The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nsmu_it, 2024-03-12 04:58:26

รายงานผลกิจกรรมการจัดการความรู้ ปีงบประมาณ 2561

รายงานผลกิจกรรมการจัดการความรู้ 2561

NSKnowledge Management [62] ภาพที่ 5 แสดงระดับผลคะแนนการประกนคัุณภาพหลกสัูตร ตามเกณฑ์ AUNQA ตารางที่ 1 Preliminary/Follow - up Assessment & MU-AUN-QA Assessment NS NS NS MU MU MU 0 ASEAN 1 2 3 4 2559 2560 2561 ปีการศึกษา


NSKnowledge Management [63] ตารางที่ 2 AUN-QA Assessment (ASEAN) ตารางที่ 3 กําหนดการเยี่ยมหลักสูตร ภายในคณะฯ


NSKnowledge Management [64] ตารางที่ 4 กําหนดการเยี่ยมหลักสูตร โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ลําดับ ที่ หลักสูตร ว.ด.ป./ สถานทตรวจเยี่ี่ยม (Site Visit) ว.ด.ป./สถานที่ นําเสนอผลด้วยวาจา (Exit Report) 1 หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลผดุงครรภ์ ช่วงที่ 1 วันที่ 30-31 สิงหาคม 2561 ช่วงที่ 2 วันที่ 3-7 กันยายน 2561 2 หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน 3 หลักสูตรพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต (นานาชาติ) ทํา SAR เป็นภาษาอังกฤษ 4 หลักสูตรพยาบาลศาสตรดุษฎีบัณฑิต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง fi งานบริการการศึกษา/บัณฑิตศึกษา fi งานพัฒนานักศึกษา fi งานห้องสมุด fi งานเทคโนโลยีสารสนเทศ fi งานส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย fi งานบริการวิชาการ fi งานทรัพยากรบุคคล (ไม่ถูกสัมภาษณ์เป็นหน่วยงานที่ต้องให้ข้อมูลเท่านั้น) บทบาทหน้าที่ของอาจารย์ในหลักสูตร fi จัดทําเล่มรายงานการประเมินหลักสูตรและเอกสารประกอบฯ fi การให้สัมภาษณ์แก่คณะกรรมการตรวจประเมิน fi การนําผลการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตร


NSKnowledge Management [65] บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หลักสูตร fi การส่งข้อมูล รายงานผลตัวชี้วัด และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการจัดทํารายงานการประเมิน หลักสูตร (เอกสารทั้งหมดตามที่อ้างอิงไว้ในเล่ม SAR) fi การส่งข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรเพื่อ Update บนเว็บไซต์ให้มีความเป็นปัจจุบัน (กรรมการจะ ตรวจสอบ) fi การประสานงานกับผู้รับการสัมภาษณ์ fi การให้สัมภาษณ์แก่คณะกรรมการตรวจประเมิน fi การนําผลการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตร บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง fi การส่งข้อมูล รายงานผลตัวชี้วัด และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการจัดทํารายงานการประเมิน หลักสูตร fi การให้สัมภาษณ์แก่คณะกรรมการตรวจประเมิน บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พัฒนาคุณภาพ fi การประสานงานและเตรียมรับการตรวจประเมิน ตารางที่ 5 รายละเอียดเกี่ยวกับผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ ผู้รับการสัมภาษณ์รายละเอียด กรรมการบริหารหลักสูตร ประธาน เลขาหลักสูตร และกรรมการบริหารหลักสูตร อาจารย์ที่สอนในหลักสูตร - อายุงานไม่เกิน 5 ปีอย่างน้อย 3 คน - อายุงานไม่มากกว่า 5 ปีอย่างน้อย 3 คน บุคลากรสายสนับสนุน - งานบริการการศึกษา/บัณฑิตศึกษา (เจ้าหน้าที่ประจําหลักสูตร) - งานเทคโนโลยีสารสนเทศ - งานห้องสมุด - งานพัฒนานักศึกษา - งานส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย - งานบริการวิชาการ อย่างน้อยกลุ่มละ 1 คน นักศึกษา นักศึกษาเต็มเวลาของหลักสูตรทุกชั้นปีๆ ละ 5 คน ศิษย์เก่า ศิษย์เก่าที่สําเร็จการศึกษาจากหลักสูตรนี้จํานวนอย่างน้อย 5 คน (ควรจัดให้คละ กัน) - ผู้สําเร็จการศึกษาไม่เกิน 5 ปี - ผู้สําเร็จการศึกษามากกว่า 10 ปี


NSKnowledge Management [66] ผู้รับการสัมภาษณ์รายละเอียด ผู้ใช้บัณฑิต ผู้ใช้บัณฑิตจํานวนอย่างน้อย 5 คน ในจํานวนนี้เป็นศิษย์เก่าของหลักสูตรได้ไม่เกิน 30% ตัวอย่างการนําเสนอผลลัพธ์ในรายงานการประเมินตนเอง ตามเกณฑ์ AUNQA ข้อมูลจากงานทรัพยากรบุคคล ข้อมูลจากงานส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย


NSKnowledge Management [67] ข้อมูลจากงานทรัพยากรบุคคล ข้อมูลจากงานบริการการศึกษา/บัณฑิตศึกษา


NSKnowledge Management [68] ข้อมูลจากงานห้องสมุด ระบบการรับการศึกษามีการเปลี่ยนการศึกษาใหม่ในระดับชั้นปริญญาตรีรายละเอียดตามรูป


NSKnowledge Management [69] เพราะฉะนั้น งานบริการการศึกษา ต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม จะไม่ใช้ตัวอย่างตารางที่ 8.1.1 ข้อมูลการรับนักศึกษาในปีแรกย้อนหลัง 5 ปีตัวอย่างนี้จะใช้ไม่ได้กับระบบการรับนักศึกษาใหม่คือระบบ TCAS รายละเอียดตัวอย่างใหม่ตามรูป ขอยกตัวอย่างงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (โดยทางอ้อม) เกณฑ์ข้อ 9.5 ถามเรื่องสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย fi แผน BCP/การซ้อมดับเพลิง/การตรวจเช็คถังดับเพลิง (งานอาคาร) ตัวอย่าง มีการตรวจเช็คถังดับเพลิงหรือไม่ โดยดูได้จากการเช็ครายการตรวจสอบที่มีอยู่ในตู้ดับเพลิง เป็นต้น เอกสารที่แต่ละงานจะต้องจัดทํา (TQA/AUNQA) ดังนี้ fi การวิเคราะห์อัตรากําลังของหน่วยงาน (ทุกตําแหน่งงาน) fi แผนพัฒนาบุคลากรในภาพรวมของหน่วยงาน fi แผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (IDP) fi รายละเอียการเข้ารับการอบรมของแต่ละบุคคล ตัวอย่างการขอเอกสารแนบของกรรมการตรวจประเมิน หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลเด็ก fi หมวด 5.2 : เอกสารการวัดและประเมินผลรายวิชา ที่แจกนักศึกษาในวันปฐมนิเทศ fi หมวด 5.3 : เอกสารรายละเอียดการประเมินผลแบบ Rubric score fi หมวด 6.1 : แผนการพัฒนาบุคลากรทั้งสายวิชาการและสนับสนุน


NSKnowledge Management [70] หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ Criteria รายการขอเอกสารเพิ่มเติม 7. Support Staff Quality 7.1 แผนอัตรากําลังของฝ่ายสนับสนุน 7.2 แผนอัตรกําลังเพื่อทดแทนบุคลากรที่จะ เกษียณอายุในตําแหน่งงานหลัก 7.3 เกณฑ์การรับสมัครบุคลากรสายสนุนสนับ 7.4 เอกสารการประเมินขีดความสามารถของ บุคลากรสายสนับสนุนน 7.5 เอกสารแผนการพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุน 7.6 ตัวอย่างข้อมูลการส่งคนไปอบรมในเนื้อหาที่ เกี่ยวข้องกับหน้าที่ 7.7 เอกสารแสดงจํานวนการเข้าร่วมอบรมด้าน ต่างๆ ของบุคลากร ซึ่งเนื้อหาที่อยู่ในกรอบสีแดง คือหลักฐานที่ได้กล่าวถึงเอกสารที่แต่ละงานจะต้องทํา เนื่องจาก คณะกรรมการตรวจประเมินขอดูหลักฐานเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (IDP) เพื่อดูว่าบุคลากร ได้รับการพัฒนาจริงอย่างทั่วถึงหรือไม่ ลําดับต่อไป คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อชี้แจงการจัดทําแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล โดยนางอริยา ธัญญพืช ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้


NSKnowledge Management [71] แผนพัฒนาบคลากรรายบุ ุคคล (Individual Development Plan) แผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคล (Individual Development Plan) เปรียบเสมือนแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่เชื่อมโยงหรือตอบสนองต่อความต้องการหรือเป้าหมายขององค์กร และของหน่วยงาน และยังเป็นแนวทางที่จะช่วยให้บุคลากรในองค์กรสามารถปฏิบัติงานได้บรรลุตามเป้าหมายในสายอาชีพ ดังนั้น IDP จึงเป็นขั้นตอนที่ถูกจัดทําขึ้นอย่างเป็นระบบ มีการเตรียมการหรือวางแผนไว้ล่วงหน้า วัตถุประสงค์ของ IDP คืออะไร เพื่อพัฒนาจุดอ่อน (Weakness) และเสริมจุดแข็ง (Strength) ของบุคลากรในองค์กร IDP มีความสําคัญหรือประโยชน์อย่างไร สามารถแบ่งความสําคัญในการจัดทํา IDP ได้เป็น 3 ระดับ คือ - ระดับตัวบุคลากร - ระดับหน่วยงาน - ระดับองค์กร ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง และเกี่ยวข้องอย่างไร หัวหน้างาน เป็นผู้ที่มีส่วนสําคัญในการเอื้อต่อการพัฒนา ช่วยแนะนําเกี่ยวกับการจัดลําดับ ความสําคัญของสิ่งที่ต้องการพัฒนา รวมถึงการเลือกกิจกรรมการพัฒนาที่เหมาะสม บุคลากร เป็นผู้ที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนา และเป็นผู้ได้รับผลจากการพัฒนา IDP ทรัพยากรบุคคล (HRD) มีหน้าที่แนะนําในการเขียน IDP และยังมีหน้าที่ช่วยสนับสนุนในการ จัดหากิจกรรมที่สอดคล้องกับ IDP ลักษณะทั่วไปของ IDP เป็นอย่างไร


