The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ม.4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 61100143122, 2022-10-19 11:58:11

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ม.4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์พื้นฐาน ม.4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3

18

5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครเู พ่มิ เตมิ ความรเู้ ก่ียวกับการหาแรงลัพธ์ในกรณตี ่าง ๆ ดงั ต่อไปนี้

การหาแรงลพั ธ์โดยการเขียนรปู

หางตอ่ หวั ⃑
⃑ ⃑
+ ⃑


หางต่อหาง ⃑

− ⃑

การหาแรงลัพธโ์ ดยการคำนวณ
กรณีที่ 1 แรงย่อยมที ิศทางเดียวกัน (ทำมุม 0 องศา)

∑F = F1 + F2 และ tan θ = 0
ทศิ ทางของแรงลัพธ์จะมที ิศเดียวกับแรงย่อย
ทมี่ ขี นาดมากทสี่ ุด

กรณีที่ 2 แรงยอ่ ยมีทิศตรงขา้ มกัน (ทำมมุ 180 องศา)

∑F = F1 - F2 และ tan θ = 180๐
ทศิ ทางของแรงลพั ธจ์ ะมที ิศเดียวกบั แรงย่อย
ท่มี ีขนาดมากท่สี ุด

กรณที ี่ 3 แรงย่อยทำมุมตั้งฉากกนั (90 องศา)

หาขนาดแรงลัพธไดจาก ∑ = √ 12 + 22

หามุมแรงลัพธไดจาก tan α = 2
1
ทศิ ทางของแรงลพั ธ คือ ทิศทางของเสนตรงท่ี

ลากจากจุดเร่มิ ตนไปยังจุดสดุ ทาย

19

กรณีท่ี 4 แรงย่อยเอียงทำมมุ ใดๆ (θ)

หาขนาดแรงลัพธไดจาก ∑ = √ 12 + 22 + 2 1 2

หามุมแรงลัพธไดจาก tan α = 2
1+ 2

5.4.2 ครใู หน้ กั เรยี นทำใบกิจกรรม และใบความรู้ เร่อื ง การหาแรงลัพธ์

5.5 ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 ครูถามคำถามนักเรียนเพือ่ ตรวจสอบความรู้ โดยใช้คำถามต่อไปนี้
- แรงลัพธ์ คืออะไร (แนวคำตอบ เป็นแรงที่เกิดจากแรงที่มีมากกว่าหนึ่งแรง

กระทำตอ่ วตั ถชุ น้ิ หนง่ึ ๆ ผลทเ่ี กิดข้นึ จะเสมือนกบั วา่ มีแรงเพียงแรงเดียวกระทำกบั วัตถนุ ั้น)
- การหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูปสามเหลี่ยมทำได้อย่างไร (แนวคำตอบ นำหาง

ของแรงหนง่ึ ตอ่ กับหวั ของแรงหน่ึงแล้วลากจากหางของแรงแรกไปยงั หัวของแรงที่สอง)
- การหาแรงลัพธ์โดยการสร้างรูปส่เี หลี่ยมด้านขนานทำไดอ้ ยา่ งไร (แนวคำตอบ นำ

หางของแรงหน่ึงต่อกับหางของอีกแรงหนึ่ง จากนนั้ สร้างรูปส่ีเหลี่ยมด้านขนานแล้วลากจากจุดหางต่อหาง
ตามเสน้ ทแยงมมุ ขึ้นไป)

5.5.2 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบกจิ กรรม และใบความรู้ เรอื่ ง การหาแรงลัพธ์
5.5.3 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล

6. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรียนรายวิชาฟสิ กิ ส์เพ่มิ เตมิ ม. 4 เล่ม 1 สสวท.
6.2 ใบความรู้ เรื่อง การหาแรงลพั ธ์ และใบงาน เรือ่ ง การหาแรงลพั ธ์
6.3 ชุดการทดลองหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ และใบกจิ กรรม

20

7. กระบวนการวดั และประเมินผล

จุดประสงค์ เคร่อื งมอื วธิ กี ารวัด เกณฑ์การตัดสนิ
ดา้ นความรู้ (K) ใบงาน ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) อธิบายความหมายของแรงลพั ธไ์ ด้
ใบงาน นอ้ ยรอ้ ยละ 70

ดา้ นดา้ นทกั ษะกระบวนการ(P) ใบงาน ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) ทดลองหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทำมุมกัน ใบงาน น้อยรอ้ ยละ 70
ได้ แบบประเมิน
2) หาแรงลพั ธ์โดยวิธกี ารสรา้ งรูปสามเหลีย่ มและ พฤติกรรม สงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์อยา่ ง
สี่เหล่ียมดา้ นขนานได้ นอ้ ยร้อยละ 70
3) หาแรงลัพธโ์ ดยใชว้ ธิ กี ารคำนวณได้
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1) มีความสนใจใฝ่รู้ทางดา้ นวิทยาศาสตร์

21

บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการจดั การเรียนการสอน
K : นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของแรงลัพธไ์ ด้
P : สามารถหาแรงลพั ธ์โดยวธิ กี ารสร้างรูปสามเหลี่ยมและสี่เหลีย่ มได้
A : นักเรียนออกมาทำกิจกรรมหนา้ ชน้ั เรยี น ตง้ั ใจทำงานที่ได้รับมอบหมายเปน็ อย่างดี

ปัญหาและอุปสรรค/ข้อบกพร่องท่ีพบ
-

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ไข
ใหน้ ักเรียนออกมาทำหนา้ กระดานและอธบิ ายให้เพ่ือนๆฟัง สำหรบั คนทีไ่ ม่ต้ังใจฟงั หรือคนท่ที ำได้

22

ความคิดเหน็ ของครพู ี่เลีย้ ง

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

23

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/9

คำชี้แจง : ครผู สู้ อนประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนโดยให้คะแนนตามเกณฑท์ ่ีกำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลข ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ที่ ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกฤตธรี า วเิ ชยี รเครอื 2 2 22 8 /

2 เด็กชายกษิกร ถาวรวเิ ชยี ร 2 2 22 8 /

3 นางสาวจรรยมณฑน์ ปัถพี 2 2 22 8 /

4 นายจฑุ าภกั ดี จนั ทคตั 2 2 22 8 /

5 นางสาวชลกมล ดอนจนั ทร์โคตร 2 2 2 2 8 /

6 นายญาณวุฒิ ใหม่วงษ์ 2 2 22 8 /

7 นางสาวณฎั ฐณิชา นภากาศ 2 2 22 8 /

8 นางสาวณฐั ธยาน์ วงตา 2 2 22 8 /

9 เด็กหญิงณัฐรวี ศรีสุนทร 2 2 22 8 /

10 นางสาวดลภคั ชยั รัตน์ 2 2 22 8 /

11 นายธนธรรม คา่ ยใส 2 2 22 8 /

12 นางสาวธนภรณ์ เสยี งใส 2 2 22 8 /

13 เดก็ หญงิ ธวัลรตั น์ ทองธริ าช 2 2 22 8 /

14 นางสาวธาริน หาญณรงค์ 2 2 22 8 /

15 นางสาวนภสร ไชยมงคล 2 2 22 8 /

16 นายนราธร วงษศ์ รวี อ 2 2 22 8 /

17 นายบรุ วชิ ยา รงค์ทอง 2 2 22 8 /

18 นายปฏิภาณ เบย้ี วทุ่งน้อย 2 2 22 8 /

19 เด็กหญงิ ปพิชญา ภกู องไชย 2 2 22 8 /

20 นายพศวตั ศรีขดั เค้า 2 2 22 8 /

21 นางสาวพัชรห์ ทยั จนั ทร์สมคอย 2 24
22 นางสาวพัชราภร บตุ รพรม 2
23 นางสาวพณั ณิตา พรมสมบัติ 2 2 22 8 /
24 นางสาวพนั ธนันธ์ ยาวาปี 2 2 22 8 /
25 นายพรี วิชญ์ ศรี ษะโคตร 2 2 22 8 /
26 เด็กชายพฒุ ิพงศ์ สงวนต้นกัลยา 2 2 22 8 /
27 นางสาวเพชรไพลิน จิว๋ กรา่ ง 2 2 22 8 /
28 เด็กหญงิ เพลงไพเราะ สว่างอารมณ์ 2 2 22 8 /
29 นางสาวฟ้าพราว จันทร์ทะวงษ์ 2 2 22 8 /
30 นางสาวภัทรยี า นัทธี 2 2 22 8 /
31 เด็กชายยศกร ทิพย์โชติ 2 2 22 8 /
32 นางสาวรมติ า ทา้ วพา 2 2 22 8 /
33 นายวงศกร บตุ รแก้ว 2 2 22 8 /
34 นายวชริ วชิ ญ์ ภาโนมยั 2 2 22 8 /
35 เด็กหญงิ วรศิ รา พะรินรมั ย์ 2 2 22 8 /
36 นางสาววรศิ รา สนทนา 2 2 22 8 /
37 นายศุภกร ใจแก้ว 2 2 22 8 /
38 เดก็ ชายศุภโชค เปรมนัส 2 2 22 8 /
39 เด็กชายอชิระ เพราะกระโทก 2 2 22 8 /
40 นายอนุวฒั น์ สดุกา 2 2 22 8 /
41 เดก็ หญิงอรกญั ญาฐ์ วงศเ์ ลศิ 2 2 22 8 /
42 นางสาวอรจิรา ประทมุ ชยั 2 2 22 8 /
43 นายอรรถพร เหวนอก 2 2 22 8 /
44 นางสาวสุวภทั ร เจริญวงศ์ 2 2 22 8 /
45 นายเสฎภมู ิ จริยามา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
เกณฑก์ ารให้คะแนน 2 22 8 /
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
สรปุ คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผ่าน

25

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/11

คำชแี้ จง : ครผู สู้ อนประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนโดยใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลขที่ ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกัลป์ยกร ศภุ วฒุ ณิ ฐั 2 2 22 8 /
2 นางสาวกานต์ วงศ์เพชรชารัต 2 2 22 8 /
4 นายฉัตรนิ ปานะถึก 2 2 22 8 /
5 เด็กหญงิ ชญาภา สงิ คลีประภา 2 2 22 8 /
8 นางสาวดารารตั น์ รม่ วาปี 2 2 22 8 /
9 นายตลุ า วระไวย์ 2 2 22 8 /
10 นายธนดล เหลา่ โพธ์ิ 2 2 22 8 /
11 นางสาวธญั ญรัตน์ ปญั ญาวชิรพงษ์ 2 2 22 8 /
12 นางสาวธิชา โคตรมงคล 2 2 22 8 /
13 นางสาวบญุ ญารกั ษ์ เหลา่ หวา้ น 2 2 22 8 /
14 นางสาวเบ็ญจพร บุญสา 2 2 22 8 /
15 เดก็ ชายปรมนิ ทร์ พรมมาตย์ 2 2 22 8 /
16 นายปรินทร กองสิน 2 2 22 8 /
17 นายปญั ณวิศญ์ ปัญญาทอง 2 2 22 8 /
18 นางสาวปาลิดา กิจขยัน 2 2 22 8 /
19 นางสาวปณุ ณศิ า ชุกะวฒั น์ 2 2 22 8 /
20 เด็กหญิงปณุ ยวรี ์ อปุ ถัมภ์ 2 2 22 8 /
21 นางสาวพลอยทิพย์ รวมธรรม 2 2 22 8 /
22 นายพิชาญเมธ กังวานสุขธำรง 2 2 22 8 /

