คมู่ ือการใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
สำ� นกั ทดสอบทางการศึกษา
ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน
คมู่ ือการใชเ้ คร่ืองมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6
ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2565
จำ� นวนพิมพ ์ 500 เลม่
จัดท�ำโดย สำ� นกั ทดสอบทางการศึกษา
ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
พิมพ์ท ี่ หา้ งหุ้นส่วนจ�ำกัด โรงพิมพอ์ กั ษรไทย (น.ส.พ.ฟ้าเมืองไทย)
85-91 ซอยจรัญสนทิ วงศ์ 40 ถนนจรญั สนทิ วงศ์
แขวงบางย่ขี ัน เขตบางพลดั กรงุ เทพมหานคร 10700
โทร. 0-2424-4557 โทรสาร 0-2433-2858
ก1
คค�ำำนนำ�ำ
คู่มือการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) จัดทาขึน้ โดยมีวัตถุประสงคเ์ พื่อให้ครูผสู้ อนมีความรู้
ความเข้าใจ เกี่ยวกับเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และเพื่อให้ครูผู้สอนนาไปใช้เป็น
แนวทางสาหรับการวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ซ่ึงได้กาหนดไว้ในลักษณะของความสามารถ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ
ในการใชเ้ ทคโนโลยี
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยสานักทดสอบทางการศึกษาได้นากรอบนยิ าม
ตวั ชีว้ ดั สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนทั้ง 5 ประการ ขา้ งตน้ มาดาเนินการพัฒนาเป็นเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนตามหลักวิชาการ เพื่อให้หน่วยงาน ผู้สอน ผู้เรียนและผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย ได้มีตัวอย่างเคร่ืองมือประเมิน
และสามารถนาไประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดสมรรถนะสาคัญได้ตามเป้าหมายของหลักสูตร
โดยดาเนินการพัฒนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะของผู้เรียน ทั้ง 5 ประการ ออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ช่วงที่ 2 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ช่วงที่ 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 และช่วงที่ 4
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6 และจัดทาเป็นคูม่ ือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนเพื่ออานวยความสะดวกให้กับ
ผู้ใช้เครื่องมือ สามารถศึกษารายละเอียดของเครื่องมือประเมินแต่ละสมรรถนะ ซ่ึงมีเคร่ืองมือประเมินท่ี
หลากหลาย ได้แก่ แบบทดสอบ แบบวัดเชิงสถานการณ์ แบบประเมินแบบมาตรประมาณค่า แบบประเมินผลงาน/
ชน้ิ งาน แบบสงั เกตพฤติกรรม เป็นต้น ซ่ึงผู้เก่ียวข้องสามารถเลอื กเคร่ืองมือประเมนิ ไปใช้ประเมินผเู้ รียนได้ตาม
ช่วงเวลาท่ีเหมาะสม คู่มือนี้ได้แสดงกรอบโครงสร้างเคร่ืองมือ คาแนะนาการใช้เคร่ืองมือ วิธีการใช้เครื่องมือ
ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน และแบบสรุปผลการประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น เพ่อื อานวยความสะดวก
ให้กบั ผู้ใช้เคร่ืองมือ สามารถใชเ้ คร่ืองมือได้อย่างมีประสทิ ธิภาพและเกิดประสทิ ธผิ ลสูงสดุ
สานักทดสอบทางการศึกษา หวังเป็นอย่างย่ิงว่าคู่มือการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนเล่มนี้ จะอานวยความสะดวกให้ผู้เกี่ยวข้องท้ังสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา หน่วยงานอื่น
ท่ีเกี่ยวข้อง ศึกษานิเทศก์ ผู้สอน ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้สร้างความเข้าใจและสามารถใช้เครื่องมือ
ประเมินน้ีในการกระตุ้นและพัฒนาผู้เรียน และตดั สินผลการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ไดต้ ามเจตนารมณ์
ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 22555511(ฉ(ฉบบับับปปรรับบั ปปรรุงุงพพ.ศ.ศ. .2526506)0ในในทท่ีส่ีสุดุดกากราจรัดพสัฒรน้างา
เครื่องมือประเมินและคู่มือการใช้เครื่องมือเล่มน้ีสาเร็จได้ ด้วยความอนุเคราะห์และความร่วมมืออย่างดีย่ิง
จากคณะทางานทุกทา่ น ซึ่งต้องขอบคุณเป็นอย่างสงู ไว้ ณ โอกาสนี้
สานักทดสอบทางการศกึ ษา
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
ข2
สสาำรรบบญั ัญ
เนอ้ื หำ หน้ำ
คำนำ ก
ตอนที่ 1 บทนำ 1
1.1 หลักการและเหตุผล 1
1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1
1.3 แนวคดิ การสรา้ งเครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 2
1.4 แนวทางการใช้เครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 4
1.5 บทบาทของผู้ใช้เคร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 5
1.6 การนาผลการประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นไปใช้ 5
ตอนที่ 2 กรอบโครงสร้ำงและเครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ช้ันประถมศึกษำปีที่ 4 – 6 6
2.1 เครื่องมือประเมินความสามารถในการสอ่ื สาร 6
2.2 เครอื่ งมือประเมนิ ความสามารถในการคดิ 38
2.3 เครอื่ งมือประเมนิ ความสามารถในการแก้ปญั หา 51
2.4 เครอ่ื งมือประเมนิ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 60
2.5 เครอ่ื งมือประเมนิ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 68
บรรณำนุกรม 87
ภำคผนวก 889
- รายชอ่ื คณะทางาน 8991
1
ตตอนที่ 1
บทนำ�
1.1 หลกั กำรและเหตผุ ล ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนา
ผู้เรียนทุกคนให้เป็นมนุษย์ท่ีมีความสมดุลทั้งทางด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทย
และพลโลกท่ีดี ตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ัดทกี่ าหนดขึ้น โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพ่อื พฒั นาผู้เรียนใหเ้ ป็นคนดี
มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ ซ่ึงจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในข้อ 2 ที่มุ่งให้เกิดกับผู้เรียนเม่ือจบการศึกษาขั้นพื้นฐานกล่าวว่า
“มคี วามรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต”
ดังนั้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ฉบับนี้ ซึ่งกาหนดสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท่ีหลักสูตร
ต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนในลักษณะความสามารถไว้ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ
ในการใช้เทคโนโลยี
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนทั้ง 5 ประการดังกล่าว เป็นส่วนท่ีผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาให้เกิดข้ึน
ภายในตนเองเพ่ือให้รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนทั้งภายนอกและภายในตนเอง เรียนรู้และเติบโต ภาคภูมิใจ
ในความเปน็ ไทย ใชช้ ีวติ อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และสรา้ งสรรค์การทางาน รวมท้ังเข้าใจความหลากหลายในสังคม
สานักทดสอบทางการศกึ ษา เป็นหนว่ ยงานที่มีพันธกิจหลักในการสนับสนุนเคร่ืองมือและประเมินผล
ทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อให้บริการแก่เขตพ้ืนท่ีการศึกษาและสถานศึกษา ซ่ึงมีอานาจ
หน้าที่ในการบริการเคร่ืองมือและประเมินคุณภาพการศึกษาท่ีมีมาตรฐาน และระบบคลังเคร่ืองมือ
ในการประเมินคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นท่ีการศึกษา ท้ังด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และสมรรถนะของผู้เรียน รวมทั้งให้บริการเคร่ืองมือแก่หน่วยงานต่าง ๆ กากับติดตาม
และตรวจสอบความรู้ความสามารถพ้ืนฐาน ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะ
ของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือการนาผลไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนของครู
และการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงได้จัดทาคู่มือการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) แบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงท่ี 1
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ช่วงที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ช่วงท่ี 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 และช่วงที่ 4
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่ครูและผู้เก่ียวข้องให้สามารถ
นาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประสิทธิผล
สูงสุดต่อไป
1.2 วตั ถปุ ระสงค์
1) เพ่ือให้ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับเคร่ืองมือวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
2) เพ่ือให้ครูผู้สอนนาไปใช้เป็นแนวทางสาหรับการวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 – 6
คู่มือการใช้เครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น 1
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 2
1.3 แนวคิดกำรสรำ้ งเคร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
การสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) จะนาเสนอเน้ือหาโดยเริ่มจากความหมาย
ของสมรรถนะ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
การวดั และประเมนิ สมรรถนะผู้เรยี น และการสรา้ งและพฒั นาเคร่ืองมือสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ตามลาดบั ดังน้ี
1.3.1 ควำมหมำยของสมรรถนะ
สมรรถนะ หมายถงึ บุคลิกลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายในปจั เจกบุคคล ซึง่ ผลกั ดันใหบ้ ุคคลนั้นสามารถสร้าง
ผลการปฏิบัติงานท่ีดีหรือปฏิบัติงานที่ได้รับผิดชอบได้ตามเกณฑ์ที่กาหนด โดยความหมายในบริบทของผู้เรียน
สมรรถนะ หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมท่ีมีผลมาจากความรู้ ทักษะความสามารถและคุณลักษณะอื่น ๆ
ที่ทาให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้หรือปฏิบัติงานหรือสร้างผลงานได้โดดเด่นกว่าเพ่ือนร่วมชั้นเรียน (สานักทดสอบ
ทางการศึกษา, 2555 : 1) สอดคล้องกับที่ราชบัณฑิตยสภา (2564 : 129) ได้ให้ความหมายของคาว่า สมรรถนะ
หมายถึง ความสามารถที่แสดงออกทางพฤติกรรมและการกร ะทาในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงาน
ให้ประสบความสาเร็จ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่าง ๆ ท่ีตนมีให้เหมาะสมสอดคล้อง
กบั บรบิ ทของสงั คมและวัฒนธรรมในสถานการณท์ ห่ี ลากหลาย
สาหรับสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับของความสามารถของพฤติกรรมแต่ละบุคคล
ที่แสดงออกถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ซ่ึงประกอบด้วย ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถ
ในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (พรพิชิต ทิทา , 2561 : 7) สอดคล้องกับ
กนั ต์กนิษฐ์ ชลสีมัธยา (2562 : 5) ทก่ี ลา่ ววา่ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทกั ษะ
คุณลักษณะท่ีผู้เรียนทุกคนมีและใช้ได้อย่างเหมาะสมเพ่ือผลักดันให้ผลการปฏิบัตงิ านมีประสิทธิภาพบรรลุตาม
เป้าหมายโดยสมรรถนะท่ีสาคัญของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ดังน้ัน อาจสรุปได้ว่า สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับความสามารถพฤติกรรมของผู้เรียน
ท่ีมาจากทักษะ ความรู้ และเจตคติท้ังด้านการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้
เทคโนโลยี
1.3.2 สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน พทุ ธศกั รำช 2551
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดน้ัน จะช่วยให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะสาคัญในลกั ษณะของความสามารถ 5 ประการ ดงั น้ี (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 6 - 7)
1) ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
และประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจดั และลดปัญหา
ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วธิ ีการสือ่ สารท่ีมปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่ีมตี อ่ ตนเองและสงั คม
2) ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ
เพอ่ื การตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเอง และสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม
2 คมู่ อื การใช้เครือ่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
3
3) ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เป็นความสามารถการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปญั หา และมีการตัดสินใจทมี่ ปี ระสิทธภิ าพโดยคานึงถงึ ผลกระทบท่เี กิดข้ึนตอ่ ตนเอง สังคมและสงิ่ แวดลอ้ ม
4) ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกัน
ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ
อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียง
พฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ทสี่ ่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อืน่
5) ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร
การทางาน การแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกตอ้ งเหมาะสม และมีคณุ ธรรม
1.3.3 กำรวดั และประเมนิ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
การวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญผู้เรียน เป็นการดาเนินการที่มุ่งวัดสมรรถนะอันเป็นองค์รวม
ของความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะต่าง ๆ ไม่ควรใช้เวลามากกับการสอบวัดตามตัวช้ีวัดจานวนมาก
เป็นการวัดจากพฤติกรรมการกระทาการปฏิบัติท่ีแสดงออกถึงความสามารถในการใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ
และคุณลักษณะต่าง ๆ ตามเกณฑ์การปฏิบัติ (Performance Criteria) ที่กาหนดเป็นการวัดอิงเกณฑ์ มิใช่อิงกลุ่ม
และมีหลักฐานการปฏิบัติ (Evidence) ใช้ตรวจสอบได้ การวัดและประเมินผลสมรรถนะนี้เน้นการใช้
การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) จากสิ่งท่ีผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงและความก้าวหน้า
ในการปฏิบตั งิ าน เช่น การประเมินจากการปฏบิ ัติ (Performance Assessment) หรอื การประเมินโดยใช้แฟ้ม
สะสมผลงาน (Portfolio Assessment) รวมถึงการประเมินตนเอง (Self-Assessment) และการประเมิน
โดยเพื่อน (Peer Assessment) การวัดและประเมินผลท่ีใช้สถานการณ์เป็นฐาน เพื่อให้บริบทการวัด
และประเมินตรงตามสภาพจริง การประเมินไปตามลาดับข้ันของสมรรถนะที่กาหนด หากไม่ผ่านการประเมิน
จะต้องไดร้ ับการพฒั นาและประเมินอีกคร้ังจนกระทั่งผ่านการประเมิน จึงจะกา้ วไปสู่ขัน้ ต่อไป ส่วนการรายงานผล
เป็นการให้ข้อมูลพัฒนาการและความสามารถของผู้เรียนรายบุคคลตามเกณฑ์ที่กาหนดในแต่ละระดับช้ัน
(สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2562 : 25) สอดคล้องกับสานักวิชาการ
และมาตรฐานการศึกษา (2554 : 91) ท่กี ล่าวว่า การประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนควรใชว้ ธิ ีการประเมิน
ที่เน้นการปฏบิ ตั ิ และบรู ณาการอยู่ในกระบวนการเรียนการสอนไม่ควรแยกประเมนิ ตา่ งหาก
ดังนั้น สานักทดสอบทางการศึกษา ในฐานะที่มีบทบาทในการสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมินที่ได้
มาตรฐาน จงึ ไดด้ าเนินการจัดทาเครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนและคู่มอื การใชเ้ คร่ืองมือประเมิน
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) เพ่อื เปน็ แนวทางให้ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาตลอดจนผูส้ นใจไดน้ าไปใช้ตอ่ ไป
1.3.4 ขั้นตอนกำรสรำ้ งและพฒั นำเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
การสร้างและพัฒนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ดาเนินการโดยคณะทางาน
ที่ได้รับการแต่งตั้งประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอน อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้เช่ียวชาญของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อช่วยพิจารณาในการสร้างเครื่องมือ
และแก้ไขตรวจสอบความถูกต้องตามหลักการของการสร้าง และพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผ้เู รยี น โดยมขี ั้นตอนดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้