NSKnowledge Management [72] ข้อควรคํานึงถึงในการกําหนด IDP IDP ไม่ใช่กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงาน (Performance Appraisal) เพื่อการเลื่อน ตําแหน่งงาน หรือการปรับเงินเดือน และการให้ผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ IDP เปรียบเสมือนแผนงานเพื่อเตรียมความพร้อมของพนักงานให้มีคุณสมบัติมีขีดความสามารถ และศักยภาพในการทํางาน สําหรับตําแหน่งงานที่สูงขึ้นต่อไปตามเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ตัวชี้วัดในความสําเร็จในการจัดทํา IDP มีอะไรบ้าง ทํา IDP แล้วเสร็จตามเวลาที่กําหนด ได้รับการพัฒนาตามแผน IDP อย่างครบถ้วนหรือไม่ต่ํากว่า 80% นําความรู้ที่ได้รับจากการพัฒนาไปใช้ในการปฏิบัติงานจริงและสามารถระบุผลลัพธ์ได้อย่างเป็น รูปธรรม พนักงานมีความรู้ทักษะ ที่สูงขึ้นกว่าเดิมและสนับสนุนความสําเร็จของหน่วยงาน ข้อมูลในการจัดทํา IDP ได้มาจากแหล่งใด จากแผนพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน จากความคาดหวังตามตําแหน่งงานหรือจาก KPIs ที่เกี่ยวข้อง - ความรู้ทักษะในงานปัจจุบัน ที่ต้องพัฒนาให้ทําให้ได้ จาก Core Competency จาก Functional Competency จากหัวหน้างาน จากตนเอง รูปแบบหรือวิธีการพัฒนาบุคลากรในแนวทางของ IDP


NSKnowledge Management [73] กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดซื้อ/จัดจ้าง พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบรหารพิสดัุภาครัฐ พ.ศ.2560 กฎกระทรวงทเกี่ี่ยวข้อง ผู้ช่วยศาสตราจารย์วชิรา วรรณสถิตย์วิทยากร นางนภัสสร ลาภณรงค์ชัย ผู้ลิขิต คณะกรรมการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ร่วมกับงานพัฒนาคุณภาพและ บริหารความเสี่ยง และงานคลังและพัสดุจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง การจัดซื้อ/จัดจ้าง พรบ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องสงวนสุข ฉันทวงค์ (1111) ชั้น 11 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล บางกอกน้อย โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์วชิรา วรรณสถิตย์รองคณบดีฝ่ายงบประมาณและการคลัง เป็นวิทยากร ซึ่งสรุป รายละเอียดได้ดังนี้ การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดซื้อจัดจ้างทุกรายการ ก่อนดําเนินการจัดซื้อ/จัดจ้าง พัสดุต้องดําเนินการทําแผนการจัดซื้อจัด จ้างประจําปีเสนอหัวหน้าหน่วยงาน เพื่อขอความเห็นชอบ และหากวงเงินเกิน 500,000 บาท ต้องจัดทํา ประกาศเผยแพร่แผนในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง มหาวิทยาลัยมหิดล คณะพยาบาล ศาสตร์และปิดประกาศในที่เปิดเผย หากไม่ดําเนินการจัดทําแผน จะไม่สามารถดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้ หน่วยงานส่วนใหญ่จะจัดทําหนังสือเสนอผู้บริหาร เพื่อขออนุมัติหลักการในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยไม่กําหนดรูปแบบ/ รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ/ TOR หรือกําหนดแต่ไม่ชัดเจน และไม่กําหนดวงเงิน ในการดําเนินการจัดซื้อจัดจ้าง หรือไม่กําหนดเวลาใช้งาน ทําให้ไม่สามารถดําเนินการจัดซอจื้ัดจ้างได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ต้องเสียเวลาในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อสอบถามถึงความต้องการ วัตถุประสงค์/ รูปแบบ/ รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ/ TOR/ และวงเงิน รวมถึงการกําหนดเวลาใช้งาน ดังนั้น หน่วยงานควรกําหนดรายละเอียดดังกล่าวให้ครบถ้วน เพื่อพัสดุจะได้ดําเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ได้ถูกต้อง และรวดเร็วตามความต้องการของหน่วยงาน วิทยากร นําเสนอหัวข้อและกระบวนการที่หน่วยงานต้องทราบ และดําเนินการให้ถูกต้องตาม ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ดังนี้ 1. การเบิกจ่ายพัสดุ 1.1 การเบิกจ่ายพัสดุประจําเดือน หน่วยงานจัดทําใบเบิกพัสดุและส่งใบเบิกพัสดุมายังงานพัสดุตามแบบฟอร์มที่เผยแพร่ไว้ใน nurseintranet ของงานคลังและพัสดุภายในวันที่ 5 ของทุกเดือน หากวันที่ 5 ของเดือนตรงกับ วันหยุดราชการ ให้ส่งในวันที่เปิดทําการวันแรก ในแบบฟอร์มให้ระบุรายละเอียดรวมทั้ง cost center ให้


NSKnowledge Management [74] ชัดเจน ทั้งนี้ในการเบิกพัสดุจะต้องให้หัวหน้างานลงนามผู้เบิกพัสดุและรองคณบดี/ผู้ช่วยคณบดีในกํากับลง นามรับรอง มีรายละเอียดตามตัวอย่างใบเบิกพัสดุดังนี้ 1.2 การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ รวมทั้งโครงการพเศษเฉพาะกิ ิจ โครงการประชุม อบรม สัมมนา (วงเงนเกิ ิน 30,000 บาท) หน่วยงานส่งเอกสารให้พัสดุดังนี้ - โครงการที่ได้รับการอนุมัติ - หนังสือขออนุมัติจัดโครงการ....และหลักการงบประมาณรายจ่าย ที่ได้รับอนุมัติ - ส่งใบเบิกพัสดุใบเสนอราคา ดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างก่อนจัดโครงการอย่างน้อย 15 วนทั ําการ กรณีใช้เงินยืมทดรองจ่าย เมื่องานแล้วเสร็จ วันรุ่งขึ้นต้องดําเนินการส่งใบส่งของ/ใบสําคัญรับเงิน ให้ พัสดุโดยระบุว่าคืนเงินยืมใคร.... เลขที่เงินยืม.......... ซึ่งเอกสารประกอบด้วย ใบสําคัญรับเงิน และสําเนาบัตร ประชาชนของผู้ประกอบการ (การยืมเงินทดรองจ่าย ต้องยืมก่อนวันจัดกิจกรรม 7 วันทําการ)


NSKnowledge Management [75] การดําเนินการซื้อหรือจ้าง สินค้าหรือบริการ สําหรับโครงการพิเศษเฉพาะกิจ* หรือโครงการจัด ประชุม อบรม สัมมนา (วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท) ที่ได้รับอนุมัติหลักการ และได้รับความเห็นชอบให้ ดําเนินการซื้อหรือจ้างตามแบบฟอร์มที่มหาวิทยาลัยกําหนด ให้เจ้าหน้าที่เจรจาตกลงราคากับผู้ประกอบการ ที่มีอาชีพขายหรือรับจ้างนั้นโดยตรงแล้วให้ซื้อหรือจ้างภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบ โดยให้ผู้ตรวจรับ พัสดุหรือกรรมการตรวจรับพัสดุตรวจรับพัสดุในใบตรวจรับ พร้อมแนบหลักฐานการจ่ายเงินหรือหลักฐาน การส่งมอบพัสดุเพื่อดําเนินการเบิกจ่ายตามระเบียบต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนการดําเนินการ ดังนี้ 1. ทําบันทึกขออนุมัติในหลักการและขอซื้อหรอขอจื ้าง 2. เสนอผู้ช่วยคณบดีฝ่ายงบประมาณและการคลังอนุมัติ 3. ดําเนินการจัดซื้อจัดจ้าง จะได้รับใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของหรือใบแจ้งหนี้ 4. จัดทําใบตรวจรับพัสดุ 5. ทําบันทึกขออนุมัติเบิกจ่าย 6. ส่งจองงบประมาณที่งานนโยบาย แผนและงบประมาณ 7. ส่งพัสดุตรวจสอบ 8. เสนอผู้ช่วยคณบดีฝ่ายงบประมาณและการคลังอนุมัติ 9. ส่งการเงินเพื่อเบิกจ่าย โดยมีเอกสาร ดังนี้ - หนังสือขออนุมัติในหลักการและขอซื้อหรอขอจื ้าง - ใบเสร็จรับเงิน/ ใบส่งของ/ ใบแจ้งหนี้ - ใบตรวจรับพสดัุ - ใบจองงบประมาณ * โครงการเฉพาะกิจ ได้แก่งานรับปริญญา ไหว้ครู รับเสด็จ ฯลฯ ซึ่งวิทยากรได้กล่าวถึงหนังสือสํานักงาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศธ0517/ว.5763 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2560 เรื่อง แนวทางการปฏิบัติการ จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของมหาวิทยาลัยมหิดล ดีงรายละเอียดและตัวอย่างการขออนุมัติในหลักการ และจัดซื้อจัดจ้างเอง และใบงบจองงบประมาณ ดังนี้


