45
แบบประเมนิ ตรวจสอบรายการความสามารถในการคดิ
สาหรบั นักเรียนประเมนิ ตนเองและครผู สู้ อนประเมินนักเรียน
คาชี้แจง แบบประเมินความสามารถในการคิด สาหรับสาหรับนักเรียนประเมินตนเองและสาหรับครูผู้สอน
ประเมินนักเรียน สมรรถนะในการคิด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นแบบประเมินที่ให้นักเรียนประเมินตนเอง
และครูผู้สอนประเมินนกั เรียนมีรายการประเมินด้านทักษะการคิด 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การ
คิดเชิงระบบ และการคิดสร้างสรรค์ ในแต่ละด้านมีเกณฑ์การแปลผลคะแนนการประเมินเทียบกับระดับ
ความสามารถของนักเรยี น
ชื่อ-สกุลผู้รับการประเมิน......................................ชน้ั ............เลขที.่ ........................ผปู้ ระเมิน.............................
วัน/เดอื น/ปี ท่ีประเมิน..........................................................................................................................................
ดา้ น รายการ ได้ ไม่ได้
การคิด 1. ระบคุ วามเขา้ ใจท่ีหลากหลายจากสถานการณ์ทยี่ ากและซับซ้อน ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
อยา่ งมวี ิจารณญาณ 2. ตดั สินใจเลอื กคาตอบและประเมินความเหมาะสมของคากลา่ วอ้าง
3. แปลความหมายข้อมูลและหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ได้
4. ลงข้อสรปุ ได้อย่างถูกต้อง
5. ระบขุ อ้ โต้แยง้ ทสี่ อดคลอ้ งกบั สถานการณ์มคี วามเป็นเหตเุ ปน็ ผลกนั
6. ระบเุ หตผุ ลของข้อโตแ้ ย้งท่ีสอดคล้องกับสถานการณม์ ีความเปน็
เหตเุ ป็นผลกัน
7. เขียนสะทอ้ นความคิดเกย่ี วกบั เน้ือหาและกระบวนการเรยี นรขู้ องตน
8. ระบุจดุ เด่นและจุดท่คี วรปรบั ปรุง
การคิด 1. วเิ คราะหป์ จั จยั ท่เี กีย่ วข้องของระบบหรือสถานการณ์
เชงิ ระบบ 2. เชอื่ มโยงจดั หมวดหมหู่ รือกาหนดตัวแปร
3. วเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์เชงิ เหตแุ ละผลของระบบหรือสถานการณ์
ท่ียากและซบั ซ้อน
4. ระบุแบบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อวเิ คราะห์
แนวโน้มการเปลีย่ นแปลง
5. ระบุแบบแผนของพฤติกรรมและองคป์ ระกอบต่าง ๆ เพื่อ
วเิ คราะห์แนวโน้มการเปลีย่ นแปลงของระบบหรือสถานการณ์
สาหรบั สร้างแบบจาลองอย่างงา่ ย
6. สร้างแบบจาลองเพื่อแสดงโครงสร้างของระบบ หรือสถานการณ์
7. สร้างแบบจาลองความคิดเพื่ออธบิ ายแนวคิดที่ใชใ้ นการออกแบบระบบ
8. เปรียบเทยี บแบบจาลองความคดิ ของระบบ ทานาย หรือประเมิน
ผลลพั ธ์ของการแทรกแซงระบบที่ยากและซับซ้อน
9. ปรับปรุงพัฒนาระบบโดยวิเคราะห์จากมุมมองที่หลากหลาย
ทงั้ ของตนเองและผูอ้ ืน่
ค่มู ือการใช้เครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น 45
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
46
ดา้ น รายการ ได้ ไม่ได้
การคดิ สร้าง 1. พัฒนาช้ินงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่ยากและ
ซับซ้อน โดยใช้ความคิดที่แปลกใหม่ ไม่ซ้าใคร หรือพัฒนา
สรรค์ ต่อยอดจากของเดิมให้เหมาะสมต่อการใช้งานจริง จากส่ิงท่ีมีอยู่
หรอื นาสิง่ อนื่ มาทดแทนสิ่งท่ขี าด 2 วิธี
2. พัฒนาชิ้นงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่ยากและ
ซบั ซ้อนในเวลาท่กี าหนด
3. แจกแจงรายละเอียดของการพัฒนาช้นิ งาน วิธีการหรือนวตั กรรม
และขยายความคดิ ได้
4. มีการประเมินช้ินงาน วิธีการหรอื นวตั กรรมจากเกณฑ์และเสนอ
แนวทางปรับปรุง
5. พัฒนาชิ้นงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาท่ียากและ
ซับซ้อน โดยใช้ความคิดท่ีแปลกใหม่ ไม่ซ้าใคร หรือพัฒนา
ต่อยอดจากของเดิมให้เหมาะสมต่อการใช้งานจริง จากสิ่งท่ีมีอยู่
หรอื นาสิ่งอืน่ มาทดแทนส่ิงทข่ี าดมากกวา่ 2 วธิ ี
6. ขยายความคดิ ได้อย่างครบถว้ นและมีรายละเอยี ดท่ีสมบูรณ์
7. มีการประเมินช้ินงาน วิธีการหรือนวัตกรรมจากเกณฑ์และเสนอ
แนวทางปรบั ปรงุ และพัฒนาตอ่ ยอดผลงานให้ใชง้ านไดด้ ีขน้ึ
8. มีการพัฒนาต่อยอดผลงานให้ใช้งานได้ดีขึ้น โดยคานึงถึง
ผลกระทบทม่ี ีตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม สงั คมและวฒั นธรรม
หมายเหตุ : แนวทางในการนาเครื่องมือไปประยุกต์ใช้ สามารถใช้เคร่ืองมือน้ีสาหรับครูผู้สอนในการประเมิน
ระดับความสามารถของนักเรียนรายบุคคลหรือนักเรียนประเมินตนเองเพ่ือให้ทราบระดับความสามารถ
และนาขอ้ มูลทไ่ี ด้ใชใ้ นการวางแผนพัฒนาระดบั ความสามารถในการคิดของนกั เรยี นต่อไป
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 การแปลผลการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ (1 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 5 หมายถึง นกั เรยี นมีการคิดอย่างมีวิจารณญาณอยูใ่ นระดับปรับปรุง (2 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 6 หมายถงึ นักเรยี นมีการคิดอย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดบั พอใช้ (3 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 7 หมายถงึ นักเรียนมีการคดิ อย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดบั ดี (4 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 8 หมายถงึ นกั เรยี นมีการคิดอย่างมวี ิจารณญาณอยู่ในระดบั ดีเยยี่ ม (1 คะแนน)
การแปลผลการคิดเชงิ ระบบ (2 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 6 หมายถงึ นักเรยี นมีการคิดเชิงระบบอยู่ในระดบั ปรับปรุง (3 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 7 หมายถึง นักเรียนมกี ารคดิ เชงิ ระบบอยู่ในระดับพอใช้ (4 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 8 หมายถึง นกั เรยี นมีการคิดเชิงระบบอยู่ในระดบั ดี
ทาได้ข้อ 1 – 9 หมายถงึ นักเรยี นมกี ารคิดเชิงระบบอยู่ในระดับดีเย่ยี ม
46 คมู่ อื การใชเ้ คร่อื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
การแปลผลการคิดสร้างสรรค์ 47
ทาได้ขอ้ 1 – 5 หมายถงึ นกั เรยี นมกี ารคิดสร้างสรรคอ์ ยูใ่ นระดับปรบั ปรงุ
ทาได้ข้อ 1 – 6 หมายถงึ นักเรียนมกี ารคิดสรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นระดบั ดี (1 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 7 หมายถึง นักเรียนมีการคดิ สรา้ งสรรค์อยู่ในระดับพอใช้ (3 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 8 หมายถงึ นกั เรียนมีการคดิ สรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นระดบั ดเี ยี่ยม (2 คะแนน)
(4 คะแนน)
เกณฑก์ ารประเมนิ ความสามารถในการคิด สาหรบั นกั เรียนประเมินตนเองและสาหรบั ครผู สู้ อนประเมินนักเรยี น
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 – 6
ดา้ น ประเดน็ พจิ ารณา เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั ความสามารถ
การคดิ 1. ระบุความเข้าใจท่ีหลากหลายจากสถานการณ์ทยี่ ากและซับซอ้ น
อย่างมี 2. ตดั สนิ ใจเลอื กคาตอบและประเมนิ ความเหมาะสมของคากลา่ วอา้ ง
วจิ ารณญาณ 3. แปลความหมายข้อมลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ ปรับป ุรง
พอใ ้ช
4. ลงขอ้ สรปุ ได้อยา่ งถูกต้อง ีด
5. ระบขุ อ้ โต้แย้งทส่ี อดคล้องกับสถานการณม์ ีความเปน็ เหตเุ ป็น ดีเ ีย่ยม
ผลกนั
6. ระบเุ หตผุ ลของขอ้ โตแ้ ย้งท่ีสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์มคี วาม
เปน็ เหตุเปน็ ผล
7. เขียนสะทอ้ นความคิดเกีย่ วกับเนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้
ของตน
8. ระบจุ ุดเด่นและจดุ ท่คี วรปรบั ปรงุ
การคิด 1. วเิ คราะห์ปจั จัยทเ่ี ก่ียวข้องกบั ระบบหรือสถานการณ์
เชิงระบบ 2. เชื่อมโยงจัดหมวดหมู่หรือกาหนดตวั แปร
3. วิเคราะห์ความสัมพันธเ์ ชงิ เหตุและผลของระบบหรือ ปรับป ุรง
สถานการณ์ทีย่ ากและซับซ้อน พอใช้
4. ระบแุ บบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบต่าง ๆ เพ่ือ ดี
วิเคราะหแ์ นวโน้มการเปลย่ี นแปลง ดีเ ่ียยม
5. ระบแุ บบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบตา่ ง ๆ เพ่ือ
วเิ คราะหแ์ นวโน้มการเปล่ยี นแปลงของระบบหรือสถานการณ์
สาหรบั สรา้ งแบบจาลองอย่างงา่ ย
6. สร้างแบบจาลองเพื่อแสดงโครงสร้างของระบบหรือสถานการณ์
7. สรา้ งแบบจาลองความคิดเพือ่ อธิบายแนวคดิ ที่ใช้ในการ
ออกแบบระบบ
8. เปรยี บเทยี บแบบจาลังความคดิ ของระบบ ทานายหรือ
ประเมนิ ผลลัพธข์ องการแทรกแซงระบบทย่ี ากและซบั ซ้อน ชั้นมัธยม ึศกษา ีป ีท่ 4 - 6
9. ปรับปรุงพฒั นาระบบโดยวิเคราะห์จากมมุ มองทหี่ ลากหลาย
ท้งั ของตนเองและผู้อ่นื
คู่มอื การใช้เครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รยี น 47
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ดา้ น ประเดน็ พจิ ารณา 48
เกณฑ์การประเมนิ
ระดับความสามารถ
การคิด 1. พัฒนาช้ินงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาท่ียากและ
สร้างสรรค์ ซับซ้อน โดยใช้ความคิดที่แปลกใหม่ท่ีไม่ซ้าใครหรือพัฒนา
ต่อยอดจากของเดิมให้เหมาะสมต่อการใช้งานจริง จากส่ิงที่มีอยู่
หรือนาสงิ่ อื่นมาทดแทนส่งิ ทขี่ าด 2 วิธี ปรับปรุง
2. พัฒนาช้ินงาน วธิ ีการหรอื นวัตกรรมเพ่ือแก้ปัญหาท่ยี ากและ พอใ ้ช
ซับซอ้ นในเวลาที่กาหนด ีด
3. แจกแจงรายละเอียดของการพฒั นาช้นิ งาน วธิ ีการหรอื ีดเ ่ียยม
นวตั กรรมและขยายความคิดได้
4. มกี ารประเมนิ ช้ินงาน วิธกี ารหรือนวตั กรรมจากเกณฑแ์ ละ
เสนอแนวทางปรับปรงุ
5. พัฒนาช้ินงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพ่ือแก้ปญั หาทย่ี ากและ
ซับซ้อน โดยใชค้ วามคิดที่แปลกใหม่ ไม่ซ้าใคร หรือพฒั นาต่อ
ยอดจากของเดมิ ใหเ้ หมาะสมต่อการใช้งานจรงิ จากส่งิ ท่ีมอี ยู่
หรือนาส่ิงอนื่ มาทดแทนสงิ่ ท่ีขาดมากกว่า 2 วิธี
6. ขยายความคดิ ได้อย่างครบถว้ นและมีรายละเอียดทสี่ มบูรณ์
7. มกี ารประเมนิ ชน้ิ งาน วธิ ีการหรอื นวัตกรรมจากเกณฑแ์ ละ
เสนอแนวทางปรับปรงุ และพัฒนาต่อยอดผลงานใหใ้ ช้งานได้ดีขึ้น
8. มกี ารพัฒนาต่อยอดผลงานให้ใชง้ านได้ดีขนึ้ โดยคานึงถึง
ผลกระทบที่มตี ่อส่งิ แวดล้อม สังคมและวัฒนธรรม
วิธกี ารใช้เคร่อื งมือแบบประเมนิ ความสามารถในการคิด สาหรบั นกั เรียนประเมนิ ตนเองและสาหรับ
ครูผูส้ อนประเมนิ นักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
แบบประเมินความสามารถในการคิด สาหรับนักเรียนประเมินตนเองและครูผู้สอนประเมิน
นักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ประกอบด้วย คาชี้แจง ข้อมูลรายละเอียดของนักเรียน ข้อมูลของครู
ผู้ประเมินนักเรียน มีรายการประเมินด้านการคิด 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณมี 8 รายการ การคิด
เชิงระบบมี 9 รายการ การคิดสร้างสรรค์มี 8 รายการ ซ่ึงในแต่ละด้านมีเกณฑ์การแปลผลคะแนนการประเมิน
เทียบกับระดับอย่างชัดเจน ซ่ึงในการนาไปใช้ควรมีการชี้แจงนักเรียนให้ชัดเจน นักเรียนกรอกข้อมูล
รายละเอียดของนักเรียน ข้อมูลของครูผู้ประเมินนักเรียนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีวิธีการเตรียมความพร้อม
และนาเครื่องมือแบบประเมินความสามารถในการคิด สาหรับนักเรียนประเมินตนเองและครูประเมินนักเรียน
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 ไปใช้ ดังนี้
ชั้นมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 48 คู่มือการใชเ้ ครอื่ งมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
49
1. ครวู างแผนการใช้แบบประเมนิ ความสามารถในการคดิ สาหรบั นักเรียนประเมินตนเองและครู
ประเมินนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 พร้อมศึกษาเกณฑ์ การประเมินความสามารถในการคิด
ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 – 6
2. ครูอธิบายวิธีการประเมินตนเองตามแบบประเมินความสามารถในการคิด สาหรับนักเรียน
ประเมินตนเองและครูประเมินนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 แล้วให้นักเรียนประเมินตนเองและ
ครูประเมินนักเรียน ให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ การคิดสร้างสรรค์
ครูสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ของนักเรียนและของครูท่ีประเมินนักเรียนเป็น ตามแบบประเมิน
ความสามารถในการคิด ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ความสามารถในการคดิ 3 ด้าน ภาพรวม
ที่ ชือ่ - สกุล วิจารณญาณ รวม ระดบั หมายเหตุ
(4 คะแนน) การคดิ
เชิงระบบ
(4 คะแนน)
สร้างสรร ์ค
(4 คะแนน)
1 นาย ก 1 4 1 6 (2) ควรพัฒนาดา้ นคดิ
2 นางสาว ข
3 นางสาว ม พอใช้ วจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
4 3 1 8 (3) ดี ควรพัฒนาดา้ นการคิด
สร้างสรรค์
4
3. กรณีมีการแปลผลการประเมินภาพรวมการประเมินทักษะการคิดสาหรับนักเรียนและ
ครูผู้สอนมีระดับการคิดของนักเรียนท้ัง 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ การคิด
สร้างสรรค์ ที่มีระดับคุณภาพในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ ระดับดี ครูควรหาแนวทางพัฒนานักเรียนให้มี
คุณภาพเพิ่มให้สูงขึน้ ตามลาดบั จนถงึ ระดับดเี ยยี่ ม
คมู่ ือการใชเ้ คร่อื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รียน 49 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
50
แบบทดสอบเชิงสถานการณ์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
ช่อื .............................................................................................................ชั้น...................เลขที่...........................
โรงเรยี น ................................................................................................................................................................
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นศึกษาสถานการณ์ท่ีกาหนดให้แล้วตอบคาถามใหค้ รบทุกข้อ
สถานการณ์
ปัญหาขยะพลาสติก ณ ช่วงเวลาน้ีเป็นหน่ึงในปัญหาที่ผู้คนทั่วโลกกาลังให้ความสนใจ เนื่องจาก
สภาพพ้ืนที่สังคมในหลายๆ ประเทศกาลังถูกยึดครองด้วยกองขยะท่ีไร้หนทางแก้ไขจนก่อให้เกิดมลพิษจาก
ขยะพลาสตกิ ในหลายด้าน อันเปน็ หน่งึ ในภยั คกุ คามทีย่ งิ่ ใหญ่ตอ่ ส่งิ แวดล้อมบนโลกใบน้ี
แนวโน้มการเกิดขยะพลาสติกน้ันมีมากขึ้นทุก ๆ ปี มีงานวิจัยที่เผยว่าช่วงเวลาท่ีผ่านมามีปริมาณ
ขยะพลาสติกรวั่ ไหลสู่ท้องทะเลเป็นจานวนกว่า 13 ลา้ นตนั ตอ่ ปี และขยะเหล่านี้เองท่ีเปน็ ต้นตอสาคญั ทาให้
มหาสมทุ รแปซิฟิกกลายเป็นแพขยะขนาดใหญ่ หรอื ทเี่ รียกในระดบั สากลวา่ Great Pacific Garbage Patch
ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่ถึง 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศฝร่ังเศส เยอรมนี และสเปนมัด
รวมกนั เสยี อีก
ในขณะที่ประเทศไทยเองก็ประสบปัญหาดังกล่าวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศใดในโลก เพราะเม่ือปี
ที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยสร้างปริมาณขยะทางทะเลและขยะมูลฝอย 27.4 ล้านตัน ส่งผลให้ติดอันดับ 6
ของประเทศทมี่ ีปริมาณขยะเยอะท่ีสดุ ในโลก
นั่นจึงทาให้การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันท่ี 26
ธนั วาคมท่ีผ่านมา ไดป้ ระชมุ พิจารณา (รา่ ง) แผนปฏิบตั ิการดา้ นการจัดการขยะพลาสติก 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
รวมถึงกาหนดการลดและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใชค้ ร้ังเดียวท้ิง (Single-use Plastic) ที่พบมาก
ในขยะทะเลของประเทศไทยเป็นจานวน 7 ประเภท
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 แหลง่ ข้อมลู https://home.maefahluang.org/17277358/รู้จกั พลาสติก-7-ชนิดท่ไี ทยกาลังแบน
50 คมู่ ือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
51
คาถามข้อที่ 1 จากสถานการณ์ข้างต้น นักเรียนอธิบายแนวทางในการใช้สิ่งท่ีแทนพลาสติกท่ีจะถูกเลิกใช้
ในไทย พร้อมให้เหตุผลประกอบ โดยเขียนสะท้อนความคิดเกี่ยวกับแนวทางนั้นว่ามีจุดเด่นในการแก้ปัญหาได้
อย่างไร (อย่างน้อย 2 แนวทาง)
ตอบ ...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................ ..................................................
คาถามข้อท่ี 2 ให้นักเรียนเขียนอธิบายขั้นตอนการออกแบบที่ใช้กระบวนการและองค์ประกอบของการแก้ปัญหา
ของสิง่ ทแ่ี ทนพลาสติกที่จะถกู เลิกใช้ในไทย ท่ีเน้นความคิดสร้างสรรค์และเปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
ตอบ ........................................................................................................................................... .........................
....................................................................................................... .......................................................................
คาถามข้อท่ี 3 จากการออกแบบ ให้นักเรียนบอกถึงประโยชน์และผลลัพธ์จากการออกแบบที่สามารถพัฒนา
ตอ่ ยอดผลงานให้มีประสิทธภิ าพทด่ี ีข้ึนโดยคานึงถึงสิ่งแวดลอ้ ม สังคม และวัฒนธรรม
ตอบ .....................................................................................................................................................................
........................................................................................... ...................................................................................
