตะเพงิ พกั แงช่ ะงกั เงื้อมชะงอ่ นลว้ นก้อนหนิ
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนลิ บ้างเหมือนกลนิ่ พรู่ ้อยหอ้ ยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศลิ าเผนิ ชะงักเงิน่ เง้ือมงอกชะแงห้ งาย
ท่ีหุบหว้ ยเหวหินบนิ่ ทลาย เปน็ วุง้ โวง้ โพรงพรายดลู ายพร้อย
บ้างเปน็ ยอดกอดกา่ ยตะเกะตะกะ ตะขรุตะขระเห้ียนหักเปน็ หินหอ้ ย
ขยกุ ขยกิ หยดหยอดเปน็ ยอดย้อย บา้ งแหลมลอยเลือ่ มสลบั ระยับยิบ
ขุนช้างขุนแผน
การใชศ้ าสตร์ในการอา่ นทานองเสนาะ
เสยี งวรรณยกุ ต์
เสยี งวรรณยุกต์ทสี่ าคญั ในการอา่ นทานองเสนาะ คอื
เสยี งจตั วาและเสยี งตรี
เสยี งจตั วาทอี่ ยทู่ า้ ยวรรคของคาประพนั ธ์ทกุ ประเภท ตอ้ ง
ใชศ้ ลิ ปะเออื้ นใหห้ างเสยี งสงู
เสยี งตรีทอี่ ยทู่ า้ ยวรรคของคาประพนั ธ์ ตอ้ งอา่ นใหต้ รง
เสยี ง ไมค่ วรหกั เสยี งลง