NSKnowledge Management [76]


NSKnowledge Management [77]


NSKnowledge Management [78]


NSKnowledge Management [79] การยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบฯ ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจ้ดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ที่กค (กวจ) 0404.2/ว119 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2561 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการดําเนินการจัดหาพัสดุที่ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมของหน่วยงานของรัฐ โดยมีสาระสําคัญ ดังนี้ เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของหน่วยงานของรัฐกรณี ที่เป็นการจัดซื้อจัดจ้างในวงเงินเล็กน้อยเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอนในการดําเนินการ และมี แนวทางปฏิบัติเดียวกัน เห็นควรยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและ การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 22 วรรคหนึ่ง สรุปรายละเอียดการดําเนินการได้ดังนี้ การดําเนนการจิ ัดหาพสดัุทเกี่ี่ยวกับค่าใช้จายในการบร ่หารงานคิ าใช ่ ้จายในการฝ ่ ึกอบรม การจัด งาน และการประชุมของหน่วยงานของรฐั (วงเงินไม่เกนิ 10,000 บาท) ผู้รับผิดชอบดําเนินการได้เองโดย ไม่ต้องผ่านพัสดุมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้ 1. ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุไปก่อน โดยจะได้ใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของ หรือใบแจ้งหนี้ 2. ขออนุมัติซื้อหรือจ้างพัสดุภายใน 5 วันทําการ 3. เสนอผู้ช่วยคณบดีฝ่ายงบประมาณและการคลังอนุมัติ 4. ส่งจองงบประมาณที่งานนโยบาย แผนและงบประมาณ 5. ส่งการเงินเพื่อเบิกจ่าย มีเอกสารประกอบคือ หนังสือขออนุมัติจัดซื้อหรือจ้าง ใบเสร็จรับเงิน/ ใบส่งของ/ใบแจ้งหนี้ ใบจองงบประมาณ


NSKnowledge Management [80]


NSKnowledge Management [81]


NSKnowledge Management [82]


NSKnowledge Management [83]


NSKnowledge Management [84]


NSKnowledge Management [85]


NSKnowledge Management [86]


NSKnowledge Management [87] 2. การจัดซื้อจัดจ้างพสดัุครุภัณฑ์ปรับปรุง/ก่อสราง้ หน่วยงานที่ต้องการใช้พัสดุครุภัณฑ์ทําบันทึกขออนุมัติในหลักการจดซั ื้อ/จัดจ้าง........................ เสนอคณบดีอนุมัติโดยในบันทึกต้องมีรายละเอียด ดังนี้ • เหตุผลความจาเปํ ็นในการจัดหา • ชื่อรายการพัสดุครุภัณฑ์ งานปรับปรุง/ก่อสร้าง • วงเงินในการจัดซื้อจัดจ้าง • กําหนดระยะเวลาที่ต้องใช้งานพัสดุ • รายชื่อกรรมการที่เกี่ยวข้อง : กก. จัดทํา TOR กก.จัดหา กก.ตรวจรับ เป็นต้น ระบุชื่อ ตําแหน่ง เลขบัตรประชาชน • ลายมือผู้เสนอขออนุมัติหลักการ หัวหน้าหน่วยงานกํากับ และลายมือผอนูุ้มัติ การจัดซื้อจัดจ้างแต่ละประเภทมีเอกสารสารแนบ ดังนี้ • กรณีเป็นการจัดหาครุภัณฑ์เอกสารแนบ ประกอบด้วย - รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ - ใบเสนอราคา • กรณีเป็นการจ้างบริการต่างๆ เอกสารแนบ ประกอบด้วย - ขอบเขตของงาน • กรณีเป็นงานจ้างปรับปรุงหรือก่อสร้าง เอกสารแนบ ประกอบด้วย - แบบรูป รายการละเอียด 3. การซื้อหรือจ้างกรณีจําเปนเร็งด่ ่วน การซื้อหรือจ้างกรณีจําเป็นเร่งด่วนอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดหมายได้หรือกรณีมีความ จําเป็นต้องใช้พัสดุนั้นโดยฉุกเฉิน ซึ่งไม่อาจทํารายงานขอซื้อขอจ้างตามปกติได้ทัน ให้เจ้าหน้าที่หรือ ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติงานนั้น รายงานต่อผู้บังคับบัญชาขั้นต้น เพื่อความเห็นชอบและอนุมัติก่อน เมื่อได้รับ อนุมัติแล้ว ให้ดําเนินการซื้อหรือจ้าง และรีบทํารายงานชี้แจงเหตุผลความจําเป็นตามแบบฟอร์ม เสนอผู้มี อํานาจอนุมัติภายใน 3 วันทําการ หลังจากที่ได้จัดหาเรียบร้อยแล้ว ดังตัวอย่างการขออนุมัติจัดซื้อหรือจ้าง พัสดุกรณีจําเป็นเร่งด่วน ดังนี้


NSKnowledge Management [88]


NSKnowledge Management [89] ขั้นตอนการจดหาทั ี่มีใบเสรจร็ ับเงนไม ิ ่เกิน 5,000 บาท ขั้นตอนการจดหาทั ี่มีใบเสรจร็ ับเงนไม ิ ่เกิน 5,000 บาท แต่ไม่เกิน 10,000 บาท


NSKnowledge Management [90] สาระสาคํญทัตี่้องมีในใบเสร็จที่ดังนี้ 1. ชื่อ สถานที่อยู่หรือที่ทําการของผู้ออกใบเสร็จรับเงิน/ ผขายู้ เลขประจาตํ ัวผู้เสียภาษีหรือเลขที่บัตร ประชาชนของผู้ออกใบเสร็จรบเงั ิน/ ผู้ขาย 2. ชื่อของผู้ซื้อ หรือผู้ใช้บริการ 3. วัน เดือน ปีทรี่ับเงิน 4. รายการแสดงการรับเงินระบุว่าเป็นค่าอะไร 5. จํานวนเงินทั้งตัวเลข และตัวอักษร 6. ลายมือชื่อของผู้รับเงิน การลงนามรบรองในใบส ัาคํญรั ับเงิน/ใบสงของ่ • กรณีจัดซื้อจัดจ้างโดยไปดําเนินการเอง ให้ตรวจรับในใบเสร็จ ให้ประทบตราั “ได้ตรวจรับพสดัุไว้ถูกต้องและครบถ้วนแล้ว” ลงชื่อ ..................................ผู้ตรวจรบั • กรณสี่งใบเสร็จเบิกเงินผ่านการเงิน “ขอรับรองว่าใช้ในการปฏิบัติงานจรงิ” ลงชื่อ ..................................


NSKnowledge Management [91] ตัวอย่างใบเสร็จรับเงินแบบต่างๆ


NSKnowledge Management [92]


NSKnowledge Management [93] การออกใบเสร็จรับเงิน การออกใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องให้ออกในนามคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ดังนี้ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เลขที่ 2 ถนนวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกนอย้กทม.10700 เลขประจาตํ ัวผู้เสียภาษี 0994000158378


NSKnowledge Management [94] กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง การจัดสอบ OSCE แบบใหม่วิชาปฏบิัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อรุณรัตน์ศรีจันทรนิตย์และอ.กรรณิการณ์ชัยลีวิทยากร อาจารย์อุดมญา พันธนิตย์ผู้ดําเนินรายการและผู้ลขิิต ภาควิชาการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “การจัดสอบ OSCE แบบใหม่วิชาปฏิบัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 เวลา 12.30-13.30 น. ณ ห้อง 1103/1-2 โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อรุณรัตน์ ศรจีันทรนิตย์และอาจารย์กรรณิการณ์ชัยลีวิทยากร อาจารย์อุดมญา พันธนิตย์ผู้ดําเนินรายการ ได้นําเข้าสู่กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยเกริ่นนําให้ ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสอบ OSCE แบบเก่าของปีการศึกษา 2559 ซึ่งมีการสอบทักษะการฉีดยา การดูดเสมหะ การให้อาหารทางสายให้อาหาร การอาบน้ําทารก และการจัดการเล่น แต่พบปัญหาคือ นักศึกษาท่องจํามา สอบ ขาดการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจแก้ปัญหา ดังนั้น ในปีการศึกษา 2560 คณะกรรมการดําเนินงาน หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิตจึงมีมติให้ปรับวิธีการสอบ OSCE ใหม่ โดยจัดทําโจทย์เป็นสถานการณ์ที่ต้อง มีการทํา Procedure สองอย่างใน 1 สถานการณ์และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ทําให้ต้องมีการตัดสินใจแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์และใช้เหตุผลในการปฏิบัติการพยาบาลด้วย มีทั้งหมด 4 สถานการณ์ประกอบด้วย 1) การ ฉีดยาและการดูดเสมหะ 2) การให้อาหารทางสายให้อาหารและการอาบน้ําทารก 3) การดูดเสมหะและการให้ อาหารทางสายให้อาหาร และ 4) การพ่นยาและการดูดเสมหะ ซึ่งได้นํามาใช้ในการสอบนักศึกษาในกลุ่ม 1.1, 1.2 และ 2.1 สรุปประเด็นเกี่ยวกับการจัดสอบ OSCE ที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังนี้ 1. ปัญหาและอุปสรรคในการจัดสอบ OSCE แบบใหม่ จากความคิดเห็นจากอาจารย์ผู้ร่วมสอบ ปัญหาและอุปสรรคในการจัดสอบ OSCE แบบใหม่ใน 3 กลุ่มที่ผ่านมา มีดังนี้ 1) ใช้โจทย์สถานการณ์เดิมในการสอบทั้ง 3 กลุ่ม อาจมีการส่งต่อข้อสอบจากคนที่สอบ ก่อน จึงทําให้เหมือนนักศึกษาท่องจํามาสอบและไม่เกิดการคิดวิเคราะห์ 2) เวลาไม่เพียงพอสําหรับบางฐาน เช่น การให้อาหารทางสายให้อาหารและการอาบน้ําทารกนักศึกษาส่วนใหญ่ทําให้ไม่ทัน จากการประเมินผลของนักศึกษาทั้ง 3 กลุ่มพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การสอบแบบนี้ดี แล้วทําให้มีการตัดสินใจใกล้เคียงสถานการณ์จริง แต่มีบางคนเสนอให้เพิ่มเวลาในบางสถานการณ์เนื่องจากทํา ไม่ทัน และอยากให้จัดสอบกับผู้ป่วยจริงบนหอผู้ป่วย ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันอภิปรายเพิ่มเติมถึงปัญหาและอุปสรรคในการจัดสอบ OSCE แต่สรุปแล้ว ปัญหาหลักคือ การมีโจทย์สถานการณ์ที่ใช้สอบจํากัดเกินไป จังทําให้นักศึกษาท่องจํามาสอบและไม่เกิดการ คิดวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 2. แนวทางพัฒนาในการจัดสอบ OSCE อาจารย์ทุกท่านในที่ประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นหลากหลายเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาการ จัดสอบ OSCE ในครั้งต่อไป ดังนี้