เกณฑก์ ารประเมินแบบทดสอบเชงิ สถานการณ์
ประเดน็ การ ระดับดีเย่ียม ระดบั ดี ระดับพอใช้ ระดับปรบั ปรงุ
พจิ ารณา (4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)
การคิดอย่างมี แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ
วจิ ารณญาณ การใช้ใบไม้หรอื กาบหมาก การใชใ้ บไม้ขน้ึ รปู / การใชใ้ บไมข้ น้ึ รปู / การใช้ใบไม้ขนึ้ รปู /
ขนึ้ รูป แทนการใช้กลอ่ ง กาบหมาก แทนการใช้ กาบหมาก แทนการใช้ กาบหมาก แทนการใช้
โฟมเพราะ เป็นวัสดุทหี่ า กลอ่ งโฟมเพราะ เปน็ กลอ่ งโฟมเพราะ เปน็ กล่องโฟมท่ีถกู ยกเลิก
ได้ง่ายและย่อยสลายได้ วสั ดุทห่ี าได้ง่ายและย่อย วสั ดทุ ่ีหาไดง้ ่ายและยอ่ ย เพราะ เป็นวสั ดุที่หา
ตามธรรมชาติ จึงเลอื ก สลายไดต้ ามธรรมชาติ สลายไดต้ ามธรรมชาติ ไดง้ ่ายและยอ่ ยสลาย
การนาใบไมท้ ม่ี อี ยู่ตาม จึงเลือกการนาใบไมท้ มี่ ี จงึ เลอื กการนาใบไมท้ ่ีมี ไดต้ ามธรรมชาติ เปน็ ตน้
ธรรมชาตมิ าขึ้นรปู ดว้ ย อยูต่ ามธรรมชาตมิ าข้ึน อยตู่ ามธรรมชาตมิ าขน้ึ
เครอื่ งขึ้นรูปตาม รปู ด้วยเครื่องขึ้นรปู ตาม รปู ดว้ ยเคร่ืองขน้ึ รปู ตาม
ลักษณะการใช้งาน ลกั ษณะการใชง้ าน ลักษณะการใช้งาน
เน่ืองจากใบไม้มคี ุณสมบัติ เน่ืองจากใบไมม้ ี เป็นตน้
ในการบรรจอุ าหารได้ คณุ สมบัติในการบรรจุ
หลากหลาย ไมม่ สี ารเคมี อาหารไดห้ ลากหลาย
เจือปน เมอื่ เปรียบเทยี บ ไม่มสี ารเคมเี จอื ปน
กบั กล่องจานกระดาษท่ี เปน็ ตน้
มขี ้อจากัดด้านการ
รองรับของเหลว หรือ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
จานกระเบ้ืองท่มี ีน้าหนัก
มากเกนิ ไป เปน็ ตน้
ค่มู อื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผ้เู รยี น 51
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
52
ประเด็นการ ระดับดเี ยีย่ ม ระดบั ดี ระดับพอใช้ ระดับปรบั ปรุง
พิจารณา (4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)
การคิดเชงิ แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ
ระบบ นกั เรียนสามารถเขยี น นกั เรยี นสามารถเขียน นกั เรียนสามารถเขยี น นกั เรียนสามารถเขียน
การคิด แผนผงั หรอื ผงั มโนทัศน์ แผนผัง หรือ ผงั มโน แผนผงั หรอื ผงั มโนทัศน์ แผนผัง หรือ ผังมโน
สร้างสรรค์ หรือแบบช้ินงาน การนา ทศั น์ หรือแบบชิน้ งาน หรอื แบบชนิ้ งาน การนา ทศั น์ หรอื แบบชิ้นงาน
ใบไมข้ นึ้ รปู มาใช้เปน็ การนาใบไม้ข้นึ รปู มาใช้ ใบไม้ขึ้นรปู มาใช้เป็น การนาใบไม้ขน้ึ รปู มาใช้
ภาชนะแทนการใช้กล่อง เปน็ ภาชนะแทนการใช้ ภาชนะแทนการใช้กล่อง เปน็ ภาชนะแทนการใช้
โฟมโดยแสดงโครงสร้าง กล่องโฟมโดยแสดง โฟมโดยแสดงโครงสรา้ ง กลอ่ งโฟมโดยแสดง
ของระบบท่ีชดั เจน โครงสร้างของระบบที่ ของระบบทช่ี ดั เจน โครงสร้างของระบบท่ี
อธิบายแนวคดิ ของการนา ชดั เจน อธิบายแนวคิด อธบิ ายแนวคิดของการ ชัดเจน เป็นต้น
ใบไม้ขนึ้ รูปมาใชเ้ ปน็ ของการนาใบไม้ขึ้นรปู นาใบไม้ขึ้นรูปมาใช้เปน็
ภาชนะแทนการใช้กลอ่ ง มาใช้เป็นภาชนะแทน ภาชนะแทนการใชก้ ล่อง
โฟม โดยระบุข้นั ตอนการ การใชก้ ลอ่ งโฟม โดย โฟม โดยระบุข้นั ตอน
ออกแบบ กระบวนการ ระบขุ ั้นตอนการ การออกแบบ กระบวนการ
และองค์ประกอบของการ ออกแบบ กระบวนการ และองคป์ ระกอบของ
ของโครงสร้างของระบบ และองค์ประกอบของ การของโครงสรา้ งของ
แกป้ ัญหาตามสถานการณ์ การของโครงสร้างของ ระบบแกป้ ญั หาตาม
ท่ชี ัดเจน เปรยี บเทียบ ระบบแก้ปญั หาตาม สถานการณ์ ทช่ี ดั เจน
ข้อดที ไี่ ดจ้ ากการนาใบไม้ สถานการณท์ ีช่ ัดเจน เปน็ ต้น
ขน้ึ รูปมาใช้เป็นภาชนะ เปรียบเทยี บขอ้ ดีท่ีไดจ้ าก
แทนการใช้กล่องโฟม การนาใบไมข้ น้ึ รปู มาใช้
วิเคราะหป์ ระโยชน์และ เปน็ ภาชนะแทนการใช้
ผลลพั ธ์ทไ่ี ดจ้ ากการ กล่องโฟม เปน็ ตน้
ออกแบบ เมื่อนาใบไมข้ ้นึ
รูปมาใช้เป็นภาชนะแทน
การใช้กล่องโฟม เปน็ ต้น
แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ
การเสนอความคดิ ในการ การเสนอความคดิ ใน การเสนอความคดิ ในการ การเสนอความคิดใน
ออกแบบรูปทรงของ การออกแบบรูปทรงของ ออกแบบรปู ทรงของใบไม้ การออกแบบรปู ทรง
ใบไมข้ ึน้ รปู มลี ักษณะเปน็ ใบไม้ขน้ึ รูปมลี ักษณะ ขน้ึ รูปมีลักษณะเป็นทรง ของใบไมข้ นึ้ รูปมี
ทรงส่เี หล่ยี ม เพราะ เปน็ ทรงส่ีเหลยี่ ม เพราะ สี่เหลย่ี ม เพราะสามารถ ลักษณะเป็นทรง
สามารถงา่ ยต่อการวาง สามารถง่ายต่อการวาง งา่ ยต่อการวาง การเลือกใช้ สเี่ หลี่ยม เพราะ
การเลือกใชใ้ บไมใ้ นการ การเลอื กใชใ้ บไมใ้ นการ ใบไม้ในการขึ้นรูปจาก สามารถงา่ ยต่อการวาง
ขึ้นรูปจากใบไม้ 3 ชนิดที่ ข้ึนรูปจากใบไม้ 3 ชนิด ใบไม้ 3 ชนดิ ทม่ี ีคณุ สมบตั ิ เป็นต้น
มีคุณสมบตั ติ ่างกนั ทมี่ คี ุณสมบตั ติ ่างกัน ต่างกนั ใน 3 ช้ัน เป็นต้น
ใน 3 ชั้น การต่อยอด ใน 3 ช้ัน การต่อยอด
ใบไมข้ ึ้นรปู ใหส้ ามารถใช้ ใบไม้ข้นึ รปู เปน็
งานไดด้ ขี นึ้ เชน่ สามารถ ผลิตภณั ฑ์อ่นื เช่น
ทนตอ่ ความร้อนได้ เป็น เสอื้ ผ้า, กระเปา๋ สตางค์,
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ตน้ กระบวนการข้ึนรปู เคสมือถือ เป็นตน้
ของใบไมส้ ามารถย่อย
สลายได้ เปน็ ต้น
52 คู่มือการใชเ้ ครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
53
เกณฑก์ ารประเมนิ รวมความสามารถในการคิดทั้ง 3 ดา้ น
คะแนน 10 – 12 หมายถึง ระดับดเี ยย่ี ม
คะแนน 7 – 9 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 4 – 6 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน 1 – 3 หมายถงึ ระดับปรบั ปรุง
วิธีการใช้เคร่อื งมือแบบทดสอบเชิงสถานการณ์ ความสามารถในการคิด ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
แบบทดสอบเชิงสถาณการณ์ความสามารถในการคิด ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 ประกอบด้วย
คาช้แี จง ข้อมูลรายละเอียดของนักเรียนสาหรับผู้ประเมินตนเอง ตวั อยา่ งสถานการณ์ มีข้อคาถามจานวน 3 ข้อ
และมีเกณฑ์การตอบครอบคลุมด้านทักษะการคิด 3 ด้าน คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ
การคิดสร้างสรรค์ ซ่ึงในแต่ละด้านมีเกณฑ์การตอบเปน็ ระดับ 4 ระดับท่ีชัดเจน คือ ระดับปรับปรุง ระดับพอใช้
ระดบั ดี ระดับดเี ย่ียม โดยในการนาไปใชค้ วรมีการชแ้ี จงนกั เรียนให้ชดั เจน นกั เรียนกรอกขอ้ มูลรายละเอียดของ
นักเรียนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซ่ึงมีวิธีการเตรียมความพร้อมและนาเคร่ืองมือแบบทดสอบเชิงสถานการณ์
ความสามารถในการคิด ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ไปใช้ ดงั น้ี
1. ครูวางแผนการใช้แบบทดสอบเชิงสถานการณ์ พร้อมศึกษาเกณฑ์การประเมินความสามารถ
ในการคิด ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
2. ครูศึกษาสถานการณ์ในตัวอย่างหรือเตรียมสถานการณ์ใหม่ที่อยู่ในบริบทและสภาพแวดล้อม
ในพ้ืนที่นั้น ๆ ท่ีมีความแตกต่างจากตัวอย่าง ซ่ึงเน้นตัวอย่างสถานการณ์ท่ีเป็นจริง มีแหล่งที่มาชัดเจน
และสามารถนาไปสรา้ งขอ้ คาถามทีต่ อบสนองในการคิดได้
3. ครูสร้างข้อคาถามจากสถานการณ์ให้นักเรียนอธิบายแนวทางท่ีเกิดข้ึนพร้อมให้เหตุผล
ประกอบการแก้ปัญหาจากสถานการณ์และสามารถพัฒนาต่อยอดให้มีระดับคุณภาพที่ดีข้ึน พร้อมสร้าง
แบบบนั ทกึ ผลการประเมินแบบทดสอบเชงิ สถานการณค์ วบคู่กบั การสร้างข้อคาถาม
4. ครูสรปุ ผลการประเมนิ ตามเกณฑก์ ารตอบของนกั เรยี นและบนั ทกึ ผลตามแบบบันทึกผลการทดสอบ
เชิงสถานการณ์ของนักเรียนเป็นรายบุคคล
แบบบนั ทกึ คะแนนแบบทดสอบเชงิ สถานการณ์
ความสามารถในการคดิ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
สมรรถนะการคิด 3 ด้าน ภาพรวม
รวม ระดับ
การคิด
ที่ ชอ่ื - สกลุ วิจารณญาณ หมายเหตุ
(4 คะแนน)
เชิงระบบ
(4 คะแนน)
สร้างสรรค์
(4 คะแนน)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
1 นาย ก 1 4 1 6 (2) ควรพัฒนาด้านคดิ
2 นางสาว ข พอใช้ วจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
4 3 1 8 (3) ดี ควรพัฒนาดา้ นการคิด
3 นางสาว ม
4 สร้างสรรค์
คมู่ อื การใช้เครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น 53
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
54
5. กรณีมีการแปลผลการประเมินภาพรวมการประเมินแบบทดสอบเชิงสถาณการณ์มีระด5ับ4
การคิดของนัก5เ.รียกนรณทั้งีมีก3าดร้าแนปลคผือลกกาารรคปิดรอะยเ่ามงินมภีวาิจพารณวมญกาาณรปกราะรเคมิดินเชแิงบรบะทบดบสกอาบรเคชิดิงสรถ้าางณสรกราคร์ณท์ม่ี ีระดับ
กคุาณรภคาิดพขใอนงรนะักดเรับียปนรทับ้ังป3รุงดร้าะนดคับือพอกใาชร้คริดะอดยับ่าดงีมคีวริจูคาวรรณหญาแาณนวกทาารงคพิดัฒเชนิงารนะักบเบรียกนาใรหค้มิดีคสุณร้าภงาสพรรเพค่ิม์ ทใี่มหีร้สะูงดขับึ้น
คตาุณมภลาพดับในจรนะถดึงับระปดรบั ับดปีเยรุีย่งมระดับพอใช้ ระดับดี ครูควรหาแนวทางพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพเพ่ิมให้สูงขึ้น
ตามลาดบั จนถึงระดับดีเย่ียม
22.3.3เครวอื่ างมมสอื าปมราะรเถมใินคกวาราแมกส้ปามัญาหราถในการแกป้ ญั หา
2ก.3รอคบวโาคมรสงาสมราา้ รงถเคในรอื่กงามรอืแปกป้ระัญเมหนิ าสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ด้านความสามารถในการแกป้ ัญหา
ควนากมยิ รสนนาอามิยิยบมสาาาโมมมครสสถรรมมรใงนถสรรกรรนราถถ้าะรงนนสแเะะค�ำกสสคร้ปาาอ่ืัญัญคคง ััญญมหอืาประเมนิ สมรระรบถุปนัญะสหาาคแญั ตลขวัะตตอชสัววัง้ีวาชชผเัดห้ีววีู้้เ รัดัดตยี ุขนอดงา้ปนัญคหวาามทส่ียาามการถ-ใแนบลกบาักเเรสษคคแัมรรณกภ่ืออ่ื ป้ะางงเษญัมมคณือือหร่ือ์างมือ
ควาคมวสาามมสาารมถาในรถกใานรกแากร้ปรัญะบหุปาัญหา แลระะซบับุปซั้อญนหาแแลละมะีผสลากเหระตทุขบอตง่อปสัญังคหมาทเี่สยนาอก - แกบารบเลสือัมกภหาษวั ขณ้อ์
และคสวาเมหสตาุมขาอรงถปใันญกหาารทระี่ยบาุปกัญแลหะา แวิธลีกะาซรับรซะ้อบนุสาแเลหะตมุขีผอลงกปรัญะหทาบแตล่อะสปังรคะมเมเิสนนผอล โกคารงเลกอืารก/หนัววขัต้อกรรม
ซแับละซส้อานเแหลตะุขมอีผงลปกัญรหะทาทบี่ยตา่อกสแังคลมะ กวิธรีกะาทรบรขะอบงุสปาัญเหหตาุขอโดงยปใัญชห้วิธาีแกลาระทป่ีเรหะมเมาินะสผมล - แโคบรบงปการระ/เนมนิวตั กรรม
เซสับนซอ้อวนิธีแกาลระรมะีผบลุสการเหะทตุขบอตง่อปสัญังคหมา แกรละะทคบรขออบงคปลัญุมหทาุกโมดิยตใิ ชว้วิเิคธีกราระทหี่เ์หปมัญาหะสาทมี่ - โแคบรบงปงารนะ/เมนนิวตั กรรม
แเสลนะอปวริธะีกเามรินรผะลบกุสราะเหทตบุของปปัญัญหา แซัลบะซค้อรนออบอคกลเุปม็นทุปกัมญิตหิ าวยิเค่อรยาะๆหส์ปาัญมหาารทถี่ - โแคบรบงปงารนะ/เมนนิวตั กรรม
โแดลยะใปชร้วะิธีกเมาินรทผ่ีเลหกมราะะทสบมขวอิเงคปรัญาะหหา์ ซเปับรซีย้อบนเทอียอบกแเหปล็น่งปขัญ้อมหูลาแยล่อะยข้อๆเทส็จาจมราิงรไดถ้ - แตบรวบจปสรอะบเมราินยการ
ปโดัญยหใชาท้วิีซ่ธีกับาซร้อทน่ีเอหอมกาเปะ็นสปมัญวหิเาคยร่อายะหๆ์ เโปดรยียคบานเทึงียถบึงคแวหาลม่งถขูก้อตม้อูลงแลอะอขก้อแเบทบ็จวจิธรีกิงไาดร้ - ตแบรวบจทสดอสบอรบายการ
อปอญั กหแาทบซ่ี บบั ซว้อิธนีกอาอรกแเปกน็้ปปัญัญหหาายเ่อสยนๆอ โแดกย้ปคัญาหนึงาถเึงสคนวอาทมาถงูกเตล้อื งกใอนอกกาแรบแบก้วปิธัญีกหาาร - เแชบิงบสทถาดณสอกบารณ์
อทอางกเแลบือบกใวนิธกีกาารรแแกก้ป้ปัญัญหหาา โเดสยนมอี โแดกย้ปมัญีเหกาณเฑส์สนาอหทารังบเเลลือือกกในวิกธีาแรกแ้ปกัญ้ปัญหาหทา่ี เชงิ สถาณการณ์
เทกาณงเฑล์ืสอากหในรับกาเลรือแกว้ปิธัญีแหก้ปาัญโดหยาทมี่ เโหดมยามะีเสกมณแลฑะ์สคารหอบรัคบลเุลมืทอุกมวิตธิีแวากง้ปแัญผนหกาาทรี่
เหกมณาฑะ์สมาหวราับงแเลผือนกกวาิธรีแปกฏ้ปิบัญัตหิเพาทื่อ่ี ปเหฏมิบาัะตสิเพม่ืแอลแะกค้ปรัญอบหคาลแุมลทะุกใมชิต้กิ วราะงบแวผนนการ
แเหกม้ปาัญะหสามแลวะาใงชแ้กผรนะบกวานรกปาฏริตบิดัตติเพาม่ือ ปติดฏติบาัตมิเแพผ่ือนแกกา้ปรัญแกห้ปาัญแหลาะเพใชื่อ้กกราะรบตวัดนสิกนาใจร
แกผน้ปกัญาหราแแกลปะัญใชห้การเพะบือ่ วกนารกตาัดรสตนิดใตจาไดม้ แตลิดะตกาามกแับผกนรกะบารวแนก้ปารัญแหก้ปาเัญพหื่อากไาดร้ถตูกัดตส้อิงนใจ
แผนการแกปัญหาเพือ่ การตดั สินใจได้ และกากับกระบวนการแก้ปัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง
เคร่ืองมอื ประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ด้านความสามารถในการแกป้ ัญหา
จเคารก่ือกงรมออื บปโรคะรเงมสนิ รส้ามงเรครรถ่ือนงะมสือาปครญั ะขเมอินงผสมู้เรรียรนถนดะา้ สนาคควัญามขสอางมผาู้เรียถนในดก้านรแคกวป้ามัญสหาามารถในการแก้ปัญหา
ช้ันมัธยมจศาึกกษการปอีทบ่ี โ4ค-รง6สสรา้ มงเาครรถ่ือนงามมือาปสร้าะงเมเคินรสอื่ มงรมรอื ถปนระสเมาินคแัญบขบอตงา่ผงู้เรๆียนไดด้ ้าังนคี้ วามสามารถในการแก้ปัญหา
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6 สามาแรบถบนสามั ภาสารษา้ ณงเ์กคารร่ือเงลมอื อืกปหรวั ะขเอ้มโินคแรบงงบาตน่า/งนวๆตั ไกดร้ดรังมน้ี
❖ แบบปสมัระภเามษนิ ณโค์กรางรงเาลนือ/กนหวัวตั ขก้อรโรคมรงงาน/นวตั กรรม
❖ แบบประเมนิ โตครรวงจงสาอนบ/นราวยตั การรม
❖ แบบทปดระสเอมบนิ เตชริงวสจถสาอนบกราารยณก์ าร
❖ แบบทดสอบเชิงสถานการณ์
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 54 คู่มอื การใชเ้ ครื่องมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
55
แบบสัมภาษณ์การเลอื กหวั ข้อโครงงาน/นวตั กรรม
ความสามารถในการแก้ปญั หา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
คาช้ีแจง แบบสัมภาษณ์โครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรียน ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 –
6 เปน็ แบบสัมภาษณป์ ลายเปิด นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดได้เตม็ ศักยภาพ
ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทั่วไป
ช่อื โครงการ/นวตั กรรม..........................................................................................................................................
ผู้ใหส้ ัมภาษณ.์ ..........................................ช้นั ............เลขท.ี่ .............ผสู้ ัมภาษณ์....................................................
วัน/เดอื น/ปี ทีป่ ระเมนิ ..........................................................................................................................................
ตอนท่ี 2 บทสัมภาษณ์
1. จากการสารวจชมุ ชนนกั เรยี นพบปัญหาอะไรบา้ ง ให้นักเรียนเลือก 1 ปญั หา และให้เหตผุ ลการเลือก
ปัญหานัน้ พร้อมแสดงหลักฐานประกอบทส่ี อดคล้องกับปัญหา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...……………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………...………………
2. ให้นักเรียนระบหุ ลกั ฐานหรือคาอธิบายเพ่ิมเตมิ สนบั สนุนเหตผุ ลในการเลอื กปัญหาน้นั
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….....………….
3. ใหน้ กั เรยี นสรปุ ผังความคิดเกยี่ วกบั ปญั หา สาเหตุของปัญหาท่เี ปน็ ไปได้
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………….
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………….