23 เดก็ หญงิ พรี ดา อัชฌานภาลยั 2 26

24 นายภคพล เงนิ ขาว 2 2 22 8 /
2 22 8 /
25 นางสาวภิญญดา ลายวรรณรัตน์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
26 นางสาวภริ ญั ญา ผาริโน 2 2 22 8 /
2 22 8 /
27 นางสาวมนชนก แกว้ ฝา่ ย 2 2 22 8 /
2 22 8 /
28 นายยุทธภมู ิ นามอตุ วงศ์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
29 เดก็ หญงิ รชาอร ช้างรักษา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
30 นายรัตนะเทพ สขุ เกษม 2 2 22 8 /
2 22 8 /
31 เดก็ ชายวรี ชั กรณ์ เอีย่ มสนิ ธร 2 2 22 8 /
2 22 8 /
32 นายเวคิน ทอนฮามแกว้ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
33 เด็กหญิงศริ ิกลั ยา ผการตั น์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
34 นายสรรพากร ศรหี ะ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
35 นางสาวสุปรยี า หงษี 2 2 22 8 /
2 22 8 /
36 นายอนพัทย์ โสตะราษฎร์ 2 2 22 8 /

37 เด็กชายอนุศิษฎ์ แก้ววันนา 2 ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
38 นางสาวอภิญญา ภูวเดชากุล 2 ให้ 1 คะแนน

40 นายอัครพล วงศก์ าฬสนิ ธุ์ 2

41 นางสาวอัญชิสา ภูชธู รรม 2

42 นายจรี าวัฒน์ ถาวรสนิ พงศ์ 2

43 นายเจษฏาภรณ์ บญุ นอก 2

44 นายจิรันธนิน วงศธ์ รี ะชวลิต 2

45 นางสาวฐานิตา เนตรโสภา 2

46 นางสาวปญั ฐญิ า วลิ าวัน 2

47 นางสาวรสิตา ผา่ นคำ 2

48 นายอันดามัน มพี ยุง 2

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ

ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั

สรุป คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผา่ น

27

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 12

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
รายวชิ า ฟิสกิ ส์พ้นื ฐาน รหัสวชิ า ว30101
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 แรงและกฎการเคลอื่ นท่ี เวลา 24 ชว่ั โมง
เร่ือง มวล แรง และกฎการเคลื่อนท่ี เวลา 9 ชั่วโมง
ภาคเรยี นท่ี 1/2565
ครูผู้สอน นายสรุ วฒุ ิ สงศรี

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ดั
สาระฟสิ กิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎ

การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกล ของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์
พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลอ่ื นทีแ่ นวโคง้ รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
5. เขียนแผนภาพของแรงท่ีกระทำต่อวัตถุอิสระ และอธบิ ายกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตันและการใช้

กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้งทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรง
มวล และความเรง่ ตามกฎข้อท่สี องของนิวตนั

2. สาระสำคัญ
สมบัติของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ เรียกว่า ความเฉื่อย มวลเป็นปริมาณที่บอกให้

ทราบว่าวตั ถุใดมคี วามเฉอื่ ยมากหรอื น้อย
กฎการเคล่อื นท่ีของนิวตัน (Newton’s laws of motion)
- ข้อที่หนึ่ง “ในกรอบอ้างอิงเฉื่อย วัตถุจะยังคงรักษาสภาพการเคลื่อนที่ที่วัตถุนั้นอยู่นิ่งหรอื

เคลื่อนทีด่ ้วยความเร็วคงตวั ตราบเทา่ ท่ไี ม่มแี รงมากระทำต่อวตั ถุน้นั ”
- ข้อที่สอง “ความเร่งของวัตถุแปรผันตรงกับแรงลัพธ์ที่กระทำ ต่อวัตถุนั้นแต่จะแปรผกผัน

กับมวลของวตั ถุ”
- ข้อท่สี าม “เม่ือวตั ถุสองก้อนมีปฏิกิริยาต่อกนั แรงบนวตั ถุก้อนหนึ่งจะเทา่ และมีทิศตรงข้าม

กับแรงบนวตั ถุอีกกอ้ นหนง่ึ เสมอ”

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธบิ ายความสัมพันธข์ องมวลและความเฉ่ือยได้
2) อธบิ ายกฎการเคลื่อนท่ขี องนวิ ตนั ได้

28

3.2 ดา้ นด้านทักษะกระบวนการ (P)
1) คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กย่ี วกฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตันได้

3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1) มคี วามสนใจใฝ่รูท้ างดา้ นวิทยาศาสตร์

3.4 ทักษะกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ (Science Process Skill)
- การสงั เกต การวัด การคำนวณ และการลงความเห็นจากข้อมูล

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความเฉื่อย (inertia) เป็นสมบตั ิทวี่ ัตถตุ ้านการเปลีย่ นสภาพการเคล่ือนที่ และ ปรมิ าณทบ่ี อกให้

ทราบถงึ ความเฉ่ือยของวตั ถคุ ือ มวล (mass)
4.2 กฎการเคล่ือนทข่ี องนวิ ตัน (Newton’s laws of motion)
ข้อที่ 1 เมื่อไม่มีแรงมากระทำต่อวัตถุ วัตถุนั้นจะยังคงรักษาสภาพการเคลื่อนที่ที่วัตถุนั้นอยู่

นง่ิ หรือเคล่อื นทีด่ ้วยความเรว็ คงตัว เขยี นเปน็ สมการได้

∑F⃑ = 0

ข้อที่ 2 เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุ วัตถุนั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง โดยความเรง่ จะแปรผนั
ตรงกับแรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อวัตถุน้ันแตจ่ ะแปรผกผันกับมวลของวตั ถุ เขยี นเป็นสมการได้

∑⃑F = m⃑a

ข้อที่ 3 เมื่อมีแรงกระทำระหว่างวัตถุสองก้อน แรงที่วัตถุทั้งสองกระทำต่อกัน จะมีขนาด
เท่ากนั และมที ศิ ทางตรงข้ามกัน เขยี นเป็นสมการได้

F = −F

5. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1- 3
5.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ ักเรียนทราบ
5.1.2 ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกยี่ วกับแรงวา่ ส่ิงที่ทำให้วัตถุเปล่ยี นสภาพการเคลอื่ นท่ี
5.1.3 ครูถามคำถามนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถาม

ตอ่ ไปน้ี
- มวลมีผลต่อการเคล่ือนทหี่ รือไม่ อยา่ งไร (นักเรียนตอบคำถามไดอ้ ยา่ งอิสระ)

29

5.2 ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration)j
5.2.1 ครูให้นักเรียนสังเกตและเปรียบเทียบการออกแรงกระทำ ต่อวัตถุที่มีมวลมาก และ

มวลน้อย ให้เคล่ือนทโี่ ดยไมม่ ีแรงเสียดทาน โดยผลักวัตถุ 2 ชิ้นที่มมี วลต่างกัน ด้วยแรงทเ่ี ทา่ ๆ กัน
5.2.2 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ ดังต่อไปน้ี
- แรงเป็นสิง่ ที่ทำให้วัตถเุ ปลี่ยนสภาพการเคลอื่ นท่ี
- วัตถุจะมีสมบัติต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ สมบัติดังกล่าวเรียกว่า ความ

เฉ่อื ย (inertia)
- ปรมิ าณที่บ่งบอกให้ทราบว่าวตั ถุจะมีความเฉือ่ ยมากหรือน้อยน้ัน คือ มวล (mass)

5.2.3 ครูให้นกั เรยี นสืบค้นความรเู้ กี่ยวกบั กฎการเคลื่อนท่ขี องนวิ ตัน
5.2.4 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกฎการเคลื่อนที่ข้อที่ 1 ของนิวตัน โดยใช้
สถานการณ์ตอ่ ไปนี้

- วางหนังสอื ไว้บนโต๊ะ หนงั สือไม่มกี ารเปลย่ี นแปลง
- เม่ือเบรกใหร้ ถหยดุ กะทนั หัน ทำไมเราถึงเซไปข้างหนา้
ในมุมมองที่ไม่มีแรงกระทำต่อวัตถุสภาวะที่วัตถุหยุดนิ่งกับสภาวะที่วัตถุเคลื่อนที่ด้วย
ความเรว็ คงตัวเป็นสภาวะท่ีเทียบเท่ากนั อย่างสมบูรณ์ โดยพื้นฐานแล้ว วตั ถพุ ยายามรักษาสภาพการเคลื่อนท่ี
เดิมไว้ จึงเรยี กความพยายามของวตั ถุเชน่ น้วี า่ ความเฉอ่ื ย (inertia) ดงั นั้นกฎการเคลอ่ื นท่ขี อ้ ที่ 1 ของนวิ ตนั จึง
อาจเรียกช่ือไดอ้ ีกอยา่ งหน่งึ ว่า กฎของความเฉื่อย (law of inertia)

5.3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)
5.3.1 ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ เกี่ยวกับเก่ียวกับกฎการเคลือ่ นท่ขี ้อท่ี 1 ดงั ตอ่ ไปน้ี

กฎข้อท่ี 1 กฎของความเฉอ่ื ย (Inertia)
“วัตถุจะยังคงรักษาสภาพการเคลื่อนที่ทว่ี ัตถนุ นั้ อยูน่ ิ่งหรือเคล่อื นทดี่ ้วยความเร็วคงตวั

ตราบเท่าท่ีไม่มีแรงมากระทำตอ่ วัตถนุ ั้น”

∑F⃑ = 0

“หากแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมีค่าเป็นศูนย์ วัตถุจะรักษาสภาพเดิม” คำว่า รักษาสภาพเดิมอาจ
หมายถงึ 1. วัตถุอยูน่ ิ่ง ๆ 2. วัตถุเคล่อื นท่ดี ้วยความเร็วคงที่

5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครยู กตัวอยา่ งสถานการณ์ในชีวติ ประจำวนั เกย่ี วกบั กฎข้อที่ 1 ของนิวตัน ดงั ต่อไปนี้

30

- ขณะท่รี ถเขา้ โค้งซ้ายคนขับจะรู้สกึ เอยี งไปทางขวา เพราะคนขับพยายามรักษา
สภาพเดิม คือ เคลื่อนทแี่ นวตรงจึงรู้สึกว่าลำตวั เอียงไปทางขวา

- เม่ือเบรกให้รถหยดุ กะทันหัน เราถงึ เซไปขา้ งหนา้ เพราะเราพยายามรักษาสภาพ
การเคลื่อนท่ีดว้ ยความเรว็ เทา่ กับความเรว็ รถ ดังน้ันเมือ่ รถหยดุ เราจึงเซไปขา้ งหนา้

- รถชนกนั อยา่ งแรงคนทนี่ ัง่ ด้านหนา้ รถกระเด็นทะลผุ า่ นกระจก เพราะคนน่งั
พยายามรักษาสภาพการเคลื่อนท่ดี ว้ ยความเรว็ เท่ากบั อย่างเรว็ ของรถดังนน้ั เมื่อรถชนกนั อย่างแรงคนจึง
กระเดน็ ออกจากหน้ารถ

5.4.2 ครูใหน้ กั เรยี นทำใบความรู้ และใบงาน เร่ือง มวล แรง และกฎการเคลื่อนท่ี

5.5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation)
5.5.1 ครถู ามคำถามนกั เรียนเพอ่ื ตรวจสอบความรู้ โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้
- ปริมาณในทางฟิสกิ ส์ที่บอกให้ทราบว่าวตั ถุใดมคี วามเฉื่อยมากหรือน้อยขนาดไหน

(แนวคำตอบ ความเฉื่อยจะมากหรือน้อยขน้ึ อยู่กบั มวล ถา้ มวลมากความเฉื่อยมาก และถ้ามวลน้อยความ
เฉอ่ื ยจะนอ้ ย)

- จงอธิบายว่า เมื่อรถหยุดกะทันหันเหตุใดคนในรถจึงพุ่งไปข้างหน้า อาศัยหลักกฎ
ข้อท่ี 1 ของนวิ ตัน (แนวคำตอบ เมอื่ รถหยดุ กะทนั หัน คนในรถจึงพุง่ ไปข้างหน้า เนอื่ งจากคนในรถพยายาม
รักษาสภาพการเคลอ่ื นทีด่ ว้ ยความเร็วคงตวั )

5.5.2 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบงาน เรอื่ ง มวล แรง และกฎการเคลอ่ื นท่ี
5.5.3 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล

ช่วั โมงที่ 4 - 6
5.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)