คู่มือการใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น 3
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
4
1) ศึกษาทฤษฎี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) และทฤษฎที เ่ี กี่ยวขอ้ งกับสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นเพ่ือกาหนดกรอบโครงสร้างเคร่ืองมือประเมนิ
2) วิเคราะห์กรอบโครงสร้างเครื่องมือสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน โดยนาความรู้จากการศึกษา
ทฤษฎีและหลักสูตรมากาหนดกรอบโครงสรา้ งเครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
3) สร้างเคร่ืองมือประเมิน โดยแต่งตั้งคณะทางานสร้างเคร่ืองมือประเมิน ประกอบด้วย ผู้อานวยการ
สถานศึกษา รองผู้อานวยการสถานศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศก์ ครูและนักวิชาการ สร้างเคร่ืองมือ
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามกรอบโครงสรา้ งที่กาหนด และเปิดโอกาสให้ผทู้ ีม่ สี ว่ นไดส้ ่วนเสยี แสดงความคิดเห็น
4) หาคุณภาพด้านความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบความเที่ยงตรง
เชิงเน้ือหาของเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ ผ่านกระบวนการวิพากษ์และปรับปรุงแก้ไขเพ่ือให้ได้
เครอื่ งมอื ทม่ี ีคุณภาพ
5) ปรับปรุงเคร่ืองมือ โดยแต่งตั้งคณะทางานเพ่ือบรรณาธิการกิจปรับปรุงแก้ไข เคร่ืองมือประเมิน
ตามความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ จนได้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผูเ้ รยี นทง้ั 5 สมรรถนะ ท่มี รี ปู แบบของเครื่องมอื ประเมินทหี่ ลากหลายทุกระดับชนั้
6) จัดฉบับและจัดทาคู่มือ โดยแต่งต้ังคณะทางานจัดฉบับและจัดทาคู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมิน
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนแต่ละช่วง ได้แก่ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 – 3 และชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6
ศศกึ กึ ษษาาททฤฤษษฎฎแี แี ลละะหหลลักักสสูตูตรร
ววเิ คเิ ครราาะะหห์กก์ รรออบบโคโครรงงสสรรา้ ้างง
สสรรา้ ้างงเคเครรอ่ื ่อื งงมมอื ือปปรระะเมเมนิ นิ
หหาาคคณุ ุณภภาาพพดด้าา้นนคคววาามมเทเที่ยี่ยงงตตรรงงเชเชิงงิเนเนอ้ื ือ้ หหาา
ปปรรับับปปรรุงงุเคเครรอื่ ่อื งงมมอื อื
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 จจดั ดั ฉฉบบบั ับเคเครรอ่ื อื่ งงมมือือปปรระะเมเมนิ นิ แแลละะจจดั ัดททา�ำคคู่มมู่ ืออื
แผนภาพแสดงข้นั ตอนการสรา้ งและพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
ขอ้ จากดั ในการสร้างและพฒั นาเคร่ืองมือ เนื่องจากการสรา้ งและพัฒนาเคร่ืองมือดาเนินการในช่วง
สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของเช้ือไวรสั โคโรนา - 2019 จึงไมส่ ามารถนาเครื่องมอื ไปทดลองใช้กบั ผ้เู รียนได้
1.4 แนวทำงกำรใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
การนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนที่พัฒนาขึ้นไปใช้น้ัน ครูผู้สอนสามารถนาไปใช้
ในการจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนได้ โดยมีแนวทางการ
ดาเนินการดังนี้
1) ศึกษา วเิ คราะห์ หลักสตู ร เป้าหมาย การจดั การเรียนการสอน และสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4 คู่มือการใชเ้ ครื่องมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
5
2) ศึกษาคู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน เครื่องมือท่ีใช้ในประเมินเกณฑ์ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
การให้คะแนนและตดั สนิ ผลการประเมินในแตล่ ะสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
3) เลือกใชเ้ ครอื่ งมอื ทีส่ อดคลอ้ งกบั เปา้ หมายในการพัฒนาผเู้ รยี นในแตล่ ะดา้ นใหเ้ หมาะสม
4) นาเครือ่ งมือประเมินสมรรถนะสาคัญไปใช้ในการวัดและประเมนิ ผลผู้เรียนตามชว่ งเวลาท่ีเหมาะสม
5) นาผลการวัดและประเมินไปพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรียน ให้มีระดับความสามารถ
ของสมรรถนะทเ่ี พมิ่ ขึน้
1.5 บทบาำทขในอกงผำรู้ใชน้เำคเรคอ่ืรงอ่ื มงอืมปอื รปะรเะมเินมสนิ มสรมรรถรนถะนสะ�ำสคำญั คขัญอขงอผง้เู รผยี เู้ รนยี นไปใช้
บทบาทของผู้ใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน อาจแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับสถานศึกษา ซึ่งในแต่ละ
ระดบั มบี ทบาทในการนาเครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้ ดงั น้ี
1) ระดับสำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ เป็นหน่วยงานต้นสังกัดท่ีมีหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม
อานวยความสะดวก ให้คาปรึกษา และคาแนะนาแก่สถานศึกษาในการนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รียนไปใชเ้ พอ่ื เปน็ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลในชั้นเรียน ดังน้ี
- ส่ือสาร สร้างความเข้าใจ ให้กับสถานศึกษาเก่ียวกับคู่มือและเครื่องมือประเมินสมรรถนะ
สาคัญของผู้เรยี น
- ประชุม ชี้แจง และวางแผนกับคณะทีมงานเพื่อนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนไปใช้
- เผยแพรค่ ูม่ อื และเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นแกส่ ถานศึกษาและผ้สู นใจทว่ั ไป
- ให้คาปรึกษา และคาแนะนาเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือเพ่ือพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน
ทุกระดับชั้น
- นิเทศ กากับ ติดตามการจัดการเรียนรู้และการนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนไปใช้ประเมินผ้เู รียน
2) ระดับสถำนศึกษำ มีหน้าที่หลักในการจัดการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผู้เรียน
ซง่ึ มบี ทบาทในการนาเครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้ ดังนี้
- บรหิ ารจดั การให้ครนู าเครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้ในการพัฒนาผู้เรียน
- เปิดโอกาสให้ครูได้แลกเปล่ียนเรียนรู้และสะท้อนคิดจากการนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะ
สาคัญของผู้เรยี นไปใช้ เพอ่ื การพฒั นาและยกระดบั คุณภาพสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
- จัดกจิ กจิ กรรมการเรียนรู้โดยเลือกใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท่ีเหมาะสม
กับพฤตกิ รรมการเรียนรแู้ ละเปา้ หมายการพัฒนาผเู้ รียน
- พัฒนาและต่อยอดความสามารถของผู้เรียน ด้วยการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผ้เู รียนตามแนวทางทก่ี าหนดให้
- ส่งเสริมให้นักเรียนเลือกใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของตนเอง และประเมินเพ่ือน
ตามความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้
1.6 กำารนำ� ผลกาำรประเมนิ สไปมใรชรถ้ นะส�ำคญั ของผู้เรียนไปใช้
การนาผลการประเมนิ ไปใชส้ ามารถแบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 แนวทาง ดงั นี้
1) ใช้เป็นข้อมูล ในการปรับปรุงและพัฒนาสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนให้บรรลุสมรรถนะสาคัญ
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
2) ใช้ในการประเมนิ และตัดสนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
คูม่ ือการใช้เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น 5
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
6
ตออนนทที่ ่ี22
กกรรออบบโคโครรงงสสรรา้ ำ้ งงแแลละะเเครือ่ งมือประเมินสสมมรรรรถถนนะะสสำ�ำคคัญญั ขขอองงผผเู้ รู้เยีรียนน
ชนั้ ประถมศกึ ษษำาปปที ีที่ ี่44–- 66
การพัฒนาเคร่อื งมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6 สานกั ทดสอบทางการศึกษา
ได้ดาเนินการวิเคราะห์กรอบโครงสร้างเพ่ือกาหนดตัวชี้วัดและสร้างเครื่องมือประเมินพร้อมกาหนดเกณฑ์
การประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ทงั้ 5 ประการ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
22..11คเควำรม่อื งสมำือมปำรถะใเมนินกำครวสาอื่มสสำารมารถในการส่อื สาร
กรอบโครงสร้ำงเครื่องมือประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ด้ำนควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
นยิ ำมสมรรถนะสำคญั ตวั ชว้ี ดั ลักษณะเครือ่ งมอื
ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถ 1. มีความสามารถในการรับสาร - แบบทดสอบ
ในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา อย่างมีสติ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ - แบบประเมนิ
ถา่ ยทอดความคดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรู้สึก ด้วยการฟงั การดู และการอา่ น การปฏิบัติ
และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูล 2. ใช้ภาษาถ่ายทอดความรู้ความ - แบบประเมนิ ตนเอง
ข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ เข้าใจ ความคิด ความรู้สึก และ - แบบสงั เกตพฤติกรรม
ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการ ทัศนะของตนเองด้วยการพูดและ
เจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความขัดแย้ง การเขียน
ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสาร 3. เลือกใช้กลวิธีในการส่ือสาร
ด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจน อย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงความ
การเลือกใช้วิธีการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพ รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อบรรลุ
โดยคานงึ ถึงผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและสงั คม วัตถปุ ระสงค์ในการส่ือสาร
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 เครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ด้ำนควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
จากกรอบโครงสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 สามารถนามาสร้างเครื่องมือประเมนิ แบง่ ออกเปน็ 5 ด้าน ไดแ้ ก่ ทกั ษะการฟงั และดู
ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ทักษะการเขียน และกลวิธีการส่ือสาร โดยมีเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผูเ้ รียน ดา้ นความสามารถในการสื่อสาร ดังนี้
❖ แบบทดสอบ ประกอบด้วย
- แบบทดสอบเลือกตอบ ได้แก่ แบบทดสอบท่ีมีคาตอบถูกเพียงข้อเดียว และแบบทดสอบ
เพื่อวัดเจตคติ
- แบบทดสอบเขียนตอบส้นั
❖ แบบประเมินการปฏิบตั ิ ประกอบด้วย แบบประเมินการพูด
❖ แบบประเมินตนเอง
❖ แบบสังเกตพฤตกิ รรม
6 คู่มอื การใชเ้ ครื่องมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
7
แบบทดสอบกำรฟงั และดู ชั้นประถมศึกษำปที ี่ 4 - 6
ชือ่ .........................................................................................................ชัน้ ................ ...เลขที่.............................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นดูข้อมลู ต่อไปนี้ และให้ครูอา่ นข้อความให้นกั เรียนฟัง 2 รอบ หลงั จากน้นั ให้นกั เรียนตอบ
คาถาม 10 ข้อ (ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน)
ครูอำ่ นใหน้ กั เรียนฟงั 2 รอบ แลว้ ใหน้ กั เรยี นตอบคำถำม ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
บทฟัง
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือท่ีเรียกอีกช่ือหนึ่งว่า COVID-19 ที่กาลังระบาดอยู่ในขณะนี้
มีความรุนแรงเทียบเท่ากับโรคซาร์สมากท่ีสุด ทาให้ผู้ป่วยมีอาการปอดอักเสบรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ เชื้อไวรสั
นี้สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน จากการถูกไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหล่ังของคนท่ีป่วย โดยใน
ประเทศไทยน้ัน มียอดผู้ติดเช้ือสะสมสงู โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครเป็นจังหวดั ที่มยี อดผตู้ ิดเชอ้ื สะสมสูงสุด
ดังน้นั เราควรดแู ลตนเองเพอ่ื ใหร้ า่ งกายหา่ งไกลจากเชื้อไวรสั โคโรนา่ โดยมวี ธิ ีการรบั มอื ดงั นี้
1. เช้ือไวรัสน้ีติดต่อผ่านทางลมหายใจ สารคัดหล่ัง เช่น น้ามูก น้าลาย ควรใส่หน้ากากอนามัย
เพอ่ื ป้องกนั
2. เชื้อไวรัสโคโรน่าติดต่อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เนื้อสัตว์ เช่น เน้ือหมู เน้ือวัว ควรทานแบบสุก
เท่าน้ัน ควรทานอาหารทีส่ กุ แล้ว งดอาหารดิบ และเนอ้ื สัตวป์ ่า
3. หมั่นล้างมือให้สม่าเสมอด้วยสบู่ หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นมากกว่า 70%
จงึ จะสามารถฆ่าเช้ือโรคได้
4. ไมอ่ ย่ใู กล้ชดิ ผู้ป่วยที่ไอ จาม นา้ มูกไหล มีไขส้ ูง เหน่ือยหอบ เจ็บคอ
คมู่ ือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รียน 7
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 8
5. หลีกเล่ียงการอยู่ในสถานท่ีแออัด มีมลภาวะเป็นพิษ หรือท่ีสาธารณะ หากจาเป็นควรสวม
หนา้ กากอนามยั ตลอดเวลา และให้ความร่วมมอื ในการตรวจวัดอุณหภูมเิ ขา้ สถานท่ีสาธารณะ
6. ระมัดระวังการสัมผัสพ้ืนผิวท่ีไม่สะอาด และอาจมีเช้ือโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งท่ีมีคนจับบ่อยคร้ัง
เช่น ท่ีจับบน BTS, MRT, Airport Link ที่เปิด-ปิดประตูในรถ กลอนประตูต่าง ๆ ก๊อกน้า ราวบันได ฯลฯ
เม่ือจับแล้วอย่าเอามือสัมผัสหน้า และข้าวของเคร่ืองใช้ส่วนตัวต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า ฯลฯ
และไมค่ วรนามอื มาสมั ผัสตา จมกู ปาก ถา้ ไม่จาเป็น
7. ไม่ใช้สงิ่ ของร่วมกบั ผู้อน่ื เชน่ ผา้ เชด็ หนา้ แกว้ น้า ฯลฯ
8. ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ ปวดหัว อ่อนเพลีย หายใจเหน่ือยหอบ
ใหส้ วมหนา้ กากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทนั ที
เม่ือนักเรยี นได้ฟงั และดขู ้อมูลแล้วจงตอบคำถำมต่อไปนี้ (ขอ้ ละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน)
1. เชอ้ื ไวรสั COVID-19 ตดิ ต่อผ่านวธิ ใี ด (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ .....เ.ฉ..ล...ย...:..ต...ดิ ..ต..อ่...ผ..่า..น...ท..า..ง..ล..ม...ห...า..ย..ใ.จ....ส..า..ร..ค...ดั ..ห...ล..ั่ง...เ.ช...่น....น..้า..ม...กู ...น...้า..ล..า..ย...........................................................
2. แอลกอฮอลท์ ่สี ามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ควรมีความเข้มขน้ เท่าไร (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ....เ..ฉ..ล..ย....:..แ..อ...ล..ก..อ...ฮ..อ..ล...์ท...ม่ี ..ีค..ว...า.ม...เ.ข...้ม..ข..้น...ม..า..ก...ก..ว..่า....7.0...%.....จ..ึง..จ..ะ..ส...า..ม..า..ร..ถ..ฆ...่า..เ.ช..ื้อ...โ.ร..ค...ไ.ด..้....................................
3. จงั หวดั ใดในประเทศไทยมีจานวนผู้ติดเชือ้ สะสมสงู ท่สี ดุ (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ...เ..ฉ..ล..ย....:..ก..ร..ุง..เ.ท...พ...ม..ห...า..น..ค...ร.........................................................................................................................
4. เมอ่ื นกั เรียนต้องไปอยู่ในที่สาธารณะ ควรปฏิบัตติ นอยา่ งไร (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ...เ.ฉ..ล..ย....:.ค..ว..ร..ใ.ส..่ห...น..า้..ก..า..ก..อ..น..า..ม..ยั .../...ห..ม..ัน่...ล..้า.ง..ม..ือ..ใ.ห...ส้ ..ม..่า..เ.ส..ม..อ..ด..้ว..ย..ส..บ..ู่./...เ.ช..ด็..ด..้ว..ย..แ..อ..ล..ก..อ..ฮ..อ...ล..ท์ ..่มี..คี..ว..า..ม..เ.ข..้ม..ข..้น...ม..า..ก..ก..ว..า่ ..7..0. %
5. เราควรไปพบแพทยเ์ ม่อื มอี าการลกั ษณะใด (ตอบ 3 คาตอบ)
ตอบ (1) ............................................... (2) ............................................... (3) ...............................................
เฉลย : มอี าการไข้ / มีอาการระบบทางเดินหายใจ / ไอ / เจบ็ คอ / ปวดหวั / ออ่ นเพลีย / หายใจเหนือ่ ยหอบ
6. ควรหลกี เลีย่ งการใกล้ชดิ กับผู้ปว่ ยท่ีมีอาการลกั ษณะใด (ตอบ 3 คาตอบ)
ตอบ (1) ............................................... (2) ............................................... (3) ...............................................
