คู่มือการใช้เครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551
(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 - 3
สำ� นกั ทดสอบทางการศกึ ษา
สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
คู่มอื การใชเ้ ครื่องมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
ปที ีพ่ มิ พ์ พ.ศ. 2565
จำ� นวนพิมพ์ 500 เล่ม
จดั ท�ำโดย สำ� นักทดสอบทางการศึกษา
สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
พิมพท์ ี่ หา้ งหนุ้ สว่ นจำ� กดั โรงพมิ พอ์ ักษรไทย (น.ส.พ.ฟ้าเมอื งไทย)
85-91 ซอยจรัญสนทิ วงศ์ 40 ถนนจรัญสนิทวงศ์
แขวงบางย่ขี ัน เขตบางพลัด กรงุ เทพมหานคร 10700
โทร. 0-2424-4557 โทรสาร 0-2433-2858
ก1
คคำ�านนาำ�
คู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) จัดทาขน้ึ โดยมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือให้ครูผสู้ อนมีความรู้
ความเข้าใจ เก่ียวกับเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน และเพ่ือให้ครูผู้สอนนาไปใช้เป็น
แนวทางสาหรับการวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ซ่ึงได้กาหนดไว้ในลักษณะของความสามารถ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ
ในการใชเ้ ทคโนโลยี
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยสานักทดสอบทางการศึกษาได้นากรอบนิยาม
ตัวชว้ี ดั สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท้ัง 5 ประการ ข้างตน้ มาดาเนินการพัฒนาเป็นเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนตามหลักวิชาการ เพ่ือให้หน่วยงาน ผู้สอน ผู้เรียนและผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย ได้มีตัวอย่างเคร่ืองมือประเมิน
และสามารถนาไประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้เรียน ให้เกิดสมรรถนะสาคัญได้ตามเป้าหมายของหลักสูตร
โดยดาเนินการพัฒนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะของผู้เรียน ทั้ง 5 ประการออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ช่วงที่ 2 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ช่วงที่ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 และช่วงท่ี 4
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 และจัดทาเป็นคู่มือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนเพื่ออานวยความสะดวก
ให้กับผู้ใช้เคร่ืองมือ สามารถศึกษารายละเอียดของเคร่ืองมือประเมินแต่ละสมรรถนะ ซึ่งมีเครื่องมือประเมิน
ที่หลากหลาย ได้แก่ แบบทดสอบ แบบวัดเชิงสถานการณ์ แบบประเมินแบบมาตรประมาณค่า แบบประเมินผลงาน/
ชิ้นงาน แบบสังเกตพฤติกรรม เป็นต้น ซ่ึงผู้เก่ียวข้องสามารถเลือกเคร่ืองมือประเมินไปใช้ประเมินผู้เรียน
ได้ตามช่วงเวลาท่ีเหมาะสม คู่มือนี้ได้แสดงกรอบโครงสร้างเครื่องมือ คาแนะนาการใช้เคร่ืองมือ วิธีการใช้
เคร่ืองมือประเมิน เกณฑ์การประเมิน และแบบสรุปผลการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน เพื่ออานวย
ความสะดวกให้กับผูใ้ ช้เครอ่ื งมอื สามารถใช้เครอื่ งมอื ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและเกดิ ประสิทธิผลสูงสดุ
สานักทดสอบทางการศึกษา หวังเป็นอย่างย่ิงว่าคู่มือการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรียนเล่มนี้ จะอานวยความสะดวกให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สถานศึกษา หน่วยงานอื่น
ท่ีเกี่ยวข้อง ศึกษานิเทศก์ ผู้สอน ผู้เรียน และผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย ได้สร้างความเข้าใจและสามารถใช้เครื่องมือ
ประเมินนี้ในการกระตุ้นและพัฒนาผู้เรียน และตัดสินผลการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ไดต้ ามเจตนารมณ์
ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ในที่สุด การจัดสร้าง
เครื่องมือประเมินและคู่มือการใช้เคร่ืองมือเล่มน้ีสาเร็จได้ ด้วยความอนุเคราะห์และความร่วมมืออย่างดีย่ิง
จากคณะทางานทุกทา่ น ซ่งึ ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
สานกั ทดสอบทางการศึกษา
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
ข2
สาสราบรบญั ัญ
เนอ้ื หา หน้า
คานา ก
ตอนที่ 1 บทนา 1
1.1 หลักการและเหตุผล 1
1.2 วัตถปุ ระสงค์ 1
1.3 แนวคดิ การสรา้ งเครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 2
1.4 แนวทางการใช้เครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 4
1.5 บทบาทของผู้ใช้เคร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 5
1.6 การนาผลการประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นไปใช้ 5
ตอนที่ 2 กรอบโครงสร้างและเครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 6
2.1 เครื่องมือประเมินความสามารถในการสอ่ื สาร 6
2.2 เครอื่ งมือประเมนิ ความสามารถในการคดิ 38
2.3 เครอื่ งมือประเมนิ ความสามารถในการแก้ปญั หา 54
2.4 เครอ่ื งมือประเมนิ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 66
2.5 เครอ่ื งมือประเมนิ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 74
บรรณานุกรม 9809
ภาคผนวก 91
923
- รายชอ่ื คณะทางาน
1
ตตบบออททนนนนททา�ำี่ี่ 11
1.1 หลกั การและเหตุผล ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) มุ่งพัฒนา
ผู้เรียนทุกคนให้เป็นมนุษย์ท่ีมีความสมดุลทั้งทางด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทย
และพลโลกท่ดี ี ตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ท่กี าหนดข้ึน โดยมจี ุดม่งุ หมายเพอ่ื พัฒนาผูเ้ รียนใหเ้ ป็นคนดี
มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ ซ่ึงจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในข้อ 2 ที่มุ่งให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกล่าวว่า
“มคี วามรู้อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต”
ดังน้ัน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ฉบับน้ี ซึ่งกาหนดสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท่ีหลักสูตร
ต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนในลักษณะความสามารถไว้ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ
ในการใช้เทคโนโลยี
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท้ัง 5 ประการดังกล่าว เป็นส่วนท่ีผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาให้เกิดขึ้น
ภายในตนเองเพ่ือให้รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในตนเอง เรียนรู้และเติบโต ภาคภูมิใจ
ในความเป็นไทย ใชช้ ีวติ อยา่ งเห็นคุณค่าและสร้างสรรค์การทางาน รวมท้ังเข้าใจความหลากหลายในสังคม
สานกั ทดสอบทางการศึกษา เป็นหนว่ ยงานท่ีมีพันธกจิ หลักในการสนับสนุนเครื่องมือและประเมินผล
ทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพ่ือให้บริการแก่เขตพ้ืนที่การศึกษาและสถานศึกษา ซ่ึงมีอานาจ
หน้าท่ีในการบริการเครื่องมือและประเมินคุณภาพการศึกษาที่มีมาตรฐาน และระบบคลังเคร่ืองมือ
ในการประเมินคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ และสมรรถนะของผู้เรียน รวมท้ังให้บริการเคร่ืองมือแก่หน่วยงานต่าง ๆ กากับติดตาม
และตรวจสอบความรู้ความสามารถพื้นฐาน ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะ
ของผู้เรียนระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อการนาผลไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนของครู
และการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงได้จัดทาคู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) แบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงท่ี 1
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ช่วงที่ 2 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ช่วงที่ 3 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1 – 3 และช่วงท่ี 4
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่ครูและผู้เก่ียวข้องให้สามารถ
นาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้พัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดประสิทธิผล
สูงสุดต่อไป
1.2 วัตถปุ ระสงค์
1) เพ่ือให้ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 – 6
2) เพ่ือให้ครูผู้สอนนาไปใช้เป็นแนวทางสาหรับการวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
คู่มอื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รยี น 1
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 2
1.3 แนวคิดการสรา้ งเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
การสร้างเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) จะนาเสนอเนื้อหาโดยเริ่มจากความหมาย
ของสมรรถนะ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
การวัดและประเมินสมรรถนะผู้เรยี น และการสรา้ งและพฒั นาเคร่ืองมือสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามลาดบั ดงั น้ี
1.3.1 ความหมายของสมรรถนะ
สมรรถนะ หมายถงึ บคุ ลิกลกั ษณะทซ่ี ่อนอยู่ภายในปัจเจกบุคคล ซง่ึ ผลกั ดันใหบ้ ุคคลนั้นสามารถสร้าง
ผลการปฏิบัติงานที่ดีหรือปฏิบัติงานที่ได้รับผิดชอบได้ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด โดยความหมายในบริบทของผู้เรียน
สมรรถนะ หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมท่ีมีผลมาจากความรู้ ทักษะความสามารถและคุณลักษณะอ่ืน ๆ
ท่ีทาให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้หรือปฏิบัติงานหรือสร้างผลงานได้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมช้ันเรียน (สานักทดสอบ
ทางการศึกษา, 2555 : 1) สอดคล้องกับที่ราชบัณฑิตยสภา (2564 : 129) ได้ให้ความหมายของคาว่า สมรรถนะ
หมายถึง ความสามารถที่แสดงออกทางพฤติกรรมและการกร ะทาในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงาน
ให้ประสบความสาเร็จ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ตนมีให้เหมาะสมสอดคล้อง
กับบรบิ ทของสงั คมและวัฒนธรรมในสถานการณ์ทห่ี ลากหลาย
สาหรับสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับของความสามารถของพฤติกรรมแต่ละบุคคล
ท่ีแสดงออกถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถ
ในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (พรพิชิต ทิทา , 2561 : 7) สอดคล้องกับ
กนั ตก์ นิษฐ์ ชลสีมัธยา (2562 : 5) ที่กลา่ ววา่ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน หมายถงึ ความรู้ ความสามารถ ทักษะ
คุณลักษณะท่ีผู้เรียนทุกคนมีและใช้ได้อย่างเหมาะสมเพ่ือผลกั ดันให้ผลการปฏิบัติงานมีประสิทธภิ าพบรรลุตาม
เป้าหมายโดยสมรรถนะท่ีสาคัญของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ดังน้ัน อาจสรุปได้ว่า สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับความสามารถพฤติกรรมของผู้เรียน
ท่ีมาจากทักษะ ความรู้ และเจตคติท้ังด้านการส่ือสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้
เทคโนโลยี
1.3.2 สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานการเรียนรู้ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดนั้น จะช่วยให้ผู้เรียนเกิด
สมรรถนะสาคัญในลักษณะของความสามารถ 5 ประการ ดงั นี้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 6 - 7)
1) ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทัง้ การเจรจาต่อรองเพื่อขจดั และลดปัญหา
ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วิธกี ารส่ือสารทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานงึ ถึงผลกระทบทม่ี ีตอ่ ตนเองและสังคม
2) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด
อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพ่ือนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ
เพอื่ การตัดสนิ ใจเก่ยี วกบั ตนเอง และสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
2 คู่มือการใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
3 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์
และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปัญหา และมกี ารตัดสินใจทม่ี ีประสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสง่ิ แวดลอ้ ม
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้
ในการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกัน
ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่า ง ๆ
อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียง
พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อนื่
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร
การทางาน การแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสม และมคี ุณธรรม
1.3.3 การวดั และประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
การวัดและประเมินสมรรถนะสาคัญผู้เรียน เป็นการดาเนินการท่ีมุ่งวัดสมรรถนะอันเป็นองค์รวม
ของความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะต่าง ๆ ไม่ควรใช้เวลามากกับการสอบวัดตามตัวช้ีวัดจานวนมาก
เป็นการวัดจากพฤติกรรมการกระทาการปฏิบัติท่ีแสดงออกถึงความสามารถในการใช้ความรู้ ทักษะ เจตคติ
และคุณลักษณะต่าง ๆ ตามเกณฑ์การปฏิบัติ (Performance Criteria) ท่ีกาหนดเป็นการวัดอิงเกณฑ์ มิใช่อิงกลุ่ม
และมีหลักฐานการปฏิบัติ (Evidence) ใช้ตรวจสอบได้ การวัดและประเมินผลสมรรถนะน้ีเน้นการใช้
การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) จากสิ่งที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริงและความก้าวหน้า
ในการปฏบิ ตั งิ าน เชน่ การประเมนิ จากการปฏบิ ัติ (Performance Assessment) หรอื การประเมนิ โดยใช้แฟ้ม
สะสมผลงาน (Portfolio Assessment) รวมถึงการประเมินตนเอง (Self-Assessment) และการประเมิน
โดยเพ่ือน (Peer Assessment) การวัดและประเมินผลท่ีใช้สถานการณ์เป็นฐาน เพื่อให้บริบทการวัด
และประเมินตรงตามสภาพจริง การประเมินไปตามลาดับขั้นของสมรรถนะที่กาหนด หากไม่ผ่านการประเมิน
จะต้องไดร้ ับการพัฒนาและประเมินอีกครั้งจนกระท่ังผ่านการประเมิน จงึ จะกา้ วไปสู่ขนั้ ต่อไป ส่วนการรายงานผล
เป็นการให้ข้อมูลพัฒนาการและความสามารถของผู้เรียนรายบุคคลตามเกณฑ์ท่ีกาหนดใน แต่ละระดับช้ัน
(สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2562 : 25) สอดคล้องกับสานักวิชาการ
และมาตรฐานการศึกษา (2554 : 91) ทกี่ ลา่ ววา่ การประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนควรใชว้ ธิ ีการประเมิน
ที่เนน้ การปฏิบัติ และบูรณาการอยู่ในกระบวนการเรียนการสอนไม่ควรแยกประเมนิ ตา่ งหาก
ดังนั้น สานักทดสอบทางการศึกษา ในฐานะที่มีบทบาทในการสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมินที่ได้
มาตรฐาน จงึ ได้ดาเนินการจดั ทาเครือ่ งมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี นและคู่มือการใช้เครื่องมือประเมิน
สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) เพ่ือเปน็ แนวทางใหค้ รแู ละบุคลากรทางการศึกษาตลอดจนผู้สนใจได้นาไปใช้ตอ่ ไป
1.3.4 ข้ันตอนการสร้างและพฒั นาเครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
การสร้างและพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ดาเนินการโดยคณะทางาน
ที่ได้รับการแต่งตั้งประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอน อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้เช่ียวชาญของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือช่วยพิจารณาในการสร้างเคร่ืองมือ
และแก้ไขตรวจสอบความถูกต้องตามหลักการของการสร้าง และพัฒนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผ้เู รียน โดยมีขน้ั ตอนดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี
คมู่ ือการใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น 3
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 4
4
1) ศึกษาทฤษฎี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560)1แ)ลศะทึกฤษษาฎทีทฤ่เีษกฎย่ี วี หขอ้ลงักกสบั ูตสรมแรกรถนนกะลสาางคกัญาขรศอึงกผษู้เราียขนั้นเพพ้ืน่ือกฐาาหนนพดุทกรธอศบักโรคารชงส2ร5้าง5เ1คร(ื่อฉงบมับือปปรรัะบเปมรนิ ุง
พ.ศ. 2560)2แ)ลวะิเทคฤรษาฎะหีท์กเ่ี กร่ยี อวบขโ้อคงรกงับสสรม้ารงรเคถรน่ือะงสมาืคอญัสมขรอรงถผนเู้ ระยี สนาเคพัญื่อกขาอหงนผดู้เรกียรนอบโโดคยรนงสาคร้าวงาเมครรู้จ่ือางมกือกปารรศะเึกมษินา
ทฤษฎแี ละห2ล)กั วสิเูตครรมาาะกหา์กหรนอดบกโรคอรบงโสครร้างงสเรค้ารงื่อเคงรมื่อืองสมมือรปรรถะนเมะินสสามครัญรขถอนงะผสู้เารคียัญนขโอดงยผนูเ้ รายี คนวามรู้จากการศึกษา
ทฤษฎแี ละห3ล)กั สสรูต้ารงมเคารกื่อางหมนือดปกรระอเมบินโคโรดงยสแร้าตง่งเตคั้งรคื่อณงมะือทปางราะนเมสนิร้สางมเรครรถ่ือนงมะืสอาปครัญะเขมอินงผปู้เรระียกนอบด้วย ผู้อานวยการ
สถานศึกษา 3ร)อสงผรู้้าองาเนควรย่ือกงมารือสปถราะนเมศินึกษโาดยอแาตจ่งาตร้ัยงค์มณหาะวทิทายงาานลสัยรศ้าึงกเษคารน่ือิเงทมศือกป์ รคะรเูแมลินะปนรักะวกิชอาบกาดร้วยสรผ้าู้องาเคนรวื่อยงกมาือร
สสมถรารนถศนึกะษสาาครัญองขผอู้องาผนูเ้ รวียยนกาตราสมถการนอศบึกโคษรางสอรา้าจงาทรี่กยา์มหหนาดวิทแยลาะลเปัยิดศโอึกกษาาสนใหิเท้ผศูท้ กม่ี ์ สีค่วรนูแลไดะส้ น่วักนวเิชสายี กแาสรดงสครว้าางมเคคริดื่อเหงม็นือ
สมรรถนะสาค4ัญ) หขอางคผุณู้เรภียนาพตดา้ามนกรคอวบาโมคเรทงส่ียรงา้ ตงทรงี่กเาชหิงนเนดื้อแหละาเปโดดิ ยโอเกชาิญสใผหู้ท้ผรู้ทง่มี คีสุณ่วนวุฒไดิตส้ รว่ นวจเสสยี อแบสดคงวคาวมาเมทคี่ยิดงเหต็นรง
เชิงเน้ือหาข4อ)งหเคารคื่อุณงมภือาพปดระ้าเนมคินวสามมรเทรถ่ียนงตะสรงาเคชัญิงเนผ้ื อ่าหนกา รโะดบยวเชนิญกาผรู้ทวริพงาคกุณษว์แุฒลิตะปรวรจับสปอรบุงแคกวา้ไขมเเพท่ือี่ยใงหต้ไรดง้
เเคชริงอื่เนงมื้ออืหทา่มีขีคอณุ งเภคารพื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ ผ่านกระบวนการวิพากษ์และปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ได้
เคร่ืองมอื ที่ม5คี )ณุ ปภราับพปรุงเครื่องมือ โดยแต่งตั้งคณะทางานเพ่ือบรรณาธิการกิจปรับปรุงแก้ไข เครื่องมือประเมิน