5.1.1 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ
5.1.2 ครทู บทวนความรูเ้ ดมิ เกีย่ วกบั กฎการเคลือ่ นทข่ี ้อท่ี 1 ของนวิ ตนั
5.1.3 ครูถามคำถามนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถาม
ต่อไปน้ี

- ถ้าวัตถุเคลื่อนที่โดยมีแรงลัพธ์ท่ีไม่เท่ากับศูนย์มากระทำ วัตถุจะเคลื่อนที่อย่างไร
(นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจไม่มผี ดิ ถูก)

5.2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)j
5.2.1 ครูสาธติ เก่ียวกับการเคลอื่ นทขี่ องวตั ถุ โดยปฏิบตั ิดงั ตอ่ ไปนี้

31

1) ผูกเชือกกบั รถของเล่นและต้มุ น้ำหนกั วางบนโตะ๊ แล้วใช้ไม้บรรทัดกันเอาไว้
2) นำไม้บรรทัดที่กันออก สังเกตการเคลื่อนที่ของรถทดลองทั้ง 2 คัน บันทึกผล
การทดลอง
3) ทำการทดลองซ้ำข้อ 1) โดยเพ่มิ ตุม้ น้ำหนกั ใหร้ ถอกี คันหนง่ึ ดังรูป
4) นำไม้บรรทัดที่กั้นออก สังเกตการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนที่ของรถทั้งสอง
5.2.3 ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั กฎการเคลอ่ื นทข่ี ้อที่ 2 ของนวิ ตนั วา่
- ถา้ เราผลักวตั ถใุ หแ้ รงข้นึ ความเรง่ ของวตั ถกุ ็จะมากข้ึนตามไปดว้ ย
- ถ้าเราออกแรงเท่าๆ กัน ผลักวัตถุสองชนิดซึ่งมีมวลไม่เท่ากัน วัตถุที่มีมวลมาก
จะเคลื่อนทดี่ ้วยความเร่งน้อยกวา่ วตั ถุทีม่ ีมวลน้อย

5.3 ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
5.3.1 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปเก่ยี วกับเกย่ี วกับกฎการเคลอ่ื นที่ข้อที่ 2 ดังต่อไปนี้

กฎขอ้ ที่ 2 กฎของแรง (Force)
“เมอ่ื มีแรงลพั ธซ์ ึง้ มขี นาดไมเ่ ปน็ ศูนยม์ ากระทำตอ่ วตั ถุ จะทำให้วตั ถเุ กิดความเร่ง
ในทศิ เดียวกบั แรงลัพธท์ ี่มากระทำ และขนาดของความเร่งจะแปรผันตรงกับขนาด

ของแรงลพั ธแ์ ปรผกผนั กบั มวลของวัตถุ”

∑F⃑ =

น่ันคอื แรงลัพธท์ ี่กระทำบนวัตถุมวล m จะเทา่ กบั มวลของวัตถุน้ันคูณกับความเร่ง สามารถใช้กฎข้อน้ี
กำหนดนิยามของแรงได้ กล่าวคือ “แรงเป็นสาเหตุที่ทำให้วตั ถุมีความเร่ง โดยแรงเดี่ยวที่กระทำกับวัตถุจะทำ
ให้วัตถุมีความเร่งในทิศของแรงดังกล่าว และขนาดของแรงจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร่ง” ในกรณีท่ี
ปล่อยวตั ถุใกลๆ้ ผิวโลก วตั ถุจะมแี รงมากระทำเนื่องจากความโน้มถ่วงของโลก ทำให้วตั ถุตกด้วยความเร่ง 9.8
m/s2

1
∝ ∝






=

32

∑F⃑ =

5.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครยู กตัวอย่างการนำกฎการเคลือ่ นท่ีของนวิ ตนั มาประยุกต์ใช้ในการคำนวณ ดงั น้ี
- แทง่ ไม้มวล 6.0 กโิ ลกรัม วางบนถาดท่ีไม่มีแรงเสยี ดทาน มแี รงขนาด 18 นวิ ตัน

มากระทำต่อแท่งไมน่ ้ีในทศิ ทางขนานกบั พ้นื ถาด ใหห้ าขนาดและทิศทางของความเรง่ ของไมน้ ้ี

จากแรง = 18

ลังมวล = 6.0

แทนในสมการ =

= 18 = 3.0 / 2

6.0
ดังน้นั ขนาดความเร่งของไมม้ ีคา่ เท่ากับ 3.0 เมตรต่อวินาที2 มที ศิ ทางเดยี วกับแรงท่ีมากระทำ

- รถยนตค์ นั หน่ึงมวล 800 กโิ ลกรัมกำลังแลน่ บนถนนในแนวระดบั ดว้ ยความเร็ว 20

เมตรตอ่ วินาทีไปทางทิศตะวนั ออก เมอื่ คนขบั ดับเคร่ืองยนต์ รถคันนแ้ี ล่นไปอีกเป็นระยะทาง 100 เมตร จงึ

หยดุ น่ิง จงหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ที่กระทำต่อรถยนต์

จาก 2 = 2 + 2

แทนคา่ 02 = 202 + 2 (100)

จะได้ = −2 / 2

หาแรงลพั ธ์ จาก =

แทนค่า = (800 )(−2 / 2)

จะได้ = −1600

ดังนัน้ แรงลพั ธท์ ก่ี ระทำต่อรถยนต์มรขนาด 1600 นวิ ตัน ในทศิ ตะวันตก

- เดวิดต้องการลากมวลรถ 5 กโิ ลกรัม ซึ่งบรรจกุ ระสอบมวล 45 กิโลกรมั ดว้ ยแรง
100 นวิ ตนั ถ้าลอ้ รถลากไมม่ ีความฝืดในเวลา 2 วนิ าที ต้นจะลากรถจากจอดนิง่ ไปได้ไกลก่เี มตร

33

พจิ ารณามวลทั้งระบบ m = 5+45 = 50 กโิ ลเมตร

คำนวณหาความเร่งของการเคล่ือนท่ี

จากสมการ ∑F⃑ =

100 = (50)a

= 100 = 2 / 2

50

คำนวณหาระยะทางทตี่ น้ จะลากรถไปได้

จากสมการ = + 1 2

2

= (0)(2) + 1 (2)(2)2

2

s =4m

- เด็กคนหนึ่งลากกระดานเลื่อนมวล 20 กิโลกรัม บนพื้นลื่นด้วยเชือกเบา เอียงทำ
มุม 15 องศา กับแนวราบ หากเด็กคนนี้ออกแรงดึง 10 นิวตัน อยากทราบว่ากระดานเลื่อนจะเคลื่อนที่ด้วย
ความเร่งเทา่ ไร

พิจารณาองค์ประกอบของแรง

แรงดงึ ในแนวราบ ( ) : = 15๐
แรงดงึ ในแนวราบ ( ) : = 15๐
เน่ืองจากตอ้ งการทราบความเรง่ ในแนวราบของกระดานเล่ือน เราจึงพจิ ารณาแรงดึงในแนวราบ ( )
เท่านั้น

34

จากกฎข้อที่ 2 ของนิวตัน ∑⃑F =

= ma

15๐ =
= 15๐


(10)(0.966)
= 20 = 0.48 / 2

5.4.2 ครูใหน้ ักเรียนทำใบความรู้ และใบงาน เร่ือง มวล แรง และกฎการเคลื่อนที่

5.5 ข้นั ประเมิน (Evaluation)
5.5.1 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบความรู้ และใบงาน เรื่อง มวล แรง และกฎ

การเคลื่อนท่ี
5.5.2 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน

รายบคุ คล

ชว่ั โมงที่ 7 - 9
5.1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement)

5.1.1 ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ
5.1.2 ครูทบทวนความรูเ้ ดิมเก่ียวกับกฎการเคล่อื นทข่ี ้อท่ี 1 และข้อท่ี 2 ของนวิ ตัน
5.1.3 ครูถามคำถามนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยใช้คำถาม
ตอ่ ไปนี้

- ถ้าเราเอามือเราทุบลงโต๊ะ จะเกิดอะไรขนึ้ พร้อมบอกว่ามีแรงอะไรท่ีเกิดข้ึนกับมือ
เรา (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจไม่มีผิดถกู )

5.2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
5.2.1 ครูและนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับกฎข้อที่ 3 ว่าทุกแรงกิริยาจะต้องมีแรงปฏิกิริยาซึ่งมี

ขนาดเท่ากันและมีทิศทางตรงข้ามเสมอหรือแรงกระทำซึ่งกันและกันของวัตถุทั้งสอง ย่อมมีขนาดเท่ากันและ
ทศิ ตรงขา้ ม

แรงกริ ยิ า = แรงปฏิกิริยา
กฎข้อนี้แสดงให้เห็นว่าแรงทุกแรงจะเกิดข้ึนเป็นคูเ่ สมอ เมื่อวัตถุ A ส่งแรงกระทำต่อวัตถุ B วัตถุ B ก็
จะสง่ แรงที่เท่ากนั ตอบกลับมาในทศิ ทางท่ตี รงขา้ ม

35

5.2.2 ครนู ำสถานการณต์ อ่ ไปนี้มาให้นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเก่ียวกับแรงกิริยา-แรงปฏิกิริยา
โดยใช้สถานการตอ่ ไปน้ี

- ชายคนที 1 ต่อยหน้าชายคนที่ 2 ชายคนที่ถูกต่อยเจ็บหน้า และชายคนที่ต่อยก็
เจบ็ มอื ดว้ ยเชน่ กัน ยง่ิ ออกแรงต่อยมากเทา่ ใด ก็จะย่งิ เจ็บมอื มากเท่านัน้

- การตอกตะปู ค้อนกับตะปมู ีแรงกระทำต่อกนั ทม่ี ีขนาดเทา่ กัน
- ขณะที่คนกำลังพายเรือ แรงที่ไม้พายกระทำต่อน้ำ เป็นแรงกิริยา และน้ำจะดันไม้
พายไปข้างหน้า ซึ่งเป็นแรงปฏิกิริยา เป็นผลให้เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ขนาดของแรงที่ไม้พายกระทำกับน้ำ
เท่ากับ ขนาดของแรงท่ีน้ำกระทำกบั ไม้พาย แตม่ ีทิศทางตรงข้ามกัน

5.3 ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
5.3.1 ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เกี่ยวกบั เกีย่ วกบั กฎการเคลื่อนทข่ี ้อท่ี 2 ดังตอ่ ไปนี้

กฎขอ้ ที่ 3 กฎของแรงปฏกิ ริ ยิ า (Action = Reaction)
“ทกุ แรงกิริยาย่อมมีแรงปฏิกิริยาขนาดเทา่ กนั กระทำในทิศตรงกันขา้ มเสมอ
หรือแรงกระทำซงึ่ กันและกนั ของวัตถสุ องก้อนย่อมมีขนาดเท่ากนั แต่มีทิศทางตรงกันข้าม”

= −

หมายความวา่ ถ้าวัตถุ A ออก แรง ⃑ ⃑⃑ ⃑ กระทำกับวัตถุ B แล้ว วัตถุ B จะออกแรง ⃑ ⃑ ⃑⃑ กระทำต่อวัตถุ
A ในทศิ ทางทีต่ รงข้ามกนั

5.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครเู พ่มิ เติมเก่ียวกบั หลักการพิจารณาแรงคู่กริ ิยาและปฏกิ ริ ยิ า
1) ขนาดของแรงคู่กริ ยิ าและปฏกิ ริ ิยาเทา่ กนั โดยมีทศิ ทางตรงกันข้าม ไม่ว่าระบบน้ัน

จะอยู่นง่ิ หรือเคลื่อนที่
2) แรงกิริยาและแรงปฏกิ ริ ยิ า เป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุคนละก้อน ไม่สามารถนำมา

หักลา้ งกนั ได้
3) แรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ิริยา จะเกิดข้นึ กบั วัตถุสองส่ิงทส่ี มั ผสั กัน เช่นเอามือดนั

ผนัง หรือเกิดกับวัตถุสองสง่ิ ที่ไมส่ มั ผัสกนั ก็ได้ เช่น แรงดึงดูดระหวา่ งมวล แรงระหวา่ งประจุไฟฟา้

