The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการเลี้ยงดูไก่ไข่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by patipol_p, 2022-09-28 12:31:51

การจัดการเลี้ยงดูไก่ไข่

การจัดการเลี้ยงดูไก่ไข่

การเลี้ยงไก่ไข่

ประวัติการเลี้ยงไก่ไข่
ในประเทศไทย

ในอดีตการเลี้ยงไก่ไข่ในประเทศไทย มีการเลี้ยงตามบ้านเล็กๆ น้อยๆ เพื่อกินเนื้อกิน
ไข่ คือ การเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติให้ไก่อาศัยตามใต้ถุนบ้าน ชายคา โรงนา และ
ต้นไม้ พันธุ์ไก่ที่เลี้ยงจะเป็นไก่พันธุ์พื้นเมือง เช่น ไก่แจ้ ไก่อู และไก่ตะเภา เป็นต้น

ในปี พ.ศ.2567 หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤษดากร ได้นำไก่พันธุ์เล็กฮอร์นมาเลี้ยงแบบทัน
สมัย เพื่อการค้าเป็นครั้งแรก แต่การเลี้ยงไก่ไม่พัฒนาเท่าที่ควร เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มี
วัคซีนและยาเพื่อป้องกันและรักษาโรคไก่

ในปี พ.ศ.2484 หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเจ้าหน้าที่
สัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ ได้ร่วมมือกันทดลองเลี้ยงไก่พันธุ์ต่างๆ ที่แผนกสัตว์เล็ก บางเขน แต่
พอมีไก่เต็มโรงเรือนและมีการแข่งขันไก่ไข่ดกเป็นทางการขึ้นเป็นครั้งแรก ก็เกิดสงครามมหา
เอเชียบูรพาขึ้น ทำให้การเลี้ยงไก่ไข่และไก่ไข่ดกต้องหยุดชะงักไประยะหนึ่ง

ต่อมาในปี พ.ศ.2492 ได้สั่งไก่พันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์แดง จากประเทศสหรัฐอเมริกาและ
พันธุ์ออสตราล็อปจากประเทศออสเตรเลีย เข้ามาทดลองเลี้ยงและส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยง
เป็นอาชีพ รวมทั้งได้สั่งไก่พันธุ์อื่นๆ เข้ามาเลี้ยง เช่น พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค พันธุ์นิวแฮมเชียร์
เป็นต้น และในปี พ.ศ.2489 นี้เองเป็นปีที่มีการตื่นตัวในการเลี้ยงไก่อย่างมาก เนื่องจาก
จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นและ จอมพลผิน ชุณหวัณ รัฐมนตรี
กระทรวงเกษตรและประธานกรรมการการส่งเสริมปศุสัตว์แห่งชาติ ให้การสนับสนุนและส่ง
เสริมการเลี้ยงไก่เป็นอย่างมาก

ต่อมาในราวปี พ.ศ.2494-2495 ได้มีการเลี้ยงไก่ลูกผสม เพื่อให้ได้ไข่ดกและทนทาน
ต่อสภาพดินฟ้าอากาศของเมืองไทย เชน พันธุ์ออสตราไวท์โร๊ดบาร์ เป็นต้น นอกจากนี้
องค์การอาหารและเกษตรขององค์การสหประชาชาติยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงไก่
และโรคไก่เข้ามาช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่
ในประเทศไทย อีกทั้งกรมปศุสัตว์ได้ทำการศึกษา ทดลอง และผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ในการ
เลี้ยงไก่ไข่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเลี้ยงไก่ไข่เริ่มเป็นที่ยอมรับของประชาชนมากขึ้น กลาย
เป็นอาชีพที่สำคัญของคนไทยในปัจจุบัน

การเลือกสถานที่ตั้ง
ฟาร์มเลี้ยงไก่

บริเวณที่ก่อสร้างโรงเรือนควรเป็นที่ดอน น้ำไม่ท่วม
อยู่ไม่ห่างจากแหล่งชุมชน เพื่อสะดวกในการซื้อปัจจัยการผลิตต่างๆ
การคมนาคมสะดวก เพื่อให้สามรถขนส่งวัตถุดิบต่างๆได้ง่าย
สถานที่กว้างขวาง สามารถขยายได้ในอนาคต
บริเวณนั้นไม่เคยเกิดโรคระบาดในสัตว์มาก่อน
มีแหล่งน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอ

มีระบบระบายน้ำสะดวก
มีแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมและสามารถป้องกันลมที่จะเกิดขึ้นได้
ไม่มีศัตรูรบกวน เช่น งู หนู
ใกล้แหล่งช่วยเหลือด้านการเงินและวิชาการ

องค์ประกอบการ
เลี้ยงไก่ไข่

พันธุ์ไก่ไข่ โรงเรือน

การจัดการดูแล

พันธุ์ไก่ไข่

ไก่ไข่พันธุ์แท้ (Egg type chickens)

ไก่พันธุ์เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร (Single Comb White Leghorn)

-เลี้ยงเพื่อให้ไข่เป็นหลัก
-มีขนาดเล็ก ขนสีขาว ให้ไข่ดก ให้ไข่เร็ว
-เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 4.5-5 เดือน
-ให้ไข่ปีละประมาณ 300 ฟอง
-ไข่เปลือกสีขาว

ไก่ไข่พันธุ์กึ่งเนื้อกึ่งไข่ (Dual purpose chickens)

ไก่พันธุ์โรดไอซ์แลนด์เรด (Rhode Island Red)

-ขนมีสีน้ำตาลแกมแดง
-ผิวหนังสีเหลือง หงอนจักร
-ให้ไข่เปลือกสีน้ำตาล
-เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 5.5-6 เดือน
-ให้ไข่ปีละประมาณ 280-300 ฟอง

ไก่ไข่พันธุ์กึ่งเนื้อกึ่งไข่ (Dual purpose chickens)

ไก่พันธุ์บาร์พลีมัทร็อค (Barred Plymouth Rock)

-ขนมีลายสลับสีขาวและสีดำเป็นลายขวาง
-หงอนจักร ผิวหนังมีสีเหลือง
-ให้ไข่เปลือกสีน้ำตาล
-เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 5.5 - 6 เดือน
-ให้ไข่ปีละประมาณ 260 ฟอง

ไก่พันธุ์ลูกผสม (Hybrid Breeds)

-เป็นสายพันธุ์ที่ให้ไข่ดกมากที่สุด
300-350 ฟองต่อปี
-หงอนจักร ผิวหนังมีสีเหลือง
-ให้ไข่เปลือกสีน้ำตาล
-เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 5.5 - 6 เดือน

ลักษณะไก่ไข่ที่ดี

ลักษณะ ไก่ที่ให้ไข่ดก ไก่ที่ให้ไข่ไม่ดก

ความลึกของลำตัว ลึกประมาณ 3-4 นิ้วมือ ลำตัวตื้นน้อยกว่า 3-4 นิ้วมือ
แข้ง เป็นเหลี่ยมเป็นมุม แข้งค่อนข้างกลม
หนัง
อ่อนนุ่ม บางและหลวม แข็ง หนา หยาบมีไขมันมาก
นัยน์ตา ไม่นูนเด่น ขุ่นมัว
ก้น นูนเด่น สดใส
เปียกชุ่ม ขยายใหญ่ ปลิ้นออกง่าย ไม่ค่อยเปียกชุ่ม ปลิ้นออกยาก
หงอนและเหนียง เล็ก ไม่สดใส และไม่ค่อยอ่อนนุ่ม
กระดูกเชิงกราน ใหญ่ แดงสดใส
อ่อนนุ่ม ชี้เข้าหากัน และหนา
หน้า อ้วน หนังที่หน้าหยาบ
เม็ดสี Pigment ชี้ตรง และกว้าง
ที่ปรากฎตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จะจางหายไป
เล็ก หนังที่หน้าไม่หยาบ น้อยกว่าจำนวนไข่ที่ควรจะได้
จะจาง

ไปตามจำนวนไข่ที่ได้

ลักษณะโรงเรือนที่ดี

ลักษณะโรงเรือนที่ดี

1. ป้องกันแดดอลมอฝนอและศัตรูต่างๆได้ดี 5. ระบายของเสียได้ดี มีพื้นลาดเอียงเล็กน้อย

2. อากาศถ่ายเทได้ดีไม่อับชื้น 6. สร้างง่ายราคาถูก และใช้วัสดุที่หาได้ในท้อง
3. สามารถรักาษาความสะอาดได้ง่าย น้ำไม่ท่วมขัง ถิ่น แข็งแรงทนทาน