4. ใหน้ กั เรยี นระบุจดุ เด่นและจุดทค่ี วรปรับปรุงของปญั หาท่ีเลอื ก
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมอ่นื ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………...………
คู่มือการใช้เครอ่ื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน 55 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ชั้นมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 5566
ปรัปบ ัรปบรุงปรุง ใหใหนนผเสแเสเสปเเสแผเสขเขเสปมม21343421หหหหกกนนออออออลลลถถลกกรร..าา......ตตมมี่่ียย้ืด้ืดะะงงดด้้าาออกกววยยาาใใใใใใาาุผุผววกกใใคจจคนนคคหหหหเเตตหหนัันเเหหะะรรหหกกลลาากกหหลลัักกลลกกัั้้้้ดดสสนนนน้้นนแแรรทท้้ัับบาานนออ้้ษษณณตต้อ้อาามมออสสัักกัััักกกก่่ีสสีกกแแเเงงัั44กก313212รรงงุุ์์ททใในนธธิินนเเกกออเเเเฑฑนนกก..้ปป้ลลรรณณ......เเิิรรบบรร่ี่ีสส้ื้ืออดดบบััใใรรีีเเบบััยยีีะะีียยยยจจััญญร์์รหหรราา์์ขขหหคคีีสสยยนมมนนนเเปปนนนมนมนนสสยยยยุุนนเเกกปปนนะะตตลลออถถาานนีคคคคีีีัััััััักกรรลลกกกกกกรรถถหหเเีย่ี่ยไไดดแแเเุุาารรออผผอ้้องงหหบัับะะะะะะเเออืืาาเเเเออเเดดขขนนมมปปรราาลลรรรรงงลลบบะะธธรรบบัับบนนตตแแแแปปธธกกีี้้ออกกยยกกีียยีีีีะะยยยยขขีีิิบบััยยญญบบททกกุุุุผผนนนนิิจจบบมมกกรรคคยยชชนนาาบับักกนนออนนนนนนาาาาลลุุสสดดงงุุรรนนนนววหหีคีค่่าาาาาาสสาารรงงสสสสน้น้ััรรสสสสยยณณแแสสเเงงมััมคคยยตตนนะะะะเเเเถถาารรมมณณดดะะาาาาาาททททถถสสลลมมาาบบเเาาาาแแภภออขข์์มมตตกกีคคีททมมมม่่นนหหททููะะกกนนถถขข์์าาาา่่่่ตตมมัธัธออนนววบบาาาาะะาาาาาาออ้้แแเเออกกกกตตออตตออกก่ี่ีาามมนนาางงขขรรยยษษนนพพรรรรแแลลรรปปนนบบบบััััาางงบบนน้้บบออุุรรีีถถผผคคกกีียยถถถถมมเเณณนนปปะะรรเเรรงงถถัญญัคคททกกตตาาลลนนววแแณณตตรรตตจจโโ3232้้ออนนัญัญศศรรตตววดด์์ออาาแแาา่่าาททหหีีสสออออุุบบยยดดมมเเเเข์์ขาากกึึรรยยกกหหมมออลลคคคคบบรระะาาี่่ีททสสบบบบททนนออบบมมปปณณมมะะบัับีีททาาะะะะยยษษเเบบบบออ่าา่บบบบ่่ีีงงคคปปรรคครรรรีีหหนนแแแแสส้้ปปออกกททบบ์์ขขดดาาววททททะะูู้้44ะะ็็ิินนขขดดลลนนนนรรนนัับบััมมญญััสสรรออททคคปปบบเเสสสสูู้้ขขััเเเเกกออมมนนนนปปคคคคััมมงงกกลลภภหหหหสสุุกกััััมมีทีทมมออฐฐ11ิินนววปปงงะะรรภภีี่่้้าาาาััออมมยยาาตตาาภภภภงงาาััตตบบีี่่แแคคััญญรรคคนนาาตตงงววมมุุภภ44เเษษาาาาววปปนนออนนษษปปะะกกเเนนกกคคหหษษษษาาชชาารร้้ณณาานนณณแแททัั็็นนททัับบ––บบมมิิดดษษาาิิณณณณงงงงุุงงนน่ีี่่่ีี์์ขข์์กกณณ66์์์์ขขขขนน้้ออาา้้้้ออออ์์ขขทท7ส6แ14ก1ท312แกเ9เไผแ1กต4171คทต8ค3สผก6ไ59ไ15เ81เ2ม1มแ11ไ1รรทททท้้หหหหออดดดด..33....ลล............ร04212104รีี่่ลลาาัดดัากกาาาิตติเเ่ี่คคี 11ีี่่่ีี่ททมมมม้้อ้อ้ออออะะลลรรปป..หหรระนนะ........ปวววใใรรวปกก้้สสปปิิ1111รรเเ--ะะชชบบมมแแยยยยาาาาออขขาาีี่่ะะรริิเเใเออเใรรสสปปือือ22งงึึออรร--รรนินิ--ััญญคค11บบปปงงชชะะะะ้กก้ะะ3344วว่่าาา่่ากกกีีกบบถถออ้้ัักกบบะะออะะนนรรบบกกใใแแรรไไนนเเสสสส้ก้กุปุปงงงงรราาาาหหเเป้้ปึงึงแแททจจเเเเุปปุะะกกมมไไดดผผไไไไคคททออาาหหสมสมลลมมียยีกกรรกกมมคคมมรรญญััดดไไบบดดดดเเัญัญาาแแบบินนิญััญ้้นนะะลลตตรรทท็จ็จีปปีมมืืะะออบบดดาาบับัิินนไไววัวัว88โโ้้้้้้หหบบบบผผหหตตกก้้าารรดดรรจจุมมุหหบบกกหหดด11าานนิิ11้้รร66าาเเผผกกขขลลตตาางงววาาปปบบททววอ่่อรรป์์ป้้มมททะะ11ววาา44งงววยยาาผผลลรรแแสสรรจจกก้้ออิิิิดดิิงงธธปปสสโโรรววยีียิิธธสสญญััเเถถแแนนกกุุะะมมลลปปกกลลสสรรดดรรปปปปีีกกลละะตติธธิีีงังัแแโโบบทิทิรรลลููกกบบมมกกะะีีกกรระะรรเเฏฏหหออยยคคปปคคเเกกีีาาืืรรรราากกออะะกกแแะะตตธธสสะะดดคคททาาตติิววรรบบบิบิาามมรระะะะมมมมาารร้้รรปปกกเเสสณณภิภิรรหหาาอ้อ้ททนนะะ็็์์ิินนบบททแแคคเเเเรรดดีเีเตตััแแะะแแงงเเตตััาาญญใใดดดดงงททาากกลลกกบบขขพพหหแแกกววีี่ซซ่ฑฑเเ็็นนิเเิผผนนลลงงเเดิิดพพ็็็็พพดดนนณณนนง่ง่ออาาบบาาตตหหหหขขกก้้ปปับับิิจจนน์์สสาาะะพพขขตตกกมมรรงง็นน็พพพพืออ่ื่ออุุขขปป้้ขขาาาาตตฑฑััญญซซททนนกกาาปปแแอ้อ้ิิาาจจนนาาแแททรรพพอองงออิิิิจจจจขุขุัญญัออ้้หหาา์์สสมมาากกมมญญรรััหหาาณณ//กกา่า่ปปงงี่่ีงงาาเเาาออจิจิรรนนนนาารรกกหหเเนนหหรรแแ้ป้ปปปูลลูาา้ปป้ปปรรรรััญญหหชชแแาางงหหาาัับบออาาณณรรกกเเแแาามมัญญัญญััณณณณววญญััปปญญััาา่ือ่อืกกรรสสยยหหะะรรออแแเเลล้้าาโโปปาาถถตััตหหณณญัญัเเหหป้ป้ลลาาาาหหนนับับแแดดบบหหสสาากกะะสสะะััืืออาาญญืืาากกญญยยออผผััาาโโออเเดดแแสสหหววเเาาแแาาแแขขนนททดดลลปปขขแแไไคคนนททกกนนมมรรททงงสสสสสสาาหหออ้้หหดดออออออืืยยลล่ียีย่็น็นรรววกกววรรททแแกกน่ีีน่ดดดดดดาาเเาาถ้้ถททาาะะาางงออใใกก่่าาททปปิิธธาาลลงงมมาาีี่่มม่าา่ชชเเงงงงแแกกงงโโูกกูใใบบาาววพพเเีีรรแแจ็จ็รรชชววัญัญววมมะะเเดดววหห้้ววแแีีงงลลตติธิธคคชชแแแแ่่่่จจาาคคาากก่ือื่อ้้สส่่ธิิธีีาาเเเเลลยยลลแีีแหหืืออออ้้ลลืื่ออ่กกลลกกกกรรรรีกีกกก้้ปปะะาาง่ง่มมมมมมกกงงกกมมาาุุมมถถณณอืืองิงิ้ป้ปออป้้ปซซขขาาาาััหหญญยยีีีีีีป้้ปเเเเททใใไไเเือือีีเเกกบบรรรรัญญักกญัญักกบบ้้ััออฑฑนนดดกกกกอ่่อรรัญัญกกุุหหททใใคคมมณณณณซซโโ้้หหณณ์์กกกกหหยยนนณณบบััมมดดีี่่าาหหลลูลลู้อ้อาาาาาาฑฑฑฑาาิตติฑฑททนนยยฑฑุุมมนนาารรรร์์์์ิิกกกกี่ี่ปป์์์์กกัักกาาาารราาเเรรรระะรรรรรรปปปปเเเเยยีีะะปปกกมมรรรรดดนนรรณณินนิะะะะับบัะะเเเเออคคฑฑมมมมเเคคยยมมววิิิินนนนก์ก์ววู่ใใู่ ิินนาาาาออออนนาามมรรออมมยยยยรรปปยยสสะะูููู่่่่ใใสสใในนนนรรูู่่ดดใใาาาานนะะรรรรับบัมมมมเเะะะะรราาพพมมาาดดะะดดรริินนออรรดดัับบัับบถถใใถถัับบดดดดชชีี้้ีี
พอใพ ้ชอใ ้ช
ดี ดี
ีดเ ่ียดีเยยี่มยม
56 คูม่ ือการใช้เครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
57
วิธีการใช้เครื่องมือแบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา
ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6
แบบสัมภาษณก์ ารเลอื กหวั ข้อโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปญั หา ชั้นมธั ยมศึกษา
ปีที่ 4 – 6 ประกอบด้วย คาชี้แจง แบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนท่ี 1 ข้อมูลท่ัวไป ตอนท่ี 2 บทสัมภาษณ์ มี 4 ข้อ
และตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมอ่ืน ๆ ซ่ึงในการนาไปใช้ต้องมีการชี้แจงนักเรียนให้ชัดเจน นักเรียนกรอก
ข้อมูลท่ัวไปในตอนที่ 1 ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีวิธีการเตรียมความพร้อมและนาเครื่องมือแบบสัมภาษณ์
การเลอื กหวั ข้อโครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรยี นในทักษะความสามารถในการแก้ปัญหา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4 – 6 ไปใช้ ดงั น้ี
1) ครูวางแผนการใช้แบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถ
ในการแก้ปญั หา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
2) ครูศึกษาเกณฑ์ระดับการตอบแบบสัมภาษณ์การเลือกหัวข้อโครงงาน/นวัตกรรม
ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ที่มีความสอดคล้องกันในบทสัมภาษณ์ ประเด็น
พิจารณา เกณฑ์การประเมินระดับความสามารถ ให้ชัดเจน และมีการนัดหมายกาหนดวัน เวลา และสถานท่ี
ในการสมั ภาษณ์
3) ในการสัมภาษณ์แต่ละประเด็น ครูต้องสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม พร้อมบันทึกผล
การตอบของนกั เรียนด้วยวธิ กี ารจดบนั ทกึ หรอื มกี ารบันทึกเทปเสียงการสัมภาษณ์ ในทกุ สภาพแวดล้อม
4) รวบรวมผลการสัมภาษณ์และวิเคราะห์ สรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ ระบุข้อสังเกต
ของขอ้ มลู ทพี่ บและบนั ทกึ คะแนนสมั ภาษณ์ และบนั ทึกคะแนนลงแบบบันทึก
ท่ี ช่ือ - สกุล คะแนน ระดบั ความสามารถ หมายเหตุ
ในการแก้ปญั หา
1 นาย ก 4 ดเี ยีย่ ม
2 นางสาว ข 2 พอใช้
3 นางสาว ม 1 ปรับปรุง
4 …………….
5) กรณีมีผลการประเมินของนักเรียนมีระดับคุณภาพในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ ระดับดี
ครคู วรหาแนวทางพฒั นานักเรียนให้มีคณุ ภาพเพิม่ ขน้ึ ตามลาดับจนถึงระดบั ดเี ยย่ี ม
ค่มู ือการใชเ้ ครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น 57 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
58
แบบประเมนิ โครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแกป้ ญั หา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
*************************************************************
คาชี้แจง แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 เป็นแบบ
ประเมินด้านการคิดแก้ปัญหาท่ีมีเกณฑ์การประเมินทุกทักษะการคิดเพ่ือเป็นหลักเกณฑ์สาหรับ
การประเมินโครงงาน/นวัตกรรมของนักเรียนที่ครูกาหนดภาระงานให้นักเรียนทาระหว่างมีการ
จัดการเรยี นการสอน หรอื ปลายภาคเรียน
ชื่อชิน้ งาน .......................................................
ชื่อผู้ถกู ประเมนิ ...................................................................... ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี................. เลขท่ี..................
โรงเรยี น .............................................................. ชื่อผปู้ ระเมนิ .........................................................................
**************************************************************************************************
คะแนน
เลขท่ี ชอ่ื – สกลุ 43 2 1 ผลการประเมิน หมายเหตุ
เกณฑก์ ารแปลผล
คะแนน 4 หมายถึง นักเรยี นมคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาอยูใ่ นระดับดเี ย่ียม
คะแนน 3 หมายถึง นักเรยี นมีความสามารถในการแกป้ ญั หาอยู่ในระดบั ดี
คะแนน 2 หมายถึง นกั เรียนมีความสามารถในการแก้ปญั หาอยูใ่ นระดับพอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ นักเรียนมคี วามสามารถในการแก้ปัญหาอยู่ในระดบั ปรบั ปรุง
เกณฑ์การประเมินโครงงาน/นวัตกรรม สาหรบั นกั เรยี น ความสามารถในการแก้ปัญหา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 – 6
12 34
(ปรบั ปรุง) (พอใช้) (ด)ี (ดีเยี่ยม)
ระบปุ ญั หาและสาเหตขุ อง จากระดบั ปรับปรงุ และ จากระดบั พอใช้ และ จากระดับดี และประเมินผล
ปัญหาที่ยากและซบั ซ้อน ประเมนิ ผลกระทบของ ประเมินผลกระทบของ กระทบของปัญหาอยา่ งน่าเช่ือถอื
และมผี ลกระทบตอ่ สงั คม ปญั หาครอบคลมุ บางมติ ิ ปัญหาครอบคลุมทกุ มติ ิ สามารถตรวจสอบความนา่ เชือ่ ถือ
เสนอวิธกี ารระบุสาเหตขุ อง สามารถเปรยี บเทียบ สามารถเปรยี บเทยี บ ของแหล่งข้อมลู และข้อเท็จจริง
ปญั หาและประเมินผล แหล่งข้อมลู และขอ้ เท็จจรงิ แหล่งขอ้ มลู และขอ้ เทจ็ จริง เสนอทางเลือกในการแก้ปญั หา
กระทบของปญั หา โดยใช้ ไดเ้ สนอทางเลอื กในการ ได้ โดยคานึงถงึ ความถูกต้อง โดยมีเกณฑ์ทพ่ี ัฒนาด้วยตนเอง
วธิ ีการทเ่ี หมาะสม วิเคราะห์ แก้ปัญหาโดยมีเกณฑ์ เลือกวธิ แี ก้ปัญหาท่ีเหมาะสม เพอ่ื เลอื กวิธีแก้ปัญหาทีด่ ที ่ีสดุ
ปัญหาท่ซี บั ซ้อนออกเปน็ สาหรับเลอื กวธิ ีแก้ปัญหาท่ี และครอบคลุมทกุ มิติ วางแผนการปฏิบัตทิ ่มี ี
ปัญหายอ่ ย ๆ ออกแบบ เหมาะสมและครอบคลมุ ประสิทธิภาพ เพื่อแกป้ ญั หาและ
วิธีการแก้ปัญหา เสนอ บางมิติ กากบั กระบวนการ ใช้กระบวนการติดตามแผนการ
ทางเลอื กในการแก้ปัญหา แก้ปญั หาไดถ้ กู ต้อง แก้ปญั หาเพอ่ื การตัดสินใจและ
โดยมเี กณฑส์ าหรับเลือกวิธี กากับกระบวนการแกป้ ญั หาได้
แก้ปญั หาทเ่ี หมาะสม อยา่ งสรา้ งสรรค์ และทานาย
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 วางแผน การปฏิบตั ิเพอ่ื แผนการแก้ปัญหาได้อยา่ งมี
แก้ปญั หาและใชก้ ระบวนการ ประสทิ ธภิ าพ
ติดตาม แผนการแกป้ ญั หา
เพ่ือการตัดสินใจได้
58 คูม่ อื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
59
วธิ กี ารใชเ้ ครื่องมือแบบประเมนิ โครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ประกอบด้วย คาชีแ้ จง ขอ้ มลู รายละเอียดช่ือโครงาน/นวตั กรรม ผ้จู ัดทา วนั /เดอื น/ปี ทจี่ ัดทา รายการประเมิน
การคิดแก้ปัญหา ซึ่งมีคะแนนการประเมิน และมีเกณฑ์การประเมินเทียบกับระดับอย่างชัดเจน ซึ่งในการ
นาไปใช้ควรมีการชี้แจงนักเรียนให้ชัดเจน นักเรียนกรอกข้อมูลรายละเอียดช่ือโครงาน/นวัตกรรม ผู้จัดทา
วัน/เดือน/ปี ท่ีจัดทา ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีวิธีการเตรียมความพร้อมและนาเคร่ืองมือแบบประเมิน
โครงงาน/นวัตกรรม สาหรับนักเรียนในทักษะความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ไปใช้ ดังน้ี
1. ครูวางแผนการการใช้แบบประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
2. ครูศึกษาเกณฑ์การประเมินโครงงาน/นวัตกรรม ความสามารถในการแก้ปัญหา
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6 ที่มีความสอดคลอ้ งกนั ในรายการประเมินกับคะแนนและเกณฑ์การประเมินเปน็ ระดับ
ให้ชัดเจน และมีการกาหนดระยะเวลาท่ีสอดคล้องกับข้ันตอนการลงมือปฏิบัติของนักเรียนในการดาเนินการ
ทาโครงาน/นวัตกรรม ทช่ี ัดเจน
3. การลงมือปฏิบัติของนักเรียนในการดาเนินการทาโครงาน/นวัตกรรมในแต่ละข้ันตอน
ครูควรสังเกตพฤติกรรมการทางาน การนาองค์ความรู้ในสมรรถนะเฉพาะไปประยุกต์ใช้ให้เกิดความสามารถ
ในการแก้ปัญหา พรอ้ มกับครคู วรเป็น Coach เพ่อื แนะนาให้นกั เรยี นในทุกขน้ั ตอนและทุกสภาพแวดลอ้ ม
4. รวบรวมผลการจัดทาโครงาน/นวัตกรรมของนักเรียน แล้วสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์
และบันทึกคะแนนการประเมินโครงงาน/นวัตกรรมของนักเรียน พร้อมกับการแป ลผลภาพรวมระดับ
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
5. กรณีมีการแปลผลการประเมินภาพรวมระดับความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนที่มี
ระดบั คณุ ภาพในระดับปรับปรุง ระดบั พอใช้ และระดับดี ครูควรหาแนวทางพัฒนานักเรยี นใหม้ ีคุณภาพเพิ่มขึ้น
ตามลาดับจนถึงระดบั ดเี ยีย่ ม
คมู่ ือการใชเ้ ครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น 59 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
60
แบบประเมินตรวจสอบรายการความสามารถในการแกป้ ัญหา
สาหรบั นกั เรียนประเมนิ ตนเองและครผู สู้ อนประเมินนกั เรยี น ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6
คาช้ีแจง ให้นักเรียนประเมินตนเองและครูผู้สอนประเมินนักเรียนมีรายการประเมินความสามารถในการ
แก้ปัญหา ในแต่ละด้านมีเกณฑ์การแปลผลคะแนนการประเมนิ เทียบกบั ระดับความสามารถของนักเรียน
ชอ่ื ผถู้ ูกประเมิน ................................................................ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่.ี ................เลขที่............................
โรงเรียน ............................................................................................................................. ...................................
ชอื่ ผูป้ ระเมิน .........................................................................................................................................................
รายการ ได้ ไม่ได้
1. ระบุปญั หาและสาเหตุของปัญหาทีย่ ากและซบั ซ้อน
2. ระบปุ ัญหาและสาเหตุของปัญหาทม่ี ผี ลกระทบต่อสังคม
3. ประเมนิ ผลกระทบของปญั หาโดยใชว้ ิธกี ารทเ่ี หมาะสม
4. วเิ คราะหป์ ัญหาทซี่ ับซอ้ นออกเปน็ ปัญหาย่อย ๆ
5. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาเสนอทางเลือกในการแกป้ ญั หา โดยมเี กณฑส์ าหรบั
เลือกวธิ ีแก้ปญั หาทีเ่ หมาะสม
6. วางแผนการปฏิบตั เิ พื่อแก้ปัญหาและใชก้ ระบวนการติดตามแผนการแกป้ ญั หา
เพอ่ื การตัดสินใจ
7. เสนอทางเลอื กในการแก้ปัญหา โดยมีเกณฑส์ าหรับเลือกวิธีแก้ปญั หาท่ี
เหมาะสมและครอบคลมุ บางมิติ
8. ใชก้ ากบั กระบวนการแก้ปัญหาไดถ้ ูกต้อง
9. ประเมินผลกระทบของปญั หาโดยครอบคลุมทุกมิติ
10. เปรยี บเทยี บแหลง่ ข้อมูลและข้อเท็จจริงได้โดยคานึงถึงความถูกตอ้ ง
11. ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา เสนอทางเลอื กในการแก้ปัญหา โดยมีเกณฑส์ าหรับ
เลือกวิธีแก้ปญั หาที่ครอบคลมุ ทกุ มติ ิ
12. ประเมินผลกระทบของปัญหาท่ีนา่ เช่อื ถือ
13. มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหลง่ ข้อมลู และข้อเท็จจริง
14. ใช้กระบวนการติดตามกระบวนการแก้ปญั หาได้อยา่ งสร้างสรรคแ์ ละทานาย
แผนการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
หมายเหตุ : แนวทางในการนาเครื่องมือไปประยุกต์ใช้ สามารถใช้เคร่ืองมือนี้สาหรับครูผู้สอนในการประเมินระดับ
ความสามารถของนกั เรียนรายบุคคลหรือนักเรยี นประเมินตนเองเพ่ือใหท้ ราบระดบั ความสามารถ และนาข้อมูลท่ีได้ใช้
ในการวางแผนพัฒนาระดับความสามารถด้านความสามารถในการแกป้ ัญหา ของนกั เรียนตอ่ ไป
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 60 คู่มือการใชเ้ ครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
61
เกณฑ์การประเมนิ ความสามารถในการแก้ปญั หา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ด้าน ประเดน็ พจิ ารณา เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั ความสามารถ
การคิด 1. ระบุปญั หาและสาเหตุของปญั หาทีย่ ากและซบั ซอ้ น
แก้ปญั หา 2. ระบุปัญหาและสาเหตขุ องปญั หาทีม่ ีผลกระทบตอ่ สงั คม
3. ประเมนิ ผลกระทบของปัญหาโดยใช้วธิ กี ารท่ีเหมาะสม
4. วเิ คราะหป์ ญั หาทซ่ี บั ซอ้ นออกเป็นปัญหายอ่ ย ๆ ป ัรบปรุง
5. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หาเสนอทางเลอื กในการแกป้ ญั หา โดยมีเกณฑ์ พอใ ้ช
สาหรับเลือกวิธแี กป้ ัญหาทีเ่ หมาะสม
6. วางแผนการปฏบิ ัติเพ่ือแก้ปญั หาและใช้กระบวนการติดตามแผนการ ดี
แกป้ ัญหาเพ่อื การตดั สนิ ใจ ีดเย่ียม
7. เสนอทางเลอื กในการแกป้ ัญหา โดยมเี กณฑ์สาหรบั เลอื กวิธแี ก้ปัญหาท่ี
เหมาะสมและครอบคลุมบางมิติ
8. ใชก้ ากับกระบวนการแกป้ ญั หาไดถ้ ูกต้อง
9. ประเมินผลกระทบของปัญหาโดยครอบคลมุ ทุกมติ ิ
10. เปรยี บเทยี บแหล่งข้อมลู และข้อเทจ็ จริงได้โดยคานึงถึงความถกู ตอ้ ง
11. ออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา เสนอทางเลือกในการแกป้ ัญหา โดยมีเกณฑ์
สาหรบั เลือกวธิ แี ก้ปญั หาทคี่ รอบคลุมทกุ มิติ
12. ประเมินผลกระทบของปญั หาท่ีน่าเชือ่ ถือ
13. มกี ารตรวจสอบความน่าเชอ่ื ถือของแหล่งข้อมูลและขอ้ เทจ็ จรงิ
14. ใช้กระบวนการตดิ ตามกระบวนการแก้ปัญหาได้อยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละ
ทานายแผนการแก้ปัญหาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
การแปลผลการคดิ แกป้ ัญหา (4 คะแนน)
ทาได้ขอ้ 1 – 14 หมายถงึ นกั เรยี นมีการคิดแก้ปัญหาอยู่ในระดับดเี ยี่ยม (3 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 - 11 หมายถึง นักเรยี นมีการคิดแก้ปญั หาอยใู่ นระดบั ดี (2 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 8 หมายถงึ นกั เรยี นมีการคิดแก้ปญั หาอยู่ในระดับพอใช้ (1 คะแนน)
ทาได้ข้อ 1 – 6 หมายถงึ นกั เรยี นมีการคดิ แก้ปญั หาอยู่ในระดับปรบั ปรงุ
หมายเหตุ ในกรณีทไ่ี มเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ ให้แปลผลอย่ใู นระดับปรบั ปรงุ
คูม่ ือการใช้เครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี น 61 ชั้นมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
62
วิธีการใช้เคร่ืองมือแบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง
และครูผู้สอนประเมนิ นักเรียน ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 – 6
แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา สาหรับนักเรียนประเมินตนเองและครูประเมิน
นักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ประกอบด้วย คาชี้แจง ข้อมูลรายละเอียดของนักเรียน ข้อมูลของครู
ผู้ประเมินนักเรียน มีรายการประเมินด้านการคิดแก้ปัญหามี 14 รายการ ซึ่งในแต่ละด้านมีเกณฑ์การแปลผล
คะแนนการประเมินเทียบกับระดับอย่างชัดเจน ซึ่งในการนาไปใช้ควรมีการช้ีแจงนักเรียนให้ชัดเจน นักเรียน
กรอกข้อมูลรายละเอียดของนักเรียน ข้อมูลของครูผู้ประเมินนักเรียนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีวิธีการเตรียม
ความพร้อมและนาเคร่ืองมือแบบประเมนิ ความสามารถในการแก้ปญั หา สาหรบั นักเรยี นประเมินตนเองและครู
ประเมินนกั เรยี น ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 – 6 ไปใช้ ดงั นี้
1. ครูวางแผนการใช้แบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง
และครูประเมนิ นักเรียน พร้อมศึกษาเกณฑ์การประเมินความสามารถในการแก้ปญั หา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
2. ครูอธิบายวิธีการประเมินตนเองตามแบบประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา สาหรับ
นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 แล้วให้นักเรียนประเมินตนเองและครูประเมินนักเรียนในด้านการคิด
แกป้ ญั หา
3. ครูสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ของนักเรียนและของครูที่ประเมินนักเรียนตามแบบบันทึก
ผลการประเมนิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา สาหรับนักเรยี นประเมนิ ตนเองและครูประเมินนกั เรียน
แบบบนั ทกึ การประเมนิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา
สาหรบั นักเรยี นประเมินตนเองและครปู ระเมินนักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4 – 6
เลขท่ี ชื่อ – สกุล คะแนน ผลการประเมิน หมายเหตุ
12 3 4
4. กรณีมีการแปลผลการประเมินการประเมินความสามารถในการแก้ปัญหา สาหรับนักเรียน
ประเมินตนเองและครูประเมินนักเรียนท่ีมีระดับคุณภาพในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ ระดับดี ครูควรหา
แนวทางพัฒนานักเรยี นใหม้ คี ณุ ภาพเพ่ิมใหส้ งู ขึ้นตามลาดับจนถงึ ระดับดีเยยี่ ม
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 62 คูม่ อื การใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
63
แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นศึกษาสถานการณ์ที่กาหนดให้แล้วตอบคาถามใหค้ รบทุกข้อ
ชอ่ื -สกลุ ผรู้ บั การประเมิน....................................................ชน้ั ............เลขท่ี...............วนั /เดือน/ป.ี ......................