ตตขอาางมมผคค้เู รววียาานมมทคคง้ั5ิิดด)5เเปหหสร็็นนมับรขขปร้้ออถรุงเเนสสเะคนนรทออ่ือี่มแแงีรนนมปู ะะือแขขโบออดบงงยผผขแูู้้อททตงรร่งเงงตคคค้ังรุุณณคือ่ ณงววมุุฒฒะือทิิแแปาลลรงะะะาเผผนมูู้้เเเินชชพที่ี่ยย่ือ่หีววบชชลราาารกญญณหาลจจธานนิกยไไาทดดร้้เเุกกคคริจรระป่ืื่ออดรงงบั ับมมชปืืออน้ั รปปุงรรแะะกเเ้ไมมขิินนเสสคมมร่ืรรอรรงถถมนนือปะะสสระาาเคคมััญญิน
ของผ้เู รยี นทง้ั6)5จสัดมฉรบรับถนแะละทจีม่ ัดรี ทปู าแคบู่มบือขอโดงเยคแรตอ่ื ่งงตม้ังือคปณระะเทมาินงทานห่ี จลัดากฉหบลับาแยลทะุกจรัดะทดาับคชู่ม้นั ือการใช้เคร่ืองมือประเมิน
สมรรถนะส6า)คจัญัดขฉบอับงผแู้เลระียจนัดแทตา่คลู่มะือช่วโงดยไแดต้แ่งกต่ ้ังชคั้นณปะรทะาถงามนศจึกัดษฉาบปับีทแี่ ล1ะจ–ัดท3าชค้ันู่มือปกราะรถใมช้เศคึกรษื่องามปือีทป่ี ร4ะเ–มิน6
สชน้ัมมรัธรยถมนศะกึ สษาาคปัญที ข่ี 1อ–งผ3ู้เรแียลนะชแัน้ตม่ลธัะยชม่วศงกึ ษไดา้ปแีทก่่ี 4ช้ัน–ป6ระถมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 – 6
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 – 3 และชน้ั มธั ยมศศศศึกึกกึ กึ ษษษษาาาาปททททีฤฤฤ่ีษษษ4ฎฎฎ–ีีแแีแลล6ละะะหหหลลลกัักกั สสสตูตู ตู รรร
วววเเิิ เิคคครรราาาะะะหหหก์์กก์ รรรอออบบบโโโคคครรรงงงสสสรรร้้าา้างงง
สสสรรร้าา้ ้างงงเเเคคครรรออ่ื่ื ื่องงงมมมืือออื ปปปรรระะะเเมมเมินนิ นิ
หหหาาาคคคณุุณุณภภภาาาพพพดดด้้าา้านนนคคควววาาามมมเเททเทย่ีีย่ ี่ยงงงตตตรรรงงงเเชชเชงิิงิงเเนนเนอือ้ื้ ้อื หหหาาา
ปปปรรรับับบั ปปปรรรงุุงุงเเคคเครรรือ่่ือ่อื งงงมมมืออื อื
สถานการณขขแแ์ก้อ้อผผาจจนนราาแภภกกพาาดััดพพรใใ่รนนแแะกกสสบดดาาารรงงดสสขขขรรน้้นัั ้้อาาตตงงงออแแเจจชนนจลลดัดัอ้ืดักกะะฉฉไาาฉพพวบบรรบฒััฒรสสบับั ับัสนนรรเเโเคค้้าาาาคคงงรรเเโรคคแแ่ืืออ่รอื่ รรลลนงงงื่ื่ออะะมมามงงพพืืออือมม-ปปฒฒัั ปืืออ2รรนนร0ะะเเาาะนน1เเเเมมเ9ื่ออื่คคมนนิิ งงรรนิจจจแแ่ื่ือองึแาาลลงงไลกกมมมะะะกกจจ่สืืออจาาดััดาปปดัรรมททรรสสทาะะาารรร�ำคคเเา้้ามมถคู่่มูมงงิินนนู่มแแืืออาสสือลลเมมะะครรพพรรร่ือัฒฒั ถถงนนนนมะะาาอื เเสสไคคปาารรคคท่ื่ืออััญญดงงมมลขขอือือออดดงงงใผผาาชู้เ้เูเเรรนนก้ ียยีบันิินนนผกกูเ้าารรรียใในนนชชได่ว่ว้งง
1ส1ถ..44านแแกนนารววณทท์กกาาาางงรรกกแนาาพารรเรใใคร่ ชชระื่อเเ้้บคคงามรรดื่่ออืือขปงงอมมรงะเืออื ชเปปมื้อินไรรวสะะรมเเัสมมรโนินิรคถโสสรนมมนะารรสรรา-ถถค2นนัญ0ะะ1ขสส9องาาจผคคึงู้เไญััญรมียส่ขขนาออทมงง่ีพาผผรัฒถู้เู้เนรรนยียีาาขนนเค้ึนรไ่ือปงใมชือ้นไ้ันปทคดรูผลู้สอองในชส้กาบั มผาูเ้ รรถียนนาไไดป้ ใช้
ในการจัดกากราเรรนียานเกครา่ือรสงมอือนปแระลเะมกินาสรมวรัดรแถลนะะปสราะคเัญมขินอผงลผสู้เรมียรนรทถ่ีพนัฒะสนาาคขัญ้ึนขไปอใงชผ้นู้เั้นรียคนรไูผดู้ส้ อโดนยสมาีแมนารวถทนาางไกปาใรช้
ดใดนาากเเนนาินินรกกจาาัดรรกดดา1ังังรนน)เศี้ี้รียกึ ษนากาวรเิ คสรอานะหแ์ ลหะลกกั าสรตู วรัดเแปลา้ ะหปมราะยเมกาินรผจลัดสกมารรเรรถียนนะกสาราสคอัญนขอแงลผะู้เสรมียรนรไถดน้ ะโสดายคมญั ีแขนอวงทผาู้เรงยีกนาร
1) ศกึ ษา วิเคราะห์ หลักสตู ร เป้าหมาย การจัดการเรยี นการสอน และสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4 ค่มู ือการใชเ้ ครือ่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
5
2) ศึกษาคู่มือการใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมิน ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
เกณฑก์ ารให้คะแนนและตดั สินผลการประเมินในแต่ละสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
3) เลอื กใช้เครอ่ื งมอื ทีส่ อดคล้องกบั เปา้ หมายในการพัฒนาผู้เรยี นในแต่ละดา้ นใหเ้ หมาะสม
4) นาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้ในการวัดและประเมินผลผู้เรียน
ตามชว่ งเวลาที่เหมาะสม
5) นาผลการวัดและประเมินไปพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรียน ให้มีระดับความสามารถ
ของสมรรถนะทเ่ี พ่ิมขึน้
11..55 บบททบบาาททขในอกงาผร้ใู นช้เาคเคร่อืร่ืองมงมอื อืปประรเะมเมินินสสมมรรรถรถนนะสะส�ำคาคญั ัญขขอองผงผเู้ ร้เู ยีรนยี นไปใช้
ผู้ใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) อาจแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
และระดับสถานศึกษา ซง่ึ ในแตล่ ะระดับมีบทบาทในการนาเคร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนไปใช้ ดงั นี้
1) ระดับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าท่ีสนับสนุน ส่งเสริม
อานวยความสะดวก ให้คาปรึกษา และคาแนะนาแก่สถานศึกษาในการนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรยี นไปใชเ้ พอ่ื เปน็ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลในช้ันเรยี น ดังนี้
- สื่อสาร สร้างความเข้าใจ ให้กับสถานศึกษาเก่ียวกับคู่มือและเครื่องมือประเมินสมรรถนะ
สาคัญของผูเ้ รียน
- ประชุม ชี้แจง และวางแผนกับคณะทีมงานเพ่ือนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผู้เรยี นไปใช้
- เผยแพร่ค่มู ือและเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนแก่สถานศึกษาและผู้สนใจทว่ั ไป
- ให้คาปรึกษา และคาแนะนาเกี่ยวกับการใช้เคร่ืองมือเพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียน
ทกุ ระดบั ชัน้
- นิเทศ กากับ ติดตามการจัดการเรียนรู้และการนาเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รียนไปใช้ประเมนิ ผ้เู รยี น
2) ระดับสถานศึกษา มีหน้าท่ีหลักในการจัดการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผู้เรียน
ซึ่งมบี ทบาทในการนาเคร่ืองมอื ประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นไปใช้ ดงั น้ี
- บรหิ ารจดั การให้ครูนาเครอื่ งมือประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นไปใชใ้ นการพฒั นาผู้เรยี น
- เปิดโอกาสให้ครูได้แลกเปล่ียนเรียนรู้และสะท้อนคิดจากการนาเครื่องมือประเมินสมรรถนะ
สาคญั ของผู้เรียนไปใช้ เพอ่ื การพัฒนาและยกระดบั คณุ ภาพสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน
- จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเลือกใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท่ีเหมาะสม
กบั พฤตกิ รรมการเรียนรแู้ ละเปา้ หมายการพฒั นาผ้เู รียน
- พัฒนาและต่อยอดความสามารถของผู้เรียน ด้วยการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผเู้ รียนตามแนวทางที่กาหนดให้
- ส่งเสริมให้นักเรียนเลือกใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของตนเอง และประเมินเพื่อน
ตามความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนรู้
1.6 การนำ�าผลการประเมินสไปมใรชร้ถนะส�ำคัญของผเู้ รยี นไปใช้
การนาผลการประเมินไปใชส้ ามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แนวทาง ดงั น้ี
1) ใช้เปน็ ขอ้ มูลในการปรบั ปรุงและพฒั นาสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นใหบ้ รรลุสมรรถนะสาคัญตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
2) ใช้ในการประเมนิ และตัดสนิ ระดับคุณภาพสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
คู่มอื การใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน 5
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
66
กกกรรรอออบบบโคโโคครรรงงงสสสรรร้าา้า้ งงงแแแลลละะะเชชเเชคคคนนั้ั้ น้ัรรมมอ่ืือ่มธัธังงัธยยมมยมมตตือือมศศออปปศกกึึนนนรรกึ ษษททะะทษเเาา่ีี่ มมี่22าปป2ินินปททีี สสีที่่ มม44ม่ี 1รรร––รร-ร3ถถ66ถนนนะะะสสสาา�ำคคคญญัั ัญขขขออองงงผผผูู้้เเรรู้เรีียยยีนนน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 คกไไคกดดาาวว้้รรดดาาปปมมาารรเเสสนนะะาาเเิินนมมมมกกกกาาาาิินนรรรราาสสพพถถรรมมใใฒัฒัววนนรริิเเนนรรคคกกถถาาาารรเเนนรรคคาาะะแแรระะสสืื่่กกออหหาางงป้้ป์์กกมมคคญัญัรรืืออััญญออหหปปขขบบาารรออะะโโงงคคคคเเมมผผววรริิูู้้นนเเาางงรรสสมมสสีียยมมสสนนรรรราา้้าารรมมททงงถถเเาา้งััง้นนพพรระะ55ถถื่ื่ออสสใใกกปปาานนคคาารรกกหหะะััญญาากกนนรรขขาาใใดดออรรชชงงตตท้ท้ผผไไััววดดเูู้้เกักั รรชชแ้แ้ ษษีียยี้ี้ววกกนนะะััดด่่ ชชคคแแชชวีวีววลล้ัน้นัติิตาาะะมมมมสสแแธััธสสยยลลรราามม้้าาะะมมศศงงคคาาเเกึึกรรววคคถถษษาารรใใมมาาื่่ืนนออปปสสงงกกทีีทาามมาามมี่ี่ รรืืออ44าาสสปปรร––่ืื่ออถถรรสส66ใใะะนานาสสเเรรมมกกาาาาิินนนนคครรววกัักพพใใาาททชชรรมมดดเ้้เ้้ออสสททสสมมาาออคคมมกกบบโโาานนาาททรรหหโโาาถถลลงงนนใใกกยยนนดดาาีี กกเเรรกกศศาารรณณึึกกคคษษฑฑิิดดาา์์
222...111เคคววราา่ือมมงมสสาาอื มมปาารรระถถเมใในนิ กกคาาวรราสสม่่ออืื สสสาาามรรารถในการส่อื สาร
กกรรออบบโโคครรงงสสรรา้้างงเเคครรอื่ื่องงมมอืือปปรระะเเมมนินิ สสมมรรรรถถนนะะสสาาคคญััญขขอองงผผ้เูู้เรรยีียนน ดดา้้านนคคววาามมสสาามมาารรถถใในนกกาารรสสื่อื่อสสาารร
ใตกใขโตขดแเดถถโเกตตแจจนนดดา่่า่่าา่้่้่่ลลววาาาาออรรกกยยยยววงงรรยยะะกกจจาาคคคคสสททเเหหททรรๆๆาาาาววาาลลาาออรรตตรรััาาลลศศนนรรืืออัับบดดกกมม่่ออพพัักกนนึงึงกกแแคคแแสสาารรถถััฒฒเเะะลลววใใลลาารรออนหหงึึงขขะะชชาามมเเะะนนผผงงนนยิตตสสมมลล้้าาออววเเปปลลาายิิยาพพุุผผรร่่งงืืคคออิิธธงงกกรรตตมาาสสถถืื่่ออลลิิดดีีตตกกกกะะรรมมาาใในนสขขแแนนสสนนะะรรรราาสสคคมจจเเััลลททกกบบบบรรเเมมออมมววััดดรออาาะะสสบบกกหหีีาาววงงรรแแรรงง่ื่ืคคมมออททาาััฒฒแแรรรรถสสลลเเรรววรรถถืืสสมมี่ี่ออลล่ืื่ะะพพนออนนณณูคคู้้าานนีีตตลลาาไไสสะะืื่่ะออธธววมมมม์์ออดดรระะ่อ่อาาสสสรรแแาารรถถ่่สสปปรรััททนนตตััรรำ�งงมมลลััููบบกกาานนััญญี่่ีจจมมเเมมคคคเเปปกกคคขขตตะะขขเเใใีีัญมมหหปปออ็็เเนนญญัันนา้า้เเ้้้้ออออปปาาปปงงรรใใ คคกกงงคคมมรรจจแแลละะ็็นนววาาววววููลลลล่่ีีาาสสยยปปคครรตตาามมะะมมขขิิใใททนนมมววรรลลสสสสททชช่่าาะะาาขขขขธธออัังงาา้้ภภัั้้ววมมงงโโััดดิิ้้คคมมภภออดดยยกกสสาารรแแาามมมมจจาาชชษษูสู้ส้าาาายยรรููพพนนนนลลกกึึรรถถรราา้้งง์์ เ3อดรออท3กท2กรวอ1ดเ1ว2ขขััตตััยย....บบาาวว้้..ยยััศศ้้าารรยย่าถาถ่มมใใ่่นนาาผผเเใใงงเเชชกกปุุปลลคีีคงงิิขขะะจจมมดด้้าาภภววืืเเรรออขขียยีสีีสชชหหรราาะะาาคคออนนกกตตฟฟมมออมมสสษษววงงใใิิสสัังงบบาางงเเตตาาาาชชพพาาะะคคกกถถตตนนมม้้มมกกสสอ่ือื่ใใ์์าาตต่่าา่่เเคคออาานนลลใใมมรรออยยวัวัรรหหวิิดดสสดดกกววโโงงถถททชชชเ้เ้ดดััดดิิููาาธธงงใใกกแแีีว้้วคคออนนยยรร้ีว้้ีีววใใคคิดดิลลัดัดววดดสสกกคคนนดัยยคคมมะะาา่ื่ออืาาคคกกาา กกววกกรรมมเเสสนนววาาาาาารราาพพรรมมาาาาึึรรงงรรบัับรรื่ืูู่้้รรมมสสเเออถถพพออขขสสสสึึรรึึกกงงา่า่บบููาา้า้าดดื่่ืออูู้้คคคคนนรรใใรรแแสสจจแแววววรรลลลลาาาาาาลลมมมมะะรระะุุ ---- แแแแลลลบบบบกกัั ักบบบบษษษปปททณณณรรดดะะะะะสสเเเเเคคออมมครรบบนนิิร่ืือ่อื่องงงมมมืออื อื
ททขชขชออั้้ันนัักกงงมมษษผผััธธะะูู้เเ้ ยยกกรรมมียียาาเเนนรรศศคคพพึึกกรรดดููดดษษอื่ือ่ าา้้ จจงงาา❖❖นนททมมปปาาคคัักกกกอืือีีททววษษกกปป่ี่ีาาแแแแ44รระะรรมมบบบบออกกะะสส––บบบบบบเเาาาามมปปททรรโโ66มมคครรินินออดดาาะะสรสร่่สสาาสสรรเเงงาามมนนมมถถออสสมมนินิ ใใรรบบรราาททนนรร้้าาปปรรัักกกกถถปปงงถถรรเเาาษษนนรระะคคนนรระะกกะะะะรราาสสกกออสสกกื่่ืออมม่่อืือบบออาาาางงาาสสดดบบรรคคมมสสาาเเว้้วญัญัดดืืออรรขขรรยยว้้วปป้้าาีียยขขดดยยงงแแรรนนออเเงัังบบะะคคแแงงนนเเบบแแรรผผมมบบี้้ีปปลล่ื่ืออเูู้้เิินนบบรรรระะงงสสททะะียยีมมกกเเมมดดนนมมืืออลลรรสสินินปปววรรดดออิิกกธธรรถถา้้าบบีีกาากะะนนนนรราาเเเเะะพพลลมมคครรสสืออืดููดิินนสสววาากก่ื่ืออแแาาแแคคตตมมสสบบบบััญญออสสาา่่งงบบบบขขรรออาาปปออมมออรรโโแแงงกกะะาาดดลลผผเเรรเเยยมมปปะะูู้้เเถถมมรรนิินแแ็็นนใใีียยีีเเกกบบนนคคนนาา55บบกกรรรรดดื่่ืออเเาาททดดขขรร้้งงาาดด้้าาียยี มมสสนนนนสสนนืืื่ออ่ืออคคออไไสสแแปปววบบดดลลาาาารรเเ้้แแะะมมรรขขะะแแกกสสียยีเเบบมม่่าานนททบบิิมมนนตตัักกปปาาสสออษษรรรรมมบบถถะะะะรรเเสสใใกกมมรรนน้นั้ันาาถถินินกกรรนนกกาาฟฟาาะะรรรรัังงสสสสใใแแชชื่ื่ออาาลล้ส้สสสคคะะื่ออ่ืาาััญญดดรรูู
6 คมู่ อื การใช้เครือ่ งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
7 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
แบบทดสอบการฟัง ชนั้ ม.4 – ม.6
คาชแ้ี จง ครอู ่านเรอ่ื งตอ่ ไปนี้ใหน้ ักเรียนฟงั 2 รอบ หลงั จากนน้ั อ่านคาถามให้นักเรยี นตอบ โดยให้เวลาขอ้ ละ 1 นาที
(ข้อละ 2 คะแนน รวม 40 คะแนน)
อา่ นข้อความใหน้ กั เรียนฟงั แล้วใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม ขอ้ 1 – 10
ปีนี้เป็นปีที่ธุรกิจหนังสือโลกวิเคราะห์กันว่า น่าจะพบการเปล่ียนแปลงไม่น้อย ทั้งจากเร่ือง
ของเทคโนโลยีท่ีมาลดบทบาทของวงการ และความสนใจท่ีเปลี่ยนแปลงไปของผู้อ่าน ซ่ึงเป็นเร่ืองที่ต่อเน่ือง
มาราว 2 ปีแล้ว แต่ปี 2020 น้จี ะเหน็ ผลของการเปล่ยี นแปลงอยา่ งชดั เจน
เว็บไซต์ชื่อดังเว็บไซต์หน่ึงได้สรุปแนวโน้มของหนังสือในปีน้ี ซึ่งน่าสนใจและเช่ือมโยงกับ
การเปล่ียนแปลงของสังคมไทยไว้หลายประเด็น แต่มีประเด็นหน่ึงท่ีน่าสนใจคือเรื่อง Search Engine
Optimization หรอื ยอ่ วา่ SEO เปน็ หนง่ึ ในกลยทุ ธก์ ารตลาดออนไลน์รปู แบบหนง่ึ ซ่ึงจะเกย่ี วข้องโดยตรงกับ
Search Engine ท่ีจะกลายเป็นส่วนสาคัญท่ีทาให้หนังสือเข้าถึงคนอ่านไดอ้ ย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย เว็บไซตน์ ี้
ระบุชัดว่าทุกสานักพิมพ์ควรทาการตลาดออนไลน์แบบ SEO ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิต สร้างการรับรู้
ในกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมองว่าการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
หรือ Podcast คือส่ิงที่ไม่ควรมองข้าม ปีที่ผ่านมา ผู้ฟัง Podcast ในสหรัฐอเมริกาเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ 40
เปน็ รอ้ ยละ 44 ของประชากรท้งั หมด
ในไทยเองการสือ่ สารผ่านระบบอินเทอรเ์ นต็ กเ็ ตบิ โตมากขนึ้ เรื่อย ๆ รา้ นหนงั สือออนไลน์หลายแห่ง
ร่วมส่ือสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตกับสื่อออนไลน์อย่างเช่น เว็บไซต์ The Standard ซ่ึงมีแนวคิดคือ
การแนะนาหนังสือใหม่ ๆ ตามความนิยมในแต่ละช่วง และกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทาให้หนังสือหลายเล่ม
ไดร้ ับความนิยมท่ีเพ่ิมข้ึนเร่อื ย ๆ
ขณะที่ผู้เช่ียวชาญในวงการหนังสือออนไลน์ มองแนวโน้มธุรกิจหนังสือของทั่วโลกว่าสอดคล้องกับ
แนวโน้มข้างต้นอยู่ไม่น้อย ที่น่าสนใจคือ หนังสือเสียงหรือ Audiobooks ซ่ึงมองว่าจะยังคงได้รับความนิยม
เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว ตลอดเจ็ดปีท่ีผ่านมาสมาคมผู้ผลิตหนังสือเสียง หรือ
Audiobook Publishers Association เปิดเผยสถติ ิการเตบิ โตของรายได้เพม่ิ ขึ้นในทกุ ปี โดยเฉพาะยอดขาย
หนังสอื เสียงในประเทศสหรัฐอเมรกิ าเพียงอย่างเดียวกเ็ พมิ่ ข้นึ ถึงร้อยละ 24 จากปีกอ่ น
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งท่ีเหมือนกันมาก ๆ ท้ังไทยและท่ัวโลก คืออุปสรรคของการอ่านและคู่แข่ง
สาคญั ท่ีไม่ใชธ่ ุรกจิ หนงั สือด้วยกันอีกต่อไป ซึง่ ปนี ี้การแขง่ ขนั จะเข้มขน้ และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ผู้เช่ียวชาญในวงการหนังสือออนไลน์ ยังระบุว่า การอ่านหนังสือเล่ม อ่านหนังสือ
อิเล็กทรอนิกส์ หรือฟังจากหนังสือเสียง ต้องแข่งขันกับสื่อบันเทิงด้านอื่น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจ
ของผู้บริโภค ข้อมูลยังพบว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาสถิติการอ่านหรือฟังหนังสือเสียงลดน้อยลงกว่าปีท่ีแล้ว
ถงึ ร้อยละ 9
ส่วนประเภทของหนังสือที่น่าจะได้รับความนิยมน้ัน พบว่า เป็นหนังสือแนวส่งเสริมสติปัญญา
ในสารพัดหมวดท้ังธุรกิจ วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม เทคโนโลยี เน้ือหาส่วนใหญ่เน้นไปที่การเปลี่ยนแปลง
และการต้ังรับกับเทคโนโลยีในอนาคต และประเด็นของการศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ส่วนแนวโน้มหนังสือนวนิยาย
ท่ีได้รับความนิยม ก็จะเป็นแนวนวนิยายเชิงวิทยาศาสตร์ แนวจินตนาการ แนวอิงประวัติศาสตร์ และแนว
สืบสวนสอบสวนอาชญากรรม
คู่มือการใช้เครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รยี น 7
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
8
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 1. ปจั จยั ใดทาให้หนงั สือเล่มได้รับความนิยมลดลง
1) เทคโนโลยีการสอื่ สารผา่ นระบบอินเทอรเ์ นต็
2) การชะลอตวั ของเศรษฐกิจ
3) มีบริษทั ผลิตหนงั สือเล่มเพ่มิ ข้นึ จานวนมาก
4) รัฐบาลไมส่ นบั สนนุ การผลิตหนังสือเลม่
2. อุปสรรคของธรุ กิจหนังสือออนไลนใ์ นปัจจบุ ันคือข้อใด
1) รูปแบบของหนงั สอื ออนไลนไ์ มน่ ่าสนใจ
2) ขอ้ จากัดในการเขา้ ถึงแหล่งหนังสอื ออนไลน์ของผูอ้ า่ น
3) สื่อบันเทงิ ด้านอืน่ ๆ มาแยง่ ส่วนแบ่งการตลาด
4) การขาดการสนับสนนุ ธรุ กิจหนงั สอื ออนไลน์ของหน่วยงานท่ีเก่ยี วข้อง
3. จากเรือ่ งท่ีฟงั ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกต้อง
1) การตลาดออนไลน์แบบ SEO เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด
2) ความนยิ มหนงั สือการศกึ ษาศตวรรษท่ี 21 มีมากกวา่ แนวนวนิยาย
3) หนงั สือเสยี งในประเทศสหรัฐอเมริกาเติบโตเพิ่มข้ึนจากปี 2019
4) Podcast เปน็ ส่ิงทน่ี ่าสนใจทที่ าให้แวดวงหนงั สอื โลกเปลยี่ นแปลงไป
4. จากเรื่องท่ีฟัง ข้อใดน่าจะเปน็ ผลกระทบในอนาคต
1) ร้านหนังสือจะมกี ารขยายตัวอย่างกวา้ งขวาง
2) ต้นทุนการผลิตหนงั สือจะเพิ่มขน้ึ
3) ธรุ กจิ การพิมพ์หนังสือเลม่ จะลดลง
4) อตั ราการอา่ นหนงั สือของประชากรจะขยายตวั
5. จากเรือ่ งที่ฟงั เพราะเหตุใด Podcast จงึ ได้รบั ความนยิ มอยา่ งกว้างขวาง
1) เพราะเป็นตลาดออนไลน์ท่ไี ม่มคี ่าใชจ้ า่ ย
2) เพราะเปน็ เคร่ืองมือทเี่ ข้าถงึ ธรุ กจิ หนงั สือออนไลนไ์ ด้ง่าย
3) เพราะไดร้ ับการแนะนาจากสมาคมผู้ผลิตหนังสือออนไลน์
4) เพราะเป็นเว็บไซต์ทไ่ี ด้รับความนิยมมากที่สดุ
6. จากเรื่องท่ีฟัง ผ้เู ขียนมีวตั ถุประสงค์อยา่ งไร
ตอบ ............................................................................................................................. ....................................