เฉลย : ไม่อยใู่ กลช้ ิดผ้ปู ่วยทไ่ี อ / จาม / นา้ มกู ไหล / มไี ขส้ ูง / เหนอ่ื ยหอบ / เจบ็ คอ
7. หากนกั เรียนจับราวบนั ไดในหา้ งสรรพสินค้าแล้ว ไม่ควรทาสิ่งใดหลงั จากนั้น (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ...เ.ฉ..ล..ย....:..เ.ม..อ่ื...จ..ับ..แ..ล...้ว..อ..ย..า่..เ.อ..า..ม..อื...ส..มั..ผ...สั ..ห..น...า้ ...แ..ล..ะ..ข..า้..ว..ข..อ..ง..เ.ค..ร..อื่...ง.ใ..ช..้ส..่ว..น..ต...วั ..ต..า่ ..ง...ๆ...เ.ช...น่ ...โ..ท..ร..ศ..พั...ท..์ม...ือ..ถ..อื....ก..ร..ะ..เ.ป...๋า...ฯ.ลฯ
และไม่ควรนามอื มาสมั ผสั ตา จมกู ปาก ถ้าไม่จาเป็น
8. เพื่อนของนักเรียนลา้ งมือด้วยเจลแอลกอฮอลบ์ ่อยครง้ั เพื่ออะไร (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ...เ.ฉ..ล...ย...:..ฆ...่า..เ.ช..อื้...โ.ร..ค.....................................................................................................................................
9. หากไม่มีการตรวจวัดอณุ หภมู ิก่อนเข้ารา้ นสะดวกซ้ืออาจเกดิ ผลเสียอยา่ งไรบ้าง (ตอบ 1 คาตอบ)
ตอบ ...เ.ฉ..ล...ย...:..อ...า..จ..ม..ีบ...ุค..ค...ล..ท...ีเ่ .ป...น็ ..โ..ร..ค..เ..ข..า้ ..ไ.ป...ใ.น...ร..้า..น....ท...า..ใ.ห..้เ..ก..ดิ..ก...า..ร..ต..ิด...ต..่อ..ก...นั ..ไ..ด..้....................................................
8 คมู่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
9
10. หากเพ่ือนมีไข้สูง ไอบ่อยครัง้ แต่ไมย่ อมไปพบแพทย์ นกั เรยี นเห็นดว้ ยกบั การกระทาของเพ่ือนหรอื ไม่
เพรตาอะบอ.เะ.ฉ.ไ.ล.ร..ย.(.ต.:..อไ..มบ..่เ.ห.1..็น..ค.ด.า.้ว.ต.ย..อ..เบ.พ..).ร..า..ะ..เ.ม...ื่อ..ม...ีอ..า..ก..า..ร..ด...งั ..ก..ล..า่..ว..ค...ว.ร..ไ..ป...พ..บ...แ..พ...ท...ย..์เ.พ...่ือ..เ..ข..้า..ร..ับ...ก..า..ร..ต..ร..ว...จ..แ..ล..ะ...ร..ัก..ษ...า..ใ.ห...้ห...า.ย......
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนนข้อ 1 - 10
2 คะแนน ตอบถูกครบถว้ นทกุ ประเด็น
1 คะแนน ตอบถูกต้องเป็นบางส่วน ขาดรายละเอียดท่ีจาเป็น
0 คะแนน ไม่ตอบ / ตอบผดิ / คาตอบไมส่ อดคล้อง
เกณฑ์ตดั สินระดบั คณุ ภำพ
คะแนน ระดับคุณภำพ
15 – 20 ดี
9 – 14
0–8 พอใช้
ปรับปรุง
เกณฑ์ตดั สินระดบั คุณภำพกำรประเมินผลรวมแบบทดสอบทกั ษะกำรฟังและดู
คะแนน ระดบั คุณภำพ
16 – 20 ดีเยีย่ ม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0–5 ปรับปรงุ
กำรแปลผลคะแนนทักษะกำรฟงั และดู
ระดบั คณุ ภำพ คำอธิบำย
มีสติและมีมารยาทในการฟังตลอดเวลา สามารถตอบคาถามจากเร่ืองที่
ดีเยีย่ ม เก่ียวข้องกับสถานการณ์ในชุมชน สังคมได้ถูกต้องทั้งหมด และสรุปประเด็น
สาคญั ของเรอ่ื งทฟี่ งั ไดถ้ ูกต้อง
ดี ฟังแลว้ บอกประเด็นสาคัญ ข้อคิด และประโยชน์ที่ได้รับได้
พอใช้ ฟงั แลว้ บอกประเด็นสาคญั หรือวตั ถปุ ระสงค์ได้
ปรบั ปรุง ฟังแลว้ บอกขอ้ มลู และแสดงความรู้สึกได้
คมู่ อื การใช้เคร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน 9 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
10
แบบสรปุ กำรประเมินกำรฟังและดู ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการสื่อสาร
คาช้ีแจง โดยประเมนิ จากพฤติกรรมการฟงั และดู
ผปู้ ระเมิน ใหผ้ ูป้ ระเมินให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งท่ผี ู้เรยี น
มีระดับคุณภาพท่สี อดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินการฟงั และดู
นักเรียนประเมินตนเอง ครู
เพือ่ นนักเรียน ผู้ปกครอง
ผู้ประเมิน ชอื่ .....................................................................นามสกุล.......................................... ...........................
คะแนนที่ได้ ระดับคุณภำพ
จำกกำรทำ
เลขที่ ชือ่ -สกลุ แบบทดสอบ ดเี ยยี่ ม ดี พอใช้ ปรบั ปรุง หมำยเหตุ
1 (20)
2
3
4
...
วิธกี ำรใชเ้ ครอ่ื งมือ
จากเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสาร
เป็นแบบทดสอบประกอบดว้ ย แบบทดสอบการฟงั และดู (เขียนตอบสน้ั )
การใช้เครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลข้างตน้ สามารถใชใ้ นการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รยี น ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ข้ึนไป
และการประเมินผลรวมแบบทดสอบทักษะการฟังและดูและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคุณภาพอยู่ใน
ระดบั ดี ขนึ้ ไป
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 10 คู่มอื การใชเ้ คร่ืองมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผ้เู รียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
11
แบบประเมินควำมสำมำรถกำรพูดนำเสนอโครงงำน ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6
(สำหรับครู)
ชอ่ื .............................................................................................................ช้ัน............ .......เลขท.ี่ .........................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นพูดนาเสนอโครงงานทนี่ ักเรยี นไดร้ บั มอบหมาย โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์การให้คะแนนดังต่อไปนี้
ระดับควำมสำมำรถ
รำยกำรประเมนิ 54321 0
1. การนาเสนอเนือ้ หา (10 คะแนน) มคี รบทง้ั 5 มี 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
1.1 ช่อื โครงงาน องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
1.2 ทม่ี าและความสาคญั (10 คะแนน) (8 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ทงั้ 5 ขอ้
1.3 วตั ถปุ ระสงค์ (0 คะแนน)
1.4 วิธกี ารดาเนนิ งาน
1.5 ประโยชน์ท่ีได้รับ
2. การใช้ภาษา (3 คะแนน) มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
2.1 การออกเสยี งถกู ตอ้ งตาม องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
(3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทัง้ 3 ขอ้
อกั ขรวธิ ี (0 คะแนน)
2.2 พดู เป็นธรรมชาติ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม
3. บคุ ลกิ ภาพ (3 คะแนน) มคี รบทงั้ 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
3.1 น้าเสยี ง องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
3.2 ความม่นั ใจ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทัง้ 3 ข้อ
3.3 ท่าทางประกอบ (0 คะแนน)
4. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
4.1 ใชส้ ือ่ ประกอบการนาเสนอ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
4.2 มีตวั อย่างชนิ้ งาน (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทั้ง 3 ข้อ
4.3 รปู แบบการนาเสนอนา่ สนใจ (0 คะแนน)
5. เวลา (1 คะแนน) ใชเ้ วลาพูด ใชเ้ วลาพดู
เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม
(1 คะแนน) (0 คะแนน)
เกณฑ์ตดั สินระดับคณุ ภำพ ระดบั คุณภำพ
คะแนน ดี
15 – 20
9 – 14 พอใช้
0–8 ปรบั ปรุง
เกณฑ์ตดั สินระดบั คณุ ภำพกำรประเมนิ ผลรวมแบบประเมินกำรพูดนำเสนอโครงงำน
คะแนน ระดับคุณภำพ
16 – 20 ดีเยยี่ ม
11 – 15 ดี ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
6 – 10 พอใช้
0 – 5 ปรบั ปรงุ
ค่มู ือการใชเ้ คร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน 11
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
12
กำรแปลผลคะแนนกำรพดู นำเสนอโครงงำน
ระดบั คุณภำพ คำอธิบำย
พดู เกีย่ วกับสถานการณ์ในชมุ ชน สงั คมผา่ นสือ่ ทห่ี ลากหลาย โดยปราศจากอคติ
ดเี ยย่ี ม ถกู ต้อง ตรงประเด็น มีคุณคา่ ในมิตติ ่าง ๆ อยา่ งสร้างสรรค์ มีจดุ มงุ่ หมายและ
ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์โดยคานึงถึงผลกระทบและการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คม
ดี เกดิ ประโยชน์ต่อตนเอง กลุ่ม และสงั คม
พอใช้ พดู บอกประเด็นสาคญั ข้อคิด และประโยชน์ท่ไี ดร้ บั ได้
พดู บอกประเดน็ สาคัญหรือวตั ถปุ ระสงค์ได้
ปรับปรงุ พูดบอกข้อมลู และแสดงความรู้สึกได้
แบบสรุปกำรประเมนิ กำรพูดนำเสนอโครงงำน ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 4 – 6
วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนด้านความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมินจากพฤติกรรมการพดู
คาชีแ้ จง ใหผ้ ้ปู ระเมินให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งท่ีผูเ้ รยี น
มีระดบั คุณภาพที่สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินการพูด
ผูป้ ระเมนิ นักเรยี นประเมินตนเอง ครู
เพอื่ นนักเรยี น ผู้ปกครอง
ผ้ปู ระเมิน ช่อื .....................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไ่ี ด้จำก ระดับคณุ ภำพ
กำรพดู นำเสนอ
เลขที่ ชอื่ -สกลุ โครงงำน ดเี ยี่ยม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ หมำยเหตุ
1 (20)
2
3
4
...
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 วิธีกำรใชเ้ ครอื่ งมือ
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสารเป็นแบบประเมิน
การปฏิบตั ิทักษะการพดู
การใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รยี นชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ขึ้นไป
และการประเมินผลรวมแบบประเมินการพูดนาเสนอโครงงานและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคุณภาพอยู่ใน
ระดับดี ขึน้ ไป
12 ค่มู อื การใชเ้ ครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
13
แบบประเมนิ กำรพูด ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 – 6
(สำหรับนักเรียน)
ชอ่ื .............................................................................................................ชน้ั ....... ............เลขท.ี่ .........................
โรงเรยี น ...............................................................................................................................................................
คำชี้แจง ให้นักเรียนพูดนาเสนอโครงงานท่ีนักเรียนได้รับมอบหมาย โดยพิจารณาตามเกณฑ์การให้คะแนน
ดังตอ่ ไปน้ี
รำยกำรประเมิน
1. การนาเสนอเน้ือหา (10 คะแนน)
1.1 ชื่อโครงงาน
1.2 ที่มาและความสาคญั
1.3 วตั ถปุ ระสงค์
1.4 วธิ ีการดาเนินงาน
1.5 ประโยชน์ที่ได้รับ
2. การใชภ้ าษา (3 คะแนน)
2.1 การออกเสยี งถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี
2.2 พดู เปน็ ธรรมชาติ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม
3. บคุ ลิกภาพ (3 คะแนน)
3.1 นา้ เสียง
3.2 ความมนั่ ใจ
3.3 ทา่ ทางประกอบ
4. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน)
4.1 ใช้สอ่ื ประกอบการนาเสนอ
4.2 มีตวั อย่างชน้ิ งาน
4.3 รปู แบบการนาเสนอน่าสนใจ
5. เวลา (1 คะแนน)
คมู่ ือการใช้เครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน 13 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
14
แบบประเมนิ กำรพูด ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
(สำหรบั ครู)
ชือ่ ..........................................................................................................ช้ัน............... ....เลขที่.............................
โรงเรียน ............................................................................................................................. ..................................
แบบประเมินควำมสำมำรถกำรพูดนำเสนอ
คำช้ีแจง ให้นักเรียนอ่านข่าวหรอื สาระความรู้ จากนัน้ พูดนาเสนอหน้าชั้นเรียน โดยบอกประเด็นสาคัญหรือข้อคิด
และประโยชนไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง
เกณฑ์กำรให้คะแนนกำรพูด (20 คะแนน)
รำยกำรประเมิน ระดบั ควำมสำมำรถ
43 2 1 0
1. การนาเสนอเนื้อหา (8 คะแนน) มีครบทัง้ 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
1.1 ใจความเหมาะสม องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
1.2 มคี วามตอ่ เนอื่ ง (8 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ท้ัง 4 ขอ้
1.3 มีความสอดคล้องกบั หัวข้อ (0 คะแนน)
1.4 บอกประโยชนแ์ ละโทษของ
เรอื่ งท่นี าเสนอ มคี รบทงั้ 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
2. การใชภ้ าษา (6 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ทั้ง 3 ขอ้
2.1 การออกเสยี งถกู ตอ้ งตาม
อักขรวธิ ี (0 คะแนน)
2.2 พดู เป็นธรรมชาติ
2.3 ใช้ภาษาเหมาะสม มีครบทงั้ 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทัง้ 3 ขอ้
(3 คะแนน)
(0 คะแนน)
3.1 ใชส้ อ่ื ประกอบการนาเสนอ
3.2 มีการยกตวั อยา่ งประกอบ มีครบท้ัง 3 มี 1-2 ไมป่ รากฏ
3.3 รปู แบบการนาเสนอ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
(2 คะแนน) (1 คะแนน) ทง้ั 3 ขอ้
น่าสนใจ
4. บคุ ลกิ ภาพ (2 คะแนน) (0 คะแนน)
ใชเ้ วลาพดู ใชเ้ วลาพดู ไม่
4.1 น้าเสยี ง เหมาะสม เหมาะสม
4.2 ความม่นั ใจ (1 คะแนน) (0 คะแนน)
4.3 ท่าทางประกอบ
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 5. เวลา (1 คะแนน) ระดบั คณุ ภำพ
ดี
เกณฑ์ตัดสนิ ระดบั คุณภำพ
คะแนน พอใช้
15 – 20 ปรบั ปรุง
9 – 14
0–8
14 คู่มอื การใชเ้ คร่อื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
15
เกณฑ์ตดั สนิ ระดับคณุ ภำพกำรประเมนิ ผลรวมแบบประเมินกำรพูดนำเสนอ
คะแนน ระดับคุณภำพ
16 – 20 ดีเยยี่ ม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0–5 ปรับปรุง
กำรแปลผลคะแนนกำรพูดนำเสนอ
ระดบั คุณภำพ คำอธิบำย
พดู เกี่ยวกบั สถานการณใ์ นชุมชน สงั คมผา่ นส่ือทีห่ ลากหลาย โดยปราศจากอคติ
ดีเยยี่ ม ถูกต้อง ตรงประเด็น มีคุณค่าในมิติต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ มีจุดมุ่งหมาย
และตรงตามวัตถุประสงค์โดยคานึงถึงผลกระทบและการอยู่ร่วมกันในสังคม
ดี เกดิ ประโยชน์ต่อตนเอง กลุ่ม และสงั คม
พอใช้ พูดโต้ตอบกับบุคคลในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนอย่างมี
ปรับปรงุ มารยาทและจริยธรรม
พดู ส่ือสารกับบุคคลท่มี ีความแตกต่างจากตนเอง เพื่อสือ่ สาระทเ่ี ป็นประโยชน์
ต่อตนเองได้อยา่ งเหมาะสม
พดู สอื่ สารแลกเปลยี่ นประสบการณเ์ กย่ี วกับสถานการณท์ ี่แตกต่างจากตนเอง
แบบสรุปกำรประเมินกำรพูดนำเสนอ ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6
วตั ถุประสงค์ เพื่อใชเ้ ป็นเครื่องมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นด้านความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมนิ จากพฤติกรรมการพดู นาเสนอ
คาช้ีแจง ใหผ้ ู้ประเมินให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งท่ผี เู้ รยี น
มรี ะดับคุณภาพท่ีสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินการพูดนาเสนอ
ผปู้ ระเมิน นกั เรียนประเมนิ ตนเอง ครู
เพ่ือนนักเรียน ผู้ปกครอง
ผู้ประเมนิ ชื่อ.......................................................................นามสกุล........................................... ........................