สถานการณ์
ปัญหาขยะพลาสติก ณ ช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในปัญหาที่ผู้คนทั่วโลกกาลังให้ความสนใจ เนื่องจาก
สภาพพ้ืนที่สังคมในหลาย ๆ ประเทศกาลังถูกยึดครองด้วยกองขยะท่ีไร้หนทางแก้ไขจนก่อให้เกิดมลพิษจาก
ขยะพลาสติกในหลายด้าน อนั เปน็ หนึ่งในภยั คุกคามท่ยี ง่ิ ใหญต่ ่อสิ่งแวดลอ้ มบนโลกใบนี้
แนวโน้มการเกิดขยะพลาสติกน้ันมีมากขึ้นทุก ๆ ปี มีงานวิจัยท่ีเผยว่าช่วงเวลาท่ีผ่านมามีปริมาณ
ขยะพลาสติกรวั่ ไหลสู่ท้องทะเลเป็นจานวนกวา่ 13 ล้านตนั ตอ่ ปี และขยะเหล่านเ้ี องทเี่ ปน็ ตน้ ตอสาคัญทาให้
มหาสมุทรแปซฟิ กิ กลายเป็นแพขยะขนาดใหญ่ หรอื ท่เี รียกในระดับสากลว่า Great Pacific Garbage Patch
ซึ่งปัจจุบันมีขนาดใหญ่ถึง 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศฝร่ังเศส เยอรมนี และสเปน
มัดรวมกันเสียอีก
ในขณะที่ประเทศไทยเองกป็ ระสบปัญหาดังกล่าวไมย่ ่ิงหย่อนไปกว่าประเทศใดในโลก เพราะเม่ือปีที่
ผ่านมาพบว่าประเทศไทยสร้างปริมาณขยะทางทะเลและขยะมูลฝอย 27.4 ล้านตัน ส่งผลให้ติดอันดับ 6
ของประเทศที่มปี รมิ าณขยะเยอะที่สดุ ในโลก
นั่นจึงทาให้การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติก ครั้งที่ 3/2561 เม่ือวันท่ี 26
ธันวาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมพิจารณา (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
รวมถึงกาหนดการลดและเลิกใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง ( Single-use Plastic)
ทพี่ บมากในขยะทะเลของประเทศไทยเปน็ จานวน 7 ประเภท
แหล่งข้อมูล https://home.maefahluang.org/17277358/รู้จักพลาสตกิ -7-ชนิดท่ไี ทยกาลังแบน
คู่มือการใช้เครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน 63 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
64
คาถามข้อท่ี 1 จากสถานการณ์ข้างต้น นักเรียนอธิบายแนวทางในการใช้ส่ิงที่แทนพลาสติกที่จะถูกเลิกใช้
ในไทย พร้อมให้เหตุผลประกอบ โดยเขียนสะท้อนความคิดเก่ียวกับแนวทางนั้นว่ามีจุดเด่นในการแก้ปัญหาได้
อยา่ งไร (อย่างนอ้ ย 2 แนวทาง)
ตอบ .....................................................................................................................................................................
คาถามข้อท่ี 2 ให้นักเรียนเขียนอธิบายขั้นตอนการออกแบบท่ีใช้กระบวนการและองค์ประกอบของการแก้ปัญหา
ของส่ิงท่แี ทนพลาสติกทจ่ี ะถูกเลิกใช้ในไทย ทเี่ นน้ ความคดิ สร้างสรรค์และเป็นมติ รกับสงิ่ แวดล้อม
ตอบ........................................................................................................................................................ ...............
คาถามข้อที่ 3 จากการออกแบบ ให้นักเรียนบอกถึงประโยชน์และผลลัพธ์จากการออกแบบที่สามารถพัฒนา
ตอ่ ยอดผลงานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพท่ดี ขี น้ึ โดยคานงึ ถึงสิง่ แวดล้อม สังคม และวฒั นธรรม
ตอบ.......................................................................................................................................................................
เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์
ระดบั ดเี ยยี่ ม ระดบั ดี ระดบั พอใช้ ระดบั ปรับปรุง
(4 คะแนน) (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน)
แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ แนวการตอบ
โครงสรา้ งของใบไมส้ ว่ นใหญ่ โครงสร้างของใบไมส้ ่วนใหญ่ โครงสร้างของใบไมส้ ่วนใหญ่ โครงสร้างของใบไม้สว่ น
มคี วามเปราะบางไมเ่ หมาะสม มคี วามเปราะบางไม่ มคี วามเปราะบางไม่ ใหญม่ คี วามเปราะบาง
ต่อการนามาใชเ้ ป็นภาชนะจงึ เหมาะสมต่อการนามาใช้ เหมาะสมต่อการนามาใช้ ไมเ่ หมาะสมต่อการ
ตอ้ งขึน้ รปู เพอื่ สรา้ งความ เป็นภาชนะ เป็นภาชนะ นามาใชเ้ ป็นภาชนะ
แข็งแรงต่อการนาไปใช้ให้ จึงตอ้ งขึน้ รปู เพ่อื สรา้ งความ จงึ ต้องขนึ้ รูปเพ่อื สรา้ งความ จงึ ตอ้ งขึ้นรูปเพือ่ สรา้ ง
เหมาะสมกบั ลกั ษณะการใช้ แขง็ แรงต่อการนาไปใช้ให้ แข็งแรงตอ่ การนาไปใชใ้ ห้ ความแขง็ แรงตอ่ การ
งาน ในปัจจุบันมีการนาส่วน เหมาะสมกับลักษณะการใช้ เหมาะสมกับลักษณะการใช้ นาไปใชใ้ ห้เหมาะสมกับ
ตา่ ง ๆ จากธรรมชาติ เช่น งาน งาน ในปัจจุบันมีการนาส่วน ลกั ษณะการใชง้ าน
ชานอ้อยและกะลา ฯลฯ มา ในปัจจบุ นั มกี ารนาสว่ นต่าง ตา่ ง ๆ จากธรรมชาติ เชน่ เปน็ ต้น
ทดแทนกลอ่ งโฟม นอกจาก ๆ จากธรรมชาติ เช่น ชาน ชานอ้อยและกะลา ฯลฯ มา
การนาสว่ นตา่ ง ๆ จาก อ้อยและกะลาฯลฯ มา ทดแทนกลอ่ งโฟม เปน็ ตน้
ธรรมชาตมิ าผลติ เป็นภาชนะ ทดแทนกลอ่ งโฟม นอกจาก
แต่ยงั นาแก้ว กระเบ้ืองเคลอื บ การนาสว่ นตา่ ง ๆ จาก
หรอื ใบไม้ทน่ี ามาทาเป็น ธรรมชาตมิ าผลิตเป็นภาชนะ
กระทงใส่อาหาร เพื่อเพมิ่ แต่ยังนาแกว้ กระเบ้อื ง
ประสิทธภิ าพของภาชนะที่ขึน้ เคลือบ หรือใบไม้ทน่ี ามาทา
รปู ใหส้ ามารถใชง้ านได้คงทน เป็นกระทงใส่อาหาร เป็นตน้
จึงวางแผนการนาเส้นใยทมี่ ี
ความเหนยี วเปน็ ตัวกลางใน
การยึดติดกนั ของใบไม้ให้เป็น
รูปทรง เปน็ ต้น
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 64 คู่มอื การใช้เคร่ืองมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรยี น
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
65
แบบบนั ทกึ แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์ ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
เลขที่ ช่อื – สกุล คะแนน ผลการประเมนิ หมายเหตุ
12 3 4
การแปลผล
คะแนน 4 หมายถงึ นกั เรยี นมคี วามสามารถในการแกป้ ัญหาอยใู่ นระดับดเี ยย่ี ม
คะแนน 3 หมายถึง นกั เรยี นมีความสามารถในการแกป้ ัญหาอยูใ่ นระดบั ดี
คะแนน 2 หมายถงึ นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่ใู นระดับพอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ นักเรียนมคี วามสามารถในการแกป้ ัญหาอยู่ในระดับปรบั ปรงุ
วธิ กี ารใชแ้ บบทดสอบเชิงสถานการณ์ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
แบบทดสอบเชิงสถานการณ์ความสามารถในการแก้ปัญหา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6
ประกอบด้วย คาชี้แจง ข้อมูลรายละเอียดของนักเรียน ตัวอย่างสถานการณ์ มีข้อคาถามจานวน 3 ข้อ
และมีเกณฑ์การตอบครอบคลุมทักษะการคิดแก้ปัญหา ซึ่งในแต่ละด้านมีเกณฑ์การตอบ 4 ระดับ
ที่ชัดเจน คือ ระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ ระดับดี ระดับดีเย่ียม โดยการนาไปใช้ควรมีการชี้แจงนักเรียน
ให้ชัดเจน นักเรียนกรอกข้อมูลรายละเอียดของนักเรียนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซ่ึงมีวิธีการเตรียมความพร้อมและ
นาเครือ่ งมอื แบบทดสอบเชงิ สถานการณ์ความสามารถในการแก้ปัญหาชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 ไปใช้ ดังนี้
1. ครูวางแผนการใช้แบบทดสอบเชิงสถานการณ์ ศึกษาเกณฑ์การประเมินความสามารถ
ในการแก้ปัญหา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6
2. ครูศึกษาสถานการณ์ในตัวอย่างหรือเตรียมสถานการณ์ใหม่ท่ีอยู่ในบริบทและสภาพแวดล้อม
ในพ้ืนท่ีนั้น ๆ ท่ีมีความแตกต่างจากตัวอย่าง ซึ่งเน้นตัวอย่างสถานการณ์ท่ีเป็นจริง มีแหล่งที่มาชัดเจน
และสามารถนาไปสรา้ งขอ้ คาถามทต่ี อบสนองทกั ษะความสามารถในการแกป้ ัญหาได้
3. ครูสร้างข้อคาถามจากสภานการณ์ให้นักเรียนอธิบายแนวทางท่ีเกิดขึ้นพร้อมให้เหตุผล
ประกอบการแก้ปัญหาจากสถานการณ์และสามารถพัฒนาต่อยอดให้มีระดับคุณภาพที่ดีข้ึน พร้อมสร้างแบบ
บนั ทึกผลการประเมนิ แบบทดสอบเชิงสถานการณค์ วบคู่กับการสร้างข้อคาถาม
4. ครูสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์การตอบของนักเรียนและบันทึกผลตามแบบบันทึกผล
การทดสอบเชงิ สถานการณข์ องนกั เรยี น
5. กรณีมีการแปลผลการประเมินภาพรวมการประเมินแบบทดสอบเชิงสถานการณ์มีระดับ
ความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ ระดับดี ครูควรหาแนวทางพัฒนา
นักเรยี นใหม้ คี ุณภาพเพิ่มให้สูงขน้ึ ตามลาดับจนถงึ ระดบั ดเี ยยี่ ม
คู่มือการใชเ้ ครอ่ื งมือประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รยี น 65
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
66
2.4 เคควรา่ือมงสมาอื มปารระถเใมนินกคาวราใมชส้ทากั มษาะรชถีวใิตนการใช้ทักษะชวี ิต 66
2.4กรคอวบาโมคสรงาสมราา้ รงถเคในรอ่ืกงามรใือชป้ทรกัะเษมะนิ ชสีวมติ รรถนะสาคัญของผเู้ รียน ดา้ นความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
นกคยิ รวาอามบนนมสโิยยิสคมาารมมรงรสสาสถรมมรถนรรา้ ใรรงะนเถถสคกนน�ำราคะะ่อืรสสญัใงชาาม ท้คคือััญญกปษระะเชมีวนิ ิตสมร1รถ. นนะาสการคะบัญวขตนอวักงตตชาผัวัวรว้ี ู้เชชเรดั รีย้ีวว้ี ยี นดดัั นรดู้ท้าน่ีหคลวากามหสลาามยารถ-ใแนลลบกกักับาษษรลปใักณณรชะษ้ทะะเณเเมักคคินษะรรสเะ่ื่อือคชางงรหีวมม่ือรติออืื งบั มอื
เป็นความมสสาามมาารรถถใในนกกาารรนใาชก้ทรักะษบะวนชวีกติาร 1ไป. ในชา้ใกนรชะีวบิตวปนรกะจาราเวรันยี นรู้ท่ีหลากหลาย - นแบักเบรปียนระปเรมะนิ เมสินาตหนรบัเอง
ตเป่า็นงคๆวาไปมสใชา้ใมนากราถรใดนากเานรินชาีวกิตรปะบระวจนากวาันร 2ไป. ใเชรียใ้ นนชรวีูด้ ติว้ ปยตระนจเอาวงอันยา่ งตอ่ เน่ือง และ - แนบักเบรปียนระปเรมะินเมสินาตหนรบัเอง
กตา่ งรเๆรียไนปรใชู้ด้ใวนยกตานรดเอางเนกินาชรีวเริตียปนระรู้จอายว่าันง ม2.เี ปเร้าียหนมราู้ดย้วยตนเองอยา่ งตอ่ เนื่อง และ - คแบรูปบรปะรเะมเินมนิ ักสเารหียรนับ
กตา่อรเนเร่ือียงนกราู้ดร้วทยาตงนานเอแงลกะากราเรอียยนู่ร่วู้อมยก่าันง 3ม.ีเปทา้ าหงมานายและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง ครปู ระเมินนักเรยี น
ตใน่อสเนังคื่อมงดก้วายรกทาารงสารน้างแเสลระิมกคาวราอมยสู่รัม่วมพกันันธ์ 3ม.คี ทวามงาสนุขและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง
อในันสดังีรคะมหดว้ ่ายงกบาุรคสครล้างกเสารมิจคัดวกาามรสปัมัญพหันาธ์ 4ม.ีควจาัดมกสาขุ รกับปัญหาและความขัดแย้ง
อแลันะดคีรวะาหมวข่าัดงแบยุค้งคตล่างกๆารอจยัด่ากงาเหรมปาัญะหสมา 4ใน. สจถัดากนากรากรับณปต์ ัญา่ งหๆาแไดล้อะยค่าวงาเมหขมัดาะแสยม้ง
กแลาระปควราับมตขัวัดใแหย้ท้งันตก่าับง กๆาอรเยป่าลงเ่ียหนมแาปะสลมง 5ใน.สปถราันบกตาัวรตณ่อ์ตก่าางรๆเปไดลอ้ ี่ยยนา่ แงเปหลมงาะทสามง
ขกาอรงปสรังับคตมัวใแหล้ทะันสกภับากพาแรเวปดลล่ีย้อนมแแปละง 5สงั.คปมรแับลตะสัวภตา่อพกแาวรดเลปอ้ ลม่ียนแปลงทาง
ขกอารงรสู้จังัคกมหลแีกลเะลส่ียภงาพพฤแตวิกดรลร้อมมไมแ่พลึะง 6ส.งั คหมลแีกลเละี่ยสงภพาพฤตแิกวดรรลมอ้ ไมม่พึงประสงคท์ ี่
ปการระรสู้จงักค์หทล่ีสีก่งเผล่ีลยกงพระฤทตบิกตร่รอมตไนมเ่พอึง 6ส.ง่ ผหลลกีกรเะลที่ยบงพตฤอ่ ติกนรเอรงมแไมละ่พผึงู้อปื่นระสงคท์ ่ี
แปลระผสู้องื่นค์ ท่ีส่งผลกระทบต่อตนเอง สง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู ่ืน
และผูอ้ น่ื
เคร่อื งมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ดา้ นความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
เคร่อื จงมากือกปรรอะบเโมคนิรงสสมรร้ารงเถคนร่ือะงสมาือคปัญรขะเอมงินผส้เู มรรยี รนถนดะา้ สนาควญั าขมอสงผามเู้ ราียรนถใดน้านกคารวาใชมสท้ าักมษาระถชใวีนติการใช้ทักษะชีวิต
ช้ันมัธยมศกึ ษาจปากที ก่ี ร4อ-บโ6ครสงาสมราา้ รงถเคนราื่อมงมาสือรป้ารงะเเคมรินื่อสงมมรือรปถนระเสมานิคไญั ดข้ ดองั ผนเู้ี รียน ด้านความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6สามแารบถบนปารมะาเสมรนิ ้าสงาเคหรอื่ับงนมกั ือเปรยีรนะเปมรนิ ะไเดม้ นิ ดตงั นเ้ี อง
❖ แบบประเมินสาหรับคนรกั ูปเรรยี ะนเมปินรนะเกั มเินรียตนเอง
❖ แบบประเมนิ สาหรับครปู ระเมนิ นกั เรียน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 66 คู่มือการใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
67
แบบประเมนิ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ สาหรบั นกั เรยี นประเมนิ ตนเอง
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 – 6
คาชแ้ี จง
เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ฉบบั น้ีแบง่ ออกเปน็ 2 ตอน
ตอนท่ี 1 ข้อมูลทว่ั ไปของนักเรยี น
ตอนที่ 2 รายการประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ ประกอบไปด้วย 6 ตัวชวี้ ัด
2.1 นากระบวนการเรยี นรู้ที่หลากหลาย ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
2.2 เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมาย
2.3 ทางานและอย่รู ว่ มกนั ในสังคมอย่างมีความสขุ
2.4 จัดการกับปัญหาและความขดั แย้งในสถานการณต์ ่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
2.5 ปรับตัวตอ่ การเปลี่ยนแปลงทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม
2.6 หลกี เลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน
ให้นกั เรยี นทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั พฤติกรรมของตนเอง ตามเกณฑพ์ ิจารณาดงั นี้
ระดับ 3 หมายถงึ นักเรยี นปฏิบตั ิพฤตกิ รรมดงั กลา่ วเป็นประจา
ระดับ 2 หมายถึง นักเรยี นปฏบิ ตั ิพฤติกรรมดังกลา่ วบ่อยครั้ง
ระดับ 1 หมายถงึ นกั เรยี นปฏบิ ตั ิพฤตกิ รรมดังกลา่ วน้อยคร้งั
ระดบั 0 หมายถงึ นกั เรยี นไมเ่ คยปฏิบัติพฤตกิ รรมเลย
**************************************************
ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของนกั เรียน
ชอ่ื –สกลุ .......................................................................................ระดับชน้ั ...........หอ้ ง........เลขท.่ี .....................