4. สะดวกและประหยัดเวลาในการทำงาน

การเตรียมโรงเรือน

ขั้นตอนการเตรียมโรงเรือนและอุปกรณ์ 5.ทำการฉีดล้างทำคามสะอาดโรงเรือน

1.เก็บอุปกรณ์ เช่น รางน้ำ ถาดอาหาร เป็นต้น 6.พ่นยาฆ่าเชื้อในโรงเรือน ล้างอุปกรณ์และจุ่ม
2.เก็บมูลไก่และวัสดุรองพื้น น้ำยาฆ่าเชื้อ
3.ถางหญ้าวัชพืชรอบๆโรงเรือนออกให้หมด
4.ทำความสะอาดโรงเรือนเริ่มกวาดจากข้างบน 7.นำวัสดุรองพื้น เช่น เเกลบดิบ เป็นต้น มาปูพื้น
ผนังลงมาพื้น หนา 3 นิ้ว เเละนำอุปกรณ์เลี้ยงไก่เข้าโรงเรือน

8.พ่นยาฆ่าเชื้อรอบโรงเรือน เเละพักโรงเรือนรอ
รับไก่

การกกลูกไก่

การกกลูกไก่ คือการให้ความอบอุ่นแก่ลูกไก่โดยอาศัยความอบอุ่นจากหลอดไฟฟ้า หรือลวดร้อน
หรือเตาถ่าน เป็นต้น ซึ่งก็เปรียบเสมือน บริเวณใต้ปีกไก่ของแม่ไก่ที่คอยให้ความอบอุ่นแก่ลูก ๆ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการกกลูกไก่

การกกด้วยกล่องกระดาษ การกกโดยใช้แกลบเผา

เครื่องกกแบบโคม

เครื่องกกแก๊ส เครื่องกกไฟฟ้า

อุณหภูมิที่เหมาะสมในการกกลูกไก่

- สัปดาห์ที่ 1 อุณหภูมิ 95 °F - สัปดาห์ที่ 3 อุณหภูมิ 85 °F
- สัปดาห์ที่ 2 อุณหภูมิ 90 °F - สัปดาห์ที่ 4 อุณหภูมิ 80 °F

ลดอุณหภูมิของเครื่องกกลงสัปดาห์ละ 5 °F พร้อมยกเครื่องกกให้สูงขึ้นและขยายวงกกออก
ทุก 5-7 วัน เมื่อครบ 21 วันค่อย ๆ นำเครื่องกกออก ระยะ 2-3 วันแรก เปิดไฟให้สว่างตลอด 24
ชั่วโมง

ทั้งนี้การกกลูกไก่ไม่จำเป็นต้องใช้ปรอทวัดมากมาย จะใช้การสังเกตพฤติกรรมลูกไก่ก็ได้
หากพบว่าลูกไก่อยู่มุมใดมุมหนึ่งของเครื่องกกแสดงว่าลมโกรก หากลูกไก่ถอยห่างจากเครื่องกก
แสดงว่าลูกไก่ร้อนเกินไป พบว่าลูกไก่ลูกไก่มาสุมอยู่ใต้เครื่องกกแสดงว่าลูกไก่หนาว หากลูกไก่
กระจัดกระจายพอดีตลอดบริเวณกก แสดงว่าอุณหภูมิพอดี

การให้อาหารและน้ำ

การเลี้ยงดูไก่ไข่ระยะต่างๆ

ไก่ไข่เล็ก อายุ 0 - 6 สัปดาห์ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์
ไก่ไข่รุ่น อายุ 6 - 14 สัปดาห์ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์
ไก่ไข่สาว อายุ 14 - 20 สัปดาห์ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์
ไก่ระยะไข่ อายุ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์

ต้องการอาหารที่มีโปรตีนประมาณ
16 เปอร์เซ็นต์

ควรให้น้ำประมาณ กินอาหารวันละ
ครึ่งลิตรต่อวัน 100 - 110 กรัม
ไก่ระยะไข่ อายุ 20 สัปดาห์ขึ้นไป

อาหารลดต้นทุนค่าอาหารไก่ไข่

แหนแดง

ดำรงชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันกับสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกลุ่มไซยาโนแบคทีเรีย ที่
สามารถตรึงก๊าซไนโตรเจนได้ มีโปรตีนเป็นองค์ประกอบสูง 19-30% จึงถูกนำมาใช้
เป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนเสริมให้แก่สัตว์เลี้ยง เมื่อไก่กินจะ
ได้รับโปรตีนสูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้ออกไข่ได้ดี