36

5.4.2 ครยู กตัวอยา่ งแรงกริ ิยาและแรงปฏกิ ิรยิ า

สถานการณ์ แรงกิรยิ า (action force) แรงปฏิกริ ยิ า (reaction force)

การเตะฟตุ บอล แรงท่เี ทา้ กระทำต่อลูกบอล แรงทลี่ ูกบอลกระทำต่อเท้า

ดาวเทยี มโคจรรอบโลก โลกดึงดดู ดาวเทยี ม ดาวเทียมดงึ ดูดโลก

แม่เหล็กดดู ตะปู แรงที่แม่เหล็กกระทำต่อตะปู แรงท่ตี ะปกู ระทำต่อแม่เหล็ก

เด็กกระโดดบนพน้ื เทา้ ออกแรงกระทำบนพน้ื พ้นื ออกแรงกระทำต่อเท้า

5.4.2 ครใู หน้ ักเรียนทำใบความรู้ และใบงาน เรื่อง มวล แรง และกฎการเคลือ่ นท่ี

5.5 ขั้นประเมิน (Evaluation)
5.5.1 ครถู ามคำถามนักเรยี นเพื่อตรวจสอบความรู้ โดยใช้คำถามตอ่ ไปน้ี
- จงอธบิ าย กฎการเคลือ่ นที่ทง้ั สามขอ้ ของนวิ ตนั ว่า กฎการเคลือ่ นที่แตล่ ะข้อเกิดขึ้น

เม่ือวตั ถุมีสภาพการเคล่อื นที่เปน็ อยา่ งไร
5.5.2 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบความรู้ และใบงาน เรื่อง มวล แรง และกฎ

การเคล่อื นท่ี
5.5.3 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน

รายบคุ คล

6. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์เพ่มิ เติม ม. 4 เล่ม 1 สสวท.
6.2 ใบความรู้ เรื่อง มวล แรง และกฎการเคล่อื นท่ี และใบงาน เรอื่ ง มวล แรง และกฎการเคลอื่ นที่

37

7. กระบวนการวัดและประเมินผล

จดุ ประสงค์ เครื่องมือ วิธกี ารวดั เกณฑ์การตัดสนิ
ดา้ นความรู้ (K) ใบงาน ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) อธิบายความสัมพันธ์ของมวลและความเฉ่ือย ตรวจคำตอบจาก น้อยร้อยละ 70
ได้ ใบงาน
2) อธบิ ายกฎการเคล่ือนทีข่ องนิวตันได้
ด้านดา้ นทักษะกระบวนการ(P) ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) คำนวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกีย่ วกฎ ใบงาน ใบงาน นอ้ ยร้อยละ 70
การเคล่อื นทีข่ องนวิ ตนั ได้
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) แบบประเมนิ สงั เกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) มีความสนใจใฝ่รทู้ างด้านวิทยาศาสตร์
พฤติกรรม น้อยร้อยละ 70

38

บันทึกผลหลังสอน

ผลการจัดการเรยี นการสอน
K : นกั เรียนสามารถอธิบายกฎการเคลือ่ นท่ีของนิวตันได้ และยกตวั อยา่ งได้อย่างหลากหลาย
P : นกั เรียนมีทกั ษะการสังเกต การวัดปรมิ าณ การคำนวณโจทยป์ ญั หาทเ่ี กยี่ วข้อง
A : นกั เรียนออกมาทำกิจกรรมหน้าช้ันเรียน ตงั้ ใจทำงานทไี่ ดร้ บั มอบหมายเปน็ อย่างดี

ปัญหาและอปุ สรรค/ข้อบกพร่องที่พบ
-

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ไข
การเรยี นในหอ้ งเรยี นมีความสุข เกดิ การยกตวั อยา่ งตา่ งๆมากๆ นักเรียนไม่เบ่ือ

39

ความคิดเหน็ ของครพู ี่เลีย้ ง

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

40

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/9

คำชี้แจง : ครผู สู้ อนประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนโดยให้คะแนนตามเกณฑท์ ่ีกำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลข ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ที่ ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกฤตธรี า วเิ ชยี รเครอื 2 2 22 8 /

2 เด็กชายกษิกร ถาวรวเิ ชยี ร 2 2 22 8 /

3 นางสาวจรรยมณฑน์ ปัถพี 2 2 22 8 /

4 นายจฑุ าภกั ดี จนั ทคตั 2 2 22 8 /

5 นางสาวชลกมล ดอนจนั ทร์โคตร 2 2 2 2 8 /

6 นายญาณวุฒิ ใหม่วงษ์ 2 2 22 8 /

7 นางสาวณฎั ฐณิชา นภากาศ 2 2 22 8 /

8 นางสาวณฐั ธยาน์ วงตา 2 2 22 8 /

9 เด็กหญิงณัฐรวี ศรีสุนทร 2 2 22 8 /

10 นางสาวดลภคั ชยั รัตน์ 2 2 22 8 /

11 นายธนธรรม คา่ ยใส 2 2 22 8 /

12 นางสาวธนภรณ์ เสยี งใส 2 2 22 8 /

13 เดก็ หญงิ ธวัลรตั น์ ทองธริ าช 2 2 22 8 /

14 นางสาวธาริน หาญณรงค์ 2 2 22 8 /

15 นางสาวนภสร ไชยมงคล 2 2 22 8 /

16 นายนราธร วงษศ์ รวี อ 2 2 22 8 /

17 นายบรุ วชิ ยา รงค์ทอง 2 2 22 8 /

18 นายปฏิภาณ เบย้ี วทุ่งน้อย 2 2 22 8 /

19 เด็กหญงิ ปพิชญา ภกู องไชย 2 2 22 8 /

20 นายพศวตั ศรีขดั เค้า 2 2 22 8 /

21 นางสาวพัชรห์ ทยั จนั ทร์สมคอย 2 41
22 นางสาวพัชราภร บตุ รพรม 2
23 นางสาวพณั ณิตา พรมสมบัติ 2 2 22 8 /
24 นางสาวพนั ธนันธ์ ยาวาปี 2 2 22 8 /
25 นายพรี วิชญ์ ศรี ษะโคตร 2 2 22 8 /
26 เด็กชายพฒุ ิพงศ์ สงวนต้นกัลยา 2 2 22 8 /
27 นางสาวเพชรไพลิน จิว๋ กรา่ ง 2 2 22 8 /
28 เด็กหญงิ เพลงไพเราะ สว่างอารมณ์ 2 2 22 8 /
29 นางสาวฟ้าพราว จันทร์ทะวงษ์ 2 2 22 8 /
30 นางสาวภัทรยี า นัทธี 2 2 22 8 /
31 เด็กชายยศกร ทิพย์โชติ 2 2 22 8 /
32 นางสาวรมติ า ทา้ วพา 2 2 22 8 /
33 นายวงศกร บตุ รแก้ว 2 2 22 8 /
34 นายวชริ วชิ ญ์ ภาโนมยั 2 2 22 8 /
35 เด็กหญงิ วรศิ รา พะรินรมั ย์ 2 2 22 8 /
36 นางสาววรศิ รา สนทนา 2 2 22 8 /
37 นายศุภกร ใจแก้ว 2 2 22 8 /
38 เดก็ ชายศุภโชค เปรมนัส 2 2 22 8 /
39 เด็กชายอชิระ เพราะกระโทก 2 2 22 8 /
40 นายอนุวฒั น์ สดุกา 2 2 22 8 /
41 เดก็ หญิงอรกญั ญาฐ์ วงศเ์ ลศิ 2 2 22 8 /
42 นางสาวอรจิรา ประทมุ ชยั 2 2 22 8 /
43 นายอรรถพร เหวนอก 2 2 22 8 /
44 นางสาวสุวภทั ร เจริญวงศ์ 2 2 22 8 /
45 นายเสฎภมู ิ จริยามา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
เกณฑก์ ารให้คะแนน 2 22 8 /
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
สรปุ คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผ่าน

42

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/11

คำชแี้ จง : ครผู สู้ อนประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนโดยใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลขที่ ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกัลป์ยกร ศภุ วฒุ ณิ ฐั 2 2 22 8 /
2 นางสาวกานต์ วงศ์เพชรชารัต 2 2 22 8 /
4 นายฉัตรนิ ปานะถึก 2 2 22 8 /
5 เด็กหญงิ ชญาภา สงิ คลีประภา 2 2 22 8 /
8 นางสาวดารารตั น์ รม่ วาปี 2 2 22 8 /
9 นายตลุ า วระไวย์ 2 2 22 8 /
10 นายธนดล เหลา่ โพธ์ิ 2 2 22 8 /
11 นางสาวธญั ญรัตน์ ปญั ญาวชิรพงษ์ 2 2 22 8 /
12 นางสาวธิชา โคตรมงคล 2 2 22 8 /
13 นางสาวบญุ ญารกั ษ์ เหลา่ หวา้ น 2 2 22 8 /
14 นางสาวเบ็ญจพร บุญสา 2 2 22 8 /
15 เดก็ ชายปรมนิ ทร์ พรมมาตย์ 2 2 22 8 /
16 นายปรินทร กองสิน 2 2 22 8 /
17 นายปญั ณวิศญ์ ปัญญาทอง 2 2 22 8 /
18 นางสาวปาลิดา กิจขยัน 2 2 22 8 /
19 นางสาวปณุ ณศิ า ชุกะวฒั น์ 2 2 22 8 /
20 เด็กหญิงปณุ ยวรี ์ อปุ ถัมภ์ 2 2 22 8 /
21 นางสาวพลอยทิพย์ รวมธรรม 2 2 22 8 /
22 นายพิชาญเมธ กังวานสุขธำรง 2 2 22 8 /

23 เดก็ หญงิ พรี ดา อัชฌานภาลยั 2 43

24 นายภคพล เงนิ ขาว 2 2 22 8 /
2 22 8 /
25 นางสาวภิญญดา ลายวรรณรัตน์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
26 นางสาวภริ ญั ญา ผาริโน 2 2 22 8 /
2 22 8 /
27 นางสาวมนชนก แกว้ ฝา่ ย 2 2 22 8 /
2 22 8 /
28 นายยุทธภมู ิ นามอตุ วงศ์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
29 เดก็ หญงิ รชาอร ช้างรักษา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
30 นายรัตนะเทพ สขุ เกษม 2 2 22 8 /
2 22 8 /
31 เดก็ ชายวรี ชั กรณ์ เอีย่ มสนิ ธร 2 2 22 8 /
2 22 8 /
32 นายเวคิน ทอนฮามแกว้ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
33 เด็กหญิงศริ ิกลั ยา ผการตั น์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
34 นายสรรพากร ศรหี ะ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
35 นางสาวสุปรยี า หงษี 2 2 22 8 /
2 22 8 /
36 นายอนพัทย์ โสตะราษฎร์ 2 2 22 8 /

37 เด็กชายอนุศิษฎ์ แก้ววันนา 2 ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
38 นางสาวอภิญญา ภูวเดชากุล 2 ให้ 1 คะแนน

40 นายอัครพล วงศก์ าฬสนิ ธุ์ 2

41 นางสาวอัญชิสา ภูชธู รรม 2

42 นายจรี าวัฒน์ ถาวรสนิ พงศ์ 2

43 นายเจษฏาภรณ์ บญุ นอก 2

44 นายจิรันธนิน วงศธ์ รี ะชวลิต 2

45 นางสาวฐานิตา เนตรโสภา 2

46 นางสาวปญั ฐญิ า วลิ าวัน 2

47 นางสาวรสิตา ผา่ นคำ 2

48 นายอันดามัน มพี ยุง 2

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ

ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั

สรุป คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผา่ น

44

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 13

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
รายวชิ า ฟิสิกส์พื้นฐาน รหสั วชิ า ว30101
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 แรงและกฎการเคล่อื นที่ เวลา 24 ชัว่ โมง
เรื่อง แรงเสียดทาน เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรยี นท่ี 1/2565
ครูผสู้ อน นายสุรวฒุ ิ สงศรี