โรงเรียน ................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2 รายการประเมินความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
ขอ้ รายการประเมิน ระดบั การปฏบิ ตั ิ ไม่เคย
(0)
เป็นประจา บ่อยครัง้ น้อยครง้ั
(3) (2) (1)
ตวั ชี้วดั ที่ 1 นากระบวนการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
1 นักเรียนมีการศกึ ษาและแลกเปลย่ี นเรียนรแู้ นวทางแก้ไข
ปญั หาในชวี ติ ประจาวัน
2 นกั เรียนนาความรูแ้ ละประสบการณ์มาประยกุ ต์ใช้ในการ
ดาเนนิ ชวี ติ
3 นักเรียนนากระบวนการเรยี นรไู้ ปใช้ในการสร้างผลงานทีเ่ ป็น
ประโยชน์ไดส้ าเรจ็ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
4 นักเรยี นนาความรู้ไปใชใ้ นการวางแผนศึกษาตอ่ หรือ
ประกอบอาชีพในอนาคต
คมู่ อื การใช้เครอื่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น 67
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
68
ขอ้ รายการประเมนิ ระดบั การปฏบิ ัติ ไม่เคย
(0)
เปน็ ประจา บอ่ ยครั้ง น้อยคร้งั
(3) (2) (1)
5 นักเรียนคดิ ริเร่ิมเพ่ือใหเ้ กดิ การพัฒนาท่ดี ีข้นึ ในระดับชมุ ชน
และท้องถน่ิ
ตวั ชี้วดั ท่ี 2 เรยี นรู้ดว้ ยตนเองอยา่ งต่อเนื่อง และมเี ป้าหมาย
6 นกั เรียนมแี นวคดิ ในการจัดการกับปญั หาอุปสรรคเพื่อ
นาไปสเู่ ปา้ หมาย
7 นักเรียนสามารถออกแบบวิธีการจัดการกับปัญหาให้สาเรจ็
เมือ่ มปี ัญหาและอุปสรรค
8 นกั เรยี นเลือกวิธีการและขน้ั ตอนของการดาเนินกจิ กรรมให้
สาเร็จตามเป้าหมาย
9 นักเรยี นรบั ผิดชอบและปฏิบัติหนา้ ท่ที ีไ่ ด้รับมอบหมายอย่าง
เต็มความสามารถ
10 นักเรยี นสร้างแรงจูงใจให้กับตนเองเพอื่ ไปส่คู วามสาเรจ็
ตามทคี่ าดหวัง
ตวั ชี้วัดที่ 3 ทางานและอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมคี วามสุข
11 นกั เรียนยอมรบั กฎกติกาทางสังคมและปฏิบัติตนตามบทบาท
หนา้ ท่ไี ด้อย่างเหมาะสม
12 นกั เรียนแสดงออกถึงการจดั การตนเองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
เหมาะสม ตามกาลเทศะ
13 นักเรยี นใช้กระบวนการทางานรว่ มกับผู้อืน่ โดยคานงึ ถงึ ความ
แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล
14 นกั เรยี นปฏิบตั ิตนตามสทิ ธิเสรีภาพในการดาเนิน
ชีวติ ประจาวนั และอย่รู ว่ มกบั ผอู้ ื่นได้อยา่ งสนั ติ
15 นกั เรยี นเขา้ ใจและอยรู่ ่วมกับผูอ้ ่ืนในสังคมท่มี ีความ
หลากหลายทางวฒั นธรรม
ตัวชีว้ ดั ท่ี 4 จัดการกบั ปญั หาและความขดั แย้งในสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
16 นักเรยี นใชข้ ้อมลู ที่หลากหลาย เพอ่ื เปน็ ทางเลอื กในการ
แก้ปัญหาทรี่ า้ ยแรง หรอื กระทบต่อจิตใจ
17 เม่อื เผชิญความผิดหวงั และภาวะวิกฤตนกั เรียนแกป้ ญั หาจน
สามารถดาเนนิ ชีวติ ได้อยา่ งปกติ
18 นกั เรียนจัดการกับปญั หาความขดั แย้งอยา่ งเปน็ ระบบและ
ปรับตัวให้ดาเนนิ ชวี ิตไดต้ ามปกติ
19 นกั เรยี นเปน็ ตวั กลางในการประสานความรว่ มมือเพอื่ แกไ้ ข้
ปญั หาความขดั แยง้ ดว้ ยสันติวธิ ี
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 20 นักเรียนเป็นตน้ แบบทดี่ ใี นการแก้ปัญหาความขดั แย้งใน
สังคมดว้ ยสันตวิ ธิ ี
ตัวชวี้ ดั ท่ี 5 ปรับตัวต่อการเปลยี่ นแปลงทางสังคมและสภาพแวดลอ้ ม
68 คู่มือการใช้เครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
ปรบั ตวั ให้ดาเนินชีวิตได้ตามปกติ 69
19 นกั เรยี นเป็นตัวกลางในการประสานความรว่ มมือเพื่อแก้ไข้
ปญั หาความขดั แย้งด้วยสันตวิ ิธี 69
ตขข22วั 10อ้อ้ ชี้วัดนสเทมงััก่ีือค5เเรมผยีปดชนร้วิญเบัยปสสตน็ถนััวตาตตนน้ ่อิวกแธิกาบี ารบรณเทป์ตรรีด่ ลา่าาใี งยยี่ยนกกนกๆาาแานรรรปปปแักลกรรเงระะ้ปทียเเญั มมนางินนิหสสาาังคมความราถมแปขลดัระบัแสยเภป้งาลใพนีย่ แนวดลอ้ มเเปปน็็น((ปป33รร))ะะจจาา ระดบั การปฏบิ ัติ
21 เวมิธอื่กี เาผรชคิญดิ สแถลาะนมกีมามุ รมณอ์ตงใา่ หงมๆ่ ๆนใักนเรเชยี งินบสวากมารถปรับเปล่ยี น บบรออ่่ะ(ยยด2คค)บั รรง้งั้ัการนนปอ้อ้ (ฏยย1คค)ิบรรัตัง้ั้ง ิ ไมเ่ คย
ไม(0่เค)ย
(2) (1) (0)
22 วเมิธอ่ืีกเาผรชคิญิดสแถลาะนมกีมาุมรมณอ์ตงใา่ หงมๆ่ ๆนใกั นเรเชยี ิงนบสวากมารถปรับเปลี่ยน
22 เพมฤอ่ื ตเผิกชรริญมสใถนากนากรดาราณเน์ตนิ า่ ชงีวๆติ ไนดกัอ้ เยรา่ ยี งนเหสมามาะาสรถมปรับเปลย่ี น
23 พนักฤเตริกียรนรตมดิ ในตากมารขดา่ วาเสนาินรบชีวา้ ตินไเมด้อื ยง่าแงลเหะมปาระับสตมัวให้ เท่าทนั ต่อ
23 สนถักาเรนียกนาตริดณต์ปาจั มจขบุ ่านัวสารบา้ นเมอื ง และปรับตวั ให้ เท่าทันต่อ
24 สนถักาเรนยี กนาแรสณด์ปงัจคจวุบามนั คิดเห็นต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง
24 นทักางเรสยีังนคมแสไดงอ้ คยว่าางมเหคมดิ าเหะ็นสมต่อสถานการณ์การเปล่ยี นแปลง
25 ทนกัางเรสยีังนคมีสไ่วดนอ้ รย่ว่ามงตเหอ่ มกาิจะกสรมรมที่เกดิ การเปลี่ยนแปลงทาง
25 นสงักคเรมียเนศมรษีส่วฐนกจิรว่แมลตะวอ่ ัฒกจินกธรรมอทยีเ่ ก่าดิงมกีวาิจรเาปรลณย่ี ญนาแณปลงทาง
ตัวชี้วดั สทัง่ี ค6มหเลศกีรษเลฐี่ยกงิจพแฤละตวกิ ฒั รรนมธไรมรม่พองึ ยป่ารงะมสวี งิจคา์ทรสี่ณง่ ญผาลณกระทบต่อตนเองและผู้อ่ืน
ต2วั 6ช้วี ัดนทกัี่ 6เรยีหนลยกี อเมลรี่ยบั งคพวฤาตมิกคริดรเหม็นไมทพ่แี ตึงปกตรา่ะงสขงอคง์ทบ่สีุคง่คผลลอก่นื รทะ่แี ทสบดตงใ่อนตนเองและผู้อ่ืน
26 นโลกั กเรจยีรนิงแยลอะมโรลบั กคเวสามมอื คนิดเหน็ ทแ่ี ตกตา่ งของบุคคลอน่ื ที่แสดงใน
27 โนลกั กเจรียรงินแไลมะ่โพโลสกตเห์สรมือือแนชร์ ข้อมูลทเ่ี ป็นการคกุ คามและละเมิด
27 นสิทกั เธริขยี อนงไผมูอ้ โ่ ่ืนพใสนตโ์หลรกือสแงั คชรม์อขอ้อนมไลู ลทนี่เ์ป็นการคกุ คามและละเมิด
28 สนทิักเธริขยี อนงเผคู้อา่นืรพในในโลคกวสาังมคหมลอาอกนหไลลานย์ ทางสงั คมและแสดงออก
28 ตนาักมเรบยี ทนบเคาทารขพอใงนตคนวเาอมงไหดล้อายกา่ หงลเหามยทาะาสงสมังคมและแสดงออก
29 ตนาักมเรบียทนบไมาทเ่ ปขิดอเงผตยนขเ้อมงไลู ดข้ออยง่าบงุคเหคมลาอะน่ื สผม่านสื่อต่าง ๆ ต่อ
29 นสากั ธเรายีรณนไชมน่เปิดเผยข้อมูลของบคุ คลอื่นผ่านสื่อต่าง ๆ ต่อ
30 สนากั ธเราียรณนไชมน่ยยุ ง ส่งเสริม ปลุกปัน่ เพอ่ื ให้เกดิ สถานการณ์
30 นปักญเหรยีาทน่สีไมง่ ่ยผยุลงกรสะ่งทเสบรติม่อปสังลคกุ มปสนั่ ว่ นเพรือ่วใมห้เกิดสถานการณ์
ปัญหาที่ส่งผลกระทบคตะอ่แสนงั นครมวสม่วนรวม
สรุปคคะะแแนนนนรรว้อมยละ คะแนนท่ีได้ x 100 = ………………
สรปุ คะแนนร้อยละ คะแนนท90่ไี ด้ x 100 =
90 ………………
ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมนิ
ลงชอ่ื (...........................................................ผ)ูป้ ระเมนิ
สรุปผลการประเมินความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต (..........พ...อ..ใ..ช..้..............ป..ร..ับ...ป...ร..ุง..............)
นสรักปุเรผยี ลนกอายรใู่ ปนระเดมับนิ ความสามารถในกาดรเี ยใชยี่ ้ทมกั ษะชีวิต ดี
นบกันเทรกึียนเพอิ่มยเู่ใตนิมระ(ดสับาหรับครูผู้สอน) ดเี ยีย่ ม ดี พอใช้ ปรับปรงุ
จบดุนั เทดึก่นเขพอิ่มงเนตักิมเร(ียสนาคหือรบั ..ค...ร..ผู ..ู้ส...อ..น...)............................................................................................................ ............
จุดเทดคี่ ่นวขรอพงัฒนนักาเรขยี อนงคนือักเ.ร..ยี ..น...ค..ือ................................................................................................................................
จดุ ทคี่ วรพัฒนาของนักเรียนคือ ..................................................ล..ง..ช..่ือ..................................................................... ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ลงชื่อ(..................................................................).
(........................ค...ร..ผู ..สู้...อ..น..............................)
ครผู ูส้ อน
คมู่ อื การใช้เครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน 69
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
70
แบบประเมนิ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ สาหรับครูประเมนิ นักเรยี น
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 - 6
คาชแี้ จง
เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ฉบบั น้ี แบ่งออกเปน็ 2 ตอน
ตอนที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของนักเรยี น
ตอนท่ี 2 รายการประเมินความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ประกอบไปด้วย 6 ตัวชีว้ ดั
2.1 นากระบวนการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
2.2 เรียนรู้ดว้ ยตนเองอย่างต่อเนอ่ื ง และมีเป้าหมาย
2.3 ทางานและอยู่รว่ มกันในสังคมอย่างมีความสุข
2.4 จัดการกบั ปญั หาและความขดั แย้งในสถานการณต์ ่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
2.5 ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม
2.6 หลกี เลี่ยงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ ีส่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อนื่
ให้ครทู าเครื่องหมาย ลงในช่องท่ตี รงกับพฤติกรรมของนักเรยี น ตามเกณฑ์พจิ ารณาดงั น้ี
ระดับ 3 หมายถึง นกั เรยี นปฏบิ ัติพฤติกรรมดังกล่าวเป็นประจา
ระดับ 2 หมายถงึ นักเรียนปฏิบัตพิ ฤตกิ รรมดังกล่าวบ่อยครั้ง
ระดบั 1 หมายถงึ นกั เรยี นปฏบิ ัติพฤติกรรมดงั กล่าวน้อยครง้ั
ระดบั 0 หมายถงึ นกั เรยี นไมเ่ คยปฏบิ ตั ิพฤติกรรมเลย
**************************************************
ตอนท่ี 1 ข้อมลู ท่ัวไปของนักเรยี น
ชอ่ื –สกุล .......................................................................................ระดับชน้ั ...........ห้อง........เลขท.่ี .....................
โรงเรยี น ................................................................................................................................................................
ตอนท่ี 2 รายการประเมินความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ข้อ รายการประเมนิ ระดับการปฏบิ ัติ ไม่เคย
(0)
เป็นประจา บ่อยครงั้ น้อยครงั้
(3) (2) (1)
ตวั ชี้วดั ท่ี 1 นากระบวนการเรยี นรู้ที่หลากหลาย ไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
1 นกั เรียนมีการศกึ ษาและแลกเปลี่ยนเรียนรแู้ นวทางแก้ไข
ปญั หาในชวี ติ ประจาวนั
2 นกั เรียนนาความร้แู ละประสบการณม์ าประยุกต์ใชใ้ นการ
ดาเนินชีวติ
3 นักเรยี นนากระบวนการเรียนรไู้ ปใชใ้ นการสร้างผลงานท่ีเป็น
ประโยชนไ์ ด้สาเรจ็
4 นักเรยี นนาความรู้ไปใชใ้ นการวางแผนศกึ ษาตอ่ หรือ
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ประกอบอาชีพในอนาคต
5 นกั เรียนคดิ ริเริม่ เพ่ือให้เกิดการพัฒนาทีด่ ขี ้นึ ในระดับชมุ ชน
และท้องถน่ิ
70 คู่มือการใช้เครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รียน
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
71
ขอ้ รายการประเมิน ระดบั การปฏิบัติ ไม่เคย
(0)
เปน็ ประจา บอ่ ยครัง้ นอ้ ยคร้งั
(3) (2) (1)
ตวั ชวี้ ัดที่ 2 เรยี นรู้ด้วยตนเองอย่างตอ่ เนอื่ ง และมีเปา้ หมาย
6 นักเรยี นมีแนวคิดในการจัดการกบั ปัญหาอปุ สรรคเพื่อ
นาไปส่เู ปา้ หมาย
7 นักเรยี นสามารถออกแบบวิธีการจดั การกับปัญหาใหส้ าเรจ็
เมอื่ มปี ัญหาและอุปสรรค
8 นกั เรยี นเลอื กวธิ ีการและข้ันตอนของการดาเนินกจิ กรรมให้
สาเรจ็ ตามเป้าหมาย
9 นกั เรียนรับผดิ ชอบและปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่าง
เต็มความสามารถ
10 นักเรียนสรา้ งแรงจูงใจให้กบั ตนเองเพอ่ื ไปสู่ความสาเรจ็
ตามท่คี าดหวัง
ตัวช้วี ัดที่ 3 ทางานและอย่รู ่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสุข
11 นกั เรยี นยอมรับกฎกติกาทางสังคมและปฏิบตั ิตนตามบทบาท
หน้าทีไ่ ด้อย่างเหมาะสม
12 นักเรยี นแสดงออกถงึ การจัดการตนเองได้อยา่ งถูกตอ้ ง
เหมาะสม ตามกาลเทศะ
13 นกั เรียนใช้กระบวนการทางานรว่ มกับผอู้ ่นื โดยคานงึ ถงึ ความ
แตกต่างระหวา่ งบคุ คล
14 นกั เรยี นปฏิบัติตนตามสทิ ธิเสรีภาพในการดาเนิน
ชวี ิตประจาวันและอยู่ร่วมกับผอู้ ่นื ได้อยา่ งสันติ
15 นกั เรียนเขา้ ใจและอยรู่ ว่ มกับผูอ้ ่ืนในสงั คมที่มีความ
หลากหลายทางวฒั นธรรม
ตวั ชว้ี ดั ที่ 4 จัดการกบั ปญั หาและความขัดแย้งในสถานการณ์ต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
16 นกั เรียนใชข้ ้อมูลทีห่ ลากหลาย เพ่ือเปน็ ทางเลอื กในการ
แก้ปญั หาทรี่ า้ ยแรง หรือกระทบตอ่ จติ ใจ
17 เมอ่ื เผชญิ ความผดิ หวังและภาวะวกิ ฤตนักเรียนแก้ปญั หาจน
สามารถดาเนินชวี ติ ได้อย่างปกติ
18 นกั เรยี นจัดการกับปญั หาความขัดแยง้ อยา่ งเปน็ ระบบและ
ปรบั ตัวให้ดาเนนิ ชวี ติ ได้ตามปกติ
19 นักเรยี นเป็นตวั กลางในการประสานความรว่ มมือเพ่อื แก้ไข้
ปญั หาความขดั แยง้ ด้วยสันติวิธี
20 นกั เรียนเปน็ ต้นแบบที่ดีในการแก้ปญั หาความขัดแย้งใน
สังคมดว้ ยสันตวิ ิธี ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
คูม่ อื การใช้เครอื่ งมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รียน 71
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
72
ข้อ รายการประเมิน ระดับการปฏบิ ตั ิ ไมเ่ คย
(0)
เปน็ ประจา บ่อยครั้ง นอ้ ยคร้ัง
(3) (2) (1)
ตวั ชี้วัดท่ี 5 ปรบั ตัวตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางสังคมและสภาพแวดล้อม
21 เมอ่ื เผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ นกั เรยี นสามารถปรับเปลี่ยน
วธิ ีการคดิ และมีมุมมองใหม่ ๆ ในเชงิ บวก
22 เม่ือเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ นักเรยี นสามารถปรับเปล่ียน
พฤติกรรมในการดาเนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
23 นกั เรียนตดิ ตามขา่ วสารบ้านเมือง และปรับตวั ให้ เทา่ ทันต่อ
สถานการณ์ปจั จบุ ัน
24 นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ต่อสถานการณ์การเปล่ยี นแปลง
ทางสังคม ไดอ้ ย่างเหมาะสม
25 นกั เรยี นมสี ่วนร่วมต่อกจิ กรรมที่เกดิ การเปล่ียนแปลงทาง
สงั คม เศรษฐกจิ และวฒั นธรรมอย่างมวี ิจารณญาณ
ตวั ช้วี ัดที่ 6 หลีกเลย่ี งพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทสี่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อืน่
26 นกั เรยี นยอมรบั ความคิดเห็นทแี่ ตกตา่ งของบุคคลอ่ืนท่ีแสดงใน
โลกจรงิ และโลกเสมือน
27 นักเรยี นไม่โพสตห์ รือแชร์ ข้อมูลที่เปน็ การคุกคามและละเมิด
สิทธิของผู้อ่นื ในโลกสงั คมออนไลน์
28 นักเรยี นเคารพในความหลากหลายทางสงั คมและแสดงออก
ตามบทบาทของตนเองได้อย่างเหมาะสม
29 นักเรยี นไม่เปิดเผยข้อมลู ของบคุ คลอนื่ ผา่ นสื่อตา่ ง ๆ ต่อ
สาธารณชน
30 นกั เรยี นไมย่ ยุ ง ส่งเสริม ปลกุ ปัน่ เพอื่ ให้เกิดสถานการณ์
ปญั หาท่ีส่งผลกระทบตอ่ สงั คมสว่ นรวม
คะแนนรวม
สรุปคะแนนร้อยละ คะแนนทไี่ ด้ x 100 = ………………
90
ลงช่ือ...........................................................ครูผสู้ อน
(...........................................................)
สรุปผลการประเมนิ ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
นักเรยี นอย่ใู นระดับ ดเี ยยี่ ม ดี พอใช้ ปรับปรงุ
บันทึกเพ่ิมเติม (สาหรับครผู ู้สอน)
จดุ เด่นของนักเรียนคือ ............................................................................................................................. ............
จดุ ทคี่ วรพัฒนาของนักเรียนคือ ............................................................................................................................
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 ลงชอ่ื ...................................................................
(..................................................................)