7. จากเรอื่ งที่ฟงั อะไรเป็นสาเหตุสาคญั ที่ทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงของวงการหนังสือ
ตอบ ................................................................................................................................... ..............................
8. หากนักเรียนเป็นเจา้ ของธรุ กจิ ผลติ หนังสอื นักเรียนควรผลิตหนงั สอื เสยี งในปตี ่อไป เพราะเหตุใด
ตอบ ............................................................................................................................. ....................................
9. จากส่ิงทฟ่ี งั ควรตง้ั ชอื่ เร่ืองวา่ อยา่ งไร
ตอบ .................................................................................................................................................................
10. จากเรอื่ งทฟ่ี งั การเปลย่ี นแปลงของธุรกจิ หนังสอื ออนไลน์ ส่งผลดตี อ่ เจ้าของธุรกิจอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. ....................................
8 คูม่ ือการใช้เครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
เเฉฉลลยย ขอ้ 1 ตอบ 1) ข้อ 2 ตอบ 3) ขอ้ 3 ตอบ 2) ข้อ 4 ตอบ 3) ข้อ 5 ตอบ 2) 9
เกณฑก์ ขาอ้ รใ1หต้คอะบแน1น) ขอ้ 1ข้อ– 25ตอบ 3) ขอ้ 3 ตอบ 2) ขอ้ 4 ตอบ 3) ข้อ 5 ตอบ 2) 9
เกณฑก์ ตาอรบใถหูกค้ ไะดแ้ น2นคะขแ้อน1น – 5
ตตออบบถผูกิดไไดด้้ 20 คคะะแแนนนน
เฉลย/แตนอวบคผาดิ ตไดอ้บ0ขคอ้ ะ6แน–น10
6เฉ.ล-ยเพ/แ่ือนชวใี้ หค้เาหตน็ อกบาขรอ้เป6ล่ีย–น1แ0ปลงของธุรกจิ หนงั สือโลก
6. -- เเพพ่ือื่อใชห้ใี ท้หรเ้ หาบน็ ถกึงารรปูเปแลบยี่ บนหแนปังลสงือขออองนธรุไลกนิจห์แบนบงั สตือา่ โงลๆก
-- เเพพ่ือ่ือใสหรท้า้ งรคาวบาถมึงตรรูปะแหบนบักหในหัง้กสบั อื ธอรุ อกนจิ ไหลนนงั ์แสบือบไทตยา่ ง ๆ
7. -- เคพวอื่ าสมรกา้ ้างวคหวนาม้าขตอรงะเหทนคกั โนใหโลก้ ยับีใธนรุ ปกัจจิ จหุบนนั งั สแือลไะทอยนาคต
7. -- มคนวาษุ มยกต์ ้า้อวงหกนาร้าเขรอยี งนเทร้จูคาโกนสโลอื่ ยทใี ท่ีนันปสัจมจัยุบแนั ลแะลเะขอ้านถึงางคา่ ตย
8. -- มเพนรษุ ายะ์ตม้อีแงนกวาโรนเร้มียไดน้รรับู้จคากวสาม่อื นทิยท่ี มันเสพม่ิมัยขแ้นึ ลเระ่ือเขย้าถๆึงง่าย
8. -- เเพพรราาะะมมีตแี ้นนทวโนุ นตม้ า่ ไดมร้รี บัายคไวดาเ้มพน่มิ ยิ ขม้ึนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
9. -- เแพนรวาโะนมม้ ตี ข้นอทงุนรูปตา่แบมบีรหายนไังดสเ้ อืพใม่ิ นขอนึ้ นาคต
9. -- แแนนววโโนนม้ม้ ขขอองงธรรุูปกแจิ บหบนหังนสงัือสโลือกในอนาคต
-- แสนถาวนโนก้มาขรณองธ์ ธรุ รุ กกจิ ิจหหนนงั ังสสอื ือใโนลปกจั จบุ นั
10-. ส- ถสาานมการาถรณเส์ธนรุ อกขจิ าหยนหังนสงั ือสใือนไปดจั้ตจรบุงกนั ลมุ่ เปา้ หมาย
10. -- สสาามมาารรถถผเสลนติ อหขนาังยสหือนไดังส้ตือรไงดค้ตวรางมกนลิยุ่มมเปา้ หมาย
เกณ-ฑสก์ าามราใรหถค้ ผะลแิตนหนนังขส้อือไ6ด–้ตร1ง0ความนยิ ม
เกณฑก์ 2ารคใะหแค้ นะนแนน ข้อ 6ตอ–บ1ถ0ูกตอ้ ง / ตอบสอดคล้องกับคาถาม
21 คคะะแแนนนน ตตออบบถถููกกตตอ้้องงเป/ น็ตบอาบงสสอว่ ดนคลขอ้ างดกรับาคยาลถะาเอมียดที่จาเป็น
10 คคะะแแนนนน ตไมอ่ตบอถบูกต/อ้ ตงอเปบ็นผบิดา/งสค่วานตอขบาไมดรส่ าอยดลคะลเ้อองยี ดทจี่ าเปน็
0 คะแนน ไมต่ อบ / ตอบผดิ / คาตอบไม่สอดคล้อง
อา่ นข้อความใหน้ กั เรยี นฟงั แล้วใหน้ ักเรียนตอบคาถาม ขอ้ 11 – 15
อา่ นข้อควเาฮมลใิหคอ้นปักเเรตียอนร์ทฟี่เงั หแ็นล้ใวนใหปน้ัจักจเุบรันียนมีตจุดอบเรคิ่มาตถ้นามมาขออ้ย่า1ง1ยา–วน15านต้ังแต่ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยเร่ิม
แนวคิดจเฮาลกิคขออปงเเตลอ่นรเ์ทล็่ีเกห็นๆในขปอัจงจจีุนบันคมือีจุดคเรอ่ิมปตเ้นตมอารอ์ไมย้ไ่าผงย่ จาวนนการนะตทั้งั่งแมตา่ ถ4ึ0งภ0าปพีกส่อเนกค็ตรชิส์สตก์ศรักูอราากชาโศดยหเรรืิ่มอ
ภแนาษวาคอิดังจกาฤกษขเรอียงกเวล่า่นAเลe็กriaๆl Sขcrอeงwจีนขอคงลือีโอคนอาปร์โเดตอดรา์ไวมิน้ไชผี ่ใจนนศตกวรระรทษั่งทม่ี 1า5ถึงซภึ่งาไดพ้กสลเากย็ตมชา์สเปก็นรแูอรางกบาันศดาหลรใือจ
ใภหา้กษับาอคังนกรฤุ่นษหเรลียังกอวย่า่างAeอrิกiaอlรS์ cซrิคewอรข์สอกงี ลชีโาอวนราัสรเ์ซโดียผดู้ปาวรินะชสีบใคนวศาตมวสรราษเรท็จี่ ใ1น5กซาร่ึงไพดัฒ้กลนาายเฮมลาิเคปอ็นปแเรตงอบรัน์คดนาแลรใกจ
ขใหอ้กงโับลคกนรุ่นหลังอย่าง อิกอร์ ซิคอร์สกี ชาวรัสเซียผู้ประสบความสาเร็จในการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์คนแรก
ของโลก ในเบ้ืองต้นสิ่งประดิษฐ์ชนิดน้ีถูกออกแบบโดยให้ใช้ “แรงคน”ในการหมุนใบพัด โดยภาพสเก็ตช์
สิ่งประดใิษนฐเ์ทบ่ีจื้อะงเตป้น็นสพ่ิงปื้นรฐะาดนิษขฐอ์ชงเนฮิดลนิค้ีถอูกปอเอตกอแร์ใบนบปโัดจจยุบใหัน้ใขชอ้ “งแดรางวคินนช”ีหใรนือกทาี่เรรหียมกุนว่าใบ“พสัดกโรดูอยาภกาาพศส”เกซ็ต่ึงมช์ี
ลสัก่ิงปษรณะะดเิปษ็นฐ์ทเก่ีจละยี เวปท็นส่ี พร้ืนา้ งฐขาึน้ นจขาอกงโเคฮรลงิคลวอดปเเหตลอ็กรห์ใุ้นมดปว้ัจยจผุบ้าันลขินอินงดด้าานวิลน่าชงีหขรอืองใทบ่ีเพรียัดกเปว็น่าท“ย่ี สืนกสราูอหารกบั าผศโู้ ด”ยซส่ึงามรี
ทลัก่ีอษาจณจะะเตปอ้ ็นงเชกว่ลยยี กวนัทอส่ี อรกา้ งแขร้นึงหจมากุนโใคบรพงัดลวสดรเา้หงลก็กาหรอุ้มดัดม้วยวลผอ้าลากินานิ ศดท้าานใลหา่ ้วงตั ขถอลุ งอใบยพตวััดขเป้ึนน็ไดท้ ี่ยืนสาหรับผโู้ ดยสาร
ที่อาจจะตแอ้ตง่คชวว่ ายมกกนั ้าอวอหกนแ้ารทงาหงมวุนิทใยบาพศัดาสสตรรา้ ์ใงนกปารัจอจัดุบมันวทลาอใาหก้เารศาททราาใบหว้ว่าตั รถูปุลแอบยบตใัวบขพึ้นัดไดด้ ังกล่าวไม่ใช่รูปแบบ
ใบพัดท่ีดแี ตต่ค่อวมาามใกน้าชว่วหงนต้้านทศาตงววริทรยษาทศ่ีา1ส9ตรถ์ใึงนปปรัจะจมุบาันณทกาลใหาง้เรศาตทวรรารบษวท่าร่ี 2ูป0แบพบบใวบ่าพมัดีนดักังปกรละ่าดวไิษมฐ่ใ์หช่รลูปาแยบคบน
พใบยพายัดาทมี่ดที จ่ีตะ่อสมรา้าใงนเฮชล่วคิ งอตป้นเศตตอวร์รซรึง่ษททา้ ี่ย1ท9่สี ดุถกึง็ไปมรป่ ะรมะาสณบกคลวาามงสศาตเวรร็จรษท่ี 20 พบว่ามีนักประดิษฐ์หลายคน ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
พยายามทกร่จี ะทสร่ังใา้ นงเคฮรลิสคิ ตอ์ศปักเตราอชร์ 1ซ9่ึงท40้ายอทิกสี่ อุดรก์ ็ไซมิคป่ อรระ์สสกบี ไคดว้ราับมแสรางเรบจ็ ันดาลใจในการสร้างยานบินต้ังแต่วัยเด็ก
จากการกดรูภะาทพั่งใสนเคกร็ติสชต์ส์ศกักรรูอาชาก1า9ศ4ข0อองิกดอารว์ินซชิคีอเรข์สากปี ไรดะ้รสับบแครงวบาันมดสาาลเรใจ็จใในนกกาารรสสร้ารง้ายงาเนฮบลิินคตอ้ังปแเตต่วอัยรเ์รดุ่น็ก
จากการดูภาพสเก็ตช์สกรูอากาศของดาวินชี เขาประสบความสาเร็จในการสร้างเฮลิคอปเตอร์รุ่น
คู่มอื การใชเ้ คร่ืองมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรียน 9
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
10
VS-300 ที่สามารถใช้งานได้จริง และควบคุมทิศทางได้ ลักษณะของ VS-300 เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก10
ใลใขยVเใเขลยใฮฮนชชนาานนาาSลล้เ้เยยนนแแ-าาคค3ิิคคุคคุรรพพดดรร0กกออปปใใอ่ือื่าา0หหขขปปัจจัหหงงออญญยยจจเเกกนนทตตงงุบุบนนาา่่ะะี่สกกออใใรรตตันันททาหหออรรปป์์มใี่ีใ่์์งงช้้ชรร44ททรรชชททาุุ่่นนื่อือ่ะะาา้ใ้ใสสรัพพันนรรดดนนใใบููบถหหนุุ่่นสสิษษิทท้ี้ีถถใ้เ้เววหหฐฐูู77้งัง้ัชกกขข่า่าทท์เเ์รร55้งนนาาฮฮัฐัฐาาาไไVVาาลลแแดดอองนงไไSSิคคิรรทท้รร้เเปปไ33มมงงออบับัดหหใใ11มมรรปป้จชชกกาา66้าา้กิกิ เเรรร้้าาใใAAตตาานนแแิงดดรรออยยลล้าา้กกมมแรรนนกกะะลีลีออล์์ขขกกยยบบักกังงะออาา่่ออททนนษษคงงรรงงััพพณณวสสใใมมออหหขขบาาะะีีใใิกกิ รรออบบเ้เ้คคคออปปววงงพพุลลมรรจจน็น็สส้้าาััดดท์์ บบหหซซยยิศ33ิิดดคิคิกกรรทััาาออฐฐัับบใใาขขออรรบบเเทงฮฮออ์ส์สเเไ่มีมมแแลลงงกกดาเเรรลลิิคคีี้:ฮฮตติิกกะะลออhลลอ่อ่ใใาาักปปtคิิคบบtมมแแษเเpออพพตตลลาาsณปปไไออ:ัดดัะะ/ดดเเะ/รรหหกกตต้กก้w์์ขใใลลาาออนนลลwองงาารราาปปงwยย์สส์ยซซยััจจเเ.มมมมงง่่ึึVsปปจจใใiัยยัาาSlุุบบนน็็นนpเเใใ-ปปันนัaปปหห3เเฮฮ-็นน็0ตีีตมมmลลมม0รรอ่่อ่่ aิิีคคคคีเเูปูปมมรรgเันนัออแแ.าาปยีียcบบปปเเบบกกo็นขขังงัเเบบmไไเาาตตคคดดฮกกกก/ออบับั้ว้วลhาาไ็ไ็ รร่าา่สสดดิคiรรsเเ์์ททาาสสส้ส้tปปอoหหาารรรรปน็น็ rงงา้้า้า้ารรyเชชกกงงงงบัับ/ตาาaเเเเาานนฮฮอฮฮยยrรรtลลลลัักกรผผiขขc์ขิิคิคิคคบบูใ้้ใูlออหหeนออออิินนงง_้้กกปปปปาทท222ดาาเเเเ1หหตตตตเเเ8นนคคลาาออออ5นนิิดด็รรกรรรร7์์์์
ทม่ี า: https://www.silpa-mag.com/history/article_21857
11. จากเรอื่ งท่ีฟงั อกิ อร์ ซิคอรส์ กี ได้แรงบันดาลใจในการพฒั นาเฮลิคอปเตอรจ์ ากอะไร
ตจตตจจตตตตจจจตจจจตาาาาาาาาาอออออออออกกกกกกกกกบบบบบบบบบเเเเเเเเเรรรรรรรรร.........่ือ่ืื่อออออ่่่ืืื่ืออ่ื่ือ...........................งงงงงงงงง..................ททททททททท..................ี่ฟฟฟี่ี่ี่ฟีีฟ่่ฟีี่ฟ่ฟฟี่...........................ังงัังัังงงังังังั...........................เสสเอออมม.........ฮฮ.........าากิกกิิ.........ปีีป.........ลลมม.........อออรร.........คิคิ.........าาะะรรร.............อ..อ...รร์์์โโ..................ซซซปปถถยย..................ิคคคิิตตชช.......เเ...........ตตอออ.........นน้ังง้ั .........ออชช.........รรรต์์ต..................รร่ืื่์ส์์สสออ.........่ออ่ .........์์กกกเเ.........รรวว.......รร...........ีีีุ่นุน่งง.......่อือ่ื..มมไ.........กก.......ด..งงบีีบ.........VVาา.........ววแ้.........ททรรSS.........า่า่ร.........ใใ.......--..บบออง.........ดด33.........บยยาา.........00.........ททา่่า.........นั 00.........งง.........สสด.........ไไ.........มมาา.........รรา.........คคลีีล.........ล..................ััญญกัักใ................จ..ษษ.........ออ.........ใ.........ณณยยน...........................า่า่กะะ..................งงาออ.........ไไ.........ร.........ยยรร.........พ.........ตตา่า่..................ัฒงง่่ออ..................ไไ.........ววนรร..................งง.........า.........((กก.........เตต.........าาฮ.........ออ.........รร.......ล...........บบเเ.........ิคฮฮ..................อ.........ลล11..................ปิคคิ.........คค.........เ.......ออ...........ตาา.........ปป.........ตตอ................เเ..ออร.........ตต.........จ์.........บบออ..................า)).........รร.........ก.........์์ .........อ..................ะ...........................ไ.........ร....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
1112..
1123..
1134..
1145..
15.
เฉลยต/แอนบว.ค...า..ต..อ...บ..ข...อ้ ....1..1....–...1...5............................................................................................. ................................
111เ111111ฉ534341221ล......... ย-----------รร------------/ะะภภเใดเใเเดทเเเเลลแปปปปปปปปชชพคกพกคบบ้า้าโีโีาาาน้เ้เ็น็นนน็็าาออววน็น็น็็นคุคุัฒัฒนนพพงคคเเาาวนนผผผผทคเคเาาบบนนสสรรนนฮฮมมคตตสสสสูููู้้้้าานนหื่อือ่นนเเดิดิลลาาเเรรกากออรรรรแแปปางงกกเเมมิคคิ์โ์โต้าา้้า้าต็็ตฮฮบบยยรรรดน็ด็นาาใีใีอองงงงอลลซซแกกนนททบบรรมเพพเมปปบิิคลคส์ส์ดดฮฮททขขตต่เี่เีพพาาาาเเกกะกกลลออาาขออ่ีี่พพ์์ตตขขัดัดหห44ี่ยยี่ววกรรคิคิปปงง้อออฒัอฒัอนนินนิววููออเเาออ33เเสสรรงงฮฮตขขตะะรนน1ชชาาปปเเข์ข์ูบบูลลใใสสสอ้อ้กกฮอฮอ1ีีาาเเนนบบิคคิาาาลลตตงงาารใใร77าาหห–รกกรอรอศศ์์ิคคิออมม55ดดววว้เ้เััปปบบออรร1ีีใใฮฮจเเจจแแบบท์์ทเเคคลลปป5ลลตตททรรวว็กก็พพาาเเิคคิออาางงตตาางงดัดัออมมงงรรกกมมอออหหอปป์์า้้าาาเเรราาปปาารรเเ์์ ตตกกงงทท็น็นออาาหหมมศศรราาาา์บบ์ ขขรรินินลลออไไาางงดดแแเเฮฮ้้ รรลลกกิคิคขขออออปปงงกกเเตตอออองงรรทท์์ ัพัพเเชชสส่นน่ หหรรัฐัฐ
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 15. - ทางทหารและการสารวจ
10 คมู่ อื การใชเ้ คร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
11
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ขอ้ 11 – 15
2 คะแนน ตอบถูกตอ้ ง / ตอบสอดคลอ้ งกับคาถาม
1 คะแนน ตอบถูกต้องเป็นบางสว่ น ขาดรายละเอียดท่ีจาเป็น
0 คะแนน ไม่ตอบ / ตอบผิด / คาตอบไมส่ อดคล้อง
อา่ นข้อความใหน้ ักเรียนฟังแล้วให้นกั เรยี นตอบคาถาม ข้อ 16 – 20
วัยรุ่นเป็นวัยที่มีความคิดแตกต่าง ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี ส่วนมากผู้ใหญ่จะไม่ค่อยยอมรับความคิด
ของวัยรุ่นมากนัก เพราะยังเชื่อในทางที่ผิดว่าความคิดเห็นของวัยรุ่นน้ันยังไม่สามารถนามาพัฒนาสิ่งใดได้
แต่คงลมื ไปวา่ ในยุคทเี่ ทคโนโลยีลา้ หนา้ แบบนี้ วัยรุ่นกา้ วกระโดดกนั ไปไดไ้ กลกว่าผ้ใู หญห่ ลายๆ คนแล้ว
วัยรุ่นบางคนนาเอาความคิดท่ีแตกต่างจากคนอื่นไปสร้างรายได้และสร้างอาชีพจนกลายเป็นเศรษฐี
ได้เองในพริบตา ปัจจุบันมีอยู่หลากหลายคนมากท่ีประสบความสาเร็จและมีช่ือเสียงโด่งดังขึ้นจนกลายเป็น
ตัวอย่างที่ดีสาหรับวัยรุ่นอีกหลายคน ลองมาดูและศึกษากันว่าวัยรุ่นคิดกันอย่างไรและนามาพัฒนา
เพ่อื ความสาเรจ็ ของตัวเราเองบ้าง
วัยรุ่นเป็นวัยท่ีกาลังมีความคิดสร้างสรรค์จึงพยายามที่จะทาทุกอย่างให้มีความโดดเด่นและเป็นที่
ยอมรับให้ได้มากทส่ี ุด วยั รุ่นเหล่าน้สี ่วนใหญจ่ ะประสบความสาเร็จในชวี ิตและเงนิ ทองทง้ั ทอี่ ายยุ ังนอ้ ยอยู่
วัยรุ่นมีความคิดจะไม่หยุดน่ิง จึงทาให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ทุกอย่างได้เสมอ ไม่ว่าจะมี
ปัญหาท่ีหนักหรือเบาก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มั่นใจในตัวเองสูงมาสร้างสรรค์ผลงาน บริษัทช้ันนา
ส่วนใหญ่จึงมีทีมครีเอทีฟท่ีเป็นวัยรุ่นเพราะต่างเล็งเห็นถึงความสามารถของวัยรุ่น ซ่ึงไม่ทาอะไรแบบคนเดียว
เพราะส่วนใหญ่วัยรุ่นจะลองนาเสนอความคิดออกมาก่อนและให้คนรอบข้างช่วยติชม และจะนาคาติชม
ของทกุ คนมาพฒั นาความคิดให้ผลงานท่ีออกมาดีที่สดุ ก่อนทจ่ี ะเปิดตัวสง่ิ เหลา่ น้ันออกมา
วัยรุ่นเป็นวัยท่ีมีความอดทนสูงและยังมีแรงใจและแรงกายอย่างมาก หากสิ่งใดที่ทาแล้ว พบกับ
ปัญหาไม่ประสบความสาเร็จอย่างที่ต้ังใจไว้ จะพยายามหาวิธีแก้ไขให้สาเร็จให้ได้จะไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะเป็น
เร่ืองท่ีหนักมากเพียงใด
วัยรุ่นเคารพผู้ท่ีอาวุโสกว่าถึงแม้ว่าเขาจะมีความคิดที่ต่างไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังคงมีสัมมาคารวะ
ต่อผู้อ่ืนอยู่ไม่น้อย โดยจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าควรที่จะต้องเคารพใครและใครที่หวังดีต่อเขาอย่างจริงจังไม่ใช่
การเคารพเพอ่ื เอาอกเอาใจใคร
ลองนาแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจาวันกันดู ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหนหากยังมีความหวังที่จะ
ประสบความสาเร็จในชีวิตการงานหรือการเงิน การเปล่ียนแปลงตัวเองและความคิดบางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่
จะทาให้คณุ เสียหายอะไรอาจจะทาให้คุณเดินเข้าใกล้ความสาเร็จมากขนึ้ ก็ได้ลองดูหลาย ๆ วธิ ที คี่ ุณสามารถ
ทาไดอ้ ยา่ รอใหช้ า้ เกินไปทจี่ ะไมส่ ามารถเปล่ียนแปลงอะไรได้
16. จากขอ้ ความ นอกจากประเด็นท่ีกล่าวว่า “เทคโนโลยลี า้ หนา้ ” มปี ระเดน็ ใดท่ีทาให้วัยรุ่นกา้ วกระโดดกว่าผู้ใหญ่ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
(ตอบ 2 คาตอบ)
ตอบ 1) ............................................................................................................................. ..........................