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด
สาระฟิสกิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎ

การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกล ของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์
พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโคง้ รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรยี นรู้
6. วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายแรงเสียดทานระหวา่ งผิวสมั ผสั ของวตั ถคุ หู่ นึ่ง ๆ ในกรณีท่ีวตั ถุหยุดนิ่งและ

วัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ และนำความรู้
เรือ่ งแรงเสยี ดทานไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั

2. สาระสำคัญ
แรงเสียดทาน คือ แรงทเี่ กิดขึ้นที่ผวิ สัมผสั ระหวา่ งวัตถุคู่หน่ึง ๆ มี 2 ชนดิ คือ แรงเสยี ดทานสถิตและ

แรงเสียดทานจลน์
แรงเสยี ดทานสถิต เปน็ แรงท่กี ระทำต่อวัตถุหยุดน่ิง แรงเสียดทานสถิตนี้จะไม่เกดิ ข้ึนถ้าเราไม่ออกแรง

ผลกั วตั ถุ เม่อื เพ่มิ แรงผลกั วตั ถุ ขนาดของแรงเสียทานจะมีค่าเพ่ิมข้ึนจนถงึ ค่าหน่งึ ทเ่ี รยี กว่า แรงเสียดทานสถิต
สูงสุด จากนั้นวัตถุจะเริม่ เคลอื่ นท่ี

แรงเสียดทานจลน์ เป็นแรงที่กระทำต่อวัตถุที่เคลื่อนที่ สำหรับพื้นผิววัตถุคู่หนึ่งๆ ขนาดของแรง
เสยี ดทานจลน์จะมคี ่าคงตัว และนอ้ ยกวา่ แรงเสยี ดทานสถิตสงู สดุ

แรงเสยี ดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์มคี วามสมั พนั ธ์กับสมั ประสทิ ธ์คิ วามเสียดทานและแรง
ปฏกิ ิริยาตัง้ ฉากระหว่างผิวสมั ผสั ดงั นี้

≤ และ =

45

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายแรงเสยี ดทานระหว่างผิวสมั ผสั ของวัตถุค่หู น่ึง ๆ ในกรณที ่ีวตั ถหุ ยุดนิ่งและในกรณี

ที่วตั ถเุ คลอ่ื นที่ได้
3.2 ด้านด้านทักษะกระบวนการ (P)
1) คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกับแรงเสียดทานได้

3.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
1) มีความสนใจใฝร่ ู้ทางดา้ นวิทยาศาสตร์

3.4 ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ (Science Process Skill)
- การสงั เกต การวดั การคำนวณ และการลงความเหน็ จากข้อมลู

4. สาระการเรียนรู้
แรงเสียดทาน เป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสคู่หนึ่ง แรงเสียดทานมีสองชนิด คือ แรงเสียดทาน

จลน์ มีทิศทางตรงข้ามกบั การเคลือ่ นทขี่ องวัตถุ และแรงเสียดทานสถิต มที ิศตรงข้ามกับทิศทางท่ีวตั ถุพยายาม
จะเคลื่อนท่ี

แรงเสยี ดทานสถติ (static friction) คอื แรงเสยี ดทานท่ีเกดิ ข้นึ ระหวา่ งผิวสมั ผัสของวัตถุ ในสภาวะ
ที่วัตถุได้รบั แรงกระทำแล้วอยู่นิ่ง แรงเสียดทานสถิตนี้จะไม่เกดิ ขึ้นถ้าเราไม่ออกแรงผลักวัตถุ เมื่อเพิ่มแรงผลกั
วัตถุ ขนาดของแรงเสียทานจะมีค่าเพิ่มขึ้นจนถึงค่าหนึ่งที่เรียกว่า แรงเสียดทานสถิตสูงสุด จากนั้นวัตถุจะเร่ิม
เคล่ือนที่ แรงเสียดทานสถิตมีความสัมพันธ์กับสัมประสิทธิ์ความเสียดทานและแรงปฏิกิริยาตั้งฉากระหว่าง
ผิวสัมผสั ดังนี้

, =

เม่อื , = แรงเสียดทานสถติ สูงสดุ มีหน่วยเป็น นวิ ตนั
= สมั ประสทิ ธแ์ิ รงเสยี ดทานสถติ
= แรงตา้ นของพน้ื ในแนวตงั้ ฉาก หน่วยเป็นนิวตัน

แรงเสยี ดทานจลน์ (kinetic friction) เปน็ แรงเสียดทานขณะวตั ถุกำลังเคลื่อนที่ดว้ ยความเร็วคงตวั
ซึง่ จะมีคา่ นอ้ ยกวา่ แรงเสยี ดทานสถติ แรงเสยี ดทานจลน์มีความสมั พนั ธก์ ับสัมประสิทธค์ิ วามเสียดทานและแรง
ปฏกิ ริ ยิ าตงั้ ฉากระหวา่ งผวิ สมั ผสั ดังน้ี

=

46

เมอ่ื = แรงเสียดทานจลน์ มีหน่วยเป็น นิวตนั
= สัมประสิทธแ์ิ รงเสียดทานจลน์
= แรงตา้ นของพ้ืนในแนวตั้งฉาก หนว่ ยเปน็ นวิ ตัน

5. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนร้ใู ห้นักเรยี นทราบ
5.1.2 ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับแรงเสียดทานที่เคยเรียนมาแล้ว โดยยกสถานการณ์ให้

นักเรียนวิเคราะห์และอภิปรายเกี่ยวกับแรงเสียดทาน คือ เพราะเหตุใดเมื่อฝนตก แล้วถนนจึงลื่นกว่าปกติ
(เมื่อฝนตกถนนเปียกจึงทำให้แรงเสียดทานระหว่างล้อรถกับพื้นผิวถนนลดลง) หลังจากนั้นทบทวนความรู้
เกี่ยวกับที่การเขียนแผนภาพวัตถอุ สิ ระ การหาแรงลัพธ์ดว้ ยวิธีคำนวณ

5.1.3 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกับแรงเสยี ดทานในประเด็นทว่ี า่ ในชวี ติ ประจำวัน
จะพบว่า เมื่อเดินบนพื้นผิวที่มีลักษณะต่างกัน ผิวเรียบ ผิวลื่น ผิวขรุขระจะมีผลต่อการเดินแตกต่างกัน
ลกั ษณะของผวิ สัมผสั มีผลต่อการเคล่อื นที่อย่างไร

5.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration)j

5.2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน นักเรียนแต่ละกลุ่มรับอุปกรณ์การทดลอง

และทำกิจกรรมการทดลองโดยมีอุปกรณ์ดังนี้

- รางไม้ 1 ชดุ

- แผ่นไม้ 1 แผ่น

- ถุงทราย 4 ถงุ

- เครื่องชง่ั สปริง 1 เครอ่ื ง

- เส้นดา้ ยยาว 30 เซนติเมตร 1 เส้น

โดยปฏบิ ัตดิ งั ตอ่ ไปน้ี

ตอนที่ 1 แรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์

- ใชเ้ คร่ืองช่ังสปริงเก่ียวกบั ขอเก่ียวของแผ่นไม้ ซึ่งวางอย่บู นรางไม้ และใช้ถงุ ทราย 1 ถุง วาง

ทบั แผน่ ไม้

- ออกแรงนอ้ ย ๆ แลว้ คอ่ ย ๆ เพิ่มแรงดงึ สงั เกตแรงท่อี า่ นได้ ก่อนทแี่ ผน่ ไมจ้ ะเร่ิมเคลอ่ื นที่

- บันทึกแรงดึงที่ทำให้แผ่นไม้เริ่มเคลื่อนที่ และแรงทำให้แผ่นไม้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคง

ตัวอยา่ งละประมาณ 5 – 7 ค่า แล้วหาค่าเฉล่ียในสองกรณี

ตอนที่ 2 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงเสียดทานสถติ และแรงในแนวฉาก

47

- จัดรางไม้ให้พื้นรางอยู่ในแนวระดับ ใช้เครื่องชั่งสปริงเกี่ยวกับขอเกี่ยวของแผ่นไม้ที่มีถุง
ทรายวางทบั อยู่ 1 ถุง

- ออกแรงดึงเครอื่ งชัง่ สปริงใหท้ ิศทางของแรงดึงอยู่ในแนวระดบั เพมิ่ แรงจนทำให้แผน่ ไม้และ
ถงุ ทรายเร่ิมเคลอ่ื นท่ี บันทึกแรงดงึ นี้

- ทำการทดลองซ้ำโดยเพิ่มถงุ ทรายวางทบั แผ่นไม้เปน็ 2, 3 และ 4 ถุง
- เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงดึงที่ทำให้แรงเคลื่อนที่ (F) กับขนาดน้ำหนักของถุง
ทรายรวมกับแผน่ ไม้ (W) หาความชนั ของกราฟ
ตอนที่ 3 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างแรงเสยี ดทานจลน์และแรงในแนวฉาก
- ทำการทดลองเช่นเดียวกับตอนท่ี 2 แต่ออกแรงดึงเคร่ืองชง่ั สปรงิ เพ่ือดึงแผ่นไม้ท่ีมีถุงทราย
วางทับให้เคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็ คงตวั
- บันทกึ ขนาดของแรงดึง (F) และขนาดของน้ำหนกั ถงุ ทรายรวมกับแผ่นไม้ (W)
- เขยี นกราฟระหวา่ ง F กบั W หาความชันของเส้นกราฟ

5.3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
5.3.1 นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทดลองหน้าช้ันเรยี น
5.3.2 ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง ดงั น้ี
จากกจิ กรรมตอนที่ 1 พบวา่ เมอื่ แผ่นไม้อยู่นง่ิ แรงเสียดทานสถติ มีขนาดเทา่ กบั

ขนาดของแรงดึงแผน่ ไม้ แตแ่ รงทั้งสองมที ิศทางตรงข้ามกนั เพราะแรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อแผ่นไม้เป็นศูนย์ และ
ขนาดของแรงเสยี ดทานสถิตเพมิ่ ตามขนาดของแรงดงึ ทเี่ พ่ิมข้นึ จนมคี ่ามากที่สดุ ขณะวัตถเุ ริ่มจะเคลอ่ื นที่
เรยี กว่า แรงเสยี ดทานสถิตสงู สุด แทนด้วยสญั ลักษณ์ ,

หลงั จากวตั ถเุ ร่มิ เคล่ือนที่แล้ว จะใชแ้ รงท่นี ้อยลงในการทำให้แผ่นไม้เคลื่อนท่ีดว้ ย
ความเรว็ คงตัวการทแี่ ผ่นไม้เคล่อื นท่ดี ว้ ยความเรว็ คงตวั แสดงว่า แรงลัพธ์ทกี่ ระทำมีคา่ เป็นศนู ยแ์ สดงว่าแรง
เสยี ดทานจลน์ ซ่ึงแทนด้วยสัญลักษณ์ ในขณะนนั้ มีขนาดเท่ากบั แรงดงึ แต่มีทิศตรงข้าม

48

จากกิจกรรมตอนท่ี 2 จากกราฟพบวา่ ขนาดของแรงเสยี ดทานสถติ สงู สุด แปรผนั
กบั ขนาดของแรงในแนวฉากท่ีพืน้ กระทำต่อแท่งไม้ โดยสามารถเขียนเปน็ สมการได้ดงั น้ี

,

จะไดว้ ่า , =

โดยที่ , = แรงเสียดทานสถติ สงู สดุ มีหนว่ ยเปน็ นวิ ตนั
= สมั ประสทิ ธ์ิแรงเสียดทานสถติ
= แรงต้านของพืน้ ในแนวต้งั ฉาก หน่วยเป็นนิวตัน

จากกจิ กรรมที่ 3 จากกราฟพบวา่ ขนาดของแรงเสยี ดทานจลน์ แปรผันกบั ขนาด
ของแรงในแนวฉากที่พนื้ กระทำต่อแทง่ ไม้ โดยสามารถเขยี นเปน็ สมการได้ดงั นี้