อาหารลดต้นทุนค่าอาหารไก่ไข่

ต้นกล้วยหมัก

สูตรอาหารต้นกล้วยหมัก 5 วัน มีส่วนประกอบสำคัญได้แก่ ต้นกล้วยสั บ 30
กิโลกรัมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำอ้อย 1 กิโลกรัม ดินแดง 2 กิโลกรัม รำหย าบ 30
กิโลกรัม เกลือ 2 ช้อนแกง มูลวัวแห้ง 4 กิโลกรัม ปลายข้าว 1 กิโลกรัม ซึ่งอาหารสูตร
นี้ มีต้นทุนค่าอาหารเฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.32 บาท เท่านั้น

อาหารลดต้นทุนค่าอาหารไก่ไข่

หญ้าขน

หญ้าอาหารสัตว์ที่นิยมปลูกกันมาก เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ช่วยให้แม่
ไก่อารมณ์ดี ออกไข่สมบูรณ์ ไข่ดกมีคุณภาพดี เพราะหญ้าสดประกอบไปด้วยโปรตีน
วิตามินเอ แคลเซียมและกากใยอาหารธรรมชาติที่ช่วยในระบบขับถ่ายของไก่ ช่วยให้
ไก่โตไว แข็งแรง

อาหารลดต้นทุนค่าอาหารไก่ไข่

มะละกอสุก

ให้ไก่กินทั้งเมล็ดจะช่วยขับพยาธิได้ มะละกออุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ที่ช่วย
ยับยั้งโรคหวัด และทำให้ไก่หายป่วยได้เร็ว และยังช่วย ให้ระบบการย่อยของไก่ดีขึ้น
ไข่แดงขึ้น

การให้แสง

อายุ ระยะเวลาให้แสง
12 ชั่วโมง
ลูกไก่
0-6 สัปดาห์ 12 ชั่วโมง
เพิ่มแสงสัปดาห์ละครึ่ง ชั่วโมงจนครบ 4 ชั่วโมง
ไก่รุ่น
6-14 สัปดาห์ ในสัปดาห์ 20
16 ชั่วโมง
ไก่สาว
14-20 สัปดาห์

ไก่ไข่
20 สัปดาห์ขึ้นไป

ต้องการแสงประมาณ
16 ชั่วโมงต่อวัน

ให้เพิ่มตอนเช้า 1 ชั่วโมง
ตอนเย็น 3 ชั่วโมง

ไก่ระยะไข่ อายุ 20 สัปดาห์ขึ้นไป

การคัดไข่ไก่



ขั้นตอนการคัดไข่

1. ทำการเก็บไข่
2.ทำการขัดไข่ด้วยกระดาษทราย หากมีคราบหรือมีมูลไก่ติดบริเวณเปลือก
3.นำมาใส่เครื่องคัดขนาดไข่ โดยจะคัดจากน้ำหนักดังนี้
เบอร์ 0 คือ ไข่จัมโบ้ มีน้ำหนัก 70 กรัมขึ้นไป
เบอร์ 1 คือ ไข่ใหญ่พิเศษ มีน้ำหนัก 65-69 กรัม
เบอร์ 2 คือ ไข่ใหญ่ มีน้ำหนัก 60-64 กรัม
เบอร์ 3 คือ ไข่กลาง มีน้ำหนัก 55-59 กรัม
เบอร์ 4 คือ ไข่เล็ก มีน้ำหนัก 50-54 กรัม
เบอร์ 5 คือ ไข่จิ๋ว มีน้ำหนัก 45-49 กรัม
4. เครื่องคัดไข่จะทำการคัดไข่ โดยไข่ที่วางไว้จะกลิ้งตกลงมาในแต่ละช่องตามน้ำหนัก
ในแต่ละเบอร์ที่กำหนดไว้
5. ทำการวางลงในแผงไข่โดยเอาด้านป้านขึ้นและด้านแหลมลง