ครผู ู้สอน
72 คู่มือการใช้เคร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
73
วธิ ีการใชเ้ คร่อื งมือ
เคร่ืองมือประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 คือ แบบประเมิน
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต สาหรับนักเรียนประเมินตนเอง และครูประเมินนักเรียน ซ่ึงมีวิธีการนา
เครอ่ื งมือไปใช้ ดังนี้
ก่อนการประเมิน
1) ครูศึกษาคู่มือการประเมนิ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
2) ครูวางแผนการใชเ้ คร่ืองมอื ดงั น้ี
2.1) กาหนดวตั ถุประสงค์การประเมิน เช่น ประเมนิ เพ่ือการพฒั นา (Formative Assessment)
และประเมินเพอ่ื ตัดสิน (Summative Assessment)
2.2) กาหนดชว่ งเวลาการประเมนิ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เช่น กอ่ นเรียน ระหว่างเรียน
หลงั เรยี น หรือ ต้นปกี ารศึกษา กลางปกี ารศึกษา ปลายปกี ารศกึ ษา
ระหว่างการประเมิน
1) ครูนาแบบประเมนิ ไปใช้ประเมนิ นักเรยี นตามแผนที่กาหนดไว้
2) ครูอาจใช้วิธีการอื่นร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีถูกต้องสมบูรณ์ เช่น
การสมั ภาษณ์ การสอบถาม การเลา่ เรือ่ ง การใช้คาถาม เป็นตน้
3) ครแู ละนกั เรียนควรบนั ทกึ ข้อมูลและตอบข้อมลู ตามความเป็นจรงิ
หลังการประเมนิ
1) ครสู รปุ และแปลผลการประเมนิ ตามเกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับคุณภาพ
2) ครบู นั ทึกขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกับจุดเดน่ และจุดทคี่ วรพัฒนาของนักเรียน
3) ครูแจ้งผลการประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตให้นักเรียน ผู้ปกครอง
และผมู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งทราบ เพอ่ื นาผลการประเมินไปใชพ้ ัฒนาคณุ ภาพนักเรียนต่อไป
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ด้านความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
แบบประเมินน้ี เป็นการประเมินที่มุ่งใช้รูปแบบของการประเมินจากหลายแหล่ง (Multi-rater
Approach) และการประเมินด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย (Multimethod) โดยให้นักเรียนแต่ละคนทา
การประเมนิ ตนเอง และครทู าการประเมินนกั เรยี นอกี ครั้งหนงึ่
การวิเคราะห์ข้อมูลผลการประเมินท่ีได้จากแหล่งประเมินต่าง ๆ ในแต่ละรายการประเมินจะมี
คะแนนอยู่ระหว่าง 0 - 3 โดยนาผลการประเมินแต่ละรายการมาคานวณหาค่าคะแนนรวม และคานวณ
เป็นร้อยละของคะแนน จากนั้นนาค่าร้อยละของคะแนนจากแหล่งการประเมินของนักเรียนประเมินตนเอง
และครูประเมินนักเรียน มาหาค่าเฉลี่ย (Mean) แล้วมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์การตัดสนิ เพ่ือแปลผลเป็นระดับ
คณุ ภาพ ซง่ึ มีระดับคุณภาพดังตอ่ ไปนี้
เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
มคี ะแนนตัง้ แตร่ ้อยละ 75 ขึ้นไป ดเี ย่ียม
มคี ะแนนอยู่ระหว่างรอ้ ยละ 50 – 74 ดี
มีคะแนนอยูร่ ะหวา่ งรอ้ ยละ 25 - 49 พอใช้
ปรับปรุง
มีคะแนนตา่ กวา่ ร้อยละ 25
คู่มือการใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คญั ของผเู้ รียน 73
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
74
22..55 เคควรา่อื มงสมาอื มปารระถเใมนนิ กคาวราใชม้เสทาคมโานรโถลใยนี การใช้เทคโนโลยี 74
2.5กครอวบาโมคสรางมสารร้าชถงเวีใคนิตรกื่อางรมใือชปเ้ ทระคเโมนินโสลมยรี รถนะสาคญั ของผู้เรียน ดา้ นความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ความกนสรนอาิยยิ บมาาโมามครสสรถมมงใสรรนรรรก้าถถาชงนนรเีวคะะใติ ชสรสื่อาเ้ำ� ทงคคมคัญญั ือโนป โรละยเมี นิ ส1ม. รเรลถือนกะแสลาะคใัญชตข้เตทวัอัวชคงชผี้วโี้วนัดเู้ รัดโีย ลนยีเดพา้ ื่อนพคัวฒานมาสาม-ารแถบใลบนักทกลษาดกั รณสษใอชะณบ้เเทคะครเคอื่โนรงโ่ือมลงอื ยมี อื
ความสนาิยมามารสถมใรนรกถานระเสลาือคกัญและใช้ ตนเองและสังคมตวั ชีว้ ดั - แบลบักปษรณะเะมเินคผรลอื่ งามนือ/
เคทวคาโมนสโาลมยาีดร้าถนใตน่ากงารๆใชแเ้ลทะคมโีทนักโลษยะี 12. มเลที ือกั กษแะลกะระใชบ้เวทนคกโานรโทลายงีเทพค่ือโพนัฒโลนยาี - แ-ช บ้ิน แบงบาทนบดปสอระบเมนิ ผลงาน/
กครวะาบมวสนากมาารรทถาใงนเทกคารโนเลโลือยกเี แพลอื่ ะกใาชร้ ตนเองและสงั คม - แ บ ชบิ้นปงราะนเมนิ ผลงาน/
เพทัฒคนโนาตโลนยเอีดง้าแนลตะ่าสงงั คๆมแใลนะดมา้ นีทักกษาะร 2. มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ช้ินงาน
กเรรียะนบรวู้ นกการาสรทื่อาสงาเรทคกโานรโทลายงเีาพน่ือการ
แพกัฒ้ปนัญาตหนาเออยงแ่าลงสะสร้าังคงสมรในรดคา้์ถนูกตก้อารง
เหรียมนาะรู้สกมาแรลสะื่อมสีคาณุร ธกรารมทางาน การ
แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ถูกต้อง
เหมาะสเคมแรอ่ืลงะมมอืคี ปณุ รธะรเรมมินสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ดา้ นความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
จากกรอบโครงสร้างเคร่ืองมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถ
ในการใชเ้คเทรค่อื โงนมโือลปยรี ะชเั้นมมินัธสยมมรศรถึกนษะาสปาีทค่ี ัญ4ข-อ6งผสู้เารมียานรถดน้านามคาวสามร้าสงาเมคารรื่อถงใมนือกปาระใชเมเ้ ทินคตโานมโตลัวยชี ี้วัดทั้ง 2 ด้าน
ได้แก่ 1) เลอื กและจใาชกเ้ ทกครโอนบโลโคยรีเพงส่ือรพ้าัฒงนเคารต่ือนงเอมงือประกเมอินบสดม้วยรรกถานรเะลสือากคแัญละขใอชงเ้ ผทู้เครโียนนโลยดีใ้านนกคาวรเารมยี สนารมู้อายร่าถง
สในรก้างาสรรใชร้คเท์แคลโะนมโีคลุณยีธชร้ันรมัธเยลมือกศแึกลษะาใปชีท้เท่ี 4คโ-นโ6ลยสีาใมนากราถรนสาื่อมสาาสรรอ้ายง่าเงคสรร่ือ้างงมสือรปรคร์แะลเมะินมตีคาุณมธตรัวรชม้ีวัดเลทือั้งกแ2ลดะ้าในช้
เไทดค้แโกน่ โ1ล)ยเีใลนือกกาแรทละางใชานเ้ ทแคลโะนนโาลเยสนีเพอ่ือผพลฒังานาอตยน่างเอสงร้าปงสรระรกคอ์แบลดะ้วมยีคุณกาธรเรลมือเกลแือลกะแใลชะ้เทใชค้เโทนคโโลนยโีใลนยกีในารกเารรียแนกร้ปู้อัญยห่าาง
อสรย้า่ งสสรรร้าคง์แสลระรมคี์คแุณลธะรมรีคมุณเธลรือรกมแลแะลใะช้เ2ท)คมโนีทโักลษยะี ใกนรกะาบรวสน่ือกสารทอายง่าเงทสครโ้านงสโลรยรคี ป์แรละะกมอีคบุณดธ้วรยรมกาเหลนือกดแปลัญะหใชา้
หเทรคือโนคโวลายมีในต้กอางรกทาารงราวนบแรลวะมนขาเ้อสมนูลอผอลองากนแอบยบ่าแงสลระ้าปงสฏริบรัตคิ์และมกีคาุณรปธรระมเมเลินือผกลแลเคะใรชื่อ้เทงมคือโนทโี่ใลชย้ใีในการแปกร้ปะัญเมหินา
คอวยา่ มงสารม้าางสรถรใรนคก์ แารลใะชม้เทีคคุณโนธรโลรยมี มแดีลังะน2้ี ) มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ประกอบด้วย กาหนดปัญหา
หรือ ความต้องการรวบแรบวบมทขด้อสมอูลบอปอรกะแกบอบแดล้วยะปแฏบิบัตเลิแอื ลกะตกอาบรปแรละเแมบินบผเขลยี เนคตรอ่ือบงมือที่ใช้ในการประเมิน
ความสามารถในการใช้เทแคบโบนปโลรยะีเมินดี ังผนล้ีงาน/ชนิ้ งาน
❖ แบบทดสอบ ประกอบด้วย แบบเลอื กตอบ และแบบเขียนตอบ
❖ แบบประเมินผลงาน/ชิน้ งาน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 74 ค่มู อื การใช้เครือ่ งมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
75
แบบทดสอบวดั ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6
ชอื่ ..............................................................................................................ชนั้ ...................เลขท.่ี .........................
โรงเรียน ................................................................................................................................................................
คาชแ้ี จง แบบทดสอบฉบับนี้มี 10 ขอ้ คะแนนเตม็ 30 คะแนน ใช้เวลา 30 นาที มี 2 ตอน ดงั น้ี
ตอนที่ 1 แบบเลอื กตอบ
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบที่ถกู ต้องทีส่ ุด เพียงคาตอบเดยี ว จานวน 7 ขอ้ (ข้อ 1 – 7)
(ขอ้ ละ 3 คะแนน รวม 21 คะแนน)
1.
จากสถานการณ์ ใหพ้ ิจารณาว่า ผู้ผลิตสินค้า 4 รายต่อไปน้ี
แกว้ : พูดคุยซกั ถามผคู้ นในตลาดใกลบ้ ้าน เพ่อื วางแผนการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ในการจาหน่าย
กาญ : สร้างแบบสารวจข้อมูลออนไลน์เพื่อวิเคราะห์สถิติความสนใจของกลุ่มวัยรุ่น ท้ังผู้หญิง ผู้ชาย
ในพน้ื ท่เี มอื ง ชนบท ในการวางแผนการออกแบบผลิตภณั ฑใ์ นการจาหนา่ ย
กิ่ง : ฟงั ขา่ วการตลาดและดูรายการขายสนิ ค้าทข่ี ายดใี นตลาดทางดจิ ิตอลทกุ วนั แล้วเลือกผลิตสนิ คา้
ท่ีขายดีมาผลติ เปน็ ผลติ ภัณฑข์ องตนเอง
กอ้ ง : สนใจและถนดั ในการทาผลิตภัณฑอ์ ยา่ งหนึ่ง แลว้ นาไปสอบถามแม่คา้ เพื่อจดั ส่งและจาหนา่ ย
จากข้อมูล การเข้าถึงผูบ้ รโิ ภคยคุ 4.0 และการวางแผนการตลาดของใครท่สี อดคล้องกบั การใชห้ ลกั Customer Data
มากที่สดุ
1) แกว้
2) กาญ
3) ก่งิ
4) ก้อง
เฉลย 2) ถูก เพราะ การเข้าถึงผู้บริโภคด้วยรูปแบบออนไลน์สามารถสร้างรูปแบบท่ีมีข้อมูลที่ถูกกาหนด
ชัดเจน กลุ่มเป้าหมายชัดเจน การได้มาซ่ึงข้อมูลที่สามารถนามาวิเคราะห์ได้ตรงตาม
เปา้ หมาย
ตวั ลวง 1) ผิด เพราะ ตามหลักการสอบถามข้อมูลโดยไม่สามารถกาหนดกลุ่มเป้าหมายท่ีชัดเจน การเก็บ
ขอ้ มลู ทนี่ ามาวิเคราะห์สถิติไดย้ าก
3) ผดิ เพราะ การรบั ข้อมูลแนวโนม้ จากข่าวสาร ไมย่ ึดกลุ่มเป้าหมายท่ตี ้องการ ไม่สามารถระบุ
ผลิตภณั ฑ์ทีช่ ดั เจน
4) ผิด เพราะ ใชก้ ารตัดสนิ ใจผลิตสินคา้ หรอื ผลิตภณั ฑจ์ ากความสนใจของตนเอง
คมู่ ือการใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรยี น 75 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
76
2.
แผนภาพระบบเทคโนโลยที ีม่ ีความซับซ้อน
ต้อม ส่ง E-Mail ให้กับเพื่อนโดยมีการแนบไฟล์ แต่เมื่อทาการกดส่ง พบว่ามี Massage box
แสดงข้อความ การส่งไม่สมบูรณ์ ไม่พบที่อยู่ ส่งข้อความไปยัง ***@xxx.com ไม่ได้ เนื่องจากไม่พบที่
อยดู่ งั กลา่ ว หรอื ท่อี ยูร่ บั อีเมลไมไ่ ด้
จากสถานการณ์ การตรวจสอบเพ่อื แก้ปัญหาในระบบควรดาเนนิ การในข้นั ตอนใด
1) ตวั ป้อน
2) กระบวนการ
3) ผลผลิต
4) ข้อมลู ย้อนกลับ
เฉลย 2) ถกู เพราะ จากข้อความแสดงผลการส่ง E-Mail พิจารณาได้ว่า ไม่มีชื่อผู้รับหรือช่ือผู้รับผิดพลาด
ซงึ่ การตรวจสอบนน้ั เกดิ ขึ้นในขนั้ กระบวนการ
ตวั ลวง 1) ผดิ เพราะ เปน็ เพยี งการรับขอ้ มลู และสญั ญาณอนิ เตอร์เนต็
3) ผดิ เพราะ เปน็ ส่วนของการแสดงผลการสง่ E-Mail ที่ไม่พบปัญหาถึงผ้รู บั
4) ผดิ เพราะ เป็นการแสดงผลของการส่งว่าสง่ ไดห้ รือไม่ แตไ่ ม่ใช่การแกป้ ัญหา
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 76 คู่มอื การใช้เครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
77
3.
แผนท่เี ส้นทางจากบา้ นของวนิ ไปสถานทีต่ ่าง ๆ
จากสถานการณ์ วิน ตอ้ งการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน ควรเลอื กเสน้ ทางทีใ่ กล้ที่สดุ
1) บ้าน รา้ นน้า โรงเรียน
2) บา้ น สนามเด็กเล่น โรงเรียน
3) บา้ น รา้ นน้า สถานรี ถ โรงเรียน
4) บ้าน รา้ นออปุ กรณ์เคร่ืองเขยี น โรงเรยี น
เฉลย 1) ถกู เพราะ บา้ นถึงรา้ นน้าใช้ระยะทาง 250 เมตร จากร้านนา้ ถงึ โรงเรยี น 400 เมตร รวม 650 เมตร
ตัวลวง 2) ผดิ เพราะ บ้านถึงสนามเด็กเลน่ 300 เมตร สนามเด็กเล็กถึงโรงเรยี น 550 เมตร รวม 850 เมตร
3) ผิด เพราะ บ้านถึงร้านน้า 250 เมตร ร้านน้าถึงสถานีรถ 180 เมตร สถานีรถถึงโรงเรียน 300 เมตร
รวม 730 เมตร
4) ผดิ เพราะ บ้านถึงร้านอุปกรณ์เคร่ืองเขียน 550 เมตร ร้านอุปกรณ์เคร่ืองเขียนถึงโรงเรียน 300
เมตร รวม 850 เมตร
คมู่ อื การใช้เครื่องมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน 77 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 78
4.
กวาง มาเท่ียวจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้ซ้ือปลาแห้ง ขนาด 10 กิโลกรัม 1 แพ็ค 12 กิโลกรัม
จานวน 1 แพ็ค ส่งไปบ้านท่ีกรุงเทพ ให้ทันกับวันท่ีตนเองกลับไปถึงบ้านเพ่ือรับสินค้าด้วยตนเอง
ซึ่งกวางจะขึ้นเคร่ืองบินกลับในเท่ียวบินวนั ศุกร์คือวันพรงุ่ นี้ ตอน 2 ทุ่ม กวางจึงพิจารณาเลือกบริการขนสง่
5 บริษัท ดังนี้
ตารางขนสง่
A
B
C
D
Eจากสถานการณ์ กวางควรเลือกบริการจากขนสง่ ของบริษัทใดเพื่อให้ทันเวลา และประหยัดท่ีสดุ
1) ขนสง่ A
2) ขนส่ง B
3) ขนสง่ C
4) ขนสง่ D
เฉลย 4) ถกู เพราะ ขนส่ง D รับน้าหนักได้ไม่เกิน 30 กิโลกรัม ปลาแห้งท่ีต้องการส่งรวมน้าหนัก 22
กโิ ลกรัมราคาขนส่งจากต่างจังหวัด 35-840 บาท ระยะเวลาในการขนส่ง คือ 1 - 3 วัน
ทาการ คอื จะถึงเร็วสุด คอื วนั ศกุ ร์ ชา้ สดุ คือวันอาทิตย์ เพราะให้บริการทุกวัน
ตัวลวง 1) ผิด เพราะ ขนส่ง A รับน้าหนักได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม ปลาแห้งท่ีต้องการส่งรวมน้าหนัก 22
กิโลกรัม
2) ผดิ เพราะ ราคาขนสง่ จากตา่ งจงั หวดั 55-1100 บาท จึงไม่ใชร่ าคาทีป่ ระหยัด
3) ผดิ เพราะ การขนส่งถึงเร็วกว่า เมื่อพิจารณาว่า กวาง ส่งสินค้าคือวันพฤหัสบดี แต่เดินทางไปถึง
วันศุกร์หลัง 2 ทมุ่ จึงอาจจะทาใหไ้ ม่สามารถเปน็ ผูร้ บั สินคา้ ได้
78 คูม่ อื การใช้เครื่องมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผูเ้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
79 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
5.
พน่ี ้อง 4 คน มีการดาเนินการดา้ นเทคโนโลยแี ละสอื่ โซเชยี ล ดงั นี้
เปรม : ขายสนิ ค้าออนไลนผ์ า่ นเวบ็ ไซต์ และการทาธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์
ปล้ืม : จองตั๋วเครือ่ งบินผา่ นบริษัทสายการบินและจา่ ยเงินต๋ัวเคร่ืองบินผ่านเคานเ์ ตอรเ์ ซอรว์ ิส
ปราบ : ซอ้ื ประกนั ชวี ติ ผ่านระบบออนไลน์และแชรล์ ิงค์สาธารณะในสื่อโซเชยี ล
ปลาย : ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของโรงเรยี นออนไลน์และส่งลงิ คใ์ หแ้ ก่เพ่ือนคนอนื่
ในหอ้ งเดียวกัน
จากสถานการณ์ บุคคลใดมีความเส่ียงในการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เกีย่ วกับการหลอกลวงผ่านอเี มล
(Email Scam) และการระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) มากทสี่ ดุ
1) เปรม
2) ปล้มื
3) ปราบ
4) ปลาย
เฉลย 3) ถกู เพราะ ซื้อประกันชีวิตผ่านระบบออนไลน์เป็นแหล่งการซ้ือประกันชีวิตที่ไม่มีความ
น่าเช่ือถือ และแชร์ลิงค์สาธารณะในส่ือโซเชียลให้แก่บุคคลอ่ืนเป็นการโฆษณาท่ี
อาจจะก่อให้เกดิ ปญั หาแก่บุคคลอน่ื โดยเราเปน็ ผู้ประชาสัมพันธ์
ตวั ลวง 1) ผดิ เพราะ ขายสินค้าออนไลนผ์ ่านเวบ็ ไซต์ และการทาธุรกรรมทางการเงินอเิ ลก็ ทรอนิกส์
2) ผดิ เพราะ จองตั๋วเคร่ืองบินผ่านบริษัทสายการบินมีความน่าเชื่อถือและจ่ายเงินตั๋วเครื่องบิน
ผา่ นเคาน์เตอรเ์ ซอรว์ ิสจะต้องได้รบั การยอมรับจากสายการบนิ ที่มีเง่ือนไขรว่ มกนั
4) ผดิ เพราะ ตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของโรงเรยี นออนไลน์และส่งลงิ คใ์ ห้แกเ่ พื่อนคนอื่น
ในห้องเดยี วกัน เมื่อพจิ ารณาโรงเรียนเป็นองค์กรท่ีเราเช่ือถือได้และบุคคล ทที่ าการ
แชรข์ ้อมลู ให้เป็นบุคคลทอี่ ยู่ในความเกยี่ วขอ้ งกับองค์กร จงึ มีความเส่ยี งนอ้ ยทส่ี ดุ
6.
แนน ได้รับแชร์คลิปวิดโี อการเกดิ อุบัตเิ หตุทีก่ าลังเปน็ ที่สนใจของทกุ คน จงึ ได้ไปปรกึ ษาเพอื่ น ๆ
และได้รับคาแนะนามาดังนี้
น่นุ : แนะนาใหแ้ นน นาคลิปดังกล่าวส่งตอ่ ให้กบั ตนเอง เพราะเป็นคลิปทีต่ นสนใจ
เนย : แนะนาใหแ้ นน ไปแจ้งความเพอ่ื แสดงความบรสิ ุทธ์วิ า่ ไม่มสี ว่ นเกย่ี วข้องกับการเผยแพร่คลิปดงั กล่าว
นพ : แนะนาให้แนน โพสต์คลิปดังกล่าวในกลุ่มเพ่อื น และหา้ มไม่ใหเ้ พ่ือนสง่ ต่อคลปิ
นคิ : แนะนาให้แนน เก็บคลิปดงั กล่าวไวเ้ ฉย ๆ และไม่ต้องไปบอกกบั ใคร
จากสถานการณด์ งั กล่าว ควรปฏิบัติตามบคุ คลใด จงึ ถือว่ามีจรรยาบรรณตอ่ การใช้อินเตอรม์ ากทสี่ ดุ
1) นุน่
2) เนย
3) นพ
4) นคิ
คมู่ อื การใช้เคร่อื งมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี น 79
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
80
เฉลย 2) ถกู เพราะ การแสดงตนถงึ ความบรสิ ทุ ธิ์ต่อการมีของคลิปหรือสื่อที่ถกู สง่ มาให้
โดยไม่มสี ่วนเกี่ยวขอ้ งและแสดงให้เหน็ วา่ จะไม่ดาเนนิ การใดกับคลปิ
หรือส่อื น้นั ในทางท่ผี ดิ กฎหมาย
ตวั ลวง 1) ผดิ เพราะ การสง่ ตอ่ ข้อมูลเป็นการใช้คอมพวิ เตอรห์ รือโทรศัพท์มือถือทาร้ายหรือละเมิดผู้อ่นื
3) ผดิ เพราะ การส่งต่อข้อมูลเป็นการใชค้ อมพวิ เตอรห์ รือโทรศัพทม์ ือถือทารา้ ยหรอื ละเมิดผูอ้ น่ื
4) ผดิ เพราะ การมีซึง่ คลปิ สอ่ื ท่ไี ม่เหมาะสมในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศพั ทม์ ือถือ ทั้งทีร่ ้เู ปน็
สิ่งที่ไมเ่ หมาะสมถือเป็นการผิดจรรยาบรรณและผิดกฎหมาย
7.