2) .......................................................................................................................................................
17. จากขอ้ ความท่ฟี งั เพราะเหตใุ ดจึงกลา่ ววา่ “มน่ั ใจในตวั เอง” ของวยั รุ่น จะทาใหง้ านยากสาเรจ็ ได้
ตอบ ...........................................................................................................................................................
คู่มอื การใชเ้ ครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น 11
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
12
18. ผใู้ หญ่ทจี่ ะไมค่ ่อยยอมรับความคดิ ของวยั รนุ่ ในมมุ มองของผู้ใหญ่นา่ จะมาจากวัยรุ่นขาดคณุ สมบัตใิ ด
(ตอบ 2 คาตอบ)
ตอบ 1) ............................................................................................................................. ..........................
2) .......................................................................................................................................................
19. จากเร่อื งทฟ่ี ัง จงเขยี นแนวทางท่จี ะใหผ้ ู้ใหญ่เช่ือถือความสามารถของวัยร่นุ
ตอบ ............................................................................................................................. ..............................
20. หากผู้ใหญย่ ังเชื่อว่า “ความคิดเห็นของวัยร่นุ นั้นยังไม่สามารถนามาพัฒนาส่ิงใดได้” เพราะขาดประสบการณ์
นน้ั สอดคล้องกบั สานวนไทยว่าอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. ..............................
เฉลย/แนวคาตอบ
16. 1. ระบบหรอื วธิ คี ิดท่ที นั สมยั
2. มจี นิ ตนาการและความรใู้ หม่ๆ มากข้ึน
3. มที างเลือกและรูปแบบการดาเนินชีวติ ทหี่ ลากหลาย
4. เช่ือวา่ ทาสิ่งใหม่ ๆ จะทาใหว้ ัยรนุ่ ประสบความสาเร็จ
คาตอบอื่น ๆ ท่มี ีประเดน็ เกีย่ วข้องกบั บทความ
17. - เพราะการทางานไมว่ า่ จะยากหรืองา่ ยตอ้ งมน่ั ใจเสมอว่าต้องทาได้ต้องสาเร็จ
- เพราะหากทุกคนมน่ั ใจในการทางานสามารถสรา้ งเป็นพลังแกป้ ัญหางานทยี่ ากใหส้ าเร็จได้
18. ความคิดสรา้ งสรรค์
ความคิดจะไมห่ ยุดน่ิง
มน่ั ใจในตวั เองสงู
ไม่ทาอะไรแบบคนเดียว
อดทน
เคารพผู้ท่อี าวุโส
19. 1. ลงมอื ทางานใดงานหนึ่งใหส้ าเร็จเปน็ รปู ธรรมเพ่ือผใู้ หญจ่ ะได้เหน็ อย่างชดั เจน
2. แม้ผใู้ หญจ่ ะไมเ่ ชื่อความคิดของวยั รุน่ เพราะชว่ งวัยที่แตกตา่ งแต่ไม่ใช่อุปสรรคหรือจะท้อให้ล้มเลิกการทางาน
3. ใช้ความคดิ สรา้ งสรรค์ ความอดทน ความม่ันใจในตนเอง ทางานเป็นทมี รวมกนั ทาให้งานสาเรจ็ ผู้ใหญ่
จะไดเ้ ช่ือในความคิดของวยั รุ่นวา่ ทาได้
คาตอบอ่ืน ๆ ทมี่ ีเหตผุ ลเกีย่ วข้องกับบทความ
20. - อาบนา้ ร้อนมาก่อน
- เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไมก่ ดั
เกณฑ์การให้คะแนน ขอ้ 16 – 20
2 คะแนน ตอบถูกตอ้ ง / ตอบสอดคลอ้ งกับคาถาม
1 คะแนน ตอบถูกตอ้ งเป็นบางสว่ น ขาดรายละเอียดที่จาเปน็
0 คะแนน ไมต่ อบ / ตอบผิด / คาตอบไม่สอดคล้อง
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 12 คูม่ อื การใช้เครื่องมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
13
เกณฑ์ตัดสินระดับคณุ ภาพการประเมินผลรวมแบบทดสอบการฟงั
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
31 – 40 ดเี ยยี่ ม
21 – 30 ดี
11 – 20 พอใช้
0 – 10 ปรบั ปรงุ
การแปลผลคะแนนแบบทดสอบการฟงั
ระดบั คุณภาพ คาอธิบาย
ดเี ย่ียม มสี ตแิ ละมมี ารยาทในการฟงั ตลอดเวลา สามารถตอบคาถามจากเร่ืองทีเ่ กีย่ วข้องกับ
ดี สถานการณ์ในชุมชน สังคมได้ถูกต้องทั้งหมด สรุปประเด็นสาคัญ ตีความ วิเคราะห์
วิพากษ์ จุดเด่น จุดด้อย ประเมินคุณค่าจากเรื่องที่ฟังในมิติความจริง ความดี และ
พอใช้ ความงามได้ถูกต้องและเหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันเพ่ือสร้าง
ปรับปรงุ ความเขา้ ใจและพัฒนาตนเองและพัฒนาชมุ ชนหรือสังคมได้
มีสติและมีมารยาทในการฟังตลอดเวลา สามารถตอบคาถามจากเรื่องท่ีเก่ียวข้องกับ
สถานการณ์ในชุมชน สังคมได้ถูกต้องท้ังหมด สรุปประเด็นสาคัญ ตีความ วิเคราะห์
วิพากษ์ จุดเด่น จุดด้อย ประเมินคุณค่าจากเรื่องที่ฟังในมิติความจริง ความดี และ
ความงามได้ถูกต้องและเหมาะสม และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันเพื่อสร้าง
ความเขา้ ใจและพฒั นาตนเองได้
มีสติและมีมารยาทในการฟังตลอดเวลา สามารถตอบคาถามจากเรื่องที่
เก่ียวข้องกับสถานการณ์ในชุมชน สังคมได้ถูกต้องทั้งหมด สรุปประเด็นสาคัญ
ตีความ วิเคราะห์ วิพากษ์ จุดเด่น จุดด้อย และประเมินคุณค่าจากเรื่องที่ฟังใน
มิตคิ วามจริง ความดี และความงามได้ถูกต้องและเหมาะสม
มีสติและมีมารยาทในการฟังตลอดเวลา สามารถตอบคาถามจากเรื่องที่
เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในชุมชน สังคมได้ถูกต้องทั้งหมด และสรุปประเด็น
สาคัญ ตีความและวิเคราะห์เรื่องที่ฟังในมิติความจริง ความดี และความงามได้
ถกู ต้องและเหมาะสม
คมู่ อื การใชเ้ ครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รยี น 13 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
14
แบบสรุปแบบทดสอบการฟัง ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 – 6
วตั ถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนด้านความสามารถในการส่ือสาร
โดยทดสอบจากพฤติกรรมการฟัง
คาชี้แจง ใหผ้ ู้ประเมนิ ใหค้ ะแนนแบบทดสอบแตล่ ะตอน และทาเครือ่ งหมาย ในชอ่ งท่ีผูเ้ รียน
มรี ะดบั คุณภาพท่ีสอดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินแบบทดสอบการฟงั
ผปู้ ระเมนิ นักเรยี นประเมนิ ตนเอง ครู
เพ่อื นนักเรยี น ผ้ปู กครอง
ผู้ประเมิน ชอ่ื ......................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไ่ี ด้ ระดับคณุ ภาพ
จากการทา
เลขท่ี ชือ่ -สกลุ แบบทดสอบ ดีเยย่ี ม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ
1 (40)
2
3
4
...
วธิ ีการใชเ้ ครื่องมือ
จากเครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสารเป็นแบบทดสอบ
การฟัง (แบบเลอื กตอบ และ เขยี นตอบสัน้ )
การใชเ้ คร่ืองมือวัดและประเมินผลข้างตน้ สามารถใช้ในการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผูเ้ รียน ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 - 6
การพพฒั ัฒนนาผาผู้เรู้เียรนียดน้วดย้กวายรกใชา้เรคใรชื่อ้เงคมรือื่อปงรมะือเมปินรแะบเบมทินดแสบอบทแลดะสกอารบแคปวลรผอลยคู่ใะนแรนะนดคับวรดอีขยึ้นู่ในไประดแับลดะี
กขาึ้นรไปรแะลเมะินกผาลรปรวรมะแเมบินบผทลดรสวอมบแกบาบรทฟดงั สแอลบะการฟแปังแลลผะลกคาะรแแนปนลผคลวครมะแีระนดนับคควุณรภมาีรพะดอับย่ใูคนุณรภะดาพบั อดยขี ู่ใ้ึนนไรปะดับดี
ขึน้ ไป
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 14 คู่มือการใช้เครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
15
แบบประแเบมบนิ ปกราะรเพมินดู กชารัน้ พมดู ัธยชมน้ั ศมึกธั ยษมาศปึกที ษ่ี า4ป-ที ่ี64(–ส6ำ� หรับคร)ู
คาชี้แจง ให้นักเรียนพดู นาเสนอหน้าชั้นเรยี นในประเด็นท่ีเก่ียวกับการประเมินคา่ ตนเอง เช่น คณุ ค่าในตนเอง
บทบาทของเยาวชน ศักยภาพของตนเอง โดยพิจารณาตามเกณฑ์การให้คะแนน ดงั ตอ่ ไปนี้
เกณฑ์การใหค้ ะแนนการพดู (คะแนนรวม 20 คะแนน โดยนาคะแนนทไี่ ด้มาหารด้วยสอง คดิ เปน็ 10 คะแนน)
รายการประเมนิ 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 0
321
1. การนาเสนอเนอ้ื หา (8 คะแนน) มีครบทงั้ 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
1.1 ใจความเหมาะสม องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
1.2 มีความตอ่ เน่ือง (8 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ท้ัง 4 ข้อ
1.3 มคี วามสอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ (0 คะแนน)
1.4 บอกผลดแี ละผลเสียของ
เรื่องท่ีนาเสนอ
2. การใชภ้ าษา (6 คะแนน) มีครบทัง้ 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
2.1 การออกเสยี งถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
2.2 พูดเป็นธรรมชาติ (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ทั้ง 3 ข้อ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม (0 คะแนน)
3. รูปแบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มีครบทั้ง 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
3.1 ใช้สื่อประกอบการนาเสนอ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
3.2 มีการยกตวั อยา่ งประกอบ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทง้ั 3 ขอ้
3.3 รูปแบบการนาเสนอนา่ สนใจ (0 คะแนน)
4. บคุ ลิกภาพ (2 คะแนน) มีครบทง้ั 3 มี 1-2 ไม่ปรากฏ
4.1 นา้ เสียง องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
4.2 ความมั่นใจ (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทั้ง 3 ขอ้
4.3 ท่าทางประกอบ (0 คะแนน)
5. เวลา (1 คะแนน) ใช้เวลาพูด ใชเ้ วลาพดู
เหมาะสม ไม่เหมาะสม
(1 คะแนน) (0 คะแนน)
เกณฑ์ตัดสนิ ระดบั คุณภาพ ระดบั คุณภาพ
คะแนน ดเี ย่ียม
9 - 10 ดี
7-8 พอใช้
5-6 ปรบั ปรุง
0-4
คมู่ อื การใชเ้ ครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน 15 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
16
คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนพูดนาเสนอหน้าช้ันเรยี นในประเด็นเก่ียวกบั การวิพากษก์ ลุ่ม เชน่ การทางานเปน็ ทมี การวิพากษ์
หน่วยงาน องคก์ ร กติกา หรอื รปู แบบการทางาน โดยพิจารณาตามเกณฑ์การใหค้ ะแนนดงั ต่อไปน้ี
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการพูด (คะแนนรวม 20 คะแนน โดยนาคะแนนที่ได้มาหารด้วยสอง คิดเปน็ 10 คะแนน)
รายการประเมิน 43 เกณฑก์ ารให้คะแนน 0
1. การนาเสนอเน้ือหา (8 คะแนน) 2 1 ไมป่ รากฏ
มคี รบทั้ง 4 มี 3 มี 2 มี 1 องค์ประกอบ
1.1 ใจความเหมาะสม องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ ทั้ง 4 ขอ้
1.2 มคี วามตอ่ เนอื่ ง (8 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) (0 คะแนน)
1.3 มีความสอดคลอ้ งกบั หัวข้อ
1.4 บอกผลดแี ละผลเสียของ มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
เรือ่ งที่นาเสนอ (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ท้งั 3 ขอ้
2. การใช้ภาษา (6 คะแนน) (0 คะแนน)
2.1 การออกเสยี งถกู ตอ้ งตาม มีครบทั้ง 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
อกั ขรวธิ ี องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
(3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ท้ัง 3 ข้อ
2.2 พูดเป็นธรรมชาติ (0 คะแนน)
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มคี รบท้ัง 3 มี 1-2 ไม่ปรากฏ
3.1 ใช้สื่อประกอบการนาเสนอ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
3.2 มีการยกตัวอย่างประกอบ (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทัง้ 3 ข้อ
3.3 รปู แบบการนาเสนอ ใช้เวลาพูด (0 คะแนน)
เหมาะสม ใช้เวลาพดู
นา่ สนใจ (1 คะแนน) ไมเ่ หมาะสม
4. บคุ ลิกภาพ (2 คะแนน) (0 คะแนน)
4.1 นา้ เสียง
4.2 ความม่ันใจ
4.3 ทา่ ทางประกอบ
5. เวลา (1 คะแนน)
เกณฑต์ ดั สนิ ระดบั คณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ
คะแนน ดเี ยย่ี ม
9 - 10 ดี
7-8 พอใช้
5-6 ปรับปรงุ
0-4
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 16 คู่มอื การใชเ้ คร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
17
คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นพูดนาเสนอหน้าช้ันเรียนในประเด็นการพูดส่อื สารกบั ชุมชน เชน่ ผนู้ าองค์กร การพูด
รณรงค์ การพดู โน้มนา้ วใจชุมชน โดยพิจารณาตามเกณฑ์การใหค้ ะแนน ดงั ต่อไปนี้
เกณฑ์การใหค้ ะแนนการพูด (คะแนนรวม 20 คะแนน โดยนาคะแนนท่ีได้มาหารด้วยสอง คดิ เปน็ 10 คะแนน)
รายการประเมนิ 4 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 0
1. การนาเสนอเนอ้ื หา (8 คะแนน) มคี รบท้ัง 4 32 ไมป่ รากฏ
องคป์ ระกอบ มี 3 มี 2 มี 1 องคป์ ระกอบ
1.1 ใจความเหมาะสม (8 คะแนน) องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ ท้ัง 4 ข้อ
1.2 มคี วามตอ่ เนื่อง (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) (0 คะแนน)
1.3 มีความสอดคลอ้ งกับหัวขอ้
1.4 บอกผลดีและผลเสยี ของ มคี รบท้ัง 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
เร่ืองทีน่ าเสนอ (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ทั้ง 3 ขอ้
2. การใช้ภาษา (6 คะแนน) (0 คะแนน)
มคี รบทงั้ 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
2.1 การออกเสียงถูกตอ้ งตามอักขรวธิ ี องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
2.2 พูดเปน็ ธรรมชาติ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทัง้ 3 ขอ้
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม (0 คะแนน)
3. รูปแบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มคี รบทัง้ 3 มี 1-2 ไมป่ รากฏ
3.1 ใช้ส่อื ประกอบการนาเสนอ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
3.2 มีการยกตวั อย่างประกอบ (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทง้ั 3 ขอ้
3.3 รปู แบบการนาเสนอ (0 คะแนน)
ใช้เวลาพดู ใช้เวลาพูด
น่าสนใจ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม
4. บุคลิกภาพ (2 คะแนน) (1 คะแนน) (0 คะแนน)
4.1 น้าเสียง
4.2 ความม่ันใจ
4.3 ทา่ ทางประกอบ
5. เวลา (1 คะแนน)
เกณฑต์ ัดสินระดบั คุณภาพ
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
9 - 10 ดีเยย่ี ม
7-8 ดี
5-6 พอใช้
0-4 ปรับปรงุ
คมู่ ือการใชเ้ ครอื่ งมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 17 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
18
คาช้ีแจง ให้นักเรียนพูดนาเสนอหนา้ ชั้นเรยี นในประเดน็ การพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื ในสังคม เชน่ การพดู อภิปราย
การพดู ระดมความเหน็ เพอ่ื หาขอ้ สรปุ การส่ือสารองค์กร โดยพจิ ารณาตามเกณฑก์ ารให้คะแนน
ดงั ตอ่ ไปน้ี
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการพูด (คะแนนรวม 20 คะแนน โดยนาคะแนนที่ได้มาหารด้วยสอง คดิ เป็น 10 คะแนน)
รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน 0
4321
1. การนาเสนอเน้ือหา (8 คะแนน) มีครบทง้ั 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
1.1 ใจความเหมาะสม องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
1.2 มีความต่อเนอ่ื ง (8 คะแนน) (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ท้งั 4 ข้อ
1.3 มคี วามสอดคลอ้ งกับหวั ข้อ (0 คะแนน)
1.4 บอกผลดีและผลเสียของ
เรอื่ งท่นี าเสนอ
2. การใช้ภาษา (6 คะแนน) มีครบทงั้ 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
2.1 การออกเสียงถูกต้องตามอกั ขรวิธี องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
2.2 พูดเป็นธรรมชาติ (6 คะแนน) (4 คะแนน) (2 คะแนน) ทงั้ 3 ข้อ
2.3 ใชภ้ าษาเหมาะสม (0 คะแนน)
3. รปู แบบการนาเสนอ (3 คะแนน) มีครบทัง้ 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
3.1 ใช้ส่ือประกอบการนาเสนอ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
3.2 มกี ารยกตวั อย่างประกอบ (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทั้ง 3 ข้อ
3.3 รูปแบบการนาเสนอ (0 คะแนน)
น่าสนใจ
4. บุคลกิ ภาพ (2 คะแนน) มคี รบท้งั 3 มี 1-2 ไม่ปรากฏ
4.1 น้าเสียง องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ
4.2 ความมั่นใจ (2 คะแนน) (1 คะแนน) ทั้ง 3 ขอ้
4.3 ท่าทางประกอบ (0 คะแนน)
5. เวลา (1 คะแนน) ใชเ้ วลาพดู ใชเ้ วลาพูด
เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม
(1 คะแนน) (0 คะแนน)
เกณฑ์ตดั สินระดบั คุณภาพ ระดับคุณภาพ
คะแนน ดีเยยี่ ม
9 - 10 ดี
7-8 พอใช้
5-6 ปรบั ปรุง
0-4
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 เกณฑต์ ัดสนิ ระดบั คุณภาพการประเมินผลรวมแบบประเมนิ การพูด ระดบั คุณภาพ
คะแนน ดีเยีย่ ม
31 – 40 ดี
21 – 30 พอใช้
11 – 20 ปรับปรุง
0 – 10
18 คมู่ ือการใช้เครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
19
การแปลผลคะแนนการประเมนิ การพูด
ระดับคุณภาพ คาอธิบาย
ดีเยย่ี ม พูดเก่ียวกับสถานการณ์ท่ีหลากหลายรูปแบบและมีความซับซ้อนหรือมีนัยมากข้ึน
แสดงถงึ ความเข้าใจสามารถวิเคราะห์ วิพากษแ์ ละนาความรู้ที่ได้รับไปใชป้ ระโยชน์
ดี ใชก้ ลยทุ ธ์ในการพูดได้อยา่ งมสี ตแิ ละวิจารณญาณเพ่อื สร้างความเขา้ ใจโดยคานึงถึง
ความแตกตา่ งในทุกมติ ิ เพ่ือการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคมอย่างยัง่ ยืน
พอใช้ พู ด เ กี่ย ว กั บ ส ถา น กา รณ์ที่ มี ควา ม ซั บซ้ อน แ ละมี นั ยแ ฝ งผ่ าน สื่อท่ี ห ลา กหลา ย
ปรับปรุง โดยปราศจากอคติ สามารถตีความสถานการณ์ วิเคราะห์ วิพากษ์จุดเด่นจุดด้อย
และประเมินค่าได้ลึกขึ้น โดยแสดงออกทางกาย วาจาและใจอย่างเหมาะสม
มีกลยุทธใ์ นการพูดท่ีหลากหลายได้อย่างมศี ิลปะและมีพลังดว้ ยความรับผิดชอบต่อ
สงั คม
พูดเก่ียวกับสถานการณ์ในชุมชน สังคมท่ีมีความซับซ้อนผ่านส่ือท่ีหลากหลาย
โดยปราศจากอคติ สามารถตีความสถานการณ์ วิเคราะห์ วิพากษ์จุดเด่นจุดด้อย
และประเมินค่า อย่างมีศิลปะและสร้างสรรค์ คานึงถึงสิทธิ ประโยชน์ส่วนรวม
และสงั คม
พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในชุมชน สังคมผ่านสื่อที่หลากหลาย โดยปราศจากอคติ
ตามจุดมุ่งหมาย ตรงประเด็นและวิเคราะห์คุณค่าในมิติต่าง ๆ อย่างมีศิลปะ
คานึงถงึ กฎหมาย ผลกระทบและประโยชน์ต่อตนเอง กลมุ่ และสังคมของตนเอง
แบบสรปุ แบบประเมินการพูด ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือใชเ้ ป็นเครื่องมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการสื่อสาร
โดยประเมินจากพฤติกรรมการพูด
คาชแี้ จง ให้ผปู้ ระเมินให้คะแนนแบบทดสอบ และทาเครื่องหมาย ในช่องทผ่ี ู้เรียน
มรี ะดับคุณภาพที่สอดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมนิ การพดู
ผู้ประเมนิ นกั เรียนประเมินตนเอง ครู
เพ่อื นนักเรยี น ผู้ปกครอง
ผ้ปู ระเมิน ชอ่ื ......................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนท่ไี ด้ ระดับคุณภาพ
จากการทา
เลขท่ี ชอ่ื -สกลุ แบบทดสอบ ดเี ยยี่ ม ดี พอใช้ ปรับปรงุ หมายเหตุ
1 (40)
2
3
4 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
...