NSKnowledge Management [95] 2.1 จัดกลุ่มอาจารย์เป็นทีม เช่น ทีมทารกแรกเกิด ทีม อน.4 และ 5 ทีม จฟ.6 และอน.3 ใน การสร้างโจทย์ให้ซับซ้อนมากขึ้น โดยในโจทย์จะต้องมีสถานการณ์ที่มีการตัดสินใจและการทํา procedure ที่ พบในหอผู้ป่วยทีมนั้นจริงๆ และเพิ่มโจทย์จํานวนมากขึ้น 2.2 สร้างโจทย์ให้มีการทํา procedure เพียง 1 อย่าง และให้มีเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจและ การลงมือแก้ปัญหาเพียงแค่ 1 อย่าง เพื่อให้ทันกับเวลา และเพิ่มโจทย์จํานวนมากขึ้น 2.3 การสร้างโจทย์ไม่ควรกําหนดตายตัวว่า ต้องมี 2 procedure นี้คู่กันเท่านั้น เพราะทํา ให้สร้างยากและไม่ซ้บซ้อน 2.4 มีการเสนอให้มีการประเมินการสอบ procedure บนหอผู้ป่วย เพื่อให้นักศึกษาได้ ตัดสินใจ และปฏิบัติกับผู้ป่วยจริงๆ แต่ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย 2.5 ควรมีการนําสถานการณ์ที่แต่ละกลุ่มสร้างขึ้นเข้าพิจารณาในที่ประชุม เพื่อได้ช่วยกัน วิเคราะห์ว่าเป็นโจทย์ที่เหมาะสมหรือไม่ จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ทําให้อาจารย์ผู้เข่าร่วมกิจกรรมได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคในการจัด สอบ OSCE และได้เห็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดสอบ OSCE ในครั้งต่อไป ซึ่งข้อเสนอแนะที่ได้ จากการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะนําไปเสนอในคณะกรรมการดําเนินงานหลักสูตรพยาบาบศาสตรบัณฑิตเพื่อ นําไปพัฒนาแนวทางในการจัดสอบ OSCE ในปีการศึกษาต่อไป


NSKnowledge Management [96] กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง การจัดการเรียนการสอนวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรนุ่กลุ่มสองภาษา อ.สุดารัตน์สุวรรณเทวะคุปต์วิทยากร รศ.ดร.วัลยา ธรรมพนิชวัฒน์ผู้ลิขิต ภาควิชาการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “การจัดการเรียนการสอนวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น กลุ่มสองภาษา” เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 เวลา 13.00-14.00 น. ณ ห้องประชุม 1103/1-2 โดยมีอ.สุดารัตน์สุวรรณเทวะคุปต์ เป็นวิทยากร อ.สุดารัตน์สุวรรณเทวะคุปต์ได้นําเข้าสู่กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยนําเสนอภาพรวมของ การจัดการเรียนการสอนวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น กลุ่มสองภาษา (กลุ่ม 1.1) ปีการศึกษา 2560 ซึ่งเป็นวิชาทฤษฎี 3 หน่วยกิต ใช้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยในการสอนทั้งหมด 45 ชั่วโมง แต่ข้อสอบวัด ประเมินความรู้ของนักศึกษาเป็นภาษาไทย ผลการประเมินรายวิชาของนักศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่มีความ พึงพอใจในรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายแบบ Active learning ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย Casebased learning Team-based learning Simulation Group discussion และการนําเสนองานกลุ่ม โดยมีข้อเสนอแนะที่สําคัญคือ 1) อยากให้มีการสอนเนื้อหาเพิ่มเติมสําหรับ Team-based learning และ Simulation เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด 2) ควรเพิ่มเวลาและอธิบายให้ละเอียดในการเฉลยข้อสอบ ต่อไป และ 3) เอกสารประกอบการสอน อยากให้มีเนื้อหา/ข้อมูลตรงกันทั้งกลุ่มสองภาษาและกลุ่มปกติ เพิ่ม รูปภาพ และพิมพ์ขนาดใหญ่ขึ้น (4 สไลด์) สําหรับปัญหาอุปสรรคในการเรียนการสอนจากการสังเกตของ อาจารย์พบว่า 1) ด้านนักศึกษา มีทักษะการคิดวิเคราะห์น้อย ไม่เข้าใจเนื้อหาที่สอน คะแนนสอบต่ํากว่า เกณฑ์ และต้องซื้อเอกสารภาษาไทยคู่กับเอกสารภาษาอังกฤษ 2) ด้านอาจารย์ บางคนขาดความชํานาญใน การใช้ภาษาอังกฤษ และสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียนแต่ต้องออกข้อสอบเป็นภาษาไทย ซึ่งผู้เข้าร่วม กิจกรรมได้ร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน สรุปได้ดังนี้ 1. เป้าหมาย/วัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้และผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้ ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสองภาษานี้เป็นการตอบสนอง นโยบายของคณะฯ ที่ต้องการให้นักศึกษามีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม บางคนได้ชี้ ประเด็นว่า วัตถุประสงค์ของรายวิชานี้มุ่งเน้นให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น เช่นเดียวกันกับกลุ่มปกติซึ่งถือเป็นผลลัพธ์หลักของการสอนรายวิชานี้โดยนักศึกษาจะต้องนําความรู้ดังกล่าว ไปใช้ในการสอบขึ้นทะเบียนฯ ของสภาการพยาบาล นอกจากนี้กิจกรรมการเรียนการสอนของรายวิชาที่เน้น Active learning ยังต้องการพัฒนาให้นักศึกษามีทักษะในการคิดวิเคราะห์การแก้ไขปัญหา การทํางานเป็น ทีม และการสื่อสารด้วย ซึ่งเป็น soft skills ที่จําเป็นสําหรับการทํางานและการดําเนินชีวิตต่อไป


NSKnowledge Management [97] 2. ข้อดี/ความสําเร็จของการจัดการเรียนการสอนครั้งนี้ จากผลการประเมินของนักศึกษา รูปแบบการเรียนการสอนส่วนใหญ่ดีแล้ว ทั้งการบรรยายที่เนื้อหา เข้าใจง่าย มีรูปภาพประกอบชัดเจน การเรียนแบบ Case-based learning Team-based learning Simulation และ Group discussion ทําให้นักศึกษาเข้าใจเนื้อหาและการนําไปใช้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ แลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน การนําเสนองานกลุ่มทําให้นักศึกษาได้ฝึกการทํางานเป็นกลุ่มและ การสื่อสาร นอกจากนี้ควรมีการทดสอบย่อย (Quiz) และการเฉลยข้อสอบต่อไป เพราะช่วยให้นักศึกษา เข้าใจเนื้อหามากขึ้น 3. สิ่งที่ควรปรับปรุง/แก้ไขในการจัดการเรียนการสอนครั้งต่อไป 3.1 จัดทีมอาจารย์ผู้สอนให้มีทั้งอาจารย์ที่เชี่ยวชาญการสอนในหัวข้อนั้น และอาจารย์ที่มีทักษะการ ใช้ภาษาอังกฤษดี อย่างไรก็ตาม สําหรับอาจารย์ที่ไม่ถนัดสอนด้วยภาษาอังกฤษ อาจใช้ ภาษาไทยในการสอน/อธิบาย ร่วมกับเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ โดยคํานึงถึงความรู้ความเข้าใจที่ นักศึกษาจะได้รับมากกว่า การใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารแต่ไม่เกิดการเรียนรู้/ความเข้าใจในเนื้อหา 3.2 อาจารย์ผู้สอนเนื้อหาในแต่ละหัวข้อ ควรเป็นคนเดียวกันทั้งกลุ่มสองภาษาและกลุ่มปกติ โดย เสนอให้เตรียม PowerPoint เป็นภาษาอังกฤษ และใช้ชุดเดียวกันในการสอนทั้งสองกลุ่ม เพื่อที่ นักศึกษาจะได้ไม่ต้องซื้อเอกสารสองชุด 3.3 อาจารย์ผู้สอนอาจจัดทําเอกสารคําสอน (sheet) เป็นภาษาไทยที่มีเนื้อหาละเอียดกว่า และ แขวนเป็นไฟล์ไว้ให้นักศึกษาดาวน์โหลดไปอ่านประกอบได้ 3.4 ควรนํา google form มาใช้กับข้อสอบและ Quiz เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจและเฉลย ข้อสอบ ทําให้นักศึกษาได้รับทราบผลการสอบทันที 4. แนวทางในการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของอาจารย์ผู้สอน 4.1 จัดฝึกอบรมการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้นแก่อาจารย์โดยเน้นทักษะการพูด (conversation) และควรจัดต่อเนื่องกันประมาณ 2-3 สัปดาห์ในช่วงปิดภาคการศึกษา 4.2 กําหนดให้วันจันทร์เป็น English Day เพื่อให้อาจารย์ได้ฝึกพูดสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ทําให้อาจารย์ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคในการ จัดการเรียนการสอนวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น กลุ่มสองภาษา และได้เห็นแนวทางในการปรับปรุง/แก้ไข ในการจัดการเรียนการสอนครั้งต่อไป ซึ่งข้อเสนอแนะที่ได้จากการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะนําไปเสนอใน คณะกรรมการดําเนินงานหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตเพื่อดําเนินการต่อไป