การอนมุ านจากกฎตอ่ ไปนี้
กฎขอ้ ท่ี 1 ถ้าอุณหภมู ิร่างกาย 37.5°C ขึน้ ไป แล้วเป็นไข้
กฎข้อท่ี 2 ถ้าอุณหภูมริ ่างกายตา่ กวา่ 37.5°C แล้วไม่เป็นไข้
กฎขอ้ ที่ 3 ถา้ อุณหภูมิรา่ งกาย 37.5°C ข้นึ ไป หรอื ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด แลว้ เป็นโควิด
กฎขอ้ ที่ 4 ถ้าอุณหภมู ิรา่ งกายต่ากว่า 37.5°C แตต่ รวจ ATK ขนึ้ 2 ขีด แลว้ เป็นโควิด
กฎขอ้ ท่ี 5 ถา้ มีอาการเจ็บคอ หายใจไม่สะดวก มนี ้ามูก แลว้ เปน็ หวดั
กฎขอ้ ที่ 6 ถ้าเป็นหวัด แลว้ เปน็ โควดิ
กฎขอ้ ท่ี 7 ถา้ เป็นโควดิ แลว้ ต้องรกั ษาตวั ทโี่ รงพยาบาล
จากสถานการณ์ ข้อใดกลา่ วถูกต้องทีส่ ุด
1) ถ้าอุณหภูมริ า่ งกาย 37.5°C ข้ึนไป ตอ้ งตรวจ ATK
2) ถา้ อุณหภมู ริ า่ งกาย 37.5°C ข้ึนไป แล้วเปน็ โควิด
3) ถา้ อุณหภูมริ ่างกายต่ากว่า 37.5°C แล้วเปน็ หวดั
4) ถา้ ไม่เปน็ ไข้แต่ตรวจ ATK ขึน้ 2 ขดี แลว้ ต้องรกั ษาตวั ทีโ่ รงพยาบาล
เฉลย 4) ถูก เพราะ กฎข้อที่ 4 ถ้าอุณหภูมิร่างกายต่ากว่า 37.5°C แต่ตรวจ ATK ข้ึน 2 ขีด แล้วเป็นโควิด
ทาให้ กฎข้อท่ี 7 ถ้าเป็นโควิด แล้วต้องรกั ษาตวั ที่โรงพยาบาล เปน็ จรงิ
ตวั ลวง 1) ผดิ เพราะ กฎข้อท่ี 4 ถ้าอุณหภูมิร่างกายต่ากว่า 37.5°C แต่ตรวจ ATK ข้ึน 2 ขีด แล้วเป็นโควิด
ทาให้เปน็ เทจ็
2) ผิด เพราะ กฎข้อที่ 4 ถ้าอุณหภูมิร่างกายต่ากว่า 37.5°C แต่ตรวจ ATK ขึ้น 2 ขีด แล้วเป็นโควิด
ทาใหเ้ ป็นเท็จ และกฎข้อท่ี 6 ถ้าเป็นหวดั แลว้ เป็นโควิด ทาให้เปน็ เท็จ
3) ผิด เพราะ กฎข้อท่ี 5 ถา้ มีอาการเจ็บคอ หายใจไม่สะดวก มนี า้ มกู แลว้ เป็นหวดั ทาใหเ้ ป็นเทจ็
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนขอ้ 1 – 7
ตอบถูกได้ 3 คะแนน
ตอบผิดได้ 0 คะแนน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 80 คมู่ อื การใช้เครือ่ งมอื ประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
81
ตอนท่ี 2 แบบเขียนตอบ
คาช้แี จง ให้นักเรียนคดิ หาคาตอบที่ถกู ต้อง แลว้ เขยี นตอบลงในกระดาษคาตอบจานวน 3 ขอ้ (ข้อ 8 - 10)
(ข้อละ 3 คะแนน รวม 9 คะแนน)
8.
ครอบครัวของปริม มีร้านค้าปลีกจาหน่ายสินค้าท่ัวไป อาหารสดและอาหารตามส่ัง ในช่วง
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่าลูกค้าท่ีมาซื้อสินค้ามี
จานวนลดลง สาเหตุจากการกักตัว การเว้นระยะห่าง บ่อยคร้ังที่ลูกค้าโทรมาสอบถามสินค้า แต่ไม่
สามารถออกมาซื้อสนิ คา้ ได้
จากสถานการณ์ ปริม ควรวางแผนการขายสนิ คา้ ในสถานการณน์ ี้อย่างไร พร้อมใหเ้ หตผุ ลประกอบ
ตอบ ....................................................................................................................................................................
แนวคิด
การลาดบั ขัน้ ตอนการวางแผนตามลาดับขัน้
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
คะแนนเต็ม คะแนนบางส่วน ไมไ่ ดค้ ะแนน
(3 คะแนน) (1 คะแนน) (0 คะแนน)
- สามารถเขียนอธบิ ายการวางแผนการ -สามารถเขียนอธิบายการวางแผนการ นกั เรยี นไม่ตอบ
ขายสนิ คา้ ได้ และใหเ้ หตผุ ลประกอบได้ ขายสนิ คา้ ได้ แตไ่ มใ่ หเ้ หตผุ ลประกอบ
9. ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
วันนี้ (30 ม.ค.65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจาสานักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน
เฟซบุ๊ก รัชดา ธนาดิเรก - รองโฆษกรัฐบาล โดยระบวุ ่า เตือนภยั ! ไม่ควรเปิดเผยเลขบัตรประชาชนและหมายเลข
Laser ID หลังบัตร เพราะเลขเหล่านี้จะบ่งบอกถึงข้อมูลส่วนบุคคลและใช้ยืนยันการทาธุรกรรมภาครัฐและ
การเงินได้ เลขบัตรประชาชน 13 หลกั แสดงถงึ
หลกั ที่ 1 หมายถึง ประเภทบคุ คล ซึง่ มี 9 ประเภท
หลกั ที่ 2-3 หมายถึง รหัสจังหวดั
หลกั ที่ 4-5 หมายถึง รหัส อาเภอ/เทศบาล ท่ีเกดิ
หลกั ท่ี 6-10 หมายถึง กล่มุ บุคคลแต่ละประเภทตามหลักแรก หรือ หมายถึงเล่มทข่ี องสูติบัตร
หลักที่ 11-12 หมายถึง ใบท่ีของสตู บิ ัตรแต่ละเล่ม
หลักที่ 13 หมายถงึ ตัวเลขตรวจสอบความถูกต้องของ เลข 12 หลักแรก
เลข Laser ID ดา้ นหลงั บตั ร ใชย้ นื ยนั ในการทาธุรกรรม ตรวจสอบ ยืนยันตวั ตนควบคูก่ บั เลขบตั ร
ประชาชน 13 หลักทง้ั บริการภาครฐั และการเงนิ
ที่มา : รัชดา ธนาดเิ รก - รองโฆษกรัฐบาล / สานกั งานคณะกรรมการการรักษาความมัน่ คงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
จากสถานการณด์ ังกล่าว นักเรยี นมหี ลักในการยนื ยนั รบั รองสาเนาดว้ ยบัตรประจาตวั ประชาชน หรอื การสาเนา
บตั รประจาตวั ประชาชนเพื่อใชเ้ ปน็ หลักฐานต่าง ๆ อยา่ งไร
ตอบ ......................................................................................................................................................................
คูม่ อื การใช้เครอื่ งมือประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รียน 81
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
82
เฉลย
(เขียนอธิบาย) เม่ือทาการถ่ายสาเนาควรถ่ายเฉพาะด้านหน้าของบัตรประจาตัวประชาชน ไม่ควรถ่าย
ด้านหลังเพราะเป็นเลขท่ีบ่งบอกถึงข้อมูลส่วนบุคคลและใช้ยืนยันการทาธุรกรรมภาครัฐและการเงินได้ ขีดเส้น
ทับบนสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน พร้อมทั้งเขียนข้อความระบุการใช้เพ่ือประกอบการใด / การทาธุรกรรมใด
เขยี นระบวุ ันทใ่ี ชส้ าเนาบัตรนี้ มรี บั รอง “สาเนาถูกต้อง” พร้อมทง้ั การเซ็นช่ือรบั รอง
(เขียนประเด็นสาคัญ)
1) ถ่ายสาเนาเฉพาะดา้ นหน้าบัตรประจาตัวประชาชน
2) ขีดเส้น 2 เส้น ทับสาเนาบัตรประจาตวั ประชาชน โดยไมท่ บั ใบหนา้
3) เขียนระบุการใชง้ าน เช่น “ใชเ้ พอ่ื การรบั รองขอ้ มูลเท่านัน้ ” บนเส้นทข่ี ีดทับ
4) เขียนระบุวนั ทใี่ ชส้ าเนาบตั รประจาตัวประชาชนนี้
5) สาเนาถูกต้อง พร้อมเซน็ ชือ่ ตนเองรบั รองเอกสารน้ี
แนวคิด
การส่งขอ้ มลู เพื่อทาธุรกรรมออนไลนห์ ลากหลายรปู แบบหลากหลายชอ่ งทาง ดังน้นั เราจงึ ควรพงึ
ระมัดระวัง และรอบคอบใหม้ ากขนึ้ ดว้ ย 5 วิธดี ังนี้
1) ถ่ายหน้าบัตรประชาชนเพยี งดา้ นเดยี ว และไมถ่ า่ ยหลังบัตร
2) ขดี 2 เส้น ทับสาเนาบตั รประชาชน แต่ห้ามขดี ทบั ใบหน้า
3) ระหว่างเสน้ ใหเ้ ขยี นว่า “ใชเ้ พื่อ…(เรือ่ งท่ีทา)…เทา่ นั้น” พร้อมเขียนสญั ลกั ษณ์ # หรอื * ปดิ หัว-ท้าย
เพ่อื ป้องกันการเพมิ่ เติมข้อความ
4) เขียน วัน/เดอื น/ปี ทใี่ ช้ สาเนาบัตรประชาชน
5) เขยี น “สาเนาถูกต้อง” พร้อม “เซ็นชื่อรบั รอง” เพ่ือป้องกนั การลบ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
คะแนนเต็ม คะแนนบางสว่ น ไมไ่ ดค้ ะแนน
(3 คะแนน) (1 คะแนน) (0 คะแนน)
เขียนอธบิ าย / ประเด็นสาคัญได้ครบทั้ง เขยี นอธิบาย / ประเด็น ไม่น้อย นักเรียนตอบไม่ถูกต้องต้อง
4 – 5 ประเด็น กวา่ 3 ประเด็นสาคัญ เชน่ ตามประเดน็ หรือไม่ตอบ
1. ถา่ ยหน้าบตั รประชาชนเพยี งด้าน ขดี เสน้ ทบั สาเนาบตั รประชาชน
เดยี ว และไม่ถา่ ยหลังบัตร เขียนขอ้ ความทบั บนสาเนา
2. ขีด 2 เสน้ ทบั สาเนาบัตรประชาชน เขียนคาว่า “สาเนาถกู ต้อง”
แตห่ า้ มขีดทับใบหน้า พรอ้ มเซน็ ชอ่ื รับรองเอกสาร
3. ระหวา่ งเสน้ ให้เขยี นวา่ “ใช้เพ่ือ…
(เรอ่ื งที่ทา)…เทา่ นน้ั ” พร้อมเขยี น
สญั ลักษณ์ # หรือ * ปดิ หวั -ท้าย
เพ่อื ป้องกันการเพมิ่ เติมข้อความ
4. เขยี น วัน/เดือน/ปี ท่ใี ช้ สาเนาบัตร
ประชาชน
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 5. เขียน “สาเนาถูกตอ้ ง” พร้อม
“เซ็นชอื่ รับรอง” เพ่ือป้องกนั การลบ
82 คู่มือการใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
83
10.
อลั กอริทมึ Tic – Tac – Toe
ผเู้ ล่นท่ี 1 เปน็ O ผู้เลน่ ที่ 2 เปน็ X
เริ่มเกมส์ ผเู้ ลน่ ที่ 1 ใส่ O ในช่อง A1 ต่อจากนัน้ ผูเ้ ลน่ ที่ 2 ใส่ X ในชอ่ ง A2
คร้ังที่ 2 ผูเ้ ลน่ ที่ 1 ใส่ O ในชอ่ ง B1 ต่อจากนั้น ผู้เล่นที่ 2 ใส่ X ในช่อง B2
ครงั้ ท่ี 3 ผูเ้ ลน่ ท่ี 1 ใส่ O ในช่อง C2 ต่อจากนนั้ ผูเ้ ล่นท่ี 2 ใส่ X ในช่อง C3
จากสถานการณ์ คร้ังท่ี 4 ผ้เู ล่นที่ 1 และผ้เู ลน่ ท่ี 2 จะใส่สญั ลักษณ์อย่างไรเพ่ือให้มีผชู้ นะในเกมส์ และผู้แพ้ควร
จะปอ้ งกันการเล่นในคร้ังไหน อย่างไรเพ่ือไม่ใหเ้ กดิ ผูช้ นะในเกมสน์ ้ี
ตอบ .............................................................................................................................................................
เฉลย
คร้ังที่ 4 ผู้เล่นท่ี 1 ใส่ O ในชอ่ ง C1 ต่อจากน้นั ผเู้ ลน่ ท่ี 2 ใส่ X ในชอ่ งใดก็ได้ เพราะผลคือผ้เู ลน่ ท่ี 1 ชนะ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
การแก้ปัญหาควรเกดิ ขน้ึ ในครงั้ ที่ 3
เช่น ครั้งท่ี 3 ผู้เล่นที่ 1 ใส่ O ในช่อง C2 ตอ่ จากนั้น ผ้เู ลน่ ท่ี 2 ใส่ X ในช่อง C1
คูม่ อื การใช้เครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น 83
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
84
เกณฑก์ ารให้คะแนน
คะแนนเต็ม คะแนนบางส่วน ไมไ่ ดค้ ะแนน
(3 คะแนน) (1 คะแนน) (0 คะแนน)
เขยี นอธิบาย / ประเดน็ สาคัญได้ครบทั้ง นักเรียนตอบไม่ถกู ต้อง
4 – 5 ประเด็น เขียนอธบิ าย / ประเด็น ไม่น้อย ต้องตามประเด็น
คร้งั ที่ 4 ผ้เู ล่นท่ี 1 ใส่ O ในชอ่ ง C1 กวา่ 3 ประเด็นสาคัญ เช่น หรือไมต่ อบ
ต่อจากน้ัน ผเู้ ล่นท่ี 2 ใส่ X ในชอ่ งใดก็ได้ ตอบเพียงประเด็นใดประเดน็ หนง่ึ
เพราะผลคือผูเ้ ลน่ ท่ี 1 ชนะ เชน่ ครั้งท่ี 4 ผูเ้ ล่นที่ 1 ใส่ O ใน
การแกป้ ัญหาควรเกิดขน้ึ ในคร้งั ที่ 3 ชอ่ ง C1 ตอ่ จากนั้น ผู้เลน่ ท่ี 2 ใส่ X
เชน่ คร้งั ที่ 3 ผู้เลน่ ที่ 1 ใส่ O ในช่อง C2 ในชอ่ งใดกไ็ ด้ เพราะผลคือผู้เลน่ ท่ี
ต่อจากนน้ั ผู้เล่นที่ 2 ใส่ X ในชอ่ ง C1 1 ชนะ แต่ไม่แก้ปัญหา
เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี นดา้ นความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
25 – 30 ดเี ย่ยี ม
17 – 24 ดี
9 – 16 พอใช้
0–8 ปรบั ปรุง
การแปลผลคะแนน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ระดบั พฤติกรรม คาอธบิ าย
ดเี ยีย่ ม เลือกและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพ่ือลดขนั้ ตอนเวลา ทรพั ยากร ในการทางาน
และนาเสนอผลงานท่เี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม โดยมคี วามหลากหลาย
ดี แปลกใหม่ นา่ สนใจ ไมล่ อกเลียนแบบ ไมท่ าให้ผอู้ น่ื เดือดร้อน ไม่มผี ลกระทบต่อ
พอใช้ สิง่ แวดลอ้ มและสามารถแนะนาผูอ้ นื่ ได้
ปรับปรงุ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยีท่เี หมาะสมเพื่อลดขั้นตอนเวลา ทรพั ยากร ในการทางาน
และนาเสนอผลงานทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คม โดยไม่ทาให้ผู้อื่น
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 เดอื ดร้อน ไมม่ ีผลกระทบต่อส่ิงแวดลอ้ ม
เลอื กและใช้เทคโนโลยีเพ่ือลดข้ันตอน เวลา ทรพั ยากรในการทางานและ
นาเสนอผลงานที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองหรอื สังคม
เลือกและใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อลดข้ันตอน เวลา ทรัพยากร ในการทางานและ
นาเสนอผลงานไดโ้ ดยต้องมีผู้แนะนา
84 คูม่ ือการใช้เครือ่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รยี น
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
85
แบบประเมินผลงาน/ชิ้นงาน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 - 6
ชื่อผลงาน/ช้นิ งาน ................................................................................................................................................
ชอ่ื ผ้รู ับการประเมนิ ................................................................. ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี................. เลขท.่ี ...............
โรงเรยี น ................................................................................................................................................................
ชอ่ื ผ้ปู ระเมิน .........................................................................................................................................................
คาชีแ้ จง ครใู หน้ ักเรยี นหากนักเรยี นต้องการแปรรปู “มะมว่ งสุก” ให้เกบ็ ไว้รบั ประทานไดน้ าน โดยใชพ้ ลงั งาน
ทดแทน รวมท้ังเพื่อ สรา้ งอาชีพทเี่ ป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นักเรยี นจะออกแบบกระบวนการผลติ
มะม่วงแปรรปู ได้อยา่ งไร
คะแนน
ประเดน็ การพจิ ารณา 321
1. ช่อื ช้ินงาน/ผลงาน
2. การระบุแหลง่ พลงั งานทดแทน พร้อมอธบิ ายเหตุผล
3. การระบอุ ุปกรณ์ทใ่ี ช้และส่วนประกอบท่ีสาคญั
4. การเขียน Flowchart แสดงขั้นตอนการทา
- ความถกู ต้องของสญั ลักษณ์ในผงั งาน และลาดบั ข้นั ตอน
- ความถูกต้องของเนื้อหา
คะแนนรวม
คะแนนรวมทงั้ หมด
สรปุ ระดับความสามารถ : ......................................................................
เกณฑก์ ารให้คะแนนตัวอยา่ งแบบประเมนิ ผลงาน/ชิ้นงาน
1. ประเด็นพจิ ารณา : ชอ่ื ผลงาน/ช้นิ งาน
คะแนน เกณฑก์ ารประเมิน
3 สอดคลอ้ งกบั ผลงาน/ชิ้นงานชัดเจนและน่าสนใจ
2 สอดคล้องกับผลงาน/ชิ้นงาน น่าสนใจ แตย่ งั ไม่ชัดเจน
1 ไม่สอดคลอ้ งกบั ผลงาน/ชน้ิ งานและไมน่ ่าสนใจ
2. ประเด็นพิจารณา : การระบแุ หลง่ พลงั งานทดแทน พรอ้ มอธิบายเหตผุ ล
คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ
3 ระบแุ หล่งพลงั งานทดแทน และอธบิ ายเหตผุ ลไดส้ อดคล้องและนา่ สนใจ
2 ระบุแหลง่ พลงั งานทดแทน แต่อธิบายเหตุผลไม่สอดคล้องหรือไมน่ ่าสนใจ ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
1 ระบุแหลง่ พลังงานทดแทน แต่ไม่อธิบายเหตุผล
คมู่ อื การใชเ้ ครื่องมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คญั ของผ้เู รยี น 85
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
86
3. ประเด็นพจิ ารณา : การระบอุ ุปกรณ์ที่ใช้และส่วนประกอบท่ีสาคัญ
คะแนน เกณฑ์การประเมนิ
3 ระบุวสั ดุอปุ กรณ์หรือส่วนประกอบทส่ี าคัญได้ถูกตอ้ งครบ 3 อยา่ ง
2 ระบุวัสดอุ ุปกรณ์หรือสว่ นประกอบท่ีสาคัญได้ถูกตอ้ ง 2 อยา่ ง
1 ระบวุ สั ดอุ ุปกรณ์หรอื ส่วนประกอบทส่ี าคัญไดถ้ ูกตอ้ ง 1 อย่าง
4. ประเดน็ พิจารณา : การเขียน Flowchart แสดงข้ันตอนการทา
- ความถกู ต้องของสัญลักษณ์ในผังงาน และลาดบั ขน้ั ตอน
- ความถูกต้องของเนื้อหา
คะแนน เกณฑ์การประเมิน
3 การใช้สญั ลกั ษณ์ในผังงานมคี วามถูกต้องและจัดวางเป็นลาดับขัน้ ตอน และผงั งาน
แสดงเน้ือหาไดถ้ ูกตอ้ งและครบถว้ น
2 การใช้สัญลักษณ์ในผังงานมคี วามถกู ต้อง แตจ่ ัดวางไมเ่ ป็นลาดบั ข้นั ตอน และผังงาน
แสดงเนอื้ หาได้ถูกตอ้ งแต่ไม่ครบถว้ น
1 การใชส้ ัญลกั ษณใ์ นผังงานมคี วามถูกต้องบางสว่ น และจัดวาง
ไม่เปน็ ลาดับขั้นตอน และ-ผังงานแสดงเนอ้ื หาได้ถกู ต้องบางสว่ น และไมค่ รบถว้ น
วิธีการใช้แบบประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน
ครูผู้สอนประเมินผลงาน/ชิ้นงาน ใน 4 ประเด็น คือ 1) ชื่อผลงาน/ช้ินงาน 2) การระบุแหล่ง
พลังงานทดแทน พร้อมอธิบายเหตุผล 3การระบุอุปกรณ์ที่ใช้และส่วนประกอบที่สาคัญ และ 4) การเขียน
Flowchart แสดงข้ันตอนการทา- ความถูกต้องของสัญลักษณ์ในผังงาน และลาดับข้ันตอน – ความถูกต้อง
ของเนื้อหา ในการดาเนินการประเมินผลงาน/ช้ินงาน ครูผู้สอนนาผลงานนักเรียนมาประเมินตามเกณฑ์ให้
คะแนน ในแต่ละประเด็น นาคะแนนที่ได้จากการประเมิน 3 ประเด็น มารวมคะแนน และแปลผลระดับ
ความสามารถในการคิด ไดด้ งั นี้
ได้ 10 – 12 คะแนน มผี ลการประเมินอยู่ในระดับ ดีเย่ยี ม
ได้ 7 – 9 คะแนน มผี ลการประเมินอยู่ในระดบั ดี
ได้ 4 – 6 คะแนน มีผลการประเมินอยใู่ นระดบั พอใช้
ได้ 1 – 3 คะแนน มีผลการประเมินอยใู่ นระดบั ปรบั ปรุง
ครูสรุปผลการประเมินดังกล่าว กรณีที่ผลการประเมินพบว่า นักเรียนมีระดับความสามารถ
ในการใช้เทคโนโลยีในแต่ละด้าน อยู่ในระดับปรับปรุง ระดับพอใช้ หรือระดับดี ครูควรหาแนวทางการพัฒนา
นกั เรียนใหม้ ีระดับความสามารถท่เี พมิ่ สงู ขึ้นจากระดบั เดิม
เกณฑ์การประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ดา้ นความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
35 – 42 ดเี ยีย่ ม
23 – 34 ดี
12 – 22 พอใช้
0 – 11 ปรับปรงุ
86 คูม่ อื การใชเ้ ครอ่ื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผเู้ รยี น
ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
87
การแปลผลคะแนน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ระดับพฤตกิ รรม คาอธบิ าย
ดเี ยีย่ ม เลอื กและใช้เทคโนโลยีท่เี หมาะสมเพ่ือลดข้ันตอนเวลา ทรัพยากร ในการทางาน
และนาเสนอผลงานทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม โดยมคี วามหลากหลาย
ดี แปลกใหม่ น่าสนใจ ไมล่ อกเลียนแบบ ไม่ทาใหผ้ อู้ ่นื เดือดร้อน ไม่มีผลกระทบ
พอใช้ ตอ่ ส่งิ แวดลอ้ มและสามารถแนะนาผู้อนื่ ได้
ปรับปรงุ เลือกและใช้เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมเพ่ือลดข้ันตอนเวลา ทรพั ยากร ในการทางาน
และนาเสนอผลงานทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ ตนเองและสงั คม โดยไม่ทาใหผ้ อู้ ื่น
เดอื ดร้อน ไมม่ ผี ลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ ม
เลอื กและใช้เทคโนโลยีเพ่ือลดขัน้ ตอน เวลา ทรัพยากรในการทางานและ
นาเสนอผลงานที่เปน็ ประโยชน์ต่อตนเองหรอื สงั คม
เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยเี พื่อลดข้นั ตอน เวลา ทรัพยากร ในการทางานและ
นาเสนอผลงานไดโ้ ดยต้องมผี ู้แนะนา
แบบสรปุ การประเมินความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6
วตั ถุประสงค์ เพือ่ ใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนดา้ นความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี โดยประเมินจากพฤติกรรมการฟังและดู
คาช้ีแจง ให้ผู้ประเมินให้คะแนนแบบทดสอบแต่ละตอน และทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งท่ีผ้เู รยี น
มีระดับคุณภาพที่สอดคลอ้ งกับเกณฑ์การประเมินการฟังและดู
ผู้ประเมนิ นกั เรียนประเมินตนเอง ครู
เพ่ือนนักเรียน ผปู้ กครอง
ผปู้ ระเมิน ช่ือ..............................................................นามสกุล.................................................... .....................