คะแนนทีไ่ ด้ ระดบั คณุ ภำพ
จำกกำรพูด
เลขท่ี ชื่อ-สกลุ นำเสนอ ดเี ยี่ยม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ หมำยเหตุ
1 (20)
2
3 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
4
...
คมู่ ือการใชเ้ คร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน 15
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 16
วธิ กี ำรใชเ้ ครอื่ งมือ
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสารเป็นแบบประเมิน
การปฏบิ ตั ทิ ักษะการพูด
การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะ
สาคญั ของผู้เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ข้ึนไป
และการประเมินผลรวมแบบประเมินการพูดนาเสนอและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคุณภาพอยู่ใน
ระดบั ดี ข้นึ ไป
แบบประเมนิ กำรพูด ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
(สำหรับนกั เรยี น)
ช่ือ ............................................................................................................ชนั้ ............. ......เลขท.ี่ .........................
โรงเรยี น ..............................................................................................................................................................
คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นอา่ นขา่ วหรือสาระความรู้ จากน้ันพูดนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น โดยบอกประเดน็
สาคญั หรอื ขอ้ คิดและประโยชน์ได้ถูกต้อง
รำยกำรประเมิน
1. การนาเสนอเน้ือหา (8 คะแนน)
1.1 ใจความเหมาะสม
1.2 มคี วามต่อเน่ือง
1.3 มคี วามสอดคล้องกับหัวข้อ
1.4 บอกประโยชน์และโทษของเร่อื งทน่ี าเสนอ
2. การใชภ้ าษา (6 คะแนน)
2.1 การออกเสียงถูกต้องตามอักขรวิธี
2.2 พดู เปน็ ธรรมชาติ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน)
3.1 ใชส้ อ่ื ประกอบการนาเสนอ
3.2 มกี ารยกตัวอย่างประกอบ
3.3 รูปแบบการนาเสนอน่าสนใจ
4. บคุ ลิกภาพ (2 คะแนน)
4.1 น้าเสียง
4.2 ความม่นั ใจ
4.3 ท่าทางประกอบ
5. เวลา (1 คะแนน)
16 คู่มือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
17
แบบประเมินกำรพดู ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 - 6
(สำหรบั คร)ู
ชอื่ .............................................................................................................ช้นั ....... ............เลขท.ี่ .........................
โรงเรยี น ...............................................................................................................................................................
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนพูดหน้าชั้นเรียนเก่ียวกบั ขน้ั ตอนหรือวิธีการทาสิ่งใดสง่ิ หน่ึง เชน่ การประดิษฐส์ ่งิ ของเหลือใช้
การทาอาหาร การทาของเลน่ เป็นต้น
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนนกำรพดู (20 คะแนน)
รำยกำรประเมนิ 4 ระดับควำมสำมำรถ 0
321
1. การนาเสนอเนอื้ หา (8 คะแนน) มีครบทัง้ 4 ไม่ปรากฏ
1.1 อธิบายขน้ั ตอนได้อย่างชัดเจน องค์ประกอบ มี 3 มี 2 มี 1 องค์ประกอบ
1.2 บอกประโยชน์และความสาคัญ (8 คะแนน) องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ ทัง้ 4 ขอ้
1.3 มกี ารยกตัวอยา่ งประกอบ (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) (0 คะแนน)
ไมป่ รากฏ
1.4 เนอื้ หาครบถ้วนและถูกตอ้ ง องคป์ ระกอบ
2. การใช้ภาษา (6 คะแนน) มีครบท้งั 3 มี 2 มี 1 ท้ัง 3 ข้อ
2.1 การออกเสียงถูกต้องตาม องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ (0 คะแนน)
อักขรวธิ ี (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ไม่ปรากฏ
2.2 พดู เปน็ ธรรมชาติ องค์ประกอบ
2.3 ใช้ภาษาเหมาะสม ท้งั 3 ขอ้
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 (0 คะแนน)
3.1 ใช้ส่ือประกอบการนาเสนอ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ ไม่ปรากฏ
3.2 มีการยกตวั อย่างประกอบ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) องค์ประกอบ
3.3 รูปแบบการนาเสนอนา่ สนใจ ท้ัง 3 ขอ้
4. บุคลกิ ภาพ (2 คะแนน) มคี รบทั้ง 3 มี 1-2 (0 คะแนน)
4.1 น้าเสียง องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ ใช้เวลาพดู
4.2 ความมั่นใจ (2 คะแนน) (1 คะแนน) ไมเ่ หมาะสม
4.3 ทา่ ทางประกอบ (0 คะแนน)
5. เวลา (1 คะแนน) ใช้เวลาพดู
เหมาะสม
(1 คะแนน)
เกณฑต์ ัดสนิ ระดบั คณุ ภำพ
คะแนน ระดบั คณุ ภำพ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
15 – 20 ดี
9 – 14
0–8 พอใช้
ปรบั ปรงุ
ค่มู ือการใชเ้ ครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน 17
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
18
เกณฑ์ตัดสนิ ระดับคณุ ภำพกำรประเมนิ ผลรวมควำมสำมำรถกำรพดู อธบิ ำย
คะแนน ระดบั คุณภำพ
16 – 20 ดีเยีย่ ม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0 – 5 ปรบั ปรุง
กำรแปลผลคะแนนควำมสำมำรถกำรพดู อธบิ ำย
ระดบั คณุ ภำพ คำอธิบำย
ดีเยย่ี ม พูดเก่ียวกับสถานการณ์ในชุมชน สงั คมผา่ นสือ่ ท่ีหลากหลาย โดยปราศจากอคติ
ถูกต้อง ตรงประเด็น มีคุณค่าในมิติต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ มีจุดมุ่งหมายและ
ดี ตรงตามวัตถุประสงค์โดยคานึงถึงผลกระทบและการอยู่ร่วมกันในสังคม
พอใช้ เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเอง กล่มุ และสงั คม
ปรับปรงุ พูดบอกประเด็นสาคัญ ข้อคิด และประโยชน์ท่ีได้รับ สามารถโต้ตอบกับบุคคล
ในสถานการณต์ ่าง ๆ
พูดบอกประเด็นสาคัญหรือวตั ถปุ ระสงค์ ส่ือสารกบั บุคคลท่ีมีความแตกตา่ ง
จากตนเอง
พูดบอกข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ท่ีแตกต่างจาก
ตนเอง และแสดงความรสู้ กึ ได้
แบบสรปุ กำรประเมินควำมสำมำรถกำรพดู อธบิ ำย ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการสื่อสาร
โดยประเมนิ จากพฤติกรรมการพดู อธบิ าย
คาชีแ้ จง ให้ผ้ปู ระเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแต่ละตอน และทาเครอ่ื งหมาย ในช่องทผ่ี เู้ รียน
มีระดับคุณภาพท่สี อดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินความสามารถการพดู อธิบาย
ผูป้ ระเมิน นกั เรียนประเมินตนเอง ครู
เพ่อื นนักเรยี น ผู้ปกครอง
ผู้ประเมนิ ชอื่ .....................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไ่ี ด้ ระดบั คณุ ภำพ
จำกกำรพูด
เลขท่ี ชอื่ -สกลุ อธบิ ำย ดเี ยีย่ ม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ หมำยเหตุ
1 (20)
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 2
3
4
...
18 คมู่ ือการใชเ้ คร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
19
วธิ กี ำรใชเ้ ครอ่ื งมือ
จากเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสารเป็นแบบประเมิน
ความสามารถการพดู อธบิ าย
การใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ข้ึนไป และการประเมิน
ผลรวมแบบประเมินความสามารถการพูดอธิบายและการแปลผลคะแนน ควรมรี ะดับคณุ ภาพอยู่ในระดับดี ขนึ้ ไป
แบบประเมินกำรพูด ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 – 6
(สำหรบั นกั เรียน)
ชอ่ื ..........................................................................................................ช้นั .......... .........เลขท่ี.............................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำช้แี จง ให้นักเรียนพูดหน้าชนั้ เรียนเก่ยี วกบั ข้นั ตอนหรือวิธีการทาสงิ่ ใดส่ิงหน่ึง เช่น การประดิษฐ์ สิ่งของเหลือใช้
การทาอาหาร การทาของเล่น เปน็ ต้น
รำยกำรประเมนิ
1. การนาเสนอเน้ือหา (8 คะแนน) ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
1.1 อธิบายขั้นตอนไดอ้ ยา่ งชดั เจน
1.2 บอกประโยชน์และความสาคัญ
1.3 มีการยกตวั อยา่ งประกอบ
1.4 เนื้อหาครบถว้ นและถกู ตอ้ ง
2. การใช้ภาษา (6 คะแนน)
2.1 การออกเสยี งถูกต้องตามอักขรวิธี
2.2 พดู เป็นธรรมชาติ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน)
3.1 ใช้สือ่ ประกอบการนาเสนอ
3.2 มกี ารยกตวั อย่างประกอบ
3.3 รปู แบบการนาเสนอน่าสนใจ
4. บุคลกิ ภาพ (2 คะแนน)
4.1 นา้ เสยี ง
4.2 ความมนั่ ใจ
4.3 ท่าทางประกอบ
5. เวลา (1 คะแนน)
คู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รียน 19
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
20
แบบทดสอบกำรอำ่ น ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 4 - 6
ชอื่ .............................................................................................................ชัน้ ............ .......เลขท่ี..........................
โรงเรยี น ............................................................................................................................. ..................................
คำชแ้ี จง อา่ นข้อความแล้วตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง (ขอ้ ละ 2 คะแนน รวม 10 คะแนน)
อ่านข้อความที่กาหนดแล้วตอบคาถาม ข้อ 1 – 3
บ่อยครงั้ ท่ีเราทาในสิ่งที่เรียกว่าความดี แต่กลับไม่มีใครมองเห็น ทีเ่ ป็นเชน่ นนั้ เพราะตัวเรามักคาดหวัง
ว่าหากเราทาความดี เราจะต้องได้สิ่งดี ๆ ตอบแทนกลับมาเสมอ ในชีวิตจริงส่ิงท่ีถูกเรียกว่าความดี มักจะ
ถูกมองข้ามไป อันที่จริงแล้วความดีนั้น ถือเป็นหน้าท่ีของทุกคนที่ควรทา เพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคม
อย่างมีความสขุ
1. ขอ้ ใดคือจุดมุ่งหมายของผ้เู ขียนข้อความนี้
1) ชีแ้ นะวิธกี ารทาความดี
2) ตักเตือนให้คนหนั มาทาความดี
3) สง่ั สอนใหเ้ ห็นคุณคา่ ของความดี
4) โน้มนา้ วใหท้ ุกคนทาความดี
เฉลย 4) ถูก เพราะ ข้อความนีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือชักจูง และโน้มน้าวให้ทุกคนในสงั คมทาความดโี ดยไมห่ วัง
ผลตอบแทน
ตัวลวง 1) ผดิ เพราะ ขอ้ ความไม่ได้กลา่ วถึงวธิ กี ารทาความดี
2) ผิด เพราะ ข้อความไม่ใชก่ ารตักเตอื น
3) ผิด เพราะ ไมใ่ ช่การสัง่ สอนและไม่ได้กล่าวถงึ คณุ ค่าของการทาความดี
2. บคุ คลในข้อใดปฏิบัตสิ อดคลอ้ งกับแนวคิดน้ี
1) ปนุ้ ช่วยคุณครูยกของไปใสใ่ นรถเพราะเหน็ วา่ คุณครูถือของหนัก
2) แป้ง ชว่ ยอธิบายการบ้านใหเ้ พอ่ื นฟังเพราะอยากเลน่ ของเล่นของเพ่ือน
3) ปอ๋ เก็บเงนิ ได้จึงนาไปให้คุณครูหาเจ้าของเพราะตอ้ งการได้คะแนนความดี
4) ปอ ทาความสะอาดห้องเรียนตามท่ีได้รับมอบหมายเพราะอยากได้รบั คาชมเชย
เฉลย 1) ถกู เพราะ พฤติกรรมของปนุ้ สอดคล้องกับแนวคิดของข้อความ คอื เป็นการทาความดีโดยไม่
หวังผลตอบแทน
ตัวลวง 2) 3) และ 4) ผดิ เพราะ ไม่สอดคล้องกบั แนวคิดของข้อความ เนื่องจากเป็นการทาความดโี ดยหวัง
ผลตอบแทน
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 20 ค่มู อื การใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
21 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
3. ขอ้ ใดคือแนวคิดสาคญั ของขอ้ ความนี้
1) การทาความดยี ่อมได้รับผลดตี อบแทน
2) การทาความดโี ดยไมห่ วังผลตอบแทน
3) การทาความดีเป็นหนา้ ท่ีของทุกคน
4) สงั คมจะเปน็ สุขถ้าทุกคนทาความดี
เฉลย 1) ถกู เพราะ แนวคิดและประเดน็ สาคัญของข้อความ กล่าวถึงการทาความดโี ดยไมห่ วงั
ผลตอบแทน ซง่ึ การทาความดีถอื เปน็ หนา้ ท่ีของทุกคนในสังคมทีจ่ ะทาใหเ้ กดิ ความ
สงบสขุ ดังนน้ั “การทาความดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน” จึงไมใ่ ชแ่ นวคิดหลักและ
ประเด็นสาคัญของข้อความ
ตวั ลวง 2) 3) และ 4) ผดิ เพราะ เป็นแนวคดิ หลักและประเด็นสาคัญของขอ้ ความ
อ่านข้อความที่กาหนดแล้วตอบคาถาม ข้อ 4 - 5
ค่านิยมที่ไม่ดีในองค์กร เป็นภัยร้ายต่อการเจริญก้าวหน้าของหน่วยงาน หากหน่วยงานใดที่
บุคลากรส่วนใหญ่ประพฤติปฏิบัติกันเป็นประจา แล้วไม่ดาเนินการแก้ไขโดยการสร้างค่านิยมใหม่ท่ีดี
เพ่ือเปล่ียนแปลงวัฒนธรรมภายในองค์กร อาจจะส่งผลให้องค์กรนั้นประสบปัญหาได้ เช่น ชอบทับถมกัน
ไม่แบ่งปันความรู้เพราะกลัวคนอ่ืนจะได้ดีกว่า โยนความผิดให้คนอื่น กีดกันความคิดคนอื่น ตาหนิโดยไม่ดู
ให้จบกระบวนการ
ฉะน้ัน ทุกคนในองค์กร ควรสร้างค่านิยมใหม่ท่ีดี ทาทุกอย่างเพ่ือให้องค์กรประสบความสาเร็จ
และอย่รู อด เพราะถ้าองคก์ รเจรญิ รุ่งเรอื ง ทุกคนก็อยู่รอด
4. ขอ้ ใดคือสาระสาคญั ที่ไดร้ ับจากข้อความท่ีอา่ น
1) ความสามัคคีทาให้องคก์ รอย่รู อดและเจรญิ รุง่ เรือง
2) ความประพฤติดที าให้องค์กรประสบความสาเร็จ
3) ความรบั ผิดชอบของคนในองค์กรทาใหเ้ กดิ ความกา้ วหน้า
4) ความเสยี สละทาใหอ้ งค์กรไดร้ ับการยอมรับ
เฉลย 2) ถูก เพราะ ขอ้ คิดของข้อความคอื “การท่คี นในองค์กรมีความประพฤตทิ ี่ดี ปฏบิ ัติดี ยอ่ มทาให้
องค์กร หรอื หน่วยงานประสบความสาเร็จ”
ตัวลวง 1) 3) และ 4) ผิด เพราะ เปน็ เพียงส่วนประกอบย่อยของแนวคิดหลักของข้อความ
5. บคุ คลในข้อใดมีพฤตกิ รรม ไม่สอดคลอ้ งกบั สาระสาคญั ของเรอื่ งท่ีอา่ น
1) นักเรยี นชว่ ยกนั ทาเวรจนไดร้ ับรางวลั หอ้ งเรียนสะอาด
2) ทีมสเี หลืองรว่ มกันรอ้ งเพลงเชียร์อย่างพร้อมเพรยี ง
3) อยุ้ ชวนเพ่ือนไปเลน่ ว่ิงไล่จับทีส่ นามหน้าโรงเรยี น
4) อง๊ิ และเพ่ือนนัดกนั ทารายงานกลมุ่ ในวันหยดุ จนสาเรจ็
เฉลย 3) ถูก เพราะ ไม่สอดคลอ้ งกบั สาระสาคัญ เนื่องจากไม่ได้เก่ียวข้องกับการทาให้สว่ นรวมเจริญก้าวหน้า
ตวั ลวง 1) 2) และ 4) ผดิ เพราะ สอดคลอ้ งกับสาระสาคัญของข้อความ
คมู่ อื การใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รยี น 21
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
22
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ข้อ 1 – 5
ตอบถูกได้ 2 คะแนน
ตอบผดิ ได้ 0 คะแนน
อา่ นข้อความท่กี าหนดแลว้ ตอบคาถาม ขอ้ 6
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสาคัญในการดาเนินชีวิตประจาวันเป็นอย่างมาก
สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลทาหน้าที่เสมือนห้องสมุดออนไลน์ ทาให้เราสามารถย่อโลกท้ังใบ
มาไวใ้ นมือไดอ้ ยา่ งง่ายดาย อยา่ งไรกต็ าม เมือ่ อนิ เทอรเ์ น็ตมีประโยชนม์ ากมาย กส็ ามารถกอ่ ใหเ้ กิดปัญหา
ตา่ ง ๆ ตามมา ไมว่ ่าจะเป็นเร่อื งความถูกต้องของข้อมลู ทไ่ี ม่ได้ตรวจสอบเสยี ก่อน การควบคมุ ข้อมูลท่ียาก
ซงึ่ เป็นภัยคกุ คามทาใหเ้ กิดการหลอกลวงต่าง ๆ ตามมา ดงั น้ัน เราอาจพดู ไดว้ ่า อนิ เทอรเ์ นต็ เปรยี บเสมือน
ดาบสองคม
6. ใหน้ กั เรยี นบอกประโยชน์และโทษของอินเทอรเ์ น็ตจากข้อความท่ีอา่ น โดยเขียนอย่างน้อย ด้านละ 2 ประเดน็
ตอบ ประโยชน์ (1) _______________________________________________________________
(2) _______________________________________________________________
โทษ (1) _______________________________________________________________
(2) _______________________________________________________________
เฉลย/แนวคำตอบ (1) เป็นแหล่งศึกษา / คน้ ควา้ ขอ้ มูล
ประโยชน์ (2) เปน็ ห้องสมุดออนไลน์
โทษ (3) สามารถย่อโลกไวใ้ นอ้งุ มือ
(4) สามารถเขา้ ถึงข้อมลู ต่าง ๆ ได้อยา่ งงา่ ยดาย
(1) ทาให้เกดิ ปัญหาและอาชญากรรม
(2) ข้อมลู บางข้อมลู ไม่ไดร้ บั การตรวจสอบกอ่ นเผยแพร่
(3) ก่อให้เกิดการหลอกลวงในดา้ นตา่ ง ๆ
(4) เสียการเรียนหากแบง่ เวลาไม่ถูก
(5) เสียสุขภาพ
เกณฑก์ ำรให้คะแนน
ตอบถูกไดด้ ้านละ 2 คะแนน (รวม 4 คะแนน)
2 คะแนน ตอบถูกครบถ้วนทุกประเด็น
1 คะแนน ตอบถูกตอ้ งเป็นบางส่วน ขาดรายละเอียดที่จาเป็น
0 คะแนน ไม่ตอบ / ตอบผดิ / คาตอบไม่สอดคล้อง
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 22 คมู่ อื การใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
23
อ่านข้อความท่กี าหนดแลว้ ตอบคาถาม ข้อ 7 – 9
เสียงไซเรนเป็นเสียงท่ีเราได้ยินเมื่อใดก็จะต้องรู้สึกว่า มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพเรสถิม่ียเหงไTลซ่าเEรนนXี้ เนTร้ันาจคอะวออรยหกู่ใลนขีกรท้อถาตสง่าใองหบๆ้หรเช3ือ่นเมขร่ือถ้อขพับยราถบอายลู่กร็ตถ้อกงู้ภหัยลบรถเขด้าับขเ้าพงลทิงาแงลเะพรื่อถใตหา้รรถวเจหซลึ่ง่าเนม้ีผื่อ่าเรนาไไปดไ้ยดิน้อเสยีย่างง
สะดวก และสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ ยกตัวอย่าง เช่น รถตารวจ เม่ือเกิดเหตุการณ์ร้ายหรือภัยต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นกับประชาชน ตารวจก็จะสามารถไปช่วยได้อย่างทันท่วงที หรือรถพยาบาล หากขับไปได้อย่าง
สะดวกกจ็ ะถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเรว็ ผปู้ ่วยมีโอกาสไดร้ ับการรกั ษาอย่างทนั ทว่ งที ลดการสญู เสยี ชวี ิต
7. ทาไมเราจงึ ต้องหลีกทางให้รถตดิ ไซเรน
ตอบ _______________________________________________________________________
8. เราจะได้ยนิ เสยี งสญั ญาณไซเรนจากรถอะไรบ้าง
ตอบ ________________________________________________________________________
9. ถา้ เราไมห่ ลกี ทางใหร้ ถตดิ ไซเรนจะสง่ ผลอย่างไร
ตอบ ________________________________________________________________________
เฉลย/แนวคำตอบ
7. เพ่ือให้รถเหล่านี้ผ่านไปได้อยา่ งสะดวก และสามารถชว่ ยเหลอื ผู้คนได้
8. รถพยาบาล รถกูภ้ ยั รถดับเพลงิ และรถตารวจ
9. เกิดความสญู เสีย ไปช่วยเหลอื ผูค้ นไม่ทนั เวลา
เกณฑ์กำรให้คะแนน ข้อ 7 – 9
ตอบถูกได้ 2 คะแนน
ตอบผดิ ได้ 0 คะแนน
เกณฑ์ตดั สนิ ระดับคุณภำพ ระดับคุณภำพ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
คะแนน ดี
15 – 20
9 – 14 พอใช้
0–8 ปรับปรุง
ระดับคณุ ภำพ
เกณฑต์ ดั สินระดับคุณภำพกำรประเมินผลรวมแบบทดสอบกำรอ่ำน ดเี ย่ียม
คะแนน
16 – 20 ดี
11 – 15 พอใช้
6 – 10 ปรับปรงุ
0–5
ค่มู ือการใช้เคร่อื งมือประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รยี น 23
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
24
กำรแปลผลคะแนนทกั ษะกำรอำ่ น
ระดับคุณภำพ คำอธิบำย
ดีเยยี่ ม ตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีอ่านได้ อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น โดยปราศจาก
ดี อคติ ลาดับเรื่องราวอย่างต่อเน่ือง สรุปประเด็น ตีความ วิเคราะห์ และ
พอใช้ ประเมนิ คุณคา่ จากเร่อื งทอี่ ่านได้อย่างถูกต้อง
ปรบั ปรุง อ่านแลว้ บอกประเดน็ สาคญั ข้อคดิ และประโยชน์ที่ได้รบั ได้
อ่านแล้วบอกประเดน็ สาคัญหรือวัตถุประสงค์ และอธบิ ายความรูส้ กึ ได้
อ่านแล้วบอกขอ้ มูล และแสดงความร้สู กึ ได้
แบบสรุปกำรประเมินกำรอำ่ น ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4 – 6
วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใชเ้ ป็นเครื่องมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมินจากพฤติกรรมการอา่ น
คาช้แี จง ใหผ้ ู้ประเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแต่ละตอน และทาเครอื่ งหมาย ในช่องทผี่ ู้เรียน
มรี ะดับคุณภาพทส่ี อดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินความสามารถการอ่าน
ผู้ประเมนิ นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง ครู
เพื่อนนักเรียน ผู้ปกครอง
ผู้ประเมนิ ชอื่ .....................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไี่ ด้ ระดับคุณภำพ
เลขท่ี ชอ่ื -สกลุ จำกกำรอำ่ น ดี พอใช้ ปรบั ปรุง หมำยเหตุ
(20) ดีเย่ียม
1
2
3
4
...
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 วิธีกำรใช้เครื่องมือ
จากเครือ่ งมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร เปน็ แบบทดสอบ
การอา่ น 2 รูปแบบ คอื แบบเลือกตอบและแบบเขียนตอบส้นั
การใช้เครื่องมือวดั และประเมินผลข้างต้น สามารถใชใ้ นการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญของ
ผเู้ รยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ขึ้นไป
และการประเมินผลรวมแบบทดสอบการอ่านและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคณุ ภาพอยูใ่ นระดับดี ขึ้นไป
24 คูม่ อื การใช้เคร่อื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
25
แบบทดสอบกำรเขียน ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 4 - 6
ชื่อ ............................................................................................................ชนั้ ........ ...........เลขท.ี่ .........................
โรงเรียน ..............................................................................................................................................................
คำชีแ้ จง ให้นักเรียนเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากข้อความต่อไปนี้
1. เทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจาวัน ซ่ึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
จงเขียนแสดงความคดิ เหน็ วา่ เทคโนโลยีการสือ่ สารมีขอ้ ดอี ย่างไร และมขี อ้ เสียอย่างไร
ใหน้ กั เรียนเขยี นแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับข้อดีและข้อเสยี อยา่ งละ 3 ประเดน็ (12 คะแนน)
ข้อดี
1) .................................................................................................................................................................
2) .................................................................................................................................................................
3) .................................................................................................................................................................
ข้อเสีย
1) .................................................................................................................................................................
2) .................................................................................................................................................................
3) .................................................................................................................................................................
เฉลย/แนวคำตอบ
ขอ้ ดี
1) ส่ือสารไดส้ ะดวกรวดเรว็
2) การคน้ ควา้ ข้อมลู
3) เพอื่ ความบันเทิง พักผ่อนหย่อนใจ
ข้อเสยี
1) มีค่าใช้จา่ ยสูง
2) กอ่ ให้เกิดปญั หาต่าง ๆ เช่น การพนนั การลอ่ ลวง การหลอกลวง
3) เสยี สขุ ภาพ เช่น ใช้เวลาไมเ่ หมาะสม ขาดมนุษยสัมพันธก์ ับคนใกลต้ วั
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
ตอบถูกให้ประเด็นละ 2 คะแนน
ตอบผิดได้ 0 คะแนน
ค่มู ือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน 25 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
26
2. กีฬามีหลายประเภท ทั้งเด่ียวและทีม ท้ังประเภทลู่ และประเภทลาน การเล่นกีฬาส่งผลดีต่อ
ร่างกายและจิตใจ
ใหน้ กั เรียนเขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับประโยชน์ของการเลน่ กฬี า 4 ประเดน็ (8 คะแนน)
1) .................................................................................................................................................................
2) .................................................................................................................................................................
3) .................................................................................................................................................................
4) .................................................................................................................................................................
เฉลย/แนวคำตอบ
1) ร่างกายแขง็ แรง / สขุ ภาพดี
2) ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์
3) ไดเ้ พอื่ นใหม่
4) ได้รจู้ กั การมีนา้ ใจนกั กฬี า
5) ลดน้าหนัก
6) มรี ายได้ / เป็นอาชพี
7) ฝึกความอดทนและมีระเบียบวนิ ัย
8) เสรมิ สร้างความมัน่ ใจและบคุ ลกิ ภาพ
9) สนุกสนานเพลิดเพลิน
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน
ตอบถูกใหป้ ระเดน็ ละ 2 คะแนน
ตอบผิดได้ 0 คะแนน
เกณฑต์ ัดสนิ ระดับคุณภำพ
คะแนน ระดบั คุณภำพ
16 – 20 ดี
10 – 14
0–8 พอใช้
ปรบั ปรุง
เกณฑ์ตัดสินระดบั คุณภำพกำรประเมินผลรวมแบบทดสอบกำรเขียน
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 คะแนน ระดบั คณุ ภำพ
16 – 20 ดีเยีย่ ม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0–5 ปรบั ปรุง
26 คมู่ ือการใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
27
กำรแปลผลคะแนนทกั ษะกำรเขยี น
ระดบั คุณภำพ คำอธบิ ำย
ดเี ย่ยี ม เขียนส่ือสารด้วยเนื้อหาที่ถูกต้อง ตรงประเด็น โดยปราศจากอคติ ลาดับเรื่องราว
อย่างต่อเนื่อง เขียนสรุปประเด็น ตีความ วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าจาก
ดี เรื่องท่ีเขียนในมิติความจรงิ ความดี และความงามแบบงา่ ยได้ เขียนเน้ือหาได้
พอใช้ อย่างสร้างสรรค์เพื่อการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม โดยใช้คาศัพท์ สานวน
ปรับปรุง โครงสร้างภาษาตามทีก่ าหนดได้อย่างถูกตอ้ ง
นั ก เ รี ย น เ ขี ย น ต อ บ เ ป็ น ป ร ะ โ ย ค ท่ี สื่ อ ค ว า ม ห ม า ย ไ ด้ ต ร ง ป ร ะ เ ด็ น ต า ม
วัตถุประสงค์พร้อมอธบิ ายรายละเอยี ดที่แสดงถึงประโยชน์หรือโทษของสงิ่ นน้ั
นักเรยี นเขยี นตอบเป็นประโยคทส่ี อื่ ความหมายได้ตรงประเด็นตามวตั ถุประสงค์
นกั เรียนเขยี นตอบเป็นประโยคทส่ี อ่ื ความหมายได้ พร้อมแสดงความรสู้ ึกท่ีมี
รายละเอียดสนบั สนุน
แบบสรุปกำรประเมินกำรเขียน ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนด้านความสามารถในการสื่อสาร
โดยประเมนิ จากพฤตกิ รรมการเขยี น
คาชีแ้ จง ให้ผู้ประเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเคร่อื งหมาย ในชอ่ งทผ่ี ูเ้ รียน
มรี ะดับคุณภาพทส่ี อดคล้องกับเกณฑ์การประเมินความสามารถการเขียน
ผปู้ ระเมิน นักเรยี นประเมินตนเอง ครู
เพอื่ นนักเรียน ผู้ปกครอง
ผู้ประเมิน ชื่อ.......................................................................นามสกุล...................................................................
เลขที่ ชือ่ -สกลุ คะแนนทีไ่ ด้ ระดบั คณุ ภำพ
จำกกำรเขียน พอใช้ ปรบั ปรุง หมำยเหตุ
(20) ดเี ยีย่ ม ดี
1
2
3
4
...
วิธีกำรใชเ้ คร่ืองมือ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
จากเครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ด้านความสามารถในการสื่อสาร เป็นแบบทดสอบ
การเขยี น แบบเขียนตอบส้ัน
การใชเ้ ครอื่ งมือวดั และประเมินผลข้างตน้ สามารถใช้ในการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญของ
ผู้เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ขึ้นไป
และการประเมนิ ผลรวมแบบทดสอบการเขยี นและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคณุ ภาพอยูในระดับดี ขึน้ ไป
คมู่ อื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน 27
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
28
แบบประเมนิ ตนเองกลวิธกี ำรสอื่ สำร ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 4 – 6
(สำหรบั ครู)
ชือ่ .............................................................................................................ชนั้ ............ .......เลขที่..........................
โรงเรยี น ...............................................................................................................................................................