NSKnowledge Management [98] กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง การจัดการเรยนการสอนี โดยใช้ Google Classroom และ Google Form อาจารย์ชนิตา ตัณฑเจริญรัตน์วิทยากร รองศาสตราจารย์ดร.วัลยา ธรรมพนิชวัฒน์ผู้ลิขิต ภาควิชาการพยาบาลกุมารเวชศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดกิจกรรมการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “การจัดการเรียนการสอนโดยใช้ Google Classroom และ Google Form” เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 เวลา 13.00-14.30 น. ณ ห้องประชุม 1103/3 โดยมีอาจารย์ชนิตา ตัณฑเจริญรัตน์เป็นวิทยากร อาจารย์ชนิตา ตัณฑเจริญรัตน์ได้นําเข้าสู่กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยอธิบายความแตกต่าง ของ Google classroom และ Google form ซึ่งสามารถนํามาใช้งานร่วมกันได้เช่น สร้างแบบประเมินการ เรียนการสอนแบบ simulation หรือแบบ PBL ด้วย Google form แล้วนําไปแขวนไว้ที่ Google classroom เพื่อให้นักศึกษาเข้ามาตอบแบบประเมินดังกล่าว หรือสร้างข้อสอบ Quiz ด้วย Google form แล้วนําไปแขวน ไว้ที่ Google classroom ก็ได้เช่นกัน Google classroom จึงเป็นเหมือนห้องเรียนออนไลน์ที่ผู้สอนกับ ผู้เรียนสามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยกัน และสามารถบริหารจัดการการเรียนการสอนได้เช่น การประกาศแจ้ง ข้อมูล การมอบหมายงาน และการทําข้อสอบออนไลน์หรือแบบประเมินต่างๆ เป็นต้น หลังจากนั้น อาจารย์ชนิตาได้อธิบายขั้นตอนในการสร้างข้อสอบออนไลน์และแบบประเมินต่างๆ ด้วย Google form ประกอบด้วย 1) สร้างแบบฟอร์ม 2) ทําเฉลยและให้คะแนน 3) ส่งแบบฟอร์ม (email, link, QR code, HTML) และ 4) รายงานผล (โดยสรุป, รายบุคคล, รายข้อ) และได้กล่าวถึงประโยชน์ของการใช้ Google form ดังนี้ 1. กระจายข้อมูลได้ทั่วถึงและรวดเร็ว ทาง e-mail, link, QR code หรือแขวนไว้ใน Google classroom 2. รวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และนําเสนอข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น กราฟ ค่าเฉลี่ย พิสัย เป็นต้น 3. ลดการใช้กระดาษในการเรียนการสอน 4. ตรวจสอบรายชื่อ/เวลาที่ทําแบบทดสอบได้ 5. ให้คะแนนแบบฝึกหัดแต่ละข้อ และตอบกลับความคิดเห็น (feedback) ให้แก่นักศึกษาได้ 6. เพิ่มรายละเอียดของคําถามให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่น รูปภาพ กราฟ วีดิโอ เป็นต้น ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการใช้ Google form ในการจัดการเรียนการสอน สรุปได้ดังนี้


NSKnowledge Management [99] 1. การสร้างแบบฟอร์มและการตั้งค่าที่ setting 1.1 ควรเลือกชนิดของแบบฟอร์มให้เหมาะสมกับลักษณะคําตอบ เช่น ใช้ Checkboxes เฉพาะกรณีให้เลือกคําตอบได้มากกว่า 1 ข้อจากหลายตัวเลือก หรือใช้ Multiple grid/Scale สําหรับ แบบประเมินการสอนที่ให้เลือกตอบเพียง 1 คําตอบจากหลายตัวเลือก 1.2 กําหนดให้มีการเก็บข้อมูลอีเมล์ของคนตอบหรือไม่ก็ได้ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของ แบบทดสอบหรือแบบประเมินนั้น ในกรณีที่ต้องการให้ feedback แก่ผู้เรียนเป็นรายบุคคล ควรมี การเก็บข้อมูลอีเมล์ด้วย แต่ในกรณีที่เป็นแบบประเมินการสอนของอาจารย์ที่ต้องการ blind ว่า คําตอบมาจากใคร ก็ไม่ต้องเก็บข้อมูลอีเมล์ของคนตอบ 1.3 ในการเก็บข้อมูลอีเมล์ของคนตอบ ไม่ควรจํากัดว่า ต้องเป็นอีเมล์ของมหิดลเท่านั้น เพราะอาจทําให้มีปัญหาไม่สามารถรวบรวมข้อมูลจากผู้เรียนทุกคนได้เพราะต้องมีการ sign in ก่อน ซึ่งยุ่งยากในทางปฏิบัติ 1.4 ควรใช้ตัวเลขในแต่ละระดับ (rating scale) ของแบบประเมินแทนความหมายเป็น คําพูด (มากที่สุด, มาก, ปานกลาง, น้อย) เพื่อให้สามารถประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น 1.5 การจัดเนื้อหาแบ่งเป็น section จะทําให้ต้องตอบให้ครบทุกข้อก่อนจึงจะทํา section ต่อไปได้ดังนั้นกรณีเป็นข้อสอบที่ต้องการให้ย้อนกลับมาตอบ/แก้ไขได้จึงไม่ควรแบ่งเนื้อหาเป็น section 2. การประมวลผลข้อมูล สามารถทําได้ด้วยการสร้างไฟล์ excel และนําข้อมูลมาคิดคํานวณค่าที่ ต้องการ เช่น ค่าเฉลี่ยรายข้อ ร้อยละ เป็นต้น รวมทั้งสามารถรวบรวมความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือข้อเสนอแนะ ได้ด้วย ซึ่งจะช่วยลดเวลาและความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกข้อมูล 3. การประยุกต์ใช้ Google form ในการจัดการเรียนการสอนวิชาต่างๆ 3.1 สร้างข้อสอบ Quiz ตรวจให้คะแนน และเฉลยคําตอบได้ในวิชาการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น 3.2 สร้างแบบประเมินการเรียนการสอนในวิชาปฏิบัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่น และ วิชาการวิจัยขั้นแนะนํา รวมทั้งการติดตามประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ทําให้อาจารย์ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทราบแนวทางในการนํา Google Classroom และ Google form มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งข้อเสนอแนะที่ได้จากการจัด กิจกรรมครั้งนี้จะนําไปเสนอในคณะกรรมการดําเนินงานหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตเพื่อดําเนินการ ต่อไป


NSKnowledge Management [100] Them: Innovation education strategies for nursing students เรื่อง The Causes of Medication Errors ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา วิทยากร ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ เผื่อแผ่น คุณลิขิต ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Them: Innovation education strategies for nursing students เรื่อง The Causes of Medication Errors เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561 เวลา 12.00-13.00 น. ณ ห้อง 304 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยมีผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา ผู้นํากิจกรรม กล่าวเปิดกิจกรรม โดยนําเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของ ข้อผิดพลาดในการบริหารยาของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตที่ได้จากงานวิจัย รวมทั้งขอให้ผู้ร่วมกิจกรรม แสดงความเห็น ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมแสดงความเห็นในประเด็นข้างต้น ดังนี้ ข้อผิดพลาดในการบริหารยาของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบณฑั ิต เหตุการณ์ที่อาจารย์ผู้สอนเคยพบ เช่น ให้ยาผู้ป่วยผิดคน คํานวณขนาดยาผิด ให้ยาผิดวิถึทาง ไม่เซ็นต์ชื่อหลงใหั ้ยา สาเหตุ งานวิจัยต่างประเทศ ประสบการณ์ที่อาจารย์ผู้สอนพบในนักศึกษาไทย - ภาระงานมาก 97.8% - ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารยา 7 R - คํานวณยาผิด 77.4% - การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างพยาบาลและ นักศึกษา - อื่นๆ เช่น อ่านลายมือแพทย์ไม่ออก สิ่งแวดล้อม ความเครียด ไม่ใช้ใบ MARS ชื่อยา/รูปร่างยาที่ คล้ายกัน เขียนยาในใบ MARS ผิด - นักศึกษาเกรงใจ/ ไม่กล้าถามพยาบาล โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ในเบื้องต้นทีมอาจารย์ผู้สอนภาคปฏิบัติในห้องฝึกปฏิบัติการควรเพิ่มการ สอนโดยใช้สถานการณ์จําลองเหตุการณ์ที่อาจนําไปสู่การบริหารยาผิดพลาด เพื่อนักศึกษาได้ฝึกคิดวิเคราะห์ และอภิปรายถึงแนวทางในการบริหารยาให้ถูกต้องตามหลักการ ทั้งนี้รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์คุ้มทวีพร เสนอว่า คณะฯ ควรทําการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับข้อผิดพลาด และสาเหตุในการบริหารยาผิดพลาดของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต เพื่อนําข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และ หาแนวทางแก้ไขที่ตรงประเด็นยิ่งขึ้น ซึ่งหากสามารถเก็บข้อมูลเบื้องต้นตั้งแต่ปีการศึกษานี้จะสามารถนําเป็น ข้อมูลพื้นฐานเปรียบเทียบผลกับปีการศึกษาหน้า ที่จะมีเพิ่มการสอนโดยใช้สถานการณ์จําลอง ในห้องฝึกปฏิบัติการณ์ด้วย


NSKnowledge Management [101] ผู้เขาประช ุ้ม 1. ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา ผู้นํากิจกรรม 2. รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร คุณอํานวย 3. รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์ จิตรมนตรี 4. รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ 5. อาจารย์ธัญยรัชต์ องค์มีเกียรติ 6. ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดี เชาว์อยชัย 7. นางสาวสุภาพร เนตรสว่าง 8. นางรุ่งนภา จีนประชา 9. ผู้ช่วยอาจารย์จิราวรรณ เผื่อแผ ่คุณลิขิต เอกสารอ้างอิง Gorgich EA1, Barfroshan S, Ghoreishi G, Yaghoobi M. Investigating the Causes of Medication Errors and Strategies to Prevention of Them from Nurses and Nursing Student Viewpoint. Glob J Health Sci. 2016 Aug 1; 8(8):54448. doi: 10.5539/gjhs.v8n8p220.