คูม่ ือการใช้เคร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผู้เรียน 19
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
20
วิธีการใช้เครือ่ งมือ
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร เป็นแบบประเมิน
การพดู
การใช้เครอ่ื งมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผ้เู รยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินควรอยู่ในระดับดี ขึ้นไป และการประเมินผลรวม
แบบประเมนิ การพูดและการแปลผลคะแนน ควรมรี ะดับคณุ ภาพอยู่ในระดับดี ขึน้ ไป
แบบประเมแนิ บกบาทรดอส่าอนบชกาัน้ รมอัธ่ายนมศชกึัน้ ษมัธายปมที ศ่ี กึ4ษ-าป6ีท(่ี ส4�ำ–ห6รบั นกั เรยี น)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ชอื่ .............................................................................................................ช้นั ...................เลขท่ี..........................
โรงเรยี น ...............................................................................................................................................................
คาช้ีแจง อ่านข้อความแลว้ ตอบคาถาม (ข้อละ 2 คะแนน รวม 40 คะแนน)
อา่ นข้อความต่อไปนีแ้ ลว้ ตอบคาถามขอ้ 1 – 5
ข่าวปัจจุบันที่เก่ียวกับกลโกงจากการซื้อของออนไลน์ นับว่ามีเตือนประชาชนไม่เว้นแต่ละวัน
แต่ละครั้งก็มีผู้เสียหายจานวนไม่น้อย จึงเห็นได้ว่าการซื้อของออนไลน์นั้นไม่ได้ง่ายดายอีกต่อไป กว่าจะซื้อ
ของได้แต่ละช้ินมีหลายอย่างต้องตรวจสอบ ไม่ใช่แค่เลือกลงตะกร้าแล้วกดจ่ายเงิน ถ้าคุณยังประมาท
ก็อาจจะโดนหลอกงา่ ย ๆ เชน่ กัน ถา้ คณุ เป็นคนหนึ่งท่สี นกุ กบั การซือ้ ของออนไลน์ คุณตอ้ งใส่ใจสิง่ เหลา่ น้ี
1. สงสัยไว้ก่อนเสมอ ว่าย่ิงถูก ย่ิงมีโอกาสโดนหลอก ซ่ึงมิจฉาชีพอาศัยการตั้งราคาถูกเกินจริงนี้
เพ่ือดึงดูดลูกค้า ของที่ได้รับอาจด้อยคุณภาพ เป็นของปลอม ของไม่ตรงปก ส่ังของอย่างแต่ได้อีกอย่าง หรือ
สั่งแลว้ ไมไ่ ด้ของ ดงั นน้ั จงึ ต้องตั้งข้อสงสยั ไวก้ ่อนจะซื้อของราคาถูก
2. เลือกซ้ือผ่านแพลตฟอร์มท่ีเช่ือถอื ได้ เนื่องจากร้านค้าที่จะเขา้ ไปใช้พืน้ ท่ีแพลตฟอรม์ ค้าขายออนไลน์ท่ีมี
ชื่อเสียงได้ ต้องผ่านการคัดกรองมาแล้วขั้นหนึ่งเสมอ ดีกว่าไปแบกรับความเส่ียงจากร้านค้าท่ีตั้งอยู่ลอย ๆ
ในโซเชียลมเี ดยี ซงึ่ อาจถกู หลอกได้
3. ของใหญ่ ของแพง ของพังง่าย ของมีมูลค่าสูง ซื้อจากร้านค้าออฟฟิเชียลหรือร้านค้าเป็นทางการ
ของสินค้าน้ันเท่าน้ัน ซ่ึงราคาอาจจะสูงกว่าปกติ แต่ช่วยลดปัญหากังวลในการสั่งสินค้า อีกท้ังบางร้าน
มกี ารรบั ประกนั สินคา้ ใหก้ ับผซู้ อ้ื ด้วย
4. ตรวจสอบประวัติร้าน และตัวตนของคนขาย ด้วยวิธีการเบ้ืองต้นคือนาช่ือ-นามสกุล, เบอร์โทร,
เลขบัญชธี นาคารไปค้นหาผา่ น Google ซงึ่ ส่วนใหญ่จะมีประวตั ิโกงจากเหยอ่ื ทีเ่ คยโดนมาก่อน หรอื จะเข้าไป
เชก็ ท่ี Blacklist Seller ก็ม่ันใจได้กว่า 90 เปอร์เซน็ ต์
5. กรณีจ่ายเงินปลายทาง ควรแกะตรวจสอบสินค้าก่อนชาระเงิน เนื่องจากอาจถูกหลอก จึงแนะนา
ใหถ้ ่ายคลปิ ขณะแกะหีบห่อสินค้า เพอ่ื ใช้ในการขอคืนสินค้าหรือนาไปใช้แจ้งความกรณีถูกหลอกจากมจิ ฉาชีพ
6. ยอดติดตาม การรีวิว ไม่ได้เชื่อถือได้เสมอไป ต้องตรวจสอบให้ดีทุกครั้ง เว้นแต่เป็นร้านที่มีชื่อเสียง
รา้ นใหญ่ ๆ เป็นที่รู้จักดีของคนทัว่ ๆ ไปอย่แู ล้ว กรณนี ัน้ โอกาสทีจ่ ะถกู โกงกจ็ ะน้อยลง
7. ใจเยน็ ๆ ไมต่ อ้ งรีบ ไม่ต้องกลัววา่ จะไม่ได้ซ้ือ ไม่ว่าจะอยากไดข้ องมากแค่ไหน ก็อย่าเห็นแก่ของถูกแล้ว
รีบโอนเงิน ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนด้วยวิธีท้ังหมดข้างต้น ตั้งสติ เตือนตัวเองว่าของชิ้นนี้หลุดมือไปยังพอหา
ซื้อทอ่ี น่ื ได้
20 คูม่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
21
ปญั หาดงั กลา่ วนับวนั จะยิ่งทวีความรนุ แรงมากยิ่งข้นึ สังเกตไดจ้ ากข่าวปัจจุบนั ท่มี ีผเู้ สยี หายเขา้ แจ้งความ
จึงจาเปน็ อยา่ งย่ิงทีห่ น่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องตอ้ งเข้ามาควบคุมดูแล รวมถงึ เยียวยาและแกป้ ัญหาใหก้ บั ผเู้ สียหาย
อกี ท้ังออกกฎหมายทเ่ี ขม้ งวดเพือ่ ป้องปรามไม่ให้เกิดมิจฉาชีพออนไลน์อกี
1. ข้อความท่ีอ่านสะท้อนปัญหาสังคมปัจจบุ นั ยกเวน้ ข้อใด
1) การขาดวิจารณญาณของผ้ซู อื้
2) การขาดความเข้มงวดในการดาเนินการทางกฎหมาย
3) การขาดความรบั ผิดชอบของคนขายสินค้าออนไลน์
4) การขาดการสอ่ื สารระหว่างผซู้ อื้ กับผู้ขาย
2. ขอ้ ใดเปน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหาจากบทอ่าน
1) เลือกซ้ือสนิ ค้าราคาสูงจากผผู้ ลิตโดยตรง
2) เลือกซื้อสินคา้ ทจ่ี าเป็นเม่ือมีการส่งเสริมการขาย
3) เลอื กซื้อสินค้าทมี่ กี ารแสดงความคดิ เห็นจานวนมาก
4) เลือกซ้ือสินคา้ ที่มวี ธิ ีการชาระเงินปลายทางเทา่ นัน้
3. ผูเ้ ขยี นมวี ัตถุประสงค์สาคัญใดในการซอื้ สนิ ค้าออนไลน์
1) ให้ขอ้ มลู ในการป้องกัน
2) ใหข้ ้อคดิ เห็นในเลือกซ้ือสินคา้
3) ใหก้ ารสนับสนุนธุรกิจ
4) ใหแ้ นวทางในการตรวจสอบ
4. ขอ้ ใดมีบทบาทสาคญั ทส่ี ดุ ในการแก้ปญั หาดงั กล่าว
1) ผูซ้ ้ือ
2) ผู้ขาย
3) หน่วยงานภาครัฐ
4) เจา้ ของแพลตฟอรม์
5. ประเดน็ ใดท่ผี ้เู ขยี นไมไ่ ด้กล่าวถงึ ในบทอ่าน
1) รปู แบบการหลอกลวง
2) ช่องทางเรยี กรอ้ งคา่ เสียหาย
3) วิธปี ้องกนั การถกู หลอกลวง
4) วธิ ีแกป้ ัญหาเบอ้ื งตน้
เฉลยข้อ 1 – 5
ขอ้ 1 ตอบ 4) ขอ้ 2 ตอบ 1) ขอ้ 3 ตอบ 1) ข้อ 4 ตอบ 3) ข้อ 5 ตอบ 2)
คมู่ อื การใช้เคร่ืองมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผ้เู รยี น 21 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 22
อา่ นข้อความต่อไปน้ีแล้วตอบคาถามขอ้ 6 – 10
ความหลากหลายทางชีวภาพกับวันสิ่งแวดล้อมโลก 2563
ในวันสิ่งแวดล้อมโลกปี 2563 ยังมีคนทั่วโลกเป็นจานวนมากต้องอยู่ท่ีบ้านและเว้นระยะห่าง
ทางสังคม เน่ืองจากโรคระบาด COVID-19 ทาให้มนุษย์ตระหนักว่าสุขภาพของตนนั้นมีความเช่ือมโยงกับ
สุขภาพของโลกเพียงใด เช้ือไวรัสโคโรนามีการแพร่กระจายจากสัตว์ไปสู่มนุษย์ซ่ึงการวิจัยแสดงให้เห็นวา่
โรคน้ีมีแนวโน้มระบาดสงู ข้นึ มีผูป้ ว่ ยไม่ต่ากวา่ หน่ึงพนั ลา้ นคนและมผี เู้ สียชวี ติ นับล้านคนทัว่ โลก
นกั วทิ ยาศาสตร์ทานายว่าถ้ามนุษย์ไม่เปลยี่ นพฤติกรรมของเราซง่ึ มีผลต่อท่ีอยู่ของสัตว์ปา่ เราก็จะ
ตกอยู่ในอันตรายจากโรคระบาดไวรัสมากข้ึนในอนาคต การป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาด
จากสัตว์มาสู่มนุษย์จึงต้องเน้นเร่ืองของภัยคุกคามท่ีมีความหลากหลายต่อระบบนิเวศตามธรรมชาติ
และสัตว์ป่า รวมไปถึงการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการทาลายธรรมชาติ การค้าสัตว์ท่ีผิดกฎหมาย การเกิด
มลพิษ การเกิดสายพนั ธต์ุ า่ งถิ่นรกุ ราน และการเปลยี่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศท่ีเพ่ิมข้นึ
ดังนั้น เราทุกคนจาเป็นต้องร่วมกันปกป้องธรรมชาติ ยุติการสร้างมลพิษ และสนับสนุนกฎหมาย
สิ่งแวดล้อม โดยในระดับหน่วยงานหรือองค์กร จาเป็นต้องพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน วิธีปฏิบัติ
ทางการผลิตท่ีไม่ทาอันตรายต่อส่ิงแวดล้อม ในระดับพลเมืองและกลุ่มสังคมควรมองหาวิธีการอนุรักษ์และ
ฟนื้ ฟูระบบนเิ วศท่ีถดถอยลง ในระดับผูบ้ ริโภค ต้องคิดก่อนซ้อื ว่าการซื้อนั้นจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ลงไดอ้ ยา่ งไร
ปัจจุบัน โลกของเราอยู่ในห้วงเวลาท่ีมีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลด ต่าสุดเป็น
ประวัติการณ์ อันเน่ืองมาจากกิจกรรมท่ีมีผลต่อการเกิดก๊าซเรือนกระจกลดลง เช่น การทางานท่ีบ้าน
การลดการรวมตัว เว้นระยะห่างทางสังคม แต่เราก็ยังคงต้องเฝ้าระวังกิจกรรมเหล่าน้ันต่อไป ส่วนในเรอ่ื ง
ของความหลากหลายทางชีวภาพน้ัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้ช้ีให้เห็นว่า COVID-19 ท่ี
แพร่กระจายมาจากสัตว์ป่าน้ัน มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับโลกของธรรมชาติ เม่ือเราเข้าใกล้ธรรมชาติ
และทาลายที่อยู่ของสัตว์ป่า ทาให้สายพันธ์ุต่าง ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยงมากข้ึน ดังนั้นจึงจาเป็นต้องให้
ความสาคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลกซ่ึงควรมีการบริหารจัดการความ
หลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยนื เพ่ือลดปญั หาด้านการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศ และทาใหม้ ่นั ใจว่ามี
การเขา้ ถงึ อาหารและนา้ รวมทั้งการปอ้ งกันโรคระบาดได้
6. ผู้เขยี นต้องการนาเสนอประเด็นใดเป็นสาคญั
1) สถานการณ์ COVID-19 ทาให้เกิดความหลากหลายทางชวี ภาพมากขึ้น
2) การบริหารจัดการความสมดุลของธรรมชาติกบั มนุษย์
3) การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศมสี าเหตุมาจากกจิ กรรมของมนุษย์
4) องค์กรมบี ทบาทสาคัญท่ีสุดในการปกป้องส่ิงแวดล้อม
7. ข้อใดไม่ได้กลา่ วถึงในเร่อื งท่ีอา่ น
1) อตั ราการซื้อสนิ ค้าเพิ่มขน้ึ ทาให้ปญั หาสิง่ แวดลอ้ มเพ่ิมขึน้
2) การบุกรุกพืน้ ทีธ่ รรมชาตมิ ากขึ้น ทาให้เกิดโรคระบาดมากยิง่ ขึน้
3) การลดจานวนโรงงานอุตสาหกรรม ทาให้การเขา้ ถึงอาหารของสัตว์ป่าลดลง
4) การทากจิ กรรมของมนุษย์เพิ่มขน้ึ ทาใหป้ ัญหาการเปลยี่ นแปลงสภาพอากาศเพิม่ ขนึ้
22 ค่มู อื การใช้เครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
23
8. ข้อใดเป็นจดุ มุ่งหมายของผู้เขยี น
1) ให้ข้อเสนอแนะเพ่ือใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลง
2) ตาหนพิ ฤติกรรมของมนุษย์ท่ีมีตอ่ ธรรมชาติ
3) นาเสนอสถานการณ์ปญั หาโรคระบาด
4) เตอื นสตใิ ห้เหน็ คุณค่าของธรรมชาติ
9. สถานการณ์จากขอ้ ความทข่ี ีดเส้นใตม้ าจากสาเหตุใดมากทส่ี ดุ
1) การระบาดของโรคระบาด COVID-19
2) การใกลช้ ดิ ธรรมชาติ
3) การรุกรานพื้นที่อาศยั ของสัตว์ป่า
4) การลดลงของประชากรมนษุ ย์ทัว่ โลก
10. จากบทอ่าน ประเด็นใดทผี่ เู้ ขียนไมไ่ ด้กลา่ วถึง
1) สถานการณ์ปจั จุบนั เกย่ี วกับการระบาดของเช้ือไวรสั โคโรนา
2) ผลท่ตี ามมาเก่ียวกับการระบาดของเช้ือไวรสั โคโรนา
3) แนวทางการป้องกนั การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
4) เสนอแนะแนวทางการอยู่รว่ มกนั กับธรรมชาตอิ ย่างย่ังยืน
เฉลย ข้อ 6 – 10
ข้อ 6 ตอบ 2) ขอ้ 7 ตอบ 3) ขอ้ 8 ตอบ 1) ขอ้ 9 ตอบ 1) ข้อ 10 ตอบ 4)
อ่านข้อความต่อไปนแี้ ล้วตอบคาถามข้อ 11 – 15
ผลวิจัยจาก Sensor Tower พบว่าคนรุ่นใหม่เลือกท่ีจะปิดเสียงมือถือมากข้ึน จากการศึกษา
ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในสหราชอาณาจักร พบว่าแอปพลิเคชั่นเก่ียวกับเสียงเรียกเข้า หรือ Ringtone ถูก
ติดต้ังลดลง 20% จาก 4.6 ล้านครัง้ เหลือ 3.7 ล้านครัง้ เม่อื เทียบกบั ปี 2020
ผู้เช่ียวชาญให้เหตุผลว่าวัยรุ่นใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนนานกว่าคนรุ่นก่อน ดังน้ัน จึงมีแนวโน้มท่ี
จะมองเห็นการแจ้งเตือนอยแู่ ล้ว จึงไมม่ คี วามจาเปน็ ท่ีจะเปดิ เสยี งเรยี กเข้า อีกท้ัง สมาร์ทวอทชข์ อง Apple
Watch หรือ Fitbits ก็ได้รับความนิยมมากยิ่งข้ึน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง ซึ่งมีความสามารถในการสั่น
เตือนเมื่อมีสายเรยี กเข้า
ขณะที่ผลการวิจัยก่อนหน้านี้ของ Ofcom พบว่ากลุ่มวัยรุ่นท่ีมีอายุในช่วง 16 – 24 ปี นิยมใช้
การรับ-ส่งข้อความมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานที่มีอายุมากกว่า นอกจากน้ี กลุ่มคนที่อยู่ในยุค
มิลเลนเนียล ซึ่งปัจจุบันมีอายุราว 40 ปี ก็เล่ียงที่จะใช้ฟังก์ชั่นการโทร อ้างอิงจากผลการศึกษา
ในสหรัฐอเมริกา พบว่า 80% ของคนยุคมิลเลนเนียลชอบการสื่อสารผ่านทางข้อความหรือออนไลน์มากท่ีสุด
นอกจากนค้ี นยุคมลิ เลนเนยี ล จานวนหนึ่ง ยังเชอื่ วา่ การพูดคุยผ่านทางโทรศพั ทท์ าให้ดเู หมอื นคนแก่
11. ทาไมคนยุคใหม่จึงนิยมปิดเสียงเรียกเข้า ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
1) อุปกรณ์ส่อื สารในปจั จุบนั ไม่มีลูกเลน่ รองรบั เสยี งเรียกเข้า
2) ธรุ กิจวงการเพลงซบเซาลง
3) มกี ารรณรงค์งดใชเ้ สียงเรียกเขา้ ในสงั คมปัจจุบันมากข้นึ
4) ผคู้ นอยูห่ น้าจอเกือบตลอดเวลา
คูม่ ือการใช้เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน 23
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
24
12. จุดประสงคข์ องผู้เขียนบทความคือข้อใด
1) เชญิ ชวนให้นักเรยี นและนกั ศึกษาใชเ้ สียงเรยี กเขา้ มากขนึ้
2) อภิปรายผลกระทบที่มตี ่อธุรกจิ การซ้ือขายโทรศัพทม์ อื ถอื
3) ใหข้ ้อมลู การตลาดของแอปพลเิ คชั่นเสยี งเรยี กเข้า
4) แนะนาการปฏิบัตติ วั ของคนอายุ 40 ปีข้ึนไปใหท้ ันเหตกุ ารณ์
13. บทความนจี้ ะมีประโยชน์กับผใู้ ดมากทส่ี ุด
1) นกั ธรุ กิจด้านแอปพลเิ คชั่นโทรศัพท์มอื ถอื
2) วัยร่นุ ทกี่ าลังหาซอื้ โทรศพั ทเ์ คร่ืองใหม่
3) คนวยั ทางานท่ใี ช้โทรศพั ท์มอื ถือ
4) คนยุคมลิ เลนเนยี ลทมี่ ีอายุ 40 ปี ขึ้นไป
14. ในอนาคตแนวโน้มของการใช้สมาร์ทโฟนจะเป็นไปในทิศทางใด
1) สมาร์ทโฟนจะไม่ได้รับความนิยมนามาใช้เพ่ือการโทรศัพท์
2) ลูกเล่นหรือแอปพลเิ คชนั่ ในการแจง้ เตือนจะไดร้ ับการพัฒนามากขน้ึ
3) ลูกคา้ เพศหญิงจะซื้อสมาร์ทโฟนและอุปกรณเ์ สรมิ เพม่ิ มากข้นึ
4) สมารท์ โฟนรนุ่ ต่อ ๆ ไปจะเปน็ รุ่นท่ีไม่มีเสียงแจ้งเตือน
15. ข้อใดควรเป็นข้อสรุปของบทความนม้ี ากท่สี ดุ
1) ธรุ กจิ เสียงเรยี กเขา้ สมาร์ทโฟนใกล้จุดอวสาน
2) ซอ้ื สมาร์ทโฟนรนุ่ ไหนจึงจะไม่ตกยคุ
3) ผลการวิจัยดา้ นการใช้ฟงั กช์ ัน่ ในสมาร์ทโฟน
4) คนยุคมิลเลนเนียลนยิ มใชโ้ ทรศพั ท์
เฉลย ขอ้ 11 – 15
ขอ้ 11 ตอบ 4) ข้อ 12 ตอบ 3) ขอ้ 13 ตอบ 1) ขอ้ 14 ตอบ 2) ขอ้ 15 ตอบ 1)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 อ่านข้อความต่อไปน้ีแลว้ ตอบคาถามข้อ 16 – 20
ศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี (IT WATCH) มูลนิธิกระจกเงา ได้นาเสนอผลกระทบจากคอมพิวเตอร์
ทงั้ คอมพิวเตอร์ตง้ั โตะ๊ และโน๊ตบคุ๊ ซง่ึ โรคส่งผลได้ท้งั รา่ งกาย จิตใจ และการตดิ เช้ือ ดังนี้
ผลท่ีเกิดกับดวงตาและการมองเห็นว่า คือโรค Computer Vision Syndrome โดยมีอาการ
ปวดเบ้าตา, ปวดต้นคอ, มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตา, มีภาวะตาแห้ง, รอยตาคล้าบริเวณตา หรือมีรอย
บวมเห็นเป็นถุงใต้ตาโปนออกมา สาเหตุหลักนอกจากการใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ
แล้วยังสามารถเกิดได้จากการได้รับรังสีอัลตร้าไวโอเลตท้ังจากรังสี UV ที่ออกมาจากจอคอมพิวเตอร์
หรือจากแสงแดดกไ็ ด้
ผลท่ีเกิดขึ้นกับระบบประสาท จากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์ แม้ว่ารังสีชนิดต่าง ๆ
จากหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีความปลอดภัยก็ตาม แต่การรับการแผ่รังสีเป็นเวลานานก็อาจจะส่งผลกระทบ
ถงึ ระบบประสาทของมนษุ ย์ได้เช่นกัน จะทาให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลนื่ ไส้ อึดอัด และนอนไมห่ ลบั เปน็ ตน้
ผลของการเสี่ยงต่อการเป็นหมัน มีรายงานที่เขียนโดย ดร.เยซิม เซย์คิน หัวหน้าทีมวิจัย
ของมหาวิทยาลัยประจานครนิวยอร์ก รายงานไว้ว่า คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหรือโน๊ตบุ๊ค ที่หลายคนชอบวาง
ทางานไว้บนหน้าตักน้ัน จะทาให้อุณหภูมิท่ีลูกอัณฑะสูงขึ้นซึ่งมีผลต่อการสร้างสเปิร์มของผู้ชายทุกคนและ
ทุกวัย ปกติแล้วลูกอัณฑะที่ใช้ผลิตเสปิร์มของผู้ชายนั้นเป็นอวัยวะท่ีไวต่ออุณ หภูมิเป็นอย่างมาก
24 คู่มอื การใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
25 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
โดยอุณหภูมิท่ีเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศาเซลเซียสก็จะลดจานวนเสปิร์มท่ีแข็งแรงลงไปถึงร้อยละ 40 โรคท่ีเกิด
จากท่าน่ังหรือการทางานซ้าซาก เช่นโรค Cumulative Trauma Disorders อาการของโรคจะค่อยเป็น
คอ่ ยไป จะมอี าการปวดคอ ไหล่ ข้อมือ และหลัง ผู้ทีเ่ ปน็ มาก ๆ อาจมอี าการอื่นรว่ มดว้ ย เชน่ อาการชา การ
รกั ษาคอื ต้องปรบั พฤติกรรมการทางานของตนเองหรอื ถ้าเป็นมากควรปรึกษาแพทย์
โรคกล่มุ อาการปวดข้อ เปน็ กล่มุ อาการของผู้ทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์เป็นเวลานาน ๆ ทาให้เกดิ อาการของ
โรคกระดูกข้อมือเจ็บปวด ข้อกระดูกน้ิวมือเสื่อม และชา สาเหตุ เกิดจากการกดแป้นพิมพ์ และการใช้เมาส์