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาประเด็นทก่ี าหนด และใหท้ าเคร่ืองหมาย / ในช่องท่ีตรงกับความคิดเห็นของนักเรียน
กำรใหค้ ะแนน เหน็ ดว้ ย เฉย ๆ ไม่เห็นด้วย
ขอ้ ที่ ประเดน็
1 การพดู ถึงปมด้อยของผู้อื่นเป็นประจา อาจส่งผลให้ผูท้ ี่ถกู ล้อ 2 1 0
เสยี ใจจนนาไปสู่การทาร้ายตนเองได้
2 การลอ้ ชื่อพอ่ -แมข่ องผอู้ ื่น เป็นการลอ้ เลน่ ท่ีสนกุ สนาน 01 2
3 การพูดเปรียบเทยี บผลการเรียนทาให้คนท่ีได้ลาดับหลงั ๆ 0 1 2
มคี วามต้ังใจยิ่งขึ้น
4 การแสดงความคดิ เหน็ ในเชงิ ลบในสอื่ สงั คมออนไลน์ ถือเปน็ 0 1 2
เร่อื งปกติของเดก็ ยุคใหม่
5 การไมย่ อมรบั เพื่อนเขา้ กลุ่มจะทาให้เพ่ือนรู้ตัวว่านิสัยไมด่ ี 0 1 2
6 การพดู โฆษณาขายสินค้าบนสื่อออนไลน์เป็นส่ิงท่ดี ี 21 0
7 การส่งต่อข้อมลู ขา่ วสารท่ไี ดร้ บั ทางอนิ เทอร์เน็ตควรมกี าร 2 1 0
กลัน่ กรองก่อนเสมอ
8 การลอ้ เลียนการแตง่ กายของเพ่อื นที่มรี สนิยมแตกต่างจาก 2 1 0
ตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทา
9 การแอบอา้ งข้อมูลของผ้อู น่ื มาเปน็ ของตนเองสามารถ 01 2
กระทาได้
10 การวจิ ารณผ์ ูอ้ ื่นด้วยถ้อยคารุนแรงเปน็ ส่ิงท่สี ามารถกระทาได้ 0 1 2
เกณฑ์ตดั สินระดับคุณภำพ
คะแนน ระดับคุณภำพ
15 – 20 ดี
9 – 14 พอใช้
0 – 8 ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ตัดสนิ ระดบั คณุ ภำพกำรประเมนิ ผลรวมแบบประเมินตนเองกลวธิ ีกำรสอ่ื สำร
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 คะแนน ระดบั คณุ ภำพ
16 – 20 ดีเยยี่ ม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0–5 ปรบั ปรงุ
28 คมู่ อื การใชเ้ ครือ่ งมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
29
กำรแปลผลคะแนนกลวธิ ีกำรสื่อสำร
ระดับคณุ ภำพ คำอธบิ ำย
ดเี ยี่ยม มมี ารยาทและจริยธรรมในการส่ือสาร สามารถประเมินคุณค่ามารยาทและ
จรยิ ธรรมในการสื่อสาร และสื่อสารอยา่ งสร้างสรรค์
ดี สือ่ สารอยา่ งมีจดุ มงุ่ หมาย มมี ารยาทและจรยิ ธรรมเบ้ืองตน้ โดยเลือกใชส้ อื่
หลากหลายระหวา่ งโลกจรงิ และโลกเสมอื น โดยคานงึ ผลกระทบต่อตนเอง
พอใช้ และประโยชนต์ อ่ ตนเองและกลุ่มในระยะยาว
ปรับปรงุ สื่อสารง่าย ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยเลือกใช้สื่อหลากหลายและเหมาะสม
เพื่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเอง คานงึ ถงึ ผลกระทบของส่ือทม่ี ีต่อตนเองในระยะยาว
สื่อสารเร่ืองราวใกล้ตัวโดยใช้ภาษา ภาพ เสียง ท่าทาง การแสดงออกทางศิลปะ
อย่าง ง่าย ๆ พร้อมทัง้ คานึงถงึ ประโยชน์ โทษ ท่เี หมาะสมกบั บคุ คล และกาลเทศะ
แบบสรุปกำรประเมินตนเองกลวธิ กี ำรสือ่ สำร ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ 4 – 6
วัตถุประสงค์ เพื่อใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนดา้ นความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมนิ จากพฤติกรรมใช้กลวธิ ีในการสื่อสาร
คาช้แี จง ให้ผูป้ ระเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเครือ่ งหมาย ในช่องทีผ่ ู้เรียน
มรี ะดบั คุณภาพทส่ี อดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมนิ ตนเองกลวิธีการสอื่ สาร
ผ้ปู ระเมนิ นักเรียนประเมนิ ตนเอง ครู
เพ่อื นนักเรียน ผ้ปู กครอง
ผ้ปู ระเมิน ช่อื ......................................................................นามสกลุ ....................................................................
คะแนนท่ไี ด้ ระดบั คณุ ภำพ
จำกกำรทำ
เลขท่ี ช่ือ-สกลุ แบบประเมิน พอใช้ ปรบั ปรงุ หมำยเหตุ
1 ตนเอง ดเี ยย่ี ม ดี
2
3 (20)
4
...
วธิ ีกำรใช้เครอ่ื งมือ ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสาร เป็นแบบประเมิน
ตนเองกลวิธีการสื่อสาร
การใช้เคร่ืองมือวดั และประเมินผลข้างตน้ สามารถใชใ้ นการประเมินระหวา่ งเรียน และหลงั การจัดการ
เรยี นรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญของ
ผเู้ รยี น ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ข้ึนไป และการประเมิน
ผลรวมแบบประเมนิ ตนเองกลวิธกี ารส่ือสารและการแปลผลคะแนน ควรมีระดบั คณุ ภาพอยใู นระดับดี ข้นึ ไป
คมู่ ือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รียน 29
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
30
แบบประเมินตนเองกลวิธกี ำรสอื่ สำร ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
(สำหรับนักเรียน)
ช่ือ .............................................................................................................ช้นั ............ .......เลขท่.ี .........................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำชแี้ จง ให้นักเรียนพิจารณาประเดน็ ทกี่ าหนด และใหท้ าเครอื่ งหมาย / ในชอ่ งท่ีตรงกับความคิดเห็นของนักเรียน
ข้อที่ ประเดน็ เหน็ ด้วย เฉย ๆ ไม่เหน็ ดว้ ย
1 การพูดถึงปมด้อยของผู้อื่นเป็นประจา อาจสง่ ผลให้ผทู้ ่ีถกู
ลอ้ เสยี ใจจนนาไปสู่การทารา้ ยตนเองได้
2 การลอ้ ชอ่ื พอ่ -แมข่ องผอู้ นื่ เป็นการล้อเล่นทส่ี นกุ สนาน
3 การพดู เปรยี บเทยี บผลการเรียนทาให้คนท่ีได้ลาดับหลัง ๆ
มคี วามต้งั ใจยิ่งขนึ้
4 การแสดงความคิดเหน็ ในเชงิ ลบในสอื่ สงั คมออนไลน์
ถอื เป็นเรื่องปกตขิ องเด็กยคุ ใหม่
5 การไมย่ อมรบั เพ่ือนเข้ากล่มุ จะทาให้เพ่ือนรตู้ ัววา่ นิสัยไม่ดี
6 การพดู โฆษณาขายสนิ คา้ บนส่ือออนไลน์เป็นสิง่ ทดี่ ี
7 การสง่ ต่อขอ้ มูลขา่ วสารทไี่ ด้รบั ทางอินเทอรเ์ น็ตควรมีการ
กล่นั กรองก่อนเสมอ
8 การลอ้ เลียนการแต่งกายของเพือ่ นท่ีมีรสนยิ มแตกต่างจาก
ตนเองเป็นสง่ิ ท่ีไม่ควรกระทา
9 การแอบอา้ งข้อมลู ของผู้อ่ืนมาเปน็ ของตนเองสามารถ
กระทาได้
10 การวิจารณ์ผู้อ่ืนดว้ ยถ้อยคารุนแรงเป็นสิ่งที่สามารถกระทา
ได้
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 30 ค่มู อื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
31
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกลวิธกี ำรสอ่ื สำร ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
(สำหรบั ครู)
ชอ่ื .............................................................................................................ช้นั ...................เลขที่..........................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำชีแ้ จง พิจารณาว่านักเรยี นแสดงพฤตกิ รรมดังต่อไปนีม้ ากน้อยเพยี งใด
ผูต้ อบแบบประเมนิ ครู ผู้ปกครอง
กำรใหค้ ะแนน
ปฏิบตั ิ ปฏิบตั ิ ไม่
ข้อ พฤตกิ รรม สม่ำเสมอ บำงครงั้ ปฏิบตั ิ
1 พดู อยา่ งสุภาพ 2 10
2 พูดประชดประชนั 0 12
3 พูดแทรก / ส่อเสียด 0 12
4 พดู ขอโทษ / ขอบคุณ 2 10
5 ชกั สหี นา้ / ไมเ่ กบ็ ความรสู้ ึก 0 12
6 รู้จกั สังเกตท่าทขี องคู่สนทนา 2 10
7 แสดงออกสหี น้า ท่าทาง เหมาะสมต่อข้อมูลท่ีไดร้ ับ 2 10
8 รอตามลาดับกอ่ น-หลงั 2 10
9 ทาความเคารพจนเปน็ นิสยั 2 10
10 ปฏบิ ตั ติ นอย่างเหมาะสมต่อผู้ใหญ่ 2 10
เกณฑ์ตดั สนิ ระดบั คณุ ภำพ
คะแนน ระดับคณุ ภำพ
15 – 20 ดี
9 – 14
0–8 พอใช้
ปรับปรงุ
เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภำพกำรประเมนิ ผลรวมแบบประเมินตนเองกลวิธกี ำรสอ่ื สำร
คะแนน ระดับคุณภำพ
16 – 20 ดเี ย่ียม
11 – 15 ดี
6 – 10 พอใช้
0–5 ปรับปรุง
คู่มอื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี น 31 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
32
กำรแปลผลคะแนนกลวธิ ีกำรสอื่ สำร
ระดับคณุ ภำพ คำอธบิ ำย
ดีเย่ียม มีมารยาทและจริยธรรมในการสอื่ สาร สามารถประเมินคุณค่ามารยาทและ
ดี จริยธรรมในการส่ือสาร และสื่อสารอย่างสรา้ งสรรค์
สอ่ื สารอยา่ งมีจุดมงุ่ หมาย มมี ารยาทและจรยิ ธรรมเบื้องต้น โดยเลอื กใชส้ ือ่
พอใช้ หลากหลายระหวา่ งโลกจริงและโลกเสมือน โดยคานึงผลกระทบต่อตนเอง และ
ปรบั ปรุง ประโยชนต์ อ่ ตนเองและกลุ่มในระยะยาว
สื่อสารง่าย ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยเลือกใช้ส่ือหลากหลายและเหมาะสม
เพอื่ ให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเอง คานึงถงึ ผลกระทบของสื่อที่มีต่อตนเองในระยะยาว
ส่ือสารเร่ืองราวใกล้ตัวโดยใช้ภาษา ภาพ เสียง ท่าทาง การแสดงออกทางศิลปะ
อยา่ ง ง่าย ๆ พร้อมท้งั คานงึ ถึงประโยชน์ โทษ ที่เหมาะสมกับบคุ คล และกาลเทศะ
แบบสรุปกำรสงั เกตพฤติกรรมกลวธิ ีกำรส่ือสำร ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
วตั ถุประสงค์ เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมินจากการสงั เกตพฤตกิ รรมใช้กลวธิ ใี นการส่ือสาร
คาชีแ้ จง ให้ผปู้ ระเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งท่ผี เู้ รียน
มรี ะดบั คุณภาพทีส่ อดคลอ้ งกับเกณฑ์การสงั เกตพฤตกิ รรมกลวิธกี ารสือ่ สาร
ผปู้ ระเมนิ นักเรยี นประเมินตนเอง ครู
เพ่ือนนักเรียน ผ้ปู กครอง
ผปู้ ระเมนิ ชอ่ื .......................................................................นามสกุล........................................... ........................
คะแนนทไี่ ด้จำก ระดับคณุ ภำพ
กำรทำแบบ
เลขที่ ชื่อ-สกลุ สงั เกตพฤตกิ รรม ดีเยีย่ ม ดี พอใช้ ปรับปรงุ หมำยเหตุ
1 (20)
2
3
4
...
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 วธิ กี ำรใช้เครื่องมือ
จากเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสาร เป็นแบบสังเกต
พฤติกรรมกลวธิ ีการสือ่ สาร
การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ขึ้นไป และการประเมิน
ผลรวมแบบสังเกตพฤติกรรมกลวธิ ีการสื่อสารและการแปลผลคะแนน ควรมรี ะดับคณุ ภาพอยใู นระดบั ดี ขึน้ ไป
32 คู่มือการใชเ้ ครื่องมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
33
แบบสังเกตพฤตกิ รรมกลวิธีกำรสอ่ื สำร ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6
(สำหรับนักเรยี น)
ชอ่ื ...........................................................................................................ช้ัน.............. .....เลขท.่ี ...........................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำช้ีแจง พจิ ารณาวา่ นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมดังตอ่ ไปน้มี ากน้อยเพียงใด
ผตู้ อบแบบประเมนิ ครู ผปู้ กครอง
ขอ้ พฤติกรรม ปฏิบัติ ปฏิบัติ ไม่
1 พดู อย่างสุภาพ สม่ำเสมอ บำงครั้ง ปฏิบัติ
2 พูดประชดประชัน
3 พดู แทรก / สอ่ เสียด
4 พูดขอโทษ / ขอบคุณ
5 ชกั สหี น้า / ไม่เก็บความรูส้ กึ
6 รู้จกั สงั เกตท่าทขี องคูส่ นทนา
7 แสดงออกสีหนา้ ทา่ ทาง เหมาะสมต่อข้อมูลท่ีไดร้ บั
8 รอตามลาดับกอ่ น-หลัง
9 ทาความเคารพจนเปน็ นสิ ยั
10 ปฏิบัตติ นอย่างเหมาะสมต่อผู้ใหญ่
แบบทดสอบวัดเจตคตกิ ลวธิ กี ำรส่ือสำร ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
(สำหรับครู)
ช่อื .............................................................................................................ชั้น............ .......เลขท่.ี .........................
โรงเรียน ...............................................................................................................................................................