NSKnowledge Management [102] Them: Innovation education strategies for nursing students เรื่อง Reducing medication errors: Teaching strategies that increase nursing students’ awareness of medication errors and their prevention อาจารย์ธัญยรัชต์องค์มีเกียรติวิทยากร ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย คุณลิขิต ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “Reducing medication errors: Teaching strategies that increase nursing students’ awareness of medication errors and their prevention” เมื่อวันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้อง 303 คณะพยาบาล ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา โดยมีอาจารย์ธัญยรัชต์องค์มีเกียรติผู้นํากิจกรรม รองศาสตราจารย์ พัสมณฑ์คุ้มทวีพร เป็นคุณอํานวย และผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย เป็นคุณลิขิต ซึ่งมีรายละเอียด ต่อไปนี้ อาจารย์ธัญยรัชต์องค์มีเกียรติได้กล่าวสรุปดังนี้ จากงานวิจัยเรื่องการลดความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา ได้กล่าวถึงอุบัติการณ์ที่พบคือ 2-5% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วโลก และผลที่เกิดขึ้นพบว่าเป็นอันตรายที่เกิดกับผู้ป่วย และ ทําให้เพิ่มต้นทุนในระบบการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้สาเหตุที่พบ คือ เกิดในระยะที่อยู่ระหว่างวงจรของการให้ ยา การสั่งยา และการบริหารยา, เกิดจากความละเลยในเรื่องการบริหารยา เช่น ยา ช่องทาง ขนาด ผู้ป่วย และเวลา และเกิดจากปัจจัยเชิงระบบ เช่น สิ่งแวดล้อม ตัวบุคคลที่ขาดความรู้ทีม และองค์กร เป็นต้น ข้อถกเถียงในงานวิจัยนี้คือ Mental skill เป็นความสามารถที่เพิ่มการตรวจจับความคลาดเคลื่อนได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือทีมสุขภาพมีจํานวนน้อยที่ได้เรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ซึ่งเป้าหมายหลักของการศึกษางานวิจัยนี้คือ การเพิ่มความตระหนักรู้ของนักศึกษา และเพิ่มความเข้าใจของ ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดยมีกลยุทธ์การสอนดังนี้ 1. หลักสูตรที่มุ่งเน้นความปลอดภัยในการบริหารยา เริ่มตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ให้ในชั้นเรียนต้องเพิ่มการเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติจริง ในเรื่อง 5-10 Rights และสมรรถนะในการคํานวณยา และใช้วิธีการสอน Best practice, E-learning ในการบูรณา การความรู้ทางเภสัชวิทยากับทักษะการบริหารยา, วัฒนธรรมความปลอดภัย 2. สมรรถนะการคํานวณยา พัฒนากิจกรรมการคํานวณ จากหน่วย น้ําหนัก ปริมาณ การคํานวณสูตรทั้งผู้ใหญ่เด็ก และเพิ่ม มาตรฐานแฟ้มข้อมูล ให้ได้ความรู้และทักษะ ในการตรวจจับความคลาดเคลื่อน ความสามารถในการตรวจจับ ความผิดพลาด ปัญหาของผู้ป่วย การคิดวิเคราะห์การสร้างความมั่นใจ และการระบุประเด็นสําคัญในการ บริหารยา


NSKnowledge Management [103] 3. ออกแบบกรณีศึกษาทางคลินิกจําเพาะทางการพยาบาล ออกแบบโดยใช้สถานการณ์ทางคลินิกที่พบบ่อย ในวงจรของการให้ยา มีการพูดคุยแสดงความ คิดเห็น คิดวิเคราะห์โดยมีครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง เสนอแนะให้ความรู้ 4. การตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย เน้นบทบาทที่ชัดเจนในการสั่งยา การจ่ายยา และการบริหารยา ผลของยา โดยใช้ Short VDO แสดง ถึงปัจจัยเชิงระบบที่มีสถานการณ์ทางคลินิก แล้วมาอภิปรายร่วมกัน ข้อเสนอแนะจากที่ประชุม 1. สร้างสถานการณ์แล้วไปทําวิดีโอ อภิปราย หรือ Role play เกี่ยวกับความผิดพลาดในการให้ยา 2. นํา Tranformative Learning มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน 3. สิ่งที่สําคัญที่สุดคือปัจจัยเชิงระบบ เช่น ทีมสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพ องค์กรไม่ตระหนัก ส่งผลให้เกิด ความผิดพลาดในการให้ยาได้ ผู้ร่วมกิจกรรม 1. รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์ จิตรมนตรีหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 2. รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ รองหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 3. รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์ คมทวุ้ ีพร คุณอํานวย 4. อาจารย์ธัญยรัชต์ องค์มีเกียรติ ผู้นํากิจกรรม 5. ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา 6. ผู้ช่วยอาจารย์จิราวรรณ เผื่อแผ่ 7. ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดี เชาว์อยชัย คุณลิขิต 8. นางสาวรุ่งนภา พรหมดี เอกสารอ้างอิง Sharon Latimer, Jayne Hewitt, Rebecca Stanbrough, Ron McAndrew, Reducing medication errors: Teaching strategies that increase nursing students' awareness of medication errors and their prevention, Nurse Education Today, Volume 52, 2017, Pages 7-9, ISSN 0260-6917, https://doi.org/10.1016/j.nedt.2017.02.004. (http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0260691717300278)


NSKnowledge Management [104] Them: Innovation education strategies for nursing students อาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย ผู้นํากิจกรรมและคุณลขิิต อาจารย์ธัญยรัชต์องค์มีเกียรติคุณอํานวย ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “Innovation education strategies for nursing students ” เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2561 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้อง 702 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล บางกอกน้อย โดยมีอาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย ผู้นํากิจกรรมและ คุณลิขิต อาจารย์ธัญยรัชต์องค์มีเกียรติคุณอํานวย ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้ จากงานวิจัย Preventing medication errors ของ ริชาร์ด (Richard G. Stefanacci) และอัลเบิร์ต (Albert Riddle) พบว่ามีกรณีศึกษา นางเทเลอร์อายุ 70 ปีอาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียว วันหนึ่งในระหว่างที่ กําลังทําอาหาร ก็มึอาการเจ็บหน้าอกทันทีทันใด และมีอาการหายใจเหนื่อย เธอถูกนําส่งโรงพยาบาล และ ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็น Pulmonary embolism ในระหว่างที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลแพทย์มี คําสั่งการรักษาให้ Enoxaparin ทุก 12 ชั่วโมง และ Warfarin 3 mg.ต่อวัน และให้ INR อยู่ระหว่าง 2-3 ใน วันต่อมาเมื่อเจาะเลือดดูผล INR ได้ 1.8 แพทย์จึงมีคําสั่งการรักษาให้เพิ่มขนาดของ warfarin เป็น 4 mg.ต่อ วัน และให้เจาะเลือดอีกครั้งหลังจากนั้น 4 วัน ได้ INR 2.2 ต่อมานางเทเลอร์ได้รับการย้ายไปยังอีกหอผู้ป่วย ซึ่งมีการเปลี่ยนทีมแพทย์และพยาบาลผู้ให้การดูแลรักษา และเป็นวันหยุดทําการพอดีซึ่งแพทย์จะไม่ได้มาดูแล ผู้ป่วยด้วยตนเอง แต่จะรับข้อมูลผู้ป่วยผ่านทางโทรศัพท์โดยการรายงานของพยาบาลประจําหอผู้ป่วยนั้น เมื่อ พยาบาลรายงานข้อมูลเกี่ยวกับนางเทเลอร์ที่ว่า INR 2.2 และได้รับ warfarin 4 mg.ต่อวัน แพทย์จึงสั่งให้ ได้รับยา warfarin 4 mg.ต่อวัน ต่อไปก่อน และให้มาเจาะเลือดดู INR อีกครั้งใน 1 สัปดาห์หลังจากนั้น 2 วัน พยาบาลมาพบว่านางเทเลอร์นอนหมดสติไม่มีการตอบสนองใดๆ ซึ่งพบว่าเกิด Intracranial hemorrhage ซึ่งเกิดจาก medical error จากการที่พยาบาลไม่ได้รายงานให้แพทย์ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วย ได้รับยาละลายลิ่มเลือดมากกว่า 1 ชนิด ทีมแพทย์และพยาบาลไม่ได้มาดูผู้ป่วยอย่างละเอียดทั้งข้อมูล ประวัติ การรักษา และยาที่ได้รับ จึงทําให้แพทย์มีคําสั่งการรักษาที่ผิดพลาด ทําให้ไม่มีการเจาะเลือดดูINR ที่เร็วกว่า 1 สัปดาห์และทําให้ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดที่มากเกิน จึงทําให้เกิดภาวะแทรกซ้อนกับผู้ป่วยได้ จากกรณีศึกษานี้จึงได้มีการนําเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้คือ 1. แผนการรักษาเกี่ยวกับยาที่ได้รับ คือต้องตระหนักถึงความสําคัญเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วยได้รับมาก่อนหน้านี้ยาที่ได้รับในปัจจุบัน อาการแพ้ ยา ยาที่ต้องเฝ้าระวัง เช่นยาในกลุ่ม Anticoagulant 2. วิถีทางการให้ยา ต้องมีการบันทึกและให้ยาอย่างถูกวิธีและถูกทาง โดยต้องมีการติดตามอาการการเปลี่ยนแปลงของ ผู้ป่วยหลังได้รับยา ชนิดและขนาดของยาที่ได้รับ รวมถึงยาที่ผู้ป่วยไม่ได้รับแล้วว่าผู้ป่วยไม่ได้รับยานั้นแล้วจริง หรือไม่