คะแนนทไ่ี ด้จากการทา ระดบั คณุ ภาพ
แบบทดสอบ
เลขท่ี ช่อื -สกลุ แบบทดสอบ ดี ดี หมายเหตุ
แบบ เยย่ี ม พอใช้ ปรับปรุง
(30) (12) (42)ประเมินผล
1 งาน/ชิ้นงาน
2 รวมคะแนน
3
4 ั้ชน ัมธยม ึศกษา ีป ีท่ 4 - 6
...
คมู่ อื การใช้เครื่องมอื ประเมินสมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รียน 87
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)
88
วธิ ีการใชเ้ คร่อื งมือ
เครื่องมือประเมินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ด้านความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยี
เป็นแบบทดสอบ ประกอบด้วย การเลือกและใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาตนเองและสังคม และมีทักษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยีแบบทดสอบ มี 2 รปู แบบ คอื แบบทดสอบ และแบบประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน
การใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลข้างต้น สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการ
จัดการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะ
สาคญั ของผู้เรียน ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6
การพฒั นาผเู้ รียนด้วยการใช้เคร่ืองมือประเมนิ แบบทดสอบรูปแบบที่ 1 ควรอยใู่ นระดับพอใช้ ข้ึนไป
และการประเมินผลรวมแบบทดสอบท้ัง 2 รูปแบบ และการแปลผลคะแนน ควรมีระดบั คณุ ภาพอยู่ในระดับดี ขน้ึ ไป
เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นด้านความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 – 6
เคร่ืองมือแต่ละเคร่ืองมือมีการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนและแปลผลคะแนนที่สอดคล้องและ
เหมาะสมกับวิธีการวัดพฤติกรรม โดยกาหนดการแปลผลคะแนนของเครื่องมือแต่ละเคร่ืองมือเป็น 3 ระดับ
ไดแ้ ก่ ระดบั ดี ระดับพอใช้ และระดับปรบั ปรุง ซึ่งการแปลผลคะแนนดังกล่าวใช้ในการตัดสนิ ระหว่างเรยี น
สาหรับเกณฑ์การตัดสินสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนได้กาหนดเกณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับระดับ
ความสามารถทัง้ 4 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดบั ปรับปรุง ระดบั พอใช้ ระดับดี และระดับดเี ย่ียม โดยครผู ูส้ อนสามารถนา
เครื่องมือทั้งหมดของแต่ละด้าน ประกอบด้วย เลือกและใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาตนเองและสังคม และมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี มาใชใ้ นการตัดสินสมรรถนะชว่ งช้ัน โดยมีผลรวมคะแนนทั้ง 2 รูปแบบ (42 คะแนน)
ซึง่ มรี ายละเอยี ดดังต่อไปนี้
1. แบบทดสอบ คะแนนเต็ม 30 คะแนน
2. แบบประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน คะแนนเต็ม 12 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ดา้ นความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3
คะแนน ระดบั คณุ ภาพ
35 – 42 ดเี ย่ียม
23 – 34 ดี
12 – 22 พอใช้
0 – 11 ปรับปรงุ
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 88 คูม่ ือการใชเ้ คร่ืองมือประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรียน
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
86
บรรณานุกรม
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หหลลักักสสูตูตรรแแกกนนกกลลาางงกกาารรศศึกึกษษาาขขั้น้ันพพื้น้ืนฐฐาานน พพ.ศุท.ธ2ศ5ัก5ร1าช. ก2ร5ุง5เท1พ. ฯกร:ุงโเรทงพพฯิมพ:์
โรคงุรพสุ ิมภพาลค์ าุรดุสพภราา้ลวา.ดพร้าว.
กันต์กนิษฐ์ ชลสีมัธยา. (2562). ความคาดหวังของผู้ปกครองที่มีต่อสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน โรงเรียน
ศรีราชา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 18. หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต
สาขาการบริหารการศกึ ษา, มหาวิทยาลัยบรู พา.
พรพิชิต ทิทา. (2561). การพัฒนาแนวทางการส่งเสริมสมรรถนะสาคัญของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา.
สาขาวิจัยและประเมนิ ผลระดบั ปรญิ ญาการศึกษามหาบัณฑติ , มหาวิทยาลยั สารคาม.
สานักงานราชบัณฑิตยสภา. (2564). พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา. พิมพ์ครั้งที่ 2.
กรุงเทพฯ : บรษิ ัท ธนาเพรส จากดั .
สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนระดับ
การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน. กรงุ เทพฯ : 21 เซน็ จูรี่.
สา�ำนักทดสออบบททาางงกกาารรศศกึ ึกษษาา. .(2(5255)5.)ค. ่มู คือู่มปือรปะรเมะนิเมสินมสรมรถรนรถะนสาะคสญั�ำคขัญองขผอเู้ รงผียนู้เรียรนะดรบั ะกดาับรศกึกาษรศาึกข้ันษพาข้นื ้ันฐาพน้ืนฐตาานม
ตหามลัหกสลูักตสรูตแรกแนกกนลกาลงากงากราศรึกศษึกาษขา้ันข้ันพพ้ืนื้นฐฐานานพพุทุทธธศศักักรราาชช22555511..กกรรุงุงเเททพพฯฯ :: โโรรงงพพิมิมพ์สา�ำนักงาน
พพรระะพพุททุ ธธศศาาสสนนาาแแหหง่ ่งชชาาติ.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา, สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (2554).
แนวปฏิบตั กิ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551.
พิมพ์ครง้ั ท่ี 3. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.
คมู่ ือการใชเ้ คร่อื งมอื ประเมนิ สมรรถนะส�ำคญั ของผู้เรยี น 89 ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
ภาคผนวก
รายชือ่ คณะผจู้ ัดทา
รายชือ่ คณะผจู้ ดั ทำ�
1. ที่ปรกึ ษา
1) นายอมั พร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
2) นางเกศทิพย์ ศุภวานชิ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
3) นายวษิ ณุ ทรพั ย์สมบัติ ผู้อานวยการสานักทดสอบทางการศึกษา
4) นางลาใย สนนั่ รมั ย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเคร่ืองมือวดั ผล
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
5) นายชนาธิป ท้ยุ แป ผอู้ านวยการกลุ่มประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา
2. คณะทางานจัดทาคู่มือการใชเ้ ครือ่ งมือประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ประกอบดว้ ย
2.1 ความสามารถในการส่อื สาร
1) นายไชยวฒั น์ อารีโรจน์ ครูชานาญการ โรงเรยี นวิสุทธรงั ษี
สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษากาญจนบุรี
2) นายพฤทธณฏั ฐ์ิ พรมรัตน์ ครูชานาญการ โรงเรียนราชวนิ ติ มัธยม
สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1
3) นายสุรพงษ์ กล่าบุตร ครู โรงเรียนวัชรวิทยา
สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษากาแพงเพชร
2.2 ความสามารถในการคดิ
1) นางสรุ ีรัตน์ โชตวิ ิชาศิรกิ ุล รองผู้อานวยการโรงเรียนอนุบาลหนองบวั (เทพวิทยาคม)
สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต 3
2) นางรจนา เทียนจันทร์ ศึกษานเิ ทศก์ชานาญการพิเศษ
สานักงานศึกษาธกิ ารจังหวัดสระแก้ว
3) นางสาวสภุ าวดี คานาดี ศึกษานิเทศก์ชานาญการ
สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษากรงุ เทพมหานคร เขต 1
2.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
1) นายจรญู ดวงจรัส ครชู านาญการพเิ ศษ โรงเรยี นอินทรบ์ ุรี
สานักงานเขตพืน้ การศึกษามัธยมศึกษาสิงห์บุรี อา่ งทอง
2) นายดนพุ ล คาพา ครูชานาญการ โรงเรียนบา้ นนาซ่าว
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาเลย เขต 1
3) นายเกรียงศกั ดิ์ โชตวิ ชิ าศิรกิ ุล ครู โรงเรียนอนบุ าลหนองบัว (เทพวทิ ยาคม)
สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3
2.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
1) นายยุทธกรณ์ ก่อศลิ ป์ ครูชานาญการ โรงเรียนรอ้ ยเอด็ วิทยาลัย ้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษารอ้ ยเอ็ด
คูม่ อื การใชเ้ คร่อื งมือประเมินสมรรถนะส�ำคญั ของผูเ้ รยี น 93
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
2) นางสาวสรุ างคณา ธรรมพิทักษ์ ครูชานาญการ โรงเรยี นควนขนุน 92
2) นางสาวสรุ างคณา ธรรมพทิ กั ษ์ สคารนูชากั นงาานญเกขาตรพโน้ื รทงเ่ีกรายี รนศคึกวษนาขมนธั ุนยมศกึ ษาพัทลุง
92
้ชันมัธยม ึศกษา ีปที่ 4 - 6 434334......ผบผบ22บผ2ูู้ร้รรร..55ู้รร.บัับรร5ับรณณผผคคณผคิดิดวว46322464313545312าา1457811955961261111212345383271ดิว61432345า))))ชชธธ89545731611121)))))))))))))าา002211)))))))))))))))))))))))))))ชธ))))))านนนน201))กิกิมม)))))))))ออนนนนนนนนนนวว)))นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนกิมอนนนนนว)))นนาาาาาาาา่่นนนนนนนนนนนนสสบบาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา่งงงงนนนททสบรราาาาางาายยงงยยยยยยาาาางงงงาาาาาาาาาาโโงงยยยยยงงงยยงยงยยงงงยยยสสสสทรสยยยงยาาากกงงาสสสสงงงงกก่ีี่โคคยงยยงงยยยมมสสบนเนธเธบสสสฉฉสสสาาาารรวจววเวเวจววววกสสงงงกสสสสี่าจจคมบธเนสฉสิจิจาาาาตติิฉนนาารววจเววรร..ววววาานัันาาาาาาธิธิสสสรรรรทรษิิิษรททิิจวันันตติจาาาาาาติฉษษววววนร.ววาันาาิธรลลอนนอตตรษทริิงงววววววนัรรตรววิิภภาาาาสาาาววววววษทท..ยยยณณววสสททลอนตงญญววรรวภิฎฎากากบบบพพบวววถถิิมมวุวุไไทฑฑววววิิมม.ฒฒุุภภเเคคยณวสทรุทัทัญชชััาาานนฎกุภภุรรพพพบถิมุวไฑรรววิมฒุภเคววาาธุุธุุธธุุัทาา..าใใเเชัาางังังงััานศิิศาาัททุภรรูรูพณณววรรรรรวิิ์์าธุธุุาากกาารรา.ใชชเนนาังงรรศิาัทออออรูพพณวรณณริรร์มมนนิิลลาการ์์ชนนรรนรคอพยียีรริชิชณรมินลกกรรรรรร์นรมิิมณณียยียัยัยีรททชิณนินิิิตต์์กรราารรณณิมณียัยาาทลลินิาาต์ารภภณรรตตยยททาลาารรภรตยท์์ัชัชร์์ิิรรใใ์ัช์ิรใรรชช์์บวศพชสแวกพโศพเบเเกชสบพโทกกทเทสสกสทแกสมวสมวสรช์มนนมถถบพเสชแวพสกกศธสทโทเมวสดดดด้เ้เลลงกกิิกงกาาม้มอมอ้มรรรราาัวววััรรออโโนนลลููัันถททดดร้เธธชชตตลงกิกาม้อรราหหวัรอบบโนัลูญญอ้้อวีวีสีสีกกีวีวัพัพบบภภภุลุลุลลุงงพพลลลลทงงททธธธชตรหบีีกกญ้อีวีสกวีคคัยยัพับรรภลุุลงรรพลงสสรรทววยยด์์ดเเจจกกธววววววววััววีกาาายยเเ์ุ์ุนนรรมคัยรรรรจจสรววติิตพพวยด์เจกคควววโโภภวัวสััสาาายุ์เนเเุุนนรงงงงีีคคฒัฒัััฒฒรรรรหหจวส์์สติพััพพคพวออโนนภทิิทชชรรัสาตตเุนทิิทงงีคฒัรคคาาศศศศุกกุหดด์สัพังงังัาาอาานิทชรมมตทิมมญญิิคายยกกศศกุนนนน้อืื้อดยยิทังาโโกกิิษษษายยรรกกไไ์ไไ์์์ม์ิ์ิมญิยกน้ือยโลลบบกิษรร์์ยรพพพพก์ไไ์ดด์์าาาาิ์ุุลลัก์์ณณีีีลบร์พพด์ััตตาุลยย์ััตตณีีีบบบบษัตยตัีนนะะบบีีิิ ููลูลูลล์นะีิ์์ลููลยยยย์ ยย์์์์ ์์คศคคสสศสคนสศสคสสคคสสสศสสสสสสสคนสคสคคคผผผนนนผนนผนผนนผนนนนนนนผผผผผผผคสคสคสศนสสคสศสสสคคสคผนนนผผนนนนผาาาาาาาาาาาาาาาาาาาผผกรึกกรรึกรึรรรรรึรรรกักัู้้ชช้้ชู้ชูชูู้ช้ชููู้ชอู้้อููู้้ออ้อูอู้กกัักััักกกักักักััักกัักักักกาาาาาาาาาารกรกึรึรรรรนนักนนนนนนนนนนนนนนนนนูููผูผููููชูชููููช้ชชชููู้้้อูู้้อษษษษัักกกกกััััักกวว่วว่ว่่วว่วว่่ว่าาาาาานวววววววววววววววโโโโโโโโนนนนนนนนนชููููผูชููษษวักกัาาชู้ชู้ักััักกักัักััักกกักักกกกกกกักัััั่วว่ว่ว่ิชิชาาวววววววรรรรรรรรโโโโยยยยยยยยาาาานนนนนนิิชชชชิชชิิิิิชชิิชิชชชิิชิชชิกัาา้ชูกกกััักกัักกัััักกิชนนรรรรงงยยยยาานนวว่่งงงงงงงงชชิชิิิชิชิชิชงทงงงทงงงงงงงงงงงาานนนนนนนนนนนนาาาาาาาาาาาาาาาววววววนนงาา่งงงงงงงงงงทงงานนเเเเเเเเาาาาาาาาาาาาาาายยนนนนาากกาาาาาาาววดดากกกกกกกกกกกกกกกิเิิเเิเนนยยยยยยรรรรรรรรกัักัักกกัักักักเเเเาาาาาาาาาากนนนนนนนนนนนนนนนญญททททดกกกกกกกเิเินาายยรรรรกกกัักััยีีียียยียียยียีสสาาาาาาาาาาาาาาาเเกกกกกกนนนนนนนนววววววววญญททโโาขขเเเเเเเเเเเเเเเรรยีียยียีสาาาาาาาศศศศเกกววววรรรรรรรรรรรรรรรรรโกกนนนนนนนนออชิชิชิิชชิชิชชิิขขขขขขขขขขขขขขขาาาาาาขเเเเเเเเรศศตตศศรรรรรรรรกกนนนนอศศศศศศศศศศศศศศศงงิชชิชิิชกกกกขขขขขขขขาาาารรรรรรบบตาาาาาาาาเสเวสวววตตตตตตตตตตตตตตตศพพศศศศศศศงกกึกกึเเาารรกกบาาาาึกกกึึึกึกึกึกึกึกึกึกึกึึกกกึสวเวตตตตตตตตช์ชชช์์์รรสกสกกกกกกกกกกกชดััดชพรราากึพพพพพพพพพพพพพพพเททกึกึกึึกกึึกกึกรช์รช์สกษษื้ืน้นกกกกชดัพพาาราาาาาษษษษษษษษษษษษษษษพพพพพพพาาลลลลทียียรราาาาาาาาริริเเษนื้พาืื้้้ืนนนืนนื้นนืน้ื้ืืนนน้้ื้นืื้้น้น้ืืน้้ืาาาาษษษษษษษาละะททยีนนราาาานนนนรินนาาเรรรรรรรริกิกเิเิมุม่่่มมุุุ่ธธโนนาาาาาาาาาาาาาาา้ื้นนื้้ืน้ืื้ื้นนนืน้ืาะงงทนนนนาศศพทททททททททททททททพรรรรกิิเุ่มรชชธนาาาาาาานิินีี่่กาาาารรักกัชชชชชปชชชชปชปชปงาาพพพพกกบบศททททททททพชิน่ีงกาารษษักชปปชชชชาาาญญญญพ่ีี่ี่่ี่ี่ีีี่ี่ี่่ี่่ีี่ีี่่กกกกกกกกกกกกกกกรราะะบพพาาาาาาาาาาาททฏฏฏฏาาษฒัฒัฒััฒเ้าา้าญญ่ี่่่ีีี่ี่ีี่่ีกกกกกกกกราะนนรรพาาาาามมทงงฏฏาาาาาาาาาาาาาาานนนนนนนนนนนรฒัา้รรกกกกดดรรนนนรบบิบิิิบศศมโโงาาาาาาาานนนนนันนัรรรรรรรรรรรรรรรานนนนสสยีกกดศศบบิิาาาาาาาาาาาศรรโะะาาาาสสนับบรรรรรรรรึึนกกสัตััตตตัญญศศศศศศศศศศศศศศศาาาาารศศะนาาญญญญญญญญญญญาาาาาางงสึกึกบรรรรึกตตััญศศศศศศศศออษษศากิิกกกิิัวัวญญญญญางึึึึึึึึึึึึึึึกกกกกกกกกกกกกกกธธเเเเเเรรึกึกคอกกษษษิกิกวัรรกกกกกกกกกกกึึึึึึึึคคคคกกกกกกกบบธเเขขาาึกาาาาติิตกษษษษษษษษษษษษษษษษษรกกกกกควบาาขาียียมมาาาาิตาาาาาาาาาาาษษษษษษษษรรรรรรรราาททษายีาาาาาาาาาาาาาาามรรนาาาาาาารรรานนทรรรรรรรรรรืื่อ่ือื่อ่อัธัธววาาาาาาาาราาาปปปปปมมปปปปมปมมพพนรรรรรอ่ืธัวขพพพพพพพพยยเเงงงงาปปปมปปมมพงงพพพพย((ธัธัธธัธัักกรรรรรรรรรรเิิเเงมมนมมมมงเเเิิเเิิเเิิเิิววกก(ััธธธักศศรรรรริเมยยยยยะะะะะะะะะะมศศศศศศศศาาิเเิิิเเวศศกออือือืืศนัันุนาายยยะะะะะศศศศาษษศถถถถถถถถถถะะมมมมมือษษษษษษษษนัากึึกแแแแรรษคคถถถถถะมมมษษษษพพกึมมมมมมมมมมศศศศศแรษษคศศลลลลพรรมมมมมศศศษศศศศศศศศศศศกึกึึกกึกึละะาารึึกกููะะะะศศศศศึกึกกึะาึกกก22งงึกกึึึกึกกึกึกกกึึึกษษษษษูะษษบบบบก2งกกกึึึึึกกษษษนนััรร55ษบษษษษษษษษษษาาาาานัาารรรรร5ษษษษษงุุงาาาศศ00สสพสสาราาาาาาาาาากิิิิกกกงุเเศ0สสพาาาาา00ททึึกกิกชนรกเรกชนเรุรุุุรรเัทาาาา0ทชชึกกนรชเรุรุ))ัะะทพพาาาาษษาัยยัาาคครรรรชล)ะพาายียีษยัาษษษคยยรฬฬมมลนนกกกกาารรียุงษษยฬงงมนกาออรฎฎฎฎหหุงนนาาาาสสาางใใอฎฎหนาสางงรรรราาททหหใรรรรินนิาางราทหรรนนททททนิา์ธ์ธ์ธธ์ยยมมเเธธนท์ธ์ธยคคขขาาาามเธดดดดกกุุ์์่่คขาาดนนนนกรรเเเเตต์ุ่สสสสขขนนขขรเเตสีีีีขเเออออขตตชชชชตตขข11ีีเอตชชตบบบบข1ตตมุุมมุุมบ33ต33ุมุมพพพพ3322พพ2รรรรรร
32))นนาายงวสิทายวาบงั อร บกวั มภลาวรัฒงษนี า นผักอู้ วาิชนาวกยากรศารึกกษลามุ่ ชพานฒั านญากเคารรอ่ื งมอื และบรกิ ารการทดสอบ
3) นายวทิ ยา บัวภารังษี นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการ
94 คู่มอื การใช้เครือ่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)