ต่อเนื่องเป็นเวลานาน การจับเมาส์โดยมีข้อมือเป็นจุดหมุน อาจเกิดพังผืดบริเวณข้อมือ หากปล่อยทิ้งไว้เป็น
เวลานานจะทาให้เกิดอาการชา จนไม่สามารถหยิบของได้ การรักษา หากเริ่มมีอาการอาจต้องรับประทาน
ยาแก้ปวดและหยุดการเคล่ือนไหวโดยการพักข้อมือ อาการก็อาจทุเลาลงได้ อาการปวดจะหายไปในที่สุด
หากปวดบวม ให้รับประทานยาระงับปวดและอาจต้องสวมอุปกรณ์ประคองมือ เพ่ือลดการเคล่ือนไหวของ
ข้อมือ หรือฉีดยากลุ่ม สเตียรอยด์เข้าบริเวณข้อมือ เพ่ือลดการอักเสบโดยตรง ส่วนในรายที่เป็นมานานอาจ
จาเป็นต้องผ่าตดั จงึ จะได้ผลดี
โรคท่ีเกิดจากเช้อื โรคท่ีมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ เช่น โรคภูมิแพ้ สารเคมีจากจอคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิด
โรคภูมิแพ้ได้ เช่น คัน คัดจมูก และปวดศีรษะ ผลวิจัยพบว่า เมื่อจอคอมพิวเตอร์ร้อนข้ึนจะปล่อยสารเคมี
ดงั กล่าวออกมา โดยเฉพาะหากสภาพภายในห้องทางานที่มีเนอื้ ที่จากดั
โรคที่ต้ังชื่อตามตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ด Qwerty Tummy ซึ่งอาจระบาดในท่ีทางานได้
หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรีย สาเหตุเกิดจากอาหารเป็นพิษ โดยผู้ใช้รับ-ประทานอาหารไปพร้อมกับใช้
งานคีย์บอร์ด ดังน้ันจึงควรทาความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจาไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเช้ือแบคทีเรีย
ดว้ ยผ้าเนือ้ นมุ่ ชุบน้าหมาดๆ อยา่ งนอ้ ยเดือนละครงั้ เสมอ
โรคที่เกิดจากการใช้งาน Hurry Sickness มักจะเกิดกับผู้ที่เล่นอินเทอร์เน็ต ท่ีทาให้กลายเป็น
คนข้ีเบื่อ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน เครียดง่าย หากมีอาการมาก ๆ ก็จะเข้าข่ายโรคประสาทได้ จึงควร
ปรับเปลีย่ นลกั ษณะงานและพยายามควบคมุ อารมณ์ตนเอง
เมื่อทราบดังนี้แล้วสาหรับผู้ที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ไม่ว่าจะด้วยความจาเป็นแค่ไหน
ก็แล้วแต่ คงต้องสอดแทรกการบริหารร่างกายเข้าไปด้วย บิดซ้ายนิด ขวาหน่อย ยืดเส้นยืดสาย
จะไดย้ ืดอายุสขุ ภาพดีของเราต่อไป
16. จากเรื่องทอี่ า่ น ควรตัง้ ช่อื เร่อื งวา่ อยา่ งไร
1) ผลกระทบของการใชค้ อมพวิ เตอร์
2) ขอ้ ดีและข้อเสียของการใช้เทคโนโลยี
3) ประโยชนแ์ ละโทษของการใช้คอมพวิ เตอร์พกพา
4) ผลกระทบของการใช้อนิ เทอร์เนต็
17. ขอ้ มูลใดไมป่ รากฏในเน้อื เร่ือง
1) สารเคมีจากจอคอมพวิ เตอรท์ าใหร้ ่างกายเกดิ โรคภูมิแพ้
2) เชื้อโรคทเ่ี กาะแปน้ คีย์บอร์ดทาให้เกิดอาการโรคกระดูกข้อมือ นิ้วมือเส่ือม
3) อุณหภูมิของอากาศมผี ลต่อการการสรา้ งสเปิร์มของผชู้ าย
4) ในทางการแพทย์ยังไมม่ ีวิธใี ดที่สามารถรักษาโรคทเี่ กดิ จากคอมพวิ เตอร์ได้
คูม่ อื การใช้เคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น 25
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
26
18. จากเนื้อเร่ือง อาการกระวนกระวายจากการรอการดาวน์โหลดเอกสารนาน ๆ อาจทาให้เกิดอาการของโรคใด
1) Computer Vision Syndrome
2) Cumulative Trauma Disorders
3) Qwerty Tummy
4) Hurry Sickness
19. จากเน้ือเร่ือง ข้อใดเป็นการแนะนาท่ีไมถ่ ูกตอ้ งในการใช้เครือ่ งคอมพวิ เตอร์
1) ควรทางานโดยวางคอมพิวเตอร์แลบ็ ทอ็ ปบนหนา้ ตัก เพ่ือหลกี เลีย่ งอันตรายจากคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้
2) ควรพักสายตาเปน็ ระยะ ๆ ในระหว่างทางานเพ่ือป้องกันการเกดิ โรคอ่อนลา้ ของประสาทตา
3) ขณะรอเครอ่ื งทางานท่ใี ช้เวลานานควรขยับรา่ งกาย หรือเปล่ยี นท่าน่งั เพื่อลดอาการปวดเมอ่ื ย
4) หากการทายาหรือฉดี ยาเพื่อลดการอักเสบเร้ือรงั ของข้อมือไม่ไดผ้ ล ควรได้รับการรกั ษาโดยการผา่ ตดั
20. บทความนเ้ี ป็นประโยชน์ตอ่ บุคคลอาชพี ใดมากทีส่ ุด
1) นกั สารวจทางทะเล
2) พนักงานบัญชีในออฟฟิศ
3) เจ้าหน้าทคี่ วบคุมเคร่ืองจักรกลในโรงงาน
4) พนักงานขายของในหา้ งสรรพสนิ คา้
เฉลย ข้อ 16 – 20
ข้อ 16 ตอบ 1) ข้อ 17 ตอบ 2) ข้อ 18 ตอบ 4) ข้อ 19 ตอบ 1) ขอ้ 20 ตอบ 2)
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ขอ้ 1 – 20
ตอบถูกได้ 2 คะแนน
ตอบผดิ ได้ 0 คะแนน
เกณฑต์ ดั สนิ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน ระดับคุณภาพ
31 – 40 ดเี ยยี่ ม
21 – 30 ดี
11 – 20 พอใช้
0 – 10 ปรบั ปรุง
เกณฑ์ตดั สนิ ระดบั คุณภาพการประเมนิ ผลรวมแบบทดสอบการอ่าน
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
31 – 40 ดีเยี่ยม
21 – 30 ดี
11 – 20 พอใช้
0 – 10 ปรับปรุง
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 26 คมู่ อื การใชเ้ ครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผ้เู รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
27
การแปลผลคะแนนแบบทดสอบการอา่ น
ระดับคุณภาพ คาอธบิ าย
ดีเยย่ี ม ตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองที่อ่านได้ โดยสรุปประเด็น ตีความ วิเคราะห์ วิพากษ์
ดี วจิ ารณ์ และประเมินคุณค่าจากเร่ืองท่ีอ่านได้
พอใช้ ตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองที่อ่านได้ บอกประเด็นสาคัญแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น
บอกข้อคิดและประโยชน์ท่ีได้รับจากเร่ืองท่ีอ่านได้
ตอบคาถามเกี่ยวกับเร่ืองที่อ่านได้ บอกวัตถุประสงค์ และอธิบายขยายความ
และจับใจความสาคญั จากเร่อื งที่อา่ นได้
ปรับปรุง อา่ นแลว้ บอกขอ้ มูล และแสดงความรู้สกึ ได้
แบบสรปุ แบบทดสอบการอา่ น ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการส่ือสาร
โดยทดสอบจากพฤติกรรมการอ่าน
คาชีแ้ จง ให้ผู้ประเมินให้คะแนนแบบทดสอบ และทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งทผี่ ู้เรยี น
มรี ะดบั คุณภาพท่สี อดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมนิ การอา่ น
ผูป้ ระเมิน นักเรยี นประเมินตนเอง ครู
เพ่ือนนักเรยี น ผปู้ กครอง
ผูป้ ระเมนิ ช่อื ......................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไี่ ด้ ระดบั คุณภาพ
จากการทา
เลขที่ ชือ่ -สกลุ แบบทดสอบ ดเี ย่ยี ม ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ หมายเหตุ
1 (40)
2
3
4
...
วิธกี ารใชเ้ ครือ่ งมือ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร เป็นแบบทดสอบ
การอ่าน (แบบเลอื กตอบ)
การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผูเ้ รยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับดี ขึ้นไป และการประเมิน
ผลรวมแบบทดสอบการอ่านและการแปลผลคะแนน ควรมีระดบั คณุ ภาพอย่ใู นระดับดี ขน้ึ ไป
คมู่ ือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รยี น 27
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
28
แบบประแเมบินบกปาระรเเมขินยี กนารชเขัน้ ียมนธั ยชม้ันศมักึธยษมาศปกึ ที ษี่า4ปีท- ่ี 64 (–ส6ำ� หรบั ครู)
คาชี้แจง ให้นักเรียนเขียนประเมินค่าในประเด็นท่ีเก่ียวกับตนเอง เช่น อาชีพที่ดีสาหรับฉัน อนาคตของฉันบุคคล
ตน้ แบบของฉนั กาหนดใหม้ คี วามยาว 15 – 20 บรรทดั โดยพิจารณาตามเกณฑ์การให้คะแนนดังต่อไปน้ี
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (10 คะแนน)
รายการประเมนิ 4 3 คะแนน 1 0
1. เน้ือหา มคี รบทง้ั 4 มี 3 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบทงั้
1.1 ใจความเหมาะสม มี 2 4 ขอ้
1.2 มคี วามต่อเนอ่ื ง องคป์ ระกอบ
1.3 มีความสอดคล้องกบั
มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
ประเดน็ ที่กาหนด องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบทั้ง
1.4 ไมว่ กวน
2. การใช้ภาษา 3 ข้อ
2.1 ใชภ้ าษาทางการ ไมใ่ ช้
สะกดถกู ต้องทุก สะกดคาผดิ สะกดคาผิด
ภาษาพดู หรือภาษาถ่ิน คาหรอื สะกด ต้ังแต่ 3-4 คา ต้ังแต่ 5 คา
2.2 ใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอน คาผดิ ตงั้ แต่ 1-2 ขน้ึ ไป
คา เขียนไม่ครบ
เว้นวรรค และย่อหนา้ ตามทก่ี าหนด
ถูกต้อง เขยี นความ
2.3 ใชป้ ระโยคเหมาะสม เช่น ยาวตามท่ี
การเชอ่ื มคา กาหนด
การขยายความ
ไม่ใช้คาฟมุ่ เฟือย
3. การเขียนสะกดคา
4. ความยาวของเน้อื หา
เกณฑต์ ดั สินระดบั คุณภาพ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน ดเี ยี่ยม
9 - 10 ดี
7-8 พอใช้
5-6 ปรับปรุง
0-4
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 28 ค่มู ือการใช้เครื่องมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
29
คาช้แี จง ให้นักเรยี นเขยี นวิพากษ์ในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น นโยบายตา่ ง ๆ ระเบยี บ กฎเกณฑ์ สิทธิส่วนบุคคล
การจากดั สิทธิ การเขา้ ถงึ ขอ้ มูล กาหนดให้มีความยาว 15 – 20 บรรทัด โดยพิจารณาตามเกณฑ์
การใหค้ ะแนน ดงั ต่อไปนี้
เกณฑ์การให้คะแนน (10 คะแนน) คะแนน
รายการประเมนิ 4321 0
มีครบท้ัง 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
1. เนอื้ หา องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
1.1 ใจความเหมาะสม ทั้ง 4 ขอ้
1.2 มคี วามต่อเน่ือง
1.3 มคี วามสอดคลอ้ งกับ มีครบท้งั 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
ประเดน็ ที่กาหนด องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
1.4 ไมว่ กวน
ท้งั 3 ขอ้
2. การใช้ภาษา
2.1 ใช้ภาษาทางการ ไม่ใช้ สะกดถกู ต้อง สะกดคาผิด สะกดคาผิด
ภาษาพูด หรอื ภาษาถน่ิ ทุกคาหรือ ต้งั แต่ 3-4 ต้งั แต่ 5 คา
2.2 ใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน สะกดคาผดิ คา ข้นึ ไป
เวน้ วรรค และยอ่ หนา้ ถูกต้อง ตั้งแต่ 1-2
2.3 ใชป้ ระโยคเหมาะสม เชน่ คา
การเชือ่ มคา การขยายความ เขยี นความ เขยี นไมค่ รบ
ไม่ใชค้ าฟมุ่ เฟอื ย ยาวตามท่ี ตามที่กาหนด
กาหนด
3. การเขียนสะกดคา
ระดับคณุ ภาพ
4. ความยาวของเนอ้ื หา ดีเยีย่ ม
ดี
เกณฑ์ตดั สนิ ระดบั คุณภาพ พอใช้
คะแนน ปรบั ปรุง
9 - 10
7-8
5-6
0-4
ค่มู ือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 29 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
30
คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเขียนสื่อสารในเร่ืองใดเรื่องหนึ่งในระดับองค์กร เช่น การรณรงค์เพ่ือพัฒนาองค์กร
การพฒั นาประเทศในด้านตา่ ง ๆ การแก้ปญั หาของสงั คม กาหนดใหม้ คี วามยาว 15 – 20 บรรทัด
โดยพิจารณาตามเกณฑ์การให้คะแนน ดังต่อไปนี้
เกณฑก์ ารให้คะแนน (10 คะแนน)
รายการประเมิน คะแนน 0
1. เน้อื หา 4321
มคี รบทง้ั 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไม่ปรากฏ
1.1 ใจความเหมาะสม องค์ประกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
1.2 มีความตอ่ เนอ่ื ง ท้ัง 4 ข้อ
1.3 มีความสอดคลอ้ งกบั
มคี รบทง้ั 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
ประเดน็ ที่กาหนด องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ
1.4 ไม่วกวน
2. การใช้ภาษา ทง้ั 3 ขอ้
2.1 ใช้ภาษาทางการ ไม่ใช้
สะกดถกู ตอ้ ง สะกดคาผิด สะกดคาผิด
ภาษาพูด หรอื ภาษาถนิ่ ทุกคาหรือ ตงั้ แต่ 3-4 ตัง้ แต่ 5 คา
2.2 ใช้เคร่ืองหมายวรรคตอน สะกดคาผิด คา ขึน้ ไป
ต้งั แต่ 1-2
เว้นวรรค และยอ่ หนา้ ถูกตอ้ ง คา
2.3 ใช้ประโยคเหมาะสม เชน่ เขยี นความ เขียนไมค่ รบ
ยาวตามที่ ตามที่กาหนด
การเชือ่ มคา การขยายความ
ไมใ่ ชค้ าฟมุ่ เฟอื ย
3. การเขียนสะกดคา
4. ความยาวของเนอื้ หา
กาหนด
เกณฑ์ตัดสินระดบั คุณภาพ
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 คะแนน ระดบั คุณภาพ
9 - 10 ดีเยี่ยม
7-8 ดี
5-6 พอใช้
0-4 ปรบั ปรุง
30 คูม่ ือการใช้เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
31
คาชี้แจง ให้นักเรยี นเขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั การพัฒนาประเทศอยา่ งยั่งยนื เชน่ การรกั ษาวฒั นธรรม
การศกึ ษา การส่งเสรมิ สทิ ธิพลเมอื ง ประเดน็ ทางสังคมท่ีกาลงั เปน็ ทสี่ นใจ กาหนดใหม้ ีความยาว
15 – 20 บรรทดั โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์การให้คะแนน ดงั ตอ่ ไปน้ี
เกณฑ์การใหค้ ะแนน (10 คะแนน)
รายการประเมนิ คะแนน
1. เน้อื หา 43210
มคี รบทั้ง 4 มี 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
1.1 ใจความเหมาะสม องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ
1.2 มคี วามตอ่ เน่อื ง
1.3 มีความสอดคล้องกับ ท้ัง 4 ขอ้
มคี รบท้งั 3 มี 2 มี 1 ไมป่ รากฏ
ประเดน็ ท่กี าหนด องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ
1.4 ไม่วกวน
2. การใชภ้ าษา ท้งั 3 ขอ้
2.1 ใชภ้ าษาทางการ ไมใ่ ช้
สะกดถกู ต้อง สะกดคาผดิ สะกดคาผดิ
ภาษาพูด หรอื ภาษาถน่ิ ทกุ คาหรอื ต้ังแต่ 3-4 ตั้งแต่ 5 คา
2.2 ใช้เครื่องหมายวรรคตอน สะกดคาผดิ คา ข้ึนไป
ตงั้ แต่ 1-2
เวน้ วรรค และยอ่ หนา้ ถกู ตอ้ ง คา
2.3 ใช้ประโยคเหมาะสม เชน่ เขียนความ เขียนไม่
ยาวตามท่ี ครบ
การเชอ่ื มคา การขยายความ
ไม่ใชค้ าฟมุ่ เฟอื ย
3. การเขียนสะกดคา
4. ความยาวของเนื้อหา
กาหนด ตามท่ี
กาหนด
เกณฑ์ตดั สนิ ระดับคณุ ภาพ
คะแนน ระดับคณุ ภาพ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
9 - 10 ดเี ย่ยี ม
7-8 ดี
5-6 พอใช้
0-4 ปรับปรุง
คู่มอื การใชเ้ คร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน 31
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
32
เกณฑ์ตัดสนิ ระดบั คณุ ภาพการประเมินผลรวมแบบประเมนิ การเขียน
คะแนน ระดบั คุณภาพ
31 - 40 ดีเยย่ี ม
21 - 30 ดี
11 - 20 พอใช้
0 - 10 ปรับปรงุ
การแปลผลคะแนนการประเมนิ การเขียน
ระดับคณุ ภาพ คาอธบิ าย
เขียนส่ือสารด้วยเน้ือหาที่หลากหลายและมีความซับซ้อนหรอื มีนัยมากขึ้น มีการ
เขียนแสดงความเข้าใจ วิเคราะห์ วิพากษ์และนาเนื้อหาไปใช้ประโยชน์เพ่ือ
พัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม ใช้กลยุทธ์ในการเขียนได้อย่างมีสติและ
ดเี ยยี่ ม วิจารณญาณ และเขียนแสดงความรู้สึกร่วมและเข้าใจความรู้สึก เพ่ือสร้างความ
เข้าใจโดยคานึงถึงความแตกต่างด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและพัฒนาสังคม
อย่างยงั่ ยนื
เขียนส่ือสารด้วยเน้ือหาที่ซับซ้อนและมีนัยแฝงโดยปราศจากอคติ มีการเขียน
ตีความ วิเคราะห์ วิพากษ์จุดเด่น จุดด้อย และประเมินคุณค่าของเร่ืองได้ลึกขึ้น
ดี สามารถเขียนส่ือสารอย่างเห็นอกเห็นใจและแสดงความรู้สึกร่วมและเข้าใจ
ความรู้สึกต่อบุคคลท่ีมีความแตกต่างจากตนเอง มีกลยุทธ์ในการเขียนอย่างมี
ศิลปะและมพี ลังด้วยความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
เขียนส่ือสารด้วยเนื้อหาท่ีมีความซับซ้อนโดยปราศจากอคติ มีการเขียนตีความ
วิเคราะห์ วพิ ากษ์จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย และประเมนิ คณุ ค่าของเรื่องที่เกิดประโยชน์กับ
คนหมู่มากหรือเป็นประโยชน์จริงหรือเป็นไปตามอุดมการณ์ เขียนสื่อสารใน
พอใช้ ทางบวกคานึงถึงกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง สามารถเขียนส่ือสารได้อย่างเหมาะสมกับ
กลุ่มเป้าหมายโดยคานึงถึงสิทธิและประโยชน์ของส่วนรวม และมีความ
รบั ผิดชอบต่อสังคม โดยใช้คาศัพท์ สานวน โครงสร้างภาษาตามท่ีกาหนดได้อย่าง
ถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ปรบั ปรุง เขียนสื่อสารด้วยเนื้อหาโดยปราศจากอคติ มีการเขียนสรุปประเด็น ตีความ
วเิ คราะห์ และประเมินคณุ คา่ จากเรอื่ งที่เขียนในมติ คิ วามจริง ความดี ความงามที่
มีความซับซ้อนมากข้ึน และสอดคล้องกับกฎหมายท่ีเก่ียวข้อง สามารถเขียน
เนอ้ื หาที่ซับซอ้ นและสร้างสรรคโ์ ดยคานึงถึงประโยชน์ตอ่ ตนเองและสงั คม โดยใช้
คาศัพท์ สานวน โครงสร้างภาษาตามท่กี าหนดไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 32 คมู่ อื การใช้เครอื่ งมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
33
แบบสรปุ แบบประเมนิ การเขียน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
วตั ถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นดา้ นความสามารถในการสื่อสาร
โดยประเมนิ จากพฤติกรรมการเขยี น
คาช้ีแจง ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ให้คะแนนแบบทดสอบ และทาเครื่องหมาย ในชอ่ งทผ่ี ูเ้ รยี น
มีระดับคุณภาพท่สี อดคล้องกับเกณฑ์การประเมินการเขียน
ผปู้ ระเมิน นักเรยี นประเมินตนเอง ครู
เพอ่ื นนักเรยี น ผ้ปู กครอง
ผ้ปู ระเมิน ชอื่ ......................................................................นามสกลุ .....................................................................