จะได้ว่า =

โดยที่ = แรงเสยี ดทานจลน์ มหี นว่ ยเปน็ นวิ ตัน
= สัมประสทิ ธ์แิ รงเสยี ดทานจลน์
= แรงตา้ นของพนื้ ในแนวตั้งฉาก หนว่ ยเป็นนิวตัน

5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครยู กตัวอยา่ งการคำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับแรงเสียดทาน ดงั ตอ่ ไปนี้
- วางกล่องไม้ 2 กโิ ลกรมั ไวบ้ นพื้นระดบั ถ้าออกแรงผลัก F ขนาด 4 นิวตัน ดังรูปจง

หาขนาดของแรงเสียดทานที่พื้นกระทำต่อกล่อง กำหนดสัมประสิทธิ์ความเสียดทานสถิตระหว่างกล่องกับพื้น
เท่ากับ 0.3 และสมั ประสิทธคิ์ วามเสยี ดทานจลน์ระหวา่ งกล่องกับพื้นเท่ากบั 0.25




⃑⃑⃑

49

จากโจทย์ , = = = (0.3)(2 ) (9. 8 2 ) = 5.9
เนื่องจากแรง F มีขนาด 4 นิวตัน ซึ่งน้อยกว่าแรงเสียดทานสถิตสูงสุดจึงแสดงว่าวัตถุหยุดน่ิง
ดังน้ันถา้ พิจารณาเฉพาะแกน x จะไดว้ า่

∑F =

+ = 0

(4 ) + (− ) = 0

= 4

ดงั นน้ั แรงเสียดทานมีขนาด 4.0 นิวตนั ในทศิ ไปทางซา้ ย

- วางกล่องมวล 2 กิโลกรัม ไว้บนพื้นเอียงที่ทำมุม 30 องศา กับแนวระดับ พบว่า

กล่องอยู่นิ่ง ดังรูป จงหาขนาดของแรงเสียดทานที่พื้นเอียงกระทำต่อกล่อง กำหนดให้สัมประสิทธิ์ความเสียด

ทานสถติ ระหวา่ งกล่องกบั พน้ื เอยี งเทา่ กบั 0.70 ⃑



300 300



เม่อื พจิ ารณาแรงทีก่ ระทำตอ่ กล่องในแนวขนานกับพ้นื เอยี ง และวตั ถหุ ยุดนิ่งจะไดว้ ่า

∑F =

− 30 = 0

จะได้ = 30

= (2 )(9.8 / 2)( 30 ) = 9.8 / 2

ดงั นั้น ขนาดของแรงเสยี ดทานทพ่ี ้ืนเอียงกระทำต่อกล่องมีคา่ เทา่ กบั 9.8 m/s^2
5.4.2 ครูให้นักเรยี นทำใบความรู้ และใบงาน เร่ือง แรงเสียดทาน

5.5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
5.5.1 ครถู ามคำถามนักเรียนเพือ่ ตรวจสอบความรู้ โดยใชค้ ำถามต่อไปน้ี
- แรงเสียดทานระหว่างผิวถนนกับพื้นรองเท้ามีผลต่อการเดินของคนอย่างไร และ

ทิศของแรงเสียดทานอยู่ในทิศทางใด ขณะก้าวเดิน (แนวคำตอบ แรงเสียดทานระหว่างผิวถนนกับพื้น

50

รองเท้ามีผลทำให้คนก้าวเดินไปข้างหน้าได้หากไม่มีแรงเสียดทานระหว่างผิวถนนกับพื้นรองเท้า เราจะ
เคลอื่ นทีไ่ ปตามแรงทเี่ ราออก ซ่ึงคือเคลื่อนทถ่ี อยหลัง ในขณะกา้ วเดินแรงเสยี ดทานระหว่างผิวถนนกับพ้ืน
รองเทา้ มที ศิ ทางเดยี วกบั การเคลอื่ นที่)

- การลดแรงเสียดทานนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร จงยกตัวอย่าง (แนวคำตอบ
เชน่ ใช้เพ่อื ลดแรงเสยี ดทานระหวา่ งชนิ้ สว่ นเคร่อื งยนต)์

5.5.2 ครูให้นกั เรยี นเข้าโปรแกรม kahoot เพอ่ื ทำทดสอบความรเู้ กยี่ วกบั เรอ่ื งแรงเสยี ดทาน
5.5.3 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบกิจกรรม และใบความรู้ เร่ือง แรงเสยี ดทาน
5.5.4 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน
รายบุคคล

6. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรยี นรายวชิ าฟสิ ิกส์เพิ่มเติม ม. 4 เลม่ 1 สสวท.
6.2 ใบความรู้ เรื่อง แรงเสยี ดทาน และใบงาน เรื่อง แรงเสียดทาน
6.3 ชุดการทดลองแรงเสียดทาน

7. กระบวนการวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงค์ เครือ่ งมอื วิธกี ารวดั เกณฑ์การตัดสนิ
ดา้ นความรู้ (K) ใบงาน
1) อธบิ ายแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวตั ถุ ตรวจคำตอบจาก ผา่ นเกณฑ์อยา่ ง
ค่หู นงึ่ ๆ ในกรณีทว่ี ตั ถหุ ยุดน่ิงและในกรณีทวี่ ตั ถุ ใบงาน ใบงาน น้อยรอ้ ยละ 70
เคลอ่ื นท่ีได้ แบบประเมนิ
ด้านด้านทักษะกระบวนการ(P) พฤติกรรม ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อย่าง
1) คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั แรง ใบงาน นอ้ ยร้อยละ 70
เสียดทานได้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์อย่าง
1) มีความสนใจใฝร่ ู้ทางดา้ นวิทยาศาสตร์ นอ้ ยรอ้ ยละ 70

51

บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการจัดการเรียนการสอน
K : นักเรียนสามารถอธิบายแรงเสียดทานในชีวิตประจำวันได้
P : นกั เรียนเขียนแผนภาพแตกแรงและคำนวณปริมาณต่างๆได้
A : นกั เรยี นออกมาทำกิจกรรมหน้าชัน้ เรียน ต้งั ใจทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายเปน็ อย่างดี

ปญั หาและอุปสรรค/ข้อบกพร่องที่พบ
นักเรยี นตดิ ปัญหาทางการคดิ เลข มีคิดเลขผิด และบางคนแตกแรงการเคล่อื นท่ไี ด้ไม่ครบ ทำให้คำนวณโจทย์
ผิด

ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ไข
ครูอธบิ ายขยายความร้เู พิม่ เติมใหน้ ักเรียนเหน็ ภาพและเข้าใจมากยงิ่ ข้นึ

52

ความคิดเหน็ ของครพู ี่เลีย้ ง

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

53

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/9

คำชี้แจง : ครผู สู้ อนประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนโดยให้คะแนนตามเกณฑท์ ่ีกำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลข ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ที่ ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกฤตธรี า วเิ ชยี รเครอื 2 2 22 8 /

2 เด็กชายกษิกร ถาวรวเิ ชยี ร 2 2 22 8 /

3 นางสาวจรรยมณฑน์ ปัถพี 2 2 22 8 /

4 นายจฑุ าภกั ดี จนั ทคตั 2 2 22 8 /

5 นางสาวชลกมล ดอนจนั ทร์โคตร 2 2 2 2 8 /

6 นายญาณวุฒิ ใหม่วงษ์ 2 2 22 8 /

7 นางสาวณฎั ฐณิชา นภากาศ 2 2 22 8 /

8 นางสาวณฐั ธยาน์ วงตา 2 2 22 8 /

9 เด็กหญิงณัฐรวี ศรีสุนทร 2 2 22 8 /

10 นางสาวดลภคั ชยั รัตน์ 2 2 22 8 /

11 นายธนธรรม คา่ ยใส 2 2 22 8 /

12 นางสาวธนภรณ์ เสยี งใส 2 2 22 8 /

13 เดก็ หญงิ ธวัลรตั น์ ทองธริ าช 2 2 22 8 /

14 นางสาวธาริน หาญณรงค์ 2 2 22 8 /

15 นางสาวนภสร ไชยมงคล 2 2 22 8 /

16 นายนราธร วงษศ์ รวี อ 2 2 22 8 /

17 นายบรุ วชิ ยา รงค์ทอง 2 2 22 8 /

18 นายปฏิภาณ เบย้ี วทุ่งน้อย 2 2 22 8 /

19 เด็กหญงิ ปพิชญา ภกู องไชย 2 2 22 8 /

20 นายพศวตั ศรีขดั เค้า 2 2 22 8 /

21 นางสาวพัชรห์ ทยั จนั ทร์สมคอย 2 54
22 นางสาวพัชราภร บตุ รพรม 2
23 นางสาวพณั ณิตา พรมสมบัติ 2 2 22 8 /
24 นางสาวพนั ธนันธ์ ยาวาปี 2 2 22 8 /
25 นายพรี วิชญ์ ศรี ษะโคตร 2 2 22 8 /
26 เด็กชายพฒุ ิพงศ์ สงวนต้นกัลยา 2 2 22 8 /
27 นางสาวเพชรไพลิน จิว๋ กรา่ ง 2 2 22 8 /
28 เด็กหญงิ เพลงไพเราะ สว่างอารมณ์ 2 2 22 8 /
29 นางสาวฟ้าพราว จันทร์ทะวงษ์ 2 2 22 8 /
30 นางสาวภัทรยี า นัทธี 2 2 22 8 /
31 เด็กชายยศกร ทิพย์โชติ 2 2 22 8 /
32 นางสาวรมติ า ทา้ วพา 2 2 22 8 /
33 นายวงศกร บตุ รแก้ว 2 2 22 8 /
34 นายวชริ วชิ ญ์ ภาโนมยั 2 2 22 8 /
35 เด็กหญงิ วรศิ รา พะรินรมั ย์ 2 2 22 8 /
36 นางสาววรศิ รา สนทนา 2 2 22 8 /
37 นายศุภกร ใจแก้ว 2 2 22 8 /
38 เดก็ ชายศุภโชค เปรมนัส 2 2 22 8 /
39 เด็กชายอชิระ เพราะกระโทก 2 2 22 8 /
40 นายอนุวฒั น์ สดุกา 2 2 22 8 /
41 เดก็ หญิงอรกญั ญาฐ์ วงศเ์ ลศิ 2 2 22 8 /
42 นางสาวอรจิรา ประทมุ ชยั 2 2 22 8 /
43 นายอรรถพร เหวนอก 2 2 22 8 /
44 นางสาวสุวภทั ร เจริญวงศ์ 2 2 22 8 /
45 นายเสฎภมู ิ จริยามา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
เกณฑก์ ารให้คะแนน 2 22 8 /
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
สรปุ คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผ่าน

55

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/11

คำชแี้ จง : ครผู สู้ อนประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนโดยใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลขที่ ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกัลป์ยกร ศภุ วฒุ ณิ ฐั 2 2 22 8 /
2 นางสาวกานต์ วงศ์เพชรชารัต 2 2 22 8 /
4 นายฉัตรนิ ปานะถึก 2 2 22 8 /
5 เด็กหญงิ ชญาภา สงิ คลีประภา 2 2 22 8 /
8 นางสาวดารารตั น์ รม่ วาปี 2 2 22 8 /
9 นายตลุ า วระไวย์ 2 2 22 8 /
10 นายธนดล เหลา่ โพธ์ิ 2 2 22 8 /
11 นางสาวธญั ญรัตน์ ปญั ญาวชิรพงษ์ 2 2 22 8 /
12 นางสาวธิชา โคตรมงคล 2 2 22 8 /
13 นางสาวบญุ ญารกั ษ์ เหลา่ หวา้ น 2 2 22 8 /
14 นางสาวเบ็ญจพร บุญสา 2 2 22 8 /
15 เดก็ ชายปรมนิ ทร์ พรมมาตย์ 2 2 22 8 /
16 นายปรินทร กองสิน 2 2 22 8 /
17 นายปญั ณวิศญ์ ปัญญาทอง 2 2 22 8 /
18 นางสาวปาลิดา กิจขยัน 2 2 22 8 /
19 นางสาวปณุ ณศิ า ชุกะวฒั น์ 2 2 22 8 /
20 เด็กหญิงปณุ ยวรี ์ อปุ ถัมภ์ 2 2 22 8 /
21 นางสาวพลอยทิพย์ รวมธรรม 2 2 22 8 /
22 นายพิชาญเมธ กังวานสุขธำรง 2 2 22 8 /