คำช้ีแจง พจิ ารณาสถานการณ์ท่ีกาหนด แลว้ เลือกคาตอบทีต่ รงกบั พฤติกรรมทน่ี ักเรียนตอ้ งการแสดงออก
1. แม่ของณฐั พลไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมวนั แม่ทโ่ี รงเรียนจดั ได้ ณฐั พลจงึ แอบไปร้องไห้
วราวุธ : วา้ ย! ไอ้เดก็ ไม่มแี ม่
จากสถานการณห์ ากนักเรยี นเปน็ เพอื่ นร่วมชนั้ นกั เรียนจะแสดงออกอย่างไร
1) เฉย ๆ ไม่สนใจ (2 คะแนน)
2) เห็นใจ สงสาร (4 คะแนน)
3) พยายามห้ามวราวธุ ไมใ่ ห้พดู (3 คะแนน)
4) เห็นดว้ ยเพราะเพ่ือนพดู เร่ืองจริง (1 คะแนน)
คู่มือการใช้เครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียน 33
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 34
2. ในชัว่ โมงวิทยาศาสตร์ ครูใหน้ ักเรียนนาโทรศัพท์มาสบื ค้นข้อมูล
ต้นขา้ ว : ยงั ใช้โทรศัพทร์ ุ่นเก่าขนาดนี้อยู่อกี เหรอ
จากสถานการณ์ขา้ งต้น นกั เรียนจะแสดงออกอย่างไรกับคาพดู ของต้นข้าว
1) เดนิ หนไี ปที่อ่นื โดยไมส่ นใจคาพดู ของตน้ ข้าว (2 คะแนน)
2) ชักสีหนา้ และแสดงท่าทางไมพ่ อใจ (1 คะแนน)
3) เฉย ๆ ไมส่ นใจคาพูดของตน้ ข้าว (3 คะแนน)
4) ยม้ิ แลว้ แสดงใหเ้ ห็นว่าโทรศัพทย์ ังใชง้ านได้ดี (4 คะแนน)
3. เบญจาทะเลาะกับเพ่ือนในห้องและอยากใหเ้ พื่อนคนอ่ืนเป็นพวกของตน จึงใช้เงนิ จ้างไม่ให้
นักเรียนพดู กบั เพ่ือนท่ีตนทะเลาะด้วย
จากสถานการณข์ ้างตน้ นักเรียนจะทาอยา่ งไร
1) รับเงินจากเบญจา แตไ่ ปพูดกบั เพื่อนคนนัน้ (1 คะแนน)
2) ไม่รับเงิน แตก่ ็ไม่พดู กบั เพ่ือนคนน้นั (3 คะแนน)
3) เฉย ๆ เพราะคดิ วา่ ไม่ใชเ่ ร่ืองของตนเอง (2 คะแนน)
4) ไม่รบั เงนิ และพยายามให้เพอ่ื นคืนดกี นั (4 คะแนน)
4. กอล์ฟเป็นนกั เรยี นชายคนเดียวในห้องทส่ี มัครเขา้ ชุมนมุ นาฏศลิ ปข์ องโรงเรียน
วชิ ัย : กอลฟ์ แกเป็นตุ๊ดเหรอ
จากสถานการณข์ า้ งตน้ นกั เรียนเหน็ ดว้ ยกับคาพดู ของวชิ ัยหรอื ไม่ อยา่ งไร
1) เห็นด้วย ไมม่ ีผชู้ ายคนไหนเรียนนาฏศลิ ป์ จงึ ชว่ ยวชิ ยั ลอ้ (1 คะแนน)
2) เหน็ ด้วย แตไ่ ม่พดู อะไร (2 คะแนน)
3) ไมเ่ หน็ ว่าเป็นเร่ืองแปลก ถ้ากอล์ฟจะสนใจเรียน (3 คะแนน)
4) ไม่เหน็ ด้วยและพยายามห้ามไม่ให้วิชัยลอ้ เพ่ือน (4 คะแนน)
5. นักเรยี นใหม่ยา้ ยมาโรงเรยี นวนั แรก ครใู หแ้ นะนาตวั เองหน้าช้ันเรียน
วิภา : ทาไมพดู เหนอ่ แบบน้ันล่ะ ตลกจงั
กานดา : ___________________________
จากสถานการณ์ขา้ งตน้ นักเรียนคดิ ว่ากานดาจะมีความคดิ เห็นอย่างไร
1) เห็นดว้ ย เพราะเสียงของนักเรียนใหม่ฟังดตู ลกจริง (1 คะแนน)
2) เหน็ ด้วย แตพ่ ยายามไม่หัวเราะ (2 คะแนน)
3) ไมเ่ หน็ ดว้ ย แต่คดิ วา่ แปลก (3 คะแนน)
4) ไม่เหน็ ดว้ ย เพราะเปน็ ธรรมชาติของเขา (4 คะแนน)
34 คูม่ อื การใช้เครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
35 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
6. เคนซึง่ เปน็ เพ่อื นต่างเพศทเ่ี พ่ิงรจู้ ักผา่ นทางเฟซบ๊กุ ได้ส่งข้อความมาหาญาดา
เคน : คืนนว้ี ่างปะ ออกมาเจอเราหนอ่ ยได้ไหม
ญาดา : ได้สิ เราก็อยากเจอเธอเหมอื นกัน
จากสถานการณ์ขา้ งตน้ นกั เรียนมีความคิดเหน็ อย่างไรกบั คาตอบของญาดา
1) เหน็ ดว้ ย เพราะคดิ วา่ ไม่ใชเ่ ร่อื งเสียหายอะไร (1 คะแนน)
2) เหน็ ด้วย เพราะการเจอกันในชว่ งกลางคืนไมเ่ ป็นการรบกวนเวลาเรียน (2 คะแนน)
3) ไม่เหน็ ด้วย เพราะควรทาความรู้จักกนั ใหม้ ากกว่านี้ (3 คะแนน)
4) ไมเ่ ห็นด้วย เพราะการนัดพบคนแปลกหนา้ เสยี่ งต่อการเกิดอันตราย (4 คะแนน)
7. นดิ เปน็ เด็กผ้หู ญงิ ท่ีมีรปู ร่างอ้วน ผวิ ดา และมีกลนิ่ ตวั แรง จงึ ทาใหไ้ มม่ ีคนคบ และชอบล้อเลียน
เปน็ ประจา นิดน้อยใจมาก ไปแอบรอ้ งไห้
จากสถานการณข์ า้ งตน้ หากนักเรยี นเปน็ เพ่ือนของนิด จะพูดปลอบใจนดิ อย่างไร
1) เฉย ๆ ยม้ิ ใหน้ ิด และบอกนิดว่า สู้ ๆ (2 คะแนน)
2) ทาใจนะนิด มันคือเรื่องจริง เราต้องยอมรบั มันใหไ้ ด้ (1 คะแนน)
3) ไม่เปน็ ไรนะนิด อยา่ ไปสนใจ นดิ คอื เพ่ือนของเรา (4 คะแนน)
4) ไม่เปน็ ไรนะนิด ถงึ นดิ จะดา แตน่ ดิ กเ็ ป็นคนดี (3 คะแนน)
8. ฟ้าและแตงโมเป็นเพื่อนรักกัน ได้ลงสมัครแข่งขนั เพ่อื รบั ตาแหน่งประธานนักเรียน ผลปรากฏวา่
แตงโมชนะเพียงไม่กีค่ ะแนน
จากสถานการณข์ า้ งตน้ หากนกั เรยี นเปน็ ฟา้ ควรพดู อย่างไรกบั แตงโม
1) ยินดีด้วยนะแตงโม เธอเหมาะสมกบั ตาแหนง่ น้ีแลว้ (4 คะแนน)
2) ฉนั ไม่เสยี ใจหรอก เพราะฉนั แพเ้ ธอแค่นดิ เดยี ว (1 คะแนน)
3) ไม่เป็นไรหรอก คราวหน้าฉนั จะลงสมัครใหม่ (2 คะแนน)
4) ยนิ ดีด้วยนะแตงโม แตเ่ ธอชนะฉันแคน่ ิดหน่อยเอง (3 คะแนน)
9. เอ้ : โอม เธอไปตัดผมทรงใหม่มาใชไ่ หม
โอม : ใช่ เท่ไหมล่ะ
เอ้ : ฉันว่าผมทรงนไี้ มเ่ หมาะกับเธอเลย
จากสถานการณ์ขา้ งตน้ ถา้ นักเรยี นเปน็ โอม จะพดู โตต้ อบเออ้ ยา่ งไร
1) ทาไมเธอปากเสยี (1 คะแนน)
2) แล้วเธอจะทาไมล่ะ (2 คะแนน)
3) พดู แบบนี้หมายความวา่ อย่างไร (3 คะแนน)
4) ไมเ่ ป็นไร ฉนั ชอบผมทรงนี้ (4 คะแนน)
คูม่ อื การใชเ้ ครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน 35
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
36
10. เม่อื อนิ ทชั ใสเ่ สือ้ ทข่ี าดมาโรงเรียน
ณภทั ร : อินทัช เธอใสเ่ สื้ออะไรของเธอมาเนีย่
นักเรยี น : ...............................................................
จากสถานการณข์ า้ งตน้ นักเรียนควรใช้คาพดู ตามข้อใด
1) นัน่ สิ ทาไมล่ะ (1 คะแนน)
2) เฉย ๆ ไม่พดู อะไร (2 คะแนน)
3) เกดิ อะไรข้นึ กบั เธอเหรอ มีอะไรให้เราช่วยไหม (4 คะแนน)
4) ไมเ่ ปน็ ไรนะ เธอไมต่ ้องสนใจคาพดู แบบนนั้ หรอก (3 คะแนน)
หมำยเหตุ คาตอบทุกคาตอบจะมีค่าคะแนน โดยจะมคี ะแนน 4 3 2 และ 1 คะแนน ตามลาดบั ความถกู ต้อง
เหมาะสม
เกณฑ์ตดั สนิ ระดบั คุณภำพ
คะแนน ระดับคณุ ภำพ
28 – 40 ดี
15 – 27
0 – 14 พอใช้
ปรบั ปรงุ
เกณฑ์ตดั สินระดบั คณุ ภำพกำรประเมนิ ผลรวมแบบทดสอบวดั เจตคตกิ ลวิธีกำรส่อื สำร
คะแนน ระดบั คณุ ภำพ
31 – 40 ดเี ยยี่ ม
21 – 30 ดี
11 – 20 พอใช้
0 – 10 ปรบั ปรงุ
กำรแปลผลคะแนนกลวธิ กี ำรส่อื สำร
ระดับคณุ ภำพ คำอธิบำย
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ดีเยี่ยม มมี ารยาทและจริยธรรมในการส่ือสาร สามารถประเมินคุณคา่ มารยาทและ
ดี จรยิ ธรรมในการสอ่ื สาร และส่ือสารอย่างสรา้ งสรรค์
สือ่ สารอยา่ งมจี ุดม่งุ หมาย มีมารยาทและจริยธรรมเบ้ืองต้น โดยเลือกใชส้ ื่อ
พอใช้ หลากหลายระหวา่ งโลกจรงิ และโลกเสมอื น โดยคานงึ ผลกระทบต่อตนเอง
ปรบั ปรุง และประโยชน์ต่อตนเองและกลมุ่ ในระยะยาว
สื่อสารง่าย ๆ อย่างมีจุดมุ่งหมาย โดยเลือกใช้สื่อหลากหลายและเหมาะสม
เพือ่ ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง คานึงถึงผลกระทบของสอ่ื ที่มีต่อตนเองในระยะยาว
ส่ือสารเร่ืองราวใกล้ตัวโดยใช้ภาษา ภาพ เสียง ท่าทาง การแสดงออกทางศิลปะ
อย่าง ง่าย ๆ พร้อมท้ังคานึงถึงประโยชน์ โทษ ที่เหมาะสมกับบุคคล และ
กาลเทศะ
36 คู่มอื การใช้เคร่อื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
37
แบบสรปุ กำรวัดเจตคตกิ ลวิธีกำรส่อื สำร ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ 4 – 6
วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนด้านความสามารถในการสื่อสาร
โดยประเมนิ จากแบบทดสอบวัดเจตคตกิ ลวธิ ีในการส่อื สาร
คาช้ีแจง ให้ผู้ประเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบแต่ละตอน และทาเครื่องหมาย ในชอ่ งทผี่ ้เู รยี น
มีระดบั คุณภาพทส่ี อดคล้องกับเกณฑ์การวัดเจตคติกลวิธกี ารส่อื สาร
ผู้ประเมิน นักเรยี นประเมนิ ตนเอง ครู
เพื่อนนักเรยี น ผ้ปู กครอง
ผปู้ ระเมนิ ชอ่ื ........................................................................นามสกุล..................................................................
คะแนนท่ีได้ ระดับคณุ ภำพ
จำกกำรทำ
เลขที่ ชือ่ -สกลุ แบบทดสอบ ดเี ยีย่ ม ดี พอใช้ ปรับปรงุ หมำยเหตุ
1 (20)
2
3
4
...
วิธีกำรใช้เคร่ืองมือ
จากเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร เป็นแบบทดสอบ
วัดเจตคติกลวิธกี ารสือ่ สาร (แบบเลือกตอบ)
การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะ
สาคญั ของผู้เรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับพอใช้ ข้ึนไป และการประเมิน
ผลรวมแบบทดสอบวัดเจตคติกลวิธกี ารส่ือสารและการแปลผลคะแนน ควรมีระดับคุณภาพอยใู นระดับดี ขึน้ ไป
เกณฑก์ ำรประเมินสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ดำ้ นควำมสำมำรถในกำรสอ่ื สำร
ช้ันประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6
เครื่องมือแต่ละเครื่องมือมีการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนและแปลผลคะแนนท่ีสอดคล้อง ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
และเหมาะสมกับวิธีการวัดพฤติกรรม โดยกาหนดการแปลผลคะแนนของเครื่องมือแต่ละเครื่องมือเป็น
3 ระดับ ได้แก่ ระดับดี ระดับพอใช้ และระดบั ปรับปรงุ ซึง่ การแปลผลคะแนนดังกล่าวใช้ในการตดั สนิ ระหว่างเรียน
สาหรบั เกณฑ์การตดั สินสมรรถนะสมรรถนะสาคัญ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ได้กาหนดเกณฑ์
เพ่ือให้สอดคล้องกับระดับความสามารถ ท้ัง 4 ระดับ ได้แก่ ระดับดีเย่ียม ระดับดี ระดับพอใช้ และระดับ
ปรับปรุง โดยครูผู้สอนสามารถนาเคร่ืองมือทั้งหมดของแต่ละด้าน ดังปรากฏมาแล้วข้างต้น ซ่ึงประกอบด้วย
ทกั ษะการฟัง ทกั ษะการพดู ทักษะการอา่ น ทักษะการเขียน และกลวิธกี ารส่อื สาร มาใชใ้ นการตัดสนิ สมรรถนะ
สาคญั โดยมีผลรวมคะแนนท้งั 5 ด้าน (200 คะแนน) ซ่ึงมรี ายละเอียดดังต่อไปน้ี
คมู่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน 37
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
38
ดา้ นที่ 1 ทักษะการฟังและดู คะแนนเต็ม 20 คะแนน
ด้านท่ี 2 ทกั ษะการพูด คะแนนเต็ม 60 คะแนน
ดา้ นที่ 3 ทกั ษะการอ่าน คะแนนเต็ม 20 คะแนน
ด้านที่ 4 ทักษะการเขียน คะแนนเต็ม 20 คะแนน
ด้านที่ 5 กลวธิ กี ารสื่อสาร คะแนนเต็ม 80 คะแนน
เกณฑต์ ัดสนิ ระดับคุณภำพกำรประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน ด้ำนควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร
ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 4 - 6
คะแนน ระดบั คณุ ภำพ
151 – 200 ดีเย่ยี ม
101 – 150 ดี
51 – 100 พอใช้
ปรบั ปรงุ
0 – 50
2.2.เ2คครอื่วงำมือสปำมระำเรมถินในคกวำารมคสดิ ามารถในการคดิ
กรอบโครงสร้ำงเครือ่ งมือประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้ำนควำมสำมำรถในกำรคิด
นิยำมสมรรถนะสำคัญ องคป์ ระกอบ/ตัวช้วี ดั ลักษณะเคร่ืองมอื
ความสามารถในการคิด กำรคดิ อย่ำงสรำ้ งสรรค์ - แบบทดสอบ
เป็นความสามารถในการคิด พฒั นาชน้ิ งานหรือวธิ ีการเพื่อแก้ปัญหาทซี่ ับซ้อน เชงิ สถานการณ์
วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ ด้วยการผสมผสานจากแนวคิดท่ีหลากหลาย และ - แบบประเมิน
การคิดอย่างสร้างสรรค์ ดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ หรือนาส่ิงอื่นมาทดแทน พฤติกรรมสาหรับครู
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ สิ่งที่ขาด 1 วิธี แจกแจงรายละเอียดของวิธีการ - แบบประเมนิ
และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนา แก้ปัญหา หรือขยายความคิดได้บ้าง และมีการ พฤติกรรมสาหรับ
ไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ ประเมินผลงานจากเกณฑ์ นักเรียน
สารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ กำรคิดอย่ำงมีวิจำรณญำณ - แบบประเมินผลงาน
เกี่ยวกับตนเอง และสังคม ระบุความเข้าใจที่หลากหลายจากสถานการณ์ /ช้ินงาน
ได้อย่างเหมาะสม ท่ีซับซ้อน และตัดสินใจเลือกคาตอบเพียงคากล่าว
อ้างเดียว รวมท้ังประเมินความเหมาะสมของ
คากลา่ วอ้าง พรอ้ มแสดงการแปลความหมายข้อมูล
และหลักฐานเชิงประจักษ์ และสามารถลงข้อสรุป
ได้อยา่ งถูกตอ้ ง
กำรคิดเปน็ ระบบ
วิ เ ค ร า ะ ห์ ปั จ จั ย ที่ เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ ร ะ บ บ ห รื อ
สถานการณ์ เช่ือมโยงจัดหมวดหมู่หรือกาหนด
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ตัวแปร วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
ระบุแบบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบต่าง ๆ
เพ่ือสร้างแบบจาลองอยา่ งงา่ ยได้
38 คู่มอื การใชเ้ คร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
39
เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ด้ำนควำมสำมำรถในกำรคิด
จากกรอบโครงสร้างเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการคิด
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 สามารถนามาสร้างเครือ่ งมือประเมินแบบตา่ ง ๆ ไดด้ งั น้ี
❖ แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์
❖ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมนักเรียน โดยครเู ป็นผ้ปู ระเมิน
❖ แบบประเมินพฤติกรรมสาหรับนกั เรยี น
❖ แบบประเมนิ ผลงาน/ชิน้ งาน
แบบทดสอบเชิงสถำนกำรณ์ ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี 4 – 6
ชอื่ ...........................................................................................................ชัน้ .............. .....เลขที่...........................