คะแนนทไี่ ด้ ระดบั คุณภาพ
จากการทา
เลขที่ ชื่อ-สกลุ แบบทดสอบ ดีเย่ยี ม ดี พอใช้ ปรบั ปรุง หมายเหตุ
1 (40)
2
3
4
...
วธิ กี ารใช้เครอื่ งมือ
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการส่ือสาร เป็นแบบประเมิน
การเขยี น (แบบเขียนตอบอิสระ)
การใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะ
สาคญั ของผ้เู รยี น ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับดี ข้ึนไป และการประเมิน
ผลรวมแบบประเมนิ การเขยี นและการแปลผลคะแนน ควรมรี ะดบั คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี ขึน้ ไป
คูม่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น 33 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
34
แบบประเมนิ การเลอื กใช้สื่อ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 (สาหรบั ครู)
คาชแี้ จง ให้นกั เรียนออกแบบและเลอื กใช้สื่อหรือชนิ้ งานเพือ่ นาเสนอประเด็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหา
สง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชุน โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์การประเมนิ การเลอื กใช้สือ่ ต่อไปนี้
เกณฑก์ ารประเมนิ การใชส้ ่ือเพ่อื การส่ือสาร
ประเดน็ การประเมิน 1 คะแนน
1. วัตถปุ ระสงค์ของ เลอื กใช้สอ่ื ไดต้ รงตาม 23 4
สอื่ วัตถปุ ระสงคแ์ ต่ยงั ไม่ เลือกใช้สอื่ ไดต้ รงตาม เลือกใชส้ ื่อไดต้ รงตาม เลอื กใช้สอื่ ไดต้ รงตาม
2. เนอื้ หาของส่ือ สามารถส่ือสารสรา้ ง วตั ถุประสงค์และ วัตถุประสงค์และ วตั ถุประสงคแ์ ละ
3. รูปแบบการ ความเข้าใจได้ สามารถใช้สือ่ สาร สามารถใช้สือ่ สาร สามารถใช้สือ่ สาร
ออกแบบสอ่ื มเี น้อื หาครบถว้ นมี สรา้ งความเข้าใจ สร้างความเขา้ ใจใน สรา้ งความเข้าใจใน
การลาดับเน้อื หาไม่ ใหก้ ับตนเองได้เทา่ น้นั สงั คมได้ สงั คมไดห้ ลายรปู แบบ
4. ความรบั ผดิ ชอบต่อ ต่อเนือ่ งแตม่ ีความ มเี น้อื หาครบถ้วนมี เนื้อหาครบถว้ นมีการ เนอื้ หาครบถว้ นมีการ
สือ่ เหมาะสม การลาดบั เนื้อหา ลาดับเนอ้ื หาต่อเนือ่ ง ลาดับเนอ้ื หาต่อเน่ือง
5. ประโยชนข์ องสื่อ มกี ารออกแบบและ ต่อเน่ืองมีความ สร้างสรรค์ มคี วาม สรา้ งสรรค์ มคี วาม
เลือกใช้ส่อื อยา่ งมี เหมาะสมตอ่ ตนเองได้ เหมาะสมกบั ตนเอง เหมาะสมกับตนเอง
ศิลปะและสร้างสรรค์ และสังคม
มีการวางแผนการ มกี ารวางแผน มีการวางแผน
เลือกสอื่ จาก ออกแบบและเลอื กใช้ ออกแบบและผลติ ส่ือ ออกแบบและผลิตสื่อ
แหลง่ ขอ้ มลู ท่ี สือ่ อยา่ งมศี ิลปะและ เทคโนโลยอี ยา่ งเปน็ เทคโนโลยอี ย่างเป็น
นา่ เชอ่ื ถือ สรา้ งสรรค์ และผลติ ระบบและ ระบบและ
ออกแบบและเลือกใช้ ส่อื เทคโนโลยตี รงตาม หลากหลาย ได้อย่าง หลากหลายได้อย่างมี
สอ่ื ใหม้ ีประโยชนต์ อ่ วัตถุประสงค์ มีศิลปะและ ศิลปะและสรา้ งสรรค์
ตนเอง สร้างสรรค์ ตรงตาม ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์
วัตถปุ ระสงค์ และสามารถนาไปใช้
ไดอ้ ย่างคมุ้ คา่
เลือกสือ่ จาก เลือกส่ือจาก เลือกสื่อจาก
แหล่งขอ้ มูลที่ แหล่งข้อมูลที่ แหล่งข้อมูลที่
นา่ เช่ือถอื มีการ นา่ เชอื่ ถอื มกี าร น่าเชอ่ื ถือ มีการ
อา้ งอิง อา้ งอิง ไม่ละเมดิ สทิ ธิ อ้างอิง ไมล่ ะเมดิ สิทธิ
ของผู้อื่น ของผ้อู ่นื และไมส่ รา้ ง
ผลกระทบตอ่ ผู้อื่น
ออกแบบและเลือกใช้ ออกแบบและเลือกใช้ ออกแบบและเลือกใช้
ส่ือใหม้ ปี ระโยชน์ต่อ สอ่ื ให้มีประโยชน์ต่อ สอ่ื ให้มีประโยชนต์ ่อ
ตนเองและกลมุ่ คน ตนเองและสังคม ตนเองและสงั คม
ใกล้ตัว สามารถนาไปใชไ้ ดจ้ รงิ
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 34 คูม่ ือการใช้เคร่อื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
35
เกณฑ์ตัดสินระดบั คุณภาพ
คะแนน ระดับคณุ ภาพ
16 - 20 ดีเย่ียม
11 - 15 ดี
6 - 10 พอใช้
0-5 ปรับปรุง
เกณฑ์ตดั สนิ ระดบั คณุ ภาพการประเมินผลรวมแบบประเมินการเลอื กใชส้ ่ือ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
16 - 20 ดเี ย่ยี ม
11 - 15 ดี
6 - 10 พอใช้
0-5 ปรบั ปรงุ
การแปลผลคะแนนการประเมนิ การเลอื กใช้ส่ือ
ระดับคณุ ภาพ คาอธิบาย
รเู้ ทา่ ทันส่ือ เลอื กใชแ้ ละผลิตสอื่ โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารได้ตรงตามจุดมุ่งหมาย
ท่ีกาหนดไว้ ใช้กลวิธีท่ีหลากหลายในการผลิตสื่อและสื่อสารที่เหมาะสมได้อย่างมี
ดีเยีย่ ม สติและวิจารณญาณ เพื่อสร้างความเข้าใจโดยคานึงถึงความแตกต่างในทุกมิติ
ดว้ ยความรับผดิ ชอบต่อสงั คมและสร้างสงั คมทพ่ี ัฒนาอย่างยั่งยืน
เลือกใช้และผลิตสื่อโดยใช้เทคโนโลยีการส่ือสารได้ตรงตามจุดมุ่งหมายท่ีกาหนดไว้
ใชก้ ลวธิ ใี นการผลติ สอื่ และสื่อสารทเี่ หมาะสมได้อย่างมีศิลปะและสร้างสรรค์ และมี
ดี พลังในการสร้างประโยชน์แก่สังคม โดยคานึงถึงสิทธิและประโยชน์ของส่วนรวม
และมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม
เลือกใช้และผลิตสื่อโดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารได้ตรงตามจุดมุ่งหมายท่ีกาหนดไว้
ใช้กลวิธีในการผลิตสื่อและส่ือสารที่เหมาะสมได้อย่างมีศิลปะและสร้างสรรค์
พอใช้ เกิดประโยชนต์ ่อกลมุ่ เปา้ หมาย โดยคานึงถงึ สิทธิและประโยชนข์ องส่วนรวม และมี
ความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
ปรับปรงุ เลือกใช้และผลิตสื่อได้ตรงตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้ โดยใช้กลวิธีในการผลิตสื่อ
และสื่อสารที่เหมาะสมได้อย่างมีศิลปะและสร้างสรรค์ เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
ต่อกลมุ่ และตอ่ สังคม สามารถประเมินคุณค่าและวิเคราะห์ วิพากษ์การทางานของ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
สอ่ื กับการสร้างผลกระทบต่อสงั คมในเชงิ ลึกได้
คู่มอื การใชเ้ คร่อื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน 35
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
36
แบบสรุปแบบประเมนิ การเลอื กใช้สื่อ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 - 6
วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือใช้เปน็ เคร่ืองมือในการประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นด้านความสามารถในการส่ือสาร
โดยประเมินจากพฤติกรรมการเลือกใช้สือ่
คาชี้แจง ใหผ้ ู้ประเมินให้คะแนนแบบทดสอบ และทาเครื่องหมาย ในชอ่ งท่ผี เู้ รียน
มีระดับคุณภาพที่สอดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินการเลือกใช้ส่ือ
ผปู้ ระเมิน นกั เรียนประเมินตนเอง ครู
เพอ่ื นนักเรยี น ผปู้ กครอง
ผปู้ ระเมนิ ช่อื ......................................................................นามสกุล.....................................................................
คะแนนท่ไี ด้ ระดบั คุณภาพ
จากการ
เลขท่ี ชอื่ -สกลุ ประเมนิ ดีเยย่ี ม ดี พอใช้ ปรบั ปรุง หมายเหตุ
1 (40)
2
3
4
วิธีการใชเ้ ครอื่ งมือ
จากเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการสื่อสาร เป็นแบบประเมิน
การเลอื กใชส้ ่อื
การใชเ้ ครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผลข้างต้น สามารถใชใ้ นการประเมินระหวา่ งเรียน และหลังการจัดการ
เรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะสาคัญ
ของผูเ้ รียน ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 - 6
การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมินแบบทดสอบควรอยู่ในระดับดี ข้ึนไป และการประเมิน
ผลรวมแบบประเมนิ การเลือกใชส้ อื่ และการแปลผลคะแนน ควรมีระดบั คุณภาพอยูใ่ นระดบั ดี ขึ้นไป
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 36 คมู่ อื การใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
37
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ดา้ นความสามารถในการสือ่ สาร
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
เคร่ืองมือแต่ละเคร่ืองมือมีการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนและแปลผลคะแนนที่สอดคล้อง
และเหมาะสมกับวธิ กี ารวดั พฤตกิ รรม โดยกาหนดการแปลผลคะแนนของเครื่องมือแตล่ ะเครอื่ งมือเป็น 4 ระดับ ได้แก่
ระดับดีเยีย่ ม ระดับดี ระดบั พอใช้ และระดับปรับปรุง ซ่ึงการแปลผลคะแนนดังกลา่ วใช้ในการตัดสนิ ระหว่างเรียน
สาหรับเกณฑ์การตัดสนิ สมรรถนะสาคัญ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ได้กาหนดเกณฑ์เพื่อให้
สอดคล้องกับระดับคุณภาพท้งั 4 ระดับ ได้แก่ ปรับปรงุ พอใช้ ดี และดีเยี่ยม โดยครผู ูส้ อนสามารถนาเคร่ืองมือ
ท้ังหมดของแต่ละด้าน ดังปรากฏมาแล้วข้างต้น ซึ่งประกอบด้วย ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน
ทักษะการเขียน และกลวิธีการสื่อสาร มาใช้ในการตัดสินสมรรถนะสาคัญ โดยมีผลรวมคะแนนท้ัง 5 ด้าน
(180 คะแนน) มรี ายละเอียดดังต่อไปนี้
ดา้ นที่ 1 ทักษะการฟัง คะแนนเต็ม 40 คะแนน
ดา้ นท่ี 2 ทกั ษะการพูด คะแนนเต็ม 40 คะแนน
ดา้ นท่ี 3 ทักษะการอ่าน คะแนนเต็ม 40 คะแนน
ดา้ นท่ี 4 ทักษะการเขียน คะแนนเต็ม 40 คะแนน
ด้านที่ 5 กลวธิ กี ารส่ือสาร คะแนนเต็ม 20 คะแนน
เกณฑ์ตดั สินระดบั คุณภาพการประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนดา้ นความสามารถในการสอ่ื สาร
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 - 6
คะแนน ระดับคุณภาพ
136 – 180 ดีเยีย่ ม
91 – 135 ดี
46 – 90 พอใช้
ปรับปรงุ
0 – 45
คมู่ ือการใช้เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น 37 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
38
2.22.2เคครวอื่ างมมสอื าปมราะรเถมในิ นคกวาารมคสดิ ามารถในการคิด
กรอบโครงสรา้ งเคร่อื งมือประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ดา้ นความสามารถในการคิด
นิยามมสสมมรรรรถถนนะะสสา�ำคคญั ัญ องค์ประกตอัวบช/้ีวดัต ัวชี้วัด ลักลษกั ณษะณเคะรเคอ่ื รงอ่ืมงอื มือ
ความสามารถในการคดิ การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ - แบบสมั ภาษณ์
เป็นความสามารถในการคิด ระบคุ วามเข้าใจที่หลากหลายจากสถานการณ์ การเลือกหัวข้อ
วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ ที่ยากและซับซ้อน ตัดสินใจเลือกคาตอบและ โครงการ/ นวตั กรรม
การคิด อย่างสร้างสรรค์ ประเมินความเหมาะสมของคากล่าวอ้าง พร้อม - แบบประเมนิ
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ แสดงการแปลความหมายข้อมูลและหลักฐานเชิง โครงงาน/ นวตั กรรม
และการคิดเป็นระบบ เพื่อนา ประจักษ์ สามารถลงข้อสรุปได้อย่างถูกต้องและ - แบบประเมนิ
ไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ ระบุข้อโต้แย้งที่สอดคล้องกับสถานการณ์ มีความ ตรวจสอบรายการ
สารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ เปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั - แบบทดสอบ
เก่ียวกับตนเอง และสังคมได้ การคิดเชิงระบบ เชงิ สถาณการณ์
อย่างเหมาะสม วิ เ ค ร า ะ ห์ ปั จ จั ย ท่ี เ ก่ี ย ว ข้ อ ง กั บ ร ะ บ บ ห รื อ
สถานการณ์ เช่ือมโยงจัดหมวดหมู่หรือกาหนด
ตัวแปร วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
ระบุแบบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบ
ต่าง ๆ เพ่ือวเิ คราะห์แนวโน้มการเปล่ยี นแปลงและ
สร้างแบบจาลองเพ่ือแสดงโครงสร้างของระบบ
หรือสถานการณไ์ ด้
การคิดสร้างสรรค์
พัฒนาชิ้นงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อ
แกป้ ัญหาทย่ี ากและซบั ซ้อนโดยใชค้ วามคิดที่แปลก
ใหม่ท่ีไม่ซ้าใครหรือพัฒนาต่อยอดจากของเดิมให้
เหมาะสมต่อการใช้งานจริง จากสิ่งที่มีอยู่หรือนา
สิ่งอื่นมาทดแทนส่ิงที่ขาด 2 วิธี ในเวลาที่กาหนด
แจกแจงรายละเอียดของการพัฒนาชน้ิ งาน วิธีการ
หรอื นวัตกรรมและขยายความคิดได้ มีการประเมิน
ช้ินงาน วิธีการหรือนวัตกรรมจากเกณฑ์และเสนอ
แนวทางปรบั ปรุง
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 เครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน ด้านความสามารถในการคิด
จากกรอบโครงสร้างเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการคิด
ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 - 6 สามารถนามาสรา้ งเคร่อื งมือประเมนิ แบบตา่ ง ๆ ไดด้ งั นี้
❖ แบบสัมภาษณ์การเลือกหัวขอ้ โครงงาน/นวัตกรรม
❖ แบบประเมินโครงงาน/นวตั กรรม
❖ แบบประเมนิ ตรวจสอบรายการ
❖ แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์
38 คู่มอื การใช้เคร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
39
แบบสมั ภาษณก์ ารเลือกหวั ข้อโครงงาน/นวัตกรรม
ความสามารถในการคดิ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 (ด้านการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ)
คาชแี้ จง แบบสัมภาษณ์โครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรียนความสามารถในการคิด ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
เป็นแบบสัมภาษณ์ปลายเปิด นักเรยี นสามารถแสดงความคิดไดเ้ ต็มศกั ยภาพ
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่ัวไป
ช่อื โครงการ/นวัตกรรม..........................................................................................................................................