23 เดก็ หญงิ พรี ดา อัชฌานภาลยั 2 56

24 นายภคพล เงนิ ขาว 2 2 22 8 /
2 22 8 /
25 นางสาวภิญญดา ลายวรรณรัตน์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
26 นางสาวภริ ญั ญา ผาริโน 2 2 22 8 /
2 22 8 /
27 นางสาวมนชนก แกว้ ฝา่ ย 2 2 22 8 /
2 22 8 /
28 นายยุทธภมู ิ นามอตุ วงศ์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
29 เดก็ หญงิ รชาอร ช้างรักษา 2 2 22 8 /
2 22 8 /
30 นายรัตนะเทพ สขุ เกษม 2 2 22 8 /
2 22 8 /
31 เดก็ ชายวรี ชั กรณ์ เอีย่ มสนิ ธร 2 2 22 8 /
2 22 8 /
32 นายเวคิน ทอนฮามแกว้ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
33 เด็กหญิงศริ ิกลั ยา ผการตั น์ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
34 นายสรรพากร ศรหี ะ 2 2 22 8 /
2 22 8 /
35 นางสาวสุปรยี า หงษี 2 2 22 8 /
2 22 8 /
36 นายอนพัทย์ โสตะราษฎร์ 2 2 22 8 /

37 เด็กชายอนุศิษฎ์ แก้ววันนา 2 ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
38 นางสาวอภิญญา ภูวเดชากุล 2 ให้ 1 คะแนน

40 นายอัครพล วงศก์ าฬสนิ ธุ์ 2

41 นางสาวอัญชิสา ภูชธู รรม 2

42 นายจรี าวัฒน์ ถาวรสนิ พงศ์ 2

43 นายเจษฏาภรณ์ บญุ นอก 2

44 นายจิรันธนิน วงศธ์ รี ะชวลิต 2

45 นางสาวฐานิตา เนตรโสภา 2

46 นางสาวปญั ฐญิ า วลิ าวัน 2

47 นางสาวรสิตา ผา่ นคำ 2

48 นายอันดามัน มพี ยุง 2

เกณฑ์การใหค้ ะแนน

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ

ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั

ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั

สรุป คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน ไม่ผา่ น
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน ผา่ น

57

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 14

กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
รายวชิ า ฟสิ ิกส์พื้นฐาน รหสั วิชา ว30101
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 แรงและกฎการเคล่ือนที่ เวลา 24 ชว่ั โมง
เรอื่ ง แรงดึงดดู ระหว่างมวล เวลา 3 ชว่ั โมง
ภาคเรียนท่ี 1/2565
ครูผู้สอน นายสุรวุฒิ สงศรี

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด
สาระฟสิ ิกส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎ

การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกล ของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์
พลงั งานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นที่แนวโคง้ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรียนรู้
7. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณ

ปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่เก่ียวข้อง

2. สาระสำคญั

แรงดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงท่ีมวลสองก้อนดึงดูดซ่ึงกนั และกัน ด้วยแรงขนาดเท่ากันแตท่ ิศทางตรง

ข้ามกันและเป็นไปตามกฎความโน้มถ่วงสากล กฎความโน้มถ่วงสากล เป็นกฎที่นิวตันเสนอว่า วัตถุใด ๆ ใน

จักรวาลจะดึงดูดวัตถุอื่นด้วยแรงที่มีขนาดแปรผกผันกับกำลังสองของระยะห่างระหว่ างวัตถุนั้นและแปรผัน

ตามผลคณู ของมวลของวตั ถทุ ง้ั สอง เขียนเป็นสมการได้

= 1 2
2
สนามโน้มถ่วงที่ตำแหน่งใด ๆ หาได้จากแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุมวลหนึ่ง แทนด้วยสัญลักษณ์ g

ซ่ึงบรเิ วณที่ผิวโลก สนามโน้มถ่วงมขี นาดประมาณ 9.8 นิวตันตอ่ กโิ ลกรัม มที ิศพุ่งเข้าส่ศู นู ย์กลางโลกและทำให้

ความเรง่ ของวตั ถุทตี่ กแบบเสรที ใ่ี กลผ้ ิวโลกมีขนาดประมาณ 9.8 เมตรตอ่ วนิ าที2 ทิศเข้าสู่ศนู ยก์ ลางโลก

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากล
2) อธบิ ายผลของสนามโน้มถ่วงโลกท่ีมีต่อน้ำหนักของวัตถุ
3.2 ด้านด้านทักษะกระบวนการ (P)

58

1) คำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้องกบั กฎความโน้มถว่ งสากล
2) คำนวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับสนามโน้มถว่ งโลก
3.3 ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
1) มคี วามสนใจใฝร่ ู้ทางด้านวิทยาศาสตร์
3.4 ทกั ษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ (Science Process Skill)
- การสงั เกต การวัด การคำนวณ และการลงความเหน็ จากข้อมลู

4. สาระการเรียนรู้
นิวตันกล่าวว่า "มวลวัตถุ 2 ก้อนใด ๆ จะออกแรงดึงดูดซึ่งกันและกันเสมอ ซึ่งเป็นแรงระหว่าง

ศูนย์กลางมวลของแต่ละกอ้ น โดยขนาดของแรงแปรผันตรงกับมวล และแปรผกผนั กบั กำลังสองของระยะทาง
ระหว่างมวลทั้งสอง" กฎที่นิวตันเสนอนี้เรียกว่า กฎความโน้มถ่วงสากล (Newton’ law of universal
gravitation) ซึง่ เขยี นเปน็ สมการได้

= 1 2
2

โดยที่ คือ ขนาดแรงท่ีวัตถุทัง้ สองก้อนดึงดูดกัน มหี นว่ ยเปน็

คอื คา่ คงตัวโน้มถ่วงสากลเท่ากบั 6.67 × 10−11 2
2

1 2 คือ มวลของวัตถุ มหี นว่ ยเป็น

คอื ระยะหา่ งระหว่างวตั ถุทั้งสอง มหี นว่ ยเปน็

แต่แรงทโี่ ลกดึงดดู วตั ถุ คือนำ้ หนกั ของวัตถุนน่ั เอง =

ดงั นัน้ น้ำหนกั = แรงดึงดดู ระหว่างมวล

1 = 1 2
2
2
จะได้ = 2

โดยทค่ี ่า คือ ค่าสนามโน้มถ่วงของโลก หรอื คา่ ความเรง่ เนอื่ งจากแรงโนม้ ถว่ งของโลก

5. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
5.1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
5.1.1 ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ให้นกั เรียนทราบ

59

5.1.2 ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับมวล น้ำหนัก ว่ามวลกับวัตถุไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะอยู่ท่ี
ใดมวลของวตั ถุจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมวลก็คอื เน้ือสาร แต่น้ำหนัก คือ แรงที่โลกกระทำต่อวัตถุ หรือแรง
ที่โลกดงึ ดูด

5.1.3 ครูถามคำถามนักเรียน เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นโดยใช้
คำถามตอ่ ไปน้ี

- เหตุใดดวงจันทร์จึงโคจรรอบโลก และโลกจึงโคจรรอบดวงอาทิตย์ (เพราะมีแรง
ดึงดดู ระหว่างมวล)

5.2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)j
5.2.1 ครใู ห้นักเรยี นสืบค้นข้อมลู แรงโน้มถว่ งว่าใครเปน็ ผู้ค้นพบ (นิวตันได้ค้นพบกฎของแรง

โน้มถ่วง จากการสังเกตลูกแอปเปลิ หล่นลงจากตน้ ไม้ ทำให้เกิดการสงสัยว่า “ทำไมวัตถุจึงตกลงสูพ่ ื้นโลก
ไมล่ อยข้นึ ไปในอากาศ”)

5.2.2 ครแู ละนักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับ กฎความโนม้ ถ่วงสากล

m1 F1 F2 m2
R

นิวตันกล่าวว่า วัตถุใด ๆ ที่มีมวล จะมีแรงดึงดูดวัตถุอื่นที่มีมวลเช่นเดียวกัน โดยระหว่างคู่ของแรง
นั้นๆ จะมีแรงดึงดูดทีเท่ากัน ไม่ว่ามวลนั้นจะเท่ากันหรือแตกต่างกันก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น แรงที่โลกดูดดวง
จันทร์จะมีค่าเท่ากับแรงที่ดวงจันทร์ดูดโลก เรียกแรงที่คู่ดึงดูดกันนี้ว่า แรงดึงดูดระหว่างมวล โดยขนาดของ
แรงแปรผนั ตรงกบั มวลทงั้ สองกอ้ น และแปรผกผันกบั กำลังสองของระยะทางระหวา่ งมวลทั้งสอง ดังนี้

∝ 1 ∝ 2

1
∝ 2

∝ 1 2
2

จะได้

= 1 2
2

60

ตอ่ มา “เฮนรี คาเวนดิช” ไดค้ ้นพบวา่ ค่าคงท่ี คอื คา่ คงตัวโนม้ ถว่ งสากล ดงั น้ันจะได้วา่

= 1 2
2

ซ่ึงนิวตันได้ตั้งชอ่ื กฎน้วี า่ “กฎความโน้มถว่ งสากล” (Newton’law of universal gravitation)

5.2.3 ครถู ามคำถามเพือ่ กระตุ้นความสนใจและเชือ่ มโยงเขา้ สูเ่ รือ่ ง สนามโนม้ ถ่วง ดังน้ี
- ที่ตำแหน่งใด ๆ วัตถุจะมีค่าสนามโน้มถ่วงโลกเท่ากันหรือไม่ (แนวคำตอบ อาจจะเท่า

หรอื ไมเ่ ทา่ ทั้งน้ีขึน้ ระยะห่างระหว่าวัตถกุ ับโลก)
- สนามโน้มถ่วง และแรงโน้มถ่วงมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ สัมพันธ์

กัน เนื่องจากสนามโน้มถ่วงทำให้เกิดแรงดึงดูดกระทำต่อมวลของวัตถุทั้งหลาย แรงดึงดูดนี้เรียกว่า แรง
โนม้ ถ่วง)

5.2.4 ครอู ภิปรายเกี่ยวกับ สนามโนม้ ถ่วงโลก ดังน้ี
ในกรณโี ลกดงึ ดดู วตั ถุนัน้ อาจถือไดว้ ่าโลกแผส่ นามของแรงออกไปรอบ ๆ เรยี กวา่ สนามโนม้ ถ่วง

โลก มที ิศทางพุ่งเข้าหาศูนย์กลางโลก ดงั รปู สนามโน้มถ่วงเป็นปริมาณเวกเตอร์ แทนด้วยสัญลกั ษณ์

โดยสนามโน้มถ่วงโลกที่ตำแหน่งใด ๆ หาได้จากแรงดึงดูดของโลกที่กระทำต่อวัตถุมวลหน่ึง

ดงั สมการ =



ซึง่ ขนาดของสนามโนม้ ถ่วงของโลกท่ีตำแหน่งใด ๆ หาได้จาก

=
2

สนามโน้มถว่ งทำให้เกดิ แรงดงึ ดดู กระทำต่อมวลของวัตถุท้ังหลาย แรงดึงดูดนี้เรียกว่า แรงโน้มถ่วง

น่นั คือ ถ้าทราบคา่ สนามโนม้ ถว่ งของโลก จะสามารถหาคา่ แรงโนม้ ถ่วงที่กระทำตอ่ วตั ถุที่ตำแหน่งน้นั ได้

61

5.3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)