NSKnowledge Management [105] 3. การทําแนวทางการปฏิบัติ เพื่อให้มีการระมัดระวังและมีแนวทางการรักษาไปในแนวเดียวกันในทีมแพทย์และพยาบาลที่ให้การ ดูแลรักษาผู้ป่วย ควรมีการจัดทําแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเฝ้าระมัดระวังยาที่อันตราย อาจเกี่ยวกับความรู้ หรือการรักษา และการเฝ้าระมัดระวัง รวมถึงการให้การพยาบาล 4. สรุปยาที่ผู้ป่วยได้รับ ควรมีใบบันทึกสรุปยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งหมด ระบุถึงรายละเอียด เกี่ยวกับยา ชื่อยา ขนาด ปริมาณ ความถี่ของการรับยา และวิถึทางการให้ยา 5. พัฒนาระบบการให้บริการ ควรมีการนําเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น เช่นการบันทึกข้อมูลผู้ป่วยลงในระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถ สื่อสารใหท้ ีมแพทย์และพยาบาลสามารถอ่านข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา 6. คุณภาพของการให้บริการ คงไว้ซึ่งมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนําเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆของ ผู้ป่วย สรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1. ในโรงพยาบาลศิริราชมีการนําเทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆมาใช้ในการเก็บข้อมูลผู้ป่วย ค่า ผลเลือดทางห้องปฏิบัติการต่างๆ มาใช้ทําให้ทีมแพทย์และพยาบาลสามารถเปิดข้อมูลของผู้ป่วยได้ครบถ้วน รวมถึงบุคลากรด้านต่างๆที่มีส่วนร่วมในการรักษา สามารถที่จะเข้าถึงข้อมูลได้เช่นกัน 2. ในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชมีการทําโครงการหรือแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับยา อันตรายหรือยาที่ต้องเฝ้าระมัดระวัง โดยมีการนําป้ายไว้ที่ปลายเตียงของผู้ป่วย หรือมีเอกสารที่แฟ้มของ ผู้ป่วย 3. ควรมีการทําคลินิกเฉพาะทาง เพื่อให้แพทย์และพยาบาลมีความตระหนักถึงภาวะแทรกซ้อนหรือ อาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย สิ่งที่ต้องระมัดระวังและยาที่ผู้ป่วยได้รับ ผู้ร่วมกิจกรรม ผู้ร่วมกิจกรรม 1. รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์ จิตรมนตรี หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 2. รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ รองหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 3. รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร 4. อาจารย์ธัญยรัชต์ องค์มีเกียรติ 5. ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา 6. ผู้ช่วยอาจารย์จิราวรรณ เผื่อแผ่ 7. ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดี เชาว์อยชัย เอกสารอ้างอิง Richard G. Preventing medication errors. Geriatric Nursing.2017.


NSKnowledge Management [106] Them: การทาบทเรํ ียนออนไลน์แบบ SPOC อาจารย์ปิยาภรณ์เยาวเรศ ภาควิชาศัลยศาสตร์ผู้นํากิจกรรม ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง “การทําบทเรียนออนไลน์แบบ SPOC” เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.00-16.00 น. ณ ห้อง 503 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บางกอกน้อย โดยมีอาจารย์ปิยาภรณ์เยาวเรศ ภาควิชาศัลยศาสตร์ผู้นํากิจกรรม ซึ่งมีรายละเอียดต่อไปนี้ เป้าหมายของมหาวิทยาลัย เพื่อให้การพัฒนาด้านการศึกษาและการเรียนการสอนของ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตามแผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ๒๕๕๙ – ๒๕๖๒ ด้านที่๒ Excellence in Outcome-based Education for Globally Competent Graduates ที่มุ่งหวังสร้างบัณฑิตให้สามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ทั้งด้านความรู้ทักษะ คุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะเพื่อเป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง การสร้างและพัฒนาอีเลิร์นนิ่ง (e-Learning) ของมหาวิทยาลัยมหิดล มีขั้นตอนการดําเนินการดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ANALYSIS การวิเคราะห์รายวิชาเพื่อพัฒนาเป็นบทเรียนออนไลน์โดยวิเคราะห์จาก ลักษณะรายวิชา วิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมาย / พื้นฐานและความพร้อมของผู้เรียน รวมถึงวิเคราะห์รูปแบบการจัดการเรียนการสอนและ ระยะเวลา ขั้นตอนที่ 2 DESIGN การออกแบบรายวิชา โดยเริ่มจาก การกําหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ (Learning objective) และ ผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning outcome) รวมถึงออกแบบการเรียนรู้บทเรียน สื่อและรูปแบบการนําเสนอ แบบฝึกหัด การจัดกิจกรรมโครงการ การวัดผล การมีส่วนร่วมของผู้เรียน และการเรียนเป็นกลุ่ม ซึ่งใน ขั้นตอนนี้ต้องผ่านการพิจารณา และปรับแก้ตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณฒิด้านเนื้อหา และผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ก่อนดําเนินการในขั้นตอนที่ 3 ขั้นตอนที่ 3 DEVELOP ในขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการพัฒนาสื่อ โดยการผลิตสื่อ ตามแผนที่ได้ออกแบบไว้ในส่วนของ เนื้อหา การจัดการเรียนการสอน บทเรียน แบบฝึกหัด หลังจากนี้จะดําเนินการถ่ายทําวิดีโอโดยผู้รับผิดชอบ สอนหัวข้อนั้นๆ และตัดต่อวิดีโอ มีการเรียนเรียงเนื้อหาตามลําดับในบทเรียน และ upload ขึ้นระบบออนไลน์ หลังจากนั้นมีการทดสอบระบบ ทดลองเรียน ประเมินผลการเรียนระหว่างสอน และปรับปรุงคุณภาพสื่อและ รูปแบบการสอน ในขั้นตอนนี้จะมีข้อกําหนดเกี่ยวกับคุณภาพสื่อ ได้แก่ความชัดเจนของตัวหนังสือ ขนาดภาพ และวิดีโอ ความยาวของเนื้อหาแต่ละส่วนไม่เกิน 10 นาทีหลังบทเรียนแต่ละช่วงจะต้องทําแบบฝึกหัด นอกจากนี้ต้องคํานึงถึงลิขสิทธิ์ของสื่อทั้งภาพและวิดีโอ ต้องมีการขออนุญาตใช้หรือต้องบอกที่มาทุกสื่อ


NSKnowledge Management [107] ขั้นตอนที่ 4 IMPLEMENT เริ่มจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์กระตุ้นการเรียนของผู้เรียนผ่านระบบออนไลน์รวมถึงสํารวจ และวิเคราะห์พฤติกรรม / ความสม่ําเสมอของการเข้าเรียน การมีส่วนร่วมของผู้เรียนในระบบออนไลน์โย ผู้สอนสามารถเข้าดูในระบบออนไลน์ว่ามีผู้เข้าเรียนกี่คน มีการทําข้อสอบหรือไม่มีการสื่อสารระหว่างผู้เรียน และผู้สอน รวมถึงตั้งคําถามผ่าน Discussion board ขั้นตอนที่ 5 EVALUATE วิเคราะห์และประเมินผลในด้านต่างๆ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างและหลังการ จัดการเรียนการสอน หลังจากนั้นมีการวางแผนการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ซึ่งขณะนี้โครงการได้ดําเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีรายละเอียดการวิเคราะห์และประเมินผลในด้าน ต่างๆ ดังนี้ - ประเมินผลผู้เรียน ทั้งระหว่างทาง และเมื่อสิ้นสุดการจัดการเรียนการสอน - ประเมินผลโครงการ สรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1. จากการประเมินผลจัดการเรียนการสอนออนไลน์แบบ SPOC วิชาสาธารณภัยและฉุกเฉิน ด้านอาจารย์ผู้สอน พบว่าประสบปัญหาด้านการเตรียมความพร้อมเรื่อง องค์ความรู้ในการจัดทําโครงการเป็น เรื่องใหม่ที่อาจารย์ต้องแสวงหาวิธีการและองค์ความรู้, พื้นฐานความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์แตกต่าง กัน เนื่องจากนักศึกษาจํานวนมาก ในการจัด ACTIVE LEARNING จึงใช้เวลามาก, อาจารย์ห่วงเนื้อหา เนื่องจากถูกตัดทอนจากการผลิตรูปแบบวิดีโอ จึงคง e-Learning ภาคการศึกษาต้นไว้ ส่วนตัวผู้เรียน พบว่าช่วงแรกการปรับตัว ..นักศึกษามีภาระงานจากวิชาอื่น จึงทําให้การแบ่งเวลาใน การเรียนออนไลน์ไม่ดีเท่าที่ควร กิจกรรมในชั้นเรียน ทําให้ได้เรียนรู้การคิด แสดงความคิดเห็น ได้ทํางานเป็น แบ่งปันความคิดสร้างสรรค์และนักศึกษายังไม่คุ้นเคยกับการเรียนระบบนี้ ด้านสื่อการสอน WIFI ต้องสามารถรองรับจํานวนนักศึกษาที่เข้าระบบพร้อมกันได้ 2. การจัดการเรียนการสอนบทเรียนออนไลน์มีทั้งข้อดีและโอกาสพัฒนา บทเรียนออนไลน์ผู้เรียนได้ ศึกษาบทเรียนล่วงหน้าก่อนเข้าเรียนในชั้นเรียนและสามารถกลับมาทบทวนเนื้อหาในบทเรียนออนไลน์ได้ ตลอดเวลาเมื่อต้องการ โดยเฉพาะช่วงเวลาใกล้สอบ กรณีที่มีข้อสงสัย นอกจากใช้กระดานคําถามในระบบ แล้ว สามารถมาซักถามผู้สอนในชั้นเรียนได้ผู้เรียนที่มีความสนใจ ขยัน จะเข้าศึกษาได้ทุกหน่วยในรายวิชา ออนไลน์ไม่จํากัดเวลา ซึ่งแตกต่างจากการเรียนปกติที่นักศึกษาทุกคนใช้เวลาในชั้นเรียนเท่ากัน 3. พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตที่พร้อมเพื่อรองรับรูปแบบการเรียนที่เปลี่ยนแปลงไป รองรับจํานวน นักศึกษาที่มากขึ้น 4. ควรมีการปลูกฝังความรับผิดชอบ สร้างนิสัยการเรียนรู้และสร้างความคุ้นชินการเรียนระบบ ออนไลน์ตั้งแต่ปีหนึ่ง