ผู้ใหส้ ัมภาษณ์.........................................ช้ัน............เลขท.่ี .............ผสู้ ัมภาษณ์......................................................
วนั /เดือน/ปี ที่ประเมิน..........................................................................................................................................
ตอนท่ี 2 บทสัมภาษณ์
1. จากการสารวจชุมชนนักเรยี นพบปญั หาอะไรบ้าง ใหน้ ักเรยี นเลือก 1 ปญั หา และให้เหตุผลการเลือก
ปัญหาน้นั พรอ้ มแสดงหลักฐานประกอบที่สอดคล้องกบั ปัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
2. ให้นกั เรยี นระบหุ ลักฐานหรือคาอธบิ ายเพ่ิมเตมิ สนับสนนุ เหตุผลในการเลือกปัญหาน้นั
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………............
3. ให้นักเรยี นสรปุ ผังความคดิ เก่ยี วกับปญั หา สาเหตุของปัญหาที่เปน็ ไปได้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
4. ให้นกั เรยี นระบุจดุ เด่นและจดุ ทีค่ วรปรับปรุงของปัญหาที่เลอื ก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติมอน่ื ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………......
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...
คมู่ อื การใชเ้ ครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน 39 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
4400
ทสไแขปเเคปเเปแกปปสปขเเกทปไคป43124213หหกกดดขขออััาาออบบญััญัั่ีสีส่ญญ..ลล..รรรร....ี่ี่ยยีีตต้้ออยยตตดดงงััออใใสสะะบบใใะะหหหหใใววใใเเุุยยออนนหหตตหหคคดดปปถถเเหหหหกกกกปปาาาา่่บบาามม้้นนนนลลสส้้คคนนน็็นาา้้้้ัับบงงนนนนรรรรแแิิออ้้ัักกนนททลละะนนััโโถถกกผผเเััััุุะะกกกกงงดดลลงงเเ้ออ้นนทที่ีูู่สสกกกกคคเเลลรรขขยยกกบบเเเเ้้รรววงง้้ืืออ้้ตตออกกาารรออววีียยรรมมบบััีีออยยตตกกววีีรรหห้้ยยออัันนีีาาดดนนนนยยหหีี นนบสับัสััดดบบงงณณนนมมาานนงงคคออนนคคลลถถกกสสสสรรททแแเเกกออ์์ลลธธขขักักววเเาาแแะะิิถถหหนนาาลลสสิิบบเเขข้้ธธออออาานนฐฐาาลลบบาารรกกใใมมะะััมมิิีีบบาายยรรงงงงาากกมมนนจจะะออุุณณจจกกาาภภยยปปกกนนเเนนาาาาเเรรกกคคุุดดธธรระะลลรรเเาาััฑฑรรบบััเเสสยยญญะะาาิิสสหหะะิิดดเเชชสสบบีีษษืืณณออยยบบสสาารรดดสส์รร์ บบหหะะตตงิงิเเมมาากกณณหหณณนนะะถถุุกก่่กกนนข์์ขถถปปววุุททผผาาใใยยคคดดรราาาาีี่ออ่าารรยย์ขข์แแนนรร์์นนลลทท้้ ออบบััเเาาับบัรรนนููนนงงะะออปปลลววกกเเททหหีี่่มมตตออนนปปนนกกกกจจหหงงกกกกะะาาขข่ี่ีสสีีคค้้ออตตาาปัญัปญกัักคคาาักกัาารรตตััาาจจบบงงออออววุุบบรรผผรรษษัญญัเเเเรรววุุุุหหดดผผเเเเรรรรดดาาตตงงณณหหพพณณลล์์ททาานนาาหหททลลีียยียยีมมคคตตออมมตตรรแแ่ีี่์์สส้ืื้ออขขนน์์ขขาานนี่่ีขขคคเเลลบบ้้นนออุุผผปปรรคคลลออหหออรรคคออ้้ววออแแุุปปมมลลิิทท็็ูปูปนนดดงงะะงงรรววาางงงงบบ่ี่ี าาบบมมเสคสเเเสคเสสเส1615828574634273สสนนชหชหสสถถถถออวว................ััมมิงงิ้ื้อือาาตตาาาาาาดดลลแแรรรรปปตตเเภภหหมมรรนนุุเเนนมมรระะะะคคขขปปงงปปััดดรระะาาาาาากกบบกกเเะะขขบบีีลลลลยยะะหห็น็นสสแแษษรรบบาาาาจุจุอ้้อบบ้ออุ้คคุคคจจนนลลิิถถนนรรผผมมรรณณุุ ุุดดขขสสววงงววุุัักกณณะะณณเเปปสสลลใใาาเเกก้้าารราาออใใจจหหกกษษก์์กดดะะกกะะรรม์ม์มมนน์ทท์ปปุุมมับับเเรรโโาาสส่่นน์์ ตตะะนันัลลททหหคคีี กกเเะะ่ยีี่ยไไตตสสรรมมแแเเขขุุืืออดดววผ้้ผมมบบออาาาาดด้้ถถเเแแลลขขา้า้าากกลล้ออ้กกาารรววนนลลนน็็าาะะยยใใมมออคคยยยยอือืแแคคนนนนจจจจคคพพขข้้เเงงงงขขาาาา่่ลลกกปปดิดิกกททกกดุดุคคววททตตอองงจิิจ้อ้อะะหหาาชช็น็นททาาีหห่ี่ าาถถาามมออ่ี่ีาาซซสสรรงงรรวัวัเเ่ว่วกกี่ีคค่ลลกููกมมเเรรบบหหูลลูัับบขขณณออรรขขงงลลววาาตตณณแแคคตตแแซซ้้ีียยชชออดดรร้้ออ่าา่กก์์มม้อ้อลลลลิิเุุเดดนน้้ออปปาาวว้นัน้ั ปปโโคคหหโโีคีคงงะะะะนนคครรเเรรออตตททน็น็หหลลววลลปปกกูู้้ขขับบั รรา้้า้้ าาี่ี่ผผาาแแ้้ลล่่ีีออรรยยอองงปปงง44มมยยลลักกัะะยยงงงงววงงรรเเกกจจเเตตฐฐาา((้้งุุงกกปปกกงงมมมมาาาานัันนนนนไไััััททบบ็็บบนนดดิินนนนกก..//44้้ี่่ี นน--ววตัตั 66กก))รรเเรระะกกรรดดณณมมับับฑฑคค์ก์กววาาาารรมมปปสสรราาะะมมเเาามมรรินินถถ
ชั้น ัมธยม ึศกษา ีป ี่ท 4 - 6
หหมมาายยเเหหตตุุ 11..
ระรดัะบดัปบรัปบ ัรปบ ุรปง ุรง22..
ระรดัะบ ัดพบอพใอ้ชใ ้ช33..
ระรดัะบดั ีดบดี44..
ระร ัดะบดัดีเบย่ดีเยย่ีมยม
มมนนมปนนนปนมมมนนีคีคคีคีคีีคักััััักัักกรรกกกกบัับเเะะะเะะะเเเเเรรรรรรรรแแแแแแปปยีียีียยีียยีียยนนนนนนรรนนนนนนนนงุงุนนนนนนสสสสสสสสเเเเเเาาามมาาาททททททาามมมมมมคีีคมมา่า่า่า่่า่าาาาาาาะะกกกกกกาารรรรรรแแรรับับบัับบัับถถถถถถนนถถตตตตตต243432นนตตออออออบบเเออบบคคคคคคบบททบบบบบบะะะะะะบบา่่าททททบบแแแแแแกกททสสนนนนนนสสททับบัสสััมมมัมันนนนนนสสััมม11ภภภภััมมภภาาาาภภคคาาษษษษะะษษาาณณณณแแษษณณ์์ขขนน์ข์ขณณ์์ขข้้ออ้ออ้นน์์้ขข้ออทททท้้ออทที่ี่ี่ี่ 11ทท11่ีี่ --11--ี่ี่4422--1133ไไไไดดไไดดไไดด้้ดด้้8866้้ ้้55ปป77ปปรรรรปปปปะะะะรรรรเเเเดดะะดดะะ็นน็เเเเ็นน็ ดดดดพพพพ็็็็นนนนจิิจิิจจพพพพาาาาริริจจิิรจจรณณณณาาาารรรราาาาณณณณแแแแาาาาสสสสดดดดแแแแงงงสงสสสววววดดดด่่าา่าา่ งงงงววมมมมวว่่าาีีเเเีีเ่่าากกกกมมณณณณมมีีเเีกีกเเฑฑฑฑกกณณ์์กก์ก์กณณาาาาฑฑรรรฑรฑ์์กกปปปป์์กกาารรรรรราาะะะะปปรรเเเเมมปปมมรริินนะะนิินรรเเออะะออมมยยเเยยิินนมมูู่่ใใใูู่ใ่ นนอิิอนนนนรรยยออรระะูู่่ใใะะยยดดนนดดูู่่ใใับับรรนนับบั ดดะะรรพพีเีเดดะะยยออัับบดดยี่ย่ีใใัับบดดชชมมีี้้
40 คูม่ อื การใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
41
วิธีการใช้เคร่ืองมือแบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด
ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
แบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรียนในสมรรถนะในการคิด
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ประกอบด้วย คาชี้แจง แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไป ตอนท่ี 2
บทสัมภาษณ์ มี 4 ข้อ และตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมอ่ืน ๆ ซ่ึงในการนาไปใช้ต้องมีการช้ีแจงนักเรียน
ให้ชัดเจน นักเรียนกรอกข้อมูลท่ัวไปในตอนที่ 1 ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีวิธีการเตรียมความพ ร้อม
และนาเครือ่ งมือแบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่
4 – 6 ไปใช้ ดงั น้ี
1) ครูวางแผนการประเมินการคิดข้ันสูงในการใช้แบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/
นวัตกรรม ความสามารถในการคิด ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6
2) ครูศึกษาเกณฑ์ระดับการตอบแบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม
ความสามารถในการคิด ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ที่มีความสอดคล้องกันในบทสัมภาษณ์ ประเด็นพิจารณา
เกณฑ์การประเมินระดับความสามารถ ให้ชัดเจน และมีการนัดหมายกาหนดวัน เวลา และสถานท่ี
ในการสัมภาษณ์
3) ในการสัมภาษณ์แต่ละประเด็น ครูต้องสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พร้อมบันทึกผล
การตอบของนกั เรยี นด้วยวธิ กี ารจดบันทกึ หรือมกี ารบนั ทึกเทปเสยี งการสมั ภาษณ์ ในทกุ สภาพแวดลอ้ ม
4) รวบรวมผลการสัมภาษณ์และวิเคราะห์ สรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ ระบุข้อสังเกตของ
ข้อมูลท่ีพบและบนั ทกึ คะแนนสมั ภาษณ์ และบันทกึ คะแนนลงแบบบนั ทึก
ท่ี ช่อื - สกุล คะแนน ระดบั การคดิ หมายเหตุ
1 นาย ก 4 ดเี ยย่ี ม
2 นางสาว ข 2 พอใช้
3 นางสาว ม 1 ปรับปรงุ
4 …………….
5) กรณีมีผลการประเมินของนักเรียนมีระดับคุณภาพในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้หรือระดับดี
ครูควรหาแนวทางพฒั นานกั เรียนให้มคี ณุ ภาพเพิ่มข้ึนตามลาดบั จนถงึ ระดับดีเยี่ยม
คูม่ ือการใชเ้ ครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รยี น 41 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
42
แบบประเมนิ โครงงาน/นวตั กรรม ความสามารถในการคิด
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6
*************************************
คาชี้แจง แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรมสาหรับนักเรียนในสมรรถนะทักษะในการคิด ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
เปน็ แบบประเมินด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ดา้ นการคิดเชิงระบบ ดา้ นการคิดสรา้ งสรรค์ และด้านการคิด
แก้ปัญหาท่ีมีเกณฑ์การประเมินทุกทักษะการคิดเพ่ือเป็นหลักเกณฑ์สาหรับการประเมินโครงงาน/นวัตกรรม
ของนักเรียนทคี่ รูกาหนดภาระงานให้นกั เรียนทาระหวา่ งมกี ารจัดการเรียนการสอน หรอื ปลายภาคเรยี น
ชื่อโครงงาน/นวตั กรรม........................................................................................................................................
ผ้จู ดั ทา.........................................ช้นั ............เลขท.่ี ........................ผปู้ ระเมนิ ......................................................
วนั /เดอื น/ปี ท่ปี ระเมิน........................................................................................................................................
**************************************************************************************************
คะแนน
รายการประเมินด้านการคดิ 4321
การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ
การคิดเชงิ ระบบ
การคดิ สรา้ งสรรค์
รวม
ระดบั ความสามารถ
เกณฑ์การประเมนิ โครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรยี น ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ความสามารถในการคิด (การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ)
1 2 34
(ระดับปรับปรงุ ) (ระดับพอใช้) (ระดับด)ี (ระดับดีเยี่ยม)
ระบุความเข้าใจทห่ี ลากหลาย จากระดบั ปรับปรงุ และระบุ จากระดบั พอใช้ และเขยี น จากระดบั ดี และระบุ
จากสถานการณ์ ตดั สินใจเลือก เหตผุ ลของขอ้ โตแ้ ยง้ ท่ี สะทอ้ นความคดิ เก่ยี วกับ จดุ เด่นและจดุ ทคี่ วร
คาตอบและประเมินความ สอดคล้องกับสถานการณ์ เนื้อหา และกระบวนการ ปรบั ปรุงได้
เหมาะสมของคากลา่ วอ้าง มคี วามเปน็ เหตุเปน็ ผลกัน เรยี นร้ขู องตนได้
พร้อมแสดงการแปลความหมาย
ขอ้ มลู และหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
สามารถลงข้อสรุปได้อยา่ ง
ถูกตอ้ งและระบขุ ้อโตแ้ ย้งท่ี
สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์มี
ความเปน็ เหตเุ ป็นผลกัน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 42 คู่มือการใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รียน
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
43
การคิดเชงิ ระบบ
123 4
(ระดบั ปรบั ปรุง) (ระดับพอใช้) (ระดับด)ี (ระดับดีเย่ยี ม)
วเิ คราะหป์ จั จยั ทเ่ี กย่ี วข้อง จากระดบั ปรับปรุง และสร้าง จากระดบั พอใช้ และ จากระดบั ดี และปรบั ปรุง
กบั ระบบหรอื สถานการณ์ แบบจาลองความคดิ เพือ่ เปรยี บเทยี บแบบจาลอง พฒั นาระบบโดยวเิ คราะห์จาก
เช่อื มโยง จัดหมวดหมู่ หรือ อธิบายแนวคดิ ทใ่ี ช้ในการ ความคิดของระบบ ทานาย มุมมองท่หี ลากหลายทั้งของ
กาหนดตวั แปร วเิ คราะห์ ออกแบบระบบได้ หรือประเมินผลลัพธ์ของการ ตนเองและผู้อนื่
ความสมั พนั ธ์เชงิ เหตแุ ละผล แทรกแซงระบบ
ระบุแบบแผนของพฤตกิ รรม
และองค์ประกอบตา่ ง ๆ เพือ่
วิเคราะหแ์ นวโนม้ การ
เปลี่ยนแปลงและสรา้ ง
แบบจาลองเพือ่ แสดงโครงสร้าง
ของระบบหรือสถานการณไ์ ด้
การคิดสร้างสรรค์
123 4
(ปรบั ปรุง) (พอใช้) (ด)ี (ดเี ย่ียม)
พัฒนาชิ้นงาน วิธกี าร หรอื จากระดบั ปรบั ปรุง และ จากระดบั ดี และแจกแจง จากระดบั ดีเยย่ี ม และพฒั นา
นวตั กรรมเพอ่ื แก้ปัญหาที่ พัฒนาตอ่ ยอดจากของเดมิ รายละเอียดของการพัฒนา ตอ่ ยอดชนิ้ งาน วธิ ีการ หรือ
ยากและซบั ซอ้ น โดยใช้ ให้เหมาะสมต่อการใชง้ าน ช้นิ งาน วิธีการหรอื นวัตกรรมให้ใช้งานไดด้ ีขนึ้
ความคดิ ทีแ่ ปลกใหมท่ ไี่ มซ่ า้ จริงจากสิ่งท่มี อี ยหู่ รอื นาสงิ่ นวัตกรรมและขยาย โดยคานึงถึงผลกระทบทมี่ ตี อ่
ใคร หรอื พัฒนาตอ่ ยอดจาก อื่นมาทดแทนส่งิ ท่ีขาด ความคิดไดอ้ ยา่ งครบถว้ น สิง่ แวดลอ้ ม สังคมและ
ของเดมิ ให้เหมาะสมต่อการ มากกว่า 2 วธิ ี ในเวลาที่ และมรี ายละเอียดทสี่ มบรู ณ์ วัฒนธรรม
ใชง้ านจริงจากสิ่งทีม่ อี ยู่ กาหนด เสนอแนวทางปรับปรุงและ
หรือนาส่ิงอน่ื มาทดแทนสิ่งที่ พฒั นาต่อยอดผลงานให้ใช้
ขาด 2 วิธี ในเวลาทก่ี าหนด งานได้ดีขน้ึ
แจกแจงรายละเอียดของ
การพฒั นาช้ินงาน วิธีการ
หรอื นวัตกรรมและขยาย
ความคดิ ได้ มีการประเมนิ
ชิ้นงาน วิธกี าร หรือ
นวัตกรรมจากเกณฑ์และ
เสนอแนวทางปรบั ปรงุ
การแปลผล หมายถงึ นักเรยี นมคี วามสามารถในการคิดอยู่ในระดบั ดีเยี่ยม ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
คะแนน 10 – 12 หมายถงึ นกั เรยี นมีความสามารถในการคดิ อยู่ในระดบั ดี
คะแนน 7 – 9 หมายถึง นักเรยี นมคี วามสามารถในการคดิ อยู่ในระดับพอใช้
คะแนน 4 – 6 หมายถงึ นกั เรยี นมีความสามารถในการคิดอยู่ในระดับปรบั ปรุง
คะแนน 1 – 3
คูม่ อื การใชเ้ คร่ืองมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น 43
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
44
วธิ ีการใช้เคร่ืองมือแบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ประกอบด้วย
คาชี้แจง ข้อมูลรายละเอียดชื่อโครงาน/นวัตกรรม ผู้จัดทา วัน/เดือน/ปี ที่จัดทา รายการประเมินด้านการคิด
3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ และการคิดสร้างสรรค์ ซ่ึงมีคะแนนการประเมิน
และมีเกณฑ์การประเมินเทียบกับระดับอย่างชัดเจน ซ่ึงในการนาไปใช้ควรมีการช้ีแจงนักเรียนให้ชัดเจน
นักเรียนกรอกข้อมูลรายละเอียดช่ือโครงาน/นวัตกรรม ผู้จัดทา วัน/เดือน/ปี ท่ีจัดทา ให้ครบถ้วนสมบูรณ์
โดยมีวิธีการเตรียมความพร้อมและนาเคร่ืองมือแบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6 ไปใช้ ดังนี้
1. ครูวางแผนการประเมินทักษะการคิด ในการใช้แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม
ความสามารถในการคิด ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 – 6
2. ครูศึกษาเกณฑ์การประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการคิด ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี
4 – 6 ท่ีมีความสอดคล้องกันในรายการประเมินด้านการคิด 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิด
เชิงระบบ และการคิดสร้างสรรค์ กับคะแนนและเกณฑ์การประเมินเป็นระดับให้ชัดเจน และมีการกาหนด
ระยะเวลาท่สี อดคลอ้ งกับข้ันตอนการลงมือปฏบิ ตั ขิ องนกั เรยี นในการดาเนนิ การทาโครงาน/นวัตกรรม ที่ชัดเจน
3. ในการลงมือปฏิบัติของนักเรียนในการดาเนินการทาโครงาน/นวัตกรรมในแต่ละข้ันตอน
ครูควรสังเกตพฤติกรรมการทางาน การนาองค์ความรู้ในสมรรถนะเฉพาะไปประยุกต์ใช้ให้เกิดสมรรถนะในการ
คดิ พรอ้ มกับครูควรเปน็ Coach เพอ่ื แนะนาใหน้ กั เรียนในทกุ ขัน้ ตอนและทุกสภาพแวดล้อม
4. รวบรวมผลการจัดทาโครงาน/นวัตกรรมของนักเรียน แล้วสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์
และบันทึกคะแนนการประเมนิ โครงงาน/นวตั กรรมของนักเรียน พรอ้ มกับการแปรผลภาพรวมระดบั การคดิ
ความสามารถใน
การคดิ 3 ดา้ น
ภาพรวม
ที่ ชอื่ - สกลุ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 รวม ระดับ หมายเหตุ
การคดิ
วิจารณญาณ
1 นาย ก เ ิชงระบบ141 6 (2) พอใช้ ควรพฒั นาด้านคดิ
2 นางสาว ข สร้างสรร ์ค431 วิจารณญาณและสรา้ งสรรค์
3 นางสาว ม
8 (3) ดี ควรพัฒนาดา้ นการคิด
สร้างสรรค์
5. กรณีมีการแปลผลการประเมินภาพรวมระดับการคิดข้ันสูงของนักเรยี นทั้ง 3 ด้าน คือ การคิด
อย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ และการคิดสร้างสรรค์ ที่มีระดับคุณภาพในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้
และระดับดี ครคู วรหาแนวทางพฒั นานกั เรยี นให้มีคณุ ภาพเพม่ิ ข้ึนตามลาดับจนถึงระดับดีเยย่ี ม
44 คมู่ ือการใชเ้ ครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)