5.3.1 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปเนื้อหา ดังต่อไปน้ี

“กฎความโน้มถ่วงสากล” เปน็ กฎทนี่ ิวตนั เสนอว่า วตั ถุใดๆ ในจกั รวาลจะดึงดดู วตั ถุอื่นดว้ ยแรงท่มี ี

ขนาดแปรผกผันกบั กำลังสองของระยะห่างระหวา่ งวัตถนุ น้ั และแปรผันตามผลคูณของมวลของวตั ถุทัง้ สอง

เขยี นเปน็ สมการได้

= 1 2
2

โดยท่ี คอื ขนาดแรงทีว่ ตั ถทุ ้ังสองก้อนดงึ ดูดกัน มีหนว่ ยเปน็

คือ ค่าคงตวั โนม้ ถ่วงสากลเทา่ กับ 6.67 × 10−11 2
2

1 2 คือ มวลของวตั ถุ มหี น่วยเปน็

คือ ระยะหา่ งระหวา่ งวตั ถทุ งั้ สอง มหี น่วยเปน็

แตแ่ รงทีโ่ ลกดึงดูดวัตถุ คือน้ำหนักของวัตถนุ น่ั เอง =

ดังน้นั น้ำหนกั = แรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวล

1 = 1 2
2

จะได้ = 2
2

โดยที่คา่ คอื ค่าสนามโนม้ ถ่วงของโลก

2 คอื มวลของโลก
คือ ระยะหา่ งจากผิวโลกถึงวัตถุ

5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
5.4.1 ครยู กตวั อย่างการคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทเี่ กยี่ วข้องกบั แรงดึงดดู ระหว่างมวล
- แตงโมมวล 1.0 กิโลกรัม และมะพร้าวมวล 1.0 กิโลกรัม อยู่ห่างกัน 1.0 เมตร

แรงดงึ ดูดระหว่าง แตงโมและมะพรา้ วมีค่าเทา่ ใด
แรงดึงดดู ระหวา่ งแตงโมและมะพร้าว หาได้จาก

= 1 2
2
(6.67×10−11 / 2)(1.0 )(1.0 )
= (1.0 )2

62

= 6.67 × 10−11

ดงั นั้น แรงดงึ ดูดระหว่างแตงโมและมะพร้าวมคี า่ เทา่ กับ 6.67 × 10-11 นวิ ตนั

- นักบินอวกาศมวล 80 กิโลกรัม อยู่บนสถานีอวกาศที่โคจรเหนือพื้นโลก ถ้าแรง
ดึงดูดท่ีโลกกระทำตอ่ นักบินอวกาศมีค่า 6.9 × 102 นิวตัน สนามโนม้ ถว่ งที่ตำแหนง่ นั้นเปน็ เทา่ ใด

สนามโน้มถว่ งท่ีตำแหนง่ ใด หาได้จาก


=

= 6.9 × 102

80

= 8.6 /

ดังนน้ั สนามโน้มถว่ งทตี่ ำแหนง่ นนั้ เทา่ กับ 8.6 นิวตันต่อกิโลกรัม

- ถงุ ทรายมวล 0.50 กิโลกรมั ตกแบบเสรีด้วยความเรง่ 9.8 เมตรตอ่ วนิ าที2
ถงุ ทรายน้ีมนี ำ้ หนกั เท่าใด ณ บรเิ วณทต่ี ก

น้ำหนกั ของวตั ถุที่ตำแหน่งใด หาไดจ้ าก
W = mg
W = (0.50 kg)(9.8 m/s2)
W = 4.9 kg·m/s2
W = 4.9 N

ดงั น้นั ถงุ ทรายนี้มนี ้ำ หนัก 4.9 นิวตัน

- จงคำนวณมวลของโลก เมอื่ รัศมีโลกมคี ่าเป็น 6.38 × 106 เมตร

มวลของโลก หาได้จาก = 1 2
2

= 2

2
=
(9.8 / 2)(6.38×106 )2
= (6.67×10−11 / 2)

mE = 5.98 x 1024 kg

ดังนน้ั มวลของโลกเทา่ กับ 5.98 x 1024 กิโลกรัม

63

5.4.2 ครใู หน้ กั เรยี นทำใบความรู้และใบงาน เรอื่ ง แรงดึงดดู ระหวา่ งมวล

5.5 ขนั้ ประเมิน (Evaluation)

5.5.1 ครถู ามคำถามนกั เรียนเพอ่ื ตรวจสอบความรู้ โดยใช้คำถามต่อไปนี้

- สมมตวิ า่ ดาวเคราะห์ดวงหน่ึงมีดาวบริวารท่มี มี วลเท่ากันสองดวง ดวงหน่ึงอยู่ใกล้

อีกดวงอยู่ไกลแรงทดี่ าวเคราะห์ดงึ ดดู ดาวบรวิ ารทัง้ สองมีขนาดแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร

(แนวคำตอบ แตกต่างกัน เพราะ แรงที่ดาวเคราะหด์ งึ ดูดดาวบริวารทั้งสองมีขนาดแตกตา่ งกนั น้ันข้นึ กับ

ระยะระหวา่ งดาวเคราะหก์ ับดาวบริวาร ถา้ ระยะระหว่างดาวเคราะห์กบั ดาวบริวารมาก แรงดงึ ดูดจะน้อย

แต่ ถา้ ระยะระหว่างดาวเคราะห์กับดาวบริวารน้อย แรงดึงดดู จะมาก ดังสมการ = 1 2 )
2
- วตั ถุสองก้อนอยูส่ ูงจากพืน้ เท่ากนั ก้อนหนงึ่ มีมวลมากกว่าอกี กอ้ นหนึ่ง แรงที่โลก

ดึงดดู วัตถทุ ั้งสองก้อนแตกต่างกนั อยา่ งไร

(แนวคำตอบ เนื่องจากแรงดึงดูดระหว่างมวลของวัตถุจะขึ้นกับ มวลของวัตถุ ดังสมการ

= 1 2 กรณีที่ระยะห่างระหว่างโลกกับวัตถุสองก้อนเท่ากัน แต่มวลต่างกัน แรงดึงดูดก็
2
ต่างกนั ดว้ ย)

- จงอธบิ ายสนามโน้มถว่ ง มคี วามสัมพันธ์กบั แรงโนม้ ถว่ งอย่างไร (แนวคำตอบวัตถุ

ทั้งหลายจะมีสนามของแรงแผ่โดยรอบ เรียกว่าสนามโน้มถ่วง ซึ่งทำให้เกิดแรงต่อมวลของวัตถุ เรียกว่า

แรงโน้มถว่ ง ซ่ึงสนามโน้มถ่วงกับแรงโนม้ ถ่วงมีความสัมพันธก์ ันดงั สมการ = )

- วัตถุสองกอ้ นน้ีมีมวลเท่ากัน โดยวตั ถุหน่งึ อยทู่ ผ่ี วิ โลก วตั ถุหนงึ่ อยหู่ า่ งจากโลก สนามโน้มถ่วงของ

วัตถุใดมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ วัตถุที่ผิวโลกมีค่าสนามโน้มถ่วงมากกว่าเนื่องจาก

ค่าสนามโน้มถ่วงขึ้นกับระยะห่างระหว่าวัตถุกับโลก ดังนั้นวัตถุยิ่งอยู่ไกลยิ่งมีค่าสนามโน้มถ่วงน้อยลง

เรื่อยๆ )

5.5.2 ครูตรวจสอบผลจากการตรวจใบความรู้และใบงาน เรอื่ ง แรงดึงดูดระหว่างมวล

5.5.3 ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงาน

รายบุคคล

6. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรียนรายวชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม ม. 4 เล่ม 1 สสวท.
6.2 ใบความรู้ เรือ่ ง แรงดึงดูดระหว่างมวล และใบงาน เร่ือง แรงดงึ ดูดระหวา่ งมวล

64

7. กระบวนการวัดและประเมินผล

จุดประสงค์ เครื่องมอื วิธกี ารวัด เกณฑ์การตดั สนิ
ด้านความรู้ (K) ใบงาน ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากล
2) อธบิ ายผลของสนามโน้มถ่วงโลกท่มี ตี ่อน้ำหนัก ใบงาน ใบงาน นอ้ ยร้อยละ 70
ของวตั ถุ แบบประเมิน
ดา้ นด้านทกั ษะกระบวนการ(P) พฤติกรรม ตรวจคำตอบจาก ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
1) คำนวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกบั กฎ ใบงาน น้อยรอ้ ยละ 70
ความโน้มถ่วงสากล
2) คำนวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วข้องกบั สนาม สงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์อยา่ ง
โนม้ ถ่วงโลก น้อยร้อยละ 70
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
1) มคี วามสนใจใฝร่ ู้ทางดา้ นวิทยาศาสตร์

65

บนั ทึกผลหลงั สอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน
K : นกั เรยี นสามารถอธบิ ายกฎความโนม้ ถ่วงสากล ผลของสนามโน้มถ่วงทม่ี ีต่อน้ำหนักของวัตถุ
P : นกั เรียนคำนวณปริมาณที่เก่ยี วข้องกับกฎความโน้มถ่วงสากลได้
A : นักเรยี นออกมาทำกจิ กรรมหน้าช้ันเรยี น ตง้ั ใจทำงานที่ได้รบั มอบหมายเป็นอย่างดี

ปญั หาและอปุ สรรค/ข้อบกพร่องที่พบ
เนอื้ หาในแผนการเรียนรู้ท่ี 14 นี้ คอ่ นขา้ งท่ีจะคำนวณเลขเยอะ นักเรียนจำเป็นตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งคิดเลข

ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแก้ไข
ครใู หน้ ักเรียนนำเครือ่ งคิดเลขมาดว้ ย

66

ความคิดเหน็ ของครพู ี่เลีย้ ง

ความคดิ เห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

67

แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/9

คำชี้แจง : ครผู สู้ อนประเมินพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนโดยให้คะแนนตามเกณฑท์ ่ีกำหนด

รายการการประเมิน สรปุ ผลการ
ประเมนิ

เลข ชอื่ -นามสกุล ความร่วม ืมอใน รวม
ที่ ทำ ิกจกรรม คะแนน ผ่าน ไม่

การแสดงความ ิคดเห็นตอบ ผ่าน
คำถาม

การรับฟังความคิดเห็นผู้ ่ือน
ความ ัต้งใจทำงาน

1 นางสาวกฤตธรี า วเิ ชยี รเครอื 2 2 22 8 /

2 เด็กชายกษิกร ถาวรวเิ ชยี ร 2 2 22 8 /

3 นางสาวจรรยมณฑน์ ปัถพี 2 2 22 8 /

4 นายจฑุ าภกั ดี จนั ทคตั 2 2 22 8 /

5 นางสาวชลกมล ดอนจนั ทร์โคตร 2 2 2 2 8 /

6 นายญาณวุฒิ ใหม่วงษ์ 2 2 22 8 /

7 นางสาวณฎั ฐณิชา นภากาศ 2 2 22 8 /

8 นางสาวณฐั ธยาน์ วงตา 2 2 22 8 /

9 เด็กหญิงณัฐรวี ศรีสุนทร 2 2 22 8 /

10 นางสาวดลภคั ชยั รัตน์ 2 2 22 8 /

11 นายธนธรรม คา่ ยใส 2 2 22 8 /

12 นางสาวธนภรณ์ เสยี งใส 2 2 22 8 /

13 เดก็ หญงิ ธวัลรตั น์ ทองธริ าช 2 2 22 8 /

14 นางสาวธาริน หาญณรงค์ 2 2 22 8 /

15 นางสาวนภสร ไชยมงคล 2 2 22 8 /

16 นายนราธร วงษศ์ รวี อ 2 2 22 8 /

17 นายบรุ วชิ ยา รงค์ทอง 2 2 22 8 /

18 นายปฏิภาณ เบย้ี วทุ่งน้อย 2 2 22 8 /

19 เด็กหญงิ ปพิชญา ภกู องไชย 2 2 22 8 /

20 นายพศวตั ศรีขดั เค้า 2 2 22 8 /


Click to View FlipBook Version