ส่วนประกอบของไข่ไก่



ประโยชน์ของไข่ไก่

โอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสายตา ช่วยในเรื่องของความจำ บำรุงสมองเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ความชรา ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ลดระดับ
คอเรสเตอรอลภายในร่างกาย
มีแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกในร่างกาย
มีธาตุเหล็ก ช่วยในเรื่องเม็ดเลือดแดง ลดภาวะโลหิตจาง เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย
อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ เต็มไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค
มีโปรตีนและกรดอะมิโน ช่วยสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะในร่างกาย
มีสารโคลีนและลูทีน สารโคลีนเป็นสารที่ดีต่อสมองและระบบประสาท เสริมสร้างให้ระบบประสาท
แข็งแรง ส่วนลูทีนมีส่วนช่วยเรื่องสายตา ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม

การจัดการสุขาภิบาล

การสุขาภิบาล

เป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันโรคและพยาธิไก่เพราะถ้าการสุขาภิบาลไม่ดีจะเป็นสาเหตุให้ไก่สุขภาพเลว
ลง ไม่แข็งแรงเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งมีข้อแนะนำดังนี้
1. ควรดูแลทำความสะอาดเล้าและภาชนะต่าง ๆ ที่วางไว้ในเล้าไก่และบริเวณใกล้เคียงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และ
อย่าปล่อยให้เล้าชื้นแฉะเพราะจะเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค
2. สร้างเล้าให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
3. กำจัดแหล่งน้ำสกปรกรอบ ๆ บริเวณบ้านเล้าไก่และใกล้เคียง
4. อาหารไก่ต้องมีคุณภาพดี อาหารที่กินไม่หมดให้ทิ้งอย่าปล่อยให้เน่าเสีย
5. มีน้ำสะอาดให้ไก่กินตลอดเวลา
6. ถ้ามีไก่ป่วยไม่มากนัก ควรกำจัดเสีย และจัดการเผาหรือฝังให้เรียบร้อยจะช่วยกำจัดโรคได้เป็นอย่างดี
7. อย่าทิ้งซากไก่ลงแหล่งน้ำเป็นอันขาด เพราะเชื้อโรคจะแพร่กระจายไปได้
8. กำจัดซากไก่โดยวิธีเผาหรือฝัง ไม่ควรนำไปจำหน่าย เพราะจะทำให้เกิดโรคแพร่ระบาดได้
9. วิธีป้องกันโรคอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราไม่ควรซื้อไก่สดจากตลาดหรือหมู่บ้านอื่นมากิน เพราะไก่พวกนี้อาจเป็นโรค
มาแล้วก็ได้
10. เมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้น เจ้าของไก่ควรติดต่อหารือกับสัตว์แพทย์โดยเร็ว

โรคและการป้องกัน

โรคไข้หวัดนก
(Avian Influenza = AI)

โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza = AI)

สาเหตุ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Avian Influenza virus type A

อาการของโรค
ไก่ที่ติดเชื้อไข้หวัดนกจะมีอาการซึม ขนยุ่ง และไม่กินอาหาร ถ่ายเหลวเป็นน้ำ

เริ่มจากสีเขียวสดแล้วเปลี่ยนเป็น สีขาว หงอนและเหนียงบวมและอาจมีสีคล้ำ
อาจมีอาการบวมบริเวณรอบตาและคอ หรือพบจุดเลือดออกจุดเล็กๆ บริเวณขา

โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza = AI)

การป้องกันโรค

แยกไม่ให้เป็ดไก่ที่เลี้ยงสัมผัสกับนกป่าโดยเฉพาะนกน้ำ ใช้มาตรการความ
ปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเข้มงวด เช่น ทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ
ภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปีกและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควบคุมหนูและแมลง

การรักษา

ไม่มีการรักษาโดยตรง ถ้าพบไก่เป็นโรคนี้มักจะทำลายทิ้ง

โรคไข้หวัดนก (Avian Influenza = AI)

โรคฝีดาษ (Fowl pox)

โรคฝีดาษ (Fowl pox)

สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัส Borreliota avium

อาการของโรค

แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอาการ คือ
1. ชนิดแห้ง (Dry pox) ไก่ป่วยจะหงอย ซึม ไม่กินอาหาร มีเม็ดตุ่มคล้ายหูดเกิด
ขึ้นที่ผิวหนัง
2. ชนิดเปียก (Wet pox) เกิดบริเวณพื้นผิวเนื้อเยื่อที่เปียกชุ่ม เช่น ในปาก ลิ้น
คอหลอดอาหาร กระเพาะพัก ถุงลม ภายในลำไส้เล็ก บริเวณขอบตา ฯลฯ


Click to View FlipBook Version