NSKnowledge Management [108] ผู้ร่วมกิจกรรม 1. รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์ จิตรมนตรี หัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 2. รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ รองหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 3. รองศาสตราจารย์ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ 4. รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร 5. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.วรวรรณ วาณิชย์เจริญชัย 6. อาจารย์พรสินี เต็งพานิชกุล 7. อาจารย์ปิยาภรณ์ เยาวเรศ 8. ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา 9. ผู้ช่วยอาจารย์จิราวรรณ เผื่อแผ่ 10. ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดี เชาว์อยชัย 11. นายบุลากร บัวหลวง 12. นางสาวเบญจภรณ์ มาตรนอก


NSKnowledge Management [109] Them: การแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยรองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์จิตรมนตรี รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์จิตรมนตรีผู้นํากิจกรรม รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์คุณอํานวย ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย คุณลิขิต ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดย ผู้นํากิจกรรม คือ รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์จิตรมนตรี, รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ คุณอํานวย และ ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดีเชาว์อยชัย เป็นคุณลิขิต เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 เวลา 12.00-13.00 น. ณ ห้อง 304 คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ จากประสบการณ์การทํางานเป็นอาจารย์ที่คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล มายาวนานกว่า 30 ปีและได้รับตําแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐานจนถึงปัจจุบัน นับว่ายาวนานและได้เรียนรู้ ประสบการณ์ต่างๆมากมาย ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดีปนกันไป ทั้งนี้ปัญหาต่างๆนับว่าผ่านมาได้ด้วยดีก็ด้วยหลายๆ อย่างที่เป็นกําลังใจและกําลังกายที่สําคัญ ไม่ว่าจะเป็นกําลังใจจากครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และตัวเองที่ทําให้ ผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคต่างๆไปด้วยกัน นับตั้งแต่เรียนจบในระดับปริญญาเอกด้วยความภาคภูมิใจ การ ทํางาน และผลงานต่างๆ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ประสบความสําเร็จมาถึงทุกวันนี้เมื่อได้มาทํางานใน คณะพยาบาลศาสตร์แห่งนี้คือสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด และเมื่อได้รับตําแหน่งหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน ทําให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเพิ่มมากขึ้น รู้ได้ถึงความรักใคร่ ปรองดอง สามัคคีกัน ของอาจารย์และ เจ้าหน้าที่ทุกคนในภาควิชานี้รู้ได้ว่าโชคดีที่ได้มาเป็นหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน มีผู้ร่วมงานที่ดีจึง ทําให้การแก้ไขปัญหาต่างๆเป็นไปในทางที่ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะมีปัญหาใดเข้ามาทุกคนก็จะร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันแก้ไขปัญหาเสมอ และด้วยหน้าที่ของหัวหน้าภาควิชา ที่ต้องบริหารงานและแก้ไขปัญหาต่างๆมากมาย หลักสําคัญที่ใช้ยึดมาโดยตลอด คือการใช้ปัญหาแก้ปัญหา การใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมมาใช้ในการบริหารงาน และสิ่งที่ได้เรียนรู้และประทับใจอีกประการหนึ่งก็คือ การที่ตนได้ไปช่วยเหลือใครไว้ไม่จําเป็นต้องมาตอบ แทนตนเอง แต่ให้ไปช่วยเหลือผู้อื่นในแบบเดียวกันต่อไป แค่นี้ก็สุขใจแล้ว เมื่อมาถึงวันนี้ก็นับว่าไม่มีสิ่งใดที่ทําให้กังวลใจ หรือเป็นห่วงอีก เพราะเชี่อมั่นในศักยภาพของ อาจารย์และเจ้าหน้าที่ของภาควิชาการพยาบาลรากฐาน ที่จะสามารถนําภาควิชาให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆไปได้ ด้วยดีโดยให้ยึดมั่นในคุณงามความดีความตั้งใจ ที่จะพัฒนาภาควิชา คณะ และมหาวิทยาลัยให้ก้าวต่อไป


NSKnowledge Management [110] ผู้ร่วมกิจกรรม 1. รองศาสตราจารย์ดร.นารีรัตน์ จิตรมนตร ีหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 2. รองศาสตราจารย์ดร.วิราพรรณ วิโรจน์รัตน์ รองหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลรากฐาน 3. รองศาสตราจารย์พัสมณฑ์ คุ้มทวีพร 4. อาจารย์ธัญยรัชต์ องค์มีเกียรติ 5. อาจารย์ทีปภา แจ่มกระจ่าง 6. ผู้ช่วยอาจารย์จิรวรรณ มาลา 7. ผู้ช่วยอาจารย์เสาวลักษณ์ สุขพัฒนศรีกุล 8. ผู้ช่วยอาจารย์นันทกานต์ มณีจักร 9. ผู้ช่วยอาจารย์วรรณฤดี เชาว์อยชัย 10. ผู้ช่วยอาจารย์รัตติกาล พรหมพาหกุล 11. ผู้ช่วยอาจารย์ศิริลักษณ ์ผมขาว 12. ผู้ช่วยอาจารย์อภิรฎี พมเสนิ


NSKnowledge Management [111] การจัดการความรู้เรื่อง Medication errors สู่การเรียนการสอนวิชาทักษะพนฐานทางการพยาบาลื้ ภาควิชาการพยาบาลรากฐานได้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Them “Innovation education strategies for nursing students ” ซึ่งภาควิชาได้เล็งเห็นปัญหา Medication error ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับ พยาบาลประจําหอผู้ป่วยและนักศึกษาพยาบาลที่ขึ้นฝึกปฏิบัติบนหอผู้ป่วย ซึ่งอาจทําให้ผู้ป่วยได้รับอันตราย จากการบริหารยาของบุคลากรทางการแพทย์ได้ภาควิชาฯจึงได้จัดทํา KM ครั้งที่ 1 เรื่อง The Causes of Medication Errors วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2561 ได้ทําการอภิปรายและวิเคราะห์สาเหตุผู้นํากิจกรรม และผู้เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์สรุปได้ดังนี้ ข้อผิดพลาดในการบริหารยาของพยาบาลและนักศึกษาพยาบาลศาสตรบณฑั ิต สาเหตุที่ทาให ํเก้ ิดข้อผดพลาดในการบร ิ ิหารยา งานวิจัยต่างประเทศ เหตุการณ์ที่อาจารย์ผู้สอนพบในนักศึกษาไทย สาเหตุที่เกิดจากพยาบาล 3 ลาดํ ับแรก - อ่อนเพลียเนื่องจากภาระงานมาก (97.8%) - ผู้ป่วยมีจํานวนมาก (89.9%) - ลายมือแพทยอ์ ่านยากและไม่สามารถอ่าน คําสั่งการรักษาได้ถูกต้อง (88.6%) สาเหตุที่เกิดจากนักศึกษาพยาบาล 3 ลําดับแรก - คํานวณยาผิด (77.4%) - ขาดความรู้เกี่ยวกับ เภสัชวิทยา (75.8%) - ลายมือแพทยอ์ ่านยากและไม่สามารถอ่าน คําสั่งการรักษาได้ถูกต้อง (72.6%) - ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารยา 7 R เช่น ให้ ยาผู้ป่วยผิดคน ถามชื่อแต่ไมถามนามสกุ่ล ให้ยาผิดวิถึทาง ไม่เซ็นต์ชื่อหลังให้ยา - การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างพยาบาลและ นักศึกษา - นักศึกษาเกรงใจ/ ไม่กล้าถามพยาบาล - ขาดความรู้เกี่ยวกับการบริหารยา - อ่านลายมือแพทย์ไม่ออกและไม่กล้าถาม - เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกปฏิบัติ - ลืมเซ็นต์ชื่อหลงใหั ้ยา สาเหตุอื่นๆ -สิ่งแวดล้อม เช่น เสียงดัง แสงสว่างไม่เพียงพอ ความเครียดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไมใช่ ้ใบ MARS ชื่อ ยา/รูปร่างยาที่คล้ายกัน เขียนยาในใบ MARS ผิด


Click to View FlipBook Version