โรงเรียน ..............................................................................................................................................................
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนอ่านสถานการณท์ ่ีกาหนดให้ แลว้ ตอบคาถาม
สถำนกำรณ์
โรงเรียนนิมิตวิทยา มีนักเรียนจานวน 1,500 คน ทุก ๆ วันจะมีเศษอาหารเหลือจากการรับประทาน
อาหารของนักเรียน เศษวัสดุเหลือใช้จากการทากิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงถุงขนม ถุงนม ขวดน้าพลาสติก
กล่องนม กลอ่ งนา้ ผลไม้ ฯลฯ ถกู ทงิ้ เกลอ่ื นกลาดภายในบริเวณโรงเรียน
จากสถานการณด์ ังกลา่ วขา้ งต้น ใหน้ กั เรยี นวเิ คราะห์ข้อมลู และตอบคาถาม ดงั นี้
1. นักเรียนพบปัญหาใดบ้าง
ตอบ.......................................................................................................................... ...........................................
2. ปัญหาทเ่ี กิดขึ้น มสี าเหตุมาจากอะไรบ้าง
ตอบ.....................................................................................................................................................................
3. นกั เรยี นมีแนวทางในการแกป้ ัญหาท่ีเกดิ ขึ้น ได้อย่างไร
ตอบ.....................................................................................................................................................................
4. ใหน้ กั เรยี นออกแบบช้ินงาน / ผลงาน เพอ่ื แก้ปัญหาทีเ่ กิดข้นึ (คดิ สร้างสรรค์)
คูม่ อื การใชเ้ ครือ่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รยี น 39 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
40
เกณฑ์กำรประเมินแบบทดสอบเชิงสถำนกำรณ์
สมรรถนะ 1 คะแนน 2 คะแนน ระดับคณุ ภำพ 4 คะแนน
ขอ้ 1 3 คะแนน
การคิดอยา่ ง (ปรบั ปรุง) (พอใช้) (ด)ี (ดเี ยี่ยม)
สรา้ งสรรค์ สรา้ งชนิ้ งานหรอื สร้างชน้ิ งานหรือเสนอ พัฒนาชน้ิ งานหรอื พัฒนาชนิ้ งานหรอื วธิ ีการ
เสนอวธิ กี ารเพ่อื วธิ ีการเพือ่ แก้ปัญหา วิธีการเพ่อื แก้ปญั หาที่ เพอื่ แก้ปญั หาทซ่ี บั ซอ้ นโดย
ข้อ 2 แกป้ ัญหาอยา่ ง อย่างง่ายและไม่ซบั ซ้อน ซับซ้อนดว้ ยการ ใชค้ วามคิดทแ่ี ปลกใหมท่ ่ี
การคดิ ง่ายและไมซ่ บั ซอ้ น ด้วยการผสมผสานจาก ผสมผสานจากแนวคิด ไม่ซา้ ใคร หรือพฒั นา
อยา่ งมี โดยดดั แปลงจากสิ่งที่ แนวคดิ ท่ีหลากหลาย ทห่ี ลากหลายและ ต่อยอดจากของเดมิ ให้
วิจารณญาณ มีอยู่ หรือนาส่ิงอืน่ มา และดดั แปลงจากส่ิงท่มี ี ดดั แปลงจากสิ่งท่ีมีอยู่ เหมาะสมตอ่ การใช้งานจริง
ทดแทนสิง่ ที่ขาด บอก อยู่ หรอื นาสงิ่ อ่นื มา หรือนาสง่ิ อ่นื มา จากสง่ิ ทม่ี ีอยหู่ รือนาสิ่งอน่ื
ขอ้ 3 รายละเอียดของงาน ทดแทนสงิ่ ทข่ี าด บอก ทดแทนสง่ิ ทขี่ าด มาทดแทนส่งิ ที่ขาด 2 วิธี
การคิด หรอื ความคดิ และมี รายละเอียดของงาน มากกว่า 1 วิธี แจก ในเวลาท่กี าหนด แจกแจง
เป็นระบบ การตรวจสอบชนิ้ งาน หรอื ความคดิ และมี แจงรายละเอยี ดของ รายละเอียดของวธิ กี าร
เบื้องต้นได้ การตรวจสอบช้นิ งาน วธิ ีการแกป้ ัญหาหรอื แกป้ ัญหาหรอื ขยาย
เบอ้ื งตน้ ได้ ขยายความคดิ ไดบ้ า้ ง ความคิดได้ และมีการ
และมีการประเมินผล ประเมินผลงานจากเกณฑ์
งานจากเกณฑ์
บอกความเข้าใจของ ระบุความเข้าใจท่ี ระบุความเข้าใจท่ี ระบคุ วามเข้าใจท่ี
ตนเองเก่ียวกับ หลากหลายจาก หลากหลายจาก หลากหลายจาก
สถานการณใ์ น สถานการณท์ ี่ไม่ สถานการณท์ ี่ซับซ้อน สถานการณ์ท่ซี บั ซ้อน
ชวี ติ ประจาวันและ ซับซ้อน และตดั สินใจ และ ตัดสินใจเลอื ก ตัดสนิ ใจเลอื กคาตอบและ
ตัดสนิ ใจเลอื กหลักฐาน เลือกคาตอบเพยี ง คาตอบเพยี งคากลา่ ว ประเมินความเหมาะสม
เชิงประจักษ์ คากลา่ วอา้ งเดยี ว อา้ งเดียว รวมท้ัง ของคากลา่ วอ้าง พรอ้ ม
พรอ้ มแสดงการแปล รวมทั้งประเมินความ ประเมินความเหมาะสม แสดงการแปลความหมาย
ความหมายข้อมลู เพอื่ เหมาะสมของคากลา่ ว ของคากล่าวอา้ ง พรอ้ ม ข้อมลู และหลักฐานเชงิ
สนับสนนุ ความเขา้ ใจ อ้างพรอ้ มแสดงการ แสดงการแปลความหมาย ประจกั ษ์ สามารถลง
ของตนเอง แปลความหมายขอ้ มลู ข้อมลู และหลกั ฐานเชิง ขอ้ สรุปได้อย่างถกู ต้องและ
และหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และสามารถ ระบุขอ้ โต้แย้งได้
ประจักษ์ ลงข้อสรุปไดอ้ ย่างถกู ต้อง
ระบปุ จั จยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ระบุปัจจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งที่ วิเคราะหป์ จั จัยที่ วิเคราะหป์ จั จยั ทีเ่ กยี่ วขอ้ ง
ท่ีเห็นไดช้ ดั เจนใน เหน็ ได้ชดั เจน และ เก่ยี วข้องกบั ระบบหรือ กับระบบหรอื สถานการณ์
ระบบหรือสถานการณ์ ปัจจยั อ่นื ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ ง สถานการณ์ เชอ่ื มโยง เชือ่ มโยง จัดหมวดหมหู่ รอื
ในชีวิตประจาวัน ในระบบหรือสถานการณ์ จัดหมวดหมหู่ รอื กาหนดตัวแปร วเิ คราะห์
โดยสามารถระบุ เช่ือมโยงจัดหมวดหมู่ กาหนดตวั แปร ความสัมพันธเ์ ชิงเหตแุ ละผล
ความสัมพันธ์ของ หรือกาหนดตวั แปรและ วเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์ ระบุแบบแผนของพฤตกิ รรม
ปจั จยั ต่าง ๆ และ วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ เชงิ เหตุและผล ระบุ และองคป์ ระกอบต่าง ๆ
สามารถบอกผลลพั ธ์ เชงิ เหตุและผล แบบแผนของพฤตกิ รรม เพอื่ วิเคราะห์แนวโน้มการ
ของระบบหรอื และองค์ประกอบตา่ ง ๆ เปลยี่ นแปลงของระบบหรอื
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 สถานการณไ์ ด้ เพือ่ สรา้ งแบบจาลอง สถานการณ์ และสรา้ ง
อยา่ งง่ายได้ แบบจาลองอยา่ งงา่ ยได้
40 คมู่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
41
วิธีกำรใชแ้ บบทดสอบเชิงสถำนกำรณ์
ให้นักเรียนตอบคาถาม 3 ข้อ แตล่ ะคาถามตามองค์ประกอบ สมรรถนะความสามารถในการคดิ ดังนี้
ข้อ 1 การคิดอยา่ งสรา้ งสรรค์
ข้อ 2 การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
ข้อ 3 การคิดเป็นระบบ
เม่ือนักเรียนตอบคาถามท้ัง 3 ข้อเรียบร้อยแล้ว ให้ครูผู้สอน ดาเนินการตรวจให้คะแนนนักเรียน
ตามเกณฑ์การประเมิน สมรรถนะของแต่ละด้าน (การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ
และการคดิ เปน็ ระบบ) ใหร้ วมคะแนนทัง้ หมดและนาคะแนนทีไ่ ดล้ งในแบบบันทึกคะแนน
แบบบันทึกคะแนนแบบทดสอบเชงิ สถำนกำรณ์ สำหรบั นกั เรยี นรำยบุคคล
ควำมสำมำรถในกำรคดิ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี 4 – 6
สมรรถนะควำมสำมำรถในกำรคดิ / คะแนน คะแนนรวม
ดำ้ นกำรคดิ อย่ำง ดำ้ นกำรคดิ อย่ำง ด้ำนกำรคิด (12 คะแนน)
เลขที่ ช่ือ – สกุล สร้ำงสรรค์ มวี ิจำรณญำณ เป็นระบบ ผลกำรประเมิน
(4 คะแนน) (4 คะแนน) (4 คะแนน)
1
2
3
4
....
นาคะแนนทไ่ี ด้ไปแปลผลการประเมนิ ตามเกณฑ์ ดงั น้ี
ได้ 10 – 12 คะแนน มผี ลการประเมนิ อย่ใู นระดบั ดเี ยยี่ ม
ได้ 7 – 9 คะแนน มีผลการประเมิน อยู่ในระดบั ดี
ได้ 4 – 6 คะแนน มีผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั พอใช้
ได้ 1 – 3 คะแนน มผี ลการประเมนิ อยใู่ นระดับ ปรับปรงุ
ครูสรุปผลการประเมินดังกล่าว กรณีท่ีผลการประเมินพบว่า นักเรียนมีระดับความสามารถในการคิด
ในแต่ละด้าน อยู่ในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ หรือระดับดี ครูควรหาแนวทางการพัฒนานักเรียนให้มีระดับ
ความสามารถท่ีเพม่ิ สูงข้นึ จากระดับเดิม
ค่มู ือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 41 ้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
42
แบบประเมนิ พฤติกรรมของผ้เู รียนควำมสำมำรถในกำรคิด (กำรคดิ อยำ่ งสรำ้ งสรรค์)
สำหรบั ครปู ระเมินนกั เรยี น ช้ันประถมศึกษำปที ี่ 4 – 6
ชอ่ื นกั เรยี น ....................................................................................................ชน้ั ...................เลขท.ี่ ...................
คำชแ้ี จงให้ครูพจิ ารณารายการประเมนิ แล้วใสเ่ คร่ืองหมาย ลงในชอ่ ง ใช่ หรือ ไมใ่ ช่ ที่ตรงกับพฤติกรรมของนักเรียน
ข้อที่ รำยกำรประเมิน ผลกำรประเมิน
ใช่ ไมใ่ ช่
1. นักเรียนสามารถผลติ ชิน้ งานโดยอาศยั ตน้ แบบ และบอกรายละเอยี ดของชิ้นงานได้
2. นักเรียนสามารถผลิตช้ินงานท่ีแตกต่างจากต้นแบบหรือตามจินตนาการภายใต้
เงอ่ื นไขงา่ ย ๆ ได้
3. นักเรียนสามารถสร้างชิ้นงานโดยดัดแปลงจากสิง่ ทม่ี ีอยู่ หรอื นาสิง่ อนื่ มาทดแทน
ส่งิ ทข่ี าด และมีการตรวจสอบชน้ิ งานเบือ้ งต้นได้
4. นักเรียนสามารถสร้างชิ้นงานด้วยการผสมผสานจากแนวคิดท่ีหลากหลายและ
ดัดแปลงจากส่ิงที่มีอยู่ หรือนาส่ิงอ่ืนมาทดแทนส่ิงท่ีขาด และมีการตรวจสอบ
ชนิ้ งานเบื้องต้นได้
5. นักเรียนสามารถสร้างชิ้นงานเพ่ือแก้ปัญหาท่ีซับซ้อนด้วยการผสมผสานจาก
แนวคิดท่ีหลากหลายและดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่ หรือนาส่ิงอ่ืนมาทดแทนสิ่ง
ที่ขาด แจกแจงรายละเอียดของวิธีการแก้ปัญหาหรือขยายความคิดได้บ้าง
และมกี ารประเมนิ ผลงานจากเกณฑ์
6. นกั เรียนสามารถพัฒนาชนิ้ งานหรือวิธีการเพื่อแก้ปัญหาท่ซี ับซ้อนดว้ ยความคิด
ท่ีแปลกใหม่ในเวลาท่ีกาหนด มีการคิดหาวิธีการ แก้ปัญหาโดยดัดแปลงสิ่งท่ีมี
อยู่หรือนาสิ่งอ่ืนมา ทดแทนสิ่งที่ขาดได้ มีการคิดแจกแจงรายละเอียดของ
วธิ ีการแก้ปัญหาหรอื ขยายความคิดได้ และมีการประเมนิ ผลงานจากเกณฑ์
รวม
เกณฑก์ ำรประเมิน
เลือกตอบใช่ ในข้อ 1,,22, 3, ,34,,45, 65 , 6 มีความสามารถ ในระดับ ดีเย่ยี ม
เลอื กตอบใช่ ในข้อ 1,,22, 3, ,34,,45, 5 มคี วามสามารถ ในระดับ ดี
เลือกตอบใช่ ในขอ้ 1,,22, 3, ,34, 4 มคี วามสามารถ ในระดบั พอใช้
เลอื กตอบใช่ ในขอ้ 1,,22, 3, 3 มีความสามารถ ในระดบั ปรับปรงุ
หมายเหตุ ถา้ ไม่ตรงตามเกณฑ์การประเมินขา้ งต้น ให้อยใู่ นระดบั ปรับปรุง
สรปุ ระดับควำมสำมำรถ คือ ..................................................... ได้ .............. คะแนน
ระดับ ดเี ยยี่ ม ได้ 4 คะแนน
ระดับ ดี ได้ 3 คะแนน
ระดับ พอใช้ ได้ 2 คะแนน
้ชันประถม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ระดบั ปรับปรุง ได้ 1 คะแนน
42 คมู่ อื การใช้เคร่อื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)